Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ เม.ย. 27, 2024 12:40 pm

หน้าเว็บบอร์ด ส่วนของผู้เล่น SMN FanCard FanArt & FanFic SMN VR TAG TURN (THE FINAL ACT):Sub-Turn 96.5 Final Act Tile

สำหรับลงรูปแฟนอาร์ตและนิยายแต่งเองของชาวSMNครับ

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 09 Memory

โพสต์โดย my comptuer เมื่อ ศุกร์ ธ.ค. 18, 2009 6:01 pm

ผมอยากให้เป็นมากกว่าชื่อไทยคับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
my comptuer
0
 
โพสต์: 151
Cash on hand: 0.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 09 Memory

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ ศุกร์ ธ.ค. 18, 2009 6:57 pm

my comptuer เขียน:ผมอยากให้เป็นมากกว่าชื่อไทยคับ


เอิ่มคือ หมายถึงอะไรอ่าครับ ที่ว่าเป็นมากกว่าชื่อไทย หมายถึง ชื่อตัวละครให้เป็นชื่อ ออกไทยๆ
หรือว่าให้อะไรเป็นไทยครับ งง ::009::



ว่าแล้วเพื่อไม่ให้เปลืองกระทู้ดังนั้นขอเมนท์สครีมบทที่ 09 นี้เพิ่มไปเลยละกัน
ที่จริงบทนี้สั้นมากๆเพราะเวลาไม่อำนวยเท่าไหร่ ชื่อตอนที่ตั้งเลยออกมาแบบสิ้นคิดสุดๆ memory สั้นๆตรงๆตัว
เหอๆ สรุปตอนนี้อดีตของ อิส เปิดเผยออกมาแล้วนะคร้าบ (คงไม่โดนอุ้มเพราะไปเฉียดสามชายแดนนั่นหรอกเนอะ
อุตส่าเปลี่ยนเป็นอัลวิส แล้ว อันดับต่อไปพื้นที่ก้ำกึ่ง ที่สถิตย์ของ เรราเย่ เหอๆ)

ว่าแล้วมาต่อสครีมกัน ที่ไม่ให้บทพวกหนุมาน เลย เพราะว่าถ้ามีไปมันก็ไม่ใช่การดวล แต่เป็นการใช้อสูรสู้กับอสูรอยู่แล้ว
ดังนั้นในเมื่อพวกเทพๆอย่าง Master Ceremony ออกโรงแล้ว็คงรู้ผลอยู่ดี เลยไม่อยากยืด
ว่าแล้ว รู้สึกจะยังไม่มีใครสังเกต ตอนนี้ อิสคุง จิตตกไปแว้ว แต่อันที่จริงนั่นคือบุคลิคที่ 4 อันเป็นของธาตุน้ำนั่นเอง
ครับหุๆ เวอร์ชั่นนี้มาแนวมืดมนจริงๆ ว่าแล้ว ฝากตัวอย่างตอนต่อไปทิ้งไว้ก่อนละกันครับ

ครั้งหน้าหน้าขึ้นตอนเลข2หลักแว้วว วู้วววว

ตัวอย่างตอนต่อไป

Next Sub-turn 10 Mind?(จิตใจ)
" คงไม่รอดแล้วล่ะ...ลองโดนเฟสตูมอส กลืนกินจิตใจเข้าไปแบบนี้แล้ว.... "
" คุณเองสินะที่เป็นเจ้าของพลังแห่งความสมดุลนั่น "
" เคียว.....ขอยืมสำรับนายหน่อย "
" เธอน่ะ....อยู่ที่นั่น...ใช่รึเปล่า... "
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 09 Memory

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ อังคาร ธ.ค. 29, 2009 3:26 am

โฮ้ โหะๆๆๆ ในที่สุด เจ๊ก็สอบเสร็จซะที จะปีใหม่ ไปเที่ยวไหนดีเนี่ย ::030::

วายตายแหล่ว ลืมไปยังเที่ยวมิได้ เพราะโปรเจค Crisis Valkyrier สเปลเชี่ยล นิหน่า
ว่าแล้ว คราวนี้เจ็มาไม่พูดพร่ำทำเพลงแต่ขอเอา ภาพตัวอย่างจาก op และ ed มาแปะ สปอยกันก่อนเล้ย~~

op
รูปภาพ


และ Ed
รูปภาพ


หุๆ โหลดโหดไปนิดเน้อ

ว่าแล้วขอสครีม op กันซักหน่อย แหม่ เห็นตัวอย่างแล้วอยากจะดูตัวเต็มเร็วๆแล้วซิ แต่กองงานฝ่ายศิลป์
มันอุบไว้ เค้าไปขอเกรม่อนคุงแย้ว แต่มันไม่ยอมอ่า กลัวว่าเราจะเอาไปสแปม หรือปล่อยหลุดเหมือนตอน op ของ Vr Tag
แต่เอาน่า ยังเจ๊ก็พึ่งเสน่ห์ อันเป็นพรสวรรค์ของเจ๊(เรอะ!) อ่อยเหยื่อจน เจ้า วาการุรุม่อน ที่อยู่ฝ่ายทำ op ed
มันจนได้ ภาพแคปตัวอย่าง ของทั้ง op และ ed มาเลยล่ะจ้า

ว่าแล้วเข้าเรื่องเลยดีกว่า

จากที่ ดูภาพแคปตัวอย่างมา จะเห็นได้ว่า ภาคนี้ตัวละครเก่าขนกลับมาซะเกือบครบเลย ไม่แน่ใจว่าครบไหม
เพราะมันแคปมาแค่บางส่วน ว่าแต่เห็นแอบ กรี้ดอย่าง ภาคนี้มันมีครอสโอเวอร์อีกแล้ว ค่าเห็นช่อง
ตรงที่เป็นฉากมีโซ่เยอะๆมิฮะ นั่นล่ะฮ้า ที่คล้ายๆกับ โซ่ในภาพของ โยไร จากภาค Y Cross เห็น
ชื่อสีเงิน ลอยหลาอยู่ในเฟรมเลย SWEN คุง ผู้เกรี้ยวโกรธ จาก วายครอสซีต้า จะมาโผล่ด้วยเรอะ

ที่สำคัญไหงตอนข่าวลือแรกมา บอกว่า ไอจัง จะไม่มีบทไง แล้วมาไงฟระนั่น ตัวเบ้อเร่อ
แถมตัว คุณชี จะอัพเกรดตัวเอง จากอัศวินเฟิร์นกอลโลจิ๊บจ๊อย(จิ๊บจ๊อยแน่เรอะ ภาคซีรี่ย์อัดเฟนท์ร่างสุดยอดน่วมได้นะเฟ้ย!!)
มาเป็น วอลคีเรีย กับเค้าด้วยแหะ เจ็ลองพยายามซูมมากที่สุดเท่าที่จะมากได้แล้ว เห็นคคำว่า วอลคีเรีย หลาเลยอยู่ในการ์ดน่ะหุๆ
::006::
ส่วนอีกคน หน้าเก่าที่บทโคตรจืดจางในซีรี่ย์ ไรด์คุง คราวนี้ก็กลับมาด้วยแหะนึกว่าเลิกเป็น วอลคีเรีย ไปเป็นอาแปะ
ขายของเล่นแล้วซะอีก ว่าพี่แกจะกี่ภาคๆไม่เคยพ้นต้องเป็นอาวุธขว้างตลอดเลยเรอะ

เจ๊ R2 มาคราวนี้ใ่ช่ย่อยแหะ สงสัยคราวนี้กะมาใช้ชื่อเต็ม ราชาฟ เรล แหงแซะ
ส่วนพวกตัวละครใหม่ ก็มีโผล่มานิดๆหน่อย ยังบอกไม่ได้ว่าใครบ้างหว่า

แต่เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ไอ้รูปการ์ด เฟนท์คุง กับ เรกกะ ที่เคยปล่อยมานั่นจะเอามาใช้ในภาคนี้แน่นอน ฮ้า~~~


ว่าแล้วไหนๆเก๊าะเขียนมาถึงนี่แหล่ว มาต่อกันที่ Ed บ้างดีกว่าฮ่ะ

จาก ภาพเดาว่า จะเป็นภาพของ คู่แต่ล่ะคู่กับ อาวุธประจำตัว อย่างรูป ที่เรกกะ ลอยมามอง ป้า R2 นั่นก็รูปหนึ่งแล้วอิๆ
(สรุปนายเลือกป้าสินะเรกกะ) จากที่ดูๆแล้ว ใน ed พี่สาวเรกกะ ท่าน เซน่าซามะ มาคราวนี้ท่าจะลุยเอง
ไม่มาลอยไปลอยมาแล้วไปเป็นบอสซะเองเหมือนภาคซีรี่ย์แล้วแหะ เพราะเห็น ไครซิสเซอร์ ของคุณเธอชัดแจ๋วเลย
ชัวร์ คุณท่านต้องเป็นวอลคีเรียกับเค้าด้วยแหงแซะ ว่าไปไมตัวละครภาคเก่ากลับมา มันเป็น วอลคีเรียกันเกือบหมดเลยเนี่ย

โอย เห็นภาพแล้วอยากจะลงแดง อ๊าค มาเร็วๆซีว้อย ฝ่ายภาพ ประกอบอย่างฉาน โดนปลดระวางชั่วคราวให้ไปจัดการ แต่ VR Tag
แบบนี้มันว่างนะเหวย ภาพของ Sub 10 ถึง 11 เสร็จหมดแล้ว ว่างว้อย~~~

อ้อเกือบลืม ซานจัง พี่สาวเฟนท์คุง ก็มาด้วยแหะถึงจะไม่เห็นชื่อคุณเธอ ก็เถอะ แต่นางหูแมวสีดำผมทอง คนนี้มันมีแค่คนเดียวแหละ แถมแทบไม่เปลี่ยนไปจากภาคซีรี่ย์เยย แค่เปลี่ยนชุดคอส เท่านั้นเอง ::023::

สรุป ภาคนี้ท่านอาจได้เห็นการรีรัน ตัวละครชนิดเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีอะไรเพิ่มเลยนี่หว่า เอาชองเก่ามาหากินชัดๆ
เลยก็ว่าได้ ดีหน่อยก็ เรกกะ กับเฟนท์ เนี่ยแหละ ได้เกราะใหม่ อ้อ ท่านเซน่า ซามะ ด้วย

อีกแค่ สามวันเท่านั้น อีกสามวัน จะได้ดูแย้ว รอต่อปาย~~ จบการสครีมแอนสปอยแต่เพียงเท่านี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 09 Memory

โพสต์โดย Palmon เมื่อ อังคาร ธ.ค. 29, 2009 3:38 am

อุ กรี๊ดดดดดดด~~~ มันจะมาแล้ว ไครซิสวอลคีเรีย สเปเชี่ยล~
ว้าว สเวนคุง มาด้วยแบบนี้ ก็หมายความว่า ภาค วายครอสซีต้า เฮียแกไม่ได้ ตายอ่ะดิ เห็นเข้าไประเบิดตัวเอง
ในท้อง ดีปพิทเดม่อน รอดมาได้ไงนิ อึดจริงๆ ว่าแต่ยุคพวกเฮียแก มันก่อนยุคของ เรกกะ เป็น ร้อยๆปีเลยนิหว่า
จะมาไงอ่ะ เอ๊ะ หรือว่า ACE จะเปิดมิติพาแหกมาครอสโอเวอร์ล่ะเนี้ย ::036::

ภาคนี้ ลอว์เรนซ์คุง จะมาไหมหนอ อยากให้มากันให้หมดเลย เอาให้มันเจนเนเรชั่นออฟ ทาลิวิลย่า ในฐานะที่เป็น
ซีรี่ย์สุดท้ายของ ทาลิวิลย่า ที่หลังจากนี้จะไม่เขียนต่ออีกแล้ว(จนกว่ามันจะออก ซอง ดราโก 4 นั่นล่ะหมดมุขแหล่ว เขียนมาจนไม่เหลือไรจะเขียนแหล่ว แทบจะต้องขุน ซีนาส จอมกร่าง ของซอง ดราโกสาม มาเป็นพระเอก
ในซีรี่ย์ต่อไปแล้วล่ะเนี่ยถ้าจะทำต่ออ่ะนะ)

ว่าแต่ หนูตาไม่ฝาดใช่ไหมคะ รุ่นพี่การุรุ ขา ไมหนูเห็นใน op มีป้าสองคนอ่ะ พล็อตแบบนี้มันคุ้นๆนา เหอๆไม่เอาไม่พูดดีกั่ว
เดี๋ยวจะพาลหมดสนุกซะก่อน ว่าแต่อยาก่อานเร็วๆจังเยย ง่า ::023::
Palmon
0
 
โพสต์: 33
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 09 Memory

โพสต์โดย boy เมื่อ อังคาร ธ.ค. 29, 2009 6:02 am

::030::
โอ้ววววว อีก 3 วัน!!!
3 วันเท่านั้น
ตัวละครออกเป็นการ์ดใหม่...เตรียมสูบ หึๆๆๆๆๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Sub-turn 10 Mind?(จิตใจ)

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ อาทิตย์ ม.ค. 10, 2010 11:52 pm

Sub-turn 10 Mind?(จิตใจ)

ปี พุทธศักราช 2702 โลกในยุคนี้ ถูกกล่าวขาน กันในว่าเป็นยุคแห่งอารยเวทยาการ ซึ่งเป็นโลก
หลังจากยุคโลกไร้พรมแดน จากการประสบกับปัญหาพลังงาน ขาดแคลนได้ถูกแก้ไขด้วยการค้นพบพลังงาน
บริสุทธิ์ และมีอย่างไม่จำกัด M.A.G.I.C. (Mystique Aeon Generatic Impracticable Controller)
พลังงานควบคุมตัวตนอิสระที่ไม่อาจระบุได้ หรือ เรียกกันในอีกชื่อว่าพลังงานเวทมนต์ ……………….
…………………………………..



โรงพยาบาลตากสิน

ภายในห้องพักผู้ป่วย ของ ธนัท เค้าและ มาริน่า ได้แต่จดจ้องอยู่กับสภาพที่ดูอิดโรย ของ เคียวและ เพื่อนสาว เฟย์
ร่างของทั้งสองเปียกชุ่มโชกไปด้วยน้ำที่ละลายจากหิมะที่เกาะตัวพวกเค้ามา ราวกับพึ่งไปกลิ้งคลุกบนพื้นหิมะมา
ยังไงยังงั้น

“ ช…ช่วย…ช่วย เฟย์ ที…แฮ่ก….แฮ่ก… ”
เคียว เปรยเสียแผ่ว อย่างอ่อนแรงก่อนจะฟุบลงไปพร้อมกับร่างของ เฟย์ ที่เค้าประคองมา

“ เคียว! เฮ้!! เคียว!! ”
เสียงของ ธนัท ดังก้องขึ้นก่อนทุกอย่างจะเริ่มพร่ามัว จนมืดสนิทไปในที่สุด

……………….
………………………..
…………………………………
เขตฝั่งแม่น้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาทั้ง สองฝั่งบัดนี้น้ำในแม่น้ำ ซึ่งเคยเย็นจัดจนเป็นน้ำแข็ง เมื่อไม่นานมานี้
กลับท่วมท้นทะลัก ล้นเอ่อขึ้นมาบนฝั่ง ลมหนาวที่เคยพัดอย่างเอื่อยเชื่อย ผลันกลายเป็นพายุหิมะ ในบัดดล
ท่ามกลางเสียงคำราม ของอสูรขนาดยักษ์ ถึงสามตนด้วยกัน สามอสูรเทพ อันได้แก่

อสูรปฐพี บีฮีมอท(Behemoth) อสูรรูปร่างคล้ายช้างแมมมอส แห่งบรรพกาล มีพลังกายช้างสาร
หนึ่งย่างก้าวของมันทำให้ผืนแผ่นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งแถบ
รูปภาพ
อสูรวารี เลวีอาทาน(Leviathan) อสรพิษยักษ์แห่งสมุทร นาวาอสูรที่จะนำพาน้ำท่วม และ ลมหนาวเข้าปกคลุมโลก
รังค์สรร อาณาจักรแห่งความหนาวเหน็บ
รูปภาพ
อสูรนภา ซิส(Ziz) อสูรวิหกผู้มีปีก อันกว้างใหญ่ หากแต่ปีกอันแท้จริงนั้นมีจนาดใหญ่พอที่จะโอบอุ้มทั้งท้องฟ้า
อาจกล่าวได้ว่าปีกของ ซิส คือ ท้องฟ้าที่หมองหม่น ดังเช่นในเวลานี้ก็เป็นได้
รูปภาพ

“ หนอย!! ต้านมันเอาไว้ให้ได้ โดมินิก้า ”
โคทาโร่ ตะโกนสั่งให้ อสูรอัญเชิญของตน เข้าไป โจมตี ใส่ อสูรเทพ เลวีอาทาน ที่แหวกว่ายกระเสือกกระสน อยู่ใน
แม่น้ำ เนื่องจาก น้ำตื้นเกินไปกว่าที่มัน จะว่ายได้ การตกของหิมะ จึงเริ่มถี่ขึ้น และไม่นาน นอกจากพายุหิมะ
คราวนี้ กลับมีฝนตกลงมา อีกพรวน ทั้งหิมะ และ สายฝนที่สาดกระหน่ำลงมาพร้อมกับโหมมาด้วยพายุ
อันบ้าคลั่ง ช่วยเพิ่มระดับน้ำในแม่น้ำ จนเอ่อล้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ

“ ไม่ไหว ลำพังแค่พลังของพวกเรา เอาสามตัวนี้ไม่อยู่แน่ ”
ศรี สบถ ขณะ ที่ลากขา วิ่งแหวกน้ำที่ล้นท่วมขึ้นมาบนฝั่ง ไปพร้อมกับ หิ้วคอเสื้อ โคทาโร่ ลากตามตัวเองมาด้วย
ก่อนจะถูก หางของ เลวีอาทาน ที่สะบัดมา ทุบริมตลิงของฝั่งจนเละเป็นแถบ

“ ระวังตัวหน่อยสิ จะเอาแต่รุกอย่างเดียวไม่ได้หรอก กับเจ้าพวกนี้น่ะ ”
ศรี เทศใส่ โคทาโร่ ไปทีหนึ่งที่คิดเอาแต่จะบุกจนเกือบถูกบี้เละไปแล้ว หากเค้าไม่ช่วยเอาไว้

“ ค…ครับ! ”
โคทาโร่ รับคำ ก่อนจะรีบวิ่งตามศรี ออกห่างจากฝั่ง โดย ให้ โดมินิก้า ของเค้า คอยดึงความสนใจของ เลวีอาทานไว้

“ ตอนนี้เราต้องรีบไป สมทบกับกลุ่มของ ภูเขา ก่อน จากนั้นค่อยไปรวมกลุ่มกับ พวกฟรานซิสก้า ที่ไปผนึก ซิส
บนตึกฝั่งโน้นอีกที ”
ศรี อธิบายแผนการไปเรื่อยขณะที่ วิ่งนำ อ้อม ตรอกโกดังของท่าเรือ เพื่อจะออกให้ห่างจาก รัศมีการอาละวาดของ
เลวีอาทาน โดยมี โคทาโร่ วิ่งตามมาติดๆ

“ ว่าแต่กลุ่มเรามี สามคนไม่ใช่เหรอ นายอยู่ ฉันอยู่…จริงสิ แล้วไอ้เจ้า อนุชิต มันหายไปไหนเนี่ย!? ”
ศรี ที่ฉุกคิดขึ้นมาได้ถึงจำนวคนในกลุ่มของเค้า ซึ่งมี คิระ (ชื่อจริง อนุชิต) ตามมาด้วยนั้น
แต่ตอนนี้เค้ากลับหายไปจากกลุ่มเอาเสียดื้อๆ

“ ถ้าหมายถึงรุ่นพี่ คิระ ล่ะก็อยู่นู่นน่ะครับ ”
โคทาโร่ ตอบพลางชี้กลับไปยัง บริเวณที่ อสูรอัญเชิญของพวกเค้ายังปะทะกับ เลวีอาทาน อยู่
ที่นั่น ผู้พิทักษ์ผนึกแห่งเลกดีทีโอ(The Guardian of Lexdetheo Seal) อสูรอัญเชิญของ คิระ
ยังคงสู้อยู่กับ เลวีอาทาน โดยมี เจ้าตัว ยืนอยู่ บนไหล่ ของมันด้วย
รูปภาพ


“ อสูรเทพ งั้นเหรอ น่าสนดีนี่ สิ่งที่เป็นสุดยอด ฉันคนนี้จะโค่นมันให้หมดเอง
เพราะฉันคือผู้ยืนอยู่บนจุดสุดยอดของทุกสรรพสิ่ง ผู้กวัดแกว่งดาบแทนพระผู้เป็นเจ้า!! ”
คิระ เปรยอย่างคึกคะนอง แบบที่ไม่เป็นมาก่อนเลย

“ ด…ดูเค้าจะมีความสุขดีนะครับเนี่ย~….. ”
โคทาโร่ เปรยลอยๆ กับความรู้สึกทึ่ง เกี่ยวกับความสนใจของ คิระ แต่ ศรี นั้น
ไม่เออ ออ ไปกับเค้าด้วย

“ เฮ้ย!! เจ้าบ้า! ไหงงี้ล่ะ ใครใช้ให้แกไปสู้มันฟะ ตอนนี้เราต้องรีบรวมพลกันก่อนนะเฟ้ย!!! ”
ศรี ตะโกนเสียงลั่น สั่งให้ คิระ รีบตามพวกเค้ามา แต่ดูเหมือน คิระ จะสนใจกับการได้ประมือ
กับ อสูรเทพ มากกว่า

“ เหอะ! เอาอีกแล้วนะหมอนี่ งั้นช่างหัวมัน ตอนนี้เรารีบไปกันเถอะ ”
ศรี บ่นก่อน จะตัดบทหนีเอาดื้อๆ

“ อ…เอ๋ แล้วไม่รอพี่คิ… ”
“ ช่างมันเถอะน่า!! หมอนั่นมันเก่งเกินมนุษย์มนาอยู่แล้ว เรารีบไปจัดการเรื่องของเราก่อน
ค่อยกลับมาเก็บศพมันทีหลังก็ได้ ”
“ อ…เอ๋ ศ..ศพ เอ๊ะ ยังไงครับเนี่ย ”
“ เลิกสงสัยไร้สาระได้แล้ว รีบตามมาเถอะน่า!! ”
“ ค…คร้าบ~~ รอด้วยสิ พี่ศรี!! ”

ทั้งสอง จึงออกวิ่งต่อไป โดยทิ้งให้ คิระ ที่สนใจแต่เรื่องสู้นั้น คอยถ่วงเวลา ให้ไป

…………………
………………………
………………………………….

สะพานพุทธฯ

ไม่ไกลจาก เขตการปะทะบริเวณ แม่น้ำของ เลวีอาทาน สะพานข้ามแม่น้ำใหญ่สร้างด้วยโครง สีเขียว
ทั้งแถบ ที่บัดนี้ปกคลุมไป ด้วยหิมะ และยังเปียกโชกด้วยน้ำฝนอีก สภาพอากาศในตอนนี้ดูจะมั่วซั่วไปหมด

กลุ่มของ ฟรานซิสก้า หนึ่งในองครักษ์ทั้งสาม ของ มาริน่า นักเรียนสาวแว่นรุ่นพี่ผู้มีผมสีเขียวยาวปรกไหล่
ในกลุ่มที่เธอเป็นผู้นำนี้ มีรุ่นน้อง ไดสุเกะ ที่เป็นองครักษ์เช่นเดียวกัน และ แอน นักเรียนสาวลูกครึ่งอเมริกา

ที่ขึ้นชื่อสำเนียงเหน่อทั้งไทยทั้ง อังกฤษ ทั้งสามยืนทานแรงลมแรงฝนที่กรรโชกอยู่บนสะพานแห่งนี้
ตามคำสั่งที่ได้รับมาให้จัดการกับต้นตอพลังงานที่ทำให้เกิดสนามเวทย์มนต์แรงสูง

จนสภาพอากาศปั่นป่วนไปหมด ทว่า ทันทีที่พวกเธอมาถึงได้ไม่ทันไร ซิส อสูรเทพแห่งนภา
ก็ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าพวกเธอเสียแล้ว


“ หวาย!!! ”
แอน ร้องเสียงหลง ขณะที่ไถลไปกับแรงลม ที่พัดโถมมาอย่างบ้าคลั่ง โชคยังดีที่ ไดสุเกะ
ฉุดมือเธอเอาไว้ทัน โดยเอามือยึดเกาะกับ ราวสะพาน
“ ไม่เป็นไรนะ แอนซัง… ”
ไดสุเกะ ถามขณะที่ตัวเค้าเองตอนนี้ก็แทบจะ เกาะราวสะพานเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

“ แง~ ตอนนแรกก็หิมะตกมาตอนนี้ไหงมันกลายเป็น พายุแบบนี้ล่า~ แถมมีทั้งลมมั้งฝนครบเลยอีกตะหาก
อยู~~~ เวรี่ เวรี่ โคลด์(Very Very Cold) ”
แอน บ่นป่าวๆ เสียงสั่นด้วยความหนาวเหน็บจาก แรงลมและน้ำฝนที่ชุ่มไปทั้งเสื้อของเธอ จนทำให้
อุณหภูมิรอบตัวเธอเย็นลงไปอีก

“ โซปราโน่!! ” /Yes Sir and Get Set/
ฟรานซิสก้า ตะคอกเสียงลั่น เพื่อสั่งให้ โซปราโน่(Soprano) Note รูปแบบ ดาบของเธอ ทำการแสตนบายน์
เป็นปลอกแขนสำหรับดวล ก่อนจะดึงเอาการ์ดซีลออกมาจากช่องของสำรับบนปลอกแขน

“ ออกมา ฟรานเซสก้า!! ”
สิ้นคำ การ์ดซีลในมือของเธอก็ถูกโยนออกมา พร้อมกันกับที่ เฟืองซึ่งติดอยู่บนปลอกแขน หรือ ไดนาเมส(Dynames)
ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับดึงเอาประจุพลังงานเวทย์ที่มีอยู่ในชั้นบรรยากาศ มาใช้ ตัวเผืองเริ่มหมุนปั่นและ
สร้างละอองพลังงานเวทย์สีเขียวออกมา ก่อนที่ การ์ดซึ่งถูกโยนออกไปจะดูดซับเอาละอองเหล่านั้นไว้

และ คลายผนึกออกพร้อมกับ แสงสว่างที่เจิดจ้าขึ้นก่อนจะ ปรากฏร่างของ นางฟ้าแห่งดาบ
ฟรานเซสก้า(Francessca, the Angel of Swords)
รูปภาพ

“ อ…แอนซัง พวกเราเองก็ อัญเชิญ อสูร ออกมาด้วยเถอะ! ”
ไดสุเกะ ออกความเห็น ก่อนจะ ออกแรงแขนขวาที่จับราวสะพานเอาไว้ ฉุดตัวเค้าและ แอน
ขึ้นมาหลบลม หลังเค้าค้ำสะพาน เมื่อทั้งสอง สามารถทรงตัวได้ แล้ว ทั้งคู่จึง หยิบเอา จี้ห้อยคอ
ซึ่งเป็น Note ของตนขึ้นมาเตรียมไว้

“ เชลโล! ”/Roger! ,Get Set/
แอน เรียกชื่อ Note ของเธอ เชลโล่(Shello) ก่อนที่มันจะรับคำและ สแตนบายน์เปลี่ยนเป็นปลอกแขนให้เธอ

“ อัลโต้! ”/Ja Wohl , Sich Bereit Halten/(รับทราบ, Get Set)
ไดสุเกะ ออกคำสั่งให้ Note ของเค้า อัลโต้(Alto) เริ่มสแตนบายน์ บ้างทันทีที่
ทั้งคู่ สแตนบายน์ Note ของตนแล้ว จึงหยิบเอา ซีลการ์ดขึ้นมาร่าย
เพื่อส่งไปเป็นกองหนุนให้ กับ ฟรานเซสก้า ของ รุนพี่ฟรานซิสก้า ทันที

“ คัมมอนด์ (Come on)ไอซิเคิลฮาวน์(Icicle Hound) ”
แอน ประกาศ พร้อมกับอัญเชิญ อสูรเยือกแข็ง ไอซิเคิลฮาวน์ ออกมา ก่อนเธอจะขึ้นไปขี่บนหลังของมัน
และวิ่งฝ่าแรงลมออกไป ด้วย ไอซิเคิลฮาวน์ เป็นอสูรสังกัดธาตุแห่งน้ำและชำนาญในเขตพื้นที่หนาวเหน็บ
มันจึงมีพละกำลังมากพอจะวิ่งฝ่าแรงลมกรรโชกนี้ไปได้อย่างง่ายดาย

รูปภาพ

“ มาเลย ทากะ (Taka, the Dark Jaguar) ”
สิ้นคำ ไดสุเกะ สมิงเสือดาว ทากะ ได้ถูก อัญเชิญ ออกมา เค้าและ ทากะ จึงออกวิ่งฝ่าแรงลมตามไปสมทบทันที
ด้วย ความที่ ไดสุเกะ เป็น DNA-Changer อยู่แล้ว เมื่อไม่ต้องคอยดูแล แอน การฝ่าแรงลมโหมนี้ก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับเค้า
ไปเลยทีเดียว เช่นเดียวกับ จอมโจรสมิงเสือดาวลมกรด ที่วิ่งกึ่งกระโดดตามมาติดๆ

รูปภาพ

“ พร้อมแล้ว ใช่ไหม? ”
ฟรานซิสก้า หันมา ถามรุ่นน้องทั้งสอง ที่ตามมาสมทบ ทั้งคู่ พยักหน้าให้เป็นสัญญาณ

“ ดี…งั้นก็ลุยกันเถอะ!! ”
สิ้นคำ ทั้งสามจึงพุ่งตรงเข้า หา ร่างของ อสูรเทพ แห่งนภา ที่กำลังอาละวาด

