Sub-Turn 24 Cyber Guardian Vs. Culture Barn
ความเดิม: โรงเรียนมนต์วิทยา ได้เปิดคาบการเรียนพิเศษขึ้น ในสัปดาห์ ที่2 ของปีการศึกษา เหล่านักเรียนแลกเปลี่ยน
ที่น่าจับตามอง และอาจารย์พิเศษ ที่ล้วนแล้วแต่รู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน เว้นแต่เพียงคนเดียว อาจารย์พิเศษ
ซึ่งถูกจับตามอง โดย ไกอา และ บีบิส ที่เข้ามาเป็นอาจารย์พิเศษด้วย แล้วยัง การ์ดชุดใหม่ที่พึ่งออกวางจำหน่ายกลับ
เป็นการ์ดที่ อดัม เคยใช้ดวลกับ ธนัท มาแล้ว เงื่อนงำต่างๆเริ่มปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง…………………
…………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………….
ภายในห้องพักอาจารย์พิเศษ ที่พึ่งแต่งตั้งขึ้นมาไม่นาน ไกอา และ บีบิส ทั้งสองกำลังตอบคำถามต่างๆให้กับ
ธนัท และ โคทาโร่ ที่วันนี้รีบมาแต่เช้ามืด เพื่อมาดักรอที่หน้าห้อง
“ เหตุผลที่เรามาอยู่เป็นอาจารย์พิเศษที่นี่ ก็เพื่อจะจับตาดู อาจารย์พิเศษที่ชื่อ คริฟ อีสวูด นั่นแหละ ”
ไกอา พูดก่อนจะยก ถ้วยกาแฟแก้วเล็ก ที่มีกาแฟชงเองหอมกรุ่นอยู่เต็มแก้วขึ้น ซดเสียงดัง แบบไม่เกรงใจ
“ เค้า..ทำไมหรือครับ? ”
ธนัท ถาม
“ ตอนแรกที่มีการเสนอเรื่อง เปิดคาบการสอน SMN โรงเรียนนี้ ยื่นมาถึง หลังทำการตรวจสอบ ดูแล้ว
มันเป็นนโยบายของ กระทรวงการศึกษาที่ต้องการจะให้ที่นี่ทำการทดลองระบบการศึกษาพิเศษ แต่พอทาง
เรากำลังจะเสนอ อาจารย์พิเศษที่จะมารับหน้าที่ ฝ่ายกระทรวงกลับขอกำหนดเอาดื้อๆมาคนหนึ่ง ”
บีบิส พูดไปพลาง จัดระเบียบข้าวของตัวเอง บนโต๊ะ โดยที่เธอทำแบบนี้ตั้วแต่เข้ามาในห้อง อยู่หลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร เธอก็ยังจัดให้ได้ตรงตามที่ต้องการไม่ได้เสียที
“ ก็คือ อาจารย์ คริฟ ที่เรากำลังตามดูอยู่นี่แหละ ”
ไกอา ตอบต่อจากที่ บีบิส พูดทิ้งไว้ เพราะตอนนี้ความสนใจของหล่อนไปอยู่กับโต๊ะเสียแล้ว
“ จากที่เรารู้มา คริฟ อีสวู้ด เป็นนักดวลที่มีชื่ออยู่ในลิสต์ ของ นักร่ายอสูร ระดับสูงผลงานที่ โดดเด่นที่สุดของเค้าคือ ติด 8 อันดับสุดท้ายของการแข่งขัน Grand Tournament เมื่อ 7 ปีก่อน ”
บีบิส แทรกขึ้นมา ตอนนี้ โต๊ะของเธอถูกจัดวางข้าวของใหม่เสร็จแล้ว และ เธอกำลังพิจารณามันอยู่ เธอทำมือเป็นกรอบ
แล้วมองผ่านไปยังโต๊ะ สองสามรอบก่อนจะเข้าไปจัดใหม่อีก ทำเอา โคทาโร่ มองค้อนอย่างละเหี่ยใจ แต่เมื่อหันไปดู โต๊ะ ประจำของ ไกอา กลับต้อง ละเหี่ยใจยิ่งกว่าเดิม เพราะช่างตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อเห็นกองเอกสารและเครื่องเขียนต่างๆกับ ถุงใส่ซองกาแฟกับ ขนมวางกระจัดกระจายเต็มโต๊ะไปหมด
“ 7 ปีก่อน! ”
ธนัท เปรยขึ้นเบาๆ ทำให้ โคทาโร่ หันมาถามด้วยความอยากรู้
“ มีอะไรเหรอ ธนัท ”
“ ก็นั่นน่ะเป็นปีที่ 1ใน Master Ceremony ภูเขา ได้แชมป์ไง ”
ธนัท ตอบและนั่นทำให้ บีบิส เริ่มพูดต่อทันที
“ คริฟ อีสวู้ด ได้ที่ 2 ในการแข่งครั้งนั้น เพราะพ่ายให้กับ ภูเขา หลังจากนั้น ก็ไม่เคยโผล่เข้ามาในการแข่งขันไหนอีกเลย
ไม่มีใครรู้ว่าเค้าหายไปไหน อยู่หรือว่าตาย ครอบครัวหรือญาติสนิท ก็ไม่มีให้สอบถามเลย เรียกได้ว่า หายสาปสูญโดยสมบรูณ์ ”
“ เพราะงั้นพออยู่ๆก็โผล่มาแบบนี้ทางเราเลยตรวจสอบอะไรไม่ได้ซักกะอย่าง ก็เลยต้องตามมาจับตาดูอยู่แบบนี้ไง ”
ไกอา ปิดท้ายให้เสร็จสรรพ หลังจากที่ ซดกาแฟจนหมดแก้ว
“ ด้วยเหตุผลแค่นี้น่ะหรือครับ? ”
สิ้นคำของ โคทาโร่ กาแฟอึกใหญ่ก็พรวดออกมาจากปากของ เธอทันที
ทั้งสองอาจารย์ มองหน้ากันเลิ่กลั่กว่าจะเล่าดีหรือไม่
“ ถ้าเป็นสองคนนี้ล่ะก็บอกไปเลยก็ได้ยังไงซะก็ปิดไว้ไม่มิดอยู่ เพราะถ้ามีภัยขึ้นมาเมื่อไหร่ เจ้าน้องตัวแสบสองคนนี่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยก่อนชาวบ้านเสมอเลย ”
ศรี ตะโกนแทรกเข้า มาจากด้านหลัง พร้อมกับใช้มือ ขยี้หัวทั้ง สองเล่น
“ พี่! ”
ทั้งคู่ ร้องพร้อมกับ เอามือของ ศรี ออกจากหัว
“ กสองคนเนี่ย ชอบเอาตัวเข้ามายุงเรื่องชาวบ้านอยู่เรื่อยเลยนะ ”
ศรี เหน็บใส่ แต่ว่าแม้คำพูดและการกระทำจะแสดงออกมาเล่นๆไปงั้น แต่เมื่อเริ่มพูดถึงรายละเอียดของ สิ่งที่
พวกเค้าถามไป สีหน้าของ เค้าก็จริงจังขึ้นมาทันที
“ ที่ Phenomenon Party กำลังจับตาดูไม่ใช่เรื่องจิ๊บจ๊อย พรรค์นั้น แต่เป็น Pecca เรียกให้ง่ายหน่อยก็ อสูรมาร ”
ทั้งสองถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ กับคำตอบของศรี
“ จริงๆแล้วก็แค่สันนิษฐาน น่ะเพราะว่ามีข่าวลือในวงการมาว่าช่วงนี้ มีกลุ่มคนที่อัญเชิญ อสูร ประหลาดๆ
ออกมาอยู่หนาหู หนึ่งในนั้น ก็มีข่าวลือว่า คริฟ ไปได้การ์ดปีศาจที่ทำให้ เค้าเก่งขึ้นกว่าเดิมหลายขุมมา ”
บีบิส แจงให้อย่างละเอียด
“ เพราะงั้นเราถึงได้มาอยู่ที่นี่ไง ”
ไกอา สรุปสั้นๆเหมือนเดิมอีกครั้ง แต่ตอนนี้เรื่องที่ ธนัท และ โคทาโร่ สนใจคือเรื่อง อสูรมารเสียมากกว่า
“ อสูรมาร นี่มันเป็นแรร์การ์ดแบบไหนกันครับ? ”
ธนัท ชิงถามขึ้นมาก่อนที่จะไม่ได้ถาม
“ มันไม่ใช่ แรร์การ์ดหายากหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะ แต่มันเป็น อันโนน การ์ด(Unkown Card) ”
บีบิสตอบ
“ อันโนน…เหมือนกับอสูรเทพ เหรอ? ”
โคทาโร่ ถามขึ้นบ้าง ไกอา ยักไหล่พร้อมกับตอบเค้าไป
“ ก็ไม่เชิง แต่ว่าเป็นคนละชนิดกัน ”
“ ปกติ แล้ว อสูรที่ถูกผนึกอยู่ในการ์ดจะมีการได้มา 2 วิธีคือ การสร้างวัตถุเชิงวิญญาณขึ้นมาสถิตย์ไว้ในผนึกที่เป็นกรรมวิธีของ อสูรเทียม ส่วนอีกวิธี คอการผนึกอสูรของจริงลงในการ์ดผนึกโดยตรง ตามแต่ผู้ใช้ผนึกจะหาตัวอสูรที่ต้องการมาได้ ”
บีบิส อธิบาย
“ แต่ปัจจุบัน เราเองก็ทำการก็อปปี๊ อสูรแท้ และทำออกมาเป็น อสูรเทียม เพื่อขยายฐานการเล่นออกไปไม่ให้มีกระจุกกัน
อยู่แค่คนบางกลุ่ม เพราะงั้น ตอนนี้ การ์ดโดยทั่วไปก็แทบจะเป็นของผลิตเองเกือบหมด ”
ไกอา พูดก่อนจะเดินไปเติมกาแฟใส่แก้วอีก บีบิส จึงรับมาพูดอีกต่อ
“ แต่ก็มีอสูร อยู่ 3 ประเภทที่เราไม่สามารถทำแบบนั้นได้ 1.คือ อสูรเทพ(God Class) อย่าง เรราเย่หรือ อาแมนคริสอัลติเมท 2.คืออสูรระดับตำนาน(Legend Class) และสุดท้ายคือ อสูรมาร (Pecca Class) ที่จริงบางทีมันอาจจะมีมากกว่านี้อีกแต่ที่เราค้นพบในปัจจุบันทั้งหมดมีแค่ สามประเภทนี้เท่านั้น ที่ไม่สามารถทำการ ลอกแบบได้ เพราะงั้นเราเลยเรียกมันว่า อันโนน ”
“ แล้วความแข็งแกร่งของ มันใกล้เคียงระดับไหนกันล่ะ อสูรตำนาน หรือ อสูรเทพ ”
โคทาโร่ ถามหลังจากฟังพวกเค้าอธิบายมาแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าถึงประเด็น ที่ต้องการเสียที
พวกเค้า เงียบไปพักใหญ่ ก่อน ศรี จะเปรยออกมา เบาๆแค่ครั้งเดียว
“ …….May be is beyond god like….. ”
……………………………………………
…………………………………………………….
