Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ เม.ย. 28, 2024 2:44 am

หน้าเว็บบอร์ด ส่วนของผู้เล่น SMN FanCard FanArt & FanFic SMN VR TAG TURN (THE FINAL ACT):Sub-Turn 96.5 Final Act Tile

สำหรับลงรูปแฟนอาร์ตและนิยายแต่งเองของชาวSMNครับ

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 27 Chess Tactic

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ เสาร์ ส.ค. 14, 2010 3:47 pm

nagamooro เขียน:ก็เอาเรจิน่าคอมซิกมันต์ออล เหลือเชาเชาหรือทันเดอริคไว้ตีขึ้นมือก็ได้


ก็ตามนั้นล่ะครับ ฮะๆ แต่เอาเข้าจริง ที่ไม่ให้ทำแบบนั้นเพราะเนื้อเรื่องมันจะยาวเอา เลยจำเป็นต้องรัดรวบลงมาให้เป็นตามนี้ไป
ที่จริงตอนแรก ธนัท จะโดนตีขึ้นมือจนการ์ดหมดมือแล้วมาจั่วพลิกชะตา ซีลกับมิสติกอย่างละใบได้ Seven silver กับ Soul Griffin อยู่ดี สรุปก็คือยังไงผลก็ออกมาแบบเดิมอยู่แล้ว เลยไม่ได้เขียนเพิ่มลงไป น่ะครับ แหะๆ

คุณ nagamooro คงจะชอบ deck Sigmund สินะครับเนี่ยไว้โอกาสหน้าจะหาตอนที่เชส ได้บทเด่น มาเขียน ให้ felasia family โชว สเตปเทพไปเลยละกันครับ ยังตัวละครนี้ยังอยู่กับเราอีกนาน(แล้วภสคสู้กับ อสูรมารก็งวดเข้ามาแล้วด้วย T_T งานช้าง เพราะทุกตัวละครต้องดวลหมด เหอๆ)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Sub-Turn 28 ThaliwilyaVs.Valkyrie

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ อาทิตย์ ส.ค. 29, 2010 4:41 pm

Sub-Turn 28 ThaliwilyaVs.Valkyrie



……………………………………………………………………………………………………………

ทุกๆเช้า ที่โต๊ะทานข้าว ครอบครัวของ ผม จะพร้อมหน้ากันบนโต๊ะเพื่อรับประทานอาหารเช้า
และก็เป็นดังเช่นทุกวัน ที่โต๊ะทานข้าว จะคึกคักกันตลอด เพราะไม่เพียงแต่
ตัวผม กับ พี่ชาย และพี่สาว รวมไปถึงคุณพ่อคุณแม่ ยังมี เพื่อนซี้ที่อยู่ด้วยกันจนเหมือนเป็นคนในครอบครัว กับ

ลูกพี่ลูกน้องของ ญาติห่างๆ แล้วก็เพื่อนนักเรียนแรกเปลี่ยน ที่สนิทกันตั้งแต่วันแรกที่พบ ที่ตอนนี้มาค้างอยู่ที่บ้าน
ก็จะมาร่วมทานอาหารด้วยกันบนโต๊ะ ซึ่งตอนนี้นอกจาก กลุ่มบนโต๊ะแล้ว ที่พื้นข้างๆ ลูกหมาที่ โคทาโร่ เก็บมากำลังกินข้าวในชามที่วางไว้ให้ อย่างเอร็ดอร่อย

พูดไปแบบนี้ ก็ฟังดูเป็นครอบครัวที่อบอุ่นแบบธรมดาๆอยู่หรอก แต่ที่ไม่ธรรมดาน่ะเหรอ บางทีอาจเป็นเพราะ พ่อของผม
เป็นนักวิจัยและพัฒนาพลังงาน เวทมนต์ให้กับกระทรวงกระลาโหม หรือ ไม่ก็พวกพี่ๆของผม ที่เป็น Master Ceremony
มันคืออะไรน่ะเหรอ จะว่าไปผมเองก็ไม่ค่อยรู้ละเอียดซักเท่าไหร่ แต่คงจะมีหน้าที่ทำงานเกี่ยวกับความมั่นคง
ของโลกล่ะมั้ง เพราะพวกเค้าก็ไม่เคยจะเล่าให้ผมฟังอยู่แล้ว แต่ทั้งสองอย่างที่ว่ามาก็ยังม่ใช่สิ่งที่ทำให้ครอบครัวของเราดูแปลกประหลาดอยู่ดี ไม่สิบางทีอาจเป็นเพราะผมคิดว่ามันประหลาดก็ได้….อะไรน่ะเหรอ

งั้นเราลองมาดูพวกเพื่อนๆของผมบ้างดีกว่า โคทาโร่ เซนาคาว่า หมอนี่เป็น DNA-Changer ที่วันแรก
ซึ่งพวกเราได้เจอหน้ากัน ผมก็ถูกข่มขู่เลยแถมยังจะทำร้ายแบบเอาจนถึงตายอีก เป็นป่าเถื่อนแรงเยอะ
หัวรั้น แถมยังเข้าใจยากอีก แต่นั้นมันเรื่อง 2 ปีมาแล้ว ตอนนี้คนที่รู้ใจ หมอนี่มากที่สุดก็คงจะเป็นผมล่ะมั้ง

คงเพราะผ่านอะไรต่อมิอะไรด้วยกันมาเยอะ ก็เลยรู้สึกเหมือนจะกลายเป็นพี่น้องกัน กลายๆไปแล้ว
ส่วน ลูเซีย นี่เราก็เคยเจอกันตอนเด็กๆ เจอหน้ากันอีกทีก็แทบจะจำกันไม่ได้แล้ว ที่น่าแปลกก็คือ
พ่อของเธอเป็นใคร เธอมีที่มาที่ไปยังไง ขนาดผมเองยังไม่รู้เลย ไปถามพวกพี่ๆแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้อะไร
เท่าไหร่ จะถามพ่อซะหน่อย ก็ไม่ยอมบอกเอาแต่พูดปัดไปปัดมา สุดท้ายแล้วจะให้ไปภามตัวเองน่ะเหรอ
ไม่มีทางซะล่ะ ….

งั้นลองมาดูทางเพื่อนนักเรียนแลกเปลี่ยน มิสตาลจิกัส ที่มาอยู่ Home Stay ที่บ้านของผมตอนนี้มั่งดีกว่า ไม่รู้ว่าเป็นอะไร
แต่วันแรกที่ได้เจอกันก็รู้สึกถูกใจอย่างบอกไม่ถูก แถมเรายังสนิทกันเร็วมากด้วย และเพราะที่พักของ
ทางโรงเรียนจัดเตรียมไว้ไม่พอ ก็เลยต้องให้มาค้างที่บ้านผมไปซักระยะ ช่วงนี้พวกเรา 4 คนก็เลยนอนดึก


กันมาขึ้น เพราะมีเพื่อนมาอยู่เล่น การ์ดด้วยกันแทบตลอด ก็รู้สึกสนุกไปอีกแบบ เพราะถ้าให้ไปเล่นกับพี่ศรี หรือ พี่รินล่ะก็
คงแพ้ไม่เป็นท่าแหงๆ ขนาดว่าโค่น King of Checkmae 5 มาแล้วแท้ๆ แต่ Master Ceremony อย่างพวกพี่เนี่ย
เรายังไม่เคยเอาชนะได้ซักที ว่าแต่รู้สึกจะออกนอกเรื่องแล้วแหะ งั้นกลับเข้าเรื่องดีกว่า ที่ผมบอกว่พักนี้ครอบครัวเราดูแปลกๆไปน่ะเหรอ ความจริงที่ว่าแปลกน่ะก็คือ…..

“ ธนัท~~~ ”
ริน พูดเสียงยานคางด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เหมือนจะขอร้องอะไรแบบที่ขอเป็นประจำ

“ เอาอีกแล้วเหรอ!! เฮ้อ~~~ เมื่อเช้าตอนตื่นนอนกับก่อนอาบน้ำ พี่ก็มาขอดูไป 2 หนแล้วนี่นา กินข้าวเสร็จ
แล้วยังต้องดูอีกเหรอ ”
นี่ล่ะเรื่องที่ผมว่ามันแปลก ตั้งแต่ ดวลกับ มิส เมื่อวันที่เจอกันครั้งแรก พี่ก็จะเวียนมาขอดู สำรับการ์ดของผมตลอดเลย
ยิ่งช่วงนี้ก็มาขอถี่มาก ซะจนบางที ผมต้องตามไปทวงสำรับคืน บ้างก็มี แล้วก็ถ้าไม่ให้ เธอก็จะวอแว อยู่กับผมแบบนี้
ถึงจะไม่เต็มใจเท่าไหร่ แต่สุดท้ายผมก็ควักเอาสำรับ จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาส่งให้พี่ไป พอได้ของที่ต้องการแล้ว
เธอก็รีบวิ่งออกจากห้องครัวไปแบบไม่คิดจะพูดขอบคุณหรืออะไรเลยซักนิด

“ ปกติ พี่นายเค้าเป็นแบบนี้บ่อยๆเลยเหรอ? ”
มิส ถามขึ้น โดยที่มือยัง ถือช้อนกลางตัดไข่เจียว ตักใส่จานตัวเองอยู่

“ ก็พึ่งจะมาเป็นเอาช่วงนี้แหละ ไม่รู้ว่าพี่เค้าติดใจอะไรนักหนา แถมรู้สึกจะชอบ การ์ดพวก
เผ่าสัตว์อสรู(Beast)ที่ฉันพึ่งได้มาใหม่นั่นกว่าใบอื่นๆอีก ”
ธนัท เปรยเสียงเซง ก่อนจะยื่นมือไปหยิบเอาน่องไก่ทอดมาใส่จานข้าวตัวเอง

“ โคทาโร่ลูก จะเติมข้างอีกหรือเปล่า ”
แม่ของธนัท ถามก่อนที่ โคทาโร่ จะส่งจานข้าวให้ เธอ เอาไปตักข้าวเพิ่ม

“ อ้ะหนูขอเติมด้วยค่ะ ”
ลูเซีย ยกจานข้างของเธอที่ถูกตักกินจนเกลี้ยงเกลาส่งให้ คุณแม่ไปตักเพิ่มบ้าง

โฮ่ง! โฮ่ง!

เสียงเห่าของเจ้าลูกหมาดังขึ้น มันใช้หัวดันชามข้าวเข้าไปหา คุณแม่เช่นกันเพื่อจะขอให้เติมให้มันด้วย


“ หน้ากาก ก็จะเติมด้วยเหรอ งั้นรอแปปนะ ”
คุณแม่ หันมาทักกับมัน ก่อนจะก้มลงหยิบเอาชามข้าวของมันขึ้นมาแล้วตักข้าวจากหม้อใส่ลงไป
ประมาณ 2 ทัพพี จากนั้นจึงคลุก กับเนื้อไก่ทอดฉีกเป็นชิ้นๆ ที่ไปหยิบมาจากโต๊ะ เมื่อเธอส่งมันให้ เจ้าลูกหมาก็รีบกินอย่างมูมมามทันที

“ ธนัท…ถ้าคราวหน้า ริน มาขอ แล้วไม่อยากให้ก็ไม่ต้องไปให้รู้ไหม๊ ”
ศรี กล่าวเสียงดุ ใส่ ธนัท

“ อ…อืม ”
ผมได้แค่พยักหน้ารับไปก่อนแบบทุกที ซึ่ง เมื่อ พี่ริน มาขอยืมดูสำรับผมก็ยังคงหยิบมันให้เธอ โดยไม่ได้ขัดอะไรเลย
และทุกครั้ง พี่ศรี ก็จะจ้องด้วยสายตาดุๆ ใส่ผมกับพี่ริน เหมือนไม่พอใจอะไร แรกๆผมเองก็ตกใจ
ที่เห็นพี่ศรี ที่ออกจะเป็นคนสบายๆ ช่วงนี้ กลับตาลปัตรเป็น เย็นชาเงียบขรึม แถมยังไม่ค่อยพูดกับผมอีก
เห็นทีผมคงต้องหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้ ให้เร็วที่สุดซะแล้วสิ

“ อ๊ะ นั่นไก่ทอดชิ้นสุดท้ายของ ฉันนะ! ”
“ อะไรกันน่ะ เธอกินไปตั้งเยอะแล้ว ยังจะเอาอีกเหรอ นี่น่ะของฉันต่างหาก! ”
โคทาโร่ กับ ลูเซีย เริ่มจะเถียงกันเรื่องไก่ทอดชิ้นสุดท้าย หลังจากนั้นเสียง โวยวายก็ดัง กันอีกยกใหญ่

……………………………….
………………………………………

ช่วงพักกลางวันของโรงเรียน
…………………………………………
………………………………….


ก่อนอื่นจะต้องรู้ให้ได้ก่อน ว่าทำไม พี่ริน ถึงได้สนใจการ์ด ที่ได้จาก เกร มาเสียเหลือเกิน

“ เอาล่ะพวกนาย ออกมาได้แล้ว ”
ธนัท กระซิบ หลังจากหันไปมองดูรอบๆแล้วว่าจะไม่มีใครเห็นเค้ายืนคุย กับการ์ด

“ มีอะไรเหรอ? ”
เหล่าอสูร ที่อยู่ในการ์ดซึ่งได้มาจาก เกร ทั้ง 6 ตัวประกอบด้วย กริฟฟินขนทอง หมาเขาดาบ กริฟฟอนเผือก
กริฟฟินราตรีมืด จิ้งจอกเก้าหาง และ กริฟฟินวิญญาณ

“ ตอนที่พวกนาย ถูกพี่ริน ยืมไปน่ะ พี่เค้าเอาไปทำอะไรบ้างเหรอ? ”
ธนัท กระซิบถาม เหล่าอสูรทั้งหลายตรงหน้าเค้าต่างมองหน้ากันอย่าง งงๆที่ถูกเรียกออกมาถาม อะไรแปลกๆแบบนี้

“ เฮอะไร้สาระ สิ้นดีเรียกข้าออกมาเพื่อจะถามแค่นี้เนี่ยนะ ”
กริฟฟินวิญญาณ สบถเสียงขึงก่อนจะ หายกลับเข้าไปในการ์ด ดดยไม่ยอมให้ความร่วมมือ

“ แล้วพวกนายล่ะ? ”
ธนัท หันมาถามเหล่าอสูรที่เหลือ ซึ่งสนิทด้วยที่สุดแล้ว

“ ก็…..เธอจะหยิบขึ้นมาแต่เฉพาะพวกเรา จากนั้นก็จะยิ้มให้ แล้วก็พูดกับพวกเราน่ะ ”
กริฟฟอนเผือก พูดตามที่พวกตนประสบมา

“ พูดกับพวกนายงั้นเหรอ? แล้วพวกนายคุยอะไรกับพี่บ้างล่ะ ”
ธนัท รีบสาวความต่อทันที

“ นี่ลืมไปแล้วหรือไง ที่จะเห็นแล้วก็พูดคุยกับพวกฉันได้น่ะ ก็มีแต่นายกับ เกร แค่ 2 คนนะ เด็กบื้อ~~ ”
จิ้งจอกเก้าหาง เหน็บพร้อมกับกระโดดขึ้นไปเกาะบนหัวของเค้า ก่อนจะอุ้งเท้าเล็กๆตบเรียกสติ เค้าเบาๆ
แต่ด้วยร่างที่เป็นวิญญาณทำให้การตบนั้นไม่ทำให้รู้สึกอะไรเลย

“ จะว่าไปก็จริงแฮะ…แล้วนอกจากคุยแล้วยังมีอะไรอีกรึเปล่า ”
ธนัท ถามต่อ แต่เหล่าอสูร ก็พากันส่ายหน้า

“ถ้าจะว่ามีมันก็มีอยู่หรอกน่อ แต่…. ”
หมาเขาดาบ เปรยพลางใช้เท้าหน้าเกาหัวนึกไปพลาง

“ เรื่องอะไรล่ะ? ”
ธนัท รีบถามทันที

“ เอ่อ เรื่องนี้น่ะมันก็นานแล้วล่ะตั้งแต่ตอนที่เรายังอยู่กับ เกร น่ะ รู้สึกจะเคยเจอกับเธอหลายครั้งอยู่เหมือนกันน่อ… ”

“ เคยเจอกันงั้นเหรอ เมื่อไหร่? ”

“ หลายปีมาแล้วล่ะ รู้สึกว่าจะสนิทกันมากด้วยล่ะน่อ แต่พวกเราก็ไม่ค่อยรู้อะไรละเอียดหรอกน่อเพราะ เกร ไม่คเยพูดเรื่องพวกนี้ให้พวกเราฟังเลยน่อ ”

………………………………
………………………………………….

ข้อมูลใหม่ที่ผมได้มาจากพวก อสูรในการ์ดทำให้เพราะจะรู้อะไรขึ้นมาบ้าง จะว่าไปแล้วตอนที่ผมไปบอกกับ
พี่ศรีว่า พี่เป็นคนแนะนำให้เรารู้จักกับ เกร เองพี่ก็ทำท่าเหมือนกับตกใจอีกตะหาก หมายความว่าเรื่องนี้มันมีอะไรแปลกๆอยู่
คงต้องจะต้องเริ่มสืบก่อนว่า เกร หมอนี่ เป้นใครมาจากไหน แล้วก็เกี่ยวข้องอะไรกับพวกพี่ๆของเราด้วย
แล้วก็ถ้าจะถามเรื่องที่เกี่ยวกับ Master Ceremony ก็ต้องถามจากคนที่เป็น Master Ceremony ด้วยกัน
จะให้ไปถามรุ่นพี่ คิระ ก็คงจะยอมบอกเราแน่ ถ้างั้นที่เหลือก็….

บานประตูชมรม SMN ถูกเลือนเปิดออก สิ่งแรกที่พุ่งเข้ามากระทบกับหน้าของผมก่อนเลยก็คือ ละอองแสงสีเขียวอันเป็นพลังงานเวทมนต์ที่เกิดจากการดวล

“ รอบของฉันให้ ไคเซอร์เวียร์วูฟ โจมตีไปที่ เดวิด รับไปซะ Fang of King!!! ”
โคทาโร่ ประกาศ จักรพรรดิ์มนุษย์หมาป่า จึงพุ่งตรงเข้าเล่นงาน อสูรอัญเชิญของ ลูเซีย จนพ่ายยับไปในที่สุด

“ งั้นนมรสกาแฟนี่ฉันขอเลยก็แล้วกันนะ ”
โคทาโร่ เปรยเสียงร่า ก่อนจะเดินไปหยิบเอา กล่องนมรสกาแฟ ขึ้นมาเจาะดื่มทันที

“ หนอยแพ้อีกแล้วเหรอเนี่ย…..ไม่ยอมเรามาดวลกันอีกทีเหอะ คราวนี้ฉันเพิ่มเดิมพันเป็น 2 เท่าเลย นมรสกาแฟ 2 กล่อง ”
ลูเซีย ท้ายื่นข้อเสนอด้วยเดิมพัน ที่มากขึ้น

“ เอาซี่ เตรียมตัวส่งนมรสกาแฟมาให้ฉันได้เลย ”
โคทาโร่ รับคำทันทีหลังจาก ดื่มนมจนหมดกล่องแล้ว

“ คราวนี้แหละ ฉันจะถอนทุนคืนให้ได้เลยเข้ามา!! ”
ลูเซีย ประกาศกร้าวหมายจะเอาคืนให้ได้ ก่อนที่การดวลจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง

“ เอาอีกแล้วเหรอเนี่ย~~ ไหงต้องมาพนันนมรสกาแฟมันทุกวันด้วยน้า~ ”
ธนัท เปรยกับภาพที่เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

“ เป็นชมรมที่ไร้สาระกันดีนะ เห็นว่ามีคนเก่งๆเยอะ นึกว่าจะทำอะไรสลักสำคัญกว่านี้ซะอีก ”
เชส เดินสวนเข้ามาหาผม ก่อนจะออกจากห้องชมรมไป ตัวผมเองก็ยังนึกไม่ถึงด้วยซ้ำไปว่าคนอย่างเค้า
จะเข้ามาเหยียบที่ห้องชมรม ซึ่งสมาชิกเอา แต่ไร้สาระกันไปวันๆ เพราะถ้าไม่นับ ที่ โคทาโร่ กับ ลูเซีย จะมาพนันกันทุกวันแล้ว

มิส ก็จะเข้ามานั่งปลอบบาร์น ที่นั่งน้อยใจในความซุ่มซ่ามของตัว ที่ห้องชมรนี้ซึ่งผมแนะนำให้พวกเค้า และดูเหมือนว่า
คู่นี้ก็คงจะช่วยกันปลอบมาตั้งแต่สมัย ประถมแล้ว ที่เหลือก็พวกนักเรียนรุ่นน้องหรือพวกเดียวกันที่จะมานั่งเล่นการ์ด

สนุกๆกันตามปกติ เช่น แอน กับ ชุติ ที่จะมานั่งจับเข่าคุย บ้างเล่นการ์ดบ้าง แต่ที่เห็นจะทำให้ ชมรมดูเรื่อยเปื่อยที่สุดคงไม่พ้น ประธานมาริน่า ที่นั่งแช่ อ่านนิตยสาร Wiser ทุกวันโดยมี พวก องครักษ์ รุ่นพี่ฟรานซิสก้า และ ไดสุเกะ กับ อิส
คอยปรมนิบัติ ทุกเช้าค่ำนอกจากเวลาเรียน

ทั้งที่งานของ Master ceremony ก็มีให้ทำอยู่ทุกวันแท้ๆ แต่พี่ริน กับ พี่ศรีก็จะเป็นคนรับไปจัดการให้ตลอด รุ่นพี่คิระ ก็ไม่เอาการเอางานกับใครเหมือนกัน ถ้าวันนี้ไม่ออกล่าหาตัวคนเก่งๆมาดวลด้วย ก็คงนอนอยู่บนดาดฟ้า อาคารเรียนที่ 2
เหมือนทุกวัน ว่าไปแล้ว นี่ไม่ใช่เวลามานั่งนึกว่าใครเป็นยังไงอะไรนี่นะ ต้องรีบถามประธานเรื่องนี้ก่อน เพราะยังไงก็น่าจะพึ่งได้มากกว่ารุ่นพี่ คิระ น่ะล่ะ

……………………

“ เกร เป็นใครงั้นเหรอ? อยู่ๆทำไมถึงมาถามล่ะ ”
มาริน่า ทวนคำถาม จาก ธนัท ขณะที่ยันตัวขึ้นจาก เตียงเก้าอี้

“ พักนี้ พี่ริน กับ พี่ศรี รู้สึกจะแปลกๆไปน่ะครับก็เลย ”

หลังจากเธอฟังเหตุผลของผมแล้ว จึงกลับเอนตัวลงนอนอีกครั้ง บางทีเธอ อาจจะรู้สึกว่ามันไร้สาระก็ได้

“ แล้วแกอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเจ้านั่นล่ะ ”
คำถามของ เธอทำให้ผม รู้สึกมีหวังขึ้นมาไม่นึกเลยว่าเธอจะยอมตอบให้ง่ายๆแบบนี้

“ ค…ครับ คือว่า พี่ริน กับ เกร สองคนนั้นรู้จักกันงั้นเหรอครับ? ”

“ แหงสิ ก็หมอนั่นน่ะเป็น 1 ใน Master ceremony นี่ ”
เธอ ตอบเสียงเรียบราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับผมแล้วนี่เป็นเรื่องที่พึ่งจะรู้เป็นครั้งแรก

“ เดี๋ยวสิ Master Ceremony น่ะมีแค่ 5 คนเอง ไม่ใช่เหรอ ตัวเธอ รุ่นพี่คิระ พี่ศรี พี่ริน แล้วก็รุ่นพี่ภูเขาตาตี่ นั่นน่ะ ”
โคทาโร่ แทรกขึ้นมา ดูเหมือนว่าเรื่องที่ผมเข้ามาถามกับ ประธานจะเป็นที่สนใจของ คนทั้งชมรมขึ้นมาเสียแล้ว

“ ก็แค่เคยเป็นน่ะ ที่จริงแล้วในอดีต Master ceremony มีด้วยกันทั้งสิ้น 6 คน ที่สืบทอดพลังจากเหล่านักร่ายอสูรตามตำนาน
มาหมอนั่นเองก็ด้วย…เป็นคนที่มีฝีมือทัดเทียมกับ ศรีเลยล่ะ สำรับที่เก่งที่สุดของหมอนั่นค่อ Beast Beat Down ที่เน้นการตั้งตัว รวมพลังของการ์ดทุใบเข้าด้วยกันเพื่อบุกทะลุทะลวงอย่างดุดัน แต่สุดท้าย เจ้านั่นก็กลายเป็นอดีตไป ”

มาริน่า เล่าไปโดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ หน้านังสือในมือของเธอ ขณะที่ ตอนนี้ไม่เพียงแต่ตัวผมเท่านั้นแต่ ทุกคนที่
ฟังอยู่ด้วยต่างก็ตกตะลึงไปตามๆกัน

“ เรื่องมันนานมากแล้วล่ะ ตอนนั้นพวกเราได้รับ ภารกิจ หนึ่งมา ศรี กับ เกร รับอาสาไปทำ แต่ว่ามันเกิดเรื่องขึ้นซะก่อน เจ้านั่นตายเพราะอุบัติเหตุระหว่างภารกิจ แต่ไม่มีการยืนยัน จึงสรุปไปว่าหายสาปสูญ ที่ฉันบอกได้ก็มีแค่นี้แหละ ”
เธอรีบรวบรัดจบคำพูด อย่างสั้นๆซะจนฟังแทบไม่รู้เรื่องทุกคนต่างแยกย้ายกัน กลับไปทำธุระของตนต่อ
ตามเดิม ซึ่งตัวผมเองก็เตรียมจะ ออกไปหาข้อมูลต่อแล้ว แต่ เธอ ก็เอื้อมมือมารั้งแขนผมไว้ก่อน

“ เรื่องของ เกร กับ ริน น่ะคือ…… ”
เธอ พยายามจะบอกอะไรซักอย่างเกี่ยงกับเรื่องนี้บางทีมันอาจเป็นสิ่งที่นำไปสู่การไขเงื่อนงำท้ะงหมดก็เป็นได้

“ ท…ทำไมหรือครับ พี่ริน กับ เกรเค้าอะไรครับ ”

“ คือ….คือว่าสำหรับค่าตอบแทนที่ฉันเล่าไป ช่วยไปซื้อกาแฟมาให้หน่อยสิ เอากาแฟเย็นนะ ”

แป่ว~~~~

“ เอ่อ……เอาน้ำตาลกี่ก้อนครับ…. ”

“ 2 ก้อนพอ ”

“ ใส่คอฟฟี่เมทเหมือนเดิมนะครับ…. ”

“ อืม รีบไปรีบมานะ ฉันคอแห้งเป็นผงแล้วเนี่ย ”

“ ครับ…. ”

……………………………………………..
………………………………………..
…………………….

แรท เรนจาาาาา (Rat Rangar) แรท เรนจาาาาา พวกเรามาเพื่อพิทักษ์โลกใบนี้ ~~~~~ แรทโตะเซนไทน์~~~~(Rato Sentai) Rat Dragoranger แต่น แต้น ([~~ ]แปลว่าให้ลากเสียง)

เสียงเพลง ไตเติลของการ์ตูนเรื่องโปรด ที่ ทั้งโคทาโร่ และ ลูเซีย จะต้องเลิกทำทุกอย่างทันทีแล้วมานั่งหน้าจอโทรทัศน์
แทบทุกครั้ง ดังขึ้น ซึ่งตอนนี้ก็ลากมิส มาติดเรื่องนี้ไปกับเค้าด้วย กับกาตูนร์แนวเรนเจอร์ที่มีตัวเอกเป็นเหล่าหนูอัศวินมังกร
ซึ่งใช้ดีไซน์จาก การ์ดที่ มิส ครอบครองอยู่

ระหว่างนั้น ผมได้นั่งถอนใจอยู่เป็นระยะๆ หลังจากนั้นแล้วผมเองก็ปะติดปะต่อเรื่องราวอะไรไม่ได้เลย
เกร มีความเกี่ยวข้องยังไง ถึงทำให้พี่ริน ติดใจกับการ์ดพวกนั้น ก็ยังไม่คืบหน้าไปไหนแม้แต่น้อย


“ แต่ที่แปลกยิ่งกว่าคือ พวกนาย ก็เคยเจอ เกร มาแล้วแท้ๆแต่ไม่ยักกะท้วงตอนที่ฟัง ประธาน เล่าว่า
หมอนั่นหายสาปสูญไปกันเลยนะ ”
ผม บ่นแต่พวกเค้าทั้งสามก็ไม่ได้ให้ความสนใจ อาจเป็นเพราะเสียง โทรทัศน์ดังมากก็ได้

“ ธนัท~~ ”
หลังเสียงเรียกนั้นดัง ผมก็รู้หน้าที่ของตัวเองแล้วว่าต้องทำอะไร มือขวาล้วงลงไปเอา สำรับ ก่อนจะส่งมันให้
เจ้าของเสียง

“ ขอบใจนะ ”
ริน กล่าวแต่ก่อนจะทันได้จับสำรับ นั้น ศรี ก็ยื่นมือเข้ามารั้งมือเธอไว้

“ ริน พอได้แล้วถึงทำแบบนี้ไป มันก็ไม่มีประโยชน์หรอก ”
ศรี ตะคอก เพื่อหวังว่าเธอจะยอมฟังบ้าง ทว่า ริน กลับแทรกเถียงขึ้นมา

“ แต่พี่คะนี่น่ะ… ”

การสนธนาระหว่างพวกพี่ๆเริ่มจะรุนแรง พวก โคทาโร่ ที่นั่งดู โทรทัศน์อยู่ ก็หันมามองกันแล้ว
สภาพการณ์ตอนนี้ เรียกว่ามันเครียดมากสำหรับผมเลยทีเดียว เพราะนี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่ เห็นพี่ๆทั้งสอง
จ้องกันตาเขียวปัดแบบนี้

“ เอางั้นก็ได้ ไหนๆเราก็โตกันแล้วจะมาทะเลาะกันเพราะเรื่องแบบนี้มันก็ออกจะไม่สมควรเท่าไหร่ ถ้างั้นมาดวลกัน หากพี่ชนะ จากนี้ไปลืมเรื่องนี้ไปซะ แล้วก็เลิกทำให้ ธนัท ลำบากใจด้วย ”

“ เอางั้นก็ได้ แต่ถ้าหนูชนะ พี่ห้ามมาขัดขวางหนูอีกเด็ดขาด ”

ไม่ทันไร พี่ทั้งสอง ต่างก็ยื่นข้อเสนอและตกลงกันเรียบร้อย เร็วซะจน พวกผมแทบไม่ทันตั้งตัวกันเลย

…………..
/Get Set/
เสียง จาก Note ดังขึ้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นปลอกแขนจักรกลสวมให้กับ แขนของ พวกพี่ๆ
การดวลในครั้งนี้ เริ่มกันที่สวนหลังบ้าน ซึ่งณ ตอนนี้บรรยากาศมันควรจะเรียกได้ว่าเครียดกันสุดๆ น่ะนะ…

“ บะหมี่ลวกเสร็จแล้ว!! ”
ลูเซีย พูดพร้อมกับ ยกถาดวาง บะหมี่ถ้วยสำเร็จรูป 4 ถ้วยด้วยกัน วางลง ก่อนจะเริ่มแจกจ่ายให้
กับพวกผม

“ ของมิส รสต้มยำซาโลม สินะ แล้วก็ของ ธนัท รสทะเลแอนดิซอง ส่วนของโคทาโร่ ก็เอ้า รสสมุนไพรฟูดินัน ”

ให้ตายเถอะ พี่น้องทะเลาะกัน ยังจะมานั่งกินบะหมี่ถ้วยดูการดวลกันอย่างสบายใจเฉิบแบบนี้อีก แต่ใครมันจะอดใจไหวกับ
4 Kingdom Cup Noodle ได้กันเล่า แถมยังมีการดวลให้ดูเพลินๆอีกต่างหาก ระดับฝีมืออย่าง Master Ceremony ดวล
กันเอง หาดูยากกว่า การแข่งระดับ โปรลีกฯ ที่ไหนๆซะอีก


“ Let’s Duel!!! ”
สิ้นคำ การดวลก็ได้เริ่มขึ้น

[Sri Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

“ หนูเป็นฝ่ายเริ่มก่อน Cost Mp 2 ให้ วาลคิวเร่ แอมเบอร์ แห่งความทรงจำ(Amber, the Valkyrie in Memory)
ออกมาที่ At Line ”
ริน ประกาศพร้อมกับเลือกซีลการ์ดจากมือซ้ายมาและดีดออกไป การ์ดผนึกค่อยๆซึมซับละอองเวทย์รอบๆจนล้นปรี่
กลายเป็น เทพีผู้มีปีกสีดำ

รูปภาพ

[Sri Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:3/8 Shrine 0/8 ]

“ จากนั้น Cost Mp 3 เรียกให้ วาลคิวเร่ บริจิต(Brigitte, the Valkyrie) ออกมาที่ At Line แล้วทำการรวมร่างกับ แอมเบอร์ ”
สิ้นคำ การ์ดผนึกซีลอีกใบบนมือของ เธอก็ถูกดีด ออกมา และกลายเป็น เทพีนักรบผู้สวมเกราะสีเงิน ดวงตาของนาง
เฉียบคมแฝงไว้ด้วยความแข็งกร้าวเยี่ยงนักรบผู้ผ่านสมรภูมิ

/Cobination Console/
เสียงปลอกแขนของเธอดังขึ้นพร้อมกับฉายจอโฮโลแกรม สำหรับใส่คำสั่งรวมร่าง ภาพการ์ดที่ฉายอยู่บนจอเลื่อนไปตาม
การเคลื่อนมือของ ริน และเมื่อคำสั่งถูกป้อนลงไป แอมเบอร์ ได้กลายเป็นแสงพุ่งเข้าไปอาบร่างของ บริจิต
กลายเป็น ปีกสีดำ ยื่นออกมาจากใต้ผ้าคลุมสีแดง

รูปภาพ

[Sri Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:0/8 Shrine 0/8 ]

“ ด้วย Ability ของแอมเบอร์ เมื่อ มีวาลคิวเร่ เข้ามาในสนามการ์ดใบนี้ก็จะนับว่าผ่านไป 1 Turn งเป็น Seal รองรวมร่างได้ในรอบนี้และหาก Seal ที่รวมร่างกับ แอมเบอร์ เป็น วาลคิวเร่ ก็จะมีค่า At เพิ่มขึ้นอีก 1 ดังนั้น บริจิตจึงมีค่า At เป็น 12 หมดรอบแค่นี้ ”
ริน อธิบายอย่างรวดเร็วก่อนจะประกาศเปลี่ยนรอบการเล่น ทำเอา พวกธนัท ที่นั่งดูกันอยู่ฟังตามแทบไม่ทัน

“ แค่รอบแรก ก็สร้าง อสูรที่มีค่าพลังสูงถึง 12 หน่วยแล้วเหรอเนี่ย.. ”
ลูเซีย รู้สึกทึ่งขึ้นมา กับการเล่นผสานที่ดูเรียบง่ายแต่กลับเป็นการวางหมากที่รับมือได้ยาก

“ ถึงคอมโบ จะดูเรียบง่าย แต่ก็สร้างความกดดันให้ไม่น้อยเลย ”
โคทาโร่ เปรย

“ ซูด~…แล้ว ทีนี้เค้าจะทำยังไงต่อล่ะ ”
มิส รีบดูดเส้นบะหมี่ที่คีบขึ้นมาจากถ้วยของตนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเปิดปากถาม
การรับมือของ ศรี

“ รอบของฉัน! Cost Mp 3 เรียกให้ ทาโซรอส อาริมาเทีย(Thasolos, Arimathea’s Dragoon of Thaliwilya)
ออกมาที่ At Line ”
สิ้นคำ และเมื่อการ์ดผนึกบนมือของศรี ขว้างออกไป การ์ดผนึก ตกลงสู่พื้น ต่อมาร่าง ของอัศวินมังกร
สีน้ำตาลดิน ก็ค่อยๆผุดขึ้นมา

รูปภาพ

[Sri Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

“ Ability ทำงาน เมื่อเรียก ทาโซรอส ออกมาได้ ก็จะได้ แสดงการ์ดเผ่ามังกร(Dragon) ธาตุดิน จากสำรับแล้วเอามาเพิ่มไว้บนมือได้ ฉันเลือก มังกรแห่งรุ่งอรุณสีทอง ทอลเมนอส(Tolmenos, the Golden Dawn Dragon) ”
ศรี ประกาศพร้อมกับ ดึงสำรับซีลออกมาจากปลอกแขน แล้วหยิบการ์ดใบหนึ่งขึ้นมาแสดง

รูปภาพ

[Sri Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

“ ตามด้วย Ability ของ ทอลเมนอส เมื่อการ์ดใบนี้ขึ้นมาอยู่บนมือ ด้วยผลจาก Seal การ์ด ก็จะเรียกให้ เผ่ามังกร ธาตุดิน ที่มี เลเวลเท่ากับ 1 ออกมาจากสำรับได้ ให้ ทอลเมนอส อีกใบออกมาที่ Df Line จากนั้น Cost Mp 1 เรียกให้ ทอลเมนอสที่อยู่บนมือ ออกมาอีกใบ ”
ศรี ประกาศพร้อมกับ หยิบเอาการ์ดซีล อีกใบร่ายออกมา แสงที่สส่องสว่างออกมาจากการ์ดผนึก ค่อยๆย้อมบรรยากาศของ สนามจนสว่างไสวด้วยแสงสีทองยามรุ่งสาง ร่างหุ้มด้วยเกราะทองคำ ปรากฏขึ้น มังกรแห่งอรุณสาง
และพร้อมกันนั้น เมื่อการ์ดผนึกอีกใบ ที่ ศรีร่ายออกมาติดต่อ กัน ก็ได้ เรียก มังกรดรุณสางขึ้นมาเพิ่มอีก ตัวหนึ่ง

[Sri Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:4/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

“ ให้ ทาโซรอส อาริมาเทีย รวมร่างกับ ทอลเมนอส ที่เรียกออกมาจากสำรับ จากนั้น Cost Mp 2 ให้ Mystic อุปกรณ์ ฟอลควารูเก้(Falqualooke, the Sword of Dragoon) สวมให้กับ ทาโซรอส แล้วตามด้วยผลพิเศษของ
ฟอลควารูเก้ ทำให้ เลือกเอา Mystic Card อุปกรณ์จากซีรี่ย์ Dragonology2 หรือ Dragonology Regeneration
จากสำรับมาสวมให้กับ Seal ที่ใส่มันอยู่ ให้
ดาบแห่งทาลิวิลย่า มาคายาเดียเบลด (Macarhyadia, the Blade of Thaliwilya)สวมให้กับ ทาโซรอส ”

สิ้นคำ มังกรแห่งอรุณสาง ก็เปลี่ยนร่างพับเก็บต้นคอและขาทั้งสี่ ก่อนจะเข้าไปประกบกับ หลังของ ทาโซรอส
กลายเป็น โล่ปีกติด คมดาบไว้ข้างละสี่เล่ม พร้อมกันนั้นเอง ดาบสีทองซึ่งแกะด้ามดาบอย่างประณีตเป็นรูปหัวมังกร
ฟอลควารูเก้ และ ดาบหุ้มหนังมังกรมาคายาเดีย ก็ถูกจัดแจงให้ ทาโซรอส รับมันมา กวัดแกว่งอย่างชำนาญก่อนจะ
สยายปีกโลหะ ที่ได้จาก การรวมร่างแล้วห้อทะยานขึ้นไปบนฟ้า

รูปภาพ
รูปภาพ

[Sri Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:2/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

“ ด้วยการถือดาบทั้งสองเล่มนี้ทำให้ ค่าพลังของทาโซรอส เพิ่มขึ้นอย่างละ 2 และ Mp Cost ทุกอย่างลดลง 1 ตามด้วย
Ability ของ ทาโซรอส ทำงาน Great of Roar!! การ์ดใบนี้จะมีค่า At และ Df เพิ่มขึ้นตามจำนวน เผ่ามังกร ธาตุดิน ใบอื่นใน

สนาม ดังนั้นค่า At ของ ทาโซรอส จึงเพิ่มขึ้นเป็น 13 และมี Sp เท่ากับ 4 เท่านี้ Ability ของ บริจิต ที่จะไม่ได้รับการโจมตีจาก Seal ที่ Sp น้อยกว่าก็ไม่มีผลกับ ทาโซรอส แล้ว Cost Mp 2 โจมตีไปที่ บริจิต Great of Dragon!!! ”

ศรี ประกาศจู่โจม ไม่นาน ทาดซรอส ที่พุ่งขึ้นไปบนฟ้าแล้ว กลับ หักลำพุ่งตรงลงมา ยังที่ที่ เทพีนักรบ ยืนอยู่
มือทั้งสอง จับดาบไขว้ประสานกัน หมายจะบั่นร่างของ เทพี ให้ขาดสะบั้น

[Sri Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:0/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

“ Cost Mp 2 Mystic Card อุปกรณ์(Relic) ทำงาน หอกแห่งแสงสว่าง ไลท์แลนซ์(Light Lance, the Lance of Brigitte)
สวมให้กับ บริจิต ทำให้ ค่า At และ Sp เพิ่มขึ้นมาอีก 2 ”

ริน ประกาศพร้อมกับ โยน มิสติกการ์ดบนมือส่งไปให้ เทพีนักรบของ เธอ การ์ดผนึกเปลี่ยนกลายเป็น หอกสีเงินยวงเช่นเดียวกับสีเกราะของนาง

รูปภาพ

[Sri Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:0/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 3 , Mystic 1 Mp:6/8 Shrine 0/8 ]

“ สวนกลับไปได้แล้ว! ”
“ ซะที่ไหนเล่า ”
ลูเซีย โพล่งขึ้น แต่ธนัท มิส และ โคทาโร่ ก็ขัดตามขึ้นมาเช่นกัน

ครั้นเมื่อหอกคู่ใจถูกกวัดแกว่งในมือของ เทพีนักรบ เพียงชั่วพริบตา ที่การโจมตีจะเข้าถึงตัว
นางสามารถหักตัวหลบได้อย่างพริ้วไหว งดงามและรวดเร็ว ประหนึ่งความเร็วแสง