………………………..
…………………………………
…………………………………………….
บ้านร้าง

" เธอน่ะ....อยู่ที่นั่น...ใช่รึเปล่า... "
เสียงเปรยของ อิส ดังขึ้นก่อนที่ มาวิน อสูรจอมเวทย์ ของเค้าที่ครั้งนี้มาในรูปแบบ
จอมเวทย์วารี(Zechariah Marvin, the Wonderer)จะโจมตี เข้าใส่ ลูเซีย ด้วยคลื่นน้ำแรงดันสูง
แม้ ลูเซีย จะหลบได้ทันหวุดหวิดก็ตาม แต่ทว่าอานุภาพทำลายล้างของมัน ที่ซัดซะจนผนังบ้านไม้ผุๆ
นั้นโหว่เป็นช่องเบ้อเร้อได้ ก็ทำเอาเธอ เหวอไปเหมือนกัน
รูปภาพ

“ ด..เดี๋ยวก่อนสิ อิส ทำไมต้องโจมตีใส่ฉันด้วยล่ะ นี่! ”
ลูเซีย ถามทว่า อีกฝ่ายกลับไม่ตอบรับใดๆกับเธอเลยซ้ำยังโจมตีเธอ ใส่มาอีกระลอก
ทำเอา เธอเริ่มจะทนไม่ไหวกับ อากัปกิริยาของ เค้าแล้ว

“ เธอน่ะ….อยู่ที่นั่นใช่รึเปล่า? ”
คำถามเดิมๆถูกถามขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกแม้เธอจะตอบไปหรือไม่ก็ตาม อิส ก็ยังคงเลือกที่จะโจมตีใส่เธอต่อไป

“ อีกแล้วเรอะ! ก็บอกแล้วไงว่าอยู่นี่น่ะ นายนี่ขอทีเหอะ จะช่วยทำตัวให้เป็นผู้เป็นคนกับเค้าหน่อยไม่ได้รึไงยะ ”
ลูเซีย สบถ ด้วยความรำคาญ ก่อนจะหยิบเอาจี้ห้อยคอรูปหัวใจอันเป็น Note ของเธอ ขึ้นมา

“ ไมค์ สแตนบายน์ ”/Get Set/
ลูเซีย ออกคำสั่งกับ ไมโครโฟน(Microphone) Note แบบจี้ห้อยคอรูปหัวใจของเธอ ก่อนที่มันจะรับคำ
และเปลี่ยนรูปให้เป็นปลอกแขนสำหรับดวลการ์ดแบบทุกครั้ง และเตรียมจะดึงการ์ดเรียกอสูร ออกมา
สู้กับ มาร์วิน ของอิส ทว่า Note ของเธอ และของ อิส กลับส่งเสียงขึ้นมาซะก่อน

/Duel Mode Set/
เสียงดังกังวานขึ้นจาก ทั้งสองเครื่อง ก่อนที่ อสูรอัญเชิญ มาร์วิน จะสลายเป็นละออง กลับคืนสู่รูปของ
การ์ดผนึกตามเดิม

{ Duel Engine งั้นเหรอ…คงเป็นเพราะ ฝ่ายโน้น ก็สแตนบายน์ Note ของตัวเองเอาไว้
เลยทำให้ Note ของเราพอแสตนบายน์ตาม ก็เลยคิดไปเองนี่เป็นการดวล เลยยกเลิกระบบ อัญเชิญ ของ อีกฝ่ายไป }
ลูเซีย คิดขณะที่พึ่งได้พักหายใจจาก การที่ระบบของเครื่อง Note ช่วยเธอเอาไว้ได้ไม่ทันไร
ทางด้านอิส กลับเริ่ม จั่วการ์ดขึ้นมา จนครบ 7 ใบแทน และเริ่มทำการ ดวลต่อทันที

[Iss Status; Hand:Seal 5 ,Mystic2 Mp:5/7 Shrine 0/12 ]
[Lucia Status; Hand:Sea5l ,Mystic2 Mp:7/7 Shrine 0/12 ]


“ รอบ…ของ…ฉัน….ให้ Cost Mp3 อัญเชิญ มาร์วิน ออกมาที่ At Line ”
สิ้นคำ จอมเวทย์มาร์วิน รูปแบบไร้ธาตุสังกัด (Zechariah Marvin) ก็ถูกอัญเชิญ ออกมาที่แนวหน้า
รูปภาพ


“ เอะ…เอ๋ นี่คิดจะดวลกันจริงๆเหรอเนี่ย! ”
ลูเซีย อุทานกับ การที่ อีกฝ่าย กลับตัดมาดวลเอาเสียดื้อๆทั้งอย่างนั้น

“ และ Cost Mp อีก 2 ร่าง เนเชรัล สปิริต แฟรี่(Natural Spirit Fairy) ลงมาไปที่ Df Line ”
ทว่า อิส ก็ยังคงเดินหน้าเล่นในรอบของตนต่อไปโดยไม่สนท่าทีของลูเซีย อันที่จริง ตัวเธอก็รู้สึกด้วยซ้ำว่า
นี่ไม่ใช่บุคลิกปกติของเค้า เพราะสภาพท่าทางนั้นดูนิ่ง เกินกว่าทุกครั้ง ภูตน้อยซึ่งแต่งตัวด้วยใบไม้หลากสีสัน
แทนอาภรณ์ ถูกอัญเชิญ ออกมา ยังแนวหลังของ มาร์วิน รอบกายของภูตนั้น มีละออง โปรยปรายออกมาตลอดเวลา
ละอองนั้นเดิมเป็น สีชมพูก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีฟ้าแทน

รูปภาพ

“ จากนั้นให้ ทั้งสองตัว….รวมร่าง…กัน ”
สิ้นคำ ภูตน้อยก็สลายร่างของตนเป็นละออง และไปหลอมรวมเข้ากับไม้เท้าของ มาร์วิน
หลังจากนั้น ที่หัวของไม้เท้านั้น ก็โปรยปรายละออง สีฟ้าของภูตตนนั้น ออกมาแทน

/Turn Change/
เสียงดังขึ้นจาก ปลอกแขนของ ลูเซีย เป็นสัญญาณว่าอีกฝ่าย ทำการเปลี่ยนรอบการ เล่นมาที่เธอแล้ว

{จบเทินร์ แล้วงั้นเหรอ หมายความว่าตาเราสินะ…ช่วยไม่ได้แหะ งั้นคงต้องดวลไปถ่วงเวลาคุยไปนี่แหละ
ขืนยกเลิกการดวลเอาไม่รู้ อีตานั่น มันจะเรียกอสูรออกมา ไล่ยิงเราอีกก็ได้}
ลูเซีย คิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะตัดสินใจตามน้ำดวล ต่อไป เธอดึงการ์ดจากกองซีลและมิสติก
ขึ้นมารวม จนครบ 7ใบ ก่อนจะเริ่มวิเคราะห์ สถานการณ์ความได้เปรียบเสียเปรียบก่อน

{ตอนนี้ ซีลของ ตานั่นรวมร่างอยู่ทั้งที่นี่พึ่งจะลงซีลมาเอง เพราะผลของ เนเชรัลสปิริตแฟรี่
ที่จะเลือกธาตุสังกัดให้ตัวเองได้ 1 ธาตุเมื่อเข้ามาในสนาม และยังเป็นซีลรองรวร้างให้กับ มาร์วิน

ได้แม้อยู่ในสนามไม่ครบ 1 เทิร์น ก็ตาม จากการดวลเมื่อวาน ทำให้เราพอจะรู้ได้ว่า ละอองแสงที่ออกจากตัวของ
แฟรี่และเอฟเฟ็ค จากไม้เท้าของ ทาร์วิน จะเป็นตัวชี้ว่าอีกฝ่าย รวมร่างด้วยธาตุอะไร แต่ยังไงซะลองเช็คดูก่อนแล้วกัน
จากที่ดูน่าจะเป็น ธาตุน้ำ แล้วค่าพลังก็…. }

ลูเซีย คิด ก่อนจะออกคำสั่งกับไมโครโฟน Note ของเธอ ที่กลายเป็นปลอกแขนดวลอยู่ในตอนนี้

“ ไมค์ ช่วยเปิดหน้าต่างแสดงรายละเอียด ของ ซีลตัวนั้นหน่อยสิ ”/Yes Sir/
สิ้นคำ และเสียงตอบรับ จอโฮโลแกรมขนาดกระทัดรัดก็ถูกฉาย ขึ้นในอากาศตรงหน้าเธอ พร้อมแจงรายละเอียดค่าพลัง
และสถานะของ มาร์วิน อย่างละเอียดเอาไว้

[Zechariah Marvin Cost: Mp3/1 At 7 Df 8 Sp3 Element:non-Element
Combine Sta:Combination Natural Spirits Fairy (Aqua Element) = Tear of Ocean At9 Mp1 ]

{ At 9 งั้นเหรอ…พอจะมีวิธิอยู่…ที่จริงจากที่ดูระดับฝีมือของ ตานี่ไม่เท่าไหร่ก็จริง ถ้าเราเอาจริงน่ะนะ
แต่ก็ประมาทไม่ได้ด้วยสิ ยังไงก็แล้วแต่ต้องคุมเกมให้ได้ก่อนจากนั้นค่อยหาทาง ไกล่เกลี่ยไปเรื่อยๆ }
ลูเซีย คิดสรุปแผนการณ์ของเธอเป็นที่เรียบร้อยจึงเริ่มเดินเกมของเธอทันที

“ Cost mp 3 อัญเชิญ อันโดรมาซ เดลิเวอร์แบนด์ ยูนิคอร์นไนท์ (Andromache, Deliver Band Unicorn Knight )
ลงมาที่ At Line ”
สิ้นคำประกาศของ ลูเซีย ซีลการ์โบนมือของ เธอก็ถูกร่ายลงมา ปรากฏร่างของ อัศวินยูนิคอร์น แห่งวงเดลิเวอร์แบนด์
หล่อนแต่งกายด้วยชุดเกราะนักรบยูนิคอร์นหญิง สีเงินและดาบประจำตัว

“ ด้วย Ability ของ อันโดรมาซ เมื่อเข้ามาในสนามสามารถ แสดง เผ่า Beast เลเวล1 ที่มี Unicorn อยู่ในชื่อใบ 1 จากกองการ์ด แล้วนำมันเข้ามาในสนามได้ ฉันขอแสดง เปเก้ ลากูน ยูนิคอร์น(Pege Lagoon Unicorn)และ
นำมันเข้ามาในสนาม ”

สิ้นคำ ลูเซีย ก็หยิบเอา การ์ดซีล จากกองขึ้นมาใบหนึ่งแล้วจึงร่ายมันออกมา ปรากกร่างของม้ายูนิคอร์น สีขาว
ขึ้นมาในสนามแนวหน้าเคียงข้าง อันโดรเมซ

รูปภาพ
รูปภาพ
“ จากนั้น Cost Mp 2 ให้ อันโดรเมซ โจมตีไปที่ มาร์วิน และให้ ability ของ อันโดรเมซ ทำงานกำจัด เปเก้ลากูนยูนิคอร์น
ออกจากเกม จากนั้น ตัว อันโดรเมซ จะได้รับค่าพลังของ ยูนิคอร์นที่กำจัดไป ดังนั้น At ของ เปเก้ลากูนยูนิคอร์น
จึงเพิ่มเป็น 12 ”
สิ้นคำ เปเก้ลากูน ของเธอ ก็สลายกลายเป็นละออง เข้าไปสถิตย์ยังดาบ ของอันโดรเมซ ก่อนจบุกเข้าหา
มาร์วิน ตรงหน้าทันที

“ Cost Mp 2 ร่าย No Attacking หยุดยั้งการโจมตีของ อันโดรเมซ ”
อิส เปรยเสียงราบเรียบ เหมือนคนไม่มีกะจิตกะใจ จะเล่นด้วย มิสติกการ์ดที่ถูกร่ายออกมานั้น
ทำให้เกิด ดาบสองเล่ม ปักไขว้ขวางทาง การบุกของ อันโดรเมซ ไว้
รูปภาพ


“ ไม่ยอมหรอกน่า Cost mp 2 ร่าย ไฮพรีสออฟเอกเคิลเซีย(High Priest of Ekklesia) ด้วยผลของการ์ดใบนี้จะทำให้สามารถ ทำลาย มิสติกการ์ดที่กำลังร่ายได้ 1 ใบเป้าหมายการทำลายคือ No Attacking ”
ลูเซีย ประกาศก่อนจะร่าย มิสติกบนมืออกไป ปรากฏร่างของนักบวชชั้นสูงขึ้นมาในสนามก่อนที่ นักบวชผู้นั้น
จะชี้นิ้วไปยังดาบที่ปักไขว้ไว้ เพลิงเวทย์ขาวพิสุทธิ์ พวยพุ่งออกจาก นิ้วของเค้า
รูปภาพ

“ Cost mp 2 ร่าย ไฮพรีสออฟเอกเคิลเซ๊ย เช่นกัน… ”
อิส เปรยพร้อมกับ ร่ายการ์ดแบบเดียวกันสวนออกมา นักบวชชั้นสูงคนที่สองโผล่ขึ้นมาบนสนาม ก่อน
จะยิงเพลิงเวทย์ ใส่นักบวชคนแรก เปลวไฟของ คนแรกจึงมอดลงก่อนไปถึงดาบไขว้ ดังนั้น การโจมตีในรอบนี้ของ อันโดรมาซ จึงถูกหยุดไว้

[Iss Status; Hand:Seal3 ,Mystic0 Mp:3/7 Shrine 0/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal4 ,Mystic1 Mp:0/7 Shrine 0/12 ]


{หยุดไว้ได้งั้นเหรอชิ…}“ หมดรอบแค่นี้!! ”
ลูเซีย ประกาศจบรอบของเธอ โดยที่การบุกในครั้งนี้เธอพลาดไป แต่ถึงยังงั้น
การ์ดที่สามารถตัด mp ของอิส ไปได้กึ่งหนึ่งก็ นับว่าตัดเกมส์ของเค้าไปได้มากทีเดียว

“ รอบของฉัน จั่วไพ่ ”
อิสประกาศรอบของตน ก่อนจะลงมือ ดึงเอามิสติกการ์ดขึ้นมาจากกอง อีกสองใบ
[Iss Status; Hand:Seal3 ,Mystic2 Mp:3/7 Shrine 0/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal4 ,Mystic1 Mp:7/7 Shrine 0/12 ]

“ ให้ มาร์วิน ย้ายลงไปที่ Df Line …. ”
สิ้นคำของ อิส มาร์วิน จึงถอยกลับ ลงมายังแนวหลัง สร้างความแปลกใจให้กับ ลูเซีย ไม่น้อย
กับการเดินหมากในตานี้

{ให้มาร์วิน ที่มีค่า พลังมากกว่าถอยลงไปเนี่ยนะ ถึงตอนนี้ อันโดรเมซจะมีค่าพลังเพิ่มขึ้นจาก Ability
ก็เถอะแต่ก็แค่ รอบเดียวเท่านั้น พอถึงรอบของ ฉันค่าพลังก็จะกลับไปเท่าเดิม หรือว่าตอนนี้
หมอนั่นไม่มีการ์ดที่จะรับมือการบุกของเรางั้นเหรอ หมายความว่ารอบนี้คงจะส่งซีลลงมาเป็นกำแพงกันเอาไว้สินะ }

ลูเซีย คิดเธอ ไตร่ตรองสถานการณ์มากกว่าทุกครั้ง ในการดวลนี้ต่างจากที่ผ่านมา เพราะคู่มือของเธอตรงหน้านี้
สามารถทำให้เธอประหลาดใจ ได้ทุกเมื่ออย่างแน่นอน และแล้ว ลางสังหรณ์ของเธอก็ถูก

แต่การคาดการ์ณของเธอนั้นผิดไป การเดินหมากในตานี้ของ อิส แปลกอย่างที่เธอคาดทว่า
ซีลที่เค้าส่งลงมานั้นหาใช่ เป็นการร่ายลงมาจำนวนมากๆเพื่อตั้งกำแพงไว้เตรียมบุกรอบต่อไป

“ Cost mp 1 ร่าย เฟนท์ นีโอเวล(Feint Neovel) ลงไปที่ At Line ”
สิ้นคำของ เค้าอสูรอัญเชิญ ที่ถูกร่ายออกมาครั้งนี้ สร้างความประหลาดให้แก่เธอเป็นอันมาก เพราะมันเป็น อสูรที่
เธฮไม่เคยเห็นหรือรู้จักมาก่อน เลย อสูรเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นสายพันธุ์สมิง แต่กลับมีหลายส่วนเป็นมนุษย์
มากกว่าสัตว์ป่า ที่พอจะแตกต่างก็คงจะเป็น หูสุนัขป่า ของอสูรตนนี้กระมัง อันที่จริง
ความคิดแวบแรกที่เข้ามาทันทีที่เมื่อได้เห็น หน้าตาของ อสูรตนนี้ เธอคิดว่ามันคล้ายกับ โคทาโร่ มากเสียด้วยซ้ำ

รูปภาพ

“ เฟนท์….นีโอเวล…ซีลนี่มันอะไรกัน? ”
ลูเซีย เปรยด้วยความสงสัย ทว่า อิส ยังคงไม่ตอบอะไร มือของเค้ายังคงจะหยิบเอาการ์ดอีกใบบนมือร่ายลงมา

“ Cost Mp 2 ร่าย คฑาแห่งความโกรธ (Mace of Ira) ”
อิส ประกาศพร้อมกับ ร่ายมิสติกการ์ดที่เธอไม่เคยเห็นอีกเช่นกันขึ้นมา คราวนี้เป็น
อาวุธตะบองเหล็กที่มีหัวตะบองเป็นสีทอง

รูปภาพ

“ และด้วย ability ของ เฟนท์ นีโอเวล เมื่อ คฑาแห่งความโกรธ เข้ามาในสนาม กำจัดการ์ดใบนี้ออกไปจากเกม จากนั้น นำเอา วอลคีเรีย ไอรา ออฟ เธิทร์เดย์ (Valkyrier Ira of Thursday)เข้ามาในสนาม และเปลี่ยนการติดตั้งของ คฑาแห่งความโกรธ มาติดตั้งที่ ไอรา ออฟ เธิทเดย์ ”

สิ้นคำอธิบายของ อิส ตะบองที่ถูกร่ายออกมา ก็ถูก สมิงหนุ่มในสนาม คว้าไปก่อนที่เกิดแสงสว่างเจิดจ้าขึ้น
ร่างขอสมิงหนุ่มถูกเปลี่ยนให้สวมชุดคลุมสีฟ้าแทน และมีโล่เหล็กล้า เพิ่มขึ้นมาด้วย

รูปภาพ

“ ไมค์ ตรวจสอบการ์ดพวกนั้นที ”
ลูเซีย รีบสั่งให้ Note ของเธอทำการตรวจสอบเกี่ยวกับ ซีลที่ร่ายมานี้ทันที ความสงสัยและ
ความกังวลประเดประดังเข้ามามากมาย ความไม่รู้ นับเป็นสิ่งที่น่ากลัว โดยเฉพาะเมื่อ มีความเป็นตายเข้ามาเกี่ยว
การมาของ อสูรที่เธอไม่รู้จักพวกนี้ อาจเป็นความพ่ายแพ้ของเธออย่างคาดไม่ถึงได้


“ และด้วยผลของ คฑาแห่งความโกรธ เมื่อติดตั้งบน ไอรา ออฟ เธิทเดย์ จะสามารถเลือกท่ารวมร่างได้ 1
ท่าจากนั้น ซีลนั้นจะอยู่ในท่ารวมร่างนั้น ฉัน ขอเลือก ท่ารวมร่างที่ 2 ทำให้ ไอรา มี At = 12 ”
อิส อธิบายความสามารถของ การ์ดที่เค้าใช้ไปพลางจดจ้อง ท่าทางรนรานของ ลูเซีย อย่างรื่นรมย์


/No Data/
“ ม….ไม่จริงน่า…ไม่มีข้อมูลงั้นเหรอแล้ว การ์ดพวกนี้มันอะไรกันล่ะ?... ”
ลูเซีย เปรยในความสับสนที่ก่อตัวขึ้นในจิตใจ กับการปรากฏของ การ์ดเหล่านั้น

“ ได้ยินรึเปล่า… ”
เสียงหนึ่งดังกระซิบ ขึ้นในหัวของเธอ มันเป็นเสียงที่ฟังดูไม่คุ้นเลย เธอหันซ้ายทีขวาที เพื่อจะมองหาต้นเสียงนั้น

“ ค..ใครกันน่ะ?! ”
ลูเซีย กระซิบ กับตัวเธอเอง โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเธอจะกระซิบทำไม ราวกับว่าสัญชาตญาณของ เธอบอกให้ทำแบบนั้น

“ ได้ยินสินะ เรียกฉันว่า Ace ก็แล้วกัน เกี่ยวกับ อสูรที่เพื่อเธอใช้อยู่น่ะ ไม่ต้องไปกังวล ฉันจะช่วยจัดการให้เองแต่ว่า… ”
เสียงนั้น ตอบกลับมาอีก และเสนอหนทางที่จะช่วยเธอ

“ แต่..แต่อะไร! ”
เธอเริ่มรน นิดหน่อยๆ และคิดว่าเธอคงเริ่มบ้าแน่ๆ ถึงได้ยินเสียงหลอนแบบนี้ ทว่าเสียงนั้นก็ตอบกลับมาอีกครั้ง

“ เธอต้องทนอยู่ให้ ครบ 3 Turn อย่าให้แพ้ซะก่อนล่ะแล้วที่เหลือฉันจะจัดการเอง ”
เสียงนั้นตอบกลับมา ข้อเสนอที่จะช่วยเธอถูกยื่นมาครบหมดแล้ว 3 รอบเท่านั้นที่เธอจะต้องเผชิญกับความประหลาดใจนี้

………………………
……………………………………………
………………………………………………………
รอบด้านนั้นมืดไปหมด ความรู้สึกรอบตัวนั้นยังคง โหวงเหวงไปมา เหมือนโลกหมุนรอบไปมา
ดวงตาทั้งสองค่อยเบิกขึ้น แสงสว่างที่เล็ดลอดเข้ามานั้นเจิดจ้า จนทำให้ ต้องปิดตาลงไปอีก
ก่อนจะพยายาม เบิกมองออก อย่างช้า เมื่อสายตาปรับชินเข้ากับระดับแสงแล้ว สภาพของห้องพักผู้ป่วย
ที่ดูไม่คุ้นเคยก็ปรากฏชัดแก่สายตา เจ้าของดวงตาคู่นี้ สะดุ้งลุกพรวดขึ้นมา จากโซฟาในห้อง ด้วยความคิด
เพียงอย่างเดียวที่อยู่ในหัวเค้าตอนนี้

“ เฟรย์…! ”
เคียว เปรยสีหน้าของเค้านั้น ซีดเซียวราวกับคนที่พึ่งฟื้นจากไข้ ความกังวลเกี่ยวกับ เพื่อนสาวของเค้า
นั้นทำให้ ใจระสับระส่ายพอดู อาการมึนงง ยังคงมีเหลืออยู่บ้างทำให้ เค้า เริ่มจะเซจนเกือบตกลงจาก โซฟา
หาก ธนัท ที่อยู่ในห้องด้วยไม่รีบ เข้ามาประคองตัวเค้าไว้ก่อน

“ เกือบไปแล้วนะ เคียว…เฮ้อ อย่างน้อยนายก็ฟื้นแล้ว ค่อยยังชั่วหน่อย ”
ธนัท เปรยก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ ธนัท….จริงสิแล้ว เฟรย์ ล่ะ เฟรย์เป็นไงบ้าง… ”
เคียว เปรยเบากับเค้า ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น ตะคอกถามด้วยความร้อนใจ ทว่า แม้จะเห็นสภาพของ
เพื่อนที่ร้อนใจถึงขนาดนี้แล้ว ตัว ธนัท เองกลับเก็บงำเอาไว้และไม่ยอมตอบคำถามของเค้า

เคียว ที่เห้นแบบนั้น แล้วจึงกระชากคอเสื้อของ เค้าขึ้นมาเค้นถาม อารมณ์ที่พุ่งพล่านขึ้นมานี้
คงจะบอกได้เป็นอย่างดีว่า ก่อนที่เค้าจะสลบไปนั้น ตัวเคียว กับ เฟรย์ คงจะไปเผชิญหน้ากับอะไรที่

อันตรายพอจะฆ่าพวกเค้าทั้งคู่ได้ และการที่ฟื้นขึ้นเพียงลำพังโดยไม่เห็น คนที่ตนอุตส่าเสี่ยงชีวิต
ช่วยกลับมานั้น ก็ชวนให้เค้ากังวลและ หงุดหงิดกับการที่ไม่ได้คำตอบที่จะช่วยให้ สงบใจลงได้

“ ตอบมาสิ ธนัท! เฟรย์…เธอ…เธอ อยู่ไหน เธอปลอดภัยใช่ไหม ตอบฉันสิ ธนัท!! ”
เคียว ตะคอกพร้อมกับ เขย่าร่างของ ธนัท เพื่อที่จะเค้นให้ตอบคำถามของเค้ามา

“ เธอ น่ะอยู่บนเตียงตรงหน้าแก นั่นไง ”
เสียงตอบประชดประชัน ดังขึ้นจาก มาริน่า ที่ยืนดูเหตุการ์อยู่ ริมห้องตรงข้ามเตียงผู้ป่วย
ซึ่ง เฟรย์ นอนอยู่บนนั้น ทันทีที่ เห็น เคียว รีบปล่อยคอเสื้อของ ธนัท ก่อนจะ รีบลุกเดินเข้าไปหา
จนชน ธนัท ล้มลุกคลุกคลานไปอย่างไม่ใยดี

“ เคียว… ”
ธนัท เปรย เค้าไม่เคยเห็นเพื่อนผู้มาดนิ่งคนนี้จะร้อนใจได้เท่านี้มาก่อนเลย ไม่สิบางทีตัวเค้าอาจะเคยเห็นมาแล้วก่อนหน้านี้
และคงไม่นึกว่าจะได้มาเห็นมันอีกก็เป็นได้

“ เฟรย์…เฟรย์ ”
เคียว เรียกพลางประคบมือของ เพื่อนสาวที่นอนไม่ได้สติบนเตียงผู้ป่วย แม้เค้าจะพยายามเรียกอยู่นาน
แต่เธอก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแม้แต่น้อย

" คงไม่รอดแล้วล่ะ...ลองโดนเฟสตูมอส กลืนกินจิตใจเข้าไปแบบนี้แล้ว.... "
มาริน่า ให้คำตอบ ที่ชวนสลดกับเค้าอย่างเย็นชาที่สุด ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้อง ประณีประนอม กับ
คนที่แทบจะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง ไปอย่างตอนนี้อีกแล้ว หยาดน้ำไหลรินลงอาบสองแก้มของ
เด็กหนุ่ม เมื่อได้รับรู้ถึงความจริงอันโหดร้าย ความจริงที่เค้าไม่อยากรู้

“ เฟสตูมอส คือวิญญาณร้ายที่เกิดจากการรวมตัวของ จิตวิญญาณที่ยังคงยึดติดกับโลกใบนี้ พอมาในยุคนี้
พลังงานที่พวกเราใช้ส่วนใหญ่คือพลังงาน เวทมนตื ที่มีส่วนประกอบในทางไสยศาสตร์ปนอยู่ด้วย เมื่อวิญญาณร้าย

พวกนั้น ซึมซับเอา ส่วนที่ว่านี้เข้าไปมากๆ พวกมันก็จะมีความสามารถ เข้าสิงและกัดกิน ข้างในของ มนุษย์ได้
พูดไปมันก็คือ ผีปอบนั่นล่ะ ปกติแล้วเจ้าพวกนี้น่ะ จะไม่สามารถมาปรากฏตัวในเขตที่เจริญๆของมนุษย์ได้หรอกนะ

เพราะในเมืองมีคลื่นพลังงานรบกวนที่เกิดจากการใช้ เวทยาการ อยู่มากมาย พวกมันน่ะแพ้สิ่งนี้ ปัจจุบันนี้ก็เลยแทบจะไม่ได้เห็นเลยด้วยซ้ำ เพราะการสื่อสารของมนุษย์ ด้วย Note ก็สร้างคลื่นรบกวนด้วย ทำให้คลื่นรบกวนมีอยู่ทั่วทุกที่
แต่ว่า… ”

มาริน่า อธิบาย ไปเรื่อยขณะที่เดิน มาฉุดให้ ธนัท ที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนพื้นมองดู เคียว ที่ยังคร่ำไห้อยู่

“ เพราะ สนามพลังที่เกิดจาก พวก สามเทพอสูรนั่นปกคลุมบริเวณนี้อยู่ แถมยังมีอำนาจของ บีฮีมอท
อีกที่เรียกพวกมันมา ดูเหมือนว่า กว่าครึ่งของคนในเมือง ก็โดนกันเกือบหมดแล้วล่ะมั้ง ”
มาริน่า ตอบขณะที่ฉุด ธนัท ให้ลุกขึ้นมา ทว่าขณะที่ กำลังอธิบาย อยู่นี้ เสียงสะอื้นของ เคียว
ที่ดังอยู่จนถึงเมื่อครู่กลับเงียบไป เมื่อหันไปถึงได้พบว่า เฟรย์ ที่ควรจะนอนแน่นิ่งจนขยับไม่ได้แล้ว

กลับ ลุกเดิน ขึ้นมาได้ ท่ามกลางความประหลาดใจของ ทุกคน เฟรย์ เดิน ออกจากห้องไปอย่างช้าๆ
ลักษณะท่าทางเหมือนพวกผีดิบ ไม่มีผิด ท่ามกลางความเงียบงัน นี้ เคียว รีบตามเธอ ออกไปอีกครั้งทันที
โดยไม่รอฟัง มาริน่า เสียก่อน

“เดี๋ยว! อย่าตามไปนะ ตอนนี้เธอน่ะ ไม่ใช่ตัวของตัวเองนะ …แย่ล่ะสิปล่อยไว้แบบนี้ ”
มาริน่า ตธโกนห้าม ทว่า เคียว นั้นวิ่งออกไปก่อนแล้ว

“ หมายความว่ายังไงกันครับ ประธาน? ”
ธนัท ถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ ปกติแล้ว คนที่ถูก เฟสตูมอส เข้าสิงและกัดกิน จะมีสภาพเหมือนกับคนที่ตายแล้วนั่นล่ะ
จึงทำให้รู้สึกหรือขยับไปไหไม่ได้ทั้งนั้น หรือก็คือ เมื่อการกัดกินสิ้นสุด เธอคนนั้นจะตายไปจริงๆ
แต่ว่าการที่ยังขยับไปมาได้แบบนี้ บางที เฟสตูมอส ที่กัดกินอยู่ในร่างอาจจะยังไม่ได้ออกไป บางที
มันอาจจะใช้ร่างของ เธอ ออกไปหาเหยื่อใหม่ก็ได้ ”

มาริน่า ตอบคำถามของเค้า

“ บ…แบบนี้ก็แย่น่ะสิ ถ้าเกิดว่า มันเปลี่ยนมาเข้าสิง คนอื่นหรือ..เคียว !! ”
ธนัท คิดตามไปก่อนจะมาหยุดที่ว่า บางทีคนที่อาจจะถูกสิง อาจเป็น เคียว ซะเอง วินาที เค้าไม่รออะไรอีกแล้ว
นอกจากรีบตามออกไปหยุด เพื่อนของเค้า

“ เฮ้ ! รอด้วยสิ เจ้าหนู!! ”
มาริน่า ตะโกนไล่ ขณะที่ วิ่งตาม ธนัท ที่นำออกไปก่อนแล้ว ระหว่างทางนั้นเอง ก็มีแสงของ ฟ้าแลบ
วูบขึ้นมาจากทางหน้าต่างของ ทางเดิน

เปรี้ยงงงงงง!!!!