11.30 น. เวลาพักเที่ยง
แสงแดดเริ่มแรง สนามกลางแจ้งขอโรงเรียน ก็เต็มไปด้วยเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว ของนักเรียนซึ่งกำลังเตะฟุตบอลอยู่
เอิ่ม …คงใช่มั้ง…..
“ ยิงประตูเลย!!! ”
เสียงตะโกนเชียร์ดังกระหึ่ม ตอบรับ ธนัท ที่ยืนอยู่หน้า โกลด์ฟุตบอล โดยมีผู้รักษาประตู คือ แอน
“ จะยิงล่ะน้า~~~~~~ ”
ธนัท ตะโกนพร้อมกับ ตั้งเตรียมจับการ์ดออกจาก ช่องเสียบของ ปลอกแขนที่สวมเอาไว้ โดยใช้เท้าเหยียบลูกบอล
ให้ลอยขึ้น
“ Come on!! แอน พร้อมทุกเมื่ออยู่แล้ว!!! ”
แอน ท้าพร้อมกับ ตั้งท่าเตรียมจับการ์ดเช่นกัน
“ ถ้างั้นก็ลองชิมสุดยอดลูกเตะของ แมนเซเรก ดูหน่อยเป็นไงย้าก!!!! ”
ธนัท จับการ์ดขึ้นและร่ายออกไปทันที มังกรกริฟแห่งอัคคีแมนเซเรก ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับ ยิงลูกไฟยักษ์
พาลูกบอลที่ลอยค้างกลางอากาศ พุ่งเข้าประตู
“ ไม่มีวันซะหรอกหนา ออกมาเลย ไอซิเคิลฮาวน์ 4 ใบ ”
แอน ประกาศพร้อมกับ จับการ์ดขึ้นมา 4 ใบแล้วร่ายออกไป อสูรสี่เท้าขนหนาสีขาวตัวเขื่องสี่ตัว ปรากฏตัวขึ้นมา
เป็นกำแพงป้องกัน ลูกยิงของ แมนเซเรก ทันที
“ กึ๋ย~~~ ”
ธนัท ถึงกับ หน้าซีดกับกำแพงอันแน่นหนานี้
“ สะท้อนกลับไปเลย Hound Mobster!!!! ”
สิ้นคำ ทั้งสี่ตัวก็ส่งเสียงคำรามดังกึกก้อง พลังเสียงไม่เพียงต้าน ลูกยิงไว้ แต่ยังสะท้อนมันกลับออกไปได้ด้วย
{เหนือกว่าพระเจ้า….หมายความว่ายังไงกัน อสูรมารพวกนั้น ระดับยิ่งกว่า อสูรเทพงั้นเหรอ หรือว่าสูงไปกว่านั้น
พอจะถาม ก็ดันผลักเรา ออกมาซะก่อนอีก ทำไมถึงต้องจงใจตอบเป็นภาษาอังกฤษ แบบนั้นด้วย}
โคทาโร่ ยืนอยู่ข้างสนาม โดยยังคงเก็บเอาเรื่องเมื่อเช้ามาคิด ไม่ทันดูรอบๆ ว่าทุคนกำลัง แหวกทางหนีกราวกันหมด
“ หืม… ”
ตูม!!!!!!
เสียงสุดท้ายเปล่งออกมา และตามด้วยเสียงระเบิดตูมใหญ่ จากลูกยิงพลังไฟที่สะท้อนไปลง กบาล เค้าพอดี
บริเวณโดยรอบตลบอบอวลไปด้วยควันพักใหญ่
“ นี่พวกนายเล่นอะไรกันเนี่ย!!!!! ”
เสียงของ โคทาโร่ ดังขึ้นพร้อมกันนั้น เมื่อควันจางลง ลูกบอล ที่กระเด็นมายังคงหมุนติ้วอยู่ในอุ้งเล็บ
ของ จักรพรรดิ์มนุษย์หมาป่า(Kaiser Werewolf)
“ ธนัท ผิดเองหนาที่เตะมาเมแรงแบบนั้น แอน ก็ต้อง การ์ด(Guard) เอาไว้บ้างสิ ”
แอน รีบออกตัว เฉไฉ โยนความผิดให้ ธนัท ก่อนทันที
“ ไหงงั้นล่ะ~~ ”
ธนัท แย้งพยายามจะแก้ตัวกลับไปบ้าง แต่ ชุติการก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ วันนี้ เคียว ก็ไม่มาอีกแล้วเหรอ? ”
ทุกคนในกลุ่มเงียบเสียงลงและ ได้แต่มองหน้ากันอย่างเงียบๆโดยไม่มีใครพูดอะไร เพราะ
ตั้งแต่เกิดเรื่องสามอสูรบรรพกาล ครั้งนั้นแล้ว เคียว ก็ไม่โผล่มาให้เห็นอีกเลย แม้ว่าเพื่อนๆทุกคนจะติดต่อไป
แต่ก็ไม่ได้การตอบรับกลับมา แม้แต่น้อย
…………………………..
…………………………………………..
…………………………………………………………..
หลังเลิกเรียน คาบเรียน พิเศษจึงเริ่มชั่วโมงที่สองของสัปดาห์นี้ขึ้นมา บรรดานักเรียน พร้อมหน้ารอคอยที่จะได้รับชม
สุดยอดการดวลของ คิระ ที่จะมาดวลกับนักเรียนแลกเปลี่ยน คนที่ 2 นอกจาก นักเรียนทั่วไปที่ยืนออกันอยู่ข้างล่างเวที
นักเรียนพิเศษ อีก 2 คน ก็มาจับตามองการดวลในวันนี้อยู่ที่ข้าง เวที ด้วยเช่นกัน
ตอนนี้บนเวที คิระ มายืนรออยู่ก่อนแล้ว ทว่า คู่ดวลของ เค้านั้น กลับยังไม่ปรากฏตัวให้เห็นแม้แต่เงา
อาจารย์ ไกอา บีบิส และ คริฟ ทั้งสามท่านก็ยังคงมาคอยเป็นพิธีกร ให้บนเวที เหมือนเมื่อวาน
“ นี่มันช้ากว่าที่นัดกันไว้ ไป 20 นาทีแล้วนะ ”
ชุติการ บ่นขึ้นมาหลังจาก มองดูเวลาซึ่งฉายบนจอโฮโลแกรมกรอบเล็ก จาก กอสเปล Note ของเธอ
“ หรือว่าหมอนั่นจะกลัวจนหนีไปแล้วน่ะ ”
โคทาโร่ เอ่ยเหน็บ แต่มิส ก็แทรกขึ้นมา
“ ไม่หรอก ผัก เอ้ย!..บาร์น น่ะถึงจะเห็นแบบนั้น แต่ก็เป็น แชมป์ของสาขาภาคตะวันออก ฝีมือไม่ใช่ระดับที่จะกลัวจนฝ่อกับอีเรื่องแค่นี้หรอก ”
“ พูดซะยังกับรู้จักกันมาก่อนงั้นแหละ ”
ธนัท ถาม
“ อืม รู้จักสิ ก็ก่อนจะจบ ม.ต้น เราเรียนโรงเรียนเดียวกันนี่นา ทั้งบาร์นแล้วก็ฉัน เราสองคนถูกขนานนามกันที่โรงเรียนเก่าว่าเป็น Twin King มาแล้วเลย ”
มิส ตอบพร้อมกับ ขยายความให้เสร็จสรรพ โคทาโร่ ผิวปากเป็นเชิงว่าแปลกใจ ขณะที่ คนอื่นๆได้ยินแล้วก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อซักเท่าไหร่ แต่แล้วก็มีเสียงโครม ใหญ่ดังขึ้นมาจาก เวที ทุกสายตาจึงกลับไปจับจ้องอีกครั้ง
ตอนนี้ บาร์น มาแล้ว และกำลังก้มหา แว่นตา ที่หลุดกระเด็น เพราะความซุ่มซ่ามของตัว เองเหมือนทุกครั้ง
…………….
