Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. มี.ค. 28, 2024 10:28 pm

หน้าเว็บบอร์ด ส่วนของผู้เล่น SMN FanCard FanArt & FanFic SMN VR TAG TURN (THE FINAL ACT):Sub-Turn 96.5 Final Act Tile

สำหรับลงรูปแฟนอาร์ตและนิยายแต่งเองของชาวSMNครับ

SMN VR TAG TURN (THE FINAL ACT):Sub-Turn 96.5 Final Act Tile

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 27, 2009 7:05 pm

SMN VR TAG TURN !!
(Summoner Master Visual Reality
Tele Ability Generation)


*เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมิได้เกี่ยวข้องกับความเป็นจริง แต่อย่างใดผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ป.ล.หากสร้างความเสียหายให้แก่ผู้อื่นกระผมต้องขอ อภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ *

**อนึ่ง เรื่องนี้เป็นภาคต่อของ SMN VR!! ดังนั้น ผู้ที่พึ่งเริ่มอ่านเรื่องนี้เป็นครั้งแรก สามารถย้อนกลับไปอ่านภาคแรกได้ที่ลิงค์นี้ http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?topic=45657.0 **

***การอ่าน Fiction เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรู้ที่มาของ ภาคแรกก็สามารถทราบถึงเนื้อหาได้เพราะในภาคนี้เป็น
การเริ่มเดินเนื้อหาใหม่ทั้งหมด และมีส่วนเกี่ยวข้องกับภาคก่อนเพียงเล็กน้อย ดังนั้นผู้อ่านทุกท่านสามารถ อ่านได้โดยไม่สับสนกับเนื้อหาแน่นอนครับ***

****ภาพการ์ดที่ปรากฏ ในเนื้อเรื่องนำมาจาก Summoner Database นะครับ****

Title Music

เพลงเปิดเรื่อง (op)





เพลงปิด (ED)






สารบัญ

Profile Data Fic (หน้าแนะนำประวัติโดยคร่าวของตัวละคร)
ข้อมูลของ Grea Team

Sub-Turn 01 Duel Class Late (การดวลในวันที่มาสาย)
Sub-Turn 02 Obsidian Attack(การบุกของ ออบซิเดียน)
Sub-Turn 03 Foresight Disaster(ลางแห่งหายนะ)
Sub-Turn 04 Vs. Marvin (การปะทะกับชายผู้มากบุคลิค)
Sub-turn 05 Tag Team Duel!! ศึกเดือดเกินพิกัด
Sub-Turn 06 Silent Chorus (วงประสานที่เงียบงัน)
Sub-Turn 07 Celetia Millitary
Sub-Turn 08 Common & Ideology (ความสามัญ และ อุดมการณ์)
Sub-Turn 09 Memory
Sub-Turn 10Mind(จิตใจ?)

Sub-Turn 11 Last Duel I
Sub-Turn 12 Last Duel II
Sub-Turn 13 Last Duel III
Sub-Turn 14 Last Duel IV: God Justice (การพิพากษาของพระเจ้า)
Sub-Turn 15 Last Duel V :The Revelation (บทวิวรณ์)
Sub-Turn 16 Last Duel VI: Amankris
Sub-Turn 17 Last Duel VII: Archangel
Sub-Turn 18 Last Duel VIII:Michael
Sub-Turn 19 Decisive Battle (ศึกตัดสิน)
Sub-Turn 20 Contact Growth(สายสัมพันธ์แห่งการเติบโต)

Sub-Turn 21 Fang of King (เขี้ยวของราชันย์)
Sub-Turn 22 Vs. Jaden the User of Hero Deck(ดวลกับจูได ผู้ใช้สำรับฮีโร่)
Sub-Turn 23 New Student Little Dragoon (นักเรียนใหม่ มิสตาลจิกัส กับสำรับอสูรอัญมณี เอ้ย!! อัศวินมังกรจิ๋ว)
Sub-Turn 24 Cyber Guardian Vs. Culture Barn
Sub-Turn 25 Cooking Duel
Sub-Turn 26 Final Cooking
Sub-Turn 27 Chess Tactic กลยุทธหมากรุกของชายผู้เกลียดชัง DNA-Changer
Sub-Turn 28 ThaliwilyaVs.Valkyrie
Sub-Turn 29 Eternal Immortal
Sub-Turn 30 Na Na Jit Tung S.O.W.(Sword of Wisdom) นานจิตตัง ดาบเจ้าปัญหากำหนดฟ้าชะตา


Sub-Turn 31 Nightmare of Pandora เจ้าสาวแห่งฝันร้ายปรากฏกาย
Sub-Turn 32 Dark Deva
Sub-turn 33 Clue (ร่องรอย) การดวลแบบ 10 ต่อ 1 กับ เคลเบรอส
Sub-Turn 34 D-Mental Up!! การเปลี่ยนร่างของสุดยอดอสูร
Sub-Turn 35 The Clonning
Sub-Turn 36 Iris Evolution
Sub-Turn 37 Thanat X Grea
Sub-turn 38 The Crusade War 1st
Sub-turn 39 The Crusade War 2nd
Sub-Turn 40 The Crusade War 3th

Sub-Turn 41 The Crusade War Final
Sub-Turn 42 VR!!
Sub-Turn 43 THE DAY BEFORE TRAVEL DAY
Sub-Turn 44 To Alvis
Sub-Turn 45 Game Starts

----THE FINAL ACT-----
Sub-Turn 96.5 Final Act Tile


Tip For SMN VR(อธิบายรายละเอียดของเรื่องเพิ่มเติม)

ครั้งที่ 1



(Click For Full Picture)
รูปภาพ

บทนำ ซัมมอนเนอร์มาสเตอร์ เวอร์ชวลเรียลลิตี้ ภาคสามเทพอสูรดึกดำบรรพ์ SMN VR TAG!!



“ Cost Mp 1 ออบซิเดียน บีทเทิล โจมตี++ ”
สิ้นเสียงประกาศขึ้น มนุษย์ตัวด้วง กายสีดนิลของมันนั้นสะท้อนแสงเป็นมันวาว
และมีความแข็งแกร่งสูง ขนาดที่ คมดาบถึงสองเล่มในมือของ อัศวินพาลาดิน สาวบนหลังม้านางหนึ่งหัก
ได้เมื่อฟาดลงไปบน ร่างของมัน โดยที่ไม่ทันควบม้ากลับ นางก็ถูก เดือยกรงเล็บแหลมของ
มันที่แขนทั้งสองข้าง แทงทะลุร่าง ไปพร้อมกับ ม้าของนาง ทว่า ร่างของ นางนั้นกลับหาได้มีโลหิตไหลออก

จากบาดแผลไม่หากร่างของนางกลับสลายกลายเป็นละอองแสงสีเขียวสดลอยหายไปในอากาศธาตุ
โดยเหลือทิ้งไว้เพียง การ์ดสี่เหลี่ยม 1 ใบการ์ดใบนั้น ร่อนกลับไปสู่มือของผู้เป็นายของมัน

หญิงสาวในชุดเครื่องแบบนักเรียน เสื้อเชิ้ต กระโปงสั้น นางรับเอาการ์ดที่ร่อนกลับมา หย่อนเก็บลงไปที่ช่อง
สอด บนปลอกแขนจักรกลที่แขนซ้ายของนาง นอกจากช่องที่นางหย่อนการ์ดนั้นลงไปแล้ว

ยังมีช่องใหญอีกสองช่อง ที่ปลายข้อมือ กับหัวข้อศอก ของเธอ ยังมีการ์ดเหน็บเสียบเอาไว้ในช่องอีกเป็นสำรับ
แต่ละสำรับจะมีหลังการ์ดสีต่างกันแยกเป็นแดง 1 สำรับ น้ำเงิน 1 สำรับ โดยสีน้ำเงินเสียบที่ชองหัวข้อศอก
ส่วนสีแดงเสียบที่ช่องปลายข้อมือ

ฉันชื่อ ลูเซีย ค่ะถ้าถามว่าตอนนี้มันกำลังเกิดอะไรขึ้นล่ะก็คงจะอธิบายได้ยากหน่อย ทั้งเรื่องสัตว์ประหลาดตัวด้วง
ที่อยู่ตรงหน้าฉัน แล้วก็ อัศวินสาวที่กลายเป็นการ์ดตะกี้ด้วย แต่ถ้าจะให้สรุปแล้วเรื่องทั้งหมดมันเริ่มจากที่ฉันมา
สายในวันเปิดเทอมวันแรกของ โรงเรียนน่ะค่ะ คงจะเชื่อยากสินะคะ งั้นเดี๋ยวฉันจะย้อนกลับไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้เองค่ะ
[Data:ลูเซีย อาคแอง(Lucia Arcange) Nick Name:ลูว(Lua) Age:16 year Cost LV:Caller Deck: Deliver Band]
รูปภาพ

Sub-Turn 01 Duel Class Late (การดวลในวันที่มาสาย)

พ.ศ.2702 โลกในยุคนี้ได้ก้าวหน้าขึ้นมาพร้อมกับพลังงานมหัศจรรย์ที่มีชื่ว่า เวทมนต์(Magic)
หลังปัญหาแหล่งพลังงานหมดไปจากโลกทั้ง พลังงานน้ำมัน ไฟฟ้า และ แก๊ส การค้นพบพลังงานเวทมนต์ พลังงานที่ไร้ซึ่ง
ขีดจำกัดและมีความบริสุทธิ์สูง มันเป็นพลังงานวิเศษที่ ทำให้ประวัติศาสตรฺโลกถึงกับพลิกโฉมหน้าใหม่ไปในทันที
ทั้งการสื่อสาร การคมนาคม การดำรงชีพ ทุกสิ่งล้วนเกี่ยวข้องกับพลัง เวทมนต์ และในขณะนี้ โลก

ของเราได้พัฒนาการมายังยุคที่เรียกได้ว่า วิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์นั้น รวมตัวเข้าด้วยกันอย่างลึกซึ้ง
จนกลายเป็น เวทยาการ และ ก่อกำเนิดเกมส์กีฬาที่ชื่อว่า Summoner Master ……

…………………………
…………………………………..

กรุงเทพมหานคร ปี พ.ศ.2702 (ค.ศ.2159) วันที่ จันทร์ ที่ 16 พฤษภาคม เวลา 6.00 น.

แสงแดดอ่อนๆยามเช้า ของดวงตะวันที่ค่อยๆลอยขึ้นประทับเหนือรุ่งฟ้าสาง โดย เสียงร้องของนก
ที่เริ่มออกหากิน ดังแว่วไปกับสายลมหนาวแห่งฤดูใบไม้ผลิ ที่พัดเอื่อย แม้นี่จะเข้าสู่ต้นฤดูใบไม้ร่วงแล้วก็ตาม

บรืนนนนน!!

เสียงเครื่องรถแท๊กซี่ ดังครืนอยู่ตลอดทางที่วิ่งตามถนนเส้นตัดเข้าไปในเขตซอย ของหมู่บ้านซึ่งเรียงรายล้อมไปด้วยบ้าน
ทาว์นเฮาส์ เรียงไปเป็นบล็อคๆ ระหว่างที่วิ่งมานี้ รถแท๊กซี่ต้องขับหักเลี้ยวอยู่หลายหัวมุม
จนดูเหมือนกับมันไม่สามารถกำหนดที่หมายปลายทางได้ และยังวิ่งวนจนครบรอบบล็อค หนึ่งเลยเสียด้วยซ้ำ

“ อ…เอ่อ เลี้ยวซ้ายตรงหัวมุมโน้น…มั้งคะ ”
“ ซ้ายแน่นะหนู ตรงนี้ลูงว่าเราพึ่งวนผ่านไปเองนะ ”
“ อ…เอหรือว่าต้องลี้ยวที่หัวมุมตะกี้หว่า… ”
“ เอ้า ตรงไหนกันแน่เนี่ยหนูจำทางไม่ได้เหรอ ”

บทสนทนา ที่ได้ยินนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เราเข้าใจได้แล้วว่า ผู้โดยสารกำลังสับสนหนทางอยู่
และดูเหมือนว่าพวกเค้าจะขับวนอยู่ในหมู่บ้านมาหลายรอบเสียแล้วด้วย
ขณะที่ ขับวนไปวนมาอยู่นั้นเอง ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ได้มีนักเรียนหญิงสาวนางหนึ่ง ยืนรอ อะไรบางอย่างอยู่
ก่อนที่รถ จะทันขับเลยผ่านหน้าหล่อนไป นั้น

“ ด…เดี๋ยวค่ะ คุณอาคะ จอดตรงนี้เลยค่ะ!! ตรงนี้เลย!! ”
“ หา ตรงนี้แน่นะหนู ”
“ ค่ะ ตรงนี้เลยค่ะ หน้าบ้านหลังนี้เลย ”

เอี้ยดดดด

รถจอดลงที่ตรงหน้า หล่อนพอดี พร้อมกับรอยยิ้มที่ ปรากฏชัดบนใบหน้าของเธอ ดูเหมือน สิ่งที่เธอรอ จะพบก็คือ
ผู้ที่โดยสารมากับ แท๊กซี่คันนี้ เสียงสนทนา ดังลอดผ่านประตูรถ ออกมานิดหน่อยแต่เธอก็พอจะเดาได้ว่า
ผู้มาเยือนในเช้านี้กำลังตกลงราคา ค่าดดยสารกันอยู่กับ คนขับไม่นานนัก ประตูรถก็เปิดออก พร้อมกับ
กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบ จะถูกขนลงมาจาก รถและเมื่อประตูปิดลง รถทีกซี่คันนั้น จึงขับจากออกไป

ทิ้งไว้เพียง สาวน้อยผมสองแกละห้อยปลายยาวสลวยในชุดเครื่องแบบนักเรียน
เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวกระโปรงสีอัญชัญ แบบเดียวกับ นักเรียนหญิง ที่มารอรับเธออยู่ หน้าบ้านหลังนี้
เพียงแต่ ตัวเธอผู้มาใหม่นั้นมีวัยที่ด้อยกว่าอีกฝ่ายอยู่ 2 ปี

“ แหมไม่เจอกันตั้ง 4 ปีแล้วนะเนี่ยน่ารักขึ้นจมเลยนะ ลูเซีย(Lucia) ”
รุ่นพี่นักเรียนหญิง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทึ่ง ก่อนจะเข้ามากอดเธอเสียแนบแน่นเพื่อให้หายคิดถึง
ซึ่งก็ทำเอาเธอ รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย

“ พี่ ริน(Lin)เองพอไม่ได้ใส่แว่นแล้วหนูเองยังเกือบจำพี่ไม่ได้แหน่ะ ค่ะ ”
“ เหรอ พี่เองก็ลืมติดต่อไปให้เห็นหน้า ซะด้วยสิว่าแต่ พี่ตกใจมากเลยนะ ที่ลูเซีย จะมาเรียนที่นี่น่ะ ”

“ ก็แหมที่อเมริกา หนูเรียนอยู่นั่นมาตั้งแต่ ประถมยันจบ ม.ต้นแล้วนี่ อยู่ที่นั่นภาษาไทยก็ใช้
พูดได้กับ พ่อกะแม่เท่านั้นเอง นานๆทีก็เลยอยากจะลองกลับมาเรียนที่ ไทยดูบ้างน่ะค่ะ นี่ก็กว่าจะปรับสำเนียงได้ ”
“ เหรอจ้ะ…อืมมม~ งั้นรอพี่ไปตาม พี่ศรี(Sri)มาช่วยขนกระเป๋าก่อนนะ แล้วเดี๋ยวค่อยไปเรียนพร้อมพวกพี่ก็ได้ ”

“ อ๋อ คือว่า หนูอยากจะลองไปเส้นทางเองก่อนน่ะค่ะ ถ้ายังไง หนูขอตัวก่อน นะคะ ”
“ อ้าวเดี๋ยวสิแล้วจำทางได้แน่เหรอ ”
“ แน่นอนค่า เมื่อวานก่อนลงจากเครื่องหนู นั่งอ่านแผนที่มาตลอดทางเลยค่า แล้วแผนที่ก็อยู่กับตัวด้วยรับรองไม่หลงแน่ ”

เธอ กล่าวเสียงใส ก่อนจะวิ่งออกไป โดยมีสายตาห่วงใยของ รุ่นพี่ ที่มองลับหลังเธอไป

{จะไม่เป็นไรแน่เร้อ~~ ลูเซีย เธอน่ะชอบหลงทางเป็นประจำเลยนะ }
หล่อนคิดในใจ ก่อนจะหันกลับเข้าบ้านไป เพื่อไปตามคนมาช่วยขนกระเป๋าของ ลูเซีย

……………………

6.30 น.

“ แง~ หลงทางซะแล้วสิ ดันลืมแผนที่เอาไว้ในกระเป๋าเดินทางซะได้ ทั้งที่นึกว่าเก็บใส่เป้เอาไว้แล้วซะอีก ”
เสียงบ่นของ ลูเซีย ดังระงม ขณะที่เดินสะเปะสะปะ ไปทั่วซอย ตลอดเส้นทางก็ ไม่ค่อยมีผู้คนเดินทางสันจร
ไปมามากมายนัก และเธอเองก็ไม่คุ้นกับคนแถวนี้เสียด้วย ตอนนี้เธอรู้สึกเกร็งไปหมด
ขณะที่ หันมองซ้ายมองขวา อยู่ตลอดที่เดินบนทางเท้า ทำให้เธอไม่ทันสังเกตุ เด็กหนุ่มที่วิ่งสวนมา

โครม!!!

ทั้งสองชนเข้ากันจังเบ้อเร่อ จนล้มกลิ้งไปทั้งคู่

“ อูย~~~ ขอโทษค่า ฉันไม่ดูทางเอง ”
“ โอย~~ มัวเหม่ออะไรของเธอ อยู่น่ะฉันยิ่งรีบอยู่ด้วย ”
/Master hurry over/(เจ้านายรีบเกินไปเองนี่)

ขณะที่ทั้งสอง กำลังโอดครวญใส่กัน ก็มีเสียงทุ้มแหลมแบบเสียงเครื่องคอมพิวเตอร์
ดังขึ้นมา จากจี้ห้อยคอรูปทรงเรียวแหลม อันเล็กที่ห้อยคอของเด็กหนุ่มอยู่

“ มาราคัส(Maracus) นายเนี่ยถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง ก็เข้าข้างเค้าหมดใช่ไหมเนี่ย ”
/not really/(ไม่จริงซักหน่อย)

เด็กหนุ่ม เริ่มโต้เถียงกับ จี้ห้อยคอของเค้า ขณะที่มันก็โต้ตอบกลับมาราวกับมีความนึกคิดเป็นของตัวเอง

“ อ๊ะ เครื่องแบบนี่…นี่ นาย เป็นนักเรียนของ มนต์วิทยา ด้วยเหรอ!! ”
ลูเซีย อุทานหลังจากที่พึ่งสังเกตุ เห็นชุดของ เด็กหนุ่มมันเป็นเครื่องแบบนักเรียนชายของ
โรงเรียนี่เธอกำลังจะไปเรียนเป็นวันแรกนี้ เค้าจ้องหน้าเธอตอบอยู่ซักพักอย่าง งงๆ

เธอเองก็จ้องหน้าเค้าอยู่นานเพื่อจะรอคำตอบ ทว่าขณะที่จ้องอยู่นั้น ตาเธอก็ไปสะดุด เข้ากับ
หูของเด็กหนุ่มที่มิได้เหมือนหูคนทั่วไป มันเป็นหูของ สุนัขป่าและยังกระดิกได้เหมือนของจริง

เธอหรี่ตาลงด้วยความสงสัย ก่อนจะยื่นมือเข้าไปจับหูทั้งสองข้างของ เค้าและออกแรงดึง
เพื่อจะทดสอบว่าเป็นของจริงหรือไม่

“ โอย!! เจ็บๆ ทำอะไรของเธอน่ะ ”
เด็กหนุ่ม ร้องลั่นก่อนจะผละตัวออกห่างจากเธอ พร้อมกับมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ

“ ข..ของจริงเหรอ…เธอเป็นตัวอะไรกันแน่เนี่ย ”
ลูเซีย ถามด้วยสีหน้าทึ่งตึง กับลักษณะของเด็กหนุ่มตรงหน้าเธอ นกจากใบหูที่ไม่ธรรมดาแล้ว
ผมทรงสีดำชี้ปลาย และใบหน้าแบบคน เอเชียกับสำเนียงที่ฟังดูจะสะดุดทุกท้ายเสียง

ซึ่งนับเป็นเอกลักษณของ ชาวแดนปลาดิบอาทิตย์อุทัย หรือพูดให้เข้าใจง่ายกว่านั้น
ตรงหน้าเธอเป็นเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่น ที่มีหูประหลาดไม่เหมือนใคร

/DNA-Changer(ดีเอ็นเอเชนเจอร์)/
เสียงทุ้มแหลมกังวานขึ้นจาก จี้ห้อยคอรูปหัวใจของเธอบ้าง

“ เอ๋!! จริงเหรอ ไมค์(Microphone) นี่น่ะเหรอพวกมนุษย์แปลงพันธุกรรม Coordinator ”
“ เฮ้ย ยัยบ๊องส์ DNA-Changer ตะหากเล่า ไม่ใช่ Gunปิ๊บ(เซ็นเซอร์) Seed นะ ”
“ อ้าว…เหรอ เค้าเรียกยังงั้นเหรอ ”

“ ก็เออสิ…แล้วก็เมื่อกี้ที่ถามว่า ฉันเป็นนักเรียนของ มนต์วิทยาน่ะ ถ้าใช่แล้วจะทำไม ”
“ เธอเรียนอยู่ มนต์วิทยา จริงๆด้วยสินะ ”

“ เออสิ ฉันชื่อ โคทาโร่ เซนาคาว่า(Kotaro Zenakawai) อยู่ม.ปลายปี 1 แล้วก็เจ้านี่
Note ของฉัน มาราคัส(Maracus) ”
/My name Maracus nice too meet you/(กระผม มาราคัส ยินดีที่ได้รู้จัก)
เด็กหนุ่ม กับ จี้ห้อยคอของเค้าซึ่งเรียกว่า Note แนะนำตัวขึ้นกันอย่างพร้อมเพรียง

แต่ เธอ ก็ไม่เข้าใจว่าเค้าจะแนะนำตัวทำไม ทั้งที่เธอไม่ได้ถามชื่อเค้าซักหน่อย
เมื่อยังเห็นเธอจ้องด้วยสายตางงๆ เด็กหนุ่มจึงรู้สึกว่าเธอทำกับเค้าราวกับเป็นตัวประหลาดในสายตา

“ แล้ว เธอ ล่ะฉัน แนะนำตัวแล้ว ตาเธอมั่งสิ ”
“ เอ๋! ฉัน ”
“ ใช่สิ …ถ้าอีกฝ่ายแนะนำตัวแล้ว ก็ต้องแนะนำตัวให้อีกฝ่ายรู้จักด้วยมันเป็นธรรมเนียมอย่างหนึ่ง
นี่เธอไม่ใช่คนแถวนี้ใช่ไหมเนี่ย ”

“ อ๊ะ ถูกเผงเลย ฉัน พึ่งจะย้ายมา น่ะ ”
“ แล้วก็กำลังหลงทางอยู่ด้วยล่ะสิ ”

“ อ..อืมก็ประมาณนั้น ทำไมถึงรู้ล่ะ ”
“ แหงสิก็เธอดันถามฉันว่าเป็นนักเรียนของโรงเรียน มนต์วิทยา หรือเปล่าแล้วยังทำท่าวอกแวก
จนมาชนกับฉันอีก แค่นี้ก็เดาได้แล้ว ว่าเธอน่ะมันเด็กหลงทางชัดๆเลย ”

ปึด!

เสียงเส้นสติขาดที่ดังผึงขึ้นมา หลังจากคำว่า “ เด็กหลงทาง ” หลุดออกมาจากปากของ เด็กหนุ่ม
ไม่ต้องรีรอ ลูเซีย ส่งสองมือของเธอเข้าไปหยิกแก้ม ทั้งสองข้างของ เด็กหนุ่มทันที

“ แว้ก~~~มันเจ็บนะ ทำอะไรของเธอเนี่ยยัยบ้า ”
“ ใครใช้ให้นายมาว่าฉันเป็นเด็กหลงทางล่ะยะ ตาบ๊องส์ ”

“ หา!!เธอว่าใครบ็องส์ นะ ถ้าฉันบ๊องส์ งั้นเธอก็เป็นยัยงุ่มง่ามแล้ว! ”
“ ว้าย อีตาบ้านายนี่มันปากเสยที่สุดเลย.. คนปากหมา!! ”

“ โฮ่ ขอบใจที่ชมนะ เพราะฉันมันเป็นหมาอยู่แล้วนี่ ”
“ น..นายนี่มัน ”{น..หนอย อีตานี่ ด่าแล้วยังทำเป็นเหลิงอีก}

ลูเซีย ขบกรามแน่นขนัด เมื่อไม่รู้จะสันหาคำใดมาด่าใส่ให้เจ็บได้กว่านี้อีกแล้ว
เธอจึงเก็บเอาความโกรธไว้ แล้วกระแทกเท้าเดินผ่าน เค้าไป

“ นี่ ยัย เฟอะ ผิดทางแล้วโรงเรียนอยู่ทางโน้น ต่างหาก ”
เด็กหนุ่ม เอ่ยขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วไปยังอีกทาง ทำเอา ลูเซีย หัวเสียที่เธอดูเหมือนตัวตลกไปแล้วใน
สายตาของเค้า เธอ รีบจ้ำกลับมาโดยมีสีหน้าบึ้งตึง ก่อนจะจ้ำ ผ่านเค้าไปโดยไม่ยอมสบตา

…….