“ เพราะค่า Sp ของ บริจิต เพิ่มขึ้นมาสูงกว่า ทำให้การโจมตีของ ทาโซรอส เข้าไม่ถึงตัว พี่ศรี คงคำนวณเผื่อเอาไว้แล้ว
ว่าถ้าเกิดถูกโต้กลับด้วยการเพิ่มพลัง การโจมตีก็จะเป็นโมฆะตามไปด้วย ”
ธนัท กล่าวตัวเค้าเองยังรู้สึกทึ่งกับการดวลของพี่ๆ ทั้งที่อยู่ด้วยกันมาตลอด แต่กลับไม่เคยได้รู้ถึงความเก่งกาจของทั้งคู่เลย

“ หมดรอบแค่นี้ ”
ศรี ประกาศ จบรอบของตน ทันทีหลังจาก พลาดโอกาสจัดการกับ อสูร ของเธอ แต่อย่างน้อยที่สุดเค้าไม่ได้
รับความเสียหายใดๆ

“ รอบของฉัน จั่วไพ่!! ”
ริน ประกาศพร้อมกับจับ ซีลและมิสติกขึ้นมาอย่างละใบ

[Sri Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:6/8 Shrine 0/8 ]

“ Cost Mp 3 โจมตีไปที่ ทาโซรอส Light Lance!! ”
เธอ ไม่รีรอที่จะโต้กลับทันทีขณะที่ยังได้เปรียบอยู่ เทพีนักรบ เคลื่อนไหว อย่างรวดเร็วดุจแสงวิ่ง
ฉวัดเฉวียนไปมา เพื่อหาจังหวะเข้าจู่โจม

[Sri Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:3/8 Shrine 0/8 ]

“ Cost Mp 2 ให้ Inquisition ทำงาน ทำลาย ไลท์แลนซ์ ทิ้งซะ! ”
ศรี ร่ายมิสติกบนมือ ออกมา นักบวชปรากฏขึ้นเพราะกับ เผากระดาษอาคมในมือก่อนจะโยนเข้าไปที่
แสงซึ่งวิ่งฉวัดเฉวียนไปมา แปลวไฟลุกไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็ว และตามมาด้วย หอกเงินซ฿งลุกโชนอยู่ในไฟ ร่วงหล่น
สู่พื้น พร้อมกับ เทพีนักรบที่ สูญเสียความรวดเร็วไป อัศวินมังกรทาโซรอส พร้อมจะสวนกลับการบุกของเธอแล้ว
ด้วยการควงดาบคู่ในมือตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว

รูปภาพ

[Sri Status; Hand: Seal 4 , Mystic 0 Mp:6/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:3/8 Shrine 0/8 ]

“ Cost Mp 2 ให้ No Attacking ทำงาน ทำให้การโจมตีของ บริจิต ไร้ผล! แล้วหมดรอบ ”
ริน ประกาศพร้อมกับ ร่ายมิสติกการ์ดออกไป ดาบสองเล่มพุ่งลงปักไขว้กันบนพื้นดิน ขวางทางไม่ให้ ทาโซรอส
บุกเข้าไปได้

รูปภาพ

[Sri Status; Hand: Seal 4 , Mystic 0 Mp:6/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:1/8 Shrine 0/8 ]


“ รอบของฉัน จั่วไพ่!! ”
ศรี ประกาศพร้อมกับจับมิสติกการ์ดขึ้นมา 2 ใบ ธนัท และเพื่อนๆที่นั่งดูอยู่ต่างพากันโล่งใจ หลังจากนั่งลุ้น
ตัวโก่งกับการบุกเมื่อครู่ ทว่ายังไม่ทันที่จะหายใจได้ทั่วท้อง การบุกกลับของศรี ก็เริ่มขึ้นทันที

[Sri Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:6/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

“ Cost Mp 2 โจมตีไปที่ บริจิต อีกครั้ง Great of Dragon!! ”

ทาโซรอส สยายปีกขึ้นพร้อม ทะยานตรงเข้าไปเหวี่ยงดาบคู่ประหัตประหารร่างของ
เทพีนักรบจนแหลกสลายกลับเป็นละอองแสง และควบแน่นกลับเป็นการ์ดผนึกร่อนคืนสู่มือของริน ก่อนที่เธอจะส่งมันไปเก็บที่ช่อง Shrine ของปลอกแขน

[Sri Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:4/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 3/8 ]

“ ให้ ทอลเมนอส ย้ายไปที่ At Line แล้วโจมตีโดยตรง ”
ศรี เริ่มสั่งการบุกต่อทันที โดยไม่รอให้ใครได้หยุดหายใจ มังกรแห่งอรุณสาง ตั้งปีกของมันขึ้นก่อนจะดีด
เอาคมดาบที่ติดรอบโล่ปีก ออกไป คมดาบทั้ง หมดพุ่งเข้าใส่ ริน โดยตรง และก่อนที่ คมดาบจะถึงตัวเธอ

ก็ได้เข้าปะทะกับเกราะคุ้มกันอันเกิดจากการ์ดที่มีอยู่บนมือ ซึ่งเป็นเป้าหมายของการโจมตีขึ้นมือในครั้งนี้
หลังการโจมตีสงบลงแล้วเธอจึงต้องทิ้งซีลการ์ดที่ถูกเลือกเป็นเป้าหมายลงไปที่ Shrine

[Sri Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:3/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 3 , Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 5/8 ]

“ Cost Mp 3 เรียกให้ อังกาวี่ มังกรอสรพิษ(Ungawee, the Venomous Dragon) ออกมาที่ Df Line แล้วหมดรอบ ”
ศรี ประกาศพร้อมกับ ร่ายการ์ดซีลบนมือ ออกมา ควันสีม่วงก็ตลบฟุ้งไปทั่วจนมองไม่เห็น ร่าง ซึ่งหุ้มด้วยเกล็ดสีม่วงคล้ำ
สยายกว้างขึ้นพัดกระพือ ไล่หมอกควันออกไป มังกรอรสพิษมีหัวถึงสอง และเขี้ยวโง้งยาวฉาบไว้ด้วยพิษรุนแรง

รูปภาพ

[Sri Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:0/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 3 , Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 5/8 ]

“ รอบของฉัน จั่วไพ่~… ”
ริน ประกาศเสียงตะกุก มืออันสั่นเทาของเธอ ค่อยๆดึงเอา มิสติกการ์ด 2 ใบออกมาจากสำรับ

[Sri Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 5/8 ]

“ Cost Mp 2 จงออกมา วาลคิวเร่ ฟีโอโดร่า(Feodora, the Valkyrie) กำหนด Df Line! ”
ริน กัดฟันกลืนเอาความกลัวลงไปก่อนจะ เริ่มเล่นต่อ แสงสีแดง น้ำเงิน ชมพู ทอประกายออกมาจาก ผนึกการ์ด
และกลายเป็นปีกให้แก่ เทพี ผู้ควบคุมมังกร

รูปภาพ

[Sri Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 2 , Mystic 2 Mp:6/8 Shrine 5/8 ]

“ จากนั้นตามด้วย Cost Mp 2 ให้ Mystic อุปกรณ์ Crimson & Keen สวมให้กับ ฟีโอโดร่า
ทำให้ Mp costในการใช้ Skill ลดลง 1 ”
ดาบสีแดงและสีฟ้าทั้งสองเล่ม ถูกส่งให้ เทพีผู้ควบคุมมังกร รับมาและเริ่มร่ายรำอย่างดงาม

รูปภาพ

[Sri Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 2 , Mystic 2 Mp:4/8 Shrine 5/8 ]

“ Cost Mp 1 ให้ Skill ของ ฟีโอโดร่า ทำงาน เรียกให้ ริออท ฟีโอโดร่า ดราก้อน (Riot, Feodora’s Dragon)
ออกมาที่ At Line ”
เทพี ผู้ควบคุมมังกร ประสานดาบทั้งสองในมือ พร้อมกับตั้งจิตสมาธิ อยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานก็ปรากฏเปลวไฟสีแดงฉาน
ขึ้นเหนือสนาม ร่างสีแดงฉานค่อยๆผ่านออกมาจาก ไฟอันร้อนระอุ มังกรสาวกแห่ง เทพี ผู้ควบคุมมังกร

รูปภาพ

[Sri Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:3/8 Shrine 5/8 ]

“ Cost Mp 2 ให้ ริออท โจมตีไปที่ ทอลเมนอส แล้วให้ Ability ทำงาน เมื่อ ริออท โจมตีค่า At จะเพิมขึ้นอีก 2 ตามด้วย
ผลของ Crimson&Keen เมื่อสวมให้กับ ฟีโอโดร่า จะทำให้ ค่า At ของ เผ่ามังกรทุกใบในสนามเพิ่มขึ้น 1 ด้วย ”
สิ้นคำ มังกรสาวก ชูแขนขึ้นสุด ลูกไฟดวงใหญ่ลุกโชนลูกเหนือหัวของมัน ก่อนจะขว้างลงไปครอก มังกรแห่งรุ่งสาง
จนแหลกสลายไปพร้อมกับ ลูกไฟใหญ่

[Sri Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:1/8 Shrine 5/8 ]

“ แต่นั่นก็รวมถึงเผ่ามังกรของฉันด้วยที่จะได้รับพลังเพิ่มขึ้นจาก Crimson&Keen… ”
ศรี เปรย แม้จะถูกทำลายอสูรไปแต่นั่นก็หาได้สร้างความสั่นคลอนให้กับเค้าไม่

“ หมดรอบแค่นี้ จากนั้นด้วยผลของ Skill ของ ฟีโอโดร่า ทำให้ ริออท ต้องกลับเข้าไปใน สำรับ ”
ริน ประกาศ จบรอบของเธอ มังกรสาวก จึงกลับคืนเข้าไปในสำรับของเธอ

“ รอบของฉัน จั่วไพ่ ”
ศรี ประกาเสียงกร้าวพร้อมกับ จับซีลการ์ดขึ้นมา 2 ใบ

[Sri Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 5/8 ]

“ Cost Mp 2 ให้ ทาโซรอส โจมตี Great of Dragon!! ”
ศรี ประกาศ อัศวินมังกร สยายปีกขึ้นอีกครั้ง และทะยานตรงเข้าหา เทพีผู้ควบคุมมังกร

“ Cost Mp 3 ให้ Skill ของ คาออส ฟีโอโดร่า ดราก้อน(Chaos, Feodora’s Dragon) ที่อยู่ใน
Shrine ทำงาน เมื่อมี ฟีโอโดร่า อยู่ในสนาม คาออส ก็จะฟื้นกลับขึ้นมาได้ทุกเมื่อ ”
ริน แทรกขึ้น พร้อมกันนั้น เงาสีดำก็ปรากฏขเข้ามาแทรก กลาง มังกรสาวกแห่งความมืด ใช้ปีกของมันรับคมดาบ
ของอัศวินมังกรแทน เทพี ผู้เป็นนายและสลายกลับลง Shrine ไปอีกครั้ง

รูปภาพ

[Sri Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:6/8 Shrine 1/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 5/8 ]

“ สุดยอดเลย! แบบนี้ก็เท่ากับว่า มังกร นั่นเป็น อมตะเลยน่ะสิ ”
ลูเซีย พูดเสียงทึ่ง

“ Cost Mp 3 เรียกให้ ทาลูคัส (Thalucus, the Dragoon of Thaliwilya) ออกมาที่ Df Line ”
ศรี ประกาศพร้อมกับ อัญเชิญ อัศวินมังกรสีขาว ออกมา

[Sri Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:3/8 Shrine 1/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 5/8 ]

“ ถึงไมบอกก็คงรู้ดีอยู่แล้วนะ ถ้าหาก คาออส ถูก ทำลายด้วย Seal ธาตุแสง มันจะถูกกำจัดออกไป ”
ศรี กล่าว แต่เธอก็ไม่ได้ตอบอะไร กลับมา

“ หมดรอบแค่นี้ ”
ศรี ประกาศจบรอบของตน

“ รอบของฉัน…..จ…จั่วไพ่… ”
ริน ยังคงเล่นต่อไปด้วยอาการกังวล เธอใช้มือที่สั่นเทานั้น จับ ซีลและมิสติกขึ้นมาอย่างละใบ

[Sri Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 2 , Mystic 3 Mp:5/8 Shrine 5/8 ]

{ ไม่ไหว.. ตอนนี้เราไม่มีทางเอาชนะพี่ ได้เลย….แต่ถ้าเราแพ้ก็จะ…}
ริน คิดบัดนี้ไม่เหลือหนทางใดๆให้ เธอสู้ต่ไปได้อีกแล้ว หากแพ้ในการดวลนี้ เธอก็จะต้องตัดใจจาก ความรู้สึกที่เธอเก็บมันเอาไว้ ซึ่งแบบนั้นมันทรมานสำหรับเธอเป็นที่สุด

“ อย่ามัวแต่สั่นสิ การดวลน่ะมันต้องเต็มที่เสมอ เธอเป็นคนพูดเองไม่ใช่เรอะ!! ”
เสียงตะโกนซึ่งดังขึ้นนี้ทำให้ เธอหยุดสั่น ความรู้สึกบางอย่างกำลังเข้ามาแทนที่ ความกลัวราวกับ
ช่องว่างในใจถูกเติมเต็ม

“ เห! นั่นเสียงใครน่ะ?! ”
มิส เปรยขณะที่ทุกคนช่วยกันมองหา ที่มาของเสียงกันอยู่

“ ร..รอบของฉัน ให้ ฟีโอโดร่า ขึ้นไปที่ At Line ”{เข้าใจแล้ว…ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะไม่ขอหลบอยู่ข้างหลังอีกต่อไปแล้ว}
ริน เริ่มเล่นต่อทันที ตอนนี้เธอไม่รู้สึกกังวลใดๆอีกแล้ว กับผลของการแข่งขันนี้ เธอตั้งใจแล้วว่าจะต้องเต็มที่กับการดวล
เหมือนที่เสียงนั้นบอก

“ Cost Mp 1 ให้ Lilith ทำงาน ทิ้ง Three Cheers ไป ทำให้ Mp ฟื้นขึ้นมา เป็น 8 ”
ทันทีที่ มิสติกสำแดงผล เธอก็ส่ง มิสติกการ์ดบนมือไปที่ Shrine ใบหนึ่งและฟื้นฟู Mp ขึ้นมาจนเต็มเท่าเดิม

รูปภาพ

[Sri Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 2 , Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 5/8 ]

“ จากนั้น Cost Mp 3 จงฟื้นกลับขึ้นมา คาออส แล้วให้รวมร่างกับ ฟีโอโดร่า ”
สิ้นคำ มังกรสาวกแห่งความมืด ก็ฟื้นกลับขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่ เทพีผู้เป็นนาย จะกระโดดขึ้นไป ขี่มัน

[Sri Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 2 , Mystic 1 Mp:5/8 Shrine 3/8 ]


“ Cost Mp 1 ให้ Thunder Shoot ทำงาน ผลของมันทำให้ ฟีโอโดร่า สามารถโจมตีข้ามไปยัง Df Line
ได้จนกว่าจะหมดรอบ ”
ริน ประกาศพร้อมกับ ร่ายมิสติกการ์ด ออกไป เทพี เก็บดาบทั้งสองเหน็บกับเอวไว้ ก่อนจะ รับเอา คันธนู
มาเตรียมง้างศร

รูปภาพ

[Sri Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 1/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 2 , Mystic 0 Mp:4/8 Shrine 3/8 ]

“ Cost Mp 3 โจมตีไปที่ ทาลูคัส Dragon of Mine!! ”
ริน ประกาศ มังกรสาวกสยายปีกขึ้นไปเหนือสนาม พร้อมกันนั้น เทพี ก็ได้เล็งคันศรไปยัง อัศวินมังกรสีขาว
ก่อนจะแผลงศรออก ไปพร้อมๆกับ ที่มังกรสาวกได้ พ่นอัคคีดำ เข้าไปสมทบด้วย และกำจัด อัศวินมังกรขาวไปได้ในที่สุด

[Sri Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 3/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 2 , Mystic 0 Mp:1/8 Shrine 3/8 ]

“ หมดรอบ… ”
หลังจากที่ได้ใช้ Mp ไปจนหมดสิ้นแล้ว เธอจึงประกาศจบรอบของตน

“ รอบของฉัน!! ”
ศรี ประกาศพร้อมกับจับมิสติกขึ้นมาจากสำรับเพียงใบเดียว

[Sri Status; Hand: Seal 4 , Mystic 3 Mp:8/8 Shrine 3/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 2 , Mystic 0 Mp:8/8 Shrine 3/8 ]

“ ให้ ทาโซรอส แยกการรวมร่าง… ”
ศรี ประกาศ ปีกบนหลังของ อัศวินมังกร จึงแยกตัวออกกลับเป็น มังกรแห่งอรุณสาง อีกครั้ง

“ Cost Mp 4 แล้วให้ ทาโซรอส กับ ทอลเมนอส เป็นวัตถุดิบในการ Growth …. ”
สิ้นคำ อัศวินมังกร และ มังกรอรุณสาง ก็สลายตัวกลับเป็นละอองแสง และหลอมรวมเข้าด้วยกัน
การ์ดผนึกบนมือ ถูกโยนเข้าไปใน มวลแสงที่รวมกัน

“ ความกล้าคือดาบที่จะฟาดฟันไปสู่อนาคตจงจำนามเราไว้ เทพแห่งอัศวินมังกร
ทาลิวิลย่า (Thaliwilya, the God of Dragoon) ”
ศรี เปรย ร่างซึ่งเปล่งประกายด้วยแสงสีทอง ยิ่งกว่าแสงอรุณยามเช้า ปีกกว้างที่กางอยู่ค่อยๆหุบลง
เมื่อขาทั้งสองจรดพื้น ธรณีก็ถูกปัดเป่าจนเกลี้ยงเกลาด้วยสายลมที่พัดออกจากร่างของ อัศวินมังกรเทพ ผู้นี้

รูปภาพ

[Sri Status; Hand: Seal 3 , Mystic 3 Mp:4/8 Shrine 3/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 2 , Mystic 0 Mp:8/8 Shrine 3/8 ]

“ ให้ ทาลิวิย่า รวมร่างกับ อังกาวี่ ..Cost Mp 4 ให้ Skill ของ ทาลิวิลย่า ทำงาน ทาลิวิลย่าจะทำการโจมตี All ด้วยค่า Df ของ เผ่ามังกรที่เป็น Seal รองรวมร่าง ค่า Df ของ อังกาวี่ คือ 10 เท่ากับ ฟีโอโดร่า แต่นี่เป็นการโจมตี All รู้ผลกันแล้วนะ ”
ศรี ประกาศ จบ อัศวินมังกรเทพ ได้โจนทะยานขึ้นไปยืนบนหัวของ มังกรอสรพิษ และเคลื่อนทัพสู่แนวหน้าทันที

“ ทำไมถึงต้องทำอะไรให้ยุ่งยากขนาดนี้ด้วยนะ…ทั้งที่แค่ใช้ ทาโซรอส โจมตีเข้าไปก็ชนะพลังกันเห็นๆอยู่แล้วทำไมจะต้องมาลงทุนโจมตีออกด้วยพลังที่เท่ากันแบบนี้ด้วยเนี่ย? ”
มิส พูดด้วยความรู้สึกตะหงิดๆกับการกระทำอันแสนอ้อมค้อมนี้

“ บางทีพี่ศรี อาจต้องบอกอะไรบางอย่างกับ พี่ริน ก็ได้นะ นายพอจะรู้บ้างรึเปล่าล่ะ ธนัท ”
โคทาโร่ หันไปถาม ธนัท ทว่า เค้าเองก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน

“ Great of Dragon ”
ศรี เปรยเสียงเรียบ พร้อมกับที่ อัศวินมังกรเทพของเค้า ประสานมือเข้าด้วยกัน ลำแสงพุ่งออกจากมือและกลายเป็นมังกร
แสง ทะยานเข้าอัด ร่างของ มังกรสาวก และ เทพีผู้ควบคุมมังกรที่ขี่อยู่ จนแหลกสยายไปพร้อมกันในคราเดียว

[Sri Status; Hand: Seal 3 , Mystic 3 Mp:0/8 Shrine 3/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 2 , Mystic 0 Mp:8/8 Shrine 7/8 ]

“ แต่ว่า…Shrine ของหนูยังไม่หมด เพราะงั้นหนูจะดวลต่อไปจนกว่าจะถึงที่สุดในฐานะของ นักร่ายอสูรคนหนึ่ง! ”
ริน กระกาศรอบของเธอ พร้อมกับจับมิสติกการ์ดขึ้นมา 2 ใบ

[Sri Status; Hand: Seal 3 , Mystic 3 Mp:0/8 Shrine 3/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 2 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 7/8 ]

“ จังหวะนี้ เมื่อเข้าสู่ Sub-Turn ป้องกันของพี่ Ability ของ ทาลิวิลย่า ก็จะทำงาน ทำให้
ต้องรับ Dimension Curse ไปจนกว่าจะหมดรอบ เท่ากับว่า ตอนนี้ สนามของ พี่ไม่มีอะไรให้ป้องกันอีกแล้ว ”
ริน กล่าว ร่างของ อัศวินมังกรเทพ และ มังกรอสรพิษ ค่อยๆเลือนหายไปตอนนี้สนามของ ศรี เปิดโล่งและไม่มีอสูร
ที่คอยคุ้มครองอยู่ในสนามแล้ว

“ Cost Mp 2 จงออกมา วาลคิวเร่ ไนท์(Valkyrie Knight) จากนั้น Cost Mp 1 โจมตีโดยตรง!! ”
ริน ประกาศพร้อมกับร่ายซีลการ์ดบนมือ ออกมา อัศวินสาวกแห่งวาคิวเร่ ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับ สะบัด
ดาบออก และวิ่งตรงเข้าไปจู่โจมทันที

รูปภาพ

[Sri Status; Hand: Seal 3 , Mystic 3 Mp:8/8 Shrine 3/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 7/8 ]

“ Cost Mp 2 ให้ Holy Prayer ที่อยู่บนมือทำงาน รักษา Curse ให้กับ ทาลิวิลย่า ”
ศรี ประกาศ พร้อมกับร่ายมิสติการ์ด บนมือ ออกไปนักบวชหญิง ปรากฏขึ้นบนสนามและเริ่มสวดภาวนา

รูปภาพ
[Sri Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:6/8 Shrine 3/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 7/8 ]

“ ไม่ยอมหรอก Cost Mp 2 ร่าย Inquisition ทำลาย Holy Prayer ซะ ”
ริน แทรกขึ้นก่อนจะร่ายมิสติกการ์ดออกไปขัดขวางการภาวนาของนักบวชหญิง ทันทีที่การ์ดสำแดงผล นักบวช
ได้ปรากฏขึ้นบนสนามของเธอและจุดไฟ ใส่กระดาษอาคมในมือก่อนจะขว้างใส่ นักบวชหญิง

รูปภาพ
[Sri Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:6/8 Shrine 3/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 1 , Mystic 1 Mp:3/8 Shrine 7/8 ]

“ Cost Mp 2 ให้ Inquisition ทำงาน ทำลาย Inquisition ของ เธอซะ! ”
เช่นเดียวกัน ศรี ร่ายการ์ดแบบเดียวกันออกมาเพื่อมิให้เธอขัดขวางการ ภาวนาได้

[Sri Status; Hand: Seal 3 , Mystic 1 Mp:4/8 Shrine 3/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 1 , Mystic 1 Mp:3/8 Shrine 7/8 ]

“ Cost Mp 2 ให้ High Priest of Ekklesia ทำงาน ทำลาย Holy Prayer แทน! ”
ริน ประกาศพร้อมกับร่ายมิสติกการ์ด ใบสุดท้ายออกมา นักบวชซึ่งมีชั้นสูงกว่านักบวชทั้งหมดที่ปรากฏอยู่บนสนาม
ถูกอัญเชิญขึ้นมาและชี้ไปยัง นักบวชหญิงผู้กำลังภาวนา ราวกับว่าเธอคือต้นเหตุของการต่อสู้ระหว่างนักบวชนี้

[Sri Status; Hand: Seal 3 , Mystic 1 Mp:4/8 Shrine 3/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 1 , Mystic 0 Mp:1/8 Shrine 7/8 ]

รูปภาพ

“ Cost Mp 2 ให้ High Priest of Ekklesia ทำงาน เท่านี้ การรักษาของ Holy Prayer ก็จะไม่มีอะไรมาขัดขวางอีก… ”
ศรี เปรยพร้อมกับ ร่ายการ์ดแบบเดียวกันออกมา นักบวชชั้นสูงอีกคนได้ปรากฏตัวขึ้น และใช้อัคคีศักดิ์สิทธิ์
เข้าเผาผลาญ นักบวชชั้นสูงของเธอ การภาวนาของ นักบวชสาวจึงเป็นผลสำเร็จ

[Sri Status; Hand: Seal 3 , Mystic 0 Mp:2/8 Shrine 3/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 1 , Mystic 0 Mp:1/8 Shrine 7/8 ]


“ Great of Dragon!!! ”
ศรี ประกาศ ร่างของ อัศวินมังกรเทพได้ปรากฏขึ้นอีกครา และสร้างลำแสงมังกรสวนกลับการจู่โจมของ
อัศวินสาวกแห่งวาลคิวเร่จนพ่ายไปในที่สุด

[Sri Status; Hand: Seal 3 , Mystic 0 Mp:2/8 Shrine 3/8 ]Win
[Rin Status; Hand: Seal 1 , Mystic 0 Mp:1/8 Shrine 9/8 ]Lose

“ เอ้า! มัวรออะไรอยู่ล่ะหมอนั่นรอ อยู่นะ ”
ศรี กล่าว พร้อมกับชี้ออกไปข้างนอกกำแพงรั้วของบ้าน ริน จึงรีบวิ่งออกไปตามที่เค้าชี้

“ อ…อ้าวจะไปไหนน่ะ พี่ริน! ”
ธนัท ตะโกน พร้อมกับจะตามออกไป แต่ ศรี ก็เข้ามาขวางเอาไว้รวมถึงคนอื่นๆที่จะตามออกไปด้วย

“ เรื่องนี้ขอล่ะพวกแกไม่ต้องสอดเลย ”

………………………..

ฉัน วิ่งออกมา จากรั้วบ้านแล้ว พยายามสอดส่ายสายตามองหาใครบางคน ที่อยากจะพบให้ได้ จนมาหยุดที่เงาของใครบางคนซึ่งยืนรออยู่ ท่ามกลางแสงจันทร์ ที่สาดส่องลงมาบนถนน ยามที่ได้เห็นใบหน้าของชายคนนั้นอย่างชัดเจน
รู้สึกตัวอีกครั้งหยาดน้ำตาก็เจิงนองบนใบหน้าของฉันเสียแล้ว

“ เกร… ”
เพียงคำเดียวที่ฉันจะพูดออกมาได้ ตัวฉันเองก็ยังรู้สึกแปลกใจทั้งที่มีเรื่องมากมายที่อยากจะพูดอยากจะถาม
ด้วยแท้ แต่ตอนนี้กลับพูดอะไรไม่ออก ทำได้แค่เพียงเข้าสวมกอดเค้าเอาไว้เท่านั้น

…………….
………………………
บนหลังคาบ้านของ ธนัท ตอนนี้ มาริน่า และ 3 องครักษ์ ประกอบด้วย อิส ไดสุเกะ และ ฟรานซิสก้า
กำลังมองดู ความเป็นไปของทั้งสองที่อยู่หน้ารั้วบ้าน อย่างเงียบๆ

“ สงสัยอยู่แล้วเชียวที่เจ้าหนูมาถามเรื่องนั้นตั้งแต่เมื่อกลางวัน….ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย… ”
มาริน่า บ่นอุบอิบแต่เธอก็รู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก

“ มาสเตอร์ เนี่ยใจดีจังเลยนะคะ ”
ฟรานซิสก้า ออกปากชม ขณะที่ องครักษ์รุ่นน้องทั้งสองได้แต่อมยิ้มหัวเราะคิกคักกัน

“ หา~~ นี่เธอตั้งใจจะว่าฉันโหดรึไงยะ? ”
“ ม…ไม่ใช่นะคะ มาสเตอร์น่ะ…เอ่อปกติก็คงจะโหดล่ะมั้ง… ”
“ ว่ายังไงน้า~~~~ ”
“ แว้ก~~~ ”

………………………………….
……………..

“ ฉันต้องไปแล้ว… ”
เกร เปรยเสียงเรียบ ก่อนจะปลดวงแขนของ เธอ ออกอย่างช้าๆ

“ เดี๋ยวสิแล้วเราจะได้เจอกันอีกไหม?! ”
เธอ ถามพร้อมกับจับมือ เขาเอาไว้แน่นและไม่ยอมปล่อยจนกว่าเค้าจะตอบ

“ ได้สิ…ถ้าอยากเจอเมื่อไหร่ ฉันก็จะมาหาเธอทุกเมื่ออยู่แล้ว~~ ”

สายลมพัดผ่านไปพร้อมกับเสียงนั้น ครั้นเมื่อเธอรู้สึกตัว เขาก็หายตัวไปแล้ว

“ เข้าใจแล้ว…ฉันเชื่อนะคำพูดของนาย…เราจะต้องได้พบกันอีก ”

……………………………………………………..
………………………

…………………….
………………………………………………………..

Next Sub-turn

ลูเซีย:ธนัท ก็ไปฝึกร.ด. โคทาโร่ ก็ออกไปทำธุระข้างนอก แมวไม่อยู่หมาไม่เฝ้า หนูร่าเริงจ้า!!
ตอนต่อไปถึงคราวฉันเป็นตัวเอกแล้วสินะ

มิส:เอ…เหมือนจะไม่ใช่นะ
ลูเซีย:อะไรอะ มิส อิจฉา ล่ะสิที่ฉันจะได้เด่นขึ้นมาใช่ม้า โฮะๆ
จูได:ฮาโหล พวกนายรู้ไหมว่า ธนัท อยู่ไหนกันน่ะ
ลูเซีย+มิส:นายเป็นใครกันล่ะเนี่ย
โช:รู้สึกว่า โคทาโร่ซัง จะไปดวลกับคนแปลกๆด้วยล่ะ
เกร:จากนี้ไปนี่คือเรื่องเล่า…ถึงการต่อสู้ของพระเจ้า ก่อนที่จักรวาลจะถือกำเนิด!!

..เวลาคือดาบที่พระองค์ใช้มันพรากผู้ที่เรารักไป บัดนี้กำลังจะพังทลายลงแล้ว....ต่อหน้าความเป็นไปได้ที่เหนือขีดจำกัด Progress Summon...... จงออกมา พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด

การุรุ:ตอนต่อไป Sub-Turn 29 Eternal Immortal สวรรค์สั่นคลอนเวลาที่หยุดนิ่งลง พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดปรากฏกาย!!
โคทาโร่:พระเจ้างั้นเหรอ?....

Card Pop!!

Valkyrie Knight

รูปภาพ

Type: knight Mp: 2 / 1 Lv: 2 Rarity: promo
At: 6 Df: 7 Sp: 3 Element: light
+[Light] Valkyrie Favor At 9 Mp 2
+N[Valkyrie] Nibelung Valesti At 11 Mp 3
Skill:
ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถนำ Mystic Card เข้ามาในสนามถ้าไม่ได้มาจากการร่าย จน จบ Subturn (Inf) (Mp 2)
Ability:
Shade of Bryna, the Valkyrie
เมื่อ Valkyrie Knight เข้ามาในสนามจาก Shrine เราจั่ว Mystic Card 1 ใบ
เมื่อ Valkyrie Knight ตก Shrine จากมือหรือกองการ์ดโดยผลของ Skill ของ N[Valkyrie] นำ Valkyrie Knight เข้ามาในสนามจาก Shrine จากนั้น N[Valkyrie] 1 ใบในสนาม At +2 / Infinity Turn




Sub-Turn นี้มาช้าเลทบรรลัย เลยขออภัยกันเป็นรอบที่ล้านแปด เนื่องจาก ภาระงานมันเข้ามาตีกันนัวเนียจนไม่เป็นอันทำอะไรกันเลยทีเดียว ตอนนี้เลยออกมาแบบมันเผาร้อนๆอีก แล้วว่าแต่บทหน้านี่เข้าข่ายว่าจะลงเลทกว่า
ไปอาทิตย์เพราะเป็นตอนควบเนี่ยสิ สำหรับตอนนี้ก็รู้สึกว่า คูลดาวน์ กันมาเยอะแล้วกลับเข้าเรื่องหลักให้เครียดกันนิดหน่อยดีกว่า จะว่าไปพล็อตที่แก้เครียดที่ยังเหลือเนี่ยมัน ยังเหลือ Gay War อีกอันนี่หว่า ไม่อยากจะเขียนเลยง่ะ - _ -#
(โดนเจ้า การุรุม่อน อัด แอ้ก!) ไม่เขียนคงไม่ได้สินะ T_T
อนึ่ง กำลังคิดเรื่องหาบ้านใหม่ให้ จูได กับพวกมิส เพราะถ้าขืนยกโขยงกันมาพักที่บ้าน ธนัท หมดคงแคบตายเลย
เอาไงดีล่ะเนี่ย จับยัดตู้ให้หมดเลยดีไหม (ง่ายไปมั้ง)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 28 ThaliwilyaVs.Valkyrie

โพสต์โดย boy เมื่อ อาทิตย์ ส.ค. 29, 2010 9:00 pm

Y War!!!!! อาาาา สุโค่ยยยย
ตอนนี้ดูเหมือนจะเร่งมากสินะครับ
เห็นคำผิดอยู่บางจุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Sub-Turn 29 Eternal Immortal

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ อังคาร ก.ย. 14, 2010 12:03 am

Sub-Turn 29 Eternal Immortal


…………………………………………………………………………………………


“……กว่า 5000 ล้านปีมาแล้วนับตั้งแต่ที่สงครามของเหล่าพระเจ้าได้ให้กำเนิด จักรวาลนี้ขึ้นมา… ”
การุรุ เพื่อนของ เกร พูด เขานั่งลงบนเก้าอี้ ข้างสระน้ำ ร่วมโต๊ะกับสหาย อีกคนซึ่งกำลังดื่มด่ำกับกาแฟซองที่พึ่งชงเสร็จ

“ เอแล้วจากนั้นยังไงต่อกันนะ เกรคุง~~ ”
เขาหันไปตะโกน เสียงสะท้อนดังก้อง จนทำให้ดียินไปถึงอีกฝั่ง ที่ เกร กำลังยืนมองลงไปในสระ และแม้จะเรียกย้ำไปอีก 2 ครั้ง เกร ก็ยังคงไม่ตอบอะไรกลับมาแต่ยังคงยืนจ้องสระอยู่อย่างนั้น

“ เสียแรงเปล่า ตอนนี้ต่อให้ไปตะโกนข้างๆหูเจ้าตัวเขาก็ไม่ตอบกลับมาหรอก ”
เพื่อนร่วม โต๊ะที่นั่งอยู่ด้วย กล่าวก่อนจะยกถ้วยกาแฟร้อนๆขึ้นซด หมดในอึกเดียวราวกับดื่มน้ำเย็น

“ ไม่ร้อนรึไงน่ะ? เทนโตะ ”
การุรุ มองด้วยสายตาแหยงๆ

“ บ้ารึเปล่า…กาแฟเย็นมันจะร้อนได้ไง ”
เทนโตะ พูดก่อนจะลุกเดินสาวเท้าฉับๆ หายลับไปจากสระ ทิ้งไว้เพียงแก้วกาแฟ ที่ยังคงส่งควันลอยฉุยออกมานิดๆ

“ ตานี่ลิ้นทำด้วยอะไรกันเนี่ย ”
การุรุ พูด

“ ขอโทษนะครับ รู้ทางไปโรงเรียนมนต์วิทยา รึเปล่า? ”
เด็กหนุ่มสวมแจ๊กเก็ตสีแดง เดินเข้ามาถามทางที่โต๊ะ หลังจากที่ เขาบอกทางให้จนเสร็จสรรพ
เด็กหนุ่มกล่าวขอบคุณเดินกลับออกไป รวมกลุ่มกับ เพื่อนตัวเล็กซึ่งสวมแจ๊กเก็ตแดงแบบเดียวกัน

“ ไปกันเถอะ โช ! ตอนนี้รู้ทางไปต่อแล้วล่ะ ”
“ อ๊ะรอด้วยสิ!~~ ลูกพี่คร้าบ~~ ”

……………………………………
……………….\...................................................

เช้ามืดของวันถัดมา ท้องฟ้ายังคงมืดสนิท สายลมหนาวพัดกรรโชก กิ่งไม้จนเกิดเป็นเสียง ดังแว่วไปทั่วท้องถนน
ดวงไฟจากบ้านเรือน ทยอยกันเปิดขึ้นเป็นสัญญาณของวันใหม่

“ ทำไมตื่นเช้ากันจังเลย…..วันนี้ไม่มีเรียนซักหน่อย ฮ้า…ววว ”
ลูเซีย เปิดประตูตู้เสื้อผ้าออกมาถามหน้าตางัวเงีย ก่อนจะหาวหวอดใหญ่

“ วันนี้ ฉันมีธุระข้างนอกน่ะ อาจจะกลับช้าหน่อย ”
โคทาโร่ ตอบและกำลังเก็บอุปกรณ์และข้าวของที่เตรียมไว้ใส่เป้ใบเล็ก ลูเซีย ขยี้ตาให้หายงัวเงีย ก่อนจะมองหาตัว ธนัท
ที่น่าจะนอนอยู่บนเตียง แต่ก็ไม่เจอ

“ แล้ว ธนัท ล่ะ?.. ”
“ ออกไปเมื่อกี๊เอง วันนี้เขามีสอบ ร.ด. กันนี่ ”
โคทาโร่ ตอบพร้อมกับปิดกกระเป๋าเป้ลง ก่อนจะแบกขึ้นสะพายหลัง

“ จริงด้วย นัดกับพวก แอน ไว้ว่าจะไปเชียร์ทุกคนด้วยนี่นา! ”
ลูเซีย โพล่งขึ้นมาทันทีที่นึกออก เธอรีบหันกลับเข้าไปในห้อง หลังตู้เสื้อผ้า เพื่อเตรียมตัวทันที

“ งั้นฉันไปก่อนนะ ”
โคทาโร่ พูดก่อนจะเดินออกไป

………………..
………………………………………….

เป็นเวลาสายแล้ว แสงตะวันทอประกายระยับจับขอบฟ้า ในลานสนามกว้าง กินพื้นที่เกือบไร่ บรรดานักเรียนจากต่างโรงเรียนต่างสถานศึกษามากมายแห่กันมาพร้อมหน้าอยู่ที่นี่ เพื่อเตรียมตัวรับการทดสอบคัดตัวเข้า เป็น
นักศึกษาวิชาทหาร(ร.ด. น่ะแหละ) ระหว่างนี้เอง ครูฝึกทหาร ซึ่งได้รับมอบหมายมาจะทำการชี้แจงการเตรียมตัว
ทั้งเรื่องเอกสาร และขั้นตอนต่างๆที่จะมีขึ้น

ธนัท และ อิส พวกเขาทั้งสองคน นั่งฟังบรรยายอยู่ด้วยกัน อย่างเงียบๆ เพราะรอบตัวก็เต็มไปด้วยนักเรียนจากโรงเรียนอื่นปะปนกันมั่วซั่วไปหมด เนื่องจากยังไม่มีการจัดหมู่จัดลำดับกัน ทำให้ นักเรียนแต่ละโรงเรียนส่วนใหญ่จะกระจัดกระจายกันออกไป

“ ช่วงเช้า ตรวจร่างกาย จากนั้นก็เริ่มทดสอบ วิดพื้น ซิทอัพ แล้วก็ วิ่ง รายการสุดท้ายทดสอบ
ยิงเป้านี่แค่ให้ยิงเล่นเฉยๆไม่นับคะแนนเหรอ ”
ธนัท อ่านสรุปรากายต่างๆทั้งหมดที่วันนี้จะต้องผ่านให้ได้ ก็เล่นเอากลืนน้ำลายไปอึกใหญ่

“ กังวลเหรอครับ? ”
อิส ถามเมื่อเห็นท่าทีของเขา

“ ก็ประมาณนั้น… อย่าง นาย น่ะแค่นี้คงสบายๆเลยสิ ”
ธนัท พูดเพราะ อิส เป็น 1ใน3 องครักษ์ของ มาริน่า ที่ฝึกมากับมือ อีกทั้ง วีรกรรมต่างๆที่ผ่านตาเขามา ก็พอจะรู้ขีดความสามารถอยู่บ้าง

“ ก็คงงั้นมั้งครับ เพราะทุกเช้า ทั้งซิทอัพ วิดพื้น ก็ทำอย่างละพันครั้ง ก่อนจะเริ่มฝึก
ตามระยะทางในป่าร่วมประมาณ 200-300 โลฯ เป็นการวอร์มหลังตื่นอยู่แล้วน่ะครับ ”

“ แค่ฟังก็เหนื่อยแทนแย้ว~~ ”
ธนัท ตอบเสียงสยิว หลังฟังรายการฝึกนรกภาคเช้า นั้นแล้วทำเอาเขารู้สึกว่าตัวเองช่างกระจอกเสียเหลือเกินขึ้นจับใจ

“ ไม่ต้องเครียดไปหรอกครับ อย่าง ธนัท น่ะผ่านฉลุยอยู่แล้วล่ะครับ ถึงจะไม่ได้ฝึกเลยก็เถอะแต่อย่าลืมสิครับว่าตอนนี้น่ะ
ธนัท เป็น DNA-Changer อยู่นะครับ ”
อิส กล่าว และทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ตอนนี้ตัวเขาเอง แม้แต่เหล็กยังจับงอได้เลยด้วยซ้ำ ถ้าออกแรงให้มากที่สุด
ซึ่งโดยปกติ แล้วแม้จะผ่านมา ร่วม 2 ปี ตั้งแต่กลายเป็น DNA-Changer มาแล้ว แต่เขาเองก็ยังไม่เคยรู้ถึงขีดความสามารถ

ของตัวเองที่เพิ่มขึ้นมาเลย นั่นเพราะไม่ได้มีเหตุการณ์ หรือ แรงบันดาลใจใด ชักจูงให้เค้าทดสอบ พลังของตัวเองได้เลย จนถึงเหตุการณ์ศึกกับ 3 อสูรเทพบรรพกาล

“ แต่ว่าทางที่ดี อย่าแสดงออกโจ่งแจ้งไปดีกว่านะครับ ทั้งวิดพื้น ซิทอัพ เอาแค่พอผ่านก็พอ DNA-Changer น่ะไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับกันเท่าไหร่นัก แถมเรื่องที่คุณเป็นนี่ฏ้ยังเก็บเป็ความลับเฉพาะพวกเราอยู่ด้วย ”
อิส เตือนเพื่อกำชับให้เค้าระวังไม่ใช่เพื่อบอกให้เค้าใช้พลังความสามารถที่เกินมนุษย์ ขึ้นมาอย่างสบายๆ
ธนัท พยักหน้ารับ ตอนนี้แทนที่เค้าจะมัวแต่กังวลว่าจะผ่านรึเปล่า กลับต้องมาคิดหนักว่า จะแกล้งทำให้พอผ่านแบบ

ธรรมดาเหมือนชาวบ้านเค้าได้รึเปล่าแทน เวลานี้เค้าอยากให้ โคทาโร่ มาอยู่ด้วยจริงๆ เพราะจะได้ถามเอาแนวได้บ้าง
แต่เพราะ โคทาโร่ ไม่ได้มีสัญชาติ ตามที่กำหนดจึงไม่ต้องรับการเกณฑ์เป็นทหารแล้วก็ไม่ต้องเรียน ร.ด. ด้วย


“ จะว่าไป ตั้งแต่เรื่องความนั้นแล้ว เคียว ก็ไม่มาโรงเรียนอีกเลย อิส นายพอจะเห็นมั่งเปล่า ”
ไปๆมาๆ ทำให้ เขานึกถึง เคียว ขึ้นมา แต่ อิส ก็ตอบไม่ได้เช่นกันว่า เคียวหายไปไหน

“ ลองไปดูที่บ้าน คุณเคียว บ้างรึยังล่ะครับ ” อิส ถาม
“ จะว่าไปนายไม่รู้นี่นะ….เรื่องบ้านของ เคียว น่ะ ”
ธนัท เปรยและไม่ได้ตอบอะไรหลังจากนั้นอีก เพราะตอนนี้ครูฝึกสั่งให้พวกเค้าลุกขึ้นเข้าแถวตามลำดับกันแล้ว

………………………………….
………………………………………………………
…………………………………………………………………….

สถานี วาร์ปเกท(Warp Gate) ซึ่งใช้สำหรับการเดินทางระยะไกลในเวลาอันสั้นของยุคนี้ โดยจะขนส่งบุคคล ผ่านเส้นทาง
การไหลของเวทมนต์ เสมือนการเคลื่อนที่ด้วย เครื่องย้ายมวลสารแบบในหนัง Si-Fi โดยที่ วาร์ปเกทนั้นจะใช้เฉพาะ

การเดินทางภายในประเทศเท่านั้น โดยจะมี สถานีใหญ่ประจำจังหวัด และสถานีย่อยประจำเขต โดยการเดินทางข้ามจังหวัดนั้น จะต้องเดินทางจากสถานีใหญ่เท่านั้น และจากสถานีใหญ่สามารถไปยังสถานีย่อยประจำแต่ละเขตในจังหวัดนั้นๆได้

ดังนั้นการเดินทางแบบนี้ก็ไม่ได้ต่างไปจากการนั่งรถต่อกันไปที่สาย สถานีใหญ่สาขาประเทศไทยนั้น มีรวมทั้งสิ้น 76 สถานีใหญ่ และอีก หลายร้อย สถานีย่อย ระบุได้ไม่ทั้งหมด

สถานีย่อย วาร์ปเกท ประจำเขตแห่งหนึ่ง หลังจากพ้นออกจากอาคารสถานีแล้ว บริเวณโดยรอบนั้นเป็นชนบท ห่างไกล
ความเจริญ อยู่บ้างสองข้างทางของ ถนนลูกรัง เรียงรายไปด้วยตลาดขายของชำ และอาหารพื้นเมือง ยามเมื่อสายลมพัดทอด

ผ่านไปก็จะขนเอาฝุ่นลูกรัง ให้โชยขึ้นมา ร้านค้าต่างๆจึงมีผ้าใบใส หรือแผ่นพลาสติก วางคลุมสินค้าไว้เพื่อป้องกันฝุ่น
การแต่งตัวของคนในถิ่นก็จะ แต่งกายสบายๆแบบชาวไร่ชาวสวน ซึ่งเป็นอาชีพของคนส่วนใหญ่แถวนี้
ระหว่างทางก็จะมีรถสองแถวรอรับส่งผู้โดยสารจากสถานีไปยังหมู่บ้าน ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการกันอยู่นิจ

“ ถึงสถานีแล้วนั่งรถเข้าไปที่หมู่บ้านต่อสินะ ”
โคทาโร่ ทวนคำกับตัวเอง ในมือถือ กระดาษจดรายละเอียดการเดินทางเอาไว้ เดินไปขึ้นรถ สองแถวที่กำลังจอด
รอรับผู้โดยสารอยู่ หลังจากที่ผู้โดยสารขึ้นกันมานั่งจนเต็มคันรถแล้ว คนขับจึงเริ่มออกรถ เพื่อตรงไปยังหมู่บ้านที่อยู่ข้างหน้า วิวตลอดสองข้างทางจนถึงผมู่บ้าน คือทุ่งนากว้างสุดขอบฟ้าจรด กลิ่นอายของท้องนา

ชวนให้ผ่อนคลาย สายลมเย็นพัดโชยแทรกเข้ามาตามร่องของกระบะหลังรถ ทำให้รู้สึกเย็นสดชื่นอย่างยิ่ง
เป็นบรรยากาศที่ยากจะหาได้ในตัวเมือง

………………………….

ไม่กี่ สิบนาทีต่อมา รถสองแถวก็วิ่งมาจอดที่ หน้าหมู่บ้าน พร้อมๆกับ รถคันอื่นๆที่วิ่งออกมาจากตลาดหน้าสถานี เช่นกัน
โคทาโร่ สะพายเป้ใส่สัมภาระ ของตนก่อนจะลงไปจ่ายเงินค่าโดยสารให้กับคนขับ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้าน

ตลอดเวลาที่เดินลึกเข้าไปในตัวหมู่บ้าน ก็ยิ่งได้พบเห็น วิถีการใช้ชีวิตและความเชื่อหรือ วัฒนธรรมของ คนพื้นที่
ทั้งชาวนาที่จับกลุ่มกัน จูงกระบือ เดินไปที่นา หญิงชาวบ้านหามคันไม้แบบกถังไปตักน้ำ ไปจนถึง เด็กๆที่วิ่งเล่นกัน
อย่างสนุกสนามในหมู่บ้าน หรือ แม้แต่ศาลเจ้าที่มีของมาเซ่นไหว้วางอยู่มากมาย….

“ อย่านะ! ”
เสียงที่ดังขึ้นทำให้ เขาหันกลับไปมอง เด็กชายชาวบ้านคนหนึ่ง กำลังถูกชาย 3 คนยืนล้อมกรอบ แต่ล่ะคนนั้น
ล้วนเป็นชายฉกรรจ์ท่าทางเหมือนพวกนักเลงประจำถิ่น

“ แกส่งเงินมาให้พวกข้าจะดีกว่านะไอ้ เผือก จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว ” ชาย 1 ใน 3 คน ออกปากพร้อมกับเดินเข้าไป
แย่งถุงผ้าที่ เด็กชาย ถืออยู่แต่ แต่เด็กชาย ก็ปัดแขน เขาออกแล้วเอาถุงผ้าเข้ามากอดไว้กับตัวไม่ยอมให้ ชายทั้งสามแย่งไปได้

“ เงินนี่น่ะ ข้าเก็บไว้จะเอาไปซื้อยาให้แม่ นะขอร้องล่ะอย่าเอาไปเลย ”
เด็กชาย พูดทั้งน้ำตา พลางกอดถุงผ้าใส่เงินอันสำคัญ เอาไว้ตัวสั่น

“ มึงนี่พูดไม่รู้ฟังรึไงวะไอ้เผือก แม่ เอ็งน่ะถูกปอบเข้า ยาอะไรก็รักษาไม่ได้หรอกโว้ย เงินนั่นน่ะ เอามาให้พวกข้าดีกว่า เอาไปซื้อยาช่วย ปอบ ให้มันมาฆ่าพวกกูหมดหมู่บ้านรึไง ”
ชายอีกคนในกลุ่ม ตะคอกใส่ พร้อมกับเข้าไปยื้อแย้ง ถุงผ้ามา แม้เด็กชายจะพยายามยื้อแย่งเอาไว้
แต่ก็สู้แรงไม่ได้

“ เอาคืนมานะ เอาเงินข้าคืนมาเถอะนะ ”
เด็กชาย อ้อนวอนพร้อมกับวิ่งเข้าไปแย่งเอาถุงผ้าคืน แต่ก็ ถูกชายอีกคน ผลักจนล้มกลับไป
ชายคนที่แย่งถุงผ้ามา เอามือล้วงลงไปในถุง ควักธนบัตรและเหรียญที่มีอยู่ไม่มาก ออกมาจ้องตาลุกวาว

“ เที่ยวนี้ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่เลยว่ะ ” เขาพูดพร้อมกับยื่นเงินให้อีกสองคนดู
“ เอาเหอะ คงพอค่าเหล้าคืนนี้ล่ะวะ ” ชายคนผลักเด็กไป พูด

“ เอาคืนมานะ! ”
เด็กชายที่แม้จะถูกผลักล้มไปครั้งแล้ว แต่ก็ยังวิ่งกลับมาแย่งเอาเงินของตนคืน ชายที่ถือเงินไว้ เริ่มจะเหลือ อด

“ น่ารำคาญจริงไอ้เด็กเวรนี่ ”
ชายที่ถือเงินไว้ สบถพร้อมกับยกกำปั้นจะซัดใส่ ทว่า ก่อนที่จะได้แบบนั้น ก็ถูกหมัดซัดเข้าที่ปลายคางจนตัวลอย
เงินที่ถือไว้ในมือนั้นถูกชิงเอามาก่อนที่จะหล่นกระจาย

“ เฮ้ย!! นี่แกเป็นใครวะ!? ”
ชายอีกคนสบถหันไปมองหน้าคนที่เข้ามาชกเพื่อนของตนจนปลิวไป

“ เคยได้ยินรึเปล่า…….คนที่ขโมยของคนอื่นจะสูญเสียสิ่งสำคัญของตัวเองไป ”
โคทาโร่ เปรยพร้อมกับส่งเงินที่ชิงมาคืนให้ กับเด็กไป

“ ห๊าแกพูดไรวะไม่เห็นจะเข้าใจ ”
“ อย่างพวกแกน่ะคุยด้วยปากคงไม่รู้เรื่องงั้นคุยด้วยหมัดก็แล้วกันนะ ”
สิ้นคำ หลังจากนั้นไม่กี่วินาที สองนักเลง ก็ถูกอัดจนลงไปกลิ้งตามเพื่อนของตนที่ลอยไปก่อนแล้ว

“ เอ้า! ว่าไงยังข้องใจอะไรอีกรึเปล่า ”
โคทาโร่ พูดพร้อมกับหักนิ้ว เตรียมจะอัดต่อให้ยับ แต่สามนักเลง นั้นพากันผวาจนต้องรีบพยุงกันวิ่งหนีไป

“ ไม่เป็นไรแล้วนะ เจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า ”
โคทาโร่ หันไปถาม เด็กชายกล่าวขอบคุณก่อนจะเก็บเงินที่ได้คืนใส่ถุงผ้าแล้ววิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว

“ นี่พี่ชาย ไปช่วยเด็กคนนั้นไว้ระวังเรื่องจะเข้าตัวเอานะ ”
ชายชาวบ้านแก่ๆคนหนึ่ง เดินเข้ามาทักหลังจากที่เด็กวิ่งจากไปไกลแล้ว

“ ทำไมล่ะ ” โคทาโร่ ถามอย่าง งงๆ

“ แม่ของเด็กคนนั้นน่ะ ถูกปอบเข้า ตกดึกน่ะ จะออกมาปอบมันจะออกจากร่างมา ฆ่าคนในหมู่บ้านเพื่อกินเครื่องใน… ”
“ พอที! ”
ระหว่างที่ชายแก่กำลังเตือนด้วยความหวังดี โคทาโร่ ก็ขัดขึ้น เขาเบื่อที่จะฟังความเชื่อบ้าๆที่ทำให้เด็กคนหนึ่ง
ต้องเจอกับเรื่องแย่ๆพรรค์นี้เต็มทีแล้ว

“ เคยได้ยินรึเปล่า…..ใครรู้จักของจริง จะไม่มีวันโดนของปลอมตบตาแน่นอน ”
โคทาโร่ เปรยก่อนจะออกเดินตามเด็กคนนั้นไป ทิ้งให้ชายแก่ ยืนมองอย่าง งงๆ

………………………………………………
………………………

“ จากนี้ไปคือการทดสอบวิดพื้น 26 ครั้งใน 1 นาที!! ”
เสียงประกาศเริ่มการทดสอบดังขึ้น และเมื่อเสียงนกหวีดลั่น บรรดานักเรียนที่เข้าทดสอบ ต่างพากันยกลำตัว
ขึ้นลงจากท่านอนเกร็งลำตัว อย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันกับเวลาโดยมีครูทหารคอยนับ

จำนวนครั้ง หลายคนที่ลุกไม่ไหวตั้งแต่เริ่มก็มี จนลงไปนอนแผ่หล้า กับพื้น หรือคนที่ทำไปได้ครึ่งทางก็หยุดด้วยความเหนื่อยล้า และคนที่ยังทำต่อไปได้อย่างสบายๆ ซึ่งในนั้น ธนัท ต้องคอยปรับความเร็วในการปฏิบัติให้ดูเป็นปกติที่สุด

และแกล้งแสดงออกทางสีหน้าว่าเมื่อยล้าเหมือนคนอื่นๆ ทั้งที่จริงแล้วๆ ต่อให้ วิดพื้นอีกซัก 100 กว่าครั้งใน วินาทีเดียว
ก็คงเป็นเรื่องที่ไม่เวอร์เกินจริง จนตัวเขาเองยังรู้สึกทึ่งกับขีดจำกัดนี้เลยด้วยซ้ำ

……………………
………………………………….

{ อาการเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อนแบบนี้….ไข้จับสั่นสินะ }
โคทาโร่ คิดหลังจากมองดูอาการของหญิงวัยทอง ที่นอนจับสั่นอยู่บนเสื่อ ในเพิงเก่าๆหลังนี้
เธอคือแม่ของเด็กที่เขาช่วยเอาไว้

“ แม่ กินยาก่อนนะ เดี๋ยวเผอกจะป้อนให้ ”
เด็กชายกล่าว พร้อมกับ แกะกล่องยาที่ซื้อมาจากร้าน ออก

“ เธอชื่อเผือกเหรอ? ”
โคทาโร่ ถามเด็กชายพยักหน้ารับและรินยาจากขวดที่เอาออกจากกล่องใส่ช้อนต่อ
จนเต็ม ก่อนจะเข้าไปพยุงร่างของแม่ที่สั่นไม่หยุดขึ้นมานั่ง แล้วค่อยๆป้อนยาให้

โคทาโร่ มองด้วยความรู้สึกเวทนาไม่น้อย กับความเป็นอยู่ของสองแม่ลูก ตัวเขารู้ดีว่าต่อให้กินยาลดไข้ที่หื้อได้จากแถวนี้
มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากไปกว่านั้น แม้แต่ตัวเด็กที่เป็นลูกยังเข้าใจแค่ว่าแม่ของตนเป็นหวัดหนักจนต้องนอนตัวสั่นแบบนี้

“ ทนดูไม่ไหวแล้ว… มาราคัส แสตนบายน์! ”/Yer Sir! Get Set/
โคทาโร่ เปรยพร้อมกับออกคำสั่งให้ Note ที่ห้อยคออยู่เปลี่ยนรูปแบบเป็นปลอกแขน โดยที่คราวนี้ จากที่เคยเป็นเพียงปลอกแขนกลสวมอยู่ที่แขนซ้ายเพียงข้างเดียว ตอนนี้กลับกลายเป็น ปลอกแขนสวมใส่ที่ข้อมือทั้งสองข้างแทน
เด็กชากยหันมามองเค้าด้วยสายตา ฉงน

“ รอบของฉันจั่วไพ่!! ”
โคทาโร่ กล่าวพร้อมกับจับมิสติกการ์ดออกมาจากสำรับ และมิสติกที่เค้าจับขึ้นมาได้คือ Holy Prayer

รูปภาพ

เฟืองไดนาเมซ ที่ติดอยู่บนปลอกข้อมือทั้งสองข้างละอันนั้น เริ่มหมุนเสียดสีกับอากาศสร้างละอองเวทย์ขึ้นมาจนคละ
คลุ้งไปทั่วเพิงในเวลาไม่นาน

“ ให้ Holy Prayer ทำงาน! เลือกผลในการรักษา Curse ”
สิ้นคำ มิสติกการ์ดที่อยู่ในมือก็ดูดซับเอาละองเวทย์เข้าไปจนเรืองแสงขึ้นมา โคทาโร่
ค่อยเอาการ์ดวางลงไปบนร่างอันสั่นเทาของแม่เด็ก แสงจากการ์ดค่อยๆอาบร่างของเธอ จนส่องสว่างไปทั้งร่าง
และเมื่อแสงสว่าง ดับลง ร่างของเธอก็หยุดสั่นลง เด็กชายมองตาโตด้วยความอัศจรรย์ กับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ เอาล่ะตอนนี้ไข้หนักก็ถูกปัดเป่าไปแล้ว แต่ร่างกายแม่เธอยังไม่แข็งแรงดีต้องให้นอนพักผ่อนมากๆแล้วก็ทานอาหารดีๆ
ด้วย ซัก 3 วันก็กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมแล้วล่ะ ” /Get Off/
โคทาโร่ อธิบายก่อนจะให้ มาราคัส กลับคืนสู่สภาพของจี้ห้อยคอ

“ เดี๋ยวฉันจะทำกับข้าวให้ เธอคอยดูแลแม่อยู่นี่ให้ดีๆล่ะ ”
โคทาโร่ กล่าวก่อนจะ เดินเข้าไปในครัวหลังเพิง เพื่อดูกับข้าวที่มีเก็บไว้ จากนั้นจึงเริ่มลงมือทำอาหารตาม
แบบถนัดของตน

ครู่ต่อมา อาหารก็เตรียมเสร็จพร้อมกิน โคทาโร่ ยกเอา ชามข้าวต้มอุ่นๆ ที่ตักจากหม้อหุงเตาถ่าน
และ ไข่เจียว กับผักต้ม ออกมาวางที่เพิง กลิ่นข้าวต้มหอมฟุ้งชวนให้น้ำลายไหล
เด็กชาย รับเอาชามข้าวต้มมา ส่วนตัวเขา ก็เดินไปช่วยพยุง ตัวแม่ของเด็กขึ้นนั่งก่อนจะหาอะไรให้เธอพิง

เด็กชาย ตักข้าวต้มขึ้นมา เป่าให้หายร้อนพออุ่นๆ แล้วค่อยป้อนให้เธออย่างช้า เมื่อแม่ของเด็กได้ทาน
สีหน้าของเธอค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ จนในที่สุดเธอก็มีแรงพอจะ รับเอาชามข้าวต้มมาตักกินเองได้

“ แม่ขยับได้แล้ว ”
เด็กชาย กล่าวดวงตาน้อยๆ เบิกกว้างด้วยดีใจจนเก็บไม่อยู่

“ ขอบคุณนะคะที่ช่วย ฉันกับลูกไว้ ”
แม่ของเด็ก กล่าวเธอ โค้งให้แต่ โคทาโร่ ก็ปรามไว้เพราะเขาแค่อยากช่วยเท่านั้นไม่ได้ต้องการอะไร

“ จริงสิ เธอก็กินด้วยสิ อร่อยนะ ”
โคทาโร่ กล่าวพร้อมกับ ยื่นชามข้าวต้มอีกชามที่ตักมาให้ เด็กชาย

“ เคยได้ยินรึเปล่า…กินอะไรก็ได้อย่างนั้น กินของดีๆจะทำให้สุขภาพดีไปด้วย แล้วไว้ตอนเย็นฉันจะกลับมาทำให้อีกนะตอนนี้ฉันต้องไปแล้ว บาย~ ”
โคทาโร่ กล่าวพร้อมกับสะพายเป้ขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะบอกลากับสองแม่ลูกแล้วเดินทางต่อ

………………………………
……………………………………………


“ จากนี้ไป เป็นการทดสอบซิทอัพ 40 ครั้ง!! ”
เสียงประกาศดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงนกหวีดลั่น บรรดานักเรียนที่เข้ารับการทดสอบ พากัน เกร็งหน้าท้องดีดตัวขึ้นลงจากท่านอนหงาย อย่างฉับไว และเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ก็เริ่มมี นักเรียนที่หมดแรงจนความเร็วตกหรือหยุดทำไปเลย

และคนที่ยังแรงดีทำต่อได้เรื่อยๆ จนเวลาหมด ซึ่งครั้งนี้ ธนัท เองก็พยายามจะปรับความเร็วให้เท่ากับคนอื่นๆแต่ไปๆมาๆ
เหมือนกับเค้าทำเป็นเล่นเสียมากกว่า เพราะเดี๋ยวก็ทำเร็วเกินเดี๋ยวก็ทำช้าเกิน จนดูไม่เป็นธรรมชาติ

“ ธนัท ทำท่าประหลาดๆแบบนั้น เป็นอะไรรึเปล่าน่ะ ”
ลูเซีย ถาม กับชุติการและ แอน ที่มายืนเชียร์อยู่ไกลๆ

“ รือว่าจาปวดท้องกันหนา ” แอน เดา
{อุตส่าห์ฝากอิสไปบอกแล้วนะว่า อย่าทำให้มันผิดแปลกกว่าชาวบ้านน่ะ} ชุติการ คิด

……………………………..

ไกลออกมาจากหมู่บ้าน สองข้างทางของถนนลูกรัง เริ่มเปลี่ยนจากท้องทุ่งเป็น เป็นแนวต้นไม้เรียงรายทอดตัวไปสู่ป่าทึบ
บนเขาสูง

“ ที่นี่สินะ… ”
โคทาโร่ เปรยสายตามองขึ้นไปบนยอดเขาสูงเกือบถึงเมฆ เป็นเวลาคล้อยบ่ายแล้ว
การจะปีนเขาสูงแบบนี้ขึ้นไป แม้จะเป็นตัวเค้าเองกว่าจะถึงยอด ตะวันก็เกือบจะลับฟ้าแล้วเป็นได้
เขาหันกลับไปมองที่หมู่บ้านที่พึ่งจากมา และชั่งใจกับสัญญาที่ให้กับ แม่และเด็กเอาไว้

“ ถึงจะเป็นห่วงอยู่แต่ยังไงก็คงต้องไปล่ะ เราเองจะมาทิ้งงานที่ พวก ไกอา ฝากมา แบบนี้ก็ไม่ได้ด้วย ”
โคทาโร่ เปรย และตัดสินใจ เดินลึกเข้าไปในป่าเพื่อจะปีนขึ้นไปยังยอดเขา

……………………………..
………………………………………………

“ จากนี้ไปจะเป็นการทดสอบวิ่ง 100 เมตรรอบสนามใหญ่!!! ”
เสียงประกาศดังขึ้น บรรดานักเรียนที่ผ่านด่านการทดสอบทั้งหมดมาจนถึงตอนนี้ต่างก็เริ่มล้า
และกังวลใจมากขึ้นกับผลทดสอบของตน ส่วนคนที่มั่นใจว่าผ่านก็มีอยู่มากคละกันไป

“ เฮ้อ~~ ”
ธนัท ถอนใจเฮือกใหญ่แม้ว่าผลการทดสอบที่ผ่านมาเค้าจะทำให้ได้ชัวร์จนผ่านแน่นอน และดูไม่แปลกกว่าใครคนอื่น
จนโดนจับได้ว่าเป็น DNA-Changer ก็ตาม แต่สำหรับการวิ่งในครั้งนี้ เค้าชักไม่แน่ใจแล้วว่าจะปิดไปได้อีกนานเท่าไหร่
ที่แย่เสียยิ่งกว่านั้นคือ ไม่เพียงเค้าคนเดียวที่เป็น DNA-Changer แต่ก็มีนักเรียนคนอื่นๆ เช่นกันที่เป็น DNA-Changer

และ เมื่อมีคนรู้ ผลัลัพธ์ต่อการแสดงออกของคนอื่นๆ มองพวกเขาในแง่ไม่ดีเท่าไหร่นัก ทั้งมองด้วยสายตาอิจฉา
และริษยา บ้างก็โวยวายขึ้นมาว่าไม่ยุติธรรมที่ให้ พวกเหนือมนุษย์แบบเรา มาทดสอบแบบเดียวกับพวกเค้า
ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ที่ให้ทดสอบแบบเดียวกันก็เพื่อจะได้ กองทัพที่มี DNA-Changer เข้าร่วมไว้เป็นกำลัง

นั่นเอง ถึงจะบอกว่าทั้งโลกเข็ดกับสงครามแล้วจากประวัติศาสตร์ที่ถูก เทพอสูรพิพากษากันมาหลายครั้งก็ตาม
แต่ความขัดแย้งก็ยังคงมีอยู่เรื่อยๆ เหมือนกับภูเขาไฟที่สะสมแมกม่ารอวันที่จะปะทุระเบิดขึ้นเป็นสงครามครั้งใหญ่
ถึงตอนนั้น พวกเค้าที่เป็น DNA-Changer นี่แหละที่จะต้องถูกเกณฑ์ตัวไปอยู่ทัพก่อนใครเพื่อน

“ เป็นอะไรครับ ยังกังวลอยู่อีกเหรอ ”
อิส เดินเข้ามาถาม เขาพยักหน้ารับสั้นๆ

“ ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ ถึงความจะแตกแต่คนอย่าง ธนัท น่ะ….ไม่มีใครทอดทิ้งหรอกครับ ”
อิส กล่าวก่อนจะตบหลังให้กำลังใจแล้วเดินไปต่อคิวลำดับลงวิ่งของตัวเอง
ธนัท หันมาคิดทบทวนดู ที่อิส บอกทำให้เขารู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างแต่ ก็ยังอดกังวลไม่ได้อยู่ดีว่าจะปิดต่อไปได้หรือไม่

เสียงนกหวีดลั่นขึ้น เป็นสัญญาณการทดสอบวิ่งของ นักเรียนชุดแรก ทุกคนใส่กันเต็มที่ เพื่อให้ผ่านการทดสอบหฤโหดนี้
และในอีกไม่กี่รอบก็จะถึงตาเขาบ้างแล้ว พวกผู้หญิงและเพื่อนๆที่ โรงเรียนมนต์วิทยา ต่างก็มายืนให้กำลังใจ
พวกที่สอบกันอยู่ข้างสนามพวก ลูเซีย เองก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย

…………………………………..
………………………………………………………

เป็นเวลาบ่ายจนเกือบถึงเย็นแล้ว ดวงตะวันคล้อยไปทางทิศตะวันตก แต่ยังคงมีแสงส่องลงมาอยู่
โคทาโร่ เดินปีนขึ้นมาตามทางลาดชัน จนขึ้นมาถึงยอด ทุ่งหญ้ากว้างเขียวขจี รออยู่ตรงหน้า และสิ่งที่ทำให้เขาต้องเดินทาง
มาที่นี่ ก็ปรากฏอยู่บนพื้นหญ้านี้ อยู่แล้ว คือซากปรักของ โบราณสถานยุคโบราณ ซึ่งดูเก่าแก่มาก อีกทั้งบนพื้นหญ้ายังมี
ลายทางขีดเอาไว้เป็นรูปสัญลักษณ์ต่างๆเหมือนกับบันทึกโบราณ และทที่แปลกคือ ไม่มีหญ้าขึ้นแม้ต้นเดียวที่บริเวณของเส้นขีดสัญลักษณ์เลย

“ ที่นี่น่ะเอง สถานที่ซึ่งยังมีเบาะแสของ มิสติกซิงโครไนซ์! ”
โคทาโร่ เปรยสายตาสอดส่องมองหาไปรอบเพื่อจะหาต้นตอในการสืบค้น ตามภาระกิจที่ได้รับมอบมา
จาก ไกอา อีกทีและเป็นงานที่ต่อเนื่องมาจาก มิสติกการ์ดซิงโครไนซื ที่เขาได้รับมาเมื่อครั้งไปเยือยดูเอลอคาเดเมีย

เขาวางเป้ที่สะพายมาลงกับพื้นหญ้า และจัดแจงเปิดมันออกเพื่อเอา อุปกรณ์ต่างๆที่เตรียมมา ทั้งกล้อง
ถ่ายรูปความละเอียดสูง และ เครื่องตรวจหาอายุของวัตถุ การทำงานค่อยเป็นค่อยไปจนเมื่อตะวันเกือบจะคล้อยดิน
ทอ้งฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มแล้ว แต่สุดท้ายการตรวจสอบยังไม่ช่วยให้เขาพบอะไรที่พอจะเป็นประโยชน์ได้เลย

“ อะไรกัน เย็นป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย… ”
โคทาโร่ สบถ ทั้งเหนื่อยและเจ็บใจที่อุตสาหะ ถ่อมาถึงที่แห่งนี้แต่กลับไม่ได้อะไรเลย

“ ทำท่าทางแบบนั้น แสดงว่าคว้าน้ำเหลวสินะ ”

โคทาโร่ หันควับกลับไปข้างหลังด้วยอาการตกใจ และยิ่งต้องช๊อคมากขึ้นไปอีกเมื่อคนที่ทักขึ้นมาตะกี้ คือ เกร

“ นาย…คนที่เคยมาตอนแข่งกับ เชส นี่ ทำไมถึงได้ ”

“ ถ้าจะสงสัยเรื่องแบบนั้นล่ะก็ ฉันว่านายเอาเวลาไปถามเรื่องอื่นดีกว่ามั้ง ”
เกร ตอบและค่อยย่างสามขุมเข้ามาใกล้

“ ฉันสงสัยมาตั้งนานแล้วว่า ทำไม ธนัท ถึงมีมิสติกการ์ดซิงโครไนซ์ แต่ตอนนี้ฉันพอจะเดาได้แล้วล่ะนะ
ว่าทำไม การที่นายมาอยู่ที่นี่มันคือคำตอบที่ชี้ชัดกันอยู่ ”
โคทาโร่ พูด

“ งั้นเหรอ เข้าใจอะไรง่ายดีนะนายเนี่ย ถ้างั้นฉันขอตบรางวัลให้ก็แล้วกันด้วยเรื่องที่มาที่ไปของ
มิสติกการ์ดซิงโครไนซ์เป็นไง ”
เกร พูดเสียงมั่น

……………………..
…………………………………………..

เวลาล่วงเลยมา จนเมื่อดวงตะวันลับขอบฟ้า ความมืดมิด ก็เข้าปกคลุม ทั่วทั้งท้องนา เสียงร้องของนกและสัตว์กลางคืน
เริ่มดังขึ้นไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ดวงจันทร์ค่อยๆเผยโฉมขึ้นหลังเมฆผ่านพ้นไป จันทราในคืนนี้ เป็นสีแดง

เผือดราวกับถูกย้อมด้วยเลือด เสียงร้องของสัตว์และแมลง ค่อยๆเงียบไป บรรดาหนูในท้องนา พากันวิ่งขึ้นมาบนถนน
ค้างคาว เป็นฝูงนับพันแห่กันบินออกมาจากถ้ำ ตรงไปยังหมู่บ้าน

ที่หมู่บ้านตอนนี้ มืดสนิทมาแล้ว ตามบ้านต่างๆก็จะจุดคบไฟใส่ขาตั้ววางไปที่หน้าบ้าน เพื่อให้แสงและความอบอุ่น
จากลมหนาวที่พัดโชยมาจากท้องนา คืนนี้ไม่ได้เป็นดั่งเช่นทุกคืน พวกคนในหมู่บ้าน ไม่ได้กลบเข้าไปนอน เพื่อเก็บแรงไว้
ทำงานในวันรุ่งขึ้นอย่างทุกทีวันนี้พวกเขามารวมตัวกัน และถือเอา คบไฟ และเครื่องมือทำนา ตั้งแต่เคียวไปจนถึงจอบ

“ คืนนี้แหละเราจะไปฆ่าปอบกัน จะปล่อยให้ใครในหมู่บ้านเป็นเครื่องสังเวยมันอีกไม่ได้แล้ว ”
นักเลงที่ถู โคทาโร่ ซัดไปเมื่อกลางวัน กล่าวปลุกระดมพวกชาวบ้านที่เห็นด้วยกับตน ภัยกำลังจะมาเยือนสอง
แม่ลูกในอีกไม่ช้า


………………………………
……………..


“ เหนื่อยหน่อยนะ ”
ชุติการ พูดพร้อมกับ ยื่นขวดน้ำเปล่าให้ ธนัท ที่พึ่งเดินกลับมากับ อิส หลังจากไป เข้าทดสอบการยิงปืน

“ ขอบใจ ” ธนัท กล่าวและรับขวดน้ำมาเปิดออกดื่มด้วยความกระหาย

“ แล้วผลการยิงเป็นไงมั่ง ” ลูเซีย ถาม

“ อิส ยิงเข้าเป้าหมดทุกนัดเลย ส่วนฉันเนี่ยสิ ยิงไม่โดนเป้าเลย แต่ไปโดนเส้นลวดที่หนีบเป้าขาดบ้างล่ะไปโดน
ไม้หนีบเป้าจนเป้าหลุดบ้างล่ะ ทำเอาโดนครูฝึกเอ็ดมาเลยเนี่ย ”

“ เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่การฝึกฝนมากกว่านะครับ ไม่เกี่ยวหรอกว่าจะเป็น DNA-Changer หรือเปล่า ”
อิส พูด

“ จริงสิ วันนี้ โคทาโร่ ไม่ได้มาด้วยเหรอ? ”
ธนัท ถาม

“ อ๋อเห็นเค้าว่าจะไปทำธุระนิดหน่อยน่ะ บอกว่าจะกลับดึกด้วยล่ะ ”
ลูเซีย ตอบ

“ วาย(Why) อยากจะคุยอะไรด้วยเหรอกับ โคทาโรว่ หนา ”
แอน ถามเสียงเหน่อ ธนัท ส่ายหน้าเบา

“ เปล่าหรอกแค่ฉันรู้สึกสังหรณ์ไม่ค่อยดีน่ะ ”
ธนัท ตอบ

“ อะไรของเธอน่ะ อุตส่าห์ผ่านกันทั้งที เราไปฉลองกันหน่อยเถอะ เอาร้านส้มตำแถวนี้เป็นไง ”
ชุติการ ออกปากชวน ซึ่งทุกคนก็เห็นดีด้วย และเตรียมไปฉลองกัน

…………………………………………………………
……………………………..

“ นี่มันอะไรกันน่ะ?! ”
เด็ก ที่ถูกโคทาโร่ช่วยเอาไว้ ตอนนี้เขา ถูกเหล่าชาวบ้านที่แห่กันมาตามคำชวนของ พวกนังเลง ดึงตัวไว้ไม่ให้เข้าไปช่วย แม่ ที่อยู่ในบ้านและกำลังจะถูก พวกเขาจุดไฟเผา เพราะเชื่อว่าจะเป็นการทำลายปิศาจร้าย ให้สิ้นซากไปได้

“ วันนี้แหละ ไอ้ผีปอบ เราจะทำให้แกต้องเสียใจที่มาทำกับพวกเรารู้ไว้ซะ ”
นักเลงคนหนึ่งใน สามคน ขว้างคบไฟที่ถือขึ้นไปบนหลังคาเพิง ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว เด็กชาย พยายามดิ้นเพื่อที่จะ
สลัดมือของ พวกชาวบ้านที่ดึงตัวเขาไว้ เพื่อเข้าไปช่วยแม่ของตน แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว ไฟ ครอกเพิงทั้งหลังจน

ทุกอย่างกลายเป็นจุล ในเวลาไม่นาน แม่ของเขา ไม่ได้แม้แต่จะส่งเสียงร้อง ออกมาเป็นครั้งสุดท้าย
ภาพของไฟบรรลัยกัลที่กำลังลุกโชติช่วง สะท้อนอยู่ในดวงตาของ เด็กชายวัย 14 ภาพที่แม่ของตนกำลังตายอยู่ในกองเพลิง

“ เท่านี้ไอ้ผีปอบมันก็จะมารังควานเราอีกแล้ว เฮ!! ”
นังกเลงที่จุดไฟ กล่าวพร้อมกับส่งเสียงโห่ร้องฉลองชัย

“ นี่แหละ สำนึกไว้ซะไอ้หนูบังอาจมาทำกับพวกข้าไว้แสบนักมันต้องโดนอย่างนี้ อันที่จริงก็ต้องขอบใจ
แม่แกล่ะนะ ที่ช่วยเป็นแพะรับบาปแทยพวกข้า พอดีไอ้เจ้าหนี้ของพวกข้ามันมาตามราวีไม่เลิกซักทีก็เลย
จัดการจวกเข้าไปทีหนึ่ง หึๆ….ขอบใจจริงๆว่ะ ”

นักเลง คนหนึ่งในกลุ่มกระซิบที่ข้างหูของ เด็กชาย ด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
น้ำตาแห่งความแค้นไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง มือทั้งสองกำแน่นเด้วยความโกรธ จนซีดขาว
ไม่อาจมีที่พอให้เสียงร้องแห่งความเสียใจ ได้เล็ดลอดออกมามีเพียงแต่ เสียงขบกรามด้วยความโกรธเกรี้ยว
เท่านั้น

“ พวกแก……พวกแกน่ะ….ไปตายซะเถอะ!!!!! ”
เขาร้องออกมาสุดเสียง ท่ามกลางความปิติยินดีของ บรรดาชาวบ้านผู้โง่เขลา

ท้องฟ้าค่อยๆกลายเป็นสีแดง เช่นเดียวกับดวงจันทร์ ฝูงค้างคว บินพาดผ่านเหนือท้องนภาและบินวนกันเป็นวง
ไฟที่เกือบจะมอดลงไปแล้ว กลับลุกโชนขึ้นและวาดออกเป็นวงล้อมกรอบ พวกชาวบ้านเอาไว้

“ เฮ้ยนี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย ”
บรรดาชาวบ้าน ตกอยู่ในอาการตกตะลึงและหวาดผวา

“ พวกแกน่ะ!!! ตายๆกันไปซะหมด!!!!!!!!! ”
เสี้ยววินาทีต่อมาหลัจากเสียงร้องด้วยความโกรธแค้นดังขึ้น เงายักษ์ดำทมึน ได้ปรากฏกายออกมาจากกองเพลิง
มันมีเขาใหญ่หนึ่งคู่ใบหน้าขาวซีดและดวงตาแห่งความแค้นซึ่งฉายอยู่บนใบหน้าก็พร้อมที่พรากทุกสิ่งที่บังอาจ
มาขวางทาง

“ ป….ปีศาจ!!!!! ”
คำพูดสุดท้ายที่ออกมาจากปากของพวกเขา ก่อนจะกลายเป็นเสียงกรีดร้อง และเสียงร้องขอชีวิต เมื่อวังวนไฟ
ดับมอดลง ที่เหลืออยู่ มีเพียง เด็กชาย ที่ดวงตาของเขาได้ถูกย้อมกลายเป็นสีดำสนิทจนแยกไม่ออกว่าเป็นตาดำหรือตาขาว
บนพื้นดินนั้น เขาเหยียบย่ำอยู่บนร่างที่แหลกเหลวและเลือดของ เหล่าคนเขลา

“ นี่เรา…. ”
เด็กชาย เปรยเขายกมือซึ่งเปื้อนไปด้วยเลือดที่กลายเป็นสีดำ มันทำให้เขาตกอยู่ในอาการสับสนและโศกเศร้าไปพร้อมๆกัน
ในตอนนั้น ก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นมา เขาหันไปมอง เด็กสาวคนหนึ่งซึ่งอายุมากกว่า กำลังปรบมือให้
เธอแต่งกายด้วบสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า และ ที่สำคัญดวงตาของเธอก็เป็นสีดำเช่นเดียวกับเขา

“ ขออวยพรให้กับการตายของเธอ และ ฉลองแด่การกำเนิดใหม่ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ดาร์คเดว่า (Dark Deva: เทวะแห่งความมืด)
ผู้ครอบครองอสูรมารแห่งความแค้น เพคคา อัลคิสซิ(Pecca Ulcisci, the Sin of Revenge) ”
เด็กสาวกล่าว

รูปภาพ

“ ผมตายไปแล้วงั้นเหรอ? ” เด็กชายถาม

“ ใช่แต่ตอนนี้เธอก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้ง ในฐานะของ ผู้รับใช้พระเจ้า ”
เธอกล่าว พร้อมกับเดินเข้าไปหา

“ ผมงั้นเหรอ…รับใช้พระเจ้า….นี่มันเรื่องอะไรกัน ”
เขา กุมขมับ ด้วยความสับสน และ หวาดกลัว

“ ไม่เป็นไรไม่ต้องกลัวฉัน…จะอยู่เคียงข้างเธอเอง จะอยู่ด้วยตลอดไป~~ ”
เธอ กล่าวด้วยน้ำเสียงอันอ่อนหวาน และเข้าสวมกอดเขาไว้

“ อย่าสับสนไปเลย..ยังมีมนุษย์อีกมากที่ยังต้องพิพากษา ”

……………………………….
…………………………………………………….

“ ขอบอกเอาไว้ก่อนเลยนะ การวิเคราะห์ของพวกนายจะแน่นอนแค่ไหนนั่นไม่ใช่ข้อมูลที่จริง ถ้าหากมันไม่ตรงกับข้อมูลที่ ฉัน จะบอก อย่าง อายุของ มิสติกการ์ดซิงโครไนซ์ ฉันขอเดานะ พวกนายคงประมาณให้มันอยู่ช่วง 2-3 พันปีก่อน
ล่ะสิ ”
เกร กล่าวอย่างมั่นใจ และเขาพูดถูก ผลจากการ วิจัย ที่ดูเอลอคาเดเมีย นั้นคือ ช่วงเวลาตามที่พูดมา

“ มมั่นใจซะเหลือเกินนะ ตามนั้นแหละ พวกเราวิเคราะห์ออกมาแบบนั้น เพราะยังไงซะ วัตถุพวกนี้คงไม่ไปอยู่ก่อนมนุษย์ได้มีประวัติศาสตร์ แน่ๆ ”
โคทาโร่ กล่าว

“ ที่นายพูดมามันก็ถูก แต่ความจริงแล้ว มิสติกซิงโครไนซ์ คือผลจากการตกตะกอน ก่อนที่ จักรวาลนี้จะถือกำเนิดเสียอีก ประมาณ 5พันล้านปีได้ ”
เกร พูด

“ 5 พันล้าน…บ้าไปแล้วเรื่องแบบนั้นจะเป็นไปได้ยังไงกัน ถ้ามันเกิดขึ้นตอนนั้นจริง นายจะบอกว่า พระเจ้าเป็นคนสร้างมันขึ้นมารึไง ”
โคทาโร่ สบถ

“ เกือบถูก แต่มิสติกการ์ดซิงโครไนซ์ นั้นพระเจ้าไม่ได้สร้างขึ้นมา แต่มันเกิดขึ้นเพราะสงครามของพระเจ้า… ”
คำพูดของ เกร ทำให้ เขาเริ่มจะหน่ายถึงยังไงเขาก็ไม่อยากเชื่อลมปาก ของคนที่ไม่รู้แม้แต่ที่มาที่ไป

“ นี่มันชักจะบ้ากันไปใหญ่แล้วนะ พระเจ้าอะไรกัน มิสติกซิงโครไนซ์ น่ะเป็น ผลผลิตมาจากพลังงานเวทมนต์หรือ M.A.G.I.C. ซึ่งเป็นศาสตร์ที่มนุษย์พัฒนาขึ้น แล้ว มิสติกซิงโครไนซ์นั่นก็คือผลผลิตจาก เวทยาการของคนในสัมยก่อน!! ”
โคทาโร่ ตะคอก ทว่า เกรก็แทรกขึ้นมา

“ แล้วนายคิดไหมว่าสิ่งที่เรียกว่า ศาสตร์ แขนงต่างๆน่ะมันมีที่มายังไง… ”

“ ร…เรื่องนั้น… ”
เขาเองก็ตอบไม่ได้ สำหรับคำถามนี้

“ ศาสตร์ ต่างๆนั้นแต่เดิมคือการเรียนรู้ของมนุษย์ ที่ได้มาจากศึกษาธรรมชาติและสภาพแวดล้อม แต่ศาสตร์ ที่เราได้จากการศึกษานั้นไม่อาจ พิสูจน์ถึงต้นกำเนิดของทุกสรรพสิ่งได้อย่างแท้จริง ดังนั้นจึงมี ศาสตร์แห่งการสมมติ อย่าง ศาสนา
เป็นต้น พวกเขา สมมติต้นกำเนิดของทุกสิ่งคือพระเจ้า ”

เกร อธิบาย ขณะที่เดิน ผ่านเขาไป ยังซากปรักที่อยู่ข้างหลัง

“ เช่นเดียวกัน พลังงานเวทมนต์ คือสิ่งที่มนุษย์ไม่ได้สร้างขึ้น แต่เป็นสิ่งกำเนิดขึ้นจากพลังอันยิ่งใหญ่
และเราก็เรียกสิ่งที่ยิ่งใหญ่นั้นว่าพระเจ้า ”

“ งั้นนายจะบอกว่าพระเจ้าเป็นคนสร้างทั้งหมดเลยงั้นสิ รวมถึงไอ้ มิสิติกซิงโครไนซ์ นี่ ”
โคทาโร่ ประชด

“ เปล่า ฉันแค่พูดถึงต้นกำเนิดของมันเท่านั้น ถ้านายอยากจะฟังต่อก็ขอให้ช่วยเงียบเสียงลงด้วย ไว้ฉันพูดจบก่อนแล้วตอนนั้นค่อยถามก็ยังไม่สาย ”
เกร ยื่นข้อเสนอ แม้จะไม่อยากรับฟังแต่เขา ยังอยากรู้ว่าชายคนนี้จะรู้มากน้อยแค่ไหน

“ ก็ได้ งั้นหลังพูดจบแล้ว เตรียมคำตอบไว้ให้ฉันด้วยก็แล้วกัน ”
โคทาโร่ กล่าว ดังนั้น เกร จึงเริ่มพูดต่อ

“ เป็นเรื่องจริงที่ มิสติกการ์ดซิงโครไนซ์ มีอายุแค่ 2-3 พันปีตามที่พวกว่า แต่นั่นเป็นเพราะมนุษย์เริ่มนำเอา
มันมาใช้ช่วงนั้นต่างหาก ถ้าพูดกันตามจริง มันคือ เวทมนต์โบราณที่มีมาตั้งแต่ยุคแรกเริ่มของเทอร่า ”
เกร พูดไปเรื่อยระหว่างนั้น ก็เดินไปเก็บเอาซากหินจากอาคารที่พังทลายขึ้นมา

“ อย่างเศษซากของ โบราณสถานนี่ เครื่องตรวจอายุระดับสูงที่นายมีก็ยังหาความเก่าแก่ของมันไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ”

โคทาโร่ พยักหน้ารับสั้นๆ

“ การตรวจอายุของเครื่องนั่นจะหลักการ คาร์บอร์น 14 วัดช่วงครึ่งชีวิต แต่ว่า มันจะใช้ได้กับวัตถุที่อยู่ในขอบข่ายตรรกะของมนุษย์เท่านั้น แต่วัตถุพวกนี้น่ะมันไม่ได้เกิดขึ้นที่ โลกนี้แล้วก็ไม่ใช่ที่ไหนของ มิตินี้ด้วย แต่มันเป็น อารยธรรมของ โลกเทอร่า ”

ดวงตาของ โคทาโร่ เบิกกว้างด้วยความอัศจรรย์กับสิ่งที่ได้ยิน

“ หากว่า Summoner Master Card คือวิทยาการของ โลกมนุษย์ Synchronize Mystic Card ก็คือวิทยาการของ
โลกเทอร่า ไงล่ะ พูดไปแล้วนายจะไม่เชื่อ แต่ความจริงแล้วโลกของเรากับ เทอร่า น่ะเคยเป็นหนึ่งเดียวกันมาก่อน
และจากนี้ไปฉันพูดถึง เรื่องที่เกิดขึ้นในยุคนั้นให้ฟังแต่หลังจากที่เล่าความเป็นมาของการกำเนิดจักรวาลเสียก่อนะ ”

เกร กล่าวพร้อมกับ ปล่อยซากหินในมือลงสู่พื้น

“ เดี๋ยวนี่มันต้องใช้เวลานานมากเท่าไหร่กันนายถึงจะเล่าหมด ”
โคทาโร่ ถามเพราะถึงตอนนี้ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เชื่อลมปากของ เกร แล้ว แต่ไม่อาจนึกได้ว่า
จะต้องใช้เวลาเท่าเพื่อเล่าทั้งหมด

“ ไม่นานเกินนายรออยู่แล้ว ทันทีที่ ได้ฟังนายจะไม่อยากให้ฉันหยุดเล่าเลย ”
เกร ตอบเสียงมั่น

“ คืดว่าอย่างนายคงจะรู้อยู่แล้วว่า วงการวิทยาศาสตร์น่ะ สรุปการกำเนิดจักรวาล ว่าเกิดขึ้นเพราะปรากกการณ์ Bigbang
แต่ว่า Bigbang นั้นเป็นผลจากการต่อสู้ของเหล่าพระเจ้า ที่อยู่เหนือกว่าสำนึกที่มนุษยิอย่างเราจะจินตการได้
สำหรับเรื่องนี้ให้นายเห้นด้วยตาตัวเองมันจะง่ายกว่า ”
เกร พูดจบก็หยิบ Note ของเขาขึ้นมา

“ ฮาร์ฟ สแตนบายน์ ”/Get Set/
สิ้นคำ Note ก็กลายเป็นปลอกแขนสวมให้กับ ตัว เกร เอง

“แอคชั่น การ์ดทำงาน The Revealation (ภาพนิมิต) ”
เกร พูดพร้อมกับ หยิบการ์ดแปลกๆขึ้นมาแล้วรูดมันกลับช่องรูดการ์ดที่ทำขึ้นพิเศษบนปลอกแขนของเขา

/Action Write!! The Ravealation!!/
เสียงทุ้มดังกังวางไปทั่วทั้งทุ่งหญ้า ก่อนจะเปลี่ยนสภาพรอบตัวของพวกเค้าเป็นสถานที่ที่ซึ่งมืดมิด
จนไม่อาจมองเห็นสิ่งใดได้

จากนั้นท่ามกลางความมืดนั้น พวกเขาได้เห็นแสงส่วางวาบขึ้นและดับลงครั้งแล้วเล่าบ้างก็สว่างอยู่นานบ้างก็ดับลงทันที
ที่สว่างขึ้นมา ภาพทั้งหมดนั้นถูกบันทึกลงในสมองโดยตรงจนราวกับว่าเขาไม่ได้เห็นมันด้วยตา
แต่รับรู้ได้ด้วยสมอง แม้ว่าภาพทั้งหมดจะ หายไปแล้วก็ตามแต่เขาก็ยังคงยืนค้างอยู่นิ่งๆทั้งแบบนั้น

“ ที่นายได้เห็นนั้นคือ สงครามที่เกิดขึ้นกันระหว่างพระเจ้าในครั้งนั้น จากการต่อสู้กันทำให้เกิดการ
ระเบิดครั้งใหญ่ขึ้น พระเจ้าเหนือสำนึกนั้น มีแบ่งกันเป็น 3 เหล่าใหญ่ๆ คือ
พระเจ้าแห่งหลักวัฏสงสาร(Cycle of Life) ปกครองการเวียนว่ายตายเกิด
พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด(Eternal Immortal) และพระเจ้าแห่งสายรุ้ง(Iris)
และเพราะการต่อสู้กันจนเกิด Bigbang ในครั้งนั้น ได้ทำให้พระเจ้าที่อยู่สูงขึ้นไปเหนือกว่าพระเจ้าทั้งมวล
ออกมาห้ามทัพ และได้ผนึกพระเจ้าเหนือสำนึกเหล่านั้น สู่จักรวาลที่เกิดตามมา ”

เสียงของ เกร ยังคงเข้ามาในหัวของเขาตลอด เวลานี้ราวกับว่า วิญญาณของเค้าหลุดลอยออกจากร่างไปยังไงยังงั้น

“ พระเจ้าสูงสุด เลือกเหล่าวีรบุรษ 6 คนให้ได้รับพลังที่อยู่เหนือหมู่มวลพระเจ้าทั้งหมด เพื่อให้คอยยับยั้งการกลับคืนของพระเจ้าเหนือสำนึกเหล่านั้น บรุษทั้ง 6 ประกอบด้วย ราชันย์แห่งความตาย ,ราชินีแห่งการพิพากษา, ขุนนางแห่งชะตา, พันเอกผู้ทรยศ, ผู้ทำลายล้าง แล้วก็ ตัวตลกแห่งจุดจบ จากนั้น พระเจ้าสูงสุดก็ได้กลับคืนสู่ต้นกำเนิด เรื่องที่ฉันจะพูดให้นายฟังได้ก็มีเท่านี้แหละมีคำถามอะไรอีกไหม ”

เกร กล่าว

“ นิทานของนายจบแล้วใช่ไหม….ถ้างั้นตอบมานายเป็นใครกันแน่! ”
โคทาโร่ พูดตะคอก

“ จะรู้เรื่องแบบนั้นไปทำไม ”

“ ช่วงนี้น่ะ เรื่องแปลกๆพากันผุดเข้ามาไม่ได้ให้หยุดให้หย่อนกันเลย จนถึงตอนนี้ดูเหมือนนายจะรู้ไปหมดซะทุกเรื่อง
เหมือนกับว่า นายเป็นคนทำให้เกิดขึ้นมาอย่างนั้นแหละ เรื่องนี้นายจะตอบหรือไม่ก็ได้ แต่เรื่องนี้นายต้องตอบ
ตั้งแต่ธนัท ได้การ์ดสำรับนั้นมาจากนาย ไม่สิไม่ใช่แค่สำรับ แม้แต่ Note ของหมอนั่นก็ยังถูกปรับปรุงใหม่ด้วย
คนที่จะทำแบบนั้นได้มันจะมีซักกี่คนกัน ”

โคทาโร่ พูดอย่างเร็ว จนหยุดไม่อยู่ มีเรื่องมากมายที่เขาอยากรู้ให้ได้


“ เรื่องพวกนั้นน่ะฉันตอบให้ไม่ได้หรอกแต่จะตอบอีกเรื่องให้แทนก็แล้วกัน เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นนั่น
พวกของฉันกำลังจับตาดูอยู่ และที่ฉันรู้เพิ่มมานั้นยังมีอีกจากนี้ไป พวกนายจะต้องสู้กับ อำนาจใหม่สาวกของ
พระเจ้าแห่งวัฏสงสาร เทวะแห่งความมืด ดาร์คเดว่า (Dark Deva) แล้วก็อีกเรื่องนึง ดูเหมือนว่ายา ที่ บิชอป
เอาให้ ธนัท กินน่ะ มันไม่ใช่ยาปรับสมดุล พลัง DNA-Changer หรอกนะ แต่เป็นยายับยั้งการกลายพันธุ์ ”

เกร พูด

“ ยับยั้งการกลายพันธุ์ หมายความว่ายังไง!? ”
โคทาโร่ ถึงกับอุทานขึ้นมาจนลืมประเด็นอื่นที่เกร พูดทันที เมื่อโยงเกี่ยวไปถึง ธนัท

“ แต่เดิมทีแล้ว ธนัท ไม่ใช่มนุษย์แต่เป็น DNA-Changer มาตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่สิมันเหนือกว่านั้น รวมถึงนายซึ่ง
เป็นพี่น้องร่วมสายเลือด ก็ล้วนแล้วแต่เป็น Heroic ที่ได้รับคัดสรรให้อยู่เหนือพระเจ้า ทานาทอส กับ เบริอัล ”

“ พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย ฉันถามว่านายเป็นใครต่างหาก ”
โคทาโร่ สบถ

“ ฉันเองก็ย้ำไปแล้วนะว่า จะไม่ตอบเรื่องนั้น แต่ถ้าอยากรู้ล่ะก็…ลองดวลให้ชนะฉันสิ บางทีอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ ”
เกร ยื่นคำท้า

“ ฟังดูแฟร์ดี เหมือนกัน ฉันจะอัดนายให้ยับก่อนจะรีดเอาความลับของนายออกมาให้หมดเลย ” /Get Set1/
โคทาโร่ กล่าวพร้อมกับ สแตนบายน์ Note ของตน

“ หรือไม่ก็นายอาจจะได้รับรู้ตัวตนที่แท้จริงก็เป็นได้ ”
เกร กระซิบเสียงแผ่ว พร้อมกับ ยัดสำรับลงใน Note ของตน

“ Let’s Duel!!! ”
สิ้นคำการดวลก็ได้เริ่มขึ้น

[Grea Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]
[Kotaro Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]


“ ฉันเป็นฝ่ายบุกก่อน Cost Mp 5 จงออกมา เบฮีมอท ”
เกร ประกาศพร้อมกับร่าย ซีลการ์ดออกมา ทันทีที่ผนึกการ์ดถูกปลดออก เสียงคำรามดังสะท้านไปทั่วทั้งทุ่ง
พร้อมๆกับ แรงลมที่พัด โถมลงมาจน โคทาโร่ เกือบจะปลิวไปกับลม ร่างมหึมา ย่างเท้าลงสู่พื้นเมื่อร่างกาย
ของมันปรากฏ

รูปภาพ

[Grea Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:0/8 Shrine 0/8 ]
[Kotaro Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

“ เปิดเกม มาก็ใช้อสูรเทพเลยงั้นเหรอ แถมยังเป็น 1 ใน3 ตัวที่เคยบุกทำลายเมืองเมื่อตอนนั้นด้วย
นายเองสินะที่เป็นต้นเหตุ ”
โคทาโร่ กัดฟันพูด เพราะต้องเกร็งร่างกายไว้ไม่ให้ปลิวไปกับแรงลมที่พัดออกมา

“ ที่จริงคนที่ไปหยุดพวกมันน่ะคือฉันตะหาก ”
เกร แย้ง

“ หมายความว่ายังไงกัน จะบอกว่านายเป็นคนไปผนึกพวกมันที่กำลังอาละวาดอยู่งั้นเรอะ มันจะเก่งเกินไปหน่อยแล้วมั้ง
แถมยังเอามาใช้ได้อีกตะหาก ถึงจะเป็น นกร่ายอสูรระดับ Angel ก็เถอะแต่ก็ไม่น่าจะควบคุมเทพอสูร
อื่นนอกจากเทพประจำตัวได้นี่ ”
โคทาโร่ กล่าว

“ งั้นนายจะให้คำตอบยังไงกับ คนที่สามารถควบคุมเทพได้ ทั้งที่ไม่ได้เป็น แม้แต่ Angel หนำซ้ำยังควบคุมพร้อมกัน
ถึง 2 ตนด้วยกันอีก ”
เกร กล่าวเสียงเรียบ

“ หรือว่า..นี่นายกำลังจะบอกว่า ธนัท เองก็เป็นเหมือนกับนายรึไง ”
โคทาโร่ ไม่อาจที่จะนึกใครอื่นออกอีก นอกจากธนัท ที่เคยควบคุมทั้ง แกรนเดครอส และ อแมนคริส
มาแล้วในศึกเมื่อ 2 ปีก่อน

“ ฉันจะพูดใส่กะลาหัวนายเอาไว้เลยนะ โคทาโร่ ระดับของนักร่ายอสูรน่ะ ไม่ได้สุดอยู่แค่ที่
Summoner Master และ Angel เท่านั้น แม้แต่นายเองก็ทำได้ไม่ใช่รึไง อัญเชิญ อสูรเทพน่ะ… ”

โคทาโร่ถึงกับนิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง เพราะตอนนี้บนมือของเขานั้น มีการ์ดผนึกของ เลราเย่ ถือรอไว้อยู่แล้ว

“ รอบของฉัน Cost Mp 3 ให้ Skill ของ Mystic Card ราชินีผู้เย่อหยิ่ง(Queen Dowager)ทำงาน ทิ้งการ์ดใบนี้ไปจากนั้นร่าย Seal ที่มีเลเวลเท่ากับ 5 ออกมาได้โดยไม่ต้อง Cost ค่าร่าย ออกมาเลย เลราเจ(Leraja, the Torment of War) ”

โคทาโร่ ประกาศพร้อมกับส่งมิสติกการ์ดบนมือ ลงไปที่ช่อง Shrine ที่อยู่บนปลอกข้อมือข้างซ้าย
ก่อนจะ หยิบการ์ดของ เลราเย่ ขึ้นมา และหยุดชั่งใจว่าจะร่ายลงไปดีไหม เพราะหากเขาสามารถควบคุมมาได้
นั่นเท่ากับว่า ประเด็นที่ เกร พูดมามีสิทธิที่จะเป็นความจริงทั้งหมด หากเป็นแบบนั้นตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะยอมรับกับเรื่องเหล่านี้ได้หรือไม่

หนสุดท้ายแล้ว การ์ดผนึกก็ถูก โยนขึ้นไป สายฟ้าสีฟาดลงยังทุ่งหญ้า แหวกปฐพีออกให้ เงาทมิฬ
คืบคลานขึ้นมา อสูรเทพ เลราเย่ ควงตวัดดาบโลกัณฑ์ไปมาอย่างคล่องแคล่ว และพร้อมจะรับคำสั่งทุกเมื่อ

รูปภาพ
รูปภาพ

[Grea Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Kotaro Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]

“ นายเอง ก็เป็นเช่นเดียวกับ ฉัน แล้ว ธนัท เป็น Heroic… ”
เกร พูดแต่แล้ว โคทาโร่ก็แทรกขึ้นมา


“ Ability ของ เลราเจ ทำงาน ฉันส่ง Seal Card 3 ใบบนสุดของสำรับไปที่ Shrine จากนั้น ค่า At ของ เลราเจ จะเพิ่มขึ้นเท่ากับจำนวน Seal ใน Shrine ฝ่ายฉัน จึงมีค่า At เป็น 16 ”
โคทาโร่ จับเอาซีลการ์ดขึ้นมาจาก ช่องสำรับที่มือขวา แล้วส่งมันไปเก็บที่ช่อง Shrine ของปลอกข้อมือข้างนั้นเลย
ดาบโลกัณฑ์ ของ เลราเย่ จึงลุกโชนขึ้นยิ่งกว่าเดิม

[Grea Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Kotaro Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:5/8 Shrine 3/8 ]

“ เท่านี้ก็มี ชนะ อสูรเทพของนายได้แล้ว Cost Mp 4 ให้ เลราเจ โจมตีไปที่ เบฮีมอท Brake Crush!! ”
โคทาโร่ ประกาศ เลราเย่ กระชับดาบในมือมั่น ก่อนจะถลาตัวเข้าหา เบฮีมอท
[Grea Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Kotaro Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:1/8 Shrine 3/8 ]

“ Cost Mp 2 ให้ Angel of Serenity ทำงานคืน เบฮีมอท กลับขึ้นมาบนมือจากนั้น ให้ อีเควทิส อัลบัส(Equestis Albus) ออกมาที่ At Line ”
เกร ประกาศพร้อมกับ ร่ายมิสติกการ์ดบนมือสวนออกมา ร่างของ เบฮีมอท สลายตัวลงกลับเป็นการ์ดผนึกอย่างรวดเร็ว
และกลับคืนสู่มือ ของเขา ก่อนจะร่ายซีลใบอื่นลงมา บรุษสีขาวควบอาชาสวรรค์ห้อทะยานสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับ เล็งคันศร ไปยัง เลราเย่

รูปภาพ
รูปภาพ

[Grea Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:6/8 Shrine 0/8 ]
[Kotaro Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:1/8 Shrine 3/8 ]

“ Ability ทำงานเมื่อ อีเควทิส อัลบัสเข้ามาในสนาม จะได้เลือก Seal ที่มีเลเวลตั้งแต่ 3 ขึ้นไปแล้วให้ค่า At และ Df ลดลงอย่างละ 1 จุด และจะไม่ถูกทำลายจากการสวนกลับ ”
เกร อธิบาย ศรแสงหนึ่งดอกวิ่งตรงเข้าสู่หัวใจของ เลราเย่ ทว่า ศรแสงไม่อาจทะลวงผ่านผิวของ เลราเย่ ไปได้และแตกละเอียดในทันที

“ Ability ของ Seal อื่นจะไร้ผลกับ เลราเจ ”
โคทาโร่ กล่าว ดาบโลกัณฑ์ ตวัดผ่านร่างของ บรุษสีขาว จนมอดไหม้ไปในที่สุด

[Grea Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:6/8 Shrine 2/8 ]
[Kotaro Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:1/8 Shrine 3/8 ]

“ หมดรอบแค่นี้ ”
โคทาโร่ ประกาศ

“ คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะหนีความจริงได้รึไง งั้นฉันจะช่วยสรุปให้นายฟังอีกซักครั้งก็แล้วกันถึงเป้าหมายที่ฉันมาพบนาย
อย่างแรก เพื่อบอกต้นกำเนิดของพลังเวทมนต์ และ อย่างที่สองคือชะตากรรมที่พวกพ้องของนายจะต้อง
เผชิญในอีกไม่ช้านี้ ”

แม้จะคิดว่า เรื่องที่ เกรพูดก็แค่จะหว่านล้อมเท่านั้น แต่ทุกอย่างที่พูดมานั้นล้วนมีเค้าความทั้งสิ้น


“ ในจังหวะนี้ฉันให้ Skill ของ Angel of Serenity ที่อยู่ใน Shrine ทำงาน!! Cost Mp3 กำจัดการ์ดนี้ออกไปจากเกม
แล้วก็ทิ้ง Mystic Card บนมือไป จากนั้นจะได้เรียก Seal ที่อยู่บนมือออกมาได้ ใบหนึ่ง ”
เกร อาศัย จังหวะที่ เขากำลังเหม่อ ประกาศแทรกแซงก่อนที่ เปลี่ยนรอบการเล่น มิสติกการ์ดใน Shrine ของ เกร ถูกส่งกลับออกมา ก่อนจะรับเอาไปเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ

[Grea Status; Hand: Seal 3 , Mystic 1 Mp:3/8 Shrine 2/8 ]
[Kotaro Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:1/8 Shrine 3/8 ]

“ เล็งแบบนี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้วสินะ คิดจะเรียก เบฮีมอท กลับมางั้นสิ แต่ เลราเจ ของเรามีพลังเหนือกว่าอยู่แล้ว… ”
โคทาโร่ ดึงสติกลับมาได้และต้อง เผชิญหน้ากับการอัญเชิญ อสูรตนใหม่ที่กำลังจะออกมา

“ จงออกมา ลีเวียทาน!! ”
ทันทีที่ การ์ดซีลถูกร่ายออกจากมือของ เกร บนท้องฟ้าก็ถูกปกคลุมด้วยเมฆฝนและพายุฝนกระหน่ำทันที
ร่างมหึมา ยาวเป็นพันลี้ พันรอบภูเขาทั้งลูกเอาไว้

รูปภาพ

“ คราวนี้เป็น ลีเวียทาน งั้นเหรอ?! ”
โคทาโร่ สบถ

“ รอบของฉัน…..ในรอบนี้ทุกอย่างก็จะจบลง ฉันจะสอนนายเองถึงวิธีการอัญเชิญ พระเจ้าที่แท้จริง ”
เกร ประกาศ

“ อัญเชิญ…พระเจ้าแท้จริง? ”
โคทาโร่ โพล่งตามออกมาโดยไม่รู้ตัว กับสิ่งที่ เกร คิดจะทำ

“ ในรอบนี้ให้ข้าม Draw Step ไปจากนั้นทำการ Releash(ปลดปล่อย) ลีเวียทาน ออกไป ”
เกร ประกาศเสียงดัง พร้อมกับ ยื่นมือ ออกไปรับการ์ดผนึกของ ลีเวียทาน ที่ควบอัดกลับมา
ขณะที่ ร่างของ ลีเวียทาน ก็ยังไม่ได้หายไปไหน

“..เวลาคือดาบที่พระองค์ใช้มันพรากผู้ที่เรารักไป บัดนี้กำลังจะพังทลายลงแล้ว....ต่อหน้าความเป็นไปได้เหนือขีดจำกัด Progress Summon!! ”

การ์ดซีล ใบหนึ่งถูกรีดออกมาจากสำรับ เกร จับมันขึ้นมาแล้วโยนขึ้นไปในอากาศ ละอองพลังเวทย์ ที่ฟุ้งกระจายอยู่รอบๆ
มารวมตัวกันที่การ์ดผนึก แสงจากละอองเวทย์ ทำให้พอจะมองเห็นรูปลักษณ์ของการ์ดใบนั้น ได้แค่ชั่วพริบตา
มันเป็นการ์ดผนึกสีขาวทั้งใบ และจารึกไว้ด้วย อักขระ แปลกประหลาดสีทอง

ลมฝนที่พัดโหมได้หยุดลง ร่างของ ลีเวียทาน เรืองแสงขึ้น จากนั้นสายอักขระสีทอง ได้ลากยาวออกมาจากการ์ด
ผนึกที่ลอยอยู่ สายอักขระ วิ่งเข้าไปรัดพันร่าง ของ ลีเวียทาน เรื่อยๆจนทั้งร่างถูกล้อมไว้ด้วยอักขระ

“ ...... จงออกมา พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด คาออสลอร์ดลีเวียทาน(Eternal Immortal Chaos Lord Leviathan)!!! ”
เกร ตะโกนสุดเสียง อักขระที่ล้อมร่างไว้ระเบิดกระจายตัวออกและเผยร่างใหม่ของ จอมอสูรแห่งนที
มันมีหัวด้วยกันถึง 3 หัว และดวงตาลุกโชนดังดวงไฟ เสียงร้องแหบต่ำดังระรัว ออกจากปากทั้งสาม
เพียงแค่สบตากับมัน ก็ราวกับจะถูกสะกดให้หยุดนิ่งไปตลอดกาล

รูปภาพ

“ พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด… ”
โคทาโร่ เปรยออกมาได้เพียงเท่านั้น ขาทั้งสองข้างก้าวถอยไปเองโดยอัตโนมัติ ความกลัวที่ผุดขึ้นมาจับใจยามเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด

“ เมื่อ พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด คาออสลอร์ดลีเวียทาน เข้ามาในสนามก็จะทำลาย Seal ที่เป็น Active ได้ตัวหนึ่งแล้วดูดเอาพลัง
มาเป็นของตัวเอง ”
เสียงของ เกร ดึงให้ เขากลับออกมาจากภวังค์

“ ไม่มีทางหรอก!! เลราเจ ยกเลิกผลของ Ability ของ Seal ใบอื่น ”
โคทาโร่ แย้งไป

“ พลังของพระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดน่ะ มันเหนือกว่า เทพอสูร ซะอีกนะขอให้รู้ไว้ด้วย ความสามารถนี้ไม่สามารถยกเลิกหรือป้องกันได้ ”

“ ว่าไงนะ! ชิ…ถึงจะเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าทำให้แกไม่มี Ability ล่ะก็ Cost Mp 2 แอนโดรเมด้า (Andromeda)ทำงาน การ์ดใบนี้จะทำให้ Seal ที่เป็นเป้าหมาย สูญเสีย Ability ไป ”
โคทาโร่ ร่ายมิสติกการ์ดสวนออกไปทันที โซ่ตรวนนับสิบเส้น พุ่งออกจากากร์ดผนึกตรงเข้าหา พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดทว่า
โซ่ตรวนทั้งหมดกลับ หยุดนิ่งค้าวกลางอากาศทั้งอย่างนั้น

รูปภาพ

[Grea Status; Hand: Seal 3 , Mystic 1 Mp:3/8 Shrine 2/8 ]
[Kotaro Status; Hand: Seal 4 , Mystic 0 Mp:6/8 Shrine 3/8 ]

“ นี่ก็ไม่ได้ผลเหรอ? ”
โคทาโร่ สบถ

“ ขัดขืนไปก็เท่านั้น! ต่อหน้าพระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด เวลาแห่งวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิดก็จะไม่ทำงาน
ความสามารถที่มีช่วงเวลาเป็น Turn หรือ Sub-Turn จะถูกทำให้ไร้ผล ”
เกร พูด

“ อะไรกันน่ะแบบนี้ แม้แต่ Mystic Card ก็ใช้กับพระเจ้าไม่ได้เลยน่ะสิ? ”
ตอนนี้ โคทาโร่ หมดสิ้นหนทางที่จะต่อกรได้ด้วยประการทั้งปวง

“ มันจบลงแล้ว ”
สามเศรีย ย้ายเข้าล้อมกรอบ เลราเย่ ทุกด้าน ลำแสงอันน่าสะพรึง พุ่งออกจาก ปากทั้งสามพร้อมๆกัน และสาปให้
เลราเย่ กลายเป็นก้อนน้ำแข็งในพริบตา ก่อนจะขย้ำกลืนกินลงไป

[Grea Status; Hand: Seal 3 , Mystic 1 Mp:3/8 Shrine 2/8 ] Win
[Kotaro Status; Hand: Seal 4 , Mystic 0 Mp:6/8 Shrine 8/8 ]Lose

การดวลจบลงพร้อมกับ ชัยชนะของ เกร แรงปะทะจากลำแสงแช่แข็ง ทำให้ โคทาโร่ หมดสติล้มไป
หลังจาก ที่ภาพของ อสูรทั้งหมด สลายไป สภาพแวดล้อมโดยรอบทั้งหมดก็กลับมาเป็นปกติดังเดิม

เกร เดินย่ำต้นหญ้าที่กลายเป็นน้ำแข็ง เข้าไปหา โคทาโร่ ซึ่งสลบอยู่ และดึงเอาสำรับออกมาจาก ช่องปลอกแขนของ
โคทาโร่

“ ยินดีต้อนรับ..สหาย ”
เกร เปรยพร้อมกับ หยิบการ์ดซึ่งจารึกด้วยอักขระสีทองเช่นเดียวกับ พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดของเขา
แล้วใส่การ์ดนั้นลงไปในสำรับของโคทาโร่ ก่อนจะเสียบกลับคืนที่

รูปภาพ

………………………..
To be Continue
…………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………….

Next Sub-Turn

ธนัท: หนหน้าก็จะครบ 30 ตอนแล้ว ไม่คิดจะมีฉลองครบรอบกันหน่อยเหยอ?~~
มิส:นั่นสิน้า~~ ถ้าจัดอันดับกันแล้วล่ะก็ เราเป็นเรื่องที่ยาวที่สุดเลยล่ะมั้งเนี่ย ไม่แน่อาจจะไปได้ทะลุ 50 ตอนก็ได้
ชุติการ: ถ้างั้นตอนหน้าจะจัดอะไรเป็นพิเศษดีล่ะ
เกร:ฉันคิดเผื่อเอาไว้แล้ว ตอนหน้าฉลองครบ 30 ตอนคนเขียนหยุดงานเดือนนึง!!!!!
คนอื่น:ใช่ซะที่ไหน!! เค้าให้ฉลองกับผู้อ่านต่างหากเฟ้ย!!!!
เกร:ก็หยุดฉลองไงแล้ว
…………………………..
…………………………………………….
ตอนหน้างดไปอีก เดือนนึงเต็มๆจ้ะ
…………………………………………….
…………………………….

Card PoP!!
???

รูปภาพ

??? ..เวลาคือดาบที่พระองค์ใช้มันพรากผู้ที่เรารักไป บัดนี้กำลังจะพังทลายลงแล้ว....ต่อหน้าความเป็นไปได้เหนือขีดจำกัด Progress Summon......
จงออกมา พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด คาออสลอร์ดเลวีอาทาน(Eternal Immortal Chaos Lord Leviathan) ???

………………………………………………..


เปิดถึงตรงนี้ทีไร มักจะทักทายกันด้วยเสียง เฮ้อ ฮ้า หรือไม่ก็บ่นว่าเหนื่อยตลอดเลยงั้นสินะ งั้นคราวนี้เรา
เปิดเรื่องกัน แบบไม่เหนื่อยดีกว่า(หุๆ ได้หยุดตั้งเดือน) เรา,kซีนแคป บทนี้กันเลยดีกว่า

สำหรับบทนี้ อาจจะมีประโยชน์กับคนที่จะต้องไปสอบร.ด.ในปีหน้า บ้างนะเพราะเขาทดสอบกันตามนั้นแหละ
(ยกเว้นเรื่องวิ่ง อันนี้จำไม่ได้) การเขียนบทนี้ทำเอาระลึกความหลังกันจนแก่ได้ที่เลยทีเดียว(สงสัยจะแก่แล้วจริงๆแฮะ เริ่มพูดเหมือนคนแก่(ฮา)) จำได้ว่าสมัยตัวเองสอบเข้า ร.ด. ทำไม่ผ่านซักกะอย่างเลย วิดพื้นก็ได้แค่ 10 ที ซิทอัพ ก็ขาดไป 1

วิ่งยังแทบไม่ครบรอบด้วยซ้ำเอ้า แต่ก็ยังสอบผ่าน(ร.ร. เส้นใหญ่น่ะเอิ้กๆแค่ไปสอบเขาก็ให้ผ่านเลย) ดูเหมือนทุกอย่างมันจะตรงข้ามกับ เจ้า ธนัท หมดเลยนะเนี่ย อา อยากเป็น DNA-Changer บ้างจัง จะได้โลดโผนได้(กระซิก) จะมีก็อย่างเดียวที่
เขียนให้ ธนัท เหมือนกับตัวเอง ก็คือยิงเป้า ไม่เคยโดยเป้าเลย แต่ไปโดนเส้นลวดกับตัวหนีบเป้า จน เป้าชาวบ้านร่วงทุกที

ไม่รู้มันจะแม่นจะอะไรกันนักกันหนาเป้ากระดาษ ออกเบ้อเริ่มไม่โดนดันไปยิงโดนเชือกเส้นบางยังด้ายจะเรียกยิงแม่นหรือตาถั่วดีเนี่ย ชักนอกเรื่องไปกันใหญ่ กลับเข้าเรื่องๆ สำหรับ บทนี้จะได้กลิ่นอาย ดราม่าพอเป็นพิธี รอบนี้ตัวเรา(เกร)
ก็โผล่มาสปอย ซะเยอะเลย เหอะๆ ที่อยากจะพูด ก็พูดในนิยายไปหมดละ งั้นเรามาต่อกันที่ เรื่องกำเนิด เทวะแห่งความมืด

อย่าง ดาร์คเดว่า กันเลยดีกว่า โดยส่วนตัวแล้ว พล็อต เด็กชาวบ้านผู้น่าเวทนา ต้องประสบเคราะห์แบบนี้ เขี่ย ยาก
เพราะสื่ออารมณ์ไม่ถูกเลย จริงๆแล้วไอ้เรื่องแนวๆนี้ก็เคยได้ยินว่าบางแห่งชาวบ้านเค้าเชื่อกันจริงเผากันจริงแบบ การล่าแม่มดเลยก็มิปาน รู้สึกสมเพชในตัวมนุษย์กันขึ้นมาตะหงิดๆ เลยได้มาเป็นอุทาหรณ์เขียนเรื่องซะ

ส่วนสาเหตุที่ทำไม ซีรี่ย์นี้เขียน ถึง ปอบ มาสองรอบแล้ว สาเหตุเพราะไอ้ เจ้าการุรุม่อน มันดันติดบ้านผีปอบ ซะนี่ไอ้เรารึ
ก็เป็นคนไม่ค่อยชอบเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ยังจะดั้นเอามาดู ตอนทำงานอีก (ช่วงที่แวะกลับไปกรุงเทพฯน่ะนะ)
เลยพลอยขนลุกไปด้วย

เอาล่ะวันนี้ พูดมาเยอะแล้ว ขอนั่งรอคอมเมนท์ต่อละกันนะครับ
ปล. หวังอย่างยิ่งว่า Leraje ซังจะมาเมนท์ เพราะตอนนี้โดนเขมือบเป็นน้ำแข็งใสเลย สรุปแล้วต่อให้เป็นลูกน้องพระรอง
ก็ยังมิวายดับดิ้นได้สินะ เมื่อเจอคนเขียน เหอๆ

ปล.2 ตอนที่ 30 ฉลองอะไรดีเนี่ย งั้นเอาเป็น ตัวอย่าง CG ภาพเคลื่อนไหว ที่จะลงใน CVSE แทนละกันเน่อ
พอดีพึ่งได้โปรแกรมใหม่มาเลย เริ่มทำภาพเคลื่อนไหวได้แล้ว ต่อไปนี้ Op จะไม่นิ่งแล้วล่ะ เคี้ยกๆๆ

ปล.3 สำหรับคนที่ยังไม่รู้ ว่าอักขระที่เขียนบนการ์ดคืออะไร งั้นใบ้ให้มันเป็นภาษา Rune เน้อ ความหมายไปตีกันเอาเอง
ว่าเขียนไว้ว่าอย่างใด แต่ Text โคตรยาว
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ เม.ย. 11, 2011 7:58 pm, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 29 Eternal Immortal

โพสต์โดย ~[Vlad V]~ เมื่อ อังคาร ก.ย. 14, 2010 12:02 pm

ทำเป็นหนังอนิเมเลยจิ ::011::
ภาพประจำตัวสมาชิก
~[Vlad V]~
0
 
โพสต์: 1142
Cash on hand: 60.00
ที่อยู่: เก็นโซเคียว

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 29 Eternal Immortal

โพสต์โดย The Wise Eagle เมื่อ อังคาร ก.ย. 14, 2010 3:22 pm

อักษรรูรมันเอาไว้ดูดวงไม่ใช่เรอะ?
โกงขริง
เกร:พลังอะไรก็ทำลายพระเจ้าอันไม่สิ้นสุดได้หรอกน่า
โคทาโร่:Sword of Wisdom แปลงเป็นTale of Abyss
เกร:O_o ไอ้];'e]ไอ้c#%*#_ไอ้%&^}"ไอ้#<>@

ภาษารูนส์วันละคำ
I อ่านว่า īsaz ไอสัศ แปลว่านํ้าแข็ง ในการดูดวงหมายถึง ความล่าช้า
ปล.ยังฮาอยู่เลย
ภาพประจำตัวสมาชิก
The Wise Eagle
0
 
โพสต์: 1472
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 29 Eternal Immortal

โพสต์โดย boy เมื่อ อังคาร ก.ย. 14, 2010 7:43 pm

การ์ดโกง =3=
ผักคุงรับไม่ได้ โน่ววววววววว
ว่าแต่ ไหงโคจังใช้นักรบหว่า = =

ปล.1 รูปแบบจาก 5D สินะครับ
ปล.2
โคทาโร่ ยกเอา ชามข้าวต้มอุ่นๆ ที่ตักจากหม้อหุงเตาถ่าน
และ ไข่เจียว กับผักต้ม ออกมาวางที่เพิง

แค้นคนเขียน.... TwT
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 29 Eternal Immortal

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ อังคาร ก.ย. 14, 2010 8:36 pm

vlad v เขียน:ทำเป็นหนังอนิเมเลยจิ ::011::


คำขอที่ 3 แล้วนะเนี่ยที่บอกให้ทำเป็นอนิเมเลย นี่ถ้าขอร้องกันเข้ามามากๆ เกิด เกรม่อนคุง บ้าจี้ ทำขึ้นมาจริงๆ นี่.....
(ไม่อยากนึกถึงวันนั้น เพราะเหนื่อยตรูแน่)

The Wise Eagle เขียน:อักษรรูรมันเอาไว้ดูดวงไม่ใช่เรอะ?
โกงขริง
เกร:พลังอะไรก็ทำลายพระเจ้าอันไม่สิ้นสุดได้หรอกน่า
โคทาโร่:Sword of Wisdom แปลงเป็นTale of Abyss
เกร:O_o ไอ้];'e]ไอ้c#%*#_ไอ้%&^}"ไอ้#<>@

ภาษารูนส์วันละคำ
I อ่านว่า īsaz ไอสัศ แปลว่านํ้าแข็ง ในการดูดวงหมายถึง ความล่าช้า
ปล.ยังฮาอยู่เลย


ชะ...ตกลงจะว่าโกง ก็ โกงนะ แต่ เจ๊ว่ามันยังสำแดงเดชมาไม่หมดนะ เหมือน Text ที่เขียนไว้มันจะเหลืออีกบานตะไทเลยน่ะสิ
ความสามารถแรกเรียกมาบึ้ม Seal Active แล้วดูด At Df มาเพิ่มตัวเอง

ความสามารถที่สองอันนี้รู้สึกจะมี กันทุกตัวนะในหมู่พวกพระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดเนี่ย ไอ้การทำงานของการ์ดที่มีความเกี่ยวข้องกับ เทิร์น
ไร้ผล จะว่าไป งั้น Tale of Abyss ก็ใช้ไม่ได้ผลกับพระเจ้าด้วยสิ - _ -# เอแต่มัน 0 Turn นี่นา บางทีอาจจะใช้ได้


boy เขียน:การ์ดโกง =3=
ผักคุงรับไม่ได้ โน่ววววววววว
ว่าแต่ ไหงโคจังใช้นักรบหว่า = =

ปล.1 รูปแบบจาก 5D สินะครับ
ปล.2
โคทาโร่ ยกเอา ชามข้าวต้มอุ่นๆ ที่ตักจากหม้อหุงเตาถ่าน
และ ไข่เจียว กับผักต้ม ออกมาวางที่เพิง

แค้นคนเขียน.... TwT


อืม~~ บอกโกงสองคนแล้วสินะ สงสัย(ยังจะสงสัยอีกเรอะ)จะโกงจริงๆ นี่ยังเหลือร่างของ บีฮีมอท กับ ซิส อีกนะเนี่ย ::036::
ไม่อยากจะคิดเล้ย แล้ว ธนัท จะเอาอะไรไปชนะเนี่ย สกิลพระเอกเรอะ! รึว่าต้องโกงกว่านี้

ปล.แรก คล้ายอย่างนั้นแหละ คงประมาณพระเจ้าผู้ผูกมัดโลกอะไรแบบนี้มั้ง ว่าการ์ดพื้นหลังเป็นสีขาวยังกะซิงโคร แถมไม่มีเผ่าอีก
ธาตุก็ไม่มีด้วย แล้วยังโกง Text เขียนเป็น ภาษารูน อีก ::014:: แล้วแบบนี้จะ เช็ค Text ไงย้า~~ อีตา เกรม่อนคุง

ปล.สอง งั้นคราวหน้าให้ บาร์น เอาโคทาโร่ ไปต้มมั่งดีไหมนิ เหอๆ (เกี่ยวกันซะที่ไหน!!)

ปล.ตัวเองบ้าง หยุดงานเดือนนึง เย้!! ::027:: เป็นการฉลองครบรอบจำนวนตอนที่ Perfect ม้ากกกกก มากกก
ว่าแต่ ไอ้ฝีมือยิง เป้าสุดเมพบรมกับห่วยบรมในเวลาเดียวกันของแกนี่ แก้ไม่หายซักทีแหะ ขนาดติดมาถึง ธนัท เลยเรอะ

ปล.สุดท้ายรอบนี้เสียงตอบรับดีขึ้นแฮะ แสดงว่ายังมีคนตามอยู่เรื่อยๆสินะ โฮะๆ Thank you เน้อ~~
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 29 Eternal Immortal

โพสต์โดย Palmon เมื่อ อังคาร ก.ย. 14, 2010 8:48 pm

ไม่ได้แวะเข้ามาตอบเมนท์ ด้วยซะนาน โดน การุรุเซนไป แย่งงานไปหมดเยย ::023::

ช่างมันงั้นคอมมเนท์สั้ยๆละกัน
....................ได้หยุดเดือนหนึ่ง โอว้ เหมือนปาฏิหารย์ เกรม่อนคุงโดนปอบสิงมารึเปล่าคะเนี่ย.........................................

คนอ่าน:พวกเอ็งจะกระดี๊กระด๊าไปถึงไหน!!

แอบคิดกันประมาณนี้อยู่เป่าคะเนี่ย เหอๆ อันที่จริงมันมีสาเหตุนะคะ สาเหตุที่ว่าคือ ใกล้สอบ กับ กำลังเร่งทำ CG กันอยู่เลย
ไม่มีเวลามาเขียนกันต่อ ก็เลยว่าจะงดไป 4 อาทิตย์เลย ประมาณสอบเสร็จพอดีก็ปิดเทอมทีนี้จะได้มาต่อ ซีรี่ย์กันให้มันสะใจไปเลย
ประมาณนี้ล่ะค่ะ
Palmon
0
 
โพสต์: 33
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 29 Eternal Immortal

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ อังคาร ก.ย. 14, 2010 11:42 pm

boy เขียน:การ์ดโกง =3=
ผักคุงรับไม่ได้ โน่ววววววววว
ว่าแต่ ไหงโคจังใช้นักรบหว่า = =

ปล.1 รูปแบบจาก 5D สินะครับ
ปล.2
โคทาโร่ ยกเอา ชามข้าวต้มอุ่นๆ ที่ตักจากหม้อหุงเตาถ่าน
และ ไข่เจียว กับผักต้ม ออกมาวางที่เพิง

แค้นคนเขียน.... TwT



? นักรบอะไรเหรอครับ บทนี้เห็นเรียก เลราเย่ ออกมาตัวเดียวนี่ไม่ได้ใช้ Knight เลยซักกะตัวนา
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 29 Eternal Immortal

โพสต์โดย The Wise Eagle เมื่อ พฤหัสฯ. ก.ย. 16, 2010 2:34 pm

พระเอกชนะเพราะวิสดอมครับ

ดาบเเห่งปัญญา จงออกมา ซอร์ดออฟวิสดอม!!!!
วิสดอมเป็น....ทันเดอร์โบลต์ ทำลายซีลฝ่ยตรงข้ามทิ้งซะ!!!!!

เกร:เจี้ยก โกงก่าตรูอีก
ภาพประจำตัวสมาชิก
The Wise Eagle
0
 
โพสต์: 1472
Cash on hand: 250.00

Sub-Turn 30 Na Na Jit Tung S.O.W.(Sword of Wisdom)

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ ศุกร์ ต.ค. 15, 2010 5:06 pm

ตอบ #149 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2009, 11:05:47 PM
พี่โคครับ ผักอยากได้วายแบบสนุกนะ เอาแบบไม่จิ้นได้มั้ย


การุรุ:ว่าแล้วเดี๋ยวจัดให้ Digi-Mental Up!!! เป้าหมาย เกรม่อนคุง!!
เกรม่อน:วาร์ป เปลี่ยนร่าง ชิ้ว แว้บ~~~~วายเกรม่อน

Sub-Turn 30 Na Na Jit Tung S.O.W.(Sword of Wisdom) นานจิตตัง ดาบเจ้าปัญหากำหนดฟ้าชะตา

รูปภาพ
[รูปนี้ต้อง เครดิต ไปที่ใครล่ะเนี่ย หาเจ้าของ Sig ไม่เจอ เหอๆวานผู้รุ้ตอบกลับด้วยเน้อ]

เมื่อครั้งที่ โนอา เคยเตือนผู้คนว่าน้ำจะท่วมโลก แต่กลับไม่มีใครซักคนเชื่อเขา และเมื่อ โนอา เริ่มสร้างเรือ ผู้คนก็พากันหัวเราะเยาะ หาว่าเขาบ้าไปแล้ว จน โนอา กลายเป็นตัวตลกไป
หลังจากนั้นน้ำก็ท่วมโลกจริงๆ เหมือนอย่างที่พระเจ้าตรัสกับ โนอา ไว้ พวกคนที่ไม่เชื่อคำพูดของ โนอา สุดท้ายก็ถูกน้ำพัดจนตายหมด
แต่รู้ไหม ประวัติศาสตร์ไหนๆต่างก็มีด้านมืดที่ยากจะหยั่งลึกอยู่ ความจริงแล้ว โนอา ไม่ได้รับสารจากพระเจ้าว่าน้ำจะท่วมโลกหรอก แต่เขานั่นแหละคือพระเจ้าที่ทำให้น้ำท่วมโลก เพราะเขาคือ Heroic ที่สามารถควบคุมพระเจ้าได้ พระเจ้าที่เขาเลือกควบคุมนั้นคือ พระเจ้าแห่งหลักวัฏสงสาร(Cycle of Life) ด้วยการเร่งกระบรวนการ ละลายของน้ำแข็งขั้วโลกในยุคนั้นจนเกิดน้ำท่วม ยังไงล่ะ

“ หมายความว่าน้ำท่วมครั้งนั้น เกิดจากความทะเยอทะยานของ โนอา งั้นเหรอ? ”
การุรุ ถาม หลังจากฟัง เกร สาธยายอยู่ในห้องเล็ก ที่มีเฟอนิเจอร์ ประดับอยู่น้อยชิ้น นอกจาก เตียงกับ เก้าอี้ที่เขานั่งอยู่
ก็แทบไม่มีอะไรในห้องนี้เลย

Garuru
รูปภาพ

“ แต่ว่า ก็เพราะเรือ Ark ของเขานี่ ที่ทำให้สิ่งมีชีวิตที่เหลืออยู่ รอดมาจนถึงทุกวันนี้ ”
การุรุ แย้ง

“ ประวัติศาสตร์แท้จริง นั้นล้ำลึกเกินกว่ามนุษย์จะหยั่งถึง ในครั้งนั้น โนอา ไม่ได้ช่วยสรรพสิ่งใดเอาไว้เลย
เขาทะเยอทะยาน จนคิดว่าสิ่งใดๆก็ไม่คู่ควรจะอยู่บนโลกร่วมกับเขา นอกจากผู้มีสายเลือดเดียวกัน
ในตอนนั้นเอง Heroic ผู้ได้รับเลือกให้ควบคุม พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด ก็ได้เข้าต่อกร กับ พระเจ้าแห่งหลักวัฏสงสาร

จนในที่สุดก็ปราบยุคเข็ญของ โนอา ลงได้ แต่ผู้คนที่เหลือรอดกลับไม่มีใครที่จะบันทึกหรือสืบทอด
เรื่องราวความจริงนี้ให้ชนรุ่นหลังนอกจากครอบครัวของ โนอา ดังนั้น เรื่องเล่าที่เราได้ยินมาจนถึงทุกวันนี้คือเรื่องที่
ลูกหลานของพวกเขา แต่งเสริมเติมแต่งขึ้นมา เพื่อให้พวกตนถูกยกย่องและเป็นที่จดจำ ”

เกร ตอบเขานั่งพาดขาไขว่ห้างอยู่บนเตียง ด้วยท่าทางสบายอารมณ์

“ ก็หมายความว่าโกหกลวงโลก กันมาตั้งกะยุคแรกเริ่มโน้นเลยงั้นสิ เสียดายแหะที่ไม่มีใครรู้ความจริงเนี่ย ”
การุรุ เปรย

“ มนุษย์ก็เป็นแบบนี้แหละ ล้วนสร้างแต่ความลวง สัจธรรมสำหรับมนุษย์นั้นไม่มีอยู่จริง เพราะแม้แต่ตัวมนุษย์ก็ยังเป็น
เพียงภาพลวงตา ที่ถูกสมมติขึ้น และวิ่งเต้นอยู่บนฝ่าพระหัตถ์ของพระเจ้า ”
เกร พูด แม้จะทำเสียงประชดประชัน แต่สีหน้าและท่าทางของ เกร ก็ไม่ได้คล้อยตามไป กลับกัน ใบหน้าของเขากลับ เศร้าหมอง

[ตั้งแต่บรรทัดนี้ไปจะเป็นมุขสำหรับสายสีม่วง ผู้ที่มีภูมิต้านทานความวาย ต่ำ อ่านแบบผ่านๆจะดีกว่านะ]

“ ใช่…ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นล้วนวิ่งเต้นอยู่บนฝ่าพระหัตถ์ของพระเจ้า….ทุกอย่าง ”
หยาดน้ำตา เจิงนองอยู่ที่แก้มทั้งสอง ของ เกร

“ อย่าร้องไห้สิ เกร…. ”
การุร ปลอบพร้อมกับปีนขึ้นมาบนเตียง เข้าสวมกอดเขาไว้อย่างแนบแน่น

“ ยังเจ้าน้ำตาไม่เปลี่ยนเลยนะถ้าอ่อนแอแบบนี้แล้ว นายจะแก้แค้นพระเจ้าสำเร็จได้ยังไงกัน…พระเจ้าที่ชิงเอา
ผู้เป็นที่รักของเราไปน่ะ ”
การุรุ กระซิบที่ข้างหูของเขาเบาๆ ก่อนจะพลิกตัวกดร่างของ เกร ให้นอนลงไปบนเตียงจากนั้นจึงขึ้นคร่อม
ไว้มิให้ขัดขืน

“ ฉันจะอยู่เคียงข้างนายเอง จะคอยปลอบโยนนายไปตลอดกาล ”
คำปลอบโยนแสนนุ่มนวล อันแฝงไว้ด้วยพิษร้ายที่สะกดเหยื่อให้หยุดนิ่ง นิ้วเรียวยาวทั้ง 5 ค่อยๆถกเสื้อ
ของ เกร ขึ้น การุรุ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ จนริมฝีปากเกือบจะประกบกัน มือซุกซนค่อยๆล้วงเข้าไปใน……

“ ยู้ด~~~~~~~!!!!! หยุดเดี๋ยวนี้ นี่พวกแกจะมาทำบัดสีอะไรกันเวลางานเนี่ย คิดจะทำลายความฝันของเด็กๆกันรึไงหา!!! ”

“ วาการุรุ!! ”

WereGaruru
รูปภาพ

…………………………………
[กรุณารอซักครู่ กำลังปรับเข้าสู่โหมดปกติ]
………………………………….

“ ให้ตายสิแกเนี่ยเผลอไม่ได้เลยนะ เจ้า การุรุ จะตัญหากลับ ก็ให้มันรู้บ้างว่าอะไรควรมิควร ”
ชายแปลกหน้า ซึ่งบุกเข้ามาในห้องเมื่อครู่คือ วาการุรุ และกำลังเทศนา ใส่ ทั้งสอง

“ ก็แหมมันอดใจไม่ไหวนี่นา พึ่งจะอ่านโด วายเรท 18+ มาตะกี้กะลังคึกง่ะ ”
การุรุ แก้ตัว

“ คึกบ้านป้าแกสิ อยู่ๆไปจับเจ้าเกร กดแบบนั้น อุตส่าห์ให้ เทนโตะ อยู่เฝ้าบ้านเป็นเพื่อนแท้ๆ
แล้วนี่หายหัวไปไหนของมันนะ ”
วาการุรุ ตะคอกเสียงดัง

“ การุรุ แค่ปลอบฉันแค่นั้นเอง ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้นหรอก ”
เกร พูดเพราะรำคาญเสียงโต้เถียงของทั้งสอง และหวังจะให้พวกเขาหยุดกันเสียที
ต่ำพูดนของเขา กลับทำให้ วาการุรุ มองด้วยสายตาแปลกๆ

“ นายน่ะไม่ต้องมาพูดเลย โดนเข้าไปขนาดนั้น ยังจะเรียกว่าแค่ปลอบอีกเรอะ ขืนฉันมาช้ากว่านี้อีก วิ เดียวไม่ …(ปิ๊บ)…
แล้วก็ …(ปิ๊บ)… ไปไหนต่อไหนแล้วรึไง ”
วาการุรุ เปรยก่อนจะถอนใจอย่างหน่ายๆ

“ เห็นม้า~~ บอกแล้วว่า เค้าไม่ได้จะมุบมิบ เกรคุง ไว้คนเดียวซักหน่อยเน้อ~~~ ”
“ ไม่ต้องแสล๋น มาเจ๋อเลยแกน่ะ!! ”
ทันทีที่ การุรุ จะเสริม วาการุรุ ก็แทรกสวนกลับทันควัน

“ อ้าวดราม่า กันอยู่เหรอ….งั้นไม่กวนล่ะ ”
ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับที่ เทนโตะ เดินเข้ามา ในมือซ้ายของเขา ถือตะกร้าใส่ผักผลไม้ที่พึ่ง
ซื้อกลับมาจากการจ่ายตลาด

Tento
รูปภาพ

“ ฉันว่า ว่างๆพวกนายน่าจะลองไปให้หมอเค้า ตรวจสมองบ้างดีกว่านะ ”{รู้สึกจะเซลล์สมองตายกันยกทีม}
วาการุรุ ถึงกับกุมขมับ

“ เออ จริงสิเมื่อกี้ตอนเข้ามา ที่ตู้จดหมายหน้าคลับ มีไอ้นี่วางอยู่ด้วยล่ะ ”
เทนโตะ พูดเหมือนพึ่งนึกออก เขาล้วงมือลงไปในตะกร้า แล้วหยิบเอา การ์ดกระดาษขึ้นมายื่นให้ทุกคนดู
………………………………………………………………………………..
เที่ยงคืนของวันที่ XX เดือน XX จะขอรับ ดาบแห่งปัญญา ไปละนะ
From Dark
…………………………………………………………………………………..

“ เอ๋ สารเตือนเหรอ? ”

……………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………..

เป็นเวลาสายแล้ว วันนี้เป็นวันเสาร์ โรงเรียนหยุด ธนัท จึงยังคงทิ้งตัวดูโทรทัศน์
อยู่บนโซฟาในห้แงนั่งเล่นได้อย่างสบายอารมณ์

“ นี่ ธนัท โคทาโร่ ยังไม่กลับมาอีกเหรอ? ”
ลูเซีย เดินเข้ามาถาม เพราะตั้งแต่เมื่อคืนวาน โคทาโร่ ยังคงไม่ได้กลับบ้าน และ ไม่ได้ติดต่อมาด้วย ทำให้
เธอรู้สึกเป็นห่วง แต่ ธนัท กลับนิ่งเฉย และทำราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ

“ เดี๋ยวก็คงกลับมาเองนั่นหล่ะ คงไปเตร็ดเตร่ อยู่แถวไหนอีกล่ะมั้ง ฮ้าว~~ หมอนั่นน่ะ งานยุ่งจะตาย”
ธนัท อ้าปาก หาวหวอด พร้อมๆกับบิดขี้เกียจ ระหว่างนั้นเอง รายการโทรทัศน์ก็ตัดเข้า ข่าวด่วน

“ หลังจากเมื่อเช้าเวลา เจ็ดนาฟิกา ก็ได้มีสารเตือน จากจอมโจรดาร์ค ไม่ได้ลงมือก่อเหตุมาซักระยะหนึ่งแล้ว หรือว่านี่จะเป็นสัญญาณ ที่บอกว่าเค้าจะเริ่ม ลงมือ อีกครั้งกันแน่คะเนี่ย! ”
เสียงของผู้บรรยายข่าว ทำให้ ลูเซีย หันมามองด้วยความสนใจ

“ ไดสุเกะ ลงมืออีกแล้วเหรอเนี่ย แปลกแหะ พักนี้ก็ไม่เห็นประธานจะรู้สึกถึงไอ้นั่นเลยนี่นา? ”
ธนัท เปรย

“ เอ๋ ? ในข่าวเค้าพูดถึง จอมโจร ดาร์ค ไม่ใช่เหรอ แล้วนั่นนายพูดถึงใครกันน่ะ ”
ลูเซีย ถามด้วยความฉงน

“ เธอจำ เจ้า ไดสุเกะ ที่เรียนอยู่ห้องข้างๆเราได้ไหมล่ะ ที่ผมสีแดงน่ะ ”
ธนัท พูด

“ หมายถึงคนที่อยู่กลุ่มเดียวกับ อิส น่ะเหรอ? จำได้ว่า ตอนนายบาดเจ็บสาหัสคราวนั้น เค้าก็อยู่ด้วยนี่นะ ”
ลูเซีย ทำท่านึกไปพลางขณะพูด

“ เจ้านั่นน่ะคือ ดาร์คไงล่ะ งานขโมย ทุกๆครั้งที่เจ้านั่นทำน่ะ เป็นคำสั่งของ ประธาน นี่น่ะความลับสุดยอดเชียวนะ
รู้แล้วเหยียบไว้เลยนา~ ”
ธนัท กระซิบเบาๆเพื่อไม่ให้ใครอื่นในบ้านได้ยินนอกจากเขากับเธอ

“ งั้นเหรอ แล้วทำไมต้องให้ไป ขโมยด้วยล่ะ คุณประธานเค้าอับจนมาเลยเหรอ? ”
ลูเซีย ถาม

“ อับจนบ้านเธอสิ เค้าเป็นขุนนางสเปนออกจะรวยล้นฟ้าแต่ที่ทำน่ะมันมีเหตุผล ”
ธนัท พูด

“ เหตุผลเหรอ?~ ”
ลูเซีย ทวนคำด้วยความสงสัย จะมีเหตุผลอะไรที่ทำให้คนที่ร่ำรวยยังต้องมา เป็น ขโมยอีก

“ วัตถุ ที่ดาร์ค จะทำการโจรกรรม น่ะ ทุกอย่างจะเป็นวัตถุที่มีความเสี่ยงว่าจะ ทำให้เกิดอันตรายทางเวทยาการ แต่ว่าของพวกนี้น่ะ อำนาจตำรวจเข้าไม่ถึง เพราะงั้นใน ฐานะ Master Ceremony ที่มีหน้าที่ดูแล ความปลอดภัยและป้องกันการ
รุกราน จาก เทอร่า ถึงได้มี จอมโจรดาร์ค ไงล่ะ ของที่เราชิงมา จะถูกนำมาตรวจสอบและหากไม่มีอันตราย
ก็ทำการส่งคืนของชิ้นนั้นให้ ”

ธนัท อธิบาย

“ งั้นตอนนี้เรามาฟังความเห็น จากคุณ แกรี่(Gary)ผู้บริหาร X Sprot Club กันบ้างนะคะ ว่าไงคะ คุณ แกรี่ ”
เสียงจากผู้บรรยายข่าว ยังคงรายงานต่อไปเรื่อยๆขณะที่ พวกเขา คุยกันอยู่

“ ความคิดเห็นเหรอ? สำหรับผมแล้ว การกระทำครั้งนี้ถือว่าไร้สาระและสูญเปล่าครับ ยังไงซะ ความต้องการของ
เค้าไม่มีทางเป็นจริงได้อยู่แล้ว ”
เสียง ที่ให้ชวนคุ้นหู ของพวกเขาดังจาก โทรทัศน์ ทำเอาพวกเขา หันกลับมาจ้องหน้าจอกระทันหัน
แทบจะคอหักกันเลยทีเดียว เมื่อ คนที่มาให้สัมภาษณ์ คือ เกร นั่นเอง

“ หมายความว่าคุณมั่นใจมากว่า จอมโจรดาร์คไม่มีทาง ทำสำเร็จงั้นหรือคะ? แสดงว่า คุณแกรี่ ได้แจ้งไปทางตำรวจให้เข้ามาคุ้มกันแล้ว.. ”
ผู้สื่อข่าว ยังไม่ทันจะถามจบ เกร ก็แทรกขึ้นมา

“ ผม ไล่ตำรวจพวกนั้นกลับปหมดแล้วล่ะครับ แต่พวกเค้า ก็ยังดึงดันจะเฝ้าให้ได้ ผมก็เลยให้พวกเค้ารอ
ตรึงกำลัง อยู่แค่บริเวณรอบ คลับ เท่านั้น ”

เกร พูดจบแล้วจึงหยิบเอา มิสติกการ์ด ขึ้นมาแสดงต่อหน้ากล้อง

“ เพราะไม่ว่ายังไงก็ตาม ดาบแห่งปัญญา(Sword of Wisdom) ใบนี้จะไม่มีทางตกไปอยู่ในมือของเค้าอย่างแน่นอน ”
มิสติกการ์ดทอประกายระยิบระยิบราวกับ เพรชกระรัด ชักเชิดให้ดวงตาของบรรดาผู้ที่ได้พบเห็น หลงไปกับความงดงามและอำนาจของมัน ในบัลดล

รูปภาพ

“ น…นี่คือ? ”
ผู้สื่อข่าวพยายามจะถาม ตามหน้าที่ แต่ปากของเธอก็ดูเหมือนจะเอื้ออำนวยให้ได้เพียงเท่านั้น

“ ดาบแห่งปัญญา มิสติกการ์ดที่ผนึกคาถา ทรงอานุภาพและมีเพียงใบเดียวในโลก Swor of Wisdom ”
เกร ประกาศออกผ่านหน้าจอโทรทัศน์ ทั่วประเทศ

“ Foil ซะด้วย ”
ลูเซีย จ้องตาค้างราวกับถูกแสงของ การ์ดสะกดผ่านจอ ออกมาเลยทีเดียว

“ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้วนะ ”
ธนัท เปรย

………………………………………………………………………

เวลา 23.55 น.

บริเวณโดยรอบของ คลับ ถูกล้อมไว้ด้วย กำลังตำรวจหลายสิบนาย การวางกำลังตรวจตราคุ้มกันแน่นหนา
เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการบุกรุกของ จอมโจร ชื่อก้อง อย่างดาร์ค

“ คุ้มกันให้แน่นอย่ามีช่องโหว่ ให้มันหลุดรอดเข้าไปได้ ”
สารวัตร ออกคำสั่งผ่าน Note ของเขา ประสบการณ์ จากการ ประมือกับ จอมโจรดาร์ค มาหลายต่อหลายครั้งของเขา
ทำให้ การจัดกำลังมาในครั้งนี้ มากเป็นพิเศษ เพราะความร้ายกาจ ของ จอมโจร ดาร์ค นั้นตัวเขาย่อมรู้ดีเป็นที่สุด

“ หึ การกลับมาของแกคราวนี้ล่ะ ฉันจะจับแกยัดกรงให้ได้เลยคอยดู ”
สารวัตร พูดอย่างมั่นใจ ระหว่างนั้น นายตำรวจคนหนึ่งก็เดินเข้ามารายงาน

“ ท่านสารวัตรครับ เจ้าดาร์ค มันหนีไปทางด้านหลังของ คลับแล้วล่ะครับ ”

“ ว่าไงนะ! หนอย เจ้าดาร์ค!! คราวนี้แหละ ”
สารวัตร สบถ ก่อนจะออกคำสั่งผ่าน Note ให้ ทุกหน่วย กรูกันไปด้านหลังของ คลับ ทันที
ไม่นาน กำลังตำรวจทุกนายที่เคยล้อมกรอบบริเวณคลับ ก็อัตรธานหายวับไปหมดพร้อมๆกับ บรรดา
สื่อมวลชนทั้งหลายที่มาทำข่าวก็พากันแห่ตามพวกตำรวจไปโดยอัตโนมัติ

“ เท่านี้ตัวเกะกะ ก็ไปกันหมดซะทีสะดวกเราล่ะ ”
นายตำรวจที่ มาแจ้งรายงานว่าพบ ดาร์ค พูดพร้อมกับ ฉีกหน้ากากที่ใช้ปลอมตัวออก และถอดเครื่องแบบตำรวจ
วางทิ้งไว้ใกล้ๆกับ นายตำรวจ ที่นอนสลบอยู่ข้างหลัง รถตำรวจที่จอดอยู่

“ ขอบใจที่ให้ยืมชุดนะ แหมมุขนี้นี่มันใช้ได้ผลทุกทีเลยนะเนี่ย ฮะๆๆ ”
จอมโจรหนุ่มหัวเราะ ด้วยความชอบใจ ก่อนจะ รีบปีนรั้ว คลับเข้าไปข้างในทันที

…………………………………………………………..

“ หนูมันหลุดเข้ามาแล้วล่ะ ”
การุรุ รายงานผลการลักลอบเข้ามาของ ดาร์ค ที่เห็นผ่านกล้องวงจรปิด ซึ่งติดตั้งไว้ในตัวอาคารของ คลับ

“ อีแบบนี้ จะมีตำรวจหรือไม่มี ก็ค่าเท่ากันเลยนะเนี่ย ”
วาการุรุ เปรยเสียงทึ่งเล็กน้อยกับ ความสามารถของ จอมโจร และความสะเพร่าในการทำงานของตำรวจที่ส่งมา

“ ก็เพราะแบบนั้นไงถึงได้ไล่ให้กลับไป ”
เกร แทรก

“ ทีนี้จะเอาไงต่อล่ะ จะให้มัน….หรือว่าไม่ให้ ”
เทนโตะ ถามเสียงเรียบ โดยที่ยังคง จ้องหนังสือการ์ตูนในมืออยู่ไม่ได้วางตา

“ ผลไม้ในสวนเจ้าจงหยิบเอามันไปทานได้ตามใจ เว้นแต่ผลของต้นแห่งปัญญา ”
เกร เอ่ยขึ้นลอยๆ ทำให้ทุกคนหันมามอง

“ พระองค์ทรงรู้ว่า มันคือดาบสองคม ปัญญาทำให้บุตรของท่านรู้จักเอาตัวรอด แต่ ก็ทำให้บุตร
ของท่านตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ด้วย….จงหักปีกอิคารัส(Icarus)ซะ ”

ทุกคนผงกหัวรับ อย่างเข้าใจ ก่อนจะขานขึ้นพร้อมกันเป็นเสียงเดียว

“ เราจะไม่ผิดพลาดเช่นนั้น เพราะเราเหนือกว่าพระองค์ แด่พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด!!(Eternal Immortal) ”

…………………………………………………………………..
ตลอดขอบทางริมสระน้ำซึ่งปูด้วยกระเบื้อง ยาวไปตลอดแนวจนสุดเรือนกระจก
ภายในมืดสนิท มีเพียงแสงจากสปอทไลต์ของตำรวจด้านนอกที่สะท้อนเข้ามา ให้พอมองเห็นได้สลัวๆ
จอมโจร หนุ่ม สาวเท้าวิ่งอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้ากระทบกระเบื้องดังก้องกังวาล

“ เหะๆ ถ้าผ่านสระน้ำไปได้ ก็ถึงประตูหลังแล้ว.. ”
ดาร์ค พูดเสียงร่า แต่ทว่า

“ มันจะเป็นยังงั้นรึเปล่าน้า~~~ ”
เสียงแหลมปรี้ดดังขึ้นพร้อมๆกับไฟในเรือนกระจกถูกเปิดขึ้นทั้งห้องสว่างขึ้นมาอย่างกระทันหันทำให้ ดาร์ค ตาพร่า

“ น…นี่มันอะไรกันน่ะ ”
ดาร์ค สบถ

“ ถ้าอยากรู้เรื่องราวให้กระจ่าง… ”
เสียงกระซิบเปรี้ยวๆ ดังขึ้นที่ข้างหูซ้ายของเขา พร้อมกันนั้นที่ หูซ้ายเสียงทุ้มแหบก็ดังขึ้น
“ พวกเราก็พร้อมที่จะแถลงไข ”

“ ถอยไปนะ!! ”
ดาร์ค สบถพร้อมกับเหวี่ยงแขนไปรอบๆ แต่เจ้าของเสียงทั้งสองก็ถอยร่นออกไปทันท่วงที และเริ่ม
กล่าวปราศัยสลับกันไป

“ เพื่อปกป้องไม่ให้โลกถูกทำลาย…. ”
“ เพื่อปกป้องสัญติภาพของโลก… ”
“ เผยความชั่วร้ายสัจธรรมและความรัก…. ”
“ ตัวโกงผู้แสนน่ารักและทรงเสน่ห์…. ”

“ การุรุ… ”
“ เทนโตะ~ ”

“ พวกเราสองคนแก๊งค์วายแห่งจักรวาล ”
“ วายฮอล พรุ่งนี้ที่สดใสรออยู่ ”

ทันทีที่ ทั้งสองคนพูดจบ ดวงตาของ ดาร์ค ก็ปรับชินกับแสงแล้ว และก็ต้องตกอยู่อาการตะลึงอีกครั้ง
เมื่อรอบตัวเขานั้นถูกล้อมรอบด้วย สาวประเภทสอง

“ เย้ย~~~นี่มันตัวเชี้ย ไรเนี่ย!!! ”
ดาร์ค สะดุ้งโหยงพร้อมกับกระโจงตัวโก่งขึ้นไปเกาะบนคานของเรือนกระจกทันที

“ โฮ้ โฮะๆๆ ถึงแกจะเป็นจอมโจรที่เก่งกาจแค่ไหน แต่ก็สู้เหล่า สาวก วาย บ่ได้หรอก โฮ้โฮะๆๆๆ ”
การุรุ หัวเราะร่าที่ได้เห็น จอมโจรแห่งยุคตกอยู่ในสภาพ ไม่ต่างไปจากเหยื่อที่แขวนไว้ล่อฝูงปลา

“ ส่วนฉันแค่มาช่วยเฉยๆน่ะ ไม่ได้เป็นสาวกด้วยหรอก ”
เทนโตะ พูดแก้ตัวก่อน จะรีบจรรี หลบออกวงนอกปล่อยให้ การุรุ เป็นคนจัดการไป

“ น…หนอย นี่พวกแกเห็นฉันเป็นอาหารปลารึไง ขอบอกไว้ก่อนเลย อย่ามาดูถูก ฉันเชียวนะ!! ”
ดาร์ค กล่าววาจาท้าทาย พร้อมกับ ตะเกียกตะกาย ไต่ไปตามคานจนไปถึงกลางสระ ทำให้ ฝูงสาวประเภทสอง
ตามลงไปในสระไม่ได้

“ ท่าน ดาร์ค ใจร้ายอ่า~~~~ ”
เสียงครวญ ของบรรดาศัตรูดังระงมที่ไม่สามารถตามไปได้

“ นายนั่นแหละอย่าคิดดูถูก สาวก วายเด็ดขาด กองกำลัง นางเงือก เหล่าฟุโจชิ(สาววาย)ทั้งหลายประจัญบาณ!! ”
การุรุ ประกาศเสียงลั่น พร้อมกันนั้น ฟองอากาศจำนวนมากก็ผุดขึ้นมาที่ผิว น้ำก่อนที่กลุ่มสาวๆ ผู้ฝักใฝ่ในวีถีแห่งวาย
จะพุ่งทะยานขึ้นมาเล็งคว้าคอหอย บรุษจอมโจร ลงน้ำ แต่ ดาร์ค ก็เอี้ยวตัวกระโจนลงน้ำได้ทัน
ในวินาทีน่าใจหายนั่นเอง

“ ถึงจะหนีลงน้ำ ก็หนีกองพลเงือกวาย ไม่พ้นหรอกฮ้า~~~โฮ้ โฮะๆๆ ”
เป็นตามที่ การุรุ ลั่นวาจาไว้ เพียงแค่ ดาร์ค ตกลงไปในสระ นั่นก็เท่ากับถูกล้อมด้วยฝูงฉลามแล้ว
เหล่า สาววายในชุดว่ายน้ำ ว่ายวนล้อมกรอบเอาไว้ อีกทั้งที่แย่ กว่านั้น พวกสาวประเภทสอง ที่เป็นทัพบกตอนนี้
กำลัง ติดตั้งตีนกบและอุปกรณ์สำหรับลงน้ำ เพื่อปฏิบัติการ เชือดไก่ในครั้งนี้

“ เย้ย~~ จะตามราวีกันไปถึงไหนเนี่ย ”
ดาร์ค เผยอ ก่อนจะมุดหัวดำน้ำหนีลงไปใต้สระ เพื่อแหกออกจากวงล้อม

“ โฮ้ โฮะๆๆ ไม่ว่าจะหนีไปไหนก็ บ่ รอดดอก เดี๊ยนขอ ขนานนามแผนการนี้ว่า กำแพงเหล็กกล้า Gay War !! ”
การุรุ หัวเราะด้วยความลำพองในชัยชนะ

“ เอิ่ม มันต้อง Wall ไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่ War นิไอ้นี่มันแปลว่า สงครามนิ… ”
เทนโตะ เปรย

[แก้ เนื่องจาก เจ้า การุรุมันอ่อน Eng สังเกตุได้จากตอนที่ผ่านมา ผมเขียนคำว่า ชีท(Sheet) ที่แปลว่า
เอกสารถูกแล้วมันดันให้ผมเปลี่ยนเป็น ชีส ที่แปลว่า เนยซะงั้น เพราะงั้นไอ้คำว่า War นี่ก็ด้วย เหอๆ ]

………………………………………………………………………………

“ ไอ้พวกจัญไร นั่น การุรุ มันขนจากไหนมาเยอะแยะฟะเนี่ย…แทบจะตั้งแก๊งมาเฟียกระเทย ย่อยๆได้เลยมั้ง ”
วาการุรุ หน้าซีดเผิอดไปทันที กับแผนการเหนือชั้น ของ การุรุ ที่ลงไปนัวเนีย อยู่ที่เรือนสระว่ายน้ำ
ผ่านทางกล้องวงจรปิดในเรือน ซึ่งส่งมายังมอนิเตอร์ ในห้องพักในสุดของ คลับ

“ รู้สึกว่า จะเป็นพวกลูกค้าที่มาใช้บริการ คลับของเรานั่นแหละ ลูกค้าพวกนี้ก็แปลกนะ มาใช้บริการทุกวัน แต่ไม่เห็นทำอะไรกันเลย นอกจากมานั่งดู ลูกค้าคนอื่น ออกกำลังกาย ”
เกร อธิบาย

“ คงจะดอดกันมาแอบดูพวกลูกค้า ฟิตกันอยู่น่ะสิ ถึงว่าช่วงหลังๆมานี่เวลาไปที่ห้องฟิตเนท ทีไรรู้สึกเหมือนกับถูกใครจับตามองอยู่ ที่แท้ก็พวกนี้สินะ ”
วาการุรุ ทำเสียงอุบอิบอยู่ในลำคอ และถอนหายใจอย่างปลงๆ

“ ว่าแต่พวกลูกค้าเนี่ย ฝีมือไม่เลวเลยแหะ ถึงกับทำให้ หนู ตัวนั้นต้องตะเกียกตะกายอย่างหวาดกัวแบบนี้ เอ๊ะ! รึว่า
นี่จะเป็น…. ”
เกร พูดไปได้ซักพัก ก็ทำท่าเหมือนนึกขึ้นมาได้

“ หรือว่า!! นี่คือความสมบรูณ์แบบที่พระเจ้าประทานให้กับ มนุษย์ เป็น วิวัฒนาการของมนุษย์ที่ก้าวข้ามเหนือเพศพันธุ์!! ”

“ มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังกันเล่า ฉันว่านายไปให้หมอเค้าตรวจสมองหน่อยก็ดีนะ ปล่อยเจ้า การุรุ บริหารคลับจนจะเปลี่ยนจาก X Sprot เป็น Y Sport แล้วนะเนี่ย~~ ”
วาการุรุ แย้ง ระหว่าง นั้นเอง เสียงก็ดังผ่านจอมอนิเตอร์ของกล้องที่เรือนกระจก ซึ่งเป็น เสียงโวยวายจากบรรดาแก๊ง
ของการุรุ ที่ทุกประตูหลังของคลับซึ่งต่อกับเรือนสระ ซึ่ง ดาร์คพึ่งจะชิ่งฝ่าออกมาได้

“ เฮ้อ~ ว่าแล้วพวกนี้หวังพึ่งไม่ได้เอาซะเล้ย~~ ”
วาการุรุ ถอนใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ และ หยิบเอา ดาบประตัวของตนติดไปด้วย

“ จะออกไปแล้วเหรอ? ”
เกร ถาม

“ แหงสิ ก็เหลือแค่ฉันแล้วนี่ ”
วาการุรุ ตอบ
“ ระวังตัวด้วยล่ะ ”
เกร พูด วาการุรุ ไม่ตอบอะไร แค่เพียงส่งเสียง อืม ตอบกลับไปเท่านั้น ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

………………………………………………………….

ขณะเดียวกัน เหล่าคณะตำรวจ ที่ตามไปจับดาร์ค ตามรายงานเท็จ ก็พึ่งจะรู้ตัวว่าถูกหรอก แต่ก็ไม่สามารถกลับ
เข้าไปประจำการได้ทันที เพราะถูกบรรดาสื่อมวลชน ที่ยังไม่รู้ว่าโดนหลอกให้ตามมาด้วย แห่เข้ามาทำข่าว
จนไม่สามารถถอยกลับไปได้

“ หนอย~~นี่ก็เป็นแผนของแกด้วยสินะ เจ้า ดาร์ค!!!!! ”
สารวัตร ตะโกนลั่นด้วยความโมโหสุดขีดก่อนไหลหายไปกับ กระแสสื่อ ที่เบียดเสียดกันเข้ามา

……………………………………………

“ แหะๆ ป่านนี้พวกสารวัตรคงกำลังวุ่นกับพวกนักข่าวอยู่ ดีล่ะ เวลามีอีกเหลือเฟือเลย ทีนี้ปัญหาก็เหลือแค่จะจัดการกับ เจ้าของที่ถือ การ์ดอยู่ยังไงเท่านั้นเอง จากที่ดูๆแล้วไม่น่าจะความสามารถทางกายภาพสูงเท่าไหร่ อย่างเราคงชนะสบายๆ
ถึงจะรุนแรงไปหน่อยก็เถอะ ”
ดาร์ค รำพึงกับตัวเอง ขณะที่วิ่ง ตรงไปตามทางเดินแคบๆในห้อง ล็อคเกอร์ ของ คลับ

“ ก็ถูกของแกล่ะนะ เกร น่ะสู้คนไม่เป็นหรอก แต่ว่า… ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับสุดทางเดิน ข้างหน้านั้น มีใครบางคนยืนรออยู่ในความมืด
แค่เพียงเสี้ยววินาที ที่ตากระพริบ ผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ก็พุ่งเข้ามาประชิด ตัวและตวัดขา เตะใส่เต็มแรง ดาร์ค ใช้แขน
ตั้งกาด เอาไว้ทันแต่ก็ถูกแรงเตะอัดกระเด็น จนปลิวไปกระแทกกับ ตู้ล็อคเกอร์

“ …ฉันจะเป็นคนสู้แทนเอง ”
เด็กหนุ่ม ร่างกำยำ ประกาศ พร้อมกับ ชักเอาดาบออกจากฝักดาบที่เหน็บเอวไว้

“ เฮาดฺ เทคนิค(Hound Technique) เขี้ยวคู่ล่าสังหาร!! ”
สิ้นคำ ดาบในมือของเด็กหนุ่มถูกตวัดออกไปอย่างรวดเร็ว จนเกิดคลื่นสูญญากาศ สองลำพุ่งตัดผ่าน ล็อคเกอร์
สองตัวที่อยู่ล้มอยู่ข้างๆ ดาร์ค เพียงพริบตา ตู้ล็อคเกอร์ นั่นได้ขาดเป็นสองท่อนราวกับกระดาษ

“ พลาดไปรึเนี่ย…ไอ้การโจมตีเน้นระยะนี่เรายังอ่อนหัดอยู่จริงๆล่ะมั้ง ”
เขารำพึงกับตัวเอง พร้อมกับสะบัดข้อมือให้หายเกร็ง

“ แก…DNA-Changer เหรอ? ”
ดาร์ค สบถ พร้อมกับ รีบยันตัวลุกขึ้น เพื่อไม่ให้เป็นเป้านิ่ง จาอคมดาบของ อีกฝ่าย

“ เพราะเห็นหู นี่ก็เลยคิดไปแบบนั้นสินะ แต่ไม่ใช่หรอก นี่น่ะแค่ติดไว้เล่นๆเฉยๆ…. ”
เด็กหนุ่ม ดึงหูที่คล้ายหูสนัข ซึ่งลู่ลงมาตามเส้นผมของตนออกให้ดู มันเป็นเพียงแค่ที่คาดผมที่ติดหู
สุนัขประดับไว้เท่านั้น

“ แต่ดาบนี่น่ะของจริง วาการุรุ เบลเซอร์(Wagaruru Belzor) เคลเบรอส ผู้เฝ้าประตูนรก ไม่ว่ายังไงฉันก็จะให้
ใครผ่านที่นี่ไปไม่ได้เด็ดขาด ”
วาการุรุ ประกาศ

“ สุนัขเฝ้าประตูงั้นเหรอ…งั้นก็แปลว่า ข้างหน้านี่คือทางออกไปจาก นรกแห่งนี้งั้นสินะ ”
ดาร์ค เปรย

“ ก็คงยังงั้น แต่แกจะไม่มีวันได้เห็นแน่ ”
วาการุรุ กระชับดาบในมือไว้แน่น เตรียมที่จะเผด็จศึก

“ เฮาดฺ เทคนิค!! เขี้ยวหน้าทะลวง!! ”
สิ้นคำ วาการุรุ ก็แว่บหายไปจากสายตาของ ดาร์ค เสียแล้ว มีเพียงเสียงคมดาบแหวกอากาศพุ่งตรงเข้ามาที่ลำคอของ
เขาเท่านั้น

“ มันก็ไม่แน่หรอกนะ… ”
ดาร์คกระซิบ ก่อนที่คมดาบของ วาการุรุ จะทันได้บั่นคอ ของเขา ก็มีดาบยาวสอดเข้ามารับไว้ได้ทัน

“ ร้อยบุปผาสยบศาสตรา!! ”

ดาบยาวที่แทรกเข้ามาปัดเอาดาบของ วาการุรุ ออก ก่อนจะเบี่ยงเข้ามาแทงใส่อย่างรวดเร็วนับครั้งไม่ถ้วน
ก่อนที่คมดาบของอีกฝ่ายจะเข้าถึงระยะแทง เขาชิงตัวถอยระยะออกมาทันที

“ นี่แก!? มีพวกด้วยงั้นเหรอ! ”
วาการุรุ สบถเจ้าของดาบที่เข้ามาขัดขวางปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา เธอเป็นหญิงสาววัยแรกรุ่นผมสีเขียวยาวปรกหน้า
สายตาเยือกเย็นของเธอมองลอดผ่านกรอบแว่นตาที่สวมอยู่

Francisca
รูปภาพ

“ ไปได้แล้วดาร์ค ที่นี่ฉันจะจัดการเอง ”
เธอ ออกคำสั่ง จอมโจรหนุ่มรับคำ ก่อนจะออกวิ่งต่อ

“ ก็บอกแล้วไงว่าไม่ให้ผ่านน่ะ… ”
วาการุรุ ตะคอกและวิ่งเข้าไปจะสกัดแต่ก็ต้องชะงักฝีเท้าไว้และยกดาบสั้นของตนขึ้นรับ ดาบของ หญิงสาวที่เข้ามาแทรก

“ ไปก่อนล่ะนะคุณหมาหวงก้าง ”
ดาร์ค เย้ย ก่อนจะเปิดประตูห้องล็อคเกอร์ ออกแล้วเผ่นไปทันที

“ ชิ!... เฮาดฺ เทคนิค กรงเล็บจักรพรรดิ์!!(Kaiser Nail) ”
วาการุรุ ออกเสียงสุดแรง พร้อมกับเหยียดนิ้วทั้งห้าของมือซ้ายออก และเมื่อตวัดลงไปกระแทกกับชุดเกราะอ่อน
ของเธอ พลันเกิดแรงผลักมหาศาลพัดเธอออกจนปลิวไปกระแทกกับ ตู้ล็อคเกอร์ ทันที

“ อัก…แรงคนแน่หรือเนี่ย… ”
เธอ พึมพำออกมาก่อนจะสำลักเพราะจุกจากการโจมตี

“ โทษนะที่ต้องรุนแรงไปหน่อย…แต่ฉันไม่ชอบสู้กับผู้หญิงซะด้วยสิ เฮาดฺ เทคนิค ย่างก้าวเทพสุนัข(Hound Step) ”
สิ้นคำ วาการุรุ ก็แว่บหายไปในความมืดอย่างรวดเร็วโดยไม่เหลือทิ้งไว้แม้แต่ร่องรอย

“ ไม่ได้ตาม ดาร์ค ไปงั้นเหรอ….หรือว่าพวกมันมีแผนอื่นอยู่? ”
เธอ พึมพำกับตัวเอง และรู้ว่า คู่ต่อสู้ของเธอไม่ได้ตามอย่างแน่นอน เพราะประตูห้องนั้นไม่ได้ถูกเปิด ออกเลยสักบาน

…………………………………………………………..

หลังบานประตูที่ ดาร์ค เข้ามา มันเป็นห้องเล็กๆ ที่ตั้งจอมอนิเตอร์รับภาพที่ส่งจากกล้องวงจรปิดทุกตัวในคลับ
เอาไว้ และ เกร ที่เก็บการ์ด ดาบแห่งปัญญา ซึ่งเป็นเป้าหมายของเขาก็นั่งอยู่ตรงหน้าแล้ว

“ ในที่สุดก็ถึงตัวผู้บัญชาการแล้วสินะ พวกลูกน้องนายแต่ล่ะคนทำเอาฉันเกือบแย่เลยล่ะ ”
ดาร์ค กล่าวและขยับตัวอย่างระมัดระวัง จากการที่ผ่านเหล่าผู้คุมแต่ล่ะห้องที่ผ่านมาทำให้เขาเริ่มคิดว่า
การช่วงชิงในครั้งนี้คงจะไม่ง่ายอย่างที่คิด เกร หยิบเอาการ์ด ที่เป็นเป้าหมายของเขา ขึ้นมาแสดงต่อหน้า

รูปภาพ

“ เป็นอะไรไปไม่เข้ามาเอาล่ะ? ดาบแห่งปัญญา นี่ไม่ใช่ของที่นายต้องการงั้นรึ ”
เกร ท้าทาย ดาร์ค มองลงไปที่แขนซ้ายของ เกร ซึ่งตอนนี้ได้สวม Note ที่แสตนบายน์เป็นรูปแบบสำหรับดวลแล้ว
ทำให้เขา จะยิ่งประมาทไปมากกว่านี้ไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ที่ เกร อาจจะอัญเชิญ อสูร ออกมา

“ ระแวงฉันอยู่งั้นสินะ ถ้างั้นเอาแบบนี้เป็นไง เรามา….ดวลกันด้วยการ์ดเกม ถ้านายชนะก็เอาไปได้เลย
ดาบแห่งปัญญานี่น่ะ ”
เกร ยื่นข้อเสนอ ดาร์ค หยุดชั่งใจว่าจะรับดีหรือไม่ เขารู้จากข้อมูลเกี่ยว เกร ที่ได้รับมาก่อนออกปฏิบัตการอยู่แล้วว่า
ฝีมือในการดวลของ เกร นั้นยากที่เขาจะเอาชนะได้ และไม่เป็นการดีแน่ ถ้าต้องเสียเวลาอันมีค่าไปกับการดวล

“ ข้อเสนอน่าสนใจนะ แต่โทษทีฉันเป็นจอมโจรไม่ใช่นักดวล ”
คำตอบของ ดาร์ค ทำให้ เกรรีบชักมือข้างที่ถือ การ์ดเอาไว้กลับทันที แต่ ดาร์ค ก็พุ่งตัวเข้ามาเตรียมคว้าเสียแล้ว

/Hyper Clock Up/
เสียงดังกังวานออกจาก Note ของ เกร ก่อนที่ ดาร์ค จะทันเข้าถึงการ์ดที่เขาถือไว้

“ เวลาจะไหลไปเพื่อฉันเท่านั้น ”
เกร เปรย พร้อมกับลุกจากเก้าอี้ไป โดยที่ดาร์ค ยังคงหยุดนิ่งค้างอยู่กลางอากาศ ตัวเลขเวลาที่วิ่งอยู่บน
มอนิเตอร์ กล้องวงจรปิด เองก็หยุดนิ่งตั้งแต่หน่วยวินาทีไปจนถึงหน่วย มิลลิวินาที

เกร เดินผ่านห้องล็อคเกอร์ ไป โดยที่ หญิงสาวนักดาบ ที่เข้ามาช่วย ดาร์ค ไว้ยังคงอยู่ในห้อง แม้แต่เธอเอง
ก็ยังหยุดนิ่ง แม้ เกร จะเดิน ผ่านเธอไปก็ตาม เขาเดินไปเรื่อยๆจนออกมา ถึง สวนหน้าคลับ

/Hyper Clock Over/
เสียงดังกังวานออกจาก Note ของ เกร อีกครั้ง ในตอนนี้ ทุกๆอย่างกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง
ดาร์ค ต้องแปลกใจ เมื่อ ตอนนี้ เกร ไม่ได้อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว แต่กลับไปปรากฏอยู่ในสวน ซึ่งถูกถ่าย
ผ่านกล้องมาที่ มอนิเตอร์ในห้อง

/ถึงดาร์ค ถ้าแกยังอยากได้ ดาบแห่งปัญญาอยู่ล่ะก็ ลงมาเอาที่สวนนี่สิ ฉันจะรออยู่ที่นี่ไม่หนีไปไหนทั้งนั้นล่ะ/
เสียง ของ เกรดังผ่านลำโพง กระจายเสียงที่ติดตั้ง เอาไว้ ทั่วทั้งคลับ

“ หมอนั่นแค่พริบตาก็ไปอยู่ที่สวนแล้ว…เทเลพอร์ท งั้นเหรอ? ไม่สิถึงจะเป็นเทเลพอร์ท ที่เร็วที่สุด
อย่างมากก็ต้องใช้เวลา 0.5 วินาที แต่นี่นับเวลาที่เราเห็นบนมอนิเตอร์ก่อนที่เจ้านั่นจะหายตัวไป จนถึงเมื่อกี้…. ”
ดาร์ค เผยอออกมาโดยอัตโนมัติ แม้จะคิดถึงความเป็นไปได้เดียว ที่จะทำให้ เกร หายไปจากตรงหน้า
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเชื่อไม่ลงว่าจะมีใคร ที่สามารถ หยุดเวลาได้จริงๆ

ตอนนี้เขาไม่มีเวลาจะมาหยุดคิดต่อแล้ว ดาร์ค รีบวิ่งไปเปิดหน้าต่างของ ห้องเล็กนี้ ซึ่งพาไปสู่ สวนที่ เกร ยืนอยู่
จากบนนี้ เขามอง เห็น เกร ยืน ชู การ์ด เป้าหมายของเขา เอาไว้ กลางสวนโล่งแจ้ง
ปีกสีดำถูกสยายออกจากหลังของ ดาร์ค ก่อนจะทะยานลงไป

“ จอมโจรผู้สยายปีกสีดำในยามราตรี ดาร์ค (Dark)…..แกติดกับแล้ว ”
เกร พูดจบ กองตำรวจ และ เพื่อนๆของเขา ก็เฮโลกันออกมา เพื่อจับตัว ดาร์ค ที่กำลังพุ่งลงมาทันที

“ อย่ามันเข้าใกล้ เกรได้นะทุกคน~~~ ”
การุรุ พูดใส่โทรโข่ง สั่งกองทัพลูกค้าคลับที่ระดมมาช่วยจับโจรในครั้งนี้ บุกตรงเข้าไปในสวนทันที

“ อย่าให้เจ้า ดาร์ค มันหนีไปได้!!! ”
สารวัตร ที่สามารถนำทัพตำรวจ ที่ถูกหลอกให้ไปที่ด้านหลัง ตอนนี้สามารถกลับเข้ามาด้านในคลับได้แล้ว และกำลังตรงเข้า
มาในสวนอย่างรวดเร็ว
รวมไปถึง วาการุรุ และ เทนโตะ ที่ตามมาสมทบด้วย

“ ถ้านายพุ่งลงมาถึงตรงนี้ รับรองต่อให้นายเป็นนก ก็ทะยานกลับขึ้นไปทันทีไม่ได้หรอก และถึงตอนนั้น
เพื่อนๆของฉันก็จะเข้ามาตะครุบตัวนาย และถึงตอนนั้น พวกตำรวจก็คงจะล้อมนายไว้หมดแล้ว เอาไงล่ะ
จะตัดใจแค่นี้หรือว่าจะเสี่ยงล่ะ ”
เกร พูดกดดัน

“ ฉันไม่เลือกทั้งสองอย่างนั่นล่ะ.. ”
ดาร์ค กระซิบ ทันใดนั้น สปริงเกอร์ ฉีดน้ำบนพื้นในสวนก็ทำงานขึ้นพร้อมกัน น้ำจำนวนมากถูกฉีดพ่นออกมา
จนกลายเป็นละอองหมอก คละคลุ้งไปทั่ว สวนบดบังทัศนะ ของทุกคนเอาไว้ ตอนนี้จึงเหลือ เพียง เกร และ ดาร์ค เท่านั้น
ที่ยังมองเห็นกันและกันอยู่

“ นี่นายยังมีพรรคพวกอยู่อีกรึเนี่ย? ”
เกร เปรยเสียงเรียบ

“ ก็ประมาณนั้น เอาล่ะทีนี้จะยอมส่งมาให้ฉันดีๆหรือว่า ”
ดาร์ค กล่าวพร้อมกับ ยื่นมือ ออกไป แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อ เกร จับการ์ดไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง

“ ฉันพูดออกทีวีไปแล้วนี่ว่า เป้าหมายของพวกนายมันไม่มีวัน สำเร็จหรอก ”
สิ้นคำ และเมื่อละออง น้ำจากสปริงเกอร์ จางลงแล้ว ภาพที่ทำให้ทุกคนต้องยืนอึ้งไปตามๆกัน
เมื่อ การ์ดหายากที่มีเพียงใบเดียวในโลก ดาบแห่งปัญญา ถูกฉีกกลายเป็นสองซีกไปแล้ว
ต่อหน้าต่อตา ดาร์ค

“ ถึงกับยอมฉีกมันทิ้งด้วยตัวเองเลยเหรอ…หึๆ ถ้างั้นพวกฉันก็เป็นฝ่ายชนะล่ะนะ ”
ดาร์ค พูดก่อนจะทะยาน หนีไปโดยมีกำลังตำรวจ ไล่ตามไปติดๆแต่ก็คงจะ คลาดกันในอีกไม่ช้า

“ สุดท้ายก็กลายเป็นแบบนี้จนได้ ”
การุรุ เดินเข้ามาแสดงความเสียใจ กับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้

“ ไม่หรอก ฉันบอกไปแล้วนี่ว่าการกระทำครั้งนี้นน่ะมันสูญเปล่า ไม่ว่าจะยังไง เป้าหมายของพวกนั้นก็ไม่มีทางสำเร็จ
ไม่ว่าจะขโมยสิ่งนี้ไปหรือ ทำลายมันทิ้งไปก็ตาม ปัญญา คือดาบสองคมและมันจะออกดอกและผลอยู่ในสวนอีเดนต่อไป ”
เกร พูดก่อนจะเดินไปที่ แผงควบคุม สปริงเกอร์ซึ่งติดไว้ใกล้ๆกับโรงเก็บอุปกรณ์ในสวน

“ เล่นแมวจับหนูกันในบ้านไปก็มีแต่จะป่วยการเปล่าๆ อีกอย่างฉันไม่อยากจะให้ พวกนั้นรู้ด้วย.. ”
เกร เดินต่อไปยัง ประตูของ โรงเก็บอุปกรณ์ และ อุ้มร่างของ โคทาโร่ ที่นอนหมดสติ ออกมา

“ ว่ายังมีลูกสุนัขอีกตัวหลบอยู่ในบ้านน่ะ ”

“ ว้ายๆ นี่กะจะตะล่อมเข้า ฮาเร็ม อีกคนแล้วใช่ม้า~~~ ” การุรุ พูดด้วยเสียงดี๊ด้า
“ แกน่ะเงียบไปเลย เจ้าการุรุ!! ” วาการุรุ แย้ง
……………………………………………………………………….

“ สปริงเกอร์ตอนท้าย น่ะช่วยเอาไว้ได้เยอะเลยทีเดียวล่ะ ขอบใจนะ อิส ”
ดาร์ค กล่าวก่อนจะเปลี่ยนร่างกลับเป็น ไดสุเกะ อีกครั้ง พวกเขาตามมาสมทบ กับ นักดาบสาวซ฿งเป็นหนึ่งในพรรคพวก

Iss
รูปภาพ

Daisuke
รูปภาพ

“ แต่ก็หน้าแปลกนะ ที่ฝ่ายโน้น ยอมทำลายการ์ดทิ้งเสียเองน่ะ ”
นักดาบสาว พูดสายตาของเธอยังแฝงไปด้วยเคลือบแคลงที่มีต่อการกระทำของ เกร ในวันนี้
รวมไปถึงความพ่ายแพ้ในการประชันดาบของเธอกับ วาการุรุ ด้วย

“ ว่าไปก็จริงนะครับ เขาน่ะมีลูกมือเก่งกล้าสามารถ อยู่ออกเยอะ ชนิดที่ว่าถ้าวันนี้ไม่ได้ รุ่นพี่ฟรานซิสก้า กับ อิส ช่วยเอาไว้ล่ะก็ ผมคงเสร็จไปแล้ว แต่เจ้านั่นกลับยอมแพ้ซะเองแบบนี้ ”
ไดสุเกะ เองก็สงสัยไม่แพ้กันกับ ท่าทีของอีกฝ่าย แต่ทันทีที่ เสียงไซเรนของรถตำรวจ เข้ามาใกล้ พวกเขาก็ได้หายตัวไปแล้ว

…………………………….
………………………………………………
วันต่อมา

/ สำหรับข่าวกีฬาวันนี้ ผู้จัดการ X Sport Club แกรี่ ได้ออกแถลงการเกี่ยวกับการผลิดการ์ด Sword of Wisdom
รุ่นจำนวนมากเพื่อกระจายไปยังผู้เล่น ที่อยากจะมีการ์ดใบนี้ไว้ในครอบครอง โดยส่งให้ทาง บริษัท Phenomenon Party
ทำการ คัดลอกข้อมูลของ การ์ด Sword of Wisdom เอาไว้สำหรับเตรียมผลิตจำนวนมากตั้งแต่เมื่อ 1 เดือนก่อนและ
จะนำออกจำหน่ายตั้งแต่วั้นนี้เป็นต้นไปค่ะ เราลองไปฟังบทแถลงการของคุณแกรี่จาก หอประชุมเลยดีกว่าค่ะ /

/ผมมีความหวังอย่างยิ่งว่า การ์ดใบนี้จะทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่ที่อยากจะมีการ์ดดีๆหายากไว้ใช้แต่ไม่กำลัง
ทุนและความสามารถ ได้มีการดเหล่านั้นไว้ใช้กันนะครับ ด้วยพลังของ Sword of Wisdom ที่มีความสามารถในการเป็น Wisdom Mystic Card ก็คงจะทำให้เกมการแข่งขันสนุกขึ้นเป็นอย่างมาก/

รายการข่าวของเช้าวันนี้ ทำให้ ทั้งสามซึ่งกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้ากันอยู่ที่ โต๊ะใน คฤหาสน์ของ
มาริน่า ถึงกับนิ่งช๊อคไปเลยทีเดียว

“ ที่หมอนั่นบอกว่าการกระทำของพวกเรามันสูญเปล่าหมายถึงยังงี้เองสินะ ”
มาริน่า เปรยเสียงเฉียบ เธอซึ่งเป็นต้นคิดในการโจรกรรมครั้งนี้ เริ่มจะเป็นวิตกขึ้นมา เมื่อแผนของเธอไม่เป็นไปตามที่คาด

“ ต…แต่ว่ามาสเตอร์ครับ การ์ดนั่นน่ะถึงจะผลิตออกมาจำนวนมามันก็แค่ทำให้ เกมการ์ด เกิดการเล่นแบบใหม่ขึ้น
เท่านั้นเองนี่ครับ บางทีอาจจะดีกว่าก็ได้ แล้วอีกอย่างการ์ดนั่นก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาของอสูรเทพอยู่แล้วด้วย ”
ไดสุเกะ พยายามจะแก้ตัว

“ มันอันตรายกว่านั้นน่ะสิ ดาบนั่นมันจะตัดเส้นคั่นมิติที่แยกแยะระหว่างโลกของเรากับ เทอร่า… ”
มาริน่า ตอบ โต๊ะอาหารในเช้าวันนี้จึงมีแต่บรรยากาศที่น่าอึดอัด ปกคลุม พวกเขากำลังกังวลถึงหายนะที่อาจจะเกิดขึ้น
ในอีกไม่ช้า

………………………………………………….
………………………

ภายในห้องโถงของ วัง 4 สัตว์เทพ ซึ่งเป็นแหล่งกบดานของกลุ่ม ชิชิน Prince แห่ง Neo-Nasizm
กำลังจัดวางเอกสาร อยู่บนโต๊ะ ประตุห้องโถง ถูกปิดออก พร้อกับการมาถึงของ เด็กสาวชุดดำ และ
เด็กชายอีกหนึ่งคนที่ถูกเธอจูงมาด้วย ดวงตาของทั้งคู่ เป็นสีดำสนิท

“ กำลังทำอะไรอยู่รึคะ ท่านโนอา ”
เด็กสาว ถาม

“ กลับมาแล้วเหรอ? ฟ้า อ้อไม่สิ เซคซฺดาร์คเดว่า ดิ เลิฟเวอร์(Sechs Dark Deva The Lover) ”
โนอา หันไปทักทาย ก่อนจะเบี่ยงสายตาไปมอง เด็กที่มาด้วยกัน อย่างสนอกสนใจ

“ เค้าคือ หมายเลขแปด อัคทฺดาร์คเดว่า ดิ สเตรงท์(Acht Dark Deva The Strength) ครอบครอง อสูรมารแห่งความแค้น
เพคคา อัลคิซิส ”
เธอแนะนำ เด็กชายให้ Prince เริ่มสนใจมากขึ้น แต่นั่นก็ทำให้ เด็กชายหวาดผวา และวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังเธอ

“ เค้าพึ่งเกิดใหม่ ก็เลยยังไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว แต่อีกหน่อยก็คงเป็น ดาร์คเดว่า ที่พอใช้งานได้ ”
เธอกล่าว

“ อ้อ เหรอ งั้นฝากเธอด้วยก็แล้วกัน เพราะตั้งแต่พรุ่งนี้ไปฉันคงจะยุ่งอยู่ซักระยะล่ะนะ ”
Prince ตอบพร้อมกับหันกลับไปจัดเอกสารต่อ

“ จะไปไหนงั้นเหรอคะ? ”
เธอ ถามด้วยความอยากรู้

“ โรงเรียนน่ะ..ตั้งแต่ช่วงเปิดเทอมมานี่ ก็แค่ไปแนะนำตัวกับเข้าร่วมกิจกรรมหลักอย่างเดียว แทบไม่ได้หาเวลาไปเรียนเลย
ก็เลยตั้งใจว่า จะพักงานจากที่นี่ซักพักน่ะนะ แล้วก็ฉันอยากที่จะได้ไปอยู่ใกล้ๆกับ ทานาทอส นานๆด้วยโฮกาสดีๆแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้วนะ ”
โนอา กล่าว บนโต๊ะนั้นมีเอกสาร การย้ายจาก SMN Academy วางไว้อยู่ด้วย
…………………………………………………………………….
To Be Continue
………………………………………………………………….

…………………………………………………………………….

Next Sub-Turn

ธนัท:ต่อจาก เคียวคราวนี้ก็โคทาโร่ งั้นเหรอ พวกเค้าหายไปไหนกันน้า~~~
มิส:ตอนนี้มีการกำหนดห้องเรียนของพวกนักเรียนแลกเปลี่ยนกันเรียบร้อยแล้วนา ฉันได้อยู่ห้องเดียวกับนายด้วยล่ะธนัท
ธนัท: เอ๋ จริงง่ะ งั้นก็แจ๋วไปเลยซิ
มิส:แต่ก็มีปัญหานิดหน่อยอ่ะนะ เพราะว่า บาร์น ต้องไปอยู่ห้องเดียว กับ เชส น่ะ
บาร์น: แง~~ ทำไมผักถึงได้ซวยแบบนี้นะ T_T
ธนัท:ว่าแต่ เค้าให้ นักเรียนแลกเปลี่ยน อยู่คู่ละห้องนี่ งั้น อีกคนอยู่ไหนล่ะ?
แพน: ราโด แพน ฝากตัวด้วยนะคะ ทานาทอสในที่สุดฉันก็ได้ใกล้ชิดกับนายซะที
ธนัท:เอ๋ ผู้หญิงเหรอ?
การุรุ:ตอนต่อไป Sub-Turn 31 Nightmare of Pandora เจ้าสาวแห่งฝันร้ายปรากฏกาย

……………………………………………………………………………………..

วายเกรม่อน: ปลดการ Evolution
กลับเป็น เกรม่อน ตามเดิม
เกรม่อน: เฮ่ย เจ้า การุรุม่อน เอ็งไปเอา ดิจิเมนทัลแห่งความวายมาจากไหนฟะนั่น ที่สำคัญเอามาใช้ตอนนี้อีก
ตอนฉลองครบรอบ 30 ตอนเลยกลายเป็นแบบนี้ไปเลย T_T
การุรุม่อน: แหมออกจะดีจะตายไป แถมครบรอบ 30 ตอนคราวนี้ เจ๊เปลี่ยนร่างเป็นขั้นสุดยอดแล้วนา

~~~~~~~~~~~~~~~แว้บ~~~~~~~~~~~~~
เปลี่ยนร่างสุดยอด เมตัลการุรุม่อน

เมตัลการุรุม่อน: โฮ้ โฮ่ๆๆ เสียดายจริงๆนี่ถ้าได้ โจเกรสกับ เกรม่อนคุง ก็จะเปลี่ยนโหมดเป็น วายโหมดไปเลย โฮะๆ แต่เอาเถอะแค่นี้ก็ดีออกถม

เกรม่อน:ง่า~~ สู้มันไม่ได้ ร่างสุดเท่ากัน แต่จะให้เรียกว่า เมตัลการุรุ มันก็ย๊าวยาวอ่ะนะ งั้น การุรุ เหมือนเดิมละกัน
เมตัลการุรุม่อน: ต้องเรียกว่า เมตัลการุรุ สิอุตส่าห์ได้เลื่อนขั้นทั้งทีไหงจะให้เรียกชื่อเดิมซะงั้น

เกรม่อน: ก็ทีฉันเป็น วอร์เกรม่อนแล้ว ยังเรียกชื่อเดิมอยู่เลยอ่ะ งั้นก็ต้องเรียกฉันว่า วอร์เกร ด้วยสิ
เมตัลการุรุ: เขียนแบบนี้ ชิมิ War Gay
เกรม่อน: War Gray แบบนี้ต่างหากโว้ย
เมตัลการุรุ: แต่เอ๊ะ User แก มันเขียน grea..นิ
เกรม่อน: ว้อยเลิกเถียงกันแค่นี้แหละ เดี๋ยวจะยาวยืด เอาเป็นว่า เข้าสู่ช่วงฉลองครบ 30 ตอนช่วงที่สองไปเลยละกัน
กันตนาม่อน ภูมิใจเสนอ….



ปล.ทำแค่นี้ยังล่อเป็นเดือน แล้วถ้าทำเมะ จะต้องรอกันกี่ปีล่ะเนี่ย - -*
ปล.2 เสียงพากย์ ตอนประกาศชื่อฟอร์ม ของ เรกกะ เสียงข้าน้อยเอง ส่วน เฟนท์ ให้ เจ้า การุรุ มันพากย์
ปล.3 ยังคงมาแบบนิยายอยู่นะ ไม่ได้ทำเป็น อนิเมมาให้ชมเลย มีแต่แบบของตอนเปลี่ยนร่างนี่แหละ
ปล.4 ช่วงนี้กะลัง Peak Digimon ภาค Xross War หนุกหลายเด้อ!~~~~~~(อันนี้โฆษณา)
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ เม.ย. 11, 2011 8:01 pm, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 30 Na Na Jit Tung S.O.W.

โพสต์โดย boy เมื่อ ศุกร์ ต.ค. 15, 2010 6:46 pm

อ๊ากกกกกก
ทั้งที่คิดว่าจะได้เห็นช๊อตเด็ดสะเก็ดวายแล้วนี่มันอะไรกัน?! T[]T
เป็นแค่อิมเมจิ้นของพี่การุรุเองเหรอเนี่ย โธ่ -/บ่นอุบอิบ
เพิ่งรู้ว่าคนที่ 3 พลัง K นะเี่นี่ย =_,=+
ไดสุเกะกับอิสที่สวมชุดสูทหล่อโฮกกกก ::027::
*นิดนึง เพิ่งนึกออก*
มีวิธีติดต่อทีมงานพวก MSN ไม่ก็ Facebook มั้ยครับ?

ส่วนวันนี้ เก็บตกวันละ(ไม่)นิดกับผัีกคุง ขอเสนอ....
*กระบวนการ
*ตัณหา
*สันติภาพ
*ปราศรัย
*จรลี
*ประจัญบาญ
คำว่าเฟอร์นิเจอร์ ผักไม่แน่ใจนะครับ
ส่วนที่เหลือเห็นว่าคงรีบปั่นจนพิมพ์ผิดเล็กๆ (~ o o)~
ตอนนี้ชอบที่ว่ามันอ่านแล้วฮาดีนะครับ
สุดท้ายนี้.....ขอให้ทีมงานมีสุขภาพแข็งแรง เงินทองไหลมาเทมา
การเรียนไปได้ด้วยดี มีพลกำลังในการ Y ได้อย่างแช่มชื่นรื่นหทัย......
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 30 Na Na Jit Tung S.O.W.

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ ศุกร์ ต.ค. 15, 2010 7:47 pm

boy เขียน:อ๊ากกกกกก
ทั้งที่คิดว่าจะได้เห็นช๊อตเด็ดสะเก็ดวายแล้วนี่มันอะไรกัน?! T[]T
เป็นแค่อิมเมจิ้นของพี่การุรุเองเหรอเนี่ย โธ่ -/บ่นอุบอิบ
เพิ่งรู้ว่าคนที่ 3 พลัง K นะเี่นี่ย =_,=+
ไดสุเกะกับอิสที่สวมชุดสูทหล่อโฮกกกก ::027::
*นิดนึง เพิ่งนึกออก*
มีวิธีติดต่อทีมงานพวก MSN ไม่ก็ Facebook มั้ยครับ?

ส่วนวันนี้ เก็บตกวันละ(ไม่)นิดกับผัีกคุง ขอเสนอ....
*กระบวนการ
*ตัณหา
*สันติภาพ
*ปราศรัย
*จรลี
*ประจัญบาญ
คำว่าเฟอร์นิเจอร์ ผักไม่แน่ใจนะครับ
ส่วนที่เหลือเห็นว่าคงรีบปั่นจนพิมพ์ผิดเล็กๆ (~ o o)~
ตอนนี้ชอบที่ว่ามันอ่านแล้วฮาดีนะครับ
สุดท้ายนี้.....ขอให้ทีมงานมีสุขภาพแข็งแรง เงินทองไหลมาเทมา
การเรียนไปได้ด้วยดี มีพลกำลังในการ Y ได้อย่างแช่มชื่นรื่นหทัย......


จะสับทีละ quote ก็ไม่ไหวทีละข้อเลยละกัน

1.เนื่องจาก วายเกรม่อนคุง ยังคงมี สติของร่างต้นอยู่เลยไม่ได้ไหลตามน้ำไปกับเจ๊เนี่ยอ่ะจิ แอบเสียดายนิดๆ
ดิจิเมนทัลแห่งความวาย ก็ใช้ได้แค่ครั้งเดียวซะด้วยเฮ้อ~~~ เอาถอะแค่นี้ก็ดีถมแล้ว

2.วาการุรุ ของจริงก็พลัง K เช่นกันเก่งกีฬาแทบทุกอย่าง(อนึ่ง ต้นแบบของ เจนัสและลูกหมาน้อยทุกภาค)

3. อันที่จริงก็สวมสูทตลอดเวลาอยู่แล้วยกเว้นเวลาเรียน

4. facebook Hi5 ทีมงานเราเล่นกันไม่เป็นเลยล่ะฮ้า~~ ถ้าเป็นเมลแอดเดรสของ เกรม่อนคุง ก็ greamon@hotmail.com จ้า
นานๆทีออนนะ แล้วก็มันเมลล์กลุ่มอ่ะ คนที่ออนอาจจะไม่ใช่ เกรม่อนคุง อาจจะเป็นเจ๊ หรือ วาการุรุคุง หรือ เทนโตะคุง
พัลจังหรือ พี่ ปิโย ก็ได้ทั้งสิ้น

5. สมชื่อตอนนานาจิตตังโดยแท้ ตฉบ. ให้เกรม่อนคุง ไปก็Fail ไปเนื่องด้วยภาษาไม่แข็งอย่างแรง
ผนวกกับ เวลา เกรม่อนคุง เขียนแล้วพอเขียนจบไปซักประโยค พี่แกจะเกิดโลเล วกกลับมาแก้ใช้คำใหม่ให้มันดูสละสลวยขึ้น
อย่างคำว่า ปราศรัย นี่ตอนแรกเขียนแค่ว่า สัมภาษณ์แต่มันดูไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่เลยเปลี่ยน แล้วพอเปลี่ยนเสร็จ
ก็....เอ่อ ไอ้คำนี้มันเขียนยังไงวะ? ประมาณนี้ล่ะ เหอๆ (พี่ปิโย แกช่วงนี้ไม่ว่างมาตรวจอักษรให้บวกกับรีบ ลงสดเลยไม่กรองไม่คัด เนื่องจาก เกรม่อนคุงพึ่งพ้นสอบ เลยปั่นกันตาเหลือก)

6.คงจะฮาอยู่พอตัว เพราะตอนนี้วางบทไว้เกือบเดือนแหล่วตั้งกะก่อนสอบ แล้วมานั่งกรองบทก่อนเขียนจริง ซึ่งถ้าลงหมดตามนั้น
มุขแป้กๆมันจะมีอีกเยอะเลยล่ะ นี่ก็ตัดไปจนเหลือแต่ที่น่าจะพอไปไหว(ก็ยังแป้กอยู่บ้าง)แล้วล่ะเน่อ

ึ7.อ่าขอรับไว้ก็แล้วกันนะฮ้า~~~
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 30 Na Na Jit Tung S.O.W.

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ เสาร์ ต.ค. 16, 2010 12:19 am

เอ้อว่าจะถามอยู่นานแล้ว

Wargreamon เขียน:
boy เขียน:การ์ดโกง =3=
ผักคุงรับไม่ได้ โน่ววววววววว
ว่าแต่ ไหงโคจังใช้นักรบหว่า = =

ปล.1 รูปแบบจาก 5D สินะครับ
ปล.2
โคทาโร่ ยกเอา ชามข้าวต้มอุ่นๆ ที่ตักจากหม้อหุงเตาถ่าน
และ ไข่เจียว กับผักต้ม ออกมาวางที่เพิง

แค้นคนเขียน.... TwT



? นักรบอะไรเหรอครับ บทนี้เห็นเรียก เลราเย่ ออกมาตัวเดียวนี่ไม่ได้ใช้ Knight เลยซักกะตัวนา



ยังมิได้ตอบเลยว่าหมายถึงนักรบอะไรหว่า หรือว่าหมายถึงการ์ดพระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดของ โคทาโร่ ถ้าอันนั้นไร้เผ่าครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 30 Na Na Jit Tung S.O.W.

โพสต์โดย boy เมื่อ เสาร์ ต.ค. 16, 2010 8:18 am

อ้อ
ก็เห็นมันเหมือนนักรบถือดาบน่ะครับ
เลยงงว่า ทำไมโคทาโร่ไม่ใช้พวกการ์ดที่เหมือนหมาป่า =3=
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Sub-Turn 31 Nightmare of Pandora เจ้าสาวแห่งฝันร้ายปรากฏกาย

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ พฤหัสฯ. ต.ค. 28, 2010 7:16 pm

Sub-Turn 31 Nightmare of Pandora เจ้าสาวแห่งฝันร้ายปรากฏกาย

………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………….

ภายในห้องพักของ X Sport Club โคทาโร่ ยังคงนอนหมดสติอยู่บนเตียงในห้องพัก โดยมีกลุ่มของ เกร ทั้ง 4 คน
เฝ้าจับตาดูอยู่ไม่ให้ห่าง

“ เจ้าหนูคนนี้น่ะเหรอ เบริอัล… ”
วาการุรุ เปรยสายตาทึ่งๆ ของเขานั้นจดจ้อง อยู่ที่ โคทาโร่ ไม่วางตา

“ โคทาโร่ เซนาคาว่า บุตรชายเพียงคนเดียวของ ยามาโมโตะ เซนาคาว่า อดีตประธานสภา
สหพันธ์ปฏิรูปมนุษยชาติ URH นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับ ธนัท ด้วย ”
เกร กล่าว รายละเอียดทั้งหมดที่ เขาสืบรู้มา

“ ถ้างั้นก็กำไรสองต่อเลยน่ะสิฮ้า~~ เป็นทั้งบุตรที่อยู่เหนือมวลหมู่พระเจ้าเหมือนกับ เกร แล้วยังมีผลกับ ทานาทอสอีกด้วย
ไม่สิ ถ้าเลี้ยงดีๆล่ะก็ เราอาจจะได้ สหพันธ์ปฏิรูปมุนษย์ มาอยู่ในกำมือด้วยก็ได้ ”
การุรุ พูดและยื่นเข้าไปลูบเอาเส้นผมที่เลื่อนมาปิดหน้าผากอง โคทาโร่ ออก

“ เป็นตัวหมากที่สำคัญน่าดู….แต่ว่าจากนิสัยแล้ว ฉันไม่คิดว่าเจ้าหนูจะยอมทำตามที่พวกเราบอกหรอกนะ ”
เทนโต แย้ง

“ ถ้างั้นก็ทรมานซะเลยดีไหม SM นี่ของถนัดฉันเลยล่ะ อ๊าง~~~ ”
การุรุ เสนอตัว

“ แกน่ะหุบปากไปเลยเจ้าหมาหื่นเอ้ย! อย่างเจ้าหนูนี่ถ้าได้คุยกันอย่างเปิดอกล่ะก็ต้องยอมเข้าใจอยู่แล้ว ”
วาการุรุ แทรก

“ อุฮุ พูดคุยกันอย่างเปิดอกงั้นเหรอ วาการุรุคุง~~ จะอ่อนโลกไปถึงกันเนี่ย มันไม่มีหรอกวิถีทางที่สว่างสดใสแบบนั้นน่ะ
โลกนี้คือการประชันกันระหว่างสีดำและสีขาว หากไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล อีกอย่าง เด็กน่ะปลูกฝังง่าย อายุแค่ 14
นี่ยังไม่ถือว่าโตมากก็จริง แต่ก็เริ่มมีความคิดและอุดมการณ์เป็นของตัวเองอยู่แล้ว ยิ่งเป็นคนที่ความสำคัญแบบนี้
คิดหรือว่า แค่อธิบายไปตรงๆจะได้ผลน่ะ อุบ… ”

การุรุ ร่ายยาวถึงเหตุผลต่างๆนานา จน วาการุรุ ต้องใช้มืออุดปากเสีย ก่อนที่จะจ้อมากไปกว่า

“ สรุปสั้นๆความเห็นของแกมันก็ เลี้ยงต้อยดีๆนี่แหละ เป็นสุนัขเฝ้าประตูนรกดีๆไม่เอาอยากจะลงนรกเองรึไงวะ ”
วาการุรุ สบถ

“ ว่าแต่นายเถอะ เกร ยังไม่ออกความเห็นเลยไม่ใช่รึไงว่าจะเอายังไงต่อน่ะ ”
เทนโตะ หันมาขอความคิดเห็นจาก เกร ที่เป็นผู้พา โคทาโร่ มาบ้าง

“ ตอนนี้ ฉันยังไม่ตัดสินใจอะไรทั้งนั้นล่ะ จนกว่าจะผ่านการทดสอบ ”
เกร กล่าว คำพูดของเขา ทำให้ วาการุรุ กับ การุรุ ที่กำลังเถียงกันอยู่ หันมาสนใจทันควัน

“ การทดสอบที่ว่านี่ หรือว่า……เอาให้ไปแล้วงั้นเหรอ!? ”
วาการุรุ ถามเสียงรนขณะที่คนอื่นๆก็ทึ่งพอๆกันกับเขา

“ ใช่….เราจะตัดสินใจหลังจากที่โคทาโร่ รอดชีวิตจากการทดสอบของพระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดแล้ว ”
เกร ตอบเสียงเรียบอย่างเย็นชาไม่สนว่า โคทาโร่ จะตายเพราะการกระทำของเขาหรือไม่ก็ตาม

“ เกรคุง นี่ SM ตัวพ่อยิ่งกว่าเดี๊ยนอีกนะเนี่ย ”
“ นั่นดิ ”
การุรุ กับวาการุรุ หันมากระซิบกันเอง

“ ว่าอะไรนะได้ยินไม่ค่อยถนัด ” เกรเอ่ย

“ ป…เปล้า~~~ เปล่าไม่ได้พูดอะไรเลยจริงจริ๊ง~~ ”
ทั้งสองรีบแก้ตัวกันทันที แต่ เกรก็ไม่ได้คิดสนใจกับท่าทีของทั้งสองอยู่แล้ว

“ ว่าแต่เจอมั่งรึเปล่าข่าวที่ให้ช่วยหาน่ะ ”
เกรหันไปถาม เทนโตะ ที่ตอนนี้ หยิบ หนังสือพิมพ์ขึ้นมาจาก กองหนังสือพิมพ์บนโต๊ะและอ่านอย่างขะมักเขม้น

“ ข่าวเกี่ยวกับไฟไหม้ทั้งหมู่บ้าน นั่นไม่มีเขียนไว้เลยซัก กะฉบับ…ถ้าที่นายเล่ามาเป็นเรื่องจริง แสดงว่าพวก นั้นมันอิทธิพลถึงขนาดปิดกั้นข่าวสารและสื่อต่างๆได้แน่นอน ”
เทนโตะ กล่าวก่อนจะวางหนังสือพิมพ์ที่หยิบขึ้นมา ไล่หาเป็นเล่มสุดท้ายลงบนโต๊ะ ข่าวที่เกรต้องการจะให้หานั้น
ก็คือข่าวไฟไหม้หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ตีนเขาที่เขาพาตัว โคทาโร่ มา หลังจากที่เอาชนะและทำให้ โคทาโร่ หมดสติแล้ว
ในระหว่างเดินทางกลับมานั้น หมู่บ้านที่อยู่ด้านล่างก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว ไม่มีใครหมู่บ้านรอดชีวิตมาเล่าเรื่องราวให้ได้เลยซักคนเดียว

……………………………………………………………………

ในช่วงเช้าของวันเดียวกันนี้เอง ธนัท กำลังเตรียมตัวจัดกระเป๋าก่อนไปโรงเรียน โดยที่ ลูเซีย ซึ่งพักอยู่หลังตู้เสื้อผ้า
ก็ลงไปรอที่โต๊ะอาหารก่อนเป็นที่เรียบร้อย

“ หนังสือ ทฤษฎีฟิสิกส์มนตราเบื้องต้นมันอยู่ไหนล่ะเนี่ย ”
ธนัท บ่นไปพลางขณะที่ความหาหนังสือเรียนในลิ้นชักโต๊ะ อย่างกระวนกระวาย

“ อ๊ะ! เจอแล้วอยู่นี่เอง ”
ธนัท หยิบเอา หนังสือเล่มหนา ออกจาก ลิ้นชักอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้ ข้าวของในลิ้นชักกระฉอกตามออกมาด้วย
แต่ก็มี พวงกุญแจกระเด็นออกมา ดอกหนึ่งจนได้ ธนัท มองลูกกุญแจที่ติดอยู่กับพวงกุญแจที่กระเด็นออกมา
อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเก็บมันขึ้นมาใส่กระเป๋ากางเกง

“ วันนี้แวะไปดูหน่อยก็แล้วกัน ”
ธนัท พึมพำก่อนจะเลื่อนลิ้นชักปิดแล้ว ออกจากห้องเพื่อลงไปกินข้าวเช้า

…………………………

ที่โรงเรียน ธนัท รีบตรงมาที่ห้องชมรมทันที แต่เขากลับไม่เปิดประตูห้องเข้าไปทันทีอย่างที่เคย
หากแต่ เดินอ้อมไปยัง กระท่อมไม้เก่าๆ ที่ตั้งอยู่ด้านหลังของชมรมแทน
แล้วใช้กุญแจที่เอาจากลิ้นชักที่บ้านไขเปิดประตูกระท่อม ออกทันทีภายในนั้นมืดสนิท และเต็มไปด้วยข้าวของระเกะระกะ
อยู่เต็มห้อง ธนัท ค่อยๆย่างเท้าเข้าไปอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เหยียบ ข้าวของที่วางระเกะระกะ อยู่บนพื้นเสียหาย

“ ไม่ได้เปิดมาเกือบ 2 ปีจะได้แล้วมั้งเนี่ย ตั้งกะมีเรื่องที่พี่ศรี หายตัวไปเราก็ทิ้งที่นี่ไปเลย ”
ธนัท พึมพำ ก่อนจะหยุดที่หน้าโต๊ะซึ่งตั้งอยู่กลางห้อง บนโต๊ะนั้นมี อัลบั้มรูปวางจับฝุ่นอยู่เล่มหนึ่ง เขาใช้มือปัดฝุ่นออก
จากปกอัลบั้ม เมื่อเปิดเล่มออก ข้างในเต็มไปด้วยรูปกิจกรรมอาสาต่างๆที่คอยไปช่วยผู้ประสบภัยและงานอาสาสมัคอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งสมาชิกที่ไปปฏิบัติงานนั้น ก็คือ ตัวเขา อิส และ นักเรียนหญิงอีกคนที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับลูเซีย

“ 3ปีได้แล้วสินะ ตั้งแต่ตอนนั้นถ้าไม่เกิดเหตุขึ้นที่อัลวิส ซะก่อนล่ะก็… ”
ธนัท เปรยอย่างเศร้าๆ รูปถ่ายแต่ล่ะใบช่วยให้ระลึกถึงความทรงจำที่น่าปิติและน่าหดหู่ขึ้นมาพร้อมๆกัน
เสียงเพลงมาช โรงเรียนดังแว่วเข้ามาในตัวกระท่อม ซึ่งเป็นสัญญาณให้นักเรียนทุกคน เตรียมตัวไปเข้าแถวเคารพธงชาติ
ธนัท ปิดหนังสืออัลบั้มแล้วยัดมันลงใส่เป้ ก่อนจะรีบล็อกประตูกระท่อมและ ออกไปที่สนามทันที

……………..

ณ ราชอาณาจักรซึ่งอาคารบ้านเรืองถูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรม ยุคกลางคล้ายยุโรป ชุมชมของราษฎรถูก
จัดวางไว้ล้อมรอบ เชิงเขาอันเป็นที่ตั้งของ พระราชวังอันยิ่งใหญ่ ราชอาณาจักรห่งนี้ถูกขนามนามว่า
นครแห่งสายลม ฟีเลเซีย อันเป็นราชอาณาจักรที่มีกองกำลังทหารอันเกรียงไกรและทรนงในศักดิ์ศรี
ทว่าในยามนี้ เป็นยามสงคราม ทั่วทั้งราชอาณาจักรกลายเป็นสมรภูมิ ความเดือดร้อนกระจายตัวไปทุกหย่อมหญ้า

ไกลออกไปจากตัวเมืองหลวงนั้น อันเป็นสถานที่ตั้งของ เมืองลูกอย่าง วอลเนีย ภายในตัวเมืองนั้นเสียหายอย่างหนัก
เพราะการโจมตี โดยทัพศัตรู นอกจากนี้ ยังมีทหารผีนรก(Necrotrooper)

รูปภาพ

เดินเพ่นพ่านกันอยู่เต็มเมือง ซึ่งเกลื่อนไปด้วยซากศพของชาวฟีเลเซียมากมายที่ถูกสังหาร

“ บัดซบ! นี่เราหลุดเข้ามาที่ เทอร่า ได้ยังไงกัน แถมยังมาโผล่กลางสนามรบอีก ”
โคทาโร่ สบถ โดยชำเลืองสายมองเหล่าทหารผีนรก ที่เดินเตร็ดเตร่ กันอยู่ด้านนอกตรอกซอยที่เขาวิ่งเข้ามาหลบ

[ในยุคสงคราม 4 ราชอาณาจักร(Dividing 4 Kingdom)กษัตริย์ ซาดิน ทรงยกทัพจาก ซาโลม กว่าแสนนายเข้ายึดตี
หัวเมืองของ ฟีเลเซีย เพื่อหมายจะยึดครองทรัพยากรของป่าฟูดินันที่ต่อมากลายเป็น ราชอาณาจักรฟูดินัน
การโจมตีของกองทัพซาโลมนั้น นอกจากทัพสัตว์และมนุษย์แล้ว ยังมีทัพทหารผีนรก ซึ่งเกิดจากไสยเวท ของ อุปราช บลาสเซจ อ้างอิงจาก Dividing 4 Kingdom บทที่ 25.]

“ ถ้ามีชุดไพ่กับ มาราคัส อยู่ล่ะก็พวกทหารผีนี่ก็ไม่เท่าไหร่หรอก… ”
โคทาโร่ เปรยตอนนี้เขาตัวเปล่าไม่มีทั้ง Note และ ชุดการ์ดที่จะเอาไว้ต่อกรกับเหล่า ทหารผีนรก ทำให้เขาแทบไปต่างไปจากมนุษย์ธรรมดาเดินดินเลยสำหรับในโลกที่ อสูรอัญเชิญ เป็นของจริงทั้งหมด

“ ว่ากันตามหลักแล้วเราไม่น่าจะมีตัวตนอยู่ในโลกแห่งนี้ แท้ๆ แต่ว่าสัมผัสแบบนี้มัน ”
โคทาโร่ คิด ความรู้สึกที่แปลกประหลาดกับสัมผัสรับรู้ของเขาที่สิ่งของและวัตถุต่างๆไปจนถึงอากาศนั้น
กลิ่นควันไฟ และกลิ่นเน่าฉุนจากพวกทหารผีนรกนั้น ทุกอย่างล้วนเหมือนจริง เสียจนไม่อาจแยกแยะได้
เป็นไปได้หรือที่ตัวเขาตอนนี้ได้หลุดเข้ามาอยู่ใน โลกเทอร่า อย่างสมบรูณ์ทั้งกายและใจ

“ ถ้ามีใครบางคนจับเราใส่เครื่องVR-Trans ย้ายส่งมาที่นี่ ก็จะมีแค่จิตของเราเท่านั้นที่อยู่ที่นี่จริงๆ เพราะงั้นถึงจะตายที่นี่ก็แค่ Game Over แล้วก็จะกลับสู่โลกแห่งความจริงได้ แต่เรากลับร็สึกว่าถ้าตายที่นี่ล่ะก็คงได้ตายจริงๆแน่ ทำไมกันนะ? ”
โคทาโร่ คิดอย่างฉงนจนใจ เพื่อหาคำตอบให้กับลางสังหรณ์ นี้ของเขา

“ หากเธอสิ้นชีวาลงที่นี่ ตัวเธอที่อยู่อีกโลกก็จะต้องตายไปด้วย.. ”
เสียงประหลาดซึ่งไม่คุ้นหูเขาเท่าไหร่นัก ดังก้องอยู่ในหัว ความสงสัยและสับสน ผลันผุดขึ้นมาในใจของเขา
แม้จะพยายามมองหาเท่าไหร่ ก็ไม่พบตัวเจ้าของเสียงหรือแม้แต่วี่แววใดๆเลย

“ จงไปยังที่ๆ ซึ่งแสงจากสวรรค์ส่องถึง….. ”
เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเงียบหายไป แม้จะยังคลางแคลงใจกับเสียงนั้น แต่ โคทาโร่ ก็ตัดสินใจทำตามที่เสียงนั้น
บอก เขากระโดดถีบตัวไต่ไปตามผนังของตรอกแคบดังเช่นที่เคยทำตอนที่ช่วยชีวิตลูกหมาไว้ในศึก สามเทพอสูรบรรพกาล
จากบนหลังคาเขาสามารถกวาดสายตามองทัศนียภาพ ของทั้งเมืองได้อย่างชัดเจน

“ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ที่ๆถูกไฟเผาหมดแล้วทั้งนั้น แถมยังมีพวกทหารผีเดินกันอยู่เต็มเมืองเลยด้วย
จะให้มองหาที่ๆ แสงสวรรค์ส่องถึงเหรอ? ”
โคทาโร่ พึมพำ จนเมื่อสายตาของเขาไปสะดุดเข้ากับ อาคารซึ่งออกแบบอย่างประณีตงดงาม ตัวผนังอาคารสีขาวบริสุทธิ
ประดับประดาไปด้วยกระจกสีซึ่งบอกเล่าเรื่องราวต่างๆของพระเจ้าและมนุษย์ มันคือวิหารประจำเมืองแห่งนี้
โคทาโร่ แน่ใจแล้วว่าสถานที่ๆ เสียงนั้นบอกคงจะหมายถึง วิหารนั้นอย่างแน่นอน ไม่รอช้า โคทาโร่

ก็กระโจนไต่ไปตามหลังของเรือนใกล้ๆ ไปเรื่อยๆ จนเข้ามาในบริเวณวิหารแล้ว ที่นี่ ไม่มีทหารผีนรกอยู่เลยซักตน
เพราะหากพวกมันเฉียดเท้าเข้าใกล็ ก็จะถูกพลังศักดิ์สิทธิที่คุ้มครองพระวิหาร แผดเผาจนมอดไหม้ กระนั้นก็ดี

ที่หน้าประตูวิหาร พมนุษย์ของฝ่ายศัตรู ต่างกำลังเตรียมที่จะบุกเข้ามาภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์ เพื่อหลบสายตา
ของศัตรู โคทาโร่ จึงวิ่งอ้อมไปที่ด้านหลังของวิหารที่นั่น มีต้นไม้สูงต้นหนึ่งขึ้นอยู่ไม่ห่างจากตัววิหารมากนัก

เขาค่อยๆปีนป่ายขึ้นไปจนถึงกิ่งยอดของต้นไม้สูง แล้วใช้แรงทั้งหมดที่มีถีบตัวสุดแรงเพื่อกระโดดข้ามไปเกาะ
ระเบียง วิหารจนสำเร็จ กลอนหน้าต่างวิหารไม่ได้ถูกล็อคไว้ เขาจึงเปิดและลอดตัวเข้ามาภายในผ่านทางช่อง
เล็กๆของหน้าต่าง

ตอนนี้เขาได้มายืนอยู่บนระเบียงทางเดินด้านในของโถงใหญ่ในวิหาร ที่ลานของห้องโถงใหญ่นั้นมีรูปหล่อ
ศักดิ์การะขนาดใหญ่แกะเป็นรูปนางฟ้าแห่งดาบ

Church of Francessca
รูปภาพ

“ ไม่ได้นะท่านบิชอป หากท่านออกไปใครจะปกป้องวิหารอันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนี้เล่า แล้วยังเด็ก ๆ เหล่านี้อีก หากท่านไม่อยู่ที่นี่พวกเขาคงไม่รอดแน่ ”

เสียงเอะอะดังขึ้นจากลานด้านล่างของห้องโถง ข้างล่างนั้นมีชาวเมืองกว่าร้อยชีวิต ที่หนีรอดมาจากการบุกโจมตี
และเข้ามาหลบภัยอยู่ในวิหารแห่งนี้ กว่าครึ่งเป็นเด็กเกือบทั้งหมด และมีผู้หญิงที่คอยดูแลอยู่ ห่างออกไปจากกลุ่มนั้น
มีนักบวชคนหนึ่งที่ดูจะมียศสูงที่สุด ในที่นี้ กำลังเจรจาอยู่กับผู้คุมวิหาร การเจรจาดูจะตึงเครียดเอามากๆ
ไม่นานจากนั้น กลุ่มผู้หญิง ที่คอยดูแลเด็กๆอยู่ ก็ลุกกันออกมาสมทบด้วย

“พี่น้องทั้งหลาย เราไม่อาจบรรยายความทุกข์โศกเสียใจที่ไม่สามารถร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวก ท่าน ไม่สามารถบรรยายความซาบซึ้งใจและสำนึกในความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของพวกท่านให้ ออกมาเป็นคำพูดได้ แต่เรารู้ว่าการกระทำของพวกท่านในวันนี้จะไม่สูญเปล่า ความกล้าหาญและเสียสละของพวกท่านจะตราตรึงอยู่ในจิตใจของประชาชนชาวฟีเลเซีย ตลอดไป เราสัญญาว่าจะปกป้องวิหาร และเด็ก ๆ จนสุดความสามารถแม้ต้องเอาชีวิตเข้าแลก”

นักบวชชั้นสูงผู้นั้นกล่าวอวยพรแก่บรรดาผู้เสียสละทั้งหลายที่ออกมา พวกเขาเหล่านั้นคงจะออกไปต้านทัพศัตรู
ที่อยู่ด้านนอกวิหารเป็นแน่

“ กำลังทหารมีแค่นั้นคิดจะออกไปตายกันรึไงนะ ”
โคทาโร่ สบถแต่เขาก็มีเวลาฟังไม่มากนักเพราะหลังจาก คณะผู้กล้าที่จะออกไปรบเดินออกไปแล้ว นักบวช
ก็ได้พาพวกเด็กๆขึ้นบันไดวิหาร มายังระเบียงนี้ โคทาโร่ วิ่งเข้าไปหลบหลังเสาค้ำวิหารและรอจนกลุ่มเดินผ่านไป

จากนั้นเขาจึงเดินเข้าไปสมทบกับกลุ่มเด็กๆโดยไม่ให้ใครจับได้ แต่ก็ดูจะยากซักหน่อยเพราะทุกคนเนื้อตัวหม่อมแมม
และเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด แตตัวเขานั้นนอกจากจะสะอาดหมดจดแล้วยังสวมเสื้อผ้าที่ดูแปลกตากว่าคนอื่นๆอีก

เสียงเฮโลและเสียงศาสตราวุธดังกระทบกันดังออกมาจากนอกวิหาร บรรดาผู้เสียสละเหล่านั้นคงจะกำลังเข้าปะทะกันแล้ว
พวกเขาเดินขึ้นมาจนถึงห้องลับที่อยู่ใต้โดมของวิหารแห่งนี้ภายในเป็นห้องที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ลี้ภัยชั่วคราวของบุคคลสำคัญต่าง ๆ เพราะดูภายนอกจะมองเห็นเป็นเพียงแค่โดมที่สวยงามธรรมดา ๆ ไม่ต่างจากโดมอื่น ๆ ของวิหารแห่งนี้ ห้องนี้

โออ่าและมีสิ่งอำนวยความสะดวกเท่าที่จำเป็นอย่างครบครัน แต่ก็ไม่ถึงกับฟุ่มเฟือย ที่มุมห้องด้านหนึ่งมีพระแท่นเล็ก ๆ ไว้สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนาด้วย ผนังห้องทุกด้านตั้งแต่พื้นจรดเพดานถูกวาดเป็นลวดลายที่เกี่ยวกับศาสนาอย่าง สวยงาม ความสูงของห้องลับนี้ทำให้เสียงการสู้รบอย่างดุเดือดดังขึ้นไปไม่ถึง

บรรดาเด็ก ๆ จึงค่อยสงบใจลงได้ บางคนเริ่มมองสำรวจรูปภาพและเครื่องใช้ในห้อง นักบวชนำเด็ก ๆ สวดอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าโดยมอบหมายให้เด็กที่โตที่สุดในกลุ่มดูแลเด็ก ๆ และนำสวดแทนเขา จากนั้นจึงออกเดินลัดเลาะทางแคบ ๆ ที่นำไปสู่ระเบียงเล็ก ๆ ของโดมหนึ่งบนยอดวิหาร

โคทาโร่ จึงแอบตามเขาไป และเมื่อมาถึงระเบียงเล็กๆของโดมหนึ่งบนยอดวิหาร นักบวชผู้นั้น ก็แสดงอาการ
ตกใจจนเกือบจะล้มทั้งยืน เช่นเดียวกับเขา เพราะสภาพที่ลานหน้าวิหารซึ่งมองได้จากระเบียงนี้อาบชโลมไปด้วยเลือดจนกลายเป็นสีแดงฉาน ร่างแหลกเหลวแทบไม่เหลือชิ้นดีของบรรดาอัศวิน นักบวชและผู้ปกป้องวิหารนอนกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น

“ โธ่เว้ย!! ”
โคทาโร่ ตะคอกพร้อมกับทุบราวระเบียงเสียงดัง จนนักบวชที่เขาแอบตามมาหันมามองด้วยความตกใจ

“ อีกแล้วงั้นเหรอ! ”
โคทาโร่ สบถภาพที่เห็นและสภาพที่เขากำลังเป็นอยู่ตอนนี้ นั้นทำให้เขาหวนนึกไปถึงสมัยเด็ก ในการปฏิวัติที่สเปน
วันที่เขาต้องสูญเสียมารดา ไปโดยที่ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากมองดูคนที่พยายามจนสุดชีวิตเพื่อปกป้องเขา

“ ธ…เธอ ”
นักบวช เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ เพราะก่อนที่จะขึ้นมาถึงที่นี่ เขายังไม่เคยเห็น โคทาโร่ มาก่อนเลย

“ เธอจะเป็นเดือดเป็นดาลไปทำไมเล่า..สำหรับเธอพวกเขาก็เป็นแค่สิ่งที่ไม่มีตัวตน เป็นเพียงเรื่องเล่าและไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆกับตัวเธอเลยซักนิดเดียว ”
เสียงที่เรียกหาเขามาถึงวิหารนี้ดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้นที่ได้ยินแต่เสียงนี้ดังกึกก้องไปทั่วทั้งวิหาร
การสู้รบข้างล่างนั้นหยุดลงไปชั่วขณะด้วยเพราะบรรดาทหารและเหล่าผู้ปกป้องวิหารต่าง ตกอยู่ในอาการตะลึง
เมื่อแสงสว่างเจิดจ้า ปรากฏขึ้นที่หน้าระเบียงเล็กของยอดโดมวิหารที่ โคทาโร่ และ นักบวชกำลังยืนอยู่

“ เธอเองเหรอที่เรียกหาฉัน….โดมินิก้า(Dominica, the Power of Heaven) ”
โคทาโร่ กล่าวแสงสว่าง ที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา คือ ทูตสวรรค์องค์สีขาวหุ้มเกราะขลิบลายทอง
กำลังจ้องมองมาที่เขา บรรดา เด็กๆที่กำลังสวดภาวนาและ นักบวชถึงกับตะลึงไปชั่วขณะกับการปรากฏกายของ
ทูตสวรรค์ที่มาในระยะประชิดขนาดนี้

“ เธอจะสู้เพื่อคนเหล่านี้เหรอ? ”
โดมินิก้า ถามอีกครั้ง โคทาโร่ ก้าวเท้าเดินออกมาข้างหน้า และตอบรับด้วยเสียงดังอย่างมั่นใจ

“ แหงสิ จะให้ทนดูคนที่เดือดร้อนได้ยังไงล่ะ! ”
“ นั่นเป็นคำสั่งของ Pawn of Checkmate 5 รึเปล่า? ”
โดมินิก้า ย้อน

“ ไม่! นี่เป็น…การตัดสินใจของฉันเอง ”
คำตอบของเขา ทำให้ โดมินิก้า ยอมรับและหันกลับไปยื่นคมดาบศักดิ์สิทธิ์ เข้าใส่เหล่าทหารฝ่ายศัตรู

/Get Set/
เสียงทุ้มกังวานดังขึ้นพร้อมกับ Note ของเขาได้ปรากฏขึ้นมาที่แขนซ้ายและขวา

“ มาแล้วเหรอ มาราคัส พร้อมจะลุยกันรึยัง? ”
โคทาโร่ เปรย

/Yes!, I’m Ready!!/
มาราคัส Note ของเขาตอบกลับอย่างแข็งขัน

“ถ้างันก็ไปกันเลย!! ”
โคทาโร่ ตะโกนพร้อมกับกระโดดขึ้นไปบนหลังของ โดมินิก้า แล้วจจึงจับการ์ดขึ้นมาจากสำรับ

“ ออกมาเลยพวกเรา!! ”
สิ้นคำ บรรดาอสูรมนุษย์หมาป่าทั้งหมดของเขาก็ถูกอัญเชิญ ลงมาตะลุมบอนกับทัพศัตรู

“ Heaven is Supremacy ”
โดมินิก้า แผดเสียงพร้อมกันนั้น ดาบทั้งหมดก็ตวัดสร้างคลื่นแสงสว่างลงไปกวาดล้างกองทัพ ทหารผีนรกที่ล้อมกรอบอยู่ด้านนอกวิหารจนราบเรียบ ทัพศัตรูเมื่อเจอกับพลังมหาศาลที่ ถูกปลดปล่อยโดยโคทาโร่ ในฐานะนักร่ายอสูรเช่นนี้
ก็แตกฮือ กันไม่เป็นท่า

“..เวลาคือดาบที่พระองค์ใช้มันพรากผู้ที่เรารักไป บัดนี้กำลังจะพังทลายลงแล้ว....ต่อหน้าความเป็นไปได้เหนือขีดจำกัด Progress Summon...... จงออกมา พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด คาออสลอร์ดเลวีอาทาน(Eternal Immortal Chaos Lord Leviathan) ”

เสียงเปรยดังแว่วขึ้นมาอย่างเบาๆจากวิหาร พร้อมกับการปรากฏตัวของจอมอสูรสามหัวที่ถูกเรียกว่า พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด
ขึ้นจากฝั่งด้านหลังวิหาร

รูปภาพ

“ นั่นมัน!? ”
โคทาโร่ สบถอย่างเจ็บใจก่อนจะให้ โดมินิก้าหักเลี้ยวกลับไปที่วิหารอีกครั้ง ลำแสงน่าสะพรึงพุ่งออกจากปากทั้งสามของ
พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด ลำแสงพุ่งเข้าโดน โดมินิก้า ด้วยจนเมื่อแสงหายไป ทั่วทั้งเมืองถูกแช่แข็ง
จนหยุดนิ่งทั้งหมดรวมไปถึงอสูรของ โคทาโร่ ที่เรียกออกมาด้วย

โดมินิก้า ที่ถูกลำแสงนั้นเข้าไปทำให้ท่อนล่างกลายเป็นน้ำแข็งอย่างช้าๆ แต่ก็พยายามฝืนจนมาส่ง โคทาโร่ที่วิหารได้สำเร็จ
ก่อนจะแตกสลายไป

“ หมดเวลาเล่นแล้ว…เลือกเอาว่าจะสลัดทิ้งความกลัวต่อพระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดหรือจะจมดิ่งลงไปลึกกว่านี้ ”
เจ้าเสียงเปรยที่ดังขึ้นก่อนการปรากฏตัวของ พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด ยื่นข้อเสนอ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก เกร นั่นเอง

“ นายคิดจะทำอะไรกันแน่? ”
โคทาโร่ ถาม

“ ฉันมา…ก็เพื่อจะสั่งสอนให้พวกเขาเหล่านี้รู้ว่าพระเจ้าทรงผิดพลาด ”

……………………………………………
…………………………………………………………………

“ มิสตาลจิกัส คอนฟลิกตัส จาก SMN Academy สาขาตะวันตก ฝากตัวด้วยนะครับ ”
มิส กล่าวทักทายกับเพื่อนร่วมชั้นทุกคนในห้องของ ธนัท ซึ่งตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่นี่จะเป็นห้องเรียนประจำ
ของเขาไปจนกว่าจะหมดเทอม

“ เอาล่ะจ้า จากวันนี้ไป มิสตาลจิกัส เขาจะมาเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเราแล้ว ช่วยดูแลเขาด้วยนะทุกคน ว่าแต่ที่นั่ง
ใหม่ยังไม่มาเนี่ยสิ ”
อาจารย์บุษบา กล่าวและมองหาที่นั่งว่างที่จะให้ มิสนั่ง จนมาสะดุดกับที่ว่าง ข้าง ธนัท ที่ปกติแล้ว จะเป็นที่นั่งของ โคทาโร่

“ อ่า วันนี้ โคทาโร่ เซนาคาว่า ขาดเรียนสินะ งั้นให้ มิสตาลจิกัส ไปนั่งข้างๆ ธนัท ก่อนก็แล้วกันคงไม่มีปัญหานะ ”
อาจารย์บุษบา กล่าว ก่อนจะส่ง มิส ไปนั่งข้างๆ ธนัท

“ ว่าไงพวก! ดีจังเลยนะที่เราได้อยู่ห้องเดียวกันเนี่ย ”
มิส พูดหลังจากนั่งลงแล้ว

“ แล้วบาร์นล่ะ ห้องนี้ด้วยเหรอ? ”
ธนัท ถามหา เพื่อนสนิทอีกคนของ มิส ที่มักจะอยู่ด้วยกัน

“ อ๋อ ถ้าบาร์นล่ะก็ เจ้านั่นอยู่อีกห้องนึงคู่กับ เชส น่ะเค้าให้ นักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่คู่ล่ะห้องน่ะ ”
มิส ตอบ

“ สวัสดีค่ะ แพน ราโด(Pan Rado) จาก SMn Academy สาขาใต้ ฝากตัวด้วยค่ะ ”
เสียงของนักเรียนแลกเปลี่ยนคนที่สี่ ซึ่ง ธนัท เองยังไม่เคยเห็นตัวเธอมาก่อนเลย นักเรียนแลกเปลี่ยนหญิงผู้นี้
มีผมสั้นสีขาวใบหน้าของเธองดงามหมดจด ราวกับเทพธิดา แต่เหนืออื่นใด ยามที่สบตากับเธอ ก็จะรู้สึกเหมือนกับถูกดูด

เข้าไปในความมืดมิอาจหยั่งลึก สัมผัสประหลาดที่แผ่ออกมาจากตัวเธอนั้นทำให้ทั้งห้องถึงกับเสียวสันหลัง
ขึ้นมา เช่นเดียวกับ มิส นั่นคือยังไม่มีเก้าอี้กับ โต๊ะชุดใหม่สำหรับนักเรียนแลกเปลี่ยน

อาจารย์บุษบา จึงจัดให้เธอมานั่งที่นั่งของ เคียว ซึ่งขาดเรียนไปนานแล้ว และที่แย่ไปกว่านั้นคือ ที่นั่งของเคียวก็อยู่ข้างๆ
ผมนี่เอง ทำให้ผมถูกขนาบด้วยนั่งเรียนใหม่ถึง 2 คนพร้อมกัน การเรียนการสอนในวันนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้า
กว่าทุกวันที่ ธนัท รู้สึก สาเหตุมาจากความรู้สึกประหลาดๆที่แผ่ออกจากตัว แพน นักเรียนหญิงแลกเปลี่ยนคนที่สี่

…………………………………
…………………

ขณะเดียวกันนั้นเอง ที่ โลกเทอร่า การเผชิญหน้าระหว่าง โคทาโร่ กับ เกรนั้นพึ่งจะเริ่มขึ้น

“ พระเจ้านั้นโหดร้ายทรงไม่ยอมช่วยเหลือในยามที่ควรช่วย อย่างในครั้งนี้กว่าที่พระองค์จะทรงประทานความช่วยเหลือมาก็มีกี่คนแล้วที่ต้องสังเวยให้กับความโศกเศร้า กี่ชีวิตที่ต้องเป็นข้อแลกเปลี่ยนเพื่อให้ความช่วยเหลือมาถึง… ”
เกร พูดไปซักพักหนึ่งก็เงียบเสียงลง เมื่อแสงสีทองลอดผ่านหน้าต่างระเบียงเข้ามาภายในโดม

ลำแสงสว่างพุ่งแหวท้องนภาลงมายังเมือง วอลเนีย และร่างของ อัศวินสวรรค์(Heaven Knight)องค์หนึ่งในชุดเกราะสีทองขลิบเงินเปล่งประกายเจิดจ้าไม่ต่างกับแสงแห่งดวง อาทิตย์ ปีกสีขาวบริสุทธิ์อันใหญ่โตทั้งสี่กางแผ่ทอแสงสีเงินพราวระยิบระยับปกคลุม ตัววิหารแห่งฟรานเชสก้าจนหมด ในมือขวาถือหอกปลายแหลมขนาดใหญ่สีทองอร่าม ดวงตาของ

อัศวินสวรรค์นั่นปิดสนิทอย่างผู้มีจิตสงบนิ่ง สรรพสิ่งต่าง ๆ ดูจะนิ่งสงบลงทันทีเมื่ออัศวินแห่งสวรรค์ปรากฏกายขึ้น ก้อนเมฆบนท้องฟ้าหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว แม้แต่สายลมที่เคยพัดวูบไหวผ่านเมืองวอลเนียเป็นประจำก็ยังเงียบหายไป เหมือนกาลเวลาหยุดเดินไปชั่วขณะ

รูปภาพ

“ อัศวินสวรรค์ ”
นักบวชที่ยืนอยู่กับพวกเขาเปรยขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ทว่า ก่อนที่ อัศวินสวรรค์จะได้ทันเบิกดวงตาขึ้น
ก็ถูกลำแสงของ พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด ทำใหกลายเป็นก้อนน้ำแข็งไปเสียแล้ว

“ ความช่วยเหลือที่แฝงไว้ด้วยความโลภของพระองค์น่ะ….ไม่จำเป็นอีกแล้วเพราะที่นี่มีข้าอยู่ตรงนี้แล้ว ”
สิ้นคำร่างของ อัศวิน สวรรค์ก็แตกร้าวออกเป็นเสี่ยงๆ ต่อหน้าพวกเขาท้องฟ้ายามรุ่งสาง แปรเปลี่ยนเป็นความมืดอันเวิ้งว้าง
ดั่งเช่นห้วงอวกาศ

“ ท…ทำไมถึงได้กล่าวร้ายใส่พระองค์เช่นนั้น…ทำไมถึงได้จงเกลียดจงชังพระองค์ยิ่ง ”
นักบวช ถามเสียงสั่นเครือ ขาของเขาสั่นเสียจนจะยืนไม่อยู่แล้วเมื่อต้องสู้กับ แรงกดดัน ของ เกร
พลังอำนาจที่มากมายมหาศาลเสียจนบงการสวรรค์ทั้งสวรรค์ได้หรือไม่ก็อาจจะรวมถึงพระเจ้าด้วยที่ต้องก้มหัวแก้เขา

“ ครั้งหนึ่งฉันเคยเชื่อในตัวพระองค์แต่กลับถูกทรยศหักหลัง บังอาจใช้หน้ากากที่เรียกว่า ความสมดุล ใช้สังขารเป็นข้ออ้าง
พรากเอาผู้เป็นที่รักของเราไป นับแต่บัดนั้น เป็นต้นมาความตั้งใจของฉันมีแค่หนึ่งเดียวเท่านั้น จะฆ่าพระเจ้า
แล้วหยุดห้วงเวลานี่เพื่อให้เวลานี้เป็นนิรันด์ ”
เกร ประกาศซึ่งความตั้งใจจริงของเขาออกมาให้เป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคน

“ บ้าไปกันใหญ่แล้ว จะฆ่าพระเจ้าบ้างล่ะ หยุดเวลาบ้างล่ะมันได้ที่ไหนกัน ”
โคทาโร่ ตะคอกกลับ

“ ความทะเยอทะยานของเจ้าไม่อาจกร้ำกรายพระองค์ได้หรอก ”
นักบวชแทรกขึ้นมา

“ บิชอป แห่ง ฟีเลเซีย เกรเกอรี่(Gregory, the Bishop of Felasia) เอ๋ย หากบอกว่าสิ่งที่เราทำคือความทะเยอทะยาน
แล้วการที่พระเจ้าทรงปกครองมนุษย์ นั้นไม่เรียกว่าความทะเยอทะยานบ้างรึไง เล่าเพราะพระเจ้าถือตนว่าสร้าง
ทุกสรรพสิ่งถึงได้มีอภิสิทธิ์เหนือกฏเกณฑ์ที่ตนได้ตั้งขึ้นมาด้วยงั้นหรือ หากการกระทำของเราคือความทะเยอทะยานจริง
เหตพระเจ้าจึงยังไม่อาจลงมือกับ พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดของเราเล่า! ”

เกร ย้อนกลับไป บิชอปหนุ่มไม่อาจโต้ตอบกลับมาอีก ไม่ใช่เพราะหมดศรัทธา หากแต่เป็นความหวาดกลัวที่
ก่อตัวขึ้นพร้อมกับความกังวล ที่มีต่อเหล่าเด็กๆซึ่งเขารับฝากฝังมาจากเหล่าพลเมืองที่ยอมออกไปสู้ตายเพื่อปกป้องวิหาร

รูปภาพ

“ โคทาโร่ ฉันจะบอกเอาไว้เรื่องหนึ่ง พวกเราไม่ใช่ผู้ที่พระเจ้าทรงคัดสรร แต่พวกเราต่างหากคือผู้ที่สมควรคัด
เลือกพระเจ้าเสียใหม่ ”
เกร หันมาพูดกับ เขาโดยใช้เสียงเดียวกับเสียงของ โดมินิก้า

“ เสียงของ โดมินิก้า ที่เรียกฉันมาตั้งแต่ต้นที่แท้ก็เป็นฝีมือนายเองหรอกเหรอ? ”
โคทาโร่ ถาม

“ ว่ากันตามจริงแล้ว ที่นี่ทุกอย่างล้วนเป็นภาพมายาที่ลวงหลอกทุกสัมผัสของนาย พวกเขาเหล่านี้รวมไปถึงพฤติกรรมของ
โดมินิก้า นั้นก็เพราะฉันอยากให้มันเป็นเช่นนั้น ”
เกร สารภาพ เหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มที่ โคทาโร่ เข้ามาอยู่ที่ เทอร่า นี้ล้วนเป็นสถานการณ์ที่ เกร สร้างขึ้นเองทั้งนั้น

“ ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนช่วยนายได้ทั้งนั้น มีแต่ตัวนายเองแล้วนะ ”
สิ้นคำ หัวหนึ่งของ พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด ก็ย้ายลงมาดักรอที่ระเบียงโดมวิหาร ลำแสงแช่แข็งเตรียมพร้อมที่จะกำจัดทุกคนในโดมนี้ทันที

“ แบบนี้ตัวแกก็จะโดนไปด้วยนะ! ”
โคทาโร่ พูด

“ ไม่ว่าพระเจ้าจะแข็งแกร่งซักเพียงใดแต่คิดหรือว่าจะเอื้อมถึงผู้ที่อยู่เหนือพระเจ้าเช่นเราได้ ”
เกร ตอบเสียงเรียบ ลำแสงที่จะคร่าชีวิตทุกคนค่อยๆพุ่งออกจากปากของ พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด
พริบตาต่อมา เมืองวอลเนียที่กลายเป็นน้ำแข็ง ก็ถูกกลืนหายเข้าไปในแสงสว่าง

“ อัคคีขาวโพลนแสนเย็นยเยือกผุดขึ้นจากขุมนรก จงกลายเป็นเพลิงคุณธรรม....ต่อหน้าความเป็นไปได้เหนือขีดจำกัดProgress Summon...... ”

ภายในแสงสว่างนั้น เปลวไฟสีขาวบริสุทธิ ลุกโหมโอบล้อมวิหารทั้งวิหารไว้ และเมื่อแสงจ้าดับลง
ร่างของอสูรซึ่งปรากกออกมาจาก เพลิงสีขาว คือร่างหุ้มเกราะสีขาวตัดทองบนหัวมีแท่งคริสตัลแหลมยื่นยาวออกมา
แขนอันใหญ่โตมโหราฬทั้งสองข้าง เป็นจักรกลที่สร้างพลังเพลิงสีขาว ออกมา ไฟที่ อสูรตนนี้สร้างไม่ใช่ไฟที่เผาผลสญหากแต่เป็นไฟ ที่หยุดทุกสรรพสิ่งเอาไว้ ภายวิหารซึ่งไฟสีขาวโอบล้อม บิชอปหนุ่มและ บรรดาเด็กๆต่างหยุดนิ่ง
อยู่กับที่ไม่มีใครขยับหรือพูดอะไร เวลาได้หยุดนิ่งลงไปตรงนั้นจริงๆ

“ จงออกมา พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด มาควิสลอร์ดเลราเจ(Eternal Immortal Maquis Lord Leraje) ”

โคทาโร่ เค้นเอาคำพูดสุดท้ายออกมาก่อนจะล้มฟุบลงไป แล้วทุกอย่างก็มืดลง

รูปภาพ

…………………………………..
…………

“ ผ่านการทดสอบจากนี้ไปเค้าจะเป็นพวกเดียวกับเรา เป็นผู้ถือครอง พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด ”
เกร พูด หลังจากลืมตาขึ้น

“ ลงทุนส่งจิตเข้าไปเองแบบนี้เหนื่อยแย่เลยนะเนี่ย ”
วาการุรุ พูด จนถึงตอนนี้ทั้ง เกร และคนอื่นๆรวมไปถึง โคทาโร่ ก็ยังคงอยู่ในห้องพักของ คลับเหมือนเดิม
ไม่ได้เคลื่นที่ไปไหน เหตุการณ์ทั้งหมดใน เทอร่า ที่ โคทาโร่ ได้ประสบมานั้น เป็นเพียงบททดสอบ
ของ พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดเท่านั้น

“ แต่เสียดายง่ะ ตอนที่เกรคุง ถามว่าจะปลุกเจ้าหญิงนิทราต้องทำยังไงก็จะทำแบบนั้น กับเจ้าหนุ่มนี่
ไอ้เรารึอุตส่า เอากล้องวิดีโอตัวใหม่มาเตรียมนะเนี่ย สุดท้ายแค่ส่งจิตเองเรอะ ”
การุรุ บ่นไปพลางขณะที่ เก็บชุดกล้องที่เตรียมมาเก็บระทึกตามที่ตนหวังไว้ แต่ก็ผิดหวังในที่สุด

“ แล้วจะเอายังไงต่อล่ะ ถึงตอนนี้เค้าจะเป็นผู้ถือครองเช่นเดียวกับเราแล้ว แต่ก็ใช่ว่า เจ้าตัวจะยอมเข้าพวกกับเรานี่ ”
เทนโตะ ถามต่อถึงปัญหาที่พวกเขาค้างกันไว้ก่อนหน้านี้

“ คำตอบน่ะก็คือ…… ”

…………………………………………………………..
…………………..

“ หวัดดีค่า ทุกๆคนคิดถึง ไกอา กันไหมค้า~~~ สัปดาห์นี้ขอต้อนรับกลับเข้าสู่คาบเรียน Duel Class ของเราอีกครั้งนะค้า
ถึงจะเป็นครั้งที่ 4 แล้ว แต่ก็ยังมีผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมอยู่กันอย่างล้นหลาม ”
ไกอา ยังคงทำหน้าที่ผู้บรรยายด้วยอาการเริงร่า อย่างเช่นทุกครั้ง

“ และวันนี้ ก็เป็นวันที่น่าจดจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะในวันนี้ Master Ceremoy คิระดาบแห่งพระเจ้า จะทำการดวลกับ นักเรียนแลกเปลี่ยนจาก SMN Academy South ซึ่งเป็นคนที่ 3 แล้ว จากประวัติการดวลในครั้งก่อนๆ การดวลกับ บาร์น เวจเจเทเบิล
และ เชส ดีเจ ก็ชนะรวดมาแล้วตะคะ ตอนนี้ ส่วน มิสตาลจิกัส ที่ดวลกับ ธนัท ไปนั้น เราเองก็ได้เห็นฝีมือของเค้าไปกันแล้ว
แต่วันนี้ เราจะได้ชมฝีมือการดวลของ นักเรียนคนที่ 4 ที่ยังไม่เคยแสดงฝีมือให้เราเห็นกัน แพน ราโด ค่า~~~ ”

ไกอา ประกาศผ่านไมค์พร้อมกับ ผายมือลงไปยัง นักเรียนหญิงที่พึ่งมาอยู่ห้องเดียวกับ ธนัท วันนี้บริเวณรอบๆตัวเธอ
ไม่มีนักเรียนคนใดอยากจะเข้าไปอยู่ใกล้ ด้วยเพราะรังสีแปลกๆที่สัมผัสได้จากตัวเธอนั้นทำให้ใครก็ตามที่อยู่ใกล้กับเธอจะรู้สึกเสียวสันหลังไปซะหมด

“ แหม เอิกเกริกกันจังเลยนะ ”
แพน เปรยเสียงเรียบก่อนจะเดินแหวกฝูงชนออกไปที่หน้าเวที ที่จริงแล้วน่าจะบอกว่าฝูงชนแหวกทางให้เธอเสียมากกว่า
ก่อนที่จะไปจนถึงบันไดเวทีนั้น เธอหยุดเท้าลงที่หน้า ธนัท ก่อนจะเอ่ยปากพูดกับเขา

“ เอาใจช่วยฉันด้วยนะ ทานา….เอ้ย ธนัท ”
ทันทีที่เธอ พูดจบมือของเจ้าหล่อน ก็ช้อนปลายคาง ธนัท เข้ามาหอมแก้มไปเสียทีนึงก่อนจะผละตัวไปขึ้นเวที

“ กรี้ด~~~ ยัยนั่นเป็นใครคิดว่าตัวเองเป็นใครกันยะเนี่ย ถึงได้มาก้อรล่อก้อติกกับ ธนัท แบบน้าน~~~ ”
ลูเซีย แหกปากขึ้นมาก่อนเป็นคนแรกทันที ไม่เพียงแต่ เธอ เท่านั้น เพื่อนๆของ ธนัท ทุกคนต่างก็ตกใจกันไม่น้อย
โดยคนที่ช็อกที่สุดคงไม่พ้น ชุติการ เธอได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาเลย

“ ที่จริง เธอนั่นแหละไปหัวเสียกับเค้าทำไม? ”
ไดสุเกะ ทักใส่ด้วยความสงสัยเช่นเดียวกับทุกคนที่อยากรู้ว่า เธอไปมีความสัมพันธ์กับ ธนัท ตอนไหน

“ อ้าว ก็แบบในละครไง ถ้ามีคนมาทำอะไรแบบนั้นต่อหน้าคนเยอะๆเค้าก็ต้องพูดแบบนี้กันไม่ใช่เหรอ ฉันจำมาน่ะ ”
คำตอบของ ลูเซีย ทำทุกคนพากันส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

“ อย่าคิดมากเลยหนา ชุติ ยางงาย ธนัท ก็ม่ายด้ายสนยัยคนนั้นหรอกหนา ”
แอน กล่าวปลอบ ชุติการ ที่ยังคงเงียบอยู่ แต่เธอก็ส่ายหน้าปฏิเสธ

“ เปล่า…ไม่ใช่เรื่อง ธนัท หรอกที่ฉันกำลังคิดอยู่น่ะ คือสังหรณ์เกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น ”
ชุติการ พูดพร้อมกับมองไปที่ เวที ที่ตอนนี้ แพน ขึ้นไปยืนรอแล้ว

“ สังหรณ์มันบอกน่ะ…ว่าต้องเกิดเรื่องแน่ๆ ”

บนเวทีตอนนี้ คิระ ได้ตามขึ้นเพื่อจะทำการดวลแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างติดตั้ง Note ให้อยู่ในรูปแบบสำหรับดวลเป็นที่เรียบร้อย

“ เอาล่ะค่า~~ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายก็พร้อมแล้วงั้นเราก็เริ่มการแข่งขันกันเลย Ruler Level Master Mode Let’s Duel!!!! ”
ไกอา ประกาศสัญญาณ เริ่มการดวลขึ้นทั้งคู่ก็ จับการ์ดขึ้นมาจนครบ 7 ใบ

[Pan Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]
[Kira Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

“ เราจะอธิบายกฏอย่างคร่าวๆเกี่ยวกับกฏ Master Mode นี่กันอีกครั้งนะคะ ”
บีบิส เริ่มทำการบรรยายไปด้วยระหว่างการแข่ง ก่อนจะส่งไมค์ให้ อาจารย์คริฟ รับไปอธิบาย

“ สำหรับกฏ Master Mode นั้นจะเป็นการเล่นแบบ Summoner Level เพียงแต่จะมี Shrine Max แค่ 8 เท่านั้นนอก
เหนือจากนั้นจะเหมือนเดิมทุกอย่างครับ ”
อาจารย์ คริฟ อธิบาย

“ เอาล่ะค่ะฟังกติกาจบกันไปแล้วตอนนี้ การแข่งขันก็เริ่มโดยฝ่ายนักเรียนแลกเปลี่ยน ได้เป็นฝ่ายบุกก่อนค่ะ ”
ไกอา พากย์ต่อเพื่อปิดการบรรยาย

“ Cost Mp 3 ฉันให้ เคิสท์ สเปกเตอร์(Cursed Specter) ออกมาที่ At Line ”
แพน ประกาศพร้อมกับร่ายการ์ดซีล อัญเชิญ อสูรปีศาจซึ่งมีร่างเป็นโครงกระดูกทั้งร่างขึ้นมา

รูปภาพ

[Pan Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:2/8 Shrine 0/8 ]
[Kira Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

“ Ability ทำงาน!! เมื่อ เคิสท์ สเปกเตอร์ ถูกเรียกออกมาโดยไม่ได้มาจาก Shrine ก็จะได้ เอาการ์ดใบบนสุดของ
สำรับซีลขึ้นมาถ้าการ์ดใบนั้นมีชื่อว่า เคิสท์ ก็จะได้เรียกมันออกมาเลยแต่ถ้าไม่ใช่ก็ต้องวางกลับไปไว้ใบบนสุดเหมือน
เดิม ”
แพน อธิบายความสามารถของ มันก่อนจะ จับการ์ดขึ้นมาดู

“ การ์ดที่ฉันจับขึ้นมาได้คือ เคิสท์ เทอเรี่ยน(Cursed Therion) ดังนั้นก็จะได้เรียกมันออกมา ให้ เคิสท์ เทอเรี่ยน ออกมาที่ At Line ”
เธอแสดงการ์ดที่จับขึ้นมาก่อนจะโยนมันออกไปในอากาศ การ์ดผนึกดูดซับเอาละอองแสงซึ่งเป็นพลังเวทย์ที่ปล่อยออกมาจาก Note ของทั้งสองฝ่าย และอัญเชิญ อสูรสี่ขาทรงพลังออกมามันมีกายสีดำทมิฬ และ แผ่รังสีอำมหิตที่ชวน
ให้ขนพองสยองเกล้า ออกมา

“ แล้วต่อด้วย Cost Mp 2 ให้ อันเดอร์เอิทธ์เทล (Underearth Tail) ออกมาที่ Df Line แล้วหมดรอบ ”
อสูร ตัวยาวเลื้อยขดออกมาจาก การ์ดผนึก ลงสู่แนวหลัง ผิวของมันเต็มไปด้วยเมือก ลื่นๆที่ส่งกลิ่นเหม็นหืนของ
ดิน อยู่ตลอดเวลา

รูปภาพ
[Pan Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:0/8 Shrine 0/8 ]
[Kira Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

“ รอบของฉัน Cost Mp 3 เรียกให้ ดิ กาเดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอซีล(The Guardian of Lexdetheo Seal)
ออกมาที่ At Line แล้วให้ Ability ทำงาน!! ”
คิระ ประกาศรอบของตนก่อนจะ หยิบเอาการ์ดผนึกบนมือร่างออกมา อสูรจักรกลแห่งสวรรค์ ล่อนลงมาจากท้องฟ้า
พร้อมกับดาบเล่มใหญ่ 4 เล่ม

รูปภาพ
[Pan Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Kira Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]

“ จังหวะนี้ Cost Mp 2 ให้ Mystic สนาม วิหารแห่งฟรานเซสก้า(Church of Francessca) ทำงาน!! มันจะทำให้ อสูรทุกใบในสนามสูญเสีย Ability ที่ทำงานตอนที่ถูกเรียกออกมา ”
แพน แทรกพร้อมกับ ชิงร่าย มิสิกการ์ดบนมือของเธอ ออกมาก่อนที่ จักรกลสวรรค์ จะได้กระทำการใดๆ
ทันทีที่ มิสติกการ์ดของ เธอ สัมผัสถูกพื้นเวทีมันค่อยๆจมลงไปครู่ต่อมา บริเวณรอบเวทีก็แปรสภาพกลายเป็น ห้องโถงกลางของ มหาวิหารแห่งฟรานเซสก้า รูปปั้นของ นางฟ้าแห่งดาบถูกประดับไว้กลางสนามตรงกับบริเวณเสาธงพอดิบพอดี

รูปภาพ
[Pan Status; Hand: Seal 3 , Mystic 1 Mp:6/8 Shrine 0/8 ]
[Kira Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]

เพราะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ จักรกลแห่งสวรรค์ สำรวมการกระทำทั้งหมด เพื่อไม่ให้มหาวิหารต้องพังทลาย
ดาบทั้ง 4 เล่มที่นำมาด้วยจึงสลายไป

“ ถูกสกัด Ability เมื่อเข้ามาในสนามแบบนี้ คงจะทำให้ รุ่นพี่ บุกลำบากอยู่ ”
ธนัท ออกความเห็น

“ Cost Mp 2 ให้ แมกม่าเทียร์ (Magma Tear, the Wand of Brenda) ติดให้กับ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ
แล้ว Cost Mp 2 โจมตีไปที่ เคิสท์ เทอเรี่ยน Magma Strike !! ”
คิระ ขว้าง มิสติกการ์ด ออกไปในสนาม และกลายเป็นคฑาสีแดงเพลิง ให้จักรกลสวรรค์ รับไปใช้แทน ดาบที่ต้องสละไป
และสั่งโจมตี จักรกลสวรรค์ทะยานตรงเข้าหมายจะเล่นงาน อสูรต้องสาป

รูปภาพ

[Pan Status; Hand: Seal 3 , Mystic 0 Mp:6/8 Shrine 0/8 ]
[Kira Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:1/8 Shrine 0/8 ]

“ Cost Mp 2 ให้ it’s no Joke(It's no Joke!!!) ทำงาน การ์ดใบนี้จะย้ายเป้าการโจมตีมายัง อสูรที่ติดมันไว้ ดังนั้นการโจมตีจึงถูกย้ายมาที่ เคิสท์ สเปกเตอร์ แทน ”
แพน ประกาศพร้อมกับ ร่ายมิสติกการ์ด ออกมา จักรกลสวรรค์ เหวี่ยงคฑาในมือ สุดแรงใส่ อสูรต้องคำสาป แต่ก็พลาดไป
โดน อสูรกระดูกที่ยืนอยู่ข้างๆแทน
รูปภาพ

“ ด้วยผลของ แมกม่า เทียร์ทำให้ At เพิ่มขึ้นไปอีก 2 จุด ”
คิระ กล่าว คฑาที่อสูรจักรกลสวรรค์ของเขาถือไว้กำลังลุกโชนด้วยเปลวเพลิง

“ จากนั้น Cost Mp 1 ให้ Ability ทำงาน ดิ การ์เดี้ยนออฟเลกซ์ดีทีโอ สามารถโจมตีได้อีกครั้ง ”
สิ้นคำ คฑาเพลิงก็ลุกโชนขึ้นยิ่งกว่าเดิม จักรกลสังหาร ควงคฑา พุ่งเข้าเล่นงานอยางว่องไวปานสายฟ้า

“ โอ๊ะโอ เดี๋ยวสิ ในจังหวะนี้ Ability ของ เคิสท์ สเปกเตอร์ ทำงาน… ”
ระหว่างนั้นเอง แพนก็แย้งขึ้นมา ทว่าคฑาเพลิงก็ฟาดเข้ากับหลังของ อสูรต้องสาปของ เธอเสียแล้ว
ไฟลุกลามโหมท่วมใส่ร่างของ อสูรทั้งสองจนมองไม่ออกว่าใครเป็นฝ่ายชนะในการต่อสู้ จนเมื่อไฟหายไป
ภาพที่ปรากฏขึ้นกลับกลายเป็นว่า ทั้งจักรกลสวรรค์และ อสูรต้องสาปถูกจัดการไปพร้อมๆกัน โดยที่อสูรต้องสาปสวม
หน้ากากเหล็กซึ่งใบมีดแหลมยื่นออกมาคล้ายเขี้ยวสัตว์ และเป็นอาวุธที่ใช้ประสานงากับ อสูรของ คิระ

[Pan Status; Hand: Seal 3 , Mystic 0 Mp:6/8 Shrine 4/8 ]
[Kira Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:1/8 Shrine 2/8 ]

“ อ…อะไรกันน่ะ เสมอกันงั้นเหรอ? ”
มิส ร้องเสียงดังอย่างตกใจกับผลที่ออกมา ร่างของอสูรต้องสาปค่อยๆสลายเป็นขี้เถ้าไปพร้อมๆกับร่างของ
จักรกลสวรรค์ที่ค่อยๆกลายเป็นสนิมและละลายเป็นของเหลว

“ แต่ว่า ค่าพลังของ การ์เดี้ยนออฟเลกซ์เดทีโอซีล น่ะมีมากกว่า เคิทส์ เทอเรี่ยน นี่แล้วทำไม….. ”
ธนัท แย้งขณะเดียวกัน ร่างของ อสูรของทั้งสองฝ่ายก็สลายตัวกลับเป็นการ์ดและคืนกลับสู่มือของทั้งสอง

“ ด้วยผลของ เคิสท์ สเปกเตอร์ ทำให้สามารถนำ Mystic Card อุปกรณ์แบบสวมใส่ จากสำรับติดให้กับ
เคิสท์ การ์ดในสนามได้ใบหนึ่งที่ ฉันเลือกมา ก็คือ เวน่อม ซิสเซอร์ คลอว์ (Venom Scissors Claw) มันจะทำให้ อสูรที่
ต่อสู้ด้วยติด Poison Curse เป็นเวลา 3 Turn และเมื่อผนวกกับ Ability ของ เคิสท์ เทอเรี่ยน ที่เมื่อถูกส่งไปยัง Shrine จากสนาม ก็จะทำลาย Seal ที่ติด Curse ได้ 1 ใบ ”

แพน อธิบายพร้อมกับ แสดงการ์ดที่รับมาให้ ทุกคนดู

รูปภาพ

[Pan Status; Hand: Seal 3 , Mystic 0 Mp:6/8 Shrine 4/8 ]
[Kira Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:1/8 Shrine 2/8 ]

“ รีบร้อนเกินไปแบบนั้นน่ะ เอาชนะฉันไม่ได้หรอกนะคุณ ดาบแห่งพระเจ้า หึๆ ”
แพน เยาะเย้ยก่อนจะเก็บการ์ดที่ใช้แล้วลงใน ช่อง Shrine อย่างสบายใจเฉิบ

“ ชิ..หมดรอบ ”
คิระ สบถอย่างที่ไม่เคยแสดงออกให้ใครเห็น นับเป็นครั้งแรกที่เขาแสดงอารมณ์ต่อหน้าผู้คนมากขนาดนี้

“ รอบของฉัน จั่วไพ่ ”
แพน ประกาศพร้อมกับจับมิสติกการ์ด 2 ใบ ออกจากสำรับ

[Pan Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:6/8 Shrine 4/8 ]
[Kira Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 2/8 ]

“ ร..ร้ายกาจจริงๆค่ะ แค่รอบแรกก็โต้กลับการบุกของ คิระ จนในสนามไม่เหลือ อสูร ที่จะใช้ป้องกันอีกแล้ว
แพน ราโด กำลังเป็นฝ่ายไล่ต้อนอยู่ฝ่ายเดียว ”
ไกอา บรรยายใส่ไฟเต็มที่เพื่อกลบเกลื่อนความเงียบของสนามที่ เกิดเพราะทุกคนมัวแต่อึ้งกับอาการของ คิระ

“ สำรับของ เธอคนนั้นเป็นแบบเทคนิคประสานเหมือนกับ ของ ธนัท เลย ถ้าฝืนใช้กำลังบุกเข้าไปก็มีแต่จะเสียเปรียบ ”
ไดสุเกะ พูดพร้อมกันนั้น ก็เดินเข้ามาสมทบกับกลุ่มของ ธนัท ด้วยกันกับ อิส

“ แต่ว่าสำรับของ บาร์น เองก็เป็นสำรับ เน้น เทคนิค เหมือนกันนี่ ”
มิส ยกตัวอย่างบ้าง บาร์น ที่อยู่ๆก็ถูก ยกขึ้นมาเปรียบ ก็ทำเอาแสดงไม่ถูก

“ ก็ใช่อยู่หรอกแต่ของ บาร์น น่ะเน้นที่การป้องกัน แต่ของเธอคนนี้มันเป็นการตอบโต้ ”
อิส ตอบ

“ หมายความว่า ไม่เพียงแค่สกัดการบุกของอีกฝ่ายได้แต่ยัง เอาคืนกลับไปได้ด้วยยังไงล่ะ ”
ชุติการ อธิบาย ทันทีที่ เสียงประกาศของ แพน ดังขึ้น พวกเขาก็หันกลับไปดูบนเวทีกันอีกครั้ง

“ เปลี่ยนให้ อันเดอร์ เอิทธ์ เทล ไปที่ At Line แล้ว Cost Mp 1 โจมตีโดยตรงไปที่ผู้เล่น ”
แพน สั่ง อสูรตัวยาวของ เธอ เลื้อยคลานไปตามพื้นอย่างรวดเร็ว ตรงเข้าจู่โจม คิระ

“ เอาแล้วค่า ดาบแห่งพระเจ้าผู้ไม่เคยถูกโจมตีตรงๆแบบนี้ จะเป็นครั้งแรกของเค้าหรือไม่ ”
ไกอา พากย์เสียงดังลั่นอย่างลุ้นระทึก เสี้ยว วินาทีที่อสูรของ แพน จะเข้าปะทะใส่ คิระ นั้นเอง แสงสว่างอันเกิดจาก
โลหะสะท้อนกับแสง ตวัดผ่านร่างของ อสูรที่พุ่งเข้ามาจนขาดเป็นสองซีก และสลายไปในทันที

“ รีบร้อนเกินไปแบบนั้นน่ะ เอาชนะ ฉันไม่ได้หรอก ”
คิระ ย้อนคำของเธอ บัดนี้ข้างกายของเขา จักรกลสีดำซึ่งทั้งร่างเป็นเหล็กไหลมันวาว

“ อ..อะไรกันคะเนี่ย ตะกี้ ยังเป็นการโจมตีโดยตรงของ ฝ่ายนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่แท้ๆ พริบตาเดียว กลายเป็นว่า
คิระ พลิกกลับมาเป็นฝ่ายไล่ต้อนซะเองแล้วล่ะค่า ”
ไกอา พากย์เสียงหลง เพราะตามเกมที่พลิกผัน กันไปมาไม่ทันแล้ว

รูปภาพ
[Pan Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 5/8 ]
[Kira Status; Hand: Seal 3 , Mystic 1 Mp:5/8 Shrine 2/8 ]

“ Cost Mp 3 เพื่อให้ Skill ของ ไซเบอร์ติก้า วิงค์(Cybertica Wings) ทำงาน ทำให้มันเข้ามาในสนามได้ทันที ”
คิระ อธิบาย อสูรจักรกลตัวใหม่ ที่เขาพึ่งเรียกออกมาหลังจากจัดการกับ ศัตรูแล้ว จึงบินกลับมายังสนามฝั่งเขา
ทว่า บนร่างของมันก็เขรอะไปด้วยน้ำเมือกที่ติดมาจากศัตรู

“ พิษ อีกแล้วงั้นเหรอ?! ”
ธนัท ถึงกับเผยอ ที่การสวนกลับของ คิระ นั้นกลับเป็นการทำร้ายตัวเองอีกครั้ง

“ Ability ของ อันเดอร์เอิธท์ เทล ทำงานแล้วยังไงล่ะเมื่อมันถูกส่งไปที่ Shrine จากสนามก็จะทำให้ Seal ในสนามติด Poison Curse เป็นเวลา 3 Turn ”
แพน อธิบายพร้อมกับ แสดงการ์ดเจ้าของเมือกพิษ ให้ คิระ ดู

“ แน่ใจแล้วเหรอ ว่ามันจะเป็นแบบนั้นน่ะ ”
คิระ แย้งเสียงเรียบอย่างมั่นใจ เมื่อ เมือก พิษนั้นไม่อาจกัดกร่อน ผิวโลหะของ ไซเบอร์ติก้า วิงค์ ได้

“ ไซเบอร์ติก้า วิงค์ มีความสามารถที่จะช่วยให้เผ่าเครื่องจักรทั้งหมดในสนามยกเลิก Ability ของฝ่ายตรงกันข้าม
ได้ยังไงล่ะ ”
คิระ อธิบายเพื่อคลายความสงสัยให้แก่ทุกคน ทว่าความมั่นใจที่มีต่อเกราะป้องกันอันแข็งแกร่งก็ต้องพังทลายลง
เมื่อ เมือกพิษ ที่คิดว่าไร้พิษสงไปแล้วกลับ กัดกร่อน ลึกเข้าร่างของ ไซเบอร์ติก้า วิงค์ ไปเป็นที่เรียบร้อย

“ ร่างของ ไซเบอร์ติก้า วิงค์มัน !!... ”
แอน ร้องอย่างระทึกใจ

“ กำลังละลาย ”
มิส เปรย ผิวโลหะของ ไซเบอร์ติก้า วิงค์ ค่อยๆละลายจนเกิดควันลอยฉุยไปทั่ว

“ ในจังหวะที่ อันเดอร์เอิทธ์เทล ถูกส่งไปที่ Shrine ฉันก็ให้การ์ดใบนี้ Cool Moon ทำงานยังไงล่ะ เพราะ Ability นั่น
จะทำงานก็แค่ตอนที่อยู่ใน At Line เมื่อถูก Cool Moon ทำให้ติด Freeze Curse และถอยลงไป Df Line Ability นั่นก็จะไม่ทำงาน ”
แพน กล่าวพร้อมกับ หยิบเอา มิสติก การ์ด Cool Moon ที่ถูกใช้ไปตั้งแต่ตอนไหนยั้ย ไม่มีใครรู้เลย

รูปภาพ

“ ยัยนั่นร่ายการ์ดเร็วชะมัดเลย นี่ก็ครั้งที่สองแล้ว ”
มิส พูดและเขายืนยันอย่างหนักแน่น ว่าตนจับตาดูอยู่มาตลอด แต่ก็ยังไม่ทันกับ จังหวะร่ายการ์ดของเธอเสียที

“ Surprize Technic เป็นการเล่นโดยอาศัยช่องว่างของจังหวะการทำงานในการ์ดแต่ละใบเพื่อสร้างความสับสนให้คู่อสู้น่ะ ”
มาริน่า อธิบาย

“ แต่ว่านี่น่ะเป็น เทคนิค ชั้นสูงที่ผู้เล่นจะต้องศึกษากฏมาเป็นอย่างดี เพราะ ถ้าพลาดขึ้นมาล่ะก็อาจจะแพ้ฟาล์ว
หรือทำให้ ผลที่เกิดขึ้นผิดไปจากที่ตั้งใจก็ได้นะคะ มาสเตอร์ ”
ฟรานซิสก้า แย้ง

“ รอบของฉันยังไม่หมดแค่นี้หรอกนะ Cost Mp 1 ให้ Draw of Soul ทำงานส่ง เคิสท์ สเปกเตอร์ ที่มี
ค่าร่าย 3 ไปที่ Shrine แล้วจั่ว Mystic Card ขึ้นมา 3 ใบ ”
แพน เริ่มเล่นต่อหลังจากร่าย มิสติกการ์ดออกไปแล้ว จึงส่งการ์ดซีล บนมือไปเก็บไว้ที่ช่อง Shrine แล้วจับการ์ดขึ้นมาจากสำรับมิสติก 3 ใบ

รูปภาพ

[Pan Status; Hand: Seal 2, Mystic 3 Mp:1/8 Shrine 6/8 ]
[Kira Status; Hand: Seal 3 , Mystic 1 Mp:5/8 Shrine 2/8 ]

“ Cost Mp 1 ให้ อันโฮลี่กาล์กอย(Unholy Gargoyle) ออกมาตั้งรับที่ Df Line รอบของฉันจบแล้ว ”
อสูรปีศาจค้างคาวขนาดยักษ์ ร่อนถลาลงมายังสนาม ทันทีที่ออกจากผนึกของการ์ด สองมือของมันกุมวัตถุคล้ายผลึก
ซึ่งส่องแสงสว่างได้ และเพราะผลึกนั้นหรืออย่างไร ทำให้บรรยากาศรอบๆตัวของมันนั้น มืดมัวลง
ราวกับแสงถูกดูด กลืนเข้าไปจนบริเวณนั้นกลายเป็นหลุมดำ(Black Hole)ย่อมๆเลยก็ว่าได้
สิ่งนี้ทำให้ ธนัท พาลคิดไปว่า คล้ายกับภาพลักษณะของเธอ ที่คอยแผ่รังสีชวนเสียวสันหลังนั้นไม่ต่างไปจาก หลุมดำเลย

รูปภาพ

“ รอบของฉัน ”{บนมือของเราตอนนี้มีแต่ มอเตอร์พัพเพ็ต เท่านั้น แถม ไซเบอร์ติก้า วิงค์ เองก็ติดสภาวะ
Freeze Curse ทำให้ ต่อสู้ไม่ได้อีก}
คิระ ประกาศ ตอนนี้บนมือของเขา ไม่มี การ์ดใบใด ที่จะเอาชนะ อันโฮลี่กาล์กอย ได้เลยหรือแม้แต่การ์ดที่จะ
ใช้รักษาอาการต่างๆ เขาจึงจับเอาซีลการ์ดขึ้นมาก่อน การ์ดที่จับขึ้นมาได้คือ อสูร ตัวเด็ดของสำรับ

{ การ์เดี้ยนไนท์ เหรอ….แต่ถ้าจะใช้มันก็ ต้องมี Mp มากกว่านี้บนมือของเราตอนนี้มี Lilith อยู่ถ้าใช้มันก็จะเพิ่ม Mp ขึ้นมาได้ แต่ก็ต้องวัดดวงกับการจั่วมิสติกการ์ดอีกใบ}
คิระ คิดพร้อมกับ จับเอามิสติกการ์ดขึ้นมาจากสำรับอีกใบ

[Pan Status; Hand: Seal 1 , Mystic 3 Mp:8/8 Shrine 5/8 ]
[Kira Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 2/8 ]

{ ได้แล้ว…แต่ว่าจะบุกเข้าไปดีรึเปล่า ฝ่ายโน้นมี Seal อยู่ที่ Df Line ถึงจะสู้ด้วยแพ้ก็ไม่เสีย Shrine หรือจะ
รอไปจนกว่าถึงรอบหน้าเพื่อให้ ไซเบอร์ติก้า วิงค์ หายจากสภาวะ Freeze Curse แล้วใช้ Ability
รักษา Poison Curse เอาเองดีไหมนะ แต่ว่าจากรอบที่ผ่านมา คอมโบหลักของสำรับ
น่าจะยังเป็นการใช้พิษแล้วปล่อยให้ค่อยๆตายไปเอง หรือ ไม่ก็ทำลายทิ้งด้วยเงื่อนไข ถ้าอย่างนั้น ถึงจะปล่อยช้า
ไว้คงไม่ได้การ}

คิระ วิเคราะห์ จากสถานการณ์ที่ผ่านมา และการสังเกตุการเล่นของอีกฝ่าย ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจแล้ว

“ Cost Mp 1 ให้ Lilith ทำงาน ทิ้ง Poor Out ทำให้ Mp ฟื้นขึ้นมา 5 จุด ”
คิระ ร่ายมิสติก การ์ดออกไป ก่อนจะส่งมิสติกการ์ดอีกใบบนมือไปที่ Shrine เพื่อฟื้นฟูค่า Mp สำหรับปิดฉากในครั้งนี้

รูปภาพรูปภาพ

[Pan Status; Hand: Seal 1 , Mystic 3 Mp:8/8 Shrine 5/8 ]
[Kira Status; Hand: Seal 4 , Mystic 0 Mp:9/8 Shrine 2/8 ]

{เพิ่ม Mp งั้นรึ…แสดงว่า องค์ประกอบแห่งชัยชนะพร้อมหมดแล้วงั้นสินะ}
แพน คิดในใจ

“ ฉันจะให้เธอได้เห็นสุดยอดของพลัง Cost Mp 5 ออกมาได้เลย ดิ การ์เดี้ยนไนท์ ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล
(The Guardian Knight of Lexdetheo Seal) ”
สิ้นคำ ลำแห่งแสงสว่าง ขนาดใหญ่ก็พุ่งแหวกลงมาจากท้องฟ้าสู่พื้นเวที ร่างของ อสูรจักรกลสวรรค์ขนาดใหญ่
ปรากฏขึ้นมันควงหอกในมืออย่างทะมัดทะแมงเพื่ออวดความน่าเกรงขามข่มขู่ศัตรู

รูปภาพ
[Pan Status; Hand: Seal 1 , Mystic 3 Mp:8/8 Shrine 5/8 ]
[Kira Status; Hand: Seal 3 , Mystic 0 Mp:4/8 Shrine 2/8 ]

“ ตอนนี้ผลของ วิหารแห่ง ฟรานเซสก้า ก็หมดลงไปแล้วดั้งนั้น Ability เมื่อเข้ามาในสนามจึงกลับมาทำงานได้ตามปกติ
ให้ Ability ของ การ์เดี้ยนไนท์ ทำงาน ทิ้งการ์ด เผ่าเครื่องจักร(Machine)บนมือไปใบนึงจากนั้น ก็จะได้เรียก
การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล ออกมาได้และ มี At เพิ่มขึ้น 1 Mp Cost - 1
ฉันส่ง มอเตอร์ พัพเพ็ต(Puppet)ไปที่ Shrine แล้วเรียก การเดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล ใบใหม่ออกมาจากสำรับ ”

คิระ ทิ้งการ์ดบนมือไปอีกใบ ก่อนจะอัญเชิญ อสูรจักรกลสวรรค์ ตัวใหม่ออกมา

รูปภาพ

“ จากนั้นด้วย Ability ของ ดิ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอซีล ต้องแสดงการ 4 ใบบนสุดของสำรับออกมา
หากมี Mystic Card สวมใส่ก็ให้นำมันมาติดได้ 1 ใบจากทั้ง 4 ใบ ”
คิระ จับมิสติกการ์ดขึ้นมาจากสำรับ 4 ใบและแสดงให้อีกฝ่ายดู

รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ

“ ฉันเลือก Polemos Pike ติดให้กับ การ์เดี้ยนออฟ เลกซ์เดทีโอซีล แล้วส่งที่เหลือไปยัง Shrine ”
คิระ ประกาศพร้อมกับ หยิบเอาการ์ดที่เลือก โยนออกไป มิสติกการ์ดแปรเปลี่ยนเป็น หอกยาวซึ่งมีปลายแยกออกเป็นแฉก
ให้ การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล ใช้เป็นอาวุธ

“ Cost Mp 1 การ์เดี้ยน ออฟ เลกซ์เดทีโอ ซีล โจมตี!! การกระทำของดาบศักดิ์สิทธิ์ Sacred Sword Bounding ”
อสูรจักรกลสวรรค์ ควงหอก โพเลมอส พุ่งเข้าสู่ความมืดที่ กาล์กอย ปล่อยออกมา
พริบตานั้นเอง เปลวไฟสีเขียวก็พัดวนออกมาจาก ความมืดมิดนั้น และกลืนร่างของ อสูรจักรกลสวรรค์จนสูญสลาย

“ อะไรกัน? ”
คิระ ออกปากขึ้นเองโดยอัตโนมัต เสียก่อนที่ใครจะรู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้น ความมืดมิดที่ กาล์กอย ปลดปล่อยออกมานั้น
ทำให้ มองไม่เห็นว่า แพน ใช้การ์ดอะไร แต่เธอ เดินออกมาจาก ความมืดมิดนั้นและ แสดงการ์ดที่ใช้ดู

[Pan Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:6/8 Shrine 5/8 ]
[Kira Status; Hand: Seal 2 , Mystic 0 Mp:3/8 Shrine 5/8 ]

“ เทล ออฟ อบิส(Tales of the Abyss) ทำงาน มันจะส่ง Seal ที่เรียกออกมาในรอบ(Sub-Turn)นี้
โดยไม่ได้มาจากการร่าย ไปที่ Shrine หึๆ เสียรู้จนได้น้า~~ ดาบแห่งพระเจ้า ”

แพน อธิบายขณะเดียวกัน จอมขมังเวทย์ผู้ใช้เพลิงเวทย์ เผาอสูรของ เขานั้นก็ตามออกมาจากความมืดมิดด้วย
และสลายหายไป

รูปภาพ

“ เป็นเพราะ อันโฮลี่ กาล์กอย ปล่อยคลื่นความมืดออกมาดูดเอาแสงเข้าไปหมดเลยทำให้ไม่รู้ว่าเธอใช้การ์ดอะไรบ้างแท้ๆ ”
มิส พูด

“ กลยุทธเดียวกับของ ภูเขาเลยนะ การเล่นผสานกับ Effect Cartridge(ระบบแสดงแสงผลประกอบของการอัญเชิญ)
เพื่อบดบังทัศนะของอีกฝ่ายทำให้การตัดสินใจสับสน ผนวกกับ Surprize Technic เมื่อกี้ด้วยแล้ว นักดวลที่ชำนาญการเล่นแบบกดดันผู้เล่นนี่นับว่ามีน้อยมาก ชักอยากจะรู้แล้วสิว่าเธอเป็นใครกัน ”
มาริน่า เปรยอย่างทึ่งๆ และเริ่มสนใจในตัวของ แพน ขึ้นมา

“ ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะ ถึงกับสามารถกดดัน คิระ แล้วต้อนให้จนมุมได้แบบนี้ คำว่ามือโปร ยังเทียบไม่ติดเลยด้วยซ้ำ ”
ศรี กล่าว

“ ถ้างั้นเจอนี่หน่อยเป็นไง Cost Mp 3 โจมตีได้ การ์เดี้ยนไนท์ และ Ability ทำงาน แสดงการ์ดเผ่าเครื่องจักร
บนมือและทำให้ค่า AT ของ การ์เดี้ยนไนท์ เพิ่มขึ้นเท่ากับจำนวนวใบที่แสดงคูณด้วย 2 บนมือของฉันมี มอเตอร์พัพเพ็ต
2 ใบดังนั้น ค่า At จึงเพิ่มเป็น 14 รับไปซะ การกระทำของหอกศักดิ์สิทธิ์ Sacred Spear Bounding!! ”

คิระ ประกาศพร้อมกับ แสดงการ์ดบนมือ อสูร ของเขาได้รับพลังเพิ่มขึ้นและบุกทะลวงอย่างดุดัน หอกศักดิ์สิทธิ์
เสียบลึกลงไปในความมืดมิดนั้น และกระชากร่างของ กาล์กอย ที่กำลังชักดิ้นชักงอ เพราะถูกแทงทะลุอก ผลึกแสงที่มัน
กอดเอาไว้ ถูกปล่อยตกและแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ พลัยความมืดมิดที่แผ่ออกจากตัวของมันก็ หายไปในทันที

[Pan Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:6/8 Shrine 5/8 ]
[Kira Status; Hand: Seal 2 , Mystic 0 Mp:0/8 Shrine 5/8 ]

“ จากนั้น Ability ทำงานทิ้งมอเตอร์พัพเพ็ต ไปแล้วให้ การ์เดี้ยนไนท์ โจมตีอีกครั้ง!!! ”
คิระ สั่งโจมตีอย่างต่อเนื่อง หมายจะปิดฉากทันที จักรกลสวรรค์ของเขา ไม่รอช้ายกหอกขึ้นเตรียมฟาดใส่ แพน ทั้งที่ยังมีร่างของ กาล์กอย เสียบติดอยู่

[Pan Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp: 6/8 Shrine 6/8 ]
[Kira Status; Hand: Seal 1 , Mystic 0 Mp:0/8 Shrine 6/8 ]

“ ฝ่ายโน้น ไม่มี Seal ในสนามแล้ว ถ้าโจมตีขึ้นมือ สำเร็จล่ะก็ ”
ชุติการ พูด

“ รุ่นพี่คิระ ชนะแล้ว ”
ธนัท ฟันธง

“ น่าเสียดายจัง นึกว่านายจะมีฝีมือมากกว่านี้ซะอีก เห็นว่าเอาชนะ ทานาทอส ของฉันได้ หึๆ ”
แพน เอ่ย ก่อนที่ หอกจะฟาดลงมา ความมืดมิดแผ่พุ่งออกมา รับหอกไว้
ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ สถิตย์อยู่ในหอก ความมืดจึงแตกสลายและกลายเป็นควันหมอกสีดำ พุ่งเข้าไปเล่นงาน
ไซเบอร์ติก้า วิงค์ ที่ถูกแช่แข็งอยู่แนวหลังของ คิระ จนแหลกเป็นชิ้นเศษโลหะในพริบตา

[Pan Status; Hand: Seal 1 , Mystic 0 Mp:0/8 Shrine 6/8 ]Win
[Kira Status; Hand: Seal 1 , Mystic 0 Mp:0/8 Shrine 9/8 ]Lose

“ นี่มัน…เรื่องอะไรกัน ”
คิระ พึมพำ แม้จะประจักษ์ด้วยสายตาของตนเอง แต่หัวใจก็ยังไม่อาจยอมรับผลที่เกิดขึ้นมานี้ได้

“ สุดท้ายดาบของพระเจ้าก็เอาชนะ ผู้ที่อยู่เหนือกว่าพระเจ้าไม่ได้จริงๆนั่นล่ะ หึๆ ”
แพน เปรย เธอยิ้มเรียบๆให้กับชัยชนะที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตานี้ ต่อหน้าสายตาของทุกคนที่จับตาดูอยู่ซึ่งทั้ง คิระ
และพวกเขา ต่างก็ยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น จึงทำให้ผลการดวลออกมาเป็นเช่นนี้ มีเพียงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ที่ตัดพ้องไปกับ เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งของ ราชินีแห่งขุมนรกซึ่งผุดออกมาจากความมืด ที่เล่นงาน คิระ

รูปภาพ

To be Continue
…………………………………………………………………….

………………………………………………………………………..

Next Sub-Turn
ธนัท: หวา รุ่นพี่ คิระแพ้ซะแล้ว นักเรียนแลกเปลี่ยนคนนั้นเก่งสุดๆไปเลย กอยากจะดวลด้วยแล้วสิ
ชุติการ:หึ (งอน)
แอน:ธนัท บร้า~~ คนหลายจาย~~
ธนัท: เอ๋? เอ๋? เรื่องอะไรล่ะเนี่ย
ลูเซีย: แย่แล้ว มีพวกคนแปลกๆมาบุกโรงเรียนล่ะ
ฟ้า: สวัสดีเหล่า Master Ceremony ทั้งหลาย พวกเรา Dark Dava มาเพื่อที่จะทักทาย
ศรี:นี่มันเรื่องอะไรกัน?
เกร:มากันพร้อมหน้าเลยนะ ให้มันเริ่มขึ้นที่นี่เลยไหม การตัดสินของ เหล่าผู้อยู่เหนือพระเจ้า
ธนัท:อ๊ะอย่าตีกันใน โรงเรียนนะเดี๋ยวมันจะ…
อาจารย์บุษบา:ถ้าทำ โรงเรียนพังล่ะก็จะให้คัดการบ้าน 100 จบ
ทุกคน:หวาน่ากลัวชะมัด~~~
จูได: ตอนต่อไป รวมพล พร้อมหน้า สารท้าจากพระเจ้า Sub-Turn ที่ 32 Dark Deva !! ม่ายแห่งการต่อสู้บทใหม่เริ่มขึ้นแล้ว
โช:ลูกพี่ก็พูดเป็นการเป็นงานกะเค้าเป็นด้วยเหรอเนี่ย?

Card Pop!

รูปภาพ

Type: monster Mp: 4 / 2 Lv: 3 Rarity: rare
At: 8 Df: 9 Sp: 4 Element: dark
+[Dark] Furious Claw At 10 Mp 3
+[Dark][Dark] Furious Scratch At 11 Mp 3
Ability:
เมื่อ Curse Therion ตก Shrine จากสนาม ทำลาย Seal ที่ติด Curse 1 ใบ

อาทิตย์นี้ไม่รู้จะพูดอะไรดี งืมๆไม่มีเรื่องให้ระบายอ่า ~~~ ช่วงนี้อืดๆเฉื่อยๆชาๆ (คาดว่าหมดพลังไปเพราะโดน ดิจิเมนทัล ของเจ้า การุรุ) จะว่าไป ตอนหน้า งานอภิมหาช้าง เพราะจะโผล่หน้ามากันครบเลย T_T งืมๆ
ส่วน คิระ แพ้ยังไง เฉลยตอนหน้า เน้อ~~ ในตอนนี้ ถ้าใครอ่าน นิยายเจ๊จิง จะรู้ว่า โคทาโร่ แอบบเนียนไปอยู่บทไหน
ของเจ๊ เค้า เหอๆ(แถมเราแอบไปแจม เปลี่ยนเรื่องเขาอีก - -#) งวดเข้ามาเรื่อยๆ กับตอนยาวอีกครั้งของ Vr แล้วไหนยัง CVSE อีก โอ้ว ไม่อยากจะนึกถึงวันนั้น (Op ยังไม่ขยับเลย T_T)
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ เม.ย. 11, 2011 8:03 pm, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 31 Nightmare of Pandora

โพสต์โดย Konflyctus MX เมื่อ ศุกร์ ต.ค. 29, 2010 5:13 pm

สเต็ป Queen of the Hell ขุด Curse Therion สินะครับท่านพี่ ^^

กลับมาแล้วครับเน้อ~
Konflyctus MX
0
 
โพสต์: 201
Cash on hand: 250.00
ที่อยู่: ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 31 Nightmare of Pandora

โพสต์โดย boy เมื่อ ศุกร์ ต.ค. 29, 2010 6:18 pm

แพน เธอเรียกการ์ดอะไรออกมาเนี่ย =[]=!
ไม่คิดว่าเกรจะเป็นคนดาร์ค งึมงำๆ

“ เป็นตัวหมากที่สำคัญหน้าดู….

'น่า'นะฮะ ไม่ใช่'หน้า'
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 31 Nightmare of Pandora

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ ศุกร์ ต.ค. 29, 2010 6:30 pm

boy เขียน:แพน เธอเรียกการ์ดอะไรออกมาเนี่ย =[]=!
ไม่คิดว่าเกรจะเป็นคนดาร์ค งึมงำๆ

“ เป็นตัวหมากที่สำคัญหน้าดู….

'น่า'นะฮะ ไม่ใช่'หน้า'


พิมพ์ผิดอย่างไม่น่าให้อภัย เหอๆสงสัยจะติดเจ้าการุรุ มาซะแล้วละมั้งเนี่ย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง SMN FanCard FanArt & FanFic

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 30 ท่าน