“ นี่จ๊ะ บาร์น คราวหลังก็ระวังหน่อยนะ.. ”
ไกอา ก้มลงเก็บแว่นคืนให้ แม้แต่เธอเองก็ยัง ไปไม่ถูกกับ ความซุ่มซ่ามเกินบรรยายของ เค้า
“ ถ้างั้นเราก็มาเริ่มกันเลยเถอะนะค้า~~~ทุกคน!! ”
ไกอา ประกาศก้องผ่านไมค์ทันที เมื่อทุกอย่างเข้าที่แล้ว เสียงร้องตอบรับจากบรรดานักเรียน ดัง
กระหึ่มไปทั่วทั้งโรงเรียน ในเวลาไม่นาน
“ ทีเนอร์(Tenor) สแตนบายน์ ” /Yes Sir!! , Get Set Stand by Duel Mode/
คิระ ออกคำสั่ง พร้อมกับ ตั้งแขนซ้ายให้ฉากกับลำตัว Note ที่อยู่ในรูปแบบ จี้ห้อยคอ เปลี่ยนรูปสสาร
ของตัวเองให้กระจายออก ก่อนจะไปรวมตัวกันที่แขน และขยายส่วนประกอบกันใหม่ กลายเป็น
ปลอกแขนจักรกล ที่มี ฟันเฟือง หนึ่งวง ยื่นออกมา หมุนปั่นสร้าง ละอองแสงสีเขียว อันเป็นพลังงานเวทย์
“ The secret of success in life is to be ready for your opportunity when it comes. ”
บาร์น เปรย ก่อนจะหลับตาสูดลมหายใจลึก จนเต็มปอดและค่อยๆผ่อนออกมา บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไปในทันที
ภายในความซุ่มซ่าม และ ความเงอะงะ ที่เคยแสดงให้เห็นอยู่หายไปจนหมดสิ้นในพริบตา ยามที่ ดวงตาเปิดขึ้นอีกครั้ง
ที่อยู่ต่อ หน้า คิระ ก็แทบจะเป็นคนละคนกันไปเลย
{ความรู้สึกแบบนี้ จิตสังหาร…..ค่อยรู้สึกอยากจัดการขึ้นมาบ้างแล้ว ต้องแบบนี้สิ ถึงจะสมกับตำแหน่งบนจุดสุดยอด}
รอยยิ้มเผยอขึ้นที่มุมปากของ คิระ ขณะที่ บรรดานักเรียน และ อาจารย์ พากันรู้สึกเสียวแวบไปชั่วครู่
“ ความลับของความสำเร็จคือเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอสำหรับโอกาสที่มาถึง
โดย เบนจามิน ดิสราเอลี เอิร์ลแห่งบีคอนสฟิล์ดที่ 1 Benjamin Disraeli ”
อาจารย์ คริฟ พูดขึ้น ไกอา และ บีบิส หันมามองกันอย่าง งงๆก่อนจะย้ายเป้าสายตาไปที่ เค้า
“ แหม..ผมคิดว่ามันเป็นคำพูดที่ฟังดูมีเหตุมีผลดีนะครับ…ก็เลยจำมาจากหนังสือกะว่าจะเอามาพูดเวลาสอนพวก
นักเรียนบ้าง ”
อาจารย์ คริฟ ตะเพิดเสียงดังแก้เขิน ทำเอา ไกอา กับ บีบิส พากันถอนหายใจยาวเป็นแถบ
“ น….นั่นสิคะ…แหะๆ ”
อาจารย์สองสาว รับคำเสียงเนือยๆ ก่อนจะเบนเป้ากลับมา ที่ คู่ดวล ตอนนี้ บาร์น แสตนบาย์ Note ซึ่งกลายเป็นปลอกแขนรูปร่างคล้ายกับจิงโจ้ เป็นที่เรียบร้อย และทั้งสองก็พร้อมที่จะเริ่มดวลกันแล้ว
“ ถ้ายังงั้นก็ Let’s ~~~~~Duel!!!! ”
ไกอา ลากเสียง ประกาศเริ่มการ ดวล เสียงเชียร์จากบรรดานักเรียน ข้างล่างก้ดังกระหึ่มขึ้นมา
โดยส่วนหญ่แล้ว จะเป็นเสียงสนับสนุน คิระ เสียมากกว่า เพราะนี่ถือเป็นการดวลโดยมี หน้าตาของ โรงเรียนเป็นเดิมพันด้วย
“ ในครั้งนี้เราจะให้การดวลด้วยกฏ Ruler Level Master Mode ที่พึ่งจะเปลี่ยน Ruler ใหม่แทน Expert Mode
ของเดิมนะครับ ”
อาจารย์ คริฟ พากย์เสียงอธิบาย ผ่านไมค์ ที่คราวนี้มีมาเสริมให้ อาจารย์ พิเศษ คนอันกันไปเลย
“ ซึ่งในกฏ Ruler Level Master Mode ที่พึ่งเปลี่ยนนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงค่า Shrine Max กับ Mp Max ใหม่ให้เป็น 8 เท่ากันทั้งสองค่าค่ะ ”
บีบิส อธิบายผ่านไมค์ในส่วนของ รายละเอียดกฏที่เหลือ อยู่ต่อจาก อาจารย์ คริฟ ทันที
“ ฉันบุกก่อน ”
คิระ ประกาศเริ่มรอบของตน หลังจากต่างฝ่ายต่างจับ การ์ดขึ้นมาครบ 7 ใบ
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
“ Cost Mp 3 ให้ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล(The Guardian of Lexdetheo Seal)ออกมาที่ At Line ”
คิระ ประกาศพร้อมกับ หยิบเอา ซีลการ์ดบนมือขึ้นมาใบหนึ่ง ก่อนจะปล่อยให้มันตกลงสู่พื้น ผนึกการ์ดซีล
ดูดซับละอองแสงที่สร้างจากฟันฟือง เข้าไปจนเรืองแสง เมื่อมันตกถึงพื้น การ์ดกลับจมลงไปในพื้นเวทีอย่างช้าๆ
จนมิดใบ ไม่กี่อึดใจต่อมา เสาลำแสงก็พุ่งทะยานสูงขึ้นจากเวที และสลายลง พร้อมกับการปรากฏตัวของ ผู้พิทักษ์จักรกล
สีขาว ซึ่งมีดาบเงิน 4 เล่มขนาดยักษ์ รายล้อมอยู่รอบๆ
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 2 Mp:2/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
“ ตาแรกมาก็ส่ง Seal ใบเด็ดออกมาก่อนเลยเหรอเนี่ย ”
โคทาโร่ เปรย
“ คงคิดจาปิดฉากในทีเดียวแบบไม่ให้ตั้งตัวติดกันเลยหลามั้ง ”
แอน กล่าวเสียงเหน่อ วิจารณ์ออกมาตามสภาพที่เห็น
“ มันจะเป็นแบบนั้นแน่เหรอ… ”
มิส แย้งขึ้น ทุกคนหันมามองเค้าเป็นจุดเดียวกันทันที ด้วยถ้อยคำที่น่าสงสัยของ เค้า
“ Ability ของ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล ทำงาน!! สามารถแสดง Mystic Card 4 ใบบนสุดจาก สำรับ และเลือกเอา Mystic สวมใส่(PS)จาก 4 ใบนั้น มาติดตั้งให้กับ การ์ดใบนี้ได้ ”
คิระ อธิบาย ก่อนจะจับการ์ด มิสติกขึ้นมา 4 ใบ และแสดงออกมา
“ เลือกให้ Beam Gun Arm ไปติดให้กับ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล แล้วส่งที่เหลือไปที่ Shrine ”
คิระ ประกาศ ก่อนจะ หยิบเอา มิสติก การ์ดที่เลือก ออกมา และยัดที่เหลืองไปที่ช่อง Shrine ของปลอกแขน
จากนั้น มิสติกการ์ด ที่เลือกมาก็ดูดเอา ละอองแสงเข้าไป และสลายตัวไปรวมกันที่แขนซ้าย ของ ผู้พิทักษ์จักรกล
แทนที่ดาบทั้ง 4 เล่ม ซึ่งถูกสลายให้หายไป
“Cost Mp 2 ให้ Mystic ถาวร Power of Soul ทำงาน แล้วหมดรอบ ”
คิระ ประกาศ พร้อมกับร่าย มิสติกการ์ดบนมืออกไป ปรากฏภาพของ มิสติกการ์ดซึ่งมีรูปของ เทวทูต รายล้อมด้วย
ดวงพลังแห่งวิญญาณ ปรากฏอยู่ขึ้นมาในสนาม
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 1 Mp:0/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
“ รอบของผัก Cost Mp 3 อัญเชิญ ราชินี อัญมณีแห่งพืชกินแมลง เซฟาโลตัส ควีน(Cephalotus Queen)
ออกมาที่ At Line ”
บาร์น ประกาศ ผนึกการ์ดที่ร่ายออกไป ดูดซับละอองแสงไว้จนล้นปรี่ และปลด ออก แสงสว่างเจิดจ้า ขึ้น
และจางลงปรากฏ พืชประหลาดขนาดยักษ์ขึ้นบนสนามของ บาร์น มันมีลักษณะดอก กลมเรียวเหมือนถุง
ใส่ของ กลีบใบซึ่งมีขอบกลีบเต็มไปด้วยสี่กลีบหุบปิดส่วนบนเอาไว้อย่างมิดชิด ด้านหลังของ ดอกมี เถาวัลย์ขดปลายยื่นออกมา
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]
“ เกร็ดเล็กน้อย นะครับ Cephalotus ในชื่อของ เซฟาโลตัส ควีน(Cephalotus Queen) เป็นชื่อของ พืชกินแมลง
ที่มีความหายากจนถูกขนานนามว่า ‘อัญมณีแห่งพืชกินแมลง’ ซึ่งชื่อภาษาไทย เรียกว่า ‘กระเป๋าจิงโจ้’ ”
อาจารย์ คริฟ อธิบาย ผ่านไมค์ ออกมา
“ โหย~~~งั้นนี่ก็เป็น อสูร ที่เข้ากับDNA-Changer สายพันธุ์ จิงโจ้ อย่างเค้ามากๆเลยนะคะเนี่ย ”
ไกอา เสริมตอบรับคำอธิบาย เป็นลูกคู่กันมา
“ อย่า เผากันในระยะเผาขนแบบนี้ได้ไหมคร้าบ~~~จารย์!!!!! ”
บาร์น หันไปตะโกนใส่ ก่อน จะทำสมาธิใหม่อีกรอบ และเริ่มเดินเกมต่อ
“ Cost Mp 3 แล้วให้ Second World ทำงาน ผลจากการ์ดใบนี้จะทำให้ อสูรที่ติดมันไว้ อยู่ในสถานะ Dimension Curse ”
บาร์น แสดงมิสติกการ์ดในมือ ก่อนจะขว้างมันออกไปยังผู้พิทักษ์จักรกล การ์ดผนึกดูดซับเอาละอองเวทย์ รอบๆเข้ามารวมกันไว้จนกลายเป็น วงแหวนแสงล้อมกรอบ ผู้พิทักษ์จักรกลเอาไว้ และย้ายหายไปในห้วงมิติอื่น