เสียงฟ้าร้องดังตามมาพร้อมกับไฟในโรงพยาบาลก็เกิดดับวูบสนิทในทันที
ลงกระทันหัน จนทางเดินมืด สนิท แต่ไฟสำรอง ก็ทำงานขึ้นมาทันที จึงทำให้
แสงไฟในโรงพยาบาล กลับมาทำงานทว่าความสว่างก็อ่อนกว่า จึงทำให้ ทางเดินดูมืดสลัวไปด้วย

“ บ้าเอ้ย ไฟผ่าเมื่อกี้ คงทำให้ เครื่องดึงพลังงานเวทย์ รวนแน่เลย เวลาแบบนี้อีก…ถ้าเปลี่ยนมาใช้ไฟสำรองแบบนี้
ก็แปลว่าเครื่องมือของ โรงพยาบาลก็จะต้องทำงาน น้อยลง คลื่นรบกวนก็จะมีน้อยตามไปด้วย ถ้าเป็นแบบนี้ ไอ้เจ้านั่นมันได้ย้ายเข้าไปกัดกินคนโน้นคนนี้ทีแน่ ”
มาริน่า สบถ ขณะที่ วิ่งตาม ธนัท ไปเรื่อย ตอนนี้ เธอ แทบจะเห็น เคียว วิ่งห่างออกไปอลยๆเสียแล้ว
จึงได้แต่วิ่งไล่หลัง ธนัท ที่ยังคงติดตามเคียวได้อยู่ พวกเค้าวิ่งขึ้นบันได ไปเรื่อยๆจนในที่สุด
ก็มสุดที่ ดาดฟ้า ของ โรงพยาบาลแทน


บนดาดฟ้านี้สร้างเรื่องประหลาดใจให้กับพวกเค้าน่าดู ทั้งที่บริเวณรอบ ทั้งฟน ทั้งหิมะ ต่างก็เทกระจายโปรยลงมา
เป็นพายุ แต่ที่นี่กลับไม่มีแม้แต่ ฝนหรือ ลม หรือ หิมะ ที่ตกลงมาเลย

“ ที่นี่ ไม่ได้รับผลจากสภาพอากาศเลยงั้นเหรอ สนามเวทย์ ป้องกันรึไงนะ งั้นฟ้าผ่าเมื่อกี้คืออะไรล่ะ? ”
มาริน่า เปรยด้วยความสงสัยก่อนจะหันไปพบกับ ต้นตอ ที่ตรงหน้านั้น เฟรย์ ที่หนีขึ้นมา กำลัง
เดินกระเสือก กระสน เข้าไปหาเด็กหนุ่มผมสีขาวเงินทรงกะลาครอบ ที่ยืนมอง ดูภาพ เคียว ที่พยายามจะยื้อ
เฟรย์ ให้ออกห่างจาก เด็กหนุ่มคนนั้น ไม่ทันไร เค้าก้ถูก เฟรย์ ผลักออกทันที
ก่อนที่เธอจะเดินกระเสือกกระสนเข้าไปหา เด็กหนุ่มผู้นั้น

“ โฮ่ เธอคนนี้ถูกเฟสตูมอส สิงมางั้นสินะ นี่คงตามกลิ่นพลังต้นกำเนิดของ บีฮีทอม มาสินะ ถึงได้ขึ้นมาถึงนี่เลย ”
เด็กหนุ่ม เปรย ก่อนจะยัน เฟรย์ จนล้มลงไปด้วยเท้า ต่อหน้าต่อตา ของ เคียว

“ แกเองสินะ…คนที่ควบคุมพวก เทพอสูรพวกนั้นน่ะ ”
มาริน่า กล่าวขึ้นจากที่เธอลองพิสูจน์ ไตร่ตรอง ดู

“ อะ…ถูกต้องนะคร้าบ ว่าแต่คุณเป็นใครกันแล้วรู้ได้อย่างไร กัน จะช่วยตอบคำถามให้ผมได้ไหมครับ ”
เด็กหนุ่มย้อน คำเธออย่างหน้าตาเฉย โดยที่ไม่รู้สึกกับการที่ถูกพบตัวแบบนี้เลย

“ ไม่มีความจำเป็นต้องบอก กับคนที่เห็นฉันแล้วยังไม่รู้จักชื่อของฉัน มันคนนั้นก็ไม่สมควรจะรู้อยู่
การที่พวก ศรี ไปยับยั้งต้นกำเนิดพลัง หลอกที่แกสร้างขึ้นมาแล้วก็ส่งให้กระจายกันไป ก็เพื่อจะดึง
พวกเราให้แยกกันอยู่แต่แรกแล้วสินะ นั่นก็หมายความว่า ตัวแกเองรู้อยู่แล้วว่าพวกเราเป็นใคร
และอาจจะขัดขวางแกได้ อยู่แต่แรกแล้ว! ”

มาริน่า ตะคอกพร้อมกับ เปิดเผยถึงแผนการของ เด็กหนุ่มซึ่งยังคงตีหน้าซื่อ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
อยู่อย่างเดิม

“ อันที่จริงแล้ว ตัวกระผมเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าพวกคุณเป็นใคร แต่ว่า เพราะมีพลังงานที่ยิ่งใหญ่บางอย่างอยู่ใน
เมืองแห่งนี้ ในเมืองแห่งเทพนี่ มันสร้างความสมดุลของ พลังงานขึ้นมาปกคลุมไปรอบบริเวณ เลยทำให้ผมลำบาก

ไม่น้อยเลยเชียวล่ะเพราะมันรบกวนการปลดปล่อยของ อสูรทั้งสามที่น่ารักของผม กว่าจะหาต้นตอของพลังได้
ก็แทบแย่แล้ว แต่อยู่ๆพลังที่ว่านี่ก็กลับหายไปซะดื้อๆ มาพบอีกทีถึงได้รู้ว่า 1 ในกลุ่มของพวกคุณที่อยู่ในโรงเรียน

นั่น ต้องเป็นเจ้าของพลังที่ว่านี้ และเพื่อไม่ให้แผนการณ์ของผม ต้องถูกขัดขวางการจะหาทางรับมือกับพวก
คุณจึง จำเป็นต้องรอบคอบ แต่ตอนนี้แผนการณ์ของ ผมสำเร็จแล้ว ขอให้อยู่ดูความพินาศของ มนุษย์ อยู่แบบนี้แหล่ะ
ตอนนี้พลังของ อสูรเทพกำลังค่อยฟื้นคืมาทีล่ะน้อย ถึงตอนนั้นพวกมันก็พร้อมที่จะกวาดล้างแล้ว…. ”

เด็กหนุ่ม อธิบายและเปิดเผยความตั้งใจของเค้า อย่างไม่ปิดบัง ขณะที่เคียว วิ่งเข้าไปดู อาการของ เฟรย์ ที่ถูกยันกลับมา ตอนนี้เธอแน่นิ่งไปอีกครั้งแล้ว

“ ดูท่าจะยังอาลัยอาวรณ์กันซะจริงนะ งั้นจะบอกวิธีรักษาให้เอาไหมล่ะ แต่ว่านะต้องเอาชนะ ผมให้ได้ซะก่อนล่ะนะ ”
เด็กหนุ่มกล่าว พร้อมกับ ยกแขน ซ้ายที่ติดตั้ง ปลอกแขนเอาไว้แล้วขึ้นมา
ถึงตอนนี้ ธนัท ได้ทราบแล้วถึงตัวตนที่แท้จริงของศัตรู
คนที่ ทำให้ พวกพ้องของเค้าต้อง ออกไปเผชิญกับอันตรายจากากรสู้กับ อสูรเทพ คนที่ทำให้เพื่อนของเค้า
ต้องสูญเสียคนรัก และยังเหยียบย่ำมันอีก คนที่ทำให้ทุกคนและเมืองนี้ต้อง ทุกทรมาน

" เคียว.....ขอยืมสำรับนายหน่อย แล้วก็ Note ด้วย "
ธนัท เปรยเสียงเรียบ พลางเดินเข้าไปยื่นมือ เพื่อให้ เคียว ที่กำลังดู เฟรย์ ที่ถูกยันจนล้มหมดสติไปอีกครั้งอยู่
ให้ ส่งสำรับมาให้เค้าพร้อมกับ Note
สายตาของเค้านั้น ทำให้ เคียว ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ จึงยอมส่งสำรับและ Noteให้ เค้าไป

“ นายคอยดูแลเธอ อยู่นี่หล่ะ…เจ้านั่นฉันจะจัดการมันเอง ด้วยพันธสัญญา ที่ข้อมือนี้ยังเหลือ อยู่ ”
ธนัท กล่าว พร้อมกับ ยกมือขวาขึ้นมา ที่ข้อมือนั้น มีลายอักขระแบบเดียวกับที่ ข้อมือซ้ายเคยมี

" คุณเองสินะที่เป็นเจ้าของพลังแห่งความสมดุลนั่น "
เด็กหนุ่ม ถามขึ้นลอยๆ ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ดลให้ ตัวครู้สึกอยากถาม กับ ธนัท

“ พลังสมดุลที่นายว่านั่น คงหมายถึง อาแมนคริส สินะ ถ้างั้นก็ใช่ ฉันนี่แหละ เจ้าของพลังที่ว่านั่น… ”
ธนัท เปรยเสียงเย็น ขณะที่ แสตนบายน์ Note ของ เคียวเข้ากับ ข้อมือ ของเค้า

“ เฮ้ เจ้าหนู! แกยังไม่หายดีนะ ไปดวลตอนนี้เดี๋ยวก็ทรุดลงมาอีกหรอก ”
มาริน่า พยายามจะปรามเค้าเอาไว้ ทว่า

“ ประธาน ครับไปช่วยพวก พี่ จัดการกับ อสูรเทพ พวกนั้นเถอะ ที่นี่ผมจะจัดการเอง ”
ธนัท ตอบกลับไปน้ำเสียงของเค้าในตอนนี้ดูหนักแน่น กว่าทุกครั้ง
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว เธอจึงคิดว่า ธนัท คงพร้มที่จะจัดการเรื่องพวกนี้แล้ว

“ ดูเหมือนจะมีไฟขึ้นมาแล้วสินะ ถ้างั้น ก็ฝากทีล่ะเจ้าหนู ” /Telepotion/
มาริน่า กล่าวจบ Note รูปแบบตุ๊กตาผ้าตัวเล็กที่เธอ พกติดตัวตลอด ก็ส่งเสียงขึ้นก่อนที่เธอจะ
แวบหายไปในทันที

“ แหมๆ เข้มแข็งซะจริงนะครับ คุณเนี่ย แต่ว่าถึงสภาพไม่พร้อม ผมเองก็ไม่ออมมือให้หรอกนะครับ ”
เด็กหนุ่ม กล่าวชมพลางยิ้มเยาะไปเรื่อย

“ ฉันเองก็ไม่หวังให้คนอย่างแก มาออมมือให้หรอกน่ะ ลุยมาให้เต็มที่เลยก็แล้วกัน
เพราะนายกำลังเผชิญหน้าอยู่กับใครฉันจะให้นายได้รู้เอง ”
ธนัท กล่าวพร้อมกับ เดินเข้ามาถึงระยะที่จะทำการดวลแล้ว

“ Let’s Duel! ”


…………………………..
…………………………………………
To be Continue
…………………….
Next Sub-Turn
ในที่สุด ต้นตอของเรื่องทั้งหมดก็ปรากฏตัวขึ้น ต่อหน้า ธนัท ศึกตัดสิน ได้เริ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ลูเซีย เธอต้องเผชิญกับ พลังลึกลับจากต่างมิติ เสียงกระซิบที่ดังขึ้นมานั้น เป็นของใครกัน
เธอจะสามารถนำจิตใจของ อิส กลับคืนมาได้ หรือไม่ …
“ เธอน่ะ…อยู่ที่นั่นใช่รึเปล่า ”
“ ก่อนนี้เคยอยู่ แต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว ”
“ ขอโทษนะคะ ที่มาช้าไปหน่อย… ”
“ เอาล่ะคนครบแล้วงั้นก็เตรียมลุยอัดไอ้เจ้าสามหน่อ ป่วนเมืองนี่กันเลยเถอะ ”

ทั้งหมดนี้ใน Sub-Turn 11 Last Duel I

เส้นทางกำลังจะมาบรรจบกันในไม่ช้านี้……
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ เม.ย. 11, 2011 6:53 pm, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-turn 10 Mind?(จิตใจ)

โพสต์โดย Palmon เมื่อ พุธ ม.ค. 13, 2010 4:15 pm

ง่ะ ::004:: Ace มาแจมแว้ว มีแววเรื่องจะโดนตัดจบนะเนี่ย ::020:: โอย อยู่ๆก็พา เฟนท์คุง ครอสโอเวอร์มาภาคนี้เฉยเลย
แถมมาเป็นการ์ดอีกตะหาก เหอๆ ทางด้าน ธนัท ก็เตรียมดวลรอบสุดท้าย แถมชื่อตอนต่อไปที่ยังกะจะบอกกันโต้งๆว่า
จะอวสานแล้วน้า แต่ว่าไหงเกรม่อนคุงบอกเรื่องยังไปไม่ถึงครึ่งเลย - -* โอย งานนี้ตกลงมันยังไงกันล่ะเนี่ย

แถมพล็อต รู้สึกจะเปลี๋ยนไป๋นิดๆ ตรงที่ ตอนนี้ที่จริง อิสคุง ตามบทจะต้องโดน ลูเซีย เจี๋ยนเดี้ยงไปแย้ว แต่ไหงคุณชี

ดันเป็นฝ่ายโดนไล่เจื๋อนซะเอง สงกะสัยว่า บทจะแอบมีเปลี่ยน เอมันยังไงกันหนอ รือจะเกี่ยวกับ หุ่น 5 ตัวของ รมต.นั่น
กันหว่า ::009::
Palmon
0
 
โพสต์: 33
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-turn 10 Mind?(จิตใจ)

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ พุธ ม.ค. 13, 2010 11:43 pm

เหอๆ มี ACE มาข้องเกี่ยวแว้ว แบบนี้สงสัย จะจบไม่ดีซักเท่าไหร่แหะ ก็คงต้องดูกันต่อไปล่ะนะว่า
บทมันจะเป็นเช่นไร เหอๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-turn 10 Mind?(จิตใจ)

โพสต์โดย The Wise Eagle เมื่อ พฤหัสฯ. ม.ค. 14, 2010 7:40 pm

yugioh gxชัดๆ
จากsealที่เเปลว่าผนึก(จากหนังสือtheory)
กลายเปนมอนสเตอร์ที่เเปลว่าสัดปะหลาดเฉยเลย
ภาพประจำตัวสมาชิก
The Wise Eagle
0
 
โพสต์: 1472
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-turn 10 Mind?(จิตใจ)

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ ศุกร์ ม.ค. 15, 2010 12:17 am

^
^

เอิ่ม คือจะว่ามันเหมือนก็เหมือนน่ะนะ แต่ว่าผม ว่าผมยังไม่ได้ เปลี่ยนความหมายของ SMN ไปขนาดนั้นนาคร้าบ
ในเรื่องผมไม่ได้เขียนว่า ซีล เป็น มอนสเตอร์ แต่เรียกว่าเป็น อสูร นั่นเพราะ Seal ซึ่งเปป็นผนึกตาม SMN นั้นคือ
ผนึกที่ใช้สำรับเก็บผนึกมนตราอัญเชิญ และสิ่งที่อัญเชิญออกมาก็คือ อสรู ดังนั้นถึงได้เรียกผู้เล่นว่า ซัมมอนเนอร์ หรือ ผู้ร่ายอสูรไงครับ

ส่วนตามท้องเรื่องใน VR นี้อสูรอัญเชิญ ที่ถูกผนึกไว้ในการ์ดนั้น ไม่ใช่สัตว์ประหลาดหรือ มอนสเตอร์ โดยกำเนิดหากแต่เป็น
พลังงานรูปแบบหนึ่งที่มีความนึกคิดและตัดสินใจได้ในบางส่วน ซึ่งก็คือพลังงานส่วนที่ตกตะกอนมาจาก MAGIC
อันเป็นพลังงาน ที่ได้มาจากการที่ผู้คนในศตวรรษที่ เกิดวิกฤติพลังงาน ทำการวิจัยศึกษาและค้นพบถึงมิติ คู่ขนาน
ซึ่งก็คือ โลกเทอร่าที่มี เหล่าอสูรที่ถูกนำมาใช้ดวลในยุคนี้ ซึ่งก็คือ เทอร่าที่เรารู้จากนิยาย ออฟิเชียลของ พี่จิง
นั่นเอง

ซึ่งจากที่บอกว่า อสูรที่อัญเชิญนั้น ตกตะกอนมาจาก Magic ซึ่งก็อาจเทียบได้ว่า นี่คือชีวิตที่กำเนิดขึ้นจาก มวลหมู่พลังงาน
มากมายที่ ถูกนำเข้ามาปกคลุมชั้นบรรยากาศของโลก นั่นเองครับ ดังนั้นโดยสรุป พลังงาน Magic ที่ถูกใช้เป็นพลังงานหลักในยุคนี้
ก็คือ การนำทรัพยากรพลังงานที่ไม่มีตัวตนและไม่ได้มีอยู่จริง มาทำให้สามารถใช้ได้จริง จึงทำให้พลังงานนี้มีไม่จำกัดเพราะไม่
มีตัวตนที่แน่นอน และ บริสุทธิ์ เพราะเราเลือกที่จะดึง ในส่วนที่เราต้องการออกจากความไม่มีตัวตนนั้น
ดังนั้นศาสตร์ที่ถูกใช้ในการดึงเอา Magic มาใช้หรือมีส่วนเกี่ยวข้องจึงเรียกว่า เวทยาการ
ซึ่งเกิดจาก ที่เราต้องการนำเอาพลังงานที่ไม่มีอยู่จริง เป็นเรื่องของไสยศาสตร์หรือมนตรา โดยใช้เทคโนโลยี ซึ่งเป็นผลผลิตจากวิทยาศาสตร์ มาช่วยในการนำเอาพลังงานนั้นมาใช้ครับ นี่คือหลักการ ขั้นพื้นฐานของ เวทยาการ ในยุคของเนื้อเรื่องนี้


ส่วนที่เราเรียก มวลหมู่พลังงานตกตะกอน หรือ ชีวิตอันกำเนิดจากพลังงาน ว่า อสูร นั้น อ้างอิงกันแล้วตามพื้นเพ
อสูร คือ ปีศาจซึ่งอาจเกิดจากวิญญาณร้าย หรือ สร้างขึ้นโดยมนตราอาคม

ซึ่งในที่นี้ อสูร ของเรานั้นใช้อนุมานเทียบกับ ปีศาจที่เกิดจากอาคม นั่นเอง ซึ่งเป็นการเทียบกับ ชีวิตที่เกิดจากพลังงานกึ่งพิสูจน์
อย่าง Magic นั้นก็เทียบได้เท่ากับ ปีศาจหรือวิญญาณ ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยมนตรา

และอย่างที่กล่าวไป ขึ้นว่า อสูร นั้นแน่นอน พวกมันทำร้ายมนุษย์โดยทั้งที่มีมูลเหตุที่ทำหรืออาจจะไม่มี เพราะมนุษย์ไม่เข้าใจการกระทำของ อสูร และ อสูรก็ไม่ได้เข้าใจในตัวมนุษย์นัก ดังนั้นเพื่อการควบคุมอสูร มนุษย์จึงต้อง คิดค้นหาทางที่จะควบคุมพวกมัน
ซึ่งก็คือ Seal หรือผนึกที่ใช้ในการดวลตามเรื่อง นั่นเอง โดยจะการ์ดเปล่าซึ่งเป็นผนึกที่ว่างสำหรับ กักเก็บและควบคุมพลัง
ของอสูรนั้นๆ ซึ่งผนึกเหล่านี้เราเรียกว่า Seal Scroll

หลักการทำงานของ Seal Scroll โดยคร่าวนั้นกล่าวคือ กระตุ้นผนึกด้วย พลังงานเวทย์ หรือก็คือพลังงานที่เราได้จาก Magic
(เวทย์ กับ Magic นี่คนละอย่างกันนะครับ)โดยผ่านอุปกรณ์สำหรับดึงเอาพลังงานเวทย์ออกจาก Magic ที่มีอยู่ในบรรยากาศ
สร้างละอองพลังงานเทย์ขึ้นมาและควบคุมด้วยอุปกรณ์นั้นให้ ทำการควบคุมผนึก
จากนั้น จึงใช้ผนึกสูบกักเก็บ อสูร ซึ่งมีร่างเป็นพลังงาน เข้าไปไว้ในผนึกอีกที จากนั้นอุปกรณ์ควบคุมจะเหนี่ยวนำพลังงานเวทย์
ออกจากผนึก เพื่อให้ผนึกปิดโดยสมบูรณ์ หากไม่มีการกระตุ้นจากภายนอก อสูร ที่อยู่ภายในจะไม่สามารถออกมาได้
หรือก็คือกลายเป็นการ์ดที่ผนึก อสูร ไว้แล้วกลายเป็น Seal Card นั่นเอง

ส่วนการนำออกมาใช้นั้นจะให้อุปกรณ์สร้างละอองเวทย์ทำการสร้างพลังานต้นขึ้นมา
ซึ่งตรงนี้ค่าพลังงานที่ถูกดึงมาเพื่อใช้ปลดผนึกก็คือ Mp Cost ที่ใช้เรียกนั่นเอง

และใช้อุปกรณ์ควบคุมพลังเวทย์ ทำการปลดผนึก ซึ่งการปลดในที่นี้ จะทำการปลดออกมาแค่ส่วนของ
พลังอำนาจของ อสูร เท่านั้นและจะคงเหลือไว้เพียง คอร์ (Core)หรือแก่นของ อสูร ตนนั้นๆ ไว้ในผนึก
การที่ต้องแยก คอร์ กับตัวอสูรออกจากกันนั้น ก็เพื่อ ทำให้ ง่ายต่อการควบคุมเพราะอุปกรณ์ควบคุมพลังเวทย์ จะ
ควบคุมแค่อำนาจของมัน โดยที่ อคร์ ของมันไม่สามารถสั่งการอำนาจของมันที่อยู่ภายนอกผนึกได้

กล่าวคือ อุปกรณ์ควบคุมพลังเวทย์ จะทำหน้าที่เป็น คอร์ ชั่วคราวให้กับ อำนาจของมัน

คล้ายๆกับเรามีทีวีอยู่เครื่องหนึ่ง และมีรีโมทอยู่สองอัน หากเรา เอารีโมททั้งสอง มาทำการเปลี่ยนช่องในระยะใกล้กัน
ทีวีจะรับแค่คลื่นของ รีโมทที่แรงกว่าหรือมาถึงก่อน เปรียบนี่คือสภาพก่อนการผนึก อสูร ที่ต้องใช้พลังงานป้อนเข้าไปยัง
อุปกรณ์ควบคุม เพื่อให้ยื้อ สัญญาณการควบคุม อำนาจของมัน นั่นเองครับ

เอาล่ะต่อนะครับ จากตะกี้ที่บอกว่า เอารีโมท มากดใกล้ๆกันใช่ไหมครับ คราวนี้ถ้าหากเราเอารีโมท นั้นครอบไว้
ด้วยวัตถุที่กันไม่ให้สัญญาณออกไปได้ ทีวีก็จะรับแค่คลื่นจากรีโมทที่ไม่ได้กันสัญญาณไว้
หรือเปรียบกันแล้ว คือ คอร์ ของอสูรที่อยู่ในผนึกคือ รีโมท ที่ถูกกันสัญญาณไว้ ส่วนอุปกรณ์ควบคุมพลังเวทย์ ก็คือรีโมท
ที่ไม่ได้ถูกกันสัญญาณ นี่คือหลักการคร่างๆของ การอัญเชิญ และผนึกอสูรครับ

ในช่วงแรกนั้น ตอนที่เกิดการ ดวล SMN ขึ้นมา อสูรทั้งหมดที่นำมาใช้แข่งขันกันนั้น จะเป็นอสูรแท้ หรือก็คือ Seal Card ที่เกิดจาก
การผนึกอสูร โดยตรง แต่ต่อมา บริษัท phenomenon party ได้ทำการวิจัย และสร้าง Seal Card เทียมขึ้นมา
หรือก็การสร้างอสูร โดยใช้ เวทยาการควบคุมการตกตะกอนของ พลังงานรังสรรค์ อสูร ขึ้นมาแล้วจึงนำมาผนึกใน Seal Scroll
อีกที

นอกจากการ ผนึกและอัญเชิญแล้ว การควบคุมก็ยังถูกจำแนกเป็นระดับไปด้วย ดดยขึ้นอยู่กับ ตัวผู้เล่น
ดังนั้นในแต่ล่ะครั้งจึงต้องมีการกำหนดกฏ เป็น ระดับ Caller Summoner และ Ruler ซึ่งเป็นเสมือนการบริกรรมพิธี ที่จำทำให้การอัญเชิญนั้น สูงสุดที่เท่าใด เรื่องนี้ ไว้มีเวลาผมจะเอาข้อมูลที่ภาคแรก ซึ่งแจงไว้ละเอียดพอตัว
มาแจงให้ละเอียดขึ้นอีกครั้งแล้วกันนะครับ

ว่ากันต่อ จากที่บอกไว้แล้วว่ามีระดับการอัญเชิญ นั้นก็เพราะอสูรแต่ล่ะตน มีพลังอำนาจไม่เท่ากัน บางตัวก็อาจจะมากบางตัวก็อาจจะน้อย ซึ่งอสูรที่มีอำนาจมาก คอร์ ของมันจะมีสัญญาณเชื่อมต่อที่แรงกล้าตามไปด้วย ทำให้บางครั้ง อุปกรณืควบคุม
พลังเวทย์ ที่ผู้อัญเชิญใช้นั้นไม่สามารถ แย่งยื้อสัญญาณควบคุมมาจาก คอร์ ของมันได้ในทันทีที่ปลดผนึกเพื่อดึงอำนาจออกมาใช้

ในภายหลังอุปกรณ์ควบคุมจึงถูกปรับปรุงและพัฒนาให้ มีความสามารถในการทำงานขึ้นกับตัวผู้ใช้ ซึ่งหากไม่สามารถ
ยื้อแย่งการควบคุมจาก คอร์ ได้ระบบของอุปกรณ์จะตัดการปลดผนึกทันที หรือก็คือ อัญเชิญล้มเหลว ซีลไม่ออกมา

แต่ว่าอสูรบางตนที่มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่มากอย่างอสูรเทพ ที่มีระดับอำนาจ 5 (Lv 5) ในกรณีนี้ การควบคุมยื้อแย่งสัญญาณ
จากคอร์ของพวกมันนั้นเป็นไปได้ยากมาก โดยส่วนใหญ่แล้ว คนที่จะควบคุมได้จะต้องมีระดับที่ถูกกำหนด
ให้ควบคุมมัน ซึ่งระดับนั้นคือ Angel ที่จะมาอธิบายพร้อมกับ ระดับของ ผู้เล่นในคราวหน้านะครับ

เนื่องจากคอร์และอำนาจอง อสูรเทพ จะเชื่อมต่อกันอย่างยาก จะตัดขาดได้จึงทำใ้ห้บางครั้ง การอัญเชิญออกมาแล้วควบคุมไม่ได้ก็มีอยู่ อย่างตอนที่ ธนัท ถูกบังคับให้ อัญเชิญ อาแมนคริส ออกมาแล้วคุมไม่ได้ เป็นเพราะสภาพร่างกายของ เค้าที่เป็นผลกระทบมาจากการผ่าตัดเป็น DNA-Changer จึงทำให้ไม่สามรถควบคุมอาแมนคริส ที่มีศักดิ์ เป็นอสูรเทพได้
และเกิดการคลุ้มคลั่ง ยิ่งกับ DNA-Changer ที่ไวต่อสิ่งเร้าด้านพลังเวทย์ ด้วยแล้ว จึงส่งผลให้ ธนัท ถูกควบคุมโดย
อาแมนคริส ไปแทนและกลายร่างเป็น ครึ่งมนุษย์ครึ่งมังกรไปครับ


