Sub-turn 05 Tag Team Duel!! ศึกเดือดเกินพิกัด
ความเดิม Sub-Turn ที่แล้ว : โคทาโร่ ที่เริ่มจะไขว้เขว จากสภาพการณ์โดยรอบหลังจากที่เค้ากลับไปที่
โอโนโกร และการชักชวนของ บอย ซากะ ที่ขอร้องให้เค้ากลับเข้าร่วม Magnus ขณะเดียวกัน
มาริน่า ได้หมายหัว ลูเซีย จึงได้ส่ง 1 ใน ไตรเอกองครักษ์ อิสรพงศ์ เข้ามาทำการดวลกับเธอเพื่อ
จะตรวจสอบบางสิ่งเกี่ยวกับเธอ ในขณะที่กำลังดวลกันอยู่นั้น คิระ ก็ได้เข้ามาขัดขวางการดวลของทั้งคู่
ธนัท และ โคทาโร่ ได้เปลี่ยนเข้ามาดวลแทน และแล้วการดวลแทคทีมจึงเริ่มขึ้น ……
โรงพยาบาล ตากสิน เวลา 12.50 น.
แกร็ก แกร็ก แกร็ก~~
เสียงเคาะแกร็กๆ ดังรัวอย่างไม่เว้นว่าง แว่วมาจากหลังบานประตูสีขาว บนทางเดินยาวตลอดแนวของ โรงพยาบาล
เสียงพูดคุยเซ่งแซ่จาก ล็อบบี้ของโรงพยาบาล ซึ่งอยู่ถัดไปไม่มากนัก ได้เล็ดรอดผ่านบานประตูนี้เข้าไป
อยู่ตลอด แต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับ ผู้ที่ทำงานอยู่ภายในห้องเลย ชายสูงวัย เส้นผมบนหัวที่บางและเริ่มซีดจาง
นั้นแสดงถึงวัยวุฒิ ที่ผ่านมาอย่างโชกโชน หน้าผากนั้นมีรอยหยักปรากฏอย่างเรือนลางจากการที่เค้าชอบที่จะ
ขมวดหน้าขมวดตา เวลาใช้ความคิด
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตู ดังขึ้นทำให้ เค้าหยุดมือจากคียบอร์ดบนโต๊ะคอมฯ
“ โปรเฟสเซอร์ ดราก้อน(Professor Dragon) คะ ดิฉันเอาชา มาแล้วค่ะ ”
เสียงของผู้มาเยือน ดังขึ้นอย่างนุ่มนวล ชายสูงวัย ยิ้มปรี่ด้วยความดีใจเล็กๆ
“ เข้ามาเลยจ้า~~ ”
ชายสูงวัยตอบน้ำเสียงกับวาจานั้นค่อนข่างจะตรงข้ามกับภาพพจน์ของ เค้าเอาเสียมาก
ทันทีที่ได้รับการอนุญาติ ประตูก็ถูกเปิดออก โดย นางพยาบาลสูงวัย ที่อ่อนกว่าเค้าประมาณ
4-5 ปี เธอยก ถาดรองแก้วกับ กาน้ำชา ด้วยมือขวา เข้ามาวาง ที่ โต๊ะข้างๆ
ติดกับ โต๊ะวางเครื่อง คอมฯ กลิ่นหอมของชา โรยออกมาจาก กาน้ำ
มันเป็นกลิ่นกุหลาบที่ช่วยให้รู้สึกสดชื่นกระชุ่มกระชวยไม่น้อยแก่ผู้ที่ได้สูด ดมมัน
“ โฮ่ๆ กลิ่นหอมดีนะวันนี้เป็น Rose Tea งั้นเหรอ ”
ศาสตราจารย์ เปรยกับกลิ่นหอมของใบชา ที่ช่างยั่วยวนไม่น้อย
“ ค่ะ พอดีของที่เหลือจากงานสัมนา ครั้งก่อนที่นี่ ยังมีเหลืออยู่ก็เลยเอามาชงแก้ขัดไปก่อนน่ะค่ะ ”
เธอกล่าวขณะที่ ริน น้ำชาใส่แก้ว น้ำชาสีชมพูอ่อน ค่อยๆไหลรินจากปากกา ลงสู่
ก้นแก้วใส ควันร้อนที่โชยออกมาจับเป็นฝ้า รอบๆแก้วน้ำในทันที
“ อืมๆ ว่าแต่นี่น่ะ ชาร้อนไม่ใช่เหรอ แล้วแก้วไม่มีหูแบบนี้จะจับยังไงล่ะนั่น ”
ศาสตราจารย์ แย้งติดตลกเพื่อจะขัดเธอที่กำลังจะรินจนเจียนจะเต็มแก้วอยู่แล้ว
“ อ๋อ ไม่ต้องห่วงค่ะ นี่น่ะแก้วเคลือบผลึกมนตราน่ะค่ะ อุณหภูมิ ภายนอกจะคงที่ และรักษาอุณหภูมิข้างในแก้วด้วย
รับรองว่า ชา ข้างในไม่เย็นเพราะ เครื่องปรับอากาศหรอกค่ะ ”
นางพยาบาล แจงให้เค้าทราบขณะที่ ยกแก้วชาส่งให้เค้า ซ฿งเธอไม่มีทีท่าว่าจะร้อนลวกมือจาก
การสัมผัสแก้วเลย
“ โฮ่ เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลเรา มีของสะดวกๆแบบนี้ใช้กันแล้วเหรอเนี่ย ”
เค้า อุทานอย่างทึ่งๆ ก่อนที่จะรับ แก้วชามา ความร้อนของชาที่อยู่ในแก้วใสนั้นไม่ได้ส่ง
ออกมาที่มือของเค้าเลยแม้แต่น้อย
“ ค่ะก็วันสัมนา ที่ผ่านมาทางหน่วยงานสาธารณะสุข เอามาเปลี่ยนให้แทนแก้วธรรมดาน่ะค่ะ ”
เธอ ตอบอย่างรวบรัด ก่อนจะวางกาน้ำ ลงบนถาด
“ อืมๆ ว่าแต่ตอนนี้ เจ้าหนูเป็นไงบ้างล่ะ หมายถึง ธนัท น่ะ ตอนนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างรึเปล่า ”
เค้า เปลี่ยนน้ำเสียงก่อนจะเริ่มถาม
“ ธนัท น่ะเหรอคะตอนนี้ก็ เดินเหินคล่องแคล่วแล้วล่ะค่ะ เพราะมี โคทาโร่ คอยช่วยแนะนำ
เรื่องการควบคุมตัวเองด้วยมั้งคะ ”
“ โคทาโร่….อ๋อหมายถึงเด็ก DNA-Changer ที่มาอยู่บ้านคุณตอนนี้น่ะเหรอ นั่นสินะ
การได้คนที่มีประสบการณ์มาคอยแนะนำแถมยังเป็นเพื่อนสนิทกันแบบนี้ก็คงไม่ต้องห่วงซักเท่าไหร่
ตอนนี้ก็ให้เค้ารับรู้ถึงฐานะของตัวเองในแบบนี้ไปก่อนน่าจะดีที่สุดนั่นล่ะนะ ”
ศาสตจารย์ กล่าวก่อนจะยกแก้ว กระดกชาร้อน เข้าไปอย่างลืมตัว จนต้องสำลักกับ
ความร้อนของชา
“ ที่จริงแล้วเค้าควรจะรู้หรือคะ ถึงฐานะจริงๆของตัวเองน่ะค่ะ ”
“ แค่กๆๆ หว่ายยยยย~~ ร้อนๆ…เฮ้อ~ ”
ระหว่างที่ ศาสตรจารย์กำลังสำลักน้ำชาอยู่นั้น เธอก็เปรยออกมาสีหน้าของเธอแสดง
ออกซึ่งความกังวลไม่น้อย เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้
“ ….หมายถึงเรื่องไหนดีล่ะ….. ”
“ เอ๊ะ!.. ”
ศาสตราจารย์ เปรยเสียงเคร่งขรึมขึ้นมา ทำให้เธอ เผลอสะดุ้งอุทานออกมา
“ ไม่ว่าจะเรื่องที่เป็นมาตั้งแต่เกิด…..หรือเรื่องที่ว่าตัวเค้าคือใครน่ะ…. ”
ศาสตราจารย์ เปรยก่อนจะหยุด ยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบอย่างช้าๆแทน
“ ไม่ว่าเรื่องไหน ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะให้เค้ารู้เลย หากต้องการที่จะให้เค้าใช้ชีวิตอย่างเด็กธรรมดาทั่วไป…
.เรื่องที่มันแล้วมาก็ให้มันแล้วไปเถอะ ”
ศาสตรจารย์ กล่าวต่อก่อนจะยก แก้วขึ้นจิบอีกครั้ง
“ ตัว ฉันเองก็ไม่คิดว่า จะปิดบังเอาไว้ได้นานหรอก แต่เรื่องนี้น่ะให้มีคนรู้น้อยไว้ที่สุดนั่นแหละ
คือดีที่สุด แค่ คิงแห่งเชคเมทไฟร์ กับพลพรรค ก็มากพอแล้ว ถึงจะทำให้เค้ารอดตายมาได้ ก็เถอะ
ทั้งพลังในการเรียกหาอสูรเทพ การควบคุมและอัญเชิญพร้อมกัน บอกตามตรงเลย ถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาๆน่ะ
ป่านนี้แม้แต่ ร่างก็ไม่เหลือแล้ว ไม่สิถ้าเป็นแค่มนุษย์ล่ะก็ คงจะทำอย่างที่ว่ามาไม่ได้อยู่แล้ว…. ”
………………………
…………………………………………
หมู่เกาะเทียม โอโนโกร ฐานบัญชาการสูงสุดแห่ง Magnus เกาะ Wednesday
ห่างจาก เกาะเมืองหลวง Thursday เกาะเทียม นี้มีขนาดพื้นที่กว้างขวางเป็นอันดับสอง
จากหมู่เกาะ ทั้ง 7 โดยรอบทั้งหมด ซึ่งใช้เป็นที่ตั้งศูนย์บัญชาการกองกำลังหลักแห่ง URH
ในนามกองกำลัง Magnus อาณาพื้นที่รอบๆเกาะนั้น ถูกสร้างเป็นลานสนามท่าอากาศยาน
แต่ทว่าสิ่งที่ทะยานขึ้นและลงไปกลับจากฐานกำลังบนเกาะนี้ กลับหาใช่เครื่องบิน หรือยานรบไม่
แต่กลับเป็น หุ่นรบที่จำลองรูปแบบมาจากอสูรอัญเชิญ ซึ่งถูกเรียกว่า Titania หากจะท้าวความถึง
หุ่นรบเหล่านี้แล้ว ก็คงต้องย้อนกลับไปถึงครั้งสงคราม ระหว่างเผ่าพันธุ์ ของ DNA-Changer และ มนุษย์
ในช่วง 50 ปีก่อนนั้น การสงครามระหว่างทั้งสองฝ่ายได้ ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ฝ่าย มนุษย์ หรือ สหพันธ์ Alliance นั้นมีกำลังจาก พันธมิตร มากมาย โดยมีขั้วอำนาจ
ใหญ่ๆ อยู่สามขั้ว ได้แก่ กองกำลัง สหภาพรัสเซีย กองกำลังแอตแลนติก และ กองกำลังเยอรมัน
โดยที่ เยอรมันคือแกนนำ ที่มีอำนาจครอบคลุมกำลังเกือบทั้งหมดของ สหพัน
แน่นอน Neo-Nazism คือผู้ชักนำอยู่เบื้องหลัง ของกำลังทั้งหมด ด้วยขุมกำลังระดับโลก
เหล่านี้ เป็นการยากที่ DNA-Changer คนกลุ่มน้อยที่จะต้องเอาชนะกำลังของคนเกือบทั้งโลก
ดังนั้นพวกเค้าจึงได้พัฒนา อาวุธสงครามที่จะนำมาต่อกรกับ พันธมิตรโลก นั่นจึงเป็นกำเนิดของ
Titania หุ่นรบขนาดสูงกว่า 3 เมตร โดยจำลองรูปแบบมาจากอสูรอัญเชิญ อัศวินแห่งสวรรค์
คาเอลิเฟอร์(Caelifer, the Heaven Knight) ทั้งสมรรถภาพและความสามารถของ Titania
ไม่ว่ารถถัง หรือ เครื่องบินรบ หากไม่แห่กันมาทั้งฝูงบินเพื่อที่จะจัดการกับพวกมันเพียงแค่
หยิบมือ ก็ไม่อาจสร้างความพินาศให้แก่พวกมันได้ เกริ่นมาเพียงเท่านี้ ก็คงจะพอนึกภาพ
ออกว่า เหตุใดสหพันธุ์ ถึงต้องรบกับคนเพียงกลุ่มเดียวอย่างยากลำบากจนถึงกับต้องงัด
เอาหัวรบนิวเคลียร์ ออกมาใช้จนเป็นเหตุให้ เรราเย่ จุติตาม บีฮีมอท และ เรเวียทาน
………………….