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 1 Mp:2/8 Shrine 0/8 ]
“ ขออธิบายนะครับ Dimension Curse เนี่ย จะทำให้ อสูร ที่ติดสถานะนี้ ไม่นับว่าอยู่ใน Line ใดๆ
แต่ยังคงอยู่ในสนามและตกเป็นเป้าของ Mystic Skill และAbility ได้อยู่เหมือนเดิม แต่ไม่สามรถเลือกเป็นเป้าโจมตีได้ ”
อาจารย์ คริฟ บรรยายสรรพคุณ ผ่านไมค์ออกมา ไขความกระจ่างให้ กับทุกคน
“ เอ๋ แต่ว่าถ้าไม่อยู่ใน Line ใดๆเลยแบบนี้ แล้วในสนามของ อนุชิต เอ้ย คิระ ก็ไม่มี อสูรตัวอื่นเลยด้วย
ก็จะถูกโจมตีขึ้นมือโดยตรงได้เลยน่ะสิคะ ”
ไกอา พากย์ตามน้ำ เรียกเสียงฮือฮาจากบรรดานักเรียน กันอย่างล้นหลามเลยทีเดียว
“ Cost Mp 1 อัญเชิญ อควอ แพลนท์(Aqua Plant) ออกมาที่ At Line ”
บาร์น อัญเชิญ อสูร เพิ่มขึ้นมาอีกใบ ภูตสาวกายสีฟ้าเข้มแกมเขียวตามร่างกายประดาประดาไว้ด้วยรากไม้น้ำ
นานาชนิด นางมีเส้นผมเป็นกอสาหร่ายสีเขียว ยาวย้วยลงมาถึงหลัง
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:6/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 1 Mp:1/8 Shrine 0/8 ]
“ เอาแล้วค่ะ บาร์น อัญเชิญ อสูรออกมาเพิ่ม นี่เค้าจะใส่เต็มที่ตั้งแต่เริ่ม เกมเลยหรือคะเนี่ย ”
ไกอา พากย์อย่างออกรส จนบีบิส อดมองค้อนเสียไม่ได้
“ ในจังหวะนี้เมื่อการเปลี่ยนโซนของการ์ดเกิดขึ้นจะตามมาด้วย Interfree Step…
Cost Mp 2 ให้ Fallen Spell ทำงาน ต้องส่ง Mystic Card ใบหนึ่งจากในสำรับไปที่ Shrine ฉันขอส่ง
Alternation ไปที่ Shrine ”
คิระ แสดงมิสติกการ์ดบนมือ ขึ้นมาก่อนจะ หยิบจากสำรับอีกใบ ขึ้นมาแสดงแล้ว ส่งทั้ง 2 ใบไปที่ ช่อง Shrine
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:6/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 1 Mp:1/8 Shrine 0/8 ]
ทันทีที่การ์ดทั้งสองใบถูกเก็บลงไปยัง Shrine ก็เกิดแสงสว่างส่องออกมาจากช่อง Shrine ของ ปลอกแขน
พร้อมกันนั้นเอง จอมเวทย์หญิงก็ปรากฏกายขึ้น พร้อมกับ คฑาสามคัน นางขยับริมฝีปากอย่างรวดเร็วเพื่อร่ายคาถา
ออกมา แสงสว่างพุ่งออกจากคฑาทั้งสาม ไปยังพื้นที่ว่างที่ ผู้พิทักษ์จักรกลเคยอยู่และดึงเอาร่างนั้นกลับมา อยู่ในสภาพก่อนจะถูกส่งข้ามมิติไป วงแหวนแสง ที่ล้อมกรอบ ผู้พิทักษ์จักรกล ถูกย้ายคืนกลับไปยัง เซฟาโลตัส ควีน ที่อยู่ในสนามของ บาร์น และทำให้มันหายไปจากสนามแทน
“ ผลจากการ์ดของ Alternation ทำงาน เมื่อมันถูกส่งไปที่ Shrine ก็จะย้าย Mystic Card สวมใส่(PS)ใบหนึ่ง
ไปติดที่ Seal ที่สามารถติดมันได้ ฉันใช้ผลข้อนี้ ย้าย Second World ที่ติดอยู่บน ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล
กลับไปที่ เซฟาโลตัส ควีน แทน ”
คิระ อธิบาย
“ แบบนี้ก็เท่ากับว่าโดนย้อนศรกลับเองซะแล้ว ทั้งทีเมื่อตะกี้ยังได้เปลี่ยบอยู่เต็มๆแต่แค่ Step ต่อ Step ก็พลิกกลับมา
ได้แล้ว…น่ากลัวจริงๆ ”
โคทาโร่ เปรยความเก่งกาจของ คิระ ที่แสดงออกมานั้น เหนือชั้นอย่างเห็นได้ชัด
ทว่า ขณะที่ทั้งสนาม กำลังคิดว่า บาร์น ตกเป็นรองอยู่ นั้น แต่เจ้าตัวกลับฉีกยิ้มอยู่ที่มุมปาก
ราวกับว่า เกมกำลังเดินไปตามแผนที่เค้าตั้งใจไว้
“ Cost Mp ที่เหลืออีก 1 เรียกให้ อควอ แพลนท์ อีกใบออกมาที่ Df Line แล้วหมดรอบ ”
บาร์น ประกาศพร้อมกับ อัญเชิญ ภูตไม้น้ำ ขึ้นมาอีกตัวที่แนวหลัง
“ และในจังหวะนี้ Ability ของ อควอแพลนท์ก็ทำงาน ได้เรียก อควอ แพลนท์ ออกมาจากสำรับเพิ่ม ในสนามของ ผัก
มี อควอแพลนท์ อยู่ 2 ใบดังนั้นจึงได้เรียกเพิ่มอีก 2 ใบ แต่ว่าอควอ แพลนท์ ที่เรียกออกมาด้วยผลนี้จะสูญเสีย Ability ไป ”
สิ้นคำ บาร์น ก็หยิบเอา ซีลการ์ดออกมาจาก สำรับอีก 2 ใบและร่ายมันออกไป ภูตไม้น้ำเพิ่มจำนวนขึ้นมาในสนาม
เป็น 4 ตนในทันที
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:6/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:0/8 Shrine 0/8 ]
“ รอบของฉัน จั่วไพ่ ”
คิระ ประกาศรอบของตนพร้อมกับ จั่ว มิสติกการ์ดและซีลการ์ดขึ้นมาอย่างละใบ
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 1 Mp:6/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
“ Cost Mp 2 ให้ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล โจมตีไปที่ อควอแพลนท์ Sacred Laser Bounding!!! ”
คิระ ประกาศโจมตี ผู้พิทักษ์จักรกล ยกแขนข้างที่ติดตั้งปืนลำแสงขึ้นเล็ง เสียงเหนี่ยวไกดังขึ้นและตามมาด้วยเสียงกระหึ่ม
ของ ลำแสงพิฆาตที่ยิงออกมา สลายร่างของ ภูตไม้น้ำ ไม่เหลือแม้แต่ซาก
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 1 Mp:4/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]
“ Ability ทำงานเมื่อ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล โจมตีสำเร็จ Cost Mp ให้ 1 จุดก็จะสามารถต่อสู้ได้อีกครั้ง
รับไปซะ Sacred Laser Bounding !! นัดที่สอง ”
สิ้นคำ ผู้พิทักษ์จักรกล ก็ทำการประทับปืนลำแสงยิงอีกครั้ง
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 1 Mp:3/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]
“ ไม่มีทางหรอกน่า Ability ของ เซฟาโลตัส ควีน ทำงาน Illusion Wall!! ”
บาร์น ตะโกน ทันใดนั้น ก่อนที่ลำแสงพิฆาต จะข้ามแนวหน้าไป ภูตไม้น้ำของ บาร์น กลับหายวับไปในพริบตา
ทำให้ ลำแสงสูญเสียเป้าหมายและพุ่งลงพื้นไป จากนั้น เหล่าภูตไม้น้ำที่เคยหายไปก็กลับมาอยู่ในสนามตามเดิม
นักเรียนทุกคนรวมทั้งบรรดาอาจารย์ ต่างมองหน้ากัน เลิ่กลั่กกับสิ่งที่เกิด บ้างก็ขยี้ตา เพื่อเช็กดูว่าตัวเองตาฟาดไปหรือไม่
“ เมื่อกี๊ เหมือนกับว่า อสูร ของเจ้านั้น มันหายไปแวบหนึ่งเลยนะ หรือว่า ฉันตาฟาดกันล่ะเนี่ย ”
ชุติการ กล่าว
“ ตาฟาดพร้อมกันทั้งโรงเรียน เนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้หรอก ”
ธนัท แย้ง
“ ไม่ได้ตาฝาดหรอก พวกนายถูก ภาพมายาหลอกตาเอาต่างหาก ”
มิส อธิบาย ทุกคนหันมามองเค้าเป็นทางเดียวกันทันที เพื่อจะขอคำตอบ
“ ลูกไม้ที่ บาร์นถนัดมากที่สุดการทำให้ประสาทสัมผัสรับรู้ต่อสภาพการณ์ในสนามบิดเบือนไป
ทั้งภาพลวง (Illusion)และมิติขนาน (Dimension) ต่างก็เป็นอาวุธและโล่สำหรับต่อกร กับ คู่ต่อสู้ที่ใช้พลังเข้าถล่มใส่ได้อย่าง
ดีเยี่ยมทั้งนั้น ”
มิส กล่าว
“ รู้ไหม ถ้าพืซที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ขาดสารอาหารจาก ดิน มันจะทำยังไง? แน่นอนก็ต้องหาอาหารเพิ่ม
นี่คือธรรมชาติและสัญชาตญาณของ พืชกินแมลง เพื่อที่จะล่อลวงเหยื่อมาก็ต้องใช้ ความสามารถในการอำพรางต่างๆล้วน
แล้วแต่เป็น มายาที่จะดึงศัตรูที่หลงกลเข้ามาติดกับดักและต้องกลายเป็นอาหารที่แสนหอมหวานไปยังไงล่ะ และ กำแพงมายา Illusion Wall นี่ก็คือหนึ่งในความสามารถที่ว่า เมื่อ เซฟาโลตัส ควีน อยู่ที่ At Line เผ่าพันธุ์ พฤกษา(Plant) ทั้งหมดใน Df Line ที่ไม่ใช่การ์ดใบนี้จะป้องกันจากการโจมตี ”
บาร์น อธิบาย
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 1 Mp:3/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]
“ Cost mp 2 ให้ Mystic ถาวร Glory Shield ทำงาน แล้วหมดรอบ ”
คิระ ประกาศพร้อม ร่าย มิสติกการ์ด ออกมา การ์ดผนึก อัญเชิญ โล่ทองสัมฤทธิ์เขียนลายกิ่งใบไม้ ฃและขอบทาประดับด้วยทองคำเหลือง
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 0 Mp:1/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]
“ รอบของ ผัก จั่วไพ่!! และในจังหวะนี้ ผลของ Second World ก็หมดไป ทำให้ เซฟาโลตัส ควีน กลับมาที่ At Line ”
บาร์น ประกาศรอบพร้อมกับจับ ซีลกับมิสติก การ์ดขึ้นมาอย่างละใบ และ เซฟาโลตัส ควีน ในสภาพหุบกลีบ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 0 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]
“ Cost Mp 3 เรียกให้ พกฤษา อาวุสโส อามาเรต้า (Amareta, the Elder Plant) ออกมาที่ Df Line ”
ทันทีที่ การ์ดผนึกปลดออก รากไม้ก็ไชทะลุพื้นเวทีขึ้นมาก่อรูปเป็นตัวคล้ายมนุษย์ และ ไม้เท้าอันเกิดจากรากไม้พันเกลียว
ร่างนั้นสะบัดไม้เท้าลง เผยรูปลักษณะอันสง่างามดัง เทพยดาแห่งแมกไม้
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 0 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]
{ดีล่ะฝ่ายโน้นไม่มี Mystic Card แล้ว}“ Cost 2 ให้ เซฟาโลตัส ควีน โจมตี ”
สิ้นคำประกาศของ บาร์น กลีบทั้ง 4 ที่เคยหุบปิดส่วนบนของดอกเอาไว้ก็แง้มผลิออกร่างของ มนุษย์หญิงสาว
ค่อยโผล่พ้นออกมาจากดอก หัวของนางสวม มงกุฏทำจาก กลีบดอกของมัน 3 กลีบเล็ก
มือขวาเป็นช่อดอกขนาดใหญ่กลีบสีชมพู มีของเหลวสีเขียวหยดออกมา
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 0 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:3/8 Shrine 1/8 ]
“ ให้ เซฟาโลตัส ควีน ที่มีค่า At 8 โจมตีใส่ การ์เดี้ยน เลกซ์เดทีโอ ที่ มีค่า At 10 งั้นเหรอ!? ”
ธนัท อุทาน เช่นเดียวกับทุกคน ที่ตะลึงไปกับ คำสั่งที่ บาร์น ประกาศออกมา
“ เซฟาดลตัส ควีน มี Ability ที่จะเพิ่มค่า At ตามจำนวนเผ่า พฤกษา ใบอื่นในสนาม ตอนนี้ เผ่าพฤกษา
นอกจาก เซฟาโลตัส มีทั้งหมด 4 ใบ ดังนั้น ค่า At จึงเท่ากับ 12 หน่วย ย่อยสลายมันเลย เซฟาโลตัส ควีน ”
บาร์น กล่าว ร่างหญิงสาวบนดอก เซฟาดลตัส ยกแขนขวาที่เป็นช่อดอก ขึ้นประทับ
และตวัดแส้เถาวัลย์ที่โยงจากด้านหลังดอก ออกไปมัดร่าง ของ ผู้พิทักจักรกล ให้อยู่ในวิ๔จู่โจมก่อนจะ
ฉีดของเหลวสีเขียวข้น ใส่
“Cost Mp 1 Sacrifice Glory Shield จากนั้นให้ผลของมันทำงาน ”
คิระ ประกาศแทรกขึ้นมา โล่ทองสัมฤทธิ์ ที่วางอยู่ในสนาม ก็พุ่งขึ้นไป กันของเหลว
ที่ฉีดมา ให้กับ ผู้พิทักษ์จักรกล ของเหลวที่ เหลือหยดลงบนพื้นเวที ก็ละลายจนเกิดควันลอยฉุยขึ้นมา
“ Glory Shield จะป้องกันการโจมตีให้กับ อสูร ตัวหนึ่งในสนามได้จนกว่าจะหมดรอบ ”
คิระ อธิบายตอนนี้โล่ทองสัมฤทธิ์ ที่รับเอา สารละลาย แทน ยังคงอยู่อย่างสมบรูณ์ไม่มีแม้รอยถลอก
ร่างหญิงสาวหุบกลับไปในดอกพร้อมกลีบที่ปิดงมิดชิด ตามเดิมหลังจากโจมตีเสร็จ ขณะที่ บาร์น คิดหาวิธีรับมือต่อไป
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 0 Mp:7/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:3/8 Shrine 1/8 ]
“ Cost Mp 3 ให้ Second World อีกใบทำงาน เลือกเป้าหมายเป็น เซฟาโลตัส ควีน แล้วหมดรอบ ”
บาร์น ร่ายมิสติกการ์ดออกมา และส่ง เซฟาดลตัส ควีน กลับเข้าไปยัง มิติขนานอีกครั้ง
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 0 Mp:7/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:0/8 Shrine 1/8 ]
“ เข้าไปหลบในมิติขนานอีกแล้ว ไม่ยอมเปิดให้ช่องให้โจมตี แบบนี้ Illusion Wall ช่างเป็น Combo ที่ทำเอา หืดขึ้นคอจริงๆค่ะ ”
ไกอา พากย์ ตามการดวล ตอนนี้ คิระ เป็นฝ่ายถูก กดดันให้ ตั้งรับเพียงอย่างเดียว บัดนี้เสียง เชียร์ที่เคยกระหึ่มสนามกลับกลายเป็นความเงียบเชียบไปในทันที ทุกคนต่างลุ้นระทึกว่า คิระ ดาบแห่งพระเจ้า จะถูกโค่นลงตรงนี้หรือไม่
“ ผักน่ะใช้เวลาทั้งคืนนั่งศึกษาสำรับของ คุณจนหมดเปลือกแล้ว และนี่คือ Combo ที่ได้ผลดีที่สุด
การเล่นผสานเพื่อปิดผนึกการโจมตี ”
บาร์น กล่าว แต่ คิระ ไม่สนใจ และประกาศเริ่มรอบของตัวเองต่อทันที
“ รอบของฉัน จั่วไพ่ ”
คิระ จับซีลการ์ดและมิสติกการ์ดขึ้นมาอย่างละใบ
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 6 ,Mystic 1 Mp:7/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]
{ ทำให้ คนอย่างรุ่นพี่ คิระ หืดขึ้นคอได้ขนาดนี้ เจ้านั่นฝีมือไม่เบาเลย ทั้งที่ขนาดเรากับ ธนัท แค่จะยืนให้อยู่
ก็ยังแทบกระอักออกมาเป็นเลือด}
โคทาโร่ คิด หลังจากได้เห็น แทคติก ของบาร์น แล้วทำให้การประเมินค่าที่เค้าเคยคิดไว้นั้น บิดเบือนไปมากเลยทีเดียว
ราวกับว่า ถูกภาพลวงของเปลือกนอกที่ บาร์น แสดงออกมาหลอกตาเอา
“ เทคนิก กับการเล่นผสานก็เข้าท่าดีอยู่หรอกแต่แค่นั้นน่ะ ทำให้คมดาบของพระเจ้าบิ่นไม่ได้หรอกนะ ”
เสียงที่ดังขึ้นทำให้ พวกเค้าหันกลับไปมอง ยังต้นเสียง มาริน่า กำลังเดินเข้ามาหาพวกเค้า
“ แต่ว่า การโจมตีถูกปิดผนึกโดยสมบรูณ์ไปแล้ว แบบนี้ยังจะเอาอะไรมาสู้ได้อีกล่ะ ”
มิส แย้ง
“ งั้นก็คอยดูต่อไปเถอะ เดี๋ยวก็รู้เอง…ว่าชายผู้ที่กวัดแกว่งดาบแทนพระผู้เป็นเจ้า น่ะจะหาทางออกจากสถานการณ์นี้ยังไง ”
มาริน่า กล่าวโดยไม่สบตากับ เค้าแม้แต่น้อย แต่แล้วความสนใจก็กลับขึ้นไปอยู่บนเวที เมื่อ คิระ เริ่มเดินเกมต่อ
“ Cost Mp 2 ให้ Alternation ทำงาน ย้าย Second World จาก เซฟาโลตัส ควีน มาติดให้กับ
ดิ กาเดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล ”
การ์ดผนึกถูกร่าย ออกมา ปรากฏจอมเวทย์สาว ผู้มาพร้อมคฑาสามคัน นางร่ายคาถาที่มีผล โยกย้าย
เวทย์มนต์ ของนางทันที เซฟาโลตัส ควีน ปรากฏตัว ขึ้นในสนามอีกครั้ง และแสงจากคฑา
ทั้งสาม ของนางก็พุ่งเข้าไปอาบ วงแหวนแสง ที่ล้อมกรอบ เซฟาโลตัส ควีน ไว้ก่อนจะดึงให้มา
สวมกับ ผู้พิทักษ์จักรกล และย้ายผู้พิทักษ์จักรกลข้ามไปยังมิติคู่ขนานในพริบตา
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 6 ,Mystic 0 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]
“ ถึงจะดึง เซฟาโลตัส ควีน ออกมาได้ แต่ค่าพลังของมันก็เพิ่มขึ้นไป ถึง 12 หน่วยแล้ว แถม Seal หลัก ก็มาติด Curse
เสียเอง นี่เค้าตั้งใจจะทำอะไรกันแน่คะเนี่ย ”
ไกอา พากย์ผ่านไมค์ขึ้นมา อย่างฉงนกับ สิ่งที่ คิระ ตัดสินใจทำลงไป
“ เมื่อกี๊นายพูดใช่ไหมว่าศึกษาสำรับของ ฉันมาดีแล้ว งั้นฉันขอถามนายหน่อย ข้อมูลที่เอามาน่ะมันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ”
คิระ เอ่ยถาม บาร์น ทำท่านึกอยู่ซักพักก่อนจะตอบกลับมา
“ เอ่อ…น่าจะเป็น เทปการดวลเมื่อประมาณ 7 ปีก่อนเห็นจะได้ล่ะมั้ง ”
“ ทำไมถึงได้ไปศึกษษเอาข้อมูลเก่าเก็บขนาดนั้นกันละเนี่ย ”
ชุติการ เอ่ยและใช้มือเกาหวอย่าง งงๆ
“ เพราะว่าการดวลของ คิระ น่ะมันเป็นแบบนี้ซ้ำๆกันมา 7 ปีเต็มแล้วน่ะสิโดยที่ไม่ได้มีการเพิ่มเติมหรือ
เปลี่ยนแปลงอะไรเลยทั้งรูปแบบและการ์ดที่ใช้ ”
มาริน่า ตอบแก้แงนให้พวกเค้า
“ หมายความว่า สำรับนั่น ไม่มีลูกไม้อะไรอยู่อีกแล้วงั้นเหรอ ”