รายละเอียดของ นิยายเรื่องนี้มันเยอะมากเลยครับ ผมเองคงแจงให้ไม่หมด ในครั้งเดียว ก็คงต้องค่อยๆทยอย
แจงไปเรื่อยๆ และบางส่วนก็ต้องติดตามเอาในเนื้อเรื่องครับ แต่ว่าส่วนไหนของเรื่องที่ผ่านมาแล้วแต่ยังคลุมเครืออยู่ไว้มีเวลาแล้วผมจะมาสาธยายอย่างละเอียดอีกที ความจริง หน้าที่พวกนี้มันเป็นของ ทีมงานอย่าง พวก การุรุม่อน กับ พัลม่อน
เค้าต้องทำน่ะนนะครับ แต่เนื่องจากช่วงนี้ทีมงานทุกคนกำลังง่วนอยู่กับ โปรเจคหลายๆอย่าง ทั้ง Crissi Valkyrier Se
ที่ยังวางโครงได้ไม่จบดี และ การเตรียมการเกี่ยวกับ Fiction Meister ACE ที่จะมา เป็น ซีรี่ย์ ต่อหลังจาก Vr นี้้ด้วย
ครับ ถ้ายังไงก็ขอขอบคุณ ที่ได้เข้ามาอ่าน fic ของผม และตอบความรู้สึกของท่านที่มีต่อ fic เรื่องนี้ด้วยนะครับ

ผมและทีมงานจะพยายามต่อไปจนกว่าจะถึงวันที่ vr นี้จะจบได้โดยบริบูรณ์จริงๆอีกครั้งเสียที และจะพยายามให้มากขึ้นกับ Fiction Meister AcE และ Crisis Valkyrier และซีรี่ย์อื่นๆที่จะตามมาอีกเรื่อยๆนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-turn 10 Mind?(จิตใจ)

โพสต์โดย The Wise Eagle เมื่อ ศุกร์ ม.ค. 15, 2010 10:46 am

พอเข้าใจคับประมาณการ์ดก็ขังพวกนั้นไว้ใฃ่ไหมครับ(แล้วมันเอาสัดประหลาดมาจากไหนหว่า)
ภาพประจำตัวสมาชิก
The Wise Eagle
0
 
โพสต์: 1472
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-turn 10 Mind?(จิตใจ)

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ ศุกร์ ม.ค. 15, 2010 12:10 pm

karn เขียน:พอเข้าใจคับประมาณการ์ดก็ขังพวกนั้นไว้ใฃ่ไหมครับ(แล้วมันเอาสัดประหลาดมาจากไหนหว่า)



จ้า เข้าใจถูกแล้วล่ะฮ่ะ การ์ดในเรื่องนั้นใช้สำหรับกักขัง อสูร และควบคุมอสูรจ้ะโดยวิธีการนั้น เกรม่อนคุง อธิบายไปแล้ว
แต่ดูเหมือนเรื่องที่มาของ อสูร ที่นำมาผนึกนั้น จะยังเข้าใจยากอยู่ เพราะ เกรม่อนคุง ดันอธิบายเป็นเชิงปรัช ที่ค้นคว้ามา
เพราะงั้นเจ๊จะช่วยแปลเป็นไทยให้ฟังว่ายๆละกันนะ

คืออย่างที่เกรม่อนคุง บอกไปว่ายุคที่อ้างอิงในเรื่องอ่ะจ้ะ คือยุคที่ ใช้พลังงานสมมติ ซึ่งเป็นพลังงานที่มาจากอีกมิติ
และพลังงานนี้ก็มีลักษณะพิเศษตรงที่ว่ามันสามารถเกิดปฏิกิริยา บางส่วนด้วยตัวเองได้ ซึ่งปฏิกิริยาที่ว่านั่นก็คือการเกิดอสูรจ้ะ

สรุปแล้ว อสูร ในเรื่องที่ถูกผนึกนั้นก็คือ วิญญาณ นั่นเอง เพราะกล่าวตามหลักวิทย์แล้ว วิญญาณคือพลังงานรูปแบบหนึ่ง
ดังนั้น อสร พวกนี้ก็คือวิญญาณจ้ะ ส่วนที่มาของพวกมันนั้น ว่าทำไมจึงเกิดจากพลังงานล่ะ
แล้วมันเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ของเทอร่ายังไง อันนี้ถ้าจะเอาละเอียด คงต้องให้เกรม่อนคุง อธิบายกัน ซัก

สามสี่กระทู้เลยล่ะมั้ง
เอาเป็นว่าเจ๊จะสรุปให้เลยละกัน อสูร เหล่านี้มีตัวตนจริงๆอยู่ที่ มิติโลกเทอร่า แต่พอข้ามมาโลกนี้ จะมีสภาพกลายเป็น
กลุ่มก้อนพลังงาน พูดไปมันก็เหมือนกับ ว่ามนุษย์ในยุคนี้ ไปโขมย เอาสิ่งต่างๆที่มีอยู่ในเทอร่า มาใช้ประโยชน์
น่ะแหล่ะนะ ซึ่ง อสูร พวกนี้ก็เป็นเหมือนส่วนหนึ่งที่ติดไม้ติดมืออมาด้วย อ่ะจ้ะ

ถ้ายังนึกไม่ออก ก็ลองเทียบกับ พวกอนิเมหรือหนังไซไฟที่มีการเข้าไปในโลกไซเบอร์ ไรงี้อ่ะจ้ะ
เค้าจะอธิบายว่า ร่างเนื้อของมนุษย์มันเข้าไปในโลกไซเบอร์จริงๆไม่ได้ใช่มะ แต่ส่วนที่เข้าไปคือ
ส่วนที่รียกว่าจิต ซึ่งเปรียบได้กับ วิญญาณของมนุษย์อ่ะจ้ะ

นี่ก็เหมือนกัน เพียงแต่กลับให้ อสูร เป็น ฝ่ายที่เข้ามายังโลกของเราแทน ดังนั้น ร่างจริงของมันจึงไม่ได้มาด้วย
แต่มาแค่ วิญญาณ สรุปอีกหน(รอบสุดท้ายละ) อสูร ที่ใช้นยุคนี้ก็คือ วิญญาณของพวกมันนั้นเอง
เพราะงั้น เวลาโดนตีตายกันที ถึงสลายเป็นแค่ละออง เพราะร่างมันเป็นแค่อนูพลังงาน และที่ยังสามารถเรียกกลับมาใช้ได้
ใหม่อีกเรื่อยๆ นั่นก็เพราะ คอร์ ของมันยังอยู่จ้ะ

อสูรที่สูญเสีย คอร์ ไปจะทำให้สถานะจิต หรือ วิญญาณของมันในโลกนี้สิ้นสุดลง ส่วนจะส่งผลไปยัง
ร่างจริงของมันที่ เทอร่า รึเปล่าอันนี้ เจ๊ไม่ทราบ ฮ่ะ เพราะเกรม่อนคุง ยังไม่วางโครงก้าวก่ายไปขนาดนั้น
แต่ถ้าจะมีคงต้องรอ Vr ภาค Theology ล่ะมั้ง (ฮา) เหอๆ เป็นไงเอ่ย พอจะเข้าใจขึ้นมามั่งไหมฮ่ะ

ต้องเข้าใจกันนิดนึงน่ะนะ ว่า เกรม่อนคุง เป็นคนที่ชอบทำอะไรให้มันวุ่นวายมีรายละเอียดเยอะ แจงมากเรื่องเรื่อย
จนบางที อ่าน ฟิค มันจบไปบางเรื่องเจ๊ ยัง งงตัวเองเลยว่าทำความเข้าใจที่มันพูดมาป่าวๆให้เจ๊ ฟังได้ไง
เหอๆ ฟิคที่บอร์ดเก่าบางเรื่องนี่ แทบจะยกเครื่องเขียนเป็น ไบเบิล ได้เลย

ยกตัวอย่างก็ทาลิวิลย่า ภาคแรก นั้นเอาโครงเรื่องมาจาก มหากาพย์กิลกาเมส ผสมกับ วันสิ้นโลกหรือ Doom day
แล้วเอามาอิงกับ ไบเบิล อีกต่อ เลยจะเห็นไ้ด้ว่านอกจากมั่ว แล้วยังรายละเอียดแน่นเอี้ยดอีก มีไม่กี่ซีรี่ยส์ อ่ะจ้ะ
ที่เขียนสดไม่มีเรียบเรียง รายละเอียดมาทำเนื้อเรื่อง แต่ส่วนมากแล้ว เป็นตอนสั้นอ่ะนะ
ประมาณสามตอนจบ ส่วนใหญ่ถ้าเป็น ซีรี่ย์แล้ว จะรายละเอียดเพียบเงี้ยแหล่ะ ::023::
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-turn 10 Mind?(จิตใจ)

โพสต์โดย The Wise Eagle เมื่อ ศุกร์ ม.ค. 15, 2010 3:29 pm

เเล้วคุณเกรย์มอนนี่เป็นนักเขียนรึเปล่าหัวcreatจังเลยเนอะ ::006::
ภาพประจำตัวสมาชิก
The Wise Eagle
0
 
โพสต์: 1472
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-turn 10 Mind?(จิตใจ)

โพสต์โดย Palmon เมื่อ ศุกร์ ม.ค. 15, 2010 8:50 pm

the wise eagle เขียน:เเล้วคุณเกรย์มอนนี่เป็นนักเขียนรึเปล่าหัวcreatจังเลยเนอะ ::006::


เจ้าตัวบอกเองว่า ยังไม่ถึงระดับขั้นนักเขียนชั้นต้น แต่สำหรับตัว พัลม่อนเองแล้ว ตั้งกะเข้ามาร่วมงาน
กับเกรม่อนคุง ตั้งแต่ที่ได้เจอตัวเป็นๆครั้งแรกตอนที่รู้ว่าอยู่คณะเดียวกัน เหอๆ ในหัว พัลม่อน คิดไปแล้วล่ะค่ะ
ว่านี่ล่ะนักเขียนตัวจริงเลย เพราะคุณท่านแกเขียน ฟิค ยาวมาตั้งกะ ม.3 ปัจจุบันอยู่ปีหนึ่ง ก็ยังบ่เลิกเลยค่า

ผลงานที่มีส่วนใหญ่เป็น ฟิคเกี่ยวกับ ซัมอ่ะนะคะ เพราะพี่แกไม่ค่อยได้ เขียนออริจินอลของตัวเองซักเท่าไหร่
แต่ถ้านับจากจำนวนซีรี่ย์ ที่มีมาก็เอิ่ม แค่ซีรี่ย์ ทาลิวิลย่า ซีรี่ย์เดียวก็ออกมาไม่รู้ตั้งกี่ภาคแล้วล่ะค่า
ถ้าอยากทราบคร่าวๆขอเชิญ กระทู้นี้ประมาณซํกหน้า 4หรือ 5 เนี่ยแหล่ะค่ะ พัลม่อน แจงไว้หมดแล้วว่า ทาลิวิลย่ามีกี่ภาค
ตั้งแต่ซีรี่ย์ยาวไปจนถึงตอนยิบตอนย่อย เลย
Palmon
0
 
โพสต์: 33
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 04 Vs. Marvin 1 (การประทะกับชายผู้

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ ศุกร์ ม.ค. 15, 2010 9:02 pm

เอ้าแก้ให้พัลมอนจัง นะฮ้า หน้าที่ถูกต้องน่ะไม่ได้อยู่ที่ 4หรือ5 ล่ะฮ่ะ อยู่หน้า3ต้นๆนี่ล่ะฮ้า อ่ะเจ๊ Quote มาให้ละ
อันนี้สรุปเฉพาะ ซีรี่ย์ทาลิวิลย่า นะฮ่ะ


Palmon เขียน:^
^
^

ดูท่าว่าการเป็น เรราเย่ นี่มันช่างน่ารันทดจริงๆนะคะเนี่ย ::004::

แถมภาคนี้เท่าที่ดูแล้ว บทของ เรราเย่ จะมีแค่ไว้ให้ผู้คนกล่าวถึงอย่างเดียว
(ไม่ได้ออก เพราะโดนธนัท เอา อาแมนคริส กับแกรนเดครอส จับดาบไบรน่าสับกบาลในภาคแรกไปแล้วเน้อ)
จะว่าไปเรื่อง ธนัท คุง โดนแปลงเป็นตัวอะไรเนี่ยยังไม่รู้เลยแหะ เกรม่องคุงไม่ได้บอกซะด้วย

ว่าแต่ Legend of Thaliwilya อีกแว้วเหรองิ จะต่อยอดหากินกันไปถึงหนายยยย
ลองนับดูมีทั้งหมดดังนี้

1.Legend of the Thaliwilya (ภาคแรกสุดคลาสสิกแบ่ง3มหากาพย์)
1.1 Legend of the Thaliwilya Title (มหากาพย์ปฐมบท)
1.2 Legend of the Thaliwilya Dragoon Age' (มหากาพย์ยุคอัศวินมังกร)
1.3 Legend of the Thaliwilya The Last Legend (มหากาพย์ตำนานบทสุดท้าย)

2.Special Day Legend of the Thaliwilya(ตอนพิเศษในแต่ละโอกาส)
2.1Legend of the Thaliwilya Special X'mas VS. Alien (ภาคพิเศษบู๊กับเอเลี่ยน)
2.2Legend of the Thaliwilya Special Valentine Day's Chocolate of First Love for Laurance
(ตอนวันวาเลนไทน์ ชื่อยาวฉิบปี้ฉิบ)
2.3 Legend of the Thaliwilya Special Endding Series Family
(ภาคฉลองอวสานภาคแรกอย่างสมบรูณ์ กับชื่อตอนซึ้งๆอย่าง ครอบครัว)

3.Legend Thaliwilya of the Arimathea
3.1 Legend Thaliwilya of the Arimathea Crisis Valkyrie (Season วิกฤติแห่งนางฟ้าช่วงครึ่งแรกของภาค)
3.2 Legend Thaliwilya of the Arimathea R.R. (Season การปฏิวัติของ เรกกะช่วงครึ่งหลังของภาคนี้)
3.3 Legend Thaliwilya of the Arimathea Special Sonkran Day's (ภาคพิเศษวันสงกรานต์)
3.3.1 Turn 01 Imagine Battle Recca Vs. Feint (ภาคสงครามจิ้นของสาวๆในซีรี่ย์สุดรั่วเมื่อจับเฟนท์ กับเรกกะมาปะทะกัน)
3.3.2 Turn 02 Date Party Rhapsody (ภาคเดทหมู่อลวนของหนุ่มๆในซีรี่ย์ ภาคนี้สาววายต้องจดจำ555+)
3.3.3 Turn Final Side Line of Recca (ภาคงานพิเศษสุดป่วนของเรกกะ ที่ป้า R2 รั่วสุดๆ)

4.Legend of the Thaliwilya Y Cross (ภาคต่อยอดไปลง ACE ซีรี่ย์ จบแบบไม่เคลีย)

5.Legend D.N.A. of Thaliwilya (ภาคถูกพี่สาวบังคับให้เขียน สุดท้ายหาทางจบเรื่อง
ไม่ได้ตัดจบไปลงACe ซีรี่ย์แทน สำหรับอิฉันภาคนี้ทำหัวใจแตกสลาย)

6. Legend Thaliwilya of Arimathea Special Turn Bath jack Panic Part1-3
(ภาคคดียึดโรงอาบน้ำ สำหรับโปรโมท SMN VR ภาคแรกแบ่งเป็นสามตอนสั้นๆ)

7. ซีรี่ยือื่นๆที่เอาตัวละครจากLegend of the Thaliwilya ไปใช้
7.1 Multi Armor Actor ทุกภาคยกเว้นภาค E.E.(End Era)
7.2 Crisis Valkyrie Extended (ภาคขยายความที่จริงๆแค่เพิ่ม Cut ที่ออกจาก ซีรี่ย์เต็มเพราะมันยาวบวกไร้สาระ เพิ่มเข้าไป
และดำเนินเรื่องแบบ Feint Side หรือใช้ เฟนท์ เป็นตัวเอกนั่นเอง ภาคนี้ตัดจบไปเพราะไม่เวิร์ค)
ึ7.3 Fiction Meister ACE (ซีรี่ย์นี่ยังอยู่ระหว่างเตรียมการแต่ โฆษณามาร่วมครึ่งปีแล้ว พึ่งได้เห็นแค่ดีไซน์ ACE ตัวเดียว)

และก็กำลังจะออก Special Edition Crisis Valkyrie มาอีกละ จะต่อยอดยาวไปถึงไหนค้า~~~
จะแข่งกับ กันดั้ม กับ มาส์คไรเดอร์ เรอะ ถึงมีภาคต่อยอดยาวขนาดนี้(แถมเป็นภาค เรกกะ ซะส่วนใหญ่)
ซีรี่ย์ เดียว มีต้อง 7 หมวด แบบนี้ เฮ้อ กว่าจเขียนหมด

บ่นไปนั่นสุดท้ายมานั่งตามอ่านอยู่ดีนั่นแหละเน้อ หวังว่าทีมงานครีเอทการ์ดน่าจะได้แรงบันดาลใจไปทำซอง
Drago 4 อีกซักรอบคราวนี้ทำยกเซ็ทเป็น ทาลิวิลย่าทั้งชุดไปเลยก็ดีอิๆ
จะได้มี ตำนานทาลิ มาให้ชมได้อีกยาวๆเอาให้อ้วกกันไปข้าง ท่านกล้าสร้างเราก็กล้ายำ ค่ะ เหอๆ ::011::




แล้วก็ภาคล่าสุดที่เป็นตนสั้นสามตอนพึ่งจบไปก็คือ Legend of Thaliwilya YXZ(วายครอสซีต้า) สามารถหาอ่านได้
ที่ฟอรัมนี้เลยฮ่ะ ส่วนตำนานทาลิแต่ล่ะภาคนั่น ถ้าอยากอ่านล่ะก็

http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?board=25.0


นี่ฮ่ะลิงค์ มันจะวิ่งไปที่บอร์ดเก่า อ่ะจ่ะ ในนั้นจะมีกระทู้ที่ เกรม่อนคุงลงนิยายเอาไว้ ลองหาดูตามลิสต์ได้เลย อ้อ
SMN VR ภาคแรกออริจินัล ก็อยู่บอร์ดเก่านู้นด้วยน่ะเน้อ ถ้าสนใจลองเข้าไปอ่านดูได้จ้า
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Sub-Turn 11 Last Duel I

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ ศุกร์ ม.ค. 22, 2010 3:36 am

Sub-Turn 11 Last Duel I

ความเดิม: สามเทพอสูร แห่ง ปฐพี วารี และ นภา จุติ ลงมาที่ใจกลางเมือง เหล่า Master Ceremony ต่าง
ทุ่มเทสุดกำลังเพื่อที่จะหยุดยั้งการอาละวาดของพวกมัน ขณะเดียวกัน ลูเซีย ซึ่งรับคำสั่งให้มาตามหา อิส
เธอ กลับถูกเล่นงานด้วยน้ำมือของเค้าแทน และนำมาสู่การดวล ทว่าระหว่างนั้น ได้เกิดความผิดปกติ
ขึ้นกับการดวลของเธอ กับเค้า ด้าน ธนัท ที่ยังอยู่ที่โรงพยาบาล พวกเค้าได้พบกับต้นตอของเรื่องทั้งหมดแล้ว
และบัดนี้ ศึกสุดท้ายกำลังจะเริ่มขึ้น………………………….



…………………….“ สิ่งที่ประจักษ์ในตอนนี้คือ นี่ยังไม่ใช่จุดจบของทุกสิ่งทุกอย่าง ”………………………
………….



[Iss Status; Hand:Seal2 ,Mystic1 Mp:0/7 Shrine 0/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal4 ,Mystic1 Mp:7/7 Shrine 0/12 ]

สถานการณ์ภายในบ้านร้าง ตอนนี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก ลูเซีย เธอเพิ่งจะได้เผชิญหน้ากับ อสูร ที่ไม่เคยเห็นและรู้จักมาก่อน
ไมโครโฟน Note ของเธอนั้นไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า อสูรที่ อิส ใช้นั้นคืออะไร และยังไม่ทันที่ เธอจะได้หายสงสัย
เสียงกระซิบลึกลับก็ดังขึ้นมาและยื่นคำขาดจะช่วยเธอหากเธอสามารถ ดวลอยู่ได้นาน ถึง 3 Turn

/My Master, Your Turn /(มาสเตอร์,ของเราแล้ว)
ไมโครโฟน ส่งเสียงเตือนให้เธอกลับเข้าสู่การเล่นอีกครั้ง หลังจากที่ยังคง ผวกผวนกับ เสียงกระซิบเมื่อครู่

“ อ….อืม รอบของฉัน! ”
ลูเซีย ที่พึ่งจะรู้สึกตัว รับคำก่อนจะประกาศรอบของตนขึ้น พร้อมกับจั่วมิสติกการ์ดขึ้นมาอี 2 ใบ

[Iss Status; Hand:Seal2 ,Mystic1 Mp:7/7 Shrine 0/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal4 ,Mystic3 Mp:7/7 Shrine 0/12 ]

{ เอาล่ะ…ต้องตั้งสติก่อน เรื่องความสามารถของ อสูรอัญเชิญ ที่ อิส เรียกออกมานั่น เรายังไม่รู้ก็จริง
ว่ามันคืออะไรแต่ว่ายังไง ซะค่าพลัง ของมันขึ้นหลากันเห็นๆอยู่ว่า At ของมันเท่ากับ
12 แบบนี้ฝ่ายเราเองก็บุกเข้าไปไม่ไหวเหมือนกันคงต้องหาทางตั้งรับไปก่อน }

ลูเซีย คิด เธอพิจารณา สถาการณ์บนสนามอย่างถี่ถ้วน ในสนามของเธอตอนนี้ มีแค่ อันโดรมาซ อัศวินยูนิคอร์น
แห่ง เดลิเวอร์แบนด์ เพียงตัวเดียว ที่ At Line เท่านั้น ส่วนอีกฝ่าย อสูรรูปร่างครึ่งคนครึ่งสมิงหมาป่า
ที่ไม่มีข้อมูล เฟนท์ นีโอเวล ซึ่งมีค่าพลังสูงกว่า นั้นกดดัน เธอไม่น้อยเลย อีกทั้งยังไม่รู้ถึงความสามารถ
ทั้งหมดของมัน จึงทำให้สถานะของเธอในตอนนี้อันตรายพอดู

{แต่จะว่าไปแล้ว ที่ ค่าพลังของ อสูรนั่น มี 12 ได้เพราะอยู่ในท่ารวมร่างแบบ ทริปเปิลคอมฯ นี่นะ เป็นเพราะ
ผลจากมิสติกการ์ด Mace of Ira นั่น ถ้าเราทำลายมันล่ะก็ ค่าพลังของ อสูรนั่นก็จะกลับไปเป็น 8 เหมือนตอนแรก ถ้างั้น…}
ลูเซีย คิด ขณะที่แผนการณ์รับมือ ค่อยๆปรากฏชัดขึ้นในหัวของเธอ

“ Cost mp 2 อัญเชิญ ไคเลอร์ เดิลเวอร์แบนด์ อาเชอร์ (Kyler, Deliver Band Archer)ลงไปที่ At Line ”
สิ้นคำ ลูเซีย ก็ร่ายการ์ดซีลบนมือลงไป อสูรอัญเชิญ ผมสีดำยาวสะบัดพริ้ว ในชุดคลุมหนังสัตว์
มือธนูสาว ไคเลอร์แห่ง เดลิเวอร์แบนด์ ได้ปรากฏกายขึ้นบนสนามเคียงข้าง อันโดรมาซ ในทันใด

“ และด้วย Ability ของ ไคเลอร์ เมื่อเข้ามาในสนามหากมี อสูร ที่มีคำว่า Deliver Band อยู่ในชื่อแล้วล่ะก็
สามารถนำมิสติกการ์ด ที่มีคำว่า Bow อยู่ในชื่อขึ้นมาไว้บนมือได้ใบหนึ่ง และได้จั่วการ์ดเพิ่มอีกหนึ่งใบด้วย
ฉันขอเลือก คันธนูแห่งพระพร(Goddess Bow) จากนั้น จั่ว มิสติกการ์ดขึ้นมาอีกใบ ”

ลูเซีย ประกาศใช้ความสามารถของ ไคเลอร์ ก่อนที่เธอจะแสดง มิสติก การ์ดที่มีรูปธนูซึ่งประดิษฐ์ให้มีรูปลักษณ์ที่งดงาม
สมชื่อ คันธนูแห่งพระพร ก่อนจะสับกองสำรับ ที่เธอ คลี่ออกมา หามิสติก และเสียบกลับเข้าช่องสำรับไป
พร้อมกับ ดึงเอา มิสติกการ์ดขึ้นมาอีกใบ

“ Cost mp 2 ร่าย คันธนูแห่งพระพร ไปติดตั้งที่ ไคเลอร์ ด้วยผลของ คันธนูแห่งพระพร จะสามารถเลือก
ความสามารถอย่างใดอย่างหนึ่งได้จาก 3 อย่าง ฉันขอเลือกให้ ซีลที่ติด Sp + 1 ”
ลูเซีย ประกาศ พร้อมกับ ร่าย คันธนูแห่งพระพรที่พึ่งนำขึ้นมือไป คันธนูปรากฏขึ้นในมือของ ไคเลอร์
พร้อมกับ รัศมีออร่า ที่เปล่งประกายออกมาจากคันธนู ยามที่เธอถือมัน

“ และด้วย Ability ของ ไคเลอร์ เมื่อมี มิสติกการ์ดที่มีคำว่า Bow เข้ามาในสนาม จะได้รับ At +2 เป็นเวลา 2 Turn ”
ลูเซีย บรรยายสรรพคุณของ ไคเลอร์ ถึงออร่าที่ ปรากฏบนคันธนู ยามที่เธอถือมัน นั่นคือพลัง ที่เพิ่มขึ้นจากการได้จับ
อาวุธที่ชำนาญ

“ จากนั้น ให้ ไคเลอร์ รวมร่างกับ อันโดรมาซ เมื่อรวมกับผลของการเพิ่มค่าพลังเมื่อครู่แล้ว ค่า AT ของ ไคเลอร์
จึงมีเท่ากับ 12 ”
ลูเซีย ประกาศขึ้นพร้อมกับ จอภาพโฮโลแกรม สำหรับ ใส่คำสั่ง รวมร่างได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ
ทันทีที่ ทำการลากการ์ดที่ปรากฏบนจอโฮโลแกรม เสร็จสิ้น อันโดรมาซ จึง เดินเข้ามารวมกลุ่มกับ
ไคเลอร์ แทน


“ Cost Mp 2 อัญเชิญ ซานดร้า เดลิเวอร์แบนด์ แดนเซอร์ (Sandra, Deliver Band Dancer) ไว้ที่ Df Line ”
ลูเซีย ร่ายอสูรอัญเชิญ นักเต้นแห่ง วงเดลิเวอร์ แบนด์ เพิ่มขึ้นมาในสนามด้าน หลังขึ้นมา ไว้อีกนาง
นักเต้นสาวน้อย ออกมาร่ายลำท่วงท่าอันงดงาม อ่อนช้อย ก่อนจะนั่งย่อเข่าลงรออยู่ในแนวหลัง

“ หมดรอบแค่นี้ ”
เธอ ประกาศ จบรอบการเล่นของตัวทันที


{เท่านี้ ก็น่าจะพอต้านการบุกของ อีกฝ่ายได้แล้ว เจ้านั่นมันมี At 12 ทางเราก็ 12 เหมือนกัน แถม Sp มากกว่าด้วย
และถ้าตีเข้ามาจริงๆ ด้วย skill ของ ไคเลอร์ เราจะสังเวย คันธนูแห่งพระพร ทำลายมิสติก

ที่ทำให้มันอยู่ในสภาพร่วมร่างนั่นซะ ค่าพลังของ ไคเลอร์ ไม่ได้หายไป แม้จะต้องเสีย คันธนูไปก็ตาม
แต่ว่า ค่าพลังของ มันจะลดไปแบบฮวบฮาบเลยทีเดียว แล้วก็ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีก เราก็ยัง มี เดวิด
อยู่บนมืออีกใบไว้ใช้ skill จัดการกับ Ability หรือ Skill ที่มีปัญหาซะ เท่านี้การตั้งรับนี่ก็สมบูรณ์แบบ }

ลูเซีย คิดทวนถึงแผนการณ์รับมือในรอบนี้ ไม่มีทางที่ อิส จะบุกทะลวงเข้ามาได้แน่ ในความคิดของเธอ
ทว่า

“ รอบของ ผม… ”
อิส ประกาศรอบของตน ก่อนจะ ดึงเอา มิสติกการ์ดขึ้นมา อีก 2 ใบ

[Iss Status; Hand:Seal2 ,Mystis3 Mp:7/7 Shrine 0/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal2 ,Mystic4 Mp:7/7 Shrine 0/12 ]

“ Cost mp 3 ให้ เฟนท์ โจมตี… ”
เค้าประกาศ ในสิ่งที่ ลูเซีย ไม่อยากเชื่อว่าเธอจะได้ยิน อสูรหนุ่ม บุกตรงรี่เข้า มาหา ไคเลอร์
ของเธอ อย่างรวดเร็ว

“ เดี๋ยวก่อนวันในโลกนี้เป็นวันพฤหัสใช่ไหม ด้วยผลของ Mace of Ira หากเกมนี้แข่งขันในวัน พฤหัส มิสติกนี้จะ
ได้รับ ชนิด ของ Tarot: The Moon เพิ่มขึ้น และด้วย Ability ของ เฟนท์ เมื่อมีมิสติกการ์ด
ประเภท Tarot:The Moon ในสนามมันจะได้รับ At +3 Df +2 Sp +1 การ์ดสองใบนี้เป็น Combo กันอยู่ ”

เสียงกระซิบ ที่เธอได้ยิน เมื่อครู่นี้ ดังขึ้นอีกครั้งและเตือนเธอถึงความสามารถของ เฟนท์ ที่กำลังบุกมา

“ อ๊ะ เสียงนี้อีกแล้ว…เดียวก่อนนะ เมื่อกี้ บอกว่า At ของเจ้านั่น เพิ่มขึ้นมาอีก 3 งั้นเหรอ ก็หมายความว่าตอนนี้ ทางนั้น
ค่าพลังสูงกว่านะสิ ”
ลูเซีย เผลอตัว อุทานขึ้นมากับข้อความที่ได้ยินจากเสียงกระซิบนั้น

“ แย่ล่ะ! ในตอนนี้ ฉัน Cost mp 2 ให้ ไคเลอร์ ใช้สกิล Sacrifice มิสติกการ์ด ที่มีคำว่า Bow อยู่ใน
ชื่อหนึ่งใบในสนาม จากนั้นทำลายมิสติกการ์ด 1 ใบในสนามได้ เลือก Sacrifice คันธนูแห่งพระพร
และทำลาย Mace of Ira ”
ลูเซีย ประกาศใช้ความสามารถของ ไคเลอร์ ก่อนที่มือธนูสาว จะยกคันธนูขึ้นง้าง ศรยิง ยิงไปที่
คฑา ในมือ ของ อสูรหนุ่ม ทว่า ศรที่แผลง ออกไปนั้นกลับ ถูก คฆา ปัดทิ้งอย่างง่ายได้
โดยที่ผลการทำลายนั้นไม่เกิดขึ้น

“ อ…อะไรกันเนี่ย ทำไมทำลายไม่ได้ล่ะ..ถ้างั้นก็ Cost Mp 3 ให้ เดวิด เดลิเวอร์แบนด์ คอนดักเตอร์ บนมือใช้สกิล
นำการ์ดนี้เข้ามาในสนามที่ At Line จากมือ และสั่ง ซีล 1 ใบในสนามซีล นั้น ยกเลิก Ability และ Skill ของ
ซีลฝ่ายตรงข้ามของ เดวิด นั่นเท่ากับ จะทำให้ ความสามารถในการบวกค่าพลังของ ตัวมันหายไปนั่นเอง ”

ลูเซีย ประกาศพร้อมกับ โยน การ์ดซีล ในมืออกไป อสูรอัญเชิญ นักกำกับวงหนุ่มน้อย เดวิด แห่งเดลิเวอร์แบนด์
ปรากฏตัวขึ้นในสนาม พร้อมกับ ขับขานบทเพลง ที่เคยใช้ปราบ ออบซิเดียน บีทเทิลในการดวลกับ อาจารย์ รัตนชา มาแล้ว

ทว่า ดูเหมือนการขับขานนี้จะไร้ผล เพราะ อสูรหนุ่มเฟนท์ ยังตงบุกเข้ามา โรมรัน กับ ไคเลอร์ ก่อนจะตวัด
คฑา ทุบร่างของ เธอ และ อันโดรมาซ ที่คอยสนับสนุนอยู่ให้สลายไปพร้อมๆกัน

“ ด…ได้ไงกัน…ทั้งที่น่าจะชนะแล้วนี่ ”
ลูเซีย เปรยสีหน้าของ เธอช๊อคนิดหน่อย กับผลของการตั้งรับเมื่อครู่ทั้งที่เธอคิดว่า วางแผนรับเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว
แต่คนที่ถูกจัดการเสียราบคาบกลับเป็นเธอ ทั้งเสีย ทรัพยากรในการ หยุดยั้งอีกฝ่าย ไปอย่างสูญค่าไม่พอยัง
ต้องเสีย ทีให้กับการโจมตีนั้นอีก

“ ด้วยผลของ Mace of Iraที่เพิ่ม ประเภทของ The Moon ขึ้นมา ทำให้ เฟนท์ ยกเลิก Skill ของ ซีล
และด้วยความสามารถของ เฟนท์ มันก็จะป้องกัน Skill ให้พ้นไปจาก มิสติกการ์ดที่ เป็น ประเภท The Moon ให้ด้วย
ดังนั้น ทั้ง Skill ของ ไคเลอร์ ที่เล็งไปที่ Mace of Ira จึงสะท้อนออก และSkill ของ เดวิด ที่มีเป้าหมายไปที่
ตัว เฟนท์ ก็จะไร้ผลไปด้วย ”

เสียงกระซิบนั้นดังขึ้นอีกครั้ง

“ แล้วแบบนี้…จะทำยังไงล่ะ… ”
ลูเซีย เปรยความรู้สึก สับสนอันเกิดจากความกดดัน ก่อตัวขึ้นในจิตใจของเธอ

…………………..
……………………………………
ทางด้าน กลุ่มของ ฟรานซิสก้า

แกว๊กกกก!!

