Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ พ.ค. 20, 2024 5:02 pm

หน้าเว็บบอร์ด ส่วนของผู้เล่น SMN FanCard FanArt & FanFic SMN VR TAG TURN (THE FINAL ACT):Sub-Turn 96.5 Final Act Tile

สำหรับลงรูปแฟนอาร์ตและนิยายแต่งเองของชาวSMNครับ

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 22 Vs. Jaden the User of Hero

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 30, 2010 5:14 pm

->MiTKunGZ<- เขียน:ไม่ชอบแนวนี้อ่ะมันคล้ายยูกิอยากให้มีคนทำนิยายซัมมอนเนอร์แบบการ์ตูนแบบว่ามีแต่ตัวละคนของกาณ์ดเท่านั้นไม่มีคนคุมอาไร


คือไอ้แนวที่ว่า เขียนเป็นฟิคของ โลกซัมมอนเนอร์เนี่ย มันก็มีเยอะแล้วน่ะฮ้า ไอ้ที่เคยเขียนไว้ที่บอร์ดเก่าก็เพียบเลย (-_-)
บอร์ดนี้ก็มีนะ อย่างตำนาน ทาลิภาค XYZ หรือ Crisis Valkyrie SE ที่พึงลง Se ที่ 2 ไปเมื่อไม่นานนี้ ก็ด้วย ทีนี้เขียนแนวแฟนตาซี
ยิงลำแสงกันบ่อยๆ แล้วมันเริ่มเอียนน่ะฮ่ะ (เคยเขียนกระทั่ง เกรเกอรี่ วาย กับ ทิโมธี มาแล้วด้วยเอ้า แต่เกรม่อนคุงไม่ให้ผ่านเลยอด

ลงเยย T_T ว่าจะเอาไปวาดโดจิน ฮ่าๆ) พอาช่วงนี้ก็เลยเปลี่ยนมาเขียนแนวนี้แทน ถ้าชอบแนวออกแฟนตาซี ก็รอให้ เกรม่อนคุง หาย
เอียนก่อนละกันน่อ (และตอนนั้น เมื่อ SMN VR TAG Turn จบลงคุณจะได้เจอ ฟิคยำขั้นสุดยอด ACE ที่จะเอา กองทัพซาโลมไปรบกับ ทัพซาฟท์ จากกันดั้ม เหอๆ หรือ ไปบุกโลกยมทูตพา อิจิโกะ ไปบวก กับ Sin หรือหนักสุดๆ ก็ขึ้นไปช่วย อลาน่าร่วมกับเหล่า เนทืเซย่าห์ ที่ถูกโปเซดอนจับผิดตัว เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็น อาเธน่า เหอๆ บ้าแล้วฉัน แต่มันจริง )

ผักว่านะฮะ......
ตัวโกรทที่ออกมาตัวแรกคือ ธันเดอร์ไจแอนท์ที่ทำลายตัวที่พลังตั้งต้นต่ำกว่าตัวเองได้
ออก้ากูนนี่ บับเบิ้ลแมน
ส่วนอ.โครนอสที่ว่าอัปลักษณ์.......5555
ปล.รอดูดีไซน์ ตัวเองตอนต่อไป
ปล.2 ธนัทจะใช้ฮีโร่ ::036::


โอ๊ะ เดาถูกหมดเลย บอยคุง เมก้ากูน นี่ลอก ธันเดอร์ไจแอนท์มาเลยแหล่ะ ส่วน ออร์ก้ากูน ก็คือบับเบิลแมน ถูกกกก!!!
อ.โครนอส นี่เหอๆ ว่าแต่ตอนสุดท้าย ไกเซอร์จะโผล่ทามม้ายยยย มาแค่แวบเดียว หมดบท

โอะโอ ข่าวร้าย บอยคุง เจ๊ทำ ดีไซน์ บอยคุงหายอ่ะ ถ้าทำใหม่เสร็จไม่ทัน ตอนหน้าก้มาแต่ชื่อนะฮ้า เหอๆ
(อย่าเอาปังตอมาสับเจ๊นะ)

ปล.ธนัท คงไม่ใช้ ฮีโร่ หรอก แค่ ดราโกกริฟนี่ก็ เนออส แล้ว หุๆ จะว่าไปมันได้ วิซกูนติดมือกลับไปไทยด้วยนี่หว่า ::036::
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 22 Vs. Jaden the User of Hero

โพสต์โดย Konflyctus MX เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 30, 2010 8:08 pm

Wargreamon เขียน:ลูเซีย:แง้ตอนนี้ฉันไม่มีบทเลยอ่า เอว่าไปแล้วสองคนนั่นกำลังถูกตามล่าตัวอยู่สินะงั้นช่วง
บอกตอนต่อไปก็เป็นของฉันคนเดียวน่ะสิ ดีล่ะจะใช้ช่วง 10 จบ นี้ทำเป็นนางเอกเลยคอยดู!!
ลูเซีย:………….
(3 จบผ่านไป)
ลูเซีย:………….
ชุติการ:เอ้านี่ ลูเซีย มีอะไรจะพูดรีบพูดเข้าสิ เดี๋ยวเวลาก็หมดก่อนหรอก
ลูเซีย:แง ก็เค้าไม่รู้จะพูดอะไรอ่า~~~~
มิสคุง(MX):งั้นผมพูดเอง ตอนต่อไป New Student Little Dragoon นักเรียนใหม่ มิสทอลกิคุส กับสำรับ
อสูรอัญมณี เอ้ย!! อัศวินมังกรจิ๋ว
ลูเซีย:แง้ แล้วมาแย่งฉันพูดทำไมเนี่ย ว้าย!!ครบ 10 จบแล้วเหรอยังไม่ได้พูดอะไรเลยอ้ะ!
………….จบจ๊ะ………….

แฮ่กๆ บทนี้เหนื่อยมากกว่าจะเขียนเสร็จ เพราะใช้การ์ดทำเอง ให้ จูได เกือบสิบใบ เลยเหนื่อยทั้งอัพ ภาพ
ทั้งตัดทั้งแปะ อากาศก็ร้อนได้ใจจริงๆ เจ้า การุรุม่อน ยังเป็นลมไปตั้ง 2 รอบแน่ะ เหอๆ ตอนต่อไป คาดว่าอาจจะงด
ไปลงอีกอาทิตย์แทน เพราะต้องเตรียมตัวย้ายของไปเข้าหอ ที่ ม. ก่อน สำหรับบทนี้ใครเคยดู ยูกิโอจีเอกซ์ มาก่อนคาดว่าจะ Get มุข มากกว่า 90% ในบทนี้

อนึ่งการ์ด ดรานิตี้ฮีโร่ เป็นการ์ดที่เคยเตรียมไว้สำหรับซีรี่ย์ ที่เคยคิดจะเขียนอยู่ทีหนึ่งแต่ล้มเลิกไป เพราะพี่ ปิโยผู้เป็น บก.
ของเราบอกไม่ผ่าน บวกตัวกระผมไม่รู้จะเขียนเรื่องออกมายังไงดีด้วย เลยจับมายำใช้มันซะตอนนี้เลย
ถ้าจะขอให้ช่วย โหวตว่าชอบ ใบไหนจะตอบกันไหมเนี่ย เหอะๆ สำหรับผมนะ Orcagoon กับ D. Combine Connection

นี่ดูดีที่สุดแล้วล่ะมั้งครับ แต่ไม่รู้ว่าใบหลังนี่มันทำภาพออกมาเหมือน Fusion เกินไปหรือเปล่า
และเหนืออื่นใด การ์ด ซิงโครตอนนี้ ของธนัท คงโกงสุดเลยมั้งเนี่ย ค่า ซิงโครแค่ 2 เอง
และอีกเรื่อง เหมือนตอนนี้จะเขียนปมขึ้นมาผูกคอตัวเองอีกแล้ว เกี่ยวกับ ซิงโครการ์ดซึ่งมีที่มาลึกลับยิ่งกว่า

ไอ้พลังเวทย์ที่ใช้กันตอนนี้เงื่อนงำก็ยังไม่กระจ่างเล้ย ดันสร้างปมเพิ่มเฮ้อแล้วจะแกะหมดไหมเนี่ย ซีซั่นนี้
เดี๋ยวสงสัยจะได้ออก สเปเชี่ยล แบบ ทาลิเรกกะ ป่าวหว่า ที่มาเฉลยปมของ อิออน ในCVSE แทน
ถ้าเป็นงั้นเหนื่อยตายเลย ว่าไปที่มา ซิส ก็ยังไม่ได้เขียนนี่หว่า แว้ก ปมเยอะเกินแก้ไม่ทัน คร่อก

ส่วนเรื่องที่คุณ Pugilist ขอไว้เรื่องสามเหมียวนี่ คงจะให้ โคทาโร่ ใช้ไม่ได้ล่ะครับ เพราะตัวเป็นหมาจะใช้แมวก็ยังไงอยู่
แต่รับรองว่ายังไง สามเหมียวนักต่อยได้ออกแน่นอน แต่อยู่ในสำรับใครนี่อีกเรื่อง ต้องตามดูกันต่อไปนะคร้าบ
โอะ เกือบลืม คุณ Dragon Professor ยังดูอยู่ป่าวเนี่ย พอดีตอนหน้าเค้าจะได้มีบทดวลด้วย สงสัย
จะบอกช้าไปป่านนี้เลิกอ่านแล้วแหงเลย ดองนานไปหน่อย T_T

ปล.คิดว่าไม่บอกแต่คงรู้นะ ผักคุง(เรียกแบบนี้ครั้งแรกเลยนะเนี่ย)จะได้ออกพร้อมกันกับ มิสคุง บทหน้าที่แหละ

ปล.2ความยาวตอนนี้เท่ากับ 2 บทควบเลย ทุกทีบทละ 30 หน้าไม่เกินนี้ แต่บทนี้พุ่งไปที 60 หน้าเลย พิมพ์เพลิน แบบว่ามันส์อ่ะ
ได้ดวลกับจูได ตัวเป็นๆฝันมานานแล้ว(ตอนนี้ก็ยังฝันค้างอยู่)


----------

เหอๆ ตอนนหน้ากระผมได้ออกกะเขาแล้วสินะครับ

ปล. ชื่อนั่นนนน มิสตาลจิกัส คร้าบบบบบเน้อ => ชื่อเต็มๆ คือ คอนฟลิกตัส มิสตาลจิกัส คร้าบบบบบ
Konflyctus MX
0
 
โพสต์: 201
Cash on hand: 250.00
ที่อยู่: ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 22 Vs. Jaden the User of Hero

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ พ.ค. 31, 2010 9:52 am

->MiTKunGZ<- เขียน:ไม่ชอบแนวนี้อ่ะมันคล้ายยูกิอยากให้มีคนทำนิยายซัมมอนเนอร์แบบการ์ตูนแบบว่ามีแต่ตัวละคนของกาณ์ดเท่านั้นไม่มีคนคุมอาไร


เอ นอกจากเรื่องนี้ เรื่องอื่นข้างๆกัน ที่เป็น Fic แบบนิยายซัม ก็มีนิครับ เอหรือมีแต่ Fan Art หว่า หลังๆไม่ค่อยได้
เข้าไปดูกระทู้ชาวบ้านนอกจากกระทู้ตัวเองด้วยสิถ้าใช่สงสัย Fanfic บอร์ดเราจะอาการหนักแล้วนะครับ
เนี่ยเหอๆ เหลือแต่จิตกร ไม่มี
ศิลป์อักษร (น่าจับมาร่วมอุดมการณ์ ทำการ์ตูนกันจริงจริ๊ง~~)


ส่วน เจมส์คุง ตกลงชื่อ ยูสเซอร์ น้องมันอ่าน มิสทอลกิคัส หรือมิสทาลจิคุส หรือ วิตถารจิคับ กันแน่(อันสุดท้ายนี้มุข นะเหอๆ)
เนี่ยพี่ งง ::009::

โอ้ เจ้าการุรุม่อน เองทำไฟล์ภาพหายอีกแล้วเรอะเวร รีบไปบอกเจ้า วาการุรุ กับ เทนโทม่อน ให้ตัดการทำใหม่ด่วนๆเลย


ทิ้งท้ายซักหน่อย ก่อนนี้เหมือนเคยโดนว่า เรื่องของเรา มันเหมือนยูกิ บ้างลอกเค้ามาบ้าง อืมนั่นสินะ ว่าไปมันก็เหมือนจริงๆ
นั่นแหล่ะ ยิ่งหลังๆมานี่เขียนกัด ยูกิ แทบทุกตอน(ตอนล่าสุดก็ด้วย)

ดีใจมั่กมากช่วงนี้กระทู้ตัวเอง ครื้นเครงอยู่คนเดียว สงสัยไอ้ที่สันนิษฐานไว้จะจริง ว่าเบอร์ด เหลือแต่ จิตกร เต็มบอร์ด
เหอๆ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเมนท์ บอกความรู้สึกกันนะคร้าบ ( ::002:: ) ความภูมิใจสูงสุดของ ชีวิตนักเขียน
(ทั้งชีวิตหวังอยู่แค่เนี้ย เพื่อนมันบอกไปแต่งนิยายเสนอสำนักพิมพ์ขายเหอะ แต่มั้นก็ยังบ้า เขียนอยู่แต่ Fic ก๊าก
ใฝ่ต่ำจริงๆเราให้ตายเถอะจ๊อจ!!!)

ปอลิง วันนี้คนเขียนมันบ้า ที่พูดๆไปถ้าเลอะเทอะเลอะเลือนก็ลืมๆมันไปซะเถอนะครับ ซิกๆ ::018::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 22 Vs. Jaden the User of Hero

โพสต์โดย boy เมื่อ จันทร์ พ.ค. 31, 2010 6:55 pm

เอิ่ม แบบนี้ก็เป็นเอกลักษณ์ดีออกนะครับ
ถ้าเป็นเนื้อเรื่องยาวแบบตัวละครในโลกนั้นจริงๆก็มีนิยายหลักอยู่แล้วไงครับ
ผักคิดว่าแบบนี้ดีแล้วนะครับ ดูการดวล
ส่วนดีไซน์หายนี่ ถ้าบทไมไ่ด้สำคัญอะไรมากก็ไม่ต้องลงรูปก็ได้ฮะ กลัวทีมงานลำบากจนปั่นฟิคไม่ทัน =_=
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 22 Vs. Jaden the User of Hero

โพสต์โดย Konflyctus MX เมื่อ จันทร์ พ.ค. 31, 2010 7:59 pm

Wargreamon เขียน:
->MiTKunGZ<- เขียน:ไม่ชอบแนวนี้อ่ะมันคล้ายยูกิอยากให้มีคนทำนิยายซัมมอนเนอร์แบบการ์ตูนแบบว่ามีแต่ตัวละคนของกาณ์ดเท่านั้นไม่มีคนคุมอาไร


เอ นอกจากเรื่องนี้ เรื่องอื่นข้างๆกัน ที่เป็น Fic แบบนิยายซัม ก็มีนิครับ เอหรือมีแต่ Fan Art หว่า หลังๆไม่ค่อยได้
เข้าไปดูกระทู้ชาวบ้านนอกจากกระทู้ตัวเองด้วยสิถ้าใช่สงสัย Fanfic บอร์ดเราจะอาการหนักแล้วนะครับ
เนี่ยเหอๆ เหลือแต่จิตกร ไม่มี
ศิลป์อักษร (น่าจับมาร่วมอุดมการณ์ ทำการ์ตูนกันจริงจริ๊ง~~)


ส่วน เจมส์คุง ตกลงชื่อ ยูสเซอร์ น้องมันอ่าน มิสทอลกิคัส หรือมิสทาลจิคุส หรือ วิตถารจิคับ กันแน่(อันสุดท้ายนี้มุข นะเหอๆ)
เนี่ยพี่ งง ::009::

โอ้ เจ้าการุรุม่อน เองทำไฟล์ภาพหายอีกแล้วเรอะเวร รีบไปบอกเจ้า วาการุรุ กับ เทนโทม่อน ให้ตัดการทำใหม่ด่วนๆเลย


ทิ้งท้ายซักหน่อย ก่อนนี้เหมือนเคยโดนว่า เรื่องของเรา มันเหมือนยูกิ บ้างลอกเค้ามาบ้าง อืมนั่นสินะ ว่าไปมันก็เหมือนจริงๆ
นั่นแหล่ะ ยิ่งหลังๆมานี่เขียนกัด ยูกิ แทบทุกตอน(ตอนล่าสุดก็ด้วย)

ดีใจมั่กมากช่วงนี้กระทู้ตัวเอง ครื้นเครงอยู่คนเดียว สงสัยไอ้ที่สันนิษฐานไว้จะจริง ว่าเบอร์ด เหลือแต่ จิตกร เต็มบอร์ด
เหอๆ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเมนท์ บอกความรู้สึกกันนะคร้าบ ( ::002:: ) ความภูมิใจสูงสุดของ ชีวิตนักเขียน
(ทั้งชีวิตหวังอยู่แค่เนี้ย เพื่อนมันบอกไปแต่งนิยายเสนอสำนักพิมพ์ขายเหอะ แต่มั้นก็ยังบ้า เขียนอยู่แต่ Fic ก๊าก
ใฝ่ต่ำจริงๆเราให้ตายเถอะจ๊อจ!!!)

ปอลิง วันนี้คนเขียนมันบ้า ที่พูดๆไปถ้าเลอะเทอะเลอะเลือนก็ลืมๆมันไปซะเถอนะครับ ซิกๆ ::018::


เหอะๆ ขอย้ำครับ => คอนฟลิกตัส มิสตาลจิกัส ครับเน้อออออ
Konflyctus MX
0
 
โพสต์: 201
Cash on hand: 250.00
ที่อยู่: ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 22 Vs. Jaden the User of Hero

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ อังคาร มิ.ย. 01, 2010 3:46 pm

Konflyctus MX เขียน:
Wargreamon เขียน:
->MiTKunGZ<- เขียน:ไม่ชอบแนวนี้อ่ะมันคล้ายยูกิอยากให้มีคนทำนิยายซัมมอนเนอร์แบบการ์ตูนแบบว่ามีแต่ตัวละคนของกาณ์ดเท่านั้นไม่มีคนคุมอาไร


เอ นอกจากเรื่องนี้ เรื่องอื่นข้างๆกัน ที่เป็น Fic แบบนิยายซัม ก็มีนิครับ เอหรือมีแต่ Fan Art หว่า หลังๆไม่ค่อยได้
เข้าไปดูกระทู้ชาวบ้านนอกจากกระทู้ตัวเองด้วยสิถ้าใช่สงสัย Fanfic บอร์ดเราจะอาการหนักแล้วนะครับ
เนี่ยเหอๆ เหลือแต่จิตกร ไม่มี
ศิลป์อักษร (น่าจับมาร่วมอุดมการณ์ ทำการ์ตูนกันจริงจริ๊ง~~)


ส่วน เจมส์คุง ตกลงชื่อ ยูสเซอร์ น้องมันอ่าน มิสทอลกิคัส หรือมิสทาลจิคุส หรือ วิตถารจิคับ กันแน่(อันสุดท้ายนี้มุข นะเหอๆ)
เนี่ยพี่ งง ::009::

โอ้ เจ้าการุรุม่อน เองทำไฟล์ภาพหายอีกแล้วเรอะเวร รีบไปบอกเจ้า วาการุรุ กับ เทนโทม่อน ให้ตัดการทำใหม่ด่วนๆเลย


ทิ้งท้ายซักหน่อย ก่อนนี้เหมือนเคยโดนว่า เรื่องของเรา มันเหมือนยูกิ บ้างลอกเค้ามาบ้าง อืมนั่นสินะ ว่าไปมันก็เหมือนจริงๆ
นั่นแหล่ะ ยิ่งหลังๆมานี่เขียนกัด ยูกิ แทบทุกตอน(ตอนล่าสุดก็ด้วย)

ดีใจมั่กมากช่วงนี้กระทู้ตัวเอง ครื้นเครงอยู่คนเดียว สงสัยไอ้ที่สันนิษฐานไว้จะจริง ว่าเบอร์ด เหลือแต่ จิตกร เต็มบอร์ด
เหอๆ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเมนท์ บอกความรู้สึกกันนะคร้าบ ( ::002:: ) ความภูมิใจสูงสุดของ ชีวิตนักเขียน
(ทั้งชีวิตหวังอยู่แค่เนี้ย เพื่อนมันบอกไปแต่งนิยายเสนอสำนักพิมพ์ขายเหอะ แต่มั้นก็ยังบ้า เขียนอยู่แต่ Fic ก๊าก
ใฝ่ต่ำจริงๆเราให้ตายเถอะจ๊อจ!!!)

ปอลิง วันนี้คนเขียนมันบ้า ที่พูดๆไปถ้าเลอะเทอะเลอะเลือนก็ลืมๆมันไปซะเถอนะครับ ซิกๆ ::018::


เหอะๆ ขอย้ำครับ => คอนฟลิกตัส มิสตาลจิกัส ครับเน้อออออ



โอเค จะได้แก้ให้ถูกอีกทีในนิยาย เหอ อ่านตั้งาน วิตถารจิคับ นี้เอง หุๆๆๆ

คุณ Boy ไม่ต้องห่วงเน้อ เจ้าการรุ มันหาเจอละ ที่ไหนได้เก็บไว้ใน แฟลชไดร์ฟ เหอๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Sub-Turn 23 New Student Little Dragoon

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 18, 2010 7:39 pm

Sub-Turn 23 New Student Little Dragoon (นักเรียนใหม่ มิสตาลจิกัส กับสำรับอสูรอัญมณี เอ้ย!! อัศวินมังกรจิ๋ว)
…………………………………………………………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………………………………………………………..


ห้องทดลองพันธุศาสตร์ บนเกาะ Sunday ในหมู่เกาะโอโนโกร
ณ เกาะเทียมซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของ หมู่เกาะ ทั้ง 7 ซึ่งอยู่ใต้การปกครองของ สหพันปฏิรูปมนุษยชาติ หรือ URH(United of Revolution Human) เกาะนี้นับเป็นเกาะที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาหมู่เกาะเทียมทั้ง 7 สภาพภูมิประเทศของ เกาะเทียมนี้
ประกอบด้วย ระบบนิเวศท์ ที่หลากหลาย เพื่อประโยชน์ในการทำวิจัย ต่างๆ และมีศูนย์กลางของเกาะ เป็นอาคารทำการทดลองขนาดย่อม ตั้งลึกอยู่ในป่าที่ล้อมรอบมันไว้

ภายใน ห้องทดลองและทำวิจัย จัดวางชั้นสำหรับเก็บตัวอย่างและผลการทดลอง เรียงรายอยู่ เต็มจนแน่นขนัด
แสงสว่างในห้อง นี้ถูกทำให้ส่องแสงได้สลัวๆเพื่อ ป้องกันผลกระทบต่อ ตัวอย่างสำหรับทดลองต่างคุณสมบัติที่เก็บเอาไว้มากมายในห้องนี้
นักวิจัยพิเศษ 2 คนดูแลงานวิจัย เหล่านี้เพียงลำพัง นอกนั้นจะทำงาน อยู่ในส่วนอื่นของ สถานีทั้งหมด

“ เรื่องที่ผมขอให้คุณ ทำตอนนี้มันไปถึงไหนแล้ว ”
น้ำเสียงเคร่งขรึม ดังขึ้น นอกจาก นักวิจัย สองคนแล้วยังมี อีกบุคคล หนึ่งที่ได้รับอนุญาตให้เข้าออกห้อง
วิจัยนี้ได้ แต่ที่จริง แล้วต้องพูดว่า เค้าต่างหากที่เป็นคนกำหนดว่าใคร จะเข้าออกห้องนี้ได้ต่างหาก
ไม่ใช่ใครอื่น ประธาน สภา URH คนปัจจุบัน ยามาโมโตะ เซนาคาว่า หรือ บิดาของ โคทาโร่ เซนาคาว่า
นั่นเอง

“ ตอนนี้มันเสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว แต่การปลูกถ่ายความทรงจำ ยังต้องใช้เวลาอีกหน่อย เพราะเนื้อเยื่อ สมอง
ยังเติบโตไม่เต็มที่ ”
นักวิจัย อาวุสโส ตอบคำถามหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่ใช่เพราะถูกเร่งงานที่ทำอยู่ แต่เป็น ลูกชิ้นเนื้อที่กลิ้งไปมาอยู่ในกล่องข้าว
ซึ่งพยายามจะหนีตะเกียบของเค้า ที่หนีบได้เมื่อไหร่ก็จะรีบเด้งหลุดออกไป นักวิจัย ผู้ช่วยอดมองด้วยความอดสูไม่ได้

เพราะในที่ที่ซึ่ง ห้อมล้อมไปด้วยตัวอย่างชิ้นเนื้อ แช่ฟอมารีน อยู่ในขวดโหลวางเรียงอยู่เต็มห้องแบบนี้
แต่นักวิจัย อาวุสโสผู้นี้ก็ยังทานข้าวได้หน้าตาเฉย หากเป็นคนอื่นคงกินเข้าไปได้ไม่กี่คำ ก็คายออกมาหมดแน่
ท่ามกลางสภาพแบบนี้

“ แล้วมันต้องใช้เวลาซักเท่าไหร่กัน ”
ประธาน ถามเสียงขรึม แต่กระนั้น นักวิจัย อาวุสโส ก็ยังคงหาทางจัดการกับลูกชิ้นในกล่องข้าวอยู่โดยไม่สนใจจะหันมาพูดกับเค้าดีๆเลยแม้แต่น้อย

“ ก็คงซัก 7-8 เดือนละมั้ง… ”

“ 8 เดือนเชียวเหรอ! ผมรอนานจนาดนั้นไม่ได้หรอกนะ!!~ ”

ประธานตะคอกกลับด้วยเสียงดุดัน ดังเสียงคำรามของพยัคฆ์ เขี้ยวบนและล่างเสียดสีจากการขบฟันดังกรอด
และนั่นก็ทำให้นักวิจัยอาวุสโส คีบลูกชิ้นเต็มแรงจน เด้งหลุดจาก กล่องข้าว ลงถังขยะ ข้างๆโต๊ะที่นั่งอยู่ไปเสียแล้ว
นักวิจัย อาวุสโส คอตกด้วยความผิดหวังก่อนจะโยนกล่องข้าว ตามลูกชิ้นลงไปในถังขยะ
แล้วค่อยหันกลับมาเผชญหน้ากับ ประธานตรงๆ

“ 8 เดือนน่ะถือเล็กน้อย ขนาดเวลาที่เพศหญิงตั้งท้อง ยังต้องใช้เวลาตั้ง 9 เดือน แล้วไหนยังจะต้องบำรุงถนอม
ให้ปลอดภัยตลอดเวลาอีก พอคลอดแล้วก็ต้องใช้เวลาในการเลี้ยงดูและอบรม รวมๆแล้ว 8 เดือนนี่แค่เศษเสี้ยวของมันเอง
ผลงานนี้ ถ้าเสร็จแล้ว ก็อยู่ในเกณฑ์อายุที่ต้องการโดยไม่ต้องเสียเวลาในการเลี้ยงดูหรือบรมเลยซักนิดเดียว
เพราะมันจะได้จากต้นแบบมาทั้งหมด ”

นักวิจัยอาวุสโส พยายามจะอธิบายเทียบให้ ครึ่งคนครึ่งสัตว์ตรงหน้าเข้าใจในวิถีอันชาญฉลาดของมนุษย์

“ ยังไงก็ตาม เร่งให้เร็วที่สุด ผมต้องรีบใช้มันโดยเร็วเลย ไม่งั้นผมคงไม่ให้ทุนสนับสนุนกับคุณหรอก! ”
ประธาน ตะคอกและดูจะไม่ยอมเข้าใจ กับสิ่งที่ เค้าอธิบายเลยซักนิด

“ เข้าใจแล้ว…เข้าใจแล้ว เราจะเร่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ”

เมื่อเห็นว่า พวกเค้าคงจะเข้าใจแล้ว ประธาน จึงยอมหันกลับออกไปจากห้องโดยไม่พูดไม่จาอะไรอีก
เมื่อประตูห้องปิดลง นักวิจัย ผู้ช่วย ก็เดินเข้ามาถามเค้าต่อทันที

“ ท่านประธาน เร่งให้โครงการนี้เดินงานอย่างรวดเร็ว แถมยังสนับสนุนทุนให้อย่างเต็มที่อีก
เค้าจะเอามันไปทำอะไรกันนะครับ? ”

“ จะอะไรซะอีกล่ะ แกเองเป็นคนของ URH อยู่แล้วก็น่าจะรู้นี่ ประธานนั่นเป็นคนอย่างไง
ก็คงจะเอามันไปใช้เพื่อให้ตัวเองได้อำนาจมาไว้ในครอบครองนั่นแหละ ”
นักวิจัยอาวุสโส เปรย

“ แต่โครงการนี้มันไปเกี่ยวกันยังไงหรือครับ ท่านประธานเองก็มีนาจสูงสุดของ URH อยู่แล้ว ยังจะเอาอะไรอีก ”
นักวิจัยผู้ช่วย ถามสีหน้าฉงน

“ แล้วแกรู้รึเปล่าล่ะ ว่า โฮมุนครุส ของโครงการนี้ เอาต้นแบบมาจากไหน ”
นักวิจัยอาวุสโส ถามกลับ นักวิจัยผู้ช่วย นิ่งอยู่นานแต่ก็ไม่รู้ เพราะงานนี้ ตัวเค้าเองก็พึ่งจะได้เข้ามาช่วยไม่นานนี้
ตามคำเชิญชวนของ นักวิจัย อาวุสโส

“ แกคงไม่รู้ล่ะมั้ง วันนั้นฉันเองก็ถามไปเหมือนกัน แล้วเค้าตอบว่าไงรู้รึเปล่า ”
นักวิจัย อาวุสโส พูดและรออยู่จน นักวิจัยผู้ช่วยส่ายหน้า เค้าจึงตอบออกมาให้ฟังอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“ อำนาจการปกครองรัฐเป็นของเค้า แต่อำนาจที่มีต่อใจของประชาชน คือ โคทาโร่ เซนาคาว่า….ประธานนั่นจะให้เราสร้าง ตัวจำลองลูกชายตัวเอง ไงล่ะ ”

นักวิจัยผู้ช่วยถึงกับนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ ตามที่เค้าคาดไว้ ก่อนจะชายตามองไปที่ ตู้หลอดทดลอง ซึ่งใส่น้ำสีเขียวใส
เอาไว้เต็มตู้ ในตู้นั้น ร่างเปลือยเปล่าซึ่งลอยอยู่น้ำ คือร่างที่สร้างขึ้นจาก วิทยาการและความรู้ในการประกอบชีวิตเทียม
โฮมุนครุส ของเค้า ซึ่งรังสรรค์ให้มีรูปร่างที่ถอดแบบ ออกมาจาก โคทาโร่ เหมือนกันทุกระเบียดนิ้ว

{จะไปว่าฝ่ายโน้นฝ่ายเดียวก็คงไม่ถูก เพราะขนาดตัวเราเองเพื่อผลการทดลอง ก็ถึงกับยอมใช้เลือดเนื้อเชื้อไข
ของตัวเอง สร้าง ลูซิเฟอร์ ขึ้นมาแล้วเลย}
นักวิจัย อาวุสโส เมื่อมองดูร่างในหลอดทดลองนั้น ซึ่งสะท้อนถึงต้นกำเนิดที่เค้า สร้าง ลูเซีย ขึ้นมา
ตอนนี้มันก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่นัก

……………………………..
……………………………………………………..

“ นี่!! ”
ธนัท ทัก ใส่ โคทาโร่ ที่มายืนรอ เค้ากับ ลูเซีย อยู่หน้าบ้าน เพื่อเตรียมไป โรงเรียน แต่แม้จะทักเข้าไปยังไง
โคทาโร่ กลับ ยืนนิ่งไมตอบโต้อะไรกลับมา จนทำให้ งสองแปลกใจ พวกเค้าจึงช่วยกันเรียกอยู่อีกหลายครั้ง

โฮ่ง !!

เสียงเห่าของ ลูกสุนัข ที่ตามพวก ธนัท ออกมาด้วย ดังขึ้นและ นั่นถึงได้ทำให้เค้าได้สติขึ้นมา

“ อ…เอ้อ มีอะไรเหรอ? ”
โคทาโร่ ถาม เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาว่าถูกทั้งสองคนเรียกอยู่

“ มีอะไรงั้นเหรอ? เราต่างหากที่ต้องถาม นายเล่นยืนเหม่อตาลอย เหมือนวิญญาณออกจางร่างแบบนั้นนี่ ”
ลูเซีย ย้อนใส่ ขณะที่ก้มตัวลงอุ้ม ลูกสุนัข ขึ้นมา ลูกสุนัข ตัวนี้ คือตัวเดียวกับที่ โคทาโร่ ช่วยเอาไว้
ตอนศึก 3 อสูรบรรพกาล หลังจากครั้งนั้น มันก็ตามติดแจ โคทาโร่ แทบจะตลอด จึงต้องเลี้ยงเอาไว้

“ ไม่สบายรึเปล่า ปวดหัวหรือว่ามึนๆอะไรไหม ”
ธนัท ถาม เพราะเค้าไม่เคยเห็น โคทาโร่ เป็นแบบนี้มาก่อนเลย จึงอดเป็นห่วงไม่ได้

“ ไม่ต้องหรอก ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ”
โคทาโร่ บอกปัดเพื่อไม่ให้ทุกคนเป็นห่วงมากเกินไป จังหวะเดียวกับ ที่ ศรี และ รินตามออกมาจากบ้าน
ด้วยแล้วพอดี ลูเซีย จึงฉวยโอกาสนั้น ส่งลูกสุนัข ที่อุ้มอยู่ กลับเข้าไปในบ้าน แล้วปิดประตูไม่ให้มันหนีตามออกมา

“ อ๊ะ พี่ศรี กับ พี่ ริน ออกมาแล้ว พวกเราก็รีบไปกันเถอะ ”
โคทาโร่ รีบเปลี่ยนเรื่องพูดทันที และแม้ว่า ทั้งสองจะยังไม่วางใจกับอาการเมื่อครู่ แต่ ศรี กับ ริน
ก็เร่งให้พวกเค้ารีบวิ่งไปโรงเรียน ได้แล้ว เพราะเกือบจะสายอยู่ลอมล่อ

{ความรู้สึกเมื่อกี๊มันอะไรกันนะ รู้สึกสังหรณ์ไม่ค่อยดีเลย}
โคทาโร่ คิดขณะที่วิ่งตามกันไปกับ ธนัท อาการเมื่อครู่ทำให้เค้ารู้กังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ในไม่ช้านี้ และคงเป็นเรื่องที่ไม่ไกลตัวไปจากเค้าเลย ความรู้สึครั่นเนื้อครั่นตัว ที่เหมือนกับ เซลล์
ทั่วร่างกำลังเรียกหาอะไรบางอย่างที่เป็นสิ่งเดียวกับตัวเค้า ซึ่งอยู่ห่างออกไป แต่สุดท้ายแล้ว
เค้าก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้ ใครได้รู้

…………………………
………………………………………………….