“ สรุปแล้วแม้แต่เธอก็ดึงตัวเค้ากลับมาไม่ได้งั้นเหรอเนี่ย… ”
เสียงบ่นด้วยความเสียดายดังขึ้นจาก หลังสมุดรายงาน ดดยที่ฝั่งตรงข้ามนั้น บอย ซากะ
กำลังยืนตีสีหน้าขมักเขม่น เหมือนกำลังสอบสัมภาษณ์คนสมัครงานยังไงยังงั้น
“ ครับ ไม่ว่าจะพูดยังไง เค้าก็ยังยืนยันคำเดิมตลอด ต้องขอโทษท่าน พันเอกด้วย
ที่ไม่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้ตามที่หวัง ”
บอย กล่าวน้ำเสียงแข็งขัน ฝ่ายผู้ที่สนทนากับเค้าอยู่ภายในห้อง ก็วางสมุดรายงานลงบนโต๊ะข้างๆ
ใบหน้าของพันเอกนั้น ถูกปกปิดด้วย หน้ากากสีเทาขาว เครื่องแบบสีขาวตัดด้วยลายสีแดง
ระบุยศพันเอกแห่ง Magnus
“ ช่างเถอะ...เธอพยายามเต็มที่แล้วนี่ ที่เหลือก็คงต้องรายงานท่าน รองประธาน ยามาโมโตะ ไปตามนี้ล่ะนะ
จริงสิเธอเองก็พึ่งจะกลับมาทั้งที ไปพักก่อนก็แล้ว จากนี้ไปอีกเดี๋ยวคงจะต้องวุ่นวายกันพักใหญ่ๆเลยเชียวล่ะ
ไหนจะแผนการ อัลเคทิส(Alketis) อีก ที่เหลือฉันจะจัดการต่อเอง ไปพักเถอะ ”
พันเอก กล่าวจบ บอย จึงขอตัวก่อนจะออกไปจากห้อง
.............
“ เฮ้อ.... ”
บอย ถอนหายใจ เค้ามีสีหน้าผ่อนคลายขึ้นหลังจากได้ผละออกมาจากห้องนั้น
“ เป็นไงมั่งถูก พันเอกฮิปนอส(Hypnos) ว่าอะไรมารึเปล่า.. ”
เสียงของเพื่อนทหารชุดแดง ผู้มีผมสีม่วงรวบไปมัดไว้ด้างหลัง ถามขึ้น ที่หน้าห้องของพันเอก
“ No, ก็แค่เข้าไปถกอะไรกันนิดๆหน่อยๆเอง ”
บอย ตอบพลางยักไหล่อย่างเซงๆ
“ แต่ไม่คิดเลยนะครับ ว่า โคทาโร่คุง จะไม่ยอมกลับมาจริงๆน่ะ นี่ถ้าแผนการ อัลเคทีส
เริ่มก่อนแล้วจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย ”
เพื่อนทหารชุดแดง อีกคนที่อยู่กับพวกเค้า เปรยขึ้นด้วยสีหน้าลำบากใจ
เค้ามีผมสีเขียวซอยลงมาจนดูหยิก นัยตาสีฟ้าใสสดดั่งไพลิน
“ ถึงตอนนั้นก็คงต้องทิ้งหมอนั่นไว้ที่โลก เนี่ยแหละ ที่จริง I เองก็อยากจะบอกเรื่องแผนการ
อัลเคมิส ให้ boss ฟังอยู่หรอก แต่ว่านะ.... ”
“ หา!! บ้ารึเปล่า บอย นี่อย่าบอกนะว่านายบอกหมอนั่นไปแล้วน่ะ ”
ระหว่างที่ บอย แกล้งพูดหยอกห้วนๆนั้น ก็มีคนหนึ่งที่ไม่รับมุข ด้วยตะคอกแทรกขึ้นมาทันที
เค้าคือ เพื่อนทหาร รัดผมสีม่วงที่ดูหยิ่งๆนั่นเอง
“ แหมๆ ไม่เอาน่า ดีฮาออส(Dhaos) me ไม่ได้บ้าขนาดจะเอาเรื่องลับ
สุดยอดไปแพร่งให้ใครๆรู้หรอกน่า ”
บอย รีบปฏิเสธทันควัน ก่อนจะถูกถากถางไปกว่านี้
“ งั้นคราวหน้าผมขอไปเองดีกว่า ครับอย่างน้อยคิดว่า เค้าน่าจะฟังผมบ้างล่ะ ”
เพื่อนทหารผู้มีผมสีเขียว ออกตัวแทน
“ นั่นสิ ให้ เจมส์(Jame) ไปน่าจะดีกว่าให้ไอ้บ้าบอ คอแตกแบบนายไปซะอีก ”
ดีฮาออส แกล้งเหน็บใส่
“ หมายความว่าไงเนี่ย… ”
บอย เปรยงอนๆ กับการที่ถูกเหน็บ
……………………..
……………………………………
“ ดวลในระดับ Ruler mp 8 Mode Challenge Shrine max ของแต่ละฝ่ายให้ นับรวมกันเท่ากับ 15 ไลน์สนามของ
ผู้เล่นแต่ล่ะฝ่ายให้ใช้ร่วมกัน ”
สิ้นคำของ ธนัท ทั้งสองฝ่าย จึงเปิดกองสำรับ ซีลของตน และ เลือกจากในนั้นขึ้นมาคนละใบ
[Challenge Mode คือ Ruler ที่มีการเพิ่มกฏการแพ้ชนะ ด้วยการจัดการกับ MD(Master Deck) ของอีกฝ่าย ฝ่ายที่ถูก
ทำลาย MD ก่อนจะเป็นผู้แพ้ โดยการกำหนด ซีลการ์ด 1 ใบในกองเป็น MD
และหยิบมันขึ้นมาถือไว้ ตั้งแต่เริ่มเกมส์ ในกรณีที่มี ซีลที่เป็นแบบเดียวกับ MD มากกว่า 1
ใบนั้นให้ถือเฉพาะใบที่เลือกมาเท่านั้นที่เป็น MD ]
“ ของฉันเอาเป็น ผู้พิทักษ์ผนึกแห่งเลกซ์เดทีโอ(The Guardian of Lexdetheo Seal ) ”
คิระ กล่าวพร้อมกับแสดงการ์ดซีลที่เลือกมาจากกอง
“ งั้นของผมเอาเป็น จอมคาถามายา มาร์วิน(Zechariah Marvin, the Mythical Magus) ละกันนะครับ ”
อิส เปรยอย่างอารมณ์ดีขณะที่ แสดงการ์ดในมือที่เลือกมา
“ ของฉันต้องเป็น มูนไชน์เวอวูฟล์ (Moonshine Werewolf) ”
โคทาโร่ ตอบพร้อมกับแสดงการ์ดในมือที่เลือกมาเช่นกัน
“ ของฉันขอเป็น ราชันย์มังกรอัคคี ซาลามันเดอร่า (Salamunder, the Fire Dragon) ก็แล้วกัน ”
ธนัท กล่าวทว่าขณะที่เลือก การ์ดมานั้น ตัวเค้าเองก็แสดงทีท่าลังเล ที่จะเลือกการ์ดใบหนึ่งอยู่ก่อน
จะเปลี่ยนไปเลือก ซาลามันเดอร่า ที่อยู่ถัดไปอีกใบแทน
“ เปลี่ยนการ์ดที่จะเลือกงั้นเหรอ….หรือว่าจะเป็นใบนั้น…. ”
คิระ คิดหลังจากพินิจ ท่าทีของ ธนัท เมื่อซักครู่
“ เฮ้อ น่าเบื่อ แบบนี้ฉันก็ไม่เด่นเลยน่ะสิ….ไปดีกว่า~ ”
ลูเซีย ที่ตอนนี้อยู่นอกวง เกิดอาการเซง ขึ้นมาเธอจึง เดินลงไปจากดาดฟ้านี้ ดดยที่ไม่มีใคร
สนใจเลยแม้แต่น้อย
[Thanatativet Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:5/8]
[Kotaro Status; Hand:Seal 5,Mystic 2 Mp:7/8]
[Shrine 0/15]
[Issarapong Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:6/8]
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:8/8]
[Shrine 0/15]
“ ฉันเริ่มก่อน cost mp 3 อัญเชิญ นิทินโค เฟิร์นกอลโล ดิมมินวล Arimathea
เวอชั่นทั้งหมดลงไปที่ Df Line ”
สิ้นคำของ ธนัท การ์ดซีล 3 ใบบนมือก็ถูก โยนลงไป ละอองแสงสีเขียว
ซึ่งเป็นพลังงานเวทย์ ได้พรั่งพรูออกมาจากการปั่นของ เฟืองที่ปลอกแขนจักรกล
ของ ธนัท การ์ดทั้งสามใบซึมซับละอองเหล่านั้นเข้าไปก่อน จะแสดงร่างขึ้นมาเรียงแถว
หน้าเค้า หนึ่งคือ ลูกมังกรเพลิงเกล็ดกายสีแดง (Niltinco, Arimathea’s Baby Dragon)
และอีกหนึ่งคือ ลูกมังกรวายุที่ปีกของมันปกคลุมด้วยริ้วขนสีเขียว(Dimminuial, Arimathea’s Baby Dragon)
กับอีกหนึ่งมังกรวารี เกล็ดกายสีฟ้า และในส่วนของปีกนั้นถูกแทน
ที่ด้วยครีบพังพืดยึดตามข้อนิ้ว(Fringollo, Arimathea’s Baby Dragon)
“ จากนั้น Cost mp 2 ร่ายมิสติกการ์ด ป่าทมิฬ(Black Wood) ด้วยผลของ ป่าทมิฬ
อสูรอัญเชิญทั้งหมดที่อยู่ใน Df Line จะป้องกันจากการโจมตี หมดรอบเท่านี้ ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับ ส่งมิสติกการ์ดในมือ ลงไปทันทีที่ การ์ด ดูดซับละอองเวทย์
จนเต็มเปี่ยม แสงที่แวบออกมาจาก การ์ดก็แปรเปลี่ยนสนามฝั่งธนัท ให้มีต้นไม้งอกขึ้นมาจากพื้น
ที่และเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นป่าทึบไป ซีล ทั้งหมดในสนามของ ธนัท ที่อยู่ในแนวป้องกัน
จึงถูกป่าทึบเหล่านั้นบังปิดสนิทไป
“ รอบของผม….แต่ยังไงซะรอบนี้ผมก็ยังจู่โจมไม่ได้จนกว่าจะถึงรอบของคุณ คิระ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ
จะหลบๆซ่อนๆอยู่ในที่แบบนั้นทั้งที่เป็นฝ่ายมาท้าเนี่ย มันยังไงๆอยู่นะครับ ”
อิส ประกาศรอบของตน ก่อนเหน็บเรื่องกลยุทธของ ธนัท ที่ส่อถึงการหลีกเลี่ยงที่จะสู้
“ ไอ้บ้า!!นายว่าใครหนีกันวะ!! นี่น่ะเค้าเรียกกลยุทธว้อย กลยุทธน่ะรู้ไหม๊!! เค้าเรียกตั้งหลักว้อย! ”
เสียงของ โคทาโร่ ดังขึ้นโต้ตอบจากด้านหลังป่าทันควัน เค้ายิ้มแห้งๆให้ก่อนจะ หยิบเอามิสติก การ์ด
บนมือร่ายลงมา
“ Cost Mp 2 Inquisition เป้าหมายทำลายมิสติกการ์ด Black Wood ”
สิ้นคำของ อิส มิสติกที่ร่ายลง ก็ปรากฏร่างของ นักบุญ ขึ้นก่อนที่นักบุญจะเผายันต์คาถาในมือ
และโยนลงไปยัง ซฮกของป่าทึบนั้น พริบตาป่าก็พลันไหม้สลายหายสิ้นกลับเป็นละออง
จากนั้นจึงจับตัวกลับเป็น มิสติกการ์ด และลอยย้อนกลับไปที่มือของ ธนัท
จากนั้นเจ้าตัวจึงจัดแจงใส่มันลงไปในช่องเก็บการ์ดที่หมดพลังแล้ว
ตอนนี้สนามกลับมาเปิดโล่งอีกครั้งไม่มีสิ่งกีดกั้นขวางใดๆ อีกต่อไป
แต่ทว่าสิ่งที่ปรากฏ อยู่ในสนามฝั่งของ ธนัท และ โคทาโร่ นั้นกลับมีร่างของ ทูตสวรรค์
ขนาดใหญ่ ปีกสีขาวบริสุทธิ์ 6 ปีก และ คมดาบที่ล่องลอยอยู่รอบ อุ้งหัตถ์ อีก 4 เล่ม
“ กะ แล้วเชียวพวกคุณนี่เล่นไม่ซื่อจริงๆเลยนะครับ.. ”
อิส เปรย เสียงเรียบโดยไม่มีทีท่าแปลกใจแสเงออกมาเลย แม้แต่ คิระ ก็ด้วย
ราวกับการปรากฏตัวของ ทูตสวรรค์ องค์นี้เป็นเรื่องที่พวกเค้าคาดเอาไว้แล้ว
“ ชิ….รู้ตัวตอนไหนกันเนี่ย… ”
โคทาโร่ สบถ พวกเค้าถูกจับไต๋ ซะอยู่หมัด
“ จงใจร่าย ฮาสตี้ วอรันแตร์(Hasty Volunteer) เพื่ออัญเชิญ โดมินิก้า
(Dominica, the Power of Heaven) ลงมาให้จังหวะพอดี กับที่ Black Wood กำลังสำแดงผล
เพื่อกลบเกลื่อนแสงที่จะแสดงเมื่อซีล ปรากฏออกมา ถือว่าเนียนใช้ได้นะแต่….
เอาไว้ไปเล่นกับพวกมือสมัครเถอะ… ”
คิระ รวบรัดอธิบาย พวกเค้าเสียหมดเปลือก
“ การเล่นผสานกับ Effect Cartridge(ระบบแสดงแสงผลประกอบของการอัญเชิญ) น่ะใช้หลอกพวกผม
ไม่ได้หรอกนะครับ เพราะว่าแสงจาก Black Wood น่ะ มันสว่างเกินปกติ แบบนั้น
เป็นใครก็ต้องเอะใจอยู่แล้วล่ะครับ ”
อิส กล่าวสำทับ
[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8]
[Kotaro Status; Hand:Seal 4,Mystic 1 Mp:3/8]
[Shrine 0/15]
[Issarapong Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 1 Mp:4/8]
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:8/8]
[Shrine 0/15]
“ ตอนแรก กะว่าจะใช้มุขนี้ หลอกให้การวางหมากของพวกนั้นหละหลวมแล้วบุกสายฟ้าแลบซะหน่อย
เหลวหมดเลยเหรอเนี่ย ”
โคทาโร่ ขบฟันสบถด้วยความเจ็บใจ
“ ไม่เป็นไร! ยังไงพอถึงรอบของนายแล้ว ช่วยจัดการย้ายไลน์ของ โดมินิก้า ขึ้นไปคุ้มกันให้ทีนะ ”
ธนัท กล่าวประกาศขึ้นมา แบบปุบปับทันที ทว่าในช่วงนี้เอง อิส ก็ชิงร่าย มิสติก อีกใบจากบนมือ ทันที
“ Cost Mp 1 ร่าย Trap เป้าหมายคือ โดมินิก้า ”
สิ้นคำ มิสติกที่ อิส ร่ายออกไป ก็พุ่งเข้าไปหา โดมินิก้า ทูตสวรรค์ ที่ลอยตัวอยู่
ทันทีที่ การ์ดสัมผัสถูก โดมินิก้า ก็ร่วงหล่นลงมาล้มแอ้งแม้งอยู่บนพื้นสนามในทันที
“ ด้วยผลของ Trap จะทำให้ ซีลที่ ติดตั้งการ์ดใบนี้เอาไว้ไม่สามารถเปลี่ยนไลน์ ได้ เสียใจด้วยนะครับ
ยังไงก็ตามในรอบหน้าผมคงต้องขอจัดการกับตัวยุ่งยาก อย่างหลักสวรรค์ นั่นไปซะ อย่าถือกันเลยนะครับ ”
อิส กล่าวเสียงเรียบ พลางตีสีหน้ายิ้มแย้มอย่างสบายอารมณ์ไม่ทุกข์ไม่ร้อน เหมือนทุกครั้งไป
“ กรอด~ ก็รู้อยู่หรอกว่าดวลกะหมอนี่มันน่าหงุดหงิดแค่ไหน…แต่ฉันละ อยากจะตั๊นหน้า ไอ้หมอนี่ซักทีจริงจริ๊ง~~”
โคทาโร่ กัดฟันพูด ตอนนี้เค้าโกรธจนตัวสั่นไปหมด
“ แหมๆ ถ้าอยากจะชกหน้าผมนักล่ะก็ทำไมไม่ทำซะเลยล่ะครับ เอหรือเพราะว่า
ไม่มีปัญญาจะทำกันแน่ล่ะเนี่ยครับ ฮะๆ ”
อิส แกล้งเหน็บติดตลก ด้วยหน้าตายิ้มแย้มเหมือนทุกครั้ง
“ ชักฉุนกึก ขึ้นมาซะแล้วดิเนี่ย ถ้าอยากหาเรื่อง… ”
“ อ๊ะ!จริงสิ นี่รอบของผมนี่นะ งั้น Cost Mp 3 ร่าย ผู้อัญเชิญอสูร มาร์วิน ลงมาที่ Df line แล้วเจอกันนะคร้าบบ~~ ”
ยังไม่ทันที่ โคทาโร่ จะบ่นจนจบ อิส ก็จัดแจงยัดการ์ดลงไปที่ช่องรังเพลิงพิเศษที่ปลอกแขน ก่อนจะ
ร่ายส่งมันออกมาพร้อมกับเสียงที่ลั่นออกมาจากปลอกแขนของเค้าด้วย
/Kotaewa Kitenai/(ญี่ปุ่น= ไม่ได้ขอคำตอบซักหน่อย)
สิ้นเสียงจากปลอกแขน จอมเวทย์หนุ่ม มาร์วิน ในชุดคลุมนักพรตสีเขียว
กำมะหยี่ ก็ปรากฏกายขึ้นในสนาม (Zechariah Marvin, the Summoner)
“ ฮ…เฮ้ย เดี๋ยวเด้!! จะชิ่งกันง่ายๆเงี้ยนะกลับมาก่อน!! ฉันยังพูดไม่จบเลย ”
โคทาโร่ ที่ เห็นดังนั้นก็รีบ โวยวายจะหยุดเค้าเอาไว้เสียก่อนทว่า..
“ พูดอะไรของนายน่ะ เราไม่ได้ไปไหนซะหน่อยพึ่งจะมาเองเนี่ยช่างเถอะ ขอกำจัดนายล่ะ ไม่ขอคำตอบด้วย ”
กิริยาและท่าทางการพูดการจาของ อิสเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนล่ะคนทันที ขณะเดียวกัน ผู้อัญเชิญอสูรมาร์วิน
ที่ร่ายออกมาก็ ร่ายเวทย์อัญเชิญ นกเนเดีย(Naedia) หลากสีสัน ออกมา ถึงสี่ตัว
ด้วยกันและยังเสก ภูตน้อยแสนร่าเริง(Joyful Fairy) ทั้งหมดนี้ถูกเสกร่ายออกมาได้ราวกับมายากล
“ ด้วยผลของ มาร์วิน ทำให้ร่าย เลเวล 1 บนมือลงไปได้ใบหนึ่ง พอร่าย เนเดีย แล้ว เนเดีย ก็จะ
แสดงใบบนสุดของกองถ้าเป็นเลเวล 1 อีก ก็เอาเข้ามาในสนามถ้าไม่ใช่ก็ส่งคืนไป
จากนั้นก็เรียกเป็นทอดๆไปจนถึง จอยฟูลแฟรี่ และฉันก็ได้จั่วการ์ดด้วยใบหนึ่งล่ะ ที่พูดไปเนี่ยคงเข้าใจนะ
ไม่ขอฟังคำตอบล่ะ เอ้าตานายแล้ว เจ้าตูบ โฮ่งๆ ”
อิส รวบรัด ขณะที่จั่ว มิสติกขึ้นมาจากกอง ใบหนึ่งด้วยผลของ จอยฟูลแฟรี่ที่ เมื่อเข้ามาในสนามแล้วเจ้าของ
การ์ด สามารถจั่วการ์ดได้ 1 ใบ
“ ฮึ้ย~ ว่าตัวจริงกวนโอ๊ยแล้ว ดันมาเจอเจ้านี่ยิ่งหนักเข้าไปอีก… ”
โคทาโร่ สบถ ขณะที่เริ่ม รอบของตัวเองเค้าก็ หยิบ ซีลการ์ดร่ายลงไปทันที
[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8]
[Kotaro Status; Hand:Seal 4,Mystic 1 Mp:3/8]
[Shrine 0/15]
[Issarapong Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8]
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:8/8]
[Shrine 0/15]
“ รอบของฉัน Cost Mp 3 ทำการ ซิงโคร อัญเชิญ นักสู้มังกร เอคนอร์ไมเต้ (Aegnormaite, the Drake Fighter)
ลงไปที่ At line ”
/Synchronization/
โคทาโร่ กล่าวจบ ก็หยิบ ซีลการ์ดขึ้นมาพร้อมกันนั้นเอง ที่ข้อมือของ ธนัท และ โคทาโร่
ซึ่งมีรอยอักขระ สลักเป็นวงรอบข้อมือเอาไว้ก็เรืองแสงขึ้น ครู่ต่อมาอักขระเหล่านั้นก็แปลเปลี่ยนเป็น
กำไลข้อมือที่แยกเป็น สามวงประกบติดกัน วงตรงกลางนั้นสามารถหมุนปั่นได้ ราวกับเฟือง
ขณะเดียวกัน เฟืองที่ปลอกแขนของ โคทาโร่ ก็เริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว สร้างละอองเวทย์
ออกมามากมาย ทันทีที่ นำกำไลที่ข้อมือนั้นไปครูดกับฟันเฟืองวงล้อกำไลตรงกลางก็เริ่ม
หมุนตามแรงของเฟืองไปด้วย ทันทีที่ วงล้อกำไลหมุนการ์ดซีลบนมือ ที่โคทาโร่ เลือกจะร่ายลงมา
ก็เริ่มซึมซับ ละอองเวทย์ เค้าโยนมันออกไปในจังหวะนี้ การ์ดได้ทำการแสดงร่างของ นักสู้มังกร
กายสีแดงร่างลุกโชนด้วยเปลวเพลิง และกำลังจะลงมายืนในสนามทว่า..
“ Cost Mp 3 Stay Here! อยู่ตรงนั้นนิ่งๆนะเจ้าหมาน้อย~ ”
ยังไม่ทันที่ นักสู้มังกร จะลงถึงพื้นสนาม อิส ก็ชิงร่ายมิสติกการ์ดบนมือลงมาซะก่อน
ปรากฏร่างของ ตัวตลกผู้มีสีหน้าเรียบนิ่งขึ้นมา(Stay Here!) ตัวตลกชี้หน้าไปยัง นักสู้มังกร
ทันใดนั้นเอง นักสู้มังกร ที่ควรจะลงมายืนที่สนามแนวหน้า กลับพลิกตัว ลงสู่สนามแนวหลังแทน
“ แหง่ะ ส…Stay Here…. ”
โคทาโร่ เปรยสายตาเต็มเปี่ยนไปด้วยความฉงนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ ผลของ Stay Here! จะทำให้กำหนดไลน์ซีล ที่กำลังเข้ามาในสนามได้ 1 ใบ…นึกไม่ถึงเลย
แฮะว่าจะใส่มากับเค้าด้วย ”
ธนัท เอียงคอเปรย ยังคงตะลึงกับเหตุการณ์เมื่อครู่
“ ว้อย!! นี่สำรับนายมันยัดอะไรไว้เนี่ยมีแต่ การ์ด ประหลาดๆที่ชาวบ้านเค้าไม่ใช้กันทั้งนั้น
ไหนจะ Trap เอย Stay Here! เอย นี่ไม่ใช่ละครสัตว์ นะเฮ้ย!! ”
โคทาโร่ โวยวาย
“ เป็นไงล่า ถูกใจมายากลของเรา ใช่ม้า~ ใช่ม้า~ ถูกใจล่ะซี้ เราแสดงเก่งสินะ ”
“ เฮ่ย! เล่นกลบ้าบออะไรกันกวนประสาทชาวบ้านเค้าล่ะไม่ว่า! ”
“ ไม่ได้ขอคำตอบซะหน่อย แก้ไม่ได้ก็บอกมาเถอะ Mp นายหมดแล้วนา
จะทำไงต่อล่ะช่างเถอะ ไม่สนคำตอบของนายอยู่แล้ว ”
ระหว่างที่ อิส กล่าวอย่างลิงโลด พลางเต้นกระดี๊กระด๊า อยู่ไม่สุข เหมือนกับ เด็กๆนั้น
ก็ทำเอา โคทาโร่ หัวเสียไปไม่น้อยจนสมาธิ เตลิดเปิดเปิงไปหมด
“ เอาน่า ทนๆเค้าหน่อยก็แล้วกัน อีกอย่างคอนเซปต์ของ อิส เวอร์ชั่น เซอร์คัสบอย(Sircus Boy)
น่ะออกแนวรบกวนคู่ต่อสู้อยู่แล้ว ไม่ได้มีอะไรอันตรายมากหรอก ที่ต้องระวังก็แค่การสาด All แบบ
ไวมหัศจรรย์อย่างกับเสกมาเท่านั้นแหละ ”
ธนัท กล่าวเพื่อให้ โคทาโร่ หยุดตีโพยตีพาย
“ เชอะ เซอร์คัสบอย เหรอ ก็สมควรจะกวนโอ๊ย พอๆกับพวกเด็กคณะละครสัตว์ล่ะนะ…
ว่าแต่ตัวหมอนี่มันมีชื่อฟอร์มด้วยหรือไงเนี่ย หมดรอบ! ”
โคทาโร่ บ่นอุบอิบอยู่ก่อน จะประกาศหมดรอบการเดินของตัวเอง
“ ฮื่อ!! มีสิชื่อเรียกทั้ง 4 ฟอร์มของอิสน่ะ ”
ธนัท รับคำทำเอา โคทาโร่ เลิ่กคิ้วด้วยความแปลกใจ
“ มาร์วิน ซอร์ดฟอร์ม ก็ อิส เวอร์ชั่น Warrior Berserker(นักรบบ้าคลั่ง)
มาร์วิน ชาแมนฟอร์ม คือ Master Saga(ปรมาจารย์รอบรู้)
มาร์วิน ซัมม่อน ฟอร์ม คือ Sircus Boy (ไอ้หนูละครสัตว์)
แล้วก็ มาร์วิน วันเดอร์ฟอร์ม….. ”
“ เฮ้ย!ๆ พอๆ ไม่ต้องสาธยายซะละเอียดก็ได้ เดี๋ยวคนเขียนบทก็ไม่มีอะไรเขียนกันพอดี ”
ขณะที่ ธนัท เริ่มจะมันส์กับการพล่ามเรื่องของ อิส โคทาโร่ ก็ชะงักเค้าไว้ซะก่อน
“ งั้นเริ่มรอบของ ฉันล่ะนะ Cost Mp 3 จงออกมา ผู้พิทักษ์เหล็กไหลนิลกาฬ
ดาร์คสตีลการ์เดี้ยน(Dark Steel Guardian ) กำหนด At Line ”
คิระ เปรยก่อนจะส่ง ซีลบนมือลงมา อสูรที่เค้าเรียกมา คือนักรบจักรกล ที่ร่างสร้างขึ้นด้วย
เหล็กไหลชนิดพิเศษ ผิวสะท้อนของมันนั้นกลับไม่ได้สะท้อนระยิบระยับเช่นโลหะทั่วไป
แต่ยังคงความเงาวาวเอาไว้ และพิเศษขึ้นมาตรงที่ แสงที่อยู่รอบๆตัวผู้พิทักษ์นี้ จะถูกดูดกลืนเข้าไป
จนแสงสลัวลงกว่าปกติ
“ หากผู้พิทักษ์ เลกซ์เดทีโอ คือดาบแห่งพระเจ้า นี่ก็คือผู้พิทักษ์เหล็กไหลนิลกาฬ ดาบแห่งอาญาสวรรค์
จงรับ โทษทัณฑ์ ในความอ่อนแอ่ ของพวกเจ้าซะ Cost Mp 1 ผู้พิทักษ์เหล็กไหล โจมตีไปที่ หลักแห่งสวรรค์โดมินิก้า ”
………………………………
…………………………………………….
ขณะเดียวกันนั้น ลูเซีย ที่กำลังเดินลงบันได อาคาร เรียนลงมา ตลอดทางนั้น ยังคงแทบจะไม่มีนักเรียน
ที่เดินสวนเธอไปเลยแม้แต่คนเดียวเพราะยังอยู่ในชั่วโมงพักเที่ยง และส่วนใหญ่ ก็แห่กัน
ไปดูการดวลของ พวก ธนัท กันเกือบหมดแล้ว
“ มาอยู่ในที่แบบนี้เองเหรอ เอวา(EVA)… ”
น้ำเสียงแหบแห้ง ที่แฝงอารมณ์ หงุดหงิดดังขึ้น ทั้งที่รอบตัวเธอไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
ทว่าสีหน้าที่เธอแสดงออกนั้นกลับไม่ใช่ ใบหน้าที่ตกตะลึงหรือ ตกใจกลัวเลยแม้แต่น้อย
ราวกับว่าเธอรู้อยู่ก่อนแล้วว่าใครคือเจ้าของเสียง สีดวงตาของเธอซีดจาง
ลงเล็กน้อย สายตาของเธอดู เย็นชาและสงบนิ่งขึ้น กว่าปกติ จนดูราวกับเป็นคนล่ะคน
“ เสียงนั่น…อดัม(Adum) นายเอง…สินะ ”
ลูเซียเปรยทว่าน้ำเสียงของเธอนั้นได้เปลี่ยนไป นอกจากจะฟังดูแหลมสูงขึ้น
วาจาท่าทางการพูดก็ดู หนักแน่นขึ้น ราวกับเป็นอีกคน เธอชายตา มองไปรอบๆแต่ก็ยังไม่พบใคร
“ ไม่เจอกันแปปเดียว ดูเหมือนเธอจะเย็นชากับฉัน ซะเหลือเกินนะ… ”
เสียงนั้นตอบกลับมา ลูเซีย ที่พอจะรู้ทิศที่มาของเสียงแล้ว เธอ เงยหน้าขึ้นไปมองบนเพดาน
ร่างบางของเด็กหนุ่มผมทรงสีขาวยาวกะลาครอบ กำลังยืนห้อยหัวลงมา อย่างน่าอัศจรรย์ บนเพดานเป็นพื้นเรียบๆ
ไม่มีสิ่งใดให้ยึดเหนี่ยว แต่เค้าก็ยังคงยืนอยู่บนนั้นได้ และ เส้นผมของเค้าก็ไม่ได้ลู่ลงมาตามแรงดึงดูดของโลก
ราวกับว่าที่ฝั่งเพดานนั้น คืออีกโลกที่กลับหัวอยู่ก็ไม่ปาน
“ ที่มาหาเนี่ย….มีอะไร… ”
ลูเซีย ถามพลางกอดอก วางก้ามใส่อีกฝ่าย
“ ไม่เอาน่า เอวา เธอน่ะรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ…. ”
เด็กหนุ่มย้อน สีหน้าของเค้านั้นยัง ยิ้มแย้มแบบเด็กๆ แต่กลับดูเหมือนแฝงเลศนัย เอาไว้ตลอด
“ งั้น อดัม เธอก็คงรู้ด้วยสิ ว่า….ฉันจะตอบเธอยังไง… ”
ลูเซีย ย้อนกลับไปบ้าง ทว่า เด็กหนุ่มก็ดู จะไม่สนต่อทีท่าอมพะนำของเธอเลย
“ เซเลสเทีย มิลิทารี่(Celestia Military) เธอจะไม่เอาด้วยคนรึไง โอกาสที่จะเอาคืนน่ะมันมาแล้วนะ .. ”
เด็กหนุ่ม เริ่มยกประเด็นของตนขึ้นมาเสนอต่อทันที
“ อะไรคือหลักประกันในเรื่องนั้นล่ะ อดัม…ถ้านายไม่เอามันมาแสดงให้ดู
ฉันก็คง….จะตัดสินใจไม่ได้หรอกนะ ”
ลูเซีย เปรยที่ล่ะประโยคอย่างช้าๆชัดๆ ทันทีที่ จบประโยค เด็กหนุ่มก็ แสดง การ์ด
3 ใบในมือให้ประจักษ์แก่สายตาของเธอ ทันทีที่ เธอได้สบตากับ การ์ดทั้ง 3 นั้น
ดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง หัวใจของเธอนั้นแทบจะเต้นไม่เป็นจังหวะ ตอนนี้หัวเธอแทบจะปั่นสักล้านรอบ
เพื่อที่จะหาคำอธิบายกับสิ่งตรงหน้านี้ให้ได้ อาการของเธอเหมือนกับคนที่พึ่งจะถูกรางวัลล็อตเตอรี่
มายังไงยังงั้น
“ บีฮีมอท เลเวียทาน ซิส (Behemoth Leviathan Ziz) ครบถ้วนทุกใบแล้ว ตอนนี้ก็ขาดแค่ให้พวกมันฟื้นฟู
กำลังจนสมบรูณ์เท่านั้น แล้วก็จอมทัพสวรรค์ คิดว่า พวก Magnus คงจัดการเก็บมันไปเรียบร้อยแล้ว….
พวกมันคิดจะใช้ ฟาลูจา(Faluja) กันอีกแล้วล่ะ..เลยทำให้เราเบาแรงไปเยอะเลย ”
เด็กหนุ่ม กล่าวพร้อมกับ เก็บทั้งสามใบไป ลูเซีย ยังคงมีสีหน้าทึ่งอยู่นิดๆ
“ ตามใจก็แล้วกัน….ฉัน ขอแค่ได้มีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว…ส่วนพวกนายอยากจะแก้แค้นหรืออะไรก็ตามใจ… ”
ลูเซีย เปรยหลังจากปรับสีหน้าและน้ำเสียงแล้ว
“ ยังคงไม่แยแสอะไรเหมือนเดิมเลยนะครับ เอวา ….คงไม่ใช่ว่า….ไปหลงเสน่ห์
ของพวกมนุษย์โสโครกพวกนั้นหรอกนะ ”
เด็กหนุ่มทิ้งท้าย ก่อนที่ร่างของเค้าจะจางหายไปในอากาศธาตุ
“ อย่าพูดบ้าๆน่ะ….โฮมุนครุส(Homuncuras) น่ะจะไปพิสวาสพวกมนุษย์ต่ำช้านั่นได้ยังไง… ”
ลูเซีย เปรยเงียบๆคนเดียวก่อนจะออกเดินต่อไป
…………………….
…………………………………….
……………………………………….
ห้องประจำตำแหน่งรองประธาน สภาความมั่นคง URH ยามาโมโตะ เซนาคาว่า บนเกาะ Sunday หมู่เกาะ โอโนโกร
ภายในห้องที่มีเพียงแสงสลัวๆจาก จอมอนิเตอร์ สี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งติดตั้งอยู่รอบห้องทั้งสามด้าน
พันเอก ฮิปนอส กำลังรายงานผลภารกิจให้ แก่ รองประธานสภาความมั่นคง URH ยามาโมโตะ เซนาคาว่า
บิดาของ โคทาโร่ เซนาคาว่า
“ งั้นเหรอ…..มันยังไม่ยอมกลับมาอีกยังงั้นเหรอ… ”
รองประธาน เปรยเสียงเรียบดูเหมือนเค้าจะไม่แปลกใจกับความหัวรั้นของ ลูกชายเลย
“ ต้องขอประทานโทษ ที่ทำให้ท่าน รองสภา ต้องผิดหวังนะครับ ”
พันเอก กล่าวตามมารยาท โดยที่รู้ดีอยู่แล้วว่า รองประธาน ยามาโมโตะ ไม่ได้สนใจเรื่องยิบย่อย
พวกนั้นในสถาการณ์แบบนี้
“ ส่งใครไปอีกก็ได้…ต่อให้ต้อง หามมันใส่ เปล กลับมา ก็จัดการซะ…หลังแผนการ อัลเคทิส แล้ว
เรายังต้องใช้งานมันอีก หวังว่าคงเข้าใจนะ พันเอก ฮิปนอส… ”
รองประธาน เปรยเสียงเข้ม แสงสะท้อนภายในความมืดนี้ ทำให้เกิด เงาเลื่อนลงมาจนบดบัง
ใบหน้า ของ รองประธาน จนมิดชิด มีเพียง นัยตาแข็งกร้าว สีเหลืองสด ราวกับพยัคฆ์ ร้ายที่ซุ่มจับตา
ดูเหยื่อ อยู่ในที่ซ่อน
“ อนญาติให้ใช้กำลังกับเค้าหรือครับ…โคทาโร่ น่ะ ”
พันเอก ถามเพื่อความแน่ใจใน คำสั่งที่ได้รับมา
“ ถ้ามันดึงดันจะขัดขืน จนถึงที่สุดล่ะก็ …..ลบมันไปซะ… ”
รองประธาน ตัดความเสียแต่ตรงนั้น อย่างเด็ดขาดทุกน้ำเสียงไม่มีการ ลังเลแม้แต่น้อย
“ เข้าใจแล้วครับ ขอตัวก่อนนะครับท่านรองประธาน ”
พันเอก รับคำก่อนจะขอตัว ออกจากห้องไป ทิ้งให้บิดา ผู้ที่พึ่งออกคำสั่งจับเป็นจับตาย
ลูกชายของตนไป นั่งทบทวนสิ่งต่างๆอยู่ในห้องเพียงลำพัง
กึง!!
“ เจ้าลูกบ้า…เมื่อไหร่แกจะรู้ตัวซะทีนะ มนุษย์กับ DNA-Changer น่ะ ไม่มีวันอยู่ร่วมโลกกันได้หรอก… ”
รองประธาน เปรยอย่างเงียบๆ หลังจากที่ทุบกำปั้นลงไปบนโต๊ะทำงาน เสียจนมันยุบลงไป ด้วยพลังของ
DNA-Changer กำปั้นข้างที่ทุบลงมานั้น แทนที่จะเป็น มือของมนุษย์ กลับมีขนสีเหลืองขึ้นฟู
เล็บนิ้วมือก็เป็นกรงเล็บเยี่ยงสัตว์ป่า หลังแขนนั้น มีลายพาดกลอนสีน้ำตาล ตัดพาดไว้เป็นทาง
มันเป็นอุ้งเท้าของ พยัคฆ์…..
…………………………
…………………………………..
……………………………………………..
[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8]
[Kotaro Status; Hand:Seal 3,Mystic 1 Mp:0/8]
[Shrine 0/15]
[Issarapong Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 0 Mp:5/8]
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 2 Mp:4/8]
[Shrine 0/15]
“ ให้ ผู้พิทักษ์เหล็กไหล โจมตี จัดการ หลักแห่งสวรรค์โดมินิก้า ปราบให้สิ้น ”
สิ้นคำของ คิระ ดาร์คสตีลการ์เดี้ยน ชักดาบยักษ์ทั้ง 2 เล่มบนบ่า ขึ้นมากระชับ ที่เท้าทั้งสองข้าง
ของมัน สายลมถูกดูดเข้าไปด้วยการปั๊มสูบของเครื่องจักรภายในตัว และทำให้มันทะยาน
ตัวออกไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว
“ แย่แล้ว!!!!....ซะ-เมื่อ-ไหร่… ”
โคทาโร่ แกล้งร้องเสียงหลงขึ้นมา ก่อนตลบแตลง เปลี่ยนน้ำเสียงราวกับตัวเอง
กำลังได้เปรียบ มิสติก การ์ดบนมือของเค้าก็ถูกร่ายออกไป
“ Cost Mp 3 ร่าย Vishnu!! ”
โคทาโร่ ประกาศขึ้นพร้อมๆกับการปรากฏของ องค์เทพ วิศนุ (ไม่ขอบรรยายเพิ่มเติมเนื่องจาก
ผู้เขียนไม่สันทัดตำนานเทพทางฮินดูพราหมณ์)
“ ด้วยผลของ วิศนุ ให้เลือก 1 อย่างระหว่าง นำ ซีล 1 ใบในสนามกลับขึ้นมือจากนั้นเลือกซีล บนมือ 1 ใบลงมาในสนามแทน หรืออย่างที่ 2 ผู้ร่าย วิศนุ จั่วการ์ดขึ้นมาจนครบ 5 ใบ และเมื่อจบ Sub-Turn จะต้องทิ้งการ์ดคืนไป 5 ใบ….
และฉันขอเลือกข้อแรกนำ โดมินิก้า กลับขึ้นมาไว้บนมือ ”
โคทาโร่ บรรยายสรรพคุณของ วิศนุ ก่อนจะทำการเรียกให้ โดมินิก้า กลับขึ้นมาบนมือ
ร่างของ ทูตสวรรค์แห่งอำนาจ ถูกสลายกลับเป็นละออง ก่อนจะควบแน่นกลับเป็นการ์ดและย้อนกลับไป
อยู่บนมือ
“ จากนั้น ส่ง มูนไชน์เวอวูฟล์ ลงไปที่ At Line แทน ”
โคทาโร่ ประกาศ พร้อมกับหยิบ การ์ดซีล อีกใบโยนออกไป ปรากฏร่างของ สมิงหมาป่า
ขึ้นที่สนามแนวหน้า และเข้าทำการปะทะกับ ดาร์คสตีลการ์เดี้ยน ทันที
“ และให้ Ability ของ มูนไชน์เวอร์วูฟล์ ทำงาน เลือก Sacrifice เอคนอร์ไมเต้ เลือกท่าโจมตี
แบบ Tripple Combination สวนกลับไปเลย ”
/Full Moon Party/(เทศกาลพระจันทร์เต็มดวง)
โคทาโร่ กล่าวจบ มาราคัส Note ของเค้าที่กลายเป็นปลอกแขนอยู่ในตอนนี้ ก็ทำการประกาศชื่อท่า
โจมตีของ มูนไชน์เวอร์วูฟล์ บนสนามนั้น นักสู้มังกร เอคนอร์ไมเต้ ค่อยๆสลายกลับเป็นละออง
ก่อนที่ มูนไชน์เวอวูฟล์ จะซึมซับละอองเหล่านั้นเข้าไป และ ฉีกกระชาก ดาร์สตีลการ์เดี้ยน จน
เละเป็นชิ้นๆ
“ เป็นไงล่า! ติดกับพวกเราเข้าไปเต็มๆเลยไง แกล้งทำเป็นว่า เล่นผิดแผนจากนั้นก็รอให้อีกฝ่ายบุกมาในสภาพ
ที่เหมือนจะย่ำแย่ของพวกเรา จากนั้น เก๊าะ! จัดการตลบหลังซะ เด็ดไปเลยใช่ม้า~ ”
โคทาโร่ พูดขึ้นอย่างลิงโลด กับแผนการของพวกเค้า
“ พวกเรารู้อยู่แล้วล่ะครับ รุ่นพี่ คิระ ว่าแผนหลอกเด็กแบบนั้นน่ะคงใช้หลอกอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเอามาประยุค
ใช้ดีๆล่ะก็ถึงจะเป็นแผนที่ตื้นไปหน่อยแต่ก็เป็นเหยื่อล่อ ชั้นดีเลย ”
ธนัท สำทับตามไปบ้าง ขณะเดียวกัน อิส ที่ได้เห็นการเล่นผสานเมื่อครู่
ก็ตีหน้าแหย ไม่สบอารมณ์
“ เฮอะ!..แค่เผลอหลงกลไปหน่อยเดียวเอง ไม่ได้ถามซะหน่อยไม่ต้องตอบก็ได้ ”
อิส เปรยงอนๆ หน้าบูดบึ้งไม่พอใจเหมือนเด็กๆ ด้าน คิระ ที่ อสูรอัญเชิญของตัวเองถูกทำลายไป
ก็ยังคงนิ่งเงียบอยู่
“ ฉันคือผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสุดยอดของ ทุกสรรพสิ่งผู้ที่กวัดแกว่งดาบแทนพระผู้เป็นเจ้า… ”
ฟิ้ว~~
“ ไม่รู้ก็บอกมาตรงเถอะน่า!! หลงกลเข้าเต็มเปาเลยสิไม่ว…. ”
ขณะที่ โคทาโร่ กำลังตอกหน้าใส่ อิส อย่างสนุกสนานนั้นเอง ดาบเล่มยักษ์เล่มหนึ่งได้เหวี่ยง อ้อมตัวเค้าไปก่อนวกกลับมา
ปั่นร่างของ มูนไชน์เวอวูฟล์ จนสลายไป
[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:8/8]
[Kotaro Status; Hand:Seal 3,Mystic 0 Mp:5/8] (ถูกทำลาย MD ออกจากการแข่งขัน)
[Shrine 2/15]
[Issarapong Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 0 Mp:5/8]
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:1/8]
[Shrine 2/15]
“ ขอชม…นี่เป็นแรกที่ทำให้ ฉันต้อง งัดเอาดาบมาใช้พร้อมกัน 2 เล่ม แบบนี้ ”
คิระ เปรยโดยที่ในสนามของเค้านั้น ซีล ที่ถูกเค้าร่ายออกมา แบบไม่ทันให้ตั้งตัวและบุกจู่โจมเข้ามา คือ
จักรกลทูตสวรรค์ ที่กระชับ ดาบเล่มที่ขว้างมาเมื่อครู่ ไว้
“ ผู้พิทักษ์ผนึกแห่ง เลกซ์เดทีโอ ต…ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ”
ทั้ง โคทาโร่ และ ธนัท ได้แต่เพียงเอื้อยเอ่ย ออกมาพร้อมกับจ้องมองร่างของ
ทูตสวรรค์ นั้นด้วยสายตาตกตะลึง
“ ถูกทำลายด้วยการ โจมตี ป…เป็นไปได้ยังไงกัน ก็การบุกรอบเมื่อกี้ ค่าร่ายและค่าโจมตีของ ผู้พิทักษ์เหล็กไหล
รวมกันเท่ากับ 4 หน่วยนี่ Mp ที่เหลือก็น่าจะมีแค่ครึ่งเดียวเอง แต่คอสทั้งหมดตั้งแต่ร่ายจนถึงโจมตีของ
ผู้พิทักษ์ เลกซ์เดทีโอ น่ะ มัน 5 หน่วยไม่ใช่เหรอ ”
โคทาโร่ แย้งจนถึงตอนนี้ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วมาก ไม่เพียงแต่พวกเค้าที่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
แม้แต่ อิส ที่อยู่ฝั่งเดียวกันกับ คิระ ก็ดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องการโจมตีนี้ด้วยซ้ำ
“ เดี๋ยวก่อน ดูนั่นสิ ที่แผง อกของผู้พิทักษ์ผนึกเลกซ์เดทีโอ น่ะมีอะไรติดอยู่ด้วยนะ ”
ธนัท พูดพร้อมกับ ชี้ไปยังแผ่นกระจกหน้าปัดสีทองที่ติดตั้งอยู่ตั้งแต่บริเวณไหล่
และรอบอกของผู้พิทักษ์
“ มันคือ กระจกเวทย์ทองคำ (Gloden Magic Mirror)ด้วยผลของมันทำให้ Mp Cost ที่ใช้ในส่วนการโจมตี
ลดลงไป 2 หน่วย ฉันติดตั้งมัน จาก Ability ของผู้พิทักษ์ผนึก ที่เมื่อเข้ามาในสนาม เลือกแสดงกอง
มิสติกการ์ดขึ้นมา 4 ใบ บนสุดจากนั้นเลือก
ชนิด Ps 1 ใบมาติดตั้งให้กับมัน ที่ฉันเลือกมาคือ กระจกเวทย์ทองคำ ”
คิระ อธิบายการโจมตีสายฟ้าแลบเมื่อครู่ อย่างละเอียด
{บ้าน่า…นี่ฉันถูกตัดออกจากเกม ตั้งแต่เดินรอบกันไม่ถึง 1 Turn เลยงั้นเหรอ}
โคทาโร่ คิดตัวเค้าถูกจัดการอย่าง ง่ายดายทั้งที่ซุ่มอุตส่าห์วางแผนการสวนกลับเอาไว้
เสียดิบดี แต่กลับกลายเป็นว่าคนที่ถูกจัดการคือเค้าเสียเอง
“ รอบของฉัน ยังไม่หมด Ability ทำงาน Cost Mp ที่เหลืออีก 1 ให้ผู้พิทักษ์ผนึก ทำการโจมตีอีกครั้ง เป้าหมาย
ลูกมังกรอัคคีนิทินโค ”
สิ้นคำ คิระ ก็ออกคำสั่งให้ ผู้พิทักษ์ผนึก เข้าจู่โจมอีกครั้ง ดาบในมือถูกเหวี่ยงลงมา
ตวัดทำลายร่างของ ลูกมังกรอัคคีนิทินโค ที่แนวป้องกันของ ธนัท จนสูญสลาย
“ หมดรอบของฉัน…ต่อไปก็ตานายเตรียมใจเอาไว้ล่ะ ”
คิระ หันไปบอกกับ ธนัท ที่ตอนนี้ ใบหน้าของเค้าดูซีดเซียว ไปกับการโจมตีเมื่อครู่ ชนิดที่ว่ายังไม่ทันหายใจได้ทั่วท้อง
“ รอบของฉัน…. ”
ธนัท ประกาศรอบของตัวเอง ด้วยเสียงตะกุกตะกัก ก่อนจะจั่ว มิสติกขึ้นมาจากกองอีก 2 ใบ
{ในรอบนี้เรายังพอมีทางรอดไปได้ ถ้าส่ง ราชันมังกรอัคคีซาลามันเดอร่า ลงไปรวมร่าง…
ชิ แต่เพราะ นิทินโค ถูกจัดการไปซะก่อน เลยทำการ Growth ไม่ได้เลย งั้นคงต้อง ส่งลงไปยันก่อนนั่นล่ะ}
ธนัท คิดก่อนจะตัดสินใจ พินิจการ์ดบนมือของตน สายตาของ เค้าจ้องไปยังการ์ดซีลอีกใบถัดจาก ซาลามันเดอร่า
ตัวเค้าพินิจ อยู่ก่อน ครู่หนึ่ง แต่ก็ตัดสินใจเลือกหยิบ ซาลามันเดอร่า ลงมาแทน
{อะ…ฮ่า ท่าทางแบบนั้น แสดงว่า การ์ดซีลอีกใบนั่นต้องสำคัญมากแน่ๆเลย ดีล่ะ
งั้นต้องให้เผยไต๋ออกมาให้ได้}
อิส ที่ตอนนี้ความคิดเป็นคนละคนกะเจ้าตัว ยิ้มอย่างมีเลศนัย พร้อมความในใจที่แฝง
ความคิดซุกซน แบบเด็กๆเอาไว้
“ Cost Mp 4 ร่าย ราชันย์มังกกรอัคคี ซาลามันเดอร่า (Salamundera, the Fire Dragon) ลงมาที่ At Line ”
ธนัท ประกาศ พร้อมกับ ร่ายการ์ดซีล ลงไปมังกรเกล็ดกายสีแดงได้ปรากฏตัวขึ้นกลางสนาม
ร่างของมัน ส่งไอร้อนโชยออกมา ลมหายใจระอุดัง ไอลาวา ปีกกว้างใหญ่ของมันกระพือจนเกิดแรงลม
พัดไปรอบสนาม
[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 3 Mp:4/8]
[Kotaro Status; Hand:Seal 3,Mystic 0 Mp:5/8] (ถูกทำลาย MD ออกจากการแข่งขัน)
[Shrine 2/15]
[Issarapong Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 0 Mp:5/8]
[Anuchit(Kira) Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:8/8]
[Shrine 2/15]
“ จากนั้นขอสั่งทำการรวมร่าง ซาลามันเดอร่า กับ ดิมมินวล ลูกมังกรวายุ ”
/Combineation Console/
สิ้นคำของ ธนัท คอรัส Note ของเค้าก็ส่งเสียงขึ้นพร้อมกับสร้างจอโฮโลแกรม
ที่แสดงภาพของ การ์ด ซีลในสนามฝ่ายเขา โดยแยก เป็นแนวบน At Line และแนวล่างคือ Df Line
ธนัท ยื่นมือไปแตะที่การ์ดซาลามันเดอร่า ก่อนจะเลื่อนมือลากมันลงมาทับกับการ์ดของ ดิมมินวล
เมื่อการ์ดทั้งสองซ้อนทับกันแล้ว เค้าจึงสบัดมือ ขึ้นเพื่อเลื่อนทั้งสองใบให้กลับขึ้นไปอยู่ที่แนวเดิม
ทันทีที่ การป้อนคำสั่งรวมร่างสมบรูณ์ ลูกมังกรวายุ ดิมมินวล ในสนามก็สลายตัวกลายเป็น ละออง
ซึมเข้าไปในร่างของ ซาลามันเดอร่า และเปลี่ยน สีเกล็ดกายของมันเป็น สีเขียวไป พริบตาหนึ่งก่อนจะกลับ
เป็นสีแดงเพลิงดังเดิม
“ จากนั้น Cost Mp ที่เหลือ อีก 4 ร่าย เรื่องเล่าแห่งอัศวินมังกร(The Tale of Dragoon) ติดตั้งให้กับ
ซาลามันเดอร่า อีกสองใบ ด้วยผลของ เรื่องเล่าแห่งอัศวินมังกร นั้น แต่ล่ะใบนั้น จะช่วยเพิ่มค่า ATและDf
อย่างละ 2 หน่วยต่อใบ ดังนั้น เมื่อรวมกับ At ที่มีอยู่ ซาลามนัเดอร่า ในตอนนี้จึงมี AT เท่ากับ 16 หมดรอบเท่านี้ ”
ธนัท ฮธิบายหลังจาก ร่ายมิสติกสองใบที่มีอยู่บนมือลงไป
“ ทั้งที่มี โอกาสแล้ว แต่ทำไมกลับเลือกตั้งรับแทน… ”
คิระ เปรยถามขึ้น
“ อึก… ”{จริงอยู่ในรอบนี้เรามีโอกาส บุกอย่างเต็มที่ เพราะ เรายังมี MP อยู่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
และ อิส เองก็ไม่น่าจะซัพพอร์ด อะไรได้ เพราะมิสติกบนมือไม่มีเหลือแล้ว แต่…ถึงยังไงก็เถอะ เรารู้สึกว่ามันเสี่ยงเกินไป]
ธนัท เริ่มทบทวนถึงเหตุผลที่ในรอบนี้เค้าไม่ทำการ โจมตีเลยทั้งที่ หากสำเร็จเค้าก็สามารถจะ โค่น คิระ
ลงไปได้อย่างฉิวเฉียด และพลิกส์กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ตัวเค้ากลับไม่ทำแบบนั้น
{นั่นสิ .ปกติถ้าเป็น ธนัท ล่ะก็ไม่น่าจะมากังวลเรื่องอีกฝ่ายมีอะไรอยู่พรรค์นั้นหรอก แล้วก็คงจะบ้า
บุกแหลกเข้าไปแลกอยู่แล้วแต่นี่น่ะแม้แต่ เด็กอนุบาล มันยังรู้เลย ขืนบุกเข้าไปตอนนี้ได้ ตกเป็นเหยื่อกับดักแน่ๆ}
โคทาโร่ ที่ตอนนี้เปลี่ยนสถานะกลายเป็นคนดู ไปแล้ว ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแบบเดียวกับ ธนัท ว่าสิ่งนี้เป็นกับดัก
อย่างแน่นอน
{ผิดคาดไปหน่อย นึกว่านายจะกล้าเสี่ยงมากกว่านี้ซะอีก แต่ ตอนนี้บนมือของ ฉัน
มี Fallen Spell อยู่สองใบ ถ้าใช้มันก็จะทำให้ ฉันเลือกมิสติก การ์ด จากกองส่งไปยัง Shirne ได้
และที่จะเลือกก็คืออานูบิส(Anubis) ด้วยผลของ อานูบิส เมื่อมันตกไปยัง Shrine จากกองการ์ด
ผู้เล่นอีกฝ่ายจะต้องทิ้งการ์ดบนมือไป 2 ใบ การ์ดบนมือของนาย ก่อนที่จะจั่ว ขึ้นมา กมีแค่ 3 ใบเท่านั้น
อานูบิส มีสอง เท่ากับนายจะต้องทิ้งการ์ดไปทั้งหมด และในนั้นก็จะต้องมี ซาลามันเดอร่า ที่เป็น MD ของนายอยู่
ตอนแรกก็กะว่าจะดูฝีมือของนายซะหน่อยถึงได้ปล่อยให้ รอดมาได้แต่ดูเหมือน จะต้องปิดเกส กันซะแล้วล่ะมั้ง
ถึงจะส่ง ซาลามันเดอร่าลงมาแล้วก็ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่อยู่แล้ว}
คิระ คิดหลังจากสังเกตการเดินหมากของเค้าในรอบนี้ ดูจะไม่เป็นไปอย่างที่เค้าหวังซักเท่าไหร่
เมื่อ ธนัท นั้นไม่ได้บุกเข้ามา ให้สมกับที่เค้าปล่อยให้ รอดเงื้อมือมาทั้งที่สามารถจัดการได้ตั้งแต่ยัง
ไม่ทันที่ธนัท จะเริ่ม จั่วการ์ดด้วยซ้ำ
“ รอบของเราล่ะน้า ”
อิส ประกาศเสียงร่า ก่อนจะ ดึงมิสติกขึ้นมาจากกอง สองใบ
{อ่ะ ฮ่า พอดีเลยแฮะ มีลับลมคมในดีนัก เจ้าการ์ดที่ไม่ยึกยักไม่ยอมเอามาใช้นั่น เราจะทำให้นายเอาออกมาเอง}
อิส คิดด้วยความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นแบบ เด็กๆ และเริ่มความคิดเจ้าเล่ห์ ขึ้นเมื่อ มิสติกการ์ดที่ จั่วขึ้นมาในรอบนี้
มีของที่จะสนับสนุน การเล่นซนนี้ได้
“ Cost Mp 3 ร่าย Cuique Suum ”
อิส กล่าวพร้อมกับร่ายมิสติกในมือ ออกไป
“ Cuique Suum!! ”
ทุกคนนอกจาก อิสต่างพากัน อุทานชื่อของ การ์ดที่ อิส ร่ายออกมา
{ ด้วยผลของ Cuique Suum จะให้ผู้เล่นทั้งหมด แสดงการ์ดบนมือของตัวเอง จากนั้นผู้ร่ายการ์ดนี้
จะได้เลือกร่าย การ์ด 1 ใบจากในนั้น และ การ์ดใบนั้น จะสูญเสียทั้ง Skill และ Ability ในจำนวน Turn
เท่ากับค่าร่ายของ การ์ดใบนั้น งัดเอามาใช้ในสถานการณ์แบบนี้ เจ้านั่นมันคิดอะไรของมันกันอยู่นะ}
โคทาโร่ คิด ขณะเดียวกัน ภาพการ์ดของ แต่ล่ะฝ่าย ก็ถูกส่ง ขึ้นจอโฮโลแกรม จาก Note ของ ทั้ง 3 ที่ทำการแข่งกันอยู่
“ โฮ่ ที่แท้ก็เก็บของ ดีขนาดนี้ไว้เลยเหรอเนี่ย ถ้าปล่อยไว้คงงานเข้าสินะ งั้นเอาใบนี้เลยก็แล้วกัน ”
อิส ที่ได้เห็น การ์ดในมือของ ทุกคนเปรย เสียงใส ก่อนจะส่งสายตาซุกซนไปจ๊ะเอ๋ เข้ากับ การ์ดของ ธนัท
เค้าไม่ลังเลเลยที่จะเลือก การ์ดซีล บนมือ ใบสุดท้ายของ ธนัท
“ อ...นี่ ไม่ได้นะ นั่นน่ะมัน... ”
ธนัท ที่รู้ตัวแล้วว่า อิส กำลังคิดจะเรียกเอา อสูรที่เค้าพยายามหลีกเลี่ยงที่จะใช้อยู่หลายครั้ง
ออกมา จึงรีบห้าม ทว่า อิส ก็ได้ทำการร่ายมันลงมาเสียแล้ว ทันทีที่ ผลของ Cuique Suum ทำงาน
ซีลการ์ดใบสุดท้าย บนมือของ ธนัท ก็ถูกอำนาจของมัน บังคับให้ถูกร่ายลงมา
และนั่นคือ จุดเริ่มต้นของมหันตภัยที่กำลังจะตามมา เมื่อ การ์ด ปลดผนึกออกและ อสูรที่อยู่ภายในถูกอัญเชิญ
สำเร็จแล้ว ร่างของ มังกรที่มีพลังแห่ง 6 ธาตุโชนทั้งกาย เพียงแค่การปรากฏกายของ มันก็ทำให้ เกิดแรงกด
พลังเวทย์ มหาศาลจน พวกเค้า รู้สึกถึงมันได้ ตัวของพวกเค้า เริ่มหนักราวกับ ถูก อะไรบางอย่างกดให้ ล้มลง
“ จ้าวมังกรผู้คุมธาตุแห่งสรรพสิ่ง…อึ่ก....อัก.. ”
ธนัท เปรยตะกุกตะกัก ก่อน จะล้มทรุดลง ที่แปลกกว่านั้น คือเค้าดูจะทรมาน กว่าทุกคน
เสียอีกขณะเดียวกัน มังกรที่ร่ายออกมา กลับไม่ยอมสงบและเชื่อฟังอะไรมันกลับอาละวาด
อย่างบ้าคลั่ง แทน
“ บ้าเอ๊ย!! แกไปเรียก อาแมนคริสอัลติเมท(Amankrist, the Ultimate Evolution)
ออกมาทำไมกันล่ะเนี่ย..ธนัท มันคุมไอ้ตัวเป้งนี่ อยู่ที่ไหนกันล่ะ ”
โคทาโร่ สบถ ขณะที่พยายามจะ ฝ่าแรงกด พลังเวทย์ ที่อาแมนคริส มังกรหกธาตุ นี้ สร้างขึ้น
เพื่อเข้าไป ปลดการอัญเชิญ ที่ ปลอกแขนของ ธนัท
“ หวา แบบนี้เราไม่เอาด้วยแล้ว ไปก่อนล่ะ ไม่ขอคำตอบด้วย ”
อิส กล่าวก่อนจะ ยกเลิก ระบบการดวลของ ตนทำให้ การ์ด ทั้งหมดของ เค้าที่ อัญเชิญ มานั้น
กลับคืนสู่สำรับ รวมทั้งบุคลิค ของ ตัวเค้าก็กลับเป็นคนเดินด้วย
“ ถ้าไม่รีบจัดการล่ะก็....แต่อสูรที่มีพลังระดับ เทพ นี่ ถ้าไม่หาอะไรที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับมันได้ล่ะก็ ”
คิระ เปรย โดยตัวเค้าเอง ก็พยายามจะ หาทางควบคุมการบ้าคลั่งของ อาแมนคริส
ทว่า การอาละวาดของมันกลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ เฮ้! ธนัท! ธนัท! รีบปลดการอัญเชิญเร็ว...อัก ”
โคทาโร่ ที่เข้ามาถึงตัวของ ธนัท ได้ ก็พยายามจะยื้อเอา ปลอกแขนของ ธนัท มาเพื่อทำการปลด
การอัญเชิญ ทว่า ธนัท กลับใช้มือขวา บีบคอ ของเค้าแทน ก่อนจะลุกขึ้น ยกคอของ เค้า
จนร่างลอยเหนือพื้น
“ อ่อก...ท...ทำอะไรของนายน่ะ...ปล่อย...นะ... ”
โคทาโร่ พยายามจะขัดขืน ทว่าเค้ากลับสู้แรงของ ธนัท ไม่ได้เลย
หนำซ้ำเมื่อมองลงมาที่ ใบหน้าของ ธนัท ดวงตาของ ธนัท ในตอนนี้
กลับมีสีซีดจางลง และเปลี่ยนเป็นสายตาที่เย็นชา แบบเดียวกับสัตว์เลือดเย็น
แรงลมที่เกิดจากการกระพือปีกของ อาแมนคริส พัดเอาหมวกของ เค้า ปลิวออกจาก หัวไป
สิ่งที่เผยขึ้นมานั้น คือ งอนเขาแหลมสีแดง ที่งอกจาก ขมับออกมาทั้งสองข้างและโง้ง
ไปด้านหลัง ปีกพังพืด งอกทะลุออกมาจาก หลังสะบัดกระพือ อย่างรุนแรง
แขนทั้งสองข้างของเค้า ค่อยๆแปรเปลี่ยนไปมันถูกหุ้มด้วยเกล็ด สีแดงเพลิง
ใบหน้ายื่นยาวออกและแปรเปลี่ยนไปคล้ายกิ้งก่า เมื่อแสยะปากขึ้นเขี้ยวคมกริบ
นับสิบที่อ้าขึ้นมานั้นก็ชวนให้รู้สึกเสียวไปถึงทรวง
บัดนี้ร่างของ ธนัท แปรเปลี่ยนเป็น ครึ่งมนุษย์ครึ่งมังกร ไปเรื่อยๆจนการกลายร่างสมบูรณ์
ในที่สุด
ก็าซซซซซซซซซ!!!!!
เสียงคำรามที่กรีดแหลมขึ้นมานี้ มาแทนที่ น้ำเสียงมนุษย์ของ ธนัท ไปเสียแล้ว
ขณะเดียวกัน อาแมนคริส กลับยิ่งอาละวาดหนักข้อขึ้นไปเรื่อยๆ
เมื่อผู้เป็นเจ้านาย ในตอนนี้ไม่อยู่ในสภาพที่ควบคุมตัวเองได้
“ ม....เมื่อกี้ มันเสียงอะไรกันน่ะ ”
ลูเซีย อุทาน ตอนนี้ เธอกำลัง จะเดินกลับขึ้นมาที่ชั้น ดาดฟ้า เสียงคำรามของ ธนัท
ที่เธอได้ยินเมื่อครู่ทำให้เธอรีบจ้ำฝีเท้า เดินกลับขึ้นอย่างเร็วที่สุด
.............
/Saishoni Iteoku Oretashiwa ka-na-ri Suyoi / (ออกเสียงแบบนี้ ไซโชนิ อิเทโอคุ โอเรทาชิวะ คา-นา-ริ ซึโย่ย! )
“ ขอบอกเอาไว้ก่อนเลย ฉันน่ะเก่งระดับเทพ… ”
เสียงดังขึ้น พร้อมกับที่ การ์ดซีลของ อิส ถูกบรรจุลง ไปในปลอกแขน
จอมคาถามายา มาร์วิน(Zechariah Marvin, the Mythical Magus) จึงถูกอัญเชิญ ขึ้นมา
ก่อนที่ จอมคาถามายา จะร่ายมนตรา สร้างโซ่ตรวนลำแสง ขึ้นตรึง แขนและขาของ อาแมนคริส
เอาไว้ ทว่า แรงขัดขืนของ มันก็ยังมีมากมายเหลือคณา แม้ คิระ จะช่วยอัญเชิญ ผู้พิทักษ์ผนึกเลกซ์เดทีโอ
ออกมาก็ตาม แต่ก็ยังทานกำลังของมันไม่ได้
“ บ้าเอ๊ย!! ถ้าไม่ ช่วยทางนั้นก่อนล่ะก็ หยุดมันไม่ได้แน่ ”
คิระ สบถ ขณะที่ หันไปดูว่า โคทาโร่ พอจะเข้าไปจัดการกับ Note ของ ธนัท ได้
รึเปล่า ทว่า ตอนนี้ โคทาโร่ เอง ก็ยังถูกจับบีบคอ จนต้องขัดขืน เสียเต็มแรง
ก็ยังไม่สามารถหลุดออกมาได้
“ โทษ..นะ ธนัท..คงต้องขอให้นาย...เจ็บตัวกันหน่อยล่ะ...ฮึ่ก… ”
โคทาโร่ เอ่อย ขณะที่พยายามจะแงะ เอากรงเล็บของ ธนัท ออกจาก คอ
และทันทีที่ หลุดออกมาได้ ร่างของเค้า ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปเช่นเดียวกัน
ผิวหนังรอบร่างเริ่มถูกปกคลุมด้วยขนสีดำ แขนขาขยายใหญ่ขึ้น
เค้ากำลังจะเปลี่ยนร่างเป็น มนุษย์หมาป่า เต็มตัว (นี่มันจะกลายเป็นบลัดดี้ลอว์ ไปแล้วนะเนี่ย - -*)
เมื่อการกลายร่างสมบรูณ์ แล้วโคทาโร่ ในร่างมนุษย์หมาป่า จึงบุกเข้าไป ประชิดตัว
ด้าน คิระ กับ อิส ก็ยังต้องคอย ทานอำนาจของ อาแมนคริส เอาไว้
ผัวะ!!
เสียงโคทาโร่ ถูก เตะ ซัดออกมา จนกลิ้ง โคโล่ ไปทับ พวก คิระ ล้มตามไปด้วย
ที่สุดแล้ว อสูรของ ทั้งสอง จึงพลาดท่า ถูก แรงต้านของ อาแมนคริส จัดการจน
พ่ายไป
/Psychic Puppet/
เสียงดังขึ้นพร้อมกันกับ ที่เส้นเอ็น นับร้อยเส้น พุ่งออกมาจากทุกทิศทาง
มัดแข้งมัดขา และตรึงร่างของ ธนัท ที่กำลังบ้าคลั่งนี้ แรงจากเส้นเอ็นนั้น มากพอที่จะตรึงไม่ให้ ธนัท
ขยับเขยื้อนตัวได้เลย
“ เอาให้หมอบซะ อัลคารากอน(Ancalagon, the Black Dragon Lord) ”
To be Continue..
“ บ้าเอ๊ย! นายยังสติดีอยู่รึเปล่าทั้งที่รู้ว่าอันตรายก็ยังจะเอาไปใส่ไว้ในสำรับอยู่อีก ”
“ คอรัส น่ะ…..มันพังซะแล้วล่ะ ”
“ ฮึ้ย!!!....เพราะผม….เพราะผม…เรื่องแบบนี้มันถึงได้เกิดขึ้นอีก!!!....อ๊า!!!! ”
“ มันเป็น…..เรื่องในอดีตน่ะ… ”
“ ฉันซ่อมให้ใหม่แล้วล่ะ….ขอโทษนะ…. ”
“ วันนี้ฉันแค่มาในฐานะของ กราเบรียล(Grabiel) อัครทูตผู้ส่งสารเท่านั้น ”
“ เจมส์….. ”
ทั้งหมดนี้ใน Next Sub-Turn 06 Silent Chorus (วงประสานที่เงียบงัน)
สครีมขอร้าบบบบบบ!!!! ก่อนอื่นประเด็นแรก คุณ Boy ค้าบบบบผมเป็น
เคะในสายตาเร้อ!!!! อ๊าคคคค(แต่ก็จริงเนอะมีแต่คนจ้องจะตะครุบ)
กลับมาเข้าเรื่องดีกว่าเน้อ sub-turn นี้มาช้าไปนิด(ไม่นิดล่ะ)
แต่ก็ได้อะไรมาเฉลยพร้อมปม ตัวละครอีกเป็นสิบเลยนะเนี่ย
ธนัท โดนเปลี่ยนเป็นตัวอะไร ก็คงจะรับทราบกันแล้วสินะขอรับหุๆๆ
รอบนี้ตัวประกอบอดทน มีบทเพิ่มมาอีก 1 คนยินดีด้วยกับ คุณศาสตราจารย์มังกร เน้อ
สรุปตอนนี้ทั้งตอน นั่งดวลกันแทบตายสุดท้ายดวลไม่จบ(อีกละ)
จนได้นะครับเนี่ย(อู้ได้งามหน้ามากมาย) แล้วก็ซูมมาดูที่ตัวเอกของเรากันมั่ง
น้องลูเซีย จัง ที่บทนี้แทบไม่มีตัวตนจนนู่น มีอีก 1 ตัวละครปริศนาโผล่มา
ซึ่งเค้าคนนี้เคยโผล่ให้เราได้เห็นกันแวบๆ ใน Op มาแล้วล่ะนะครับ
อดัม เหอๆ แถมเรียก ลูเซีย ว่า เอวา อีก แล้ว โฮมุนครุส มาเกี่ยวไรด้วย ฟาลูจา คืออะไร
ต้องรอดูกันต่อไปเน้อ (ใจร้ายไปไหมเนี่ยปล่อยปมมาให้คนอ่านเค้าปวดหัวกันน่าดู)