เสียงคำรามของ ซิส อสูรเทพวิหก ผู้ปีกโอบอุ้มนภา ดังกึกก้อง ไปรอบอาณาบริเวณ ของสะพานพุทธฯ
อำนาจเสียงของมันนั้นสร้างคลื่น ลมพัดเป่าเอา สิ่งต่างๆที่อยู่รอบปลิวกระเด็นไปได้อย่างง่ายดาย
หนึ่งเสียงคำรามของมันนั้น อานุภาพเทียบเท่าพายุ ลูก กลางๆหนึ่งลูกเลยทีเดียว


“ หวาย!!!! ”
แอน ร้องเสียง หลงขณะที่ปลิวไปกับแรงลมที่เกิดจากการ คำรามของ ซิส
โชคยังดีอยู่บ้างที่ เธอไม่ปลิวกระเด็นจนตกสะพานไป เพราะ ไดสุเกะ เข้ามา คว้าเอาขาเธอไว้ได้ซะก่อน
โดยมี อสูรอัญเชิญ สมิงเสือดาว ทากะ ของเค้า คอยช่วย คว้าเท้าของเค้าเอาไว้อีกที และ ใช้เท้าของมันเองยึดเกาะ เสาสะพาน ไว้อีกทอด

สภาพของพวกเค้าตอนนี้ เกาะกันเป็นทอดๆ ขณะที่ปลิวอยู่กลางแรงลม นอกราวสะพาน หากลมนี่หยุดลงเมื่อไหร่พวกเค้าก็คงร่วง หล่นลงไปในแม่น้ำ ด้านล่าง เหตุการณ์แย่ลงไปอีก เมื่อ เลวีอาทาน ที่กำลัง ประมืออยู่กับ
อสูรผู้พิทักษ์ผนึกแห่ง เลกซ์เดทีโอ ของ คิระ เกิดเปลี่ยนความสนใจมาที่พวกเค้าแทน ร่างยาวเขื่อง
ของมัน ค่อยๆลัดเลาะมาตามท้องน้ำ ที่ราวกับเป็น แค่แอ่งน้ำตื้นๆสำหรับมัน



“ หนอย….แก กล้าเมิน ฉันคนนี้งั้นเรอะ! ”
คิระ สบถด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะสั่งให้ อสูร ผู้พิทักษ์ของเค้า ไล่ตามไป

“ หวาย!! แย่แหล่ว Oh My God!!! มันจามาทางหนี่แหล่วหนา!!! ”
แอน ที่เห็น เลวีอาทาน เลื้อยตรงรี่เข้ามาอย่างกระหืดกระหาย อย่างกับเห็นเธอที่
ห้อย โตงเตง อยู่กลางอากาศ เป็นชิ้นเนื้อของเบ็ด ที่ล่อให้มันมาเขมือบ ยังงั้น

“ ชิ…ทากะ เร่งหน่อย!! ”
ไดสุเกะ เร่ง ให้ อสูรของเค้า ที่ตอนนี้พยายามจะดึงพวกเค้ากลับขึ้นสะพาน ทว่า แม้จะมี ไอซิเคิล ฮาวน์ของ แอน
มาช่วยดึงอีกแรงแล้ว แต่ว่าพวกมันก็ยังร่อแร่กับการต้านแรงลมไม่ให้ปลิวตามไปอีก

“ ตายแน่ๆเลยงานนี้…แง!! ”
แอน เริ่มโวยวายหนักขึ้นไปอีก เมื่อ ปากซึ่งเป็นไปด้วย เขี้ยวคมกริบขนาดใหญ่ ของมัน อ้าง้าง
ขึ้น เพื่อเตรียมจะงาบทั้งเธอ และ ไดสุเกะ ลงไปในท้องพร้อมๆกันเสียเลยทีเดียว

“ แย่ล่ะ! ”
ฟรานซิสก้า สบถ ก่อนเตรียมจะ พุ่งตัวกลับไปช่วย พวก แอน ทว่า ราวกับสามอสูรเทพ จงใจ
เล่นสนุกกับพวกเค้า ซิส ที่เธอ ให้ ฟรานเซสก้า รับมือ อยู่นั้น มันกลับเลิกสนใจ ฟรานเซสก้า ที่คอยจู่โจม
ล่อเป้า แต่หัน เอากรงเล็บของมัน มาวางขวางบนสะพานไว้ไม่ให้เธอ เข้าไปช่วย แอน

“ นี่! แก! ”
ฟรานซิสก้า สบถด่า กับการกระทำของ มันที่มาขวางเธอไว้ เสี้ยววินาทีนี้ เธอกำลังจะต้องดูรุ่นน้องของตน
ถูกเขมือบทั้งเป็นไปโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย


“ เร็วเข้า!! แกรนเดครอส ”
เสียง ตะโกนดังขึ้น ในเสี้ยววินาทีนี้ ก่อนที่กรงเล็บอันมหึมาของ มังกรขาวยักษ์ แกรนเดครอส
จะพุ่งเข้ามา อัดที่หัวของ เลวีอาทาน อย่างจัง จนมันล้มระนาดไปอีกทันที ช่วยให้ แอน และไดสุเกะ
รอดมาได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด


“ ขอโทษนะคะ ที่มาช้าไปหน่อย… ”
เสียงเมื่อครู่ดังขึ้นอีกครั้ง แอน ไดสุเกะ ฟรานซิสก้า มองหาต้นตอของเสียงนั้นทันที
เจ้าของเสียงนั้น คือ ชุติการ ที่เกาะ บันไดเชือกของ เฮลิคอปเตอร์ โดย มีคนดูแลของเธอ

ที่มาตามเธอจากโรงพยาบาลไปพบ รมต. เมื่อเช้า เป็นคนขับ ฝ่าแรงพายุนี้เข้ามา ก่อนจะส่งเธอลงบน
สะพานและรับสัญญาณมือจากเธอ ที่บอกให้เค้า หลบไปจากที่นี่ พร้อมกับ ขับเฮลิคอปเตอร์ ออกจากรัศมีการต่อสู้นี้ทันที

“ ชุติการ! ”
พวกเค้า อุทาน ชื่อของเธอขึ้นมาด้วย ความโล่งใจ ขณะที่ แกรนเดครอส ส่งอุ้งมืออันมหึมาของมัน
ประคอง ร่างของ แอน กับ ไดสุเกะ กลับขึ้นมายืนบนสะพาน ด้าน ซิส ที่หวัง
จะให้ เลวีอาทาน จัดการกับ พวกเค้า ก็แสดงออกถึงความไม่พอใจ มันคำรามก้อง

ก่อนจะ พุ่งเข้าเล่นทีเผลอ ทว่า ร่างของ มังกรทมิฬ อันคารากอน ก็พุ่งเข้ามากระแทกจนมันกระเด็น
ตกลงไปทับ ร่าง ของ เลวีอาทาน จนหงายท้องตามไปอีกตัว

“ ลำบากแย่เลยนะ ฟรานซิสก้า ”
เสียงของ ผู้ควบคุม อัลคารากอน ดังขึ้นพร้อมกับร่างของเจ้าของเสียง ได้เดินเข้ามาหา
ฟรานซิสก้า ที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่บนสะพาน แทบไม่ต้องหันไปมอง เธอก็รู้แล้วว่า เจ้านายของเธอได้มาแล้ว

“ มิได้ค่ะมาสเตอร์ ”
เธอรับคำก่อนจะหลีกทางให้ แก่ มาริน่า ที่ย่างสามขุมออกมาด้านหน้า

แปร๋น!!!!

เสียงคำรามดังก้อง มาจาก อีกฟากของ สะพาน บีทฮีมอท ซึ่งกำลังคลุ้มคลั่ง วิ่งตรงรี่
มายังสะพาน ช่วงที่ มาริน่า และ ฟรานซิสก้า ยืน อยู่ อสูรอัญเชิญ นางฟ้าแห่งดาบ
ฟรานเซสก้า ของเธอ รีบตรงเข้ามาเพื่อที่จะป้องกัน เจ้านาย แต่ว่าลำพังพลังของ อสูรตนเดียว
คงทานเอาไว้ไม่อยู่แน่

/Telepotation/
เสียงดังกังวานขึ้นจาก ปลอกแขน Note ของ มาริน่า ก่อนที่ร่างของ เธอ และ ฟรานซิสก้า
รวมไปถึง ฟรานเซสก้า จะเคลื่อนย้ายพริบตามา อยู่ฝั่ง เดียวกับพวกแอน ทำให้ บีทฮีมอท พุ่งชนสะพาน เปล่าๆไป

“ เอ้า ตอนนี้เลย Great of Dragon ”
เสียงของ ศรี ดังขึ้น ก่อนที่ อัศวินมังกรทาลิวิลย่า สองตน ตนหนึ่ง มีปีกและเกราะกายสีฟ้าขาว อีกตน
เกราะและปีกเป็นสีน้ำตาล จะทะยาน เข้ามาและยิงลำแสงมังกร ออกไปโจมตีใส่ บีทฮีมอท ที่ทะเล่อทะล่า
ทะลวงสะพานมาแรงจากการวิ่งของมันเสริมแรงการโจมตีจากการสวนกลับครั้งนี้ เสียจน มันล้มโครม
ลงกลางแม่น้ำเลยทีเดียว

Thaliwilya
รูปภาพ

Thaliwilya, the God of Dragoon
รูปภาพ

“ เอาล่ะคนครบแล้วงั้นก็เตรียมลุยอัดไอ้เจ้าสามหน่อป่วนเมืองนี่กันเลยเถอะ ”
ศรี ประกาศ รวมพลบุกผ่าน Note กับ ทุคนที่ตามสมทบพร้อมกันหมดแล้ว ขณะที่ตรงมายังสะพาน
ด้วย โดมินิก้า ของ โคทาโร่ บัดนี้กองทัพอสูร ซึ่งมี อสูรเทพมังกรขาวและมังกรทมิฬ เป็นกำลังหนุน
ศึกระหว่างเทพ กำลงจะเปิดฉากขึ้น………………..

……………………………
……………………………………………
…………………………………………………….

[Iss Status; Hand:Seal2 ,Mystis3 Mp:4/7 Shrine 0/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal1 ,Mystic4 Mp:2/7 Shrine 4/12 ]

บัดนี้ การดวลระหว่าง ลูเซีย และ อิส ยังคงดำเนินต่อมาเรื่อยๆ หลังจากการบุกด้วย เฟนท์ ในรอบของอิส นี้
เธอไม่สามารถหยุดยั้งการบุกนั้นได้ ทำให้ เธอต้องเสีย ไคเลอร์ และ อันโดรมาช
อสูรอัญเชิญ อันแข็งแกร่งไปพร้อมกันทีเดียว ถึงสองตน

“ หมด…รอบ… ”
อิส เปรยเสียงกระตุก เช่นเคย ตัวตนของเค้าในตอนนี้ก็ยังไม่ใช่ตัวตนของเค้าอย่างทุกที

“ ร…รอบของฉัน ”
ลูเซีย ประกาศรอบของตนเสียงสั่น หน่อยๆความวิตก ทำให้เธอมือไม้สั่นเสียจนเกือบทำ
ซีล การ์ด อีก 2 ใบที่จั่วขึ้นมา ตกพื้นเอา

[Iss Status; Hand:Seal2 ,Mystis3 Mp:4/7 Shrine 0/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal3 ,Mystic4 Mp:2/7 Shrine 4/12 ]


“ เฮ้อ~ ”
เธอ ถอนหายใจเบาก่อนจะเริ่มตั้งสติรวบรวมสมาธิให้กับการดวลใหม่อีกครั้ง หลังจากที่แตกกระเจิง
เพราะ การบุกกับเรื่องชวนหัวต่างๆที่ ประดังเข้ามาตลอดการดวล

“ ยังดีนะที่ฝ่ายโน้น ไมได้บุกต่อ… ”
ลูเซีย เปรยเบาๆกับตัวเอง

“ แน่สิ ตอนนี้ฝ่ายโน้น น่ะไม่ใช่ตัวของตัวเอง แต่กำลังถูกควบคุมอยู่ ”
เสียงกระซฺบ ลึกลับดังขึ้นอีกครั้ง จนถึงตอนนี้ตัวเธอก็เลิกที่จะสงสัยเกี่ยวกับที่มาของเสียงแล้ว
ขอแค่เพียงมันจะช่วยเธอได้ ก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลใดๆที่ต้องสงสัยอีก

“ ควบคุม? ”
ลูเซีย ทวนที่เธอได้ยินอีกครั้ง

“ ใช่ ตอนนี้ตัวเค้าน่ะไม่ใช่ตัวของตัวเองอยู่ แต่กำลังถูกอะไรบางอย่างควบคุมอยู่ ”
เสียงกระซิบเดิม ตอบกลับมา

“ แล้วเป็นฝีมือของใครกันล่ะ ”
ลูเซีย กระซิบถามขึ้นต่อเสียงนั้น

“ เรื่องนั้นน่ะเธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ที่สำคัญคือหาทางอยู่ให้ได้ในอีก 2 รอบที่เหลือนี่ก่อนเถอะ ”
เสียงกระซิบเดิมตอบกลับมา โดยไม่ยอมตอบในสื่งที่เธอถาม แม้จะยังคลางแคลงใจแต่เธอ
ก็ไม่ปริปากบ่นหรือเร้าจะถามต่อแต่อย่างใด ก่อนจะเริ่มตั้งสมาธิกับการดวลเสียใหม่

สายตาของเธอทอดไปบนสนามบน ฝ่ายของเธอตอนนี้ เหลือเพียง เดวิดที่ At Line และ ซานดร้า
ที่ Df Line เท่านั้น ส่วนสนามของ อิส นั้นมี เฟนท์ ที่มีค่าพลังสูงถึง 15 เพียงตัวเดียว
แต่ก็เป็นปัญหาที่เธอยากจะรับมือได้ สถานการณ์คงจะเป็นเช่นนั้น แต่ทว่าตอนนี้
บนมือของเธอนั้นได้ กุญแจที่จะเปิดทางไปสู่ชัยชนะ เก็บไว้เป็นที่เรียบร้อยไปก่อนแล้วพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ
อย่างมั่นใจ

“ รอบนี้ให้ ซานดร้า เดลิเวอร์แบนด์ แดนเซอร์ ที่อยู่ใน Df Line ทำการ Dancing ไปยัง At Line”
ลูเซีย สั่งการจบ ซานดร้า ที่อยู่ในสนามแนวหลังจึงเริ่ม วาดไม้วาดมือ เริงระบำ ไล่ขึ้นมายังแนวหน้า
อย่างช้าๆ ในระหว่างนี้ ลูเซีย จึงเริ่มอธิบายถึงความสามารถของการ เดินหมากในรอบนี้

[Dancing คือ Ability เฉพาะของเผ่า Dancer โดยจะเป็นการกำหนด Line ของ ซีล ที่มีใช้ Ability นี้
โดยเมื่อทำการเปลี่ยนไปยัง Line ที่กำหนดเอาไว้ จะทำให้เกิดความสามารถ ที่ระบุเอาไว้ใน text ของ
Dancing Ability นั้นๆ ]

“ ด้วยการ Dancing นี้ จะทำให้สามารถเลือกผลได้งอย่างใดอย่างหนึ่งจาก 3 อย่างด้วย
กัน 1 คือ เมื่อ ซานดร้า รวมร่างกับ ซีลรองที่เป็น ธาตุน้ำและทำการ Dancing แล้ว จะสามารถ
เลือกซีล 1 ใบที่มีค่า Df น้อยกว่า ซานดร้า ให้ติด Freez Curse1 Turn และ

ข้อที่สอง สามารถนำ ซีล ที่มีคำว่า Deliver Band อยู่ในชื่อ เข้ามาในสนามจากมือได้ 1 ใบ
หรือ อย่างที่สาม ถ้ามีซีล ที่มีคำว่า Deliver Band ใบอื่น อยู่ในสนามสามารถ แสดงมิสติกการ์ดจากบน
สุดของกอง1ใบหากการ์ดนั้นมีค่าร่าย เท่ากับ 2 ให้นำขึ้นมือ ถ้าไม่ใช่ก็ให้ทิ้งไป ”

ลูเซีย อธิบายไประหว่างรอจน ซานดร้า ทำการ Dancing เสร็จ เธอจึงหยิบเอา ซีลการ์ดบนมือ
ของเธอโยนออกไปพร้อมกับ ประกาศเลือกความสามารถ จากที่บรรยายไปก่อนนี้

“ และ ฉัน ขอเลือกอย่างที่สอง อัญเชิญ ซิโมเน่ เดลิเวอร์แบนด์ อัลเคมิส(Simone, Deliver Band Alchemist)
จากมือไปที่ At Line ”

สิ้นคำ ซีลการ์ดที่โยนออกมา ก็ทำการดูดซับละออง เวทย์รอบๆที่เกิดจาก ปลอกแขนของเธอ
ก่อนจะปลดผนึก ปล่อยอสูรอัญเชิญ นักแปรธาตุสาว ผมสีเงินยาวไพร่หลัง ควงไม้เท้าประจำตัวไปมาเสียหนึ่งรอบ
ในสนาม At Line ของ ลูเซีย

“ จากนั้น Cost Mp 1 ให้ ซิโมเน่ โจมตี และให้ Ability ของ ซิโมเน่ ทำงาน เมื่อ ซิโมเน่ ทำการต่อสู้
สามารถนำ มิสติกการ์ด ชนิด PS ประเภท Relic 1 ใบในสนามไปยัง Shrine ได้ จากนั้น ซิโมเน่
จะได้รับค่า At เพิ่มขึ้น อีก 2 หน่วยถาวร ”

สิ้นคำของ ลูเซีย นักแปรธาตุซิโมเน่ ของเธอ จึงเริ่มทำการร่ายบทเวทย์และกระบรวนการ แปรธาตุ
ลำแสงแปลบปลาบ แล่นออกจากมือ ซ้ายของเธอ พุ่งตรงไปทำลาย คฑา Mace of Ira ในมือของ เฟนท์

จนสลายกลับเป็น ละอองพลังเวทย์ ก่อนจะดูดกลืน ละอองเหล่านั้น มาเก็บกักเอาไว้ใน ไม้เท้า
คู่ใจของเธอ โดยเหนี่ยวนำ ด้วยแสงเวทย์แปรธาตุที่เธอร่ายไปทำลายเมื่อครู่

“ mace of ira ป้องกันจาก skill ก็จริง แต่นี่เป็น ability เพราะงั้นเรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา
และเมื่อ ไม่มี mace of ira แล้ว ค่าพลังของ เฟนท์ ก็จะกลับมาเป็นที่ 8 เท่าเดิม ซึ่งในตอนนี้เอง ซิโมเน่
ที่ได้รับค่าพลังเพิ่มขึ้นมาจาก ability ทำให้มีค่า At เท่ากับ 9 หน่วย ”
ลูเซีย กล่าวพร้อมๆกันกับที่ ซิโมเน่ เตรียมการพร้อมแล้ว ไม้เท้าของเธอสะสมพลังจากการ ดูดกลืนเอา
พลังจาก คฑา mace of ira เป็นที่เรียบร้อย เธอจึงยกไม้เท้าขึ้นตวัด ลำแสงเวทย์ ออกไป

คลื่นลำแสงแล่นแปลบปลาบ ไล่ลี้ตรงไปยัง เฟนท์ และพัดเป่า ร่างของ เฟนท์ จนสูญสลายกลายเป็นละออง
พลังเวทย์ไปในพริบตา

[Iss Status; Hand:Seal2 ,Mystis3 Mp:4/7 Shrine 2/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal2 ,Mystic4 Mp:1/7 Shrine 4/12 ]

“ เป็นไงล่ะ! ”
ลูเซีย ร้องพลางยกมือขึ้นกำ อย่างมีชัย

“ โฮ่ ไม่เบาเหมือนกันนี่ ดูท่าว่าคงไม่ต้องรอให้ถึง อีก 2 รอบถัดไปแล้วล่ะ ขอบใจมากเลย
ช่วยเซฟเวลาไปได้เยอะเลยเชียวล่ะ ”
เสียงกระซิบ นั้นดังตอบรับขึ้นมาก่อน จะเงียบหายไป ขณะเดียวกันบริเวณ รอบก็เริ่มบิดเบี้ยวไปมาคล้ายกับว่า
มิติรอบๆนี้กำลังจะหนุมเกลียว จนเกิดเป็นคลื่นพลิกบรรยากาศรอบๆ ความบิดผันที่เกิดขึ้นนี้ ดำเนิน
ได้ไม่เนิ่นนาน ทุกอย่างก็กลับสู่สภาพปกติ แต่ทว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ในสนามของเธอ และ ของอิส
จำนวนของ อสูร ในสนามนั้นเปลี่ยนไป อีกทั้งจำนวน Shrine ของเธอและเค้าก็ยังเปลี่ยนไปด้วย

ในสนามของเธอตอนนี้ นอกจาก เดวิด ซานดร้า และ ซิโมเน่ ที่อยู่ใน At Line ของเธอแล้ว
ไคเลอร์ เดลิเวอร์แบนด์ อาเชอรื และ อันโดรมาซ เดลิเวอร์แบนด์ ยูนิคอร์น ไนท์ ของเธอที่เคยเสียท่าถูก
จัดการไปแล้ว กลับคืนชีพมาอยู่ในแนว Df line ของเธอ แทน ส่วน ค่า Shrine ของเธอ ก็กลับไปเป็น 0

เช่นเดิม อีกทั้งในสนามฝั่ง อิส ตอนนี้ กลับมี มาร์วิน ทั้ง 4 รูปแบบ ยืนเรียงแถวพร้อมกันในสนามแนว At line
ของเค้าแทน และค่า Shirne ที่ควรจะมีอยู่ 2 จากการที่ อสูรอัญเชิญ เฟนท์ ถูกจัดการ กลับถูกเคลีย์ออกจนเหลือ 0
เช่นกัน พร้อมๆกับ ที่ว่าการ์ดซีลของ เฟนท์ นั้นก็ไม่ได้อยู่ใน Shrine ด้วย

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ เธอเผชิญมาตลอด 2 รอบที่ผ่านมา ราวกับว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น และ
ดูเหมือนราวกับว่า เธอ กำลังดำเนินการดวล คนละอย่างกับที่เธอ ได้เล่นผ่านมาไปเลย

“ น…นี่มันอะไรกัน….เมื่อกี้เป็นความฝันงั้นเหรอ ”
ลูเซีย เปรยสีหน้าของเธอแสดงเห็นชัดว่าทั้ง ช๊อคและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ จนแทบจะยืนไม่อยู่
เมื่อเธอ มองหน้าปัดโฮโลแกรม ที่ฉายจาก ปลอกแขนึ่งระบุค่า Mp และ Shrine

[Iss Status; Hand:Seal3 ,Mystic2 Mp:7/7 Shrine 0/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal3 ,Mystic4 Mp 7/7 Shrine 0/12 ]

/Master, Are you ok?/(มาสเตอร์,เป็นอะไรรึเปล่าคะ?)
ไมโครโฟน ถามขึ้นเมื่อเห็นว่า ผู้เป็นนายอยู่ๆเงียบไปและแสดงสีหน้า วิตกกังวล
แม้ว่าตัวมันจะเป็น ปัญญาประดิษฐ์(Ai) แต่ความรู้สึกกังวลของ ลูเซีย ผู้เป็นนายนั้น ก็ส่งออกมาอย่างชัดเจน
จนมันรับรู้ได้ แม้เธอจะไม่พูดอะไรออกมาก็ตาม

“ ม…ไมค์ ตอนนี้รอบของฉันอยู่ใช่ไหม? ”
ลูเซีย เปรยถามขึ้นเพื่อเช็คว่า เมื่อครู่นี้เธอฝันไปรึไม่หากเป็นรอบของ เธอ นั่นคงไม่ใช่ความฝัน เพราะทั้งนี้
การ์ดบนมือของเธอ ก็ยังคงมีจำนวนเท่าเดิมและเป็นชุดเดียวกับที่เธอใช้ดวลอยู่จนถึงเมื่อครู่ อีกทั้ง การกำหนด Line
ของ ซีลในสนามของเธอ ก็ยังเป็นเช่นเดิมเพียงแต่ ไคเลอร์ กับ อันโดรมาซไม่ได้ถูกทำลาย และอยู่ใน Df Line แทน


/What you speak?,This is opponent Turn /(พูดอะไรน่ะ?,นี่เป็นรอบของฝ่ายตรงข้ามนะ)
ไมโครโฟน ตอบและดูจะสงสัยว่าเธอถามอะไรแปลกๆกับมัน แต่ที่แปลกใจและสงสัยไม่แพ้กน ก็คือตัว ลูเซีย เอง
หากนี่เป็นรอบ ของ อิส แล้วการดวลที่ผ่านมาเมื่อครู่ล่ะ แล้ว การ์ดบนมือกับ ในสนาม ทำไมทุกสิ่งจึงดูราวกับว่า

ความฝันและความจริงนั้นตีกันมั่วไปหมด ตอนนี้ ตัวเธอ แทบจะไม่รู้ว่าอันไหน คือความจริงอันไหนคือความฝันแล้ว
และในตอนนี้ สิ่งที่เธอคิดถึงเพียงอย่างเดีวก็ คือ เสียงกระซิบที่พูดคุยกับเธออยู่ก่อนนี้

“ นี่นาย…เอ่อ..ACE ยังอยู่รึเปล่า? ”
เธอ ตะโกนถามเสียงดังเพื่อเรียกให้เสียงกระซิบลึกลับนั้นตอบคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมดนี้
แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา

/Who call ?, Master/(เรียกใครอยู่หรือคะ?,มาสเตอร์)
ไมโครโฟน ถามเธอขึ้นอีกครั้ง ด้วยความสงสัย ตัวมังเองก็เริ่มจะงงๆกับ นายของมันเสียแล้ว

“ ก…ก็เมื่อกี้นี้…ที่มีเสียงกระซิบ ของใครก็ไม่รู้ดังมาน่ะ เธอเองก็น่าจะได้ยินนี่ ไมค์ แล้ว…แล้ว..ก็ที่
ฉันสู้กับ อสูร แปลกๆที่ไม่เคยเห็นน่ะ เธอจำไม่ได้เลยเหรอ ไมค์? ”
ลูเซีย พยายามจะอธิบายว่าเธอพบกับอะไรมา แต่ดูเหมือนว่า มันจะไม่รู้เรื่องในสิ่งที่เธอพูดออกมาเลยแม้แต่น้อย

/What thing speaking Master?/(มาสเตอร์กำลังพูดถึงอะไรอยู่กันคะ?)
ไมโครโฟน ถามผู้เป็นนายของมันกลับอย่าง งงๆ

{หรือว่า มีแต่เราที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เท่านั้น ถ้าอย่างนั้นแล้วมันคืออะไรกันล่ะการดวล ก่อนหน้านี้น่ะ..}
ลูเซีย ขบคิดอยู่ในใจ ปัญหาที่ยากจะหาคำอธิบายใดๆมาตอบได้ วกวนไปมาอยู่ในหัวของเธอ จนแทบจะ
ไม่มีสมาธิกับการดวล และไม่ทันรู้ตัวว่า ตอนนี้ อิส ได้ประกาศให้
ผู้วิเศษ มาร์วิน(Zechariah Marvin, the Wonderer) ทำการโจมตี มาที่ ซานดร้า ของเธอแล้ว
รูปภาพ

“ cost Mp 1 ให้….ผู้วิเศษมาร์วิน…โจมตี… ”
สิ้นคำประกาศของ อิส มาร์วิน ซึ่งอยู่ในชุดของจอมเวทย์วารีสีฟ้าอ่อนเริ่มทำการ ร่ายเวทย์ โดยวาดไม้เท้า
คู่กายอันเป็นสัญลักษณืประจำอาชีพ ผู้วิเศษของตนนี้ ทันที

/Master!/
“ รู้แล้ว!! ”
ไมโครโฟน เตือนเธอขึ้นทันที ขณะที่ กระแสน้ำอันเกิดจากเวทมนต์ของ ผู้วิเศษมาร์วิน นั้นไหล่บ่าตรง
มายัง ซานดร้า ที่กำลังรอตั้งรับอยู่

“ เธอน่ะ…อยู่ที่นั่นใช่รึเปล่า ”
อิส ถามขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเธอเริ่มเอียนกับการที่เค้าถามแบบนี้ไม่เลิกเสียที ประกอบกับความหงุดหงิดอันเกิดจาก
ความสับสนกับ สถานการณ์ในตอนนี้ ทำให้เธอตะคอก กลับมา

“ ก่อนนี้เคยอยู่ แต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว!!! ”
ลูเซีย ตะคอกตอบออกไป พร้อมกับ หยิบเอา มิสติกการ์ดบนมือร่าย ออกไปทันที เฟืองบนปลอกแขน
ของเธอจึงเริ่มหมุนเพื่อสร้างละอองพลังเวทย์ออกมา

/Master…/
ไมโครโฟน ส่งเสียงออกมาแผ่วๆราวกับว่า คำพูดเมื่อครู่นี้ของเธอนั้น มีความหมายอะไรบางอย่าง

“ Cost mp 2 ร่าย Discouragement ไปติดที่ ผู้วิเศษ มาร์วิน ซีลที่ติดตั้ง discouragement จะทำให้ค่า At -2 หน่วย ”
ลูเซีย ประกาศ พร้อมกันกับที่ มิสติกการ์ดที่ โยนออกไป ซึบซํบ พลังเวทย์ จากละออง บริเวณรอบๆสนามที่ปล่อย
ออกมาจาก เฟืองที่ปลอกแขนของเธอ และเมื่อมนตราถูกปลดผนึกออกมา ควันสีฟ้าอันเป็นผลของมนตราจึง

ลอยคลุ้งเข้าไปวนเวียนรอบๆร่างของ ผู้วิเศษมาร์วิน ทำให้กระแสน้ำที่ไหลบ่ามาจากพลังเวทย์ของ
มาร์วิน นั้นทอนกำลังลงกลายเป็นสาดน้ำใส่ ซานดร้า ไปธรรมดาๆแทน

รูปภาพ

{เอาล่ะทีนี้ อีกฝ่ายจะต้องโต้มาแน่ๆ}
ลูเซีย คิดขณะที่มือจับ มิสติกอีกใบมั่นเพื่อเตรียมที่จะร่ายสวนออกไป ทว่า..

“ ไม่อยู่…ฟ้า… ”
เสียงเปรยนี้ลั่นลอยออกจากปากของเค้า ก่อนที่จะทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้น ขณะที่ ซานดร้า ของเธอ
สวนกลับการโจมตีกลับไปจนสามารถทำลาย ผู้วิเศษมาร์วิน ลงได้

“ ฟ้า…เหรอ ”
{“ เธอคนนั้นมีใบหน้าคล้ายกับเธอมากเลย ”
“ คนๆนั้น ”}
ลูเซีย เปรยพร้อมกับนึกขึ้นถึงคำพูดของ เคียว ที่เธอได้ฟังก่อนออกตามหา อิส

“ ฟ้า…ฟ้าน่ะ…ฟ้า….ฮึก…ไม่อยู่..แล้ว…ฮึก ”
เสียงเปรยที่ครางสะอื้นออกมาพร้อมกับหยาดน้ำตาที่หยดลงอาบแก้มของ เด็กหนุ่มขณะที่ใช้สองมือ กอดรัด
ตนเอาไว้ ราวกับว่ากำลังถูกความหนาวเหน็บกัดกิน ความหนาวเหน็บอันเกิดจากความอ้างว้าง
วินาที ลูเซีย สามารถเข้าใจได้ขึ้นมาถึง ความรู้สึกของบุคลิคนี้ของ อิส ในทันที

{ที่หมอนี่ เอาแต่ถามว่า เธอน่ะอยู่ที่นั่นใช่รึเปล่า…เธอที่ว่าน่ะ คงหมายถึงแนไม่..ไม่สิ คงหมายถึง ฟ้า คนที่เคียวบอกว่าหน้าตาคล้ายเรางั้นสินะ ก็แปลว่า หมอนี่เห็นภาพเราซ้อนกับภาพของเธอคนนั้นงั้นเหรอ}
ลูเซีย คิดขณะที่จ้องมอง อีกฝ่ายที่ร่ำไห้เนื้อตัวสั่นเทา อย่างน่าเวทนา ขณะที่ ร่างของ ผู้วิเศษมาร์วิน นั้น
ค่อยๆสลายเป็นละอองไปอย่างช้าๆ

“ หรือว่า บุคลิค ของหมอนี่ที่เปลี่ยนไปๆมาๆ ก็เพราะว่าตัวเองสูญเสียสิ่งสำคัญไปพอทำใจรับไม่ได้
ก็เลยพยายามจะ แยกและกั้นเอาความรู้สึกเศร้าเสียใจนั้นออกไป ทำให้เกิดเป็นบุคลิคแยกออกมา
แบบนี้ …งั้นหมอนี่ก็คงคล้ายๆกับเราน่ะสิ… ”
ลูเซีย คิดบางอย่างที่ตัวเธอปิดบังเอาไว้ นั้นดูจะคล้ายกับ สถานะที่ อิส เป็นอยู่ ร่างของผู้วิเศษ มาร์วิน
ที่ค่อยๆจางหายไปนั้น ราวกับลางแห่งการจากลา ก่อนจะกลับคืนสู่รูปแบบของการ์ด อีกครั้ง
พร้อมๆกับที่ อิส ฟุบหมดสติลงไป แต่ก่อนที่ ลูเซีย จะทันได้ทำอะไร เค้ากลับลุกพรวดขึ้นมา

“ พระเอก… ”
อิสเปรย ขณะที่ยังคงก้มหน้าก้มตาอยู่ทำให้เธอเดาไม่ออกว่าตอนนี้เค้าเป็นอะไรอยู่กันแน่

“ มาแล้ว!! เอาล่ะได้เวลาไคลแมกซ์แล้วสินะ! ”/Ore-Sanjou/(ญี่ปุ่น=พระเอกมาแล้ว)
อิส ประกาศเสียงโหวกเหวกอีกทั้งท่าทาง และบุคลิคดูจะเปลี่ยนไปขัดกับก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก
แน่นอนทันทีที่ เสียงขานรับจาก ปลอกแขนของ อิส ดังขึ้น นี่คือสัญญารว่าตอนนี้ พลังของ
จอมดาบเวทย์มาร์วิน กำลังสำแดงอยู่ (Zechariah Marvin, the Swords Magician)
รูปภาพ

“ อ…เด๊ะ… ”
ลูเซีย เปรยพลางจ้องมองด้วยความงุนงง กับท่าทีที่เปลี่ยนเอาดื้อๆของเค้าเสียอีกแล้ว

“ ฮะอ้าว นี่เธออีกแล้วเหรอเนี่ยงั้นก็ดีเลย มาต่อกนจากคราวก่อนเลยละกัน เอาให้ไคล์แมกซ์กันไปเลย ”
อิส พูดท่าทางและสีหน้าดูจะกระปรี๋กระเปร่า ซะจนน่าหายห่วงที่จริงบางทีอาจจะกลายเป็นน่าหมันไส้แทนที่
จะสงสารแทนแล้วกระมัง

“ เฮ้อ~ ทั้งที่เมื่อกี้นี้ยังร้องไห้ โฮๆจะเป็นจะตายอยู่แท้ๆเลย ”
ลูเซีย เปรยอย่างเซ็งๆ ตอนนี้ดูเหมือนว่าต่อให้โลกแตกเธอก็คงจะไม่แคร์แล้ว เพราะเมื่อได้ผ่านเหตุการณ์ น่าตกใจมากมาย
มาจนเสียตอนนี้ตัวเธอก็ไม่รู้แล้วว่า ประสาทรับความรู้สึกเรื่องพิสดารของเธอมันจะเจ๊งบ๊งไปรึยัง

“ หา! ร้องไห้เรอะ!! พูดอะไรของเธอคนอย่างฉันน่ะไม่ร้องไห้หรอกเฟ้ย!! ” /Nakerude!!/(ญี่ปุ่น=ได้ร้องไห้แน่)
อิส แย้ง เรื่องที่หาว่าเค้าร้องไห้ ทว่า อยู่ๆปลอกแขนของเค้าก้ส่งเสียงขึ้นมา

“ ฮะ อ้าวเฮ้ยไม่ใช่นะ ไม่ได้พูดว่าร้องไห้นะเฟ้ย เฮ้ยเดี๋ยวก่อน เดี๋ยวเด้ ฉันยังไม่ได้ดวลเลยนะเฟ้ย เดี๋ยว !!! ”
อิส ร้องโหวกเหวก พลางรีบตะเบงเสียงเหมือนจะหยุดอะไรซักอย่าง แต่ก็ไม่ทันไร ดูเหมือน
ว่าบุคลิคของเค้ากำลังจะเปลี่ยนอีกแล้ว

“ ได้ร้องไห้แน่ ความแข็งแกร่งของข้าจะทำให้เจ้าต้องร้องไห้!! ”
คราวนี้น้ำเสียงเปลี่ยนเป็น เสียงต่ำๆ เหมือนพวกลุงๆ พลางเต๊ะท่าวางก้ามเสียเต็มที่ แต่หน้าตาออกจะดูบ๊องๆ
ไปซะแทน

“ คราวนี้ก็ธาตุดินเหรอเนี่ย.. ”
ลูเซีย เปรยทักกับ รูปแบบของเค้าในตอนนี้ที่กำลังถูกควบคุมโดยสมดุลพลังของ ผู้พิทักษ์คนทรง มาร์วิน
(Zechariah Marvin, the Guardian Shaman) แทน
รูปภาพ

“ เอ๋? นี่เจ้าอีกแล้ว~เรอะให้ตายสิน้า~~ ก็บอกแล้วไงว่า ข้าไม่สู้กับอิสตรี เฮ้อไม่รู้ทำไมถึงได้ชอบมาดวลกับข้านักน้า~ ”
เค้า บ่นป่าวๆออกมาก่อน จะแตะที่หน้าปัดปลอกแขนและเคาะมันไปหนึ่งที

/Kotaewa Kitenai/(ญี่ปุ่น= ไม่ได้ขอคำตอบซักหน่อย)
เสียงดังขึ้นจากปลอกแขนของเค้าอีกครั้ง ก่อนที่คราวนี้บุคลิคจะเปลี่ยนเป็น อีกแบบ

“ ฮะๆ พี่สาว อีกแล้วเหรอ อยากเล่นกับผมสินะ นั่นสิๆ จะเล่นอะไรกันดีล่ะ ฮะๆ ”
อิส พูดไปพลางกระโดดโลดเต้นไปเหมือนกับ เด็กๆ ในครั้งนี้เค้าถูกพลังของ นักอัญเชิญอสูรมาร์วิน
(Zechariah Marvin, the Summoner) เข้าควบคุมแทน
รูปภาพ

“ เฮ้อ~เอาเถอะนะ ถึงจะน่ารำคาญไปหน่อยแต่แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ ยังไงๆแล้วนายน่ะ
กลับร่างเดิมก่อนไม่ดีกว่าเหรอขอร้องล่ะฉันอยากคุยกับ นายตอนที่เป็นปกติมากกว่านี้น่ะ ”
ลูเซีย ออกปากต่อรองกับ บุคลิค ที่เหมือนราวกับเด็กๆของเค้า

“ ได้สิ ก็พี่สาวขอร้องนี่นา ”
อิส ตอบรับคำขอของเธอ ก่อนจะเคาะที่หน้าปัดของปลอกแขน เพื่อเปลี่ยนบุคลิคของตนเอง ทว่า

/Ore-Sanjou/
เสียงดังขึ้นพร้อมกับ ที่ยุคลิคของ เค้าเปลี่ยนไป แต่ทว่ากลับไม่ใช่บุคลิคตอนปกติของเค้าแทน

“ ฮะ..อ้าวนี่วนกลับมาที่ฉันแล้วเหรอเนี่ย ดีล่ะๆคราวนี้แหล่ะ ไคลแมกซ์ของ จริงแน่ๆ ”
อิส พูดพลางมองสำรวจตัวเองไปเรื่อย โดยไม่สังเกตุถึงสีหน้า แปลกใจของ ลูเซีย
ที่ตอนนี้เค้ากลับวนมาอยู่ในบุคลิคของ จอมดาบเวทย์มาร์วิน อีกครั้ง

“ ร้องไห้! ”
ลูเซีย ตะโกน

“ ฮะ อ้าวเฮ้ย!! ทำไรของเธอเนี่ย อย่านะเว้ย ”/Nakerude!!/
อิส ร้องปรามเธอที่อยู่ก็หาเรื่องให้เค้าเปลี่ยนบุคลิค ตอนนี้บุคลิคของเค้าถูกสับเปลี่ยนอีกครั้ง
แต่ก็ยังคงไม่ใช่ร่างปกติของเค้า

“ ได้ร้องไห้… ”
“ เดี๋ยวก่อน!! ”
ก่อนที่ อิส จะกล่าวประโยคสโลแกนประจำบุคลิคออกมา ลูเซีย ก็แย้งเค้าไว้

“ นายน่ะดูท่าจะคุยรู้เรื่องกว่านะ ช่วยเปลี่ยนกลับไปเป็น ร่างตอนปกติทีสิ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเค้าซักหน่อย ”
ลูเซีย พยายามต่อรอง โดยเธอคิดว่า บุคลิคนี้ มีความเป็นผู้ใหญ่อยู่พอตัว ถึงจะดูบ้าๆบอๆ แต่ก็ยังคงพอจะคุยกันรู้เรื่อง

“ ข้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ แม่หนู ”
เค้า ตอบปฏิเสธ คำขอของเธอ

“ ท..ทำไมล่ะ ไม่อยากจะเจอฉันขนาดนั้นเลยเหรอ ”
ลูเซีย ถามกลับเธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแค่จะขอคุยกันตรงๆกับตัวเค้ามันถึงยากนักหนาขนาดนี้

“ ยังไงก็แล้วแต่ คำขอที่แม่หนูพูดน่ะ ข้าทำให้ไม่ได้จริงๆ ”
อิส ตอบกลับเสียงลุง ปฏิเสธท่าเดียว

“ หมายความว่ายังไง..จริงสิทำไมพวกนายถึงวนกันอยู่แค่สามบุคลิคล่ะ แล้วเจ้าบุคลิค เศร้าสลดนั่น…เดี๋ยวนะ
บุคลิคของพวกนายมาจากพลังของ มาร์วินแต่ละรูปแบบสินะ งั้นที่บุคลิคนั่นไม่กลับมาก็เพราะ มาร์วินที่เป็น
ต้นพลังนั่นถูกจัดการไปแล้ว งั้นก็หมายความว่า ถ้าทำลาย มาร์วินทั้งหมดในสนามตอนนี้ ก็จะเอานายคนเดิมกลับมา
ได้งั้นสินะ ”

ลูเซีย พูดระรัว กับความเห้นที่เธอประเมินออกมาจากการสังเกตุจนถึงเมื่อครู่ ทำให้เธอคิดว่า หาก
จัดการ มาร์วน ทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่อีก สามตัว ในสนามนี้จะทำให้เค้ากลับคืนสภาพเดิมได้
แต่ อิส กลับส่ายหน้า และบอกปัดแก่เธอว่า

“ ไม่มีทางหรอก ถ้าเจ้าทำแบบนั้น นอกจาก บุคลิคที่เป็นตัวข้าและของบุคลิคอื่นๆจะไม่กลับมาแล้ว
บุคลิคของเจ้าของร่างข้า ก็จะไม่กลับมาด้วย ”
อิส แย้งถึงความคิดของเธอ

“ ทำไมล่ะ..ก็ถ้าไม่มีพวกนายแล้ว บุคลิกของเค้าก็จะต้องกลับมาสิ ”
ลูเซีย ย้อนถามเธอไม่เข้าใจว่า เค้าต้องการจะบอกอะไรแก่เธอกันแน่

“ สิ่งที่ข้าอยากจะบอกเจ้าก็คือ ตอนนี้บุคลิคของคนที่เจ้าถามหาน่ะ ไม่ได้มีอยู่แล้ว เค้าหายไปแล้ว ”
คำตอบของ เค้า นั้นทำให้เธอ ต้องสะดุดไป

“ เดี๋ยวหมายความว่ายังไง กันที่ว่าหายไปน่ะ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นล่ะถ้าฉันจัดการ พวกนายออกไปจนหมดน่ะ ”
ลูเซีย ยิงคำถามรัวใส่ เสียจน เค้าตอบให้ไม่ทันด้วยเนื่องจากว่าเป็นบุคลิคที่ชื่องช้าเอาเสียมากๆ

“ ช้าๆหน่อยสิ ข้าตามไม่ทันนา เอาเป็นว่าสรุปให้เลยแล้วกันน่ะ ถ้าเกิดว่าเจ้าฝืนดึงดัน จะเอาเค้าออกมา
โดยการกำจัดพวกข้าล่ะก็ ตอนนี้ในร่างนี้ไม่มีบุคลิคเดิมเหลืออยู่แล้ว นั่นก็เท่ากับร่างนี้จะไร้ตัวตน
หรือพูดง่ายๆก็คือ ตายนั่นล่ะนะ ”
คำตอบของเค้า ทำเอาเธอช๊อคจนถึงกับพูดต่อไม่ออกไปทันที

“ ได้ไง..แล้วแบบนี้จะทำยังไงดีล่ะ ”
ลูเซีย ถามกลับไปตอนนี้เธอไม่รู้จะทำยังไงแล้ว หากจัดการกับ บุคลิคทั้งหมด ก็จะเป็นการฆ่าเค้าไปในทันที
แต่ถึงไม่ทำเธอก็ไม่มีทางที่จะได้พบและพูดคุยกับ เค้าอีก

“ ถ…ถ้ายังงั้นยกเลิกการดวลก่อนเถอะ..แล้วเราค่อยมาคิดหาวิธี เอานายกลับมากัน ”
ลูเซีย กล่าวตะกุกตะกักพลางยื่นมือจะไปกดปุ่ม Surrender(ขอยอมแพ้) ที่หน้าปัดโฮโลแกรมของปลอกแขน
ซึ่งฉายออกมา

“ ถ้าเจ้าทำแบบนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับกำจัดพวกข้าหรอกนะ ”
เค้า ปราบเธอไว้ทันก่อนที่จะกดปุ่มพอดิบพอดี เธอหันหหน้าขึ้นมาจ้องมองเค้าเหมือนกับจะถามว่าทำไม

“ ตอนนี้ร่างของเค้าไม่มีจิตใจอยู่แล้ว ที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ในตอนนี้ ก็คือ อาศัย พวกข้า ช่วยเป็นจิตค้ำจุนร่างให้
ดูเหมือนว่า เพราะเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นกับร่างก่อนหน้านี้จะทำให้ จิตร่างเดิมหายไป พวกข้าก้เลยต้องออกมา
ช่วยค้ำจุนร่างนี้ไว้ก่อนน่ะ ”
อิส ตอบขณะที่ คำตอบนี้ทำให้เธอนึกถึง เหตุการณืที่เกิดขึ้นหลังจัดการกับ เฟนท์ ได้แล้ว

{หรือว่า…จะเป็นตอนนั้นกัน เป็นเรารีบเร่งไปทำลาย อสูรนั่นก่อนจะครบตามที่เสียงกริบนั่นบอกงั้นเหรอ}
ลูเซีย คิด เธอแสดงความกังวลในใจออกมาทางสีหน้าได้อย่างชัดเจน เธอหวาดวิตก เสียจนนึกคิดอะไรไม่ออกเลยในตอนนี้

“ ดูเหมือนว่าเจ้า จะกลุ้มใจมากเลยนะ เจ้ามีความสัมพันธ์ ใดกับเจ้าของร่างนี้มากงั้นรึ ”
เค้า ถามแต่ตอนนี้ดูเธฮจะอื้ออึงเกินกว่าจะตอบ คำถามได้

“ เอาเถอะ ถ้างั้น ข้าจะให้เจ้าได้พบกับอีกคนที่อาจช่วยเจ้าได้.. ”/Korin man o jishite/(จุติ เผยโฉมอย่างสง่างาม)
กล่าวจบ จึงร่ายซีล บนมือลงมา พร้อมกับที่ปลอกแขนส่งเสียงขึ้นอีกครั้ง อสูรที่อัญเชิญ ออกมาคือ มาร์วิน ที่อยู่ในชุด
สีขาวชุดของนักปราชญ์ (Zechariah Marvin, the Magus)
รูปภาพ

“ นี่…นาย… ”
ลูเซีย อุทานด้วยความแปลกใจกับ บุคลิคใหม่นี้

“ เอาล่ะองค์หญิงเรามาเริ่มกันเลยไหม วิธีที่จะนำตัวเรากลับคืนมา ”
อิส เปรยพลางเอามือข้างหนึ่งไปไขว้หลังไว้ และวางท่าอย่างกับพวกหัวสูง

“ อ…องหญิง? ”{คราวนี้มาแบบเจ้าชายเลยเรอะ แถมเรียก้เราว่าองค์หญิงอีก}
ลูเซีย เปรยพลางคิดในใจเกี่ยวกบ บุคลิคนี้

“ ก่อนอื่นวิธีที่จะนำตัวเรากลับมานั้นมีโอกาสไม่มากเท่าไหร่นัก ”
อิส เริ่มเข้าเรื่องต่อเลยทันที โดยไม่สนว่าเธอพร้อมหรือไม่ แต่ด้วยคำพูดที่ว่าจะมีหนทางช่วยเหลือนี้
ก็ได้จุดประกายไฟแห่งความหวังให้กับเธอ

“ แต่ว่าถ้าทำได้ ก็จะช่วยนายได้ใช่ไหมล่ะ งั้นบอกมาเลย ”
ลูเซีย ย้อนตอบ อย่างโล่งใจเมื่อรู้ว่ามีหนทาง

“ งั้นอันดับแรกขอให้เข้าใจก่อนด้วยว่า หากพลาดนั่นคือความตายของเรา วิธีที่จะนำเรากลับคืนมา
นั่นคือ ดำเนินการดวลนี้ต่อให้จบ โดยที่องค์หญิง จะต้องพยายามเรียก จิตของเราให้กลับมา ”
อิส เริ่มอธิบายถึงวิธีการทันที


“ เรียกเหรอ..ยังไง? ”
ลูเซีย แย้งถามขึ้นมาอย่าง งงๆ

“ วิธีการก็ง่ายมาก แต่มีโอกาสไม่กี่ครั้งหรอกนะ ทุกครั้งที่ องค์หญิง จัดการกับ มาร์วิน แต่ตัวได้สำเร็จ ในช่วงที่
ร่างของมาร์วิน กำลังจะสลายเป้นละอองนั้น ตอนนั้น จิตของเรา จะเชื่อมต่อถึงจิตของตัวเรา ถึงจะบอกว่าหายไป
แต่จิตของตัวเราก็ยังคงเชื่อมต่ออยู่ที่ไหนซักแห่ง หากเรียกเค้ากลับมาได้ ก็จะสำเร็จ แต่ว่า ”

อิส ตอบก่อนจะหยุดไปในช่วงท้าย เพราะคิดว่าเธอคงจะรู้ดีอยู่แล้ว

“ นั่นสินะ..ถ้าทุกครั้งที่จะต้องเรียกเค้า ฉันก็จะต้องกำจัดพวกนายไปนี่นะแล้วก็โอกาสก็มีเท่ากับจำนวนพวกของนายด้วย.. ”
ลูเซีย ตอบที่เหลือต่อ ด้วยเสียงอันแผ่วเบา แต่ก็พอจะได้ยิน ตอนนี้ความลังเลกำลังเกิดขึ้นในจิตใจของเธอ

“ ก็ตามนั้นล่ะองค์หญิง จะเลือกเช่นไรล่ะ ”
เค้า ถามเพื่อขอความเห็นจากเธออีกครั้ง เธอนิ่งอยู่นานก่อนจะเอ่ยปากตอบ

“ ฉันจะทำ…ยังไงก็จะช่วยนายให้ได้ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ”
ลูเซีย ตอบอย่างมั่นใจหลังจากไตร่ตรองดูแล้ว ไม่มีสิ่งใดจะเสียไปอีกแล้ว หากไม่ทำ ก็เท่ากับเธอ
ไม่ได้ช่วยเหลือเค้า ไม่ว่าอย่างไร ตัวเธอก็เลือกมาที่นี่ ก็เพื่อที่จะพบเค้า


“ ถ้ายังงั้น…ก็มาเริ่มกันเลย ”
สิ้นคำ วินาทีของการตัดสิน การดวลที่จะพิสูจน์ถึงจิตใจของทั้งสองที่พึ่งจะได้พานพบกันไม่นาน
แต่กลับต้องรับบททดสอบแห่งโชคชะตา ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ จะเป็นเช่นไร………………..
………………………………………………………………………………………………..

…………………………………………………………………………………………………….
To be Continue

Next Sub-Turn 12 Last Duel II




ช่วงสครีมขอร้าบ รอบนี้เช่นเคยมิมีตัวอย่างตอนต่อไปอีกแว้ว ไม่ได้อู้นะ ทั้งตอนที่ไม่ได้ลงเมื่อสัปดาห์ที่
แล้วแต่ยกยอดมาลงสัปดาห์นี้แทน แต่เพราะช่วงนี้มันไฟนอลของ ปี 1 แล้วงานเลยเข้ากันมาแบบสุดๆ
ก็เลยอาจจะต้อง ขอลงแบบหยุดๆขาดๆกันบ้าง ตอนนี้งานรัดตัวมากๆเลย สัปดาห์ ของดนะขอร้าบ ขออภัย ผู้อ่านทุกท่านด้วย
แต่จะมี วิเคราะห์ของ เจ้าการุรุม่อน เกี่ยวกับ ระดับของ ผู้เล่นและรายละเอียดต่างของ Vr มาลงแทนไปก่อน นะคร้าบ

ว่าแล้วมาพูดถึงตอนนี้บ้างดีกว่าครับ เนื้อหาโดยรวมแล้ว เหมือนใกล้จะรวบเรื่องให้จบสินะครับ แถมตอนนี้เป็นตอนของ ลูเซีย
กับ อิสแทบทั้งตอน แน่นอขอรับเพราะคู่หนุนคู่ดันของ กระผมคือคู่นี้ ฮ่าๆ ดังนั้น ถ้าหลังจบการดวลช่วงนี้ไป แล้วจะเห็น
สองคนนี้สวีทหวานกันก็คงไม่แปลกละขอร้าบ

ว่าแล้ว ช่วงนี้ทุกคนเองก็คงกำลังจะง่วนอยู่กับการ เตรียมตัวสอบเข้าเรียนต่อในสถาบันหรือ ต่อไปยังระดับชั้นของ ม.ปลายกัน
อยู่ ก็คงตจะกำลังยุ่งๆกัน ผมก็ขอให้ทุกคนทำข้อสอบได้ และได้เข้าเรียนหรือเข้าสายเรียน ที่อยากเข้าได้ตามที่หวังไว้ก็แล้วกันนะคร้าบ(ห้ามอ้างว่า เป็นเพราะติดนิยายผมเลยไม่ได้อ่านหนังสือสอบนา ::014:: ไม่งั้นโกรธจริงๆนะเออ)

ว่าแล้วที่เหลือสครีมต่อไม่ไหวละ ยกช่วงให้เป็นหน้าที่เจ้าการุรุม่อนมันมายำต่อให้พรุ่งนี้
ส่วนคุณ the wise eagle ก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ ที่ตัวกระผมไม่สามารถแจงให้ได้ละเอียดเกี่ยวกับรายละเอียดของเรื่อง
ได้มากเท่าที่ควรนะครับ เพราะผมเองก็ยุ่งๆอยู่ช่วงนี้ คงต้องรอช่วง ซัมเมอร์ ถึงตอนนั้น จะทยอยออก Tip อธิบายรายละเอียอดมาให้ละกันเน้อ

แล้วก็ที่ถามว่า ผมเป็นนักเขียน หรือเปล่า โฮะๆ อันนี้ขอบอกว่า ไม่ใช่หรอกครับ ถึงจะผมจะลงฟิค นิยาย มาเป็นสิบเรื่องแล้ว
แต่ไม่ค่อยมีผลงานออริจินัลของตัวเองหรอกเน้อ ส่วนมากเป็น ฟิค ซะมากกว่าเรียกว่าพวกคลั่งไคล้น่าจะถูกกว่าน่ะครับ
ส่วนที่ชอบใส่รายละเอียดให้งานเยอะที่จริงคือ ถ้าเนื้อเรื่องมันไม่มีรายละเอียดเลย
พอเขียน ออกมา คุณๆท่านๆจะอยากอ่านกันไหมล่ะคร้าบ

เพราะมันจะเหมือนกับฟิค เรื่องแรกที่ผมเขียนสมัยยังเด็กโน้นเลย ฮะๆ(ขำตัวเอง)เขียนเรื่องไ้ด้ปัญญาอ่อน
บวกห่วยบรมมากมายเพราะไม่ได้วางแผนเอาไว้ก่อนว่า จะเขียนเรื่องยังไงไม่มีการรวบรวมข้อมูลที่จะมาเขียน

หลังจากนั้นเลยติดเป็นนิสัยไปแล้วว่าต้องหาข้อมูลก่อนเขียนอะนะครับ ถ้าจะให้บอกจุดด้อยของผมที่ยังคงไม่เข้าขั้นนักเขียน
ก็คงเป็น เรื่องการบรรยายล่ะมั้ง เพราะผมรู้สึกว่าตัวเองยังสื่ออารมณ์ของ ตัวละครออกมาได้ไม่ดีเท่าไหร่

อย่างที่หลายๆคนอ่านกันก็อาจจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะพอเข้าใจเนื้อเรื่องอยู่น่ะนะครับ เพราะถามใคร
ก็บอกว่า การบรรยายของผมพอจะเห็นภาพอยู่


ผมเลยต้องแก้ตรงจุดนี้โดยการเอา ภาพมาช่วยอุดจุดอ่อนตรงนี้เยี่งนี้แล แล้วทำไมทำมา มันเลยลามไปทำ op ed ซะด้วยน่ะสิ
(พวกองฝ่ายทำภาพมันฟิตจัดครับ)


เอาเป็นว่าครั้งนี้ลากันไปแค่ก่อนนะครับไม่ไหแล้วขอไปนอนก่อนเน้อ แวบ....


เอ้อเกือบลืม ก็ว่าจะถาม ผู้อ่านทุกท่านน่ะครับว่า ช่วงนี่คิดยังไงเกี่ยวกับบทหลังมานี่ เหมือนว่าผมรู้สึกว่าตัวเอง
เผางานไปหน่อยแฮะ
นอกจากพิมพ์ผิดซะจนโดนพี่ปิโย กองตรวจงานด่ายับ แล้วด่ายับอีก
(ขนาดปกติพี่แกตรวจไม่่เคยจะละเอียดแต่นี่มาด่าได้แสดงว่าแย่แล้วสินะครับ ::022:: )

มีใครรู้สึกว่าแนวๆเรื่องมันจะออกทะเลไปรึเปล่าครับ หรือว่า อ่านแล้วงง ช่วงไหนบ้าง ช่วยบอกกันหน่อยเน้อ ผมจะปรับปรุง
เพราะช่วงนี้รู้สึกมือตกไปเยอะเลย ทำงานมากไปหน่อย ไม่ค่อยมีเวลาคิดพล็อตบรรยายเลยครับเหอๆ
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ เม.ย. 11, 2011 7:04 pm, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 11 Last Duel I

โพสต์โดย boy เมื่อ เสาร์ ม.ค. 23, 2010 6:13 am

อาอูวๆ ตกลงคู่ที่สวีทที่สุดในฟิคนี้คือเจ๊ลูกับลุงอิสเหรอเนี่ย...
งงกับบุคลิกมันมานานแล้ว เพิ่งมาเข้าใจในฟิคนี้ Orz
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Tip for SMN VR!! ครั้งที่ 1

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ อาทิตย์ ม.ค. 31, 2010 2:55 am

Tip for SMN VR!! ครั้งที่ 1
หวัดดีทุกๆคนฮ้า~~ อย่างที่รู้ๆกันว่าอาทิตย์นี้ เกรม่อนคุงอู้ เอ้ย!..ไม่ว่างเลยของดไป และให้ เจ๊รับหน้าที่มาแจงรายละเอียดในเรื่อง นะฮ้า~

วันนี้เราจะมาแจงให้ถึง 2 เรื่องด้วยกัน โดยจะมีเรื่อง รายละเอียดของ Note อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในเรื่อง
และเรื่องที่สอง ระดับของผู้เล่น กันฮ่ะว่าแล้วไปดูกันเลย

1.N.o.t.e.(Navigation Operator Terminal EXE) อุปกรณ์Ai สื่อสารและสำหรับทำการดวลแบบเคลื่อนที่
คนที่เคยผ่านตาภาคแรกมาบ้างแล้ว จะจำกันได้นะฮ้าว่า เจ๊เคยอธิบายไปแล้วหนหนึ่งเกี่ยวกับ เจ้าจี้ห้อยคอ
ไฮเทคที่ทำได้หลายอย่าง จับฉ่ายกว่ามือถือ อีก รอบนี้เจ๊ จะมาแจงให้ละเอียดกว่าดิมเลย
เพราะไหนๆก็ได้ เวลาสำหรับมานั่งแจงแบบเต็มๆโดยไม่มีนิยายมาขัดแล้วอ่ะนะ งั้นเราเริ่มจากมันคืออะไร ทำอะไรได้ก่อนดีกว่า

Note หรือ Navigation Operator Terminal EXE เจ้านี่คืออุปกรณ์ ที่มีต้นแบบการประยุกต์มาจาก โทรศัพท์มือถือในสมัยนี้น่ะเอง พูดไปมันคือ มือถือของคนในยุคอนาคต แต่ว่าเจ้า Note เนี่ย
มันมีความพิเศษกว่านั้นหลายๆอย่าง เริ่มจาก ระบบพลังงาน เนื่องจาก พลังงานใน ศตวรรษนี้
ใช้พลังงานในห้วงอากาศ จากมิติเทอร่า ที่ไหลเข้าในโลกเป็นพลังงาน ดังนั้น เจ้า Note นี่ก็มีระบบ
สำหรับดึงเอาพลังงานอย่างว่าอยู่ด้วย ดังนั้นไม่ต้องกลัวเรื่องพลังงานหมด

และด้วยความพิเศษในเรื่องของพลังงานที่ไม่มีหมดนี้เอง จึงทำให้มันยัดระบบอะไรต่างๆลงไปได้มากมาย
ตั้งแต่ อัดวีดีโอ ถ่ายรูป ต่อเน็ต พิมพ์งาน เล่นเกมส์? ไปจนถึงโทรติดต่อ ส่งข้อความและอีกมากมาย
แล้วยังอัพเกรดโดยการ เพิ่ม Spelllware หรือ Software เวทย์ สำหรับNote อีกด้วย
เรียกได้ว่ามัน คือคอมพิวเตอร์ ขนาดพกพาแบบเล็กสุดๆจริงๆ

ซึ่งหน้าตาของ เจ้า Note นี่ก็จะอยู่ในรูปแบบของ จี้ห้อยคอ หลากหลายดีไซน์ เหมือนรุ่นโทรศัพท์น่ะแหล่ะ

เรื่องรายละเอียดข้อมูลปลีกย่อยที่เหลืออยากให้ตามเอาในเนื้อเรื่องเองมากกว่าอ่ะ แต่จะยกมาให้เรืองหนึ่งละกันน้า~
อย่างเช่นไฟล์วิดีโอที่ถ่ายเก็บมาด้วย Note เนี่ยจะถูกเก็บไว้ในนามสกุลของ SAD(Spell Audio Data) ]
ซึ่งขนาด ฮาร์ทดิท ของ Note จะเรียกว่า memory เหมือนพวก กล้องถ่ายรูปดิจิตอล
ส่วนเรื่องความจุข้อมูล ขอบอกเลยว่า เยอะกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคนี้ซะอีก หน่วยเก็บข้อมูลสูงสุดของ
ยุคพวกเรานี่คือ Tera Byte สินะเจ๊ เองก็ไม่ค่อยสันทัดเท่าไหร่ เอาเปนว่า ยุคของธนัท
เปลี่ยนจาก Byte เป็น TByte ไปแล้วล่ะจ๊ะ ซึ่งไปเจ้า TByte เนี่ยก็ย่อยมาจาก Tera Byte ของยุคเราเนี่ยแหละ
แล้วก็เรียกหลักจำนวนตามเดิม เช่น 2 Kilo TByte (2กิโลทีไบต์) เป็นต้น

นอกจากระบบปฏิบัติการต่างๆของ Note แล้ว หากเปรียบเป็นคอม มันก็ต้องมี ระบบปฏิบัติการ
หรือที่เราชอบเรียกกันว่า Window ที่จิง Window เนี่ยไม่ได้แปลว่าระบบปฏิบัติการของคอมตรงๆหรอกนะ
แต่มันเป็นชื่อระบบ ปฏิบัติการของ ไมโครซอฟท์ ซึ่งเป็นที่นิยม ดังนั้นเวลาเอาเครื่องไปฟอร์แมตท์เพื่อลง
ระบบปฏิบัติการใหม่ เค้าถึงเรียกแผลงๆว่าลงวินโดว์ใหม่ น่ะ สำหรับระบบปฏิบัติการ
ของ Note นั้น จะใช้ระบบควบคุมจัดการด้วย AI(Artifact Intelligence )หรือปัญญาประดิษฐ์
ในการรับคำสั่งและควบคุมระบบให้ปฏิบัติตาม ด้านระบบของ AI นั้นนอกจากความสามารถในการตอบโต้
กับผู้ใช้ได้แล้ว ยังสามารถนึกและคิดได้ด้วยตัวเองด้วย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องการรับรู้อารมณ์
และตัวตนของผู้ใช้อยู่ หากอารมณ์ของผู้ใช้นั้นไม่เด่นชัดพอ ที่ระบบเทียบความรู้สึกของ AI
สามารถระบุได้แล้ว มันจะไม่รู้เลยว่าเรากำลังโกรธ ดีใจ เสียใจ ชอบหรือไม่ชอบเลย

แต่หากอารมณ์นั้นเด่นชัดมาก อย่างเช่นตอนโกรธ เราก็จะกระแทกเสียงพูดหรือค่าความขุ่นมัวของอารมณ์
ปนมากับคำพูดด้วย AI จะสามารถแยกแยะ และไม่ใช่เพียงแค่จับรู้สึกจากคำพูดอย่างเดียว

อัตราการเต้นของหัวใจ และ ชีพจร ของ ผู้ใช้นั้น AI ก็สามารถนำมาประมวลผลได้ด้วย
ดังในตอนแรกสุด ที่ลูเซีย เคือง โคทาโร่ อยู่ในใจแถมยังบ่นออกมาปาวๆ อีก ไมโครโฟน AI ใน Note
ของเธอ จึงสามารถประมวลผลจากการแสดงออกตาม สิ่งต่างๆที่เจ๊ระบุไว้ก่อนนี้แล้วตีความได้ว่า
ผู้ใช้กำลังมีอารมณ์ โมโห ตัว AI ก็จะปรับการโต้ตอบให้เหมาะสมกับอารมณ์ขณะนั้นของผู้ใช้ไปด้วย

ซึ่งตรงนี้แล้วแต่ตัวปัญญาประดิษฐ์เองล่ะนะ ว่าออกแบบมายังไง อย่าง คอรัส ถ้า ธนัท โกรธอยู่ล่ะก
มันจะรีบล้อ บวก ซ้ำเติม ทันที แต่เจ๊ ก็ งงๆ กับระดับการประมวลผลของ คอรัส มันแหะ
แทบจะเป็น Note ตัวเดียวในเรื่องเลยมั้ง ที่รู้ดีเกี่ยวกับ อารมณ์ของ คนแบบสุดๆ

เพราะภาคแรก ขนาดธนัท ไม่ได้พูดไม่ได้เอามันแขวนห้อยคอ เอาไว้ด้วย แค่วางไว้บนโต๊ะ
อีตานี่ มันโต้ตอบรับอารมณ์ของ ธนั ท ได้เป็นช๊อตต่อช๊อต เลยเชียว จนเจ๊เองยังคิดเลยว่า
มันเป็นคนนะเนี่ย แล้วที่สำคัญกว่านั้น ตอนเจ๊ ไปถามเกรม่อนคุง ว่าทำไม คอรัส
มันเหมือนคนจัง หรือเพราะว่าตอนนั้นไม่มี คาแรกเตอร์ตัวอื่นที่ใกล้ชิดกับ ธนัท จริงๆเลย
ต้องเอา คอรัส มารับบทคนพูดเกลี้ยกล่อม

เอาเข้าจริง เกรม่อนคุง บอกว่าAI ของ คอรัส ไม่ใช่ของที่วางขายทั่วไป หรือผลิตจากบริษัท Phenomenon
แต่เป็น AI ที่ ธนัท กับ ฟ้า ช่วยกันเขียนขึ้นมา (O_o !)

เอาล่ะสิ เจ๊ เป็นอึ้งเค่อะ ธนัท เป็นคนเขียนระบบเอง แถม คนช่วยเขียน คือ ฟ้า ที่เป็นแฟนเก่าอิสคุง
ด้วย นี้หมายความว่า เจ้าธนัท มันเก่งคอมฯ สินะ จะว่าไปแล้วตอนภาคแรก
ที่บุกขึ้นไปห้องควบคุมระบบจ่ายไฟของ ภิรมย์พลาซ่า ธนัท เป็นคน Plug-in
คอรัส เข้าไปแก้ไขระบบเอง นี่นา ว๊ายตายแล้ว อีตาบ๊องตื้น ธนัท เก่งคอม
ทั้งๆที่ เดี้ยนคิดว่า มันใช้คอมไม่เปน นะเนี่ย เหอะๆช๊อค ว่าไปแล้ว โคทาโร่ คุง กลับเก่งเรื่อง
เครื่องยนต์กลไกแทนแหะ เพราะในตอนที่ผ่น คอรัส ระเบิดไป โคทาคุง ก็สร้างหุ่นนก มาให้ คอรัส
อยุ่ไปชั่วคราว ก่อน แหม คู่นี้เหมาะสมกันยังกะกิ่งทองใบหยก ฝาละมี เก่งระบบ
ส่วนคุณภรรยา เก่งช่างเครื่อง อ๊าย~~ จิ้น โลด เหอะๆ ไปไกลแล้ว กลับเข้าเรื่องก่อน
ไถลมาขนาดไหนแล้วเนี่ย อ่อกำลังพูดถึง AI ของ Note อยู่สินะ งั้นเพิ่มรายละเอียดปลีกย่อยต่อ

คือชื่อที่เจ้าของใช้เรียก Note แต่ล่ะเครื่องน่ะจริงๆแล้วคือ ชื่อ ของ AI จ้ะ ส่วนเครื่องน่ะชื่อ Note เหมือนกันหมด
คล้ายๆกับ ชื่อ AI คือยี่ห้อระบบบริการของมือถือน่ะ ส่วนตัว Note ก็มีรุ่นผลิตของมันอยู่แล้ว
อย่างของ ธนัท เจ้า คอรัส เนี่ยตัวเครื่อง Note คือรุ่น Thai Phenomenon 4235D
ซึ่งรุ่นที่ผลิตในไทยส่วนใหญ่เป็นของ Phenomenon Party หมดจ๊ะ (แหงล่ะเค้าบริษัทใหญ่ระดับโลก
เลยนิ ในเรื่องนะ)

ส่วนของ อิสคุง นั้นจะเป็นรุ่นของ อิตาลี ชื่อรุ่นถ้าเจ๊จำไม่ผิด ตอนดูสคริปภาคที่แล้วรู้สึกจะชื่อ…
Due Terminal อ่าน ดิวเทอมินัล รึเปล่าไม่ยู๊ อ่าเพราะมันเป็น ชื่อ ภาษาอิตาลี รู้สึก ดิว จะแปลว่า สอง
หรือไงเนี่ยแหละ ต้องถามเกรม่อนคุง อีกที

การที่ Note มีผลิตในต่างประเทศนั้น ทำให้ Note แต่ละรุ่นมี AI ที่แตกต่างกันไปตามชาติด้วย
อย่างของ ธนัท เนี่ยเวลา แสตนบายน์เป็น โหมดปลอกแขนสำหรับดวล จะพูดว่า Get Set
ซึ่งแปลว่า ติดตั้ง ใช่มะ แต่ของอิสคุง จะเป็น Approntare ซึ่งแปลได้ว่า ติดตั้งเหมือนกัน

แต่มันเป็นภาษาอิตาลี และจากที่สังเกตุ ของ เคียว นั้นเป็น ภาษาเยอรมัน
แต่สิ่งที่ AI ทุกตัวในโลกเหมือนกันคือ นอกจากคำพูดประโยคที่มาจากภาษาชาตินั้นๆ คำพูดสามัญทั่วไป
ล้วนเป็น Eng แบบ อเมริกา หมดจ้า ยกเว้น ของไทยนี่ Eng ล้วนเลยไม่มีคำไทยใช้

สาเหตุเพราะ บริษัทที่ เขียน AI ขายก็ Phenomenon นี่ล่ะ ดังนั้นเพื่อความเป็นกลางเลย ใช้ Eng
ซึ่งเป็น ภาษาสากล ไป ส่วนใหญ่แล้ว ประเทศอื่นเค้าใช้ของ ไทยกันหมดนะ มีแต่ อิตาลี กะ เยอรมัน
ที่ระบบโดยรวมจาก phenomenon มาลงแพทซ์ ภาษาตัวเอง แต่แปลไม่ครบ

ครั้งก่อนเจ๊ เปรียบไอ้เรื่องระบบภาษาของ AI ว่าเหมือนเกมออนไลน์ อ่ะจ่ะที่ว่า
เวลาเค้าเอาเกมเค้ามา เค้าจะแปลไทยไป แต่ไอ้พวกชื่ออาวุธต่างๆมันยังเป็น Eng ใช่ม้า
นั่นล่ะจ้ะคือส่วนที่เค้าละไว้ คล้ายๆกาน ใครยังไม่เข้าใจไปที่นี่ได้เลยห่ะ เจ๊ ลิงค์มาไว้นี่แล้ว
เป็น Tip ของเก่าจากภาคที่แล้ว คลิกข้อมูลเพิ่มเติมข้างล่างนี่เลยจ้ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม

ช่วง Tip for Dragonology เอ็ย ไม่ช่าย นี่มันไม่ใช่เรื่อง thaliwilya แล้วนิ
งั้นก็ต้องเปลี่ยนเป็น

VR! Review

แฮ่ๆ ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป เจ็ จะเป็นคนรับหน้าที่อธิบาย รายละเอียดของ อุปกรณ์และพิธีกรรมต่างใน VR! ให้เองจ้ะ เนื่องจากคำอธิบายในนิยาย เป็นแบบรวบๆไม่สามารถอธิบายได้ครอบคลุม อีกทั้งอาจทำให้เกิดความสับสน และสำหรับผู้ที่สนใจ
อยากรู้รายละเอียดของมันให้ลึกยิ่งขึ้น ก็จะ ได้ไม่ต้องนั่งสงสัยกัน (เพราะหลายคนมักจะอายไม่กล้าโพสถาม เลย
ส่งPm มาถามแทน ตอบทีละอันคงไม่ไหวอ่ะจ้ะ เลยมาตอบ All เอาในกระทู้เลยดีกว่า )

งั้นมาเข้าเรื่องกันเลยละกันน้า วันนี้เป็นเรื่องที่ว่าเกี่ยวกับ Note ที่ห้อยคอตัวละครแทบทุกตัวในเรื่องขนาดอาจารย์ยังมีใช้กัน
ดังนั้นวันนี้จะเป็นเรื่องของ Note ทั้งระบบNormalและ Duel เลยละกัน

N.o.t.e. หรือ Navigation Operator Terminal EXE ไม่ต้องสงสัยกันเลยว่าทำไมต้องย่อชื่อให้มันสั้นลง
ก็ยาวยืดเป็นกิโลฯ แบบนี้ใครที่ไหนจะจำกันได้นอกจากนี้พอย่อลงแล้วก็จะได้ความหมายใหม่ว่า โน๊ตดนตรี ได้ด้วย

นั่นก็เลยเป็นที่มาของชื่อ Note แต่ละตัวที่จะเป็นชื่อเกี่ยวกับดนตรี อย่าง Chorus ก็คือวงคอรัส Castanet ก็คือ เครื่องดนตรีที่
คล้ายกรับ violin นี่ก็คือไวโอรินน่ะ แหล่ะ แต่เราแผลงชื่อเรียกมันหน่อยจะได้ไม่ดู เก้ๆ กังๆ ส่วนที่ เหลืออย่าง Shello maracas Melodian หรือ Tenor นั้นก็ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับการดนตรีทั้งสิ้น ทีนี้เรื่องชื่อก็จบกันไปแล้ว

ต่อไปก็ระบบการใช้งานของ Note ไปดูกันเลยดีกว่าจะได้ไม่เปลืองเนื้อที่

System Of Note


ระบบการทำงานของ Note แบ่งเป็นพวกใหญ่ได้สองระบบคือ
Normal กับ Duel เริ่มจาก

Normal ในโหมดนี้ Note จะคงรูปร่างเป็น จี้ห้อยคอรูปร่างคล้ายกับดาบเล่มเล็กๆระบบปฏิบัติการในโหมด นี้จะเป็นการใช้งานจิปาถะ ทั่วไป เช่นติดต่อสื่อสารกับ Note อื่นนอกจากนี้ยังต่อสายไปที่โทรศัพท์ บ้านก็ได้ด้วย อีกทั้ง Note ยังสามารถเชื่อมต่อ
ฐานข้อมูลกับ Magic Cyber หรือ Internet ของยุคนี้น่ะเอง และยังรับส่งข้อความ หรือ ไฟล์ข้อมูล อีกทั้งยังถ่ายรูปและบันทึก
ภาพได้อย่างคมชัด ซึงดูๆไปแล้วมันก็คล้ายกับมือถือในยุคของเรานี่เอง แต่ดีหน่อยตรงที่มีขนาดเล็ก และไม่เสียค่าบริการ

อีกทั้งสามารถติดต่อได้ทุกที่เพราะไม่ได้อาศัย คลื่นวิทยุเป็นสื่อ หากแต่ใช่คลื่นพลังเวทย์ ที่ปกคลุมชั้นบรรยากาศของโลก
เอาไว้เป็นสื่อนำสัญญาณ ดังนั้นไม่ว่าอยู่ในภูมิอากาศแบบใดก็สามารถติดต่อได้ อย่างไม่มีปัญหาอีกทั้งยังไม่มีคลื่นแทรกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีระบบ On Broad สำหรับพูดคุยแบบเห็นหน้ากันได้แหมสะดวกขนาดนี้แถม กะทัดรัด ขนาดคล้อยสายห้อยไป
ไหนมาไหนได้ อยากได้ซักเครื่องมั่งจังแต่สำหรับยุคเราคงอีกนาน คงต้องรอโลกแตกแล้วค้นพบพลังเวทมนต์ก่อนล่ะเน้อ เหอๆๆ

อย่างไรก็ตามในโหมดนี้ ตัวเครื่องจะไม่สามารถสร้างแรงขับพลังเวทย์ ได้สูงมากเพราะ การใช้งานเป็นแบบ จิปาถะทั่วไป
แต่ในเรื่องจะเห็น มาริน่า กับผู้คุมกฎ ที่มีฉายาว่า ควีนใช้ เทเลพอร์ท กันหน้าตาเฉย อันนี้ขอบอกไว้ก่อนว่า นั่นไม่ใช่เวทมนต์นะ แต่เป็นพลังจิตที่นำมาประสานกับพลังเวทย์ของ Note เรื่องนี้จะไว้ไปอธิบายอีกทีในคราวหน้า เราไปดูโหมด
ดวลกันเลยดีกว่า

Duel ในโหมดนี้ Note จะทำการเปลี่ยนเป็น เกราะปลอกแขนที่มี เฟืองโผล่ออกมาอันหนึ่งซึ่งเรียกว่า Dynamaze ที่ในโหมดนี้ต้องมี Dynamaze ก็เพื่อสร้างประจุพลังเวทย์สำหรับเป็นแรงขับให้พลัง เวทย์ที่ถูก ผนึกอยู่ในการ์ด สามารถสำแดงเดชได้นอกจากนี้แล้ว ระบบ การสื่อสารและโต้ตอบ กับผู้ใช้ ก็ยังคงทำงานเหมือน Normalโหมดได้ตามปกติเพียงแต่สามารถสร้าง Summon Field ขึ้นมาเพื่อใช้ในการดวลได้แต่เพราะต้องมีการติดตั้ง อุปกรณ์ผลิตประจุเวทย์ เข้าไป ทำให้ต้องขยายขนาดขึ้น

จึงไม่สะดวกแก่การพกพา ดังนั้นส่วนใหญ่จะเปิดใช้โหมดนี้เมื่อต้องการร่ายอสูรอัญเชิญหรือ
ทำการดวลเท่านั้น นอกจากนี้การจะทำพิธีกรรม ต่างๆก็ต้องใช้โหมดนี้เพื่อสร้างประจุพลังเวทย์
ขึ้นด้วย หมดกันไปสำหรับโหมดนี้แล้วต่อไป เรื่องภาษาที่โน็ตใช้โต้ตอบกับเรา


System Language of Note

ในนิยายนั้น ผู้อ่านบางท่านอาจสงสัยว่าทำไมต้องใช้ ภาษาที่มันหลากหลายแล้วก็ยุ่งยากขนาดนี้เพื่อความเก๋ไก๋งั้นเหรอ อันนั้นก็ถูกส่วนหนึ่งจ้ะ แต่จริงๆแล้วเพราะในเรื่อง ประเทศที่ทำการพัฒนา Note ขึ้นมาไม่ใช่ประเทศไทย เราจึงไม่มีสิทธิไป ลอกของเขามาก็อปแล้วเปลี่ยนภาษาได้จ้ะไม่งั้นเดี๋ยวเกิดข้อพิพาทแล้ว เลราเย่ จะลงมาสาด All เอา ที่จริงการพัฒนาระบบ Note นั้น

ด้านวิทยาการ อเมริกาเป็นผู้พัฒนา ส่วนเรื่องระบบการจ่ายพลังมนตรา และคาถาที่เป็นพื้นฐานข้อมูล
นั้น ประเทศไทยเป็นผู้พัฒนา ดังนั้นนี่จึงเป็นงานร่วมของ ประเทศไทยกับ อเมริกาแต่ด้วยที่ปัจจัยพื้นฐานของการสร้างนั้น ทางอเมริกาเป็นผู้ถือสิทธิ์คุม เอาไว้เราจึงต้องยอมๆ ให้เขาใช้ภาษาของเขาไปล่ะจ้ะ ส่วนที่ในบทที่ 7 นี้ ทำไมหน้าจอมันถึงปรากฏภาษาไทยขึ้นมานั้น
ก็เป็นเพราะฐานข้อมูลที่ ธนัท ใช้ค้นหาข้อมูลเป็น Server ของไทยจ้ะ ข้อมูลที่ปรากฏมันเลยเป็น
ภาษาไทยส่วน Note ที่ใช้ภาษา อิตาลีหรือเยอรมัน นั้นก็เพราะนอกจาก อเมริกาแล้ว ไทยเรายังทำ
การพัฒนาระบบพลังเวทย์ ส่งให้กับประเทศอื่นด้วย เพื่อหากำไรเข้าประเทศ แต่ถ้าจะถามว่า

แล้วมันต่างกันยังไงแค่ใช้ภาษา ต่างกันงั้นเหรอ แล้วทำไมบางที Note ที่พูดภาษาเยอรมันถึง
พูดอังกฤษปนกันด้วยเรื่องนั้น มันเกี่ยวกับ ซอฟแวร์ เวทมนต์ที่ เรียกว่า Spellware แน่นอนก็ขนาด เกมออนไลน์
จากเกาหลีเค้ายังมี Patch ภาษาของแต่ละประเทศมาลงทับก่อนเปิดให้บริการ ในประเทศนั้นๆเลย

Note เราก็เหมือนกันเพียงแต่ โดยส่วนใหญ่แล้วเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เลย
ใช้ภาษาอังกฤษเหมือนๆกัน หมดทุกประเทศ เพราะเป็นภาษาสากลแต่ก็ยังคงมีบางศัพท์ที่ยังคงภาษาของประเทศผู้ผลิต
ทีเกมส์ยังมีภาษาไทยปนอังกฤษเลยก็เหมือนๆกันน่ะแหล่ะ ขนาด 200 ปีไปแล้วยังใช้ธรรมเนียมเดิมเลยเนอะ

ส่วนรุ่นของ แต่ละประเทศนั้นจะแตกต่าง กันที่ระบบปฏิบัติการเสริม ที่สามารถเพิ่มเติม Spellware หรือระบบอื่นๆเข้าไปได้
อีกด้วย เรื่องนี้จะเก็บไว้พูดคราวหน้าละกันนะจ้ะเป็นไงบ้างอาจจะยาวไปซักหน่อย แต่คิดว่าคงได้รายละเอียดเกี่ยวกับเจ้า
Note นี่กันบ้างล่ะนะ ตอนนี้หมดเวลาของ เจ็ แล้ว เจอกันอาทิตย์หน้านะจ้าาาาา

ปล.อนึ่งที่อธิบายให้เสร็จสรรพเป็นฉากๆเนี่ยไม่ใช่ว่า เจ็ หรือ เกรม่อนคุงมีพกตัวเป็นๆอยู่เครื่องสองเครื่องหรอกนะ
อย่า Pm มาสั่งซื้อให้หน้าแตกเล่นล่ะไม่ใช่โฆษณาขายของเหอๆๆ

ปล.อีกที บทหน้าไปทัศนศึกษากัน แล้วแนวเรื่องคุ้นๆนะ สู้กับแวมไพร์เสร็จไปทัศนศึกษา กันต่อ อืม ไม่ขอพูดดีกว่า
ว่าแต่โคทาโร่ ไปอยู่ห้องเดียวกับ ธนัท ได้งายย

ไม่เอาอ่า เจ็ จะให้มาอยู่ห้อง เจ็ อ่า จะเอามานอน กก เอิ้กๆๆ(ตัวละครที่ชื่อแอน คือตัว เจ็ เองแหล่ะจ้ะ ชื่อตัวละคร น่ะมาจากชื่อ เจ็ เองส่วน เกรม่อนคุง ก็มีในเรื่องแล้วตัวหนึ่ง เหมือนกันลองหาดูนะชื่อจริงของ เกรม่อนคุง น่ะ คือชื่อตัวละครตัวนั้น ใบ้ให้ชื่อคนไทยนะจ้ะ )