โคทาโร่ หันมาถาม แต่เธอกลับไม่ตอบเค้าในทันที เพราะตอนนี้ คิระ กำลัง พูดอะไรบางอย่าง
“ นั่นสินะ 7 ปีแล้วหรือเนี่ย ที่เอาแต่ใช้รูปแบบเดิมๆ….ถ้างั้นเพื่อตอบแทนที่ทำให้ ฉันได้เอาจริงอย่างเต้มที่ ฉันจะแสดงให้ได้เห็นถึงพลังที่แท้จริงของสำรับ Cyber Guardian นี้เอง ”
คิระ ประกาศเสียงกร้าว ดวงตาฉายแววความมั่นใจออกมาอย่างล้นเปี่ยม ราวกับว่า การกดดัน ของ บาร์น ที่ผ่านๆมา
ไม่ได้ส่งผลอะไรกับเค้าเลย
“ นี่จะบอกว่า ตั้งแต่เริ่มดวลมานั่นยังไม่ได้ใส่เต็มที่อีกงั้นเหรอ? แล้วที่สำคัญชื่อสำรับน่ะมัน Heaven Gundamus
ไม่ใช่เรอะ! ” (เกรม่อน: แหมจำแม่นดีเนอะ- -#)
โคทาโร่ เผยอ
“ ครั้งสุดท้ายที่เอาจริงนั่นน่ะมันเมื่อไหร่น้า~~~ ”
มาริน่า แกล้งลากเสียงยาว เหมือนจะเหน็บใครบางคน
“ ประธานล่ะก็ อย่าย้อนความได้มั้ยครับเนี่ย ”
ธนัท รับเหน็บ ทันควัน ทำเอา ทั้ง มิส และ โคทาโร่ หันควับมามองแทบจะพร้อมกัน
“ ให้ Skill ของ Power of Soul ทำงาน Sacrifice ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล แล้วฟื้นค่า Mp กลับขึ้นมา ”
คิระ ประกาศ ร่างของผู้พิทักษ์จักรกล ปรากฏขึ้นมาบนสนาม และ ภาพการ์ดของ Power of Soul ที่อยู่ในสนาม ก็เรืองแสงขึ้น ร่างของ ผู้พิทักษ์จักรกล ค่อยๆสลายกลับเป็น ละอองเวทย์ ฟุ้งกระจายอยู่เต็มสนาม ก่อนจะคืนสภาพเป็น ผนึก ร่อนลง
สู่ช่อง Shrine ของปลอกแขน และ ค่า Mp ของ คิระ จึงฟื้นกลับคืนมาเต็มเปี่ยม
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 6 ,Mystic 0 Mp:8/8 Shrine 2/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]
“ จงเบิกตาดูให้ดี ณ บัดนี้ Cost Mp 5 เรียกให้ สุดยอดแห่งอัศวินพิทักษ์ ดิ การ์เดี้ยนไนท์ ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล
(The Guardian Knight of Lexdetheo Seal) ออกมาที่ At Line ”
คิระ ประกาศพร้อมกับ ชู ซีลการ์ดขึ้นสุดแขน ละอองแสงจำนวนมากที่ฟุ้งกระจายอยู่รอบสนาม ถูกดูดขึ้นไป
รวมกันข้างบน ตามมาด้วยเสียงระเบิดตูมใหญ่ และเสาลำแสงพุ่งลงมาปะทะเข้ากับ พื้นเวทีจนสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
ทุกคนพากัน จะเสียหลักล้มไม่เป็นท่าเอา เสาลำแสงค่อยๆจางหายไปและเหลือทิ้งไว้เพียงร่างเหล็กไหลของ
อัศวินเกราะจักรกล ประคับประคองหอกเหล็กกล้ายาวจากหัวจรดพื้น
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 0 Mp:3/8 Shrine 2/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]
“ 7 ปีก่อนฉันก็โดนไอ้เจ้านี่เล่นงานมาเหมือนกัน คอนเฟิร์มเลย เละแน่นอน ”
ธนัท บรรยายสรรพคุณสั้นของ อสูรเหล็กกล้า ตนนี้ จากประสบการณ์ตรงที่ตัวเองเคยผ่านมา
ตอนนี้ ทุกสายตาพากันจับจ้องเป็นเป้าเดียวที่ อัศวินเกราะจักรกล นี้
“ ดิ การ์เดี้ยนไนท์ ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล เมื่อ เรียกมันออกมาได้ ก็จะให้ส่งเผ่าเครื่องจักร(Machine)บนมือ
ไปที่ Shrine 1 ใบ ฉันส่ง มอเตอร์ พับเพ็ท(Motor Puppet) ไปที่ Shrine แล้วเรียกให้ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล ออกมาที่ At Line จากสำรับ ”
คิระ ส่งการ์ดซีลบนมือไปเก็บที่ช่อง Shrine ก่อนจะหยิบ เอาซีลการ์ด ของ ผู้พิทักษืจักรกลขึ้นมาจาก สำรับ
และร่ายออกมา ผู้พิทักษ์จักรกล ได้ปรากฏขึ้นมาบนสนามอีกครั้ง
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:3/8 Shrine 3/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]
“ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล ที่เรียกออกมาด้วยผลพิเศษนี้ จะได้รับ ค่า At เพิ่มขึ้น 1 จุดและลดค่า Mp Cost ลง 1 จุด
จากนั้นให้ Ability ของ มันทำงาน แสดง Mystic Card 4 ใบบนสุดจากสำรับ แล้วเลือก Mystic สวมใส่(PS) จาก 4
ใบนั้นมาสวมให้กับมันได้ ใบหนึ่ง ”
คิระ จับเอามิสติกการ์ด ขึ้นมาแสดง 4 ใบก่อนจะเลือก เอาใบหนึ่งมาและสงที่เหลือไปเก็บที่ช่อง Shrine
“ สวม แมกม่าเทียร์(Magma Tear, The Wand of Brenda) ให้ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล ”
ดาบทั้ง 4 เล่มของผู้พิทักษ์ ถูกแทนที่ใหม่ด้วย คฑาสีแดงเพลิงซึ่งมีหัวไม้ขดเป็นเลข 8
“ Cost Mp 3 ให้ ดิการ์เดี้ยนไนท์ ออห เลกซ์เดทีโอ ซีล โจมตี และเมื่อมันต่อสู้ Ability ก็จะทำงาน ให้แสดงเผ่า เครื่องจักร
ที่อยู่บนมือ ค่า At ของการ์ดใบนี้จะเพิ่มขึ้นเท่ากับจำนวนการ์ดที่แสดงคูณด้วย 2 บนมือฉันมี มอเตอร์พับเพ็ท 2 ใบ กับ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล อีก 2 ใบ ดังนั้นค่าพลังจึ้งเพิ่มขึ้นเป็น 18 หน่วย”
คิระ ประกาศ พร้อมกับ แสดง การ์ดทั้งหมดบนมือ ออกมา การ์ดเหล่านั้นเรืองแสงขึ้นมาและ อัศวินเกราะจักรกลก็ดูดซับ
เอา แสงเหล่านั้นมาเพิ่มพลังให้กับร่างของตน
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:0/8 Shrine 3/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]
“ จงรับไป Sacred Spear Bounding!! ”
สิ้นคำ อัศวินเกราะจักรกล ก็ทะยานขึ้นสู่ด้านบน และควงหอกในมือ อย่างทะมัดทะแมง ก่อนจะ
ใช้สองมือ จับคอและปลาย หอก ตวัดหัวลงชี้ไปยัง เซฟาโลตัส ควีน ลำแสงสีฟ้าพุ่ง
ออกจากปลายหอกไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า ลำแสงพุ่งทะลวงผ่าน ดอกของ เซฟาโลตัส ควีน จนกลวงโบ๋
และแตกสลายไปในที่สุด
“ Ability ทำงาน เมื่อ ดิ การ์เดี้ยนไนท์ ออฟ เลกซืเดทีโอ ซีล โจมตีสำเร็จทิ้งเผ่าเครื่องจักรบนมือไปใบหนึ่งก็จะโจมตีได้อีกครั้งโดยไม่ต้อง Cost Mp ค่าโจมตี ทิ้ง มอเตอร์ พับเพ็ท ไปแล้วโจมตีไปที่ อามาเรต้า Sacred Spear Bounding นัดที่สอง ”
คิระ หยิบ ซีลการ์ดทิ้งไปที่ช่อง Shrine ก่อนจะสั่งให้ อัศวินเกราะจักรกล โจมตีอีกครั้ง ลำแสงพิฆาต พุ่งออกจากปลายหอก
ลงไปบดขยี้ร่างของ พฤกษา อาวุสโส อามาเรต้า จนแหลกสลายตามไปอีกเช่นกัน
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:0/8 Shrine 4/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 6/8 ]
“ ให้ Skill ของ Power of Soul ทำงาน Sacrifice ดิ การ์เดี้ยนไนท์ ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล แล้วฟื้นฟูค่า Mp กลับคืนมาเท่ากับค่าร่ายของมัน ”
สิ้นคำ ภาพการ์ด Power of Soul ก็เรืองแสงขึ้นอีกครั้ง และสลายร่างของ อัศวินเกราะจักรกล ให้กลับเป็นละอองเวทย์
พร้อมกับ ฟื้นฟูค่า Mp ของ คิระ ขึ้นมา
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:5/8 Shrine 7/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 6/8 ]
“ Cost Mp 1 ให้ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล โจมตีไปที่ อควอ แพลนท์ Sacred Magma Bounding!! ”
คิระ ประกาศโจมตี อย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดให้ อีกฝ่ายได้พักหายใจแม้แต่น้อย ผู้พิทักษ์จักรกล ตวัดคฑาเพลิงในมือ
ทะยานตัวเข้าประชิด ภูตไม้วารี และยกคฑาขึ้นฟาดลงไป ร่างของ ภูตไม้วารี ลุกโชนด้วยเปลวเพลิง ก่อนจะสลายไปในทันที
{เท่านี้ก็เป็นไปตามแผน ผักน่ะไม่คิดหรอกว่า การเล่นผสานนั่นจะหยุดคนอย่างคุณได้ เพราะขนาด นักร่ายอสูร ที่เคยเอาชนะ King of Cheakmate 5 มาแล้วยังเอาชนะคุณไม่ได้เลย ไพ่ตายจริงๆของผัก น่ะมันต่อจากนี้ต่างหาก}
บาร์น คิดสายตาของเค้าจับจ้องแต่เพียง การ์ดบนมือเท่านั้น หนทางสุดท้ายที่จะโค่น บุรุษสุดแกร่งตรงหน้า
“ จบแล้ว ถ้าโดนการโจมตีครั้งต่อไป Shrine ของหมอนั่นก็จะเต็ม ”
โคทาโร่ สรุป แต่ทว่า มิส ก็แย้งขึ้นมา
“ มันจะเป็นยังงั้นแน่เหรอ…ลองดูตาของ บาร์น ให้ดีสิ ”
พวกเค้ารู้สึกฉงนขึ้นมาทันที เมื่อ สายตาของ บาร์น ตอนนี้ไม่ใช่สายตาของคนที่หมดหวังไปแล้ว แต่กลับเป็นสายตาที่
กำลังรอจะตะครุบเหยื่อตรงหน้าด้วยกับดักที่เตรียมเอาไว้
“ พืชกินแมลงน่ะ จะต้องล่อลวงเหยื่อให้เข้ามาติดกับโดยการอำพรางกับดักเอาไว้ ”
มิส กล่าวทวนประโยค ที่ บาร์น เคยพูดเอาไว้ขึ้นมาอีกครั้ง ขณะที่ คิระ เตรียมพร้อมจะบุกระลอกที่สุดท้าย
“ ผลจาก Magma Tear ทำให้ ค่า At เพิ่มขึ้น 2 จุด เมื่อทำการ โจมตี และ ให้ Ability ของ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล ทำงาน Cost Mp ให้ 1 จุด จากนั้นให้ทำการต่อสู้อีกครั้ง ”
ทันทีที่ คิระ ประกาศโจมตี บาร์นก็เริ่มเคลื่อนไหว เพื่อให้กับดักที่วางเอาไว้ทำงานขึ้นมา
“ Cost Mp 3 ให้ Skill ของ ออทัมวินด์แฟรี่(Autumn Wind Fairy) ทำงาน เรียกมันออกมาที่ At Line แล้วทำให้
อสูร ทุกตัวในสนามยกเลิก Curse ”
บาร์น ประกาศพร้อมกับ ร่ายซีลการ์ดออกมา ภูตสาวกางปีกใสโบยบิน เข้ามาขวาง การโจมตี ผู้พิทักษ์จักรกลเอาไว้
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:3/8 Shrine 7/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp:5/8 Shrine 6/8 ]
“ จากนั้น Cost Mp 2 ให้ Reverse Justice ทำงาน!! การ์ดใบนี้จะเลือก อสูร มาตัวหนึ่งแล้วทำให้
ผลจาก Mystic Card อุปกรณ์(Relic) สลับผลการเปลี่ยนแปลงค่าพลังได้ เลือกให้ การเปลี่ยนแปลงค่าเพิ่มเป็นลดลงแทน
ค่า At ของ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล เพิ่มขึ้นจาก แมกม่าเทียร์ 4 หน่วยดังนั้นค่า At จึงต้องลดลงไปในจำนวนที่เท่ากัน ”
เมื่อ มิสติกการ์ดที่ บาร์น ร่ายออกมาสำแดงเดชของมัน พลังของ ผู้พิทักษ์จักรกลก็ตกลงและหยุดเคลื่อนไหวไป
เปิดโอกาสให้ ภูตสาวทำการโจมตีสวนในทันที
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:3/8 Shrine 7/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 0 Mp:3/8 Shrine 6/8 ]
“ มายาที่หลอกล่อน่ะ ไม่ได้มีแค่ Second World ที่ใช้ตอนแรกอย่างเดียวหรอกนะ แต่เป็นการเล่นผสานทั้งหมด
ตั้งแต่เริ่มเกมปูทางเอาไว้มาจนถึงตรงนี้ทั้งหมดก็เพื่อใช้ กับดักนี้สวนกลับในทีเดียว ”
มิส อธิบาย
“ ค่าพลังของ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล ลดลงมาจากเดิมที่เคยเพิ่มขึ้นไปถึง 13 หน่วย เหลือแค่ 5 หน่วยแล้ว ”
ชุติการ อุทาน ไม่ต่างไปกับบรรดานักเรียน และ เหล่า อาจารย์พิเศษ ที่ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้
“ นี่มันวางแผนซ้อนแผนแล้วซ้อนแผนอีกเลยหนาเนี่ย โอย ซ้อนกันกี่ขั้นเนี่ย ไอ คอนฟิวซ(I Confuse) ”
แอน เริ่มงง เพราะนับตามไม่ทันแล้วกับ เกมที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้
“ ค่าพลังของ ออทัมวินด์แฟรี่ คือ 6 หน่วย เหนือกว่าของ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล แถม Mystic Card
ที่จะร่ายแก้ก็ไม่มีอยู่บนมือเลย การดวลครั้งนี้คิระ เป็นฝ่ายแพ…. ”
ไกอา ที่รีบพากย์ตามเกมส์ มายังพูดได้ไม่ทันขาดคำ ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นในสนามอีกครั้ง
“ Cost Mp 2 ให้ Skill ของ Durga ที่อยู่ใน Shrine ทำงาน กำจัดการ์ดใบนี้ออกไปจากเกมแล้ว
กำจัด Reverse Justice ออกไป ”
คิระ ประกาศ ช่อง Shrine ของเค้า เรืองแสงขึ้นมา และ อัญเชิญให้ เทวีทุรกา ผู้มี 8 กร จุติลงมาบนสนาม
และ ยับยั้งพลังจาก มิสติกการ์ดที่ บาร์น ร่ายออกมา ค่าพลังของ ผู้พิทักษ์ จักรกลจึงฟื้นกลับขึ้นมา และหลบการโจมตีของ
ภูตสาวได้ทันท่วงที
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:1/8 Shrine 7/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 0 Mp:3/8 Shrine 6/8 ]
“ ขอชมว่านาย ทำได้เกินกว่าที่ฉันประเมินไว้มากเลยทีเดียว แต่ว่าก็ไม่เกินไปกว่าการอ่านเกมที่ฉันคาดคะเน
เอาไว้ได้หรอกการที่คิดว่าฉันไม่มี การ์ดบนมือที่จะใช้ตอบโต้ได้แล้วเพียงอย่างเดียวคือสิ่งที่นายมองข้ามไป
เพราะการ์ดบางใบก็ยังมีวิธีใช้ที่แตกต่างกันไป ”
คิระ กล่าว เหนือสิ่งอื่นใด มีเพียง ธนัท และ มาริน่า เท่านั้นที่สถานการณ์พลิกผันอย่างเหลือเชื่อนี้
ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เลย
“ เรายืนอยู่บนจุดสูงสุดของทุกสรรพสิ่ง บุรุษผู้กวัดแกว่งดาบแทนพระผู้เป็นเจ้า Sacred Swords Bounding!!~ ”
สิ้นคำ คฑาแมกม่าเทียร์ ก็เปลี่ยนเป็นดาบเหล็กกล้าที่ลุกโชนด้วยเพลิงกาล ผู้พิทักษ์ พุ่งทะยานตัวลงมา
ฟาดดาบลง ปลิดชีพ ภูตสาว ในดาบเดียวแรงโจมตีที่เกิดขึ้นส่งให้ สนามระเบิดอย่างรุนแรง
จน เกิดควันฟุ้งกระจายตลบอบอวล และจบลงด้วยชัยชนะของ ดาบแห่งพระเจ้า
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:1/8 Shrine 7/8 ]Win
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 0 Mp:3/8 Shrine 8/8 ]Lose
ทุกคนได้แต่ยืนนิ่ง กับผลลัพธ์ของการดวล ไม่มีใครพูดอะไรออก จนกระทั่ง ไกอา ตั้งสติได้ จึงรีบประกาศผ่านไมค์ทันที
“ ผ…ผลออกมาแล้ว คิระ เป็นฝ่ายชนะ ค่า~~~~ ช่างเป็นการดวลที่น่าลุ้นระทึกตั้งแต่เริ่มจนจบจริงๆ เรียกได้เลยว่าเกมพลิกกัน Stepต่อ Step จริงๆค่ะ ”
เมื่อควันหายฟุ้ง บาร์น ก็ทรุดเข่าลงข้างหนึ่งอย่างอ่อนแรง เพียงพริบตาเดียวที่รสชาติของชัยชนะ ได้เข้ามาให้ลิ้มลอง
ก็ผลันเปลี่ยนเป็นความขมขื่นในความพ่ายแพ้อย่างฉับพลัน
“ ทั้งที่เกือบจะชนะอยู่แล้วเชียว…. ”
บาร์น เปรยด้วยความผิดหวัง ได้แต่ก้มหน้านิ่งพูดอะไรไม่ออกอีก ขณะที่ นักเรียนคนอื่นๆ พึ่งจะรู้สึกตัว
และรับรู้ผลของการแข่ง บางคนก็หันไปถามกันต่างๆนานา ว่าเกิดอะไรขึ้น ใครเป็นฝ่ายชนะ บางคนก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
ว่าการดวลได้จบลงแล้ว
“ แผนซ้อนแผน…ย้อนกลยุทธ ของอีกฝ่ายกลับไปหลอกให้คิดว่าตัวเองหมดทางตอบโต้แล้ว แต่จริงๆ
ยังมีกับดักที่ซุกซ่อนเอาไว้รอ อยู่นี่ล่ะคือ ดาบแห่งพระเจ้า ไม่เพียงแค่พลังในการบุกเท่านั้นที่เป็นเลิศ
แต่ความแข็งแกร่งของเค้า คือความสมบรูณ์แบบ ที่ยากจะหาใครเสมอเหมือน ”
มาริน่า เปรยเสียงแผ่วๆก่อนจะเดินวกกลับออกไปอย่างเงียบๆ ทิ้งให้ พวกเค้า ยืนตะลึงอยู่แบบนั้น
ต่อไปเหมือนกับ นักเรียนคนอื่นๆ ก่อนจะจากออกไป เธอเดินเข้าไป กระซิบข้างๆธนัท ด้วยเสียงที่เบาแผ่วเสีย
จนแทบไม่ได้ยิน
“ และคนที่เอาเหนือกว่าความสมบรูณ์แบบนั้นได้ ก็มีแค่ ศรีกับ…..เกร เท่านั้น….. ”
เมื่อ ธนัท รู้สึกตัว และหันไปเพื่อจะถาม ทว่า เธอก็หายตัวไปเสียแล้ว แม้จะคิดว่าตัวเองหูฝาดไป เพราะเสียงนั้นเบามากเสียจนแทบจะได้ยินไม่ชัดก็ตาม
…………………………
…………………………………………………..
……………………………………………………………..
ณ บึงกว้าง กลางตัวเมือง ซึ่งล้อมกั้นอาณาเขตไว้ด้วยรั้วกำแพงหินอ่อน มีทางเข้าจากทั้ง 4 เหนือ ใต้ ออก ตก
ทั้งสี่ทิศมี ยามเฝ้าประตู ทิศ ละสองคน นอกจากนี้ บนประตูทั้งสี่ทิศยังมีลายแกะสลักรูป สัตว์เทพประจำแต่ล่ะทิศเอาไว้
ได้แก่ มังกรฟ้าแห่งประตูตะวันออก(Seiryu)
หงส์แดงแห่งประตูใต้(Suzaku)
พยัคฆ์ขาวแห่งประตูตะวันตก(Byakko)
เต่าดำแห่งประตูเหนือ(Genbu)
หลังรั้วกำแพงนั้น เป็นสวนเขียวชะอุ่ม ให้ความรู้สึกสดชื่นล้อมรอบบึงใหญ่ เป็นที่อยู่อาศัยของ บรรดานกมากมายตั้งแต่นกกระจอกไปจนถึงนกยูงที่เดินทอดหุ่ยอยู่บนพื้นก็มี
ในบึงมีปลาคราฟ หลายร้อยพัน แหวกว่ายอยู่เต็มบึง และที่ขอบบึงก็ยัง เลี้ยงเต่าน้ำจืดไว้อีกหลากหลายพันธุ์ บรรยากาศภายในอาณาเขตนี้ยังนับเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดอีกอย่าง ทั้งที่ด้านนอกนั้นท้องฟ้าไร้ซึ่งเมฆฝนแต่ภายในบึงนี้
กลับมีสภาพครึ้มฟ้าครึ้มฝน อยู่ตลอดเวลา
ใจกลางบึงมีเกาะเล็กลอยอยู่และเป็นที่ตั้งของปราสาทญี่ปุ่นโบราณ จากทางเข้าทั้ง 4 ทิศ จะมีสะพาน
ทอดยาวข้ามบึงไปจนถึงเกาะกลาง จากสะพานทิศตะวันออกอันเป็นทิศของมังกรฟ้า นี้เอง
เด็กหนุ่มผมสีเงิน และ อดัม ตามมาด้วย ท่านรมต. ธนพัฒน์ ทั้งสามคนกำลังข้ามสะพานไปยังปราสาทกลางเกาะ
จนเมื่อเดินมาถึงหน้าประตูใหญ่ของ ปราสาทตรงหน้ามีบานประตูทองคำขวางไว้ บนบานประตูนี้แกะสลักสัตว์เทพ
เป็น มังกรทอง(Oryu) ขดตัวอยู่บนบานประตู
บานประตูทองคำ ค่อยแง้มออกอย่างๆช้าจนเปิดกว้างในที่สุด ด้านในได้ปูพรมแดงทอดยาวเป็นทางลึกเข้าในตัวปราสาท
พอพวกเค้า ก้าวเท้าเดินข้ามผ่าปรตูเข้ามาเหยียบบนพรมแล้ว บานประตูจึงปิดลงอีกครั้ง พวกเค้าเดินตรงไปตามพรมที่ปูไว้
โดยไม่ได้พูดอะไรกัน จนกระทั่งมาถึงสุดทางที่ห้องโถงใหญ่ ซึ่งประดับประดาด้วยเครื่องใช้แบบญี่ปุ่น
โบราณ พื้นจากพรมกลายเป็นเสื่อทาทามิ (เสื่อญี่ปุ่น) กว้างหลายพันศอก คลุมพื้นทั้งห้อง มุมห้องทั้ง 4 ทิศ
มีรูปปั้นของ สัตว์เทพทั้ง 4 ที่แกะสลักอยู่บนบานประตู ตั้งเอาไว้ และสูงขึ้นไปบนเพดาน รูปหล่อมังกรทองคำ
ห้อยคอ ลงมา ตามแนวลำตัวของมันมีหลุมกลมบุบเอาไว้ ข้างละสามช่อง ในช่องกลมทั้ง 6 นั้น มีลูกแก้งใสไร้สี
อัดไว้ด้านในช่องกลมอยู่ 2 ลูก และ ที่กรงเล็บของมันซึ่งยื่นออกมาจาก แนวลำตัวก็ยึดเอาไว้อีก 1 ลูก
ส่วนปากของมันก็ยังคาบไว้ด้วยลูก 1 รวมเป็นทั้งหมด 4 ลูกด้วยกัน
ตรงหน้าพวกเค้าทั้งสามคน คือโต๊ะประชุม ยาวซึ่งมีผู้มารอพบพวกเค้าอย่พร้อมหน้าแล้ว 3 คนด้วยกัน
คนแรก คือชายสวมหน้ากากสองสีขาวฟ้าผมทองยาวปรกถึงหลัง สวมใส่เสื้อโค้ทสีดำแดง
ถัดมา นั้นคือ เฟรย์ (Frei) เพื่อนสาวผมหางม้าสีชมพูแดงของ เคียว ครั้งนี้เธอเปลี่ยนมาใส่ชุดกระโปรงวันพีซ
สีน้ำเงินเข้มและเปิดฉีกเผยเนื้อหนังมังสา มากกว่าปกติ คลุมทับทั้งร่างด้วยผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มอีกชั้น
และคาดผมไว้ด้วยที่คาดโลหะติดขนนกสีดำเอาไว้ที่ปลายทั้งสองข้าง ที่ข้างเก้าอี้ที่เธอนั่งอยู่นั้น มีลูกเสือขนสีขาวปลอด
นอนอยู่มันเชื่องกับเธอเหมือนลูกแมว
คนสุดท้าย นั้นไม่ใช่ใครอื่นเลย เด็กหนุ่มผมชี้ตั้งสีน้ำตาล ในชุดกิโมโนญี่ปุ่นฟ้าขาว ดวงตาสีเขียวหม่น
เคียง ผู้ซึ่งตอนนี้ถูกสวมปลอกคอ คล้องไว้ด้วยโซ่เหล็ก ล็อก กับห่วงบนพื้น จนขยับไปไหนไม่ได้
“ ยินดีต้อนรับ Prince Hitler สู่ปราสาทแห่งกลุ่ม ชิชิน(Shishin)ของพวกเรา ”
ชายสวมหน้ากาก ออกตัวเข้ามารับ คณะของ ท่านรมต. ทันที
“ รู้สึกว่าจะมากันไม่ครบนะ ”
เด็กหนุ่มผมสีเงิน กล่าวหลังจากนับจำนวน ผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด
“ ท่านผู้อาวุสโส เกนบุ(Genbu) กำลังเดินทางกลับจากญี่ปุ่นตั้งแต่ เมื่อเช้าตอนนี้ยังมาไม่ถึง ค่ะต้องขออภัยด้วย ”
เฟรย์ ลุกขึ้นกล่าว ลูกเสือขาวของเธอ จึงสะดุ้งตื่นขึ้นมา มันอ้าปากห้าวอยู่สองสามหวอดก่อนจะฟุบงีบต่อด้วยความขี้เซา
เด็กหนุ่มผมสีเงิน หันไปมองเธอด้วยความสนใจก่อนจะเหลือบสายตากลับไปดู เคียว ที่นั่งซึมคุกเข่าอยู่บนพื้น
“ จะแนะนำให้ Prince รู้จักไว้ก่อนก็แล้วกันขอรับ เธอคนนั้น คือ เฟรย์ เบียคโกะ(Byakko) ผู้ปราบพยัฆค์
จากตระกูลเบียคโกะ(พยัคฆ์ขาว) ”
ชายสวมหน้ากากแนะนำ เธอโค้งให้เค้าอย่างสง่างามที่สุด
“ และนั่นคือ เคียว ซุซาคุ(Suzaku) ผู้ควบคุมวิหกเพลิงจากตระกูลซุซาคุ(หงส์แดง) ที่อยู่ในสภาพนั้นเพราะว่าเราพูดจากันไม่รู้เรื่องนิดหน่อย โปรดอย่าได้สนใจ ”
ชายสวมหน้ากาก อธิบายหลังจากแนะนำ ผู้เข้าร่วมประชุมฝ่ายเค้าจนครบแล้ว
“ ชิงหลง(Shinglong)แห่งตระกูลเซริว(Seiryu) ผู้นำแห่งชิชิน วันนี้เราได้นำสิ่งนี้มามอบให้ ”
เด็กหนุ่มผมสีเงิน หรือ Prince กล่าวก่อนจะชายตาไปให้สัญญาณ อดัม ที่ยืนอยู่ด้านหลัง
ให้เอากระเป๋า ที่ถือมาด้วย ส่งมอบให้กับ ชายสวมหน้ากากนาม ชิงหลง
“ เพราะได้ความช่วยเหลือจาก Bishop of Checkmate 5เลยได้มาง่ายๆ นี่คือผนึกแบบพิเศษที่นายต้องการ
ทีนี้ขอฉันทราบความคืบหน้าของกลุ่มหน่อยซิ ”
Prince กล่าวหลังจาก ชิงหลงรับเอา กระเป๋าไปแล้ว เค้าส่งมันให้กับ เฟรย์ รับเอาไปวางไว้บนโต๊ะก่อนจะชี้ขึ้นไปบนเพดานให้พวกเค้า ดูรูปหล่อมังกรทองคำ
“ ตอนนี้มันใกล้จะปลดออกแล้ว เหลือ ลูกแก้วมังกรอีกแค่ 4 ลูกเท่านั้นครับ และอีกไม่ช้าเมื่อผู้อาวุสโสเกนบุ มาถึง
มันก็จะสมบรูณ์ ”
ชิงหลง อธิบาย
“ ถ้ารวบรวมลูกแก้วได้ครบทั้ง 8 ลูกแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? ”
ท่านรมต. ถามด้วยความอยากรู้ ชิงหลง จึงอธิบายต่อ
“ หากลูกแก้วแห่งมังกรทั้ง 8 ครบ ก็จะปลดผนึกและเรียกเทพมังกรออกมาได้ ผู้ที่เรียกมันออกมาจะได้รับพร 1 ประการ ”
“ นั่นน่ะมันแค่ความเชื่อของพวกคนรุ่นก่อน ที่อยู่ในผนึกนั่นจริงๆคือ อสูรเทพที่มีพลังสั่นสะเทือนผืนแผ่นดินสวรรค์ได้ ”
Prince แทรกขึ้นมา ก่อนจะเดินไปที่ เก้าอี้ และล้มตัวลงแหงนเงยหน้าขึ้นมอง รูปหล่อมังกรทองคำ ด้วยสายตาระรื่น
และเปรยออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“ โอ….โร…จิ….ยังไงล่ะ ”
To be Continue….
……………………………….
……………………………………………
…………………………………………………………
ลูเซีย:โฮ้~~~~โฮะๆๆๆ
ธนัท+โคทาโร่:ไหงหัวเราะอย่างกับคนบ้า แบบนั้นล่ะ(- -*)
ลูเซีย:เพราะตอนต่อไปเป็นตอนที่ฉันจะได้เป็นนางเอกแล้วยังไงล่ะ โฮ้~~~โฮะๆๆ
มิส+บาร์น:แสดงว่าตอนต่อไปต้องเป็นตอนที่หาสาระอะไรไม่ได้แน่เลย
ลูเซีย:ไหงพูดงั้นล่ะยะ
ชุติการ+แอน:ตอนหน้า Sub-Turn 25 Cooking Duel การดวลกระทะเหล็ก ตำแหน่งยอดกุ๊กจะเป็นของใคร
อย่าลืมอ่านให้ได้นะ
ธนัท+โคทาโร่+มิส+บาร์น:อืม~~~~ไร้สาระจริงๆด้วย
ลูเซีย:พวก แก๊!!!!!
……………..จบจ๊ะ……….
Card Pop!
Type: knight machine Mp: 5 / 3 Lv: 3 Rarity: rare
At: 10 Df: 10 Sp: 4 Element: water
+[Machine] Thousand Cross At 11 Mp 3
+[Machine][Machine] Sacred Spear Bounding At 13 Mp 4
Ability:
เมื่อ The Guardian Knight of Lexdetheo Seal ต่อสู้ เราสามารถแสดง [Machine] X ใบในมือเรา จากนั้น The Guardian Knight of Lexdetheo Seal At +2 ตามจำนวน X จนจบ Subturn
เมื่อ The Guardian Knight of Lexdetheo Seal โจมตีสำเร็จ เราสามารถทิ้ง [Machine] 1 ใบในมือเรา จากนั้น The Guardian Knight of Lexdetheo Seal สามารถโจมตีได้อีก 1 ครั้งโดยไม่ต้องจ่าย Mp ค่าโจมตี แม้ The Guardian Knight of Lexdetheo Seal เป็น Inactive Seal จนจบ Subturn (1 / Subturn)
เมื่อ The Guardian Knight of Lexdetheo Seal เข้ามาในสนาม เราสามารถทิ้ง [Machine] 1 ใบในมือเรา จากนั้นแสดง The Guardian of Lexdetheo Seal 1 ใบจากกองการ์ดเราแล้วนำเข้ามาในสนาม จากนั้น Seal นั้น At +1 Mp -1 และสามารถโจมตีข้ามไปยัง Df Line ได้ Infiity Turn
อาทิตย์ นี้ Late อีกแย้ว T_T ช่วงนี้กิจกรรมเยอะม้าก~~~จนแทบไม่มีเวลา อาทิตย์นี้ก็มีกิจกรรมอีก T_T คงได้เปลี่ยน
เป็น 2 อาทิตย์ต่อตอนจริงๆแล้วมั้งเนี่ย