ภายในห้อง ประชุมใหญ่ หน้าต่างทุกบานตกแต่งด้วบผ้าม่านสีชมพูอ่อน ดูสว่างสบายตา นักเรียนชั้น ม.4 ทั้งระดับชั้น
ถูกเรียกให้ ขึ้นมารวมกันที่ ห้องประชุมนี้ แทนการเข้าแถวเคารพธงชาติในช่วงเช้า แถวของนักเรียนถูกจัดแบ่งเป็น
ชาย หญิง และห้องต่างๆ อยู่หน้าเวที ซึ่งตั้งติดผนังด้านหน้าของ ห้องประชุม เสียงพูดคุย ของบรรดานักเรียน
ดังกระหึ่มไปทั่วห้องประชุม

“ นี่ วันนี้เค้าเรียกขึ้นมาประชุมกันทำไมเหรอ? ”
ชุติการ ถาม แอน ที่ยืนเข้าแถวอยู่ข้างๆเธอ

“ เห็นเค้าว่า วานเน้ จะมี สติวเดนท์(Student=นักเรียน ) แลกเปลี่ยนจาก โรงเรียนอื่นมาหลา ”
แอน ตอบเสียงเหน่อตามสำเนียงเดิมของเธอ อย่างทุกครั้ง

“ เหรอ…. ”
ชุติการ เปรย เธอหันไปมองแถวของ นักเรียนชาย และสอดส่องสายตามองหาใครบางคนอยู่
และเธอก็หาไม่เจอเสียด้วย

“ ธนัท ไม่ได้อยู่ที่แถวเหรอ ฉันเห็นแต่ โคทาโร่ อ่ะ ”
ชุติการ เอ่ยขึ้น แอน จึงมองตามไปยังแถวนั้นบ้าง แต่ก็หาตัว ธนัท ไม่เจอ เช่นกัน

“ ถ้าหา ธนัท ล่ะก็ตะกี้ อาจารย์บุษบารี เรียกให้ไปช่วยขน ชีท ที่จะสอนวันนี้อยู่เดี๋ยวคงมาแล้วล่ะ ”
ลูเซีย ซึ่งยืนอยู่ข้างหลัง ชุติการ แทรกเข้ามาตอบคำถามให้กับ สองสาว

“ จริงสิเห็นว่าวันนี้ นอกจากนักเรียนแลกเปลี่ยนแล้ว มีอาจารย์พิเศษ อีก 2 คนด้วยนี่นา พวกเธอเห็นกันบ้างรึเปล่า?
เพราะฉันพึ่งเข้าเรียนเทอมนี้ ก็เลยไม่รู้จักหน้าตาอาจารย์คนอื่นๆเลย ”
ลูเซีย หันมาถามบ้าง แต่สองสาวก็ได้แค่ส่ายหน้า และตอบว่าไม่รู้ขึ้นพร้อมกันเท่านั้น
และตอนนั้นเอง เสียงพูดของ อาจารย์ รัตนชา ก็ดังผ่านใหม่ขึ้น เพื่อบอกให้นักเรียนเงียบเสียงลง พวกเธอจึงต้องหยุดคุยกัน
แล้วหันไปดู บนเวทีเพื่อฟังสิ่งที่จะประกาศในช่วงเช้านี้

……………………………………………………..

“ โธ่ จารย์เนี่ยน้า~ ชีทแค่กองแค่นั้นแบกไปเองก็ได้ ไม่เห็นต้องให้เราไปช่วยเลย ต้องมาเหนื่อยวิ่งขึ้นวิ่ง
ลงบันไดอีก เฮ้อ~~ ”
ธนัท บ่นไปพลางๆขณะที่รีบวิ่งขึ้นจาก ชั้น 3 เพื่อไปยังห้องประชุม ที่อยู่ถัดไปอีก 3 ชั้น โดยมี คอรัส Npte ของเค้า ที่อยู่ในรูปแบบของ นกหุ่นยนต์ บินตามมาด้วย

“ แค่นี้ไม่เห็นต้องบ่นเลย อาจารย์เค้าเรียกไปก็เพราะว่าเค้าเห็นความสำคัญของนาย นา~~ ”
เสียงของ อัลบิโน่กริฟฟอน ที่อยู่ในสำรับของ เค้าดังขึ้น ก่อนที่ร่างโปร่งแสงเหมือนวิญญาณ จะลอย ตามเค้ามา

“ ไม่หรอก อัลบิโน่ เจ้าหมอนี่น่ะ เป็นตัวแสบของ อาจารย์เค้าต่างหาก ถึงได้โดนแกล้งไงล่ะ ฉันพูดถูกไหม๊
แทงใจดำล่ะสิ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!~ ”
เสียงของ แบล็กไนท์กริฟฟิน ดังตามมา พร้อมกับร่างที่ ปรากฏขึ้น

“ โหย~~ ตั้งแต่ได้พวกนายมาอยู่ในสำรับเนี่ย มันชักจะหนวกหูขึ้นทุกทีแล้วนะ ”
ธนัท ตะเพิดใส่ อสูร ทั้งสองที่ออกมาหยอกใส่เค้า แต่สิ่งที่สองตัว ทำกลับมาคือ หัวเราะ
เยาะเย้ยซ้ำเติมแทน เพื่อที่จะไม่ต้องหัวเสียกับการยุแหย่ของ ทั้งสองตัว เค้าจึงเร่งฝีเท้าก้าวให้ยาวขึ้น
ไปอีก

“ อ๊ะ ระวัง!! ”

โครม!!!

จิ้งจอกเก้าหาง จิว เว่ย ฮูลี ปรากฏตัวขึ้นมาเกาะอยู่บนหัวของเค้า แล้วตะโกนเพื่อจะเตือนเค้า
ที่กำลังจะวิ่งชนคนที่เดินสวนลงมา แต่ทั้งคู่ก็ชนโครมเข้าให้ล้มกันจังเบอร์ ไปเสียแล้ว

“ อูยยย~~~ ” “ อูยยยยยย~~~~ ”
เสียงโอดโอยของทั้งสองคน ดังขึ้นพร้อมๆกัน

“ โทษที พอดีไม่ได้ดูทางน่ะ เป็นไรรึเปล่า ”
ฝ่ายที่เดินสวนลงมา กล่าวขอโทษ พร้อมกับช่วย ดึงมือเค้าให้ลุกขึ้นจากที่ล้ม

“ ทีหลังเตือนให้มันเร็วๆกว่านี้หน่อยสิ ”
ธนัท เหล่ตาขึ้นไปเขม่นใส่ จิว เว่ย ฮูลี ที่ยังเกาะอยู่บนหัวของเค้าอย่างไม่สบอารมณ์

“ เอ้า! อย่ามาโทษฉันสิ นายทำตัวนายเองนะ ไม่เกี่ยวกับฉันซักหน่อย ”
จิ้งจอกเก้าหาง ย้อนพลางทำเมินใส่

“ นี่ไม่รีบไปเดี๋ยวสายนะ! ”
คราวนี้ กริฟฟินขนทอง ปรากฏตัวขึ้นมา พร้อมกับเร่งให้เค้ารีบไปให้ตรงเวลา

“ จริงด้วยสิ เค้าจะเริ่มกันแล้วนี่นา ต้องรีบแล้ว!! ”
ธนัท รีบวิ่งอ้อม นักเรียนที่ชนกันเมื่อกี้ ขึ้นบันไดต่อไปโดยไม่สนใจท่าทีของ นักเรียนคนนั้นเลย

“ ตะกี้หมอนั่น…..คุยกับ อสูรอัญเชิญด้วย…. ”
นักเรียนที่ชนกับ ธนัท เปรยเสียงเรียบ เค้ามีดวงตาและผมสีฟ้า ที่หัวคาดผ้าสีแดงเอาไว้

“ เหมือนกับพวกเราเลยนะว่าไหม๊~ ”
เค้าหันข้างๆที่ซึ่งไม่มีใครอยู่ ตอนนี้ อสูรอัญเชิญ หนูสีขาวก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยร่างที่โปร่งใส
เช่นเดียวกับเหล่าอสูรของ ธนัท

……………………………………
…………………………………………………..

“ มาช้าชะมัดเลย เค้าแนะนำ นักเรียนแลกเปลี่ยนไปสองคน แล้วนะ ”
โคทาโร่ เอ็ดใส่ ขณะที่ ธนัท เดินแทรกแถวเข้ามา นั่งต่อจาก โคทาโร่ ที่มีเลขประจำตัวนักเรียนอยู่หน้าเค้า

“ นักเรียนแลกเปลี่ยนเหรอ? ”
ธนัท ถามอย่าง งงๆ

“ และนักเรียนคนที่สาม จากโรงเรียนสาธิต SMN Academy สาขาภาคตะวันออก บาร์น เวจท์จิเทเบิล (Barn Vegetable) ”
เสียงประกาศดังขึ้น พร้อมกับ ที่นักเรียนคนใหม่อีกคน เดินขึ้นมาบนเวที และไปยืนอยู่ข้างๆนักเรียนทั้งสองคน ที่ขึ้นมาก่อน
นักเรียนที่ขึ้นมาใหม่นี้ เป็น DNA-Changer สายพันธุ์ จิงโจ้ หูสีครีม บนผมสีบลอน และหางสีครีม ซึ่งกระดิกและส่ายไปมา
สร้างเสียงฮือฮา ให้กับนักเรียน ทุกคนสายตาทุกคู่มองขึ้นมาจาก ด้านล่างของเวที และจับจ้องเป็นหนึ่งเดียวกัน

รูปภาพ

{ต้องนิ่งเข้าไว้…ต้องนิ่งเข้าไว้ ทุกคนกำลังจ้องมาที่ ผัก อยู่ ต้องไม่เผลอทำเปิ่นออกไปเด็ดขาดเลย}
นักเรียนใหม่ พึมพำกับตัวเองความกังวลต่อแรงกดดัน จากทุกสายตาที่มองมาที่เค้า ซึ่งเป็น DNA- Changer
ทำให้รู้สึกประหม่าจนเกร็งไปทั้งตัว

{ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เหอะ แล้วไหงพอ ผัก ขึ้นมาถึงได้จ้องกันเขม็ง แบบนี้ล่ะ~~แลปกจริงๆ ไม่สิไอ้ที่แปลกน่ะ ผัก ต่างหาก ก็นี่มันโรงเรียนของคนธรรมดาๆ DNA-Changer อย่าง ผัก ก็ต้องเป็นของแปลกอยู่แล้ว โอ้ว หอยหลอด!! นี่มันวิกฤติเข้าขั้นเลยนะเนี่ย }
นักเรียนใหม่ พึมพำไม่หยุดจนแทบจะกลายเป็นเสียงบ่นดังออกมาเสียแล้ว มือของเค้ากุมคอเสื้อหนังสีน้ำตาล
ของตนเพื่อลดความประหม่า ลง บางทีก็ต้องแกล้งขยับแว่นที่ใส่อยู่ เพื่อกลบเกลื่อน

……

“ อะไรของหมอนั่นหว่า?... ยืนเกร็งขนาดนั้น ปวดท้องรึไงกัน ”
ธนัท เปรยเสียงเอือม กับท่าทีของ นักเรียนที่ขึ้นมาใหม่ซึ่ง ยืนเกร็ง ซะจนแข็งทื่อเป็นรูปปั้น
เสียงหัวเราะ ดังขึ้นมาเนืองๆจาก แถวด้านหลัง กับความสะเหร่อนี้ จนเมื่อมือ ที่ ขยับแว่นเพื่อกลบเกลื่อน
นั้นพลาดไปปัดขาแว่นที่เกี่ยวหูไว้อยู่ จนหลุดออกทำให้ แว่นตาตกกระเด้งลงมาบนพื้นห่างออกไป

ด้วยความตกใจเจ้าตัว จึงรีบก้าวเท้าเพื่อจะก้มลงไปเก็บ แต่ก็เผลอสะดุดขาตัวจนล้มหัวคะมำ
แทน เท่านั้น เสียงหัวเราะ ก็ดังลั่นกระหึ่มขึ้นมาทันที เจ้าตัวก็ได้แต่ ใช้มือความหาแว่นต่อไปน้ำตาซึม
ด้วยความอาย จนอาจารย์รัตนชาต้องเข้ามาช่วยเก็บ แว่น ส่งคืนให้ ก่อนจะเริ่มประกาศรายชื่อนักเรียนคนถัดไป
ทุกคนจึงได้เงียบเสียงลง

“ และคนสุดท้าย จาก โรงเรียนสาธิต SMN Academy ภาคตะวันตก มิสตาลจิคัส คอนฟลิกตัส(Mystalgikus konflyctus) ”
สิ้นเสียงประกาศ แล้ว แต่ทว่าก็ยังไม่มีใครโผล่ขึ้นเพิ่ม บนเวทีเลย เหล่า อาจารย์ ที่ทำหน้าที่อยู่บนเวที
มีทีท่า ลนลาน กับเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ บรรดานักเรียนต่างมองหน้ากันเลิกลั่ก บ้างก็เริ่มถามกันว่าเกิดอะไรขึ้น
สถานการณ์ภายในห้องประชุม เริ่มวุ่นวาย จนเมื่อ เสียงเปิดประตู ห้องประชุม ด้านหลังฝั่งสำหรับนักเรียนที่เข้ามาร่วมประชุมเปิดออก ทุกสายตาก็เปลี่ยนไปจับจ้อง ผู้ที่อยู่หลังบานประตูนั้น


“ เฮ้ย…เจ้านั่น! ”
ธนัท เผลอหลุดปากออกมาเองทันที เพราะผู้ที่อยู่หลังบานประตูนั้น คือ นักเรียนที่เค้าเดินชนตอนขึ้นมา
ยังห้องประชุมนั่นเอง นักเรียนชายซึ่งมีผมสีฟ้าและคาดผ้าแดงไว้บนศรีษะ เดินแหวกไปตามช่องว่างของ แถว
นักเรียน ที่เว้นไว้ ขึ้นไปบนเวที แล้วหันกลับมาพูดกับ อาจารย์ รัตนชา ที่ยืนงงอยู่

รูปภาพ

“ ขอโทษด้วยนะครับ พอดีลืมของไว้ที่ห้องเตรียมตัว ก็เลยวกกลับไปเอามาน่ะครับ ”
นักเรียนผมฟ้า กล่าวขออภัย ก่อนจะเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับ นักเรียนใหม่ที่ ประกาศชื่อไปแล้ว รวมทั้งหมดตอนนี้จึงมีอยู่ด้วยกัน 4 คน

“ อ่า…ถ้างั้นเราก็มาต่อกันเลยแล้วกันนะ ต่อไปขอ เชิญอาจารย์พิเศษที่จะมาประจำภาควิชาพิเศษสำหรับเทอมนี้…. ”
อาจารย์รัตนชา กล่าวสคริปงานไปได้ไม่เท่าไร อาจารย์ชายท่านหนึ่งก็ขึ้นมาบนเวที พร้อมกับเข้าไปกระซิบอะไรกับ
อาจารย์รัตนชา จนต้องหยุดพูดไปกลางคัน

“ อ…เอ่อ ดูเหมือนจะมีความผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย ทำให้ อาจารย์พิเศษ ทั้งสองท่าน ยังมาไม่ถึง
เพราะฉนั้นแล้ว ต่อไปขอ เชิญฟังคำปราศัยขง อาจารย์ ที่ประกาศจากเวที บนสนามข้างล่าง ผ่านจอโฮโลแกรม แทน ”
อาจารย์รัตนชา พูดจบจอภาพโฮโลแกรมขนาดยักษ์ จึงฉายขึ้นบนเวที ภาพของ หญิงวัยกลางคนผู้เป็น อาจารย์ใหญ่
ปรากฏอยู่บนจอภาพ สถานที่ ที่ซึ่งฉายขึ้นมานั้น คือเวทีบนสนามกลางแจ้งข้างล่าง ซึ่งมีบรรดานักเรียนปีอื่น ที่เข้าแถว
ยืนรออยู่บนสนาม อาจารย์ใหญ่ขยับไมค์ที่เสียบอยู่บนแท่นตั้ง เพื่อเช็คดู ก่อนจะเริ่มกล่างคำปราศัย

“ สวัสดีนักเรียนทุกคนนะคะ ”

สวัสดีครับ/ค่ะ~~~~~~

ทันทีที่ เสียงทักทายของอาจารย์ใหญ่ ดังผ่านไมค์ เสียงตอบรับของนักเรียน ในสนามก็ดังรับกันทันที

“ สัปดาห์หนึ่งไปแล้วตั้งเริ่มเปิดภาคเรียนและสำหรับภาคการศึกษานี้ทางโรงเรียนได้มีเพิ่มภาควิชาพิเศษเข้าไป
สำหรับนักเรียนที่สนใจ ในการดวลร่ายอสูร Summoner Master Card ขึ้นโดยในภาคการศึกษาทดลองนี้เราได้เชิญนักเรียนแลกเปลี่ยนซึ่งเป็น นักเรียนเกรียตินิยม จากโรงเรียนสาธิตการดวล SMN Academy จาก ทั่วทุกมุมโลกมาร่วมเรียนด้วย
โดยการสนับสนุน จากบริษัท Phenomenon Party ”

ทันทีที่ คำปราศัยของ อาจารย์ใหญ่ จบลง จอภาพโฮโลแกรม ก็ถูกฉายขึ้นมาบน เวทีกลางสนามบ้าง คราวนี้
เป็นภาพที่ฉายจากเวที บนห้องประชุม ภาพของ เหล่านักเรียนแลกเปลี่ยน ทั้งสี่คนได้ถูกแพร่กระจายไปทั่วทั้งโรงเรียนแล้ว

{ นี่มันเรื่องอะไรกัน…สี่คนนั่นเป็นแชมป์ของ โรงเรียนสาธิตในสังกัดของ Phenomenon ยังงั้นเหรอ}
โคทาโร่ คิด สีหน้าของเค้าแสดงความแปลกใจ ออกมาถึงขีดสุดกับเรื่องไม่คาดฝันที่เริ่มตั้งแต่ต้นสัปดาห์

{นี่หรือว่ามันจะเกี่ยวข้องกับ บิชอป ให้เรากับ ธนัท ไปที่ ดูเอลอาคาเดเมีย เมื่อวานกันแน่}
ความกังวลและสับสนก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในหัวของเค้าตอนนี้เต็มไปด้วยคำถามมากมายที่ตอบไม่ได้
ทำไม อะไร อย่างไหน คือสิ่งที่ผุดขึ้นมาเรื่อยในหัวของเค้าตอนนี้


“ สุดยอด….. ”
เสียงเปรยแผ่วๆของ ธนัท ยืนอยู่ข้างหลังนั้นทำให้เค้า หยุดสร้างคำถามขึ้นมาในใจไปชั่วขณะ
สายตาของ ธนัท ฉายแวว ความตื่นเต้นขึ้นมาอย่างชัดเจน โคทาโร่ จ้องอยู่นานต่ ธนัท ก็ยังคงค้างไว้อยู่แค่นั้น
จนเมื่อเค้าเริ่มรู้ตัวแล้วว่าตอนนี้ ธนัท กำลังรู้สึกแบบไหน

{ธนัท นี่รึว่านาย ตื่นเต้นซะจนถึงกับ พูดไม่ออกเลยงั้นเหรอ}

………………………………….
…………………………………………………….
……………………………………………………………………..

โรงพยาบาลตากสิน

ภายในห้องพักผู้ป่วย ของ อดัม กระจกหน้าต่างสั่นรัวดัง กึกๆ เพราะลมที่พัดเข้ามากระแทก กระจกสั่นอยู่ซักพัก
จนในที่สุด สลักที่ยึดกระจก ไว้หลุดออก บานกระจกจึงแง้มออกทำให้ สายลมที่พัดกระแทกอยู่ พัดเข้ามาภายในห้อง
สายลมที่พัดเข้ามาแรงถาโถมของมันดั่งพายุ พัดเอา ทุกสิ่งทุกอย่างในห้อง ลอยขึ้นมาหมดก่อนจะหยุดลง

กระทันหัน สิ่งของทั้งหมดจึงร่วงหล่นลง พร้อมๆกับการปรากฏตัวของ เด็กหนุ่มชุดกรุยสีขาวโพลนทั้งตัว แม้กระทั่งเส้นผมก็ยังขาวซีดราวหิมะ ใบหน้าของเด็กหนุ่มถูกซ่อนอยู่หลัง คอเสื้อสีเหลืองที่ยกสูงขึ้นมาเหมือนหน้ากาก
และสวมมงกุฏทองคำเอาไว้ ดวงตาเชียบคมและนิ่งเฉย ราวกับจะดูแคลนทุกสิ่งทุกอย่าง
หลังจากยืนจ้อง ไปที่เตียงซึ่งร่างของอดัม นอนหมดสติอยู่ นาน เค้าจึงสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ๆ
แต่ก่อนที่จะถึงเตียง กลับชะงักฝีเท้าไว้แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ หลังจากแพ้ให้กับ ทานาทอส ก็พามาซ่อนที่นี่แต่กลับไม่มีการป้องกันอะไร หรือแม้แต่ จะปกปิดให้มิดชิดก็ไม่มี
คิดจะดูถูกกันงั้นรี? ”

รูปภาพ

“ เปล่า… ”
เสียงดังขึ้นจาก หลังม่านที่กั้นฝั่งประตูของห้องไว้ โปรเฟสเซอร์ ดราก้อน เดินแหวกม่านกั้น มาปรากฏตัวให้
ศัตรูได้ยลโฉม โดยที่ตัวเค้าได้เตรียมสวม Note ที่อยู่ในโหมดดวล ไว้ที่แขนก่อนแล้ว

“ เพราะถึงจะปิดบังยังไงหรือ ป้องกันหนาแน่นแค่ไหน มันก็ไร้ประโยชน์กับปีศาจในคราบพระผู้ไถ่ อย่างแก ”
โปรเฟสเซอร์ แดกดันแต่กระนั้นสีหน้าของเค้าแสดงออกได้ถึงความหวั่นใจที่ได้พบกับ เด็กหนุ่มผู้นี้

“ หมายความการที่มาท้าดวลกับฉันน่ะ เป็นความคิดที่ดีที่สุดเท่าที่สมองเน่าๆของแกจะคิดได้แล้วสินะ เจ้ามังกรเฒ่า ”
/Stand By Duel Mode/
เด็กหนุ่มพูดจา เย้ยหยันด้วยความมั่นใจ พร้อมกับเปลี่ยนให้ Note ที่อยู่ในสภาพของ จี้ห้อยคอ กลายเป็นเป็นปลอกแขน
แล้วจึงหยิบสำรับขึ้นมาสับแล้วใส่ลงไปในช่องเสียบสำรับทั้งสองด้าน

“ Let’s Duel ”

ทันทีที่เริ่มการดวล ทั้งห้องก็ถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด ในพริบตา ราวกับว่าพวกเค้าถูกย้ายมาอยู่ในอวกาศ
ที่ไร้ซึ่งแสงใดๆ ที่มองเห็นมีแค่ ร่างกายของตัวเองและอีกฝ่าย เท่านั้น

[??? Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 0/15 ] Deck:???
[Pro.Dragon Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/15 ] Deck: Rise The Dragon of Rosan Moutain
(มังกรผงาดเขาโรซัน)


“ ฉันเริ่มก่อน Cost Mp 3 ให้ เคิสท์ สเปกเตอร์(Cursed Specter) ออกมาที่ At Line ”
เด็กหนุ่ม ประกาศพร้อมกับร่ายซีลการ์ด อัญเชิญ อสูรปีศาจซึ่งมีร่างเป็นโคงกระดูกทั้งร่างขึ้นมา

รูปภาพ

[??? Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 2 Mp:2/8 Shrine 0/15 ]
[Pro.Dragon Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/15 ]

“ Ability ของ เคิสท์ สเปกเตอร์ ทำงานถ้ามันเข้ามาในสนามโดยที่ไม่ได้มาจาก Shrine ก็จะได้แสดงการ์ดใบ
บนสุดของกอง Seal และถ้าการ์ดใบนั้นมี คำว่า Cursed อยู่ในชื่อก็จะเรียกให้มันออกมาได้ทันที ”
เด็กหนุ่ม จับการ์ดซีลขึ้นมาจากกอง

“ การ์ดที่จับขึ้นมาคือ เคิสท์ รัฟเฟี่ยน(Cursed Ruffian) ดังนั้นจึงเรียกมันออกมาได้เลย อัญเชิญ เคิสท์รัฟเฟี่ยน
ออกมาที่ At Line”
เด็กหนุ่ม แสดงการ์ดที่จับขึ้นมา และเมื่อมันถูกร่าย อสูรนักรบต้องคำสาปกายสีดำนิล ทั้งร่างก็ปรากฏขึ้นมายังแนวหน้า

รูปภาพ

“ แล้วก็ Cost Mp อีก 2 ให้ เมจิคัล เวิลด์ ทำงานและติดตั้งให้กับ เคิสท์ รัฟเฟี่ยน ผลของการ์ดใบนี้จะต้องเลือกธาตุมา 1 ธาตุ
ให้ อสูร ที่ติดมันถือว่ารวมร่างกับ ธาตุนั้นๆ ขอเลือก ธาตุแห่งความมืด และให้ เคิสท์ รัฟเฟี่ยน รวมร่าง
ดาบสีดำที่ต้องคำสาป Curse Sword ”

ปรากฏสัญลักษณ์ธาตุแห่งความมืด ลอยอยู่กลางสนาม ก่อนที่มันจะหลอมรวมเข้ากับร่างของ นักรบต้องคำสาป
และทำให้ ดาบของนักรบ เปล่งออร่าสีดำออกมาได้

รูปภาพ

[??? Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 1 Mp:0/8 Shrine 0/15 ]
[Pro.Dragon Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/15 ]

“ หมดรอบแค่นี้ ”
เด็กหนุ่มประกาศจนรอบของตน การวางหมากในตาแรกนั้นสมบรูณ์แบบจนไม่มีที่ติ สร้างความกดดันให้ กับ โปรเฟสเซอร์
ไม่น้อย

“ รอบของฉัน Cost Mp 5 อัญเชิญ มังกรโบราณแห่งนภา เอนเชี่ยนสกายดราก้อน(Ancient Sky Dragon)
ออกมาที่ At Line ”
โปรเฟสเซอร์ ขว้างการ์ดผนึกซีลบนมือ ออกไป และเมื่อมันรวมตัวเข้ากับ ละอองแสงที่สร้างขึ้นจาก เฟือง
ไดนาเมซของปลอกแขนจากทั้งสองฝ่าย ร่างอันใหญ่โตมโหฬาร ค่อยๆยืดยานออกมาจากผนึกเกล็ดสีเงินทอประกายราวกับ
แก้วอยู่บนร่างมหึมา ของมังกรยักษ์ ตัวนี้

รูปภาพ

“ แล้วก็ Cost Mp 1 ให้ ไวด์ เลโอกริฟ ออกมาที่At Line แล้วก็ Cost Mp อีก 2 ให้มันเป็นเครื่องสังเวย(Sacrifice)
เพื่อร่ายอสูรธาตุลม บนมืออกมาโดยไม่ต้องCost ค่าร่าย ”
อสูร ผสมผสานสายพันธ์ระหว่าง กริฟฟินและสิงโต ถูกอัญเชิญ ขึ้นมาในสนามก่อนจะสลายตัวไปเพื่อให้
เค้าได้ร่ายการ์ดใบใหม่ลงไปแทน
รูปภาพ

“ ให้ เอนเชี่ยนสกายดราก้อน เป็นวัตถุดิบในการ Growth เอนเชี่ยนสกายดราก้อน จงรับเอาสายลมที่พัดผ่านเขาแห่งโรซัน แล้วจุติเป็นเทพมังกร ณ บัดนี้ ”
ทันทีที่ โปรเฟสเซอร์ ชูการ์ดผนึกขึ้นสุดแขน ก็สายลมพัดโหมกระหน่ำทั้งสนาม แรงลมทำให้ทั้งเสื้อกาวท์แพทย์ของเค้าและผ้าคลุมของ เด็กหนุ่ม พัดสะบัดปลิวไปตามแรงลม เกล็ดสีเงินของ มังกรยักษ์ที่รับเอาสายลมเข้า เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวสีเขียวมรกต

“ Rise Dragon of the Rosan Moutain !! จงผงาดเหนือเขาแห่งโรซัน จ้าวมังกรนภาบรรพกาล
เฉินหลง(Shenlong, the Ancient Sky Dragon) ”
เกล็ดทั้งร่างของมังกรยักษ์ กลายสภาพเป็นเกล็ดสีเขียวมรกตที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งสายลม

รูปภาพ

[??? Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 0/15 ]
[Pro.Dragon Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:0/8 Shrine 1/15 ]

“ เทพมังกรนภาโบราณ แก่ๆนั่น คิดรึว่ามันจะช่วยให้แกเอาชนะ ฉันได้น่ะ ”
เด็กหนุ่มแย้งถาม และเย้ยหยันราวกับมันเป็นการ ดิ้นรนเอาตัวรอดที่สิ้นคิดของคนที่กำลังจะแพ้

“ ถึงข้าคนนี้จะแก่แล้วก็เถอะ แต่ความเก๋ายังไม่เปลี่ยน น่ะ! ครั้งนึงข้าเคยเป็นถึงตำนาน ผู้พิทักษ์แห่งเขาโรซันมาแล้ว
การดวลที่ฝึกฝนมาจากหุบเขาแห่งมังกรโรซัน ที่ประเทศจีน นี่ถ้าคิดดูถูกละก็ได้เจ็บตัวแน่!! ”
โปรเฟสเซอร์ พูดข่มกลับไป

“ ถ้างั้นตำนาน นั่นฉันจะทำให้มันจบลงแค่ตำนาน ก็แล้วกันเพราะมันก็คืออดีตที่จะต้องเลือนหายไปกับการเวลา
รอบของฉัน จั่วไพ่!! ”
เด็กหนุ่ม จับการ์ดมิสติกขึ้นมา 2 ใบ เสียงหัวเราะดังกลั้วขึ้นมาในลำคอ ความเฉียบคมและเย็นชาที่ฉายอยู่ในแววตา
ได้แปรเปลี่ยนเป็นความเจ้าเล่ห์มากกลแทนเสียแล้ว

[??? Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 3 Mp:8/8 Shrine 0/15 ]
[Pro.Dragon Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 1/15 ]

“ Cost Mp 1 ให้ Soul’s Cost ทำงาน ให้ เคิสท์สเปกเตอร์ เป็นเครื่องสังเวยแล้วเพิ่ม Mp ขึ้นมาเท่ากับค่าร่ายของมัน ”
ทันทีที่ มิกติกถูกร่ายออกมา ร่างของ เคิสท์สเปกเตอร์ ก็แตกสลายกลายเป็น ควันสีดำ ซึมซับเข้าไปในร่างของ
เด็กหนุ่ม และเพิ่ม Mp ให้

รูปภาพ

[??? Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 2 Mp:10/8 Shrine 1/15 ]
[Pro.Dragon Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 1/15 ]

“ ด้วยผลของ เคิสท์ สเปกเตอร์ เมื่อมันถูกส่งไปที่ Shrine จากสนามก็จะได้เอา Mystic Cardอุปกรณ์(Relic)
จากในสำรับขึ้นมาได้ใบหนึ่ง ”
เด็กหนุ่ม อธิบายขณะที่ ดึงสำรับมิสติก ออกมาจากช่องเสียบสำรับ และคลี่หาการ์ดที่ต้องการ

“ ให้ ดาบต้องคำสาป อทิมาโซ่ (Atimazo Sword) ไปติดกับ เคิสท์รัฟเฟี่ยน ”
ดาบของเคิสท์รัฟเฟี่ยนถูกเปลี่ยนถูกเปลี่ยนให้เป็นดาบโลหะ สีดำที่เปล่งออร่าสีดำออกมาแรงยิงกว่าดาบเล่มก่อน

รูปภาพ

“ อทิมาโซ่ จะทำให้ค่าพลังขอ อสูรที่ใส่อยู่ลดลงตามจำนวน อสูรในสนามของ ผู้ควบคุมอสูรนั้น เพราะมันเป็นดาบต้องคำสาป แต่ว่าเมื่อมาอยู่ในมือของ เคิสท์รัฟเฟี่ยน ที่เป็น นักรบต้องคำสาปอยู่แล้ว คำสาปของดาบจึงกลายเป็นผลดีให้กับมันแทน Ability ของ เคิสท์รัฟเฟี่ยนทำงาน ทำให้ Mystic Card อุปกรณ์ ที่ติดตั้งอยู่ถ้าส่งผลลบก็จะกลายเป็นบวกแทน ค่าพลังจึงเพิ่มขึ้นมาเป็น 10 หน่วย ”

“ Ability ของ เฉินหลง ทำงาน เมื่อมันอยู่ในสภาพ Growth ก็จะได้รับ ความสามารถจาก อสูร ที่เอามา Growth ด้วย ความสามารถเดิมของ เฉินหลง คือ จะทำให้ ค่า At ของ เผ่ามังกรทุกใบในสนามของเราเพิ่มขึ้น 1 จุด ดังนั้น At ของ เฉิน หลงจึงเท่ากับ 11 หน่วย ”

โปรเฟสเซอร์ ประกาศ ความสามารถของ เทพมังกรนภาโบราณ มันร้องคำรามขึ้นดังกึกก้อง เพื่อขานรับกับคำสั่งนั้น
และค่าพลังจึงเพิ่มตามขึ้นไปด้วย

“ ผลจาก Ability ของ เคิสท์สเปกเตอร์ ทำให้จั่วการ์ดได้อีกใบ Cost Mp 1 ให้
อัลนิโก เบลด(Alnico Blade) ทำงานสวมให้ กับ เคิทส์รัฟเฟี่ยน และเมื่อมันติดตั้งสำเร็จก็จะเรียกให้
อัลนิโก เบลด ใบอื่นจาก บนมือ Shrine หรือ ในสำรับมาติดให้กับอสูรที่ สวมมันอยู่ได้ ให้อัลนิโกเบลด
จากสำรับติดให้กับ เคิทส์รัฟเฟี่ยน อีกใบ ”

เด็กหนุ่มจับการ์ด มิสติกขึ้นมาและร่ายมันออกมาทันที มีดสีเงินซึ่งมีด้ามจับทองเหลืองฝังด้วยอัญมณีประดับอย่างสวยหรู
สองเล่มปรากฏขึ้นและ ให้นักรบต้องคำสาปรับมันไป ถือไว้ที่มือข้างที่เหลือและเหน็บไว้ที่เอวอีกเล่ม

รูปภาพ

“ ฉันจะให้แก ได้เห็นเสี้ยวหนึ่งของพลังที่ฉันมี ”
เด็กหนุ่ม พูดพร้อมกับเตรียมร่าย ซีลการ์ดบนมือ สายตาที่แฝงไปด้วยความมั่นใจว่าสามารถจัดการกับ สุดยอดเทพมังกรแห่งนภาโบราณตรงหน้า ให้สยบอย่างง่ายดาย นั้นถึงกับทำให้ โปรเฟสเซอร์ หน้าซีดไปเลยทีเดียว

“ ให้ Mystic Card ชนิด PS สามใบในสนาม เป็นวัตถุดิบ ในการ Growth แล้ว Cost Mp 5 จงออกมาจาก
ความมืดมิดที่สุดขอบจักรวาล จ้าวแห่งการทำลายล้าง ควาซอลโคลท์ (Quetzalcoatl, the Great of Termination) ”

สิ้นคำ วังวนของความมืดล้อมรอบพวกเค้า เอาไว้ก็ ปริร้าว เกิดเป็นรอยแตกแยก ขึ้นมาแสงสว่างค่อยๆเล็ดลอดเข้ามาในความมืดมิด ที่ห้อมล้อมพวกเค้าเอาไว้ และในที่สุด เมื่อความมืดแตกทลายลง บริเวณรอบๆก็ กลายเป็นความว่างเปล่า

สีขาวโพลน ใบหน้าที่ซีดเผือดด้วยความกลัวของ โปรเฟสเซอร์ เผชิญหน้าอยู่กับ ร่างมหึมา ที่เทียบเคียงกับ เทพมังกรนภาโบราณได้ กายสีดำทมิฬ และความเกรี้ยวกราดที่ฉายออกจากแววตาของมัน นั้นราวกับจะกลืนกินทุกสิ่งให้หายไปในความว่างเปล่า ปีกใหญ่ทั้งสองเพียงสะบัดกระพือ ร่างของ มังกรนภาโบราณก็ แตกสลายลงไปในพริบตาเดียว

รูปภาพ

“ จงกลายเป็นความว่างเปล่าไปซะเถอะ Terminate Distraction!! ”
สิ้นคำ ไฟบรรลัยกรร ก็พุ่งพล่านออกจาก ปากของ มัน และกลืนสนามให้จมหายไปใน เปลวเพลิง

………………………………

ห้องพักกลับคืนสู่สภาพเดิม ข้าวของที่เคย ล้มระเนระนาดเพราะแรงลม ก็ถูกจัดให้กลับไปอยู่ที่เดิม แม้แต่ผ้าห่ม
บนเตียงคนไข้ ทุกอย่างกลับไปสู่จุดเริ่มต้น เว้นเพียงแต่สิ่งเดียว คือ ปลอกแขน Note ของ โปรเฟสเซอร์ เท่านั้นที่
นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นห้อง ต่อหน้าของ เด็กหนุ่ม

“ ความสามารถของแก แค่กึ่งนึงของ ทานาทอส ยังเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ คิดจะมาสู้กับ
โจคเกอร์ ออฟ ดี เอน(Joker of D. End) มันยังเร็วไป 100 ปีไม่สิ แก่แบบนั้นต่อให้มีอีกร้อยกี่พันปีก็เถอะ…. ”
เด็กหนุ่ม สะบัดชายผ้าคลุม หันหลังกลับไปที่ เตียงของ อดัม สายลมพัดเข้ามาจากหน้าต่าง ทำให้ ม่านที่กั้นห้องเอาไว้สะบัดพริ้วขึ้นอีกครั้ง และเมื่อ ลมสงบลง ร่างของ อดัมและ เด็กหนุ่มผู้นั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

………………………..
…………………………………………..

เป็นเวลาคล้อยบ่ายแล้ว แสงแดด เริ่มเอียงทิศ ที่กลางสนาม นักเรียนจำนวนมากที่สนใจ ชั่วโมงเรียนพิเศษ
ต่างมารวมตัวกันเพื่อที่จะเริ่ม การเรียนการสอน ทุกคนพูดคุยกันถึง แนวทางการสอน อาจารย์พิเศษ และรวมไปถึงเหล่านักเรียนแลกเปลี่ยน ที่เป็น ที่ฮือฮามาตั้งแต่ช่วงเช้า

“ สรุปแล้วพวกเราทั้งชมรม SMN ก็เข้าเรียนคาบพิเศษหลังเลิกเรียนนี่กันหมดเลยสินะ ”
ริน พี่สาวของ ธนัท สรุป เมื่อทุกคนในชมรม ต่างมารวมตัวกัน หมดเพื่อที่จะเรียนรู้ในคาบเรียนพิเศษนี้
แต่ล่ะคนก็ต่างจุดประสงค์กันออกไป ธนัท แสดงอาการตื่นเต้น ที่เก็บไม่อยู่ออกมาอย่างเต็มที่ และอยากจะดวล กับนักเรียนใหม่ดูซักครั้ง ในขณะที่ โคทาโร่ นั้นยังรู้สึกไม่วางใจกับ เหตุผลในการเพิ่มคาบเรียนพิเศษ

“ เลิกทำหน้าตาเคร่งเครียด แล้วทำตัวสบายๆดีกว่าน่า ”
ศรี เข้ามาทัก

“ แต่ว่า จู่ๆก็มีเรื่องคาบเรียนพิเศษที่ ทางโรงเรียนไม่เคยแม้แต่จะแจ้งมาก่อนแบบนี้ มันไม่น่าสงสัยบ้างรึไงครับ พี่ศรี ”
โคทาโร่ แย้ง แต่ ศรีก็ชี้ให้หันไปดูทาง เวทีกลางแจ้ง และพูดขึ้น

“ งั้นลองดูนั่นสิ กลุ่มที่ยืนอยู่บนเวทีนั่น คืออาจารย์พิเศษที่ว่าไงล่ะ ”

ที่บนเวทีกลางแจ้งนั้น มีกลุ่มอาจารย์ 4 คน ที่ไม่คุ้นตาในโรงเรียนมาก่อน แต่ 3 ใน 4 คนนั้น เป็นคนที่เค้ารู้จัก

“ ไกอา บีบิส แล้ว อาจารย์ เบิร์ด ที่เจอกันที่ ดูเอลอาคาเดเมีย ทำไม….? ”
โคทาโร่ ถึงหับหน้าซีดตาเบิกโพลงด้วยความประหลาดใจ

“ เท่านี้ก็คงจะสบายใจได้แล้วสินะ เรื่องเหตุผลน่ะไว้ วันหลังจะบ่นให้ฟังก็แล้วกัน ”

ศรี เดินจากออกไป เพื่อไปรวมกลุ่มกับ ชั้นปีเดียวกัน เพราะตอนนี้ นักเรียนทุกคนตั้งแถวกันแล้ว
…………………….
……………………………….
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ เม.ย. 11, 2011 7:39 pm, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 22 Vs. Jaden the User of Hero

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 18, 2010 7:40 pm

“ สวัสดี นักเรียนทุกๆคนค่า ไกอา นะค้า~~~~ ”

สวัสดีคร้าบ~~~~~~

เสียงขานรับดังพรึ่บขึ้นพร้อมกัน ทันที ที่ อาจารย์พิเศษ ทักทายผ่านไมค์ ด้วยเสียงหวาน อยู่บนเวที
เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่รับเอา หัวใจของ หนุ่มๆนักเรียนชาย ที่จ้องเธอสายตาหยดย้อย กันเป็นทิวแถว
ตอกย้ำความนิยมในตัวของเธอ สมกับที่เป็น ไอดอล นิตยสารของวงการ SMN อย่าง Wiser

“ ถ้าอย่างนั้นเพื่อเป็นการเริ่ม การสอนพิเศษนี้ ไกอาจัง อยากให้นักเรียน 2 คนมาดวลกันเพื่อเป็นพิธีเปิดจังเลยค่า ”

เพียงแค่ประกาศออกไป เสียงร้องเรียกและมือของนักเรียน ก็ดังพรึ่บและยกขึ้นกันอย่างพร้อมเพรียง เพื่อดึงให้เธอ
เลือก จนแทบจะกลายเป็นการแย่งชิงกันเป็นตัวแทนไปเสียแล้ว

“ อืม….อยากเป็นตัวแทนกันเยอะขนาดนี้ ไกอาจัง เลือกไม่ถูกเลย เอาไงดีน้า~~ ”
เธอ ลากเสียงยาวโปรยเสน่ห์ ต่อไม่เลิกไม่ลา จนอาจารยืบางท่านที่ดูอยู่ข้างล่างเวที เริ่มจะไม่พอใจเท่าไหร่ กับ อากัปกิริยาของ บรรดานักเรียน เจ้าชู้ทั้งหลาย เลยมีเสียงเอ็ดตะโกน ให้สงบอารมณ์กันบ้างแต่ก็ไร้ผล นักเรียนชายส่วนใหญ่ก็ยังคง
ร้องแรกแหกกระเซอคลั่งกันเสีย อย่างกับ ฝูงปลาที่เงยคออ้าปากรอขนมปังจาก ผู้ใจบุญ ก็มิปาน

“ รู้แล้วค่า!! ให้ อาจารย์ คริฟ เป็นคนตัดสินใจก็แล้วกันนะค้า~~~ ”
ไกอา ประกาศผ่านไมค์ พร้อมกับ วิ่งเข้าไปชักลากชักจูง แขนของ อาจารย์ชาย อีกท่านที่นั่งเก้าอี้ อยู่ ข้างหลัง
บนเวที ออกมา ตัวอาจารย์ชาย แสดงท่าที เขินอาย และไม่อยากจะออกไป แต่ก็ ถูก ไกอา พลัก ให้ออกไปยืนอยู่ที่หน้าไมค์
พอออกมาแล้ว ก็ยังมีอาการระสับระส่าย อยู่ซักครู่ก่อนจะ จับไมค์ เข้ามาพูด

“ ส…สวัส…ดี นะนักเรียนทุกคน…. อาจารย์ ชื่อ คริฟ อีสวูด(Clif Eastwood) เอ่อ คือว่า….คือ …เอ่อ ”
อาจารย์ชายกล่าวเสียงละล่ำละลัก และเกร็งยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อ สายตาของนักเรียนทุกคนจ้องมาที่เค้าเป็นเป้าเดียว

“ ถ…ถ้างั้นเอ่อ คือ ….อาจารย์ เองก็เคยได้ยินมาว่า ที่นี่มีนักเรียน เก่งๆ….อยู่เยอะ เพราะงั้นแล้ว อาจารย์ อยากจะขอ ด…ดูฝีมือของ เอ่อ………เอ่อ…. ”
อาจารย์ชาย นิ่งค้างไปซักพัก และพยายามนึกชื่อนักเรียนของที่นี่เท่าที่เค้าจะนึกออก

“ อาจารย์ อยากให้ ธนัททาทิเวศ ที่เคย เอาชนะ King Of Checkmate 5 มาแล้วแสดงการดวลให้ดูหน่อยน่ะ~~ ”

ธนัท ที่ยืนฟังอยู่ข้างล่าง ชี้หน้าตัวเอง อย่าง งงๆ เพื่อนๆนักเรียน พากันเปลี่ยนเป้าสายตาไปเป็นเค้าแทนเสียแล้ว
ตอนนี้บรรยากาศบนเวที ก็เปลี่ยนไป สายตาของ บีบิส เบิดร์ และ ไกอา ต่างจับจ้องไป ที่ อาจารย์ชาย ผู้ขี้อาย

คนนี้ทันที เมื่อเสียงที่เคยสั่นเทาก่อนหน้า กลับไหลลื่นขึ้นมาเมื่อ พูดถึง ธนัท ราวกับว่าไม่ต้องการให้ใครฟัง
ความต้องการนี้ผิดแผกไป แต่เมื่อ ความสนใจหันกลับมาที่เวที อีกครั้ง พวกเธอ จึงต้องคลายสีหน้าแล้ว กลับมา
ทำหน้าตาเหมือนเดิมอีกครั้ง ตอนนี้ ธนัท ก็เดินขึ้นมาบนเวทีโดย ควัก เอา คอรัส จากกระเป๋า เสื้อให้ออกาบินตามเค้าอยู่ข้างนอก ก่อนจะเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ อาจารย์

“ ช่วยแสดงให้…ดูทีนะ ”
อาจารย์ชาย กล่าว แล้วก็ยืนนิ่งรอ ให้ ธนัท ทำตาม แต่คนอื่นๆก็ได้แต่มอง ด้วยความสงสัย
ว่าทำไม เค้า ถึงไม่เลือกอีกคนที่จะมาเป็นคู่ดวลให้ด้วย นิ่งกันไปอยู่นานจน ไกอา ต้องเดินเข้ามาบอก

“ อ…เอ้อ จริงด้วยนะ~ โทษทีๆ ลืมไปซะได้…. เอ่อ งั้นอาจารย์อยากให้ ธนัท ช่วยดวลกับ…เอ่อ นักเรียนแลก
เปลี่ยนคนนั้น ”
อาจารย์ชาย ชี้ไปที่ นักเรียนแลกเปลี่ยน ผมสีฟ้า ที่เดินชนกับ ธนัท เมื่อเช้า ก่อนจะเดินกลับเข้าไปนั่งที่ และรอให้
ทั้งคู่ ทำการดวล นักเรียนแลกเปลี่ยน เดินตามขึ้นมาบนเวที สายตาของทั้งคู่ ต่างจ้องไปที่อีกฝ่ายด้วยความสนใจ

“ ไม่นึกเลยนะเนี่ยว่าจะได้ดวลกับนาย แบบนี้ ”
ธนัท เปรย

“ ฉันเองก็เหมือนกัน ตอนแรกก็ตื่นเต้นอยู่หรอกที่จะได้สู้กับ คนที่สื่อความรู้สึกถึง อสูร ได้ แต่พอรู้ว่านาย
เป็นนักร่ายอสูรในตำนานคนนั้นแล้วยิ่งทำให้ตื่นเต้นเข้าไปอีก ”

“ แหม~~ งั้นเหรอๆ ถูกเรียกว่าเป็นตำนานแบบนี้มันชวนให้รู้สึกเขินซะจริงๆเลย ”

ธนัท รับเสียงร่า พลางหัวเราะกลบเกลื่อนความเขินที่ถูกยอกันแบบนี้

“ อีตานั่น… ”
ชุติการ สบถเอามือก่ายหน้า อย่างอดสูแทนกับความสะเหร่อของ ธนัท ซึ่งก็พอๆกับ ที่เพื่อนๆทุกคน พากันเอือมระอา
ธนัท ให้ คอรัส ที่บินอยู่เปลี่ยนเป็นปลอกแขนก่อนจะสวมมัน ขณะที่ มิส เองก็ทำเช่นเดียวกัน โดยใช้ Note ของตน
ที่เป็น กำไลข้อมือ สีฟ้าสวมมัน ก่อนที่จะเปลี่ยนรูปร่างเป็น ปลอกแขน จักรกลแบบทั่วๆไป

“ ถ้าอย่างนั้น ไกอา ขอประกาศให้การดวลเริ่มขึ้นได้ Let’s Duel!! ”
สิ้นเสียง ทั้งคู่ ก็จับการ์ดขึ้นมาบนมือจนครบ 7 ใบ


“ ฉัน ธนัททาทิเวศ เรียกว่า ธนัท เฉยๆก็แล้วกัน แล้วนายล่ะ ”

“ ฉัน มิสตาลจิกัส เรียกแค่ มิส ก็พอ ”

ทั้งสองคนถามไถ่ชื่อกัน ก่อนจะเริ่ม

“ ฉันเป็นฝ่ายเริ่มก่อน Cost Mp 1 ให้ ซาลามันเดอรี่ดอล ออกมาที่ At Line ”
ธนัท กล่าวพร้อมกับ เลือกซีลการ์ดออกมา ร่าย ตุ๊กตามังกรสีแดงตัวเขื่องถูกเรียกออกมา บนพื้นที่แนวหน้า

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 2 Mp:4/7 Shrine 0/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]

“ แล้วก็ Cost Mp 3 เรียกให้ อัลบิโน่กริฟฟอน ออกมาที่ Df Line ”
กริฟฟอนเผือก ถูกอัญเชิญขึ้นมา และสะบัดกระพือปีก ของมันเบา ขนปีกสีขาวปลอด หลุดร่วงโรยลงสู่พื้นสนาม
ขนนั้นละลายหายไปเช่นน้ำแข็ง พร้อมๆกับเสียงร้องของ มัน

“ Albino Calling ทำให้ ค่าร่ายของเผ่าสัตว์อสูรบนมือทุกใบของฉันลดลง 1 จุด Cost Mp 1ออกมาเลย จิวเว่ยฮูลี ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับร่ายซีลการ์ดจากบนมือ จิ้งจอกเก้าหางขนสีน้ำตาลรูปร่างปราดเปรียว โจนออกจาก การ์ดผนึก
ที่ซึมซับเอา ละอองแสงเวทมนต์จาก ปลอกแขนของ ทั้งสองฝ่ายที่สร้างขึ้นมาคละคลุ้งไปทั้งเวที

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:0/7 Shrine 0/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]

“ เฮ้! นี่มันเจ้าหนุ่มที่เราเจอเมื่อเช้านี่ ”
กริฟฟอนเผือก พูดหลังจากที่พึ่งสังเกตุเห็นหน้าตาของ ฝ่ายตรงข้าม

“ เป็นคู่ต่อสู้ที่คาดไม่ถึงเลยแฮะ ”
จิ้งจอกเก้าหาง เปรย

“ ออกมาแล้วงั้นเหรอ อสูร คู่ใจของนาย พวกเดียวกับที่เห็นเมื่อเช้าเลยนี่ ”
มิส พูดเสียงรื่น ด้วยความตื่นเต้น กับอสูรของ ธนัท

“ หมอนั่น ฟังพวกเราคุยกันรู้เรื่องด้วยงั้นเหรอ ”
กริฟฟอนเผือก หันไปถาม

“ ดูท่าจะใช่นะ คู่แข่งคราวนี้ไม่ธรรมดาเลย ลองพูดแบบนี้ อีกเดี๋ยวฝ่ายโน้นคงส่งพวกที่เหมือนๆกับพวกเราออกมาแน่ ”
คำพูดของ จิ้งจอกเก้าหาง ทำให้ ธนัท รู้สึกเอะใจ และ ถามขึ้นมา

“ หมายความว่ายังไงเหรอที่พูดกันน่ะ ”

“ งั้นนายก็ลองถ่างตาแคบๆนั่นแล้วเพ่ง ดูที่ข้างหลังเจ้าหนุ่มตรงหน้าให้ดีๆสิ เห็นรึยัง ”
กริฟฟอนเผือก แย้ง เมื่อพยายามเพงสายตาจ้องยัง จุดที่ว่า ก็ปรากฏเงาเรือนราง ยืนเรียงกลุ่มกันอยู่ข้างหลัง
มิส 7 เงาด้วยกัน

“ เงานั่นน่ะเหรอ ”
ธนัท เปรย

“ อะไรกันนี่นายก็เห็นพวกของฉันด้วยเหรอ ”
มิส ถาม

“ อืม! แต่แค่รางๆน่ะ ”
ธนัท ตอบโดยที่ยังเพ่งสายตามองไปยัง เงาเหล่านั้น พวกมัน ขยับหนีไปหลบอยู่ข้างหลัง มิสกัน จนหมด
ทำให้ มองได้ลำบากขึ้นไปอีก


“ ถ้างั้นฉันจะได้เจอตัวจริงก็ได้ รอบของ ฉันล่ะนะ ”
มิส ประกาศเริ่มรอบของตน และ เลือกซีลการ์ดขึ้นมาจากมือเตรียมจะร่ายออกไป

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]

“ Cost Mp 2 อัญเชิญ ไชนิ่งแรท(Shining Rat) กับ ซาลามันเดอรี่ดอล ออกมาที่ At Line ”
สิ้นคำ อสูรหนูสีขาวปลอดขนฟูหูยาวและหน้าตาบ๊องแบ้วแลดูน่ารัก กระโจนออกจาก ผนึกการ์ดที่
มิส ขว้างออกมา พร้อมๆกัน ตุ๊กตามังกรสีแดงแบบเดียวกับที่ นัท อัญเชิญ ก็ตามออกมาด้วย

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:5/7 Shrine 0/6 ]


อ๊ายย!!!!! น่าร้ากกกก!!!

เสียงฮือฮาดังขึ้นจาก กลุ่มนักเรียนหญิงที่ ได้ยลโฉมความน่ารักของ หนูแสงน้อย ตัวกระจิ๋ว ที่ มิส อัญเชิญขึ้นมา
มันเอา ขาหลังยกขึ้นมาก่ายหู ก่อนจะกลิ้งม่วนต้วน เพราะเสียหลัก สร้างเสียงกรี้ดให้กับ นักเรียนหญิง ยิ่งขึ้นไปอีก

“ เป็น อสูร ที่น่าหมันไส้ชะมัดเลยแหะ ”
ธนัท ออกความเห็นเสียงเอือม

“ เชอะ ฉันน่ารักกว่าหนูนาบ้านๆนั่นตั้งเยอะ ”
จิ้งจอกเก้าหาง สะบัดหน้าเชิดด้วยความเกี่ยงงอน

“ จะตกใจตอนนี้มันยังเร็วเกินไป ให้ทั้งสองตัวที่เป็น วัตถุดิบทำ Contact Growth !! ”

“ Contact Growth งั้นเหรอ ? ”
โคทาโร่ หลุดปากออกมาเองทันที เมื่อได้ยินคำประกาศของ มิส ทุกสายตาจับจ้องไปที่
หนูขาว และ ตุ๊กตามังกรทั้งสองตัว กำลังวิ่งวนไล่จับกันอยู่ ซักพักก็ การวิ่งวนนั้นก็สร้างห้วง
มิติขึ้นมาและร่างของทั้งสองตัวก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน

“ Cost Mp 2 ออกมาเลย อัศวินมังจิ๋ว ไชนิ่งแรท ดิ ลิตเติล ดรากูน(Shining Rat, the Little Dragoon) ”
มิส ฉวยโอกาสที่วังวนของมิตินั้นขยายตัว โยนการ์ดผนึกส่งเข้าไปในวังวนนั้น การ์ดผนึก
ถูกกลืนหายไปและสลายห้วงวังวนออก พร้อมกับร่างใหม่ที่ถูก ปลดผนึกออกมา หนูขาวได้เปลี่ยนร่างไปสวมชุดเกราะอัศวินมังกร สีขาว ดวงตาอัญมณีสีฟ้าใสกลมโต บนหมวกรูปทรงมังกร กระพริบเป็นจังหวะ และเมื่อหนูขาวสะบัดทวน
ในมือ ออกก็สร้างเสียงร้องให้กับ บรรดานักเรียนหญิง ได้กรี้ดกันอีกครั้งกับความน่ารักใสซื่อที่ เท่ห์ขึ้นด้วยชุดเกราะแบบเล็กกระจิ๋ว

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp: 3/7 Shrine 0/6 ]


“ ธนัท รีบสั่งฉันโจมตีซ้า อยากจะหักคอมันมาจิ้มน้ำพริก งือ~~~ ”
จิ้งจอกเก้าหาง ทำเสียงขู่ด้วยความริษยาที่พุ่งถึงขีดสุด

“ ม…แหม แต่นี่มันตาของเค้านะ ทำไม่ได้หรอก ”

“ Cost Mp 2 ให้ จีโอแรท ดิ ลิตเติล ดรากูน (Geo Rat, the Little Dragoon) ออกมาที่ At Line แล้วหมดรอบ ”
มิส ประกาศพร้อมกับร่าย ซีลการ์ดบนมือ ออกไป พร้อมกันนั้น เงาหนึ่งในกลุ่มเงาที่ซ่อนอยู่หลังเค้า
ก็พุ่งตรงเข้าไปยังการ์ดผนึกที่กำลังส่องแสงเตรียม คลายผนึกออก และเมื่อผนึกคลายร่างเงานั้น
ก็กลายเป็น หนูขนสีน้ำตาลดินปุกปุย รูปร่างอ้วนกลม หัวโต ตากลมโต ดวงตาบนหมวกทรงมังกรเป็นอัญมณีสีม่วง
และกระพริบได้

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp: 1/7 Shrine 0/6 ]

“ อ้าว อะไรกันน่ะ ไชนิ่งแรท ที่ทำ Contact Growth ไม่ได้ขึ้นมาอยู่ที่ At Line หรอกเหรอ ”
ธนัท มองด้วยความสงสัย เมื่อพื้นที่ ที่ จีโอแรท ลงมายืนนั้น อยู่ล้ำหน้ากว่าของ ไชนิ่งแรท

“ ถึงจะทำ Contact Growth ก็เถอะแต่ค่าพลังของ ไชนิ่งแรท ถ้าไม่รวมร่างมันก็จะหยุดเฉยอยู่ที่ 6 หน่วย ไม่เพิ่มหรือลดลง
ก็เลยไม่เหมาะที่จะเอาไว้ต่อสู้ซักเท่าไหร่ เอาล่ะรอบของฉันหมดลงแล้ว ”
มิส อธิบาย ขณะที่ หนูขาว เอามือเกาหูยาวๆของมันแก้เขิน

“รอบของ ฉัน จั่วไพ่!! ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับ จับซีลการ์ดขึ้นมา 2 ใบ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp: 7/7 Shrine 0/6 ]

ขณะที่การดวลบนเวที กำลังดำเนินไปอย่างน่าตื่นตา และบรรยากาศข้างล่างเวที ก็ฮือฮาไม่แพ้กันอยู่นั้น
กลุ่มของ Mastr Ceremony ทั้ง 4 คน ศรี ริน มาริน่า และ อนุชิต หรือคิระ 3 คนนอกจาก ศรี
ที่ยืนดูการ ดวลของ ธนัท ต่างมีสีหน้า ตระหนกใจไม่แพ้กัน พวกเค้ายังคงจับจ้องอยู่ที่ อสูรกริฟฟอนเผือกและจิ้งจอกเก้าหาง
อย่างไม่ละสายตา

“ ก็รู้อยู่หรอกว่า เจ้านั่น เปลี่ยน สำรับใหม่แทนของเก่าที่โดนเผาไปแล้ว แต่ว่านี่มัน… ”
คิระ ถึงกับ พูดไม่ออก อสูรที่ นัท ได้รับ จาก เกร มานั้นคือสาเหตุ

“ ศรี นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมเจ้าหนู ถึงได้มี อสูรพวกนั้นล่ะ ”
มาริน่า หันไปคาดคั้นเอากับ ศรี ที่ไม่มีทีท่าว่าจะตกใจตามไปกับพวกเค้าเลย นั่นจึงทำให้เธอรู้ว่า เค้ารู้มาก่อนแล้ว

“ ทำไมล่ะ แค่ อัลบิโน่กริฟฟอน กับ จิวเว่ยฮูลี การ์ดแบบนั้นหาซื้อที่ไหนก็ได้นี่ แล้วเจ้า ธนัท มันจะเปลี่ยนแนวสำรับนิดหน่อยก็ไม่เห็นจะแปลก ”
ศรี แกล้งตอบไม่ตรงคำถาม นั่นทำให้ เธอฉุนขึ้นมาทันที

“ อย่ามาทำตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้นะ นึกเหรอว่าฉันจะไม่เห็นเจ้าพวกนั้นคุยอยู่กับ ธนัท น่ะ เจ้าพวกนั้นดูยังไง
มันก็เป็น อสูร ของ เกร ทั้งนั้นเลยนี่!!....อ๊ะ ”
มาริน่า ตะคอกไปได้ซักพักก็ต้องหยุดเมื่อรู้ตัวว่าหลุดปากอะไรออกมา เธอหันไปมอง ริน ที่ยังคงไม่ละสายตา
จากอสูรเหล่านั้น แม้เธอจะมองเห็นแค่พวกมัน ยืนอยู่บนเวทีเฉยๆ เหมือนที่คนอื่นๆทั่วไปเห็น ก็ตาม
แต่มันก็ทำให้เธอ อดเศร้าขึ้นมากระทันหันไม่ได้ ราวกับความรู้สึกที่เก็บเอาไว้ในส่วนลึกเอ่อล้นขึ้นมา

“ สิทธิในการเปลี่ยนอนาคตเป็นของผู้คนในปัจจุบัน และ ปัจจุบัน คือ อนาคตของฉัน เจ้าบ้านั่นมันพูดไว้แค่นี้แหละ ”
ศรี เปรยเสียงเรียบก่อนจะเดินหนี ออกจาก กลุ่มไป คิระ กับ มาริน่า ได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก ริน ทรุดเข่าลงกับพื้น
ด้วยความอ่อนแรง ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาอีกเลย บาดแผลในอดีตของพวกเค้า นั้นคืออะไรกันแน่?

………………………….

“ Cost Mp 1 ให้ ซาลามันเดอรี่ดอล โจมตีไปที่ จีโอแรท ”
ธนัท ประกาศ ตุ๊กตามังกรสีแดง ของเค้า จึงลุกขึ้นและวิ่งควงหมัดตรงเข้าหา หนูดินที่ยืนแช่เฉื่อยแฉะ
อยู่เฉยๆ

“ ค่าAt ของ จีโอแรท มีเท่ากับของ ซาลามันเดอรี่ดอล แต่ค่า Sp ต่ำกว่า ดังนั้นที่จะต้องแพ้ไปก็คือ… ”

“ มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอกน่า ให้ Ability ของ จีโอแรท ทำงานเมื่อ เผ่ามังกรธาตุดิน ฝ่ายฉันถูกโจมตี ก็จะให้ใช้ค่า Df
ของมัน เทียบค่าพลังแทนได้ ค่า Df ของ จีโอแรท คือ 8 สวนกลับไปเลย Geo Strike!! ”

“ อ…อะไรนะ ”
มิสแทรกขึ้นมา ค่าพลังของ หนูดิน จึงถูกเปลี่ยนสลับเอาค่าป้องกันขึ้นมาใช้แทน เมื่อมันยกโล่ซึ่งมีปลายแหลมชี้ยื่น
ออกมา ขึ้นป้องกัน ตุ๊กตามังกรแดง ที่พุ่งเข้ามาจึงถูก ปลายแหลมนั้นเสียบทะลุ และแตกสลายไปในทันที

[Thanatativet Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 2 Mp:6/7 Shrine 1/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp: 7/7 Shrine 0/6 ]

“ Ability ของ ซาลามันเดอรี่ดอล ทำงานเมื่อมันถูกส่งไปยัง Shrine จากสนามก็จะได้เรียกให้ เผ่ามังกร เลเวล 1 จากในสำรับออกมาได้ตัวหนึ่ง เรียกให้ ซาลามันเดอรี่ดอล ออกมา ”
ธนัท อธิบาย ไปพลางขณะที่ หยิบเอา สำรับขึ้นมา คลี่หา การ์ดและร่ายมันออกไป ตุ๊กตามังกรแดง
ตัวใหม่ถูกเรียกขึ้นมาแทนที่ตัวเก่าที่ถูกทำลายไป

“ Cost Mp 3 ให้ Mystic อุปกรณ์(Relic) แบบถาวร Dragonology Theory ทำงาน การ์ดใบนี้จะทำอนุญาติให้ใช้
Seal Card ในสำรับ เป็นวัตถุดิบในการ Growth ได้ไม่เกิน 2 ใบ ”

ธนัท ร่าย มิสติกการ์ดบนมืออกมา ปรากฏคัมภีร์ศาสตร์แห่งมังกรเริ่มหนาขึ้นมาบนสนาม จากนั้นจึงเตรียม
ซีลการ์ดที่ร่ายต่อออกมาทันที

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 1 Mp:3/7 Shrine 1/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp: 7/7 Shrine 0/6 ]

“ จากนั้น Cost Mp 3 แล้วให้ผลของ Dragonology Theory ทำงาน ให้ แบล็กไนท์กริฟฟิน กับ แรฟเซโน่ ที่อยู่ใน สำรับทำ Contact Growth ให้ ดราโกกริฟแห่งพายุหิมะ โอโรฟาเชี่ยน(Orofacion, the Blizzard Dragogriff) ออกมาที่
Df Line!! ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับ ชูการ์ดผนึกขึ้นไปสุดแขน กริฟฟินราตรีดำ และ มังกรกริฟฟินแห่งสายลม ปรากฏตัวขึ้นบนสนามก่อนจะสลายกลายเป็นละอองขึ้นไปหลอมรวมกับ การ์ดที่ ธนัท ชูเอาไว้

สายลมพัดกระหน่ำออกมาจากการ์ดผนึกที่ชูอยู่ในมือ และกลายเป็นพายุหิมะพัดวนไปรอบทั้งเวที
ทำเอา บรรดาอาจารย์พิเศษ ที่นั่งดูอยู่ต้องกอดแขนตัวสั่นเทาจากอาการหนาวเหน็บของพายุหิมะ
ร่างซึ่งห่อหุ้มด้วยเกล็ดสีฟ้า และปีกพังพืดขนาดใหญ่สยาย ขานรับเสียงคำรามของ มังกรกริฟฟินแห่งพายุหิมะ

รูปภาพรูปภาพ
รูปภาพ

“ นายเองก็ใช้ Contact Growth ได้เหมือนกันเหรอเนี่ย! ”
มิส อุทาน

“ ตอนแรกฉันเองก็ตกใจเหมือนกันที่นายใช้ Contact Growth ได้เพราะไม่นึกว่ายังจะมีคนอื่นทำได้แล้วซะอีก
นะเนี่ย แหมแต่มันก็น่าติ่นเต้นสุดๆไปเลยเนอะ! ”

“ ใช่ๆ~~ ”

ทั้งสองคนรับกันเป็นลูกคู่อย่างลงตัว ยังกับรู้ใจกัน

“ 2 คนนี้เมือนกันเด๊ะเลยแหะ ”
ลูเซีย เปรยตามสภาพที่เห็น ซึ่งทุกคนรอบๆก็เห็นด้วยว่าทั้งสองคนคล้ายกันมากเสียเหลือเกิน

{ไอ้เจ้าคนเขียน มันอู้ Reuse Character มาใช้ซ้ำกันป่าวหว่า}

ทุกคนต่างคิดเป็นเสียงเดียวกัน

[คนเขียน> (^_^# ) น่าๆ แค่นิดๆหน่อยๆเอง]

“ Ability ของ โอโรฟาเชี่ยน ทำงาน เมื่อมันเข้ามาในสนาม ก็จะให้สำรวจการ์ด 3 ใบบนสุดของสำรับแล้วจัดเรียงได้ สำรับหนึ่งฉันขอเลือกสำรับ Seal ของฉันเอง ”
ธนัท อธิบาย ก่อนจะจับการ์ดซีลขึ้นมา 3 ใบ แล้วจึงเรียงเสียบกลับลงไปใหม่

“ แล้วก็ Blizzard Calling!! โอโรฟาเชี่ยน จะทำให้ค่าร่ายของ เผ่ามังกรทุกใบบนมือของฉันลดลง 1 จุด
รวมกับ Albino Callingทำให้ฉันร่าย อนาซซิล (Anarsill, the Fire Dragogriff) ที่เป็นเผ่าสัตว์อสูร และ
เผ่ามังกร ซึ่งมีค่าร่าย 2 ออกมาได้ทันที และให้ใช้ผลของ Dargonology Theory
ให้ แรฟเซโน่ ที่อยู่ในสำรับเป็น วัตถุดิบ ในการ Growth ออกมาเลย มังกรกริฟอัคคี อนาซซิล ”

ทันทีที่การ์ดผนึกบนมือถูกร่ายออกไป แรฟเซโน่ ก็ปรากฏตัวขึ้นและลุกไหม้เป็นไฟ
ก่อนจะกลายร่างเป็น มังกรกริฟฟินแห่งอัคคี ซึ่งมีเกล็ดสีแดง ออกมาบนสนามแนวหน้า

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:0/7 Shrine 1/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp: 7/7 Shrine 0/6 ]

“ Ability ของ อนาซซิล ทำงานเมื่อมันเข้ามาในสนาม ก็จะได้เอา Mystic Card ชนิด PS ประเภท [Tarot] Strength ใบหนึ่งจากสำรับ หรือใน Shrine มาติดไว้ที่มันได้ ให้ เรื่องเล่าแห่งอัศวินมังกร(The Tale of Dragoon) สวมให้กับมัน ”
ธนัท ร่ายการ์ดมิสติกที่พึ่ง เลือกมาจากสำรับ ออกไป ปรากฏ ภาพของการ์ดลอยอยู่ในสนามข้างๆ คัมภีศาสตร์มังกร
พลังของมันทำให้ ร่างของ อนาซซิล ห่อหุ้มไว้ด้วย ออร่า สีแดง และเพิ่มค่าพลังของมันขึ้น

รูปภาพ

“ เรื่องเล่าแห่งอัศวินมังกร จะทำให้ เผ่ามังกรที่สวมมันไว้ ได้รับค่า At และ Df เพิ่มขึ้นอย่างละ 2 จุด
แล้วก็ให้ Ability ที่ได้มาจากการ Growth ทำงาน อนาซซิล จะมีค่าพลังเพิ่มขึ้นตามค่าร่ายของ Mystic Card
ประเภท [Tarot] Strenght ในสนามที่มีค่าร่ายมากที่สุดเท่านั้น ตอนนี้ มีแค่ เรื่องเล่าแห่งอัศวินมังกร และ
ค่าร่ายของการ์ดใบนี้ก็คือ 2 ดังนั้นค่าพลังจึงเพิ่มขึ้นไป เป็น 11 หน่วย ”

ร่างของ มังกรกริฟฟินแห่งอัคคี เติบโตขึ้นมาอีก และเพิ่มค่าพลังตามมาด้วย

“ ให้ อนาซซิล รวมร่างกับ ซาลามันเดอรี่ดอล ทำให้ค่า At เปลี่ยนเป็น 13 และค่า Sp เพิ่มขึ้นเป็น 4 หน่วย ฉันหมดรอบ
แค่นี้ ”
ธนัท ประกาศ อนาซซิล จึงเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับ ตุ๊กตามังกรแดง และทำให้ค่าพลังยิงถีบตัวสูงขึ้นไปอีกจนทิ้งห่างระดับ
อสูรของ มิส ไปมาก ในการ เทิร์นเพียงครั้งเดียว

“ หยึย แค่แปปเดียวค่าพลังพุ่งไปขนาดนั้นแล้วเหรอเนี่ย ”
มิส เผยอกับ การสร้าง อสูร ที่มีค่าพลังสูงๆขึ้นมาได้ในรอบเดียว ทำให้ตระหนักแล้วว่า ตรงหน้า
คือ นักร่ายอสูร ที่มีฝีมืออย่างแท้จริง

“ อย่าวอกแวกไป มิส ถ้าไม่ประมาทเราก็ยังมีหนทางจัดการกับศัตรูได้แน่ ”
หนูขาว พูดให้ เค้าใจเย็นลงและไม่ไหลกับ สถานการณ์

“ เข้าใจแล้ว แค่นี้ไม่เห็นจะต้องกลัวเลย รอบของฉันจั่วไพ่!! ”
มิส จับซีลการดและมิสติกการ์ดขึ้นมาอย่างละใบ ทันทีหลังจากอ่านความสามารถของการ์ดที่จับขึ้นมาได้
เค้าก็ร่ายมันออกไปโดยไม่รีรอ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 1/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 3 Mp: 7/7 Shrine 0/6 ]

“ Cost Mp 2 Inquisition Mystic Card ใบนี้จะให้ผลในการทำลาย Mystic Card ใบอื่นในสนามได้ ใบนึง
ทำลาย เรื่องเล่าแห่งอัศวินมังกร ”
มิส อธิบาย บานกระจกลายหลากสีแบบโมสาท ซึ่งวาดลวดลายของนักบวชไว้ ปรากฏขึ้นบนสนาม บานกระจกเรืองแสง
ขึ้น จนเมื่อแสงสว่างดับลง ลายนักบวช ในบานกระจก กำลังร่ายคำสวดภาวนา ลงในกระดาษศักดิ์สิทธิ์

ก่อนจะโยนมัน ออกมา กระดาษลุกเป็นไฟและ ตกลงไปยัง ภาพของ มิสติกการ์ด เรื่องเล่าแห่งอัศวินมังกร
ไฟลุกท่วมไปบนภาพของการ์ด ก่อนจะแตกสลายไป และคืนกลายเป็น การ์ดสู่มือให้ทั้งคู่ได้ส่งการ์ดเหล่านั้นไปเก็บ
ที่ ช่องShrine ซึ่งอยู่ใต้ปลอกแขน ค่าพลังของ อนาซซิล ลดลงจากเดิมลงไปทีเดียว ถึง 4 หน่วยจนค่าพลัง
กลับมาเหลือแค่เท่ากับท่ารวมร่างเท่านั้น

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 1/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp: 5/7 Shrine 0/6 ]

“ ความสามารถของ อนาซซิล จะสำแดงผลได้ก็ต้องมี Mystic Card Tarot Strenght อยู่ในสนาม ถ้าทำลายมันได้ค่าพลังที่เคยได้เพิ่มทั้งจาก Mystic กับ Ability ของตัวมันเองก็จะหายไปทันที และทำให้ค่าพลังกลับไปเหลือเท่าเดิม ”
มิส แสดงเป้าหมายของการใช้ มิสติกการ์ดเมื่อครู่ เพื่อทำให้ค่าของ อนาซซิล ลดลง

“ แต่ว่า อนาซซิล ก็ยังมีค่าพลังเหนือกว่า อสูร ทุกตัวของนายอยู่นะ ”
ธนัท แย้ง

“ มันก็ไม่แน่หรอก Cost Mp 2 ให้ กัสตี้แรท ดิ ลิตเติล ดรากูน (Gusty Rat, the Little Dragoon) ออกมาที่ At Line ”
สิ้นคำ การ์ดผนึกที่ร่ายออกไป ก็แตกออกและ อสูรที่ถูกผนึกไว้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น อสูร หนูขนสีเขียวหูยาวสวมชุดอัศวินมังกรสีเขียวและ ดวงตาบนหมวกทรงมังกร เป็นอัญมณีสีเขียวมรกต ซึ่งกระพริบได้เหมือนกับตัวอื่นๆ

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 1/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp: 3/7 Shrine 0/6 ]

“ Cost Mp 1 ให้ Skill ของ ไชนิ่งแรท ดิ ลิตเติล ดรากูน ทำงาน มันจะทำให้ อสูร ที่มีชื่อว่า Dragoon และมี Rat อยู่ในชื่อ ไม่เกิน 2 ใบอยู่ในสภาพ Growth ได้ ให้ กัสตี้แรท กับ จีโอแรท เป็นเป้าหมาย Shining Growth จงรับเอาแสงของพวกพ้องไป ”
มิสประกาศ จบ อสูร หนูสีขาวจึงยกทวนของมันขึ้นชูสุดแขน แสงสว่างส่องวาบออกจากปลายของ ทวน
เพิ่มพลังความสามารถให้ กับเพื่อนพ้องของตน

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 1/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp: 2/7 Shrine 0/6 ]

“ แล้วให้ กัสตี้แรท รวมร่างกับ จีโอแรท ” /Combination Console/
จอภาพโฮโลแกรม ถูกฉายขึ้นจาก ปลอกแขน มิส ใช้มือแตะลงไปบนภาพการ์ดของ กัสตี้แรท ที่ปรากฏบนจอภาพ
และลากให้ไปทับรวมกับ การ์ดของจีโอแรท ก่อนจะเคาะซ้ำลงไปเพื่อยืนยันคำสั่ง จอภาพหุบลงไป และ กัสตี้แรท กับ
จีโอแรท บนพื้นที่ จึงเดินเข้ามาจับกลุ่มกัน

“ จากนั้น Cost Mp 1 ให้ กัสตี้แรท โจมตี และให้ Ability หลังการ Growth ของ มันทำงาน เมื่อเผ่าสัตว์อสูรมังกร ต่อสู้กับ อสูรที่มี ค่า Sp น้อยกว่า ค่า At ก็จะเพิ่มขึ้นมาอีก 2 จุด จนกว่าจะหมดรอบ ค่าพลังของ กัสตี้แรท ที่รวมร่างอยู่คือ จึงกลายเป็น 11 มากกว่า ของอนาซซิล แล้ว รับไป Little Gust ”
มิส ประกาศ อสูรหนูสีเขียว ควงคฑาอย่างรวดเร็ว แรงหมุนสร้างลมพายุขนาดเล็ก พุ่งเข้ากระแทกใส่ร่างของ อนาซซิล
ทว่าความร้ายกาของมันไม่ได้น้อยลงไปตามขนาด ร่างของ อนาซซิล และ ซาลามันเดอรี่ดอล ถึงกับ แตกสลายในพริบตา

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 4/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp: 1/7 Shrine 0/6 ]

“ ให้ผลของ ซาลามันเดอรี่ดอล ทำงานให้ ซาลามันเดอรี่ดอล อีกใบในสำรับขึ้นมาที่ At Line ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับโยนการ์ดผนึกที่พึ่งเลือกออกมาจากสำรับ ออกไป ตุ๊กตามังกรสีแดง ตัวใหม่จึงปรากฏ
ขึ้นมาแทน

“ รอบของฉันหมดแค่นี้ล่ะ ”
มิส ประกาศจบรอบของตนเพราะไม่เหลือ Mp พอที่จะเล่นต่อได้

“ รอบของฉัน จั่วไพ่!! ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับจับซีลการ์ดขึ้นมาอีก 2 ใบ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 4/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp: 7/7 Shrine 0/6 ]

“ Cost Mp 1 ให้ ทิมเพอร่า ดิ วาเปอร์ ดราก้อน(Timperra, the Vapor Dragon) ออกมาที่ Df Line แล้วให้ผลของมันทำงาน
ให้แสดงการ์ด 3 ใบบนสุดของ สำรับ แล้วเลือกมาใบหนึ่งมาเก็บไว้ ที่เหลือให้ทิ้งลงไป ฉันเลือกให้ เปิด สำรับ Mystic Card และนี้คือการ์ดทั้งหมดที่จะเลือก ”
ธนัท อัญเชิญ อสูร มังกรไอน้ำ ซึ่งรูปลักษณืของมังกรวารี เป็น่สวนใหญ่ ออกมายังสนามแนวหลัง แล้วจับการ์ดมิสติกขึ้นมา 3 ใบแสดงให้ มิส ดู

“ ฉันเลือก Lilith ขึ้นมาไว้บนมือแล้ว ส่ง Final Elvish Defender กับ Thunder Bolt ไปที่ Shrine ”
ธนัท หยิบเอาการ์ดที่ต้องการขึ้นมาเก็บไว้ ก่อนจะส่งอีก 2 ใบไปเก็บไว้ที่ช่อง Shrine
จากนั้น ช่องที่เก็บก็มีแสงแวบขึ้นมา และส่ง การ์ดมิสติกที่ ใส่ลงไปกลับขคืนมาใบหนึ่ง

“ Final Elvish Defender เมื่อถูกส่งไปที่ Shrine จากสำรับ ก็จะได้เอามันขึ้นมาไว้บนมือ ”
ธนัท อธิบาย พร้อมกับรับเอาการ์ดที่ส่งคืนมา เพิ่มไว้บนมือ

รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 3 Mp:6/7 Shrine 4/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp: 7/7 Shrine 0/6 ]
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 18, 2010 11:12 pm, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 22 Vs. Jaden the User of Hero

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 18, 2010 7:40 pm

“ จากนั้น Cost Mp 4 ให้ Final Elvish Defender ทำงาน การ์ดใบนี้จะทำให้ผู้เล่นฝ่ายตรงกันข้าม สั่งการการ์ดในสนาม
ได้ในรอบต่อไป หมดรอบแค่นี้ ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับร่ายมิสติก การ์ดที่พึ่งรับคืนมาออกไปทันที ภาพของ การ์ดปรากฏขึ้นบนสนาม ของ ธนัท และนิ่งค้างไว้โดยไม่เกิดอะไรขึ้น ก่อนจะสลายไป

[Thanatativet Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:2/7 Shrine 4/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp: 7/7 Shrine 0/6 ]

“ รอบของ ฉัน ”
สิ้นคำของ มิส เปลวไฟลุกพรึ่บขึ้นและวิ่งขีดเป็นเส้นวงกลมล้อมรอบ สนามฝั่งของเค้าเอาไว้ ก่อนจะกลายเป็น
กำแพงไฟ สูงข้ามหัวเค้า ทำให้มองไม่เห็น สภาพการณ์ในสนามของตน จึงไม่สามารถ สั่งการอะไรได้

“ อึก..จั่วไพ่ ”
มิส ประกาศพร้อมกับ จับ ซีลการ์ด และมิสติกขึ้นมาอย่างละใบ รอยยิ้มแห่งความหวังเจืออยู่บนใบหน้า มิส หยิบเอา มิสติกการ์ดที่พึ่งจับขึ้นมาพลิกแสดงให้ ทุกคนดู

[Thanatativet Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 4/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 3 Mp: 7/7 Shrine 0/6 ]

“ Cost Mp 2 ให้ Mystic พื้นที่(Place) สวนลับแห่งคลื่นแสง ออโรร่า อีเด็น(Aurora Eden) ทำงาน!! ”
มิส ประกาศ ก่อนจะโยนมิสติกการ์ด ที่แสดงอยู่ ลงไปบนพื้นสนาม ที่กำแพงลุกท่วมอยู่ ก็เกิดเป็นอัศจรรย์ขึ้น
กำแพงไฟแหวกออกเพื่อให้ มิสติกการ์ดใบนั้น ลงไปสู่พื้นเวที ตัวการ์ด ค่อยๆจมลงไปในพื้นและซึมหายไปราวกับน้ำ
แสงสว่างเจิดจ้าขึ้นมาจากพื้นเวที และเปลี่ยนบรรยากาศรอบๆให้เจิดจ้าไปด้วยแสง ตอนนี้พื้นเวที ถูกเปลี่ยน

เป็นสวนเขียวขจี ที่ปูพื้นด้วยหญ้าซึ่งใบของมันสะท้อนแสงจนเกิดประกายระยิบระยับได้
ต้นโบราณขนาดยักษ์งอกเงยขึ้นมาอยู่ ด้านหลังของ มิส และเฉิดฉายแสงสว่างสีต่างๆออกมา
คล้ายแสง ออโรร่า ใบหญ้ารับเอาแสงเหล่านั้นและสะท้อนให้ เจิดจ้ายิ่งกว่าเดิม จนทุกคนต้องยกไม้ยกมือ
ขึ้นมา ป้องตาจากแสงจ้า ที่แวบขึ้นมา

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 4/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp: 5/7 Shrine 0/6 ]

“ สวนลับแห่งคลื่นแสง ออโรร่า อีเด็น จะทำให้ Mp ค่าร่ายของการ์ดที่มีชื่อว่า Rat และ Dragoon ทุกใบบนมือของ
ฉันลดลง 1 จุด ฉัน Cost Mp 2 แล้วให้ ลิตเติล ดรากูน อควอแรท (Aqua Rat, the Little Dragoon) กับ
ดาร์คพิทแรท (Dark Pit Rat, the Litt;e Dragoon) ออกมาที่ Df Line ”

มิส อธิบายก่อนจะ อัญเชิญ อสูร ออกจากซีลการ์ดสองใบสุดท้ายบนมือ อสูรหนูสีฟ้าซึ่งมีหูและหางเป็นระบายครีบ
ปลาในชุดเกราะอัศวินมังกรหมวกทรงมังกรประดับดวงตาอัญมณี สีชมพูเข้ม กับ
อสูรหนูสีดำซึ่งมีหูสามแฉกและแต่ละแฉกจะมีก้อมกลม เรืองแสงได้ ติดอยู่แฉกละก้อน
หมวกทรงมังกรของมันประดับดวงตาอัญมณี สีขาวขุ่น

รูปภาพ
รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 4/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp: 3/7 Shrine 0/6 ]


“ แล้ว Cost Mp อีก 2 ให้ Twin Star ทำงานจากบนมือ จั่วไพ่ขึ้นมาจากสำรับ 2 ใบ ”
มิส ประกาศพร้อมกับ แสดงมิสติกการ์ด บนมือ ออกมาก่อนจะจั่ว ซีลการ์ดขึ้นมาจากสำรับ อีก 2 ใบ

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 4/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp: 1/7 Shrine 0/6 ]

“ Cost Mp อีก 1 ให้ ไฟแรท ดิ ลิตเติล ดรากูน (Firat ,the Little Dragoon) ออกมาที่ At Line แล้วหมดรอบ ”
อสูรหนูสีแดง สวมเกราะอัศวินมังกร ปรากกตัวขึ้นมาพร้อมกับสยายปีกและควงกระบองยาวในมือ แสดงความ
องอาจ อัญมณีดวงตาบนหมวกทรงมังกร เป็นอัญมณีสีแดง

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 4/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp: 0/7 Shrine 0/6 ]

แสงสว่างที่เฉิดฉายออกมาจาก ต้นไม้ยักษ์ด้านหลังของ มิส ส่องกระทบกับ ดวงตาอัญมณีบนหมวกของ
หนูทั้งหลาย จนทำให้แสงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีต่างๆตามอัญมณี เหล่านั้น และเมื่อ ธนัท สอดส่องสายตาสังเกตุ กลุ่มเงาที่เคยหลบอยู่ข้างหลัง มิสตอนนี้ เหลือเพียงเงาเดียวแล้ว หรือก็คือ อสูรหนู ทั้ง 6 ตัวในสนามนี้คือ อสูรคู่ใจของ มิส นั่นเอง

“ รอบของฉัน ”
ธนัท ประกาศ กำแพงไฟที่เคยรอบกรอบสนามฝั่ง มิส เอาไว้ก็สลายไปในพริบตา จากนั้นจึง จับการ์ดมิสติกขึ้นมา
2 ใบ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 4 Mp:7/7 Shrine 4/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp: 7/7 Shrine 0/6 ]

“ Cost Mp 1 ให้ เซเบอร์ฮอร์นฮาวน์ (Saber Horn Hound) ออกมาที่ Df Line ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับ อัญเชิญ หมาเขาดาบ ออกมาสมทบ

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 4 Mp:6/7 Shrine 4/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp: 7/7 Shrine 0/6 ]

“ จากนั้น Cost Mp อีก 1 แล้ว เรียกให้ดาร์คมิสยูนิคอร์น (Darkmist Unicorn) ออกมาที่ Df Line ”
ม้ายูนิคอร์นสีหมอก ควบสี่เท้า ทะยานออกมาจาการ์ดผนึกที่ โยนออกไป

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 4 Mp:5/7 Shrine 4/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp: 7/7 Shrine 0/6 ]

“ Cost Mp 2 ให้ คอนแทค ฟอร์ซ (Contact Force) ทำงาน กำจัด Cessation ที่มีค่าร่ายเท่ากับ 2 บนมือ
ออกไปเป็นค่า ซิงโคร ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับ แสดงมิสติกการ์ดบนมือ ออกมาให้ดูก่อนจากนั้นจึงชักมือกลับหยิบการ์ดที่จะใช้กำจัดเพื่อเป็น ค่า ทำซิงโครของ Mystic Synchronize ขึ้นมาแสดงเพิ่มอีกใบ

รูปภาพ
รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp:3/7 Shrine 4/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp: 7/7 Shrine 0/6 ]

“ Mystic Synchronize งั้นเหรอ!? ”
มิส เผยอขึ้นมาทันที เมื่อเห็นการ์ดที่ไม่รู้จักถูกใช้ออกมา

“ คอนแทค ฟอร์ซ จะให้เลือกผลได้ 2 อย่างเลือกให้ความสามารถ Contact Out ทำงาน ให้การ์ดใบนี้มีเป้าหมายไปที่
โอโรฟาเชี่ยน จะต้องคืน โอโรฟาเชี่ยน กลับเข้าไปในสำรับ ”
ธนัท อธิบาย ขณะที่ร่างของ มังกรกริฟฟินแห่งพายุหิมะ สลายตัวกลับเป็นการ์ด ร่อนคืนสู่มือ ธนัท รับเอา
มาแล้วจึงยัดใส่กลับลงไปในสำรับ ซีล ที่พึ่งดึงออกมา สับก่อนจะเสียบกลับเข้าไปในช่องที่ปลอกแขนตามเดิม

“ จากนั้นจะเรียกให้ อสูรที่ใช้เป็นวัตถุดิบ กลับขึ้นมาบนสนามได้ ให้ แบล็คไนท์กริฟฟิน กับ แรฟเซโน่ กลับขึ้นมา
ที่ Df Line ”

สิ้นคำ ธนัท จึงโยนการ์ดซีลที่เคยเก็บใส่กระเป๋ากางเกงขึ้นมา โยนออกไป การ์ดพุ่งแหวกฝ่าละอองแสงที่กระจายอยู่คละคลุ้ง ก่อนจะแตกผนึก ออกมาเป็น กริฟฟินราตรีมืดขนสีดำ กับ มังกรกริฟสายลม

“ Cost Mp 2 ให้ สลับมนตรา ทำงานให้ Lilith บนมือ กับ คอนแทค ฟอร์ซ ที่อยู่ใน Shrine สลับขึ้นมาแทน ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับ แสดงมิสิตกการ์ดบนมือ ออกไปเพื่อใช้งาน ก่อนจะหยิบเอา มิสติกการ์ด อีกใบบนมือ
ทิ้งลงไปที่ช่อง Shrine และรับเอา มิสติกการ์ด ใบหนึ่งกลับคืนมาซึ่งก็คือ คอนแทค ฟอร์ซ นั่นเอง

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp:1/7 Shrine 4/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp: 7/7 Shrine 0/6 ]

“ หมดรอบ ”

“ รอบของฉัน จั่วไพ่ ”
มิสประกาศพร้อมกับจับซีลการ์ดขึ้นมา 2 ใบ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 4/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 1 Mp: 7/7 Shrine 0/6 ]

“ ให้ กัสตี้แรท กับ จีโอแรท ปลดการรวมร่าง ”
มิส ออกคำสั่ง หนูทั้งสองที่รวมกลุ่มกัน จึงแยกกันออกไปยืนตามที่สั่ง

“ จากนั้น Cost Mp 1 ให้ ไฟแรท บุกได้ โจมตีไปที่ ซาลามันเดอรี่ดอล Ability ของ ไฟแรท ทำงานจะทำให้
เผ่าสัตว์อสูรธาตุเปลวเพลิง ในสนามฝ่ายฉัน มีค่า At เพิ่มขึ้น 1 จุดแต่จะลดค่า Df ลง 1 จุดแทนด้วย
ดังนั้นค่าพลังของ ไฟแรท จึงเท่ากับ 8 หน่วย ”
หนูอัคคี สยายปีกของมัน พุ่งทะยานเข้ามาพร้อมกับควงกระบองในมืออย่างรวดเร็ว เปลวไฟเวทย์ ลุกพรึบขึ้นครอกกระบองของมัน ก่อนจะตวัด ฟาดลงไปเพียงครั้งเดียว ตุ๊กตามังกรแดง ก็ถึงกับระเบิดแตกสลายไปในพริบตา
จนเกิดควัน ฟุ้งคละคลุ้งขึ้นมากับ ละอองแสงเวทย์

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 5/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 1 Mp: 6/7 Shrine 0/6 ]

“ ธนัท เหลือ Shrine แค่ 1 แล้วนะถ้าโดนเข้าไปอีกทีล่ะก็.. ”
ชุติการ ลั่นเสียงขึ้น ไม่มีใครละสายตาไปจากการดวลตรงหน้าแม้แต่ เพื่อจะไม่คลาด บทสรุปของการดวลในครั้งนี้

“ แย่ล่ะสิ เพราะรอบที่แล้ว ใช้ Mystic Synchronize ไปเลยทำให้ไม่เหลือ Mystic Card ที่จะใช้ตอบโต้แล้ว ถึงจะใช้ผลจาก
ซาลามันเดอรี่ดอล เรียก อสูรตัวใหม่ออกมาก็คงไม่มี ตัวไหนทานการโจมตีได้แน่ ”
โคทาโร่ พูดสถานการณ์เริ่มวิกฤต แล้วสำหรับ ธนัท เพราะตอนนี้ มิส ยังมี อัศวินมังกรหนู ให้ ใช้บุกได้อีก
หลายตัว

“ ให้ Ability ของ ซาลามันเดอรี่ดอล ทำงาน ให้ เผ่ามังกร เลเวล 1 จากสำรับเข้ามาในสนาม… ”

“ ไม่ว่าจะเรียกตัวไหนมา ก็ไม่มีความหมาย ขอชัยชนะให้ฉันก็แล้วกันนะ Cost Mp 1 ให้ กัสตี้แรท โจมตี Gusty Strike ”

ธนัท พูดยังไม่ทันจะจบดี มิส ก็แทรกขึ้นมาสั่งให้ อสูรของตน บุกเข้าไปโดยไม่ดู ว่า ธนัท เรียกอะไรออกมา
อสูรหนูสีเขียว สยายปีก ทะยานขึ้นไปเหนือสนามก่อนจะคว้างหอกในมือพุ่งทะลวงฝ่ากลุ่มควันที่ยังฟุ้งกระจายอยู่บนสนาม
หมายจะจบเกม ในคราเดียว ทว่า หอกกลับกระเด็น ออกเหมือนกับชนถูกอะไรบางอย่างที่แข็งกว่า เมื่อควันจางลง

ร่างที่ปรากฏบนสนามแนวหน้าของ ธนัท ซึ่งต้านการโจมตีเมื่อครู่ไว้ คือลูกมังกรสีขาว ซึ่งมีขนาดของปีกใหญ่กว่าตัว
มันใช้ปีกเหล่านั้น โอบอุ้มตัวมันเพื่อป้องกันอันตราย รอบๆกายของ ลูกมังกรน้อยยังมีรัศมีแสงห่อหุ้มไว้อีกชั้น
ซึ่งรัศมี นี้เองที่ช่วยคุ้มครองมันไว้จากการโจมตีทุกชนิด

“ ผลจาก ซาลามันเดอรี่ดอล ทำงาน ถ้า Seal Card ที่เรียกมานั่นมีชื่อว่า Baby Dragon การโจมตีทุกชนิดจะไร้ผลกับมัน
จนกว่าจะหมดรอบ ที่ฉันเรียกมาก็คือ ลูกมังกรแห่งนักบุญ เซนท์ แมกนัส เบบี้ดราก้อน (St. Magnus Baby Dragon) ”
ธนัท กล่าว ลูกมังกรน้อยคลี่ปีกที่โอบล้อมตัวและสยายมันออกสุดปีก มันทำตากลมแป๋วส่งสายตาออดอ้อน
ออกมา จนทำให้ บรรดาอัศวินหนูของ มิส ต่างหมดกำลังใจจะสู้ทันที

รูปภาพ

“ แล้วก็ให้ Ability ของ เซนท์ แมกนัส เบบี้ดราก้อน ทำงาน ถ้ามี เผ่ามังกรหรือเผ่าไข่มังกร
ใบอื่นในสนามนอกจาก การ์ดใบนี้ ก็จะได้เอา St. Magnus ขึ้นมาไว้บนมือจาก สำรับ หรือ Shrine ได้ใบ 1 ”
ธนัท อธิบายจบจึง หยิบเอาสำรับมิสติกขึ้นมาคลี่หา การ์ดที่ต้องการและแสดงให้ ดูก่อนจะเอามันไปเพิ่มไว้บนมือ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 5/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 1 Mp: 5/7 Shrine 0/6 ]


“ ในเมื่อ โจมตีไม่ได้ งั้นฉันก็ขอเพิ่ม อสูร ในสนามแทนแล้วกัน Cost Mp 1 ให้
ไชนิ่งแรท ดิ ไลท์ ดรากูน (Shining Rat, the Light Dragoon) ออกมาที่ Df Line ”
มิส ประกาศ พร้อมกับ ร่าย ซีลการ์ด ใบสุดท้ายบนมือ ออกไป อสูรหนูสีขาว สวมชุดอัศวินมังกรสีขาว
รูปร่างคล้ายคลึงกับ อีกตัวที่อยู่มาก่อนในสนามแล้ว แต่หนูตัวนี้ มีดวงตาสีทองคล้ายดวงตาของทูตสวรรค์

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 5/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp: 4/7 Shrine 0/6 ]

“ ให้ จีโอแรท ย้ายมาอยู่ที่ Df Line แทนแล้ว Cost Mp 1 ให้ Skill ของ ไชนิ่งแรท ดิ ลิตเติล ดรากูน ทำงาน เลือกให้ ไชนิ่งแรท ดิ ไลท์ ดรากูน กับ กัสตี้แรท อยู่ในสภาพ Growth แล้วหมดรอบ ”
หนูสีน้ำตาลดิน เดินต้วมเตี้ยม ลงไปยังแนวหลัง ขณะที่ หนูสีขาวตัวแรก ยกทวนในมือขึ้น และเปล่งรัศมี แสง
เพิ่มพลังความสามารถให้ กับ หนูอีกสองตัว

“ แล้วก็ในจังหวะนี้ Ability ของ ไชนิ่งแรท ดิ ไลท์ ดรากูน ก็ทำงาน จะให้เอา เผ่ามังกร หรือ การ์ดที่มี
ชื่อว่า Rat จากสำรับขึ้นมาไว้บนมือได้ ฉัน เลือกให้ ดีวายดราก้อน ขึ้นมาอยู่บนมือ ”
มิส ประกาศพร้อมกับ แสดงการ์ดที่พึ่งเลือกออกมาให้ดู ก่อนจะเอาไปเพิ่มไว้บนมือ

“ รอบของ ฉัน จั่วไพ่ ”
ธนัท ประกาศรอบของตน พร้อมกับ จับ มิสติกการ์ดขึ้นมาจาก สำรับ 2 ใบ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 4 Mp:7/7 Shrine 5/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 1 Mp: 7/7 Shrine 0/6 ]

“ เอาล่ะเท่านี้การเตรียมการก็พร้อมหมดแล้ว เตรียมให้ดี ฉันจะบุกครั้งสุดท้ายล่ะนะ ”
ธนัท พูดเสียงมั่น ทั้งที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่

“ โอ้ท!! เข้ามาเลย ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดู ฉันยังมีสุดยอดอสูรที่ ยังไม่ได้งัดออกมาอยู่อีกตัวหนึ่งนะ ”
มิส รับคำท้า

“ ว่าไงนะ นี่นายยังไม่ได้ใช้ทั้งหมดออกมาอีกเหรอ เนี่ย งั้นฉันต้องทำให้ นายเอามันออกมาให้ได้เลยคอยดู ”
ธนัท พูดจบก่อนเตรียมการเล่นในรอบนี้ต่อทันที

“ ป่านนี้แล้วยังจะเอาอะไรชนะอีกล่ะเนี่ย ตัวเองเหลือ Shrineแค่ 1 แต่อีกฝ่ายน่ะยังเหลืออยู่เต็มเลยนะ ”
ลูเซีย บ่น เธอไม่คิดว่าสถานการณ์แบบนี้ ธนัท จะทำอย่างที่ว่าได้


“ Cost Mp 2 ให้ Contact Support Ability ทำงาน ต้องทิ้ง Contact Force บนมือไปเพื่อให้มันทำงาน ”
ธนัท ประกาศ พร้อมกับแสดงมิสติกการ์ด ออกมาก่อนจะส่ง มิสติกการ์ด Contact Force บนมือไปเก็บไว้ที่ช่อง Shrine

รูปภาพ

“ ต้องเลือก Seal Card ในสนาม มาใบหนึ่งแล้วให้ อสูรที่ติดมันไว้มี Ability และ เผ่าพันธุ์ เหมือนกับ
การ์ดที่เลือกไว้จนกว่าจะหมดรอบ ฉันเลือกให้ เซเบอร์ฮอร์นฮาวน์ เป็น เป้าหมาย แล้วให้ ผลไปแสดงกับ
ทิมเปอร่า ที่ติดการ์ดใบนี้ไว้ ดังนั้น ทิมเปอร่า จึงกลายเป็น เผ่าพันธุ์ สัตว์อสูร และมี Ability เหมือนกับ เซเบอร์ฮอร์น ”

สิ้นคำร่างของ หมาเขาดาบก็เปล่ง แสงสว่างสีแดงพุ่งขึ้นไปข้างบนและตกลงไปอาบร่างของ มังกรไอน้ำ ทิมเปอร่า
ร่างของมันค่อยๆเปลี่ยนแปลงเป็น สัตว์ป่า เขี้ยวหน้าโง้ง ยาวขึ้น และมีเขาดาบงอกขึ้นมาจากหัวเหมือนกับ หมาเขาดาบ

“ ให้ ทิมเปอร่า ย้ายขึ้นไปที่ At Line แล้วให้ร่วมร่าง Tipple Combination กับ แรฟเซโน่ และ เซนท์แมกนัส เบบี้ดราก้อน ”
ธนัท ประกาศพร้อมกันนั้น แผงจอโฮโลแกรม ก็ถูกฉายขึ้นจาก ปลอกแขน ธนัท ใช้มือแตะลงไปบนการ์ดของ
ทิมเปอร่า ก่อนจะลาก ไป ชนกับการ์ดของ แรฟเซโน่ แล้วลากขึ้นไปชนทับกับการ์ดของ เซนท์แมกนัส เบบี้ดราก้อน

ก่อนจะเคาะการ์ดทั้งสามใบที่ทับรวมกันลงไปเป็นการยืนยันคำสั่ง อสูรทั้งสามตัวสยายปีกออก
และกระโจนขึ้นไปเหนือสนาม เพื่อรวมกลุ่มพร้อมโจมตี

“ Cost Mp 5 ให้ ทิมเปอร่า โจมตี All!! ”
ธนัท ประกาศ

“ ช้าก่อน! Cost Mp 1 ให้ Skill ของ ไชนิ่งแรท ดิ ลิตเติล ดรากูน ทำงาน เลือกให้ จีโอแรท กับ อควอแรท
อยู่ในสภาพ Growth ”
มิส ประกาศจบ หนูสีขาวจึงยกทวนขึ้นเพื่อเพิ่มพลังให้กับผองเพื่อนอีกครั้ง

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp:0/7 Shrine 5/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 1 Mp: 6/7 Shrine 0/6 ]


“ และ Ability หลังการ Growth ของทั้งสองตัวก็ทำงาน จีโอแรท จะทำให้ ค่า Df ของเผ่า สัตว์อสูร มังกร(Beast,Dragon)
เพิ่มขึ้น 2 จุด ส่วน อควอแรท จะทำให้ เผ่าสัตว์อสูร มังกร (Beast,Dragon)ทุกใบในสนามของฉันที่ถูกโจมตี จะได้รับค่า At และ Df เพิ่มขึ้นอย่างละ 2 จุด ถ้าในสนามของฉันมี จำนวนอสูรมากกว่า ”
มิส ประกาศ ตอนนี้ค่าพลังป้องกันของ เหล่าหนูใน สนามเพิ่มขึ้น ด้วยประกายแสงที่เปล่งออกมาจาก
อัญมณีสีม่วงบนหมวกทรงมังกรของ หนูสีน้ำตาล

[At Line:
Firat Rat, the Little Dragoon: At 8 Df 1 Sp 3,Gusty Rat, the Little Dragoon: At 6 Df 7 Sp 5
Df Line:
Shining Rat, the Little Dragoon: At 6 Df 8 Sp 4, Shining Rat, the Light Dragoon: At 4 Df 8 Sp 3,
Aqua Rat, the Little Dragoon: At 6 Df 8 Sp 3, Geo Rat, the Little Dragoon: At 5 Df 10 Sp 2,
Dark Pit Rat, the Little Dragoon: At 6 Df 7 Sp 5]

“ ในสนมของฉันมี อัลบิโน่ จิวเว่ยฮูลี แบล็กไนท์ เซเบอร์ฮอร์น ดาร์คมิสยูนิคอร์น และ ทิมเปอร่าที่รวมร่างอยู่
รวมเป็น 6 ตัว ”
ธนัท ประกาศจำนวน อสูรในสนามของตนเพื่อตรวจสอบเงื่อนไข ของ อควอแรท

“ แต่ของฉันมีทั้งหมด 7 ตัว ดังนั้น ผลของ อควอแรท สามารถทำงานได้ Aqua Support ค่าพลังของทุกตัวเพิ่มขึ้นอีก 2 จุด ”
มิส โต้กลับไป หนูวารี ยกสามง่ามขึ้นถือด้วยสองมือ เหนือหัว พร้อมกันนั้น แสงสีชมพูก็สาดส่องออกมา กลืนไปกับ แสงสีต่างๆที่ สะท้อนกับ ใบหญ้า บนสนามที่เกิดจาก มิสติกการ์ด สวนลับแห่งคลื่นแสง ค่าพลังของ หนูทั้งหมดจึง
เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

[At Line:
Firat Rat, the Little Dragoon: At 10 Df 3 Sp 3,Gusty Rat, the Little Dragoon: At 8 Df 9Sp 5
Df Line:
Shining Rat, the Little Dragoon: At 8 Df 10 Sp 4, Shining Rat, the Light Dragoon: At 6 Df 10 Sp 3,
Aqua Rat, the Little Dragoon: At 8 Df 10 Sp 3, Geo Rat, the Little Dragoon: At 7 Df 12 Sp 2,
Dark Pit Rat, the Little Dragoon: At 8 Df 9 Sp 5]

“ ทิมเปอร่า มีค่าพลังโจมตีในการ All 9 หน่วย ดังนั้น ที่จะถูกทำลายไปจึงมีแต่ กัสตี้แรท ที่มีค่าพลัง 8 หน่วย
เท่านี้ก็ต้านเอาไว้ได้แล้ว”
มิส พูดเสียงหอบ จากการที่รีบสั่งการในสนามซึ่งเป็นไปอย่างวุ่นวายเพื่อที่จะทำให้ค่าพลังของ เหล่าหูนของเค้า สูงพอจะทานการโจมตีครั้งนี้ได้ ท่วา..

“ มันยังไม่แน่หรอก (นบอกแล้วไงว่าจะทำให้นายต้องเรียกสุดยอดอสูร ตัวสุดท้ายออกมาอีก
ผลจาก Ability ของเซเบอร์ฮอร์น กับ แบล็คไนท์กริฟฟิน ทำงาน ค่า At ของ เพิ่มขึ้นมา อีก 2 จุด และ
ทิมเปอร่า ที่มี Ability เดียวกันกับ เซเบอร์ฮอร์น ก็จะได้เพิ่มอีก 1 จุด ดังนั้นค่าพลังของ ทิมเปอร่าจึงเท่ากับ 12 หน่วย ”

ธนัท ประกาศ หมาเขาดาบ ใช้เสียงหอนของมัน ปลุกสัญชาตญาณสัตว์ ของอสูร เผ่าสัตว์อสูรทุกตัวให้มีพลังเพิ่มขึ้น
ส่วน กริฟฟินราตรีมืด ใช้การกางปีกเพื่อแสดง ท่าทางสร้างความฮึกเหิมให้กับ เพื่อนพ้องสัตว์อสูรในสนาม
กลุ่มของมังกรไอน้ำ ลูกมังกรน้อยและ มังกรกริฟแห่งสายลม ได้รับพลังเกื้อหนุนจากพวกพ้องเช่นเดียวกัน

ความสามัคคีของ ทั้งสองฝ่ายนั้น แทบจะไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย ทุกตัวต่างช่วยสนับสนุนเกื้อกูลกันอย่างเต็มที่
อันเป็นความภาคภูมิของ เผ่าสัตว์อสูรที่ จะไม่ทิ้งพวกพ้องอย่างเด็ดขาด ซึ่ง ทั้งสองคนต่างก้ใช้จุดเด่นนี้กันได้ถึงขีดสุดความสามารถของพวกเค้า

“ รับไปซะ Mel Storm !!! ”

“ ถ้างั้นฉันเองก็ของัดไม้ตายก้นหีบออกมาบ้างล่ะ Cost Mp 4 ให้ ฮัสตี้ วอลันแตร์(Hasty Volunteer) ทำงานการ์ดใบนี้จะ
ให้ เอา Seal Card บนมือลงไปในสนามได้เลย ฉันขอเรียกให้ ดีวาย ดราก้อน (Divine Dragon) ออกมาที่ At Line ”

มิสแทรกขึ้นมาขณะที่ กลุ่มของมังกร ที่ธนัท ส่งไปโจมตี กำลังสะสมพลังอยู่ อสูรมังกรขาวขนาดใหญ่ถูกอัญเชิญขึ้น
มาเผชิญหน้า กับการโจมตี นี้

รูปภาพ
รูปภาพ

“ Ability ของ ดีวายดราก้อน ทำงาน ค่า At เพิ่มขึ้นเท่ากับจำนวน อสูร ในสนามของอีกฝ่าย ค่าพลังเพิ่มขึ้นเป็น 13 หน่วย ”
มิส อธิบาย

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp:0/7 Shrine 5/6 ]
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 0 Mp: 2/7 Shrine 0/6 ]

“ ถึงจะเรียก ดีวายดราก้อน ที่มีค่า AT สูงกว่ามาก็ไม่มีประโยชน์ การโจมตีของ ทิมเปอร่าจะผ่านไปยังอสูรทุกตัวอยู่ดีและจะไม่ถูกสวนกลับการโจมตีด้วย ”
ธนัท แย้ง

“ เปล่าหรอก ดีวาย ดราก้อน ไม่ใช่ อสูร ที่ฉันจะเรียกจริงๆ แต่ว่าของจริงน่ะมันต่อจากนี้ ”
มิส แทรกขึ้นมา ตอนนี้ไม่เพียง ธนัท เท่านั้น แต่ทั้งสนามและบนเวที ทุกคนต่างลุ้นกันตัวโก่งว่า มิสจะ งัดเอาอะไรออกมา
ทานการบุกสุดกำลังเฮือกสุดท้ายของ ธนัท ได้อีก

“ ให้ผลอย่างที่ 2ของ สวนลับแห่งคลื่นแสง ออโรร่า อีเด็น ทำงาน เมื่อมี การ์ดที่ชื่อ Rat และ Dragoon อยู่ในสนามกับ
ใน Shrine รวมกันครบ 7 ใบขึ้นไป และมี การ์ดที่มีชื่อ Divine Dragon อยู่ในสนามก็จะได้เรียกให้
สุดยอดแห่งมังกรคลื่นแสง ออโรร่า ดราก้อน ดิ ซูเปอร์ ไลท์เวฟ (Aurora Dragon, the Super Light Wave )ออกมา!!! ”

สิ้นคำ อัญมณีบนหมวกทรงมังกรของ หนู ทั้ง 7 ได้เปล่งแสงสว่างตามสีอัญมณีออกมา ประสานกับแสงที่ส่องจาก
ต้นไม้ใหญ่ด้านหลังของ มิส ทำให้เกิดคลื่นแสง ออโรร่า ขึ้นบนท้องฟ้า มังกรขาว สูดลมหายใจเข้าสุดแรง
ก่อนจะพ่นรังสีออกจากปากและช่องตรงอก ขึ้นไปยังแสงออโรร่า นั้นเกิดแสงสว่างเจิดจ้าจาการระเบิดของ

คลื่นแสง เงาดำทมึน ซึ่งแหวกว่ายอยู่ในแสงสว่าง ส่งเสียงร้องคำราม ดังกึกก้องกัมปนาทราวฟ้าลั่น
ธนัท จ้องตาค้างกับ ภาพที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า ริมฝีปากสั่นระเรื่อ ความตื่นเต้นสุดขีด ล้นปรี่ออกมาจากใจ
สุดยอดของ อสูร กำลังจะปรากกตัวออกมาแล้ว

“ ซะเมื่อไหร่ล่ะ~~ ”
มิส แทรกขึ้นมาพร้อมกันนั้น คลื่นแสงก็หายวับไปพร้อมกับเงาของ อสูรตนนั้น โดยที่มันไม่ทันแม้แต่จะปรากฏให้เห็นตัว
เลยซักวินาทีเดียว คลื่นพลังไอน้ำ ของมังกร ทิมเปอร่า สะสมพลังงามล้นเปี่ยมพร้อมและซัด ลงไป
ด้วยแรงลมอันเกิดจากการกระพือปีกของ ลูกมังกร และ มังกรกริฟฟิน คลื่นพลังไอน้ำ สาดกระจายลงไป
พัดท่วม สนามของ มิส และพัดเอาทั้งตัว อสูร และ ตัวเค้าเอง กระเด็นไปตามๆกัน โดยมี เพียง มังกรขาวเท่านั้นที่ยังคงทานทนกับการโจมตีนั้นได้

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp:0/7 Shrine 5/6 ]Win
[Mystalgikus Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 0 Mp: 2/7 Shrine 6/6 ]Lose

สวนแห่งคลื่นแสง และ อสูรทั้งหมด จางหายไป พร้อมๆกับละอองเวทย์ที่สลายตัวเมื่อการดวลรู้ผล
แล้ว ทุกคนได้แต่เงียบกริบด้วยความ งงงวย กับผลที่เกิดขึ้นแม้แต่ตัว ธนัท เองที่ชนะแล้วแต่เจ้าตัวก็ยัง
ไม่รู้สึกว่ามันเป็นแบบนั้น

“ อ…เอ่อ…มีใครพอจะบอกไหมว่าตอนสุดท้ายตะกี้มัน….เกิดอะไรขึ้น ”
คำถามของ ไกอา คือสิ่งที่มุกคนก็อยากรู้เช่นกัน ทุกสายตาหันไปจับจ้อง มิส ที่นอนแผ่หลา อยู่บนพื้นเวที
เพราะโดนคลื่นซัดกระเด็นไป เจ้าตัว ยันร่างลุกขึ้นมายืนก่อนจะปัดเนื้อตัวที่มอมแมม ไปด้วยฝุ่น

“ มิส เมื่อกี้ทำไมถึงได้ยกเลิกการ อัญเชิญล่ะ หรือว่านายจงใจจะยอมแพ้น่ะ ถ้าเป็นยังงั้น เรื่องมันไม่จบง่ายๆแน่ ”
ธนัท กล่าวเสียงดุ หากว่า มิส แกล้งยอมแพ้เค้าไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม

“ แฮะๆ ที่จริงแล้วในสำรับของ ฉันน่ะ ยังไม่มี ออโรร่า ดราก้อน อยู่หรอกนะ ”

คำแก้ตัวของ มิส ทำเอา ธนัท ลื่นเสียจังหวะล้มโครมคะมำลงไปบนพื้นเวที นักเรียนที่ดูการดวลนี้
พากัน ตีสีหน้าผิดหวังเสียเต็มประดา

“ ก็แล้วจะให้ทำไงได้ล่ะ King of Checkmate 5 ที่ให้สำรับ นี้กับฉันมา ยังไม่ได้ทำมันออกมาเป็นการ์ดเลยนี่นา ”
มิส กล่าว

“ คือจริงๆแล้ว สำรับของ มิสตาลจิกัส นั้นยังไม่สมบรูณ์ เพราะว่า อสูรตัวสุดท้าย ยังอยู่ในระหว่างค้นคว้า เพื่อดึงมันออกมาจากแผ่นศิลาน่ะ อัศวินมังกรจิ๋ว ทั้งหมดในสำรับนี้ ก็ดึงออกมาจาก แผ่นศิลาที่ค้นพบที่ ขั้วโลกใต้ ”
อาจารย์ บีบิส พูดผ่านไมค์ เพื่อประกาศไขความข้องใจของทุกคน แต่ดูเหมือนว่าจะยิ่งงงกันมากไปกว่าเดิมเสียอีก

“ แผ่นศิลาที่ขั้วโลกใต้? ”
ชุติการ ทวนคำพูด ชวนสงสัยขึ้นอีกครั้ง

“ ประมาณ ครึ่งปีก่อนที่ว่ามีการ ค้นพบซากโบราณสถาน ในหุบเขาน้ำแข็ง นั่นสินะ ”
เสียงของ ศรี ดังขึ้น พร้อมกับ มารีน่า คิระ และ ริน ก็ตามเข้ามารวมกลุ่มกับ พวกเธอด้วย
เพื่อถกเรื่องนี้

“ ก็ข่าวที่ดังเมื่อครึ่งปีที่แล้วไง หลา ที่เค้าว่า เจอเมืองโบราณถูกฝังอยู่ใต้น้ำแข็งหนา แล้วก็รู้สึกว่า จะเจอ แผ่นศิลาที่
บันทึกคาถา ลับเอาไว้ คุณพ่อของฉันเคยบอกว่ามัน คาถาสำหรับอัเชิญ อสูร ของคนในสมัยก่อนหนา ”
แอน กล่าวเมื่อเห็นว่า ชุติการ และ โคทาโร่ ยังคงตีหน้างงๆ กับสิ่งที่ทุกคนพูด

“ แล้วไหงพ่อของเธอถึงรู้ละเอียดจังล่ะ ในข่าวน่ะเค้าบอกแค่ว่า เจอเมืองบราณเฉยๆนี่ไม่มีเรื่องแผ่นศิลาซักหน่อย ”
โคทาโร่ แย้ง ตอนนี้เค้ารู้แล้วว่าเรื่องที่กำลังพูดหมายถึง การค้นพบที่เคยเป็นข่าวอยู่ช่วงหนึ่ง
เกี่ยวกับการ ค้นเจอ ซากเมืองโบราณ อายุ หลายหมื่นปี ใต้แผ่นน้ำแข็งที่ ขั้วโลกใต้

“ ก็เพราะทีมที่ไปทำการสำรวจและวิจัย มีคุณลุง ของ แอนนา เป็นหัวหน้าทีมน่ะสิ ”
ฟรานซิสก้า องครักษ์หญิงของ มารีน่า เดินเข้ามาตอบคำถามนี้พร้อมกับ ไดสุเกะ และ อิส ที่ตามมาด้วยกัน
ลูเซีย รีบหันมามอง อิส ที่หายหน้าไปเลยตั้งแต่หลังเกิดเรื่องทำให้ เธออยากรู้ว่าเค้าหายไปไหน แต่ว่าสภาพของ
เค้าที่โผล่มาในตอนนี้ กลับซึมๆต่างจากทุกครั้ง และไม่ยอมพูดจากับใครอีกด้วย เอาแต่ เกาะกลุ่มไปกับ
ไดสุเกะ และ ฟรานซิสก้า อย่างเดียว


“ เอาเป็นว่า เรื่องเครียดๆเราพอแค่นี้กันก่อนดีกว่านะ ไกอา ว่า เรามาตกลงอะไรกันสำหรับคาบเรียนวันพรุ่งนี้ดีกว่าน้า~~
ไกอาคิดว่า พวกเราทุกคนคงอยากเห็น ฝีมือของเหล่า แชมป์ นักเรียนแลกเปลี่ยน กันใจจะขาด เพราะงั้นแล้ว ไกอา ก็จะจัดให้ นักเรียนแลกเปลี่ยนได้ทำการดวล โชว์ ฝีมือกันในวันพรุ่งให้ครบไปเลยดีไหม~~~~ ”

ไกอา แย่งไมค์ จากมือของ บีบิส มากล่าวตัดบท ทันที ดดยมีเหล่านักเรียนชายทั้งหลายที่อยู่บนสนามคล้อย
ตามกันเป็นทิวแถว

{การดวลของ 2 คนนั้นสุดยอดสุดๆไปเลย ไฟชักติดแล้วสิ ผักเอง ก็ต้องแสดงฝีมือมั่งซะแล้ว}
บาร์น นักเรียนแลกเปลี่ยน ซึ่งยืนอยู่ข้างๆเวที ร่วมกับ พวกนักเรียนแลกเปลี่ยนคนอื่นอีก 2 คน
กำลัง อยู่นอารมณ์ฮึกเหิม สุดๆ

“ ถ้างั้นแล้ว ต่อไปให้ นักเรียนแลกเปลี่ยนคนไหนดีน้า~~ ”
เสียงประกาศของ ไกอา ดังขึ้น บาร์น ก็สาวเท้าวิ่งขึ้นเวที ไปเสนอตัวทันที

“ ถ้างั้น บาร์น เชิญเลือก นักเรียนที่จะดวลด้วยเลยจ้ะ ”
ไกอา ผายมือลงไปยังนักเรียนที่ด้านล่าง บาร์น สอดส่องสายตา มองไปรอบๆเพื่อจะหาคนที่อยากดวลด้วย
และไปสะดุดเข้า กับ อิส ที่ยืนซึมอยู่ในกลุ่มของ พวก ชุติการ

{อะ ฮ่า !!เจอแล้ว เจอแล้ว นักเรียนชายคนนั้นฝีมือไม่น่าจะเท่าไหร่ เหมาะกับการเดบิว(เปิดตัว)ของเราสุดๆ }
บาร์น คิดอยู่ในใจก่อนจะ แจ้นสองเท้า วิ่งลงไปเพื่อจะเรียกให้ อิส มาเป็นคู่ดวลด้วยในครั้งหน้า
ทว่า เพราะรีบวิ่งไปโดยไม่ดูทาง จึงไปชนเข้ากับ คนที่เดินแทรกเข้ามา ตัดหน้า อิส พอดี

“ อ๊ะ โทษที ”

“ อูย~~ ไม่เป็นไร แต่ว่า นายช่วยเป็นคู่ดวลให้กับฉันทีสิ ”
บาร์น กล่าวพลางคลำมือหาแว่นสายตามาที่หล่นตอนชน มาใส่

“ ได้สิ ถึงไม่ต้องท้า ฉันเองก็คิดจะดวลกับพวกนายให้หมดอยู่แล้วล่ะ ”

“ แหม~~จริงเหรอ เห็น ติ๋มๆแบบนั้น ปากกล้ากว่าที่คิดซะอีกนะ….กึ๋ย… ”
บาร์น พล่าม ขณะที่เอาแว่นซึ่งควานหาจนเจอ ขึ้นมาสวมและต้องชะงักไปกลางคัน เมื่อ บุคคลที่เค้า
คิดว่า คือ นักร่ายอสูร อ่อนปวกเปียกที่เห็นอยู่บนเวที กลับเป็นคนอื่นไปซะนี่ เค้าคนนั้นไม่ใช่ใคร นอกเสีย จาก ชายผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็น ดาบของพระเจ้า อนุชิต นิมินตการดี หรือ ที่ทุกคนในโรงเรียนขนานนามเค้าว่า คิระ นั่นเอง

“ โฮ่ นายนี่นับว่าใจกล้าไม่เบาเลยนะ ที่มาท้าดวลกับ จักรพรรดิ์แห่งความสุดยอดอย่างรู่นพี่ คิระ น่ะ ”
โคทาโร่ เหน็บใส่ บาร์น ที่หน้าซีดเป็นไข่ต้มทันที เมื่อรู่ว่า บุคคลที่พึ่งรับคำท้าของตนคือ ใคร
ขณะที่ คิระ เดินออกจากกลุ่มตรงไปที่เวที เพื่อจะทำอะไรบางอย่าง

{เดี๋ยวเด้!!!! ตะกี้บอกว่าเจ้าหมอนั่นคือ คิระ งั้นเรอะ 1 ใน Master Ceremony ผู้ได้ฉายาว่า ดาบแห่งพระเจ้าเนี่ยนะ
หอยหลอด!!!!! ตรูเดี้ยงแน่ งานเน้~~~~}


“ ทุกคนฟังให้ดี ฉันคือบุรุษผู้กวัดแกว่งดาบแทนพระผู้เป็นเจ้า ผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของทุกสรรพสิ่ง
เหล่านักเรียนแลกเปลี่ยนที่ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดของแต่ละภูมิภาค จงเตรียมตัวให้ดี ฉันคนนี้จะเป็น คู่มือให้กับพวกนายทั้งหมดเอง เพราะฉันคือผู้ที่เป็นสุดยอดเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!! ”

เสียงของ คิระ ประกาศดังผ่านไมค์ กึกก้องไปทั่วทั้งโรงเรียน แต่นั่นยังไม่เทียบเท่ากับ เสียงสรรเสริญ
จากบรรดานักเรียนที่ ดังตอบรับอย่างกึกก้อง ยิ่งกว่า

“ เอาแล้วไง สงสัยว่าสัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์ คงโชว์ละลเงเลือดที่น่าดูไม่หยอกเลยนะ ”
มารีน่า เลียริมฝีปากอย่างโอชะ กับ โชว์ที่กำลังจะเริ่มในวันรุ่งขึ้น ส่วน บาร์น นั้นด้วยความช๊อกตอนนี้เลยนอนสลบเหมือดคาพื้นสนามไปแล้ว โดยไม่มีใครสนใจ เพราะทุกคนต่างกำลัง เพ่งเล็งไปที่ คิระ เพียงคนเดียว


“ เดี๋ยวสิ แล้ว ธนัท กับ มิส ล่ะ ”
ชุติการ แย้ง เพื่อนๆทุกคนหันหน้ามองหากันเลิ่กลั่ก แต่ก็ไม่พบตัวพวกเค้าทั้งบนเวทีและ ในสนาม

………………………
……………………………………………………

เมื่อตะวันคล้อยดิน และลับฟ้าไปแล้ว ราตรีจึงมาเยือน แต่ว่าเรื่องราวก็ยังคงไม่จบอยู่แค่นี้

บ้าน ธนัท

“ ใครก็ได้บอกที ว่าทำไมหมอนี่ถึงมาอยู่ที่บ้านเราด้วยล่ะเนี่ย ”
โคทาโร่ ส่งสายตาเกร็ง จ้องใส่ มิส ที่นั่งคุยอยู่กับ ธนัท อย่างถึงพริกถึงขริง อยู่บน โต๊ะ ในห้องนั่งเล่น

“ แบบว่า อาจารย์บุษบารี แกมาขอให้ นักเรียนแลกเปลี่ยนคนหนึ่งมาอยู่อาศัยด้วยน่ะ เพราะที่พัก ของทางโรงเรียน
มันมีไม่พอ ”
ศรี ตอบให้แบบอ้อมๆ

“ แต่แบบนี้บ้านเราก็แคบลงไปอีกแล้วสิเนี่ย ”
ริน เปรยเสียงเนือย โคทาโร่ จึงได้แต่ ถอนหายใจ อย่างช่วยเสียมิได้
ลงเป็นแบบนี้แล้ว ห้องนอนของพวกเค้าก็คงจะแคบลงไปอีก ทั้งทมี่เดิมทีก็อัดสมาชิกเอาไว้ในห้อง สามคน เค้า ธนัท แล้วก็ลูเซีย แล้ว คราวนี้ยังมีเพิ่มมาอีก

“ แบบนี้สวัสดิภาพของฉันก็ยิ่งอันตรายกว่าเดิมอีกสิเนี่ย เล่นนอนห้องเดียวกับ ผู้ชายตั้งสามคน ”
ลูเซีย ถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ ของเธอมันนอนเดี่ยวไม่ใช่เรอะ ”
โคทาโร่ แย้ง

“ แต่ห้องฉันมันก็อยู่ในห้องพวกนายนะ แค่สองคน ฉันก็ลำบากใจจะแย่อยู่แล้ว นี่มีเพิ่มมาอีกคน แล้วฉันจะไปหักห้ามใจไหวได้ยังงาย~~~~ ”
ลูเซีย ลากเสียง

“ หยึย ยัยนี่ถ้าจะอันตรายแฮะ สงสัยตอนนอนต้องล็อคห้องไว้ให้ดีหน่อยแล้ว ”
โคทาโร่ รู้สึกสยองขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่า ลูเซีย แสดงเจตจำนงพิศวงออกมา(มันคือไรหว่า?)

“ ซองพวกนี้น่ะ ฉันซื้อมาจากร้าน ข้างหน้าโรงเรียน เห็นว่าพึ่งวางขายล่ะ ”
มิส พูดพร้อมกับ ยก ถุงกระดาษใบใหญ่ขึ้นมาเทกระจาดลงบนโต๊ะ ซองพลาสติกบรรจุการ์ดผนึก หลายสิบซองร่วง
หล่นลงมาเต็มโต๊ะ ไปหมด

“ ถ้างั้นเรามาเปิดกันเลยดีกว่า ”
ธนัท กล่าวพร้อมกับ ยื่นกรรไกร ให้ มิส เมื่อรับมาแล้วทั้งสองจึงละเลง ตัดซองเพื่อเปิดเอาการ์ดที่บรรุจอยู่ขึ้นมาดู

“ สองคนนี้รู้สึกจะสนิทกันเร็วไปป่าว ”
ลูเซีย ออกความเห็น เพราะ ธนัท และ มิสทั้งสองคนคุยกันราวกับเพื่อนที่รู้จักกันมาเป็นปี ทั้งที่พึ่งเจอกันวันนีวันแรก

“ ที่เมื่อเย็นแวบหายไปทั้งคู่ที่แท้ก็ไปซื้อ Booters Pack มาเองหรอกเหรอ ”
โคทาโร่ เปรยเสียหน่าย เหตุการณ์ดูจะปกติดีจนกระทั่ง ธนัท หลุดปากขึ้นมา

“ นี่มัน!!! ”
ทุกคนหันไปมองด้วยความสงสัย เพราะอยู่ๆ ธนัท กลับส่งเสียงน่ากลัวขึ้นมา เหมือนกับพึ่งเจอเรื่องน่าตกใจ

“ มีอะไร ”
ทุกคนในห้องนั่งเล่นถาม และเมื่อ ธนัท หงายการ์ดที่ พึ่งหยิบออกมาจากซอง ให้ทุกคนดู นอกจากมิส แล้ว
ศรี ริน โคทาโร่ และ ลูเซีย ก็แทบจะชะงักไปเสียพร้อมๆกัน เพราะการ์ดที่ ธนัท ให้พวกเค้าดู คือการ์ด
ที่ อดัม เคยใช้ดวล ในศึกกับ สามอสูรบรรพกาล ไม่ว่าจะเป็น ขัน 7 ใบ แตร 7 คัน รวมไปถึง อัครเทวดา
ทั้งหลายก็ล้วนแล้วแต่เป็นการ์ดที่ อดัม เคยแสดงให้พวกเค้าเห็นมาแล้วทั้งสิ้น

“ น…นี่มีอะไรกันเหรอ? ”
มิส เปรยขึ้นด้วยความสงสัย กับ ทีท่าของทุกคน

“ มิส นายไปซองนี้มันมีขายที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า ”
ศรี ถามเสียงขรึม

“ ซองนี้ออกข่าวว่าจะวางขายตั้งนานแล้วก็จริง แต่ว่าวันจัดจำหน่ายทั่วโลกน่ะวันนี้เป็นวันแรกแลย ”
คำพูดของ มิส ทำให้ พวกเค้าพากันนิ่งอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เมื่อ การ์ดที่พึ่งจะมีขายวันนี้เป็นวันแรก
แล้วทำไม สัปดาห์ก่อน ถึงได้มีคนมันไปใช้ได้ เงื่อนงำบางอย่างที่น่าสงสัย พวกเค้าได้เห็นหางของมันแล้ว

………………………………………….
…………………………………………………..
…………………………………………………………………….

ณ ลานกว้างบริเวณแม่น้ำ แห่งหนึ่ง เด็กหนุ่มผมสีเงิน และ อดัม กำลังยืนรอใครบางคนอยู่ บนลานกว้างนี้
เสียงรถดังกระหึ่มแววมากับสายลม ก่อนจะเงียบไป และตามมาด้วยเสียงเปิดปิดประตู
ชายคนใหม่ ก้าวเท้าเข้ามาหาทั้งสอง ราวกับนัดกันไว้ก่อนแล้ว

“ ขอบใจที่ให้ความร่วมมือนะ บิชอป… ”
เด็กหนุ่มผมสีเงินกล่าว ทักชายผู้เข้ามาคนนั้น

To be Continue
……………………………………………
………………………………………………………

…………………………………………………………………
………………………………………………….

ลูเซีย: ช่วงหลังมานี่ รู้สึกบทฉันจะน้อ….
ธนัท+โคทาโร่: ไม่ต้องบ่นแล้ว!! ขี้เกียจฟัง!!!
ลูเซีย: ง่ะ..
ธนัท : ออกมากี่รอบๆจะเอาแต่บ่นเรื่องบทรึไงเล่า เค้าให้มาบอกตอนต่อไปนะ
โคทาโร่: ใช่เลยเป็นเพราะเธอนั่นแหละชอบพาออกนอกเรื่อง
ลูเซีย: ไอ้คนที่คล้อยตามน่ะมันพวกนายนะ
ผัก: ฮึก….ฮึก ตอนหน้าเค้าจารอดม้าเนี้ย~~~หอยหลอด!!!!
โคทาโร่ ลูเซีย ธนัท : (- -*)
มิส: งั้นผมจะเป็นคนบอกเองละกัน ตอน ต่อไป Sub-Turn 24 Cyber Guardian Vs. Culture Barn กินผักเยอะๆดีต่อสุขภาพ ว่าแต่มันเกี่ยวกันตรงไหนกันล่ะเนี่ย
…………จบจ๊ะ…..

Card Pop

รูปภาพ
Type: dragon plant Mp: 2 / 1 Lv: 2 Rarity: special
At: 6 Df: 7 Sp: 5 Element: water
+[Water] Piercing Vapor At 9 Mp 2
+[Wind][Dragon] Mel Storm At 9(All) Mp 5
Ability:
เมื่อ Timperra, the Vapor Dragon เข้ามาในสนาม แสดงการ์ดใบบนสุด 3 ใบจากกองการ์ด 1 กองของเรา จากนั้นนำ 1 ใบขึ้นมือและนำ 2 ใบที่เหลือไปยัง Shrine
ขณะที่ Timperra, the Vapor Dragon ต่อสู้กับ [Gunner] Timperra, the Vapor Dragon At -2
Growth Condition: [Dragon] และ/หรือ [Plant]
Skill Growth:
Seal 1 ใบสนามไม่สามารถถูกนำออกจากเกมได้ 1 Turn (Inf) (Mp 1)

บทนี้เลทไปเยอะ เลย ขออภัย ด้วยนะครับ พอเปิดเทอม ใหม่งานมันก็เยอะจริงๆ เลยเขียนไม่ค่อยจะทัน
แถมยังเผางานอีก แต่คิดว่าบทถัดไปไม่น่าจะนานเท่าไหร่ เพราะการดวลในตอนต่อไปน่าจะอยู่ได้ไม่เกิน 5 Turn
มั้งครับ ^_^ (ล้อเล่ง อาจนานกว่านั้นก็ได้อย่าน้อยใจเน้อ) สำหรับบทนี้ คิดว่าทุกคนคงบ่นกันขรมเลยว่า ยาวเฟื้อย

แต่เพราะต้องเขียนการดวลถึงสองช่วงแถมตัวละครที่ออกมามันก็เยอะ แล้ว มิสคุง เองก็ต้องโชว์มังกรให้หมดด้วย
กว่าจะเขียนจบก็แทบตายเลยครับ แล้วบทนี้การ์ดคิดเอง เยอะอีกตังหาก ออกมาใหม่ตั้ง 2 ใบกับ ใบที่ 3 ที่ยังไม่ให้เห็น
(อันนี้ขอปิดไว้ก่อน) ที่จริงตอนแรก Contact Force ว่าจะให้มันได้รับเผ่าพันธุ์มาด้วย ไปๆมาๆ Text มันยัดไม่พอ
แล้วก็ถ้ายัดรวมกันไว้มีหวังใบเดียว ใช้ได้อเนกประสงค์ขนาดนี้คงโกง เกินหน้าเกินตาชาวบ้านเค้า เลยปรับแยกเป็น 2 ใบ
ใบหนึ่งใชปกติก็ ซิงโคร เอา อีกใบ ก็ให้เอามาประยุกใช้แต่ความแรงลงจาก เป็น ซิงโคร เหลือแบบธรรมดาพอ
โดยให้ใบซิงโคร เป็นเงื่อนไขเอา ที่จริงกะว่าจะทำเป็น มิสติก โพรเกส แต่ว่า SED4 มันทำลำบาก อ่า T_T
SED5 เคยโหลดมาแต่ลง Crack ไม่ได้อีก งือ~~~
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ เม.ย. 11, 2011 7:42 pm, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 23 New Student Little Dragoon

โพสต์โดย Watcharapol Luekaya เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 18, 2010 9:11 pm

ชอบเพลงเปิดอะ ทำได้ไงอะ
ปล.ความรู้คอมฯผมยังไม่ถึงขั้น ม.6 เอง ::022::
Watcharapol Luekaya
0
 
โพสต์: 1846
Cash on hand: 1,400.00
ที่อยู่: นั่นสิ ที่ไหนแว๊

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 23 New Student Little Dragoon

โพสต์โดย Palmon เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 18, 2010 10:53 pm

เอิ่ม รู้สึกว่า เกรม่อนคุง จะลืมสครีม การ์ด พระเจ้ามายา ที่หลุดออกมาด้วยใบหนึ่งไปนะ หรือแกล้งเนียนเนี่ย

<sawada tsunayoshi> เขียน:ชอบเพลงเปิดอะ ทำได้ไงอะ
ปล.ความรู้คอมฯผมยังไม่ถึงขั้น ม.6 เอง ::022::


เรื่อง คลิป เพลงเปิดทำยังไงนี่ พัลม่อนจะ อธิบายแทนให้ละกันนะคะ ที่จริงตรงนี้น่าจะให้ วาการุรุคุง มาพูดมันจะเคลียกว่า
แต่เจ้าตัวเค้าไม่ค่อยว่างด้วยสิ เข้าเรื่องเลยละกันค่ะ ก่อนอื่น โปรแกรม ที่ใช้ในการทำ แอคชั่นของ เพลง นั้นใช้แค่ Swish Max 3 ทำอย่างเดียวล้วนๆเลยค่ะ
ส่วนการตัดต่อก็ใช้ Movie Maker ที่มีอยู่ในวินโดวส์ อยู่แล้ว ตัดต่อเอา แต่ส่วนภาพตัวละครประกอบต่างๆนี่
ที่มามันหลากหลายเหลือเกิน
พัลม่อนคงสาธยายไม่ไหว เพราะมาจาก ทั้งที่ทีมงานเราวาดเอง ตัดต่อมา หรือเอากราฟฟิค เกม
มาใช้ (โดยเฉพาะ ECO) เป็นหลักค่ะ

ที่จริงถ้าจะทำคลิปเพลงเปิดแค่ระดับนี้ ถึงไม่ต้องมีสกิลคอมขั้นเทพก็ทำได้ค่ะ แต่ว่าต้องมีสกิล
การทำรูปภาพต่างๆที่จะเอามาใช้ในตัวคลิปสูงหน่อย
บวกกับ เทคนิคการถ่ายทำค่ะ ยกตัวอย่างก็ ฉากที่เป็นเส้นสปีด วิ่งสวนมาตอน แนะนำการ์ดกับตัวละคร
ในเพลงเปิด อาจจะเห็นเหมือนว่าทำยากอยู่

แต่จริงๆแล้ว พัลม่อนกับ การุรุเซนไป เราใช้วิธีเนียนแก้โข่งค่ะ คือเราจะทำภาพตัวละครยืนเรียงๆกัน
แล้ว เอามาใส่แอคชั่นให้วิ่งสวนกับภาพเส้นสปีด ที่เตรียมไว้

แล้วให้ ฉากกล้อง จับแค่ตรงส่วนที่จะแสดงก็พอค่ะ เท่านี้ก็ได้ฉากสปีดเร็วๆเพื่อให้ตรงกับจังหวะเพลงไปอีกฉาก
ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้แค่ Swish Max ช่วยใส่แอคชั่นอย่างเดียว
ขอแค่มีภาพ กับโปรแกรมก็ทำได้แล้วค่ะ


แต่งานส่วนใหญ่ที่กว่าจะเสร็จกันได้แต่คลิปก็เพราะ มันต้องทำภาพเคลื่อนไหวมาหลายๆฉาก แล้วเอาไปยัดให้ตรงกับคอนเซปเพลงที่เอามาประกอบ น่ะค่ะ
เลยใช้เวลานาน บวกคนจับจังหวะเพลง เกรม่อนคุง ทำคนเดียวด้วย

เพราะทีมเดิม ที่เคยวานให้ทำ เราปลดไปเป็นตัวช่วยหมดเลยค่ะ ไม่งั้นคงได้ เห็น
ธนัท ขับกันดั้ม มายิงกันแทนตีการ์ดแหงมๆ T_T พูดแล้วเศร้า
Palmon
0
 
โพสต์: 33
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 23 New Student Little Dragoon

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 18, 2010 10:54 pm

อุเหม่ กลายเป็น โพส สอนทำ Animation กลายๆ ไปแล้วนะเนี่ย เข้าเรื่องๆ

บทนี้ รู้สึกจะแอบดักแก่ ด้วยนะเนี่ย เซนต์เซย่ามาเองเลย ที่แท้ โปรเฟสเซอร์มังกรคุง เป็น ชิริว เองหรอเนี่ย(ใครเคยดูคงจะเก็ท)
ตอนนี้อดฮา เรื่องชื่อจริงผักคุงไม่ไหวจริงๆ “ ผักทุ่ง” กร๊ากกกกก~~~
(บาร์น เวจท์จิเทเบิล Barn Vegetable ถ้าเอามากลับหน้าหลัง จะเป็น Vegetable Barn ซึ่งแปลว่าทุ่งผัก)

ปล.Boy คุงคงรู้เน้อว่าชื่อนี้ เกรม่อนคุง คิดได้จากอะไร ใบ้ให้สิ่งนั้นขึ้นต้นด้วยตัว B มันอยู่บนเว็บ อุหุๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 23 New Student Little Dragoon

โพสต์โดย boy เมื่อ เสาร์ มิ.ย. 19, 2010 7:21 am

แค่กๆๆๆๆ
อุ่ก อุแค่กๆๆๆๆๆๆ
แค่กๆๆ พรวดด
บาร์น เวจเจทเทเบิ้ล...เล่นงี้เลยอ่ะ ::036::
(ชื่อบล๊อคฉันเอามาเป็นชื่อผัก -/หน้าซีด)
แล้ว 'หอยหลอด' นี่มัน....
ตอนหน้า คงไม่เกิน 4 subturn แหงๆ เฮ้อออออ
- - - - - - - - - - -
กะแล้ว เด๊คสัตว์อัญมณี =_=
ผมฟ้าคุ้นๆแบบนั้นก็ต้องนึกถึงโจฮัน เหอะๆๆๆ
(Check - Sheet=ชีทนะฮะ ไม่ใช่ชีสที่เอาไว้กิน)
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 23 New Student Little Dragoon

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ เสาร์ มิ.ย. 19, 2010 12:25 pm

- - - - - - - - - - -
กะแล้ว เด๊คสัตว์อัญมณี =_=
ผมฟ้าคุ้นๆแบบนั้นก็ต้องนึกถึงโจฮัน เหอะๆๆๆ
(Check - Sheet=ชีทนะฮะ ไม่ใช่ชีสที่เอาไว้กิน)


แง่ม กระผมนึกว่ารู้นานแล้วนะเนี่ย เพราะเจ้าพวกผู้ช่วยตัวแสบ มันสครีมสปอย์เอาไว้ซะขนาดนั้น เหอๆ
เพราะต้นแบบ มิสคุง ก็ได้มาจาก โยฮันนี่ล่ะ แถมหนูมันมีครบ 7พอดีอีกตะหากไม่รู้อะไรทำไมเป็นใจแบบนี้
(อนึ่งเหมือนนิยายเรื่องนี้กำลังเขียนประชด บริษัท อยู่เลยนะเนี่ยว่าออก Theme Card มาคล้าย YGO GX เลย)

ว่าแต่ "Check - Sheet=ชีทนะฮะ ไม่ใช่ชีสที่เอาไว้กิน)" นี่มันอาไร อ่าคับ ไม่เข้าจึย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 23 New Student Little Dragoon

โพสต์โดย boy เมื่อ เสาร์ มิ.ย. 19, 2010 4:54 pm

[quote]“ โธ่ จารย์เนี่ยน้า~ ชีสแค่กองแค่นั้นแบกไปเองก็ได้ ไม่เห็นต้องให้เราไปช่วยเลย ต้องมาเหนื่อยวิ่งขึ้นวิ่ง
ลงบันไดอีก เฮ้อ~~ ”

มันเป็น'ชีส'น่ะสิครับ
มันอ่านได้ว่า 'ชีท' นี่ครับ?
ปล.ไม่เหมือนประชดหรอกครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 23 New Student Little Dragoon

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2010 3:54 pm

boy เขียน:
“ โธ่ จารย์เนี่ยน้า~ ชีสแค่กองแค่นั้นแบกไปเองก็ได้ ไม่เห็นต้องให้เราไปช่วยเลย ต้องมาเหนื่อยวิ่งขึ้นวิ่ง
ลงบันไดอีก เฮ้อ~~ ”

มันเป็น'ชีส'น่ะสิครับ
มันอ่านได้ว่า 'ชีท' นี่ครับ?
ปล.ไม่เหมือนประชดหรอกครับ


ไม่หรอกจ้า boy คุง คือที่จริง อาจารยืบุษบา แกให้ ธนัท ไปช่วย ขน ชีสสสสสส จริงๆนะเออ เพราะ หนูที่ห้องมันเริ่มเยอะเดี่ยวโดนแย่งกิน(แถเต็มพิกัด เพราะคนที่ไปแย้งเจ้าเกรม่อนว่า Sheet ให้เขียน ชีส เหอๆ ไว้เดี๋ยวไปบอกให้เกรม่อนคุง แก้ให้อีกที)


แล้วก็ไม่เหมือนประชดหรอก ถูกของบอยคุง เพราะมันไม่ใช่แค่เหมือน แต่มันเขียนประชดไปตั้งนานแล้ว ว้าก ฮ่าๆๆ
นี่ยังไม่นับที่ พอเกรม่อนคุง ให้ คิระ ใช้ การ์เดี้ยน เลกซ์ดีเทโอ แล้ว บ. ออก การ์เดี้ยนไนท์ มาต่อให้เลยนะเนี่ย ยังกะ
ไซเบอร์ดราก้อน(บ้าพลังบวกตี2ครั้งเหมือนกันอีกตะหาก)


ว่าแต่เหมือน บทนี้จะยาวเกินไปจนทุกคนลืมประเด็นสำคัญของ บทไปหลายตอนเลยแฮะ ทั้งที่ตั้งกะขึ้นต้นเรื่อง พ่อของโคทาคุง กำลังจะก็อปปี้ ลูกตัวเอง ก็เรื่องนึง โปรเฟสเซอร์ ดราก้อน โดนลบหายไปจากเรื่อง แล้วยัง บิชอป ที่แอบไปพบกับใครตอนท้ายของบทด้วย นี่สินะที่เค้าเรียกว่ารัสมี ตัวละครใหม่มาแรงแซง เกิน จนบทความอื่นโดนกลบหมด เหอๆ

อ่อ เรื่องซอง Revealationออกใหม่ด้วยอีกซอง กร็ากขนาดเจ๊ เองยังลืม แล้วนับประสาอะไรคนอ่านจะลืมบ้างไม่ได้
สงสัยคราวหน้าต้องบอกให้เกรม่อนคุง แยกเป็นบทๆ ไปจะดีกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Sub-Turn 24 Cyber Guardian Vs. Culture Barn

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ อังคาร มิ.ย. 29, 2010 8:50 pm

Sub-Turn 24 Cyber Guardian Vs. Culture Barn

ความเดิม: โรงเรียนมนต์วิทยา ได้เปิดคาบการเรียนพิเศษขึ้น ในสัปดาห์ ที่2 ของปีการศึกษา เหล่านักเรียนแลกเปลี่ยน
ที่น่าจับตามอง และอาจารย์พิเศษ ที่ล้วนแล้วแต่รู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน เว้นแต่เพียงคนเดียว อาจารย์พิเศษ
ซึ่งถูกจับตามอง โดย ไกอา และ บีบิส ที่เข้ามาเป็นอาจารย์พิเศษด้วย แล้วยัง การ์ดชุดใหม่ที่พึ่งออกวางจำหน่ายกลับ
เป็นการ์ดที่ อดัม เคยใช้ดวลกับ ธนัท มาแล้ว เงื่อนงำต่างๆเริ่มปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง…………………
…………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………………….

ภายในห้องพักอาจารย์พิเศษ ที่พึ่งแต่งตั้งขึ้นมาไม่นาน ไกอา และ บีบิส ทั้งสองกำลังตอบคำถามต่างๆให้กับ
ธนัท และ โคทาโร่ ที่วันนี้รีบมาแต่เช้ามืด เพื่อมาดักรอที่หน้าห้อง

“ เหตุผลที่เรามาอยู่เป็นอาจารย์พิเศษที่นี่ ก็เพื่อจะจับตาดู อาจารย์พิเศษที่ชื่อ คริฟ อีสวูด นั่นแหละ ”
ไกอา พูดก่อนจะยก ถ้วยกาแฟแก้วเล็ก ที่มีกาแฟชงเองหอมกรุ่นอยู่เต็มแก้วขึ้น ซดเสียงดัง แบบไม่เกรงใจ

“ เค้า..ทำไมหรือครับ? ”
ธนัท ถาม

“ ตอนแรกที่มีการเสนอเรื่อง เปิดคาบการสอน SMN โรงเรียนนี้ ยื่นมาถึง หลังทำการตรวจสอบ ดูแล้ว
มันเป็นนโยบายของ กระทรวงการศึกษาที่ต้องการจะให้ที่นี่ทำการทดลองระบบการศึกษาพิเศษ แต่พอทาง
เรากำลังจะเสนอ อาจารย์พิเศษที่จะมารับหน้าที่ ฝ่ายกระทรวงกลับขอกำหนดเอาดื้อๆมาคนหนึ่ง ”

บีบิส พูดไปพลาง จัดระเบียบข้าวของตัวเอง บนโต๊ะ โดยที่เธอทำแบบนี้ตั้วแต่เข้ามาในห้อง อยู่หลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร เธอก็ยังจัดให้ได้ตรงตามที่ต้องการไม่ได้เสียที

“ ก็คือ อาจารย์ คริฟ ที่เรากำลังตามดูอยู่นี่แหละ ”
ไกอา ตอบต่อจากที่ บีบิส พูดทิ้งไว้ เพราะตอนนี้ความสนใจของหล่อนไปอยู่กับโต๊ะเสียแล้ว

“ จากที่เรารู้มา คริฟ อีสวู้ด เป็นนักดวลที่มีชื่ออยู่ในลิสต์ ของ นักร่ายอสูร ระดับสูงผลงานที่ โดดเด่นที่สุดของเค้าคือ ติด 8 อันดับสุดท้ายของการแข่งขัน Grand Tournament เมื่อ 7 ปีก่อน ”
บีบิส แทรกขึ้นมา ตอนนี้ โต๊ะของเธอถูกจัดวางข้าวของใหม่เสร็จแล้ว และ เธอกำลังพิจารณามันอยู่ เธอทำมือเป็นกรอบ
แล้วมองผ่านไปยังโต๊ะ สองสามรอบก่อนจะเข้าไปจัดใหม่อีก ทำเอา โคทาโร่ มองค้อนอย่างละเหี่ยใจ แต่เมื่อหันไปดู โต๊ะ ประจำของ ไกอา กลับต้อง ละเหี่ยใจยิ่งกว่าเดิม เพราะช่างตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อเห็นกองเอกสารและเครื่องเขียนต่างๆกับ ถุงใส่ซองกาแฟกับ ขนมวางกระจัดกระจายเต็มโต๊ะไปหมด

“ 7 ปีก่อน! ”
ธนัท เปรยขึ้นเบาๆ ทำให้ โคทาโร่ หันมาถามด้วยความอยากรู้

“ มีอะไรเหรอ ธนัท ”

“ ก็นั่นน่ะเป็นปีที่ 1ใน Master Ceremony ภูเขา ได้แชมป์ไง ”
ธนัท ตอบและนั่นทำให้ บีบิส เริ่มพูดต่อทันที


“ คริฟ อีสวู้ด ได้ที่ 2 ในการแข่งครั้งนั้น เพราะพ่ายให้กับ ภูเขา หลังจากนั้น ก็ไม่เคยโผล่เข้ามาในการแข่งขันไหนอีกเลย
ไม่มีใครรู้ว่าเค้าหายไปไหน อยู่หรือว่าตาย ครอบครัวหรือญาติสนิท ก็ไม่มีให้สอบถามเลย เรียกได้ว่า หายสาปสูญโดยสมบรูณ์ ”

“ เพราะงั้นพออยู่ๆก็โผล่มาแบบนี้ทางเราเลยตรวจสอบอะไรไม่ได้ซักกะอย่าง ก็เลยต้องตามมาจับตาดูอยู่แบบนี้ไง ”
ไกอา ปิดท้ายให้เสร็จสรรพ หลังจากที่ ซดกาแฟจนหมดแก้ว

“ ด้วยเหตุผลแค่นี้น่ะหรือครับ? ”
สิ้นคำของ โคทาโร่ กาแฟอึกใหญ่ก็พรวดออกมาจากปากของ เธอทันที
ทั้งสองอาจารย์ มองหน้ากันเลิ่กลั่กว่าจะเล่าดีหรือไม่

“ ถ้าเป็นสองคนนี้ล่ะก็บอกไปเลยก็ได้ยังไงซะก็ปิดไว้ไม่มิดอยู่ เพราะถ้ามีภัยขึ้นมาเมื่อไหร่ เจ้าน้องตัวแสบสองคนนี่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยก่อนชาวบ้านเสมอเลย ”
ศรี ตะโกนแทรกเข้า มาจากด้านหลัง พร้อมกับใช้มือ ขยี้หัวทั้ง สองเล่น

“ พี่! ”
ทั้งคู่ ร้องพร้อมกับ เอามือของ ศรี ออกจากหัว

“ กสองคนเนี่ย ชอบเอาตัวเข้ามายุงเรื่องชาวบ้านอยู่เรื่อยเลยนะ ”
ศรี เหน็บใส่ แต่ว่าแม้คำพูดและการกระทำจะแสดงออกมาเล่นๆไปงั้น แต่เมื่อเริ่มพูดถึงรายละเอียดของ สิ่งที่
พวกเค้าถามไป สีหน้าของ เค้าก็จริงจังขึ้นมาทันที

“ ที่ Phenomenon Party กำลังจับตาดูไม่ใช่เรื่องจิ๊บจ๊อย พรรค์นั้น แต่เป็น Pecca เรียกให้ง่ายหน่อยก็ อสูรมาร ”
ทั้งสองถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ กับคำตอบของศรี

“ จริงๆแล้วก็แค่สันนิษฐาน น่ะเพราะว่ามีข่าวลือในวงการมาว่าช่วงนี้ มีกลุ่มคนที่อัญเชิญ อสูร ประหลาดๆ
ออกมาอยู่หนาหู หนึ่งในนั้น ก็มีข่าวลือว่า คริฟ ไปได้การ์ดปีศาจที่ทำให้ เค้าเก่งขึ้นกว่าเดิมหลายขุมมา ”
บีบิส แจงให้อย่างละเอียด

“ เพราะงั้นเราถึงได้มาอยู่ที่นี่ไง ”
ไกอา สรุปสั้นๆเหมือนเดิมอีกครั้ง แต่ตอนนี้เรื่องที่ ธนัท และ โคทาโร่ สนใจคือเรื่อง อสูรมารเสียมากกว่า

“ อสูรมาร นี่มันเป็นแรร์การ์ดแบบไหนกันครับ? ”
ธนัท ชิงถามขึ้นมาก่อนที่จะไม่ได้ถาม

“ มันไม่ใช่ แรร์การ์ดหายากหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะ แต่มันเป็น อันโนน การ์ด(Unkown Card) ”
บีบิสตอบ

“ อันโนน…เหมือนกับอสูรเทพ เหรอ? ”
โคทาโร่ ถามขึ้นบ้าง ไกอา ยักไหล่พร้อมกับตอบเค้าไป
“ ก็ไม่เชิง แต่ว่าเป็นคนละชนิดกัน ”


“ ปกติ แล้ว อสูรที่ถูกผนึกอยู่ในการ์ดจะมีการได้มา 2 วิธีคือ การสร้างวัตถุเชิงวิญญาณขึ้นมาสถิตย์ไว้ในผนึกที่เป็นกรรมวิธีของ อสูรเทียม ส่วนอีกวิธี คอการผนึกอสูรของจริงลงในการ์ดผนึกโดยตรง ตามแต่ผู้ใช้ผนึกจะหาตัวอสูรที่ต้องการมาได้ ”
บีบิส อธิบาย

“ แต่ปัจจุบัน เราเองก็ทำการก็อปปี๊ อสูรแท้ และทำออกมาเป็น อสูรเทียม เพื่อขยายฐานการเล่นออกไปไม่ให้มีกระจุกกัน
อยู่แค่คนบางกลุ่ม เพราะงั้น ตอนนี้ การ์ดโดยทั่วไปก็แทบจะเป็นของผลิตเองเกือบหมด ”
ไกอา พูดก่อนจะเดินไปเติมกาแฟใส่แก้วอีก บีบิส จึงรับมาพูดอีกต่อ

“ แต่ก็มีอสูร อยู่ 3 ประเภทที่เราไม่สามารถทำแบบนั้นได้ 1.คือ อสูรเทพ(God Class) อย่าง เรราเย่หรือ อาแมนคริสอัลติเมท 2.คืออสูรระดับตำนาน(Legend Class) และสุดท้ายคือ อสูรมาร (Pecca Class) ที่จริงบางทีมันอาจจะมีมากกว่านี้อีกแต่ที่เราค้นพบในปัจจุบันทั้งหมดมีแค่ สามประเภทนี้เท่านั้น ที่ไม่สามารถทำการ ลอกแบบได้ เพราะงั้นเราเลยเรียกมันว่า อันโนน ”

“ แล้วความแข็งแกร่งของ มันใกล้เคียงระดับไหนกันล่ะ อสูรตำนาน หรือ อสูรเทพ ”
โคทาโร่ ถามหลังจากฟังพวกเค้าอธิบายมาแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าถึงประเด็น ที่ต้องการเสียที
พวกเค้า เงียบไปพักใหญ่ ก่อน ศรี จะเปรยออกมา เบาๆแค่ครั้งเดียว

“ …….May be is beyond god like….. ”

……………………………………………
…………………………………………………….

11.30 น. เวลาพักเที่ยง

แสงแดดเริ่มแรง สนามกลางแจ้งขอโรงเรียน ก็เต็มไปด้วยเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว ของนักเรียนซึ่งกำลังเตะฟุตบอลอยู่
เอิ่ม …คงใช่มั้ง…..

“ ยิงประตูเลย!!! ”
เสียงตะโกนเชียร์ดังกระหึ่ม ตอบรับ ธนัท ที่ยืนอยู่หน้า โกลด์ฟุตบอล โดยมีผู้รักษาประตู คือ แอน

“ จะยิงล่ะน้า~~~~~~ ”
ธนัท ตะโกนพร้อมกับ ตั้งเตรียมจับการ์ดออกจาก ช่องเสียบของ ปลอกแขนที่สวมเอาไว้ โดยใช้เท้าเหยียบลูกบอล
ให้ลอยขึ้น

“ Come on!! แอน พร้อมทุกเมื่ออยู่แล้ว!!! ”
แอน ท้าพร้อมกับ ตั้งท่าเตรียมจับการ์ดเช่นกัน

“ ถ้างั้นก็ลองชิมสุดยอดลูกเตะของ แมนเซเรก ดูหน่อยเป็นไงย้าก!!!! ”
ธนัท จับการ์ดขึ้นและร่ายออกไปทันที มังกรกริฟแห่งอัคคีแมนเซเรก ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับ ยิงลูกไฟยักษ์
พาลูกบอลที่ลอยค้างกลางอากาศ พุ่งเข้าประตู

“ ไม่มีวันซะหรอกหนา ออกมาเลย ไอซิเคิลฮาวน์ 4 ใบ ”
แอน ประกาศพร้อมกับ จับการ์ดขึ้นมา 4 ใบแล้วร่ายออกไป อสูรสี่เท้าขนหนาสีขาวตัวเขื่องสี่ตัว ปรากฏตัวขึ้นมา
เป็นกำแพงป้องกัน ลูกยิงของ แมนเซเรก ทันที

รูปภาพ

“ กึ๋ย~~~ ”
ธนัท ถึงกับ หน้าซีดกับกำแพงอันแน่นหนานี้

“ สะท้อนกลับไปเลย Hound Mobster!!!! ”
สิ้นคำ ทั้งสี่ตัวก็ส่งเสียงคำรามดังกึกก้อง พลังเสียงไม่เพียงต้าน ลูกยิงไว้ แต่ยังสะท้อนมันกลับออกไปได้ด้วย


{เหนือกว่าพระเจ้า….หมายความว่ายังไงกัน อสูรมารพวกนั้น ระดับยิ่งกว่า อสูรเทพงั้นเหรอ หรือว่าสูงไปกว่านั้น
พอจะถาม ก็ดันผลักเรา ออกมาซะก่อนอีก ทำไมถึงต้องจงใจตอบเป็นภาษาอังกฤษ แบบนั้นด้วย}
โคทาโร่ ยืนอยู่ข้างสนาม โดยยังคงเก็บเอาเรื่องเมื่อเช้ามาคิด ไม่ทันดูรอบๆ ว่าทุคนกำลัง แหวกทางหนีกราวกันหมด

“ หืม… ”
ตูม!!!!!!

เสียงสุดท้ายเปล่งออกมา และตามด้วยเสียงระเบิดตูมใหญ่ จากลูกยิงพลังไฟที่สะท้อนไปลง กบาล เค้าพอดี
บริเวณโดยรอบตลบอบอวลไปด้วยควันพักใหญ่

“ นี่พวกนายเล่นอะไรกันเนี่ย!!!!! ”
เสียงของ โคทาโร่ ดังขึ้นพร้อมกันนั้น เมื่อควันจางลง ลูกบอล ที่กระเด็นมายังคงหมุนติ้วอยู่ในอุ้งเล็บ
ของ จักรพรรดิ์มนุษย์หมาป่า(Kaiser Werewolf)

รูปภาพ


“ ธนัท ผิดเองหนาที่เตะมาเมแรงแบบนั้น แอน ก็ต้อง การ์ด(Guard) เอาไว้บ้างสิ ”
แอน รีบออกตัว เฉไฉ โยนความผิดให้ ธนัท ก่อนทันที

“ ไหงงั้นล่ะ~~ ”
ธนัท แย้งพยายามจะแก้ตัวกลับไปบ้าง แต่ ชุติการก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ วันนี้ เคียว ก็ไม่มาอีกแล้วเหรอ? ”

ทุกคนในกลุ่มเงียบเสียงลงและ ได้แต่มองหน้ากันอย่างเงียบๆโดยไม่มีใครพูดอะไร เพราะ
ตั้งแต่เกิดเรื่องสามอสูรบรรพกาล ครั้งนั้นแล้ว เคียว ก็ไม่โผล่มาให้เห็นอีกเลย แม้ว่าเพื่อนๆทุกคนจะติดต่อไป
แต่ก็ไม่ได้การตอบรับกลับมา แม้แต่น้อย

…………………………..
…………………………………………..
…………………………………………………………..

หลังเลิกเรียน คาบเรียน พิเศษจึงเริ่มชั่วโมงที่สองของสัปดาห์นี้ขึ้นมา บรรดานักเรียน พร้อมหน้ารอคอยที่จะได้รับชม
สุดยอดการดวลของ คิระ ที่จะมาดวลกับนักเรียนแลกเปลี่ยน คนที่ 2 นอกจาก นักเรียนทั่วไปที่ยืนออกันอยู่ข้างล่างเวที

นักเรียนพิเศษ อีก 2 คน ก็มาจับตามองการดวลในวันนี้อยู่ที่ข้าง เวที ด้วยเช่นกัน
ตอนนี้บนเวที คิระ มายืนรออยู่ก่อนแล้ว ทว่า คู่ดวลของ เค้านั้น กลับยังไม่ปรากฏตัวให้เห็นแม้แต่เงา
อาจารย์ ไกอา บีบิส และ คริฟ ทั้งสามท่านก็ยังคงมาคอยเป็นพิธีกร ให้บนเวที เหมือนเมื่อวาน


“ นี่มันช้ากว่าที่นัดกันไว้ ไป 20 นาทีแล้วนะ ”
ชุติการ บ่นขึ้นมาหลังจาก มองดูเวลาซึ่งฉายบนจอโฮโลแกรมกรอบเล็ก จาก กอสเปล Note ของเธอ

“ หรือว่าหมอนั่นจะกลัวจนหนีไปแล้วน่ะ ”
โคทาโร่ เอ่ยเหน็บ แต่มิส ก็แทรกขึ้นมา

“ ไม่หรอก ผัก เอ้ย!..บาร์น น่ะถึงจะเห็นแบบนั้น แต่ก็เป็น แชมป์ของสาขาภาคตะวันออก ฝีมือไม่ใช่ระดับที่จะกลัวจนฝ่อกับอีเรื่องแค่นี้หรอก ”

“ พูดซะยังกับรู้จักกันมาก่อนงั้นแหละ ”
ธนัท ถาม

“ อืม รู้จักสิ ก็ก่อนจะจบ ม.ต้น เราเรียนโรงเรียนเดียวกันนี่นา ทั้งบาร์นแล้วก็ฉัน เราสองคนถูกขนานนามกันที่โรงเรียนเก่าว่าเป็น Twin King มาแล้วเลย ”
มิส ตอบพร้อมกับ ขยายความให้เสร็จสรรพ โคทาโร่ ผิวปากเป็นเชิงว่าแปลกใจ ขณะที่ คนอื่นๆได้ยินแล้วก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อซักเท่าไหร่ แต่แล้วก็มีเสียงโครม ใหญ่ดังขึ้นมาจาก เวที ทุกสายตาจึงกลับไปจับจ้องอีกครั้ง
ตอนนี้ บาร์น มาแล้ว และกำลังก้มหา แว่นตา ที่หลุดกระเด็น เพราะความซุ่มซ่ามของตัว เองเหมือนทุกครั้ง

…………….