เนื่องจาก ยกลิงค์อธิบายของ ภาคที่แล้วมาแล้ว ดังนั้นเรื่องแยก โหมด Normal กับ Duel ของเครื่องเจ๊ละไว้เลยนะ
เกือบลืม ชื่อ AI แต่ละเครื่อง ถ้าสังเกตุจะเห็นว่าเป็นชื่อเครื่อง ดนตรี หรือไม่ก็เกี่ยวกับ ดนตรี
อย่างคอรัส ของ ธนัท ก็คือ วงประสานเสียง ของ ชุติการ คือ กอสเปล หรือ เพลงสวดกอสเปล

ของ อิสคุง ก็ รีคอร์ดเดอร์ (Recorder) เครื่องดนตรีอะไรซักอย่างเนี่ยแหละเจ๊จำไม่ค่อยได้ ของน้อง โคทาคุง สุดเลิฟก็
มาราคัส หรือไอ้ไม้เขย่าที่จะมีเสียง กระช๊ะๆ ของเมกซิโก ใช่เปล่าหว่าหน้าตาประมาณนี้อ่ะ

รูปภาพ

อุแหม่ ของคนอื่นก็อยากจะเอารูปที่มาของชื่อมาแปะไว้อยู่หรอก แต่มันไม่ไหวอ่า เดี๋ยวยาว ขอลงเฉพาะ สุดที่เลิฟอย่างน้องโคทาคุงละกัน~(ลำเอียงแล้วจะทำไมยะ)

ส่วนนี่เป็นรายชื่อ Noteแต่ละเครื่องของ แต่ละคนนะ

Chorus เจ้าของ ธนัท
Castanet เจ้าของ เคียว
Gospel เจ้าของ ชุติการ
Shello เจ้าของ แอนนา
Recorder เจ้าของ อิส
Maracas เจ้าของ โคทาโร่
Alto เจ้าของ ไดสุเกะ
Melodian เจ้าของ อาจารย์ บุษบารี
Mezzo เจ้าของ บอย
Tenor เจ้าของ อนุชิต หรือ คิระดาบแห่งพระเจ้า
Soprano เจ้าของ ฟรานซิสก้า
Forte เจ้าของ ควีนจิงค์ลิตเติลแองเจิล

จะเห็นได้ว่าชื่อของ แต่ละเครื่องกับ เจ้าของจะมีความ หมายแฝงซ่อนอยู่ด้วย อย่าง ธนัท เนี่ย
ที่ตั้งชื่อว่าคอรัส ที่แปลว่าวงประสานเสียง เพราะตัว ธนัท ภาคที่แล้ว พยายามจะสู้คนเดียว
จนเจ็บหนัก สุดท้ายได้เพื่อนๆแห่กันตามมาช่วย(นึกถึงตอนที่อ่านตอนนั้น แล้ว ยังซึ้งไม่หาย)
ก็มีความหมายสื่อไปว่า วงประสานเสียงจะเป็นวงไม่ได้ถ้ามีแค่คนเดียว
สื่อถึงตัว ธนัท ที่สามรถช่วยชุติการออกมาได้สำเร็จ เพราะแรงส่งของ เพื่อนๆนั้นเอง

ส่วนโคทาคุง นี่มาราคัส ก็ใช่ว่าจะไม่มีสื่อถึงนะ มีอยู่จริงๆ เพราะมาราคัส คือเครื่องดนตรี
ที่ต้องเล่นเป็นคู่ สื่อถึงว่า จะมีแค่สองเราระหว่างฉันกับนาย กรี้ดจิ้น! แหะๆที่จริงไม่ใช่แบบนั้นหรอก
อันนี้เจ๊ทึกทักเอาเอง ที่จริง เกรม่อนคุงให้ความหมายไว้ว่า มาราคัส เครื่องดนตรีที่ต้องมีสองอันถึงจะเล่น
ได้อย่างสมบรูณ์ ตรงนี้พยายามจะสื่อไปที่ตัวโคทาโร่ ที่เคยไปผนึก Moonshine Werewolf คนเดียว
แล้วเกือบตาย แต่เพราะได้ ธนัท มาช่วยเลย ผนึกได้สำเร็จ ก็ประมาณว่าคนเดียวหัวหายสองคน
เพื่อนจับวาย (จริงๆนะ ตอนทำสัญญาเรียก มังกรนักสู้ สองคนนี้มันจูบกัน กรี้ด~~)

ส่วนของ ชุติซามะ(แปละว่า ท่านชุติ) กอสเปล นั้นเป็นชื่อเพลงสรรเสริญพระเจ้า ฮ่ะก็ตรงตัวเลย
เธอคือ Angel ที่ได้รับพระพรจากพระเจ้า มีแกรนเดครอสมังกรขาว อันเป็นสัญลักษณ์ สื่อถึง
พระพรล้มเปี่ยม ตามนิยายของ เจ๊จิง ที่ว่าแกรนเดครส เกิดจาก อลาน่า เพราะรับพระพรมาล้นเปี่ยมนั้นล่ะ

ดังนั้น อิมเมจของ ชุติ จึงเอามาจาก อลาน่า ด้วยแอบปน เรจิน่า ไปด้วยล่ะที่จริงน่ะ ส่วนโคทาคุง คงไม่ต้องห่วง
น่าจะเอา แฮริสัน มา รวมกับ ซาดิน เลยออกมาเป็นบ้าพลัง ซื่อๆตรงๆแต่ใจดีอ่อนโยนไป (หัวเราะ)
แต่อีกอารมณ์แล้ว เจ๊ว่า โคทาคุง เหมือน ซิกมันด์ เฮ้อนอกเรื่องไปเยอะ เข้าเรื่องต่อๆ
ใน Note นั้นระบบ Duel mode จะเป็นปลอกแขนชิมิ แล้วจะมีหัวเฟืองโผล่ออกมาตามในภาพข้างล่างนี่
ที่เขียนว่า Dynamaze อ่ะจ้ะ

รูปภาพ

Dynamaze คืออุปกรณ์ที่คล้ายกับไดนาโมพลังเวทย์ ที่เปลี่ยนพลังงานกลให้เป็น
พลังงานไฟฟ้าแต่อันนี้เปลี่ยนพลังงาน MAGIC เป็น เวทย์แทน ซึ่งในที่นี้ ก็คือเฟืองที่โผล่พ้นปลอกแขนขึ้น
ซึ่งภายในเชื่อมกับอุปกรณ์แปลง พลังงาน ในที่นี้ จะใช้พลังเวทย์ขับเคลื่อน เฟืองก่อนเพื่อให้สร้างพลังเวทย์
มากขึ้น ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าเป็นอุปกรณ์เร่งพลังเวทย์นั่นเอง

ก็นะจบเรื่องของ Note ละมาต่อเรื่องที่สองกันเลย

2. ระดับของผู้เล่น
ก่อนอื่น ขอเชิญ ทัศนาของ เก่าฮ่ะ แต่ถ้าเคยแล้ว เลื่อนลงไปล่าง แทค Quote ได้เลย



Level Cost ใน Summoner Master VR




Caller และ Summoner เป็นระดับฝีมือของผู้เล่นที่ถูกจัดอันดับเอาไว้ในเรื่องนี้
ซึ่ง มีผลต่อการอัญเชิญอสูรและผนึกอสูรลงในการ์ด ของแต่ละคนซึ่งรายละเอียดจะค่อยๆทยอยอธิบายในคราวหน้า ตอนนี้จะขออธิบายเกี่ยวกับ ระดับของผู้ร่ายอสูรกันก่อน พวก ธนัท อยู่ระดับ Caller



Caller(ผู้เรียก)ระดับนี้ผู้เรียกจะยังมีพลังเวทย์ไม่แข็งพอที่จะอัญเชิญอสูรระดับสูงออกมาได้มากนักเพราะ
พลังระดับนี้คือการร้องขอวิงวอนต่อ อสูรให้มาสู้ร่วมกัน ดังนั้นการอัญเชิญอสูรระดับสูง จึงยังเรียกใช้ได้ไม่ทั้งหมด

Summoner (ผู้อัญเชิญ) คือระดับที่สูงขึ้นมาจาก Caller พวกเขาเหล่านี้คือผู้ที่ปลดระดับพลังให้สามารถควบคุมอสูรได้ในทุกระดับ ขึ้นกับความสามารถที่ตนมี อีกทั้งเมื่ออยู่ในระดับนี้ การผนึกอสูรก็จะสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พลังในระดับนี้ ถือเป็นการครองแก่นพลังของอสูร และเป็นการสั่งให้อสูรออกมา
ส่วนการอัญเชิญระดับสูงนั้น ยังคงใช้การวิงวอนอยู่ ทว่าก็สามารถทำได้กว้างขวางกว่า Caller นัก

Ruler (ผู้คุมกฎ) คือระดับพิเศษ ที่มีแต่เพียงผู้ถูกเลือกแล้วเท่านั้น บุคคลเหล่านี้จะมี
ยศระดับในกองกำลัง Phenomenon Party ซึ่งจะเรียกว่า Judge (ผู้ตัดสิน)พวกเขาเหล่านี้
คือ ผู้ผูกขาดสิทธ์ในการอัญเชิญ อสูรต้องห้าม ที่ถูกผนึกใน การ์ดซีรี่ย์ Promotion เหล่า Judge นั้นจะทำหน้าที่คอยรับใช้ ผู้คุมกฎสูง ที่เป็นผู้นำในกองกำลัง Phenomenon Party

Judge (ผู้ตัดสิน) ระดับนี้คือยศพิเศษที่แต่งตั้งให้แก่สาวก ที่ถูกเลือกของ Phenomenon Party
ซึ่งมีการแยกระดับเป็น 4 ขั้น
Trainee Judge ยศระดับทหารฝึกหัดของกองทัพ ระดับพลังสูงกว่า Summoner เล็กน้อย และยังไม่สามารถอัญเชิญอสูรต้องห้ามได้

Judge ยศระดับทหารมีฝีมือในกองทัพ ระดับพลังในการอัญเชิญ อสูรต้องห้าม คือ Lv 2

Senior Judge ยศระดับ ผู้หมวด ในกองทัพ ระดับพลังในการอัญเชิญ อสูรต้องห้ามคือ Lv 3

Magna Judge ยศระดับ ผู้กอง ในกองทัพ ระดับพลังในการอัญเชิญ อสูรต้องห้ามคือ Lv 4

Ruler คือยศสูงสุดในกองทัพ ที่เหล่า Judge ทุกระดับต้องรับใช้ บุคคลเหล่านี้สามารถอัญเชิญอสูรได้ทุกระดับ
ยกเว้น อสูรเทพ(Lv 5)

Summoner Master ผู้เชี่ยวชาญการร่ายอสูร ระดับนี้คือ บุคคลในตำนานเช่น ภูเขา บุคคลเหล่านี้จะมีพลังและความสามารถ
สูงเป็นระดับที่เทียบเท่าได้ กับ Ruler และมีสิทธิ์ผูกขาดในการอัญเชิญอสูรต้อง ห้ามเช่นเดียวกับ Ruler
แต่ยังไม่สามารถ อัญเชิญ อสูรเทพได้

Angel บุคคลเหล่านี้เป็นระดับพิเศษซึ่งเป็นผู้มี อสูรพิทักษ์ประจำตนหรือเรียกว่า อสูรเทพข้อมูลที่เหลือยังเป็นปริศนา


ใน Quote นั้นเป็นของที่ เกรม่อนคุง เกริ่นไว้ที่ ภาคแรก ดังนั้นข้ามฮ่ะ เหอๆ ล้อเล่น ขืนข้ามก็ไม่เรียก Tip สิ
ของเก่าภาคแล้วเรียก Review เลยไม่ค่อยละเอียด เพราะกลัวคนจะไม่อ่านกัน มันยาวบวกเยอะอ่ะ
แต่นี่เหนว่ามีคนโพส เข้ามาถามแล้ว ไหนๆเลยก็อาทิตย์นี้ ไม่มีนิยายลงอยู่แล้ว ก็เอายาวแทนนิยาย
เลยละกันเนอะ เข้าเรื่องๆ เนื่องจาก ที่อยู่ใน Quote ค่อนข้างจะละเอียดอยู่แล้ว
แต่ที่ยังไม่ได้บอกเอาไว้ในภาคที่แล้ว ก็คือเรื่องระดับเกี่ยวไรกบการอัญเชิญ ชิมิ
ครั้งนี้เราจะมาแตกประเด็นกัน

เริ่มจาก อสูร ที่เรียกใช้นั้นมีพลังอำนาจต่างกันไปแบ่งตามเลเวล และบางตัว แม้เวล1 ยังมีอำนาจ
มากกว่า เวล สูงๆกว่าตัวเองบ้างก็มีใช่มะ(ช่องว่างนี่มันเกิดจากการที่ซัม ออกการ์ดชุดใหม่แรงกว่าชุดเก่าเท่าตัวนี่ล่ะT_T
หลัง 4 naga มามีแต่แรงแร๊งแรงขึ้นไม่มีหยุด) ดังนั้นแล้ว อสูร บางตัวถ้าผู้ควบคุมพลังไม่พอมันก็ควบคุมไม่ได้
ซึ่งระดับในการควบคุมของนักร่ายนี่ล่ะ คือระดับผู้เล่นแบ่งเป็น หน่วย เหมือนใน Quote นั้นล่ะ

ซึ่งเรื่องนี้ละเอียดไปหมดแล้ว เหลือแต่ของ Angel ใช่มะที่ภาคที่แล้วบอกว่าเป็นปริศนา เพราะเกรม่อนคุง จะไม่สปอย น่ะฮ่ะ แต่ปมของ Angel มันเปิดมาตั้งแต่จบภาคแรกแล้วดังนั้นจะขออธิบายล่ะ ห้ามมาว่า สปอยนะ

Angel เนี่ยแปลชื่อระดับตามตัวคือ ทูตสวรรค์สาวกของพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น ยศในระดับนี้ คือมีอำนาจ
ของทูตสวรรค์ หรือ อสูรเทพ นั่นเอง บุคคลที่จะเป็น แองเจิล นั้นจะมีระดับจิตประสาทในการคุมพลังเวทย์
ที่สูงหรือพิเศษกว่าคนอื่นทั่วไป จึงทำให้ เทพอสูรเลือกที่จะสถิตย์อยู่กับคนๆนั้น

ซึ่งคุณลักษณ์ของ อสูรเทพจะถูกมอบให้ดับเจ้าของ ผู้เป็น แองเจิลด้วย ซึ่งมีทั้งผลดีและเสีย

อย่างของชุติการ เป็นผลดี นั่นคือทำให้โลหิตของ เธอ นั้นสามารถ ถ่ายให้ใครก็ได้ไม่ต้องสนกรุ๊ปแอนติบอดี้ อะไรเลย
เพราะเลือดของ เธอสามารถปรับให้เข้ากับคนๆนั้นได้ แต่มีข้อเสียเหมือนกันคือถ้าเธอ เป็นไรขึ้นมา ก็รับเลือดจากชาวบ้านไม่ได้ ส่วนกรณีของ มาริน่า นั้นคงจะเรียกว่าเป็น ผลเสียอย่างเดียวเลย คือมันทำให้เธอเป็น โลหิตจางขั้นรุนแรง
เพราะ พลังของ อลคารากอน คือความมืดที่ดูดกลืนทุกสิ่ง ดังนั้นตัวตนของเธอนั้น จะเบาบางไปหมดและ

จะดูดกลืนความมีตัวตนของคนรอบข้างเธอด้วย พูดง่ายๆคือ พลังนี้ทำให้ เธอ และคนรอบๆข้างดูเป็นคนที่มีความลับดำมืด คลุมเครือไปได้ในสายตาทันที เหมือนกับ ทำให้รู้สึกไม่คุ้นเคยอ่ะ ประมาณว่าตัวตนของที่เรารู้จัก
ในความทรงจำของเรา มันเลือนลาง ทั้งๆที่เค้าอยู่ตรงหน้าเราอะไรแบบนั้น

นอกจากการ เกิดมาแล้วเป็นเลยแบบที่ว่าแล้ว แองเจิล ยังมีอีกวิธีเกิด ด้วยนั่นคือ ชักนำมา โดยวิธีนั้นจะต่างกันไป
อย่างเช่น ของ ปอร์ ภาคที่แล้ว มีเรราเย่ สถิตย์ เพราะตัวเองโดนทำให้เป็น DNA-Changer ไทป์
อะไรนี่ เจ๊ จำไม่ได้แล้ว เกรม่อนคุง ไม่อยู่ด้วย เลยไม่ได้ถาม แต่เหมือนจะเป็นการทดลองเปลี่ยนพันธุกรรม
ให้มีความสามารถทางจิตประสามสูง เพือจะชัดจูงให้ เทพมาสถิตย์ประมาณนั้นอ่ะ

ส่วนกรณี ธนัท นี่เจ้าตัวแกไม่ได้เป็น Angel แท้ๆแต่ไหงมี อาแมนคริส แถมยังเคยเอา แกรนเดครอสของ ชุติ มาใช้
อีกตะหาก ถ้ามีแค้ภาคที่แล้วคงต้องบอกว่า ธนัท มันเทพ ฮ่ะ แต่วันนี้ มีคำตอบแล้ว
ที่จริงมันไม่แน่ชัดอ่ะ แต่เป็นเพราะเจ๊ตีความเอาไว้แล้วคิดว่า เกรม่อนคุง น่าจะให้ ธนัท เป็น ยศนี้แหละ
ภาคที่แล้ว มันมียศถึง แค่ Angel สูงสุดใช่ไหม ฮ่ะ แต่ภาคนี้มันเพิ่มมาอีกยศ สูงสุดยอดเลยอ่า ทีนี้
ยศนี้ประมาณพระเจ้าเลยมั้ง เพราะ แองเจิล เป็นแค่ สาวกง่ะ ไปดูเลยแล้วกันยศที่เพิ่มมาภาคนี้คือ


Heroic ใช่แล้วฮ่ะ ยศ ฮีโรอิค หรือยศ วีรบุรษ ชื่อบอกกันมาแบบโต้งๆเลยแหะ ว่าสกิลนี้มันของ พระเอกเท่านั้น
แต่เอ ภาคนี้ตัวเดินเรื่องหลักคือ ลูเซีย นิ งั้นอาจเป็นของ ลูเซีย มั้งเพราะคุณเธอ เป็น โฮมุนครุสนี่
อาจจะสูงกว่า DNA-Changer ก็ได้ เพราะภาคนี้ ธนัทคุง เป็น DNA ไปแย้ว
ความสามารถของ ยศนี้แปลกกว่าใครเพื่อนเลยฮ่ะ เกรม่อนคุง เล่ามาให้เจ๊ฟังแบบนี้ ลองอ่านดูนะ

ยศนี้การจะใช้อำนาจประจำยศ มันมีข้อผูกมัดเป็นพันธะ 3 ประการ
1.ไม่สามารถใช้อำนาจใดๆโดยไม่เกี่ยวพันกับสัญญาได้
2.ยกสัญญาของคู่สัญญาให้เป็น กฏและให้ตัวคู่สัญญาเป็นราชันย์
3.ไม่สามารถฝืนสัญญาและยกตนเป็นราชันย์แทนคู่สัญญา

ประมาณเงื่อนไขจะใช้พลังอะไรแบบนี้มั้ง ข้อแรกก็ประมาณ บังคับให้ผูกมัดสัญญากับใครซักคนก่อน
พอข้อสอง ก็บอกเหมือนประมาณว่า ตัวเองต้องเป็นข้ารองบาทของ คู่สัญญา พอข้อสาม
ก็บอกเป็นนัยเหมือนว่า ไม่สามารถหลีกหนีจากสัญญาหรือ กลับสัญญาได้ ประมาณนั้นอ่ะฮ่ะ
งืม~ เงื่อนไขเยอะชะมัดตั้ง 3 ข้อแหน่ะแถมยังฟังดูจำกัดการกระทำเยอะซะด้วย แสดงว่าอำนาจของมันต้องเทพมากๆสินะ
มาดูกันเลยดีกั่ว ว่ามีอะไรบ้างสำหรับอำนาจนั้น

อำนาจของ ยศ Heroic ที่เกรม่อนคุง ได้บอกไว้มี 3 ประการ
1.มีตัวตนเหนือความเป็นไปได้ทั้งปวงเป็นเสมือนอำนาจของพระเจ้า
2.อสูรเทพทั้งมวลคือสาวก
3.ได้รับพรให้มี TAG

มาวิเคราะห์กาน รู้สึกแค่ข้อแรกมาก็โกงกันสุดยอดแล้ว ตัวตนเสมือนอำนาจของพระเจ้า ประมาณว่า
ตัวเองไม่ใช่พระเจ้านะ แต่เป็นอำนาจของพระเจ้าเลย ดังนั้นยังคงอยู่ใต้อานัติของ พระเจ้าตัวจริง
ประมาณนั้น
พอมาข้อสองนี่ โครตโกงเลยฮ่ะ และเป็นเหตุผลให้ เจ๊คิดว่า เกรม่อนคุงต้องให้ธนัท เป็น ยศนี้
อสูรเทพทั้งมวลคือ สาวก นั่นหมายความว่า Heroic สามารถใช้อสูรเทพ ได้ทุกชนิดไม่เกี่ยง
ไม่ว่าตัวเองเป็นเจ้าของหรือไม่ แต่ถ้ากรูเรียกใช้มรึงต้องมา ประมาณนี้อ่ะ

ซึ่งถ้า ธนัท เป็น ยศนี้ เรื่องที่ว่าทำไม ธนัท ถึง เรียกอาแมนคริส มาได้แถมยังดึงเอา แกรนเดครอส
ของ ชุติการมาใช้ได้อีก ก็เคลีย แต่ทีนี้มันติดที่ข้อหนึ่งง่ะ คือ ธนัท แต่ต้น เป็น มนุษย์ง่า แล้วไม่มีส่วนไหน
ในความเทพของมันพอจะบ่งได้ว่ามีตัวตนเสมือนอำนาจของพระเจ้า แต่ถ้าอยู่เหนือความเป็นไปได้ทั้งปวงนี่มีแล้วนะ

ที่ ปู่ โปรเฟสเซอร์ดราก้อน พูดเอาไว้ว่าอัญเชิญเทพ คุมเทพเกินหนึ่งตัว ไม่ช่ความสามารถที่ มนุษย์พึงจะมี
นั่นน่าจะพอบอกได้ว่า ธนัท มีความเป็นไปได้เหนือความเป็นไปได้ทั้งหมด แต่ไอ้มีตัวตนเสมือนอำนาจ
ของพระเจ้าเนี่ย ยังหาไม่เจอ ฮ่ะ แต่ ถ้าลูเซีย ที่ยังมีปมอีกเพียบกับตัวเธอ แถมยังมาในฐานะตัวเดินเรื่องของภาคนี้
เลยคิดว่า ยศนี้ตั้งมาเพื่อเธอ แต่งั้นชื่อยศมันน่าจะแปลว่า วีรสตรี อ่ะ แต่เกรม่อนคุงให้มาว่า
แปลว่า วีรบุรุษ งืมๆ เรื่องนี้ยังไง เจ๊ก็ฟันธงไม่ได้อ่ะฮ่ะ เพราะเกรม่อนคุง รอบนี้เก็บเงียบเลย
ไม่บอกเจ๊ เยอะๆเหมือนแต่ก่อนง่า คงต้องไปลุ้นกันเอาในเรื่องเอง

ส่วนข้อสาม ได้รับพรให้มี TAG อันนี้ เจ๊มะรุ อ่าว่าหมายความอันหยัง เพราะชื่อภาคนี้มันชื่อ TAG อาจจะ
ไม่ได้มีที่มาจากคำย่อของ ทรินิตี้เอนเชี่ยนก๊อด ก็ได้แต่อาจจะมาจาก ความสามารถนี้
งั้นยศนี้ก็น่าจะเป็นของ ลูเซีย มากกว่านา เพราะภาคนี้เธอเป็นตัวเดินเอก แถมชื่อภาคยังขึ้นมาตามอำนาจข้อนี้อีก
สรุปลูเซีย ชนะเรื่องการตีความในยศนี้กับ ธนัท ไปสองข้อแหะ เหลือแต่ต้องมาดูกันว่าคุณเธอลูเซีย
จะมีโผล่มาคุมเทพอสูรตอนไหน เกิดตอนจบไอ้ บีทมอท เลวีอาทาน ซิส โดนลูเซีย สั่งให้หยุดแล้วมันหยุดจริงนี่
คงเป็นคุณเธอจริงๆนั่นล่ะ แล้วโหนี่ถ้าเป็นคุณเธอจริง เรื่องก็จบเลยดิ ใครจะไปสู้ได้ ความสามารถโคตรโกง
บางทีที่เนื้อเรื่องตอนนี้โยงให้ ลูเซีย ปช่วยอิส เพราะเกรม่อนคุงอาจจะ อยากให้อิส เป็นคน ทำสัญญา

ยศนี้ล่ะมั้ง เหอๆงั้นแปลว่า ภาคนี้จะจบแล้วสินะ มี 2 op ไปแล้วด้วย ถึงตอนแรกจะได้ยินจากเกรม่อนคุงว่า
สั่งให้พวกฝ่ายภาพทำไว้ 4 op ก็เถอะเพลง invoke Thanatos ออกไปแล้ว เหลือแต่เพลง kotaro X เนี่ยแหละ
ยังไม่ออกกับ wing of word อีกอันสงสัยจะยกให้เรื่องอื่นมั้ง เพราะ ACE ออกปีนี้ก็จะมีอีก 2 op ให้ใช้ทันทีเลย


แงหมายความว่า VR TAG จะจบแล้วเหยอง่า ว่าแล้ววันนี้ก็จบไปกับการ แจงในรอบนี้นะฮ่ะ พบกันหใม่โอกาส หน้าเมื่อเกรม่อนคุง มันอู้อีก เอ้ย เมื่อมีโอกาสและเวลาจ้ะ เหอๆ

ปล.สรุป tip รอบนี้มันได้อะไรบ้างเนี่ย ชวนออกทะเลตลอด
ปล.2 เจ๊กัด เกรม่อนคุงไปกี่ทีหว่า
ปล.3 สปอย เต็ม tip เลยฮะๆๆ
ปล.4 สุดท้ายละ ยาวขนาดนี้จะมีคนอ่านกี่นหว่า นิยายก็ไม่ใช่แค่ มานั่งบ่นให้ชาวประชาฟัง เล่นเขียนพุ่งมา
1ใน3ของ นิยายที่ลงทุกทีเฉย เหอๆ วันนี้เจ๊บายล่ะฮ่ะ หน้าที่สรุปยกให้ พัลม่อนจัง มาอ่านแล้วสรุปอีกที
แก้ไขล่าสุดโดย MetalGaruruMoN เมื่อ พุธ ธ.ค. 26, 2012 5:24 am, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Tip for SMN VR!! ครั้งที่ 1

โพสต์โดย boy เมื่อ อาทิตย์ ม.ค. 31, 2010 5:57 am

............จะว่าไป Tip เรื่องนี้
ถ้ารวมเนื้อเรื่องกับภาคพิเศษก็เยอะเหมือนกันนะครับเนี่ย ::006::
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 09 Memory

โพสต์โดย my comptuer เมื่อ อาทิตย์ ม.ค. 31, 2010 1:37 pm

greamon เขียน:
my comptuer เขียน:ผมอยากให้เป็นมากกว่าชื่อไทยคับ


เอิ่มคือ หมายถึงอะไรอ่าครับ ที่ว่าเป็นมากกว่าชื่อไทย หมายถึง ชื่อตัวละครให้เป็นชื่อ ออกไทยๆ
หรือว่าให้อะไรเป็นไทยครับ งง ::009::



ว่าแล้วเพื่อไม่ให้เปลืองกระทู้ดังนั้นขอเมนท์สครีมบทที่ 09 นี้เพิ่มไปเลยละกัน
ที่จริงบทนี้สั้นมากๆเพราะเวลาไม่อำนวยเท่าไหร่ ชื่อตอนที่ตั้งเลยออกมาแบบสิ้นคิดสุดๆ memory สั้นๆตรงๆตัว
เหอๆ สรุปตอนนี้อดีตของ อิส เปิดเผยออกมาแล้วนะคร้าบ (คงไม่โดนอุ้มเพราะไปเฉียดสามชายแดนนั่นหรอกเนอะ
อุตส่าเปลี่ยนเป็นอัลวิส แล้ว อันดับต่อไปพื้นที่ก้ำกึ่ง ที่สถิตย์ของ เรราเย่ เหอๆ)

ว่าแล้วมาต่อสครีมกัน ที่ไม่ให้บทพวกหนุมาน เลย เพราะว่าถ้ามีไปมันก็ไม่ใช่การดวล แต่เป็นการใช้อสูรสู้กับอสูรอยู่แล้ว
ดังนั้นในเมื่อพวกเทพๆอย่าง Master Ceremony ออกโรงแล้ว็คงรู้ผลอยู่ดี เลยไม่อยากยืด
ว่าแล้ว รู้สึกจะยังไม่มีใครสังเกต ตอนนี้ อิสคุง จิตตกไปแว้ว แต่อันที่จริงนั่นคือบุคลิคที่ 4 อันเป็นของธาตุน้ำนั่นเอง
ครับหุๆ เวอร์ชั่นนี้มาแนวมืดมนจริงๆ ว่าแล้ว ฝากตัวอย่างตอนต่อไปทิ้งไว้ก่อนละกันครับ

ครั้งหน้าหน้าขึ้นตอนเลข2หลักแว้วว วู้วววว

ตัวอย่างตอนต่อไป

Next Sub-turn 10 Mind?(จิตใจ)
" คงไม่รอดแล้วล่ะ...ลองโดนเฟสตูมอส กลืนกินจิตใจเข้าไปแบบนี้แล้ว.... "
" คุณเองสินะที่เป็นเจ้าของพลังแห่งความสมดุลนั่น "
" เคียว.....ขอยืมสำรับนายหน่อย "
" เธอน่ะ....อยู่ที่นั่น...ใช่รึเปล่า... "

ชื่อไทยๆอะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
my comptuer
0
 
โพสต์: 151
Cash on hand: 0.00

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง SMN FanCard FanArt & FanFic

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 22 ท่าน