Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ เม.ย. 28, 2024 4:48 am

หน้าเว็บบอร์ด ส่วนของผู้เล่น SMN FanCard FanArt & FanFic SMN VR TAG TURN (THE FINAL ACT):Sub-Turn 96.5 Final Act Tile

สำหรับลงรูปแฟนอาร์ตและนิยายแต่งเองของชาวSMNครับ

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 03 Foresight Disaster

โพสต์โดย ~Fi12E&D@12K~ เมื่อ จันทร์ ก.ย. 07, 2009 5:56 pm

ว้าว ::022::
ภาพประจำตัวสมาชิก
~Fi12E&D@12K~
0
 
โพสต์: 60
Cash on hand: 550.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 03 Foresight Disaster

โพสต์โดย Dragon Professor เมื่อ จันทร์ ก.ย. 07, 2009 8:58 pm

greamon เขียน:
การ์ด 3 ปีศาจ......คุ้นๆ Yugioh GX o3o


อืม.....จริงด้วยแฮะ มันมาตรงกันโดยมิได้นัดหมายอีกละ ภาคที่แล้วก็ชุติการนี่ บูลอายไวท์ดราก้อนร่างคนเลย
เอาน่า หยวนๆเน้อ ::030::

(ลือว่าdeck deliver band มันคือ E-hero หว่า นี่หรือว่าลูเซียจังของเรามีต้นแบบมาจาก จูได เนี่ย ::036:: )

นั่นสิ ขนาดของตูยังมีการ์ดสปิริตเลย ตอนนี้กำลังดูยูกิจีเอ็กซ์กับ5ดีเอสในคอมอย่างเมามัน เลยไม่ค่อยได้มาออนบอร์ดอะนะ
ต้องบ้ายูกิตามเพื่อน เพราะไม่มีใครเล่นซัมเเล้ว ::023::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Dragon Professor
0
 
โพสต์: 594
Cash on hand: 428.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 03 Foresight Disaster

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ อังคาร ก.ย. 08, 2009 12:29 pm

^
^
^

อ่า นะครับ ช่วงนี้กระแส ยูกิ กำลังอยู่เพราะ อนิเมภาค 5D มันทำออกมาแหวกแนวจากภาคก่อนๆ คือทำออกมาสำหรับวัยรุ่นขึ้นเยอะ เพราะส่วนใหญ่การ์ตูนแนวเล่นไพ่เนี่ย มันไม่น่าจะมีคนตายเนอะเหอๆ แต่นี่ในเรื่องภาคนี้นี่ ดราม่าหนักเนื้อหาพอดู
แล้วยังระบบใหม่อย่างการ ซิงครอน(ของเรา ซิงโคร อ่ะหุ) อีกทำให้มันกลับมาแรงพอดูเลยล่ะ

ปล่อยๆไปซักพักเดี๋ยวเค้าก็กลับมาเล่นซัมกันเองล่ะครับ โรงเรียนเก่าผมก็เคยเป็น
ช่วงรุ่งเรืองของ ซัม จากนั้นพอยูกิรุ่งมาช่วง GX พอดี ซัม นี่ซาเลย แต่พอไม่นานซักพักก็กลับมาเล่นซัมกันอีก
กระแสมันมาเป็นช่วงๆครับ ::034::


ว่าแต่นิยาย ซัมครอสมาสเตอร์ นี่ดูท่าจะงานยุ่งจนไม่ไหวจริงแล้วสินะครับเนี่ย ไม่เป็นไรหรอกครับไว้คุณมีเวลากับ
ความพร้อมอีกเมื่อไหร่ บวกแรงบันดาลใจสูงพออีกครั้ง ก็สามารถ รีเทิร์นกลับมาได้ล่ะน่าครับ

อย่างของผม SMN VR ภาคแรกนั้น ตอนที่ลงครั้งแรกที่ยังใช้ชื่อเรื่อง Duel Legend อยู่นั้นลงตั้งกะสมัยยังอยู่ ม.3 อยู่เล้ย
ครับ แต่งลงพร้อมๆกันกะ ตำนานทาลิ ภาคแรก แต่สุดท้ายเขียนไม่จบอยู่ดี เพราะระบบการเขียนตัวเองดันทำให้มันยุ่งยากเกิน
บวกช่วงนั้นขึ้น ม.4 ใหม่ๆงานยุ่งบวกปรับตัวอีก แถมติด dotA ด้วยช่วงนั้น หยุดพิมพ์ยาวไปเลย

จนกลับมาอีกทีก็คุณboy เข้ามาอ่านตำนานทาลิภาคแรกนั่นล่ะครับ จากนั้นยาว เหอๆ

ให้สรุปทั้งหมดออกมาคงได้ออกเป็น 1 ตอนกับอัตชีวประวัติของ greamon เลยล่ะ ::036::


operation Spit Break!!
present plan op and ed mission failed palmon try again
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 03 Foresight Disaster

โพสต์โดย Palmon เมื่อ พุธ ก.ย. 09, 2009 10:08 pm

gee โค้ดเนม palmon มารายงานตัวค่ะ ผู้พัน เกรม่องคุง หุๆ ดูเหมือน operation split break จะพังไม่เป็นท่าแฮะ
เอาเถอะ ถึงกระแสไม่แรงแต่ก็มีเสียงตอบรับพอควรล่ะ ว่าแต่ทำไม Ed ถึงตัดเอา อีก 5 ฉากที่เหลือไปล่ะ
เพราะถึงความยาวเพลงไม่พอ แค่ทอนเวลาของฉากการ์ดเลื่อนขึ้นมาของ ธนัท กับ การ์ดตกของ โคทาคุง
ก็น่าจะลงพอไม่ใช่เหรอ - - ?

อีกเรื่องบทของเรื่องที่เล่าให้ฟังเมื่อกลางวันน่ะ จะเอาแบบนั้นจริงเหรอ!!!

ถ้าเป็นแบบนั้นไม่ต้องลุ้นกันหืดขึ้นคอเรอะ แถมยัง op 2 จะทำภาพ หลุด เอ่อ.... ละไว้แล้วกัน
ว่าแต่เอาจริงง่ะ ถึงจะแค่เฟรมเดียวก็เถอะ อาจโดนแบนได้นะ
ภาพออกจะแรง ::036:: แต่เห็น การุรุจัง บอกว่าทำภาพเสร็จแล้วนิ

อีกเรื่องตอนมาขอ Swish ไปใช้เนี่ยยึกว่าจะทำแค่ ปฟรชธรรมดาๆ ภาพเลื่อนไปๆมาๆ นิดหน่อย แต่นี่.....

เอ่อล่อซะขนาดนี้ ทำกันหามรุ่งหามค่ำไปกี่วันเนี่ย จะสอบแล้วนา เดี๋ยวอาทิตย์หน้าก็งด ยาว 2 สัปดาห์แล้วนิใช่ป่ะ
Palmon
0
 
โพสต์: 33
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 03 Foresight Disaster

โพสต์โดย boy เมื่อ พฤหัสฯ. ก.ย. 10, 2009 4:56 pm

^
^
ภาพรุนแรง...... ::022::

บทของเรื่องดุเดือดขนาดนั้นเลยเหรอครับ ::011::
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 03 Foresight Disaster

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ พฤหัสฯ. ก.ย. 10, 2009 6:23 pm

พัลม่อนจัง spoil นะนั่น spoil เละเลยเอาเถอะเป็นเจ๊ เองยังอึ้งเลยตอนฟังเนื้อเรื่องกับเคสภาพที่จะให้ทำเนี่ย
ไม่รู้เจ้าเกรม่อน ของขึ้นหรืออะไร อยู่ๆก็มาบอกว่ารอบนี้จะ ดราม่า เต็มสูบพอฟังเนื้อเรื่องเท่านั้นล่ะ ::033::

เอาจริงง่ะ มันจะไม่ใช่ VR เอาแล้วนะนั่น คำพูดนี้หลุดออกมาจากปากเป็นคำแรกเลยเชียวล่ะ โอ๊วมายก็อต
มันจะหนักเนื้อเรื่องไปไหน ทำแบบนี้คนอ่านภาคแรกมาเค้าจะมิมึนเอาเรอะ

สุดท้ายไปๆมาๆ เลยตกลงกันว่าช่วงแรกของเรื่องที่จะไล่แนะนำสำรับของ แต่ละตัวละครไปก่อนให้เอาเนื้อหาเบา
อ่านสบายกันไปก่อนถือเป็นการสร้างเสริมและแสดงความสัมพันธ์ของแต่ ละตัวละครจากภาคแรกกับภาคสองนี้ก่อน
แล้วค่อยเข้าเรื่องจริงอีกที งานนี้ขอบอกยอมรับเลยว่าเนื้อหาหนักกว่าของ ทาลิภาคเรกกะ ซะอีก

แต่ไม่ได้หนักชนิดว่าเศร้ากันแบบสุดๆในตอนท้ายๆนะ เพียงแต่เนื้อหาจะผ่อนความหนักหน่วงไปในทุกๆตอน
ไม่ได้ยัดแบบทีเดียวเอาให้น้ำตาร่วงกันเละเทะแบบ ภาคนั้น


ภาพรุนแรง......


คือที่จริงมันไม่ใชภาพรุนแรง อะไรแบบที่คิดหรอก แค่ว่ามัน......ไม่รู้จะบรรยายไงดีเอาเป็นว่า op 2 จะติดrate 18+
ไว้ด้วยเลยดีไหมเนี่ย แถมเนื้อหาของเจ้าธนัท มีช่วงตอนหนึ่งที่คงต้องติดว่า เรท 18+ ล่ะ ไม่งั้นแย่แหงๆ
ไม่พูดละเดี๋ยวหลุดเผลอ spoil อีก เอาเป็นว่าตอนนี้เนื้อหาก็เรื่อยๆอ่ะจ้ะ ยังไม่มีอะไรมาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 03 Foresight Disaster

โพสต์โดย JX~Mystalgikus เมื่อ พฤหัสฯ. ก.ย. 10, 2009 11:04 pm

เห็นจากหลายเม้น + spoil ท่านพี่พัลม่อน + gossip ท่านพี่การุรุ

สรุป คือ ยำใหญ่สินะครับ ทั้งดราม่า ทั้งกลิ่นอายแห่ง VR (ที่อาจจะมีมั่วเหมือน ACE) หุหุ

ถ้าผิดละก็ /me รีบขอโทษขอโพย แล้วเผ่นละก๊ะ ::036::

ปล. Deliver Band = Elemental Hero??? โอ้ แหล่มเลยจอร์จ
ปล. 2 ตอนที่คิงปอเข้าไปที่ศูนย์วิจย ทำไมอ่านแล้วมันคล้ายๆ ตอนที่อิชิซุนัดเจอไคบะที่พิพิธภัณฑ์ (จริงๆ นะ หุหุ)
ปล. 3 ตอนนี้ที่ รร. เก่าของท่านพี่ % คนเล่นซัมน้อยลงอย่างน่าใจหาย (คงเป็นเพราะมอนสเตอร์ซิงโครของ 5D's สินะ)

/me เผ่นก่อนละก๊ะ (สองรอบแระ)
ภาพประจำตัวสมาชิก
JX~Mystalgikus
0
 
โพสต์: 181
Cash on hand: 350.00
ที่อยู่: ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 03 Foresight Disaster

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 2:07 pm

ปล. Deliver Band = Elemental Hero??? โอ้ แหล่มเลยจอร์จ
ปล. 2 ตอนที่คิงปอเข้าไปที่ศูนย์วิจย ทำไมอ่านแล้วมันคล้ายๆ ตอนที่อิชิซุนัดเจอไคบะที่พิพิธภัณฑ์ (จริงๆ นะ หุหุ)
ปล. 3 ตอนนี้ที่ รร. เก่าของท่านพี่ % คนเล่นซัมน้อยลงอย่างน่าใจหาย (คงเป็นเพราะมอนสเตอร์ซิงโครของ 5D's สินะ)


ถูกหมดเลยนะนั่นที่ว่ามาน่ะ จริงๆคือตอนเริ่มสร้างคาแรคเตอร์เนี่ย ไม่รู้จะทำออกมาแบบไหนดี
แล้วสำรับภาคที่แล้วก็เก่าสนิท ซะจนผู้เล่นบางคนไม่รู้จัก ภาคนี้เลยลองจับของเล่นใหม่ๆที่มันยังไม่ตกยุค(ยังแรงอยู่)
มาทำซะ ก็เลยได้คอนเซปของ เดลิเวอร์แบน ทีนี้พอลองมารวมยำดูแล้ว อืม...มันเดจาวู ลูเซียจะเป็นจูได อยู่แล้วนะเนี่ย
ดีที่ไม่ให้ทำท่า gotcha' ด้วยนะเหอๆ ถ้ามีภาคสามอีกคงชื่อ SMN VR 5D' เลยล่ะมั้ง ::036::

ส่วนตอนพี่ปอร์เข้าศูนย์วิจัยนั่น มันเกิดจากตอนที่วันหนึ่งตัวผู้เขียนฝันเห็นขึ้นมาน่ะ (ถึงกับเก็บไปฝัน)
ตอนแรกๆก็ฝันเป็นเรื่องยูกิอยู่หรอกแต่พอ อิชิซุ มันเป็นภาพศิลาออกมาให้ดูนะแทนที่มันจะเป็น
สามเทพ โอเบริส โอชีริส แล้ว ราห์

มันดันกลายเป็น ziz behemoth leviathan ไปซะงั้นแถมตำแหน่งนี่แทบจะตรงกันเชียว
ziz ตรงกับ ราห์ behemoth ตรงกับ โอเบลิสต์ Leviathan ตรงกับ โอชีริส

เหอๆเล่นเอาสะดุ้งตื่นกันเลยทีเดียว เลยจับเอาตรงนั้นมาเขียนซะเลยไง
ส่วนกระแสซัมซา นี่ก็นะ เรื่องปกติล่ะสมันพี่ก้เป็นมาแล้วที


แล้วก็ข่าวภาพแรงที่ พัลม่อนจัง กับ การุรุคุง เอามาสปอย เล่นเละเทะซะขนาดนั้นน่ะ
มันไม่ได้แรงอะไรอย่างที่พูดหรอก(ที่จริงแรงมาก) เดี๋ยวมันเป็นยังไงก็รอดู op 2 ก็แล้วกันครับ
แต่คงอีกนานกว่าจะมาเพราะเรื่องต้องเดินไปครึ่งนึงก่อน ภาคนี้ว่าจะทำ 3 op 3 ed เลย

เพราะทรัพยากรมันเยอะกว่า พวกตำนานทาลิ เลยทำได้เยอะกว่า
ในส่วนของเนื้อหาจะไม่ขอสปอยไปมากกว่านี้แล้ว เดี๋ยวจะพาลรู้ไต๋กันหมดเหอๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 04 Vs. Marvin 1 (การประทะกับชายผู้

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ อาทิตย์ ก.ย. 13, 2009 7:39 pm

Sub-Turn 04 Vs. Marvin 1 (การประทะกับชายผู้มากบุคลิค)

“จงเก็บผลไม้ในสวนไปทานตามต้องการ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามอย่าเก็บผลของต้นแห่งปัญญา เด็ดขาด

พระองค์ทรงตรัสไว้แบบนั้น แต่แล้ว อดัม กับ อีฟ ก็ทานผลไม้ต้องห้ามนั้นเข้าไปและถูกขับไล่จาก สวนสวรรค์ อีเด็น”


หลังวิกฤติการณ์ขาดแคลนพลังงานของโลกขั้นร้ายแรง มนุษยได้ค้นพบพลังงานใหม่ที่มีอย่างไม่จำกัดและมีความบริสุทธิสูง พวกเค้าเรียกมันว่า พลังเวทมนต์ พลังงานที่มีความนึกคิดเป็นของตัวเอง เวทมนต์ เป็นพลังงานที่สามารถคิดและกระทำ
ได้ด้วยตัวของมัน เมื่อพลังงานเหล่านี้จับตัวรวมกันก็จะตกตะกอนกลายเป็นสสาร และสร้างรูปร่างของมันขึ้นมา
ได้ รูปร่างเหล่านั้นเราเรียกมันว่า อสูรอัญเชิญ (Summon Monster) อสูรอัญเชิญ นั้นมีพลังที่ยากจะหยั่งถึง

พวกมันมีกันหลายระดับ บ้างก็อันตรายบ้างก็เป็นมิตร หากแต่ในบรรดาอสูรอัญเชิญ ด้วยกันนั้น ก็ยัง
มีเหล่าอสูรชั้นสูงที่ถูกขนานนามว่าเป็น เทพเจ้า เพราะพวกมันเหล่านั้น กุมสิทธิในการกระทำต่างของมนุษย์

ต่อพลังงานเวทมนต์ ในอดีต ช่วงหลังการค้นพบ พลังเวทมนต์พวกเค้าได้ทำการผูกพันธสัญญาเชื่อมต่อ ห้วงมิติของ โลกนี้
กับเทอร่า ซึ่งเป็นโลกเสมือนของ พลังงานเวทมนต์ เวลาผ่านไปได้เพียง 25 ปี มนุษย์ได้คิดจะใช้พลังงาน

อันแสนวิเศษนี้ในการทำสงคราม อนุภาพของพลังทำลายที่จะเกิดจาก เวทมนต์นั้น รุนแรงยิ่งกว่าปรมาณู
ร้อยลูกเลยทีเดียว หากแต่พลังงานเวทมนต์ไม่ใช่ พลังทางวิทยาศาสตร์ ที่จะเป็นแค่เครื่องมือของมนุษย์เท่านั้น
พวกมันมีความนึกคิด…..พวกมันมีชีวิต…..

ในปี คริสตศักราช 2034 ประเทศในทวีปทางตะวันออกกลาง อิรักษ์ จอแดน คูเวต และอื่นๆ
เหล่าประเทศที่ทำสงครามรบกันมาอย่างยาวนาน และจัดเป็นความขัดแย้งที่มีอยู่จนถึงบัดนี้

ในวันที่ 25 ธันวาคม ของปีนั้นเอง อิรักษ์ ส่งจรวดนำวิธีหัวรบพลังเวทย์เขอบเขตการทำลายล้างสูง
ออกไป จำนวน 10 ลูกแต่ทว่า ไม่ทันที่ฝ่าย อื่นๆจะได้ทันโต้ตอบ หรือ หัวรบพลังเวทย์ นั้นจะได้ทำงาน

อสูรอัญเชิญขนาดใหญ่ซึ่งมีขนาดกายที่สูงเทียมฟ้า ร่างของมันดูน่าเกรงขามและสร้างความหวาดหวั่นไปทุกผืนหย่อมหญ้า
ก่อนที่ การรบจะได้เริ่มการนองเลือดหรือก่อนที่จะมีผู้ที่สูญเสียจากสงคราม ผลในครั้งนั้นกลับเป็นการลบหน้า
ประวัติศาสตร์ ความขัดแย้งอันยาวนาน ของชนชาติในตะวันออกกลางทั้งหมด ทวีปทั้งทวีปราบเรียบเป็นหน้ากลอง
ตะวันออกกลางถูกลบไปจากโลก ไม่มีใครในเหตุการณ์นั้นรอดมาได้แม้แต่คนเดียว
สิ่งที่มีเหลือเป็นเพียงแค่ภาพเหตุการณ์ที่ทั่วโลกบันทึกเอาไว้ได้เท่านั้น

“ อสูรอัญเชิญ ขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้นจากนั้น ก็วาบ!! แล้วทุกอย่างก็หายไปหมดเลย ”
“ พระเจ้าลงทัณฑ์ พวกคนบาปเหล่านั้นแล้ว ”
“ นี่มันบ้าชัดๆ จะให้บอกว่าพระเจ้ามีจริงงั้นเหรอ!! ”
“ แต่ว่าถึงจะปฏิเสธยังไง ผลมันก็ปรากฏออกมาตรงหน้าแล้ว แบบนี้ยังแก้ต่างอะไรกันอีกล่ะ ”
“ ทวีปทั้งทวีป หายไปเลยในเวลาแค่ไม่ถึง นาที เนี่ยพูดไปใครจะเชื่อ แต่นี่ผลของมันมาอยู่ตรงนี้แล้ว
แบบนี้ก็ต้องเชื่อล่ะ!! ”

ความสับสนอลหม่านเกิดขึ้นทั่วทั้งโลก ในเวลาหลังจากนั้นไม่นาน เหล่านักวิชาการออกมาเปิดประเด็นโต้เถียงกันอย่างเอิกเกริก สุดท้ายพวกเค้าก็ไม่สามารถ ใช้วิทยาศาสตร์อันภาคภูมิใจของพวกเค้าหาข้อสรุปได้ เหตุการณ์ในวันนั้น
ถูกเรียกขานว่า ก็อต คริสมาสต์ (God X’mas) หลังจากนั้นไม่นาน อสูรอัญเชิญที่มีพลังเทียมพระเจ้า

ได้ถูกขนานนามของมันว่า เรราเย่(Leraje, the Torment of War) ผลจากครั้งนั้น พวกเค้าให้ข้อสรุปว่า
การนำเอาพลังเวทมนต์ มาใช้ในการสงครามเป็นเหตุให้เกิดการจุติของ เรราเย่
รูปภาพ

เพียงเท่านั้น เพื่อมิให้เกิดเหตุการซ้ำเดิม พวกเค้าจึงได้ร่วมลงนามกันแล้วว่าจากนี้ไปจะไม่นำพลังงาน เหล่านี้มาเพื่อการสงครามเด็ดขาด

จากนั้นอีก 75 ปี ต่อมา ในปี ค.ศ. 2109 มนุษย์ได้ศึกษาและค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับพลังงานเวทมนต์ อย่างต่อเนื่อง
การพัฒนาศาสตร์ต่างๆควบคู่ไปกับการศึกษาศาสตร์ด้าน เวทมนต์ ได้ก้าวหน้าขึ้นอย่างมากหนึ่งในนั้นคือการแพทย์มนตรา
โรคร้าย ในอดีต ที่ไม่เคยรักษาได้ กลับกลายเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อย โรคมะเร็ง ที่คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างทรมานมาหลายศตวรรษ จบยุคของมันลงด้วยยาปฏิชีวเวท เพียง เม็ดเดียวก็สามารถรักษาโรคนี้ได้อย่างหายขาด

แม้แต่ความพิการทางด้านต่างๆก็สามารถรักษาให้หายได้อย่างอัศจรรย์ ด้วยศาสตร์พันธุเวทกรรม
ซึ่งเป็นศาสตร์การตัดต่อพันธุกรรมแบบเวทมนต์ ซ฿งเรียกว่า พันธุเวทกรรม
โดยอาศัยพันธุกรรมของ อสูรอัญเชิญ เข้ามารักษามนุษย์

หากคุณหูหนวกพวกเค้าก็จะปลูกถ่ายพันธุกรรมของ อสูรอัญเชิญจำพวกสมิงซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึง
ทางพันธุเวทกรรมของมนุษย์ โดยจะเลือกเอาที่มีประสาทรับฟังดีมาทดแทนประสาทการรับฟังเก่าของคุณ
เพียงเท่านี้ จากคนหูหนวกก็แทบจะกลายเป็นยอดมนุษย์ ที่ประสาทรับเสียงไวพอๆกับสัตว์ป่าทั้งหลาย

หากเป็น ดาว์นซินโดรม เพียงแค่ปลูกฝังพันธุกรรมของ อสูรอัญเชิญ สายพันธ์ Koblod ลงไปคนๆนั้นจะ
กลายเป็นอัจฉริยะในทันที แม้ว่าเทคนิคทางการแพทย์จะรุดหน้าไปไกลมาก จนมนุษย์แทบจะไม่ต้องกลัว

โรคร้ายหรือความเจ็บป่วยใดๆอีกแล้วก็ตามทว่าสิ่งที่ตามมาจากการนี้ กลับกลายเป็นการสร้างค่านิยมที่
ผิดศีลธรรมขึ้นแก่มนุษย์ เมื่อบุคคลที่มีฐานะพอแม้ตัวเองจะไม่ป่วยหรือเป็นอะไรก็ตาม

ก็ยังทำการตัดต่อพันธุเวทกรรมของตัวเองเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น ฉลาดขึ้น เหนือกว่าคนอื่นๆ
เมื่อพรสวรรค์กลายเป็นสิ่งซื้อกันขายได้ ความไม่ยุติธรรมต่างๆจึงเกิดขึ้น

เหล่ามนุษย์พากันเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นเครื่องจักรที่หาดีด้วยการเสริมชิ้นส่วนที่เรียกว่า พันธุเวทกรรม
มันเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อใครๆก็สามารถเป็นยอดมนุษย์ได้

แล้วเหล่าผู้คนที่ไม่มีฐานะหรือไม่อำนาจพอที่จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นยอดคน ได้เช่นพวกนั้นเล่า
จะเป็นตายร้ายดีกันยังไง ปัญหาตามมาในเวลาไม่ช้า พวกคนธรรมดาที่มีเพียงแค่พรแสวงที่เกิดจากความมุมานะของตน
ถูกเหยียบย่ำ ด้วยพลังแห่ง พันธุเวทกรรม ความอิจฉาริษยา เริ่มเพิ่มสะสมในมวลหมู่คนธรรมดาเป็นทวีขึ้นเรื่อยๆ

“ คุณแม่ทำไมถึงไม่ทำให้ผมเป็น DNA-Changer ล่ะ ”
“ พูดอะไรบ้าๆแบบนั้นเผ่าพันธุ์….ที่น่ากลัวแบบนั้นน่ะ…. ”

จากความริษยากลายเป็นทิฐิ และกลายเป็นอคติ ต่อการตัดต่อพันธุเวทกรรม ค่านิยมที่ว่าการเป็นไปแบบธรรมชาติ ค่อยๆถูกปลูกฝังขึ้น แต่กระนั้นการตัดต่อพันธุเวทกรรมก็ยังคงมีเรื่อยมาไม่ได้หายไป เพราะกิเลสของคนเรา

ก็ย่อมมีเหมือนๆกัน อยากเก่งกว่าคนอื่น อยากเหนือกว่าคนอื่น ไม่นานจาก อคติต่อเหล่ามนุษย์แปลงพันธุเวทกรรม
หรือ DNA-Changer ก็กลายเป็นความโกรธแค้น สงครามเย็นจึงเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ มีการรวมตัว
กันต่อต้าน DNA-Changer ถึงแม้ว่าสภาพของสงครามเย็นนี้จะไม่ใช่สงครามที่ใช้ความรุนแรง

ทว่าการที่เวทมนต์นั้นมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ในเรื่องนี้ไม่นาน
ราวกับว่าพลังเหล่านี้จับตาดูและคอยพิพากษาพฤติหรรมของพวกเค้า
อสูรเทพ แห่งท้องสมุทรและอสูรเทพแห่งพิภพ ก็ออกอาละวาด

เกิดพายุฝนไปทั่วโลก น้ำทะเลล้นท่วมผืนแผ่นดิน เกิดการปะทุของภูเขาไฟในทุกพื้นที่ ผืนพสุธา
แยกตัว ธรณีสั่นไหวอย่างรุนแรง ในที่สุดมนุษย์ ก็ไม่อาจที่จะอยู่เฉยให้ อสูรอัญเชิญทั้งสอง

กดขี่พวกเค้าไปมากกว่านี้ อาวุธต่างๆถูกนำออกมาเพื่อจัดการกับพวกมันโดยหลีกเลี่ยงการใช้พลังงานเวทมนต์
พวกเค้าใช้ ระเบิดปรมาณู แทนทว่าทฤษฏี ที่พวกเค้าคิดกันว่า การใช้พลังเวทมนต์ในการสงคราม
จะทำให้ เรราเย่ จุติ ลงมา แม้ในครั้งนี้พวกเค้าจะเลี่ยงการใช้พลังเวทมนต์แล้วก็ตาม แต่ถึงกระนั้น
เรราเย่ ก็จุติลงมาด้วย โลกตกอยู่ในภัยพิบัต จากการรุกรานของ สาม อสูรเทพ
ซึ่งต่อมา 2 ใน3 ตัว นอกจาก เรราเย่ แล้วได้ถูกขานเรียกกันในนามของ Behemoth และ Leviathan
ในห้วงแห่งความสิ้นหวังของเหล่ามนุษยชาติ นั้นเอง ได้ปรากฏการมาของเหล่าผู้กล้า กลุ่มหนึ่ง

พวกเค้าเป็นกลุ่มบุคคลที่ผนึกกำลังเข้ากับ เหล่าอสูรอัญเชิญ เข้าต่อกรกับเหล่าอสูรเทพ
และในที่สุดความตั้งใจและ ปฏิพานที่แรงกล้าของพวกเค้า ก็ได้อัญเชิญ จอมทัพแห่งสรวงสวรรค์ ลงมากำราบ
ทั้งสาม สิ้นฤทธิ์ Behemoth และ Leviathan ถูกผนึกลงไปยังแหลมของสามเหลี่ยมแห่งหายนะเบอร์มิวด้า
ทว่า เรราเย่ กลับหนีไปได้และไม่กลับมาปรากฏตัวอีกเลย
รูปภาพ
รูปภาพ

……………………
…………………………………………………………………………………………………………



…………………………………………………………………………………..

ท้องฟ้ายามราตรีที่ประดับแพรพราวไปด้วยดวงดาวต่างๆมากมายนับไม่ถ้วนเหนือ
เกาะเทียมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางมหาสมุทร อันกว้างใหญ่ นี่คือเกาะเทียมที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย

ของเหล่า มนุษย์แปลงพันธุเวทกรรม(การดัดแปลงพันธุกรรมเวทมนต์) หรือ DNA-Changer
เกาะแห่งนี้แม้จะเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น แต่มันก็มีความมั่นคงและพื้นที่กว้างขวางเพียงพอที่ประชากรจะอยู่กัน
ได้อย่างไม่แออัดนัก ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งศูนย์บัญชาการสูงสุดของ URH (United Revolution Human)

หรือสหพันธ์ปฏิรูปมนุษยชาติ ที่ก่อตั้งขึ้นมาโดยเหล่า DNA-Changer ที่พยายามจะเรียกร้องสิทธิของตน
จนก่อให้เกิดสงครามความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับ DNa-Changer ไปทั่วโลก จนถึงเมื่อ 2 ปีก่อน

ได้มีการเจรจา กันและลงนามในสนธิสัญญา เพื่อความมั่นคงของทั้งสองฝ่าย URH จึงเปลี่ยนหน้าที่
มาเป็นการคอยช่วยเหลือในการปฏิสานสัมพันธ์ที่ดีระหว่างมนุษย์กับ เหล่า DNA-Changerเข้าด้วยกัน

ด้านลัษณะโดยรอบของชุมชนพักอาศัยนั้น ก็มีสภาพความเป็นอยู่เช่นเมืองทั่วๆไป เสมือน เกาะแห่งนี้เป็นประเทศๆหนึ่งที่มีวัฒนธรรมของตนเองและรับเอาวัฒนธรรมจากที่อื่นเข้ามา ทำให้เกิดการครองชีพแบบสากล เช่นเดียวกับ ประเทศอื่นๆ

พูดง่ายๆก็คือ นี่ก็เป็นดั่งประเทศธรรมดาๆประเทศหนึ่งที่มีประชากรผู้อาศัยนั้นเป็น DNA-Changer และมีเพียงส่วนน้อยที่
เป็น มนุษย์ธรรมดาๆแต่ก็เป็นส่วนที่สนับสนุนในการอยู่ร่วมกับ DNA-Changer หรือไม่ก็พวกทูตจากที่อื่นๆ
เสียมากกว่า
………………………………..

Choa Pao Chi Restaurant (ชื่อนี้คุ้นๆนะ)

อาคารภัตรคารอันเป็นตึกสูงระฟ้าที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง แสงไฟจากห้องลิฟต์กระจก ที่ติดอยู่ด้านนอกของ อาคาร
วิ่งขึ้นลงอย่างรวดเร็ว และไม่หยุดหย่อน

“ ว้าว! ”
จิงค์ ร้องด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขณะที่เธอกำลังมองภาพที่น่าตื่นตาจากลิฟต์กระจกที่กำลังเลื่อนขึ้นข้างบน
อันเป็นภาพทิวทัศน์ของเมืองในยามค่ำคืนที่มีแสงจากบ้านเรือนและรถรา บนถนนส่องระยิบระยับไปทั่ว

“ งั้นเหรอ…หมายความว่าเจ้าตัวเค้าเองยังทำใจเรื่องที่ตอนนี้ตัวเองไม่ใช่มนุษย์อีกไม่ได้งั้นเหรอ ”
ปอร์ กล่าวกับ โคทาโร่ ที่อยู่ด้วยกันในลิฟต์

“ ครับ..ธนัท น่ะถ้าผมไม่อยู่คอยกำกับให้เค้าทานยา ล่ะก็เค้าจะไม่ยอมกินมันเด็ดขาดเลย
นี่วันนี้ถ้าคุณ นิฮิล ไม่ได้มาที่บ้านล่ะก็ผมก็คงไม่รู้ว่าหมอนั่นน่ะ ดื้อยาอีกแล้ว…. ”
โคทาโร่ ตอบขณะ สายตานั้นก็เหม่อมอง ออกไปยังทิวทัศน์ด้านนอก

“ จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะยอมทำใจรับมันได้ง่ายๆอยู่แล้วน่ะนะ ก็ในเมื่อตอนแรกก็เป็นแค่
คน ธรรมดาๆ แต่ตอนนี้กลับกลายมาเป็น DNA-Changer แถมเจ้าตัวเองก็ไม่อยากอีก เป็นใครก็ต้อง
มีอาการขัดขืนกันบ้างล่ะน่า ไม่เหมือนกับเธอหรือ ฉันแม้แต่ จิงค์ หรือกับทุกคนที่อยู่ที่นี่ ที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิด ”

“ เรื่องนั้น ผมทราบดีครับแต่….ทั้งที่….ทั้งที่ตอนนี้ตัวเองกำลังจะตายอยู่ รอมร่อแท้ๆ
แต่แล้วทำไมเรื่องแค่นี้ถึงได้ไม่ยอมเข้าใจด้วยซักที ”
โคทาโร่ กล่าวพลางขบกรามด้วยความรู้สึกที่พยายามจะอัดอั้นเอาไว้

ติ๊งงงง!

ระหว่างที่การสนทนากำลังติดขัดอยูนี้ เสียงกริ่งลิฟต์ก็ดังขึ้นเสียก่อน พร้อมกับประตูได้เลื่อนเปิดออก

“ ถึงแล้วล่ะนะ ถ้ายังไงเรื่องนีไว้เราค่อยมาถกกันวันหลังดีกว่านะ ป่านนี้ ไกอา กับ บีบิส คงจะรอเรานานแย่แล้วล่ะ ”
ปอร์ กล่าวจบ พวกเค้าทั้งสาม จึงพากันก้าวออกจากลิฟต์ นี้ไปและตรงเข้าสู่ทางเดินที่ปูด้วย
พรมกำมะหยี่สีแดงขลิบลายทองไปตลอดทางจนสุดที่หน้าประตูทางเข้าสู่ห้องอาหารของ

ภัตรตาคาร แห่งนี้ ภายในห้องตกแต่งสไตล์ประเทศจีน
โต๊ะอาหารเป็นแบบกลมขนาดใหญ่พอที่จะรองรับ แขกจำนวนมากต่อโต๊ะ

พวกเค้าทั้งสามเดินมาจนถึงหน้าประตู พนักงานบริการหญิงก็เข้ามาสอบถามการจอง หลังจากที่ ปอร์ แจ้งเรื่องการ
จองโต๊ะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พนักงานบริการ จึงเดินนำพวกเค้าไปยัง โต๊ะทันที

ที่โต๊ะมี บุคคลที่พวกเค้าคุ้นเคยนั่งรออยู่ก่อนแล้ว 2 คน ทั้งคู่เป็นหญิงสาวแรกรุ่น
คนหนึ่งผมหยิกยาวสีชมพู และอีกคนผมทรงถักเปียห้อยปลายสีดำสวมแว่นตาดูสมภูมิ

“ ต้องขอโทษด้วยนะ ที่ให้สตรีอย่างพวกเธอต้องมาคอยกันแบบนี้ ”
ปอร์ กล่าวขณะที่พนักงานบริการ ช่วยจัดเก้าอี้ มาเพิ่มให้ก่อนที่ พวกเค้าทั้งสาม จะย้ายตัวลงนั่ง

“ อ้าว!..ไหง เซนาคาว่าคุง ถึงมาได้ล่ะเนี่ยแล้ว นิฮิล ล่ะ ”
หญิงสาวผู้สวมแว่นตา ถามขึ้น

“ อ๋อ นิฮิล เอารถไปจอดน่ะ อีกเดี๋ยวคงตามขึ้นมาเองล่ะ บีบิส ”
ปอร์ หันไปตอบคำถามของเธอหญิงสาวสวมแว่นผู้มีนามว่า บีบิส

“ ให้อัศวินอย่างฉัน(Knight) กับ ขุนพลอย่างบีบิส(Rook)มารอ พระราชา(King)
ไม่พอแล้วยังต้องมารอบาทหลวง(Bishop) อีกเหรอเนี่ย ”
หญิงสาวอีกนางผู้ซึ่งมีผมปุยหยิกสีชมพู เปรยอย่างไม่สบอารมณ์

“ ยังพูดจารุนแรงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยนะครับ คุณไกอา ”
โคทาโร่ แกล้งหยอกเหน็บความเจ้าอารมณ์ของเธอเล็กน้อย

“ ก็เพราะแบบนั้นน่ะแหล่ะ ถึงได้ถูกแฟนคนล่าสุดทิ้งไปแบบไม่ใยดีเลยไง ”
บีบิส แกล้งเหน็บเสริมขึ้นมาอีก

“ เชอะ..ผู้ชายที่ดูแลผู้หญิงไม่ได้เรื่องแบบนั้นน่ะ ฉันต่างหากละที่ต้องเป็นคนบอกเลิก ”
ไกอา เปรยประชดอย่างเงียบๆด้วยหยิ่งในศักดิ์ศรีของเธอ

“ เอแต่…คราวที่แล้วก็พูดแบบนี้เหมือนกันนี่คะ แถมถ้านับรวมกันนี่มันครั้งที่ 5 แล้วด้วย ”
จิงค์ เปรยออกมาขณะที่นับนิ้วไปด้วย

“ ร…เหรอ…. ”
ไกอา ถึงกับสะดุดเมื่อได้ยินว่าเธอพูดซ้ำแบบนี้มากันตั้ง 5 ครั้งแล้ว ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเธอกินแห้วมาแล้วตามนั้นครั้ง

“ ที่จริงแล้วนี่น่ะครั้งที่ 7 แล้วต่างหากจิงค์ ไม่ได้อยู่ฟังเธอบ่นไปสองครั้งเพราะติดไปออก คอนเสิร์ท ด้วยนะ ”
ปอร์ เสริมทับเข้าไปอีกทำเอา เธอกระอักกระอ่วนไปกับคำตอบนี้ไม่น้อย

“ ใครว่าล่ะ สัปดาห์ก่อนที่ไปกินพาเฟ่ต์ด้วยกันกับฉันนั่นก็ด้วย รวมเป็น 8 ครั้งแล้วต่างหาก ”
บีบิส เกทับให้อีก ทำเอา เธอหน้าแดงไปเลยทีเดียว

“ โห..สลัดรักผู้ชายไปตั้ง 8 ครั้งเลยเหรอครับเนี่ย…อุบ หุ…หุหุ ”
โคทาโร่ อดที่จะเปรยไม่ได้กับเรื่องที่ได้ยิน ทำเอาทั้งตัวเค้าและคนอื่นในวงนอกจาก ไกอา แทบกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่

“ ร….เรื่องของฉันน่า! ”
ไกอา ตะคอกพลางหนีหน้าอย่างเขินอายที่ตอนนี้เธอหน้าตายับเยิน เลย

“ จริงสิ ว่าแต่เธอเถอะ เซนาคาว่าคุง น่ะคิดจะทำยังไงต่อไปเหรอ ”
ไกอา รีบหันมาเปลี่ยนเรื่องคุย ทันทีโดยหันไปยิงคำถามใส่ โคทาโร่ แทนทำเอาเค้าตอบไม่ถูก
เพราะงง ว่าเธอหมายถึงเรื่องอะไรอยู่

“ เห..ผมเหรอ ”
“ อื้ม ก็ใช่น่ะสิ เธอนั่นแหล่ะจะใครซะอีกล่ะ ”
“ ร…เรื่องอะไรเหรอ? ”

โคทาโร่ ที่ถูกยิงคำถามมาถามกลับไปด้วยความสงสัย ถีงตอนนี้ก็ทำเอาทั้งวง พากันงงตามไปด้วย

“ อ้าวนี่เธอยังไม่รู้อีกเหรอ ”
บีบิส อุทาน

“ ท่านรองยามาโมโตะ ไม่บอกเธองั้นเหรอ ”
ปอร์ กล่าวพลางหันมามองเค้าอย่าง งงๆ

“ เอ๋…นี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่ครับเนี่ย? ”
โคทาโร่ ร้องด้วยความแปลกใจกับปฏิกริยาของคนรอบข้าง

“ ก็เรื่องที่เธอหลังจากนี้ต้องเป็นคู่หมั้นกับ จิงค์ ไงท่านรองไม่ได้บอกเธอหรอกเหรอ ”
สิ้นคำของ ปอร์ เพียงเท่านั้นก็ทำเอาเค้า งงเป็นไก่ตาแตกไปเลย แถมพอหันไปมอง จิงค์ ที่นั่งอยู่ข้างๆ
เธอมีท่าทีเขินอาย ไปด้วย

………………………………………….
………………………………………………….
23.50 น.

“ เอ๋ งั้นคืนนี้นายก็จะค้างที่นั่นงั้นเหรอ! ”
“ อืม พอดีมันยุ่งๆน่ะ แล้วพรุ่งนี้เช้าฉันจะกลับไปด้วย วาร์ปเกท แต่เช้ามืดเลย ”

โคทาโร่ กำลังติดต่อกับ ธนัท ผ่านทาง Note ของเค้า มาราคัส ขณะที่ตอนนี้ตัวเค้ากำลังนั่งรถ
ที่นิฮิล ขับอยู่ โดยผู้โดยสาร มีแค่เค้ากับ จิงค์ เท่านั้น

“ เหรอ…งั้นดูแลตัวเองด้วยล่ะ ”
“ อืม…นายเองก็อย่าลืมกินยาล่ะรู้ไหม ถ้าฉันกลับไปแล้วนายไม่ยอมกินล่ะก็ ฉันจะจับนายกรอกยาแน่ ”

“ อ…อืม รู้แล้วน่า ”
“ ต้องกินนะ นายน่ะชอบรับปากส่งๆอยู่เรื่อยเลย ”

“ ก็บอกว่ารู้แล้ว ไม่ต้องย้ำก็ได้ ”
“ ต้องกินนะ ”
“ เข้าใจแล้วไม่ต้องย้ำกันหลายรอบหรอกน่า แค่นี้นะ.. ”

กริ๊ก….ตื้ด…ตื้ด

หลังจากที่ เค้าย้ำอยู่หลายรอบ ธนัท จึงตัดสายไป

“ เฮ้อ ย้ำไว้ขนาดนี้แล้ว หมอนั่นจะยอมกินรึเปล่าก็ไม่รู้ ”
โคทาโร่ เปรยขณะที่ ปล่อย มาราคัส จากมือให้ลงมาห้อย คอตามเดิม
จิงค์ ที่มองเค้าอยู่ตลอดก็ อดขำไม่ได้ทำเอาเค้า แปลกใจที่อยู่ๆเธอก็ขำขึ้นมาแบบนี้

“ คุณน่ะ คงจะเป็นห่วงเค้ามากสินะคะ ”
จิงค์ ถามโดยที่เธอเองก็รู้คำตอบอยู่แล้ว

“ ก…ก็แน่สิ หมอนั่นน่ะชอบทำตัวเองอยู่เรื่อย เลยนี่ตั้งแต่เรื่องเมื่อ 2 ปีก่อนนั่นด้วย… ”
โคทาโร่ กล่าวไปได้จนเผลอหลุดปากเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีตขึ้นมา ก็ทำเอาเค้าเงียบไป
ภาพความหลังในครั้งนั้น ได้แวบขึ้นมาอีกครั้ง

[Flash Back ย้อนความภาคแรก]

[quote]“ ธนัท….ตอนนี้ คิง ได้พลัง เรราเย่ ไปไว้ในมือแล้ว นายไม่มีทางชนะ คิง
ได้แน่ รีบหนีกลับไปซะเรื่องของ ชุติการ ฉันจะเป็นคนพาเธอไปส่งคืน
ให้นายหลังจากนั้นเองฉัน…ไม่อยากให้นายต้องมารับเคราะห์ด้วย ”

“ แล้วหลังจากนั้นล่ะ….ถึงจะนายจะพา ชุติ หนีออกมาได้ แต่หลังจากนั้นล่ะ จะทำยังไง…..
ถึงตอนนี้เราจะหนีไปได้ แต่อีกไม่ช้าโลกทั้งใบก็จะสูญสลายอยู่ดี เป้าหมายที่ฉันมานี่ไม่ใช่แค่การ
ช่วย ชุติ กลับไปเท่านั้นแต่เพื่อ ปกป้องทุกคน และช่วยนายออกจาก พันธนาการที่ผูกมัดกับที่นี่ด้วย ”[/quote]


“ หมอนั่นน่ะ ชอบแบกรับทุกอย่างเอาไว้คนเดียวแล้วก็ทำเพื่อคนอื่นโดยไม่สนตัวเองเลย ”
โคทาโร่ เปรยขึ้นมาเงียบๆ ภาพและเสียงแห่งความหลังนั้น ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวจนถึงตอนนี้
ความทรงจำในครั้งนั้น คือความเจ็บปวดรวดร้าวที่สุด ในอดีตการที่เค้าต้องเป็น ศัตรูกับ ธนัท นั้นเป็นเรื่อง
ที่เค้าไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีกเลย และแม้แต่ตอนนี้เค้าเองก็ไม่อยากที่จะนึกถึงเรื่องในครั้งนั้นอีก

“ นั่นสินะคะ..แต่เพราะเค้าเป็นคนแบบนั้นใช่ไหมล่ะคะ ถึงได้ทำให้คุณน่ะยอมเปิดใจกับมนุษย์ธรรมดาๆได้น่ะ
แล้วก็ดูเหมือนตัวคุณเองจะดีใจอยู่นะคะ ที่เค้ากลายมาเป็น DNA-Changer เหมือนกับทั้งคุณและ ฉันน่ะ ”
จิงค์ กล่าวขณะที่มองเค้าด้วยสายตาเรียบนิ่ง สีหน้าของเธอนั้นดูจริงจังเล็กน้อย

“ ….ปิดอะไรเธอไม่ได้จริงๆด้วยสินะ….อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้….เพราะ…
ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาอีกผมเองก็จะได้ไม่ต้องเป็นศัตรูกับ ธนัท อีก…เพราะเราต่างก็เป็น
DNA-Changer เหมือนๆกันแล้ว… ”

โคทาโร่ เปรยก่อนจะแหงนหน้ามองผ่านกระจกรถออกไป ตอนนี้รถกำลังวิ่งไปตามโค้งวนขึ้นภูเขา
เลยรั้วกั้นขอบทางออกไปนั้น เป็นภาพท้องทะเลตัดกับขอบฟ้าที่ระยิบระยับไปด้วยดวงดาว

เสียงคลื่นและลมที่อยู่ด้านนอกนั้น ดังแว่วเข้ามาแผ่ว ช่วยขับกล่อมจิตใจ ที่สับสนของเค้า
กับเรื่องต่างๆมากมาย ที่เกิดขึ้นในวันนี้

{คุณพ่อคิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้ประกาศเรื่องการหมั้นออกมาแบบนี้นะ…แล้วยังเรื่องที่จะให้เรากลับเข้ากองทัพอีก.. }
โคทาโร่ คิดขณะที่สายตานั่นเหม่อมอง ออกไปไกล อนาคตหลังจากนี้ไปอาจมีสิ่งไม่คาดฝันรอเค้าอยู่ก็เป็นได้
แต่ถึงกระนั้น หัวใจของเค้าก็ปราถนาเพียงแค่ไม่ต้องการที่จะเป็นศัตรูกับ เพื่อนของเค้าอีกแล้ว เพียงเท่านั้น

………………………
……………………………………..

ขณะเดียวกัน ที่ บ้าน ธนัท

“ เอ่อ สรุปแล้วห้องของหนูเนี่ย ต้องผ่านทางประตู ตู้เสื้อผ้านี่จริงๆน่ะเหรอคะ ”
ลูเซีย หันไปถามกับ ริน เพื่อขอคำยืนยัน ขณะที่ตอนนี้ ศรี กำลังขนข้าวของ ของเธอ
ผ่านประตูตู้เสื้อผ้าที่ เชื่อมไปยัง อีกห้องภายในห้องนั้น มีพื้นที่กระทัดรัดไม่กว้างและก็ไม่แคบจนเกินไป

อีกทั้งยัง มีห้องน้ำในตัว รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ ขั้นพื้นฐาน อย่าง โต๊ะ โซฟา และ เครื่องรับสัญญาณภาพอย่าง
โทรทัศน์ ไว้พร้อมสรรพ

“ จ้ะ พอดีว่าบ้านเรามีคนอยู่กันตั้ง 6 คนแล้วมันก็แน่นๆอยู่หรอก ก็เลยไม่มีห้องเหลือพอน่ะ
ก็เลยต้อง Room Maker ของ ประธานมาริน่า สร้างห้องเอาไว้ในนี้แหล่ะจ้ะ ”
ริน กล่าวตอบอย่าง เก้ๆกังๆ ด้าน ลูเซีย ก็เอ๋อไปเลย เมื่อเธอต้อง เข้าออกห้องของ เด็กผู้ชาย
เพื่อเข้าออกห้องตัวเองแบบนี้

“ ง…งั้นย้ายไปสร้างไว้ที่ห้องของพี่ ริน ก็ได้นี่คะ ไม่เห็นจะต้องมาสร้างไว้ที่ห้องของ ธนัท เลยก็ได้นี่ ”
ลูเซีย พยายามจะขอร้องให้ย้ายห้องของเธอไปห้องอื่นแทน เพราะถึงแม้จะเป็นห้องของเธอเอง
ก็ตาม แต่เธอก็ยังกระอักกระอ่วนที่จะต้องมาอยู่ในห้องที่อยู่ในห้องของเด็กผู้ชายอีกที

“ คงจะไม่ได้หรอก เพราะ ห้องของ แม่ กับ รินน่ะข้าวของเต็มไปหมดเลย ห้องของพี่ กับ พ่อเอง
ก็ไม่ได้ซะด้วยก็มีแต่ห้องนี้ล่ะ กว้างพอน่ะ เพราะพึ่งจะต่อเติมไปเพื่อเจ้า โค ไม่นานนี้เอง ”
ศรี กล่าวตอบให้ ขณะที่เดินออกมาจากห้องแล้วด้านหลังตู้เสื้อผ้าแล้ว

“ ถ้างั้นพวก พี่ไปก่อนนะ นี่ก็ดึกมากแล้วพรุ่งนี้มีเรียนด้วย รีบเข้านอนกันล่ะ ”
ริน กล่าวจบ เธอกับ ศรีก็พากันตะลอนๆออกจากห้องทันที ดดยไม่ฟังคำค้านของ ลูเซีย ที่จะต้องอยู่ห้องนี้เลย

“ เฮ้อสรุปว่า ต้องอยู่จริงๆสิเนี่ย.. ”
ลูเซีย ถอนหายใจ หลังจากหันไปมอง ห้องของเธอ

“ ลำบาก หน่อยนะ.. ”
ธนัท กล่าบปลอบเธอ ด้วยความหนักใจไม่แพ้กัน

{นี่ถ้า โคทาโร่ รู้เข้าล่ะก็ คงได้บ่นให้ฟังอีกยาวแหงๆ}
ธนัท คิดพลางนึกไปถึงตอนที่ โคทาโร่ กลับมา รู้เรื่องนี้เข้าถึงตอน นั้นเค้าคงจะได้หูชาไปอีกหลายวันแน่

“ จริงสิจะว่าไป มันมีเวทยาการ ที่สะดวกขนาดสร้างมิติห้องได้ขนาดนี้ด้วยเหรอเนี่ย ไม่เห็นรู้มาก่อนเลย ”
ลูเซีย เปรยขึ้น เธอเริ่มหันมาให้ความนใจกับห้องใหม่ของเธอ แทนก่อนจะเดินเข้าไปสำรวจด้านใน

“ ที่จริงห้องนี้น่ะเคยเป็นของ โคทาโร่ น่ะแต่หลังจากต่อเติมห้องนี้แล้วก็ไม่ได้เอา ออกมาใช้อีกเลย ”
ธนัท เล่าให้เธอฟังก่อนจะล้มตัวลงนั่งบนเตียงในห้องของเค้า ขณะเดียวกัน ลูเซีย
ที่มองสำรวจไปรอบๆห้องของเธอ ก็รู้สึกแปลกที่อยู่

“ ถ้ายังไง เราเข้านอนกันเถอะ ฉันจะปิดไฟ แล้วนะ ลูเซีย ก็เข้าห้องตัวเองเถอะ ”
ธนัท กล่าวจบก็ ดันให้ ลูเซีย ที่เดินกลับออกมาเข้าห้องไป ก่อนจะปิดประตูตู้ให้เธอ
จากนั้นเค้าจึง กลับมาปิดไฟในห้องของตน แล้วเข้านอนทันที

“ อ้าว ปิดไฟแล้วเหรอ… ”
ลูเซีย เปรย หลังจากที่แสงไฟจากฝั่งห้องของธนัท นั้นดับลงแล้ว เธอจึงหันกลับเข้ามามองห้องของตัวเอง

“ จะว่าไปห้องนี้มันกว้างกว่าที่เห็นซะอีกแฮะ ห้องกว้างๆแบบนี้ให้ เรานอนคนเดียวน่ะเหรอ… ”
ลูเซีย ลำพึงกับตัวเอง ขณะที่กวาดสายตามองไปรอบๆห้อง เธอเริ่มเกิดอาการหวั่นไหวเล็กน้อย
ไม่นาน เธอ ก็ปิดไฟในห้องของเธอ ก่อนจะเปิด ประตูตู้ออกเพื่อเข้าไปในห้องของ ธนัท

ภายในความมืดมิดนี้มีเพียงแสงสลัวๆของ เสาไฟตรงมุมถนนเท่านั้นที่ส่องลอดหน้าต่างเข้า
มาให้ความสว่างภายในห้อง

/Master What are you doing?/(นายท่านกำลังจะทำอะไรกันคะ)
Noteของเธอ ไมโครโฟน ส่งเสียงขึ้น เมื่อ ลูเซีย เดินเข้าไปใกล้เตียงของ ธนัท

/oh! Shit , She is Crazy!!/(โอ้บัดซบ,เธอต้องบ้าแน่ๆ)
Note ของ ธนัท ที่ชื่อคอรัส ซึ่งถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะข้างหน้าต่าง ส่งเสียงขึ้นมากับการกระทำอันน่าตระหนกของ ลูเซีย

…………………………..
……………………………………..


“ ถ้าอย่างนั้นฝากคุณหนู ด้วยนะครับผมจะขับไปรับท่านประธาน ที่สภาเอง คิดว่าตอนนี้คงจะสะสางธุระเสร็จแล้ว ”
สิ้นเสียงของ นิฮิล รถ ที่โคทาโร่ กับ จิงค์ นั่งมาก็ขับกลับออกไปจาก สวนในคฤหาสน์ บนเชิงนี้

“ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ทั้งที่อุตส่าห์ชวนคุณมาทานมื้อค่ำด้วยแท้ๆ แต่ท่านพี่กลับติดประชุมด่วน
คุณ บีบิส กับ ไกอา ก็พลอยต้องระเห็จตามไปสะสางด้วย เลยงานเลิกงานสังสรรรค์กันเร็วแบบนี้ ”
จิงค์ หันมากล่าวขอโทษ กับเค้าที่งานเลี้ยงต้องมาเลิกเอากลางคัน จนสุดท้าย ปอร์ จึงให้ นิฮิล
พาเค้ากับ จิงค์ มาส่งที่คฤหาสน์และให้เค้า ค้างคืนเสียที่นี่เลยเพราะเห็นว่า ดึกมากแล้ว

“ ไม่เป็นไร…ผมเข้าใจดีว่าช่วงนี้ที่นี่เองก็คงจะวุ่นวายน่าดูเลย ”
โคทาโร่ กล่าวตอบ

“ ถ้างั้นก็ตามฉันมาเลยค่ะ ฉันจะพาคุณไปที่ห้องเองค่ะ ”
จิงค์ กล่าวก่อนจะเดินนำเค้าเข้าไปยัง คฤหาสน์ ตรงหน้า

…………………………………………….
ครู่ต่อมา
……………………………….

ภายในคฤหาสน์

จิงค์ เดินนำเค้าไปตามทางเดินที่ประดับตกแต่งอย่างสบายตา พรมปูพื้นไปตลอดทางเป็นสี ครีมแลดูสบายตา
เธอเดินนำเค้ามาหยุดอยู่หน้าประตูห้องๆหนึ่ง ก่อนจะ หันกลับมา

“ ห้องนี้ล่ะค่ะ ”
“ อ..ครับ ”
โคทาโร่ รับคำก่อนที่เค้าจะ บิดลูกบิดประตูและผลักประตูให้เปิดออก

“ โคทาโร่ คะ เอ่อ…เรื่องการหมั้นนั่นน่ะ…. ”
“ หาก เซนาคาว่า ได้เป็น ทองเนื้อเดียวกับ ลิตเติลแองที่เป็นที่นับน่าถือตาของ ผู้คนใน URH
แล้วเรื่องทุกเรื่องมันก็คงจะง่ายดีพิลึกเลยสินะ…พ่อของผมน่ะก็คงคิดเพราะเรื่องแบบนี้น่ะแหละ ”
โคทาโร่ ชิงกล่าวตัดหน้าเธอ หลังจากที่ได้ทบทวนเรื่องนี้มาตลอด ทางที่นั่งรถมา

“ ก็คงงั้นล่ะค่ะ…การเมืองเนี่ย มันเข้าใจยากจริงๆนะคะ ”
จิงค์ กล่าวตอบในเชิงเห็นด้วยกับสิ่งที่เค้าพูด การหมั้นหมายในครั้งนี้มันก้เป็นเพียงแค่การ
หมั้นหมายในทางการเมือง เพื่อที่จะรวมอำนาจเบ็ดเสร็จ ระหว่าง Phenomenon Party ที่ครอบครอง
อำนาจทางการยุทธโทปกรณ์ กับ Magnus ที่เป็นกองกำลังของ URH

“ นั่นสิ….แต่ที่จริงผมเองก็ไม่ได้ขัดข้องกับเรื่องนี้นักหรอกนะ… ”
“ เอ๋… ”
ทันทีที่ได้ฟังคำตอบของ โคทาโร่ แล้ว จิงค์ เองถึงกับผงะไปซักครู่ ก่อนที่เธอจะต้องใจหายใจคว่ำกว่าเดิม
เมื่อ โคทาโร่ หันมามองเธอด้วยสายตาที่แฝงความอาวรณ์ เอาไว้ทำเอาเธอ พูดไม่ออกเลยทีเดียว
กว่าจะรู้ตัวอีกที เค้าก็มาใกล้เธอซะจนขอบหน้าจะชิดติดสนิทกันอยู่แล้ว

“ อ….เอ่อ… ”
เธอ เปรยขึ้นเบาๆ ก่อนที่ เค้าจะสะดุ้งชักหน้าออกห่าง ทันที

“ ม…เมื่อกี้ขอโทษนะ…คือผม…เอ่อ… ”
“ ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ ”
“ เอ๋..? ”

เค้ากล่าวขอโทษ ที่อยู่ๆก็เผลอตัวไปแบบนั้น ทว่าคำตอบของหล่อนกลับจะทำเอาเค้า งง เสียเอง

“ ก็เราเป็น คู่หมั้นกันนี่คะ ”
เธอ กล่าวก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน ทำเอาเค้าหน้าแดงไปเลยทีเดียว

……………………
………………………………….

เช้าวันต่อมา

วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2702
เวลา 6.20 น.
บ้าน ธนัท
แกร๊ก แอ๊ดดด~~

เสียงดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องของ ธนัท ถูกเปิดเข้ามา
“ กลับมาแล้ว…. ”
โคทาโร่ ที่เดินเข้า เอ่ยขึ้นขณะที่เดินเข้ามา แต่แล้วเค้าก็ต้องชะงักไป เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า
ก็ทำเอาเค้าพูดอะไรไม่ออกอีกเลย

“ งืม~~…เช้าแล้วเหรอ….กลับมาไวจังนะ…เมื่อคืนนี้เล่นเอาเหนื่อยน่าดูเลย~~ ”
ธนัท ที่สลึมสลือ โพล่งขึ้นมา ขณะที่ยันตัวลุกขึ้นจากเตียง ในสภาพที่ยังงัวเงียอยู่

“ น….เหนื่อยกันทั้งคืน…เหรอ… ”
โคทาโร่ เปรยตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ทำเอา ธนัท สงสัยว่าทำไม โคทาโร่ ถึงได้มีน้ำเสียงสั่นๆ

“ แหงสิ ก็เมื่อคืนที่ บิชอป นิฮิล มาน่ะเล่นเอาพวกเราวุ่นกันทั้งบ้านเลย…. ”
ธนัท ตอบกลับไปขณะที่มือของเค้านั้นเลื่อนไปสะกิดเข้ากับอะไรบางอย่างที่ให้ความรู้สึกนุ่มๆ
ซึ่งก็ทำเอาเค้า ชะงักไปเลยทีเดียว ก่อนจะค่อยๆหันไปมองว่ามันคือสิ่งใด แล้วสิ่งที่พบก็แทบทำ
เอาหัวใจเค้าจะหยุดเต้นเสียให้ได้ เมื่อสิ่งที่อยู่ข้างๆเค้า คือ ลูเซีย ที่นอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มเดียวกับเค้า

“ เหวอ~~~~~ ”
ธนัท ถึงกับสะดุ้งร้องเสียงหลง ขณะที่ถอยร่น จนตกเตียงไปเลย

“ ล….เล่นกัน…จนเหนื่อยทั้งคืน…นี่นาย…. ”
โคทาโร่ ที่สติแทบจะหลุดลอยไปตั้งแต่ฟังคำตอบแรกของ ธนัท โดยไม่ได้ฟังเหตุผลที่ตามมา
นั้นเปรยออกมา แบบเข้าใจผิดๆไปแล้ว

“ ชะ..กึ๋ย~…ม…ม..มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ คือว่า…คือ…เอ่อ....ฉันไม่รู้อะไรจริงๆนะสาบานได้ ”
ธนัท รีบร้อนรนแก้ตัวทันที กับเรื่องที่ตอนนี้ชักจะชวนวุ่นเข้าไปทุกที

“ นี่ฉันไม่อยู่แค่คืนเดียว….นาย….นาย…นายถึงกับ…… ”
โคทาโร่ เปรยเสียงสั่น ขณะที่ตอนนี้ ธนัท แค่จะจับต้นชนปลายยังไม่ถูก แถมยังจะมาถูกเข้าใจผิดอีก

“ อืม….เอะอะ อะไรกันแต่เช้าเชียว~~อุตส่าห์ฝันดี ขนาดนี้แท้ๆ ดูสิตื่นเลย~~… ”
ลูเซีย ที่งัวเงียเปรยขึ้น อย่างสลึมสลือ ขณะที่ ตื่นขึ้นมานั่งบนเตียง พลางขยี้ตาด้วยเพื่อให้หายงัวเงีย

“ ฝ…ฝันดี ด้วยเหรอ~~… ”
โคทาโร่ ทวนคำออกมาอีกแต่ดูเหมือนความหมายมันจะยิ่งสื่อผิดๆเข้าไปอีก

“ ก็ใช่สิ…อุตส่าห์กำลังฝันว่าได้กิน เมล่อนปัง กองเป็นภูเขาอยู่เลย…หือ~~ ”
ลูเซีย ตอบก่อนจะลดมือลงมอง สภาพของหนุ่มๆทั้งสองที่ตอนนี้ สีหน้าบอกความไม่รับประทาน
กับเหตุผลหรือคำพูดติดตลกอะไรของเธอ อีกแล้ว

“ ม…..เมล่อนปัง~…. ”
โคทาโร่ ก็ยังทวนคำต่อไปทั้งที่ตอนนี้สติก็แทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ด้าน ธนัท ก็ยัง
คงจ้องตาค้างอยู่ไปซักพัก ก่อนที่ ทั้งคู่จะทันรู้สึกตัวก็นิ่งเงียบกันไปอยู่นาน

“ นี่นายทำบ้าอะไรของนายเนี่ย ธนัท!!!!!! ”
“ ลูเซีย!!! ทำไมเธอถึงมานอนตรงนี้ได้ล่ะห๊า!!!!!! ”

………………………………..
รอซักครู่
………………………………….

“ อ..แหะๆๆๆ โทษทีนะ พอดีว่า ฉันถ้านอนคนเดียวแล้วมันจะนอนไม่หลับน่ะแล้ว
ห้องนั้นมันก็กว้างอ่ะนะ ก็เลยวังเวงๆยังไงก็ม่ายรุ แหะๆๆ ”
ลูเซีย อธิบายเหตุผลให้ ธนัท กับ โคทาโร่ ฟังพลางหัวเราะแห้งๆแก้เขินไปด้วย

“ เพราะงั้นก็เลยมานอนกับฉันเนี่ยนะ.. ”
ธนัท ถามพลางชี้เข้าตัวเอง ซึ่ง ลูเซีย ก็ผงกหัวรับคำอย่าวซื่อๆทันที

“ เฮ้อ~~~ ”
ทั้ง โคทาโร่ และ ธนัท ต่างก็อดถอนหายใจอย่างหน่ายๆด้วยกันไม่ไหวกับ ความซื่อของเธอ

“ นี่ยัยเบ๊อะ เด็กผู้หญิงอย่างเธอ น่ะอยู่ๆมานอนร่วมเตียงกับเด็กผู้ชายแบบนี้น่ะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยรึไง ”
โคทาโร่ แย้งถามด้วยความระอา เต็มที

“ เอ๋ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่ ก็แค่นอนด้วยกันเท่านั้นเอง ”
ลูเซีย หันมาตอบแบบ งงๆกับคำถามของ เขา

“ ไม่ช่าย…ฉันหมาย ถึงว่าเธอน่ะ เธอเป็นผู้หญิงนะแล้วการที่จะมานอนร่วมเตียงเดียวกับผู้ชายน่ะมัน…….ฮึ้ย~”
โคทาโร่ สวนกลับไปทันควันก่อนจะต้องเก็บปากเงียบเพราะคิดว่าพูดไป เธอก็คงไม่เข้าใจ
เพราะว่าขนาด ตัวเค้าย้ำหัวตอไปขนาดนี้ เจ้าตัวยังไม่รู้สึกรู้สาอะไร ยังคงส่งสายตาไร้เดียงสา
ได้อย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

/Is she have hypocritical/(ยัยนี่เป็นพวกปากว่าตาขยิบหรือเปล่าเนี่ย)
คอรัส Note ที่ห้อยคอ ธนัท อยู่แสดงความเห็นขึ้นมา

/My master she is idiotion/(นายท่านของฉัน เธอค่อนข้างจะเป็นคนหัวอ่อนในเรื่องนี้น่ะ)
ไมค์ Note ของ ลูเซีย ตอบทำเอา ธนัท และ โคทาโร่ ต้องคอตกกันไปตามๆ

“ แต่สรุปก็คือ เมื่อคืน ลูเซีย แค่มานอนด้วยเฉยๆสินะ… ”
ธนัท ถามตอนนี้ตัวเค้าอยากจะขอคำยืนยันจากปากของเธอก่อนเป็นที่สุด ซึ่งเธอก็ผงกหัวรับว่าเรื่องมันมีแค่นั้นจริงๆ
จึงทำให้เค้า โล่งอกไปไม่น้อย

“ ไม่แน่หรอกนา อย่างยัยเบ๊อะเนี่ย เห็นติ๋มๆแบบนี้อาจจะร้ายกว่าที่คิดก็ได้ ไม่แน่ตอนนี้นายอาจเสีย ซิงไปแล้วก็ได้…อุบ ”
“ ห…หุบปากไปเลย ถ้าขืนนายยังพูดมากว่านี้ฉันว่ามันก็คงไม่สร้างสรรค์ไปกว่านี้หรอก ”
โคทาโร่ ที่เริ่มจะปริปากบ่น ก็ต้องเงียบไปเพราะโดน ธนัท กดมือปิดปากไว้ไม่ให้เค้าพ่น
คำที่คิดว่าจะชวนเข้าใจผิดกันหนักไปกว่านี้ แต่แล้ว โคทาโร่ ก็ฝืนดึงมือเค้าออก ก่อนจะโพล่งออกมา

“ นี่ถ้า ยัยนั่นรู้เรื่องนี้นะ เค้าจะทำหน้ายังไงก็ไม่รู้สิ ”
โคทาโร่ เปรยเสียงเรียบ ก่อนจะเดินหนีออกไป จากห้อง

“ ด…เดี๋ยวสิ ยัยนั่นน่ะนายคงไม่ได้หมายถึง ชุติ หรอกนะ! ”
ธนัท เกิดอาการร้อน ตัวรีบวิ่งตามไปทันที

“ ไม่รู้สิ อาจจะใช่ก็ได้มั้ง ”
“ ด…เดี๋ยวสิ ถ้านายบอกยัยนั่นไปล่ะก็ มีหวังฉันโดนกระทืบเละแน่
อีกอย่างนี่น่ะมันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเองนะ ”

“ อ๋อเหรอแล้วนายจะร้อนตัวไปทำไมล่ะ หรือกลัวว่ามันจะไม่ใช่แค่เรื่องเข้าใจผิด ”
“ เดี๋ยวสิ นายคงจะบอกจริงๆหรอกใช่ไหม นี่นายหัวเสียอะไรรึเปล่าเนี่ย ”

“ จ…จะบ้ารึไงทำไมฉันต้องไปหึงอะไรด้วยเล่า ”
“ เอ๋..ฉันยังไม่ได้พูดซักคำเลยนะว่าหึงน่ะ! ”

“ ฉันเองก็ไม่ได้พูดว่าหึงซักหน่อยนี่
“ อ๊ะ เมื่อกี้ไม่เห็นพูดแบบนี้เลยนี่ ก็ได้ยินอยู่เต็มสองรูหูเนี่ย ”

เสียงของ ทั้งคู่ที่แว่วมาดังขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่ เธอก็ได้แต่นั่งเอียงคอ งงๆอยู่ในห้อง

…………………………………..
……………………………………………………

11.50 น. ช่วงพักกลางวัน

โรงเรียน มนต์วิทยา

“ เฮ้อ พักซะที วันนี้น่ะง่วงสุดๆไปเลย ฮ้าว~~ ”
ลูเซีย บ่นก่อนจะอ้าปากหาวหวอดใหญ่ อยู่ที่โต๊ะในห้องเรียนของเธอ

“ ลูเซีย เราไปทานกลางวันด้วยกัน…หวา ”
แอนนา นักเรียนหญิงชาวต่างชาติ ที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆเธอ หันมาออกปากชวนขณะที่ ลุกขึ้นยืนก็
ไปชนเข้ากับนักเรียนชายคนหนึ่งเข้าอย่างจัง

“ ขอโทษนะครับ คุณแอน แต่ผมมีธุระต้องคุยกับ คุณ ลูเซีย ซักครู่เพราะงั้นขอยืมตัวไปก่อนนะครับ ”
นักเรียนชายที่เดินเข้ามาชน กล่าวแต่ก่อนที่ แอน จะได้ทันเงยหน้าขึ้นมามองว่าเป็นใคร
ทั้งตัวอีกฝ่ายกับ ลูเซีย ก็อัตรธานหายไปทั้งคู่เสียแล้ว

“ อ…อ้าว ลูเซีย…ไปไหนแล้วหนา ไวจัง…จะว่าไปเมื่อกี้ มันเสียงของ อิส นี่ ”
แอน เปรยอย่าง งงๆ ขณะที่สอดส่ายสายตามองหาไปรอบๆห้อง แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของ เธอเลย

……………………………….
…………………………………………

ณ ชั้นดาดฟ้า ของอาคารเรียนแห่งนี้อันเป็นลานกว้าง ที่ล้อมรอบด้วยรั้วตาข่ายเหล็ก
บนดาดฟ้านี้มี เพียง ห้องที่เป็นที่หลังบานประตูเป็นทางบันได สำหรับขึ้นลงชั้นดาดฟ้านี้ กับ
แท็งน้ำขนาดใหญ่ สอง ถังตั้งอยู่ตรงข้ามกันเท่านั้น

“ ปล่อย ฉันนะ ปล่อย สิ!! นี่นายจะพาฉันไปไหนเนี่ย ว้าย!!! ”
เสียง ร้องตะโกนของ ลูเซีย ดังแว่วขึ้นมาจากด้านล่างก่อนที่เงาของใครบางคนจะ วิ่งไต่กำแพง
ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และกระโดด ข้านรั้วตาข่าย ลงมายัง ลานดาดฟ้าทันที ก่อนจะปล่อยตัวเธอลง

“ ต้องขอ อภัยด้วยนะครับ มาดาม แต่ผมมีความจำเป็นต้องทำแบบนี้ ”
ผู้ที่แบกเธอขึ้นมา จนถึงนี่กล่าว อย่างสุภาพ ขณะที่เค้าเดินถอยออกห่างจากเธอไป สองสามก้าว

“ นี่นายเป็นใคร… ”
ลูเซีย หันไปถามก่อนจะต้องหยุดกึกไป เพราะ อีกฝ่ายเป็นนักเรียน ชายที่ดู ท่าทางสุภาพนอบน้อม
สำรวมกริยาตลอดเวลา อีกทั้ง ยังรูปร่างที่ ผอมบางจนไม่น่าเชื่อว่า เค้าคือคนที่แบก เธอไต่ผนังตึกขึ้นมา
ถึงสามชั้นจนถึง ดาดฟ้าได้

“ งั้นกระผมจะแนะนำตัวล่ะนะครับ มาดาม กระผม อิสรพงศ์ วงศาธร เรียกว่า อิส
เฉยๆก็ได้ครับ ตัวกระผมนั้นได้รับคำสั่งจากประธาน ให้มาทำการ ดวลกับคุณ ดังนั้นขอความกรุณาด้วยนะครับ ”
/approntare/(ภาษาอิตาลี = Get Set)

นักเรียนชาย ผู้มีผมสีบลอนหวีรวบปอยผมไปฝั่งขวา แนะนำตัว พร้อมๆกับที่ Note ที่ห้อยคอของเค้า
ได้ส่งเสียงออกมาพร้อมกับ เปลี่ยนรูปเป็นปลอกแขนสำหรับทำการดวล



[Data:อิสรพงศ์ วงศาธร (Issarapong Wongsatron) Nick Name:อิส(iss) Age:16 year Cost LV:Summoner Deck: Marvin Change Form]

“ เอ๋~~~ ”
ลูเซีย เปรยอย่าง งงๆกับการท้าดวลแบบปุบปับของ อีกฝ่าย

………………….
……………………………….

ขณะเดียวกัน

“ น้า~ ขอร้องล่ะ อย่าเอาเรื่องเมื่อเช้าไปบอกใครเลยนะ ถ้าเกิด แม่หรือ พี่ริน รู้ขึ้นมาล่ะก็มีหวังฉันโดนเจี๋ยนแหงๆ ”
ธนัท ก็ยังคงตามตื้อ ขอร้องให้ โคทาโร่ ช่วยเก็บเรื่องเมื่อเช้าไว้เป็นความลับ
ตามกันไปตลอดทาง จากชั้นเรียน จนลงมาถึงหน้าห้องส่วนกิจกรรม ชมรม และตามกันไปจนมา
หยุดอยู่ที่หน้าห้องชมรมที่ป้ายชมรมติดไว้ว่า Summoner Card Club

“ รู้แล้วน่า ฉันไม่บอกก็ได้ แล้วก็เลิกตามตอแย ซักทีฉันต้องไปทำผังการแข่งของ
ชมรมเราเดือนนี้นะ แล้วก็ ยัยประธานชมรมผีดิบ น่ะเรียกนายไปพบด้วยไม่ใช่เหรอวันนี้น่ะ ”
โคทาโร่ ตอบขณะที่ผลักบานประตูห้อง ชมรมเข้าไป

“ อ๊ะ จริงด้วยสิ ประธานนัดไว้เมื่อวันปิดเทอมวันสุดท้ายนี่ ”
ธนัท โพล่งออกมา ทันทีที่นึกได้ จึงรีบแซง เข้าไปในห้องชมรมทันที
ขณะที่ โคทาโร่ จะก้าวตามเข้าไปนั้น เค้ากลับชะงักเท้าเอาไว้

“ อ้าว? เป็นไรน่ะ ”
ธนัท หันไปถามเมื่อเห็นว่าอยู่ๆ โคทาโร่ ก็หยุดชะงักไปเสียดื้อๆ

“ ป…เปล่าไม่มีอะไร นายไปก่อนเถอะ ฉันลืมผังที่เขียนทิ้งไว้บนห้องร่ะ เดี๋ยวมานะ ”
โคทาโร่ กล่าวจบก็หันกลับออกไปทันที

“ อ…เดี๋ยวสิ…ห๊ะ… ”
ธนัท ที่คิดจะเรียก โคทาโร่ เอาไว้ก่อนกลับต้องสะดุดกึกไปทันที เมื่ออยู่ๆตัวเค้าก็เกิดเห็นภาพซ้อน
วูบเข้ามาในหัว

“ แต่ว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วล่ะที่เราจะได้เล่นกันแบบนี้น่ะ…. ”
“ ทำไมล่ะ ถ้านายอยากจะเล่นอีกเมื่อไหร่ก็บอกฉันได้นี่ ก็พวกเราน่ะเป็นเพื่อนกันนี่นา ”
“ งั้นเหรอ….ขอบใจนะ งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ ธนัท… ”

เสียงเหล่านี้ดังแว่วขึ้นมา พร้อมกับ มโนภาพจากความทรงจำในอดีต

{ อ…ทำไม…ทำไมกันล่ะ เมื่อกี้พอเห็น หมอนั่น วิ่งออกไปแบบนั้น เราถึงได้รู้สึก เหมือนกับเมื่อ 2 ปีก่อน ขึ้นมา }
ธนัท คิดขณะที่ตัวเค้าเองก็ถึงกับนิ่งไปเมื่อ การวิ่งจากไปเมื่อครู่ของ โคทาโร่ ทำให้เค้า นึกถึงเรื่อง
เมื่อ 2 ปีก่อนขึ้นมาในวันนั้นที่หน้าห้องชมรมแห่งนี้ เป็นที่สุดท้ายที่เค้ากับ โคทาโร่
สิ้นสุดความเป็นเพื่อนกันเมื่อ 2 ปีก่อน

………………………….

ด้าน โคทาโร่ ตอนนี้ตัวเค้า เดินขึ้นบันไดอาคารเรียนไป ตามทางเรื่อยๆ ก่อนจะหักเข้ามุมที่ลับตาผู้คน
และเนื่องจากเป็นช่วงต้นเวลาพักทำให้ นักเรียนและอาจารย์ ส่วนใหญ่ลงไปอยู่ข้างล่างกันหมด
บนอาคารเรียนจึงไม่ค่อยมีคนอยู่มากเท่าไหร่

“ เอาล่ะ เท่านี้ก็ไม่มีใครมาจุ้นแล้ว …ออกมาซะเจ้าคนที่แอบสังเกตุการณ์ฉันอยู่น่ะ ”
โคทาโร่ กล่าวเสียงเรียบท่ามกลางความเงียบสงัดที่มีเพียงเสียง เจี้ยวจ้าวจากพวกนักเรียนที่สนามด้านล่าง
แว่วขึ้นมาเท่านั้น หลังจากที่เค้าประกาศไปแล้วก็ยังไม่มีการตอบกลับแต่อย่างใด

“ ฉันจะนับถึง 3 ถ้าแกไม่ออกมาล่ะก็ ฉันจะลากตัวแกออกมาเอง ”
โคทาโร่ เริ่มขู่ ขณะที่ยังคงไม่มีการตอบกลับใดๆ

“ 1 ”
เค้าเริ่มนับ แต่ก็ยังคงไม่มีการตอบรับใดๆอยู่ดี

“ 2 ”
เช่นเดิม ยังคงไม่มีการตอบกลับใดๆ ตอนนี้ โคทาโร่ จึงเริ่มที่จะเกร็งหมัดเต็มที่ ขณะจะเริ่มนับครั้งสุดท้าย

“ ส.. ”
“ No! No! เดี๋ยวก่อนสิ Boss ใจเย็นๆน่า meไม่ได้มาร้ายซักหน่อย ”
ก่อนที่ เค้าจะได้ทันนับครั้งสุดท้าย ก็มีสำเนียงพูดที่ฟังดูคุ้นหู ดังขึ้น ก่อนที่เด็กหนุ่มผมทรงสีทองม้วนเป็นหยอยๆ
จะเดินออก มาจากหลังประตูห้องที่อยู่ด้านหลังเค้า

“ นาย…บอย ซากะ (Boy Saga)… ”
โคทาโร่ เปรยขณะที่เด็กหนุ่มในชุดเครื่องแบบทหารสีแดง เดินเข้ามาหาเค้าอย่างเป็นมิตร

รูปภาพ

“ ไม่เจอกันนานเลยนะเนี่ย ดีใจจริงๆที่ Boss ยังจำ me ได้ … ”
“ ที่แกเสนอหน้ามาที่นี่จะมาหาเรื่องอะไรฉันอีกเหรอไง!! ”
ขณะที่ บอย ยังพูดไม่ทันจบ โคทาโร่ ก็ชิงแย้งขึ้นมาก่อนทันทีและยังไม่พูดพร่ำ ทำเพลงใดๆ
ก็รวบคอเสื้ออีกฝ่ายขึ้นมา มองด้วยสายตาโกรธเคืองอย่างสุดๆ

“ ฮ…เฮ้ ใจเย็นๆก่อนสิ Boss, ไอ(I) ไม่ได้มาหาเรื่องนะ เราคุยกันดีๆก่อนไม่ดีกว่าเหรอ ”
บอย พยายามจะเจรจา ขณะที่ยกไม้ยกมือขึ้นมาป้องหน้า เพราะ โคทาโร่ ชักหมัขึ้นมาเตรียมไว้แล้วว่า
ถ้าเกิดเค้า พูดไม่เข้าหูขึ้นมา คงกะอัดให้ไม่ต้องพูดกันไปเลย หลังจากที่ฟังคำขอเจรจาแล้ว โคทาโร่
จึงยอมปล่อยคอเสื้อเค้า พร้อมกับลดมือลง

“ โทษที…ฉันลืมตัวไปหน่อย เพราะอยู่ๆก็โดนสะกดรอยตามแบบนี้ ฉันก็นึกว่า
นายจะมาทำอะไรซะอีก เพราะเดิมทีเจอนายทีไร ก็ไม่เคยมีเรื่องดีๆมาให้ได้ยินเลยซักครั้งอยู่แล้ว ”
โคทาโร่ กล่าวพร้อมกับ ลดสายตาที่หวาดระแวงในตัวอีกฝ่ายลง ก่อนจะ ถอยไปพิงผนังห้องเรียนอีกฝั่ง

“ แหม Boss ล่ะก็พูดอย่างกะ me เป็นตัวอับโชคงั้นล่ะ ”
บอย อดแย้งด้วยความน้อยใจไม่ได้ ที่ถูกเหน็บมาแบบนั้น

“ ก็มันจริงนี่ แต่ไหนแต่ไรแล้ว ทั้งตอนที่ปฏิบัติภารกิจในสงครามที่อิตาลี ตอนภารกิจ ลอบสังหาร มาริน่า
นั่นก็อีกนายทำเอา ไดสุเกะ ซวยไปตั้ง 2 รอบแถมรอบที่ 2 นั่นถ้าดวงไม่ดีจริง ป่านนี้ เจ้าไดสุเกะ
ได้กลับบ้านเก่าไปแล้ว ”
โคทาโร่ ย้อนทันที ทำเอา บอย ถึงกับสะอึกเมื่อเจอแบบนี้

“ แล้วยังจะเรื่องเมื่อ 2 ปีก่อนนั่นด้วย… ”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นมา โคทาโร่ กลับใช้น้ำเสียงที่แผ่วกว่าทุกครั้งและดูมีสีหน้า เป็นทุกข์
ตลอดเวลาที่นึกถึงเรื่องในครั้งนั้น

“ นี่ Boss ยังโกรธ me เรื่องเมื่อตอนนั้นอยู่อีกเหรอ… ”
บอย เปรยถามอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว เพราะรู้ดีว่าเค้าอาจสะกิดแผลเก่าได้ทุกเมื่อ

“ ช่างเถอะ! แล้วเรื่องที่จะคุยด้วยล่ะ แถมนายยังใส่ชุดทหารของ Magnus มาอีกนี่นาย
กลับเข้าประจำกองทัพอีกแล้วงั้นเหรอ ”
โคทาโร่ หันมาเปลี่ยนเรื่องสนทนา เพื่อบ่ายเบี่ยงการตอบคำถามที่ยิ่งจะทำให้เจ็บช้ำน้ำใจกันไปมากกว่านี้

“ ที่จริงเรื่องที่ me จะมาคุยด้วยน่ะ เป็นเรื่องที่ท่านรองประธาน ยามาโมโตะ ไหว้วานมาอีกทีน่ะ ”
บอย กล่าวจบ โคทาโร่ ที่ได้ยิน ชื่อ พ่อตัวเองมีส่วนเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องในครั้งนี้ก็ ถึงกับชักสีหน้าขึ้นมาทันที
ทว่าเค้ากลับต้องชะงักเสียเอง เมื่อ อยู่ๆบอย กลับทรุดตังลงนั่งคุกเข่า พร้อมกับก้มหัวขอร้องเค้าขึ้นมา

“ me ขอร้องล่ะ Boss น่ะกลับมาเถอะ..กลับมาที่ Magnus กลับมาที่ URH ด้วยกันเถอะ… ”
ทั้งทีท่าและน้ำเสียง ที่แสดงนั้นบ่งบอกเลยว่า นี่ไม่ใช่การล้อกันเล่น ตัว โคทาโร่ เองยังไม่
เคยคิดเคยเห็นเลยด้วยซ้ำที่ บอย จะทำแบบนี้กับเค้า

“ นี่นาย…อยากให้ฉันกลับไป….ขนาดถึงกับ…. ”
“ ตอนนี้ Boss เองก็น่าจะรู้อยู่…ว่าอีกไม่นานพวกเรา URH ก็อาจจะต้องทำสงครามกับฝ่าย
สหพันธ์ Allian กันอีกก็เป็นได้เพราะงั้นถึงอยากจะให้ Boss กลับไป เพราะถ้าหากยังอยู่ที่นี่
ล่ะก็…หากวันนั้นมาถึง Boss จะตกอยู่ในอันตรายเรื่องนี้ก็น่าจะทราบดีอยู่แล้ว เพราะงั้น ท่านรองถึงได้… ”

โคทาโร่ ยืนฟังคำขอร้องของเค้า อย่างกระอักกระอ่วน แต่ไม่ว่าจะยังไงตอนนี้ตัวเค้าเองก็
ไม่อาจที่จะยอมรับคำขอนี้ได้

“ พอเถอะ…ถึงนายจะก้มหัวให้แบบนั้นแต่ตอนนี้ฉัน…ฉันยังกลับไปไม่ได้…. ”
โคทาโร่ ปฏิเสธคำขอร้องด้วยสีหน้าลำบากใจไม่แพ้กัน

“ ทำไมล่ะครับ Boss !! ”
บอย เงยหน้าขึ้นมาถามอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมเค้าจึงตอบเช่นนั้น

“ ฉันทิ้งจิตวิญญาณของ นักรบไปแล้ว….จะให้กลับไปจับอาวุธทำสงครามอีกน่ะ…มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก
นายน่ะกลับไปซะ…ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ที่นี่ ”
โคทาโร่ ตอบพลางหนีหน้า อีกฝ่าย

“ ท…ทำไมกันล่ะ Boss หรือเป็นเพราะเจ้ามนุษย์ที่ชื่อ ธนัท นั่น ”
ทันทีที่ เรื่องในครั้งนี้เริ่มกร้ำกรายไปถึง ธนัท ก็ทำเอา โคทาโร่ ถึงกับ สะดุดไปเลยทีเดียว

“ ไม่ใช่นะ … ธนัท ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย อย่าลากหมอนั่นเข้ามายุ่งนะ…ยังไงซะฉัน
ก็ไม่คิดจะกลับไปที่นั่นอีกแล้ว ล้มเลิกความคิดนั่นซะเถอะ ฉันขอตัวล่ะ ”
โคทาโร่ กล่าวปัดก่อนจะ ก้าวเท้า ออกเดินหนีไป

“ Boss…ถึงตอนนี้ Boss จะยังตัดสินใจไม่ได้ แต่ me ก็จะรอจนกว่าตอนนั้นจะมาถึง
ตอนนี้ เจมส์ (Jame)กับ ดีฮาออส(Dhaos) เองก็ยังเชื่อแบบนั้น พวกเราจะรอนะครับ.. ”
บอย กล่าวทิ้งท้ายไว้ก่อนจะลุกขึ้น หยิบเอาการ์ดใบหนึ่งขึ้นมาจาก กล่องสำรับที่เหน็บไว้กับเอว
ด้าน โคทาโร่ ที่ได้ยิน ชื่อ เพื่อนอีก 2 คนที่ บอย ขานออกมาก็ต้องชะงักฝีเท้าไว้

“ เจมส์ กับ ดีฮาออส!! สองคนนั่นกลับเข้ากองทัพด้วยงั้นเหรอ!! ”
โคทาโร่ ที่จะหันกลับไปถามก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะบอย ได้หายไปจากตรงนั้นแล้ว
ทิ้งไว้เพียงเชื้อไฟแห่งความสับสนให้เค้าเท่านั้น

“ คนที่ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอะไรยังไง…..บางทีอาจเป็นเราซะเองก็ได้ ”
โคทาโร่ เปรยขึ้นมาหลังจากหันมานึกย้อนถึงเรื่องราวต่างๆที่ประเดประดังสั่งสมกันมาตั้งแต่เมื่อวาน
ที่เค้ากลับไปยัง URH มุมมองต่อทุกสิ่งรอบตัวเค้ามันดูราวกับจะเปลี่ยนไป ทีล่ะนิดๆ

……………………………..
…………………………………………

“ รอบของ ฉันก่อน cost mp 3 ร่าย ซิโมเน่ เดลิเวอร์แบนด์ อัลเคมิส
(Simone, Deliver Band Alchemist)ลงไปที่ At line ”
เสียงของ ลูเซีย ดังขึ้น พร้อมกับที่เธอ ร่อนการ์ดซีล ในมือออกไป ไมค์ Note ของเธอที่ตอนนี้อยู่
ในรูปแบบปลอกแขน ได้สร้างละอองแสงพลังเวทย์ ขึ้นมาจนคละคลุ้งก่อนที่ การ์ดนั้นจะดูดซับละอองเหล่า
นั้นและปรากฏรูปร่างขึ้นมา ตรงหน้าเธอ อสูรอัญเชิญ ที่เธอเรียกมานั้นเป็น สาวนักเล่นแร่แปรธาตุ
ผู้มีผมสีขาวเงินยาวสลวย มาพร้อมกับไม้เท้าประจำตำแหน่ง
รูปภาพ

{อะไรของตาคนนี้เค้านะ อยู่ๆก็พาตัวเรามาแถมยังมาท้าดวลแบบปุบปับอีก พิลึกคนจริง..}
ลูเซีย คิดขณะที่ สอดส่องสายตามองอีกฝ่าย ที่มาท้าเธอแบบไม่ทันตั้งตัว
ด้าน อิส ที่ดวลด้วยกับเธอนั้น ก็ยังคงแสดงสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่เปลี่ยนและดูราวกับว่า
เค้าแสดงอารมณ์ทางสีหน้าเป็นอยู่แค่นั้นเลยก็ว่าได้

Caller Level
[Lucia Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 2Mp:2/7 Shrine 0/12 ]
[Iss Status; Hand:Seal 5,Mystic2 Mp:7/7 Shrine 0/12 ]

{ตานี่ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรอยู่ได้ตั้งกะเมื่อกี้แล้ว นี่ไม่คิดจะเปลี่ยนสีหน้ากันบ้างเลยเรอะ}
“ จากนั้น cost mp 2 ร่าย ไรซ่า เดลิเวอร์แบนด์ ซาโลม เฮดแมน
(Raisa, Deliver Band Zalom’s Headman) ไว้ที่ At line อีกตัวหมดรอบแค่นี้ ”

ลูเซีย คิดพลางดำเนินการเล่นต่อไป หลังการ์ดอีกใบถูกร่ายออกมาคราวนี้ อสูรที่ปรากฏคือ
สาวมือสังหารแห่งซาโลม ผู้มีถุงมือกรงเล็บโลหะ สีแดงที่มือซ้าย
รูปภาพ

“ รอบของผมนะครับ cost mp 3 ร่าย เซคาริยาท์ มาร์วิน (Zechariah Marvin) ลงมาที่ At line ”
สิ้นคำของ เด็กหนุ่ม การ์ดบนมือของเค้าก็ถูกร่ายลงมา อสูรที่เค้า อัญเชิญมานั้น เป็นจอมเวทย์หนุ่ม
ผู้มีไม้เท้ารูปร่างประหลาด
รูปภาพ

“ จากนั้น cost mp 1 อัญเชิญ เซคาริยาท์ มาร์วิน แห่งความทรงจำ (Zechariah Marvin in Memory)
ลงมาที่ Df line ”
เด็กหนุ่ม ร่ายการ์ดเพิ่มลงมาอีกใบ ซึ่งอสูรในคราวนี้ ก็เป็นจอมเวทย์ แบบเดียวกับ มาร์วิน
ที่เค้าร่ายมาก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่มีขนาดและวัยที่ดูเหมือนวัยเด็กของ จอมเวทย์หนุ่มใบแรก

รูปภาพ

“ cost mp 1 ให้ เซคาริยาท์ มาร์วิน โจมตีไปที่ ซิโมเน่ เดลิเวอร์แบนด์ อัลเคมิส ”
“ เอ๋ให้ โจมตีมาที่ ซิโมเน่ เหรอ แต่ว่า ค่าพลังของนายกับ ซีลของฉันเท่ากันนะ อีกอย่าง Sp
ของฉันมากกว่านายด้วย ”

ลูเซีย โพล่งออกมาทันทีเมื่อ เด็กหนุ่ม สั่งการในสิ่งที่เธอไม่คาดคิดมาก่อน

“ การสั่งการยังไม่จบแค่นั้นหรอกนะครับ ให้ Ability ของ มาร์วินแห่งความทรงจำทำงาน เมื่อ ซีล ที่มีชื่อว่า
Marvin กำลังต่อสู้สามารถกำหนดท่า โจมตีของ ซีลนั้นในท่า Double Combination ได้ 1 ท่า

ขอเลือกท่าโจมตี Anger of Flame ที่ มีค่า AT 10 DF 6 และเนื่องจากได้ข้ามเสตปการสั่ง cost mp
ไปแล้วดังนั้นผมจึงไม่ต้องจ่ายค่า cost mp ในการโจมตีของท่า Double Combination อีกแต่อย่างใด ”

เด็กหนุ่มอธิบาย จบ จอมเวทย์มาร์วินแห่งความทรงจำ ในสนามด้านหลังของเค้า ก็เริ่มร่ายเวทย์ ก่อนที่
จะเสกเปลวเพลิง ออกมาและส่งให้มันไปโหมล้อม ไม้เท้าของ มาร์วิน ก่อนที่ตัว มาร์วิน จะปักไม้เท้า ลงพื้นไป

อีกที เปลวเพลิงจากไม้เท้า ก็ได้พุ่งพล่านเข้าไปหา ซิโมเน่ ก่อนที่ ไฟจะคลอกร่างของ หล่อนจนสลาย
เป็นละอองเวทย์ และกลับคืนเป็น การ์ดอีกครั้ง ก่อนจะวกกลับไปให้ ลูเซีย เก็บลงไปในช่อง Shrineของเธอ

“ ต้องขออภัยด้วยที่ต้องทำรุนแรงแบบนี้ แต่ Ability ของ ซิโมเน่ ตัวนั้น มันอันตรายกับสำรับของ ผมเกินไป ”
เด็กหนุ่ม กล่าวก่อนจะหยิบการ์ดซีลอีกใบจาก มือ ออกมา

“ จากนั้น Cost mp ที่เหลืออยู่ 2 อัญเชิญเทพีแห่งเพลิงปัญญา ลาเวการ์
(Rawega, the Goddess of Sagacity)ลงมาที่ Df line จากนั้นหมดรอบครับ ”

เด็กหนุ่มกล่าว พร้อมกับ เปลวเพลิงมหาศาลที่ลกุโหมกระพือออกมาจาก การ์ดที่เค้าร่ายลงมา
ก่อนที่ เทพีผู้มีสิริโฉมงดงามใบหน้าและดวงตาอันคมคาย จะก้าวย่างออกมาจากกองเพลิงที่ไม่มี
ทีท่าว่าจะดับนั้นและเมื่อเธอปรากฏตัวขึ้นอย่างเด่นชัดแล้ว กองเพลิงจึงมอดลงไปเอง
พร้อมๆกับการตวัดดาบคมสีแดงฉานในมือของนาง

รูปภาพ

[Lucia Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 2/12 ]
[Iss Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:0/7 Shrine 0/12 ]


“ รอบของฉัน ”
ลูเซีย ขานรอบของเธอก่อนจะ ดึงเอาการ์ดซีลกับ มิสติกอย่างละใบออกมาจาก ช่องที่ปลอกแขน

[Lucia Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 3 Mp:7/7 Shrine 2/12 ]
[Iss Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/12 ]

{สถานการณ์ ตอนนี้มันย่ำแย่สุดๆไปเลยนะเนี่ย แค่เปิดเกม มาเราก็โดนเก็บ ซีลไปแล้ว
เห็นทีต้องรีบจัดแนวรบใหม่ก่อน}
ลูเซีย คิดก่อนที่เธอจะ หยิบเอา การ์ด ซีล ใบ หนึ่งและมิสติกอีก 3 ใบ

“ cost mp ทั้งหมด ร่าย อลิส เดลิเวอร์แบนด์ โปสแตนท์ ลงมาที่ Df line จากนั้น ร่าย มิสทิลซอร์ด 2 ใบ กับ กาลาฮัด
ไปติดที่ ไรซ่า เดลิเวอร์แบน ซาโลมเฮดแมน ให้กาลาฮัดมีเงื่อนไขเป็น เผ่าอัศวิน เพิ่ม At ให้แก่ ไรซ่า 2 หน่วย หมดรอบ ”
สิ้นคำประกาศ ไรซ่า ที่อยู่ในสนามก็ได้รับเอาดาบมิสทิล สองเล่มมาถือไว้พร้อม
กับขึ้นไปนั่งบนหลังม้าจาก ผลของ กาลาฮัด ส่วน อลิส เด็กสาวแห่งวงเดลิเวอร์แบนด์ ก็ถูกอัญเชิญ ให้
ลงมาอยู่ในแนวป้องกันด้านหลัง

“ รอบของผม ”
เด็กหน่มประกาศ จบก็ดึงซีลการ์ด ออกจากกองมาอีก 2 ใบ

“ cost mp 3 ร่ายเทพี อาเทน่า(Athena) โดยให้เป้าหมายไปที่ ไรซ่า เลือกเงื่อนไข ซีลที่ติดตั้ง อาเทน่า
จะยกเลิก มิสติกการ์ดฝ่ายตรง้ามของ อาเทน่า ผลก็คือ มิสติกอุปกาณ์ทั้งหมดที่ติดตั้งไว้ที่ ไรซ่า จะหายไปทั้งหมด ”

สิ้นคำของ เด็กหนุ่ม มิสติกการ์ดบนมือของเค้าก็ถูกร่ายลงมา หลังจากที่ การ์ดนั้นดูดซับละออง พลังเวทย์ ที่ออกมา
จากการปั่นของเฟืองที่ปลอกแขนแล้ว ก็ปรากฏร่างของ เทพีผู้งดงามทรงมีองค์สิริโฉมที่ดูสมภูมิ และทรงเกราะ
เยี่ยงนักรบพระหัตถ์ขวาทรงหอก พระหัตถ์ซ้าย ทรงโล่ อีจิส(Aegis)ไหล่ขวามีนกค้าวแมว สีขาวปลอดเกาะ

เมื่อทรงยื่นหอกชี้ระบุลงไปยัง ไรซ่า พลันดาบมิททิล ทั้งสองเล่ม และ ม้ากาลาฮัด ก็อันตรธานหายไปในบัลดล
ก่อนที่ เทพี อาเทน่า จะหายลับไป

รูปภาพ

[Lucia Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 0 Mp:7/7 Shrine 2/12 ]
[Iss Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 1 Mp:4/7 Shrine 0/12 ]


“ ง่า อุตส่าห์ ร่ายติดตั้งไว้ซะเต็มยศ นี่โดนถอดซะจนไม่เหลืออะไรเลยเหรอเนี่ย ”
ลูเซีย โพลงออกมาอย่างเสียดาย อาวุธที่เธอติดตั้งให้ไปอย่างเต็มที่กลับถูกปลดออกหมดในคราเดียว

“ จากนั้น cost mp 2 ร่าย แมกม่าเทีย คฑาแห่ง เบรนด้า (Magma Tear, the Wand of Brenda)ไปติดที่ มาร์วิน
จากนั้น cost mp 1 ให้มาร์วิน โจมตี เลือกท่า Shadow of Down ที่มีค่า At 8 และสามารถจู่โจมได้ 2 ครั้ง ”

สิ้นคำ มิสติกการ์ด ใบสุดท้ายบนมือก็ถูกร่ายลงมา มันเป็นคฑาที่มีหัวทรงเลข 8 สีแดง
ก่อนที่คำสั่งให้ มาร์วิน โจมตีจะเริ่มทำงาน มารืวินแห่งความทรงจำ ก็ทำการร่ายเปลวเพลิงสีดำ

ส่งไปที่ไม้เท้าของ มาร์วิน อีกครั้ง ก่อนที่ ตัวมาร์วิน จะตวัด คฑา และไม้เท้าฟาด คลื่นอัคคีทมิฬ ออกไป
การโจมตีครั้งนี้ได้ จัดการทั้ง ไรซ่า และ อลิส ที่อยู่แนวหลังไปพร้อมๆกัน
รูปภาพ

“ ส…เสร็จหมดสองตัวเลยเหรอ! ”
ลูเซีย อุทาน ตอนนี้เธอ โดนรุกไล่เสียจน ไม่เหลืออะไรในสนามอีกแล้ว

“ ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับคุณ ลูเซีย การโจมตีขึ้นมือในตอนนี้ยังไม่จำเป็นหรอกเพราะ
ผมน่ะเป็นพวกอดเปรี้ยวไว้กินหวาน แล้วค่อยเจอกันอีกทีหลังจบการดวลนะครับ ให้มาร์วิน รวมร่างกับ ลาเวก้า ”

เด็กหนุ่ม กล่าวก่อนจะ หยิบเอา ซีลใบหนึ่งจาก 4 ใบ ที่เหลืออยู่บนมือแต่ทว่าเค้ากลับไม่ได้
โยนมันออกมาเช่นทุกครั้งขณะเดียวกัน เทพี ลาเวก้าที่อยู่แนวหลัง ก็ตามขึ้นมาสมทบอยู่ข้างๆมาร์วิน

[การรวมร่าง คือการสั่งให้ซีลทำการรวมตัวกัน เมื่อเปลี่ยนการใช้ท่าดจมตีหลักเป็นแบบ
Double Combinationหรือ Tripel Combination ตามแต่การกำหนดในแต่ละท่าของซีลนั้น]


“ แล้วค่อยเจอกัน?...นี่นายจะทำอะไรของนายกันน่ะ ”
ลูเซีย ทวนคำอย่าง งงๆกับคำพูดของอีกฝ่าย ระหว่าง ที่เด็กหนุ่ม เอามือไปเลื่อนที่ส่วนบนปลอกแขน มันกลายเป็นช่อง
รังเพลิง ที่มีขนาดพอจะให้การ์ดใบหนึ่งใส่ลงไป เค้าจัดแจงใส่การ์ลงไปในนั้นก่อนจะชักรังเพลิงปิด

“ ขอให้สนุกกับการดวลกับตัวผมอีกคนนะครับ… ”
เค้าทิ้งคำพูดไว้เพียงแค่นั้น ก่อนจะสบัดแขนข้างที่สวมปลอกแขนไว้ออกไป

/Ore Sanjou!!/
ปลอกแขนของเค้า ส่งเสียงขึ้นพร้อมกับที่ การ์ดที่ถูกใส่ลงไปในรังเพลิงเมื่อครู่ถูกดีด ออกมา

“ ทำการ Growth ซีลเงื่อนไขคือ มาร์วิน เพื่อให้ จอมดาบเวทย์ มาร์วิน
(Zechariah Marvin, the Sword Magician) เป็นขั้นสมบรูณ์ และกำหนดไปที่ At line ”

น้ำเสียงของเด็กหนุ่มดูจะ แผ่วๆลงไป ขณะที่ การ์ดที่ถูกดีดออกมานั้น ได้รวมเข้ากับร่างของ เทพลาเวก้า
และ แตกกระจายตัวออกไปกลายเป็น ชิ้นส่วนชุดเกราะสีแดง บินเข้ามาประกอบกันที่ร่างของ มาร์วิน พร้อมทั้ง
เปลี่ยน ไม้เท้าของตน

เป็นดาบขนาดเล็ก และเข้าไปฝังที่เกราะแขนซ้าย ทันทีที่การประกอบชุดเกราะเสร็จสำเร็จ
ตัวดาบที่แปลงจากไม้เท้าก็เรืองแสงขึ้น พร้อมกับที่แสงที่เจิดจ้าออกมานั้นได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นคมดาบ
จำนวนนับสิบเล่ม
รูปภาพ

“ พระเอก….มาแล้ว ”
เด็กหนุ่ม ประกาศด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูห่ามๆ บวกกับท่าทีเรียบร้อยเมื่อครู่นั้นได้หายไปแทบไม่เหลือเค้าเดิม
เลยทีเดียว

“ เอาล่ะนะฉันไม่ขอพูดมากอะไร แต่รอบของเธอน่ะ รีบๆเล่นเร็วๆเข้าล่ะ เข้าใจไหมเพราะตอนนี้ตัวฉันน่ะ
ไคลแมกซ์ เต็มที่แล้ว หมดรอบของฉัน เอ้าเร็วสิรีบๆเข้า!! ”

เด็กหนุ่ม พูดจากินสุขกินดิบ เสียจนทำเอา ลูเซีย ถึงกับ งงเป็นไก่ตาแตกไปเลย กับการเปลี่ยนทีท่าแบบปุบปับของ
เค้า

“ เอ้าเร็วๆเซ่ มัวยืนเหม่อ อยู่ได้ ”
“ ค..ค่า..ร..รอบของฉัน ”
ลูเซีย ที่ยืนมองเค้าด้วยคามฉงนอยู่นั้น ต้องสะดุ้งทันทีเมื่อ อีกฝ่ายเร่งให้เธอรีบๆเล่นต่อ
เมื่อเข้ารอบ เธอได้ดึงการ์ดซีลออกมาเพิ่มอีก 2 ใบ

[Lucia Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 0 Mp:7/7 Shrine 5/12 ]
[Iss Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 0 Mp:7/7 Shrine 0/12 ]

{เพราะรอบเมื่อกี้ เราไม่ทันนึกว่าอีกฝ่ายจะบุกได้เร็วแบบนี้เลย ต้องหา ซีลที่มีค่าพลังพอจะยันรอบนี้เอาไว้ก่อน}
“ cost mp 2 ร่าย แมนดี้ เดลิเวอร์แบนด์ วิซ (Mandy, Deliver Band Witch) ]ลงไปที่ Df line

และให้ Ability ของ แมนดี้ ทำงาน เมื่อเข้ามาในสนามสามารถเลือก ซีล ธาตุสังกัดแห่งปฐพี
หรือ เดลิเวอร์แบนด์ 1ใบในสนามได้รับค่า Df เพิ่มขึ้น 2 หน่วย ฉันขอเลือกเป้าหมาย
ไปที่แมนดี้ ทำให้ค่า Df เพิ่มเป็น 9 หน่วย ”

ลูเซีย อธิบายไปขณะที่ แม่มดสาวน้อยในชุดคลุมสีน้ำตาลดินผู้มีผมบ๊อบสั้นสีบลอน
จะปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับร่ายคาถาสร้างกำแพงป้องกันเอาไว้
รูปภาพ

“ จากนั้น cost mp 2 ร่ายเอลล่า เดลิเวอร์แบนด์ พาลาดิน ลงมาที่ At line และด้วย ability ของ เอลล่า
ฉันจะได้จั่วการ์ด 1 ใบ ”
ลูเซีย ประกาศจบ พาลาดินสาวแห่งวงเดลิเวอร์แบนด์ ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
ก่อนที่เธอจะดึงมิสติกการ์ดจากสำรับขึ้นมาใบ หนึ่ง

“ และ Cost mp 2 ร่าย กาลาฮัด ที่จั่วมาติดลงไปที่ เอลล่า หมดรอบ ”
ลูเซีย ทำการร่าย กาลาฮัด อีกใบ ที่เธอจั่วได้ เอลล่า ขึ้นไปขี่บนหลังม้า กาลาฮัด เป็นที่เรียบร้อยแล้วเธอ
จึงประกาศหมดรอบของตน

“ ให้รอซะนานเชียวนะ คุณหนูเดี๋ยวพี่จะจัดไคลแมกซ์ให้เองนะน้ง เอาให้แสบตไปถึงทรวงเลย~~
รอบของฉัน ด้วย Ability ของ จอมดาบเวทย์มาร์วิน เมื่อเข้าสู่ Sub-Turn โจมตีของผู้ควบคุมเลือกซีล 1ใบ
ให้สามารถโจมตีได้อีกครั้งแม้เป็น Inactive Seal ก็ตามจนจบ Sub-Turn เป้าหมายที่จะเลือก..เก๊าะมาร์วิน นี่ล่ะ ”

สิ้นคำ จอมดาบเวทย์ มาร์วิน ก็จับดาบสองเล่มจากบรรดาดานับสิบ ที่เสกออกมา มาไว้ในมือ
และเมื่อเข้าสู่ Draw Step เด็กหนุ่มก็ ดึง มิสติกการ์ดออกจากสำรับมาอีก 2 ใบ

[Lucia Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 0 Mp:7/7 Shrine 5/12 ]
[Iss Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/12 ]

“ cost mp 2 ร่าย แมกม่าเทีย บนมือลงไปให้ มาร์วิน อยู่แล้ว จากนั้น Cost mp 1 หวดมันเข้าไปเล้ย~~ ”
เด็กหนุ่มประกาศอย่างบ้าคลั่ง พลางร่ายมิสติกบนมือ แมกกม่าลงไป จอมดาบเวทย์ มาร์วิน รับมันมาไว้
ก่อนจะปล่อยมือจากดาบไปเล่มหนึ่ง และออกตัวเข้าไปประดาบกับ เอลล่า ที่ชักม้าออกมาประมือ

“ ด้วย Ability ของ เอลล่า เมื่อต่อสู้สามารถเพิ่มค่า AT 2 หน่วยได้ตามจำนวนมิสติกที่ติดตั้งอยู่บนตัว
ตอนนี้มี กาลาฮัดอยู่ ดังนั้นค่าพลังของเอลล่า จึงเป็น At 11 Df 8 Sp 5(กาลาฮัดเลือก ธาตุลมไว้) ”
ลูเซีย ประกาศ ก่อนที่ เอลล่า ชิงความได้เปรียบขึ้นมาทันที นางควบม้าศึก ไล่ต้อนจอมดาบเวทย์ มาร์วิน
จนถอยร่นไป

“ ให้ Ability ของ มาร์วิน ทำงานเมื่อ โจมตีสามารถนำมิสติกการ์ดชนิด Ps จาก Shrine มาติดตั้งได้ 1 ใบ ”
สิ้นคำของ เด็กหนุ่ม ก็ทำเอา ลูเซีย ผงะไป

“ ถ…ถึง แมกม่าเทียที่ตก Shrine ไปจากากร Growth มาร์วิน เมื่อรอบที่แล้ว จะถูกเรียกกลับมา
แต่ค่าพลังของเราก็ยังสูสีกันอยู่ Sp ของ เอลล่า มากกว่า มาร์วินของ นายเพราะฉนั้นไม่มีประโยชน์หรอก ”
ลูเซีย แย้งกลับไปขณะที่ตอนนี้ ดาบในมือเล่มนึงของ มาร์วิน กลายเป็น แมกม่าเทียไปอีกอัน

“ เฮ้ๆ นี่เธอพูดแบบนั้นเป็นรอบที่ 2 แล้วนะจำได้ไหม ฉันยังไม่ได้สั่งให้ มาร์วินแห่งความทรงจำใช้ Ability เลย ”
เด็กหนุ่มแย้งกลับ ด้าน ลูเซีย ที่รู้ตัวขึ้นมา ก็ถึงกับใจหาย

“ ให้ Ability ของมาร์วิน แห่งความทรงจำ ทำงานเลือกท่า โจมตี Magic Swords และเมื่อรวมเข้ากับ
ค่าพลังที่เพิ่มจาก แมกม่าเทีย ทุกครั้งที่ทำการ่อสู้ พลังของ มาร์วิน ที่มี อยู่ 9 จะเพิ่มอีก 4 เป็น 13 ”
สิ้นคำ มาร์วิน แห่งความทรงจำ ที่อยู่แนวหลัง ก็ร่ายเลปวเพลิงส่งไปเพิ่มพลังให้กับ คฑาแมกม่าเทีย ทั้งสอง
ของ จอมดาบเวทย์มาร์วิน ทันเวลากับที่ ดาบของ เอลล่า นั้นประลงมากับ แมกม่าเทียทั้งสองด้ามแล้ว

คมดาบถูกความร้อนของเพลิงทั้งจากมาร์วิน แห่งความทรงจำ และ แมกม่าเทีย ทั้งสองอัน หลอมจนละลาย
ก่อนที่จะปิดฉาก ด้วย ห่าฝนคมดาบเวทย์ ที่พุ่งเข้าไปทะลวงจน ร่างของ เอลล่า สลายกลับเป็นการ์ดดังเดิมอีกครั้ว

“ แล้วด้วยผล Ability ของ มาร์วิน สั่ง โจมตีอีกครั้ง Cost mp 1 จัดการเก็บที่แผงหลังไปด้วยเลย ”
สิ้นคำ มาร์วิน ก็ตวัด แมกม่าเทีย ฟาดคลื่นอัคคีออกไป ครอกร่างของ แมนดี้ จนสลายไปตามกัน

[Lucia Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 0 Mp:7/7 Shrine 8/12 ]
[Iss Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 1 Mp:3/7 Shrine 0/12 ]

“ เฮ้อ ไม่มันส์ เอาซะเลยฉันให้แกจัดการต่อก็ละกันนะเพราะไอ้เรื่องที่จะให้มารังแกผู้หญิงเนี่ยมันไม่ใช่วิสัยของ
พระเอกซะด้วย ”
/Nakerude!!/
เด็กหนุ่ม เปรยอย่างเซ็งๆ ก่อนจะหยิบเอา ซีลในมือยัดลงไปในรังเพลิงเดิมอีกครั้ง
ปลอกแขนของเค้าส่งเสียงขึ้นก่อนจะดีดการ์ดในนั้นออกมา

“ ได้ร้องไห้แน่ ความแข็งแกร่งของข้าจะทำให้เจ้าต้องร้องไห้ ”
เด็กหนุ่มกล่าวพลางบิดคอไปมา อย่างขึงขังน้ำเสียงก็ดูทุ้มๆยานคางออกสำเนียงเหน่อๆเล็กน้อย
ขณะที่ ซีลที่ร่ายออกมาใหม่นั้น เป็นจอมเวทย์แห่งธรรมชาติมาร์วิน (Zechariah Marvin, the Guardian Shaman)
ได้ลงมาที่ At Line

รูปภาพ
“ เอาล่ะหมดรอบของข้าแล้ว แม่หนู รีบเริ่มรอบของเจ้าซะสิ ”
เด็กหนุ่มกล่าวสำเนียงวาจาเหมือนคนแก่แดดไม่ผิดเพี้ยนต่างจากตอนแรกกับเมื่อครู่ลิบลับ

{ต…ตานี่มันเป็นอะไรของมันมากป่าวเนี่ย…เห็นฉวยไปฉาบมาตั้งกะเมื่อกี้แล้ว แต่ฝีมือเก่งผิดกับที่เห็นเลย
ไม่ไหวล่ะแบบนี้เห็นที ถึงไม่อยากก็คงต้องให้ออกมาแล้วล่ะ การ์ดใบนั้นน่ะ…}
ลูเซีย คิดขณะที่เลื่อนมือ ไปจับการ์ดซีลใบหนึ่งในมือ เธอลังเลอยู่นานกับการตัดสินใจนี้

“ รอบของ ฉัน ”
เธอขานรอบของตัวเอง ก่อนจะย้ายมือไปดึงเอามิสติกออกมาจากสำรับสองใบ

{เอาล่ะเอื้อก~~…ต้องเสี่ยงกันหน่อยล่ะ อย่างน้อยฉันก็ไม่อยากแพ้เจ้าโรคจิต นี่หรอก}
ลูเซีย คิดพลางย้ายมือไปแตะ การ์ดซีล ที่เธอทำใจที่จะใช้มัน

“ ในรอบนี้..ฉันจะแสดงสุดยอดไม้ตายที่เก็บเอาไว้ให้นายได้เห็นเอง ”
ลูเซีย ประกาศทว่า ทันทีที่ เด็กหนุ่มได้ยิน ประโยคที่เธอประกาศออกมาซะดัง
เพื่อที่จะเรียกความฮึกเหิม นั้นกลับทำเอาเค้าหน้าซีดไปทันที

“ ต….ตะกี้แม่หนูพูดว่า สุดยอดงั้นเหรอ! ”
เด็กหนุ่ม ถามขณะที่เธอก็รู้สึกงงๆ ว่าจะถามทำไม

“ สุดยอด….สุดยอดงั้นเหร่อ… ”
เสียงที่เธอฟังดูคุ้นๆหูอยู่บ้าง แว่วขึ้นมา ก่อนที่ชายเจ้าของเสียงจะปรากฏตัวขึ้นมา แค่แวบแรกที่เธอเห็นเค้า
เธอก็ไม่อยากคิดถึงสิ่งที่จะเกิดต่อไปเลย

“ ซ…ซวยแล้ว! ”
เด็กหนุ่มที่ดวลอยู่กับเธอ เปรยขณะที่ รุ่นพี่ผู้มาใหม่กำลังเดินเข้ามาใกล้พวกเค้าไปเรื่อย

“ ฉันคือชายผู้ยืนอยู่บนจุดสุดยอดของทุกสรรพสิ่งเป็นผู้กวัดแกว่งดาบแทนพระผู้เป็นเจ้า
ในเมื่อเธอมีสิ่งที่เป็นสุดยอด ฉันจะขอเป็นคนโค่นมันเอง ”
รุ่นพี่ ผู้นั้นกล่าวก่อนที่ Note ของเค้าจะเปลี่ยนกลายเป็น ปลอกแขนในทันที
อสูรอัญเชิญร่างเป็นจักรกลสีขาวรูปลักษณคล้ายคลึงกับทูตสรรค์ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อม
ดาบ 4 เล่มขนาดใหญ่

/Sacred Sword Bounding/(การกระทำของดาบศักดิ์สิทธิ์)
ปลอกแขนของเค้า ส่งเสียงขึ้นก่อนที่ ทูตสวรรค์จักรกลจะปล่อยคมดาบทั้งสี่ลงมา

“ เหวอ!!!~ ”
“ ว้าย!!!! ”

ทั้งคู่ที่ดวลอยู่ ร้องผวาออกมาสุดเสียง ขณะที่ดาบยักษ์ทั้ง 4 เล่มกำลังจะถล่มลงมานั้น

/Nova Breath/
เสียงทุ้มกังวาลของ Note เครื่องหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่ลำอัคคีขนาดใหญ่จะพุ่งเข้ามาพัดเป่าเอา ดาบทั้ง 4 เล่ม
สลายหายไป และทิ้งไว้เพียงควันไฟที่คละคลุ้งไปทั่วลานดาดฟ้านี้

………………….

“ เฮ้นั่นอะไรน่ะ! ”
“ บนดาดฟ้ามีควันเต็มเลย!! ไฟไหม้เหรอ!! ”
“ อ๊ะดูนั่นสิ เทพพิทักษ์แห่งเลกซ์เดทีโอ คิระดาบแห่งพระเจ้าอยู่บนนั้นด้วยเหรอ ”
“ กำลังดวลกันอยู่เหรอกับใครน่ะ ”

เสียงเอะอะโวยวายของบรรดานักเรียนจากสนามด้านล่างเริ่มดังขึ้น ทุกคนที่อยู่ทั่วบริเวณโรงเรียน ต่างแห่กันมา
ประเดประดั่งความสนใจ มายัง ดาดาฟ้าของ ตึกที่เกิดควันขึ้น

………………..
…………………………..

“ แค่กๆ…นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย! ”
ลูเซีย สบถพลางไอสำลักควันที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ก่อนที่แรงลม
บนชั้นดาดฟ้านี้จะพัดมันออกไปจนควันที่เกิดขึ้นจางหายไปหมด
ที่ตรงหน้าเธอนั้น คนที่มาช่วยเอาไว้ ก็คือ ธนัท กับ โคทาโร่ น่ะเอง

“ ก็ไม่ค่อยรู้หรอกนะว่าเรื่องอะไรน่ะ แต่มาลงไม้ลงมือกับ รุ่นน้องแบบนี้มันไม่ดีมั้งรุ่นพี่ คิระ ”
โคทาโร่ เปรยขณะที่ตอนนี้ Note ของเค้าก็แสตนบายน์เอาไว้ในโหมด ปลอกแขนสำหรับดวลแล้ว

“ ไม่เป็นไรนะ ลูเซีย.. ”
ธนัท กล่าวขณะที่ช่วยพยุง เธอขึ้นมายืน

“ พวกนาย….จะมาขวาง…การเป็นสุดยอดของฉันเหมือนกันสิ..นะ ”
คิระ กล่าวขณะที่ ซีลของ เด็กหนุ่มที่ดวลกับ ลูเซีย นั้นได้สลายกลับเป็น การ์ดหมดแล้ว
เพราะการดวลถูกแทรกแซง จนต้องเลิกกลางคัน

“ ไม่นึกเลยนะครับ ว่าเราจะต้องกลับมาเจอกันอีกทั้งที่การดวลยังไม่จบแบบนี้ ”
เด็กหนุ่มที่ดวลด้วย กล่าวคราวนี้เค้ากลับมามีบุคลิคสุภาพเหมือนตอนแรกอีกแล้ว

“ รุ่นพี่ คิระ พวกเราชักจะเบื่อแล้วนะครับ ช่วงนี้มันเกินไปจริงๆ ”
ธนัท หันมาแย้งกับการกระทำของ อีกฝ่าย

“ ใช่ๆแค่พูดว่า สุดยอดเฉยๆเนี่ยต้องคิดเป็นตุเป็นตะ ซะขนาดนั้นคน
แบบรุ่นพี่เนี่ยเป็น Master Ceremony ได้ไงเนี่ย ”
โคทาโร่ เหน็บเข้าให้ ทว่า อีกฝ่ายก็ยังคงตีหน้าตายไม่รู้สึกรู้สาอะไร

“ จะดวลใช่ไหม งั้นก็มาพร้อมกันทั้งคู่เลยน่ะแหละ ”
คิระ ประกาศ อย่างมั่นใจเต็มที่

“ โฮ่..ก็ดีนี่ว่าไง ธนัท สนใจเอาคืนตอนที่ดวลเมื่อ 2 ปีก่อนที่ ภิรมย์ ฯ มะ ”
โคทาโร่ หันไปถามความเห็นกับ ธนัท

“ ถ้างั้น ผมขอแจมด้วยคน นะครับไหนๆก็ไหนๆแล้ว เรามาดวลแบบแท๊กทีมเลยละกันครับ
จับคู่ระหว่างผมกับ รุ่นพี่คิระ แล้วก็พวกคุณสองคน ”
เด็กหนุ่ม เสนอขึ้นมาอย่างไม่ทุกข์ร้อนใดๆกับการดวลที่ล่มไปเมื่อครู่

“ เอางั้นก็ได้ จะว่าไปฉันเองก็มีเรื่องต้องสะสางกับนายเหมือนกันนี่ ”
โคทาโร่ กล่าวสนับสนุนพลาง หักนิ้วไปมา

“ อ๋อ ที่โดนซัดหมอบไปตอนนั้นสินะครับ ”
“ ไม่ต้องย้อนเฟ้ย มาเริ่มกันได้แล้ว ”
ทันทีที่ อีกฝ่ายจะขุดคุ้ยเรื่องเก่าขึ้นมาเค้าก็ชิงแย้งก่อนทันที

“เอางั้นก็ได้ รุ่นพี่ คิระ ถ้าพวกผมชนะ ต่อไปนี้ห้ามทำร้ายใครแบบนั้นอีกนะครับ ”
ธนัท ยื่นข้อต่อรอง ขณะที่เดินเข้ามาร่วม ฝั่งกับ โคทาโร่

“ เอาไงก็ได้ ขอฉันลองคำพูดเมื่อ 2 ปีก่อนที่แกพูดเอาไว้ก็แล้วกันที่บอกว่า เจ้านั่น จะเก่งขึ้นจนล้มฉันได้น่ะ ”
คิระ กล่าวขณะที่หันไปมอง ธนัท

“ เออ เตรียมถูกโค่นได้เลยรุ่นพี่ ”
โคทาดร่ กลับชิงตอบไปเสียดื้อ ทำเอา ธนัท ลำบากใจอยู่ไม่น้อย
แต่ก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร

“ ถ้างั้นเรามาสะสางชำระความเมื่อ Season ที่แล้วกันเลยนะครับ ”
เด็กหนุ่มกล่าว ขณะที่ ทั้งสอง ฝ่ายต่างแลกกันสลับกองสำรับจนเสร็จ

“ เอ๋…เอ๋…นี่ยังจะดวลกันต่ออีกเหรอ ”
ลูเซีย เปรย ขณะนี้เธอถูกลืมไปสมบรูณ์แบบเสียแล้ว


“ Let’s Duel VR!! ”

To Be Continue




ตัวอย่างตอนต่อไป
Next Sub-Turn

/Synchronization/

“ ฉันคือผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสุดยอดของทุกสรรพสิ่งผู้ที่กวัดแกว่งดาบแทนพระผู้เป็นเจ้า… ”
“ จ้าวมังกรผู้คุมธาตุแห่งสรรพสิ่ง… ”
/Saishoni Iteoku Oretashiwa ka-na-ri Suyoi / (ออกเสียงแบบนี้ ไซโชนิ อิเทโอคุ โอเรทาชิวะ คา-นา-ริ ซึโย่ย! )
“ ขอบอกเอาไว้ก่อนเลย ฉันน่ะเก่งระดับเทพ… ”

ตอนต่อไปศึกแท๊กทีมครั้งยิ่งใหญ่ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยไปครอง
ติดตามได้ใน Sub-turn 05 Tag Team Duel!! ศึกเดือดเกินพิกัด



อืม……ตอนนี้ถ้าจะให้พูดนะยาวมาก เพราะจทิ้งทวนไป 2-3 สัปดาห์ ชนิดว่าลงตอนหน้าอีกทีก็เดือนตุลาฯ เลยล่ะครับ
เพราะจะเริ่มสอบแล้ว เข้าเรื่องดีกว่าพูดถึงตอนนี้มันจะติดเรทไปเปล่าหว่า
แล้วก็ หุๆๆ เหล่าตัวประกอบอดทนรอบนี้ นอกจาก boy คุงเจ้าเก่าของเราแล้ว ยังมีคนติดแหเข้ามาอีก 2 ด้วย
ใครไปดูเองนะ อิๆ

สำหรับตอนนี้ มันยาวไปหน่อย เลยมีครบทุกรสทุกอารมณ์ ผู้อ่านทุกท่านอาจจะสับสนเอา
เพราะทั้งเครียดทั้งฮา ทั้งมันส์ รวมกันในตอนเดียวเลย (เครียดเจ้าโค รอบนี้จะตัดสินใจยังไง โดน บอยคุง เล่นมุขนี้เข้าไป
ฮา ก็ฮาแบบติดเรทอีก ฮ่วย มันส์ ลูเซียจัง โดนไล่อัดยับ นี่มันส์เหรอเนี่ย) เอาเป็นว่าที่เหลือไปฟังเจ้า การุรุม่อน
สครีมอีกทีละกันนะครับ เฮ้อเหนื่อย
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ เม.ย. 11, 2011 4:51 pm, แก้ไขแล้ว 7 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 04 Vs. Marvin 1 (การประทะกับชายผู้

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ อาทิตย์ ก.ย. 13, 2009 8:15 pm

เอิ่ม ตอนนี้มันอะไรกันล่ะเนี่ย ...........
ยัย ลูเซีย นี่ถ้าเทียบดีๆอีกมัน เนกิ แบบผู้หญิงเลยนะเนี่ย(สำรับก็เข้าข่ายฮาเร็ม) มีการไม่กล้านอนคนเดียวเลยต้องมานอน
ธนัท หยั่งกะ อาซึนะกับ เนกิ เลย ::004::

แล้วก็ทำไม บทมันถึงได้จิ้นวาย ขนาดนี้ล่ะว้อยยยยยย นี่ถ้ายังแรงกว่านี้ ฉันจะแปะ เรท 18+ นิยายแกซะเลยนะ
มันจะแรงเกินไปแล้ว อ๊าค น้องหมาช้านนนนน กลายเป็นค...ค...คู่...คู่...คู่ อ่อก...เป็นลมดีกว่าเป็นคน
เขียนได้ทำร้ายน้ำใจชั้นมากเลยนะแก๊

รอบนี้ Boy คุง ออกไวกว่าที่คิดแฮะ นึกว่าจะมาตอนท้ายๆเรื่อง(แอบฮา น้องโคทาคุง หาว่าเป็นตัวซวย
เพราะมาทีไรไม่เคยมีข่าวดีเลย)
งานนี้ จะมีใครโดนจับมาเป็นดาราจำเป็นอีกล่ะ ตอนนี้มี JX~Mystalgikus กะ Dhaos ที่บอร์ดเก่าโดนไปละ
อีกเดี๋ยวมี เจ๊ เบิร์ดด้วยก็ไม่เลวนะ.....จะดีจริงเร้อ...เสียวโดนอุ้มจริงๆ ::003::

ตอนนี้อุตส่าลุ้น นึกว่าลูเซีย จะโชว์สเตปรวมร่าง อีฮีโร่ เอ้ย รวมร่างเดิลเวอร์แบนด์แล้วสาดออล ซะอีก
เฮ้อ น้องหนูจ๋า เปิดเรื่องมาแค่ 2 ตอนเอง หายเทพเร็วแบบนี้มีแววน้องจะไปก่อนใครเพื่อนเลยนะเนี่ย
แถมเจ้า คอรัส มันพูด ENg ได้ใจมาก OH Shit, She is Crazy

โอ้แม่เจ้า เธอมันบ้าไปแล้ว อันนี้ทั้งฮาทั้งชวนคิดลึกเลย นะเนี่ย
ยิ่งตอนโคทาคุง มาเจอเนี่ยฉันจิ้นไปไกลแล้วนา อารมณ์ประมาณ นางร้ายมาแย่งแฟนตัวเองไป

เหอๆ เอ๊ะแบบนี้มันก็รัก 4 เส้าแล้วสิ เพราะ ชุติการ ยังอยู่นี่ Season นี้อ่ะ แต่ทำไมบท ชีมันถึงน้อยเช่นนั้น
นี่ถ้าภาคนี้แกจะเขียนให้ ะนัท เป็น คาสโนว่า ล่ะก็ ฉันจะบอกเลยว่านี่มัน "เป็นต่อ"
ชัดๆ(ละครฮาหลังละครจบของช่อง 3หรือ7หว่าไม่ได้ดูนานลืม)

บทนี้ตอนดวลถือว่ามันส์มาก(สะใจบังอาจมาตีท้ายครัวน้องหมาชั้น good job จ้าเจ้าอิส)
ว่าแต่ อนุชิ...เอ้ยคิระคุง ขา ความแค้นภาคที่แล้วสานต่อมาถึงภาคนี้เลยเหรอ อะไรจะจำแม่นขนาดนั้น
ตอนนั้น ธนัท ยังโดนคุณไล่อัดซะกลิ้ง (คนอะไรดวงดีชะมัด เปิดมาสี่ใบ เลือกใบเดียวไว้ใช้อีกสามใบทิ้งดันได้ใช้ด้วย)

น้อง โคทาคุง จะแก้มือกับ เจ้าอิส งานนี้เป็นไงไม่รู้แว้ว รู้แต่จิ้นเตลิดเลย แท๊กทีมดวลคู่ อ๊าก Me จะหัวใจ Y ตาย
เหอๆ ไม่ไหวแล้ว ย้ำว่าบทนี้มีอะไรให้สครีมเยอะมาก ฮ้าาาา~~ ขอพักแค่นี้ก่อนเน้อ เหนื่อยเลือดจะหมดตัวแว้ว ::025:: ::029::
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 04 Vs. Marvin 1 (การประทะกับชายผู้

โพสต์โดย boy เมื่อ จันทร์ ก.ย. 14, 2009 5:59 pm

::036:: ช็อค

คิดว่าพระเอกจะโดนไปซะแล้ว~

ตัวผมออกมา........ -*- No comment....

อ่ะ ::019:: ท่านคิระโผล่มาอีกแล้ว....

ศึกโหดชิบๆเลยนะเนี่ย
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 04 Vs. Marvin 1 (การประทะกับชายผู้

โพสต์โดย Palmon เมื่อ จันทร์ ก.ย. 14, 2009 8:10 pm

Choa Pao Chi Restaurant (ชื่อนี้คุ้นๆนะ)


ไม่คุ้นได้งาย ก็มันอ่าน เจ้าเปาฉี ร้านอาหารชื่อดังที่ครายๆก็รู้จักเน้~~(เจ้าของร้านเป็นอัจฉริยะผู้ข้ามกาล
เวลามาจากดาวอังคารในอนาคต บอกแบบนี้น่าจะรู้นะว่าใคร อิๆ)

เอาล่ะพอก่อน สครีมตรงส่วนนี้ ขืนใช้ภาษา แอ๊บแบ๊ว คงจะพากันอ่านไม่รู้เรื่องกันพอดี แบ๊ว แต่พอประมาณคือคติของเรา

เริ่มจากนี่เลย

โคทาคุง X จิงค์ จัง โอ้ นี่จะเรียกว่าฉ้อราษบังค์หลวงได้มั้ยเนี่ย พลทหาร(pawn) จะแต่งกับ ราชินี(Queen)
เง้อนี่มัน หมาวัดริอาจจะงาบดอกฟ้าไปเรอะ!!

แล้วยังนี่อีก

“ ….ปิดอะไรเธอไม่ได้จริงๆด้วยสินะ….อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้….เพราะ…
ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาอีกผมเองก็จะได้ไม่ต้องเป็นศัตรูกับ ธนัท อีก…เพราะเราต่างก็เป็น
DNA-Changer เหมือนๆกันแล้ว… ”

โคทาโร่ เปรยก่อนจะแหงนหน้ามองผ่านกระจกรถออกไป ตอนนี้รถกำลังวิ่งไปตามโค้งวนขึ้นภูเขา
เลยรั้วกั้นขอบทางออกไปนั้น เป็นภาพท้องทะเลตัดกับขอบฟ้าที่ระยิบระยับไปด้วยดวงดาว

เสียงคลื่นและลมที่อยู่ด้านนอกนั้น ดังแว่วเข้ามาแผ่ว ช่วยขับกล่อมจิตใจ ที่สับสนของเค้า
กับเรื่องต่างๆมากมาย ที่เกิดขึ้นในวันนี้

{คุณพ่อคิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้ประกาศเรื่องการหมั้นออกมาแบบนี้นะ…แล้วยังเรื่องที่จะให้เรากลับเข้ากองทัพอีก.. }
โคทาโร่ คิดขณะที่สายตานั่นเหม่อมอง ออกไปไกล อนาคตหลังจากนี้ไปอาจมีสิ่งไม่คาดฝันรอเค้าอยู่ก็เป็นได้
แต่ถึงกระนั้น หัวใจของเค้าก็ปราถนาเพียงแค่ไม่ต้องการที่จะเป็นศัตรูกับ เพื่อนของเค้าอีกแล้ว เพียงเท่านั้น



ช็อตนี้ชวนให้ จิ้นวายไปไม่น้อยเลยทีเดียว ทว่ามันต้องแฝงความนัยอะไรไว้แน่ ยิ่งรู้ๆกันอยู่ว่า เกรม่อนคุง น่ะ
ชอบเขียนเรื่องออกมาแนวไหน หมากับ มังกร มันไปกันไม่ได้ ทุกเรื่อง ทุกภาคค่า คอร์นเฟิร์ม เลย


ส่วน ช็อตยัย ลูเซีย มีความรู้สึกว่าตัวเองไม่เคยมี อคติ กับตัวละครตัวไหนเท่าตัวนี้อีกแล้วนอกจากจะใสแบ๊ว
แล้วยังทำเป็นไก๊ อีกอ๊าคอย่าริมาจับพระเอกฉันนะนัง อีฮีโร่(เป็นไปกับเค้านะฉัน)
น้องโค ยกให้ผู้อาวุโสไป พระเอกมังกรต้องของฉาน~~ (- _ -*)

การดวลในตอนนี้ ก็ว่ามันส์อยู่หรอก(สะใจยัย ลูเซีย โดนตื้บ Good job อิสคุง)
แต่ที่อยู่ๆท่านคิระ เจ้าขา ก็จุติมาเนี่ยมันหมดมุขที่จะเขียนให้ยัยลูเซ๊ย หาทางเอาชนะยังไงไม่รู้แฮะ

แล้วที่สำคัญ deck ยัยลูเซีย เนี่ยมิสติกมันมีแต่แบบ แปะในเทิร์นอย่างเดียวเหรอ - -*
แปะหมดตัว โดน อาเทน่า ใบเดียวถึงกับทรุด(เป็นฉันก็ทรุดค่ะปั้มแทบตาย ร่ายอีเทน่า มาแปะซะได้)

เอาเถอะช่างมาน รอบหน้าได้ดูดวลแบบ แทกทีมเป็นครั้งแรกเลย ภาคที่แล้ว
ธนัทคุงเองก็เคยดวลแทกมาแล้วกับ ชุติการอยู่หรอก แต่ไม่ได้เอ่ยถึงเพราะตอนนั้นเป็นตอนของ แอน
ก็เลยอดไปมารอบนี้จะได้ดูกันแว้วหุๆ นี่หรือว่าเรื่องที่ท่าน คิระ ไปปรากฏตัวที่ภิรมย์เมื่อ 2 ปีก่อนเพื่อจะ
ต่อยอดมาดวลกันภาคสองเนี่ย


ปล. รูปแทนตัวละครคุณบอย ภาคที่แล้วยังหล่อเก๊กได้อยู่เลย ทำไมมาภาคนี้กลายเป็นหัวหลอดแบบท่านป๋าบักลู่(ลูลูจ)
ไปซะแหล่ว
Palmon
0
 
โพสต์: 33
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 04 Vs. Marvin 1 (การประทะกับชายผู้

โพสต์โดย JX~Mystalgikus เมื่อ พุธ ก.ย. 16, 2009 2:41 pm

อุ๊กกกกก!!!

โดนเก็บแล้วสินะเรา เจมส์เอ๋ย ::019:: ::036::

ขอความกรุณาด้วยครับ คุณ boy & คุณ dhaos (ในฐานะที่มีประสบการณ์มาก่อน หุหุ)

ปล. ท่านคิระเนี่ยคงติดใจกับคำว่า 'สุดยอด' มากสินะ คราวนี้คงโหดน่าดูเลยละครับ

/me เผ่นอีกรอบ
ภาพประจำตัวสมาชิก
JX~Mystalgikus
0
 
โพสต์: 181
Cash on hand: 350.00
ที่อยู่: ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 04 Vs. Marvin 1 (การประทะกับชายผู้

โพสต์โดย Dragon Professor เมื่อ พุธ ก.ย. 16, 2009 7:43 pm

ตอนหน้ามีมังกรซิงโครด้วยเรอะ!! มันจะยูกิเกินไปเเล้วนะเพ่ ::036::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Dragon Professor
0
 
โพสต์: 594
Cash on hand: 428.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 04 Vs. Marvin 1 (การประทะกับชายผู้

โพสต์โดย Chess, The Otakuma เมื่อ พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2009 1:34 pm

EP นี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับหมากรุก อีกหรอ เอิ๊กกส์ ::033::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Chess, The Otakuma
0
 
โพสต์: 1496
Cash on hand: 650.00
ที่อยู่: Maid Cafe'

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 04 Vs. Marvin 1 (การประทะกับชายผู้

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2009 5:15 pm

ตอนหน้ามีมังกรซิงโครด้วยเรอะ!! มันจะยูกิเกินไปเเล้วนะเพ่ ::036::


เอ่อ....คือคำกล่าวที่ว่าจ้าวมังกรสรรพสิ่งเนี่ยมันก็ของภาคที่แล้วนาครับ amankrist น่ะครับ
ส่วน ซิงโครนี่ ไม่แน่อาจเป็นตัวใหม่หรือ ไม่ก็ของเก่าอย่างมังกรนักสู้จากพันธสัญญาแห่ง
มิตรภาพในภาคแรก ก็ได้นาครับ ไม่แน่ๆ เพราะคู่ ธนัท กับ โคทาโร่ นี่คู่สร้างการ์ด
เลยล่ะครับ


EP นี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับหมากรุก อีกหรอ เอิ๊กกส์


โอ้อุตส่าห์ตามมา ติดตามกันถึงขนาดนี้งั้นก็ขอบอกเลยนะครับว่า
จะมีอยู่ตอนหนึ่งที่จะมีการดวลกับชมรมต่างๆในโรงเรียน คิดว่าจะให้มีชมรมหมากรุกอยู่เหมือนกันครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่แน่นอนต้องรอตามกันต่อปายยยย นะครับโผมมมม
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 04 Vs. Marvin 1 (การประทะกับชายผู้

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ ก.ย. 28, 2009 3:30 am

วันนี้ที่มาอัพ กระทู้จริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรหรอกนะครับ แค่ว่ารู้สึกมันว่างพิกลยังไงไม่รู้สิ
(ขนาดอ่านหนังสือสอบกันวุ่นขนาดนี้นะเนี้ย) จะเขียน fic ก็บ่ได้ เดี๋ยวความรู้ที่อ่านมาสะสมมันจะละลายไปจากหัวซะก่อน(ฮา)
มันก็เลยออกอาการเคว้งเพราะเราอ่านจนมันไม่มีให้อ่าน วิชาพวกคำนวณอ่านไปไอ้ข้อที่ทำไม่ได้
มันก็ไม่เคลีย อยู่ดีก็ต้องรอพวกเทพๆทำเสร็จแล้วค่อยมาแจกันอีกที เฮ้อ ระหว่างรอก็เซ็งเลย
ได้ฤกษ์ แวะเข้ามาอัพของตัวเองซะหน่อย ปล่อยว่างไว้นานแล้วมันระสับระส่าย

แต่จะอัพอะไรดีล่ะ fic ก็ยังบ่ได้เขียน เพราะงั้นก็เลยจะเอา รูปการ์ดจากซีรี่ย์ต่อ จาก ACE
มาแปะไปก่อนที่จริง ซีรี่ย์ นี้คิดว่าคงไม่ได้ทำเป็นซีรี่ย์ยาว แต่เป็นชุดตอนพิเศษ ที่มีความยาวประมาณ 3-4 ตอน
มากกว่า เพราะอะไรน่ะเหรอ ไปดูรูปแล้วเดี๋ยวก็รู้เองล่ะครับ

รูปภาพ

รูปภาพ



เหอๆๆๆๆๆๆๆๆ เห็นคู่ หัวทองกะบักหูหมา มาแต่แบบนี้มันต้องนึกถึง Legend of Thaliwilya อยู่แว้วหุๆ
ว่าแต่คู่ไหนล่ะ คู่รุ่นพี่สุดหวานอย่าง ลอว์เรนซ์ x เจนัส หรือ คู่รุ่นน้องตบจูบอย่าง เรกกะ X เฟนท์
ถ้าลองเพ่งอ่านดูในรูปจะก็รู้กันล่ะ ที่จริงเห็นแค่ชุดที่แต่งมาก็น่าจะเดาออกว่าคู่หลังแน่

ถามว่าสองคนนี้เนี่ย ไหงมาคอสเป็น Valjyrier อีกล่ะทั้งที่ของ เรกกะ เองก็พังไปพร้อมกับตอนโค่นโอดิน
แล้ว ส่วนของเฟนท์ ระเบิดไปตอนโดน หนู ไอ จ้วง เหมือนกัน(ไม่นับซีรี่ย์ Y Cross นะอันนั้นแต่งไว้เชื่อมกับภาค ACE)

แถมรอบนี้อัพเกรดขึ้นไปอีก นั่นเพราะในตอนพิเศษ(ที่คาดว่าน่าจะได้เขียน) ที่จะนำมาลงขั้นก่อนลง
ACE ซีรี่ย์ ที่ต้องเลื่อนไปก่อนเพราะภาพ และข้อมูลยังไม่พร้อม บวก VR TAG ถ้าจะจบยาก ก็เลยต้องเลื่อน
เอาเรื่องนี้มา เขียนไปแทน ว่าแล้วเข้าเนื้อเรื่องกันหน่อยดีกว่า

เนื้อเรื่องใน Special Edition นี้เป็นเรื่องสมมุติ ที่ไม่ค่อยจะเอี่ยวเนื้อหาในช่วงตอนจบของซีรี่ย์มากนัก
เพราะ เรกกะ กับพวกมาธิอัส นั้นไม่ได้ออกท่องเที่ยวไปไหน แต่อาศัยอยู่ที่ เมกาโทโปลิส เลย
ตัวเซน่า ที่เป็นพี่สาวเองก็รู้เรื่องที่ เรกกะ อยู่อาศัยที่นี่ (แหงสิเจ้าตัวเป็นคนให้ที่อยู่กับ เรกกะ เองนี่)

ส่วน เฟนท์ นั้นก็ตาม มาอยู่ที่ เมกาโปโปลิส ด้วยส่วน ไอ จะไม่ได้กล่าวถึง เพราะยังอยู่ที่ โลกอส
เหมือนเดิม โดยในเรื่องจะไม่เอ่ยถึงเธอเลย และนอกจากนั้น ซาน กับ เอมิล ก็จะโผล่มาในเรื่องด้วย
ส่วน ไรด์ ยังคงอยู่ที่โลกอส ไม่ได้ตามมาด้วย (นี่มันก็อิงตอนจบมาเขียนใหม่นิหว่า
เพราะซาน กับ เอมิล มันมาเรียนต่อที่ เมอริเซีย อ่ะ) เกือบลืม เวลาในเรื่องคือหลังจากจบสงคราม delantion
หรือ สงคราม Racnarok อ่อ พวก โครโน่ ก็อยู่นะ

เว่ามาซะยาวจนเกือบจะลืมเล่าเรื่องย่อซะละ คือเรื่องจะเริ่มขึ้นที่ว่า เซน่า เดินทางไปเจรจาอย่างไม่เป็นทางการ
ที่ Britanir ก็ไม่ได้ไปหาใครหรอก ประธานสหพันโลก ลูเทเซียคุง นะ่แหล่ะ
โดยมี เฟนท์ เป็นผู้ติดตาม อ้ออีกเรื่องลืมบอกไป ในSE นี้เฟนท์ กำลังคบหาดูใจกับ เซน่า อยู่ด้วยล่ะ
(เอาแล้วไงกินแห้วแล้วมาฟันพี่สาวเพื่อนเรอะ ::036:: )

เอ้าเข้าเรื่องต่อ เซน่า ไปเจรจาเรื่องที่ทาง สหพันโลกกำลังสะสมกำลังอาวุธ เอาไว้อยู่
ทำให้ ทางสหประชาคมโลก (ใน Se นี้สหพันธ์กับสหประชาคม คือกองกำลังที่ยังแบ่งแยกกันอยู่)
แต่ ระหว่างเจรจา เกิดจลาจลขึ้นซะก่อน

และสิ่งที่ปรากฏต่อหน้า เฟนท์ กับ เซน่า ก็คือ พวกผู้ก่อการร้าย ได้ใช้เครื่อง Crisis terminal แปลงร่างเป็น
Valkyrier แถมยังมีถึงสามเครื่อง ด้วยกัน จากการก่อจลาจลทำ ให้เฟนท์ ต้อง พาเซน่า หนีขึ้น
ยานรบรุ่นใหม่ของทาง Britanir ที่กำลังจะออกตามล่าพวกผู้ก่อการร้าย ด้วยความไม่รู้ ทั้งสองจึงต้องติดสอยห้อยตาม
ไปกับยานด้วย

เอาล่ะนี่แค่น้ำจิ้ม เท่านั้น (แค่นี้ก็สปอยหมด Edition 1 แล้ว) ส่วนชื่อเรื่องที่จะใช้ใน Special Edition นี้ก็
คือ Crisis Valkyrie Special Edition 1 Return to Battle Field (หวนคืนสู่สนามรบ)

โดยจะนำมาลงในวันไหนนั้นต้องรอกันอีกทีครับ และอย่างที่บอกไปว่ามันมี ประมาณ 3-4 Edition และในแต่ละ Edition จะมา
เฉพาะในแต่ละโอกาส นะครับ เพราะงั้นทำใจได้ว่าแต่ล่ะ Edition นี่ดองยาวแน่ครับ ::023::
กว่าจะมา คิดว่าน่าจะถูกใจสาวก ทาลิ2กัน (เคยได้ยินแว่วมาจากไหนไม่รู้เค้าบอกว่า ภาคลอว์เรนซ์ สนุกน้อยกว่า
ภาค เรกกะ เค้าบอกว่าภาคเรกกะ สู้กันมันส์กว่าภาคลอว์เรนซ์ เนื้อเรื่องดีกว่าไม่เผาไม่น้ำเน่า แต่ไหงคนเขียนก็เห็นว่า
มันแทบจะไม่ต่างกันล่ะนิ[น้ำเน่าพอกันแถมยังออกทะเลพอๆกันอีก ที่มียาวนานหลายตอนเนี่ยเพราะออกทะเลน่ะแหละ])

โอยงั้นสปอยไว้แค่นี้ล่ะครับต้องไปอ่านหนังสือต่อแล้วครับ แล้วพบกันใน Sub-turn 05 เน้อ ::030::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 04 Vs. Marvin 1 (การประทะกับชายผู้

โพสต์โดย boy เมื่อ จันทร์ ก.ย. 28, 2009 7:22 am

เรกกะจังกับเฟนท์กลับมาแล้วววววว > <

กลับมาโหดกว่าเดิมหลายเท่า ::036:: ทำ At ร้อยล้าน

จะติดตามซีรี่ย์ต่อไปกับตอนที่ 5 ครับ ::030::
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 04 Vs. Marvin 1 (การประทะกับชายผู้

โพสต์โดย Leraje เมื่อ จันทร์ ก.ย. 28, 2009 12:12 pm

ในที่สุดก็มีเวลาเข้ามาอ่าน รู้สึกจะสนุกกว่าภาคแรกอีกนะเนี่ย ::006::

แต่ยังไม่รู้เลยว่าธนัทโดน Change เป็นตัวอะไร ::021::

ว่าแต่ภาคแรกให้เราไปถล่มตะวันออกกลางหมดแล้ว มาภาคนี้ก็โดนจอมทัพสวรรค์อัดจนแพ้ไม่เป็นท่าอีก ช่วยเขียนบทให้ดูดีหน่อยได้มั้ยเนี่ย...
ภาพประจำตัวสมาชิก
Leraje
0
 
โพสต์: 915
Cash on hand: 1,150.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 04 Vs. Marvin 1 (การประทะกับชายผู้

โพสต์โดย Dragon Professor เมื่อ จันทร์ ก.ย. 28, 2009 5:04 pm

Leraje เขียน:ในที่สุดก็มีเวลาเข้ามาอ่าน รู้สึกจะสนุกกว่าภาคแรกอีกนะเนี่ย ::006::

แต่ยังไม่รู้เลยว่าธนัทโดน Change เป็นตัวอะไร ::021::

ว่าแต่ภาคแรกให้เราไปถล่มตะวันออกกลางหมดแล้ว มาภาคนี้ก็โดนจอมทัพสวรรค์อัดจนแพ้ไม่เป็นท่าอีก ช่วยเขียนบทให้ดูดีหน่อยได้มั้ยเนี่ย...

เหอะๆ ยังมีภาคผมโดนอลาน่าสอยตายอีกนะ สงสารจริงๆ ::021::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Dragon Professor
0
 
โพสต์: 594
Cash on hand: 428.00

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง SMN FanCard FanArt & FanFic

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 29 ท่าน

cron