“ นี่จ๊ะ บาร์น คราวหลังก็ระวังหน่อยนะ.. ”
ไกอา ก้มลงเก็บแว่นคืนให้ แม้แต่เธอเองก็ยัง ไปไม่ถูกกับ ความซุ่มซ่ามเกินบรรยายของ เค้า

“ ถ้างั้นเราก็มาเริ่มกันเลยเถอะนะค้า~~~ทุกคน!! ”
ไกอา ประกาศก้องผ่านไมค์ทันที เมื่อทุกอย่างเข้าที่แล้ว เสียงร้องตอบรับจากบรรดานักเรียน ดัง
กระหึ่มไปทั่วทั้งโรงเรียน ในเวลาไม่นาน

“ ทีเนอร์(Tenor) สแตนบายน์ ” /Yes Sir!! , Get Set Stand by Duel Mode/
คิระ ออกคำสั่ง พร้อมกับ ตั้งแขนซ้ายให้ฉากกับลำตัว Note ที่อยู่ในรูปแบบ จี้ห้อยคอ เปลี่ยนรูปสสาร
ของตัวเองให้กระจายออก ก่อนจะไปรวมตัวกันที่แขน และขยายส่วนประกอบกันใหม่ กลายเป็น
ปลอกแขนจักรกล ที่มี ฟันเฟือง หนึ่งวง ยื่นออกมา หมุนปั่นสร้าง ละอองแสงสีเขียว อันเป็นพลังงานเวทย์

“ The secret of success in life is to be ready for your opportunity when it comes. ”
บาร์น เปรย ก่อนจะหลับตาสูดลมหายใจลึก จนเต็มปอดและค่อยๆผ่อนออกมา บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไปในทันที
ภายในความซุ่มซ่าม และ ความเงอะงะ ที่เคยแสดงให้เห็นอยู่หายไปจนหมดสิ้นในพริบตา ยามที่ ดวงตาเปิดขึ้นอีกครั้ง
ที่อยู่ต่อ หน้า คิระ ก็แทบจะเป็นคนละคนกันไปเลย

{ความรู้สึกแบบนี้ จิตสังหาร…..ค่อยรู้สึกอยากจัดการขึ้นมาบ้างแล้ว ต้องแบบนี้สิ ถึงจะสมกับตำแหน่งบนจุดสุดยอด}
รอยยิ้มเผยอขึ้นที่มุมปากของ คิระ ขณะที่ บรรดานักเรียน และ อาจารย์ พากันรู้สึกเสียวแวบไปชั่วครู่

“ ความลับของความสำเร็จคือเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอสำหรับโอกาสที่มาถึง
โดย เบนจามิน ดิสราเอลี เอิร์ลแห่งบีคอนสฟิล์ดที่ 1 Benjamin Disraeli ”
อาจารย์ คริฟ พูดขึ้น ไกอา และ บีบิส หันมามองกันอย่าง งงๆก่อนจะย้ายเป้าสายตาไปที่ เค้า

“ แหม..ผมคิดว่ามันเป็นคำพูดที่ฟังดูมีเหตุมีผลดีนะครับ…ก็เลยจำมาจากหนังสือกะว่าจะเอามาพูดเวลาสอนพวก
นักเรียนบ้าง ”
อาจารย์ คริฟ ตะเพิดเสียงดังแก้เขิน ทำเอา ไกอา กับ บีบิส พากันถอนหายใจยาวเป็นแถบ

“ น….นั่นสิคะ…แหะๆ ”
อาจารย์สองสาว รับคำเสียงเนือยๆ ก่อนจะเบนเป้ากลับมา ที่ คู่ดวล ตอนนี้ บาร์น แสตนบาย์ Note ซึ่งกลายเป็นปลอกแขนรูปร่างคล้ายกับจิงโจ้ เป็นที่เรียบร้อย และทั้งสองก็พร้อมที่จะเริ่มดวลกันแล้ว

รูปภาพ

“ ถ้ายังงั้นก็ Let’s ~~~~~Duel!!!! ”
ไกอา ลากเสียง ประกาศเริ่มการ ดวล เสียงเชียร์จากบรรดานักเรียน ข้างล่างก้ดังกระหึ่มขึ้นมา
โดยส่วนหญ่แล้ว จะเป็นเสียงสนับสนุน คิระ เสียมากกว่า เพราะนี่ถือเป็นการดวลโดยมี หน้าตาของ โรงเรียนเป็นเดิมพันด้วย

“ ในครั้งนี้เราจะให้การดวลด้วยกฏ Ruler Level Master Mode ที่พึ่งจะเปลี่ยน Ruler ใหม่แทน Expert Mode
ของเดิมนะครับ ”
อาจารย์ คริฟ พากย์เสียงอธิบาย ผ่านไมค์ ที่คราวนี้มีมาเสริมให้ อาจารย์ พิเศษ คนอันกันไปเลย

“ ซึ่งในกฏ Ruler Level Master Mode ที่พึ่งเปลี่ยนนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงค่า Shrine Max กับ Mp Max ใหม่ให้เป็น 8 เท่ากันทั้งสองค่าค่ะ ”
บีบิส อธิบายผ่านไมค์ในส่วนของ รายละเอียดกฏที่เหลือ อยู่ต่อจาก อาจารย์ คริฟ ทันที


“ ฉันบุกก่อน ”
คิระ ประกาศเริ่มรอบของตน หลังจากต่างฝ่ายต่างจับ การ์ดขึ้นมาครบ 7 ใบ

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

“ Cost Mp 3 ให้ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล(The Guardian of Lexdetheo Seal)ออกมาที่ At Line ”
คิระ ประกาศพร้อมกับ หยิบเอา ซีลการ์ดบนมือขึ้นมาใบหนึ่ง ก่อนจะปล่อยให้มันตกลงสู่พื้น ผนึกการ์ดซีล
ดูดซับละอองแสงที่สร้างจากฟันฟือง เข้าไปจนเรืองแสง เมื่อมันตกถึงพื้น การ์ดกลับจมลงไปในพื้นเวทีอย่างช้าๆ
จนมิดใบ ไม่กี่อึดใจต่อมา เสาลำแสงก็พุ่งทะยานสูงขึ้นจากเวที และสลายลง พร้อมกับการปรากฏตัวของ ผู้พิทักษ์จักรกล
สีขาว ซึ่งมีดาบเงิน 4 เล่มขนาดยักษ์ รายล้อมอยู่รอบๆ

รูปภาพ

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 2 Mp:2/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

“ ตาแรกมาก็ส่ง Seal ใบเด็ดออกมาก่อนเลยเหรอเนี่ย ”
โคทาโร่ เปรย

“ คงคิดจาปิดฉากในทีเดียวแบบไม่ให้ตั้งตัวติดกันเลยหลามั้ง ”
แอน กล่าวเสียงเหน่อ วิจารณ์ออกมาตามสภาพที่เห็น

“ มันจะเป็นแบบนั้นแน่เหรอ… ”
มิส แย้งขึ้น ทุกคนหันมามองเค้าเป็นจุดเดียวกันทันที ด้วยถ้อยคำที่น่าสงสัยของ เค้า

“ Ability ของ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล ทำงาน!! สามารถแสดง Mystic Card 4 ใบบนสุดจาก สำรับ และเลือกเอา Mystic สวมใส่(PS)จาก 4 ใบนั้น มาติดตั้งให้กับ การ์ดใบนี้ได้ ”
คิระ อธิบาย ก่อนจะจับการ์ด มิสติกขึ้นมา 4 ใบ และแสดงออกมา

รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

“ เลือกให้ Beam Gun Arm ไปติดให้กับ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล แล้วส่งที่เหลือไปที่ Shrine ”
คิระ ประกาศ ก่อนจะ หยิบเอา มิสติก การ์ดที่เลือก ออกมา และยัดที่เหลืองไปที่ช่อง Shrine ของปลอกแขน
จากนั้น มิสติกการ์ด ที่เลือกมาก็ดูดเอา ละอองแสงเข้าไป และสลายตัวไปรวมกันที่แขนซ้าย ของ ผู้พิทักษ์จักรกล
แทนที่ดาบทั้ง 4 เล่ม ซึ่งถูกสลายให้หายไป

“Cost Mp 2 ให้ Mystic ถาวร Power of Soul ทำงาน แล้วหมดรอบ ”
คิระ ประกาศ พร้อมกับร่าย มิสติกการ์ดบนมืออกไป ปรากฏภาพของ มิสติกการ์ดซึ่งมีรูปของ เทวทูต รายล้อมด้วย
ดวงพลังแห่งวิญญาณ ปรากฏอยู่ขึ้นมาในสนาม

รูปภาพ

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 1 Mp:0/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

“ รอบของผัก Cost Mp 3 อัญเชิญ ราชินี อัญมณีแห่งพืชกินแมลง เซฟาโลตัส ควีน(Cephalotus Queen)
ออกมาที่ At Line ”
บาร์น ประกาศ ผนึกการ์ดที่ร่ายออกไป ดูดซับละอองแสงไว้จนล้นปรี่ และปลด ออก แสงสว่างเจิดจ้า ขึ้น
และจางลงปรากฏ พืชประหลาดขนาดยักษ์ขึ้นบนสนามของ บาร์น มันมีลักษณะดอก กลมเรียวเหมือนถุง
ใส่ของ กลีบใบซึ่งมีขอบกลีบเต็มไปด้วยสี่กลีบหุบปิดส่วนบนเอาไว้อย่างมิดชิด ด้านหลังของ ดอกมี เถาวัลย์ขดปลายยื่นออกมา

รูปภาพ

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]

“ เกร็ดเล็กน้อย นะครับ Cephalotus ในชื่อของ เซฟาโลตัส ควีน(Cephalotus Queen) เป็นชื่อของ พืชกินแมลง
ที่มีความหายากจนถูกขนานนามว่า ‘อัญมณีแห่งพืชกินแมลง’ ซึ่งชื่อภาษาไทย เรียกว่า ‘กระเป๋าจิงโจ้’ ”
อาจารย์ คริฟ อธิบาย ผ่านไมค์ ออกมา

“ โหย~~~งั้นนี่ก็เป็น อสูร ที่เข้ากับDNA-Changer สายพันธุ์ จิงโจ้ อย่างเค้ามากๆเลยนะคะเนี่ย ”
ไกอา เสริมตอบรับคำอธิบาย เป็นลูกคู่กันมา

“ อย่า เผากันในระยะเผาขนแบบนี้ได้ไหมคร้าบ~~~จารย์!!!!! ”
บาร์น หันไปตะโกนใส่ ก่อน จะทำสมาธิใหม่อีกรอบ และเริ่มเดินเกมต่อ


“ Cost Mp 3 แล้วให้ Second World ทำงาน ผลจากการ์ดใบนี้จะทำให้ อสูรที่ติดมันไว้ อยู่ในสถานะ Dimension Curse ”
บาร์น แสดงมิสติกการ์ดในมือ ก่อนจะขว้างมันออกไปยังผู้พิทักษ์จักรกล การ์ดผนึกดูดซับเอาละอองเวทย์ รอบๆเข้ามารวมกันไว้จนกลายเป็น วงแหวนแสงล้อมกรอบ ผู้พิทักษ์จักรกลเอาไว้ และย้ายหายไปในห้วงมิติอื่น

รูปภาพ
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 1 Mp:2/8 Shrine 0/8 ]

“ ขออธิบายนะครับ Dimension Curse เนี่ย จะทำให้ อสูร ที่ติดสถานะนี้ ไม่นับว่าอยู่ใน Line ใดๆ
แต่ยังคงอยู่ในสนามและตกเป็นเป้าของ Mystic Skill และAbility ได้อยู่เหมือนเดิม แต่ไม่สามรถเลือกเป็นเป้าโจมตีได้ ”
อาจารย์ คริฟ บรรยายสรรพคุณ ผ่านไมค์ออกมา ไขความกระจ่างให้ กับทุกคน

“ เอ๋ แต่ว่าถ้าไม่อยู่ใน Line ใดๆเลยแบบนี้ แล้วในสนามของ อนุชิต เอ้ย คิระ ก็ไม่มี อสูรตัวอื่นเลยด้วย
ก็จะถูกโจมตีขึ้นมือโดยตรงได้เลยน่ะสิคะ ”
ไกอา พากย์ตามน้ำ เรียกเสียงฮือฮาจากบรรดานักเรียน กันอย่างล้นหลามเลยทีเดียว

“ Cost Mp 1 อัญเชิญ อควอ แพลนท์(Aqua Plant) ออกมาที่ At Line ”
บาร์น อัญเชิญ อสูร เพิ่มขึ้นมาอีกใบ ภูตสาวกายสีฟ้าเข้มแกมเขียวตามร่างกายประดาประดาไว้ด้วยรากไม้น้ำ
นานาชนิด นางมีเส้นผมเป็นกอสาหร่ายสีเขียว ยาวย้วยลงมาถึงหลัง

รูปภาพ

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:6/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 1 Mp:1/8 Shrine 0/8 ]


“ เอาแล้วค่ะ บาร์น อัญเชิญ อสูรออกมาเพิ่ม นี่เค้าจะใส่เต็มที่ตั้งแต่เริ่ม เกมเลยหรือคะเนี่ย ”
ไกอา พากย์อย่างออกรส จนบีบิส อดมองค้อนเสียไม่ได้

“ ในจังหวะนี้เมื่อการเปลี่ยนโซนของการ์ดเกิดขึ้นจะตามมาด้วย Interfree Step…
Cost Mp 2 ให้ Fallen Spell ทำงาน ต้องส่ง Mystic Card ใบหนึ่งจากในสำรับไปที่ Shrine ฉันขอส่ง
Alternation ไปที่ Shrine ”
คิระ แสดงมิสติกการ์ดบนมือ ขึ้นมาก่อนจะ หยิบจากสำรับอีกใบ ขึ้นมาแสดงแล้ว ส่งทั้ง 2 ใบไปที่ ช่อง Shrine

รูปภาพ
รูปภาพ
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:6/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 1 Mp:1/8 Shrine 0/8 ]

ทันทีที่การ์ดทั้งสองใบถูกเก็บลงไปยัง Shrine ก็เกิดแสงสว่างส่องออกมาจากช่อง Shrine ของ ปลอกแขน
พร้อมกันนั้นเอง จอมเวทย์หญิงก็ปรากฏกายขึ้น พร้อมกับ คฑาสามคัน นางขยับริมฝีปากอย่างรวดเร็วเพื่อร่ายคาถา
ออกมา แสงสว่างพุ่งออกจากคฑาทั้งสาม ไปยังพื้นที่ว่างที่ ผู้พิทักษ์จักรกลเคยอยู่และดึงเอาร่างนั้นกลับมา อยู่ในสภาพก่อนจะถูกส่งข้ามมิติไป วงแหวนแสง ที่ล้อมกรอบ ผู้พิทักษ์จักรกล ถูกย้ายคืนกลับไปยัง เซฟาโลตัส ควีน ที่อยู่ในสนามของ บาร์น และทำให้มันหายไปจากสนามแทน

“ ผลจากการ์ดของ Alternation ทำงาน เมื่อมันถูกส่งไปที่ Shrine ก็จะย้าย Mystic Card สวมใส่(PS)ใบหนึ่ง
ไปติดที่ Seal ที่สามารถติดมันได้ ฉันใช้ผลข้อนี้ ย้าย Second World ที่ติดอยู่บน ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล
กลับไปที่ เซฟาโลตัส ควีน แทน ”
คิระ อธิบาย

“ แบบนี้ก็เท่ากับว่าโดนย้อนศรกลับเองซะแล้ว ทั้งทีเมื่อตะกี้ยังได้เปลี่ยบอยู่เต็มๆแต่แค่ Step ต่อ Step ก็พลิกกลับมา
ได้แล้ว…น่ากลัวจริงๆ ”
โคทาโร่ เปรยความเก่งกาจของ คิระ ที่แสดงออกมานั้น เหนือชั้นอย่างเห็นได้ชัด
ทว่า ขณะที่ทั้งสนาม กำลังคิดว่า บาร์น ตกเป็นรองอยู่ นั้น แต่เจ้าตัวกลับฉีกยิ้มอยู่ที่มุมปาก
ราวกับว่า เกมกำลังเดินไปตามแผนที่เค้าตั้งใจไว้

“ Cost Mp ที่เหลืออีก 1 เรียกให้ อควอ แพลนท์ อีกใบออกมาที่ Df Line แล้วหมดรอบ ”
บาร์น ประกาศพร้อมกับ อัญเชิญ ภูตไม้น้ำ ขึ้นมาอีกตัวที่แนวหลัง


“ และในจังหวะนี้ Ability ของ อควอแพลนท์ก็ทำงาน ได้เรียก อควอ แพลนท์ ออกมาจากสำรับเพิ่ม ในสนามของ ผัก
มี อควอแพลนท์ อยู่ 2 ใบดังนั้นจึงได้เรียกเพิ่มอีก 2 ใบ แต่ว่าอควอ แพลนท์ ที่เรียกออกมาด้วยผลนี้จะสูญเสีย Ability ไป ”
สิ้นคำ บาร์น ก็หยิบเอา ซีลการ์ดออกมาจาก สำรับอีก 2 ใบและร่ายมันออกไป ภูตไม้น้ำเพิ่มจำนวนขึ้นมาในสนาม
เป็น 4 ตนในทันที

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:6/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:0/8 Shrine 0/8 ]

“ รอบของฉัน จั่วไพ่ ”
คิระ ประกาศรอบของตนพร้อมกับ จั่ว มิสติกการ์ดและซีลการ์ดขึ้นมาอย่างละใบ

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 1 Mp:6/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

“ Cost Mp 2 ให้ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล โจมตีไปที่ อควอแพลนท์ Sacred Laser Bounding!!! ”
คิระ ประกาศโจมตี ผู้พิทักษ์จักรกล ยกแขนข้างที่ติดตั้งปืนลำแสงขึ้นเล็ง เสียงเหนี่ยวไกดังขึ้นและตามมาด้วยเสียงกระหึ่ม
ของ ลำแสงพิฆาตที่ยิงออกมา สลายร่างของ ภูตไม้น้ำ ไม่เหลือแม้แต่ซาก

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 1 Mp:4/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]

“ Ability ทำงานเมื่อ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล โจมตีสำเร็จ Cost Mp ให้ 1 จุดก็จะสามารถต่อสู้ได้อีกครั้ง
รับไปซะ Sacred Laser Bounding !! นัดที่สอง ”
สิ้นคำ ผู้พิทักษ์จักรกล ก็ทำการประทับปืนลำแสงยิงอีกครั้ง

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 1 Mp:3/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]

“ ไม่มีทางหรอกน่า Ability ของ เซฟาโลตัส ควีน ทำงาน Illusion Wall!! ”
บาร์น ตะโกน ทันใดนั้น ก่อนที่ลำแสงพิฆาต จะข้ามแนวหน้าไป ภูตไม้น้ำของ บาร์น กลับหายวับไปในพริบตา
ทำให้ ลำแสงสูญเสียเป้าหมายและพุ่งลงพื้นไป จากนั้น เหล่าภูตไม้น้ำที่เคยหายไปก็กลับมาอยู่ในสนามตามเดิม
นักเรียนทุกคนรวมทั้งบรรดาอาจารย์ ต่างมองหน้ากัน เลิ่กลั่กกับสิ่งที่เกิด บ้างก็ขยี้ตา เพื่อเช็กดูว่าตัวเองตาฟาดไปหรือไม่

“ เมื่อกี๊ เหมือนกับว่า อสูร ของเจ้านั้น มันหายไปแวบหนึ่งเลยนะ หรือว่า ฉันตาฟาดกันล่ะเนี่ย ”
ชุติการ กล่าว

“ ตาฟาดพร้อมกันทั้งโรงเรียน เนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้หรอก ”
ธนัท แย้ง

“ ไม่ได้ตาฝาดหรอก พวกนายถูก ภาพมายาหลอกตาเอาต่างหาก ”
มิส อธิบาย ทุกคนหันมามองเค้าเป็นทางเดียวกันทันที เพื่อจะขอคำตอบ

“ ลูกไม้ที่ บาร์นถนัดมากที่สุดการทำให้ประสาทสัมผัสรับรู้ต่อสภาพการณ์ในสนามบิดเบือนไป
ทั้งภาพลวง (Illusion)และมิติขนาน (Dimension) ต่างก็เป็นอาวุธและโล่สำหรับต่อกร กับ คู่ต่อสู้ที่ใช้พลังเข้าถล่มใส่ได้อย่าง
ดีเยี่ยมทั้งนั้น ”
มิส กล่าว

“ รู้ไหม ถ้าพืซที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ขาดสารอาหารจาก ดิน มันจะทำยังไง? แน่นอนก็ต้องหาอาหารเพิ่ม
นี่คือธรรมชาติและสัญชาตญาณของ พืชกินแมลง เพื่อที่จะล่อลวงเหยื่อมาก็ต้องใช้ ความสามารถในการอำพรางต่างๆล้วน

แล้วแต่เป็น มายาที่จะดึงศัตรูที่หลงกลเข้ามาติดกับดักและต้องกลายเป็นอาหารที่แสนหอมหวานไปยังไงล่ะ และ กำแพงมายา Illusion Wall นี่ก็คือหนึ่งในความสามารถที่ว่า เมื่อ เซฟาโลตัส ควีน อยู่ที่ At Line เผ่าพันธุ์ พฤกษา(Plant) ทั้งหมดใน Df Line ที่ไม่ใช่การ์ดใบนี้จะป้องกันจากการโจมตี ”

บาร์น อธิบาย

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 1 Mp:3/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]

“ Cost mp 2 ให้ Mystic ถาวร Glory Shield ทำงาน แล้วหมดรอบ ”
คิระ ประกาศพร้อม ร่าย มิสติกการ์ด ออกมา การ์ดผนึก อัญเชิญ โล่ทองสัมฤทธิ์เขียนลายกิ่งใบไม้ ฃและขอบทาประดับด้วยทองคำเหลือง

รูปภาพ

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 0 Mp:1/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]

“ รอบของ ผัก จั่วไพ่!! และในจังหวะนี้ ผลของ Second World ก็หมดไป ทำให้ เซฟาโลตัส ควีน กลับมาที่ At Line ”
บาร์น ประกาศรอบพร้อมกับจับ ซีลกับมิสติก การ์ดขึ้นมาอย่างละใบ และ เซฟาโลตัส ควีน ในสภาพหุบกลีบ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 0 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]

“ Cost Mp 3 เรียกให้ พกฤษา อาวุสโส อามาเรต้า (Amareta, the Elder Plant) ออกมาที่ Df Line ”
ทันทีที่ การ์ดผนึกปลดออก รากไม้ก็ไชทะลุพื้นเวทีขึ้นมาก่อรูปเป็นตัวคล้ายมนุษย์ และ ไม้เท้าอันเกิดจากรากไม้พันเกลียว
ร่างนั้นสะบัดไม้เท้าลง เผยรูปลักษณะอันสง่างามดัง เทพยดาแห่งแมกไม้

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 0 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]

{ดีล่ะฝ่ายโน้นไม่มี Mystic Card แล้ว}“ Cost 2 ให้ เซฟาโลตัส ควีน โจมตี ”
สิ้นคำประกาศของ บาร์น กลีบทั้ง 4 ที่เคยหุบปิดส่วนบนของดอกเอาไว้ก็แง้มผลิออกร่างของ มนุษย์หญิงสาว
ค่อยโผล่พ้นออกมาจากดอก หัวของนางสวม มงกุฏทำจาก กลีบดอกของมัน 3 กลีบเล็ก
มือขวาเป็นช่อดอกขนาดใหญ่กลีบสีชมพู มีของเหลวสีเขียวหยดออกมา

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 0 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:3/8 Shrine 1/8 ]

“ ให้ เซฟาโลตัส ควีน ที่มีค่า At 8 โจมตีใส่ การ์เดี้ยน เลกซ์เดทีโอ ที่ มีค่า At 10 งั้นเหรอ!? ”
ธนัท อุทาน เช่นเดียวกับทุกคน ที่ตะลึงไปกับ คำสั่งที่ บาร์น ประกาศออกมา

“ เซฟาดลตัส ควีน มี Ability ที่จะเพิ่มค่า At ตามจำนวนเผ่า พฤกษา ใบอื่นในสนาม ตอนนี้ เผ่าพฤกษา
นอกจาก เซฟาโลตัส มีทั้งหมด 4 ใบ ดังนั้น ค่า At จึงเท่ากับ 12 หน่วย ย่อยสลายมันเลย เซฟาโลตัส ควีน ”
บาร์น กล่าว ร่างหญิงสาวบนดอก เซฟาดลตัส ยกแขนขวาที่เป็นช่อดอก ขึ้นประทับ
และตวัดแส้เถาวัลย์ที่โยงจากด้านหลังดอก ออกไปมัดร่าง ของ ผู้พิทักจักรกล ให้อยู่ในวิ๔จู่โจมก่อนจะ
ฉีดของเหลวสีเขียวข้น ใส่

“Cost Mp 1 Sacrifice Glory Shield จากนั้นให้ผลของมันทำงาน ”
คิระ ประกาศแทรกขึ้นมา โล่ทองสัมฤทธิ์ ที่วางอยู่ในสนาม ก็พุ่งขึ้นไป กันของเหลว
ที่ฉีดมา ให้กับ ผู้พิทักษ์จักรกล ของเหลวที่ เหลือหยดลงบนพื้นเวที ก็ละลายจนเกิดควันลอยฉุยขึ้นมา

“ Glory Shield จะป้องกันการโจมตีให้กับ อสูร ตัวหนึ่งในสนามได้จนกว่าจะหมดรอบ ”
คิระ อธิบายตอนนี้โล่ทองสัมฤทธิ์ ที่รับเอา สารละลาย แทน ยังคงอยู่อย่างสมบรูณ์ไม่มีแม้รอยถลอก
ร่างหญิงสาวหุบกลับไปในดอกพร้อมกลีบที่ปิดงมิดชิด ตามเดิมหลังจากโจมตีเสร็จ ขณะที่ บาร์น คิดหาวิธีรับมือต่อไป

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 0 Mp:7/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:3/8 Shrine 1/8 ]

“ Cost Mp 3 ให้ Second World อีกใบทำงาน เลือกเป้าหมายเป็น เซฟาโลตัส ควีน แล้วหมดรอบ ”
บาร์น ร่ายมิสติกการ์ดออกมา และส่ง เซฟาดลตัส ควีน กลับเข้าไปยัง มิติขนานอีกครั้ง

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 0 Mp:7/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:0/8 Shrine 1/8 ]


“ เข้าไปหลบในมิติขนานอีกแล้ว ไม่ยอมเปิดให้ช่องให้โจมตี แบบนี้ Illusion Wall ช่างเป็น Combo ที่ทำเอา หืดขึ้นคอจริงๆค่ะ ”
ไกอา พากย์ ตามการดวล ตอนนี้ คิระ เป็นฝ่ายถูก กดดันให้ ตั้งรับเพียงอย่างเดียว บัดนี้เสียง เชียร์ที่เคยกระหึ่มสนามกลับกลายเป็นความเงียบเชียบไปในทันที ทุกคนต่างลุ้นระทึกว่า คิระ ดาบแห่งพระเจ้า จะถูกโค่นลงตรงนี้หรือไม่

“ ผักน่ะใช้เวลาทั้งคืนนั่งศึกษาสำรับของ คุณจนหมดเปลือกแล้ว และนี่คือ Combo ที่ได้ผลดีที่สุด
การเล่นผสานเพื่อปิดผนึกการโจมตี ”
บาร์น กล่าว แต่ คิระ ไม่สนใจ และประกาศเริ่มรอบของตัวเองต่อทันที

“ รอบของฉัน จั่วไพ่ ”
คิระ จับซีลการ์ดและมิสติกการ์ดขึ้นมาอย่างละใบ

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 6 ,Mystic 1 Mp:7/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]

{ ทำให้ คนอย่างรุ่นพี่ คิระ หืดขึ้นคอได้ขนาดนี้ เจ้านั่นฝีมือไม่เบาเลย ทั้งที่ขนาดเรากับ ธนัท แค่จะยืนให้อยู่
ก็ยังแทบกระอักออกมาเป็นเลือด}
โคทาโร่ คิด หลังจากได้เห็น แทคติก ของบาร์น แล้วทำให้การประเมินค่าที่เค้าเคยคิดไว้นั้น บิดเบือนไปมากเลยทีเดียว
ราวกับว่า ถูกภาพลวงของเปลือกนอกที่ บาร์น แสดงออกมาหลอกตาเอา

“ เทคนิก กับการเล่นผสานก็เข้าท่าดีอยู่หรอกแต่แค่นั้นน่ะ ทำให้คมดาบของพระเจ้าบิ่นไม่ได้หรอกนะ ”
เสียงที่ดังขึ้นทำให้ พวกเค้าหันกลับไปมอง ยังต้นเสียง มาริน่า กำลังเดินเข้ามาหาพวกเค้า

“ แต่ว่า การโจมตีถูกปิดผนึกโดยสมบรูณ์ไปแล้ว แบบนี้ยังจะเอาอะไรมาสู้ได้อีกล่ะ ”
มิส แย้ง

“ งั้นก็คอยดูต่อไปเถอะ เดี๋ยวก็รู้เอง…ว่าชายผู้ที่กวัดแกว่งดาบแทนพระผู้เป็นเจ้า น่ะจะหาทางออกจากสถานการณ์นี้ยังไง ”
มาริน่า กล่าวโดยไม่สบตากับ เค้าแม้แต่น้อย แต่แล้วความสนใจก็กลับขึ้นไปอยู่บนเวที เมื่อ คิระ เริ่มเดินเกมต่อ

“ Cost Mp 2 ให้ Alternation ทำงาน ย้าย Second World จาก เซฟาโลตัส ควีน มาติดให้กับ
ดิ กาเดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล ”
การ์ดผนึกถูกร่าย ออกมา ปรากฏจอมเวทย์สาว ผู้มาพร้อมคฑาสามคัน นางร่ายคาถาที่มีผล โยกย้าย
เวทย์มนต์ ของนางทันที เซฟาโลตัส ควีน ปรากฏตัว ขึ้นในสนามอีกครั้ง และแสงจากคฑา

ทั้งสาม ของนางก็พุ่งเข้าไปอาบ วงแหวนแสง ที่ล้อมกรอบ เซฟาโลตัส ควีน ไว้ก่อนจะดึงให้มา
สวมกับ ผู้พิทักษ์จักรกล และย้ายผู้พิทักษ์จักรกลข้ามไปยังมิติคู่ขนานในพริบตา

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 6 ,Mystic 0 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]

“ ถึงจะดึง เซฟาโลตัส ควีน ออกมาได้ แต่ค่าพลังของมันก็เพิ่มขึ้นไป ถึง 12 หน่วยแล้ว แถม Seal หลัก ก็มาติด Curse
เสียเอง นี่เค้าตั้งใจจะทำอะไรกันแน่คะเนี่ย ”
ไกอา พากย์ผ่านไมค์ขึ้นมา อย่างฉงนกับ สิ่งที่ คิระ ตัดสินใจทำลงไป

“ เมื่อกี๊นายพูดใช่ไหมว่าศึกษาสำรับของ ฉันมาดีแล้ว งั้นฉันขอถามนายหน่อย ข้อมูลที่เอามาน่ะมันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ”
คิระ เอ่ยถาม บาร์น ทำท่านึกอยู่ซักพักก่อนจะตอบกลับมา

“ เอ่อ…น่าจะเป็น เทปการดวลเมื่อประมาณ 7 ปีก่อนเห็นจะได้ล่ะมั้ง ”

“ ทำไมถึงได้ไปศึกษษเอาข้อมูลเก่าเก็บขนาดนั้นกันละเนี่ย ”
ชุติการ เอ่ยและใช้มือเกาหวอย่าง งงๆ

“ เพราะว่าการดวลของ คิระ น่ะมันเป็นแบบนี้ซ้ำๆกันมา 7 ปีเต็มแล้วน่ะสิโดยที่ไม่ได้มีการเพิ่มเติมหรือ
เปลี่ยนแปลงอะไรเลยทั้งรูปแบบและการ์ดที่ใช้ ”
มาริน่า ตอบแก้แงนให้พวกเค้า

“ หมายความว่า สำรับนั่น ไม่มีลูกไม้อะไรอยู่อีกแล้วงั้นเหรอ ”
โคทาโร่ หันมาถาม แต่เธอกลับไม่ตอบเค้าในทันที เพราะตอนนี้ คิระ กำลัง พูดอะไรบางอย่าง

“ นั่นสินะ 7 ปีแล้วหรือเนี่ย ที่เอาแต่ใช้รูปแบบเดิมๆ….ถ้างั้นเพื่อตอบแทนที่ทำให้ ฉันได้เอาจริงอย่างเต้มที่ ฉันจะแสดงให้ได้เห็นถึงพลังที่แท้จริงของสำรับ Cyber Guardian นี้เอง ”
คิระ ประกาศเสียงกร้าว ดวงตาฉายแววความมั่นใจออกมาอย่างล้นเปี่ยม ราวกับว่า การกดดัน ของ บาร์น ที่ผ่านๆมา
ไม่ได้ส่งผลอะไรกับเค้าเลย

“ นี่จะบอกว่า ตั้งแต่เริ่มดวลมานั่นยังไม่ได้ใส่เต็มที่อีกงั้นเหรอ? แล้วที่สำคัญชื่อสำรับน่ะมัน Heaven Gundamus
ไม่ใช่เรอะ! ” (เกรม่อน: แหมจำแม่นดีเนอะ- -#)
โคทาโร่ เผยอ

“ ครั้งสุดท้ายที่เอาจริงนั่นน่ะมันเมื่อไหร่น้า~~~ ”
มาริน่า แกล้งลากเสียงยาว เหมือนจะเหน็บใครบางคน

“ ประธานล่ะก็ อย่าย้อนความได้มั้ยครับเนี่ย ”
ธนัท รับเหน็บ ทันควัน ทำเอา ทั้ง มิส และ โคทาโร่ หันควับมามองแทบจะพร้อมกัน

“ ให้ Skill ของ Power of Soul ทำงาน Sacrifice ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล แล้วฟื้นค่า Mp กลับขึ้นมา ”
คิระ ประกาศ ร่างของผู้พิทักษ์จักรกล ปรากฏขึ้นมาบนสนาม และ ภาพการ์ดของ Power of Soul ที่อยู่ในสนาม ก็เรืองแสงขึ้น ร่างของ ผู้พิทักษ์จักรกล ค่อยๆสลายกลับเป็น ละอองเวทย์ ฟุ้งกระจายอยู่เต็มสนาม ก่อนจะคืนสภาพเป็น ผนึก ร่อนลง
สู่ช่อง Shrine ของปลอกแขน และ ค่า Mp ของ คิระ จึงฟื้นกลับคืนมาเต็มเปี่ยม

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 6 ,Mystic 0 Mp:8/8 Shrine 2/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]

“ จงเบิกตาดูให้ดี ณ บัดนี้ Cost Mp 5 เรียกให้ สุดยอดแห่งอัศวินพิทักษ์ ดิ การ์เดี้ยนไนท์ ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล
(The Guardian Knight of Lexdetheo Seal) ออกมาที่ At Line ”
คิระ ประกาศพร้อมกับ ชู ซีลการ์ดขึ้นสุดแขน ละอองแสงจำนวนมากที่ฟุ้งกระจายอยู่รอบสนาม ถูกดูดขึ้นไป
รวมกันข้างบน ตามมาด้วยเสียงระเบิดตูมใหญ่ และเสาลำแสงพุ่งลงมาปะทะเข้ากับ พื้นเวทีจนสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น

ทุกคนพากัน จะเสียหลักล้มไม่เป็นท่าเอา เสาลำแสงค่อยๆจางหายไปและเหลือทิ้งไว้เพียงร่างเหล็กไหลของ
อัศวินเกราะจักรกล ประคับประคองหอกเหล็กกล้ายาวจากหัวจรดพื้น

รูปภาพ

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 0 Mp:3/8 Shrine 2/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]

“ 7 ปีก่อนฉันก็โดนไอ้เจ้านี่เล่นงานมาเหมือนกัน คอนเฟิร์มเลย เละแน่นอน ”
ธนัท บรรยายสรรพคุณสั้นของ อสูรเหล็กกล้า ตนนี้ จากประสบการณ์ตรงที่ตัวเองเคยผ่านมา
ตอนนี้ ทุกสายตาพากันจับจ้องเป็นเป้าเดียวที่ อัศวินเกราะจักรกล นี้

“ ดิ การ์เดี้ยนไนท์ ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล เมื่อ เรียกมันออกมาได้ ก็จะให้ส่งเผ่าเครื่องจักร(Machine)บนมือ
ไปที่ Shrine 1 ใบ ฉันส่ง มอเตอร์ พับเพ็ท(Motor Puppet) ไปที่ Shrine แล้วเรียกให้ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล ออกมาที่ At Line จากสำรับ ”
คิระ ส่งการ์ดซีลบนมือไปเก็บที่ช่อง Shrine ก่อนจะหยิบ เอาซีลการ์ด ของ ผู้พิทักษืจักรกลขึ้นมาจาก สำรับ
และร่ายออกมา ผู้พิทักษ์จักรกล ได้ปรากฏขึ้นมาบนสนามอีกครั้ง

รูปภาพ

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:3/8 Shrine 3/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]

“ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล ที่เรียกออกมาด้วยผลพิเศษนี้ จะได้รับ ค่า At เพิ่มขึ้น 1 จุดและลดค่า Mp Cost ลง 1 จุด
จากนั้นให้ Ability ของ มันทำงาน แสดง Mystic Card 4 ใบบนสุดจากสำรับ แล้วเลือก Mystic สวมใส่(PS) จาก 4
ใบนั้นมาสวมให้กับมันได้ ใบหนึ่ง ”
คิระ จับเอามิสติกการ์ด ขึ้นมาแสดง 4 ใบก่อนจะเลือก เอาใบหนึ่งมาและสงที่เหลือไปเก็บที่ช่อง Shrine

รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

“ สวม แมกม่าเทียร์(Magma Tear, The Wand of Brenda) ให้ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล ”
ดาบทั้ง 4 เล่มของผู้พิทักษ์ ถูกแทนที่ใหม่ด้วย คฑาสีแดงเพลิงซึ่งมีหัวไม้ขดเป็นเลข 8

“ Cost Mp 3 ให้ ดิการ์เดี้ยนไนท์ ออห เลกซ์เดทีโอ ซีล โจมตี และเมื่อมันต่อสู้ Ability ก็จะทำงาน ให้แสดงเผ่า เครื่องจักร
ที่อยู่บนมือ ค่า At ของการ์ดใบนี้จะเพิ่มขึ้นเท่ากับจำนวนการ์ดที่แสดงคูณด้วย 2 บนมือฉันมี มอเตอร์พับเพ็ท 2 ใบ กับ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล อีก 2 ใบ ดังนั้นค่าพลังจึ้งเพิ่มขึ้นเป็น 18 หน่วย”
คิระ ประกาศ พร้อมกับ แสดง การ์ดทั้งหมดบนมือ ออกมา การ์ดเหล่านั้นเรืองแสงขึ้นมาและ อัศวินเกราะจักรกลก็ดูดซับ
เอา แสงเหล่านั้นมาเพิ่มพลังให้กับร่างของตน

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:0/8 Shrine 3/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]

“ จงรับไป Sacred Spear Bounding!! ”
สิ้นคำ อัศวินเกราะจักรกล ก็ทะยานขึ้นสู่ด้านบน และควงหอกในมือ อย่างทะมัดทะแมง ก่อนจะ
ใช้สองมือ จับคอและปลาย หอก ตวัดหัวลงชี้ไปยัง เซฟาโลตัส ควีน ลำแสงสีฟ้าพุ่ง
ออกจากปลายหอกไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า ลำแสงพุ่งทะลวงผ่าน ดอกของ เซฟาโลตัส ควีน จนกลวงโบ๋
และแตกสลายไปในที่สุด

“ Ability ทำงาน เมื่อ ดิ การ์เดี้ยนไนท์ ออฟ เลกซืเดทีโอ ซีล โจมตีสำเร็จทิ้งเผ่าเครื่องจักรบนมือไปใบหนึ่งก็จะโจมตีได้อีกครั้งโดยไม่ต้อง Cost Mp ค่าโจมตี ทิ้ง มอเตอร์ พับเพ็ท ไปแล้วโจมตีไปที่ อามาเรต้า Sacred Spear Bounding นัดที่สอง ”

คิระ หยิบ ซีลการ์ดทิ้งไปที่ช่อง Shrine ก่อนจะสั่งให้ อัศวินเกราะจักรกล โจมตีอีกครั้ง ลำแสงพิฆาต พุ่งออกจากปลายหอก
ลงไปบดขยี้ร่างของ พฤกษา อาวุสโส อามาเรต้า จนแหลกสลายตามไปอีกเช่นกัน

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:0/8 Shrine 4/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 6/8 ]

“ ให้ Skill ของ Power of Soul ทำงาน Sacrifice ดิ การ์เดี้ยนไนท์ ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล แล้วฟื้นฟูค่า Mp กลับคืนมาเท่ากับค่าร่ายของมัน ”
สิ้นคำ ภาพการ์ด Power of Soul ก็เรืองแสงขึ้นอีกครั้ง และสลายร่างของ อัศวินเกราะจักรกล ให้กลับเป็นละอองเวทย์
พร้อมกับ ฟื้นฟูค่า Mp ของ คิระ ขึ้นมา

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:5/8 Shrine 7/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 6/8 ]

“ Cost Mp 1 ให้ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล โจมตีไปที่ อควอ แพลนท์ Sacred Magma Bounding!! ”
คิระ ประกาศโจมตี อย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดให้ อีกฝ่ายได้พักหายใจแม้แต่น้อย ผู้พิทักษ์จักรกล ตวัดคฑาเพลิงในมือ
ทะยานตัวเข้าประชิด ภูตไม้วารี และยกคฑาขึ้นฟาดลงไป ร่างของ ภูตไม้วารี ลุกโชนด้วยเปลวเพลิง ก่อนจะสลายไปในทันที

{เท่านี้ก็เป็นไปตามแผน ผักน่ะไม่คิดหรอกว่า การเล่นผสานนั่นจะหยุดคนอย่างคุณได้ เพราะขนาด นักร่ายอสูร ที่เคยเอาชนะ King of Cheakmate 5 มาแล้วยังเอาชนะคุณไม่ได้เลย ไพ่ตายจริงๆของผัก น่ะมันต่อจากนี้ต่างหาก}
บาร์น คิดสายตาของเค้าจับจ้องแต่เพียง การ์ดบนมือเท่านั้น หนทางสุดท้ายที่จะโค่น บุรุษสุดแกร่งตรงหน้า

“ จบแล้ว ถ้าโดนการโจมตีครั้งต่อไป Shrine ของหมอนั่นก็จะเต็ม ”
โคทาโร่ สรุป แต่ทว่า มิส ก็แย้งขึ้นมา

“ มันจะเป็นยังงั้นแน่เหรอ…ลองดูตาของ บาร์น ให้ดีสิ ”

พวกเค้ารู้สึกฉงนขึ้นมาทันที เมื่อ สายตาของ บาร์น ตอนนี้ไม่ใช่สายตาของคนที่หมดหวังไปแล้ว แต่กลับเป็นสายตาที่
กำลังรอจะตะครุบเหยื่อตรงหน้าด้วยกับดักที่เตรียมเอาไว้

“ พืชกินแมลงน่ะ จะต้องล่อลวงเหยื่อให้เข้ามาติดกับโดยการอำพรางกับดักเอาไว้ ”
มิส กล่าวทวนประโยค ที่ บาร์น เคยพูดเอาไว้ขึ้นมาอีกครั้ง ขณะที่ คิระ เตรียมพร้อมจะบุกระลอกที่สุดท้าย

“ ผลจาก Magma Tear ทำให้ ค่า At เพิ่มขึ้น 2 จุด เมื่อทำการ โจมตี และ ให้ Ability ของ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล ทำงาน Cost Mp ให้ 1 จุด จากนั้นให้ทำการต่อสู้อีกครั้ง ”
ทันทีที่ คิระ ประกาศโจมตี บาร์นก็เริ่มเคลื่อนไหว เพื่อให้กับดักที่วางเอาไว้ทำงานขึ้นมา

“ Cost Mp 3 ให้ Skill ของ ออทัมวินด์แฟรี่(Autumn Wind Fairy) ทำงาน เรียกมันออกมาที่ At Line แล้วทำให้
อสูร ทุกตัวในสนามยกเลิก Curse ”
บาร์น ประกาศพร้อมกับ ร่ายซีลการ์ดออกมา ภูตสาวกางปีกใสโบยบิน เข้ามาขวาง การโจมตี ผู้พิทักษ์จักรกลเอาไว้

รูปภาพ

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:3/8 Shrine 7/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp:5/8 Shrine 6/8 ]

“ จากนั้น Cost Mp 2 ให้ Reverse Justice ทำงาน!! การ์ดใบนี้จะเลือก อสูร มาตัวหนึ่งแล้วทำให้
ผลจาก Mystic Card อุปกรณ์(Relic) สลับผลการเปลี่ยนแปลงค่าพลังได้ เลือกให้ การเปลี่ยนแปลงค่าเพิ่มเป็นลดลงแทน
ค่า At ของ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล เพิ่มขึ้นจาก แมกม่าเทียร์ 4 หน่วยดังนั้นค่า At จึงต้องลดลงไปในจำนวนที่เท่ากัน ”
เมื่อ มิสติกการ์ดที่ บาร์น ร่ายออกมาสำแดงเดชของมัน พลังของ ผู้พิทักษ์จักรกลก็ตกลงและหยุดเคลื่อนไหวไป
เปิดโอกาสให้ ภูตสาวทำการโจมตีสวนในทันที

รูปภาพ

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:3/8 Shrine 7/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 0 Mp:3/8 Shrine 6/8 ]


“ มายาที่หลอกล่อน่ะ ไม่ได้มีแค่ Second World ที่ใช้ตอนแรกอย่างเดียวหรอกนะ แต่เป็นการเล่นผสานทั้งหมด
ตั้งแต่เริ่มเกมปูทางเอาไว้มาจนถึงตรงนี้ทั้งหมดก็เพื่อใช้ กับดักนี้สวนกลับในทีเดียว ”
มิส อธิบาย

“ ค่าพลังของ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล ลดลงมาจากเดิมที่เคยเพิ่มขึ้นไปถึง 13 หน่วย เหลือแค่ 5 หน่วยแล้ว ”
ชุติการ อุทาน ไม่ต่างไปกับบรรดานักเรียน และ เหล่า อาจารย์พิเศษ ที่ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้

“ นี่มันวางแผนซ้อนแผนแล้วซ้อนแผนอีกเลยหนาเนี่ย โอย ซ้อนกันกี่ขั้นเนี่ย ไอ คอนฟิวซ(I Confuse) ”
แอน เริ่มงง เพราะนับตามไม่ทันแล้วกับ เกมที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้

“ ค่าพลังของ ออทัมวินด์แฟรี่ คือ 6 หน่วย เหนือกว่าของ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล แถม Mystic Card
ที่จะร่ายแก้ก็ไม่มีอยู่บนมือเลย การดวลครั้งนี้คิระ เป็นฝ่ายแพ…. ”
ไกอา ที่รีบพากย์ตามเกมส์ มายังพูดได้ไม่ทันขาดคำ ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นในสนามอีกครั้ง

“ Cost Mp 2 ให้ Skill ของ Durga ที่อยู่ใน Shrine ทำงาน กำจัดการ์ดใบนี้ออกไปจากเกมแล้ว
กำจัด Reverse Justice ออกไป ”
คิระ ประกาศ ช่อง Shrine ของเค้า เรืองแสงขึ้นมา และ อัญเชิญให้ เทวีทุรกา ผู้มี 8 กร จุติลงมาบนสนาม
และ ยับยั้งพลังจาก มิสติกการ์ดที่ บาร์น ร่ายออกมา ค่าพลังของ ผู้พิทักษ์ จักรกลจึงฟื้นกลับขึ้นมา และหลบการโจมตีของ
ภูตสาวได้ทันท่วงที

รูปภาพ

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:1/8 Shrine 7/8 ]
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 0 Mp:3/8 Shrine 6/8 ]

“ ขอชมว่านาย ทำได้เกินกว่าที่ฉันประเมินไว้มากเลยทีเดียว แต่ว่าก็ไม่เกินไปกว่าการอ่านเกมที่ฉันคาดคะเน
เอาไว้ได้หรอกการที่คิดว่าฉันไม่มี การ์ดบนมือที่จะใช้ตอบโต้ได้แล้วเพียงอย่างเดียวคือสิ่งที่นายมองข้ามไป
เพราะการ์ดบางใบก็ยังมีวิธีใช้ที่แตกต่างกันไป ”
คิระ กล่าว เหนือสิ่งอื่นใด มีเพียง ธนัท และ มาริน่า เท่านั้นที่สถานการณ์พลิกผันอย่างเหลือเชื่อนี้
ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เลย

“ เรายืนอยู่บนจุดสูงสุดของทุกสรรพสิ่ง บุรุษผู้กวัดแกว่งดาบแทนพระผู้เป็นเจ้า Sacred Swords Bounding!!~ ”
สิ้นคำ คฑาแมกม่าเทียร์ ก็เปลี่ยนเป็นดาบเหล็กกล้าที่ลุกโชนด้วยเพลิงกาล ผู้พิทักษ์ พุ่งทะยานตัวลงมา
ฟาดดาบลง ปลิดชีพ ภูตสาว ในดาบเดียวแรงโจมตีที่เกิดขึ้นส่งให้ สนามระเบิดอย่างรุนแรง
จน เกิดควันฟุ้งกระจายตลบอบอวล และจบลงด้วยชัยชนะของ ดาบแห่งพระเจ้า

[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 0 Mp:1/8 Shrine 7/8 ]Win
[Barn(Puk) Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 0 Mp:3/8 Shrine 8/8 ]Lose

ทุกคนได้แต่ยืนนิ่ง กับผลลัพธ์ของการดวล ไม่มีใครพูดอะไรออก จนกระทั่ง ไกอา ตั้งสติได้ จึงรีบประกาศผ่านไมค์ทันที

“ ผ…ผลออกมาแล้ว คิระ เป็นฝ่ายชนะ ค่า~~~~ ช่างเป็นการดวลที่น่าลุ้นระทึกตั้งแต่เริ่มจนจบจริงๆ เรียกได้เลยว่าเกมพลิกกัน Stepต่อ Step จริงๆค่ะ ”

เมื่อควันหายฟุ้ง บาร์น ก็ทรุดเข่าลงข้างหนึ่งอย่างอ่อนแรง เพียงพริบตาเดียวที่รสชาติของชัยชนะ ได้เข้ามาให้ลิ้มลอง
ก็ผลันเปลี่ยนเป็นความขมขื่นในความพ่ายแพ้อย่างฉับพลัน

“ ทั้งที่เกือบจะชนะอยู่แล้วเชียว…. ”
บาร์น เปรยด้วยความผิดหวัง ได้แต่ก้มหน้านิ่งพูดอะไรไม่ออกอีก ขณะที่ นักเรียนคนอื่นๆ พึ่งจะรู้สึกตัว
และรับรู้ผลของการแข่ง บางคนก็หันไปถามกันต่างๆนานา ว่าเกิดอะไรขึ้น ใครเป็นฝ่ายชนะ บางคนก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
ว่าการดวลได้จบลงแล้ว

“ แผนซ้อนแผน…ย้อนกลยุทธ ของอีกฝ่ายกลับไปหลอกให้คิดว่าตัวเองหมดทางตอบโต้แล้ว แต่จริงๆ
ยังมีกับดักที่ซุกซ่อนเอาไว้รอ อยู่นี่ล่ะคือ ดาบแห่งพระเจ้า ไม่เพียงแค่พลังในการบุกเท่านั้นที่เป็นเลิศ
แต่ความแข็งแกร่งของเค้า คือความสมบรูณ์แบบ ที่ยากจะหาใครเสมอเหมือน ”

มาริน่า เปรยเสียงแผ่วๆก่อนจะเดินวกกลับออกไปอย่างเงียบๆ ทิ้งให้ พวกเค้า ยืนตะลึงอยู่แบบนั้น
ต่อไปเหมือนกับ นักเรียนคนอื่นๆ ก่อนจะจากออกไป เธอเดินเข้าไป กระซิบข้างๆธนัท ด้วยเสียงที่เบาแผ่วเสีย
จนแทบไม่ได้ยิน

“ และคนที่เอาเหนือกว่าความสมบรูณ์แบบนั้นได้ ก็มีแค่ ศรีกับ…..เกร เท่านั้น….. ”

เมื่อ ธนัท รู้สึกตัว และหันไปเพื่อจะถาม ทว่า เธอก็หายตัวไปเสียแล้ว แม้จะคิดว่าตัวเองหูฝาดไป เพราะเสียงนั้นเบามากเสียจนแทบจะได้ยินไม่ชัดก็ตาม

…………………………
…………………………………………………..
……………………………………………………………..
ณ บึงกว้าง กลางตัวเมือง ซึ่งล้อมกั้นอาณาเขตไว้ด้วยรั้วกำแพงหินอ่อน มีทางเข้าจากทั้ง 4 เหนือ ใต้ ออก ตก
ทั้งสี่ทิศมี ยามเฝ้าประตู ทิศ ละสองคน นอกจากนี้ บนประตูทั้งสี่ทิศยังมีลายแกะสลักรูป สัตว์เทพประจำแต่ล่ะทิศเอาไว้
ได้แก่ มังกรฟ้าแห่งประตูตะวันออก(Seiryu)
รูปภาพ

หงส์แดงแห่งประตูใต้(Suzaku)
รูปภาพ

พยัคฆ์ขาวแห่งประตูตะวันตก(Byakko)
รูปภาพ

เต่าดำแห่งประตูเหนือ(Genbu)
รูปภาพ

หลังรั้วกำแพงนั้น เป็นสวนเขียวชะอุ่ม ให้ความรู้สึกสดชื่นล้อมรอบบึงใหญ่ เป็นที่อยู่อาศัยของ บรรดานกมากมายตั้งแต่นกกระจอกไปจนถึงนกยูงที่เดินทอดหุ่ยอยู่บนพื้นก็มี
ในบึงมีปลาคราฟ หลายร้อยพัน แหวกว่ายอยู่เต็มบึง และที่ขอบบึงก็ยัง เลี้ยงเต่าน้ำจืดไว้อีกหลากหลายพันธุ์ บรรยากาศภายในอาณาเขตนี้ยังนับเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดอีกอย่าง ทั้งที่ด้านนอกนั้นท้องฟ้าไร้ซึ่งเมฆฝนแต่ภายในบึงนี้
กลับมีสภาพครึ้มฟ้าครึ้มฝน อยู่ตลอดเวลา

ใจกลางบึงมีเกาะเล็กลอยอยู่และเป็นที่ตั้งของปราสาทญี่ปุ่นโบราณ จากทางเข้าทั้ง 4 ทิศ จะมีสะพาน
ทอดยาวข้ามบึงไปจนถึงเกาะกลาง จากสะพานทิศตะวันออกอันเป็นทิศของมังกรฟ้า นี้เอง
เด็กหนุ่มผมสีเงิน และ อดัม ตามมาด้วย ท่านรมต. ธนพัฒน์ ทั้งสามคนกำลังข้ามสะพานไปยังปราสาทกลางเกาะ
จนเมื่อเดินมาถึงหน้าประตูใหญ่ของ ปราสาทตรงหน้ามีบานประตูทองคำขวางไว้ บนบานประตูนี้แกะสลักสัตว์เทพ
เป็น มังกรทอง(Oryu) ขดตัวอยู่บนบานประตู

รูปภาพ

บานประตูทองคำ ค่อยแง้มออกอย่างๆช้าจนเปิดกว้างในที่สุด ด้านในได้ปูพรมแดงทอดยาวเป็นทางลึกเข้าในตัวปราสาท
พอพวกเค้า ก้าวเท้าเดินข้ามผ่าปรตูเข้ามาเหยียบบนพรมแล้ว บานประตูจึงปิดลงอีกครั้ง พวกเค้าเดินตรงไปตามพรมที่ปูไว้
โดยไม่ได้พูดอะไรกัน จนกระทั่งมาถึงสุดทางที่ห้องโถงใหญ่ ซึ่งประดับประดาด้วยเครื่องใช้แบบญี่ปุ่น

โบราณ พื้นจากพรมกลายเป็นเสื่อทาทามิ (เสื่อญี่ปุ่น) กว้างหลายพันศอก คลุมพื้นทั้งห้อง มุมห้องทั้ง 4 ทิศ
มีรูปปั้นของ สัตว์เทพทั้ง 4 ที่แกะสลักอยู่บนบานประตู ตั้งเอาไว้ และสูงขึ้นไปบนเพดาน รูปหล่อมังกรทองคำ

ห้อยคอ ลงมา ตามแนวลำตัวของมันมีหลุมกลมบุบเอาไว้ ข้างละสามช่อง ในช่องกลมทั้ง 6 นั้น มีลูกแก้งใสไร้สี
อัดไว้ด้านในช่องกลมอยู่ 2 ลูก และ ที่กรงเล็บของมันซึ่งยื่นออกมาจาก แนวลำตัวก็ยึดเอาไว้อีก 1 ลูก
ส่วนปากของมันก็ยังคาบไว้ด้วยลูก 1 รวมเป็นทั้งหมด 4 ลูกด้วยกัน

ตรงหน้าพวกเค้าทั้งสามคน คือโต๊ะประชุม ยาวซึ่งมีผู้มารอพบพวกเค้าอย่พร้อมหน้าแล้ว 3 คนด้วยกัน
คนแรก คือชายสวมหน้ากากสองสีขาวฟ้าผมทองยาวปรกถึงหลัง สวมใส่เสื้อโค้ทสีดำแดง
รูปภาพ

ถัดมา นั้นคือ เฟรย์ (Frei) เพื่อนสาวผมหางม้าสีชมพูแดงของ เคียว ครั้งนี้เธอเปลี่ยนมาใส่ชุดกระโปรงวันพีซ
สีน้ำเงินเข้มและเปิดฉีกเผยเนื้อหนังมังสา มากกว่าปกติ คลุมทับทั้งร่างด้วยผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มอีกชั้น
และคาดผมไว้ด้วยที่คาดโลหะติดขนนกสีดำเอาไว้ที่ปลายทั้งสองข้าง ที่ข้างเก้าอี้ที่เธอนั่งอยู่นั้น มีลูกเสือขนสีขาวปลอด
นอนอยู่มันเชื่องกับเธอเหมือนลูกแมว
รูปภาพ

คนสุดท้าย นั้นไม่ใช่ใครอื่นเลย เด็กหนุ่มผมชี้ตั้งสีน้ำตาล ในชุดกิโมโนญี่ปุ่นฟ้าขาว ดวงตาสีเขียวหม่น
เคียง ผู้ซึ่งตอนนี้ถูกสวมปลอกคอ คล้องไว้ด้วยโซ่เหล็ก ล็อก กับห่วงบนพื้น จนขยับไปไหนไม่ได้
รูปภาพ


“ ยินดีต้อนรับ Prince Hitler สู่ปราสาทแห่งกลุ่ม ชิชิน(Shishin)ของพวกเรา ”
ชายสวมหน้ากาก ออกตัวเข้ามารับ คณะของ ท่านรมต. ทันที

“ รู้สึกว่าจะมากันไม่ครบนะ ”
เด็กหนุ่มผมสีเงิน กล่าวหลังจากนับจำนวน ผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด

“ ท่านผู้อาวุสโส เกนบุ(Genbu) กำลังเดินทางกลับจากญี่ปุ่นตั้งแต่ เมื่อเช้าตอนนี้ยังมาไม่ถึง ค่ะต้องขออภัยด้วย ”
เฟรย์ ลุกขึ้นกล่าว ลูกเสือขาวของเธอ จึงสะดุ้งตื่นขึ้นมา มันอ้าปากห้าวอยู่สองสามหวอดก่อนจะฟุบงีบต่อด้วยความขี้เซา
เด็กหนุ่มผมสีเงิน หันไปมองเธอด้วยความสนใจก่อนจะเหลือบสายตากลับไปดู เคียว ที่นั่งซึมคุกเข่าอยู่บนพื้น

“ จะแนะนำให้ Prince รู้จักไว้ก่อนก็แล้วกันขอรับ เธอคนนั้น คือ เฟรย์ เบียคโกะ(Byakko) ผู้ปราบพยัฆค์
จากตระกูลเบียคโกะ(พยัคฆ์ขาว) ”
ชายสวมหน้ากากแนะนำ เธอโค้งให้เค้าอย่างสง่างามที่สุด

“ และนั่นคือ เคียว ซุซาคุ(Suzaku) ผู้ควบคุมวิหกเพลิงจากตระกูลซุซาคุ(หงส์แดง) ที่อยู่ในสภาพนั้นเพราะว่าเราพูดจากันไม่รู้เรื่องนิดหน่อย โปรดอย่าได้สนใจ ”
ชายสวมหน้ากาก อธิบายหลังจากแนะนำ ผู้เข้าร่วมประชุมฝ่ายเค้าจนครบแล้ว

“ ชิงหลง(Shinglong)แห่งตระกูลเซริว(Seiryu) ผู้นำแห่งชิชิน วันนี้เราได้นำสิ่งนี้มามอบให้ ”
เด็กหนุ่มผมสีเงิน หรือ Prince กล่าวก่อนจะชายตาไปให้สัญญาณ อดัม ที่ยืนอยู่ด้านหลัง
ให้เอากระเป๋า ที่ถือมาด้วย ส่งมอบให้กับ ชายสวมหน้ากากนาม ชิงหลง

“ เพราะได้ความช่วยเหลือจาก Bishop of Checkmate 5เลยได้มาง่ายๆ นี่คือผนึกแบบพิเศษที่นายต้องการ
ทีนี้ขอฉันทราบความคืบหน้าของกลุ่มหน่อยซิ ”
Prince กล่าวหลังจาก ชิงหลงรับเอา กระเป๋าไปแล้ว เค้าส่งมันให้กับ เฟรย์ รับเอาไปวางไว้บนโต๊ะก่อนจะชี้ขึ้นไปบนเพดานให้พวกเค้า ดูรูปหล่อมังกรทองคำ

“ ตอนนี้มันใกล้จะปลดออกแล้ว เหลือ ลูกแก้วมังกรอีกแค่ 4 ลูกเท่านั้นครับ และอีกไม่ช้าเมื่อผู้อาวุสโสเกนบุ มาถึง
มันก็จะสมบรูณ์ ”
ชิงหลง อธิบาย

“ ถ้ารวบรวมลูกแก้วได้ครบทั้ง 8 ลูกแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? ”
ท่านรมต. ถามด้วยความอยากรู้ ชิงหลง จึงอธิบายต่อ

“ หากลูกแก้วแห่งมังกรทั้ง 8 ครบ ก็จะปลดผนึกและเรียกเทพมังกรออกมาได้ ผู้ที่เรียกมันออกมาจะได้รับพร 1 ประการ ”

“ นั่นน่ะมันแค่ความเชื่อของพวกคนรุ่นก่อน ที่อยู่ในผนึกนั่นจริงๆคือ อสูรเทพที่มีพลังสั่นสะเทือนผืนแผ่นดินสวรรค์ได้ ”
Prince แทรกขึ้นมา ก่อนจะเดินไปที่ เก้าอี้ และล้มตัวลงแหงนเงยหน้าขึ้นมอง รูปหล่อมังกรทองคำ ด้วยสายตาระรื่น
และเปรยออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา

“ โอ….โร…จิ….ยังไงล่ะ ”

To be Continue….
……………………………….

……………………………………………
…………………………………………………………
ลูเซีย:โฮ้~~~~โฮะๆๆๆ
ธนัท+โคทาโร่:ไหงหัวเราะอย่างกับคนบ้า แบบนั้นล่ะ(- -*)
ลูเซีย:เพราะตอนต่อไปเป็นตอนที่ฉันจะได้เป็นนางเอกแล้วยังไงล่ะ โฮ้~~~โฮะๆๆ
มิส+บาร์น:แสดงว่าตอนต่อไปต้องเป็นตอนที่หาสาระอะไรไม่ได้แน่เลย
ลูเซีย:ไหงพูดงั้นล่ะยะ ::014::
ชุติการ+แอน:ตอนหน้า Sub-Turn 25 Cooking Duel การดวลกระทะเหล็ก ตำแหน่งยอดกุ๊กจะเป็นของใคร
อย่าลืมอ่านให้ได้นะ
ธนัท+โคทาโร่+มิส+บาร์น:อืม~~~~ไร้สาระจริงๆด้วย
ลูเซีย:พวก แก๊!!!!!
……………..จบจ๊ะ……….

Card Pop!

รูปภาพ

Type: knight machine Mp: 5 / 3 Lv: 3 Rarity: rare
At: 10 Df: 10 Sp: 4 Element: water
+[Machine] Thousand Cross At 11 Mp 3
+[Machine][Machine] Sacred Spear Bounding At 13 Mp 4
Ability:
เมื่อ The Guardian Knight of Lexdetheo Seal ต่อสู้ เราสามารถแสดง [Machine] X ใบในมือเรา จากนั้น The Guardian Knight of Lexdetheo Seal At +2 ตามจำนวน X จนจบ Subturn
เมื่อ The Guardian Knight of Lexdetheo Seal โจมตีสำเร็จ เราสามารถทิ้ง [Machine] 1 ใบในมือเรา จากนั้น The Guardian Knight of Lexdetheo Seal สามารถโจมตีได้อีก 1 ครั้งโดยไม่ต้องจ่าย Mp ค่าโจมตี แม้ The Guardian Knight of Lexdetheo Seal เป็น Inactive Seal จนจบ Subturn (1 / Subturn)
เมื่อ The Guardian Knight of Lexdetheo Seal เข้ามาในสนาม เราสามารถทิ้ง [Machine] 1 ใบในมือเรา จากนั้นแสดง The Guardian of Lexdetheo Seal 1 ใบจากกองการ์ดเราแล้วนำเข้ามาในสนาม จากนั้น Seal นั้น At +1 Mp -1 และสามารถโจมตีข้ามไปยัง Df Line ได้ Infiity Turn



อาทิตย์ นี้ Late อีกแย้ว T_T ช่วงนี้กิจกรรมเยอะม้าก~~~จนแทบไม่มีเวลา อาทิตย์นี้ก็มีกิจกรรมอีก T_T คงได้เปลี่ยน
เป็น 2 อาทิตย์ต่อตอนจริงๆแล้วมั้งเนี่ย
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ เม.ย. 11, 2011 7:49 pm, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 24 Cyber Guardian Vs. Culture

โพสต์โดย boy เมื่อ พุธ มิ.ย. 30, 2010 8:29 pm

กรี๊ดกร๊าด
ตายง่ายแบบได้ตบครั้งเดียวเอง TwT
ผักก็นั่งคิดอยู่ว่าจะเห็นเด๊คพืชหรือแฟรี่ กลายเป็นผสมกันเลย (ฮา)
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 24 Cyber Guardian Vs. Culture

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ พฤหัสฯ. ก.ค. 01, 2010 4:23 pm

อุ ซีลหลักของ ผักคุง นี่ช่างเข้ากั๊นเข้ากัน จริงๆตัวเองเป็น จิงโจ้ แล้วยังจะใช้ ซีล ที่มีชื่อว่า ราชินีกระเป๋าจิงโจ้ ด้วย
ฮุๆ นี่เกรม่อนตั้งใจแอบกัดทางอ้อมป่ะเนี่ย ยังกะจงใจ เหอๆ ว่าไปนั่น เอาเข้าจริงพอมานั่งนับดู มีแค่ ผักคุง คนเดียวจริงๆนะนี่
ที่ต้อนทำ Shrine คิระ ให้เกือบเต็มได้ ทั้งที่ พระเอกของเรื่อง ดวลกับมันมา 2 ภาค แล้วยังไม่เคยทำ Shrine ได้เกิน 2 เลย

แต่ผักคุงมาตอนเดียวล่อซะเหลือ Shrine แค่ 1 อยากจะบอกว่า อะไรจะเทพปานนั้น ถ้าไม่ใช่ว่าพอมาลองเช็คดูแล้ว
ไอ้ Shrine ที่เพิ่มขึ้นมา 7 หน่วยเนี่ย คิระ มันทำตัวเองหมดเลยนี่หว่า ฮุๆๆ และแล้วก็อยู่ไม่ถึง 5 Turn แค่ 2 Turn กับอีก Sub
ว่าแต่บทนี้จะนับว่า กัด Beyblade ได้ด้วยเปล่าเนี่ย
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 23 New Student Little Dragoon

โพสต์โดย Watcharapol Luekaya เมื่อ พฤหัสฯ. ก.ค. 01, 2010 8:41 pm

Palmon เขียน:เอิ่ม รู้สึกว่า เกรม่อนคุง จะลืมสครีม การ์ด พระเจ้ามายา ที่หลุดออกมาด้วยใบหนึ่งไปนะ หรือแกล้งเนียนเนี่ย

<sawada tsunayoshi> เขียน:ชอบเพลงเปิดอะ ทำได้ไงอะ
ปล.ความรู้คอมฯผมยังไม่ถึงขั้น ม.6 เอง ::022::


เรื่อง คลิป เพลงเปิดทำยังไงนี่ พัลม่อนจะ อธิบายแทนให้ละกันนะคะ ที่จริงตรงนี้น่าจะให้ วาการุรุคุง มาพูดมันจะเคลียกว่า
แต่เจ้าตัวเค้าไม่ค่อยว่างด้วยสิ เข้าเรื่องเลยละกันค่ะ ก่อนอื่น โปรแกรม ที่ใช้ในการทำ แอคชั่นของ เพลง นั้นใช้แค่ Swish Max 3 ทำอย่างเดียวล้วนๆเลยค่ะ
ส่วนการตัดต่อก็ใช้ Movie Maker ที่มีอยู่ในวินโดวส์ อยู่แล้ว ตัดต่อเอา แต่ส่วนภาพตัวละครประกอบต่างๆนี่
ที่มามันหลากหลายเหลือเกิน
พัลม่อนคงสาธยายไม่ไหว เพราะมาจาก ทั้งที่ทีมงานเราวาดเอง ตัดต่อมา หรือเอากราฟฟิค เกม
มาใช้ (โดยเฉพาะ ECO) เป็นหลักค่ะ

ที่จริงถ้าจะทำคลิปเพลงเปิดแค่ระดับนี้ ถึงไม่ต้องมีสกิลคอมขั้นเทพก็ทำได้ค่ะ แต่ว่าต้องมีสกิล
การทำรูปภาพต่างๆที่จะเอามาใช้ในตัวคลิปสูงหน่อย
บวกกับ เทคนิคการถ่ายทำค่ะ ยกตัวอย่างก็ ฉากที่เป็นเส้นสปีด วิ่งสวนมาตอน แนะนำการ์ดกับตัวละคร
ในเพลงเปิด อาจจะเห็นเหมือนว่าทำยากอยู่

แต่จริงๆแล้ว พัลม่อนกับ การุรุเซนไป เราใช้วิธีเนียนแก้โข่งค่ะ คือเราจะทำภาพตัวละครยืนเรียงๆกัน
แล้ว เอามาใส่แอคชั่นให้วิ่งสวนกับภาพเส้นสปีด ที่เตรียมไว้

แล้วให้ ฉากกล้อง จับแค่ตรงส่วนที่จะแสดงก็พอค่ะ เท่านี้ก็ได้ฉากสปีดเร็วๆเพื่อให้ตรงกับจังหวะเพลงไปอีกฉาก
ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้แค่ Swish Max ช่วยใส่แอคชั่นอย่างเดียว
ขอแค่มีภาพ กับโปรแกรมก็ทำได้แล้วค่ะ


แต่งานส่วนใหญ่ที่กว่าจะเสร็จกันได้แต่คลิปก็เพราะ มันต้องทำภาพเคลื่อนไหวมาหลายๆฉาก แล้วเอาไปยัดให้ตรงกับคอนเซปเพลงที่เอามาประกอบ น่ะค่ะ
เลยใช้เวลานาน บวกคนจับจังหวะเพลง เกรม่อนคุง ทำคนเดียวด้วย

เพราะทีมเดิม ที่เคยวานให้ทำ เราปลดไปเป็นตัวช่วยหมดเลยค่ะ ไม่งั้นคงได้ เห็น
ธนัท ขับกันดั้ม มายิงกันแทนตีการ์ดแหงมๆ T_T พูดแล้วเศร้า

เหมือนจะยากนะครับ แต่แปปเดียวทำได้แล้ว ขอบคุณครับ ถ้าเกี่ยวกะคอมผมไปเร็วมากเลย ::022::
แต่ว่าขอรายชื่อเพลงเปิดได้ไหมครับ ชอบฟังเพลงการ์ตูนอยู่แล้ว ::030::
Watcharapol Luekaya
0
 
โพสต์: 1846
Cash on hand: 1,400.00
ที่อยู่: นั่นสิ ที่ไหนแว๊

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง SMN FanCard FanArt & FanFic

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน