ความเดิมตอนที่แล้ว: ธนัท และ โคทาโร่ เพื่อนสนิททั้งสอง ได้เข้าร่วมดวลแบบ จับคู่ระหว่าง
ที่ทีมของพวกเค้าทั้งสองกำลังจะ ตกที่นั่งลำบาก เพราะโคทาโร่ พลาดท่าเสียทีให้แก่ คิระ และถูกทำลาย
Master Deck ของตัวเอง จึงทำให้ต้องออกจาก การแข่งขัน
ตามกฏการดวลแบบ Ruler Challenge Mode แต่แล้วเรื่องก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อ อิส ที่ไม่ได้อยู่ในสภาพคุม
สัมปัญชันญะ ของตัวเองได้บีบบังคับให้ ธนัท อัญเชิญ อสูรเทพอาแมนคริสออกมา ทว่า
ธนัท กลับไม่สามารถควบคุมมันได้ หนำซ้ำมันยังทำให้ ธนัท เกิดบ้าคลั่งขึ้นมาอีก ในตอนนั้นเอง
ก็มีบุคคลหนึ่ง เข้ามา ……..
บัดนี้ เหนือ ดาดาฟ้าอาคารเรียน อสูรอัญเชิญ มังกรกายขนาดมหึมา ร่างทั้งร่างของมัน
ลุกโชนด้วยพลังแห่งธาตุที่แตกต่างกันถึง 6 ชนิด คลื่นพลังงานจากตัวของมัน ทำให้เกิด
สภาวะแรงกดของ ความดันพลังเวทย์ ที่มีอยู่ในชั้นบรรยากาศ เกิดความแปรปรวน
ทุกสิ่งในอาณาบริ้วณรอบ ตัวของมันจึงราวกับถูกแรง ดึงดูด กดให้ร่วงลงไป
ความแปรปรวนของมันยังก่อให้เกิด ลมพายพัดโหมกระหน่ำ ไปทั่ว จนทุกสิ่งแทบจะปลิว
ตกไปจากดาดฟ้า อาแมนคริสอัลติเมท คือนามกรที่ ใช้เรียกขานมัน เทพเจ้าแห่งเหล่าอสูร
ที่มีพลังสูงส่งเทียมทัดเทพ
“ ธนัท!! รู้สึกตัวซักที !! ควบคุมตัวเองให้ได้…อ่อก!! ”
มนุษย์หมาป่าสีดำ ร้องตะโกนเรียก ขณะที่ต้องคอย ยื้อแขนทั้งสองของ
คู่กรณี ที่เค้ากำลังเผชิญ อยู่ อมนุษย์ ครึ่งคนครึ่งมังกร ตรงหน้านั้นมี อิทธิฤทธ์ ร้ายเหลือคณา
หากแม้เค้า จะสามารถต่อกรกับมันได้ก็ตาม แต่ผู้ที่อยู่ตรงหน้า คือสหายสนิท ที่สำคัญยิ่ง
ด้วยเหตุนี้ เค้าจึงไม่อาจทำร้าย อีกฝ่ายได้ และนั่นก็เปิดช่องให้ มนุษย์ครึ่งมังกร สวนกลับ
เค้าถูก ถีบเข้าที่ลำตัวแรงถีบนั้น มหาศาลราวกับถูกรถชน ร่างของเค้า ลอยละลิ่ว
ปลิวไปกระแทก คิระ กับ อิส ที่กำลัง บงการอสูรของ ตนยับยั้งการอาละวาดของ อาแมนคริส
อยู่นั้น ต้องล้มระเนระนาด ไปตามๆกัน จนเสียการควบคุมอสูรของตน
และทำให้ อาแมนคริส ออกอาละวาดต่อได้ อย่างเต็มกำลัง
ก็าซซซซซ!!
เสียงคำรามของ มันดังกึกก้อง คะนองฟ้า กระหึ่มเทียม ฟ้าลั่น (ชักจะลิเก เกินขอกลับเข้าคอนเซปเดิมดีกว่า)
“ ข้างบนนั่น วอท แฮปเพ่น(What Happen = เกิดอะไรขึ้น )!! ”
แอน นักเรียนสาวชาวต่างชาติ อุทาน กับเหตุการณ์ บนดาดฟ้าที่เธอเห็นจาก ด้านล่างของ
อาคารแห่งนี้ ในฝูงนักเรียนที่ แห่แหนกันมามุงดูด้วยความ สนอกสนใจ และความสงสัย
เสียงถกเถียง โต้ตอบเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ดังเซ่งแซ่ ไปทั่วบริเวณ จนเธอแทบจะไม่ได้ยินเสียงของ
เพื่อ นักเรียนหญิงร่วมห้อง ที่กำลังตะโกนเรียกเธออยู่ข้างๆ
“ แอน!.....แอน!!... ”
เสียงเรียกเธอดังขึ้นอยู่ถึง สองครั้งสองครา จึงจะได้ยิน เธอหันกลับมามองผู้ที่เรียกหา
ด้วยความฉงนใจ แต่ก็ยังไม่ทันจะโต้ตอบอันใด เธอกลับถูก เพื่อนสาวที่เรียกตัว
จับมือลากตูงออกจากฝูงชนเสียแล้ว
“ ด….ด…เดี๋ยวสิ ชุติ จะไปไหนกานล่ะหนา ”
แอน ถามสำเนียงติดเหน่อเช่นเคย ขณะที่ถูกลาก ตะลอนๆออกมา
“ ยังจะมาถามอีกข้างบนไงล่ะ!!....ธนัท….แฮ่ก….ต้องรีบไป…แฮ่กๆ…ธนัท กำลังตกอยู่ในอันตราย!! ”
ชุติการ กล่าวไปหอบไป ขณะที่วิ่งนำ แอน ขึ้นไปตามบันได อาคาร โดยมี แอน ตามมาติดๆ
“ เอ๋!!...ง้าน ที่อยู่ข้างบนหน่านเก๊าะ อาแมนคริส หนาสิ ”
แอน อุทานหน้าตาตื่น พลางเร่งฝีเท้า ตาม ชุติการ ที่จ้ำอ้าวนำเธอไปจนเกือบ
จะลับไปจากสายตาอยู่แล้ว
{ธนัท….นายอย่าเป็นอะไรไปนะ}
ชุติการ คิดยิ่งนึกถึง ธนัท เท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้เธอ วิตกกังวลมากขึ้นทุกที เท้าของเธอ
สาวไปกลับถี่ขึ้น เพื่อที่จะเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก
………………..
“ นี่!!ข้างบนนี้น่ะมันเกิด…ว้ายยยย!! ”
ลูเซีย กล่าวขณะที่ก้าวข้าม ขอบประตู ขึ้นมาบนดาดฟ้า แต่แล้วเธอต้องสะดุ้ง
เมื่อ อาแมนคริส ที่กำลังอาละวาด ตวัดหางฟาด เอา โครงรั้วที่ล้อม ชั้นดาดฟ้าไว้
ทุ่มลงมาใส่เธอ
กึง ครืน!!!....
โครงเหล็กของรั้ว คราดตามแรงเหวี่ยงและแรงลมมากับพื้น ความกลัวทำให้เธอก้าวขาไม่ออก
โครงเหล็กกำลัง จะขยี้เธอ ในอีกไม่ช้า
“ หมอบลง!! ”
อิส ตะโกนสั่งขณะที่ ลุกวิ่งฝ่าแรงลม เข้ามาหาเธอ มือทั้งสองข้างล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกง
ก่อนจะชักเอา แท่งโลหะที่มีลักษณะเป็นด้ามของมีด ขึ้นมา ข้างละ 4 อัน
“ Lucis Solum ”
เค้า เปรยด้วยเบาๆ สิ้นคำที่ปลายหัวของด้ามโลหะ ก็เกิดใบมีดแสงยื่นยาวออกมา อิส ขว้าง
มีดทั้ง 8 เล่มนั้นออกไป ก่อนจะเร่งฝีเท้าเข้าไป ดึงตัว ลูเซีย ให้ ก้มลงและเอาตัวเค้า
กำบังไว้
ทันทีที่ มีดทั้งหมดที่ถูกขว้างไป สัมผัสกับโครงเหล็กที่กำลัง เคลื่อนตัวมา มีดทั้งหมดระเบิดขึ้นพร้อมๆกัน
แรงระเบิด ฉีก เอาโครงเหล็ก ขาดกระจุย เป็นชิ้นน้อยชิ้นใหญ่
บรึม!!!!!!
สิ้นเสียง ระเบิดกัมปนาท ตามด้วยแรงลมที่พัดเอา เศษ โครงเหล็กที่เหลือ หลิวกระดอน
ถาโถม เข้ามา ทว่าเศษโครงเหล่านั้น ก็ไม่กระดอนถูกตัวเธอแม้แต่น้อย เพราะ อิส เอาตัวเข้า กำบังเธอไว้
จนในที่สุด เมื่อแรงระเบิดสงบลง เธอจึงเปิดเปลือกตาที่ปิดสนิท ด้วยความหวาดกลัว ขณะที่ อิส กลับเซไป
จะล้มเสียเอง
“ นี่นาย… ”
เธอ เอ่ยกล่าวได้เพียงเท่านั้น ก่อนจะต้อง สะอึกกับ ร่องรอยบาดแผลที่ เศษโครงเหล็ก เหล่านั้น
ฝากเอาไว้ให้ หลังของเค้า แทบจะ เปิดหวะ มีเศษโครงเหล็กชิ้นน้อยใหญ่ที่ปลิวมา
ฝังลึกอยู่กลางหลัง มากชิ้นนัก เทียบกับตัวเธอที่ไม่มีแม้แต่รอย ขีดข่วนแล้ว
ไม่ต้องคิดเลยว่าตลอดเวลาที่ เอาแผ่นของตนเข้ารับ เศษโครงเหล่านั้นมันจะ
เจ็บปวดขนาดไหน
ก๊าซซซซ!!!!
เสียงคำรามของ อาแมนคริส ดังกึกก้องขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ มันอ้าปากพ่นเปลวเพลิงสีขาว ออกมา
จนเกิดลุกไหม้ไปทั่ว ดาดฟ้า นักเรียนที่มุง อยู่ด้านล่างเริ่ม กระจายตัวแห่กันหนีห่าง จากอาคาร
ฟู่มมมม!!
เสียงเปลวเพลิง ลุกท่วมลงมา จาก ปากของมัน เป้าของเพลิงนี้ ได้มุ่งไปที่ ลูเซีย กับ อิส ที่ล้ม
อยู่หน้าประตูดาดฟ้า
“ ว…ว้ายยยย!!! ”
เธอ กรีดร้อง สุดเสียง ทว่าก่อนที่ เปลวจะลุกท่วร่างของเธอ และ อิส นั้นร่างของพวกเค้าทั้งสอง
ถูกหิ้ว หลบออกมาข้างๆได้ทันพอดี
“ ยังฝึกมาไม่พอนะ…อิส ”
น้ำเสียงนุ่มนวลที่กล่าวขึ้นนี้ ช่างฟังดูสงบและเยือกเย็น เจ้าของเสียงนี้ คือนักเรียนหญิงรุ่นพี่ที่แก่กว่าเธอ 2ปี
หรือเท่ากับ คิระ เธอมีใบหน้าที่คมคาย ใสเรียบหมดจด ราวกับภาพวาด นัยตานั้น แฝง
ความเฉียบขาดและความเยือกเย็นของสมาธิ แม้ตอนนี้เหตุการณ์ตรงหน้าจะบานปลายไปเพียงไร
ก็หาได้ทำให้สีหน้าของ เธอผันเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
“ คุณคือ….. ”
ลูเซีย เปรยถามด้วยความ ฉงน เธอเองยังคงทึ่งที่รอดมาได้จาก การโจมตีเมื่อครู่
ขณะเดียวกัน อิส ที่ล้มฟุบอยู่ข้างๆเธอก็พยายาม จะยันร่างลุกขึ้นมา แต่ด้วยอาการบาดเจ็บ
ตอนนี้สาหัส เกินกว่าที่ร่างกายจะ รับไหวยังผลให้ เค้าทำได้เพียงแค่กัดฟันเค้นน้ำเสียงตอบ
ออกมา
“ ขอ….ขออภัยครับ…..รุ่นพี่ ฟรานซิส…ก้า(Fransisca)… ”
อิส เค้นเสียงออกมาตอบ เธอ แม้ความเจ็บปวดที่หลังจะแผ่ซ่านไปทั้งร่าง จนเต็มกลืนก็ตาม
ขณะเดียวกัน ธนัท ที่กลายร่างเป็น ครึ่งมนุษย์ครึ่งมังกร กำลังจะตรงเข้าไป หา โคทาโร่ ที่พึ่งถูกอัด
จนงอมพระราม ลงไปล้มกอง อยู่บนพื้นนั้นเอง
/Psychic Puppet/
เสียงทุ้มแหลมกังวาล ขึ้นพร้อมกับ สายเส้น เอ็น นับร้อย พุ่งเข้ามารอบทิศ มัดตรึงแขน
ขาของ ธนัท เอาไว้อย่างหนาแน่น แรงของมันมากพอจะ ขึงเค้าเอาไว้ได้ อย่างสบายๆ
ทั้งที่ โคทาโร่ ยังแทบจะสู้แรงเค้าไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
ฮู่ม!!!!!
เสียงคำราม อีกเสียงดังกระหึ่มขึ้น พร้อมกับ ร่างมหึมาของ มังกรกายสีดำนิล งอนเขามากมายงอกจาก ขมับของมัน
การปรากฏตัวของมัน ทำให้ แรงกดที่อยู่รอบนี้ มีมากขึ้นกว่าเดิมเข้าไปอีก คราวนี้แรงกด ถึงกับทำ
เอา คิระ และ โคทาโร่ ทรุดลงไปตามๆกัน เพราะทั้งสอง อยู่ใกล้พวกมัน ที่เป็นใจกลางของ แรงกดพลังเวทย์
นี้มากที่สุด
“ เอาให้หมอบซะ อัลคารากอน(Ancalagon, the Black Dragon Lord) ”
อีกเสียงหนึ่งที่ตามมา กับการปรากฏตัวของ จ้าวแห่งมังกรดำ ที่เข้ามาต่อกร
กับ อาแมนคริส เจ้าของเสียงคือผู้เป็นนายของมัน เธอเป็นนักเรียนรุ่นเดียว
กับคิระ ผมสีทองยาวสลวย ถึงไหล่ ดวงตาสีเขียวใส ราวมรกต และเขี้ยวแหลม
เล็กที่ยื่นออกมาให้เห็นเมื่อเธอ แสยะยิ้ม ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ เธอลอยตัวอยู่กลางอากาศได้
โดยไม่มีอะไร คอยค้ำหรือดึงเธอไว้เลย และเส้นเอ็น นับร้อยที่ ขึงร่างของ ธนัท เธอเองยังเป็น
คนบงการทั้งหมดเองเสียด้วยซ้ำ โดยในอ้อมกอดของเธอนั้นกอด ตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่ง ดวงตาของมัน
เรืองแสงสีแดง สว่างวาบออกมา
สองมังกรยักษ์ เข้าต่อสู้ปะทะ กันด้วยอิทธฤทธ์ รุนแรงเหลือล้น การปะทะกันนี้รังแต่จะสร้างความเสีย
มากขึ้นไปอีกและกระจายวงกว้างออกไปด้วย
“ ฮึ่ม…ร้ายไม่เบาเลย แบบนี้ไม่ดีแน่ ”
เจ้าของ มังกรดำ ขบฟันสบถอย่างเคืองแค้น แต่กระนั้นสิ่งที่เธอเป็นกังวลก็คือ ความเสียหาย
ที่จะเกิดจากมังกรทั้งสอง ซึ่งอาจทำให้ คนที่ไม่เกี่ยวข้องได้รับอันตรายไปด้วย
“ ในนามของเรา ผู้ได้รับพระเมตตา อย่างเปี่ยมล้น ขอโปรดแบ่งปันพระเมตตานี้แก่ ผู้ทุกข์ท่วมท้นระทมตรำ
ในนามของท่าน เราขออัญเชิญ พระเมตตา พระกรุณา พระอำนาจ ทั้งสามสิ่งจงสถิตย์ยัง มังกรขาว
แกรนเดครอส (Grandecross, The Dragon of The Saint) เราขอบัญชาเจ้า ”
เสียงดังขึ้นพร้อม กับประกายแสงปรากฏขึ้นระยิบระยับ ไปรอบๆดาดฟ้า ประกายแสงเหล่านี้คือ
ละอองพลังงานเวทมนต์ ที่สถิตย์อยู่รอบๆ ทั้งหมดถูกบางสิ่งดึงดูดให้มารวมกัน และจับตัว
ควบแน่น เป็นรูปเป็นร่างขึ้น ประกายแสงจับตัวรวมกันกลายเป็น มังกรขาวร่างมหึมา ขนาดของ
มันพอๆกับ มังกรสองตัวแรกไม่มีผิด
“ ฝากด้วยนะ แกรนเดครอส!! ”
ชุติการ เจ้าของ เสียงเมื่อครู่ตะโกนบอก มันรับฟังคำสั่งของเธอก่อน จะบุกเข้าไป ช่วยมังกรดำ
ห้ามทัพ อาแมนคริส ไว้
“ ฟรานซิสก้า!! จัดการเรื่องเจ้าหนูต่อที ชุติการ ให้ แกรนเดครอส ของเธอ จับตัว มันไว้ต้อง
ฉันจะโจมตีเอง รีบทำให้มันสงบให้ได้เร็วที่สุด ”
หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของมังกรดำ ออกคำสั่ง ขณะที่ สายเส้นเอ็นที่รัดตัว ธนัท อยู่ตอนนี้
ค่อยๆผ่อนแรงลง เองจนในที่สุด ธนัท สามารถฉีกเส้นเอ็นเหล่านั้นออกมาได้
“ ถอยไปหน่อย ฉันจัดการเอง ”
ฟรานซิสก้า รุ่นพี่ผู้ที่ช่วย ลูเซีย และ อิส เอาไว้จากเพลิงพิสุทธิ์(Albino Breath)ของ อาแมนคริส
เอ่ยเสียงเรียบ แม้จะยัง งงๆกับสถานการณ์ในตอนนี้ แต่ลูเซีย ก็ยอมเขยิบตามที่เธอขอ
เมื่อ ฟรานซิสก้า ก้าวมาข้างหน้าแล้ว เธอจึงก้มตัวลงข้าง อิส ที่ล้มอยู่ เธอผายมือ ออกยื่นให้เค้า
ส่งอะไรบางอย่างมา อิส พยักหน้ารับ ราวกับรู้หน้าที่ เค้าชักเอาแท่งโลหะยาวประมาณดินสอ
ซึ่งเหน็บอยู่ที่ หูเข็มขัดของเอว ขวาส่งให้เธอ เมื่อรับมาแล้ว เพียงแค่เสี้ยววินาที ที่ตากระพริบ
ร่างของเธอ ก็หายไปจากตรงหน้าของทั้งสอง
ปึก!! ตุบ!!
ที่ตามมาคือเสียง ที่ชวนพิศวง เมื่อพวกเค้า หันไปยังที่มาของมัน ภาพตรงหน้า คือ ธนัท ในร่างครึ่งมังกร
นั้น ถูกซัดจนสลบเหมือดไปแล้ว ด้วยพลองเหล็กยาว ที่มีข้อต่อ สามข้อ ดูเหมือน
มันจะเป็น แท่งโลหะ ที่อิส ส่งให้เธอไปนั่นเอง เมื่อดึงข้อต่อด้านในออก มันก็จะยืดยาวออกมา
เหมือนกับเสาอากาศเครื่องรับวิทยุ ที่สามารถ กดพับเก็บลงไปได้
ก๊าซซซซซ!!....
เสียงคำรามของ อาแมนคริส ดังขึ้นอีกครา ก่อนจะค่อยๆแผ่วเบาลง ร่างของมันกำลังเลือนหายไป
เพราะ ปลอกแขนจักรกลที่ ข้อมือ ซ้ายของ ธนัท ถูก ฟรานซิสก้า ยกเลิกการอัญเชิญ เป็นที่เรียบร้อย
การ์ดผนึกของ อาแมนคริส นั้นคือหลักฐานที่ปรากฏอยู่บนมือของเธอ
“ ภารกิจเสร็จสมบูรณ์ค่ะ ประธาน… ”
ฟรานซิสก้า หันไปรายงานกับ นักเรียนสาวเจ้าของมังกรดำ ขณะที่เธอค่อยลอยลง
มาสมทบกับ ฟรานซิสก้า
“ หวาย นี่มันเกิดอะไร….แฮ่กๆ…ขึ้นกันล่ะเนี่ย แอน งงไปหมดแล้ว…แฮ่ก…ล่ะหนา…แฮ่ก ”
แอน ที่พึ่งวิ่งขึ้นมาถึง หอบฮักๆ เธอต้องเอามือกุมหน้าอกเพราะความจุกหน้าอกที่ทนวิ่งขึ้นมา จนหายใจไม่ทัน
ตอนนี้ ร่างมังกรอัญเชิญ ของทั้งสองสาว ต่างสลายตัวกลับไปตามเดิม
“ ธนัท!! ”
ชุติการ ตะโกนเธอรีบโจนทะยานจะเข้าไป ดู ธนัท ที่กลับคืนร่างและล้มฟุบอยู่ ด้วยความเป็นห่วงทว่า
/System Over Loaded…../
เสียงคุ้งกังวาลดังขึ้นจาก ปลอกแขนของ ธนัท เสียก่อน ฟรานซิสก้า รีบ
ทะยานออกไปห้าม ชุติการ ไม่ให้เข้ามาใกล้ ร่างของ ธนัท ประธานสาวเจ้าของ มังกรดำ
เอง ก็พยายามจะตะลอนเข้าไป หา ธนัท ราวกับว่าพวกเธอรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นต่อไป
ไม่เว้นแม้แต่ โคทาโร่ ทันทีที่ ได้ยินเสียงนั้น แม้ร่างกายจะบอบช้ำอยู่มาก ก็ยังฝืนสังขาร
จะเข้าไปหา ธนัท สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนั้นคือ
เปรี้ยะๆ เปรี้ยะๆ ตูม!!!!!!!!
ประกายไฟแลบขึ้นมาบนปลอกแขน สองสามครั้ง ก่อนการระเบิด ตัวเองของมัน วินาทีถัดมา
ความตกใจ ความโศกเศร้า และความเจ็บช้ำ ได้เทประดัง เข้าสู่หัวใจของ ทุกคน เว้นแต่ ธนัท
ผู้ที่ ต้องรับเคราะห์ ไปเต็มๆจาก เหตุการณ์ในครั้งนี้
“ ธนัท!!!!!!! ”
โคทาโร่ ตะโกนลั่น สุดเสียง ของเค้ายามเมื่อร่างของ เพื่อนสนิทที่ตรงหน้า อาบไว้ด้วย โลหิต
ย้อมพื้นดาดฟ้าจนแดงเดือด รอยไหม้ จางๆประดับไว้ทั่วกาย
“ ก…….กรี้ดดดดดดดด!!!! ”
เสียงกรีดร้องของ ชุติการ ดังลั่นแหลม เมื่อได้เห็นสิ่งที่ ตกอยู่ตรงหน้าเธอ คือมือซ้าย
ที่ขาดกระเด็น ปลิวจาก แขนของ ธนัท ขาของเธอสั่นผับๆ และทรุดลงด้วยความอ่อนแรง
โลกแทบจะหมุนรอบตัวเธอ เธอแทบจะคุมสติตัวเองไม่อยู่ พยายามจะ ยกมือขึ้น
ปิดบังดวงตาไม่ให้มอง โศกนาฏกรรม ตรงหน้า
“ รีบ ใช้ Note ติดต่อ เรียก รถพยาบาลมาเร็ว!! ”
คิระ ตะโกนสั่ง เพื่อดึงสติของ ทุกคนให้กลับมา ตอนนี้สิ่งที่ต้องคำนึงคือความปลอดภัยต่อชีวิตของ
ธนัท เวลา คือสิ่งที่กำลังจะหมดลงไปในทุกเสี้ยววินาที
“ ฟรานซิสก้า เก็บมือของ เจ้าหนูมาซะ ฉัน จะใช้ เทเลพอเทชั่น ย้ายเค้าลงไปข้างล่าง แอน รถพยาบาลล่ะ!! ”
ประธานสาวเจ้าของมังกรดำ ออกคำสั่ง ฟรานซิสก้า ที่กำลัง ปลอบขวัญให้ ชุติการ
จึงต้องวางมือ และก้มเก็บซากมือซ้าย ของ ธนัท บนพื้น ไปสมทบกับ ประธานสาว
“ ร…เรียกให้แล้วล่ะหนา เค้าบอกว่า อีก 5 นาทีจะมาถึงน่ะ ”
แอน ตอบเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย แม้เธอจะยังพึ่งช็อค กับเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่
แต่เธอ ยังคงประคองสติ ใช้ Note ของเธอติดต่อเรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน ที่ใกล้ที่สุดมา
“ มาริน่า(Marina) พา ธนัท ลงไปรอข้างล่างก่อนเลย ฉันจะไป บอก ศรี กับ ริน เอง ”
คิระ ตะโกนก่อน จะกระโดดข้าม ซากโครงเหล็กที่อยู่หน้าประตูดาดฟ้า ลงไปในอาคารเรียน
“ เทเลพอเทชั่น ระยะไกลน่ะ ไปแค่ 2 คนจะง่ายกว่า ฉันจะพาเจ้าหนูลงไปเองส่งมือนั่นมา
พวกที่เหลืออยู่ข้างบนนี่ฝากทีนะ ฟรานซิสก้า ”
มาริน่า ประธานสาวเจ้าของมังกรดำ กล่าวก่อนจะรับ ซากมือของ ธนัท มาจาก ฟรานซิสก้า
“ ไดสุเกะ(Daisuke)!! ”
มาริน่า ตะโกนลั่นขึ้นมาก่อนที่ นักเรียนรุ่นน้อง วัยเดียวกับ พวก โคทาโร่ จะร่อนลงมาจาก
ข้างบนด้วยปีกนกสีแดงที่กลางหลัง
“ มาแล้วครับ ประธานมาริน่า ”
นักเรียนผู้มีผมสีแดงสดชี้ตั้ง กล่าวตอบรับเธอ ทันทีที่ ลงมาถึงเค้าสะอึกเล็กน้อย
กับข้อมือของ ธนัท มาริน่า ถือ อยู่
“ อิส ได้รับบาดเจ็บ ฝากพาลงไปรอข้างล่างทีนะ อีกเดี๋ยว จะมีรถพยาบาลมารับ ”
/Teleportation/
มาริน่า สั่งจบเธอไม่รีรออีกแล้ว เสียงทุ้มกังวาลขึ้นจาก ตัวของตุ๊กตาผ้าตัวน้อยในอ้อมแขนซ้ายของเธอ
ก่อนที่ร่างของ เธอ กับ ธนัท จะแว่บหายไปในพริบตา ส่วน ไดสุเกะ หลังรับคำสั่งมา เค้ารีบวิ่งไป
ดูอาการของสหาย องครักษ์ มาริน่า ที่บาดเจ็บอยู่ทันที
“ อิส คุง!! ไม่เป็นไรนะ ลุกไหวรึเปล่า ถ้ายังไงส่งมือ…. มา…”
ปึก!!
ยังไม่ทันที่ ไดสุเกะ จะพูดจบ อิส ก็ทุบกำปั้นลงกับพื้นปูน เสียเต็มแรง
“ ฮึ้ย!!!....เพราะผม….เพราะผม…เรื่องแบบนี้มันถึงได้เกิดขึ้นอีก!!!....อ๊า!!!! ”
เสียงตะโกนอย่างเจ็บแค้น ดังลั่นระรัว จากปากที่สั่นระเรื่อของ เด็กหนุ่มแม้บาดแผลที่
หลังจะรวดร้าวเพียงใด ก็ดูจะไม่เจ็บไปกว่า แผลใจที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
ไม่มีใครปริปาก เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย หาก อิส ไม่ได้ใช้การดวลบังคับ ธนัท จนร่าย
อาแมนคริส ออกมา นี่คือความจริงที่ ทุกคนต่างรู้อยู่เต็มอก แม้มันจะเป็นอุบัติเหตุ ก็ตามที
ความรู้สึกผิดที่มีต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ จะสร้างบาดแผลให้แก่ตัวเค้ามากเพียงใด ที่จะรู้ได้
ก็คงจะเป็น หยดน้ำตาแห่งความเสียใจ ที่หยดลงบนพื้นดาดฟ้าแห่งนี้……..
เมฆบนฟ้า จับกลุ่มครึกครืน อยู่ทั่วจนมืดสลัวไปทั่วทั้งกรุง อากาศ เริ่มเย็นลงโดยที่ไม่ใคร
รู้ตัว สิ่งที่เหลือเชื่อที่สุดก็โปรยปรายลงมา เกล็ดน้ำแข็งแผ่นบาง โรยตัวลงมา
แตะ ลงบนใบหน้าของ ลูเซีย เธอยกมือขึ้นปาดมันออก ก่อนที่มันจะละลายไป
ความเย็นของมัน ยังคงให้รู้สึกอยู่บนใบหน้าของเธอ
“ นี่มัน….หิมะ นี่…. ”
ลูเซีย เปรยขณะที่แหงนเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า หิมะ มากมายกำลังพรั่งพรูลงมา
“ บ้าน่ะ!!....หิมะ….ตกในประเทศไทยเนี่ยนะ…. ”
โคทาโร่ เปรยด้วยสีหน้าตกตะลึง ที่ด้านล่าง พวกนักเรียนที่ มุงดู เหตุการณ์นี้ อยู่
ต่างก็พากัน ฉงนใจก่อนที่เสียง ถกเถียง จะเริ่มดังกระเซ่งกระแซ ขึ้นมา
เกล็ดหิมะ สีขาวทั้งเย็นทั้งบอบบาง ที่กำลังร่วงพรูลงมานี้ ราวกับญาณบอกเหตุถึงภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึง
ในอีกไม่ช้า หลังการสูญเสียในครั้งนี้
………………………….
………………………………………..
…………………………………………………..
โรงพยาบาล ตากสิน เวลา 14.34 น.
ภายใน อาคารพยาบาลที่ล้อมไปด้วย ผนังสีขาว และกลิ่นยาฆ่าเชื้อ จางๆ บนทางเดิน
ที่ผู้คนเดินผ่านไปมานั้น มีอยู่เพียงบริเวณเดียว ที่ไม่มีใครเฉียดผ่านเข้าไปใกล้
หน้าประตูห้อง ที่ซึ่งติดป้าย ห้องผ่าตัดฉุกเฉิน กลุ่มบุคคลที่รอ อย่างกระวนกระวายอยู่หน้าห้องนั้น
ก็ไม่ใช่ใครอื่น โคทาโร่ ชุติการ แอน และ เคียว ที่พึ่งตามมา กับก๊วน ประธานมาริน่า ฟรานซิสก้า ไดสุเกะ
ที่มาถึงก่อน อีกทั้ง อิส ที่พึ่งทำแผลเสร็จ ไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตอนนี้ ไม่ร่องรอยของบาดแผล
หลงเหลืออยู่บนร่างของเขา อีกต่อไป ด้วย เวทยาศาสตร์การแพทย์ ที่ล้ำสมัย ทำให้การรักษา ง่าย
และได้ผลรวดเร็ว โดยไม่ต้องพึ่ง การเย็บแผล แต่อย่างใดเลย ช่างน่าตลกเสียนี่ เมื่อตัวการ
ของเรื่อง ทั้งหมดกลับได้รับการเยียวยารักษาจนหายขาด แต่ทว่าผู้ที่ต้องรับผลเคราะห์
จากครั้งนี้ไปยังคงสลบไม่ได้สติ อยู่ในห้องผ่าตัดตรงหน้า นับเป็นการย้ำหัวตอ ใส่
เค้ายิ่งนัก
แอ๊ด~~
ประตูห้องผ่าตัดเปิดออก พร้อมกันกับที่ คุณแม่ของ ธนัท และ โปรเฟสเซอร์ ดราก้อน
ก้าวออกมา ทุกคนที่อยู่รอ อยู่นั้น พากันส่งสายตาที่ รอคอยความหวัง จากปากของพวกเค้า
“ มีเรื่องจะปรึกษา กับพวกเธอ ในที่นี้มีใครบ้างที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้น ”
โปรเฟสเซอร์ เอ่ยถามสีหน้าของเค้า เคร่งขรึม และดูเครียดจัด นี่ไม่เป็นสัญญาณที่ดีเท่าไหร่เลย
“ โปรเฟสเซอร์ คะ ทุกคนที่มานี่ ทราบเรื่องการเป็น DNA-Changer ของ ธนัท ทุกคนค่ะ ”
แม่ของธนัท กล่าวเธอ ทำหน้าที่เป็นพยาบาลผู้ช่วยในการผ่าตัด ลูกชายของเธอด้วยในขณะนี้
“ งั้นขอเข้าประเด็นเลยนะ ”
โปรเฟสเซอร์ กล่าว กับพวกเค้า ทุกคนที่รอฟังสิ่งที่จะได้ยินนั้น ต่างกลั้นใจลุ้นระทึกกับ
สิ่งที่ โปรเฟสเซอร์ ต้องการจะปรึกษาเป็นอันมาก
“ ผู้ป่วยของเรา ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการระเบิดหนำซ้ำยังเกิดจาก พลังเวทมนต์ อีกความเสียหายต่อเนื้อ
เยื่อก็เลยมีสูงมาก แต่ไม่ต้องห่วงเรามั่นใจว่า จะสามารถต่อมือของเค้ากลับไปได้อย่างแน่นอน… ”
คำพูดของ โปรเฟสเซอร์ ทำให้พวกเค้ารู้สึกใจชื้นขึ้นมา ไม่น้อย
“ แต่ปัญหาก็คือ เลือดที่จำเป็นต้องใช้ในการผ่าตัด ทางเรามีไม่พอ… ”
โปรเฟสเซอร์ กล่าวโดยมีสีหน้าลำบากใจอยู่ไม่น้อย
“ อะไรกัน…นึกว่าเรื่องร้ายแรงซะอีก ถ้าเรื่องเลือดล่ะ ธนัท น่ะกรุ๊ป A สินะ ทั้งผม และ แอน
เราสองคนกรุ๊ป A เหมือนกัน น่าจะพอให้… ”
เคียว ออกตัวทันที แต่ โปรเฟสเซอร์ กลับส่ายหน้าเบาๆ
“ หมู่เลือด ทรานสิโวเวล(Transivovel) สินะ ”
มาริน่า เปรยทันทีที่ เหล่า DNA-Changer ในหมู่พวกเค้า โคทาโร่ และ ไดสุเกะ
ได้ยินคำนี้เข้า ก็ถึงกับหน้าถอดสีไปเลยทีเดียว
“ หมู่เลือด ทรานสิโวเวล เหรอ? ”
เคียว ทวนคำอีกครั้งด้วยความฉงน
“ มันเป็น…หมู่เลือดของ DNA-Chenger น่ะ….พวกเราพอถูกปรับแต่งพันธุเวทกรรม แล้ว
กระบวนการต่างๆภายในร่างกายก็จะเกิดการปรับและพัฒนาตามไปด้วย ”
ไดสุเกะ เฉลยข้อสงสัยของพวกเค้า
“ เพื่อที่จะคงเชื้อสายของทั้งมนุษย์และอสูรอัญเชิญ เอาไว้ในร่างจะเลยทำให้เกิดการวิวัฒนาการของ
หมู่เลือด ให้กลายเป็นสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมา หรือพูดง่ายๆก็คือเลือดที่ไหลอยู่ในร่างเป็นของอสูรอัญเชิญและคนรวมกันอยู่ ”
โคทาโร่ ช่วยเสริมให้ คำตอบที่ปรากฏแก่พวกเค้านำมาซึ่ง ปัญหาใหญ่ไม่น้อยเลย
เมื่อ หมู่เลือดที่จำเป็น นั้นกลับเป็นสิ่งที่หายากยิ่ง การกลายพันธุ์ นี้ทำให้ไม่สามารถถ่ายเลือด
จากคนในครอบครัวได้เลย
“ ว่าแต่ ธนัท หมู่เลือดอะไร หลา ”
แอน ถาม
“ หมู่ A ทรานสิโวเวล น่ะ…. ”
โปรเฟสเซอร์ ตอบ
“ ถ้างั้นผมเอง…ผมหมู่ A ทรานสิโวเวล เหมือนกัน ถ้าถ่ายเลือดไปให้ถึงขีดสุดล่ะก็น่าจะพอนะ ”
โคทาโร่ ออกตัวจะบริจากเลือดของ เค้าให้
“ แต่ เซนาคาว่าคุง วันนี้นายพึ่งจะกลายสภาพมาหมาดๆเองนะ ความดันโลหิตในร่างตอนนี้ ยังไม่
คงที่ ถ้าขืนถ่ายเลือดไปมากๆล่ะก็… ”
ไดสุเกะ รั้งไว้
“ ว่าแต่ ไดสุเกะ กับ ประธาน ล่ะ ”
เคียว หันไปถามทั้งสอง ซึ่งเป็น DNA-Changer เหมือนกัน
“ ผม หมู่ B ทรานสิโวเวล ส่วนประธานน่ะ …..คือว่า….คงไม่ได้หรอก ”
ไดสุเกะ ตอบแต่ก่อนจะท้าวถึงตัว มาริน่า เค้ากลับเลี่ยงที่จะตอบ
“ หมู่ O ทรานสิโวเวล…. ”
มาริน่า ชิงตอบขึ้นเอาดื้อๆ
“ หมู่ O เหร่อ…ง้านก็น่าจะ ถ่ายให้หมู่อื่นๆได้เหมือนกันปกติ ใช่ไหม๊หลา ”
แอน เปรยพลางแตะนิ้วที่ริมฝีปากทำท่าขบคิด
“ พันธุเวทกรรม ที่ฉัน ได้รับปลูกมาเป็นของ แวมไพร์(Vampire) เพราะตอนเกิดน่ะฉันเป็นโลหิตจาง
ขั้นรุนแรงเลย การปลูกพันธุเวทกรรม นี่ก็เพื่อให้ฉันที่เป็น หมู่ O ทรานสิโวเวล สามารถรับเลือด
ได้จากทุกหมู่เลือด โดยไม่สนว่าจะ ทรานสิโวเวล หรือหมู่เลือดของ มนุษย์ก็ตาม เพราะงั้นถึงเอาเลือดในตัวฉันถ่ายไป
มันก็ไม่มีทางเข้ากันได้กับ แอนตี้บอดี้ ของเจ้าหนูหรอกน่ะ ”
มาริน่า ตอบหักทำลายความหวังจาก สายตาของพวกเค้าที่ส่งมา ตอนนี้ สถาการณ์เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ
เพราะคนที่จะบริจาคเลือดได้ก็มีแค่ โคทาโร่ คนเดียวเท่านั้น แถมยังไม่สามารถ ถ่ายเลือดได้มากพออีก
โดยที่ไม่มีใครสังเกตุเห็น สีหน้าของ ชุติการ หลังจากที่ได้ยิน เกี่ยวกับหมู่เลือดของ ธนัท
เธอมีสีหน้า ลังเลมากกว่าที่จะ วิตกในความปลอดภัยต่อชีวิตของ ธนัท ราวกับว่าเธอกำลัง
ลังเลที่จะตัดสินใจ อะไรบางอย่างอยู่
“ ปัดโธ่เว้ย!!! นี่ถ้ามี DNA-Changer ที่เลือดกรุ๊ปเดียวกันอีกซักคนล่ะก็ ”
โคทาโร่ สบถ เสียงของเค้าดังลั่น ซะจนทุกคน หันมามองเป็นทางเดียวกัน
{ หมู่เลือดของเราเอง….แต่ว่า….ถ้าพูดออกไปตอนนี้ล่ะก็…. }
ลูเซีย คิดปากของเธออ้าผงาบๆ ราวกับอยากจะบอกอะไรบางอย่างกับพวกเค้า
แต่เสียงของเธอ กลับไม่ดังออกมา เพราะเธอยังคง รั้งคำพูดเอาไว้ ด้วยตรรกะในใจ
ปิ๊บๆๆๆ
เสียงบีบแหลมดังมาจาก หลังประตูห้องผ่าตัด ทำเอาทุกคนตกใจสีหน้าซีดเซียวไปตามกัน
“ แย่แล้วครับ โปรเฟสเซอร์ ดราก้อน เครื่อง Reactive Aid จะยื้อไม่อยู่แล้วครับ!! ”
ผู้ช่วยแพทย์ ในห้องผ่าตัด วิ่งกระเสือกกระสน ผลักประตูออกมาแจ้งสถานการณ์
“ ใช้ แจมเมอร์ ตัวที่ 2 ประคองชีพจรเอาไว้ก่อน!! น่าจะได้อีกซัก 2-3 ชั่วโมงล่ะนะ!! ”
โปรเฟสเซอร์ กันกลับไปสั่งเสียงแข็ง ทำเอา ผู้ช่วยที่ตะลอนออกมา สะดุ้งจนเกือบหงายหลัง
ก่อนจะรับคำ และกลับเข้าไปในห้อง พร้อมกับเสียงเตือนของเครื่องในห้อง เงียบลง
ทุกคนจึงหายใจได้ทั่วท้องอีกครั้ง
“ เฮ้อ~ แต่ขืนเป็นแบบนี้ ชีพจรเค้าจะหยุดเต้นอีกเมื่อไหร่ก็ได้ แจมเมอร์เครื่องที่ 2 นี่ก็เต็มทนแล้ว
ถ้าให้เปิดเครื่องที่ 3 ล่ะก็ ถึงเค้าจะเป็น DNA-Changer ก็เถอะคงได้กลายเป็น ตอตะโก แน่ ”
โปรเฟสเซอร์ เปรยเสียงแผ่ว แทบจะหมดหวังเมื่อเวลากระชั้นชิดเรื่อยมา
“ โปรเฟสเซอร์ คะ เลือดของหนู….ถ่ายมันให้ ธนัท เถอค่ะ ”
ท่ามกลางความเงียบงันของทุกคนในกลุ่ม ชุติการ ได้ลั่นวาจา ที่เกินจะเชื่อขึ้นมา เธอยื่นแขน
ขวา ออกมาเพื่อยืนยันว่าเธอจะให้ ถ่ายเลือดของ เธอให้ ธนัท
“ พ…..พูดอะไรน่ะ….เธอไม่ใช่ DNA-Changer นะแล้วจะมี หมู่เลือด ทรานสิโวเวล ได้ยัง….. ”
“ ได้สิ!! หมู่เลือดของฉันสามารถเปลี่ยนแปลงเป็นหมู่อะไรก็ได้ทั้งนั้นล่ะ!! ”
ยังไม่ทันที่ โคทาโร่ จะแย้งจบ เธอแทรกขึ้นมา ซะก่อนและนั่นก็ตามมาด้วย สายตาที่เต็มไปด้วยความฉงน
ของเพื่อนๆที่จ้องมาที่เธอ เว้นเพียงแต่ มาริน่า เท่านั้น ที่ดูจะรู้สึกทึ่งมากกว่า สงสัยเหมือนคนอื่นๆ
“ ฮะๆ บ้าน่า…หมู่เลือดเปลี่ยนได้ตามใจชอบงั้นเหรอ….ทำได้ก็ไม่ใช่คนแล้ว!! นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาล้อเล่นนะ!! ”
“ เธอทำได้จริง!! ”
โคทาโร่ ตะคอกสวนกลับไป ทว่าเสียงของผู้ที่ยืนยันนคำพูดของ เธอนั้นแทบจะทำให้ ทุกคนช็อคเอาทีเดียว
เมื่อ มาริน่า เป็นผู้ออกมาปากเอง ทุกคนจึงเงียบเพื่อที่จะฟังเธออธิบายเหตุผลที่ยืนยันให้กับ
เรื่องที่เกินจะเชื่อนี้
“ มาริน่า อัลโตมาเร่ มาริโอเน็ตต้า (Marina Altomare Marionetta) ผู้นี้ได้ชื่อว่าเป็น เจ้าหญิงแห่งมังกรทมิฬ
ความมืดที่จะดูดกลืนทุกสิ่งให้เป็นสีดำได้ ก็เหมือนกับการที่ฉันสามารถที่จะรับเลือดจากทุกชีวิตได้
หมดนั่นแหละ หากความมืดคือสิ่งที่ดูดกลืนทุกสิ่ง แสงสว่างก็จะมอบทุกอย่างให้แก่ทุกสิ่ง อย่างที่ทุกสิ่ง
ดูดกลืนแสงเข้าไปและสะท้อนแสงที่เหลืออกมาเพื่อ แสดงสีของตัวเอง เป็นดั่งสายเลือดบริสุทธิ์ แห่งมังกรขาว
อันเป็นตัวแทนพระเมตตา พระกรุณา แห่งพระองค์ เพราะฉนั้น เลือดของเธอจึงมีไว้เพื่อมอบให้แก่ทุกชีวิต ”
มาริน่า ร่ายเปรียบเปรย จนจบท่ามกลางความสับสนของทุกคน ในสิ่งที่เธอพูด นั้นจะมีเพียงแค่
กลุ่มของมาริน่า และเจ้าตัว ชุติการ เอ ง เท่านั้นเอง ที่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด
ส่วน โคทาโร่ เคียว และ แอน รวมไปถึง โปรเฟสเซอร์และ แม่ของธนัท นั้น ต่าง พากันงง ว่าเธอหมายถึงอะไร
“ นี่….แม้แต่เธอเองก็ด้วยงั้นเหรอ…ยัยผีดิบ….นี่มันใช่เวลามาเล่นตลกกันงั้นเหรอ….ทั้งที่….ทั้งๆที่ ธนัท….
ทั้งที่หมอนั่นกำลังจะตายอยู่แล้วแท้ๆแต่นี่มันอะไรกัน ทำไมถึงเอาแต่พูดเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ได้!! ”
โคทาโร่ ตะคอกใส่อย่างหมดความอดทน จนดูราวกับเค้านั้นอดกลั้นมานานมากเกินพอแล้ว
ตอนนี้ตัวเค้าแทบจะไม่ฟังเหตุผลอะไรเลย แต่กลับใช้อารมณ์ตะเบงเสียง แผดว่าใส่
เผียะ!!
“ ได้สติซักทีสิ!!คนที่พล่ามไม่รู้เรื่องรู้ราวตั้งแต่เมื่อกี๊ น่ะมันนายต่างหาก!! ”
ยังไม่ทันที่ใครจะได้ออกปากห้ามปราม โคทาโร่ ฝ่ามือของ มาริน่า ก็ปะทะเข้าไปที่แก้มซ้าย ของ
เค้าอย่างจัง ก่อนที่ เธอจะตะคอกใส่เรียกสติให้เค้า เธอเริ่มปรับน้ำเสียงก่อนจะเอ่ย
“ คิระ เล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว ฉันรู้ว่าแกกำลังกังวลแต่ไอ้การที่ เอาแต่โหวกเหวกโวยวายว่าทำไม่ได้ๆ
แบบนี้น่ะ มันไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นมาหรอก ที่ตัวแกกำลังกังวลอยู่ตอนนี้น่ะ คือชีวิตของ เจ้าหนู หรือว่าตราบาปที่แกเป็นต้นเหตุให้ เจ้าหนู ต้องนอนซมเจียนอยู่เจียนไปกันแน่!! ”
คำพูดของ มาริน่า ไม่เพียงแต่เสียดแทงเข้าไปในใจของ โคทาโร่ ตรงๆ แม้แต่ อิส ที่ยืนฟังอยู่
ข้างๆด้วยก็ พลอยวิตกมากขึ้นไปอีก เมื่อเห็นว่า ทุกคนพร้อมจะฟังแล้ว เธอจึงเริ่มอธิบายต่อ
“ เอาล่ะ เมื่อกี้ถึงไหนแล้วนะ อ้อใช่… เธอแน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะบอกเรื่องนั้นน่ะ… ”
มาริน่า นึกต่อว่าเธอจะพูดอะไร ก่อนจะหันไปถามคำถามกับ ชุติการ แทนเธอ พยักหน้าเล็กน้อย
เพื่อตอบคำถามของ มาริน่า
“ งั้นฉันจะบอกล่ะนะ…ชุติการ เป็นเจ้าหญิงแห่งมังกรขาวซึ่งมี ยศเป็น อสูรเทพเจ้า ดังนั้นตัวเจ้าของจึง
ได้รับอานิสงฆ์มาด้วย อย่างที่เธอบอกไปเลือดของเธอ สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นหมู่ใดก็ได้
จะทรานซิโวเวลหรือไม่ทรานสิโวเล ก็ไม่เกี่ยง โลหิต ที่สวรรค์ ประทานให้คือพรแต่กำเนิด
ที่เธอมี เพราะงั้นถ้ายังไงซะ พาเธอไปเจาะเลือด แล้วพิสูงน์ด้วยการเอาไปผสมกับเลือดของ
เจ้าลูกหมานี่ก่อนก็ได้ ยังไงก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วนี่ ”
มาริน่า กล่าว แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครคิดที่จะปักใจเชื่ออย่างเต็มที่นัก
“ เอาเถอะ ถึงจะเสี่ยงแต่ก็คุ้มค่าที่จะลองดู เจ้าหนูหมา กับ หนูชุติ ช่วยตามมาที่ห้องวินิจฉัยทีนะ ”
โปรเฟสเซอร์ ออกปากก่อนจะเดินนำทั้งสอง ไปยังห้องที่อีกฝั่งตรงข้ามของทางเดิน
“ หืม~ ”
ลูเซีย เปรยขึ้นเอง หลังจากสังเกตุเห็นท่าที ที่เปลี่ยนไปของ อิส ดูเหมือนว่าหลังจากฟังคำพูดของ มาริน่า
แล้วนั้น ตัวเค้าก็มีอาการเหมือนกำลังวิตก ในอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่มีใครนอกจากเธอสังเกตุเห็นมัน
หรือที่จริงอาจเป็นได้ว่า ทุกคนไม่มีใครอยากจะสังเกตุเห็น คงเพราะงไม่ต้องการซ้ำเติม เค้าลงไปอีก
………………….
……………………….
……………………………….
ซ่า~…ซ่า~…ครืนนนน ซ่า~~
เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังแว่วมา บนริมฝั่งท่าเรือในค่ำคืน แสงสงัดเหนือเวิ้งฟ้ากว้าง
กลับถูกเติมเต็มด้วยเมฆและย้อมฟ้าจนมืดสนิท แสงจันทร์ไม่อาจ ส่องผ่านลงมาได้
สายลมหนาว พัดโหมจากฝั่งลงสู่แม่น้ำพร้อมกับกอบโกยเอา หิมะ ที่กลบอยู่ลงไป
อุณหภูมิในคืนนี้ ต่ำกว่าทุกคืนและในทุกปีที่ผ่านมา เนื่องด้วยเย็นจน เกิดหิมะ
อย่างเกินจะเชื่อได้ ที่ภูมิประเทศในเขต ร้อนชื้นจะมีหิมะตกลงมา
“ วันนี้ฉันแค่มาทักทายในฐานะของ กราเบรียล(Grabiel) อัครทูตผู้ส่งสารเท่านั้น ”
เสียงดังขึ้น บนริมฝั่งนี้ พร้อมกับเสียงฝีเท้า ที่ดังก้องสะท้อนมากับสายลม
“ เริ่มด้วย เรเวียทาน แล้วก็ต่อไปตาเจ้าบ้างล่ะนะ บีฮีมอท… ”
เสียงนั้น ก้องขึ้นอีกคราหลังเสียงฝีเท้าเงียบหายไป
“ นาคา ครุฑา หนุมาน พวกเจ้าพร้อมแล้วรึยังที่จะประกาศศักดา ของเหล่า จตุรเทพแห่ง Celetia Millitary ”
เสียงดังก้องขึ้นก่อนจะลับหายไปกับ เสียงลมกรรโชก พายุเริ่มพัดโหมกระหน่ำขึ้นเรื่อยๆ และ
ในอีกไม่ช้า เมืองทั้งเมือง คงจะต้องจมอยู่ใต้หิมะ ที่ตกอย่างไม่มีทีท่าจะหยุดนี้
……………………
………………………………….
ทุกอย่างรอบๆนั้นมืด ไปหมด ดวงตาของผมยังคงปิดสนิท อยู่กลิ่นสัมผัสอันแปลกประหลาดที่ไม่คุ้นเคย
มันเหม็นชวนมึนหัวพิลึก แต่ก็พอจะเดาออกว่ามันคือกลิ่นยาฆ่าเชื้อ เพราะผมคุ้นเคยกับสัมผัสของ กลิ่นนี้เสียแล้ว
ตั้งแต่เด็ก ผมมักจะมากับ แม่ที่ทำงานเป็นพยาบาลบ่อยๆ ดังนั้น โรงพยาบาลจึงเป็นสถานที่คุ้นเคยสำหรับผม
นอกจาก กลิ่นแล้วสัมผัสอื่นๆรอบกายนั้น ยังคงรู้สึกด้านชา แต่ก็ค่อยๆรับรู้มากขึ้น ผิวหนังเริ่มสัมผัสถึงอุณหภูมิ
ในห้องที่ เย็นผิดปกติ ความรู้สึกจากส่วนหัวที่ตะแคงหงายขึ้นนั้น ทำให้รู้ว่าตอนนี้ผมกำลัง นอนหงายอยู่
สัมผัส จากหลังอ่อนนุ่ม ผมเดาว่ามันคงจะเป็นเตียงสำหรับผู้ป่วย และการที่ผมมานอนอยู่บนนี้
คงเป็นเพราะหลังจากการดวล คงมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับผม แขนซ้ายนั้นยังรับรู้ชาๆ อยู่
แต่ก็มีความเจ็บปวดที่แทรก มาเป็นระยะๆ ผมรู้สึกปวดแปล็บๆที่ ข้อมือนิดหน่อย
ที่ข้อมือขวาเอง ก็รู้สึกเหมือนกับมีเข็มฝังลึกลงไป คิดว่านั่นคงจะเป็นสายน้ำเกลือ
ส่วนข้อมือซ้าย ที่เจ็บแปลบปลาบ นี่คงจะเป็นบาดแผลที่ผมได้รับมา
แม้จะตีความ สภาพรอบๆทั้งหมด จากความรู้สึกรอบกายที่สัมผัสได้ แต่ก็ยังมีความรู้สึก
หนึ่งที่หน้าอกของ ผมที่ยังตีความไม่ออก มันหนักและอุ่นๆอยู่หน่อย ความสงสัย
ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว มันทำให้ผมอยากจะเปิดดวงตาทั้งคู่เพื่อ มองดูว่ามันคืออะไร
ลำบากนิดหน่อย ราวกับว่าเปลือกตาโดนกาวทาเอาไว้ มันแนบติดกัน จนยากจะเบิกออกได้
ถึงจะเจ็บซักหน่อย แต่ผมก็ฝืน จนสามารถลืมตาขึ้นมาได้
สิ่งที่ปรากฏขึ้นแก่สายตา คือร่างของ เพื่อนสาวที่นอนสลบไสลไม่ได้สติทับอยู่บนหน้าอกของผม
ที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยภายในห้องพักฟื้น ข้างๆก็มีเสาให้น้ำเกลือต่อสายลงมาใต้ผ้าห่ม ที่คลุมร่างของ
ผมเอาไว้ สภาพภายในห้องนั้นมืดสลัว มีเพียงแสงไฟจาก ทางเดินหน้าประตูห้อง ที่พอจะทำให้มองเห็น
สภาพในห้องได้ เมื่อสายตาของผมเริ่มชินกับระดับแสงในห้องแล้ว ผมจึงเลื่อนสายตาลงมาจ้องมองเธออีกครั้ง
สีหน้าของเธอดูซีดเซียว กว่าที่เห็นทุกครั้ง ข้อมือที่เธอเอาขึ้นมาก่ายไว้บน ตัวผมนั้นมีผ้าสำลีแปะ
อยู่ดูเหมือนเธอพึ่งจะไปทำอะไรบางอย่างมา ซึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร
ผมพยายามจะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง โดยไม่ให้เธอตื่น จนเมื่อผมกระเถิบตัวขึ้นมาได้คืบหนึ่งแล้ว
อยู่ๆเธอก็…
“ บ้าเอ๊ย! นายยังสติดีอยู่รึเปล่าทั้งที่รู้ว่าอันตรายก็ยังจะเอาไปใส่ไว้ในสำรับอยู่อีก ”
เสียงตะโกนของ เธอดังลั่นขึ้นมา ทำเอาผมใจตกไปอยู่ตาตุ่มเลยทีเดียว ผมนิ่งไปซักพัก
แต่เธอเอง ก็งีบต่อไปเหมือนปกติ ที่แท้เธอก็แค่ละเมอ เท่านั้นเอง
“ ตื่นแล้วเหรอ… ”
อีกเสียงที่ดูคุ้นเคยดังขึ้นจาก มุมห้องทำเอาผมสะดุ้งไปอีกรอบ เมื่อหันไปยังต้นเสียงนั้น
คนที่เดินตรงเข้ามาหา ก็ไม่ใช่ใครอื่น
“ โคทาโร่….นาย….ทำไมฉันถึงได้…มาอยู่ที่นี่ล่ะ ”
ธนัท เปรยเสียงแผ่ว ตอนนี้ในหัวของเค้าสับสนไปหมดกับการที่ตื่นขึ้นมาอยู่
บนเตียงผู้ป่วย และอีกสิ่งหนึ่งที่ผิดแปลกไปนั่นคือที่ข้อมือของ โคทาโร่
ก็มีผ้าสำลี แปะอยู่เหมือนกับของ ชุติการ
“ ยัยนี่นั่งเฝ้าไข้นาย ตั้งแต่เย็นที่นายยังไม่ฟื้นเลย ”
โคทาโร่ ตอบพร้อมกับ เดินเข้ามาขยับผ้าห่ม ที่เลื่อนตกไปขึ้นมาคลุมไหล่ให้เธอ
ธนัท ฟังคำตอบจากเค้าอย่าง งงก่อนจะชักข้อมือขวาที่รู้สึกเจ็บแปลบ ขึ้นมาดู
มันมีแค่รอยถลอก เป็นทางวนรอบทั้งข้อมือ เพียงเท่านั้น แต่ความรู้สึกที่แปลกประหลาด
นั้นกับวูบไหวไปมา มันรู้สึกราวกับว่า มือของเค้าไม่อยู่ในโอวาท ของ ร่างกายเลย
ราวกับว่ามันเคยหลุด ออกไปก่อนจะถูกต่อเข้ามาใหม่
“ ที่แขน นาย กับ ชุติ …ไปทำอะไรมาน่ะ ”
ธนัท ถามเพื่อที่จะขอคำตอบมาอธิบาย ความสงสัยของเค้าเพราะความสงสัยยิ่งทวีมากขึ้น
เมื่อสีหน้าของ โคทาโร่ ก็ดูซีดเซียวลงไปไม่แพ้ ชุติการ เช่นกัน
“ ฉันกับเธอ เราสองคนช่วยกันถ่ายเลือดให้นาย เพราะในการผ่าตัดเลือดมันไม่พอน่ะ ”
คำตอบของ โคทาโร่ ทำเอาเค้า งง ไปเลยตัวเค้ายังแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองด้วยซ้ำว่า
ตัวเค้าพึ่งรับการผ่าตัดไปไม่นานนี้เอง แถมยังต้องให้เพื่อนทั้งสอง ช่วยถ่ายเลือด
แบ่งมาให้เค้าอีก
“ ด…เดี๋ยวก่อนนะ…เมื่อกี๊ นายบอกว่าฉัน ไป ผ่าตัดมาเนี่ยนะ…นี่มันยังไงกันน่ะ ฉัน งงไปหมดแล้วนะเนี่ย ”
ธนัท ถามทวนสิ่งที่เค้าได้ยิน อีกรอบทำเอา โคทาโร่ หน้าตื่นขึ้นมาหน่อยๆ
ที่ตัวเค้าไม่ได้รับรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ นาย…จำไม่ได้เลยเหรอ… ”
โคทาโร่ เปรยด้วยความประหลาดใจ
“ ก็จำได้ว่า เรากำลังแทคทีมกัน ดวลกับ รุ่นพิ่คิระ กับ อิส แล้วต่อจากนั้นก็จำได้ว่า
ฉันถูกบังคับให้เรียก อาแมนคริส ออกมาแล้วก็… ”
ธนัท ทวนย้อนความจำของตัวเองขึ้น จนมาถึงตรงก่อนที่เค้าจะจำอะไรไม่ได้อีกเลย
ทฤษฏีในหัวของเค้ามันก็แวบขึ้นมาเองเสียอย่างนั้น เค้าถึงกับหน้าถอดสีทันที
เมื่อนึกถึง เหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น
“ ร…หรือว่า….ฉ..ฉัน…ฉันเป็นแบบนั้นอีกแล้วงั้นเหรอ… ”
ธนัท กล่าวตะกุกตะกัก ความคิดที่ว่า ตัวเค้าที่กลายสภาพ ไล่ทำร้ายทุกๆคน แวบขึ้นมาในหัวทันที
โคทาโร่ มีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย ก่อนจะทำใจ เอ่ยตอบออกมา
“ ธนัท นายน่ะกลายสภาพก็จริง แต่ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บร้ายแรงหรอก ….ถ้าจะมีก็ตัวนายนั่นแหล่ะ ”
โคทาโร่ ตอบออกมาตามตรง
“ ฉัน…งั้นเหรอ…. ”
ธนัท เปรยพร้อมกับชี้มาที่ตัวเค้า โคทาโร่ พยักหน้าเป็นเชิงว่า ที่เค้าย้ำถามนั้นถูกต้องแล้ว
“ เพราะตอนที่ เราจัดการกับ อาแมนคริส ได้แล้ว คอรัส ของนายมันเกิด โอเวอร์โหลด
ขึ้นมาก็เลย…ระเบิดจนข้อมือนายเป็นแบบนั้นน่ะ พอตอนจะผ่าตัดรักษา เลือดของนายก็ดันเป็น
ของหายากไปอีก ฉันเองก็ถ่ายเลือดไม่ได้มากด้วย ก็ได้ ยัยนี่ เนี่ยแหล่ะ ที่ช่วยถ่ายเลือดให้จนครบพอดี ”
โคทาโร่ ตอบ พวกเค้าทั้งสอง หันไปมอง ชุติการ ที่ยังคงฟุบหลับสนิท อยู่บนเตียง
ทั้งคู่มองเธอด้วยความรู้สึกทึ่งไม่น้อยกว่ากันเลย แม้ว่า โคทาโร่ จะรู้เหตุการณ์ตลอด
บ่ายที่ทำการผ่าตัดก็ตาม แต่เค้าก็ยังคงอดทึ่งไม่ได้กับ ความรู้สึกที่เธอ ทุ่มเทให้กับ ธนัท
อย่างมากมาย แม้แต่ตัว ธนัท เองตอนนี้เค้าก็ยังรู้สึกราวกับว่า ความรู้สึกที่ ชุติการ มอบให้เค้านั้น
มันมากกว่าทุกครั้ง เค้าบอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร แต่ที่แน่ใจคือเค้า รู้สึกกดดันขึ้นมา
ตัวเค้าคิดว่าต้องรับผิดชอบต่อความรู้สึกนี้ อยู่ลึกๆ
“ ว่าแต่ หมู่เลือดของ ฉันน่ะมันกลายเป็น ทรานสิโวเวล แล้วนี่ถ้างั้นทำไม ชุติ ถึงได้… ”
ธนัท ที่ฉุกคิดขึ้นมาได้ ก็ถาม โคทาโร่ ต่อทันที
“ เธอมีพลังที่สามารถเปลี่ยนหมูเลือดของตัวเอง เป็นหมู่เดียวกันกับ เลือดที่ผสมลงไปได้….
ฟังแล้วนายคงจะไม่เชื่อสินะ แต่ตอนที่ได้เห็นผลการพิสูจน์นั่นน่ะ ฉัน เองยังรู้สึกทึ่งมาจนถีงตอนนี้เลย ”
โคทาโร่ กล่าว
“ เชื่อสิ…นายไม่โกหก ฉันอยู่แล้วนี่….แล้วก็อีกอย่างที่ทำให้ฉันเชื่อ…นั่นก็คงเป็นเพราะ…เลือดของนาย และ ชุติ
มันไหลเวียนอยู่ในตัวฉัน….ฉันรู้สึกได้….. ”
ธนัท เปรยขณะที่ยกข้อมือข้างที่ต่อเข้าไปขึ้นมามอง ด้วยสายตาปลาบปลื้มเล็กๆ ถึงมันจะเป็นรอยบาดแผล
ก็ตามและยังทำให้ รอยอักขระ ที่ใช้อัญเชิญ แบบ ซิงโครของเค้าที่เคยทำสัญญาไว้กับ โคทาโร่ หายไป
แต่ตอนนี้เค้าได้สิ่งที่ยืนยันถึงสายสัมพันธ์ ของพวกเค้าที่แน่นแฝ้นกว่ามาแล้ว เพราะรอยแผลนี้
เกิดขึ้นเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ ถึงสายสัมพันธ์นั้น
“ จริงสิ…แล้ว คอรัส ล่ะ! ”
ธนัท ที่รู้สึกว่า Note ของเค้าไม่ได้อยู่กับตัว จึงถามขึ้น คำถามทำเอา โคทาโร่ สะอึกไปอีก
“ คอรัส น่ะ…..มันพังซะแล้วล่ะ ”
โคทาโร่ ตอบพร้อมกับ ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะหยิบเอาห่อผ้าเช็ดหน้า
ขึ้นมาวางบนตักของ ธนัท เค้าค่อยๆแก้ห่อผ้าออก สิ่งที่อยู่ในห่อผ้า
คือเศษซากชิ้นส่วน ของ คอรัส Note ของเค้า ชิ้นส่วนของมัน แยกเป็นชิ้นๆ จนไม่เหลือเค้าเดิมเลย
“ แต่ฉันก็ซ่อมให้นายใหม่แล้วล่ะ….ขอโทษนะ….คือ.. ”
โคทาโร่ เอ่ยยังไม่ทันจะจบดี ก็มีนกตัวหนึ่ง บินออกมาจาก กระเป๋าเสื้อของเค้า
มันบินร่อนมาลงที่ตักของ ธนัท
/Hello Idiot/
เจ้านกน้อยที่บินมาทักทายเค้า ด้วยสำเนียงที่ฟังคุ้นหู ไม่ทันไรเค้าก็แน่ใจแล้วว่านี่คือ คอรัส Note ของเค้าแน่นอน
แต่แล้วทำไมมันถึงได้กลายเป็นนกไปซะล่ะ
“ ข…ขอโทษนะ เพราะชิ้นส่วนอื่นๆ พังหมด แต่โชคยังดีที่ Memory มันไม่ได้เสียหายเท่าไหร่
ฉันก็เลยถ่ายโอนข้อมูลเข้ามาเก็บไว้ในหุ่นยนต์นก นี่น่ะ แล้วก็เพราะตอนนี้ การควบคุมการกลายสภาพของนายยังไม่สมดุลด้วย หมอเลยสั่งห้ามนายเข้าใกล้เครื่องจักรที่มีพลังเวทย์สูง ซักพัก เพราะงั้นถ้า คอรัส อยู่ในสภาพนี้ล่ะก็
มันก็จะไม่ส่งพลังเวทย์อะไรออกมา เพราะมันใช้แค่พลังงานอ่อนๆเท่านั้นเอง แต่ก็นะ คงได้แค่พูด
คุยแล้วก็ดูมันบินไปมานั่นล่ะ ”
โคทาโร่ อธิบายถึงที่มาที่ไปทั้งหมด ขณะที่ คอรัส บินขึ้นมา เกาะที่ ไหล่ของ ธนัท แล้วเอา สีข้างคลอเคีย
กับข้างแก้มเค้า ทำเอาจั้กจี้ อยู่เหมือนกัน
“ ฮะๆๆ ไม่เอาน่ คอรัสมันจั้กจี้นะ ฮะๆ…. ”
ธนัท พยายามจะบอกให้มันหยุด เพราะทนจั้กจี้ไม่ไหว
“ แล้วไว้หลังจากนายหายดีแล้ว ฉันจะถ่ายข้อมูลกลับใส่ Note ให้นะ ”
โคทาโร่ ออกปากจะ ช่วยเอา คอรัส กลับเข้า Note ตามเดิม ทว่า
“ ขอบใจนะ โคทาโร่ แต่ว่าไม่ต้องแล้วล่ะ… ”
ธนัท กล่าว คำพูดของ เค้าทำเอา โคทาโร่ งงไปเลยทีเดียว แต่กอ่นจะได้ทันถามว่าทำไม ธนัท ก็ชิงพูดขึ้นมาซะก่อน
“ สำรับ เองก็ไหม้ไปพร้อมกัน ตอนที่ระเบิดด้วยแล้ว ฉันคิดว่าให้ คอรัส อยู่ไปแบบนี้ดีแล้วล่ะ…
.ฉันจะวางมือจากการดวลซักที ”
คำตอบของ ธนัท ทำเอาเค้า พูดไม่ออกเลยทีเดียว
“ เอิ่ม ที่เลิกไม่ใช่เพราะ อะไรหรอกนะ!! แต่แค่คิดว่า ร่างกายฉันเป็นแบบนี้ ถ้าขืนยังดวลต่อไปอีก
ก็ไม่รู้จะทำให้ ใครต้องเดือดร้อนบ้างอีก แล้วตัวฉันเองก็คิดว่า คงจะไม่ไหวแล้วล่ะ แล้วเรื่องนี้ฉันเองก็คิดมา
หลายครั้งแล้วด้วย ตอนนี้ก็เลยคิดว่าจะตัดสินใจเลิกมันซะเลย เพราะสำรับก็ไหม้ไปหมดแล้ว อาแมนคริส เองก็ด้วย
ป่านนี้คงเป็นอิสระไปแล้วสินะ ”
ธนัท แจงเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้ โคทาโร่ เข้าใจผิดอะไรอีก แต่ถึงตัวเค้าจะไม่พูดออกมาเองตรงๆก็ตาม
แต่สำหรับ โคทาโร่ แล้วเขารู้ดีเลยว่า ลึกๆ ธนัท เองก็เจ็บช้ำขนาดไหนที่ต้องตัดสินใจในเรื่องนี้
“ จริงสิ นายยังไม่ได้กินยานั่นเลยนี่ งั้นฉันจะกลับไปเอามาให้นะ”
โคทาโร่ รวบรัดก่อนจะ เปิดประตูห้องแต่ยังไม่ทันจะได้ ก้าวเท้าออกไป เค้ากลับถูก ใครบางคนที่
รีบแจ้นเข้ามา ชนจนล้มโครมกลับเข้ามาในห้องอีก
ว้าย~-- กึง โครม!!~~
เสียงร้องของผู้มาเยือน ดังขึ้นก่อนที่ เธอจะชน โคทาโร่ จนล้มกลับเข้ามาในห้อง
“ นี่ ริน เสียงดังไปแล้วนะ!!... ”
เสียงว่า ดังตามหลังมาติดๆ พร้อม กับ ศรี ที่เดินมาอยู่หน้าประตู ที่เปิดอ้าซ่าเอาไว้
ที่พื้น ริน และ โคทาโร่ ยังคงกองอย่างมึนๆอยู่
“ อ๊า~ ธนัท ฟื้นแล้วเหรอ พี่เป็นห่วงแทบแย่แน่ะ ตอนแม่โทรมา บอกว่าน้อง มือขาดด้วน น่ะพี่ใจหายหมดเลย!! ”
ริน ลุกพรวดขึ้นมาแหกปากร้องไห้กระเซอะกระเซอ เข้ามาหาเค้าอย่างกับไม่ได้เจอกันมานาน
ด้าน ธนัท ที่ได้แต่ยิ้มแห้งๆ กับท่าทีของพี่สาว และกำลังเผลอตัวอยู่นั้นเอง
“ มีช่องว่าง!! ”
ริน แผดเสียงขึ้นมาก่อน จะเปลี่ยนท่าโอบ เป็นเอา สันมือสับกบาลน้องชายจอมซ่าส์ ของเธอ
เสียจนหน้าทิ่มไปเลย
“ พี่พูดแล้วพูดอีกจนปากจะฉีกถึงรูหู อยู่แล้วใช่ไหม ว่าห้ามใส่ อาแมนคริส เอาไว้ใน สำรับ
ก็รู้ๆอยู่ว่า ตอนนี้ระดับการตอบสนอง พลังเวทย์ของร่างกาย มันยังไม่คงที่ ถ้าอัญเชิญ อสูรเทพออกมาแล้วมัน
จะคุมไม่ได้ เรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมถึงไม่รู้จักจำห๊า!! นี่ถ้าโคทาโร่ ชุติการ เค้าถ่ายเลือดให้ไม่ได้ ขึ้นมารู้ไหม๊ว่า
จะทำให้ คนอื่นเค้าเสียใจขนาดไหนกัน ”
ริน สวดใส่ ธนัท เป็นชุดต่อทันที แถมยังด่าไฟแลบ ซะจน ชุติการ ที่หลับอยู่ข้างๆธนัท
สะดุ้งตื่นไปด้วย
“ หงิง~ ”
“ อะไรยังจะมาครางเป็นลูกหมาอยู่อีกเหรอ ถ้ารู้ว่าตัวเองผิด ก็ไปขอโทษทุกคนซะ เข้าใจนะ ”
“ เอ่อ…พี่ริน ครับ….. ”
ธนัท ครางโอดโอย ขึ้นมาเบาๆ ขณะที่ ริน นั้นไม่ได้ดูสภาพน้องชายที่เธอพึ่งจะสับกบาลสั่งสอนไป
ก็วางท่า พร้อมกับบ่นต่อไปทันที แต่ก็ถูก โคทาโร่ สะกิด เรียกขึ้นมาซะก่อน
“ อะไรเหรอ?... ”
“ คือ…ธนัท น่ะสลบไปแล้วนะครับ~ ”
โคทาโร่ เปรยก่อนที่ รินจะ ทันหันมาเห็น ธนัท นอนครางไม่ฟื้นอยู่บนเตียง เหตุการณ์ นี้ก็ทำเอา
วุ่นกันอยู่นานเลยทีเดียว กว่าจะกลับเข้าเรื่องกันได้
…….
ขณะเดียว กันที่ ม้านั่งบนทางเดิน หน้าห้องของธนัท เคียว กับ ลูเซีย ยังคงนั่งรอ
อยู่อย่างเงียบๆ โดยมีสีหน้าหนักหัว กับเสียงวุ่นวายที่ ลั่นออกมาจากห้องหลังจากที่ ริน และ ศรีเข้าไปเยี่ยม
ซึ่งทั้คู่ก็รู้ดีเลยว่า เรื่องคงวุ่น ประหลาดๆ เลยไม่คิดจะเข้าไปร่วมวง และขอนั่งรออยู่ข้างนอกแทน
“ นี่ ขอถามอะไรหน่อยสิ ”
ลูเซีย หันมายิงคำถาม ใส่ เคียว ที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ อะไร…. ”
เค้า หันมาพูดกับเธอ
“ คนที่หน้าตาออกจะซื่อๆ ที่นิสัยคล้ายๆ เอ่อ….คล้ายๆ ขนมปังปิ้งขึ้นรา….ที่วันนี้มารักษาแผลที่หลังน่ะ ”
ลูเซีย ถามตะกุกตะกัก เธอไม่รู้จะเทียบคำยังไงดี ก็เลยออกมาฟังดูประหลาด ทำเอา เคียง งงไปพักใหญ่
“ หมายถึง อิส น่ะเหรอ ”
เคียว เลือกตอบตามที่ใกล้กับคำถามของเธอที่สุดก็คือ คนที่ได้รับบาดเจ็บ ที่หลังมาวันนี้
จนต้องตามมารักษา ด้วยก็มีแต่ อิส ที่เค้าได้ยินว่า เอาตัวเข้าไปปกป้อง ลูเซีย ตอนเกิดการ
อาละวาดของ อาแมนคริส
“ อ๊ะ! ใช่ๆ ชื่อ อิส จริงๆด้วยสินะ ก็ว่าฟังอยู่ แต่ไม่แน่ใจว่า ฟังเพี้ยนรึเปล่าน่ะ แหะๆ ”
ลูเซีย รัวคำตอบ ขึ้นมาทันที หลังจากที่ เคียว เอ่ยชื่อ อิส ขึ้นมา
{นิสัย เหมือน ขนมปังปิ้งขึ้นรา มันมาเกี่ยวไรด้วยเนี่ย…หรือว่าหมายถึงการเปลี่ยนฟอร์มของ
อิส กันนะ แต่ก็ไม่เห็นจะเข้าเค้าเลยซักนิด}
เคียว คิดในใจกับคำถามที่ออกมาประหลาดเมื่อครู่ของเธอ
“ คือฉัน อยากจะถามเรื่องของ อิส หน่อยน่ะ เค้าเป็นใครเหรอ ทำไมถึงดู ต๊องๆตอนที่ดวล
แถมยังตอนที่เข้ามาช่วยฉันอีก เค้าดูเก่งกว่าคนธรรมดาทั่วไปยังไม่รู้สิ หยั่งกับ นินจาแหน่ะ ทั้งขว้างมีด วิ่งเร็ว
ไหนยังจะไต่ตึก ลากฉันขึ้นไปดวลด้วยอีก ”
ลูเซีย ถามไปพลางนึกถึงเรื่องเมื่อกลางวัน ที่เธอถูกลาก ขึ้นไปดวลบนดาดฟ้า
เคียว เงียบไปพักหนึ่ง เหมือนชั่งใจว่าจะพูดดีหรือไม่
“ มันเป็น…..เรื่องในอดีตน่ะ… ”
เคียว เปรยขึ้น ก่อนจะเริ่มเอยปากเล่าทุกสิ่งที่เค้ารู้ให้เธอฟังอย่างละเอียด
……………
……………………….
“ ภายใต้ม่านอันหนาวเย็นนั่น…เธอนอนอยู่คนเดียว……เสียงเพลงของผู้ภาวนา
ได้ก่อให้เกิดแสงเล็กๆขึ้นมาบนทุ่งอันเวิ้งว้างนั่น……. ”
เสียงเพลงถูกขับขาน ออกมาด้วยเสียงอ่อนหวาน ท่วงทำนองนุ่มลึก ดังแว่ว มาตามสายลม
ซึ่งพัดเอื่อยๆ ในสวนคฤหาสน์บนยอดเขา ในราตรี อันเงียบสงบนี้
ที่เสียงดังแว่วมา จากหน้าต่างห้อง หนึ่งของคฤหาสน์ สาวน้อยผมทรงสีดำยาวสลวย
หล่อนขับขาน บทบรรเลง ออกมาด้วยสีหน้า เศร้าๆ
“ …ฉันได้เห็นความฝันของเธอ…เห็นเธอหัวเราะยังกับเด็กๆ~… ”
หล่อนยังคง ร้องเพลงไปเรื่อยๆเพียงลำพัง สายตาของเธอ เหมือนกับคะนึงหา สิ่งใดอยู่
/Get Call/
เสียงทุ้มแหลม ดังขึ้นจากจี้ห้อยคอของเธอ ก่อนที่ จี้จะฉายจอภาพ โฮโลแกรม ขึ้นมา
“ สวัสดีครับ ท่านจิงค์ ต้องขอ อภัยด้วยครับ ที่ติดต่อมาเอาป่านนี้แต่ งานกองทัพช่วงนี้มันรัดตัว
มากเลยล่ะครับ ”
“ เจมส์….. ”
เสียงของผู้ติดต่อเข้ามา ดังขึ้น นายทหารเด็กหนุ่ม ผมชี้หยิกสีเขียว จิงค์ ยิ้มรับ
การติดต่อมาของ อีกฝ่ายก่อนจะเอ่ย ทักทาย
“ ไม่เป็นไรค่ะ นานๆที เจมส์ จะติดต่อมานี่คะ ว่าแต่มีอะไรหรือคะ? ”
จิงค์ เอ่ยตอบ น้ำเสียงเป็นปกติ จนอีกฝ่ายจับไม่ได้เลยว่า ก่อนนี้เธอ มีสายตาที่ดูเศร้าสลดแค่ไหน
“ คือว่า สุดสัปดาห์นี้ ผมมีภารกิจ ที่จะต้องไปดึงตัว โคทาโร่ เค้ากลับมาน่ะครับ
ก็เลยอยากจะขอคำปรึกษา ซักหน่อย คุณจิงค์ พอจะบอกได้ไหมครับ ว่าโคทาโร่คุงเค้ามีเหตุผล
จำเป็นอะไรถึงไม่กลับมาน่ะครับ ”
เจมส์ ออกปากถาม อย่างตั้งอกตั้งใจ ด้าน จิงค์ ที่ได้ยินคำถาม ก็ทำท่านึก ไปซักพักใหญ่ๆ ก่อนจะตอบกลับมา
เสียงใสไร้เดียงสา
“ เอ….ไม่รู้สิคะ เค้าเอง ก็ไม่เคยบอกฉันด้วยสิคะ….ขอโทษด้วยนะคะ ที่ช่วยอะไรไม่ได้น่ะค่ะ ”
คำตอบของ จิงค์ ทำเอา เค้าคอตก และผิดหวังนิดหน่อย แต่สุดท้าย เค้าก็บอกลา ก่อนจะตัดการติดต่อไป
“ ไม่ไหวแฮะ…สงสัยเราคงต้องไปแล้วก็กลับมามือเปล่าซะล่ะมั้งเนี่ย ”
เจมส์ เปรยอย่างเสียดาย และรู้สึกท้อกับ ภารกิจที่รับมา
“ เรื่องสิ….ใครจะยอมกลับมามือเปล่าได้เล่า! ฉันให้ บอย ไปขอพลสำรองหน่วยย่อย มาหน่วยหนึ่งแล้ว
ถ้าหมอนั่นไม่ยอม กลับก็ลาก กลับมาซะเลยก็หมดเรื่อง ”
เสียงดังขึ้นมา พร้อมกับ เพื่อนทหารหนุ่มผมสีม่วง เดิน มาพร้อมกับ พลทหารย่อยหน่วยนึง
…………………………
………………………………….
วันพฤหัส ที่ 19 พฤกษภาคม พ.ศ. 2702 เวลา 7.30 น.
“ เนื่องด้วยเมื่อเย็นวานนี้ เกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาด หิมะ ค่ะ!!....เหลือเชื่อจริงๆแต่ก็คงต้องเชื่อล่ะค่ะ
เพราะตั้งแต่เวลาดังกล่าว หิมะ ได้ตกลงมาและตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเมื่อคืนวานนี้ เกิดพายุ หิมะ
โหมกระหน่ำค่ะ ที่น่าแปลกกว่านั้น คือ ขอบเขตการตกของ หิมะนั้น กินบริเวณพื้นที่เฉพาะเขต
เมืองหลวงกรุงเทพมหานคร เท่านั้นค่ะ ”
เสียงพากษ์ของ ผู้บรรยาข่าว ดังขึ้นในเช้าของวันใหม่ จากทุกบ้านไม่ว่าสถานีใด ก็มีแต่ข่าวเกี่ยวกับ
ปรากฏการณ์ประหลาดนี้ ไปทั่ว
“ …และเนื่องด้วย พายุหิมะที่ตกหนัก ตั้งแต่เมื่อคืนวาน ทำให้หิมะท่วมถมเต็ม ถนน
จนการจลาจรเป็นอัมพาตทั่วทั้งกรุงเทพฯ เลยค่ะ อุณหภูมิ เฉลี่ยตอนนี้ คือ -15 องศา
และยังคงลดลงไปเรื่อยๆ นับว่าหนาวที่สุดเป็นประวัติการณ์เลยค่ะ และตั้งแต่คืนวาน
นี้ ก็มีรายงานอุบัติเหตุและผู้ประสบภัย เข้ามาเป็นจำนวนมาก สถานราชการต่างๆ
จึงประกาศหยุดงานไม่มีกำหนดจนกว่า การจลาจร จะเริ่มทำงานได้ค่ะ…… ”
ถนนทุกหนแห่งกลายเป็นสีขาวโพลน บ้านบางหลัง ถึงกับจมอยู่ใต้กองหิมะ
แม่น้ำเจ้าพระยา สายใหญ่ กลายเป็นธารน้ำแข็งใสและถูกกลบด้วยหิมะจนขาวไปหมด
………..
“ ฉันจะย้อมมันให้ขาวโพลนให้หมดคอยดูเถอะ เจ้าพวกมนุษย์งี่เง่า ฮะๆๆ ”
To be Continue……
หิมะ ปรากฏการณ์ที่น่าเหลือเชื่อในประเทศไทย!!
“ หิมะตกเนี่ย…ยังจะคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติอยู่อีกงั้นเหรอ ”
“ ว่าไงนะ ไปเจอ ปอบ มา…ในเมืองเนี่ยนะ! ”
“ เรื่องมันชักจะยังไงแล้วสิ…ปรากฏการณพวกนี้ต้องมีเบื้องหลังที่ไม่ชอบมาพากลแน่ ”
ปรากฏการณ์ประหลาดหิมะ ตก ผีปอบ ออกอาละวาด เบื้องหลังความแปลกประหลาดเหล่านี้
“ เจี้ยกๆ ฉัน 1 ใน 4จตุรเทพแห่ง Celetia Military ผู้หาวเป็นดาวเป็นเดือน ลูกพระพายผู้เป็นอมตะ
ยามสายลมพัดผ่านก็จะฟื้นคืนชีพได้ เจี้ยกค่อก ข้าเป็นใครเอ่ย ”
ศัตรูที่ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้า การโจมตีแบบฉุกลหุกนี้คืออะไรกันแน่
ม่านแห่งศึกใหญ่กำลังจะเปิดขึ้น ณ บัดนี้ติดตามได้ในตอนต่อไป
Next Sub-Turn 06 Celetia Millitary
ช่วง สครีมขอร้าบบบ แหม่ๆ ต้องขออภัยด้วยที่ปล่อยให้รอกันซะนาน เผลอแปปเดียวก็ใกล้จะเปิดเทอม
กันอีกแล้ว เวลามันผ่านไปไวเหมือนกันนะครับเนี่ย ว่าแต่เราลองมาซูมดูดีกว่าว่าตอนนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
สำหรับตอนนี้ก็มีหลายจุดให้น่าจับต่ามองเยอะเลยนะครับเนี่ย อาจจะไม่ค่อยถูกใจขานักดวล ซักเท่าไหร่
เพราะตอนนี้ไม่มีฉากดวลเลย ดราม่า ล้วน ธนัท เอ๋ย!! ดีนะเนี่ยที่ยังต่อมือคืนได้ ไม่งั้น
ได้เป็นไอ้ด้วนแน่เลย ว่าแต่รู้สึกบทน้อง ลูเซีย มันเริ่มจะหายไปทุกทีๆ แล้วสิเนี่ย เหอๆ
สุดท้าย ฝ่ายที่จะเริ่มเดินหน้าเปิดฉากบุกก่อน คือพวก อดัม สินะเนี่ยคึๆ ตอนนี้อาแมนคริส ไม่มีแล้ว
อีกฝ่ายมีอสูรเทพตั้ง 3 ตัว แล้วทีนี้พวก ธนัท จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย
แล้วไหนยังจะบทแปลกๆ ของ อิส ที่ตอนนี้โชว์ความเทพ เข้าไปปกป้อง ลูเซียจัง ตัวเอกของภาคนี้
แบบเอาตัวเข้าแลก บทแบบนี้มัน….นี้มัน…นี้มันบทพระเอกเลยนะนี่ เหอๆ เรื่องนี้เก๊าะ
ต้องรอชมกันในตอนต่อๆไป ว่าแต่ ธนัท นายวางมือจากการดวลตอนนี้ สงสัยจะลำบากนะเนี่ย
ว่าแล้วเข้าช่วงตอบคำถาม ผู้อ่านกันหน่อย
EDกันดั้มแต๊ๆ
ครับโผม~~ กันดั้มอยู่แว้ว ฝ่ายทำ op กะ ed มันบ้ากันดั้มกันทั้งฝ่าย จะได้ยิน เสียงคราง คิระ~~~ อัสรัน~~~
ดังออกมาจากฝ่ายนี้ตั้งกะเช้าจรดเย็นของทุกวี่ทุกวัน เฮ้อ
อยากเเสดงเป็นหัวหน้าของพวกNeo-Nazism จังเลยอะคับ
เล่นเดค sin
อยากแสดงไม่ใช่ปัญหา เราให้คุณแสดงได้ แต่คิดดีแล้วหรือ...คือ ผมจ่าไปที่หัวเรื่องของตอนที่1
แล้วเน้อว่า นิยายนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมิได้เกี่ยวกับความเป็นจริง ดังนั้น หากผมต้มยำทำแกง
กับตัวละคร ยังไงจะบ่นไม่ได้นา คร้าบบบบ แถมบทที่อยากจะแสดงก็ดัน... เอิ่ม ถ้าแสดงเป็นตัวร้าย
ของภาคนี้ ขอเตือนกันไว้ก่อนละกันเน้อ ว่าคงจบไม่สวยเท่าไหร่ ไม่เหมือนภาคแรกนะพี่น้องค้าบ
ที่จะได้กลับมาจับมือกัน แบบ พี่ปอ กับ ธนัท อ่า
ภาคนี้มันจะต้องดราม่า และ นองเลือด ยิ่งกว่า ทาลิภาคเรกกะ เหอๆ
เอาไว้จะพิจารณาก่อนละกันครับ ว่าคิวแสดงของตัวละครเต็มหรือยัง
ถ้ามีเหลือ เดี๋ยวก็โผล่มาเองล่ะครับ (ปล. นามสกุลหัวหน้าของ Neo-Nazism คือ Hitler น่ะเออ เหอๆ)