“ อีตาหมาปากเสียนั่นนะ คอยดูเถอะ ถ้าเจอกันอีกหนล่ะก็ แม่จะซัดให้เดี้ยงคาตีน เลย!! ”
หลังจาก จ้ำหนีมาอย่างเสียหน้า เธอก็มาระบายออกเอาเสียตลอดทาง
ที่เดินจน คนรอบๆหันมามองเธอด้วยความสงสัย

/Master Get call/(เจ้านายมีสายเข้าค่ะ)
ขณะที่กำลังระบายอยู่นั้น จี้ของเธอ ก็ส่งเสียเรียกขึ้นมา เธอจึงระงับอารมณเอาไว้ก่อน จะปรับน้ำเสียงใหม่

“ รับสายเลยจ้ะ ไมค์ ”
/Yes sir/(รับทราบ)

สิ้นคำ จี้ของเธอก็ ฉายจอภาพโฮโลแกรมขนาดเล็กสำหรับติดต่อสื่อสารขึ้นมา

“ โยว่ว่าไง ยัยเฟอะ นี่ 6.50น. แล้วนา ”
“ น…นี่นายอีกแล้วเหรอ!! ”
ลูเซีย แทบจะถลนตาใส่จอ โฮโลแกรม เมื่อผู้ที่ต่อสายเข้ามาคือ เด็กหนุ่มคนเมื่อครู่

“ โอ้ นี่ยังจำฉันได้อีกเหรอเนี่ย นึกว่ายัวะซะจนสมองไหลเยิ้มออกมากับน้ำมูกแล้วซะอีก ”
“ นายนี่มัน…มีธุระอะไรก็ว่ามาเด้ ”

ลูเซีย ถึงกับตะคอกใส่บันดาลโทสะ ออกมาจากก้นบึ้งหัวใจแบบหมดไส้หมดพุงกันเลยทีเดียว
เรียกได้เลยว่าเกิดมาเธอแทบไม่เคยโกรธใครได้เท่า เค้าคนนี้มาก่อนเลยก็ว่าได้กระมัง

อากับกริยาสติสตังเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอโกรธจนเนื้อตัวสั่นสะท้าน ที่จริงเธอโกรธจนไม่รู้จะ
พูดอะไรออกมาอีกแล้ว

“ เธอเนี่ยยิ่งเวลาโกรธยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่เลยนะ เอ้าๆ หัวน่ะแดงเป็นลูกมะเขือเทศแล้วนะ ”
คำพูดของ เด็กหนุ่มเริ่มเปลี่ยนไป เนื้อหาของคำพูดนั้นทำเอาเธอสะอึกไปเลยทีเดียว
ความโกรธเมื่อครู่ ดับสลายกลายเป็นความประหลาดใจกับทีท่าของเค้า
ที่อยู่ๆ ก็เปลี่ยนมาหยอดคำหวานใส่แทน ทำเอาเธออึ้งกิมกี่ไปชั่วขณะ

“ อ้อแล้วก็นะ ถ้ารีบไปมันจะสายเอานา ทางที่ฉันชี้ให้เธอไปน่ะ มันผิดทางซะด้วยสิ ถ้าไม่รีบมาเดี๋ยว
อาจารย์ จะไม่ให้เข้าเอานา ”
สิ้นคำ เด็กหนุ่มก็ตัดสายไปหลังจากที่เธอ รับฟังคำพูดทั้งหมดมาแล้ว ในหัวเธอก็พยายามจะตีความสิ่งที่เค้าพูดออกมาแต่ก็ทำได้เชื่องช้าเสียเหลือเกินเพราะตอนนี้ ความสับสนกับคำพูดแปลกๆที่เค้า โยนมาให้เธอ

แต่หลังจากที่หายประหม่าไม่นานพอเธอตีความทั้งหมดออก อารมณ์ครุกรุ่นขอเธอก็กลับมาเดือดได้ที่อีกรอบ
เธอถูกหลอกให้มาผิดทางเสียแล้ว และตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ทางเสียด้วย

/Get Mail my master/(ได้รับข้อความค่ะเจ้านาย)
“ น…หนอยเจ้าหมอนั่นคิดจะแก้อะไรฉันอีกรึไงเนี่ย เอาสิ เปิดเลย ไมค์ คอยดูนะ
ฉันจะสะสมความแค้นที่มีต่อนายแล้วไปเอาคือทีเดียวเลย อีตาบ้านั่น!!~ ”

ลูเซีย ลั่นวาจาสั่นระริกด้วยความโกรธจนเนื้อตัวสั่นเทา ทว่าพอเนื้อความในข้อความที่เธอได้รับนั้น
เปิดขึ้นมาแสดงบนจอโฮโลแกรม เธอก็ต้องนิ่งค้างไปอีกรอบ ภาพที่แนบมาในข้อความ

คือแผนที่ ที่มีรายละเอียดเส้นทางพร้อมทั้งจุดกระพริบแสดงที่อยู่ของเธอ กับเส้นสีแดงขีดลาก
เป็นเส้นทางสำหรับเดินทางไปยังอีกจุดที่เขียนไว้ว่า โรงเรียน พร้อมกับ เนื้อความที่พิมพ์ส่งมาในตอนท้าย

“ แผนที่เนี่ย เก็บไว้ให้ดีล่ะ สำหรับยัยเฟอะอย่างเธอนี่ถือว่าป็นของขวัญชิ้นแรกในฐานะ
เพื่อนร่วมชั้นเรียนก็แล้วกัน จาก โคทาโร่ ”

อีกครั้งที่เธอถูกปั่นหัวเสียจนแทบจะไม่รู้แล้วว่ามาตรงัดความโกรธของเธอ นั้นพังไปแล้วหรือไม่
เพราะตอนนี้เธอบอกไม่ได้เลยว่า โกรธอยู่หรือ ดีใจ อยู่กันแน่ แต่ก็ไม่มีเวลาให้คิดนักเพราะที่ขอบของจอภาพโฮโลแกรม

มีตัวเลขชี้เวลาเอาไว้ซึ่งตอนนี้ก็ปาข้าไป 7.30น. แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปทันที แต่เพราะรีบเกินไป ทำให้เธอสะดุดเท้าตัวเอง
จนเสียหลักจะล้ม ทว่า มีคนเข้ามาดึงคอเสื้อเธอไว้ก่อนที่จะล้มหัวคมำ

“ ไม่เป็นไรนะ ”
/Are you ok/(ไม่สบายรึเปล่า)

เด็กหนุ่มที่เข้ามาช่วยเธอไว้ ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับเสียงทุ้มแหลมจาก จี้ห้อยคอ ของเค้า
ลูเซ๊ย หันกลับมาเพื่อที่จะขอบคุณ ที่ช่วยเธอเอาไว้ เด็กหนุ่มผู้นี้สวมเครื่องแบบนักเรียนโรงเรียนเดียวกับเธอ

และมีดูเหมือนจะอยู่ชั้นปีเดียวกับเธอด้วย ผมทรงสีดำแซ่กหน้าปลายชี้ตั้งหยักศก และ หมวกแคปสีแดง
รูปลักษณธของเด็กหนุ่มคนนี้ ชวนให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกแวบหนึ่งในหัวของเธอ

ก็มีกับมีภาพของ เด็กชายที่มีรูปลักษณ์เดียวกันนี้กับเค้า ผุดขึ้นมาด้วย เธอรู้สึกเหมือนเคยเจอกับเค้ามาก่อน
แต่ก็นึกไม่ออก ขณะเดียวกันฝ่ายชายเอง พอได้เห็นใบหน้าของเธอ แล้วเค้าเองก็รู้สึกคุ้นเคย
อย่างบอกไม่ถูกกับเธอเช่นเดียวกัน

“ อ…เอ่อ ขอบคุณที่ช่วยไว้นะคะ เอ..ว่าแต่เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า? ”
ลูเซีย นึกขึ้นมาได้จึงกล่าวขอบคุณก่อนจะต่อด้วยคำถามที่เธอสงสัยทันที

“ งั้นเหรอ! เธอเองก็รู้สึกคุ้นตาผมอยู่เหมือนกันเหรอ นั่นสินะ ผมเองก็รู้สึกเหมือนกับว่าจะเคยเจอกันมาก่อนแฮะ ”
เด็กหนุ่มตอบความคิดของเค้ากับเธอช่างละม้ายคล้ายกัน ทำให้ทั้งสองแน่ใจแล้วว่าเคยเจอกันมาก่อนอย่างแน่นอน
แต่ไม่ว่าจะนึกอย่างไร ทั้งเธอและ เค้า ก็นึกไม่ออกสักที

/Master, we late over/(นายท่านเราสายมากแล้วนะคะ)
เสียงจี้ห้อยคอของเธอดังขึ้นมา ขัดจังหวะทั้งคู่ แต่เมื่อ ลูเซีย มองตัวเลข เวลา บนจอ โฮโลแกรมที่
ยังคงฉายคาเอาไว้อยู่ เธอก็ไม่ชักช้า รีบแจ้นตาหลีตาเหลือกไปทันที

“ อ…อ้าว ไปซะแล้วแฮะ ยังไม่ทันถามชื่อเลย ”
/Idiot never remember /(เจ้างั่งอย่างนายเคยจำอะไรกับเค้าได้ด้วยเรอะ)
“ โธ่ คอรัส(Chorus) ไหว้ล่ะนายจะช่วยเรียกฉันดีๆซักวันหน่อยจะได้ไหม ”
/so dream/(ฝันไปเถอะ)
“ นายนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ ”

เด็กหนุ่ม ชักสีหน้าไม่พอใจกับ จี้ห้อยคอของเค้าที่เถียงคำเขาเสียทุกคำพูด

{แต่ว่าเรารู้สึกว่าคุ้นเคยกับ เธอคนนั้นมากเลยนะ เหมือนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนงั้นแหล่ะ}
เด็กหนุ่ม คิดขณะที่ทอดสายตามองไปยังทางที่ หล่อนวิ่งหายไป

……………………
…………………………..

โรงเรียนมนต์วิทยา เวลา 8.30 น.

ณ ประตูรั้วโรงเรียนแบบเลื่อนเปิดปิดที่ตอนนี้ถูกเปิดไว้กว้างเพียงแค่ให้ คน1คน เดินผ่านเข้าไปได้ แต่ช่องทางนี้
กลับมีหญิงวัยชรายืนคุมเข้มทางเข้านี้เอาไว้ รอยย่นและตีนกา บนใบหน้าที่มาประทับตามกาลเวลา

บวกกับสีหน้าบึ้งตึงตลอดเวลาของ นางเป็นเครื่องมือขู่ขวัญ เหล่านักเรียน ที่มาสายละยืน ออกันอยู่หน้า
ประตูโรงเรียน

“ ซวยแล้ว ลืมไปเลยว่าวันเปิดเทอมนี้ อาจารย์ รัตนชา เป็นเวรง่ะ ”
“ เวรแล้วไง อาจารย์แก จะให้ผ่านก็ต้องให้ใครไปดวลกับแกให้ชนะก่อนซะด้วย ”
“ แล้วใครจะไปชนะได้ล่ะ นี่ถ้ามีพวกเก่งๆมาสายเหมือนเราบ้างก็ดีน่ะสิ ”

เสียงบ่นจอแจ ดังระงมเมื่อ อาจารย์คุมเวรจับนักเรียนมาสายสุดเนี้ยบ ออกมายืนคุมเชิง
เสียตั้งแต่วันแรกของ เปิดเทอมและ ทางเดียวที่ อาจารย์ผู้นี้จะเปิดทางให้ก็มีเพียงการดวลไพ่เท่านั้น

“ โธ่ เอ้ยเพราะดันดูแผนที่กลับหัวกับทางที่เดินไปเลยต้องเสียเวลาเดินย้อนกลับมาตั้งนานแหน่ะ ”
/I warn as master but not hear my/(ดิฉันเตือนท่านแล้วแต่ท่านไม่ยอมฟังเองนี่)

ลูเซีย ที่จนแล้วจนรอด เธอก็เดินหลงไปอีกรอบจนได้แม้จะได้แผนที่มาแล้วก็ตาม
เธอเสียเวลานานมากกว่าจะมาถึง ประตูโรงเรียน

“ เอ..ว่าแต่เค้ามายืนมุงอะไรกันอยู่ที่หน้าประตูน่ะ นี่มันสายแล้วนี่นา? ”
ลูเซีย เปรยด้วยความสงสัย ก่อนจะชะเง้อมองข้ามกลุ่มเพื่อนเข้าไป

“ รอบของฉัน Cost Mp 1 ให้ ออบซิเดี้ยนบีทเทิล (Obsidian Beetle) โจมตี!! ”
เสียงยานคางของ อาจารย์รัตนชา ดังห้วนขึ้นท่ามกลางวงล้อมของ นักเรียนมาสายที่ลุ้นให้เพื่อนของตนที่เข้าไปท้าแข่งเพื่อแลกกับการขอผ่านประตูเข้าไป ซึ่งตอนนี้ มนุษย์ตัวด้วงร่างหุ้มเกราะสีดำมันวาวประดุจหิน ออบซิเดียน

พุ่งทะยานลงมาตวัดเดือยกรงเล็บที่แขนทั้งสองข้าง ผาร่างของ มนุษย์ครึ่งคนครึ่งม้าเซนทอร์
จนขาดท่อน ก่อนจะสลายกลายเป็นละอองอนุภาคสีเขียวสดและรวมตัวบีบอัดกลับเป็นแผ่นการ์ด

ที่มีรูปของมันวาดอยู่บนนั้นพร้อมกับข้อมูลความสามารถและค่าพลังต่างๆ
ดีดตัวกลับมาที่นักเรียนเจ้าขอองการ์ดใบนั้น

รูปภาพ


“ เง้อ~~ เซนทอร์เรนเจอร์(Centaur Ranger) ของช้านนนลงมาไม่ถึง 1 turn ด้วยซ้ำง่า ”
นักเรียนชายที่พึ่งดวลแพ้ไป ครวญขณะที่ นั่งคอตกเก็บการ์ดที่ปลิวกลับมา

รูปภาพ

“ นักเรียนที่ดีไม่ควรมาสาย นะจำเอาไว้ ”
อาจารย์หญิงกล่าว สั่งสอนตบท้ายให้ไปอีก

“ นี่ๆ มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ”
ลูเซีย เดินเข้ามาถามนักเรียน หญิงในกลุ่มที่มาสาย

“ ก็อาจารย์ รัตนชา น่ะสิอาจารย์เค้าจะไม่ยอมให้ใครผ่านประตูเข้าโรงเรียนจนกว่าจะมีคนดวลชนะน่ะ ”
นักเรียนหญิง อธิบายเรื่องราวต่างๆให้เธอฟัง

“ เอ๋! ดวลนี่หมายถึง Summoner Master Card น่ะเหรอ ”
ลูเซีย ถึงกับต้องอุทานขึ้นมาเมื่อได้ยินข้อกำหนดแปลกๆของอาจารย์ผู้นี้

“ ก็ใช่น่ะสิ แถมตั้งแต่อาจารย์เค้าเข้าเวรเช้ามา 7 ปีเต็มๆยังไม่เคยมีใครเข้าเรียนสายได้เลย
เพราะฉนั้นทุกวันที่แกมาคุมนักเรียนที่มาสายก็จะต้องขาดเรียนกันหมดนั่นล่ะ ”
นักเรียนหญิง พูดสำทับถึงความร้ายกาจของ อาจารย์ ท่านนี้เพิ่มเข้าไปอีก

“ งั้นหมายความว่าแค่ชนะให้ได้ก็พอสินะ ”
“ เอ๋ ”
ลูเซีย พูดขึ้นอย่างฮึกเหิมทำเอา เพื่อนนักเรียนหญิงแปลกใจไปตามกัน เธอไม่รอช้ารีบ แหวกกลุ่มเพื่อนนักเรียน
เข้าไปหา อาจารย์ รัตนชา ทันที

“ หืม? เธอไม่คุ้นหน้าเลยนี่ เป็นนักเรียนเข้าใหม่ของปีนี้สินะ ”
อาจารย์รัตนชา เปรยขณะที่มอง เธอ อย่างพินิจพิเคราะห์

“ ค่ะ อาจารย์ขอความกรุณาด้วยนะค้า~~ ”
ลูเซีย เอ่ยขึ้นเสียงใสขัดกับบรรยากาศรอบๆแบบสุดๆ ดูเหมือนเธอจะอารมณ์ดีแบบสุดขั้ว
ตั้งแต่รู้ว่าจะต้องมาดวลการ์ด แล้วเสียอีก

“ ใช้ไม่ได้! เป็นนักเรียนใหม่แท้ๆดันมาสายตั้งแต่เปิดเทอมแรกแบบนี้แล้วยังมาเสนอหน้าอีก
ถ้าเธอแพ้ล่ะก็ฉันจะลงชื่อว่ามาสายตลอดทั้งเทอมเลย ”
อาจารย์รัตนชา กล่าวเสียงขุ่นมัวอย่างไม่พอใจกับ นักเรียนใหม่คนนี้

“ หา!!!!...ต..แต่ ” ลูเซีย พยายามจะแย้ง เพราะเธอไม่นึกว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้
“ ไม่มีแต่…เริ่มดวลได้! กฏ Ruler Level Expert Mode ”
ทว่า อาจารย์รัตนชา ก็หาได้สนไม่เริ่มประกาศกฏการดวลทันที

“ เอ๋ รูเลอร์เลเวล? โหมดอะไรล่ะเนี่ย ”
ลูเซีย ทวนคำด้วยความสงสัยกับชื่อ กฏแปลกๆที่ อาจารย์ผู้นี้ยื่นขึ้นมา

“ Ruler Level Expert Mode นะหนา เป็นกฏพิเศษที่สำหรับการ Duel แบบประหยัดเวลาหนาโดยจะให้ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายเล่นตามกฏระดับ Caller(Mp 7) แต่ลดจำนวน ไชน์แมกซ์(Shrine Max) ลงเหลือ 6 หน่วย ล่า ”
สำเนียงพูดไทยเหน่อๆ เดี๋ยวเสียงสูงเดี๋ยวเสียงต่ำ ดังขึ้นจาก นักเรียนหญิงชาวต่างชาติ ผมสีส้มปนน้ำตาล
ผูกแกละไว้ข้าง

“ อ๋อ หมายความว่าเปลี่ยนลด ไชน์ ลงเหลือครึ่งเดียวเท่านั้นสินะ ”
ลูเซีย หันไปพูดกับ นักเรียนหญิงชาวต่างชาติคนนั้น

“ เยส(Yes) ถูกต้องเลยจ๋า ”
เธอตอบ ลูเซีย กลับหลังจากเข้าใจเรื่องรายละเอียดของกฏแล้ว ลูเซีย จึงหยิบเอา จี้ของเธอขึ้นมา

“ ไมค์ แสตนบายโหมด จ้ะ ”
/Yes, My master, Get Set/(ค่ะนายท่าน, Get Set)
ลูเซีย ออกคำสั่งกับจี้ของเธอ หลังจากมันตอบรับคำสั่งของเธอแล้ว ตัวจี้ก็เปล่งละอองแสงสีเขียวสดออกมาคละคลุ้ง
ก่อนจะแยกชิ้นส่วนของตัวเองออก และย้ายลงมาประติดกับ ท่อนแขนซ้ายของ เธอพร้อมกับขยายขนาดและ

เปลี่ยนรูปเป็น ปลอกแขนจักรกล ที่มีเฟืองอันหนึ่งโผล่พ้นขึ้นด้านบนปลอกแขน ที่หัวกับปลายของปลอกมี
ช่องสำหรับเสียบกองสำรับไพ่ ลงไปทั้งสองด้าน และที่ ด้านล่างปลอกแขนก็มีช่องสำหรับเก็บ
ไพ่อีกช่องแต่หันเข้าตัวผู้เล่น เมื่อยกแขนขึ้นตั้งฉากกับลำตัว โดยที่ช่องมีประทับตัวอักษรไว้ว่า Shrine

ลูเซีย ล้วงมือลงไปที่กระเป๋าตรงชายเสื้อของเธอ ก่อนจะหยิบติดเอา สำรับไพ่ สองสำรับที่แต่ละสำรับ
จะมีหลังไพ่สีแดงและน้ำเงินอย่างละกอง บนหลังไพ่นั้นประทับตราสัญลักษณคล้ายรูปตัว S เอาไว้
เธอ แยกกองสำรับ ไปเสียบแยกไว้ในช่องที่หัวกับปลายของ ปลอกแขน

รูปภาพ

“ Let’s Duel ”
สิ้นคำ การดวลไพ่ที่มีชะตาของการได้เข้าไปเรียนในวันนี้จึงเริ่มขึ้น(ทำไมมันแปลกๆหว่า)
ทั้งสองดึงไพ่ใบบนสุดของกองการ์ดสีน้ำเงิน(Seal Card)ของตนเอง
ออกมาคนละ 5ใบก่อน จากนั้นจึงตามด้วยกองสีแดง(Mystic Card)อีก 2 ใบ

[Lucia Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Teacher Rattanasha Status; Hand: Seal 5 ,Mystic 2 Mp:5/7 Shrine 0/6 ]

“ อาจารย์จะเป็นฝ่ายบุกเอง รอบของฉัน Cost Mp 2 ร่าย เอเมรัลด์ บีทเทิล(Emerald Beetle) ออกมาที่ Df Line ”
[Cost Mp คือการจ่ายค่าร่ายของการ์ดที่ต้องการจะอัญเชิญออกมา]
[ Df line แนวสนามแถวหลังสุดเป็นส่วนที่คิดค่าDf ของ Seal Card ]

สิ้นคำของ อาจารย์รัตนชา ไพ่สีน้ำเงินบนมือ ก็ถูกโยนออกมา ฟันเฟืองบนปลอกแขนของ อาจารย์เริ่มหมุน
เร็วขึ้นเรื่อยๆและสร้างละอองแสงสีเขียวสด กระจายฟุ้งออกมา ปกคลุมบริเวณโดยรอบ

ไพ่ที่ถูกโยนออกมาได้ดูดซับเอาละอองเหล่านั้นไว้ก่อนจะเปล่งแสง และปรากฏรูปร่างของ ตัวด้วงสีเขียวมรกตขนาด
เท่าคนขึ้นมาข้างหน้าเธอ

รูปภาพ

“ ด้วยผลของ เอเมรัลด์ บีทเทิล ฉันจะต้องแสดงกองการ์ด Seal ใบบนสุด 2 ใบจากนั้น
หากใน 2 ใบนั้นมี เผ่า แมลง(Insect)ที่มี LV เท่ากับ 2 สามารถเลือกเอาการ์ดใบนั้นขึ้นมาไว้

บนมือได้หนึ่งใบ ส่วนอีกใบให้วางกลับไปบนกอง และนี่คือการ์ด 2 ใบที่ว่า
แซฟไฟร์ บีทเทิล(Sapphire Beetle) กับ โทปาส บีทเทิล(Topaz Beetle) ”

อาจารย์ รัตนชา ประกาศความสามารถของ เอมรัลด์ บีทเทิล ก่อนจะดึงซีลการ์ด บนสุดของกองมา 2 ใบและแสดงให้
เห็นใบหนึ่งคือ แซฟไฟร์ บีทเทิล ตัวด้วงที่มีสีน้ำเงินวาววับดังไพลิน และ อีกใบ คือตัวด้วงบุษราคัม

รูปภาพ
รูปภาพ


“ ฉันเลือกเอา แซฟไฟร์ บีทเทิล ขึ้นมาไว้บนมือแล้วคืน โทปาส บีทเทิล กลับไปไว้ใบบนสุดของกอง ”
อาจารย์ รัตนชา กล่าวก่อนจะ เลือกเอา แซฟไฟร์ บีทเทิล เก็บไว้บนมือ ส่วน โทปาส บีทเทิล นั้นเสียบกลับลงไปบนกอง

“ จากนั้น Cost Mp 2 ร่าย แซฟไฟร์ บีทเทิล ลงมาที่ Df line ”
อาจารย์ รัตนชา กล่าวจบก็ ส่งไพ่ที่พึ่งเลือก ออกมาจากผลของ เอเมรัลด์ บีทเทิล ลงมาทันที
แซฟไฟร์ บีทเทิล ได้ปรากฏตัวขึ้นบนสนาม ในแนวเดียวกับ เอเมรัล บีทเทิล

“ และด้วย Ability ของแซฟไฟร์ บีทเทิล ฉันสามารถแสดงการ์ดใบบนสุดของกองการ์ดซีล 1 ใบ
และถ้ามันเป็น เผ่าแมลง Lv 2 ล่ะก็จะสามาส่งมันลงมาในสนามได้ทันที ”
อาจารย์รัตนชา อธิบายถึงความสามารถของ แซฟไฟร์ บีทเทิล จบ ลูเซีย ก็อุทานขึ้นมาทันที

“ เห! ตะกี้ก็พึ่งวาง โทปาส บีทเทิล ลงไปแบบนี้มันก็รู้แกวกันอยู่ก่อนแล้วน่ะสิ ”

“ มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว การจะทำสิ่งใดให้ได้ผลประโยชน์สูงสุดจะต้องมีการคำนึงล่วงหน้า
ก็เหมือนกับการที่พวกเธอมาสายกัเพราะไม่คำนึงว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
และไม่ยอมเตรียมพร้อมในการมาก่อนเวลาเอาไว้ยังไงล่ะ ”

อาจารย์ รัตนชา ได้ทีจึงเริ่มสั่งสอนทันที

“ แต่ที่หนูมาสายเพราะหลงทางอยู่ต่างหากล่ะค้า อาจารย์ ” ลูเซีย แย้ง
“ ก็นั่นล่ะเค้าเรียกว่าไม่รู้จักเตรียมพร้อมถึงได้หลงทางแล้ว
ก็มาสายไงล่ะ เอ้า รอบของฉันยังไม่จบ
แสดง โทปาส บีทเทิล จากใบบนสุดของกองแล้วนำเข้ามาที่ At line เลย ”
[At Line คือสนามแนวหน้าที่จะคิดค่า At ของ Seal Card]

อาจารย์ รัตนชา ย้อนคำโต้แย้งกลับทันควันก่อน จะดึงซีลการ์ดบนกอง
แล้วโยนออกโดยไม่ต้องมองเพราะรู้อยู่ก่อนแล้วมันคือไพ่อะไร โทปาส บีทเทิล
ถูกส่งลงมายังสนามแถวหน้าบีทเทิล ทั้งสองตัวที่ถูกส่งลงมาก่อนหน้า

“ รอบนี้ไม่มี Mp เพียงพอจะเล่นต่อแล้ว ขอสั่งผ่าน(End of Sub-Turn) ”
อาจารย์ รัตนชา สั่งหมดรอบการเล่นของตัวเองก่อนจะเปลี่ยนเทิร์นการเล่นมาเป็นของ ลูเซียแทน

“ รอบของฉัน Cost mp 2 อัญเชิญ เอลล่า เดลิเวอร์แบนด์ พาลาดิน (Aella, Deliver Band Paladin)
ออกมาที่ At line ”
สิ้นคำ ลูเซีย ฏ้ส่งการ์ดซีลบนมือลงมา เฟืองที่ปลอกแขนของเธอเริ่มปั่นเพื่อสร้าง
ละอองพลังงานสีเขียวสดขึ้น การ์ดที่เธอส่งออกไปได้ดุดซับเอาละอองเหล่านั้น และปรากฏรูปขึ้นมา
กลายป็นอัศวินพาลาดินสาวพร้อมกับสายลมกรรโชก ผมหางม้าสีบลอนปลิวไสวไปกับสายลมที่ค่อยๆอ่อนแรงลง
และสงบไปในที่สุด

รูปภาพ

“ เมื่อ เอลล่า เดลิเวอร์แบน พาลาดิน เข้ามาในสนามจาก การร่ายสามารถเลือกผู้เล่น 1 คนให้จั่วการ์ดได้ 1 ใบ ”
ลูเซีย ประกาศความสามารถของ เอลล่า ก่อนจะดึง การ์ดสีแดงขึ้นมาจาก ช่องเสียบสำรับตรงบริเวณข้อมือ
ขึ้นมา 1 ใบ เธอดูไพ่ที่พึ่งจั่วขึ้นมา ซึ่งรูปบนไพ่เป็นรูปของ อัศวินในชุดเกราะขี่ม้าขาว บนการ์ดประทับชื่อของมันว่า
กาลาฮัด(Galahad)

รูปภาพ

“ Cost Mp 2 ร่าย กาลาฮัด ไปติดตั้งที่ เอลล่า เดลิเวอร์แบน พาลาดิน เลือกเงื่อนไข ธาตุสังกัดแห่งลม At ของ
เอลล่า เพิ่มขึ้น 2 หน่วยและ Sp เพิ่มขึ้น 1 หน่วย ”
ลูเซีย ประกาศพร้อมกับ ไพ่ที่จั่วขึ้นมาถูกส่งออกไปทันที ไพ่ดุดซับละอองแสงเข้ามาก่อนจะปรากฏม้าขาววิ่งเข้ามา
ในสนามโดยที่ เอลล่า กระโดดขึ้นไปขี่บนหลังมันพร้อมกับ กระชับดาบในมือขึ้นชูไปข้างหน้า

{ดีล่ะ ค่าพลังของ เอลล่า เดริเวอร์แบนด์ พาลาดิน ของเรามีค่ารวมกับ กาลาฮัดเท่ากับ 9 หน่วย
และ ยังมี ability เพิ่ม At อีก 2 หน่วยต่อจำนวนใบมิสติกที่ติดอยู่บนตัวของ เอลล่า เดลิเวอร์แบนด์ พาลาดิน
ด้วยรวมแล้ว At ก็จะเป็น 11 โทปาส ของ อาจารย์ มีค่า At แค่ 6 หน่วยเท่านั้นงานนี้กินนิ่มเลยแฮะ เรา}

ลูเซีย คำนวนถึงค่าพลังที่แตกต่างกันระหว่างซีลของเธอกับโทปาส บีทเทิล ของ อาจารย์
ด้วยค่าพลังที่ต่างกันมาก เธอจึงมั่นใจว่างานนี้เธอสามารถจัดการได้ง่ายๆเลย
การดวลที่เริ่มต้นขึ้นจากการมาสายนี้ จะเป็นเช่นไรต้องติดตามในตอนต่อไป
……………………..
………………………………..

To be Continue

ตัวอย่างตอนต่อไป Next Sub-Turn

“ อสูร ที่เธอคนนี้ใช้ เป็นแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆด้วย ”
ปริศนาของเธอผู้นี้

“ เอ้อจริงด้วยงั้นเอาใหม่ Cost mp 3 ร่าย ออบซิเดียน บีทเทิล(Obsidian Beetle)ลงมาที่ At line ”
ไพ่ตายกำลังจะถูกเปิดออก

“ ฉันคือผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสุดยอดของทุกสรรพสิ่งผู้ที่กวัดแกว่งดาบแทนพระผู้เป็นเจ้า
Sacred Sword Bounding(การกระทำของดาบศักดิ์สิทธิ์) ”
ผู้ที่เข้ามาแทรกแซง

“ ทำไมพวกนายถึงได้มาอยู่ที่นี่!!!!! ”
“ ทำไมเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ!!!!!! ”
และเรื่องที่ไม่คาดคิด

ทั้งหมดติดตามได้ใน Sub-Turn 02 Obsidian Attack(การบุกของ ออบซิเดียน)


เปิดมาก็เจิม forum นี้คนแรกเลยแฮะเรา ::022::

ไม่ได้คิดเลยว่าอยู่ๆจะได้มาเขียนภาคต่อแบบนี้ ภาคแรกอยู่ที่บอร์ดเดิมนะครับ ลงลิงค์ไว้ที่หัวเรื่องแล้ว
ก็ขอฝากตัวกันใหม่อีกครั้งกับบอร์ดใหม่นะครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ อาทิตย์ ต.ค. 25, 2015 6:02 pm, แก้ไขแล้ว 78 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 01 Duel Class Late

โพสต์โดย JX~Mystalgikus เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 27, 2009 7:21 pm

::030:: หุหุ ท่านพี่มาเจิมคนแรกเรยรึ

งั้นขอเม้นแรก หุหุ

ไม่เคยคิดว่า VR จะกลับมา หลังจากภาคแรกที่บุกสนง. Santo Nino (St. Magnus ในปัจจุบัน) จบลงด้วยดี หวังว่า VR Tag คงมันส์กว่า VR ภาคแรกแล้วกันครับ (อย่าโกรธนะครับท่านพี่)

ปล. เริ่มแรกก็ Beetle
ภาพประจำตัวสมาชิก
JX~Mystalgikus
0
 
โพสต์: 181
Cash on hand: 350.00
ที่อยู่: ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 01 Duel Class Late

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 27, 2009 7:44 pm

^
^
^

นี่ใช่ professor dragon คุงจากบอร์ดเก่าอะเปล่า หรือว่า boy หว่า เอ๊ะหรือ เจมส์คุง

ไม่เคยคิดว่า VR จะกลับมา หลังจากภาคแรกที่บุกสนง. Santo Nino (St. Magnus ในปัจจุบัน) จบลงด้วยดี หวังว่า VR Tag คงมันส์กว่า VR ภาคแรกแล้วกันครับ (อย่าโกรธนะครับท่านพี่)


ตัวพี่เองก้ไม่ได้คิดอ่ะนะว่า VR จะได้ต่อภาคจริงๆหลังจากที่ภาคแรกรีบรวบเรื่องจบไวปาน
ชิงกล้วยสุกก่อนห่ามกันเลย บางคนรับมุขแทบไม่ทัน ว่าเจ้าโค จะทรยศ มีมาบ่นๆเหมือนกันแฮะ
พอคิดจะกลับมาเขียนอีกรอบ คราวนี้เลย เปลี่ยนแนวให้ ผู้หญิงเป็นตัวเอกมั่ง เหอๆจะไปรอดจนจบไหมก็ต้องตามกันต่อไป ::006::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 01 Duel Class Late

โพสต์โดย JX~Mystalgikus เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 27, 2009 7:57 pm

greamon เขียน:^
^
^

นี่ใช่ professor dragon คุงจากบอร์ดเก่าอะเปล่า หรือว่า boy หว่า เอ๊ะหรือ เจมส์คุง

ไม่เคยคิดว่า VR จะกลับมา หลังจากภาคแรกที่บุกสนง. Santo Nino (St. Magnus ในปัจจุบัน) จบลงด้วยดี หวังว่า VR Tag คงมันส์กว่า VR ภาคแรกแล้วกันครับ (อย่าโกรธนะครับท่านพี่)


ตัวพี่เองก้ไม่ได้คิดอ่ะนะว่า VR จะได้ต่อภาคจริงๆหลังจากที่ภาคแรกรีบรวบเรื่องจบไวปาน
ชิงกล้วยสุกก่อนห่ามกันเลย บางคนรับมุขแทบไม่ทัน ว่าเจ้าโค จะทรยศ มีมาบ่นๆเหมือนกันแฮะ
พอคิดจะกลับมาเขียนอีกรอบ คราวนี้เลย เปลี่ยนแนวให้ ผู้หญิงเป็นตัวเอกมั่ง เหอๆจะไปรอดจนจบไหมก็ต้องตามกันต่อไป ::006::


เจมส์คุงแหละครับ คนที่เรียกคุณ greamon ว่าท่านพี่ คงมีผมคนเดียวแหละ หุหุ ::033::

ปล. มีแจมเหมือนภาคที่แล้วรึเปล่าครับ (จากภาคที่แล้ว คุณ boy โผล่มาแว้บๆ) ถ้าภาคนี้มี ACE คงจะมีเยอะกว่านี้หลายเท่าตัว หุหุ
ภาพประจำตัวสมาชิก
JX~Mystalgikus
0
 
โพสต์: 181
Cash on hand: 350.00
ที่อยู่: ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 01 Duel Class Late

โพสต์โดย Watcharapol Luekaya เมื่อ ศุกร์ ส.ค. 28, 2009 4:45 pm

หนุกดี ขอต่ออีกครับ ::006::
Watcharapol Luekaya
0
 
โพสต์: 1846
Cash on hand: 1,400.00
ที่อยู่: นั่นสิ ที่ไหนแว๊

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 01 Duel Class Late

โพสต์โดย TheKingOfAnnedisonge เมื่อ ศุกร์ ส.ค. 28, 2009 7:49 pm

Aella มันต้องมี Deliverband หรือ paladin ใบอื่นใน สนามไม่ใช่หรอครับ ถึงจะได้จั่ว - - ลูเซีย โกงนะเนี่ย = =
ภาพประจำตัวสมาชิก
TheKingOfAnnedisonge
0
 
โพสต์: 138
Cash on hand: 100.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 01 Duel Class Late

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ ศุกร์ ส.ค. 28, 2009 8:19 pm

Aella มันต้องมี Deliverband หรือ paladin ใบอื่นใน สนามไม่ใช่หรอครับ ถึงจะได้จั่ว - - ลูเซีย โกงนะเนี่ย = =


อุ พลาดซะแล้วฉัน ดันรีบอ่านเอฟเฟคไปหน่อย เลยคิดว่าไอ้ตราบเท่าที่มีเดลิเวอร์แบนใบอื่นนั่นเป็นเงื่อนไข
ของการ +AT ไป เอาเถอะหยวนๆละกันครับ ::022::

(ภาคก่อนตอนโคทาโร่ ดวลตรูก็ชุ่ยAbility มาแล้วนิหว่า สงสัยต้องใช้แว่นขยายช่วยแล้วจะได้ไม่ผิดอีก)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 01 Duel Class Late

โพสต์โดย JX~Mystalgikus เมื่อ ศุกร์ ส.ค. 28, 2009 9:26 pm

เริ่มด้วย Deliver Band vs Beetle

แล้วลูเซียกับ Aella ก็รั่วออกมา 1 ดอก (โชคดีนะเนี่ยที่ไม่มีจัดจ์)

6 ธาตุมันกลับมาแล้ว (Beetle นี่ก็ 6 ธาตุนะ) แล้วจะมี 6 ธาตุซี่รี่ส์อื่นโผล่มาไม๊น้อ
(เช่น Brandisher... กะเด็คเมต้าตัวหนึ่งที่ละไว้ในฐานที่ดูเอลลิสต์ทั่วไปเข้าใจละนะ) หุหุ รอตอนต่อไปด้วยความใจจดใจจ่อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
JX~Mystalgikus
0
 
โพสต์: 181
Cash on hand: 350.00
ที่อยู่: ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 01 Duel Class Late

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ ศุกร์ ส.ค. 28, 2009 10:35 pm

โฮ่ๆๆๆๆๆๆๆ

ในที่สุดเจ๊ ก็สมัครสำเร็จเสียที แทบแย่แน่ะ เอาล่ะได้เวลามาทำหน้าที่สครีมล่ะนะจ้า เกรม่อน อย่าคิดนะว่าจะหนีเดี๊ยนพ้น ที่ไหนมีวายที่นั่นมี ฉาน 55555+ ::027::

ว่าแต่.......ไหงเริ่มมาก็รั่วคอมโบ ซะแล้วล่ะ เกรม่อนคุง เจ๊ ไม่อยู่ช่วยทีถึงกับเสียหลักกันไปเลยเรอะ ไม่ได้การเดี๋ยวต้อง
รีบทำหน้าที่ที่ดีของ ผู้ช่วยเสียก่อง ส่วน พัลม่อนจัง ยังตามมาไม่ได้ ติดขั้นตอนสมัครอยู่

อุเหม่ เปิดบอร์ดใหม่ทีนี่ ต้องย้ายสำนักงานตามกันมาเลยนะนี่ ::034::

กว่าจะมากันครบเฮ้อ เอาล่ะเข้าเรื่องเลยละกันนะ
อ้อลืมแนะนำตัวไป สำหรับผู้ที่พึ่งจะเคยเจอเดี๊ยนและ พึ่งเริ่มอ่าน VR นี้เป็นครั้งแรก คงจะยังไม่รู้จักกัน
เจ๊ มีโค้ดเนมที่ได้รับจาก เจ้า เกรม่อน ในนามว่า การุรุม่อน นะ อยู่ฝ่ายจัดการภาพประกอบ
นิยายและจัดทำ เพลงไตเติล ที่กำลังจะตามมาแปะเร็วๆนี้ จ้า

ฝากเนื้อฝากตัวด้วยน้า ::006::
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 01 Duel Class Late

โพสต์โดย Dragon Professor เมื่อ อาทิตย์ ส.ค. 30, 2009 3:56 pm

มาเจิม ผมเอง โปรเเฟสเซอร์ดราก้อน ::030::

เเงๆ ผมเเต่งนิยายของผมต่อไม่ไหวเเล้วอะ งานโคดยุ่งเลย การบ้านวันละสามสี่อย่าง เง้อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Dragon Professor
0
 
โพสต์: 594
Cash on hand: 428.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 01 Duel Class Late

โพสต์โดย boy เมื่อ อาทิตย์ ส.ค. 30, 2009 5:20 pm

ฮึๆ เด็คด้วงและเด็ค Deliver band เหรอฮะงวดนี้...

งวดนี้มี OP ด้วย ::027:: สุดยอดดดดดดครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 02 Obsidian Attack

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ ส.ค. 31, 2009 12:49 pm

Sub-Turn 02 Obsidian Attack(การบุกของ ออบซิเดียน)




ภายในห้องเรียน ซึ่งปูพื้นด้วยกระเบื้องพื้นสีขาว ผนังปูนที่วางพื้นด้วยสีขาว เช่นเดียวกับพื้นห้อง
โต๊ะเรียนไม้ ที่วางเรียงเป็นแนว ยาวไปตลอด ถึงห้าแถว กับเด็กนักเรียนในชุดยูนิฟอร์ม ของโรงเรียน

ที่หน้าชั้นเรียน มีกระดาน โฮโลแกรม ลอยค้างอยู่พร้อมกับที่คอยแสดงเนื้อหาของวิชา ออกมาเรื่อยๆ โดยมีอาจารย์สาวยืนกำกับอยู่ที่โต๊ะไม้ ซึ่งตั้งอยู่ มุมขวาสุดของห้อง
ด้วยการสั่งการผ่านคำสั่งเสียง ของอาจารย์ ทำให้เจ้ากระดานไฮเทค ทำงานด้วยตัวเองตามคำสั่งของเธอ


“ เห!..นั่นมันยัยคนเมื่อเช้านี่ ”
โคทาโร่ เด็กหนุ่มผู้ที่ทะเลาะ กับ ลูเซีย ในตอนเช้า เปรยขึ้นจากโต๊ะเรียนริมฝั่งหน้าต่าง
ขณะที่มองการดวลของเธอกับ อาจารย์ผ่านหน้าต่างห้องเรียนลงมาและที่โต๊ะข้างๆติดกับโต๊ะของเค้า
เด็กหนุ่มอีกคนที่ช่วยดึง ลูเซีย ไม่ให้ล้มหัวคมำไปเมื่อตอนเช้าก็นั่งอยู่ด้วย

รูปภาพ
[Data:โคทาโร่ เซนาคาว่า (Kotaro Zenakawa) Age:16 year Cost Lv:Summoner Deck: Gut Fighter (ใจนักสู้) ]

“ มีอะไรเหรอ? จู่ๆถึงได้…. ”
เด็กหนุ่มอีกคนหันมาถามด้วยความสงสัยที่อยู่ๆ โคทาโร่ ก็เปรยขึ้นมา แต่แล้วก่อนที่จะพูดจบ
เค้าก็ชะงักไปเมื่อสายตาที่จับจ้องไปทางทิศเดียวกับ โคทาโร่ นั้นไปสะดุดเข้ากับ ลูเซ๊ย ที่กำลัง ดวล
อยู่ข้างล่าง

{เธอคนนั้นที่เราช่วยไว้เมื่อเช้านี่!}
ธนัท คิดในใจขณะที่ สายตาก็ไม่ลดละจาก การดวลด้านล่าง
รูปภาพ
[Data: ธนัททาทิเวศ จงกลาง(Thanattativest Jonggrang) Nick Name :ธนัท (Thanat)
Age: 16 year Cost LV:Summoner Deck : Elemental Burst (Legend Deck) ]

“ นี่ ธนัททาธิเวศ(Thanuttatiwest) แล้วก็ โคทาโร่ พวกเธอสองคนจ้องอะไรกันอยู่น่ะ นี่ชั่วโมงเรียนนะ ”
/Master Busbaree ,This at below is interester/(นายท่าน บุษบารี ดูเหมือนที่ข้างล่างนั่นจะมีเรื่องน่าสนใจ
อยู่นะคะ)

หญิงสาววัยทำงานผู้เป็นอาจารย์ผมทรงสีดำสั้น เข้ามาติเตียน ทั้งสองที่ไม่สนใจในชั่วโมงเรียนที่เธอกำลังสอน
แต่แล้ว จี้ห้อยคอของเธอที่เป็นแบบเดียวกับที่นักเรียนทุกคนสวมกันอยู่ ก็ส่งเสียงแย้งออกมา
ทำให้เธอพลอยหันไปสนใจ กับสิ่งที่ทั้งสอง กำลังจดจ่อ อยู่ด้วยไปอีกคน

“ นั่น อาจารย์ รัตนชา กำลังแข่งกับนักเรียนที่มาสายอยู่นี่? ”
อาจารย์บุษบารี เอ่ยขึ้นขณะที่เธอเริ่มให้ความสนใจกับการดวลข้านล่างบ้างแล้ว
เลยพลอยทำให้นักเรียนทั้งห้องอด ตามเข้ามามุงกันที่หน้าต่างเสียไม่ได้

…………………….
[Lucia Status; Hand:Seal4 ,Mystic2 Mp:3/7 Shrine 0/6 ]
[Rattanasha Status; Hand:Seal4 ,Mystic2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]


“ Cost Mp 2 ให้ เอลล่า เดลิเวอร์แบนด์ พาลาดิน โจมตีไปที่ โทปาส บีทเทิล ”
ลูเซีย ประกาศโจมตี เอลล่า ที่คอยท่าอยู่ก่อนแล้ว จึงควบม้าขาวออกไปพร้อมกับตั้งดาบในมือ
คมดาบเข้าปะทะกับง่ามเขาอันคมกริบทั้งสองของ โทปาส บีทเทิล จนเกิดเสียงเคร้งคร้าง

เหมือนเสียโลหะกระทบกัน ตลอด ร่างของ โทปาส บีทเทิล นั้นแข็งแกร่งประดุจ บุษราคัม
คมดาบไม่อาจกดลึกลงไปสร้างบาดแผลให้แก่มันได้เลย ไม่นาน โทปาส บีทเทิล ก็ตวัดง่ามเขาของมัน
ผลักทั้ง เอลล่า ทั้งม้า กาลาฮัด กลิ้งโค่โล่ กลับที่ฝั่งสนามของ ลูเซีย ทันที

“ อ…อ้าวไหงถึงถูกสะท้อนกลับมาล่ะ ทั้งที่ค่าพลังก็เหนือกว่าแท้ๆ ”
ลูเซีย เปรยด้วยความงุนงง ที่ทุกอย่างผิดไปจากที่เธอคาดการณ์ไว้

“ หน่านก็เป็นเพราะว่า Ability ของ โทปาส บีทเทิล นะหนา ”
นักเรียนหญิงชาวต่างชาติ ที่ช่วยอธิบายเรื่องของกฏให้ ลูเซ๊ย ฟังก่อนเริ่มการดวล ช่วยตอบ
ข้อสงสัยของเธอให้ทันที

“ เอ๋!? Ability เหรอ? ” [Ability=ความสามารถเฉพาะของการ์ด แต่ละใบที่ระบุไว้ในส่วนรายละเอียดของการ์ด]
ลูเซีย อุทานขณะที่หันไปหาเธอ

“ บุษราคัมน่ะ เป็นแร่ในตระกูลแร่รัตนชาติ ซึงมีความแข็งสูงกว่าแร่โลหะแน่นอน ยามที่มันส่องประกาย
ในครั้งแรกความงดงามของมันจะคงอยู่ให้กับคำว่าไม่อาจเจาะทะลวงได้ ถึงจะไม่เทียบ
เท่าสิ่งที่ไม่อาจพิชิตได้อย่าง เพรช ก็เถอะนะ แต่นี่ก็คือความงามของ บุษราคัมล่ะ และนั่นคือที่มาของ
Ability ที่จะป้องกันจากการโจมตีและ Curse เป็นเวลา 1 turn เหมือนกับความงดงามแรกพบของบุษราคัม ”

อาจารย์ รัตนชา ถือโอกาสสาธยายสรรพคุณของ โทปาส บีทเทิล อย่างยืดยาว
แถมยังพล่ามไปเรื่อยถึงเรื่องความงดงามของมัน จนทำเอานักเรียนพากันส่ายหน้า

“ ทำไมล่ะ!ห๊า! มีปัญหารึไง ”
“ ไม่มีครับ/ค่ะ ”

อาจารย์ รัตนชาที่สังเกตุเห็นท่าทีของบรรดานักเรียนรอบๆ พากันรับไม่ได้กับความคลั่งไคล้ของเธอ
เลยอด ตะคอกถามไม่ได้ แน่ล่ะใครจะกล้าขัด

“ อาจารย์ ถ้าจะชอบ แร่รัตนชาติมากเลยนะเนี่ย ”
ลูเซีย กระซิบกับตัวเองเบาๆโดยมีสีหน้าหนักใจเป็นการันตี ว่าเอือมกับบรรยากาศตอนนี้มากๆ

“ แหงสิก็ ชื่อฉันมาจากคำว่า รัตนชาติ นี่ยะ ”
“ ว้ายได้ยินด้วย! หูดีชะมัดเลยอาขารย์ขา! ”

อาจารย์ รัตนชา สวนขึ้นทันควัน ทำเอา ลูเซีย อึ้งไปเหมือนกันกับ ความหูดีของเธอ

“ เอ้า รีบเล่นต่อได้แล้ว มัวแต่ชักช้าอยู่ได้เมื่อไหร่จะหมดรอบของเธอซักที ”
อาจารย์ รัตนชา รีบเร่งให้เธอ กลับเข้าเรื่องแล้วทำการ แข่งต่อทันที

“ ค..ค่ะ หนู Cost Mp ที่เหลืออยู่ 1 ร่าย อลิส เดลิเวอร์แบนด์ โปสแตนท์(Alice, Deliver Band Postulant)
ลงมาที่ Df line แล้วหมดรอบค่ะ ”
ลูเซีย ประกาศการร่ายซีล ก่อนจะหมดรอบของเธอ โดย ซีลที่เธอร่ายลงมาใหม่นั้น เป็นนักบวชเด็กสาว
ผมสีบลอน ลอดแซมออกมาจากหมวกทรงกระบอกสีขาวของเธอ สองมือกำคฑาประจำตำแหน่ง
ยืนอยู่ในแนวหลังของ เอลล่า ที่พึ่งลุกขึ้นมาตั้งตัวใหม่หลังจากโดนสะท้อนการโจมตีกลับมา

รูปภาพ


“ รอบของ ฉันจั่วไพ่ เนื่องจากการ์ดบนมือรวมกับการจั่วครั้งนี้ทำให้มีการ์ดเกิน 7 ใบฉันขอเลือก Dis*
ซีลการ์ดบนมือไป 1 ใบเพื่อให้เหลือเท่ากับ 7 ใบ ทิ้ง แอมเบอร์ บีทเทิล(Amber Beetle) ลงไปใน Shirne”
[Dis ในที่นี้ใช้กับการทิ้งการ์ดเป็นการประกาศทิ้งการ์ดบนมือเพื่อทำตามเงื่อนไขของการ์ดหรือกฏข้อบังคับในการเล่น]

เปลี่ยนมาถึงรอบของ อาจารย์รัตนชา เธอจึงดึง ซีลการ์ดขึ้นมาจากช่องสำรับที่ปลอกแขน
บริเวญปลายศอก มา 2 ใบ และหลังจากที่ดูมันแล้ว เธอจึงประกาศ ทิ้งการ์ดตามกฏเพื่อให้เหลือการ์ด
บนมือเท่ากับ 7 ใบ โดยการ์ดที่ทิ้งไปนั้น เป็นอสูร ตัวด้วงสีอำพัน

รูปภาพ

[Lucia Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Rattanasha Status; Hand:Seal 5 ,Mystic2 Mp:7/7 Shrine 2/6 ]

{หืม? ทำไมอาจารย์เค้าถงได้เลือก dis ซีลการ์ดล่ะ ทั้งที่ถ้า dis มิสติกการ์ดก็ไม่ต้องเสีย เลเวลให้กับ Shrine แล้วแท้ๆ
ยิ่ง Shrine น้อยๆแบบนี้ย่งทำให้แพ้เร็วขึ้นไปอีก}
ลูเซีย คิดด้วยความฉงนกับการกระทำของ อาจารย์ แต่ทว่า นักเรียนสาวชาวต่างชาติ ที่ยืนมองเธอดวลอยู่
ในกลุ่มนักเรียนด้านหลังเธอ กลับหรี่สายตาลงแคบราวกับกำลังพินิจพิเคราะห์อะไรอยู่

{มันก็แปลกจริงๆนั่นล่ะหนา ปกติการ ทิ้งซีลการ์ดในกฏ Max Hand Card(การ์ดจำนวนสูงสุด
บนมือผู้เล่น)ไม่มีใครเข้าทิ้งซีล ทำร้ายตัวเองกันอยู่แล้วถ้าไม่มีทางเลือกจริงๆ
นี่หรือว่าการทำ combo (การเล่นผสาน)นั่นกำลังจะเริ่มในรอบนี้กันล่ะหนา เวรี่ เวรี่ ซีเรียส(Very Very Seriou) }

เด็กหญิงชาวต่างชาติ คิดวิเคราะห์การตัดสินใจเมื่อครู่ของอาจารย์รัตนชา

“ Cost Mp 4 ร่ายแซฟไฟร์ บีทเทิล 2 ใบลงไปที่ Df line ”
อาจารย์ รัตนชาประกาศจบ ไพ่ทั้งสองก็ถูกโยนออกมา และดูดซับเอาละอองแสงเข้าไปก่อนจะปรากฏร่างของ
แซฟไฟร์ บีทเทิล ขึ้นมาอีกสองตัวที่สนามแนวหลัง

“ ส…สองตัวเหรอ! ”
ลูเซีย อุทาน

“ ถูกต้องนั่นหมายความว่า ฉันจะได้ลงเผ่า Insect Lv 2 ที่บนสุดของสำรับอีกสองตัวลงมาได้ ”
อาจารย์ รัตนชา กล่าวจบก็ดึงซีลออกมาจากกองใบหนึ่ง ก่อนจะร่ายมันลงไป
อสูรที่ปรากฏขึ้นมา คือ แซฟไฟร์ บีทเทิล ตัวที่ 4

“ โฮ่และด้วยผลของ แซฟไฟร์ บีทเทิล ตัวที่ 4 ที่พึ่งลงมา จะทำให้ฉันลง Insect Lv 2 เพิ่มจากใบบนสุดของกองได้อีกตัว ”
อาจารย์รัตนชา เปรยขึ้นอย่างยินดี ก่อนจะเริ่มการร่าย ซีลจากบนกองลงมาอย่างต่อเนื่อง
ซีลใบถัดมาคือ เอมรัลด์ บีทเทิล

“ ด้วยผลของเอเมรัลด์บีทเทิล ฉัน จะเปิดกองการ์ดด้านบนสุดอีก2 ใบจากนั้นเลือกเผ่าแมลงLv2 1 ใบเก็บไว้
แล้วอีกใบคืนกลับ ฉันของ เลือก เอา โทปาส บีทเทิล จากในสองใบนี้ขึ้นมือแล้วคืน เอมเมรัลด์ บีทเทิล กลับลงไป ”
อาจารย์รัตนชา ประกาศพร้อมกับ แสดง การ์ดทั้งสองใบที่ดึงออกมาซึ่งก็คือ เอเมรัลด์ บีทเทิล และ โทปาสบีทเทิล
อีกอย่างละใบ เธอคืน เอมรัลด์ บีทเทิล กลับลงไปและ เก็บ โทปาส บีทเทิล ไว้

“ จากนั้นด้วยผลของ แซฟไฟร์ บีทเทิล ตัวที่ 3 ที่ถูกค้างไว้จากStepแทรกของ แซฟไฟร์ บีทเทิลตัวที่ 4 ก็ทำงานต่อ
ร่าย เอมเมรัลด์ บีทเทิล ที่อยู่บนสุดของกองลงมา และเปิดใบบนสุดเลือกการ์ดมาอีก ”
อาจารย์ รัตนายังคงไม่หยุดการร่ายอย่างต่อเนื่อง เอเมรัลด์ บีทเทิล ใบที่ 3 จึงถูกร่ายลงมาพร้อมกับ การ์ดซีลใบบนสุด
ของกองอีก 2 ใบที่อาจารย์ รัตนชาเปิดแสดงขึ้นมาให้ดูด้วยผลของ เอเมรัลด์ บีทเทิล

ใบหนึ่งคือ โทปาส บีทเทิล ซึ่งนับรวมกับที่อยู่บนมือของ เธอ และในสนามนี่ก็เป็นใบที่ 3 แล้ว ส่วนอีกใบเป็น
การ์ดซีลที่ รูปบนการ์ดนั้นคือมนุษย์ตัวด้วงกายสีนิลมันวาว ที่ ลูเซีย เห็นตอนอาจารย์ ใช้มัน เผด็จ ศึก
นักเรียนที่แพ้ไปก่อนหน้า

“ ฉันเลือกเอา โทปาส บีทเทิล และส่งอีกใบกลับไปไว้บนกอง ”
อาจารย์รัตนชา ดูจะเร่งรีบกว่าทุกครั้ง เหมือนกับว่าไม่อยากให้ ลูเซีย
รู้ว่า การ์ดอีกใบคืออะไรกันแน่ ตอนนี้แม้ว่าอาจารย์จะผ่านการร่ายซีล อย่างต่อเนื่องลงมาในสนามจนตอนนี้

เต็มไปด้วยอสูรตัวด้วง สามสี เอมเมรัลด์ บีทเทิล 3 ตัว แซฟไฟร์ บีทเทิล 4 ตัว ซึ่งอยู่แนวหลัง(Df line)ทั้งหมด
และ โทปาส บีทเทิล 1 ตัว ที่อยู่ในแนวหน้ามาก่อนในรอบที่แล้วแต่จำนวนการ์ดบนมือของเธอก็กลับไม่ได้ลดลงไปเลย
และยังมี Mp เหลืออีกพอตัว

[Rattanasha Status; Hand:Seal 5 ,Mystic2 Mp:3/7 Shrine 2/6 ]

“ เฮ้ๆ! มันขยายกองทัพเร็วไปหน่อยล่ะมั้ง เล่นลงมาสองตัวแต่ได้ของแถมมาเป็นฝูงแบบนี้เนี่ย ”
โคทาโร่ อดเปรยขึ้นไม่ได้ เมื่อได้เห็นการขยายทัพอย่างรวดเร็วมหาศาลของ อาจารย์รัตนชา

“ เรื่องความเร็วในการขยายของ อาจารย์ รัตนชา น่ะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรหรอกนะ
แต่ที่ฉันสนใจมากกว่าตอนนี้ก็คือ อสูรอัญเชิญ ที่นักเรียนหญิง คนนั้นใช้มากกว่า ”

เสียงกล่าวที่ฟังดูเรียบนิ่ง แว่วขึ้นมาที่ หลังใบหูของ โคทาโร่ และ ธนัท ทำเอา ทั้งสอง
สะดุ้งหันกลับไปด้วยความตกใจ เจ้าของเสียงเมื่อครู่ นั้นอยู่ด้านหลังพวกเค้าเป็นเพื่อนนักเรียนชาย

ผมทรงตั้งชี้สีน้ำตาลเข้ม สีหน้าเรียบนิ่งตลอดเวลา ทำให้ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ สายตาของเค้านั้นไม่ได้สนใจ
ที่สีหน้าสะดุ้งของทั้งสองเลย หากแต่จับจ้องอยู่ที่ อสูรของ ลูเซีย
ที่หน้าประตูโรงเรียนมากกว่า

“ ค…เคียว เองเหรอ! ” ธนัท เปรย
“ อย่าทำให้ตกใจเซ่! หัดให้ชุ่มให้เสียงบ้างดิ ” โคทาโร่ ส่งเสียงดังประชดประชัน

แต่กริยาของทั้งสองก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเค้าเลย

รูปภาพ
[Data:วัชรพงศ์ สายตรงจิต (Washarapong Saitrongit) Nick Name: เคียว (Kyo) Age:16 year Cost LV: Summoner, Deck: Raijin God]

“ นี่ ที่ยืนอยู่ข้างหลังนักเรียนคนนั้นน่ะ ใช่ แอน รึเปล่า ”
นักเรียนหญิงผมสีส้มยาวสลวย ที่ยืนอยู่ข้างๆพวกเค้าทั้งสามคน เอ่ยขึ้นพรางชี้นิ้วจากหน้าต่างลง
ไปยัง นักเรียนหญิงชาวต่างชาติ ที่ยืนอยู่ข้างหลัง ลูเซีย และคอยให้คำแนะนำกับเธอตั้งแต่เริ่มแข่ง

“ จริงสิวันนี้ แอนนา เชิร์กเวฟ (Anna Surge wave) ยังไม่ได้เช็คชื่อเลยนี่ ”
/Yes, My Master/(ค่ะเจ้านาย)
อาจารย์ บุษบารี ที่ยืนมุงอยู่ที่หน้าต่างด้วยเอ่ยขึ้น พร้อมกันจี้ห้อยคอของเธอ ก็
ขานรับด้วยพร้อมกับฉายจอโฮโลแกรม
ขึ้นมาแสดงรายชื่อนักเรียนที่ยังไม่ได้เช็คชื่อในวันนี้

“ ลอง โทรไปก็รู้เองล่ะ คาสเทเนต(Kastanet) ต่อสายไปที่ เชลโล(Shello)ของ แอน ทีซิ ”
/Ja Wohl/(ภาษาเยอรมัน =รับทราบ)

เคียว สั่งจี้ห้อยคอของเค้า ก่อนที่มันจะรับคำ และฉายจอโฮโลแกรมขึ้นมา ซักพัก ก็ปรากฏ ภาพของ นักเรียนสาวชาต่างชาติ ที่อยู่ด้านล่างขึ้นมา

“ ฮายยย(Hi) ว่างาย เคียว มีอะไรเหรอ ”
นักเรียนชาวต่างชาติ ทักทายอย่างอารมณ์ดี หลังจากที่ ภาพของ ทางโน้น ก็ปรากฏขึ้นบนจอโฮโลแกรม
ที่ฉายออกมาจากจี้ห้อยคอของเธอ
รูปภาพ
[Data :แอนนา เชิร์กเวฟ (Anna Surge wave) Nick Name: แอน(Anne) Age: 16 year Cost LV: Caller
Deck: Hydro Sub-Zero(นาวายะเยือก)]

“ นี่ แอน ช่วยส่งภาพการดวลที่นั่นมาที่จอของ คาสเทเนต หน่อย ” เคียว ว่า
“ จ้า เดี๋ยวจัดให้ รอแปปหนา ”
แอน รับคำก่อนจะ ให้ จี้ของเธอ ฉายแสงออกมาจากส่วนหัวของ จี้แสงนั้นทำการบันทึกภาพและส่งกลับ
ฉายบนจอของ อีกฝ่าย ทำให้พวก เคียว ที่อยู่บนห้อง สามารถจับตาดูการแข่งขันได้อย่างใกล้ชิด

“ อสูร ที่เธอคนนี้ใช้ เป็นแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆด้วย ”
นักเรียนหญิง ที่หา ตัว แอน ที่อยู่ข้างล่างเจอ เอ่ยขึ้นหลังจากได้
เห็นภาพของ อสูร ที่ลูเซีย อัญเชิญออกมา อย่างใกล้ชิด

“ ชุติ เองก็ไม่รู้จักเหรอ ”
ธนัท เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ โคทาโร่ หันมาถามด้วยความแปลกใจ

“ อื้ม ไม่รู้จักหรอก อสูรอัญเชิญแบบนี้ ฉันพึ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรกเลย ”
ชุติการ ตอบเธอยอมรับว่าไม่รู้จัก อสูรของ ลูเซีย มาก่อนเลย

รูปภาพ
[Data:ชุติการ โพธิ์ทอง(Shutikran Poiwtong) Nick Name: ชุติ(Shuti) Age:14 Year Cost LV : Angel(ผู้ถือครองอสูรเทพ) Deck:St.Dragon, Special Page เธอคือ องค์หญิงร่างทรงแห่งมังกรขาว(White Dragon Maiden) ]

“ รู้สึกว่าสำรับของ เธอคนน้าน จะเป็นสำรับชุด เดลิเวอร์แบนด์ หนา เพราะ อสูรอัญเชิญของเธอทุกตัวจะมี
ชื่อ เดลิเวอร์แบนด์ ติดอยู่ หนา ”
แอน ตอบกลับมานทางจี้ห้อยคอ

“ เดลิเวอร์แบนด์ เหรอ ไม่เห็นจะเคย ได้ยินชื่อนี้เลย ”
โคทาโร่ เปรยขึ้นพลางเอามือเกาหัวอย่าง งงๆ ขณะที่ ธนัท หลังจากคุยกับ ชุติการ
แล้วเค้าก็เอาแต่จ้อง ไปที่ นักเรียนหญิงที่กำลังดวลอยู่อย่างจดจ่อ

“ ทำไมรู้สึกเหมือนเคยเห็นหน้า นักเรียนคนนี้ที่ไหนมาก่อนนะ ”
ชุติการ เปรยขึ้น ทำเอา ธนัท หันควับมามองเธอทันที

“ ชุติ เองก็รู้สึกเหมือนกันเหรอ ฉันเองก็เหมือนกัน ที่เจอกับ เธอเมื่อตอนเช้าก็รู้สึกคุ้นว่าคุ้นหน้าอยู่หรอก
แต่ไม่รู้ทำไมนึกไม่ออกซักที ”
ธนัท กล่าวขณะที่ทำหน้าทำตา นึกแล้วนึกอีก แต่ก็ยังจำไม่ได้อยู่ดีว่าความรู้สึกคุ้นเคยเหล่านี้มันมาจากไหน

“ เอ แต่ แอน ไม่เห็นจะคุ้นเลยหนา เคียว ล่ะ ”
แอน ที่อยู่อีกข้างล่าง ได้ยินบทสนธนาของ ทั้งสองจึงแทรกเข้ามาร่วมวงด้วย

“ ไม่เลยฉันไม่เห็นจะเคยจำได้เลยว่าเคยเจอเธอน่ะ ”
เคียว ตอบเสียงเรียบก่อนที่ทุกคนจะหันไปมอง โคทาโร่

“ อย่ามามอง ฉันสิ พวกนายที่อยู่กับ ธนัท มาตั้งแต่ปีมะโว้ยังไม่รู้จักแล้ว ฉันที่พึ่งมาอยู่กับหมอนี่แค่ 2 ปี จะไปรู้จักได้ไง ”
แม้แต่ โคทาโร่ เองก็ไม่รู้จักเธอเช่นกันนอกจากที่ วิ่งชนกับเธอเมื่อเช้า

………….

“ Cost mp 1 ร่ายมิสติกการ์ด ริริท(Lilith) ด้วยผลของมิสติกใบนี้ ฉันจะต้อง Dis มิสติก การ์ด 1 ใบ
จกานั้นจะได้รับ Mp เพิ่มตามค่าร่าบของ มิสติก การ์ดที่ทิ้งไป ฉันเลือก ทิ้ง แซคริไฟร์(Sacrifice)ที่มีค่าร่ายเท่ากับ 5
ดังนั้น Mp ของ ฉันจึงเพิ่มขึ้นเป็น 7 หน่วย ”

อาจารย์ รัตนชา เริ่มเล่นอีกครั้งโดย ร่ายมิสติกการ์ดบนมืออกมา การ์ดดูดับละอองแสงจาก ฟันเฟืองที่ปลอกแขนเข้าไปและปรากฏรูปของแม่มดสาวนางหนึ่งขึ้นมา จากนั้นมิสติกอีกใบบนมือของ อาจารย์ ก็ถูกส่งลงไปเก็บในช่อง Shrine
พร้อมกันนั้น แม่มดสาวที่ปรากฏตัวขึ้นจึงสลายกลายเป็นควัน ดำและ ซึมเข้าไปในร่างของ อาจารย์

รูปภาพ

“ และด้วย Mp ที่เพิ่มมานี้ฉัน Cost mp 6 ร่าย โทปาส บีทเทิล บนมืออีก 3 ใบลงไปที่ At line และให้
โทปาส บีทเทิลตัวแรกลงมาที่ Df line แล้วจึงหมดรอบเพียงแค่นี้ ”
สิ้นคำ โทปาส บีทเทิล อีก 3 ตัวได้ ถูกร่ายลงมา ที่แนวหน้า ก่อนที่ ทปาส บีทเทิล ตัวแรกจะย้ายลงไปแนวหลัง

“ หา! โทปาส บีทเทิล อีกแล้วเหรอแบบนี้ก็ทะลวงไม่เข้ากันพอดีน่ะสิ ”
ลูเซีย บ่นด้วยความเสียดาย ขณะที่เริ่มรอบของตน โดยดึง มิสติกการ์ดขึ้นมาจากสำรับอีก 2 ใบ step การจั่วนี้

“ ช่วยไม่ได้งั้น เพิ่มพลังรอไปก่อนแล้วกัน Cost Mp 6 ร่าย กาลาฮัด เพิ่มไปอีกใบและ ติดตั้ง
มิททิล ซอร์ด(Mythril Sword) อีก 2 ใบที่ เอลล่า เดลิเวอร์ แบนด์ พาลาดิน แล้วหมดรอบ ”

ลูเซีย ประกาศจบ มิสติก ที่จั่วมาใหม่ 2 ใบกับ อีกใบบนมือก็ถูกโปรยลงมา และเมื่อมันทำงาน
ม้า กาลาฮัต ที่ เอลล่า ขี่ก็มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ส่วนดาบในมือของนางก็ถูกแทนที่ด้วยดาบยาว
มิททิล ซอร์ด สองเล่มแทน

รูปภาพ

“ รอบของ ฉันจั่วไพ่ ”
อาจารย์ รัตนชา กล่าวพร้อมกับ ดึง ซีลขึ้นมา 2 ใบ

“ cost mp 2 ร่าย เอมรัลด์ บีทเทิลลงมาที่ Df line และด้วยผลของมันคงไม่ต้องบอกซ้ำหรอกนะ ”
อาจารย์ รัตนชา ประกาศจบเอเมรัลด์ บีทเทิล ใบที่ 4 ก็ถูกส่งลงมา และเมื่อ เธอ แสดงไพ่ใบบนสุดของ กองการ์ด
คราวนี้มันคือ แอมเบอร์บีทเทิล ทั้งสองใบ เธอจึงเลือกมา 1 ใบ

ตอนนี้ อาจารย์รัตนชาเหลือ Mp 5 หน่วย และ ซีลการ์ดบนมือเพียง 2 ใบเท่านั้น
กับกองทัพ ตัวด้วง อีกทั้งโขยงรวมทั้งสิ้น 12 ตัวประกอบด้วย เอเมรัลด์ บีทเทิล แซฟไฟร์ บีทเทิล และ โทปาส บีทเทิล อย่างละ 4 ตัว ตอนนี้สนามฝั่งเธอเป็นดั่งรังของ แมลงที่มารวมกันอยู่อย่างแออัด

“ เธอคงสงสัยอยู่ล่ะสิท่า ว่าทำไมฉันถึงได้เอาแต่ร่ายแล้วก็ร่ายอสูรอัญเชิญ ออกมาตั้งมากมาย
ทั้งที่มันไม่ได้มีพลังอะไรที่สูงเยี่ยมเลย ”
อาจารย์ รัตนชา เปรยขึ้นโดยพิสูจน์จาก สีหน้าของ ลูเซีย ที่ดูจะเป็นกังวลกับการ ขยายกองทัพแมลงที่มีพลังต้อยต่ำ
เหล่านี้

“ แต่ด้วยการ์ดใบนี้ มันจะตอบคำถามทั้งหมดของเธอ และทำให้เธอ…. ”
อาจารย์ รัตนชา หยุดกล่าวไปเสียดื้อๆซะตรงนั้น ก่อนจะชักสีหน้าบ้าอำนาจแบบสุดๆ
ขึ้นมาพร้อมกับ ประกาศเสียงก้องกังวาลปานพญามารจะครองโลกกันเลยทีเดียว

“ และมันจะทำให้เธอต้องถูกลงชื่อว่า มาสายไปตลอดทั้งเทอม ฮ่าๆๆๆๆๆ ”
อาจารย์ รัตนชา ประกาศก้องด้วยเสียงโหดหฤทัยอย่างที่สุด ทำเอา นักเรียน
สะดุ้งกันเป็นแถว ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์ด้วยกันอย่างอาจารย์บุษบารี ที่
ดูการแข่งนี้ผ่าน จอโฮโลแกรมของ เคียว ยังอดสะดุ้งไม่ได้

“ อ…อาจารย์ รัตนชา ยังโหดเหมือนก่อนไม่มีเปลี่ยนเลยนะเนี่ย ”
นักเรียนทุกคน บนห้องอดที่จะบ่นกันไม่ได้ เลยทีเดียว

“ Cost Mp 3 ฉันจะให้เธอได้เห็น Hyper Kabuto!!! ”
“ อาจารย์ ขานี่ไม่ใช่เรื่อง มาส์คไรเดอร์ คาบูโตะนะค้า~~ ”

“ อ้าวเหรอ? กำลังอิน แหมนึกว่าใช่ งั้นเอาใหม่ Cost mp 3 ร่าย ออบซิเดียน เดสทรอยเยอร์(Obsidian Destroyer) ”
“ นั่นมัน Dota ค่า ”

“ เอ้อจริงด้วยงั้นเอาใหม่ Cost mp 3 ร่าย ออบซิเดียน บีทเทิล(Obsidian Beetle)ลงมาที่ At line ”
สิ้นคำ ซีลบนมือของ อาจารย์ ก็ถูกร่ายลงมา มันเป็น อสูรอัญเชิญรูปร่างมนุษย์ตัวด้วงกายสีนิลมันวาว
ทันปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆกับ ไอควันสีดำ ที่ฟุ้งออกมาหลังการดูดซับละอองแสงของการ์ด

ทันทีที่ มันเหยียบลงบนสนาม ตัวด้วงอื่นๆทั้งหมดบนสนามพากัน สูญสลายกลายเป็นละอองแสง
ไปถูกดูดไปรวมเข้ากับ เดือยกงเล็บที่มือทั้งสองข้างของมัน จนเดือยมีแสงละอองเรืองรองอยู่ตลอดเวลา

รูปภาพ

“ ด้วยผลของ ออบซิเดีย บีทเทิล เมื่อมันเข้ามาในสนามฉันสามารถกำจัด เผ่าแมลงที่มี เลเวลเท่ากับ 2 หรือ มากกว่า
ออกจากเกม จากนั้น เพิ่มค่าพลัง AT+2 Df+1 ให้กับ ออบซิเดียน บีทเทิล เท่ากับจำนวนที่ กำจัดไปตัวละใบ ”
อาจารย์ รัตนชา อธิบายจบ ลูเซีย ก็เริ่มยกนิ้วยกมือขึ้นมานับ

“ เอ..ตัวละ 2หน่วยกับ 1 หน่วย มี 12 ตัวก็… ”
“ นี่! เลขแค่นี้เธอยังต้องนับนิ้วด้วยเรอะ! ”
อาจารย์รัตนชา ถึงกับอดไม่ไหว กับความทึ่มของเธอ

“ เอ่อ ทั้งหมดน่ะเท่ากับ เทอร์ตี้วัน(Thirty one) 31 หนาจ้ะ ”
แอน ช่วยตอบให้แทน เมื่อเห็นว่ากว่าเธอจะคำนวณเสร็จวันนี้อาจไม่ต้องเรียนกันพอดี

“ อ๊ะ 31 เหรอขอบใจนะ…..ส…สามสิบเอ็ด นี่มันค่าพลังหรืออะไรเนี่ย ทำไมมันเวอร์ยังงี้ล่ะ ”
ลูเซีย รับคำตอบจาก แอน มาก่อนจะทันรู้ตัวว่า ตอนนี้ ค่าพลังของอีกฝ่ายนั้นสูงทะลุ
ยอดไปแล้ว

“ รู้ตัว ช้าชะมัดเลย ยัยนี่เนี่ย ”
โคทาโร่ เปรยอย่างเซ็งๆ ขณะที่มองดูการแข่งผ่านทางจอ โฮโลแกรมของ เคียว

“ เหมือนใครแถวนี้เมื่อก่อนก็ไม่รู้เนอะ ”
ชุติการ เปรยพลางเหลือบตาไปทาง ธนัท เลยพลอยพาคนอื่นหันมาตามๆกัน

“ แหม ใครๆเค้าก็เคยมีครั้งแรกกันทั้งนั้นล่ะน่า ”
ธนัท แก้ตัวน้ำขุ่นๆ ซึ่ง เพื่อนๆก็พากันระอาแทน

……….

“ Cost Mp 1 ออบซิเดียน บีทเทิล โจมตีไปที่ เอลล่า เดลิเวอร์แบนด์ พาลาดิน ”
สิ้นคำของ อาจารย์ รัตนชา ออบซิเดียน บีทเทิล ได้ออกตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

“ Ability ของ เอลล่า เดลิเวอร์แบนด์ พาลาดิน ทำงานเมื่อต่อสู้บวกค่า At 2 หน่วยต่อจำนวนมิสติกที่ติดอยู่บนตัว
ตอนนี้ At ของ เอลล่า รวมกับ กาลาฮัต สองใบ เท่ากับ 11 และบวกเข้าไปจาก ability อีก 8 เป็น 19 แหงะ ต่อให้จ่ายmp ค่าใช้สกิลของ มิททิล ซอร์ดก็เถอะพลังก็เพิ่มมาแค่ 4หน่วยเอง ยังห่างอยู่ 7 หน่วยแหล่ะ แง้~~ ”

ลูเซีย เปรยด้วยความเสียดาย แต่ เอลล่า ของเธอก็แพ้หมดรูป ออบซิเดียน บีทเทิล ตวัดเดือยทั้งสอง
ของมัน ผ่าทั้ง ม้ากาลาฮัต และ เอลล่า จนขาดท่อนและสลายกลับเป็นละอองและ การ์ดตามเดิม ก่อน
ที่ตัวการ์ดทั้งหมจะย้อนกลับไปลงในช่อง Shrine ของ เธอ

[Lucia Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 2/6 ]
[Rattanasha Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 0 Mp:1/7 Shrine 2/6 ]

“ หมดรอบแค่นี้ เป็นยังไงล่ะ นี่ล่ะพลังของ แร่รัตนชาติ ที่แข็งแกร่งกว่าแร่ธาตุใดๆ
เธอจะต้องถูกลงชื่อว่ามาสายตลอดทั้งเทอมนี้เลย ”
อาจารย์รัตนชา กล่าวอย่างบ้าอำนาจเช่นเคย

“ อย่าพึ่งด่วนสรุปสิคะ หนูยังไม่ได้แพ้อาจารย์ซักหน่อย รอบของหนูจั่วไพ่ ”
ลูเซียกล่าวจบก็ ดึงการ์ดออกซีลออกมา 2 ใบไม่นานหลังจากดูการ์ดที่จั่วขึ้นมา รอยยิ้มก็ปรากฏ
ขึ้นบนใบหน้าของสาวน้อย

“ อาจารย์ขา ถ้าหนูชนะ อาจารย์ต้องปล่อยให้ทุกคนเข้าไปเรียนนะค้า~~ ”
ลูเซีย อยู่ๆก็ท้วงถึงข้อตกลงขึ้นมา ทำเอา ทุกคนงง ไปกับเธอ ว่าจะยังทีอะไรที่จะสามารถ
เอาชนะพลังอันมหาศาลถึง 31 หน่วยของ ออบซิเดียน บีทเทิล นี้ได้อีก ทั้งที่ตลอดเริ่มเกม มาการเล่นของเธอก็เน้น

ไปที่รูปแบบการเพิ่มพลังด้วยกาติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ได้มีการพลิกแพลงแต่อย่างใด
ซึ่งถ้าเน้นกันที่พลังแล้วล่ะก็ สำรับของเธอตอนนี้แพ้หลุดรุ่ยเลย

“ ทำไมอยู่ๆถึงมาถามซะล่ะยัง คิดว่าจะล้มสุดยอดแห่งแร่ธาตุนี้ได้อีกหรือ เอาสิถ้าเธอชนะ
ฉันจะเลิกกฏการจับคนมาสายด้วยการดวลนี่ซะเลย แต่ถ้าเธอแพ้ฉันจะลงว่าสายตลอดปีการศึกษานี้เลยสิคอยดู ”
อาจารย์รัตนชา ท้าแถมวางเดิม พันเพิ่มเข้าไปอีกโดยหารู้ไม่ว่าอาจจะกำลังขุดหลุมฝังตัวเอง

“ สัญญาแล้วนคะอาจารย์ขา งั้นก็เตรียมเลิกกฏแบบนี้ได้เลยค่า Cost Mp 3 ใช้สกิลของ
เดวิล เดลิเวอร์แบนด์ คอนดักเตอร์ (David, Deliver Band Conductor) นำ เดวิด เข้ามาในสนาม
เลือกกำหนด At line จากนั้นเลือกซีล 1 ใบสนามยกเลิก Skilและ ability ของซีลฝ่ายตรงข้ามของ เดวิด 1 turn ”

ลูเซีย กล่าวพร้อมกับ ร่ายซีลการ์ดที่พึ่งจั่วขึ้นมาลงไป อสูรอัญเชิญ เด็กหนุ่มน้อยผมหยิกหยักศกสีน้ำตาลในชุด
เครื่องทรงเจ้าชายและผ้าคลุม ได้ปรากฏขึ้นบนสนาม

รูปภาพ

“ ย…ยกเลิก ability งั้นเรอะ เดี๋ยวก่อนถ้างั้นก็หมายความว่า…ไม่น้า~~~ ”
อาจารย์รัตนชา หลังจากที่รับรู้ถึงความสามมารถของ เดวิด แล้วก็ถึงกับร้องเสียงหลง
ขึ้นมาเลยทีเดียว

“ มี อสูรอัญเชิญ ประหลาดๆมาอีกแล้วแฮะ ยัยนี่ ”
โคทาโร่ เปรย หลังจากที่ เดวิด ปรากฏตัวขึ้น ในสนาม เสียงถกเถียงกันของบรรดานักเรียน ทั้งบนห้องเรียน
และที่ประตูโรงเรียนก็ดังกันเซงแซ่ ไปหมด

“ เลือกเป้าหมายของ สกิล คือ ออบซิเดียน บีทเทิล เอาล่ะ ได้เวลา เปิดคอนเสิร์ตเพลงใสๆ กันแล้ว!พร้อมนะ ไมค์ ”
/Alright/(อยู่แล้วค่ะ)
ลูเซีย ประกาศจบปลอกแขนของเธอก็รับคำ ก่อนที่ เธอกับ อสูรอัญเชิญของเธอ เดวิด เริ่มขับขานบทเพลงขึ้นมาพร้อมกัน

หลังจากที่บทเพลงถูกขับขานออกมาจนจบแล้ว ละอองแสงที่เกาะอยู่รอบเดือยของ ออบซิเดียน บีทเทิล
ที่เกิดจากการดูดเอาพลังของ ตัวด้วงทั้งหมดเมื่อรอบที่แล้วมา ก็สลายหายไปจนหมด
เพราะบทเพลงแสนไพเราะที่ชำระ จิตใจที่กระหายการต่อสู้ จนหมดสิ้นไป

“ Cost mp 1 เดวิล เดลิเวอร์แบนด์ คอนดักเตอร์ โจมตีได้! ”
ขณะที่ทุกคนกำลังเคลิบเคลิ้มกับบทเพลงที่เธอ พึ่งร้องจบไปนั้น เธอก็ประกาศโจมตีต่อทันที
เดวิล จึงเริ่มขับขานบทเพลงอีกครั้ง แต่คราวนี้ ออบซิเดียน บีทเทิล ได้พุ่งเข้ามาตวัดเดือย
ใส่ด้วย ที่สุดด้วยค่าพลังที่ เท่ากันของทั้งคู่คือ 7 หน่วย จึงแพ้ไปพร้อมกันและสลายไปทั้งคู่

“ จากนั้นให้ อลิส ที่อยู่ Df line ย้ายขึ้นไปแล้ว Cost mp อลิส เดลิเวอร์แบนด์ โปสแตนท์ โจมตีขึ้นมือ ”
[การโจมตีขึ้นมือ จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อ ในสนามอีกฝ่ายไม่มีซีลเหลือในสนามอีกต่อไปแล้ว
หากสั่งซีลโจมตีก็จะเป็นการโจมตีโดยตรงเข้าไปที่ตัวผู้เล่นเลย ซึ่งจะสามารถเลือกทิ้งการ์ดของ อีกฝ่ายได้]

สิ้นคำของ ลูเซีย อลิส ก็วิ่งลุยขึ้นมาจาก แนวหลังมาที่แนวหน้าก่อนจะเริ่มสวดภาวนา
หลังจากการสวดภาวนา ร่างของ อลิส ก็เปล่งรัศมีแสง พุ่งออกไป ปัดซีลใบสุดท้ายบนมือของ อาจารย์ รัตนชา ลง Shrine ไปในที่สุด

[Lucia Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 1 Mp:2/7 Shrine 2/6 ] Win
[Rattanasha Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 0 Mp:7/7 Shrine 6/6 ] Lose

หลังจบการแข่งขัน ด้วยความปราชัยของอาจารย์ อสูรอัญเชิญ ทั้งหมดก็กลับคืนเป็นการ์ดดังเดิม
ส่วน ปลอกแขนจักรกลที่ใช้สร้างละอองแสงสำหรับอัญเชิญอสูร ก็คืนสภาพกลับเป็น จี้ห้อยคอตามเดิมไปด้วย

“ ตามสัญญานะคะ จารย์ ขาพวกหนูขอตัวก่อนล่ะค่า ”
ลูเซีย กล่าวจบเธอกับนักเรียนทุกคน ก็ทำท่าจะย่างเข้าไปใน โรงเรียน

“ ไม่ยอมรับเด็ดขาดดดด ฉันเฝ้าประตูนี่มาด้วยกฏนี้ยาวนานถึง 7 ปีเต็มๆโดยไม่เคยมีใครผ่านไปได้ นี่แหละคือสุดยอดของตำนาน และวันนี้ฉันก็จะไม่ยอมให้มัน ล่มไปเด็ดขาด!! ”
อาจารย์ ลั่นคำประชดประชันขึ้นมาอย่างไม่ยอม

“ ว้าย !! อาจารย์ขา แพ้ก็อย่าพาลสิ ค้า~~~ ”
ลูเซีย เปรยหน่ายๆกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของ อาจารย์ คนนี้ไม่ไหว

“ สุดยอด…ตะกี้ว่ามันสุดยอดของที่สุดใช่ไหม ”
คำถามดังขึ้นพร้อมกับ นักเรียนชายรุ่นพี่คนหนึ่งเดินแหวกฝูงนักเรียนเข้ามา พี่ชายคนนี้ มีสีหน้าเรียบนิ่งเย็นชา
สายตานั้นทอดมองไปไกลราวกับไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา ผมสีน้ำตาลชี้แซ่กปลาย พริ้วไหวไปกับ สายลมที่พัดเอื่อยๆมาในตอนนี้ สร้างภาพให้เค้าดูน่าเกรงขามยิ่งกว่าเดิม

“ เอ๋ !! คุณคือ? ”
ลูเซีย อุทานด้วยความตกใจกับการมาของ เค้า

“ เฮ้ย นั่น เทพคิระ นี่!! ”
“ หา คิระ ดาบแห่งพระเจ้าน่ะเหรอ ”
“ เวรแล้ววันนี้ พี่แกมาสายเหรอเนี่ย ”
“ เฮ้ย ลี้ภัยด่วน!!! ”
เสียง ตะโกนโหวกเหวกของบรรดานักเรียน รอบๆ ถึงกับดังตามกันมาเป็นลูกคลื่นราวกับเป็นการประกาศ
ศักดาเลยว่าเค้านี่ล่ะใหญ่ของจริง

“ ฉันคือผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสุดยอดของทุกสรรพสิ่งผู้ที่กวัดแกว่งดาบแทนพระผู้เป็นเจ้า
Sacred Sword Bounding(การกระทำของดาบศักดิ์สิทธิ์) ”
พี่ชายคนนี้ ประกาศเสียงเฉียบ พร้อมกับชี้นิ้วขึ้นไปอย่างช้าๆ
รูปภาพ
[Data: อนุชิต นิมิตการดี (Anushit Nimitgrandee) Legend Name: คิระ ดาบแห่งพระเจ้า(Kira Sword of God) Age: 18 year LV Cost: Summoner Master ผู้ดำรง 1ในตำแหน่งแห่ง Master Ceremony (บุคคลระดับตำนาน)
Deck: Heaven Gundamus(กันดั้มแห่งสวรรค์)]

“ ทีเนอร์(Tenor)! ”
/Kein Problem/(ภาษเยอรมัน=ไม่มีปัญหา)
พี่ชายผู้ที่ถูกทุกคนนเรียกว่า คิระ เอ่ยขึ้น พร้อมกัน จี้ห้อยคอของ เค้าก็ตอบสนองก่อนจะ
เปลี่ยนเป็นปลอกแขนสำหรับอัญเชิญอสูรอัญเชิญออกมา เพียงเสี้ยววินาทีที่ ปลอกแขนปรากฏ
เมฆทั่วท้องฟ้าในบริเวณโรงเรียน ก็แหวกออก ให้แสงอาทิตย์สาดส่องลงมา
ฟันเฟืองที่ปลอกแขนของพี่ชาย เริ่มหมุนเร็วขึ้นๆเรื่อย ละอองแสงพวยพุ่งออกมามากมาย เสียจนคละคลุ้งไปทั้งสนาม

“ ว้าย!!~ นี่มันอะไรกันเนี่ย รุ่นพี่คนนี้!! ”
ลูเซีย ร้องด้วยความตกใจ กับแรงลมกรรโชกที่พัดมาพร้อมกันหลังจากการปรากฏตัวของ รุ่นพี่ตรงหน้า
ขณะที่ นักเรียน ทุกคนพากันวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น (หรือมันจะอัญเชิญ Strike Freedom ลงมาเนี่ย)

“ นี่เธอ มากับ แอน เร็วเถอะหนา ไม่งั้นได้เป็น ฟรายชิกเก้น(Fried Chicken=ไก่ทอด)แหงๆ ”
แอน นักเรียนหญิงชาวต่างชาติ ที่ให้คำแนะนำเธอตั้งแต่เริ่มดวล พูดพร้อมกับ เข้ามาลากจูงเธอ
หนีออกจากบริเวณนั้นทันที ซึ่งก็พอดีก่อนที่ ดาบเล่มยักษ์ 4 เล่มจะร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า
(มันเรียก Strike Freedom มาจริงๆด้วย อัสรัน นายอยู่หนายยยย)

บรูมมมมมมม!!! ครืนนนนน!!

เกิดระเบิดขึ้นครั้งใหญ่ แรงระเบิด พัดเอาประตูรั้วโรงเรียนพังยับเยินไปทันที พร้อมกับ อาจารย์ รัตนชา ที่หนีไม่ทัน ปลิวกระเด็นมาด้วยกันเลย
………….
………………….

“ ย..แย่ล่ะ สิ เมื่อกี้เผลอคุยเพลินไปนิดเดียว คิระ เดินไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ”
ริน บ่นขึ้น เธอคือนักเรียนสาวรุ่นพี่ที่ออกมาต้อนรับ ลูเซีย ที่เดินทางมาพักที่บ้านด้วยเมื่อเช้า ตรู่
ขณะนี้เธอ กับพี่ชาย กำลังวิ่งหน้าตั้ง กันอยู่บนทางเท้า ในขณะที่ตอนนี้เป็นเวลาสายมากแล้ว

“ นี่ถ้าขืนเจ้า คิระ เอ้ย อนุชิต(Anuchit) ไปถึงโรงเรียนก่อนเราแล้วไปดวลกับ อาจารย์ รัตนชา
ล่ะก็ได้เป็นเรื่องหใญ่แหงไอ้หมอนั่นมันไม่รู้จักยั้งมือด้วยสิ ”
พี่ชาย ของริน พูดขณะที่ ออกแรงสาวเท้าเต็มที่ ทั้งสองวิ่งจ้ำมาจนถึงหัวมุมเลี้ยวเข้าไปยังซอยโรงเรียน
แต่พอหักมุมเลี้ยวเท่านั้น ทั้งสองก็ต้องหยุดวิ่ง พลางตีสีหน้าเอือมแบบสุดๆ เพราะตอนนี้
ประตูโรงเรียน ระเบิด ยับเยินไปแล้ว พร้อมกับ นายอนุชิต หรือ คิระ ได้เดินเข้าโรงเรียนไปโดยไม่รู้สึกรู้สากับ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย

“ สงสัยจะมาไม่ทันแหะพี่ศรี(Sri) ” ริน พูด
“ ไม่ต้อง มาสง มาสัย แล้วงานนี้ มันสายไปตั้งนานแล้ว~~ ”
ศรี พี่ชายของ ริน เปรยด้วยความหน่ายใจ


“ รุ่นพี่ คิระ ยังโหดไม่เปลี่ยนแหะ ” โคทาโร่ คอมเมนท์
“ นั่นสิ ”ธนัท เสริมให้อีก
“ เห็นด้วยเลย ” ชุติการ เองก็ตอบพร้อมกับพยักหน้าคอนเฟิร์มตามไป
“ ก็เค้าคือคนที่เป็นสุดยอดนี่นะ ” เคียว รับเสียงเรียบโดยไม่มีสีหน้าวิตกเหมือนชาวบ้านเขา

…..

“ โชคดีนะเนี่ย ที่วันนี้ รุ่นพี่ คิระ เค้าออมมือไว้หนา ”
แอน กล่าวน้ำเสียงขบขันอย่างอารมณ์ดีราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องธรรมดา

“ น…นี่ มาพูดเสียงร่าเริงแบบนั้นมันจะดีเหรอนี่น่ะ เรื่องใหญ่เลยนะ!! ”
ลูเซีย กล่าวรนราน ด้วยความตกใจกับความสับสนจนตอนนี้เธอแทบจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอีกแล้ว

“ แหม ไม่ต้องตกใจไปหรอกน่า ยัยเฟอะ เรื่องแบบนี้น่ะ เกิดขึ้นออกบ่อยไปถ้าแค่นี้ก็ตกใจขนาดนั้นอย่าง
เธอน่ะอยู่โรงเรียนนี้ไม่ได้หรอกนะจะบอกให้ ”
เสียง โคทาโร่ รอดออกมาจาก จี้ห้อยคอของ แอน ที่ยังคงฉายจอโฮโลแกรม ทำการติดต่อกับ จี้ของ เคียวอยู่

“ ส..เสียงนี้ นั่นนายอีกแล้วเรอะ!! ”
ลูเซีย ตะคอกพร้อมกระชากจี้จากมือของ แอน มาตะหวาดใส่

“ อึ้ย เสียงดังชะมัดเลยยัยนี่ ”
โคทาโร่ บ่นขณะที่เอานิ้วอุดหูไว้แทบไม่ทัน เพราะตัวเค้าเป็นผู้แปลงพันธุกรรม DNA-Changer สายพันธ์มนุษย์หมาป่า
อยู่แล้วจึงมีประสาทหูรับรู้ดีกว่าคนอื่น ดังนั้นเสียงของ เธอจึงดังกว่าที่คนอื่นได้ยินหลายเท่า

“ อ้ะ แหมมาพอดีเลยนะ จ้ะเธอ ลูเซีย อาคแอง(Lucia Arcange) ที่พึ่งเข้าเรียนปีนี้สินะ อาจารย์ชื่อ
บุษบารี ผกาสรวงค์(Busabaree pagwasrung) จ้ะ เป็นอาจารย์ ประจำชั้นของเธอ
และเพื่อนๆทุกคนในห้อง 4/3 นี้นะ ”

อาจารย์ บุษบารี เข้ามาแทรกการ ปะชันฝีปากของทั้งสองไว้ซะก่อน โดยการเบียด โคทาโร่ ออกจาก
หน้าจอโฮโลแกรม ของ จี้ ฝั่ง เคียว

“ อ๊!ะ อาจารย์ เป็นอาจารย์ประจำชั้นของหนูเหรอคะจริงสิ ที่เมืองไทยนี้ก็ต้อง สวัสดีสินะคะ งั้นก็ สวัสดีค่ะอาจารย์ ”
ลูเซีย ยกมือไหว้ทักทายตามมารยาท ขณะที่ทางฝ่ายนั้นก็รับไหว้ด้วยความรู้สึกแปลกๆที่ต้องมาแนะนำตัว
ผ่านจอโฮโลแกรม แคบๆนี่

“ หา! เดี๋ยวก่อนนะครับ อาจารย์ เมื่อกี้ อาจารย์ บอกว่ายัยนั้น เป็นนักเรียนห้องเรางั้นเหรอ ”
โคทาโร่ รีบแย้งขึ้นมาหลังจาฟังการสนทนาของ เธอกับอาจารย์

“ อ๋อใช่ จ้ะ ตั้งแต่วันนี้ไป ลูเซีย เค้าพึ่งกลับมาจาก อเมริกา น่ะแล้วก็จะมาเรียนร่วมห้องกับเราด้วยจ้ะ ”
อาจารย์ บุษบารี ตอบเสียงเรียบ ขณะที่ตอนนี้ ทั้ง ลูเซีย ทั้ง โคทาโร่ ต่างพากันหน้าเสียไปพร้อมกันเลย

“ หมายความว่า ฉัน/ผม ต้องเรียนห้องเดียวกับ เจ้าหมา/ยัยเฟอะ เนี่ยเหรอ!! ”
ทั้งสอง ร้องขึ้นพร้อมกันด้วยควาตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน


………………………………
………………………………………….

ห้องเรียน ม.4/3

ภายในห้องเรียนตอนนี้นักเรียนทุกคนกลับมานั่งที่กันเรียบร้อยตามเดิมแล้ว
ที่หน้าชั้นเรียน ลูเซีย ยืนอยู่กับ อาจารย์ บุษบารี เพื่อเริ่มแนะนำตัวกับทุกคนในห้อง

“ สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ ลูเซีย อาคแอง จบจากโรงเรียน Sesami ที่อเมริกา ตั้งแต่วันนี้จะมาเรียนที่นี่นะคะ
และนี่ที่ห้อยคอ อยู่ Noteของฉันชื่อ ไมโครโฟนแต่เรียกว่า ไมค์ เฉยๆก็ได้ค่ะ”
/I’m Microphone nice too meet you/(ดิฉัน ไมโครโฟน ยินดีที่ได้รู้จัก)
หลังจาก ลูเซีย กล่าวแนะนำตัวกับ Note ของเธอจบ ทุกคนในห้องก็ปรบมือให้ตามพิธี ยกเว้นแต่
โคทาโร่ เพียงคนเดียวที่ นั่งหน้าบูดหน้าบึ้งอยู่ที่โต๊ะเรียน ริมหน้าต่างหลังห้อง ข้างธนัท

“ งั้นเอาเป็นว่า ที่นั่งของ ลูเซีย ก็เอาข้างๆ แอนนา ก็แล้วกันนะ แอนนา ฝากเพื่อนด้วยนะ ”
อาจารย์ บุษบารี ว่าพลางชี้ไปที่นั่งข้างๆ แอน ที่ว่างอยู่

“ ได๋เลยค่า ทีชเชอร์(Teacher) ไวใจ มี(Me) ได๋เลยค่า~~ ”
แอน รับคำด้วยความยินดี ขณะที่ ลูเซีย เดินเข้ามา เพื่อจะนั่งที่ ตลอดทางก็มีเพื่อนๆให้ความสนใจเธอ
และแลกเปลี่ยนกันแนะนำตัวไปด้วย

“ สุดยอดเลยนะ ลูเซีย เธอเล่น Summoner Master Card เก่งจังเลย แค่วันแรกก็ล้มอาจารย์ รัตนชา ได้แล้ว ”
“ หน้าตอนอาจารย์ รัตนชา เหวอน่ะสุดๆไปเลย ”

เพื่อนๆต่างชวนเธอคุยถึงเรื่องการดวลกับอาจารย์ ที่หน้าประตู พร้อมกันมากมาย

“ นักเรียนคะ ชั่วโมงเรียนของเราจะเริ่ม…. ”
อาจารย์ บุษบารี ที่พยายามจะเริ่มชั่วโมงเรียนก็ถูกขัดด้วยเสียงพูดดังเจี้ยวจ้าว
ของเหล่านักรียนที่กำลังเห่อนักเรียนใหม่ จนไม่เป็นอันเรียน

“ นักเรียน ขา~~… ”
อาจารย์ บุษบารีตอนนี้ถูกลืมไปโดยเรียบร้อย เพราะไม่มีใครสนใจฟังกันเลย

“ จริงสิ เธอน่ะ ที่ช่วยฉันไว้เมื่อเช้าขอบคุณมากเลยนะ ”
ลูเซีย ที่พึ่งนึกได้เมื่อเจอหน้า ธนัท จึงขอบคุณเรื่องเมื่อเช้าที่ช่วยเธอไว้ไม่ให้ล้มหัวคมำ

“ ม..ไม่เป็นไร.. ”
ธนัท กล่าว การสนทนาระหว่างเธอกับธนัท นั้น อยู่ในสายตาของ ชุติการ ที่คอยมองอยู่ห่างๆ

“ หึงเค้าเหรอ ”
เสียงของ เคียว ดังขึ้น ข้างทำเอาเธอสะดุ้งเกือบล้ม

“ ค…เคียว… ”
ชุติการ เผยอด้วยความตกใจ ขณะที่เคียว จ้องมองเธอด้วยสายตาเรียบเฉยเหมือนเคย

“ ถึงจะไม่แสดงออกแต่แววตาเธอมันบอกอยู่น่ะ ”
เคียว กล่าวเสียงเรียบ ชุติการ ที่ยังอึกอึงอยู่กับคำพูดของ เคียว ก็นิ่งอยู่สักพัก ขณธที่หน้าแดงระเรื่อๆขึ้นเรื่อย

“ ย..อย่าไปบอก ธนัท ซะล่ะหมอนั่นล้อฉันตายแหงแก๋ ”
ชุติการ กระซิบขอร้อง เบาขณะที่ก็มเก็บใบหน้าที่แดงเป็นมะเขือเทศของเธอ

“ เธอเปลี่ยนไปนะ…ถ้าเป็นทุกทีป่านนี้ฉันโดนเธอตะหวาดไปแล้ว ”
เคียว กล่าว

“ ก็คงงั้น ” ชุติการ ตอบเสียงแผ่วๆโดยไม่เงยหน้า
“ เพราะเป็นเรื่องของ ธนัท เหรอ?~ ” เคียวถาม ต่อ

“ จะถามต่ออีกไหมเนี่ย! ”
ชุติการ เริ่มจะฉุนขึ้นมานิดๆเมื่อถูกซักมากๆเข้า

“ ไม่ล่ะ ฉันยังไม่อยากโดนเธอ กระทืบแบน ”
เคียว ตอบตัดบท แล้วก็เดินกลับไปนั่งที่เงียบๆ

“ ตาบ้า ธนัท ไหง 2 ปีก่อนตอนที่นายไปช่วยฉันที่ถูกจับตัวไป นายบอกว่าชอบฉันไงล่ะ
แล้วไหงคบกันมา 2 ปีแล้ว แต่ไม่เห็นมีอะไรคืบหน้าเลยล่ะเนี่ย ”
ชุติการ บ่นอุบอิบอยู่กับตัวเอง ขณะที่ มอง ธนัท กำลัง ถูกนักเรียนใหม่อย่าง ลูเซีย ซักทอดเอาเป็นต่อยหอย

“ เอ่อคือ ว่าจะถามหน่อยน่ะ เราสองคนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนรึเปล่า… ”
ธนัท ที่สบโอกาส ก็เลยชิงถามเธอเอาเสียตอนนี้เลยถึงความรู้สึกคุ้นเคยที่ทั้งเค้าและ ชุติการ ก็เป็นเหมือนกัน

“ คือเรื่องนั้น จะว่ายังไงดีล่ะ ฉันเองก็นึกไม่ออกเหมือนกัน รู้แต่ว่ารู้สึกเหมือนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนน่ะ จริงสิ
กับเธอคนนั้นก็ด้วย ที่ชื่อ ชุติการ น่ะ ”
ลูเซีย กล่าวจบก็หันไปมอง ชุติการ ที่นั่งกึ่งซึมกึ่งโมโห อยู่ที่โต๊ะกลางห้องเรียน

“ ชุติ น่ะเหรอที่จริง ยัยนั่นก็รู้สึกเหมือนกันว่าคุ้นหน้าคุ้นตาเธออยู่น่ะ ”
ธนัท กล่าวขณะที่หันไปมอง ชุติ แล้วก็ต้องเอียงคอด้วยความฉงน ที่เห็นเธอนั่งบูดอยู่ตรงนั้น

“ เอแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกแหะ.. ”
ลูเซีย เปรยขณะที่พยายามนึกอยู่ว่าเคยเจอพวกเค้าทั้งสองที่ไหนมาก่อน

“ เฮอะ ยัยเฟอะ เนี่ยต่อให้นั่งนึกถังวันก็นึกไม่ออกหรอก เพราะข้างในน่ะมันกลวงหมดแล้ว
ขนาดแค่เดินมาโรงเรียน ฉันให้แผนที่ ก็แล้วแถมขีดเส้นทางระบุไว้เรียบร้อย ยัยเฟอะนี่ยังหลงทางจนมาสาย
สิได้อีก เชื่อเค้าเลย ”

โคทาโร่ บ่นขึ้นแทรกการสนทนาของ เธอกับ ธนัท แล้วยังไปจี้จุดเธออีก คราวนี้
เธอเริ่มจะหงุดหงดขึ้นมาอีกแล้ว


“ นี่นาย!! นายมีปัญหาอะไรกับฉันกันแน่ถึงได้ตามจิกตามกัดไม่เลิกแบบนี้น่ะ ที่วิ่งชนไปเมื่อเช้าฉันก็ขอโทษไปแล้วนี่ ”
ลูเซีย ตะคอกใส่ พลางกระแทกตัวลงบนโต๊ะเรียนที่ โคทาโร่ นั่งอยู่

“ ฉันก็ไม่เห็นจะตามไล่กัดเธอ อะไรเลยนี่ แค่พูดความจริงเท่านั้นเองหรือว่าไม่จริงล่ะ ยัยเฟอะ ”
โคทาโร่ สวนพลางตีสีหน้าชวนหาเรื่องใส่เต็มที่

“ หนอย~~นายนี่มัน! …ถ้าวันนี้ฉันไม่เอาเลือดนายออกมาล้างปากให้ได้ล่ะก็ อย่ามาเรียกว่าฉัน
ลูเซีย เล้ยยย ว้ากกกกก!! ”
สิ้นคำ เส้นสติเส้นสุดท้ายของเธอก็ขาดผึงก่อนจะเข้าไป ทะเลาะกับโคทาโร่ จนวุ่นไปทั้งห้อง

…………………..
……………………………….
………………………………………….
16.45 น. หลังเลิกเรียน

ตอนนี้เป็นเวลากลับบ้าน โดยปกติแล้ว จะมีนักเรียนส่วนใหญ่อยู่ทำกิจกรรมชมรมกันซะเป็นส่วนมาก
แต่เนื่องจากนี่เป็นวันเปิดเทอมแรกของ ปีการศึกษา ดังนั้นกิจกรรมชมรมในวันนี้จึงถูกทางโรงเรียนงดไว้ก่อนชั่วคราว

ดังนั้น นักเรียนส่วนใหญ่ จึงเดินทางกลับออกจากโรงเรียน และไปทำธุระของตนต่อไป
บางคนก็อาจจะไปเรียนกวดวิชา บ้างก็ไปเล่นเกม เที่ยวเตริดเตร่ไปเรื่อย บ้างก็อาจจะกลับบ้านเลย
เพราะทางบ้านอาจเข้มงวดหรือด้วยเหลุผลประการใดก็ตาม

“ น่าโมโห ที่สุดเลย ตาบ้าโคทาโร่ นั่น ”
ลูเซีย ยืนบ่นอย่างไม่พอใจอยู่หน้าห้องเรียน ขณะที่คนอื่นส่วนใหญ่กลับกันหมดแล้ว
แสงแดดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบกับ ใบหน้าของเธอจนรู้สึกร้อน
ขณะที่เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ เม็ดเหงื่อค่อยๆปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอรออยู่นานมากจน
ชุดแทบจะชุ่มไปด้วยเหงื่อ

“ โอย ทำไม พี่ริน ถึงได้ช้านักล่ะเนี่ย เฮ้อ~~ ”
ลูเซีย ครางพลางย่อตัวลงนั่งกับพื้นระเบียงทางเดิน จากที่ตอนแรกแดด ส่องตรงเข้ามายังระเบียง จนตอนนี้
ตะวันจะคล้อยดิน แดดเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม อมม่วง และถอยห่างออกจากตัวเธอไปเรื่อยๆ
เวลาผ่านไปนานมากแล้ว

18.00 น.
“ ลูเซีย พี่มาแล้วจ้ะ ”
ริน รุ่นพี่นักเรียนสาว ที่พึ่งเดินขึ้นมาถึงหน้าห้องเรียนที่ ลูเซีย อยู่รอเธอจนเหนื่อย เป็นเวลา
หนึ่งชั่วโมงกว่าๆ

“ ช้าจังเลยค่ะพี่ริน หนูมารออยู่ตั้งกะ สี่โมงสี่สิบห้าแล้วนะเนี่ย ”
ลูเซีย บ่นด้วยความน้อยใจ ที่รุ่นพี่มารับเธอช้า

“ ขอโทษนะ ลูเซีย พอดี น้องชายพี่ เค้าต้องกรอกเรื่องใบสมัครเรียนวิชาการทหารน่ะ พี่ก็เลยต้องไปอยู่ช่วยเค้ากรอกรายละเอียดก่อน เพราะ พี่ศรี ก็ดันติดธุระวันนี้ซะด้วย ”
[ไม่ต้องสงสัยวิชาการทหารมันก็คือ ร.ด. นั่นเอง]
ริน กล่าวขอโทษเธอ ที่มารับช้าก่อนจะบอกเหตุผลให้เธอฟัง จากนั้นทั้งสองจึง เดินลงจากอาคารเรียนลงมา

“ พี่ริน มีน้องชายด้วยเหรอคะ! เท่าที่จำได้หนู จำได้ว่า มีพี่ริน กับ พี่ศรี เองนะคะตอนที่มาเยี่ยมบ้านพี่น่ะ ”
ลูเซีย ถามด้วยความสนใจ หลังจากที่ตลอดทางที่เดินลงจากอาคาร ฟัง ริน บ่นเรื่องการ กรอก
ประวัติเพื่อสมัครเรียนวิชาการทหารของ น้องชาย มาตลอดทาง

“ มีสิ ตอนที่ ลูเซีย มาเยี่ยมบ้าน เมื่อ 4 ปีก่อนก็เจอเค้าไปแล้วนี่จ้ะ ”
ริน ตอบขณะที่ ลูเซีย พยายามจะนึกถึงเรื่องราวเมื่อครั้งนั้นแต่เธอก็นึกไม่ออกอยู่ดี
มันนานมากแล้วเกินกว่าที่เธอจะอะไรได้ละเอียดพอ

“ ถ้านึกไม่ออกก็เดี๋ยวยังไง กลับไปบ้านก็ได้เจอเองล่ะจ้ะ ”
ริน พูดขึ้นเมื่อเห็นว่า ลูเซีย ทำหน้าทำตานึกอย่างเอาเป็นเอาตาย

“ ก็จริงนะคะ งั้นไว้กลับไปเดี๋ยวเจอก็คงจำได้ล่ะมั้ง ”
ลูเซีย เปรยขึ้น

“ ดีล่ะนี่ก็เย็นแล้วเรารีบกลับกันเถอะ วันนี้คุณแม่จะซื้อของมาเยอะแยะสำหรับเลี้ยงต้อนรับ ลูเซีย เลยนะ ”
ริน กล่าวจบ ลูเซีย ก็ทำตาโตด้วยความดีใจ

“ ถ้างั้นจะรออะไรอยู่ล่ะคะ เรารีบกลับกันเลยเถอะค่ะ ”
ลูเซีย ตอบเสียงใสขณะที่พวกเธอทั้งสอง เดินกลับด้วยกันและคุยอย่างสนุกสนานไปตลอดทางราวกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ
ก็มิปาน

…………………………
………………………………….

18.45 น.
แดด เริ่มหมดไปดวงตะวัน คล้อยดินแล้ว ราตรีได้มาเยือนพร้อมกับความอึกทึกครึกครื้นของแสงสีในเมือง
กรุง แต่สำหรับย่านพักอาศัยของหมู่บ้านนั้นจะเงียบเหงาเป็นพิเศษ เพราะผู้คนส่วนใหญ่จะออกไป
ฉลองหรือ ไม่ก็ยังไม่กลับจากทำงาน รถมีวิ่งไม่ค่อยมากเหมือนสมัยก่อนแล้ว เนื่องด้วยระบบคมนาคม

แบบใหม่ที่ใช้พลังเวทมนต์ ทำให้สามารถเดินทางด้วยการวาร์ปเคลื่อนที่ผ่านโครงข่าย สนามพลังเวทย์
ไปได้ทุกที่ ยานพาหนะจึงค่อยๆหมดความสำคัญไป เพราะการเดินทางด้วย วาร์ป จะประหยัดเวลากว่า
และยังประหยัดค่าใช้จ่ายมาก กว่าเพราะไม่ว่าจะใกล้หรือไกลแค่ไหน เพียงไม่กี่วินาทีคุณก็เดินทางข้ามจังหวัดได้

เป็นธรรมดาที่มนุษย์ย่อมต้องหันไปหาสิ่งที่ดีกว่าดังนั้นในยุคนี้ รถและยวดยานพาหนะจะถูกใช้
เพื่อการเดินทางในระยะสั้นมากๆเสียเป็นส่วนใหญ่ หรือใช้เพื่อการเที่ยวชมเมืองมากกว่า

แสงจากหลอดไฟของเสาไฟในยุคนี้ก็ถูกเปลี่ยนให้ไปใช้พลังงานเวทมนต์แทน จึงไม่ต้องมีการ
ต่อสายไฟระโยงระยาง หรือมีการตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าอีกต่อไปเพราะพลังงานเวทมนตื นั้นฟุ้งกระจายตัวอยู่ในชั้นบรรยากาศของโลกแล้ว ดังนั้นการหยิบสรรพลังงานเหล่านี้มาใช้จึงต้องการเพียงแค่อุปกรณ์
สำหรับดึงเอาพลังงานในห้วงอากาศออกมาเท่านั้น

แสงไฟจากถนนหน้าบ้าน ลอดผ่านม่านหน้าต่างห้องเข้ามา ภายในห้อง เด็กหนุ่มสองคนกำลัง
พูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้

“ วันนี้มันวันซวยชัดๆเลย ต้องมาอยู่ร่วมห้องเรียนกับยัยเฟอะนั่นน่ะ ”
โคทาโร่ บ่นน้ำเสียงขุ่นเคือง ขณะที่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ด

“ ก็ถ้านายไม่ไปว่าเค้าก่อนเค้าก็ไม่มาหาเรื่องนายแบบนี้หรอกน่า ”
ธนัท ตอบโดยหวังว่าเค้าจะหยุดบ่นซักทีเพราะตั้งแต่กลับมา โคทาโร่ ก็เอาแต่บ่นกรอกใส่หูจนน่ารำคาญ

“ นายจะบอกว่าฉันเป็นฝ่ายไปหาเรื่องก่อนงั้นเหรอ! ”
โคทาโร่ ทิ้งเสื้อเชิ้ตลง พลางหันมามอง ธนัท ตาขวางด้วยความหงุดหงิด

“ ก็แล้วมันไม่ใช่รึไงล่ะจากที่ฉันเห็น เค้าก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไรซักหน่อยนี่ ดูๆไปก็เหมือนสมัยนาย ย้ายมา
เรียนที่นี่ใหม่ๆน่ะแหล่ะ แต่ถ้าเทียบกับไอ้ซ่าส์ บ้าเลือดแถวนี้ ลูเซีย ยังพอเป็นผู้เป็นคนกับเค้าหน่อยล่ะนะ ”
ธนัท ตอบประชดประชันเล็กน้อย เพราะไม่ชอบเลยที่อยู่ๆ โคทาโร่ ก็มาทำตาขวางใส่
แถมทำท่า ขู่เหมือนจะหาเรื่อง

“ นายว่าใครเป็น ไอ้ ซ่าส์ บ้าเลือดนะ!! ”
โคทาโร่ ตะคอกเสียงด้วยความฉุนขาด

“ เอ้อไม่รู้สินะ? ”
ธนัท ตอบปัดๆขณะที่ปลดกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายแล้ว กำลังจะถอดเสื้อ ออก

…………..
……………………

ขณะเดียวกัน ที่ชั้นล่างของ บ้าน ธนัท

“ กลับมาแล้วค่า~~ ”
ริน และ ลูเซีย ที่กลับมาถึงแล้วตะโกนขึ้นพร้อมกัน หลังจากถอดรองเท้าไว้ที่ชั้นวางแล้ว
ทั้งสองจึงเดินเข้ามาที่ห้องครัว


“ กลับมาแล้วเหรอจ้ะ เดี๋ยว ลูเซีย ขึ้นไปเก็บของอาบน้ำอาบท่าก่อนก็แล้วกันนะ
เดี๋ยวกับข้าวก็จะสร็จแล้วล่ะจ้ะ ”
คุณแม่วัย 40 กล่าวขณะที่กำลังวุ่นอยู่กับการ ปรุงรสซุปในหม้อที่เคี้ยวอยู่บนเตาในห้องครัว
กลิ่นของมันหอมโชยเตะจมูก ไม่น้อย ทำเอา ลูเซีย รู้สึกหิวท้องกิ่ว

“ ค่ะ คุณป้า ”{โอ้ย ฉันอดใจรอไม่ไหวแล้วนะเนี่ย รีบไปอาบน้ำแล้วรีบลงมากินดีกว่า ชักจะหิวแล้วด้วยสิ
วันนี้อารมณ์เสียมาทั้งวันแล้วเพราะอีตาบ้า โคทาโร่ นั่นแท้ๆ}
ลูเซีย ตอบแม่ของ รินไป ก่อนจะตรงปรี่ไปที่บันไดทันที

“ เอ่อ พี่ริน คะห้องของหนูอยู่ทางไหนเหรอคะ ”
ลูเซีย ตะโกนลงมาถาม หลังจากขึ้นไปจนถึงระเบียงข้างบนแล้ว

“ อยู่ฝั่งในสุดเลยน่ะ เข้าไปในห้องแล้ว จะมีห้องเล็กอยู่อีกห้องเข้าไปรอในห้องก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่จะไปบอกให้ว่า
ประตูห้อง ลูเซีย อยู่ตรงไหน ”
เสียงของ ริน ดังขึ้นมาจากด้านล่าง ลูเซีย รับคำเธอเสียงดังก่อนจะ ออกเดินไปตามระเบียงสั้นๆจนสุด
ที่กำแพงด้านในเธอหันหน้าเข้าหาประตู ขณะที่มือกำลังจะบิดลูกบิดประตูนั้น
เธอก็ได้ยิน เสียงอึกทึกครีกโครมจากภายในห้องดังออกมา

{มีใครอยู่ในห้องด้วยเหรอ เสียงดังกันจัง หรือว่าจะเป็นน้องชายของ พี่รินน่ะ เข้าไปเลยดีไหมนะ
อืมคงไม่เป็นไรมั้งก็พี่รินบอกให้เข้าไปรอได้เลยแถมจะได้เห็นหน้าให้ชัดๆไปเลยว่าเป็นใคร
คนที่เราลืมหน้าไปเมื่อ 4 ปีก่อนน่ะ}
ลูเซีย คิดก่อนที่จะบิดลูดบิดประตู


…….

“ เอ่อนี่ ริน ”
แม่ถาม รินขึ้นมาขณะที่ ริน กำลังช่วงเธอหั่นผักอยู่

“ คะคุณแม่ ”
ริน ตอบขณะที่ออกแรกกดมีดลงไปบนผัก

“ แม่ลืมไปน่ะเมื่อกี้ ธนัท กับ โคทาโร่ พึ่งจะกลับมาก็เลยขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องอยู่น่ะนะ ”

กึก!

ทันทีที่ แม่พูดจบประโยค ริน ถึงกับหยุดมีดทันที


………………….

แกร็กกก แอ๊ดดดด

“ ขอรบกวนหน่อยนะ ”
เสียงของ ลูเซีย ดังขึ้นพร้อมลูกบิดประตูถูกบิดก่อนประตูจะถูกผลักออก
สิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าทำเอาเธอ นิ่งไปเลยทีเดียว เมื่อเด็กหนุ่มสองคนที่ใส่เพียงกางเกงนักเรียนขาสั้นเพียงตัวเดียว
กำลัง กอดคอกันอยู่ในห้อง

“ พวกเธอ…. ”
ลูเซีย เปรยตาโตด้วยความประหลาดใจ ขณะที่ ธนัท กับ โคทาโร่ ที่กำลังทะเลาะกันอยู่
พึ่งจะสังเกตุว่า ลูเซีย กำลังจ้องมองพวกเค้าอยู่

“ ลูเซีย ”
“ ยัยเฟอะ ”
ทั้งสอง เอ่ยขึ้นพร้อมกัน ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบเฉียบลง
ก่อนที่เสียงตะโกนด้วยความตกใจจะดังขึ้นจากทั้งสองฝ่าย

“ ทำไมพวกนายถึงได้มาอยู่ที่นี่!!!!! ”
“ ทำไมเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ!!!!!! ”

และแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ลูเซีย อาคแอง จะต้องย้ายเข้าอยู่ที่บ้านของ ธนัท และ โคทาโร่
เรื่องราวจะเป็นเช่นไร โปรดติดตามในตอนต่อไป



To be continue


“ สงครามปฏิวัติ มนุษย์แปลงพันธุกรรม เมื่อ 50 กว่าปีก่อน มันมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วยล่ะ ”

“ และตัวการที่ก่อเรื่องพวกนี้ขึ้นคิดว่าคงเป็น….Neo-Nazism(เนโอนาซี) พวกลัทธิการเมืองหัวรุนแรงของเยอรมัน ที่เริ่ม
ความเคลื่อนไหวของลัทธิใหม่


“ ต้องขอ อภัยด้วย ท่านประธาน ที่ดิฉันเรียกคุณมาในเวลานี้ แต่เพราะศูนย์วิจัยที่นี่จะว่างที่สุดก็ตอนนี้
มันจึงเหมาะสมกับธุระที่เรียกคุณมา ”
การกลับมาของเค้า

“ 3 เทพอสูรดึกดำบรรพ์ สามอสูรแห่ง พสุธา สมุทรา และ นภา น่ะเหรอ ”

เงื่อนงำที่เริ่มเผยขึ้นมา

ทั้งหมดนี้ใน Next Sub-Turn 03 Foresight Disaster (หายนะที่กำลังจะปรากฏ)



ช่วงสครีม

สำหรับ sub-turn 2 นี้ ก็จบกันไปแล้วนะครับ กับการดวลแรกเปิดศักราช ซีรี่ย์นี้อีกรอบ
สำหรับเนื้อหาในบทนี้ ค่อนข้างจะไร้สาระไปหน่อย (มามันทุกอนิเม จริงๆ)
แถมพึ่งเปิดมา 2 ตอน พี่เทพเราโผล่ซะแล้ว เหอๆ

ต้องขอบอกก่อนนะครับว่า โรงเรียนมนต์วิทยา จริงๆแล้วไม่ได้ วุ่นวายแฟนตาซี มันทุกวันหรอกนะ ไม่ใช่ มาโฮระ ของเนกิ
(แต่อีกไม่นาน เนกิ อาจตามมาสอนที่นี่ เพราะที่นี่มี เจ้า โคทาโร่ อยู่แล้ว อ้อพวก ไดสุเกะ ก็อยู่เหอๆ)

สำหรับผู้ที่เคยอ่านภาคแรกจะรู้เลยว่า เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่ดวลการ์ดแต่เรามีสีสันมากมาย ใช่บ่ คุณ boy คุณ Professor Dragon
เหอๆ ภาคที่แล้วมีการเอา คนที่มาเข้าชมกระทู้เข้ามาร่วมแจมในนิยาย ด้วย เพราะงั้นบางทีใครบางคนในนี้
อาจได้เข้ามาอยู่ในซีรี่ย์ก็ได้
(ที่แน่ๆ ตอนนี้มี ศรี แล้วล่ะคนหนึ่ง รอว่าเมื่อไหร่ ภูเขา จะมีบท เหอๆ)


เอาล่ะ นอกเรื่องไปไกลเข้าเรื่องเลยดีกว่า ที่อยากจะบอกก่อน ให้ทุกท่านรับทราบกันไว้โดยถ้วนหน้า
หลักของเรื่องนั้นหลังจากผู้ชมทุกท่านได้อ่านกันมา แล้วอาจจะกำลังคิดอยู่ว่า นี่คงจะเป็นนิยาย ดวลการ์ดแบบแฟนตาซีสดใส
ปนรักแบบกุ๊กกิ๊ก เหมือนในการ์ตูนดังหลายๆเรื่อง แล้วล่ะก็ท่านคิดผิดอย่างแรง สำหรับผู้ที่เคยผ่านตาภาคแรกมาแล้ว

คงเข้าใจสินะครับว่า ตอนช่วงไคล์แมกซ์สุดท้ายก่อนจบภาคแรกของ Vr เราเป็นเช่นไร
(ขอย้ำว่า โดนเพื่อนที่โรงเรียนที่มันตามอ่านกัน ไล่เอารองเท้าปากันจะๆ ) แน่นอนภาคนี้ก็ด้วย เพียงแต่ตอนนี้เนื้อหามันยัง
ไม่หนักเท่าไหร่ แต่ขอคอนเฟิร์มเน้อว่า ช่วงหลังของเรื่องนี้ เนื้อหาหนักแน่นอน จะดราม่ากว่าภาคที่แล้ว ซักสิบเท่าได้
ใครต่อมน้ำตาแตกง่าย เตรียมทิชชู่วด้วยเน้อ และด้วยความแค้นในภาคที่แล้ว ที่ พระเอกกับนางเอก

ของเราบ่ได้ลงเอยกันด้วย เลิฟซีนสุดหวานเลี่ยน (ไม่ได้ประกบ Mouse too Mouse กันนั่นล่ะ)เพราะอายุของตัวละครไม่ผ่าน กบว.
เหอๆ (เสียวโดนอุ้มจริงๆ)ภาคนี้ อายุขึ้นมาถึงแล้ว เตรียมโดนแกล้งเต็มที่ได้เลย เพราะพวกแกอายุพอจะเข้าเนื้อเรื่องแบบดราม่าหนักหัวแล้ว เหอๆ ธนัท โคทาโร่ พวกนายสองคนจะต้อง........

ธนัท: ไม่ต้องคิดจับเราสองคนมาเขียนชวนจิ้นวายอีกนะว้อยยยย
โคทาโร่ : ภาคที่แล้ว ไหงฉันเป็นพระรอง แต่ไม่มีนางเอกฟะ

เกรม่อน: ไม่รู้ไม่ชี้ อยากมีเรื่องตอนนี้ก็ไม่กลัวเฟ้ย

ธนัท โคทาโร่: รุมกระทืบมันเลยละกันเรามีสองคน

/fiction Meister ACE/ ::013::

ธนัท โคทาโร่ : เอ๋


เกรม่อน : ลืมไปแล้วเรอะว่า ฉันคือ ACE ผู้ทำลายและกอบกู้ทุกสิ่ง ว่ะฮ่าๆๆ

/Action Write!!/

ธนัท โคทาโร่ : แว้กกก


จบการสครีมแต่เพียงเท่านี้ อ้อ อาทิตย์หน้างดหนึ่งตอน เนื่องจากต้อง ทำ Op ให้เสร็จ ::006::
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2011 1:32 am, แก้ไขแล้ว 5 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 02 Obsidian Attack

โพสต์โดย boy เมื่อ จันทร์ ส.ค. 31, 2009 5:47 pm

::011:: รัศมีวายอันเปล่งปลั่งส่อให้เห็นว่า ตอนหน้าอาจจะมีวายออกมาเพิ่ม

กร๊ากๆ (ตอนต่อไปหรือนานกว่านั้น ผมขอเดาว่ามี Ziz,Behemoth แล้วก็ Leviathan ด้วย)
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 02 Obsidian Attack

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ จันทร์ ส.ค. 31, 2009 6:41 pm

รัศมีวายอันเปล่งปลั่งส่อให้เห็นว่า ตอนหน้าอาจจะมีวายออกมาเพิ่ม

กร๊ากๆ (ตอนต่อไปหรือนานกว่านั้น ผมขอเดาว่ามี Ziz,Behemoth แล้วก็ Leviathan ด้วย)


โอ้ เจ้าเกรม่อน มันนึกเพี้ยนอะไรขึ้นมาล่ะเนี่ยอยู่ๆก็มา เปิดหัวเรื่องชวนวายกันตั้งแต่ต้นแบบนี้
จะว่าลางดีมันก็ดีอ่ะนะ สำหรับคนชอบวาย แต่ที่จริ เจ๊ว่ามันลางร้ายขั้นวิกฤติ แหงมๆ เวรแล้ว หรือว่าซีรี่ย์นี้ มันจะ
ดราม่ามากตอนท้ายถึงขั้นมีการเชือดตัวละครทิ้งกันเป็นว่าเล่นแบบ ตำนาน Thaliwilya ::036::

ส่วน Ziz Behemouth Leviathan ที่จริงมันก็น่าจะรู้อยู่แล้วอ่ะน้า ว่าต้องเป็นพวกมันชัวร์ เพราะตอนภาคแรก
ก็เห็น มันบ่นๆไว้ (แต่ไม่นึกว่าจะเอาจริง) แถม ตอนต่อไปบทพูดการันตีซะขนาดนั้น ทั้งสงคราม DNA-Changer
เมื่อ 50กว่าปีก่อนนู่น ก็เป็นช่วงที่ พวกสามเทพอสูร วิปริตร นี่มันจุติลงมาล้างโลกพอดีถ้าไม่ได้
พลังของเหล่าผู้กล้าในตำนาน มาช่วยกันอัญเชิญจอมทัพแห่งสวรรค์(นี่ก็คาดว่า อาคแองเจิล มิคาเอล ชัวร์)

ดังนั้นภาคนี้มันชี้ชัดกันจะๆว่า เนื้อหาต้องแรงกว่าภาคแรก 3 เท่าเพราะภาคที่แล้ว มีเรราเย่ ตัวเดียว
แถมพี่ปอ ของพวกเรา คิดว่าคงออกบทหน้าล่ะเนี่ย แหงเลย

จะว่าไปเรื่องนี้พวกดัดแปลงพันธุกรรม เด่นๆในเรื่องนี่มี พี่ปอ พี่จิงค์ โคทาโร่ ไดสุเกะ 4 คนเองแหะรอดู
ต่อไปว่าจะมีเพิ่มไหม จะว่าไป ไหงรอบนี้มุขมั่วอนิเม มันเยอะเป็นพิเศษเลยล่ะ หรือว่า
นี่แกจะเอาตัวอื่นจากเรื่องอื่นมาเสริมอีกเรอะ ถ้ารอบนี้กลางเรื่องมีอาจารย์เข้าใหม่เป็น เนกิ ล่ะก็ฉันจะไม่แปลกใจเลยสิ
ภาคที่แล้ว ขนาด ไดสุเกะ ยังมา คิระ ก็มี โคทาโร่ ก็อยู่ มุขเซนท์เซย่า ก็เล่น แซงทัวรี่กับ 12 Starter อีก

รอบนี้พี่ปอ คงเป็นไคบะ สินะ เหอๆ บ้าแล้ว ฉานนน ::012::
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 02 Obsidian Attack

โพสต์โดย JX~Mystalgikus เมื่อ จันทร์ ส.ค. 31, 2009 8:23 pm

Cocka-C เขียน:
รัศมีวายอันเปล่งปลั่งส่อให้เห็นว่า ตอนหน้าอาจจะมีวายออกมาเพิ่ม

กร๊ากๆ (ตอนต่อไปหรือนานกว่านั้น ผมขอเดาว่ามี Ziz,Behemoth แล้วก็ Leviathan ด้วย)


โอ้ เจ้าเกรม่อน มันนึกเพี้ยนอะไรขึ้นมาล่ะเนี่ยอยู่ๆก็มา เปิดหัวเรื่องชวนวายกันตั้งแต่ต้นแบบนี้
จะว่าลางดีมันก็ดีอ่ะนะ สำหรับคนชอบวาย แต่ที่จริ เจ๊ว่ามันลางร้ายขั้นวิกฤติ แหงมๆ เวรแล้ว หรือว่าซีรี่ย์นี้ มันจะ
ดราม่ามากตอนท้ายถึงขั้นมีการเชือดตัวละครทิ้งกันเป็นว่าเล่นแบบ ตำนาน Thaliwilya ::036::

ส่วน Ziz Behemouth Leviathan ที่จริงมันก็น่าจะรู้อยู่แล้วอ่ะน้า ว่าต้องเป็นพวกมันชัวร์ เพราะตอนภาคแรก
ก็เห็น มันบ่นๆไว้ (แต่ไม่นึกว่าจะเอาจริง) แถม ตอนต่อไปบทพูดการันตีซะขนาดนั้น ทั้งสงคราม DNA-Changer
เมื่อ 50กว่าปีก่อนนู่น ก็เป็นช่วงที่ พวกสามเทพอสูร วิปริตร นี่มันจุติลงมาล้างโลกพอดีถ้าไม่ได้
พลังของเหล่าผู้กล้าในตำนาน มาช่วยกันอัญเชิญจอมทัพแห่งสวรรค์(นี่ก็คาดว่า อาคแองเจิล มิคาเอล ชัวร์)

ดังนั้นภาคนี้มันชี้ชัดกันจะๆว่า เนื้อหาต้องแรงกว่าภาคแรก 3 เท่าเพราะภาคที่แล้ว มีเรราเย่ ตัวเดียว
แถมพี่ปอ ของพวกเรา คิดว่าคงออกบทหน้าล่ะเนี่ย แหงเลย

จะว่าไปเรื่องนี้พวกดัดแปลงพันธุกรรม เด่นๆในเรื่องนี่มี พี่ปอ พี่จิงค์ โคทาโร่ ไดสุเกะ 4 คนเองแหะรอดู
ต่อไปว่าจะมีเพิ่มไหม จะว่าไป ไหงรอบนี้มุขมั่วอนิเม มันเยอะเป็นพิเศษเลยล่ะ หรือว่า
นี่แกจะเอาตัวอื่นจากเรื่องอื่นมาเสริมอีกเรอะ ถ้ารอบนี้กลางเรื่องมีอาจารย์เข้าใหม่เป็น เนกิ ล่ะก็ฉันจะไม่แปลกใจเลยสิ
ภาคที่แล้ว ขนาด ไดสุเกะ ยังมา คิระ ก็มี โคทาโร่ ก็อยู่ มุขเซนท์เซย่า ก็เล่น แซงทัวรี่กับ 12 Starter อีก

รอบนี้พี่ปอ คงเป็นไคบะ สินะ เหอๆ บ้าแล้ว ฉานนน ::012::


ท่านพี่การุรุ ไหงพูดซะเสียงั้นล่ะคร้าบบบบบ แหม~ (แต่ว่าสังหรณ์ไม่ดีเลยเน้อ ยิ่ง ACE กำลังจะออกมาด้วย)

สามเทพอสูร ภาคที่แล้วมีแค่เรราเย่ สงสัยว่านอกจากสามเทพอสูรเนี่ย อาจมีอสูรมาอีก
(จากคัมภีร์โซโลมอนรึเปล่าน้า เรราเย่ก็ 1 ใน 72 น้า~)

ส่วนความวาย ...เอ่อ... ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจนะครับ หุหุ ::036:: มิสันทัดในเรื่องนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
JX~Mystalgikus
0
 
โพสต์: 181
Cash on hand: 350.00
ที่อยู่: ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 02 Obsidian Attack

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ ส.ค. 31, 2009 10:30 pm

เจ้าการุรุม่อน ป่วนซะวุ่นเชียวนะ ก็เจ้า โค กับ ธนัท ภาคที่แล้วมันย้ายมาอยู่บ้านเดียวกันแล้ว
จะนอนห้องเดียวกันมันแปลกตรงไหนนนนนน (อย่าได้จิ้นไปว่ามันเป็นสามีภรรยากันน้า ::036:: )
เอาเถอะ พลังวายมันจะหยุดได้เยี่ยงไร ไม่ขอห้าม ถ้าจะจิ้นกันอ่ะนะ เพราะบทเดิมทีต้นเรื่องจะให้เนื้อเรื่องเบาๆไปก่อนเน้อ
รักใสๆกุ๊กกิ๊กปนแอคชั่นการดวลไพ่ เดี๋ยวก็ทัศนศึกษาเดี๋ยวก็งานโรงเรียน เดี๋ยวก็ ปิดเทอม แล้วจากนั้น......

เหอๆๆๆๆ ::025:: งั้นก็ขอเอา ประโยคที่จะมีพูดกันใน ช่วงไคลแมกซ์ มาให้ชมกันดูเชิงไปก่อน ละกัน

"เพื่อ โลกสีครามที่แสนบริสุทธิของเรา"

"ทำไมนาย.....ทำไมนายถึงได้ไปอยู่กับพวก Magnus ล่ะ"

"นายเองก็เป็นเหมือนกับฉันไม่ใช่เหรอ เป็น DNA-Changer ไงแล้วทำไม ถึงได้ไปช่วยพวกมนุษย์ล่ะ"

"เราเลิกกันเถอะ.."




เหอๆเอาเท่านี้พอ เดี๋ยวจะพาลไม่ยอมมาอ่านกันพอดี เปนไงเอ่ย นั่นแค่น้ำจิ้มนะนั่น ขอบอกว่าถึงตอนนั้นเมื่อไหร่
เนื้อเรื่อง ดราม่าสุดๆ หากคุณคิดว่า เรกกะ พระเอกบทโศก(ปนฮา)ของ ตำนานทาลิ2 นั่นคือเศร้าและกดดันที่สุดแล้ว
ใน VR TAG นี่ล่ะเราจะปฏิวัติ มันใหม่ (ขออภัยถ้าหากในตอนจบทำให้ท่านไม่พึงพอใจ เพราะมันจะหักมุม แต่จะหักยังไงล่ะ จบแบบดีหรือแย่ ต้องมาคอยดูกัน แต่ขอล่ะอย่ามาแต่ตอนอวสานน้า คนเขียนต้องการกำลังใจ ::023:: )
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 03 Foresight Disaster

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 7:19 pm

Sub-Turn 03 Foresight Disaster



วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2702

ในค่ำคืนแสนเงียบนี้มีเพียงเสียงฝนที่โปรยปรายลงสู่ตัวเมืองที่แออัด แสงไฟจากอาคารบ้านเรือนต่างๆ
ส่องสว่างไสวอยู่ ณ ใจกลางของตัวเมือง ที่ไม่เคยนิทรานี้ ไล่ออกมาสู่ด้านนอกแสงไฟก็จะค่อยๆริบหรี่ลง
จนเมื่อไปยังสุดเขตตัวเมืองแสงไฟก็แทบจะไม่มีให้เห็นแล้ว

“ เวลาขณะนี้ 0.00 น. ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่รายการคลื่นเสียงนิทราค่ะ วันนี้เราจะเปิดเพลงของ…. ”

เสียงบรรยายของพิธีกร รายการวิทยุ ดังลอดออกจาก กระจกรถที่เปิดแง้มอยู่ สายลมหนาว พัดผ่านเข้าไปในรถ
ผ่านทางกระจกที่เปิดแง้มไว้ กระทบเข้ากับใบหน้า ของชายหนุ่มแม้ว่าลมนั้นจะหนาวเหน็บจนทำให้กระจก
หน้าต่างรถ ขึ้นฝ้าก็ตาม แต่ชายหนุ่มก็ไม่แยแส สายตาของเค้าเหม่อมอง ขึ้นไปยังท้องฟ้าในราตรีนี้

เม็ดฝนกระเซ็นเข้ามาจนคอเสื้อเชิ้ตของ เค้าเปียกชุ่ม หยดน้ำฝนไหลตามร่องบนใบหน้า
ลงไปในคอเสื้อ ตลอดการเดินทางในรถนี้ ชายหนุ่มเอาแต่ครุ่นคิดอยู่ภายในใจ
สายตาของเค้าแม้จะเหม่อมองออกไปไกลแค่ไหนแต่นั่น มันไม่ได้มีจุดหมายใดๆเลย

เอี้ยด!!

เสียงเบรครถดังขึ้นเพราะน้ำฝนที่เจิงนองอยู่บนพื้นถนน ทำให้รถยังคงไถลไปบ้าง
ประตูฝั่งคนขับรถเปิดออก ก่อนที่จะปิดลง ซักพัก ประตูรถฝั่งเค้าก็ถูกเปิดออก โดย
หนุ่มคนขับรถผมทรงหยักศกสีบลอน พร้อมกับ แสงไฟส่องจากหลอดไฟที่เพดาน กันสาดของอาคาร
ฉายเข้ามาในรถ


“ เชิญครับท่านประธาน ”
คนขับรถ เอ่ยจบ ชายหนุ่ม ที่นั่งอยู่จึงเดินลงจากรถ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเค้านั้นคือขั้นบันได ขึ้นไปสู่ประตูกระจก
ของอาคารหลังนี้ ประตูรถ ถูกผลักให้ปิดลงโดยคนขับรถ ก่อนที่มันจะออกวิ่งไปจากลานใต้กันสาด

ชายหนุ่มก้าวท้าวเดินขึ้นบันได ไปจนมาสุดที่หน้าประตูกระจก แสงจากเซ็นเซอร์ ที่ขอบประตู
แวบขึ้นมาในชั่วพริบตา ประตูกระจกค่อยๆเลื่อน ออกเองจนสุดมันรอให้เค้า ก้าวผ่านพ้นไปจากรัศมีการตรวจจับ
ของมัน และเมื่อเค้าก้าวพ้นไปแล้ว มันจึงเลื่อนตัวปิดลงเอง

ตอนนี้เค้าเข้ามาอยู่ข้างในแล้ว สิ่งที่สะท้อนออกมาจากดวงตาของเค้า คือ ที่ ตู้จัดแสดง
แบบจำลองสภาพมหาสมุทร ขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ใจกลางของห้อง ซึ่งรอบๆตัวห้อง ก็จะมี
จอมอนิเตอร์ ติดผนังฉายภาพแผนที่ของ มหาสมุทรต่างๆเอาไว้มากมาย
แสงไฟจากเพดานทำให้อุญหภูมิภายใน ห้องอุ่นกว่าข้างนอกเส้นผมที่เปียกชุ่มจึงค่อยๆแห้งลง

“ ต้องขอ อภัยด้วย คิงปอร์ (King Por) ที่ดิฉันเรียกคุณมาในเวลานี้ แต่เพราะศูนย์วิจัยที่นี่จะว่างที่สุดก็ตอนนี้
มันจึงเหมาะสมกับธุระที่เรียกคุณมา ”

เสียงที่ฟังดูอ่อนหวานและนอบน้อม จากตัวหญิงสาว ที่มาอยู่ตรงหน้าเค้า โดยที่ไม่รู้ตัวแม้ในตอนนี้
ตัวเค้าเองก็ยังดูจะสับสน ว่าทำไมตัวเองถึงได้รู้สึกเหม่อลอย ตั้งแต่ที่เข้ามาสัมผัสกับบรรยากาศภายใน
อาคารแห่งนี้ แต่ที่เค้าสนใจที่สุดคือ ธุระที่ทำให้เค้า ต้องถ่อ ออกจากบ้านในเวลาพักผ่อนของเค้า

“ ผมบอกคุณตั้งแต่ตอนที่เราคุยกันในสายแล้วนี่ว่าให้เลิกเรียกผมแบบนั้นซะ ”
เค้า ปริปากขึ้นพลางชักสีหน้าไม่พอใจ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจต่อท่าที ขึงขังของเขาเลยแม้แต่น้อย

“ ถ้ายังไงขอเชิญ ตามดิฉันมาทางนี้เลยค่ะ ”

เธอ เอ่ยปากเชื้อเชิญ ก่อนจะออกเดินนำเค้าไป เธอนำมาจนถึง ตู้แสดงแบบจำลอง มหาสมุทรที่อยู่กลางห้อง
ก่อนจะยื่นมือลงสัมผัสบนกระจกตู้ ผิวกระจกนั้นมันกระเพื่อมไหวได้ราวกับน้ำ และเมื่อเธอ ชักมือ ออก

ผิวกระจกก็ปรากฏภาพมหาสมุทร ที่คล้ายคลึงกับจุดๆหนึ่งของแบบจำลองในตู้แสดง เพียงแต่เป็นภาพที่
ขยายขึ้นมาเพื่อดูรายละเอียดใน จุดนั้นๆ

“ นี่คือพื้นที่ในเขตสามเหลี่ยม เบอร์มิวด้า ค่ะในช่วง 2 ถึง3 เดือนที่ผ่านมา ทะเลในระแวกนี้มี
การเปลี่ยนแปลงขึ้นบ่อยครั้งมาก ”
เธอ เริ่มเปิดประเด็นพร้อมกับชี้ให้ดูยังจุดที่มีเส้นสามเหลี่ยม ตีกรอบล้อมรอบเขตพื้นทะเล
ส่วนหนึ่งในภาพบนผิวกระจก

“ เปลี่ยงแปลง…บ่อยครั้ง…. ”
เค้า เปรยด้วยความสงสัย

“ ค่ะ บางครั้งกระแสน้ำอุ่นและเย็น ที่จะไหลเวียนอยู่ในบริเวณนี้ กลับหยุดนิ่งเป็นสัปดาห์ บ้างระดับน้ำทะเลที่
แหลมทั้งสามก็ลดลงไม่ก็ เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ มิหนำซ้ำยังมีเคยเกิดมีพายุ โหมกระหน่ำ อยู๋นานเกือบเดือน
ตอนแรกเราก็คิดว่ามันคงเป็นการริเริ่มเปลี่ยนแปลงที่ เกิดจาการไหลของขั้วกระแสแม่เหล็กโลกแต่…. ”

เธอ ร่ายยาวไปเรื่อยก่อนจะยื่นมือลงไปวาดเป็นวงล้อมรอบที่ กรอบสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ในแผนที่
ภาพที่ฉายจึงซูมเข้าไปยังที่สามเหลี่ยมนั้น และมีกรอบจอภาพบรรยาย รายละเอียดอื่นๆขึ้นมา

“ เมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน ปรากฏการณ์เหล่านี้กลับหายไปและไม่เกิดขึ้นอีกเลย อีกทั้งจาก การใช้พลังเวทมนต์ ในการตรวจสอบขั้วกระแสแม่เหล็กโลกแล้ว ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์เหล่านั้นขึ้น มันไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปเลยดังนั้น
นี่จึงเป็นไปได้ว่า… ”

“ พลังของอสูรอัญเชิญ สินะ ”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมา ก่อนที่เธอจะทันอธิบายต่อ

“ ค่ะ..ทางเราได้แต่สันนิษฐานเอาไว้แบบนั้นเพราะ ข้อมูลที่เราเก็บมาได้ก็มีแต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยไม่สามารถอธิบายได้ด้วยกฏทางฟิสิกส์ เลยมิหนำซ้ำแม้แต่ทาง เวทยาการมนตรา เองก็ยังไม่สามารถสรุป
ผลของปรากฏการณ์เหล่านี้ได้ อย่างถูกต้องแน่นอนที่สุด ”

เธอ เริ่มอธิบายต่อไป และในตอนนี้ เค้าก็พอจะทำความเข้าใจในธุระครั้งนี้ได้แล้ว

“ เพราะแบบนั้นก็เลยเรียกตัว ผมมางั้นสินะ…แต่ถึงบริษัทของเราจะวิจัยเรื่องพลังเวทมนต์และ อสูรอัญเชิญอยู่ก็เถอะ
แต่ผมบอกได้เลย เรื่องแบบนี้น่ะถ้าแม้แต่หน่วยงานราชการอย่างพวกคุณยังแก้กันไม่ตก ผลงานวิจันของพวกเรา ก็ไม่

สามารถอธิบายในเรื่องนี้ได้อีกเหมือนกันนั้นแหล่ะ ที่สำคัญหน่วยงานของคุณเอง ก็มาขอให้ทางเรา ช่วยในงานสำรวจนี้
อยู่ตั้งแต่แรกเริ่มแล้วมิใช่หรือ ถึงไม่ใช่การร่วมงานแบบเต็มรูปแบบก็เถอะ ”

ชายหนุ่ม ยกเหตุผลต่างๆขึ้นมาแย้งใน เรื่องที่เธอ จะขอปรึกษา ทว่าตัวเธอนั้น ไม่ได้ต้องการอย่างที่เค้าว่าเลย
เธอส่ายหน้าเบาๆ เพื่อที่จะบอกว่า ธุระที่เธอเรียกเค้ามาในครั้งนี้ ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ

“ ผิดแล้วค่ะ ท่านประธาน ที่ดิฉันเรียกคุณมาพบในวันนี้ และเป็นการส่วนตัวก็เพื่อจะถามเรื่องสงครามการปฏิวัติของมนุษย์แปลงพันธุกรรม พวก DNA-Changer ต่างหากล่ะค่ะ ”
เธอ เอ่ยขึ้นคราวนี้เธอเปลี่ยนมาเรียกเขาว่า ท่านประธานแทน แต่เค้าก็ไม่ได้สนใจกับเรื่องหยุมหยิม
ที่จะให้เธอเรียกเค้าว่าอะไรอีกก่อนจะ ยื่นไปกดลงที่กลาง ผิวกระจก ภาพทั้งหมด ได้หายไปและกลับคืน
เป็นกระจกตู้จัดแสดงธรรมดาๆดังเดิม

“ สงครามปฏิวัติ มนุษย์แปลงพันธุกรรม เมื่อ 50 กว่าปีก่อน มันมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วยล่ะ ”
“ อย่างที่คุณทราบกันดีอยู่แล้ว ในช่วง 200 ปีมานี่ตั้งแต่มนุษย์อย่างเราค้นพบพลังงานเวทมนต์
ประวัติศาสตร์ที่ตามมานั้นแทบจะมีแต่หายนะ ตั้งแต่ครั้ง หายนะ เทพอสูร เรราเย่(Leraje, the Torment of War)

จุติลงมาทำลายชาติที่คิดจะใช้พลังเวทมนต์ ในการทำสงคราม ทวีปในตะวันออกกลางทั้งหมดถูกทำลายจนวอดวายสิ้น
แน่ล่ะค่ะ ตอนนี้มันแทบจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว โลกของเราตอนนี้นั้น เรียกได้ว่า ถูกปกครองโดยเหล่าเทพอสูรพวกนี้
ถึงแม้พวกเรา จะสามารถคิดค้นและพัฒนาระบบ การควบคุมอสูรอัญเชิญ อย่าง Summoner System แล้วก็ตามที
แต่เราก็ยังไม่อาจควบคุมเทพเจ้าได้ ”

เธอ เริ่มสาธยายอีกครั้ง แต่เนื้อความที่ดูจะชักออกนอกเรื่องนอกราวทำให้เค้า หงุดหงิดกับการทีท่าที่เอาแต่
เก็บงำเนื้อความของธุระอยู่

“ แน่นอนเรื่องประวัติศาสตร์พวกนี้น่ะผม ทราบดีอยู่แล้ว แต่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ เหตุการณ์พวกนี้หล่ะ หรือคุณจะบอกว่า
อสูรเทพกำลังเตรียมจะทำลาย มนุษยชาติ หรือไง ”
แม้เค้าพยายามจะกระแทกกระทั้นให้ เธอ เข้าเรื่องแล้วก็ตามที และก็ดูจะได้ผลเธอ เงียบไปซักครู่ก่อนปริปากขึ้น

“ ก็ประมาณนั้นล่ะค่ะ ”
“ บ้าน่า มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน เทพอสูร เรราเย่ ตอนนี้ก็ถูกผนึกไปถาวรแล้วตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อนตอนนี้มันก็ไม่น่าจะเหลือ เทพอสูรตนไหนแล้ว ”

เมื่อ เธอรับคำเอาซะดื้อๆ ก็ทำให้เค้าคิดว่าเธอคงจะประชดประชันเค้าอยู่ แต่ทว่า สายตาของเธอนั้น

ไม่ได้สะท้อนออกมาเลยว่า กำลังหยอกล้อเค้าเล่นหรือ ประชดอะไร มันกลับสะท้อนออกมาเพียง
ความรู้สึกที่เคร่งเครียดและจริงจัง แววตาของเธอ มันฟ้องอยู่นัยๆว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลก

“ มีสิคะ อสูรเทพน่ะที่ยังหลงเหลือ นอกจาก เรราเย่ ”
“ น…นี่อย่าบอกนะว่าหมายถึงอสูรเทพ พวกนั้นที่จุติลงมา ครั้งสงครามปฏิวัติมนุษย์แปลงพันธุกรรม น่ะ ”

“ ค่ะพวกนั้นแหล่ะ ที่ดิฉันกำลังจะบอกคุณ เทพอสูรดึกดำบรรพ์ทั้ง 3 ที่ครั้งนึงถูกเหล่า ผู้กล้าอันเป็นตำนานแห่ง Summoner Master อัญเชิญ จอมทัพแห่งสวรรค์ลงมากำราบและผนึกพวกมันเอาไว้ใน สามเหลี่ยมหายนะเบอร์มิวด้า ”

“ 3 เทพอสูรดึกดำบรรพ์ สามอสูรแห่ง พสุธา สมุทรา และ นภา น่ะเหรอ ”

เนื้อหาของเรื่องที่เริ่มจะ คลายออกมาทำให้เค้าตื่นเนื้อตื่นตัวไปหมด ฝ่ามือชุ่มชื้นไปด้วยเหงื่อ
เช่นเดียวกับเสื้อเชิต ที่ชุ่มโชกอยู่ตอนนี้

“ ใช่แล้วค่ะ ดิฉันคิดว่าปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นรอบ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาร์ คือสัญญาณที่ว่า เหล่าเทพอสูร กำลังจะหลุดจากผนึกนั้น ”
“ เป็นไปไม่ได้น่ะ ผนึกของจอมทัพแห่งสวรรค์น่ะ ไม่ใช่ผนึกที่จะคลายออกมาได้เองเลยนะ แล้วก็วิทยาการและ เวทยาการของมนุษย์ในตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆด้วย! ”

“ ตอนแรกดิฉันเองก็คิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้หรอกค่ะ แต่ว่าถ้าเกิดปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจาก
การที่ผนึกอ่อนแรงลง และ การที่อยู่ๆปรากฏการณ์เหล่านั้นกลับหายไปน่ะ ไม่แน่เป็นไปได้ว่าพวกมันอาจจะ…. ”

“ หนีออกจากผนึก…. ”

ณ ตอนนี้สิ่งเค้าคิดก็ถูกพูดผ่านปากออกมาจนหมดโดยไม่ต้องกรั่นกรอง เรื่องเหล่านี้มันเกินกว่าที่เค้าจะเชื่อลง
ขณะที่ พยายามจะหาเหตุผลต่างมาช่วยอธิบายในเรื่องที่เค้าได้รับได้ยินมาจากเธออยู่นั้น

“ และตัวการที่ก่อเรื่องพวกนี้ขึ้นคิดว่าคงเป็น….Neo-Nazism(เนโอนาซี) พวกลัทธิการเมืองหัวรุนแรงของเยอรมัน ที่เริ่ม
แสดงทีท่าไม่พอใจต่อการยกเลิกสนธิสัญญาการจำกัดสิทธิของ DNA-Changer เมื่อ 2 ปีก่อน ”

“ ต…แต่ว่าถึงพวกมันจะเป็นกลุ่มที่มีอำนาจทางการทหารหรือการเมืองก็เถอะ แต่การปลดพลังผนึกของ
จอมทัพสวรรค์ น่ะ ”

“ ดิฉัน เองก็ไม่ทราบหรอกค่ะว่า พวกนั้นจะเป็นผู้กระทำรึเปล่าแต่มันเป็นแค่การสันนิษฐานเท่านั้น นี่คือเหตุที่ฉัน
เรียกคุณมายังไงล่ะ ท่านประธาน ตอนนี้ประเทศไทย ถือว่าก้าวหน้าที่สุดในด้าน เวทยาการ แต่จนถึงเดี๋ยวนี้แค่การควบคุมอสูร
เรายังทำได้มากที่สุดแค่ ระดับอสูรในตำนาน(Legend Seal Class)เท่านั้น แต่ระดับ อสูรเทพ(God Class)นี่สิ… ”

การสนธนาเริ่มที่จะซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เค้ายังไม่อาจกล่าวได้เต็มปากว่าเชื่อที่เธอพูดมาทั้งหมด แต่ในขณะนี้
ตัวเค้าเองก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธเรื่องที่เธอ เสนอขึ้นมาได้

“ ถ้าเรื่องมันเป็นอย่างนั้นจริง ตอนนี้เราก็ต้องหามาตรการรับมือเอาไว้ก่อน ถึงการสันนิษฐานของคุณ
จะมีส่วนที่น่าเชื่อถืออยู่บ้าง แต่ยังไงมันก็เป็นแค่การสันนิษฐาน ตอนนี้เราทำได้เพียงแค่นี้ แต่หากถึงตอนนั้น
ก็คงได้แค่ภาวนาเท่านั้น ”

การตัดสินใจที่ดีที่สุดที่ตัวเค้าคิดคือการเฝ้ารอและภาวนาให้สิ่งนั้นไม่ได้เป็นไปตามที่เธอ
สันนิษฐาน ไว้ นี่คือสิ่งที่พวกเค้าทำได้ในตอนนี้
……………………………………….
………………………………………………….

วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2702 เวลา 19.00 น.

บ้าน ธนัท

“ ทำไมพวกนายถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ!! ”
“ ทำไมเธอถึงได้มาอยู่นี่ล่ะ!!! ”

เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกัน โดยที่ ลูเซีย ตอนนี้เด็กหนุ่มสองคนต่างจ้องมาที่เธอด้วยสายตาตกตะลึง
โดยที่ยังคาอยู่ในท่า กอดล็อคคอ อีกฝ่ายกันอยู่ และยังอยู่ในสภาพ เปลือยกายท่อนบนอีกต่างหาก

{น….นี่มันอะไรกันเนี่ย ทำไมสองคนนี้….ทั้ง ธนัท ทั้งเจ้าหมานั่น ถึงได้มาอยู่นี่ล่ะ ที่สำคัญยังมาเจอกันในสภาพแบบนี้อีก!}
ลูเซีย คิด ตอนนี้ใจเธอร้อนรนและหว้าวุ่นเกินกว่าจะคิดจะทำอันใดอีกต่อไปแล้ว

“ แหงะ… ”
ธนัท กับ โคทาโร่ ที่เริ่มจะรู้ตัว ก็หันมามองหน้ากันก่อน จะรีบผละแยกตัวออกจากกัน ทันที
ตอนนี้ ใบหน้าของ ทั้งพวกเค้าและ เธอ ต่างก็แดงก่ำเพราะเลือดสูบฉีด ด้วยความรู้สึกกระดากอาย
ที่แล่นขึ้นมาในพริบตานี้

{ทำไมยัยเฟอะนั่น ถึงได้มาอยู่นี่ล่ะเนี่ย แถมยังเป็นในสภาพที่ดูไม่ได้อีก}
โคทาโร่ คิด ขณะที่ขบกรามคิดหาทางออกในสถานการณ์เช่นนี้

{ตายล่ะหว่า เมื่อกี้เรากับ เจ้า โคทาโร่ ทะเลาะกันอยู่ ไม่รู้ ลูเซีย จะเข้าใจผิดรึเปล่าเนี่ย ท….ทำไงดี}
ธนัท เองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกัน กับสถานการณ์ในตอนนี้พวกเค้าทั้งสามทำได้แค่ เพียงจ้อง
หน้าใส่กันโดยที่ไม่มีใครปริปาก อะไรออกมา

“ ลูเซีย!! ลูเซีย!! อย่าพึ่งเปิดประตูห้องนะ พวก ธนัท เค้า….อ้าว…. ”
เสียงตะโกนดังโหวกเหวก ไล่ขึ้นมาจากบันได ไม่นาน ริน ก็ตะบี้ตะบัน วิ่งขึ้นมาบนชั้น2เพื่อจะ
ห้าม ลูเซีย เอาไว้แต่ว่ามันสายไปเสียแล้ว

“ อ…..อ๊า!!!!!!!! นี่มันอะไรกันเนี่ย!!!!!!!!! ”
หลังจาก ที่ ริน วิ่งขึ้นมาอย่างแตกตื่น เลยพลอยทำให้ ลูเซีย สะดุ้ง จนเผลอลั่นกรี้ด ที่อั้นไว้ออกมา
เสียลั่นบ้าน

……………………………….
ครู่ต่อมา
…………………………………………..
หลังจากที่ ธนัท กับ โคทาโร่ เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว ริน จึงเริ่มแนะนำ เหล่าน้องชายของเธอ

“ นี่ ธนัท น้องชายของพี่เองที่จริงเมื่อ 4 ปีก่อนตอนมาเยี่ยมบ้าน ลูเซ๊ย เองก็ได้เจอแล้วนี่นะ ตอนนั้น ชุติการ
ก็อยู่ด้วยนี่จำได้ไหม ธนัท ”
ริน กล่าวพลางผายมือไปหา ธนัท ที่นั่งขัดสมาธ อยู่บนเบาะรองนั่ง ในห้อง โดยที่หน้ายังแดงไม่หาย
กับเรื่องน่าอาย ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

“ เอ๋ เมื่อ 4 ปีก่อนที่หนูมานี่น่ะเหรอคะ ”
ลูเซีย แย้งขึ้น หลังจากที่ได้ยินว่า เธอเคยเจอกับ ธนัท เมื่อตอนที่เธอมาเที่ยวที่นี่ ขณะเดียวกันด้าน ธนัท
เองก็ทำท่าเหมือนจะนึกขึ้นได้ เช่นกัน

“ นึกออกแล้ว!! ”
ทั้งคู่ เปรยขึ้นมาแทบจะพร้อมเพรียงกัน พลางยกนิ้วชี้หน้าใส่กัน ยังไม่จบเท่านั้น หลังจากภาพความทรงจำ
ที่เลือนหายไปนาน กลับมาแจ่มชัดอีกครั้ง ทั้งสองยังตีสีหน้าใส่กันราวกับได้เจอคู่กัดที่แค้นกันมานาน
ก็ไม่ปาน

“ เธอ ยัยม้าดีดกะโหลก ที่มาผลักชั้นตกแม่น้ำเมื่อ 4 ปีก่อน!! ”
“ นาย เจ้าลิงหน้าทะเล้นจอมอวดเบ่ง!! ”
ทั้งคู่ ต่างขานเรียกอีกฝ่ายด้วยคำพูดที่ไหล ออกมาจากก้นบึ้งของความทรงจำในวัยเด็กกันเลยทีเดียว

“ เฮ้ๆ… ”{ถ้าจะมันส์ แฮะ}
โคทาโร่ ที่นอนแผ่อยู่บนเตียงในห้อง ลุกขึ้นมามองด้วยความสนใจทันที เมื่อการสนทนาเริ่ม ดุเดือดขึ้น ด้าน ริน
เอง ก็เริ่มจับความไม่ถูก ที่อยู่ๆเหมือนเธอจะเป็นคนไปจุดเชื้อไฟที่ดับไปแล้วขึ้นมา

“ อ….เอ่อ…มีอะไรค่อยๆคุยกัน… ”
ริน พยายามจะห้ามทัพทันทีทว่า ทั้งสองดูจะไม่ฟังเธอซะแล้ว

“ ถึงว่าคุ้นๆหน้าอยู่ที่แท้ก็เธอเองเรอะเนี่ย! ”
ธนัท กล่าวประชดประชัน ขณะที่ ยิงตาขวางใส่

“ ฮึ่ย ทำไมต้องมานึกถึงเรื่องเมื่ตอนนั้นด้วยนะ ยิ่งมาเจอหน้านายแบบนี้ด้วยอีก กรอด~~~ ”
ด้าน ลูเซีย เองก็แก่นเซี้ยวไม่แพ้กัน ยื่นหน้าเข้าไปพลางตีสีหน้ากวนบาทา เป็นยิ่งกว่า
ทั้งสอง จ้องหน้าใส่กันปานจะกินเลือดกินเนื้ออยู่ซักพัก ก่อนที่สีหน้าของทั้งคู่จะเปลี่ยนรอยยิ้มปรากฏชัดขึ้นมาบนใบหน้าของทั้งสอง ทำเอา โคทาโร่ กับ ริน ที่มองดูอยู่เป็นต้องเอียงคอด้วยความฉงน

“ ฮุ….นายเนี่ยไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ”
“ หึ…เธอก็เหมือนกันนั่นล่ะยังเฮี้ยว เหมือนเดิมเลย ”
น้ำเสียงของทั้งคู่ต่างก็เปลี่ยนไป ทำเอา ริน กับ โคทาโร่ ยิ่งสงสัยหนักเข้าอีก ที่อยู่ๆท่าทีของทั้งคู่กลับ
กลายมาเป็นสมานฉันท์กันดีเหมือนเพื่อนสนิท ที่ไม่ได้เจอกันมานานแทน

“ ตอนนั้น ที่ฉันเข้าไปผลักนายแต่ก็ดันซุ่มซ่ามตกลงไปกับนายด้วยซะนี่ ”
“ แถมเธอเองก็ดันว่ายน้ำไม่เป็นอีก ทำเอา ฉันเกือบแย่แน่ะ ”
“ ใช่ๆถ้าไม่ได้ เธอคนนั้นที่เป็นเพื่อนนาย กระโจนลงมาช่วยดึง ฉันกับนายล่ะก็คงแย่ไปแล้ว ”
“ นั่นสิ ตอนนั้นน่ะทำเอาฉันอึ้งกับพลังถึกของ ยัย ชุติ ไปเลยนะน่ะ ”

ธนัท กับ ลูเซีย ต่างฝ่ายต่างผลัดกันพูดถึงเรื่องเมื่อก่อนนี้ ที่ทั้งสองได้พบกันอย่างสนุกปาก
ขณะที่ โคทาโร่ พอเห็นสองคนนี้สนิทกัน ก็ทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะล้มตัวลงไปนอนเกลือกอยู่บนเตียง
ด้าน ริน เองโล่งอก จนถึงกับต้องถอนหายใจออกมา ทั้งสองดูจะสนิทกันกว่าที่คิดเสียอีก

“ อ้ะ จริงสิว่าแต่ทำไม เจ้าหมา เอ้ย โคทาโร่คุง เค้าถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ ”
ลูเซีย ถามเหลังจากที่พึ่งนึกขึ้นได้ว่า โคทาโร่ ก็อยู่ในห้องนี้ด้วย

“ คือ…เรื่องมันยาวน่ะถ้าจะให้เล่าล่ะก็….. ”
ติ้งต่อง~~~ติ้งต่อง~~~

ธนัท เอ่ยยังไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงกริ่งดังขึ้นมาจากชั้นล่าง
ที่ชั้นล่าง คุณแม่วัย 40 กำลังเดินออกจากครัว มาที่ประตูบ้าน

“ ใครกันนะดึกป่านนี้เนี่ย ”
เธอบ่น ไปพลางขณะที่เช็ดมือที่เปียกน้ำกับผ้ากันเปื้อนก่อนจะ เปิดประตูออก
หลังบานประตูนั้น ชายหนุ่มวัยกลางคน ผู้มีผมสีบลอนหยักศก

“ ขอ อภัยด้วยทีต้องมรบกวนในยามวิกาลแบบนี้แต่ผมมีเรื่องจะต้องพบกับ ศาสตรจารย์ กริศนะ ให้ได้ครับ ”
ชายหนุ่มผู้มาเยือน กล่าว ขออภัยที่มาในเวลาแบบนี้ ก่อนจะเอ่ยถึงธุระของตน

“ อ่อ ค่ะงั้นเข้ามารอข้างในก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะไปตามเค้าที่ห้องข้างบนให้ค่ะ ”
เธอ กล่าวพลางเปิดบานประตูออกให้กว้างขึ้นก่อนจะเชิญเค้าเข้ามาภายในบ้าน ขณะเดียวกันพวก ธนัท
เองก็ลงมาจากชั้นบนพอดี

“ อ….คุณ… ”
ธนัท เปรยสะดุดๆ ขึ้นมาทันทีที่ เห็นแขกผู้มาเยือน

“ ใครมากันน่ะ? ”
โคทาโร่ ที่ตามลงมา เอ่ยถามก่อนที่จะได้ทันมองอีกฝ่าย

“ พอดีเลย พวกเธอก็อยู่ด้วยสินะ ”
แขกผู้มาเยือน กล่าวน้ำเสียงของเค้านั้นเป็นเสียงที่คุ้นหู โคทาโร่ เอาเสียมากๆ จนถึงกับต้องหันควับไปมองทันที
และแล้วเค้าเองก็ต้องมีสายตาไม่ต่างไปจาก ธนัท

“ บิ….บิชอป นิฮิล(Bishop Nihil)…. ”
โคทาโร่ เปรยขึ้นมาด้วยสายตาตกตะลึง ขณะที่ ลูเซีย ได้แต่ ตีหน้างงๆ
กับอาการของคนในบ้านที่ดูจะเปลี่ยนไปอย่างกระทันหันตั้งแต่ ที่แขกผู้นี้มาเยือน

“ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ธนัท แล้วก็ โคทาโร่ Pawn of Checkmate 5(pawn=ตัวเบี้ยในหมากรุก) ”
บิชอป นิฮิล แขกผู้มาเยือนกล่าวทักทายด้วยท่าทีไม่ค่อยเป็นมิตรซักเท่าไหร่ ขณะที่ โคทาโร่ เองก็ส่งสายตา
ข่มขู่ใส่เหมือนกับจงเกลียดจงชังกันมาก่อน แม้แต่ ธนัท เองก็ดูมีทีท่าระวังตัวแจ ริน เองก็ดูจะระสับระส่าย
อย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน ตอนนี้สภาพรอบๆตัวลูเซีย นั้นชวนให้รู้สึกอึดอัดยิ่ง

{ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมดนะ ทำไมถึงได้ทำหวาดหวั่นกันขนาดนี้ เป็นเพราะคนที่ชื่อ บิชอป นิฮิล นั่นเหรอ}
[bishop=ตัวหมากในเกมหมากรุก]

ลูเซีย คิดท่ามกลางความเงียบสงัดที่น่าอึดอัดนี้ คุณแม่ ที่ขึ้นไปตามตัวหัวหน้าครอบครัว ลงมาให้แขก
ก็ลงมาพอดี


“ ตอนนี้กำลังแต่งตัวอยู่ ถ้ายังไงไปรอที่ห้องรับรองก่อนนะคะ ”
คุณแม่ กล่าวพร้อมกับนำตัว แขกไปยังห้องรับรองโดยมี สายตาของเหล่าเด็กๆคอยมองไล่หลังไป

“ เอ่อคือ เค้าเป็นใครกันคะ พี่ริน ”
ลูเซีย หันไปถาม ริน ที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ ตอนนี้สถานการณ์รอบๆทำให้เธอรู้สึกสับสนและตื่นกลัวอย่างบอกไม่ถูก

“ พี่ริน พาลูเซีย ขึ้นไปรอบนห้องก่อนเถอะครับ ข้างล่างนี่พวกเราจะจัดการกันเอง ”
ธนัท กล่าวเสียงขรึมขึ้นมาขณะที่เดิน ตามเข้าไปยังห้องรับรอง พร้อมกับ โคทาโร่
ด้าน ลูเซีย ที่คิดจะปริปากถามอะไรพวกเค้า ก็ถูก ริน ดึงตัวขึ้นไปโดยไม่บอกไม่กล่าวอะไรซะก่อน
จนเมื่อมาถึงห้องนอนในตอนแรก แล้วเธอจึงปล่อย ลูเซีย

“ พี่ริน คะเมื่อกี้ข้างล่างนั่นมัน…. ”
“ ลูเซีย ตอนนี้น่ะเงียบก่อนแล้วตั้งใจฟังพี่ให้ดีๆนะ ”
ลูเซีย ที่ยังไม่ทันจะได้ถามก็ถูก ริน สั่งให้ฟังเธอก่อนด้วยที่ยังไม่หายตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เธอจึงยอม ทำตามที่บอกและ เดินตาม ริน ไปนั่งฟังสิ่งที่เธอกำลังจะอธิบาย

“ คนที่มาเมื่อกี้น่ะเค้าคือ นิฮิล(Nihil) Ruler ผู้ดำรงตำแหน่ง Bishop of Checkmate 5 แห่ง Pheomenon Party จ้ะ ”
ริน กล่าวขณธที่ ลูเซีย ได้ฟังเรื่องที่เธอเล่าก็เก็บอาการ ตื่นตระหนกเอาไว้แทบไม่อยู่

“ ช…เชคเมทไฟร์ แห่ง พีโนเมน่อน หรือคะงั้นก็ 1 ใน5 ผู้คุมกฏสูงสุดน่ะสิ!! ”
ลูเซีย อดที่จะอุทานออกมาเสียมิได้ เมื่อได้รู้ถึงตำแหน่งของแขกผู้มาเยือน คนนั้น

“ อ้ะเดี๋ยวสิคะ เมื่อกี้บิชอป เค้าทำไมถึงได้พูดว่า โคทาโร่ เป็น Pawn of Checkmate 5 ล่ะคะ ”
ลูเซีย ที่นึกทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านล่าง ขึ้นมาได้ก็รีบถามต่อทันที

“ เรื่องนี้น่ะมันยาวมากเลยล่ะถ้าจะให้เล่าทั้งหมดคงไม่ไหวหรอก แต่พี่จะสรุปให้คร่าวๆก็แล้วกันนะ ”
ริน กล่าวเสียงสลด เมื่อต้องนึกย้อนไปถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้

{พี่ ริน ดูเศร้าจังเหมือนไม่ใช่พี่ ริน อย่างทุกทีเลย… }
ลูเซีย คิดเมื่อได้เห็นใบหน้าที่ดูเศร้าสลดของ ริน ที่แสดงออกมาอย่างชัดแจ้ง


…………………
…………………………

ภายในห้องรับรองที่จัดแต่งอย่างเรียบง่าย ตัวห้องมีพื้นที่กระทัดรัด ส่วนเฟอนิเจอร์ก็มีเพียง
โต๊ะกระจก กลมกับเก้าอี้อีก 4 ตัว ตั้งอยู่ ที่ข้างผนังห้องนั้น ติดตั้งจอภาพโทรทัศน์ เอาไว้

“ งั้นเองเหรอ…..นี่เรื่องมันไปถึงขั้นนั้นแล้วสินะ ”
ชายวัย40 เอ่ยขึ้นหลังจากได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดจาก นิฮิล ที่นั่งอยู่อีกฟากของ โต๊ะ

“ ครับ ทั้งเรื่องความเคลื่อนไหวของลัทธิ….แล้วก็ความเห็นของสภาเอง ตอนนี้ก็เริ่มจะไม่ลงรอยกันแล้ว ”
นิฮิล กล่าวเค้ามีสีหน้าที่ดูตึงเครียดขึ้นมาพอๆกับอีกฝ่าย

“ ที่จริงตัวผมเองก็ไม่คิดหรอกนะว่า แค่การเจรจาในครั้งนั้นมันจะยุติข้อขัดแย้งได้ทั้งหมด แต่พวกเด็กๆ
ก็ทำมันลงไปหมดแล้ว พวกเค้าก็แค่พยายามทำเท่าที่ทำได้ ก็เท่านั้น เพียงแต่ว่า โลกน่ะมัน
ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดอย่างที่ฝันเอาไว้… ”

“ ศาสตรจารย์… ”

นิฮิล แย้งขึ้นหลังจากที่ อีกฝ่ายแสดงความเห็นออกมา ทว่าเค้าก็ต้องชะงักไปเมื่อ ศาสตรจารย์ กริศนะ
กล่าวต่อก่อนที่เค้าจะได้ทันแย้งอะไร

“ ความคิดของผู้คนน่ะมันต่างกัน โลกนี้มันก็มีทั้งคนที่คิดว่าสามารถจะอยู่ร่วมกันได้และก็มีพวกที่คิดว่าอยู่ร่วมกันไม่ได้
สุดท้ายพวกผู้ใหญ่ก็เอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วก็ส่งพวกเด็กหนุ่มสาวไปตายในสมรภูมิแทน ประวัติศาสตร์ของโลกที่ผ่านมามันก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นล่ะ ไม่ว่าจะในยุคใดสมัยใด ความขัดแย้งก็มีแฝงเรื่อยมาในประวัติศาสตร์
เพียงแต่มันจะมาในรูปแบบไหนก็เท่านั้นเอง ”

ศาสตรจารย์ เริ่มเกริ่นขึ้นมาก่อนจะเงียบไปเพื่อที่จะรอฟังคำตอบที่อาจเปลี่ยนไปของ นิฮิล

“ แต่เพราะแบบนั้น….พวกเราถึงได้พยายามกันเรื่อยมาเพื่อที่จะจำกัดขอบเขตของความขัดแย้ง
ให้อยู่ในรูปของการแข่งขันแบบเกมกีฬาเท่านั้น เหมือนอย่างที่ ธนัท เคยบอกกับพวกเราเอาไว้เมื่อ 2 ปีก่อน ”
นิฮิล เปรยขณะที่นึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในครั้งอดีต

“ สิ่งที่ลูกชายของผมพูดไปมันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีก็จริงแต่ถึงยังไงมันก็แค่คำพูดของเด็กไม่มีใครที่ไหน
จะสนใจฟังกันหรอก แต่ก็พราะยังงั้นความขัดแย้งมันถึงได้มีเรื่อยมา ผมเองก็คิดว่า ท่านประธานคงจะ

คิดเช่นนั้น ถึงได้ไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นซ้ำสองอีกยังไงล่ะ คนเราน่ะอยากได้อำนาจเพื่อที่จะ
ปกป้องตัวเองและพวกพ้อง แต่พอได้อำนาจนั้นมาไว้ในมือก็กลายเป็นว่าต้องขวนขวายอำนาจมาให้มากกว่าเดิม
เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ใครมายึดเอาอำนาจนั้นไป สุดท้ายก็ไม่ต่างไปจากเดิมเลย

แรกเริ่มตอนที่มนุษย์ค้นพบพลังงานเวทมนต์ ก็พากันโลดเต้นกับขุมอำนาจใหม่แต่ว่าอำนาจนี้น่ะมีเจ้าของอยู่เพราะงั้นพวกเราถึงได้ถูกลงโทษโดยเหล่าอสูรเทพเรื่อยมา ถึงแม้มันจะดีที่ทำให้ไม่เกิดสงครามขึ้นมาเลยก็เถอะ แต่คนเราพอถูกบีบบังคับมากๆเข้า ซักวันมันก็ต้องระเบิดออกมา ”

ศาสตรจารย์ ร่ายมาเรื่อยๆก่อนจะหยุดนิ่งไปซักครู่เพื่อปฏิกิริยาของ นิฮิล แน่นอนสิ่งที่สังเกตได้ชัดเลย
คือความกังวลที่ปรากฏบนหน้าของเค้า บรรยากาศที่เริ่มจะตึงเครียดเกินไป นั้นทำให้เค้าไปรู้ว่าจะ
ตอบออกรับออกมาอย่างไร

“ เอาเป็นว่าเรื่องนี้น่ะเราพอแค่ก่อนดีกว่านะ เพราะดูเหมือนทางคุณเองก็กำลังหาข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่อง
นี้อยู่แล้ว อีกอย่างวันนี้คุณก็อุตส่าห์ มาแจ้งเรื่องทางนั้นให้เราทราบทั้งทียังต้องให้คุณมาฟังอะไรแบบนี้อีก ขอโทษด้วยนะ ”

ศาสตรจารย์ กล่าวโดยลดน้ำเสียงลงเพื่อให้เค้ารู้สึกผ่อนคลาย

“ ม…ไม่หรอกครับ…ก็แค่ตอนนี้ตัวผมรู้สึกเริ่มจะไม่เข้าใจขึ้นมาแล้วว่าพวกเรา…กำลังทำอะไรอยู่กันแน่…. ”
นิฮิล แย้งตอนนี้ตัวเค้าเองก็รู้สึกสับสนกับเรื่องที่เป็นอยู่นี้

“ บางครั้งคนเราก็ทำไปทั้งที่ไม่รู้ว่าทำไปทำไม เรื่องบางเรื่องน่ะ มันก็ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนหรอกนะ ”
ศาสตรจารย์ กล่าวจบก็ลุกขึ้นทันที

“ เรื่องนี้น่ะเราพอแค่นี้ก่อนเถอะ ว่าแต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันเลยไหมล่ะ ”
ศาสตราจารย์ ออกปากชวนทว่า เค้ากลับส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ ไม่ล่ะครับ ที่จริงแล้ววันนี้นอกจากเรื่องที่ว่าแล้ว ผมมีเรื่องที่จะต้องพูดกับ ทั้ง ธนัท แล้ว โคทาโร่ ด้วย…. ”
นิฮิล กล่าวถึงธุระอื่นที่ตามมาอีก ขณะที่ ศาสตรจารย์ เดินไปเปิดประตูห้องรับรองออก

“ งั้นก็ตามสบายนะ พวกเค้ารออยู่หน้าห้องนี่แล้วล่ะ ”
ศาสตรจารย์ กล่าวขณะที่ ดึงบานประตูเปิด ปุ๊บ ทั้ง ธนัท ทั้ง โคทาโร่ ที่แอบเอาหูแนบประตูฟังอยู่หน้าห้อง
ก็ล้มโครมเข้าในห้องทันที ทั้งสองได้แต่ยิ้มแห้งๆแล้วก็หัวเราะแก้เขินไป ก่อนที่ ศาสตรจารย์ กริศนะ ผู้เป็นพ่อ
จะเดินจากออกไป ทิ้งให้พวกเค้าทั้งสามอยู่ในห้องรับรองกันตามลำพัง

ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างยังไม่มีใครพูดอะไร ท่ามกลางความเงียบที่น่าอึดอัดนี้ ทำให้ โคทาโร่ เริ่มหงุดหงิดเพราะ
นิฮิล เองก็ไม่ยอมปริปากเสียที

“ ล…แล้วยังไงล่ะ….เรื่องที่จะพูดน่ะ ”
โคทาโร่ เป็นฝ่ายถามขึ้นด้าน นิฮิล ก็ไม่ได้ตอบทันที เพียงแต่เค้าชายตา ไปมอง ธนัท
อยู่ซักครู่ก่อน จะหยิบเอาขวดโหลพลาสติกที่บรรจุแคปซูลยาเอาไว้แน่น ขึ้นมาวางบนโต๊ะ

“ สีดวงตาหมองๆแบบนั้นน่ะ นี่คงจะไม่ได้ทานยาตามที่สั่งอีกแล้วสินะ….ธนัท… ”
นิฮิล กล่าวพลางเลื่อนขวดยาไปให้

“ เอ่อคือ… ” ธนัท เอ่ยขึ้นอย่างกระอักกระอ่วน
“ ว่าไงนะนี่นายไม่ยอมกินมันอีกแล้วเรอะ! ”
โคทาโร่ หันมาตะคอกถามด้วยสีหน้าตกใจ ทำเอาเค้าพูดไม่ออก

“ ฉันก็รู้นะว่ามันทำใจยากน่ะ แต่ว่าตอนนี้เธอน่ะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้วนะ
ที่ทำทั้งหมดนี่ก็เพื่อตัวเธอเองนั่นล่ะ ถ้าไปฝืนมากๆเข้าเดี๋ยวก็ได้ล้มป่วยเหมือนปีที่แล้วหรอก ”
นิฮิล กล่าวตักเตือนเสียงเรียบ

“ ก็มัน…. ”
“ ไม่ต้องพูดเลยนายเนี่ยทั้งที่อุตส่าห์ย้ำตั้งหลายทีแล้วว่าให้กินยาให้ครบน่ะ นายไม่ได้เป็นมาตั้งแต่เกิดเหมือนฉันนะ
ขืนยังฝืนตัวอยู่แบบนี้เดี๋ยวก็ได้ตายไปจริงๆหรอก ”

ธนัท ที่พยายามจะแย้งกลับถูก โคทาโร่ ต่อว่าเอาก่อนที่จะเปิดขวดยาแล้วหยิบออกมาเม็ดหนึ่งจับ กรอกให้เค้าทันที

“ อุบ…แค่ก ”
ธนัท สำลักออกมาเล็กน้อยแต่ก็ กลืนยาลงท้องไปแล้ว

“ ไม่ไหวเลยนะวันหลังฉันคงต้องจับนายกรอกยาทุกเช้ากับเย็นซะแล้วสิเนี่ย ”
โคทาโร่ บ่นใส่อย่างหงุดหงิดขณะที่ปิดฝาขวดยาให้สนิทอีกครั้ง

“ แล้วก็ โคทาโร่ เรื่องของเธอน่ะ ท่านรองประธาน ยามาโมโตะ อยากจะขอพบเธอช่วยตามมาด้วยกันหน่อยนะ ”
นิฮิล หันมาพูดถึงธุระ อีกเรื่องกับ โคทาโร่ แทนด้านเจ้าตัวพอได้ยินชื่อของผู้ที่จะพบก็ถึงกับชะงักไป

“ คุณพ่อ…น่ะเหรอ ”
โคทาโร่ เปรยขณะที่หันมาขอคำยืนยันจากเค้า

……………………………….


“ เห!! ก….เกิดเรื่องขนาดนั้นเลยเหรอคะ ”
ลูเซีย ผวาออกมาด้วยความตกใจ หลังจากฟังเรื่องที่ ริน เล่าจนจบแล้ว

“ ก็นะ อย่างที่บอกเมื่อกี้นั่นล่ะ 2 ปีก่อนน่ะ ธนัท กับพวกพี่ต้องต่อกรกับอำนาจขององค์กร
Paradiso Da Regola(กฏเแห่งสวรรค์) ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ โลกของเรากับโลกเทอร่า หลอมรวมเข้าด้วยกันน่ะ ”
ริน กล่าวขณะที่ ลูเซีย ยังคงทำตาโตด้วยความฉงนกับเรื่องที่ฟัง

“ ม…ไม่อยากจะเชื่อเลย….แถมเจ้า โคทาโร่ นั่นยังเคยเป็นถึง Pawn of Checkmate 5 เลยงั้นเหรอเนี่ย ”
ลูเซีย เปรยเธอยังรู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อยกับเรื่องเหลือเชื่อที่ได้รับฟังมา

“ แต่ก็เพราะเรื่องในครั้งนั้นด้วยน่ะ…..เลยทำให้ ธนัท ต้อง……. ”
เมื่อ ริน กล่าวมาถึงตรงนี้เธอก็หยุดไป สร้างความฉงนให้กับ ลูเซีย ไม่น้อย

“ เอ่อ…พี่ ริน คะ… ”
ลูเซีย เอ่ยขึ้น พร้อมกับหาทางออกให้กับบรรยากาศที่ชวนอึดอัดนี้

“ เพราะเรื่องในครั้งนั้น ธนัท อัญเชิญอสูร เทพทั้งของตัวเค้าเองและของ ชุติการ ออกมาอำนาจพวกนั้นมันมากเกินกว่า
ที่คนๆเดียวจะแบกรับได้ ผลของมันแสดงขึ้นมาหลังจากนั้น 3 เดือน เพราะร่างกายต้องเป็นสื่อให้พลังเวทย์จากตัวอสูร
ไหลผ่านเพื่อควบคุมมัน แต่พลังของ อสูรเทพถึง 2 ตน….มันมากเกินไปสุดท้าย ธนัท ก็เลยล้มป่วยเป็นโรคภูมิแพ้พลังงานเวทมนต์ไป…. ”

สิ้นคำของ ริน ลูเซีย ก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก อีกเลย

{โรคภูมิแพ้พลังงานเวทมนต์ …คนที่เป็นโรคนี้จะหาได้ยากมากโอกาสที่จะพบมีแค่ 1 ในล้าน เท่านั้นและถ้าหากเป็น
ขึ้นมาคนๆนั้นก็คงจะใช้ชีวิตอยู่ไม่ได้อีกต่อไป เพราะพลังงานเวทมนต์ มีกระจายอยู่ทุกที่ในชั้นบรรยากาศโลก
ถ้าเกิดเป็นโรคนี้ขึ้น เปอร์เซ็นที่จะตายก็มีสูงจนไม่มีทางเยียวยา}
ลูเซีย คิดขณะที่ตอนนี้ ในห้องไม่มีใครพูดอะไรออกมาได้อีกเลย

“ แต่เพราะแบบนั้นล่ะ พวกเราถึงยอมให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้ ”
เสียงที่ ดังขึ้นทำลายความเงียบสงัดนี้ มาพร้อมกับ ศรี ที่เข้ามานั่งระหว่างเธอ กับ ริน ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“ พ...พี่ศรี ”
ลูเซีย อุทานด้วยความตกใจกับการมาแบบปุบปับของเค้า

“ เพราะว่า โรคภูมิแพ้เวทมนต์น่ะ เป็นโรคที่รักษาไม่หาย ตั้งแต่ช่วงร้อยกว่าปีก่อนหลังจากค้นพบ
พลังเวทมนต์ใหม่ๆเองแต่ว่าตอนนี้น่ะพอจะมีทางรักษาอยู่บ้าง…ด้วยการตัดต่อดัดแปลงพันธุเวทกรรม
เราทำให้ ธนัท กลายเป็น DNA-Changer ไปแล้วล่ะ ”

ศรี กล่าวเน้นเสียงในตอนท้าย ความจริงในเรื่องนี้เกือบทำเอา เธอช็อคไป เมื่อเพื่อนวัยเด็ยใน 4 ปีก่อน
พอมาเจอกันอีกครั้งกลับกลายเป็น ตัวประหลาดไปเสียแล้ว

“ ตอนแรกก็มีปัญหานิดหน่อย เพราะเจ้า ธนัท ไม่ยอมรับการผ่าตัดน่ะ แต่เพราะ พ่อกับ แม่ขอร้องแล้วก็
ประธาน คิง ปอร์(King por)เองก็บอกว่าจะช่วยในเรื่องนี้ด้วย เจ้า ธนัท ก็เลย ยอมเข้ารับการผ่าตัดเป็น
DNA-Changer น่ะแต่ว่าถึงตอนนี้หมอนั่นก็ยังไม่ยอมรับอยู่ดีเรื่องที่ตอนนี้ตัวเองไม่ใช่มนุษย์อีกแล้ว ”

ศรี กล่าวน้ำเสียงแผ่วเบา หลังจากที่ได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ลูเซีย เริ่มที่จะรู้สึกว่าภาพพจน์ของแต่ละคน
ที่แสดงออกมาให้เธอเห็นที่ โรงเรียนและเมื่อเช้านั้น เป็นตัวตนจริงๆของพวกเค้ารึเปล่า มีอีกหลายเรื่องที่เธอยังไม่รู้
ชะตากรรมของ ธนัท ที่เธอได้ฟังในวันนี้แค่เรื่องเดียวก็ทำเอาเธอรู้สึก หดหู่ไปไม่น้อย

…………………………

ที่ด้านห้องรับรองชั้นล่าง ภายในห้องตอนนี้เหลือเพียงแค่ ธนัท ที่นั่งเท้าขาลงบนโต๊ะ
พลางยกขวดยาที่ นิฮิล เอามาให้ขึ้นมองด้วยสายตาที่เซื่องซึม

{ที่ไม่อยากกินยา….เพราะถ้ากินแล้วมันก็เหมือนยอมรับว่าตัวเองป่วย เป็นคนอ่อนแอปวกเปียก}
“ นี่เรา…เป็นตัวอะไรกันแน่นะ… ”
ธนัท เปรยกับตัวเอง ขณธที่มือก็แกว่งขวดเล่นไปเรื่อย

………………………….

………………………………………………..

19.30น. ณ เกาะเทียมโอโนโกร ในคาบสมุทรเอเชียแปซิฟิกใต้
อาคารทำการสำนักงานกลาง เขตสหพันปฏิรูปมนุษยชาติ URH(United Revolution Human)

“ โทษทีนะ ที่ต้องให้เธอ ที่อุตส่าห์เดินทางมาตั้งไกล รอซะนานแบบนี้ แต่ท่านรองเองก็ติดประชุมยาวตั้งแต่บ่ายมาแล้วล่ะ ”
เจ้า หน้าที่ชายวัยกลางคนในชุดเครื่องแบบสีเขียวตัดลายขาวเทา กล่าวขณะที่เดิน นำโคทาโร่ ไปตามทางเดิน
ในอาคารที่ตลอดทางเดินยาวนั้น พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ ที่เดินผ่านไปมาก็จะหันมามองเค้า

ตลอดทาง จนเค้ากลายเป็นเป้าสายตา ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ ผ่านไปมานั้น จะความพิเศษ ที่แตกต่างกันไป
บ้างก็มีปีกงอก ออกมาจากหลัง บ้างก็มีหูเป็นสัตว์แบบเดียวกับเค้า แน่นอนที่นี่คือถิ่นที่อยู่ของ

เหล่ามุนษย์แปลงพันธุกรรม อย่าง DNA-Changer ทั้งในอาคารนี้และไปจนถึงทุกแห่งในบริเวณเกาะเทียม
นี้เป็นเขตหวงห้ามของมนุษย์ธรรมดาทั่วไปดังนั้นบนเกาะจึงมี แต่ DNA-Changer เท่านั้น

“ ถึงแล้วล่ะเข้าไปสิ ท่านรองรออยู่ในห้องนั่นล่ะ ”
เจ้าหน้าที่ กล่าวกับเค้า หลังจากที่มาหยุดอยู่หน้าประตูห้อง ๆหนึ่ง โคทาโร่ ยืนพินิจประตูนั้นอยู่ซักครู่
ก่อนจะตัดใจ เดินเข้าไปใกล้ประตูนั้น เซ็นเซอร์ ที่ประตูฉายประทับลงมา ก่อนที่ประตูจะเลื่อนเปิดออก
เอง เค้าจึง ก้าวเท้าเข้าไปข้างในห้อง ประตูก็ได้ปิดตามเองโดยอัตโนมัติ

“ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะโคทาโร่… ”
เสียงดังขึ้นจากด้านในสุดของห้อง ที่มืดสลัวนี้มีเพียงแสงไฟอ่อนๆจาก จอมอนิเตอร์บานใหญ่ ที่ข้างผนังห้องเท่านั้น
ที่เปิดอยู่

“ มีเรื่องอะไรถึงได้เรียกผมมาล่ะ.. ”
โคทาโร่ ตอบรับเสียงห้วน ดูเหมือนเค้าจะไม่สบอารมณ์เลยที่ต้องมาที่นี่

“ หึ…นั่นเป็นคำพูดของลูกชายที่ได้เจอหน้าพ่อตัวเองเรอะ ”
เสียงนั้นดังกลับมา โคทาโร่ ขบกรามด้วยความไม่พอใจก่อนจะกัดฟันพูดออกมา

“ สวัสดีครับ….ท่านพ่อ.. ”
เค้าฝืนกล่าว ออกมาอย่างสุดจะทนแต่ก็พูดออกไปจนจบ

“ น้ำเสียงดูไม่ค่อยจะเต็มใจเลยนะ….แกเนี่ยไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆ เหมือลูกของเจ้า นิวะ นั่น… ”
“ อย่ามาพูดจาดูถูก ไดสุเกะ นะครับ!! ”

ก่อนที่เสียงนั้นจะกร้ำกรายไปมากกว่านี้ เค้าตะคอกสวนออกมา ทันที

“ แก กล้าตะคอกงั้นเรอะ นี่ฉันเป็นพ่อแกนะ ถึงจะยังไงก็ตามฉันเองก็เป็นถึง
รองประธานสภาความมั่นคงของ URH ในตอนนี้แกเองก็ควรจะเคารพฉันด้วย!! ”
เสียงนั้นสวนกลับมาอีกครั้ง

“ ข…ขออภัย…ครับ ”
โคทาโร่ ฝืนกล้ำกลืนสุดทนพูดออกไปอีกครั้ง

“ ช่างเถอะแกน่ะเป็นอย่างนี้ทุกที สิน่า…เข้าเรื่องก็แล้วกัน ที่ฉันเรียกแกมาวันนี้ ก็เพื่อจะถามว่าเมื่อ
ไหร่แกจะกลับมานี่ซักที ติดต่อไป แกก็ให้ มาราคัส บล็อคสัญญาณฉันไว้ ทุกทีเลย ”

“ นั่นมันเรื่องของผม…ถ้าธุระที่จะคุยมีแค่นี้ล่ะก็ ผมขอตัวล่ะ.. ”
โคทาโร่ กล่าวจบก็จะหันกลับออกไปทันที ทว่าผู้เป็นพ่อของเค้า ก็เรียกเอาไว้ซะก่อน

“ เดี๋ยวสิ ใครบอกกันว่าจะเรียกแกมาเพราะเรื่องแค่นั้น ”
“ งั้นเรื่องอะไรที่จะบอกผมล่ะ ”
โคทาโร่ สวนกลับอย่างเคืองๆ

“ตอนนี้แกเองก็น่าจะรู้อยู่แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างURH กับพวก สหพันธ์ Allince ที่เกลียดพวก DNA-Chagner
อย่างพวกเราน่ะมันเริ่มจะร้าวแล้ว อีกไม่นานสงครามก็คงจะเกิดขึ้นอีกถึงตอนนั้น ฉันอยากจะ
ให้แกกลับมาร่วมกับ Magnus ซะ ”

หลังจากที่ฟังพ่อของเค้าพูดจนจบอารมณ์ของเค้ารู้สึกเดือดพล่านขึ้นมาทันที

“ นี่ท่านพ่อคิดจะให้ผมกลับเข้ากองทัพอีกงั้นเหรอ!! ”
โคทาโร่ หันกลับไปตะคอกถามอย่างหัวเสียทันที

“ แกลืมไปแล้วรึไงว่าแม่แกตายเพราะใคร!! ”
เพียงแค่คำพูดนั้น ก็ทำเอา เค้าเงียบไปและเถียงไม่ออกทันที

“ ไม่ใช่เพราะพวกมนุษย์นั่นรึไงที่พรากชีวิตของ DNA-Changer อย่างพวกเรารวมทั้งแม่ของแก ที่การปฏิวัติใน สเปนน่ะ ”
พ่อของเค้า กล่าวต่อทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้เค้าตอบโต้แต่อย่างใด

“ เรื่องนั้น…. ”
โคทาโร่ เปรยขึ้นตอนนี้ตัวเค้ารู้สึกสับสนไปหมดกับสิ่งที่พ่อของเค้าพูดมา

“ เอาเถอะ แกอยากจะทำอะไรก็เรื่องของแก ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน ”
พ่อของเค้า กล่าวน้ำเสียงประชดประชันออกมา ก่อนจะเงียบไป ด้านโคทาโร่ เองก็รู้สึกว่าการที่เค้า
อยู่ที่นี่ไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น จึงเริ่ม ก้าวเท้าเดินออกไปจากห้อง หลังจากที่ประตูห้องปิดลง พ่อของ โคทาโร่
จึงเปรยต่อ ออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา

“ แล้วซักวันแกจะต้องกลับมาหาฉัน ถึงยังไงแก็ไม่มีวันอยู่ข้างนอกนั่นไปได้ชั่วชีวิตหรอกนะ ”

………………………
……………………………….

{เรื่องของคุณแม่น่ะทำไมต้องขุดเรื่องแบบนั้นขึ้นมาด้วย!}
โคทาโร่ คิดขณะที่เดินตามเจ้าหน้าที่ เพื่อจะออกไปจากอาคารสำนักงานนี้
ระหว่างทางเค้าก็มานึกย้อนถึงเรื่องต่างๆที่คุยในห้องกับ พ่อของเค้า ความรู้สึกต่างๆประเดดังเข้ามาไม่ยอมหยุดหลังจากที่
พ่อของเค้าพูดเรื่องแม่ขึ้นมา

{ฮึ้ย~ พอทีลืมเรื่องนี้ซะ เราตัดสินใจแล้วนี่ว่าจะลืมมันให้หมดอดีตนี่น่ะ..}
โคทาโร่ คิดพลางส่ายหน้าเพื่อที่จะลืมเรื่องต่างๆให้หมด

“ สวัสดีค่ะ โคทาโร่คุง ”
เสียงที่ฟังดูอ่อนหวานดังขึ้นทำเอาเค้าสะดุ้งไปก่อนจะหันไปมองเจ้าของเสียง
เธอเป็นเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเค้า ผมสีดำยาวสลวยผูกโบว์สีแดงที่ปอยผมทั้งสองข้าง
รอยยิ้มอันอ่อนโยนที่สะท้อนเข้าสู่ดวงตาตั้งแต่แรกพบ

“ จ….จิงค์(Jing) ”
/Hello Jing!/
โคทาโร่ เปรยชื่อของเธอขึ้นมา ก่อนที่ มาราคัส Note ที่ห้อยคอเค้าอยู่จะส่งเสียงทักทายขึ้นด้วย

รูปภาพ

“ ทำไมหน้าตาดูหม่นหมองจังเลยคะ ไปเจอเรื่องไม่ดีมาเหรอคะ ”
เธอถามเค้าอย่างสุภาพอ่อนน้อม

“ อ…เอ่อ ก็นิดหน่อยน่ะนะ ว่าแต่มาทำอะไรที่นี่เหรอ… ”
โคทาโร่ กล่าวตอบอย่างเขินๆที่อยู่ๆก็มาเจอเธอ

“ อ๋อ ฉันมากับท่านพี่น่ะค่ะ เห็นว่าประชุมเสร็จนานแล้วแต่ยังไม่ออกมารับซักที ฉันก็เลยออกมาเดินหาน่ะค่ะ ”
เธอตอบกลับเสียงใส เหมือนเด็กไร้เดียงสาและยิ้มให้เค้าทุกครั้งที่พูด

“ อ้าว จิงค์ ..โคทาโร่ เธอเองก็ อยู่ด้วยงั้นเหรอ โทษทีนะที่อยู่ๆก็ให้ นิฮิล ไปตามแบบนั้นน่ะ ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ บุคคลอีกหนึ่งจะเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย

“ ท..ท่านประธาน ปอร์! ”
โคทาโร่ ถึงกับสะดุ้งเมื่อ อยู่ๆเค้าก็เข้ามา

“ ท่านพี่ล่ะก็ทำไมช้าจังเลยล่ะคะ หนูรอตั้งนานแน่ะ ”
“ โทษทีนะ พอดีมีเรื่องต้องสะสางกันนิดหน่อยหลังประชุมน่ะ ”
จิงค์ ผู้เป็นน้องสาว เข้าไปออดอ้อนผู้เป็นพี่ชาย ทันทีขณะที่ ประธาน ก็ปลอบพร้อมบอกเหตุผลให้เธอฟัง

“ จริงสิโคทาโร่คุง นิฮิล บอกฉันแล้ว เธอยังไม่ได้ทานอะไรมาเลยสินะถ้ายังไงไป
ทานอาหารเย็นด้วยกันไหมล่ะ ไกอา(Gaia) กับ บีบิส(Beabizz) ก็มาด้วยนะ นานๆทีเหล่า
Checkmate5 จะมาอยู่กันพร้อมหน้าทั้งที ”
ประธาน ออกปากชวนเค้า แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตอบแต่อย่างใด จิงค์ ก็โพล่งขึ้นมาว่า

“ ว้าวงั้นก็ดีเลยนะสิคะ ไปด้วยกันเถอะค่ะ โคทาโร่คุง…นะคะ ”
เธอ กล่าวพร้อมแถมลูกอ้อนมาอีก ก็ทำเอาเค้าปฏิเสธไม่ลง

{นี่ก็เปลี่ยนไปยังกับคนละคนเลยแฮะ จิงค์ เนี่ยทั้งที่เมื่อ สงคราม 2 ปีก่อนออกจะเคร่งขรึมอย่างกับคนล่ะคน}
โคทาโร่ คิดขณะที่ถูกเธอ กึ่งจูงกึ่งลาก ตามไปด้วยกัน

……………………..
…………………………………..

20.00 น.
ณ คฤหาสน์ซึ่งตั้งอยู่บนสุดของเนินเขาแห่งหนึ่ง บนระเบียงชั้นสองของ คฤหาสน์
ที่ยื่นออกมานี้เป็นลานปูกระเบื้องสีน้ำเงินดำ ที่กลางลานนี้ มีชุดโต๊ะเก้าอี้กลางแจ้ง

สีขาว ตั้งอยู่ หญิงสาวนางหนึ่งกำลังนั่งจิบน้ำชาท่ามกลางสายลมหนาวบนยอดเขาที่พัดโบกให้
ผมสีทองยาวสลวยของเธอบิดพริ้วไป ที่รถเข็นข้างๆโต๊ะ เด็กหนุ่มสองคน ยืนคอยรับคำสั่งจากเธอ
อยู่อย่างสงบๆ ที่ฝั่งตรงข้ามหล่อน เด็กหนุ่ม ที่เป็นผู้พังประตูรั้วโรงเรียนตั้งแต่วันเปิดเทอมแรกของ ลูเซีย

เด็กหนุ่มผู้ถูกนักเรียนคนอื่นๆขนานนามว่า คิระดาบแห่งพระเจ้า นั้นนั่งประชันกับเธออยู่โดยที่
บนโต๊ะ Note รูปแบบจี้ห้อยคอของเค้า กำลังฉายจอโฮโลแกรม ที่บันทึกภาพการดวลของ ลูเซีย ขึ้นมาอยู่

“ ดูท่าจะเป็นเรื่องซะแล้วสิ… ”
เธอ เปรยขึ้นหลังจากดูภาพบันทึก จบขณะที่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะ

“ ไดสุเกะ(Daisuke) ไม่สิให้นายไปดีกว่า อิส(Iss) ”
เธอ สั่งก่อนที่1ใน2 เด็กหนุ่ม จะโค้งรับคำสั่งของเธอ

“ ขอรับท่าน มาริน่า(Marina) ”
เด็กหนุ่มรับคำ อย่างสุภาพ ก่อนจะเดิน ออกจากลานนี้ไป



To be continue

ตัวอย่างตอนต่อไป

“ ต้องขออภัยด้วยนะครับ มาดาม แต่ผมมีความจำเป็นต้องทำแบบนี้ ”
ศัตรูที่ปรากฏตัวขึ้น อย่างกระทันหัน

/Ore Sanjou!!/
“ พระเอก….มาแล้ว ”

/Nakerude!!/
“ ได้ร้องไห้แน่ ”

เค้าไม่ได้มาเพียงหนึ่งแต่มีด้วยกันถึง 3 หรืออาจจะมากกว่านั้น….

ตอนหน้า Next Sub-Turn 04 Vs. Marvin 1 (การประทะกับชายผู้มากบุคลิค)

ช่วงสครีม อาทิตย์ นี้เนี่ยเหนื่อยจริงๆแฮะ ทั้ง op ed แล้วก็พิมพ์ตอนที่ 3 เนี่ย
ตอนแรกว่าจะงดแต่ไปๆมาๆ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เลยลงแถมให้มันซะเลย ถือเป็นตอนเปิดตัว

Op กับ ed ไปเลย ปมเรื่องในตอนนี้ค่อนข้างหนักหัวนิดหน่อย แต่เดี๋ยวตอนหน้า
นักดวลผู้รับสืบทอดพลังรั่วมาจาก เรกกะ กำลังจะกลับมาหุๆ
คงจะได้ฮากันบ้างล่ะนะ ว่าแต่ พอขึ้นภาคนี้ตัวละครแต่ละตัวของเรา เหอๆ พัฒนาการกันสุดๆ
ก็นะพระเอกของเราเป็นพวกเดียวกะ น้องหมาไปแว้ว แต่แอบเศร้าแหะ (เอ๊ะ!ไหนว่า ลูเซียเป็นตัวเอกไง)
เอาเป็นว่าขอให้สนุกกับ Vr ตอนนี้นะครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ เม.ย. 11, 2011 4:48 pm, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 03 Foresight Disaster

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 7:41 pm

โคทาคุง นี่น่าฉงฉานแฮะ (แว้ก ยัยจิงค์ จะมาเกาะแกะอะไรน้องหมาฉาน) รอบนี้เล่นเอาอึ้งทึ่งเสียวอีกแล้วนะแก
ธนัท เป็น DNA-Changer ว่าแต่ผสมกับสัตว์อะไรล่ะเนี่ย อย่าบอกนะว่าเป็นมนุษย์แมว ไม่งั้นฉันจิ้นวายแย่เลยนะเนี่ย

ธนัทเป็นแมวมันเท่ากับ นีน่า ดีๆ นี่เอง เหอๆเอหรือว่า หมวกสีแดงๆนั่นจะใส่ไว้ปิดไม่ให้ใครเห็นหูสัตว์ของตัวเอง
ล่ะเนี่ย มีปมให้จิ้นเยอะจริง ส่วน op กะ ed ฉันไม่รู้จะคอมเมนต์อะไร(ก็ทำมาด้วยกันนิหว่า ตื้นลึกหนาบางรู้มาหมด)
อืม~~ เดี๋ยว op2 กะ ed2 เอาเมื่อไหร่ดีเนี่ย ::022::
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 03 Foresight Disaster

โพสต์โดย boy เมื่อ จันทร์ ก.ย. 07, 2009 5:21 pm

แห่ตัวละครยกโขยงงงงงงงงง ::030::

การ์ด 3 ปีศาจ......คุ้นๆ Yugioh GX o3o
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 03 Foresight Disaster

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ ก.ย. 07, 2009 5:31 pm

การ์ด 3 ปีศาจ......คุ้นๆ Yugioh GX o3o


อืม.....จริงด้วยแฮะ มันมาตรงกันโดยมิได้นัดหมายอีกละ ภาคที่แล้วก็ชุติการนี่ บูลอายไวท์ดราก้อนร่างคนเลย
เอาน่า หยวนๆเน้อ ::030::

(ลือว่าdeck deliver band มันคือ E-hero หว่า นี่หรือว่าลูเซียจังของเรามีต้นแบบมาจาก จูได เนี่ย ::036:: )
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

ต่อไป

ย้อนกลับไปยัง SMN FanCard FanArt & FanFic

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน