Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ เม.ย. 27, 2024 12:57 pm

หน้าเว็บบอร์ด ส่วนของผู้เล่น SMN FanCard FanArt & FanFic SMN VR TAG TURN (THE FINAL ACT):Sub-Turn 96.5 Final Act Tile

สำหรับลงรูปแฟนอาร์ตและนิยายแต่งเองของชาวSMNครับ

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 31 Nightmare of Pandora

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ ศุกร์ ต.ค. 29, 2010 10:40 pm

ว่าจะถามอยู่นานละแต่ก็ลืมทุกที เกี่ยวกับไอ้ เจ้า แถบบอก จำนวนการ์ดของ แต่ละฝ่ายเนี่ย

[Sri Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]
[Rin Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]


เวลาอ่านกัน มันช่วยกันสับสนได้มั่งรึเปล่า เพราะเวลาเขียนเดี๋ยวนี้ ไอ้แถบตัวช่วยนี่ มีประโยชน์ในการกันลืมให้ เกรม่อนคุง

ก็จริงอยู่ แต่สำหรับคนอ่านนั้น รู้สึกยังไงกับ เจ้าแถบนี่บ้าง รำคาญ เกะกะลูกตา หรือว่ามีไว้ก็ดี หรือว่าไม่ได้สนใจ

เพราะอ่านแหลกอ่านดะ กันอยู่แว้ว ถ้ามันเกะกะ มาก จะช่วยบอก เกรม่อนคุง

ให้โละออกบ้าง เพราะหลังๆมานี่พึ่งสังเกตุว่า จะวางแถบช่วยจำนี่
มันทุกครั้งที่ใช้ Mp หรือทิ้งการ์ดเลย แหะ ::004::

ปล.ช่วยกันตอบหน่อยน่อ มุมมอง คนเขียนกับคนอ่านมันเทียบกันลำบาก เลยต้องขอความเห็นกันแบบนี้น่ะ หุๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 31 Nightmare of Pandora

โพสต์โดย boy เมื่อ เสาร์ ต.ค. 30, 2010 3:46 pm

*-*
ก็ให้รู้ว่าใกล้แพ้หรือชนะแล้วยัง ดีออกครับ
เวลาผักอ่านก็ดูการ์ดใน Shrine กับ MP ได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 31 Nightmare of Pandora

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ อาทิตย์ ต.ค. 31, 2010 11:41 pm

Konflyctus MX เขียน:สเต็ป Queen of the Hell ขุด Curse Therion สินะครับท่านพี่ ^^

กลับมาแล้วครับเน้อ~


พึ่งเห็น กระทู้มันตกสายตาไปได้ไงหว่า เจมส์คุง หายเงียบกริบเข้าหมอกไปเลย เช่นเดียวกับ โยฮัน เอ๊ย มิส ที่บทค่อนข้างจืดจาง
(Deckของคุณน้อง เขียนให้ดูว่าเก่งยากมาก ถึงมากที่สุด)

สรุปแล้ว แถบช่วยคิด Mp ก็ยังได้ใช้กันอยู่สินะครับ ช่วงนี้ก็ว่า จะทำแถบ ค่า At Df Sp ของ ซีลเวลาปะทะกันหรือ เพิ่มพลัง
อยู่เหมือนกัน หลังๆมานี่การ์ดบ้าพลัง เพิ่ม At อนันต์ มีล้นหลามซะจนบางทีก็ลืมไปเลยว่า At รวมเป็นเท่าไหร่แล้ว

ว่าแล้ว ตอนต่อไปถ้ามีดวลลองยัดแถบ คิด ค่าสถานะ ซีล ดูบ้างดีกว่า เหอๆ(หาเหาใ่ส่หัวจริงๆเลยเรา)

ว่าแล้ว ก็มาไล่นับดูดีกว่า ว่ามีพล็อตไหนตกหล่นไปบ้าง รู้สึกจะ แยะมาก(คิดมาเยอะเกินใช้ไม่หมด - -#)

หลักๆเลยก็ มิสติกซิงโคร ของ โคทาโร่ จนบัดนี้มันก็ยางม่ายด้าย ออกซ้าก กะที ไหนยังจะมี โปรเฟสเซอดราก้อนคุง
ที่สลายกลายเป็นอากาศไปแล้ว เพราะโดน พระเจ้าอีกเหล่าเขมือบไปแล้วไหนยังจะ... ฮู้ยมากมาย แจงไม่หมด เอาเป็นว่า

ตั้งตารอดูหนทางการแก้ ปมที่กระผม ผูกไว้กันให้ดีก็แล้วกันเน้อ
(เสียวจะเป็นเงื่อนตาย เพราะชัดติดๆขัดๆ อาจจะต้องใช้วิธีล้มกระดาน แบบเรกกะ ความจำเสื่อม หุๆมุขนี้ใช้ได้เรื่อยๆ)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 31 Nightmare of Pandora

โพสต์โดย boy เมื่อ จันทร์ พ.ย. 01, 2010 5:06 pm

ผักคุงว่าแถบวัดค่าพลัง ถ้ามีโผล่มามันจะถี่กับแถบสถานะมากเลยนะครับ
ผักว่าใช้วิธีบรรยายไปเลยดีกว่าครับ
จะได้อ่านไม่มึน
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Sub-Turn 32 Dark Deva

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ย. 11, 2010 11:19 pm

Sub-Turn 32 Dark Deva

ความเดิมในตอนที่แล้ว: โคทาโร่ ถูกให้เข้ารับการทดสอบจาก พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด โดยไม่รู้ตัว เกร พยายามบีบคั้น
และไล่ต้อน ให้โคทาดร่ จนมุมอยู่ในโลกแห่งจิตสำนึกที่สร้างขึ้นโดยใช้แบบจำลองของ โลกเทอร่า และในที่สุด
เมื่อถึงขีดจำกัดแล้ว โคทาโร่ ก็ได้เอ่ยนาม อันไม่สิ้นสุดของพระเจ้า ออกมาและได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ถือครองพระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดไป(Eternal Immortal) ขณะเดียวกัน นักเรียนแลกเปลี่ยนคนสุดท้ายที่ยังไม่เคยปรากฏตัว แพน ราโด นักเรียนหญิง
ผู้มากด้วยปริศนา รับคำท้าจาก คิระ และทำการดวลกัน คิระ สามารถรุกไล่เธอ จนเกือบจะปิดฉากด้วยชัยชนะแต่ทว่า

“ สุดท้ายดาบของพระเจ้าก็เอาชนะ ผู้ที่อยู่เหนือกว่าพระเจ้าไม่ได้จริงๆนั่นล่ะ หึๆ ”
คำพูดของ นักเรียนหญิง ที่ได้เอ่ย ออกมาพร้อมกับ ความพ่ายแพ้ที่ทำให้ ดาบแห่งพระเจ้าต้องหักสะบั้น
เค้าลางแห่งพายุลูกใหม่กำลังจะมาเยือน ธนัท และพวกพ้องในอีกไม่ช้า………………..

====================================================

==================================================

ท่ามกลางความ ประหลาดใจและตกตะลึง ของนักเรียนทุกคนในสนาม ที่คิระ ซึ่งถูกขนานนามให้เป็นดาบแห่งพระเจ้า
กลับพ่ายแพ้อย่างหมดรูป

“ กำลังแปลกใจอยู่ล่ะสิที่ตัวเองกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ซะเอง นั่นก็เพราะ ฉันให้การ์ด 2 ใบนี้ทำงานยังไงล่ะ ”
แพน พูดพร้อมกับ แสดงมิสติก การ์ดสองใบที่เธอใช้ไป ซึ่งผลของมันทำให้ สนามฝั่งเธอ มีอันเดอร์เอิธเทล
เพิ่มขึ้นมาที่แนวหลังอีกตัว และ ที่แนวหน้า ซึ่งรับเอาคมหอกของ การ์เดี้ยนไนท์ ออฟ เลกซ์เดทีโอซีล ไว้ก็คือ
เคิส์ทเทอเรี่ยน ที่ถูกทำลายไปแล้ว ฟื้นกลับขึ้นมาด้วยพลังของ ราชินี แห่งนรกภูมิ ซึ่งหัวเราะด้วยเสียงอันแหลมดัง
เหนือขึ้นไปบนสนาม เทพีองค์หนึ่งซึ่งออกมาจาก มิสติกการ์ดอีกใบ กำลังชูคบไฟในมือของตน

[Pan Status; Hand: Seal 1 , Mystic 1 Mp:0/8 Shrine 6/8 ]Win
[Kira Status; Hand: Seal 1 , Mystic 0 Mp:0/8 Shrine 9/8 ]Lose

“ เทพีแห่งชัยชนะ Nike กับ ราชินีแห่งนรกภูมิ(Queen of the Hell) ”
แพน กล่าวก่อนจะเก็บมิสติกการ์ดทั้งสอง และปิดระบบการแสดงภาพอสูร เมื่อการดวลจบลง
คิระ ที่พ่ายแพ้ไปแล้วยังคงยืนตัวแข็งทื่อ ราวกับหมดสติ กลางอากาศ ความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
ทำให้เขา ตกอยู่ในสภาพช๊อคไปเลยทีเดียว

รูปภาพรูปภาพ

“ ยังงี้นี่เอง จังหวะที่ คิระ โจมตีครั้งสุดท้าย ก็ชิงร่าย Nike ลงซะก่อน จากนั้น ก็ใช้ผลของ Nike เพื่อร่าย
ราชินีแห่งนรกภูมิ ออกมา ”
ศรี กล่าว

“ แล้วก็ให้ เคิสท์เทอร์เรี่ยน ที่ถูกเรียกออกมาด้วย ผลของราชินแห่งนรกภูมิ เป็นโล่รับการโจมตี โดยให้ เคิทส์เทอเรี่ยนอยู่ที่ At Line แล้วให้ อันเดอร์เอิทธ์เทล อยู่ที่ Df line แล้วจากนั้น เคิทส์เทอเรี่ยน ก็จะถูกทำลาย ”
มาริน่า ไล่ตีความเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยละเอียด

“ แล้วผลของมันก็เลยทำให้ ไซเบอร์ทิก้าวิงค์ ที่ติด Poisun Curse อยู่ถูกทำลาย และทำให้ Shrine ของ คิระ เต็มทันที ”
ศรี สรุปความ สุดท้ายแล้ว ความพ่ายแพ้ของ คิระ ก็เป็นความจริง แพน ใช้การเล่นผสาน สวนกลับจนชนะได้อย่างใสสะอาด
แม้ตัว ศรี และ มาริน่า จะเป็นผู้ตีความแผนการเหล่านั้นออกมา เอง แต่เจ้าตัวก็ยังคงรู้สึกทึ่งอยู่บ้าง ที่ คิระ แพ้ขึ้นมาจริงๆ

ขณะที่ทุกคนในสนามยังคง แปลกใจกับความพ่ายแพ้ของ คิระ อยู่นั้น บริเวณสนามโดยรอบ พลันเกิดประกายไฟแลบขึ้น
และกลายเป็นไฟสีม่วงคล้ำ วิ่งลากเป็นเส้นวงล้อมกรอบนักเรียน ทั้งหมดในสนามเอาไว้ ด้วย วังวนอัคคี

“ นี่มัน ! ”
ธนัท เหวอด้วยความตกใจ พร้อมกับชักเท้าหนีจาก เส้นไฟที่เกือบจะไหม้รองเท้าของเขา นักเรียนคนอื่น
เริ่มจะแตกตื่นตามไปด้วยกัน

“ ไฟ!...ทำไมไฟถึงลุกได้ล่ะ ”
บีบิส พูด ตอนนี้ไม่เพียงแต่เธอเท่านั้นที่ไม่รู้ว่าจะมือกับ สถานการณ์ที่ปุบปับเช่นนี้อย่างไร แม้แต่ ไกอา และ คริฟ
เองต่างก็ยังทึ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทันใดนั้น ควันจากไฟที่ห้อมล้อมพวกนักเรียนไว้ ได้มารวมกันอยู่บนเวที คิระ และ แพน
กุลีกุจอ วิ่งลงจากเวทีไพร้อมๆกับ พวกไกอา ควันไฟโขมงอยู่บนนั้น ซักพัก ก็ปรากฏกลุ่มของ คนแปลกหน้า 9 คน
สวมชุดคลุมหัวสีดำ แบบเดียวกันทั้งหมด หนึ่งในกลุ่นนั้น ก้าวออกมาที่หน้าเวที และพูดขึ้นด้วยเสียงอันกึกก้อง
ราวกับพูดผ่านไมโครโฟน

“ นี่เป็นการทักทายจากพวกเรา เหล่า Master Ceremony…. ”

“ Master Ceremony…เจ้าพวกนั้นมาที่นี่เพราะพวกพี่ งั้นเหรอ? ”
ธนัท เปรยพร้อมกับ มองหาตัว ศรี และ รินที่น่าจะยังอยู่แถวนี้ในวงล้อมแห่งไฟ ที่ยังคงลุกโชนอยู่
ครู่ต่อมา วังวนเพลิง ก็ถูกกระแสลมแรงที่พัดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จนดับสนิท วินาทีนั้นเอง ความโกลาหลก็ อุบัติขึ้น
พวกนักเรียน ที่เคยอยู่วงล้อมไฟ พากันวิ่งหนีแตกฮือ ออกจากสนาม

“ พวกแก เป็นใคร แล้วมีธุระอะไรกับพวกเรา!? ”
ศรี ตะโกนลงจาก ด้านบนของสนาม โดยที่ให้ ทาลิวิลย่า แบกตัวเขา เอาไว้

รูปภาพ

“ กล้ามาหาเรื่องพวกเราถึงถิ่นแบบนี้ สำนึกไว้ซะด้วยล่ะ ว่าพวกแกจะไม่มีหัวกลับไปอย่างแน่นอน!! ” /Teleportation/
มาริน่า ตะหวาด พร้อมกับใช้พลังจิตของเธอ เทเลพอท เข้ามายังด้านหน้าเวที

“ คุณ ไกอา คะฝากอพยพทุกคนด้วยนะคะ ”/Get Set/
ริน ที่พึ่งตามมาสมทบ เข้ามาพูดกับ ไกอา ก่อนจะ แสตนบายน์ Note ของเธอ และกระโจนเข้าสู่การประชันหน้า
กับศัตรูทันที

“ ทุกๆคน ค้า~~~ อย่าแตกตื่น ควบคุมสติเอาไว้ ค่อยทะยอยกันออกจาก บริเวณโรงเรียนก่อน ค่า!!! ”
ไกอา ประกาศ ผ่านไมค์ พร้อมกันนั้นก็ให้ บีบิส และ คริฟ ลงไปช่วยนำนักเรียนอพยพร่วมกับ พวก อาจารย์
ที่พึ่งลงจากตึกมา เพราะเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ ยินที่ได้รู้จักเหล่า Master Ceremony คนดังทั้งหลายแต่รู้สึกว่าจะอยู่กันไม่ครบนะ… ”
คนชุดดำ ที่ออกมากล่าวทักทาย ตอนแรก พูดด้วยเสียงยิ้มเยาะ

{ฮึ่ม! เพราะตอนนี้ ภูเขา ลงไปสะสางความวุ่นวายอยู่ที่อัลวิส แถม ตอนนี้ คิระ ก็พึ่งจะแพ้มาหยกๆคงยัง
ช๊อคอยู่ พวกมันมีกัน 9 คน แค่ เรา ริน กับ มาริน่า จะเอาอยู่ไหมนะ}
ศรี ครุ่นคิดด้วยความวิตก สถานการณ์คับขัน เช่นนี้พวกเขาเสีย เปรียบอยู่มาก

“ หึ..เอาเถอะยังไงซะ ก็มีไม่ครบอยู่ 6 คนอยู่แล้วนี่ งั้นก็ขอแนะนำตัวเลยก็แล้วกัน
พวกเรา คือ Dark Deva เป็นเหล่าผู้รับใช้ของพระเจ้า ”
คนชุดดำ พูด

“ Dark Deva? ”
ริน เปรยและมองคนเหล่านั้นด้วยสายตาแปลกๆ

“ เป้าหมายที่พวกเรามาในวันนี้ก็เพื่อ จะประกาศโองการสวรรค์ ซึ่งพระเจ้าทรงบัญชามา อีก 3 สัปดาห์ บัญญัติแห่งการ ชำระล้างดินแดนแห่งนี้จะเริ่มขึ้น เราขอ เตือนพวกเจ้า จงอย่าสอดมือเข้ามายุ่งเด็ดขาด มิเช่นนั้น… ”

“ สามหาว!! พวกแกคิดว่า เราเป็นใครกัน! Master Ceremony คือตำแหน่งที่ได้รับการวางพระทัย จาก King Majesty
ให้ปกป้องความสันติบนแผ่นดินทั้งหมด! แล้วคิดหรือว่า เราจะยอมศิโรราบ เพราะคำขู่เยี่ยงนั้น ”
มาริน่า ตะคอกสวนกลับไป การเตือนของ กลุ่มคนเหล่านั้น เท่ากับเป็นการเหยียดหยาม ศักดิ์ศรีของพวกตน

“ ถ้าเช่นนั้นก็คงต้องให้ได้รับรู้ ถึงพลังของพวกเราที่รับประทานมาจากพระเจ้าแล้วสินะ ”
สิ้นคำ กลุ่มคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก็ยก Note ที่แสตนบายน์ ไว้แล้วขึ้นมา และร่ายซีลการ์ดอัญเชิญ อสูร ออกมา
ปีศาจสีดำ ทั้ง 9 ตนเหยียบย่างลงสู่พื้นเวที โดยพลัน แสงบนท้องฟ้าก็แปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิดฉายสาดส่องลงมาแทน
จนบริเวณ ทั่วทั้งสนามมืดสนิท เช่นคืนที่ไร้ซึ่งแสงดาว

“ อสูร พวกนั้น!! ”
บีบิส ร้องจากจดที่เธอ อยู่ซึ่งห่างจากเวทีเกือบครึ่งสนาม ยังสามารถเห็นร่างของ เรา อสูร ที่กลุ่นคนแปลกหน้า
อัญเชิญ ออกมาได้ เช่นเดียวกัน ไกอา ที่ยืนอยู่ข้างๆก็มีอาการผวาขึ้นมาบ้าง

“ นี่หรือว่าพวกแก…ใช้อสูรมาร ”
ริน เปรย คนชุดดำตรงหน้าฉีกยิ้มจนเห็นฟันขาวแลบออกมาจากฮู้ด

“ ถูกต้องนี่คือ อสูรมาร เพคคา(Pecca) ”
เขา พูด ตอนนี้ กลุ่มนักเรียนที่กำลังอพยพ ก็ต้องหยุดการอพยพ ไปเพราะมองไม่เห็นเส้นทางใดใน บริเวณโรงเรียนเลย
ความโกลาหลวุ่นวายจึงกลับมาอีกครั้ง คราวนี้ไม่เพียงบรรดานักเรียนที่แตกตื่น แต่เหล่า อาจารย์ เองบางคน ก็คุมสติตัว
เองไม่อยู่ จนเป็นลมล้มพับบ้างก็มี

“ ประธาน! ” “ ประธานครับ! ” “ มาสเตอร์! ”
ไดสุเกะ อิส และ ฟรานซิสก้า สามองครักษ์ กระโจน ขึ้นมาบนเวที และยืนขวาง มาริน่าไว้จาก พวกคนชุดดำ
ทั้งสาม เตรียมพร้อมที่จะร่ายอสูรออกมา เพื่อเข้าต่กรกับศัตรูแล้วทว่า มาริน่า ก็รีบปรามพวกเขาไว้เสียก่อน

“ ไม่ได้นะ! ที่สู้กันตรงนี้ พวกนักเรียนที่ยังติดอยู่ในนี้ก็จะโดนไปด้วย ”

“ แต่ว่า มืดสนิท แบบนี้ถ้าเราไม่ตอยโต้พวกมันะตรงนี้ก็ไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรกับคนอื่นๆบ้างนะครับ ”
อิส พูดตามสถานการณ์ เวลานี้พวกเขาเสียเปรียบอย่างชัดเจน เพราะไม่สามารถต่อสู้ได้ในขณะที่ ศัตรูพร้อมที่
จะจู่โจมเข้ามาทุกเมื่อ

“เอา เลย ดีไวน์ดราก้อน(Divine Dragon) ออโรร่า บีม!!!!! ”
เสียงของ มิส ดังลั่นขึ้นพร้อมๆกับ คลื่นแสงสว่างเจิดจ้า ตัดเอา เมฆหอกที่ ปกคลุมอาณาบริเวณ โดยรอบออกไปจน แสงสามารถส่องเข้ามาได้
รูปภาพ

“ อะไรกัน? นอกจาก Master Ceremony แล้วยังมีคนอื่นที่คิดแข็งข้ออีกงั้นรึ? ”
คนชุดดำ เปรยสายตาจับจ้องไปยังร่างของ มังกรขาวกำลังยิงคลื่นแสง ขับไล่ความมืดที่พวกตน ตั้งใจใช้
สร้างความโกลาหล โดยเฉพาะ เมื่อเห็นท่าไม่ดีเช่นนี้ เขาจึงสั่งพรรคพวกอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆให้โจมตีเข้าไป

“ อวารูเซจ(Pecca Avarusage, the Sin of Selfishness) เผามันซะ ”
คนชุดดำอีกคนออกคำสั่ง หนึ่งในปีศาจดำทั้ง 9 ตน ซึ่งมีแขนงอกออกมา มากมายและมี ช่องท้องที่
เต็มไปด้วยเขี้ยวคล้ายปากของอสูรกาย ช่องท้องของมันค่อยๆ เปิดออกแล้วพ่นเอาไฟ นรกตรงใส่มังกรขาว

ทว่า มิส ที่ยืนอยู่บนหัวของ มันก็สั่งให้ ยิงคลื่นแสงตอบโต้กลับไปจน พลังของทั้งสอง เข้าปะทะกันและ ระเบิด
กลางอากาศเหนือสนามที่ เหล่านักเรียน ยังแออัดกันอยู่
รูปภาพ

“ โง่สิ้นดี ทำแบบนั้นพวกนักเรียนที่ยังเหลือ อยู่ก็ต้องรับลูกหลงจากการปะทะ ไปด้วย ”
เจ้าของ อวารูเซจ สบถอย่างสะใจกับความผิดพลาดของ มิส ทว่าก่อนที่ ลูกไฟซึ่งหลงเหลือจากการปะทะ จะตกลงใส่พวกนักเรียน เถาวัลย์จำนวนมาก ได้พุ่งขึ้นมาจาก พื้นดิน และถักสานเป็น ข่ายกันไฟเอาไว้ บนเถาวัลย์แต่ละเส้นจะชุ่มโชก
ไปด้วย น้ำเมือก เหนียวเหนอะ ไปจึงไม่สามารถลุกลามจาก เถาวัลย์ได้เลย

“ ลุยเต็มที่ไปเลย~~~ ทุกคนที่นี่ฉันจะคุ้มกันให้เอง!!!! ”
บาร์น ตะโกน เซฟาโลตัสควีน (Cephalotus Queen) ของเขากำลังเสริมการป้องกันด้วย เถาวัลย์ชุ่มเมือก
อีกชั้นที่เรียกขึ้นมาจากพื้นจนกลายเป็น โดมเถาวัลย์ที่จะปกป้องทุกคน และในตอนนี้ความเสียเปรียบของพวกเขาก็เท่ากับว่าถูกตัดออกไปจนหมด เหล่า Master Ceremony จึงเริ่มการโต้ตอบทันที

รูปภาพ

“ ตอนนี้ล่ะทุกคนเรียก อสูร ออกมาเลย ”
ศรี ออกคำสั่ง และไม่นาน เหล่าผู้บุกรุกชุดก็ถูกพวกเขาล้อมไว้รอบด้าน ในทันที

“ ดื้อด้านกันนักนะ! แสดงพลังของพวกเราให้มันได้รับรู้กันหน่อย!! ”
คนชุดดำคนแรกสั่ง พริบตาต่อมา การตะลุมบอนกันของ เหล่าอสูรมารและอสูรของ Master Ceremony
ก็อุบัติขึ้น การต่อสู้เป็นไปอย่างรุนแรง จนอาณาบริเวณโดยรอบของโรงเรียนพังเสียหายไปมากมาย

………………………….

ขณะเดียวกันนั้น ทุกคนที่อยู่ภายในโดมเถาวัลย์ที่ บาร์น สร้างขึ้นก็ค่อยๆ ทยอย อพยพออกไปจากโรงเรียน

“ พวก มิส ที่ออกไปช่วยพี่ๆ ยังไม่กลับมาเลย ”
ชุติการ พูดขึ้นขณะที่ ตาม ธนัท กับ แอน ซึ่งกำลัง จะอพยพตามทุกคนออกไป

“ วอทท์(What!) หรือว่าจาถูกดึงห้ายอยู่ในนั้นกันหนา ”
แอน พูด

“ ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะกลับเข้าไปช่วย พวกนั้นก่อนก็แล้วกัน พวกเธอ ออกไปกันก่อนเถอะ ”
ธนัท พูดและเตรียมจะเดินกลับเข้าไป แต่ก็ถูกขัดขวางโดย เชส ที่หามปีก คิระ ออกมาพร้อมกับ แพน

“ ฉันว่านายอย่าเข้าไปเสี่ยงจะดีกว่านะ ตอนนี้ข้างในอันตรายมาก ”
เชส กล่าวแต่ ธนัท ไม่ฟังและแย้งกลับไป

“ แล้วจะให้ฉันยืนดู เฉยๆเนี่ยนะ พวกพี่ๆกำลังสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อปกป้องทุกคน ฉันเองก็ต้องทำอะไรมั่งล่ะ ”

“ แต่ว่า ถ้าเธอเข้าไปแล้วไม่กลับออกมาอีกคนไปด้วยล่ะก็ มันจะยิ่งแย่เข้าไปอีกนะ อีกอย่างกลับ
ไปก็รังจะเป็นตัวถ่วงซะเปล่าๆ ”
แพน แย้งและเห็นด้วยกับ เชส พยายามจะเกลี้ยกล่อมไม่ให้ เขากลับเข้าไป

“ ใช่แล้วล่ะ ธนัท ตอนนี้พวกเราต้องเชื่อมั่นว่า พวกรุ่นพี่จะต้องชนะพวกนั้นและปกป้อง พวก มิส เอาไว้ได้ ”
ชุติการ อ้อนวอน เพื่อไม่ให้เขาเข้าไปเสี่ยง

“ ใช่แล้วหลาเวลาแบบนี้มันต้อง บีลีฟ(Belive) ไว้ก่อนหนา ”
แอน พูด เพราะทุกคนช่วยกันห้ามเอาไว้ทำให้เขา ตัดใจที่จะกลับเข้าไปและได้แต่เชื่อว่า เหล่า Master Ceremony
จะต้องชนะในศึกนี้

{หึๆ ต้องอย่างงั้นซี้ ทานาทอส เพราะถ้าขืนนายกลับเข้าไป ฉันก็ต้องให้พวก Dark Deva ถอยออกมา ไม่ว่ายังไงก็จะปล่อยให้นายมีรอยขีดข่วนไม่ได้เด็ดขาด แต่พวก Master Ceremony ตัวเกะกะนั่นก็ต้องจัดการให้เด็ดขาดซะด้วย}
แพน คิดและจ้องมอง ธนัท ด้วยสายมุ่งร้ายจากภายในจิตใจลึกๆ

“ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก อีกเดี๋ยวก็จบแล้วล่ะ ”
จิ้งจอกเก้าหาง โผล่ขึ้นมาเกาะอยู่บนหัวของ ธนัท และ พูดอย่างสบายอารมณ์

“ จิวเว่ยฮูลี?! ”
ธนัท กระซิบ เพื่อไม่ให้ ทุกคนหันมาสงสัยเพราะมีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ยินเสียของ จิ้งจอกเก้าหาง

“ นายสบายใจได้เลยอีกเดี๋ยวก็มาถึงแล้วล่ะ…เกร น่ะ ”
หมาเขาดาบ ออกมาช่วยยืนยันอีกตัว ทันใดนั้นเอง ก็แรงสั่นสะเทือนจนโดมเถาวัลย์ถล่มลงมา
โชคยังดีที่ ธนัท และทุกคนหนีออกมาทันซะก่อนสิ่งที่ปรากฏเบื้องหลัง โดมเถาวัลย์ที่ ถล่มลงมา คือ
ความพ่ายแพ้ของ เหล่า Master Ceremony ที่ถูกเหล่าปีศาจทั้ง 9 ตนกำราบ

“ พี่!!! ”
ธนัท แผดเสียงและจะวิ่งกลับเข้าไป แต่ทว่า มิส และ บารืน ก็ถูก โยนกระเด็นกลับออกมา
ล้มตรงหน้าเขา จนต้องหยุดหันมาสนใจทางนี้ก่อน

“ เจ้าสองตัวนั่นไม่ใช่เป้าหมายของพวกเรา ขอคืนให้ก็แล้วกัน ”
คนชุดดำกล่าว พร้อมกับนำทัพปีศาจและ กลุ่มคนชุดดำอีก 8 คน ตามออกมา โดยมีเป้าหมามาที่ คิระ ที่ถูกหามออกมาซะก่อนเพราะสภาพจิตใจยังสมบรูณ์พร้อม

{พวกมันคิดจะจัดการ รุ่นพี่ คิระ ด้วยสินะ}
ธนัท คิดตอนนี้มีเพียงพวกเขา เท่านั้นที่ จะปกป้อง คิระ เอาไว้ เพราะ ไกอา บีบิส และ เหล่าคณาจารย์ ต่างก็ต้องช่วยกันปกป้องพวกนักเรียนที่ ยังหนีกันไปไม่ถึงไหน

“ เอาล่ะ ส่งตัว Master Ceremony คนนั้นมาซะแล้วพวกเราจะไม่ทำอะไรคนอื่นๆอีก เราขอสัญญา ”
คนชุดดำ ยื่นข้อเสนอ แต่แน่นอนคำตอบของพวกเขาคือไม่มีทาง

“ ถ้าคิดจะจัดการรุ่นพี่ คิระ อีกคนล่ะก็ ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ คอรัส!! ”/All Right Get Set Twin Drive Mode/
ธนัท ประกาศ Note ของเขาก็เตรียมพร้อมติดตั้งเป็นปลอกแขนไว้เรียบร้อยแล้ว

{อาแมนคริส ของเราจะรับมือพวกมันไหวรึเปล่านะ}
ธนัท คิดมือจับอยู่ที่กองสำรับซีล อย่างสั่นระรัว ด้วยความกลัวที่มีต่อคนเหล่านั้น

“ ช้าก่อน! ถ้าเป้าหมายของพวกแกคือ Master Ceremony ล่ะก็งั้นก็มาเล่นกับฉันด้วยสิ
เพราะฉันเองก็เป็นเหมือนกัน Master Ceremony น่ะ ”

เสียงหนึ่งดังขึ้นท้าทายบุคคลเหล่านั้น

“ คนยังขาดไปงั้นเหรอ อุตส่าห์เสนอตัวมาเองเลยนะ…. ”
คนชุดดำ เปรยด้วยเสียงระรื่นขึ้นก่อนจะต้องหยุดสะอึกไปเสียตรงนั้น เมื่อบุคคลที่ท้าทายเข้ามาเมื่อครู่คือ
เกร ที่แบกร่างของ โคทาโร่ ซึ่งหมดสติ มาด้วย เขาเดินย่างเท้าเข้ามาจนถึงตัว ธนัท และ ส่งมอบโคทาโร่ให้ก่อน
จะหันไปสบตากับเหล่า คนชุดดำ

“ พูดผิดไปหน่อย ต้องบอกว่าเคยเป็นสินะ… ”
เกร เปรยเพียงเสี้ยวพริบตา เหล่าปีศาจที่ยืนกังขาอยู่ด้านหลังกลุ่มคนเหล่านั้นก็แตกสลายกลายเป็นละอองแสงทันที

“ น..นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!! ”
คนชุดดำ ร้องขึ้นอย่างแตกตื่น กับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีใคร มองทันเสียด้วยซ้ำว่า เขาได้เรียกอสูรออกมาตอนไหน
และจัดการพวกมันยังไง

“ เป็นแค่ขี้ข้าของพระเจ้าบังอาจมาพังโรงเรียนเก่าฉันซะยับเยินแบบนี้ คงต้องเฉ่งกันแพงหน่อยล่ะ ”
คำพูดของ เกร นั้นแม้จะฟังเหมือนแค่การถากถางเล่นๆแต่ก็สร้างแรงกดดัน ซะจนอีกฝ่ายทำอะไรไม่ถูก

“ น…นี่แกเป็นใครกัน? อ๊ะ! ”
คนชุดดำที่เป็นหัวฝูง ออกปากถามยังไม่ทันไร ก็หยุดกึกไปทันที เพราะใครจากไหนไม่รู้ที่ มายืนคั่นกลางการเผชิญ
ระหว่างพวกเขา เกร

“ เอ่อ….จะถามทางหน่อยน่ะที่นี่ใช่โรงเรียนมนต์วิทยา อ๊ะเป่า ”
เด็กหนุ่มสวมแจ๊กเก็ตแดง ที่ยืนขวางพวกเขาอยู่ถาม อย่างไม่รู้จักาลเทศะกับสถานการณ์ในตอนนี้เลย

“ น…นาย ยูกิ จูได… ”
ธนัท เปรยเสียงแผ่วด้วยความไม่แน่ใจ

“ อ้าว ธนัท นี่พอดีเลยตามหานายซะแทบแย่แน่ะ รู้เปล่า กว่าจะมาถึงโรงเรียนนายได้เนี่ย พวกฉันหลง
แล้วหลงอีกไม่รู้ตั้งกี่ตลบ ”
จูได พูดพร้อมกับรีบเข้ามาจับมือ ธนัท อย่างโล่งอก

“ พ…พวกนายเหรอ? ”
ธนัท ถามถึงสรรพนามที่เขาใช้แทนตัวเพราะนอกจาก เขาแล้วก็ไม่เห็นใครอื่นอีกเลย

“ อื้ม ใช่แล้วพวกเราไง โชก็มาด้วยนะ เฮ้ โช!! ชะอ้าว หมอนั่นหายไปไหนล่ะเนี่ย อย่าบอกนะว่าหลงกันระหว่างทางน่ะ ”
จูได ตะโกนหา ลูกน้องคนเก่งของตน แต่ก็ไม่พบวี่แววเลยแม้แต่น้อย

“ แค่กๆ โอยนี่ทุกคนลืมฉันไปแล้วรึไงเนี่ย แค่กๆ ”
ลูเซีย พูดไปสำลัก ขณะที่ คลานออกมาจาก ซาก โดมเถาวัลย์ ที่ถล่มลงมาเพราะตัวเอง หนีออกมาไม่ทัน
และไม่ทันไร โช ที่ จูได กำลังตามหาอยู่ก็ วิ่งตามเข้ามาโดยไม่ทันมอง ลูเซีย ที่พึ่งเดินออกมาจาก รั้วโรงเรียนเพื่อจะไปสมทบกับทุกคน

“ ลูกพี่!!!! แว้ก ”
“ ว้าย!! ”

ทั้งสองชนกันโครมใหญ่ แถมยังลามไปลากเอา กลุ่มคนชุดดำล้มระเนระนาด เป็นพินลูกโบวลิ่งกันเลยทีเดียว

“มันอะไรกันนักกันหนาเนี่ย? ”
ธนัท พูดเสียงเอือม กับสภาพที่เกิดขึ้น จากสถานการณ์ที่เคร่งเครียดจนถึงขีดสุดเมื่อครู่กลายเป็น ตลกคาเฟ่ในทันที

“ อูย พวกแกนี่เดินดูตาม้าตาเรือกันหน่อยเซ่!! ”
จ่าฝูงของกลุ่มชุดดำ วีนใส่ โช กับ ลูเซีย ที่เป็นต้นเหตุ โดยไม่รู้ตัวว่า ฮู้ดคลุมหัวนั้นได้หลุดไปแล้ว

“ จะโทษก็โทษอีตานี่ที่มาวิ่งมาชนฉันก่อนสิยะ อ้าว! ”
ลูเซีย หันมามองหน้าคู่กรณีเพื่อจะพูดแก้ตัว แต่ก็ต้องชะงักไปเสีย เพราะ จ่าฝูงของกลุ่มชุดดำนั้น มีหน้าตาคล้ายคลึง
กับเธอมากทีเดียว

“ ไหงหน้าตาเธอคล้ายฉันยังกะแพะเลยเนี่ย ”
ลูเซีย ถามอย่างฉงน

“ แกะต่างหากแพะที่ไหนเล่า เหมือนกันยังกับแกะ ”
โช แก้ให้ ลูเซีย ระหว่างที่ทั้งสามกำลังสนทนากันเพลินอยู่นั้น สายตาของ ธนัท ที่จ้องมายังพวกเขาก็เปลี่ยนไป
และมองแต่เพียง จ่าฝูงกลุ่มชุดดำ ที่มีใบหน้าคล้าย ลูเซีย อย่างทึ่งๆราวกับเห็นผีก็ไม่ปาน

“ อูย~~ ทุกคนเป็นอะไรกันรึเปล่า…. ”
อิส ลากสังขารตัวเองเดินออกมาจากซากโดมเถาวัลย์ เพื่อจะดูสถานการณ์ทว่า เขาอีกคนที่เป็นแบบเดียวกับ ธนัท ทันทีที่
เมื่อ เห็นโฉมหน้าของ จ่าฝูง

“ ฟ้า…. ”
ธนัท และ อิส เปรย มันเป็นเพียงคำเดียวที่ พวกเขาสองคนจะพูดออกมาได้ ขณะที่รับมือกับความรู้
สึกสับสนและประหลาดไปในเวลาเดียวกัน

“ ชิ…แย่ละสิ ”
จ่าฝูง สบถพร้อมกับรีบดึงฮู้ดคลุมหัวลงมาปิดหน้าเอาไว้ แล้ว ผลักลูเซีย กับ โช ที่นั่งทับอยู่ออกไป

“ ครั้งนี้ฝากไว้ก่อนเถอะ ”
เธอ พูดก่อนจะร่ายมิสติกการ์ดที่จับออกมาจาก ปลอกแขน ควันจำนวนมากมายมหาศาล พวยพุ่งออกมาจน
ตลบอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ เมื่อควันจางหายไปหมด ทั้ง กลุ่มคนชุดดำและ เกร ก็ไม่อยู่แล้ว

………………………………………………………….
…………………………………..

หลังจากเหตุการณ์นั้น โรงเรียนมนต์วิทยา ต้องประกาศงดการเรียนการสอน ตลอดสัปดาห์เต็มๆ เพื่อซ่อมแซม โรงเรียน
และคาบเรียนพิเศษ ที่จัดขึ้นก็ถูกยกเลิกไปตามระเบียบ เพราะต้องใช้เวลาในการสอนชดเชยจนถึงเย็น และยังต้องให้มาเรียนในวันเสาร์อาทิตย์อีกด้วย เพื่อเรียนให้ทันกับช่วงที่หยุดไป แม้จะเสียดายอยู่บ้าง แต่ก็นับว่าโชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไรมาก

มิส กับ บาร์น ที่โดนลูกหลงเพราะออกตัวช่วยปกป้องทุกคนไว้ นอกจากแผลถลอกตามเนื้อตัว
แล้วอาการก็ไม่หนักหนาเท่าไหร่นัก ทว่าในตอนนี้เรื่องที่ชวนปวดหัวยิ่งกว่าก็คือ

“ จะค้างกันหมดนี่ที่บ้านฉันเลยเนี่ยนะ!! ”
ธนัท ร้องเสียงดังลั่น หลังจาก มิส บาร์น เชส จูได และ โช ขอมาอยู่อาศัยชั่วคราวเพราะ ห้องพักที่โรงเรียน
ก็พลอยพังไปด้วยจากเหตุการณ์วันนี้

“ มิส น่ะได้อยู่หรอก แต่ถ้าจะให้ อีก 4 คนอัดเข้ามาอยู่บ้านแบบนี้มันก็แคบเกินไปนะ ”
โคทาโร่ แย้ง เพราะตามปกติ บ้านธนัท ก็มีรวมกันตั้ง 6 คนแล้ว รวม ลูเซีย กับ มิสที่ให้มาค้างด้วย
ก็ทำเอาห้องนอนแน่นขนัดไปหมด

“ ก็จนกว่าห้องพักที่โรงเรียนจะซ่อมเสร็จก็อีกตั้ง 2 วัน อาจารย์บุษบารี เค้าบอกให้ไปขอค้างกับเพื่อนๆไปก่อน
พวกเราเลยตกลงกันวาจะมาค้างที่นี่เพราะ มิส เป็นคนออกปากชวนเองน่ะ ”
บาร์น อธิบายพร้อมชี้ไปที่ มิส

“ โทษทีนะ แต่พวกเราพึ่งย้ายมาก็เลยยังไม่ค่อยสนิทกับใครดี ก็เลยมีแต่นายเท่านั้นน่ะ ”
มิส แก้ตัว

“ แต่ถึงจะยังงั้นก็เถอะ ห้องเราน่ะ จุคนเพิ่มไม่ไหวแล้วนา ”
แม้ว่า ธนัท จะเห็นใจแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่บ้านหลังเล็กๆนี้ จะรับคนเข้ามาอยู่เป็น สิบแบบนี้

“ ถ้าเรื่องนั้น แกไม่ต้องคิดมากหรอกเจ้าหนู ”
มาริน่า ที่พึ่งเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น พูด

“ ฉันคุยกับ อาจารย์บุษบารีแล้ว จะให้พวกนั้นมาค้างที่คฤหาสน์ของฉันจนกว่า ห้องจะซ่อมเสร็จดีแค่นี้คง
ไม่มีปัญหาแล้วสินะ ”
มาริน่า ออกตัวโดยมีฟรานซิสก้า ช่วยพยุง เพราะเธอได้รับบาดเจ็บมากที่สุดจากการเป็นแนวหน้า

“ ว่าแต่ แล้ว นักเรียนคนที่ 4 ล่ะ ที่ชื่อ แพน น่ะไม่ได้มาด้วยกันเหรอ? ”
ธนัท ถามด้วยความสงสัยเมื่อไม่เห็นเธอ อยู่กลุ่มคนที่มาขออาศัยด้วย

“ รายนั้นรู้สึกว่า จะมีบ้านพักอยู่ที่นี่อยู่แล้วน่ะ เพราะเค้าก็ไม่เคยมาพักที่โรงเรียนเลย ”
บาร์น ตอบ

“ เอ่อ ถ้าเรื่องทั้งหมดลงตัวแล้ว ก็ขอพวกเราพูดมั่งละกันนะครับ ”
โช ออกตัวจะพูดถึง ธุระของ ตนที่มากับ จูได พอดีกับ ที่ ศรี และ ริน เข้ามาในห้องนั่งเล่นด้วย
ทุกคนจึงอยู่กันพร้อมหน้า

“ แล้วเรื่องที่ว่าคืออะไรเหรอ? ”
ธนัท ถาม

“ นั่นดิ เรื่องอะไรอ่ะ โช ”
จูได พูด

“ อะไรกันลูกพี่ลืมไปแล้วรึครับ ที่ อาจารย์ผอ.ซาเมจิมะ ส่งเราที่นี่เนี่ย!!! ”
โช ตะคอกใส่ทำเอา จูได สะดุ้งตัวลอย

“ อ๋อ เรื่องนั้นน่ะเองเหรอ ”
จูได พูดเหมือนพึ่งนึกออก

“ เรื่องที่ อาจารย์ ผอ.ซาเมจิมะ ให้พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อจะให้เรา ร่วมมือกับ Master Ceremony จับต้วคนร้ายที่ โขมยเอาการ์ดต้องห้ามที่ผนึกชั้นใต้ดินของ ดูเอลอาคาเดเมีย ไปน่ะครับทุกคน ”
ทันทีที่ โช อธิบายจบสีหน้าของเหล่า Master Ceremony ก็เคร่งเครียดกันขึ้นมาทันที

“ การ์ดต้องห้าม? คราวก่อนก็ อสูรเทพ มาวันนี้ก็เทพมาร พอตอนนี้ก็มา การ์ดต้องห้าม
SMN มันเป็นเกมส์ที่อันตรายขนาดนี้ไปตั้งกะเมื่อไหร่เนี่ย ”
ลูเซีย โวยวายกับเรื่องที่เข้ามาได้ไม่หยุดหย่อน

“ เธอช่วยหุบปากไปก่อนจะได้ไหม ให้เค้าเล่าให้จบก่อนสิ ”
โคทาโร่ ดุใส่ เพื่อให้เธอเงียบเสียงลง โช จึงเริ่มอธิบายต่อ

“ การ์ดต้องห้ามที่ถูกขโมยไปมี สามใบ มันเป็นการ์ดผนึกที่กักขัง พระเจ้ามายาเอาไว้ แล้วก็นอกจากนี้
ยังมีอีกเหตุผลที่ต้องส่ง ผมกับ ลูกพี่มาถึงที่นี่ด้วย… ”
ก่อนที่ โช จะทันเล่าที่เหลือต่อ เสียงสายเรียกเข้าก็ดังจาก Note ของ มาริน่า

“ โทษนะรู้สึกว่าจะมี Mail มา ไวโอริน เปิดขึ้นมาซิ ” /Yes Sir/
เธอสั่ง Note ของเธอให้ทำการฉายจอโฮโลแกรมขึ้น ข้อความที่ได้รับมา เธอกวาดสายตาอ่านมันอย่างรวดเร็ว
และปิดมันลงก่อนจะพูดกับทุกคน

“ ดูเหมือนว่า เรื่องนี้คงต้องเอาไว้วันหลังแล้วล่ะ เมื่อกี๊ ไดสุเกะ พึ่งส่งข้อความมาว่า Warp Gate จะปิดปรับปรุงระบบ
ตอน 4 ทุ่ม นี่ก็ 3 ทุ่มครึ่งเข้าไปแล้ว ถ้าไม่รีบกลับตอนนี้คงจะไปไม่ทันแน่ ”

“ ถ้างั้นไว้ตอนเจอกันที่ โรงเรียอีกทีค่อยคุยเรื่องนี้ก็แล้วกัน ”
ศรี เสนอความเห็น และทุกคนก็เห็นพ้องกัน เพราะ พวก จูได ก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด
พวกเขา จึงลุกออกจาก ห้องนั่งเล่นตาม มาริน่า ที่มี ฟรานซิสก้า คอยพยุงออกไป

“ อ้าว มิส นายก็จะไปด้วยเหรอ? ”
ธนัท ถาม เมื่อมิส เองก็ลุกตามออกไปกับ พวก บาร์น ด้วย

“ ฉันเป็นห่วงบาร์น น่ะหมอนั่นเจ็บหนักกว่าฉันเยอะเลยจะขอไปเฝ้าอาการด้วยเลย ”
มิส ตอบก่อนจะเดินจากออกไป ตอนนี้ก็เหลือแค่ ธนัท ลูเซีย โคทาโร่ ศรี และ ริน
เหมือนตอนแรก

“ พอพวกนั้นไปกันแล้ว บ้านเรา เงียบขึ้นเยอะเลยนะ ”
โคทาโร่ เปรย ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟา

“ จริงสิ ว่าจะถามอยู่พอดี นายหายไปไหนมาตั้งหลายวัน แถมยัง ถูก เกร แบกส่งมาอีก ”
ธนัท นึกขึ้นได้จึงรีบถามทันที

“ บอกตามตรงนะ ฉันเองยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าวันนั้นออกไปทำอะไรกันแน่ รู้สึกหัวมันเบลอไปหมดเลย
แต่ที่จำได้แน่ๆเลยก็คือ หมอนั่น เป็นคนช่วยฉันไว้ แค่นั้นเอง ”
โคทาโร่ ตอบความทรงจำช่วงที่เขาออกจากบ้านไปนั้น มันเลือนรางราวกับว่าผ่านไปนานมากแล้ว
เขาจำอะไรแทบไม่ได้เลยตั้งแต่ตอนที่ขึ้นไปบนยอดเขา ที่หมู่บ้านแห่งนั้น แต่ก็มีเรื่องนึงที่เขานึกขึ้นมาได้

“ ถ้างั้น พี่ กับ ริน ไปนอนก่อนล่ะ วันนี้เล่นเอาระบมไปหมดทั้งตัวเลย ”
ศรี ลุกขึ้น จูง ริน ขึ้นไปชั้นบนเพื่อแยกกันไปเข้านอน

“ งั้นฉันขอไปอาบน้ำก่อนละกัน เพราะเริ่มจะง่วงขึ้นมาแล้วสิ…ฮ้าว~~~ ”
ลูเซีย อ้าปากหาวหวอดใหญ่ก่อนจะลุกออกจากห้องไปอีกคน ในตอนนี้เหลือเพียง เขา กับ ธนัท เท่านั้น
เขา จึงรีบใช้โอกาสนี้ถาม ธนัท ทันที

“ ธนัท ยาปรับสภาพ ที่ บิชอป เอามาให้นายยังกินอยู่รึเปล่า? ”

“ เอ๋~~ เอ่อ แบบว่าไม่ได้กินเลยอ่ะ ต…แต่ว่านะ ช่วงนี้ไม่ค่อยรู้สึกปวดเนื้อปวดตัวแล้วล่ะก็เลยไม่ได้กินเลย ”
ธนัท ตอบอ้ำๆอึ้งๆ เพราะถูกถามโดยไม่ทันตั้งตัว

“ ถ้างั้นช่วยเอายานั่นมาให้ฉันหน่อยสิ ”
แม้จะยังไม่เข้าใจว่า ทำไมโคทาโร่ จึงขอร้องแบบนั้น แต่ เขาก็ลุกไปหยิบเอา ขวดยาที่ห้องครัว
กลับมาให้ โคทาโร่ รับไปดูอย่างจดจ่อ จนทำเอาเขา อดสงสัยไม่ได้

“ นายหายปวดตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ? ”
โคทาโร่ ถามอีกครั้ง โดยยังคงไม่ละสายตาจาก ขวดยา

“ ก็ก่อนศึกกับสามเทพอสูร คราวก่อนยังปวดอยู่อ่ะนะ แต่หลังจากการดวลรอบนั้นแล้วก็หายเป็นปลิดทิ้งเลย
ทั้งที่ ใช้ อาแมนคริส ด้วยแท้ๆนึกว่าจะต้องทนปวดไปอีกนานแต่ว่าหลังจากนั้น ก็ไม่ปวดอีกเลย ”
ธนัท ตอบ

{จริงๆด้วยตัวการที่ทำให้ ธนัท เจ็บปวดจากการผ่าตัด ก็คือยานี่แต่ว่า….แล้วทำไมกันทั้งที่อาการของคนที่พึ่งผ่าตัดเป็น DNA-Changer น่าจะต้องใช้เวลาควบคุมอาการ 5 ปีขึ้นไปแท้ๆ ถ้ายานี่ไม่ใช่ยาปรับสภาพแต่เป็น ยาระงับการกลายพันธุ์จริงๆ ก็แปลว่า ธนัท ไม่ได้รับการผ่าตัดจริงๆแต่แรกเลยน่ะสิ เรื่องนี้มันยังไงกันนะ}

“ ว่าแต่อยากจะถามนายเรื่องนี้พอดีเลย ไอ้ยาเนี่ย โปรเฟสเซอร์ ดราก้อน ไม่ได้เป็นคนสั่งจ่ายยาให้ฉัน แต่เป็นของที่
Phenomenon party ทำขึ้นเอง แล้วไหงนายถึงเอามาให้ฉันกิน อยู่ตั้งเป็นปีๆล่ะ ”
คำถามของ ธนัท ทำให้ โคทาโร่ สะดุดใจขึ้นมา

“ พูดเรื่องอะไรของนายน่ะ ก็พ่อนายเป็นคนขอสั่งตัวยานี่ จาก พวก บิชอป เองนี่ ”
โคทาโร่ แย้ง

“ งั้นเหรอ จะว่าไปก็เคยมีเรื่องแปลกๆอยู่เหมือนกันนะเกี่ยวกับยานี่น่ะ ”
ธนัท โพล่งขึ้น

“ เรื่องอะไรเหรอ? ”
โคทาโร่ ถาม

“ ประมาณปลายปีที่แล้ว ตอนที่ไปตรวจสุขภาพกับ โปรเฟสเซอร์ ดราก้อน น่ะ พอฉันเอายานี่ขึ้นมาจะ
กินตามเวลาเหมือนทุกทีเค้า ก็ถามฉันว่านี่เป็นยาอะไร พอเอาให้เค้าดู ก็ทำหน้าตาเคร่งเครียด แล้ว
ก็ขอตัวออกไปคุยกับแม่ แล้วพอกลับมา เค้าก็ทำยังกับว่าไม่มีอะไรงั้นแหละ ”

เมื่อฟัง ธนัท เล่าทุกอย่างจนจบแล้ว การสันนิฐานหนึ่งที่พอจะเป็นไปได้ก็แว่บขึ้นมาในหัวของเขา

“ เป็น DNA-Changer ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว…งั้นเหรอ ”
โคทาโร่ พึมพำออกมา

“ หา? ตะกี้นายพูดว่าอะไรเหรอ? ”
ธนัท ถาม

“ เอ่อ ม…ไม่มีอะไร ”
โคทาโร่ ปฏิเสธ ปล่อยให้ ธนัท มองเขาด้วยสายตาแปลกๆ

{ทำไมจู่ๆ เราถึงพูดออกไปแบบนั้นกันนะ}
โคทาโร่ คิดความสับสนก่อตัวขึ้นในจิตใจ ความคิดต่างๆในหัวของเขาราวกับว่าพลุ่บๆโผล่ๆได้
โดยที่บางครั้งเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารู้ได้ยังไง

/Master, Aer you ok?/
ท่าทีแปลกๆของเขาทำให้ มาราคัส Note ของ เขาถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ อ..อืม ไม่เป็นไรหรอก ”
เขาตอบ

……………………………………………………………….
………………………………………….
…………………..

ภายในห้องพัก X-Sport Club ก๊วน ของ เกร ทั้ง 4 ยังคงทำกิจกรรมตามอัธยาศัยของตัวเองเช่นทุกครั้ง

“ ทันจะไม่เป็นไรแน่เหรอ? ”
การุรุ ถาม เกร ที่กำลัง ดูหนังสืออยู่บนโต๊ะเงียบๆ

“ เรื่องอะไรล่ะ ”
เกร ย้อนโดยที่สายตาก็ยังคงจดจ่ออยู่ที่หนังสือเหมือนเดิม

“ คงจะหมายถึงเรื่องเจ้าหนูหมาป่าที่ นายเอาไปส่งเมื่อเย็นล่ะมั้ง ”
วาการุรุ พูดไปพลางถีบจักรยานออกกำลังกาย ในห้องไปด้วย

“ ถ้าเรื่องนั้นให้ เทนโตะ จัดการไปเรียบร้อยแล้ว ”
เกร ตอบเสียงเรียบ และยังคงเพิกเฉยกับ การุรุ อยู่เหมือนเดิม ทำให้เจ้าตัว ต้องหันค้อน
ไปมอง เทนโตะ ที่กำลังนั่งอ่านการ์ตูน อยู่เพื่อจะขอคำตอบ

“ ฉันใช้พลังจิต ช่วยกลบเกลื่อนความทรงจำของเค้าให้ไปแล้วล่ะ ”
เทนโตะ ตอบ

“ หมายถึงลบความทรงจำเหรอ? ”
การุรุ ย้อนถามเพราะ ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด

“ มันไม่เหมือนกับลบความทรงจำหรอก ก็แค่ทำให้ ความทรงจำส่วนที่ไม่อยากให้รู้ กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา
เหมือนกับเวลา คนเราเห็นก้อนหินตามทางก็จะไม่สนใจหรือรู้สึกอะไรเป็นพิเศษใช่ไหมล่ะ หลักการก็คล้ายๆกันนั่นล่ะ
ฉันทำให้ ความทรงจำส่วนนั้นถูกป้องกันไม่ให้ จิตใต้สำนึกรับรู้ว่ามันเป็นสิ่งแปลกปลอม และก็จะทำให้เจ้าตัว คิดว่า
เป็นเพียงการสันนิษฐานลอยๆ ที่ออกมาจากจิตสำนึก เท่านั้นเอง ”

เทโตะ อธิบาย

“ นายนี่สุดยอดเลยแหะ ทำเรื่องยุ่งยากแบบนั้นในหัวคนได้ด้วยเหรอ ”
การุรุ ทึ่งกับ ความสามารถของ เทนโตะ

“ ที่จริงถ้าลบไปเลยมันจะง่ายกว่าอยู่หรอก แต่ที่ต้องทำแบบนั้นเพราะถ้าเกิด เจ้าตัวถูกถามขึ้นมาว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วง
ที่เราพาตัวมา แล้วเกิดจำอะไรไม่ได้เลยมันจะทำให้ยุ่งยาก แต่ถ้าใช้วิธีนี้ก็จะทำให้เวลาที่ต้องตอบคำถามเกี่ยว
กับความทรงจำส่วนนั้นเจ้าตัวก็จะตอบแต่เฉพาะเหตุการณ์ที่ตัวเองประสบเท่านั้นโดยไม่มีพวกเราร่วมยู่ใน
ความทรงจำเหล่านั้น ”

เกร ช่วยแจงต่ออีกที แต่นั่นกลับยิ่งทำให้ การุรุ มึนหนักขึ้นไปอีก

“ พวกนายสองคนเข้าใจไอ้ เรื่องยากๆแบบนี้เข้าไปได้ไงเนี่ย เอาเป็นว่าเรื่องนี้ช่างมันก็แล้วกัน
แต่ว่าจะทิ้งไว้เฉยๆงี้เลยเหรอ ตอนนี้ศัตรูน่ะเริ่มเคลื่อนกันไหวแล้วนะ ”
การุรุ พูด

“ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไปหรอก เพราะยังไงซะ ทุกๆอย่างก็จะเป็นไปตามที่พวกเราวางเอาไว้อยู่ดี เคลื่อนไหวตามกำหนดการก็พอแล้ว ”
เกร ยืนยัน อย่างหนักแน่นที่จะไม่เริ่มการเคลื่อนไหวใดๆ เมื่อได้ฟังเช่นนั้น การุรุ จึงตัดใจไปในที่สุด
แต่ในตอนนั้นเอง ความคิดเจ้าเล่ห์ก็แว่บเข้ามาในหัว

{จริงสิ ในเมื่อตอนนี้ ทุกคนยังไม่ยอมกระตือรือร้นกัน ถ้าเราสามารถสร้างผลงานได้ก่อนล่ะก็ หุๆๆ เกร
จะต้องชมเราแน่ๆเลย}
การุรุ ฉีกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ และกลืนเสียงหัวเราะที่เกือบจะลั่นออกมาลงไป

……………………………………………..
…………………….

สามวันต่อมา

ในการแข่งขันรอบชิง การแข่งประจำเขตซึ่งถูกจัดขึ้น ณ ลานจัดงานของ ห้างแห่งหนึ่ง

“ จอมอาคมดำมายาเมฟิส (Mephist, the Mythical Necromancer) โจมตี เอเกอร์ อิมพลีเคท(Eager Imprecate) ”
คำสั่งโจมตีของ ผู้เข้าแข่งขันดังขึ้น อสูรอัญเชิญภายใต้อานัติของเขา คือ จอมเวทย์สีดำผู้มีอาคมแห่งวิญญาณรายล้อม
ด้วยมนต์ดำได้ชักนำวิญญาณร้ายมารวมตัวกันเป็นแรงพลังแก่จอมเวทย์ ก่อนจะใช้วิญญาณเหล่านั้น
ถล่มใส่ อสูรของ คู่ต่อสู้จนปราชัย

รูปภาพ

“ ผู้ชนะเลิศการแข่งระดับเขต ประจำเดือนนี้ได้แก่ อาคม นิมิตการดี ผู้ครอบครอง การ์ดซีรี่ย์ Mythical
ที่มีเพียงใบเดียวในโลก ”
เสียง ประกาศของโฆษกดังขึ้นแถลงชัยชนะของ เด็กหนุ่ม


To be Continue
………………………………………………….

…………………………………………………..
Next Sub-Turn
ธนัท:เรียนหลังจากหยุดยาวเนี่ยมันหนักเอาการอยู่เหมือนกันแฮะ
ชุติการ:มีคนท่าทางแปลกๆมาด้อมๆมองๆอยู่ ในโรงเรียนด้วยบางทีอาจจะเป็นพวกเดียวกับที่มาถล่ม
โรงเรียนเมื่อวันก่อนก็ได้นะ
จูได:ดีล่ะงั้นคราวนี้ฉันจะเป็นคนดวลกับพวกนั้นเอง จะเข้ามาทางไหนก็มาเลย~~~
การุรุ: ไม่ต้องเข้ามทีล่ะคนหรอก เข้ามาพร้อมกันหมดนี่ล่ะ เดี้ยนจะต่อให้ 10 ต่อ 1 เลยเอ้า
โช:ตอนต่อไป Sub-turn 33 Clue การดวลแบบ 10 ต่อ 1 กับ เคลเบรอส
โคทาโร่:อะไรนะ!? 10 รุม 1 ยังแพ้ราบเลยเหรอ
การุรุ: จะดูถูกเจ๊ยังไงก็ได้ แต่ห้ามหมิ่นประมาท นามอันศักดิ์สิทธิ์ที่ เกรคุง ตั้งให้นะ

...พระองค์ทรงตะบัดสัตย์พรากสองเราให้แยกห่าง แม้อ้อมกอดแห่งไกอาก็มิอาจมอบไออุ่นแด่ข้า...จงประทับย่างก้าวอันไร้ขีดจำกัดเหนือนภาเหมันต์ Progress Summon.....จงปรากฏออกมา พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด


Card Pop!

Queen of the Hell
รูปภาพ

Type: tarot Subtype: 15 The Devil
Mp Cost: 3 Pasted: nonP Interfere: no Turn: 0 Rarity: rare
Ability:
นำ [Dark] ที่ชื่อไม่เหมือนกันและไม่ใช่ [Machine] 2 ใบเข้ามาในสนามจาก Shrine เรา เมื่อจบ Sub-turn ถ้า Seal ที่นำเข้ามาอยู่ในสนาม (แม้เป็น Seal ใบรองรวมร่าง) เรานำไปยัง Shrine



ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง รอบนี้ช้าแล้วบทยังเผาบรรลัยอีกต่างหาก คราวหน้าจะไม่ให้เป็นแบบนี้อีกเน้อ~~~
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 32 Dark Deva

โพสต์โดย boy เมื่อ ศุกร์ พ.ย. 12, 2010 6:13 pm

*w*
ตอนนี้เรื่อยๆสินะ งั้นไม่ตอบอะไรมาก =w=
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 32 Dark Deva

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ เสาร์ พ.ย. 13, 2010 5:44 pm

อย่างที่ว่าไปเนื่องจากตอนของอาทิตย์นี้มัน เรื่อยๆเหนือยๆ เลยโดนสั่งให้ ทำ Profile ของ ทีมเหล่าตัวร้าย(ที่ยังไม่รู้ว่าร้ายจริงรึเปล่า)
ออกมา แถมยังโดนกลั่นบทไม่ให้แอบมีรั่ว อีก - -+ จนราวกับว่า เกรม่นคุงเป็นคนเขียนเองเลยทีเดียว
ว่าแล้ว แปะโลด

Grea Team

รูปภาพ

Name: Grea
Last Name: Unknown
Fake Name: Gary
Age: 18
Tribe :Human
Summon Level: Heroic
NOTE: Harp
Deck: Lost Canvas(สรวงสวรรค์พินาศ)
Theme God: Eternal Immortal

รูปภาพ

1. ..เวลาคือดาบที่พระองค์ใช้มันพรากผู้ที่เรารักไป บัดนี้กำลังจะพังทลายลงแล้ว....ต่อหน้าความเป็นไปได้เหนือขีดจำกัด Progress Summon...... จงออกมา พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด คาออสลอร์ดเลวีอาทาน(Eternal Immortal Chaos Lord Leviathan)

2. ......ทรงปกครองแดนสรวงด้วยกาล ทรงใช้มันพรากผู้ที่เรารักไปจาก บัดนี้กำลังจะพินาศลงแล้ว....ต่อหน้าโทสะอันไร้ขีดจำกัด Progress Summon...... จงออกมา พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด ?????

3. .....ปีกแห่งพระองค์ทรงเจิดจรัสคือชีวาแห่งผู้ที่เราพรากจาก บัดนี้กำลังจะร่วงโรยแล้ว...ต่อหน้าปีกอันไร้ขอบเขต Progress Summon...... จงออกมา พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด?????

Comment: หนึ่งใน Heroic ที่มีความสามารถควบคุมอสูรเทพทั้งหมดได้ เป็นคนเงียบขรึม มักพูดจาแปลกๆ
และมีความเคียดแค้นต่อทุกสิ่งที่เชื่อมโยงไปสู่พระเจ้า ประกอบกิจการ ฟิตเนส X-Sport Club เป็นอาชีพบังหน้า

รูปภาพรูปภาพ
Name: Garuru
Last Name: Lunas
Theme Name: Cerberus
Age: 18
Tribe :Human
Summon Level: Summoner Master
NOTE: Longinus
Deck: Lost Asgard (วิมานพินาศ)

Theme God: Eternal Immortal

รูปภาพ

...พระองค์ทรงตะบัดสัตย์พรากสองเราให้แยกห่าง แม้อ้อมกอดแห่งไกอาก็มิอาจมอบไออุ่นแด่ข้า...จงประทับย่างก้าวอันไร้ขีดจำกัดเหนือนภาเหมันต์ Progress Summon.....จงปรากฏออกมา
พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด จ้าวแห่งเดนนรก วิคคิดนิสลอร์ดมูนการุม(Eternal Immortal Wickedness Lord Moongarm )

Comment: หนึ่งใน เคลเบรอส ผู้มีเสน่ห์เป็นที่หนึ่ง (แต่ไม่สนผู้หญิงซักคน) สำหรับคนทั้งโลกแล้ว เขาคือ Super Model
ที่มีชื่อเสียงมาก จนมีฉายาว่า Son of Venus Adonis [อโดนิส บุรษรูปงาม บุตรแห่งวีนัส]


รูปภาพ

Name:Weregaruru
Last Name: Belzor
Theme Name: Cerberus
Age: 18
Tribe :Human
Summon Level: Summoner Master
NOTE: Excalibur
Deck: Lost Niflheim (นรกภูมิพินาศ)

Theme God: Eternal Immortal
....พระเมตตาแห่งพระองค์ มิอาจวอนขอแด่ข้า พระกรุณาไม่อาจหยั่งถึงใจข้า ทรงผิดพลาด .... ไฟแค้นอนันต์จักกลืนให้สิ้น Progress Summon.....อัญเชิญ พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด

Comment: หนึ่งใน เคลเบรอส ผู้มีพละกำลังเป็นที่หนึ่ง ซึ่งในเวลานี้เจ้าตัวเป็นแชมป์โลกการแข่งขันศิลปะการต่อสู้
จนถูกกล่าวขานว่าเขานี่แหละ วีรบุรุษกลับชาติมาเกิด ชายผู้แกร่งที่สุดบนผืนปฐพี Hercules


รูปภาพ
รูปภาพ

Name:Tento
Last Name: Dracus
Theme Name: Cerberus
Age: 18
Tribe :Esper
Summon Level: Summoner Master
NOTE: Aegis
Deck: Lost Valhalla (หอเกรียติภูมิพินาศ)

Theme God: Eternal Immortal

....พระองค์ทรงเขลาขลาด พระปรีชาทรงด้อยนัก ดาบแห่งกาลของท่าน มิอาจกร้ำกราย....ต่อหน้าเราผู้มีความเป็นไปเหนือขีดจำกัด Progress Summon...... จงสยบให้สิ้น พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด

Comment: หนึ่งใน เคลเบรอส ผู้มีปัญญาเป็นเลิศด้วยวัยเพียง 18 ปี แต่กลับมีวุฒิ ดร. ถึง 3 ใบแล้ว
และยังเคยรับรางวัลโนเบล สาขาใหม่ที่พึ่งตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในยุคนี้ นั่นคือ สาขาเวทยาการ
ในการนำร่อง ระบบพลังรูปแบบใหม่ที่สามารถดึงเอาพลังเวทย์ มาขยายพลังจิตได้
ฉายาที่คนทั้งโลกตั้งให้แก่เขาคือ Owl of Athena Glaucus



ปล.รู้สึกจะหลุดสปอยล์ ชื่อการ์ดในตอนต่อไปออกมาใบหนึ่งแฮะ ช่างเหอะมันคงไม่ได้โกงเท่าไหร่นัก (ว่าแต่ เจ๊ หล่อที่สุดในเรื่องเหรอเนี่ย ::036:: )

ปล.2ทำไมลูกน้องแต่ล่ะคนในทีมดูมันจะเก่งกว่าหัวโจกทีมล่ะเนี้ย~~ แต่ล่ะคนชื่อ Deck กับชื่อ Note นี่เหอ ::019::
แก้ไขล่าสุดโดย MetalGaruruMoN เมื่อ ศุกร์ ม.ค. 30, 2015 4:16 pm, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Sub-turn 33 Clue (ร่องรอย) การดวลแบบ 10 ต่อ 1 กับ เคลเบรอส

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ย. 25, 2010 2:34 am

Sub-turn 33 Clue (ร่องรอย) การดวลแบบ 10 ต่อ 1 กับ เคลเบรอส


สนามบินดอนเมือง

มันเป็นเวลาเช้ามืด ซึ่งพระอาทิตย์ ยังไม่ขึ้น เครื่องบินส่วนบุคคล ลำเล็กกำลัง บินลงจอด
บนลาน ที่มีแสงไฟสีเขียว วางยาวไปตลอดแนว และเมื่อเครื่องจอดสนิท ประตูเครื่อง ก็ถูกเปิด
พร้อม นายทหารวัยเด็ก 4 นายเดินลงมาจากเครื่อง พวกเขาทุกคนล้วนแต่เป็น DNA-Changer
หลังจากลงมาแล้ว ทั้ง 4 คน เดินยืนเรียงแถว เป็นระเบียบ คอยผู้บังคับบัญชา ที่เดิน ตามลงมาพร้อมกับ เด็กสาวอีกคนหนึ่ง

“ เรามาถึง สยามประเทศ แล้วครับ ท่าน จิงค์ ”
ผู้บังคับบัญชา กล่าวพร้อมกับ ผายมือเบิกทางให้กับเธอ ได้ เดินเข้าไปเจรจากับ ทูตสัมพันธไมตรี ที่พึ่งจะมาจาก สถานทูต
ที่ปีกหางเสือเครื่องนั้น ประดับตรา ซึ่งเขียนเอาไว้วว่า Order of St.Magnus

……………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………..

สตูดิโอถ่ายทำละครแห่งหนึ่ง

“ คัท!!!! ”
เสียง ให้สัญญาณของผู้กำกับ ดังขึ้น ก่อนที่ทีมงานทุกคนจะวางมือจากงาน บรรดา นักแสดง ที่กำลัง
สวมบทบาทอยู่ก็ปรับอารมณ์กลับ ตามเดิม ก่อนการประกาศผลการถ่ายทำฉากนี้จะเริ่มขึ้น

“ เทคนี้เราถ่ายทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมากเลย เพราะงั้นงานของวันนี้เลยเสร็จเร็วกว่าที่วางไว้
ขอบคุณทุกคนมากเลยนะครับ ”
ผู้กำกับ กล่าวชื่นชมเหล่านักแสดงและลูกมือในกองถ่าย สำหรับความพยายามที่ยิ่งยวดจนทำให้การถ่ายทำวันนี้
ออกมาเป็นผลที่น่าพึงพอใจมากๆ หลังจากพูดคุยเรื่องงานถ่ายทำครั้งต่อไปเสร็จ แล้วทุกคนก็แยกย้าย กัน
กลับ


“ วันนี้ก็แสดงได้ดี เหมือนเดิมเลยนะครับ คุณ การุณ สมแล้วที่เป็นยอดนักแสดงที่เคยรับรางวัลออสการ์ มา 3 ปีซ้อนแถมยังเป็น Super Model of Universe อีกต่างหาก ”
ผู้กำกับ พูดขณะที่เดินกลับ ออกจาก สตูดิโอ ด้วยกัน กับ การุรุ ซึ่งเป็น นักแสดงในกองถ่ายโดยใช้ชื่อปลอมว่า การุณ เหมือน เกร ที่ใช้ชื่อว่าแกรี่เพื่อปกปิดชื่อของตนเองตอนที่ ออกอากาศครั้ง จอมโจรดาร์คบุกมาชิง ดาบแห่งปัญญา

“ แหงสิคะ ก็เขาน่ะเป็น บุตรแห่งวีนัส อโดนิส ที่สวรรค์ประทานเชียวนะคะ ”
คำพูดของ หญิงวัยกลางคนใส่แว่น ดังสวนเข้ามา ใบหน้าคมคายทำให้เธอดูมีมาด ในแบบสาวมั่น
มือทั้งสองของเธอ จะถือ Note ที่เปิด จอภาพโฮโลแกรม และใช้อีกมือ แก้ไขและบันทึกรายงานรวมไปถึงจัดวางตาราง
เวลาอยู่แทบจะตลอด

“ และฉัน คนนี้ก็เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเค้า ”
เธอ กล่าวเสียงมั่น ก่อนจะเดิน เข้ามา ร่วมสนทนากับพวกเขาด้วย

“ คุณผู้จัดการมาพอดีเลย อยากจะให้ช่วยปัดตารางของวันนี้ออกไปก่อนได้ไหม ”
การุรุ ขอร้องกับเธออย่างจริงจัง แม้ว่าชายผู้ที่หล่อที่สุดในโลก จะลงทุนขอร้องแบบนี้แต่ ก็ไม่ได้ทำให้
มาดเข้มของเธอ ผ่อนลงมาเลยแม้แต่

“ ถ้าเลื่อนออกไป เดือนนี้ทั้งเดือน ตารางจะเต็มตลอดทั้งวันเลยนะคะ ”
ผู้จัดการ สวนใส่อย่างไม่ใยดี

“ ผมรู้อยู่แล้วล่ะ ยังไงก็ช่วยจัดการให้ทีนะ ไอ้เรื่องทำงานหนักน่ะผมไม่เกี่ยงหรอก ”
การุรุ พูดพร้อมกับ ตบบ่าเธอ เพื่อจะบอกว่าฝากเรื่องงานด้วย

“ แล้วมีธุระสำคัญอะไร ที่ถึงกับทำให้ เทพบุตร อย่างคุณต้องลางานขึ้นมากระทันหันแบบนี้กันคะ ”
เธอ ถามแม้จะเข้มงวดกับเขา แต่เธอเองก็อยากรู้ว่าเขามีธุระสำคัญอะไร

“ ผมต้องไป เพื่อทำให้ความรักก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นน่ะ บาย~~ ”
เขา โบกมือลา ก่อนจะเดินจากไปอย่างสบายอกสบายใจ

“ เค้ากำลังมีคนที่ชอบอยู่รึครับเนี่ย? ”
ผู้กำกับ เปรยด้วยความใคร่รู้ ว่าหญิงใดกันแน่ ที่สามารถจูงใจ เทพบุตรคนนี้ได้
แต่ ผู้จัดการของ การุรุ กลับขมวดคิ้วหน้านิ่ว ขึ้นมาทันที

“ เรื่องของคนพรรค์ ฉันจะไปรู้ได้ไงกัน ”
เธอสบถเสียง อย่างเสียอารมณ์ก่อน จะตบเท้าเดิน หนีออกไป

…………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………..

ที่โรงเรียน มนต์วิทยา หลังจากการซ่อมแซมความเสียหายภายในตัวโรงเรียนเป็นเวลา ทั้งสัปดาห์จนสามารถ
เปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติแล้ว บรรดานักเรียน ก็ต้องเผชิญกับการเรียนชดเชย ที่หนักหนาเอาเรื่อง
อยู่ เพราะการหยุดพักการเรียนการสอนที่นานจนเกินไป ทำให้เหลือเวลา อีก เดือนเศษๆ ก็จะเริ่มการสอบกลางภาค
ของเทอมแรก แล้ว……

“ ในปี พ.ศ. 2677 หลังจากกรณีพิพาท ของอสูรเทพ ที่เป็นปัญหาให้กับรัฐในหลายๆรัฐทั่วโลกต้องประสบกับความพินาศ
วงการวิทยาศาสตร์และ เวทยาการ ไม่อาจให้คำตอบในเรื่องนี้ได้ แต่ ศาสตรจารย์ กิตติเสม ได้ให้การสันนิฐานเอาไว้ว่า
อสูรเทพและอสูรทั้งหมดที่ปรากฏเป็นอยู่ในโลกของเรา จะมีปฏิกิริยาตอบรับต่อ ความรู้สึกและการกระทำของมนุษย์….

จากนั้นอีก 10 ปีต่อมา เพื่อการปฏิรูประบอบการปกครองทั้งหมดบนโลก ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อการรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดจาก อสูรจึงได้แต่งตั้งคณะพิเศษ ที่มีหน้าที่จัดการความเป็นไปต่างๆ ขึ้น และเราเรียกว่า Master Ceremony
โดยที่รุ่นแรกสุดของคณะนี่คือ กลุ่มที่สยบความวุ่นวายจาก อสูรเทพ สืบมาจนถึงปัจจุบัน กลุ่มนี้ได้ถอนตัวออกและ
เฟ้นหา ผู้มีคุณสมบัติ มาเข้ากลุ่มแทน และกลุ่มเก่าได้ขึ้นไปเป็น ผู้พิทักษ์ที่ ไกลกังวล พาเลช …………. ”

อาจารย์บุษบา กำลังอธิบายตามเนื้อหาในวิชา ที่ขึ้นบนจอโฮโลแกรม ให้นักเรียนในห้องฟัง ซึ่ง
บรรดานักเรียนก็ไม่ค่อยจะสนใจกันเท่าไหร่นัก แต่ก็ทำอะไรอื่นไม่ได้นอกจานั่งฟัง พวกเขาจึงได้แค่ ทำหูทวนลม
ฟังการสอนวิชา อันหน้าเบื่อนี้

“ เอ่อ…นี่ธนัท ”
โคทาโร่ หันมากระซิบ ใส่ ธนัท ที่กำลังทำหน้าเซ็งสุดขีด

“ อะไร ? ”
ธนัท กระซิบตอบโดยไม่หันไป เพราะ อาจารย์บุษบากำลังมองมา พวกเขาจึงหยุดการสนทนา รอจนอาจารย์หัน
ไปทางอื่นจึงเริ่มกระซิบกันอีกครั้ง

“ ที่ฉันกลับมานั่งข้างนายแล้วไล่เจ้ามิส ไปนั่งข้าง นักเรียนที่ดู….เอ่อ มืดมน น่ะฉันทำอะไรผิดอ้ะเปล่า
เพราะดูหน้าตาเจ้า มิส มันเหมือนอยากจะตายซะให้ได้ ”
โคทาโร่ พูดตามที่เห็น มิส ที่ถูกย้ายไปนั่งติดกับ แพน แทนเพราะ โคทาโร่ กลับมาเข้าชั้นเรียนแล้ว

“ เรื่องแบบนั้นฉันไม่รู้หรอก แต่ที่รู้อยู่ตอนนี้ก็คือ คาบหน้าที่พลเมืองสมัยใหม่ เนี่ยน่าเบื่อชะมัด ไม่รู้จะสอนเรื่อง
ที่รู้อยู่แล้วทำไมกันนะ ”
ธนัท กระซิบ หลังจากนั้นทั้งสองก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก จนเมื่อกระดิ่งคาบเรียน ดังขึ้นอาจารย์บุษบา จึงหยุดทำการสอน
และปิดกระดานโฮโลแกรม ก่อนจะให้นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพและเดินออกไป
หลังจากอาจารย์ ออกไปแล้วทุกคน ต่างก็มีสีหน้าอิดโรย จากการเรียนชดเชยอันแสนสาหัสมาทั้งวัน
บางคนจึงเริ่มบิดขี้เกียจ และบางคนฟุบหน้าลงกับโต๊ะหนังสือ เพื่อพักงีบเอาแรง ก่อนที่คาบต่อไปจะเริ่ม

“ จริงสิ! วันนี้ เคียว ก็ไม่มาอีกแล้ว หมอนั่นหายหัวไปเลยตั้งกะ หลังเปิดเรียนสัปดาห์แรก มีปัญหาหรือไม่สบายรึเปล่าน่ะ ”
โคทาโร่ ท้วง

“ เรื่องนั้นฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน ”
ธนัท ตอบ ระหว่างนั้น เอง อาจารย์บุษบา ที่น่าจะเดินไปตั้งไกลแล้ว ก็โผล่หน้ามาที่ห้องอีกครั้ง พร้อมกับ
เริ่มประกาศเรื่องบางอย่างให้ทกคนในห้องฟัง

“ ครูลืมบอกทุกคนไปซะสนิท เมื่อเช้าผู้ปกครองของ วัชรพงศ์ โทรมาบอกว่าเค้า จะลาพักการเรียนไว้ซักระยะ
เพราะปัญหาทางบ้านนิดหน่อย ดังนั้นทุกคนไม่ค้องเป็นกังวลกันมากนะ เค้าไม่ได้ป่วยอะไร แค่นี้ล่ะ ”
อาจารย์ บุษบา แจ้งข่าวจบก็รีบแจ้น ออกไปทันทีเพราะ อาจารย์ ที่จะสอนรายวิชาถัดไป เดินมาถึงห้องแล้ว
แม้ข่าวนี้จะทำให้ทุกคนฮือฮา กันขึ้นมาบ้าง แต่ทุกคนก็พากันกลับไปนั่งที่ เพื่อเตรียมตัวเรียนคาบต่อไป

…………………………………………………
……………

หลังจากกระดิ่งคาบสุดท้ายดัง เวลาล่วงมาจนถึงเย็นที่พระอาทิตย์ จะลับขอบฟ้าเสียแล้ว

“ เลิกช้าชะมัดเลย ถ้าต้องเรียนอย่างไปอีก อาทิตย์เต็มๆ ฉันคงได้ตายก่อนแน่ ” /weak!/(ปวกเปียกซะจริง)
ธนัท บ่นพร้อมกันนั้น คอรัส ที่เกาะอยู่บนหัว ก็ส่งเสียงซ้ำเติมใส่ อย่างทุกครั้ง

“ งั้นฉันไปก่อนนะ ” โคทาโร่ พูด

“ อ้าว? วันนี้ประธานเรียกรวมที่ชมรมนี่ นายไม่ไปเหรอ ” ธนัท ถาม

“ วันนี้ฉันมีนัดแล้วฝากนายประชุมแทนละกัน ”
โคทาโร่ตอบก่อนจะสาวเท้าเดินหนีไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ถาม

“ พักนี้ทำไมชอบตีห่างเราจังเลย หรือว่าจะโกรธเราอยู่หว่า ”
ธนัท พึมพำ

/We late!! /
คอรัส เตือนว่าเขาสายแล้วสำหรับการประชุม ทำให้เจ้าตัวรีบแจ้นไปทันที เพราะ มาริน่า สั่งไว้ว่าห้ามมาสาย
เด็ดขาด ระหว่างที่กำลังหลับหูหลับตาวิ่งแบบไม่คิดชีวิตอยู่นั้นเอง ธนัท ก็ไปชนเข้ากับ นักเรียนคนหนึ่ง จนเซถลากลับมา

“ ท..โทษที พอดีกำลังรีบน่ะ ไม่มีเวลามาคุยด้วยแล้ว ขอทาง… ”
ธนัท กล่าวขอโทษขอโพย อย่างเร่งรีบเพราะยังไม่อยากจะหัวหลุดจากบ่า ฐานไปสาย

“ โอเปร่า(Opera) แสตนบายน์ ” /sich bereit halten/(Get Set)
นักเรียนที่เดินชนด้วยเมื่อครู่ สั่งให้ Note ของตนซึ่งอยู่ในรูปของ จี้ห้อยคอ ติดตั้งเป็นปลอกแขนสำหรับดวลโดย
ไม่ฟังที่ธนัทพูดแม้แต่น้อย

“ ฉัน อาคม เรามาดวลกัน ถ้า นายชนะ ฉันจะปล่อยนายไป แต่ถ้าฉันชนะ นายต้องตอบคำถามฉันทุกเรื่อง ”
นักเรียนหนุ่มยัดเยียดคำท้าให้ อย่างไม่ทันตั้งตัว

……………………………………..
……………………………………………………….

ขณะเดียวกันที่หน้าห้องชมรม

“ ให้ตายซี่ อุตส่าห์วางแผนการสุดเลิศสแมนแตน ไว้แล้วเชียวแต่ดันลืมนึกถึงเรื่องสำคัญไปซะได้ ”
ชายท่าทางมีพิรุธ และแต่งตัวแปลกๆด้วยการใส่แว่นกันแดดสีดำสนิท และยังคาดผ้าปิดปากเอาไว้
อีกด้วย พึมพำยอ่างลุกลี้ลุกลน อยู่หน้าห้อง ชมรม

{เรากะจะใช้เวลาวันนี้ที่อุตส่าห์ลางานมาได้ แอบเข้ามาหา ทานาทอส แล้วจากนั้นก็ท้าดวล แล้วก็ให้
พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด ชำระล้างที่นี้ ทานาทอสก็จะกลายมาเป็นพรรคพวกของเรา เท่านี้ พอกลับไป
เกร ก็จะต้องชมเราแล้วก็จะทำให้คะแนนของเรา ทิ้งห่างเจ้าสองตัว ที่เอาแต่นั่งๆนอนๆ
อยู่ที่คลับได้ เท่านี้ก็เป็นไปตามแผนทุกอย่าง อะไรจะง่ายดายขนาดนี้ แต่เรากลับลืมเรื่องที่สำคัญสุดๆไป

ทานาทอส อยู่ห้องไหน เลิกเรียนแล้วไปทำอะไร เรายังไม่รู้เลยนี่นา แถมโรงเรียนนี่ก็กว้างซะ จะให้เค้าประกาศเรียกให้
แต่แต่งตัวแบบนี้จะมีพิรุธซะเปล่า จะเปิดเผยหน้าตาตัวเองก็ไม่ได้อีก เราเป็นคนดังระดับโลกขนาดนี้มีหวังกลายเป็น
เรื่องใหญ่อีกแหง}

ชายท่าทางประหลาดผู้นี้คือ การุรุ นั่นเองและเขาก็กำลังร้อนรน ที่จะตามหาตัวธนัท แต่ก็หาไม่พบซักที

“ นี่แกน่ะ ”
เสียงเรียกที่ดังขึ้นอย่างปุบปับ ทำให้ เจ้าตัวสะดุ้งตัวลอย ถอยรูดไปติดกำแพงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามห้องชมรมทันที

“ ท่าทางมีพิรุธน่าสงสัยนะ ”
ฟรานซิสก้า ที่ทักเขาไปเมื่อครู่พูด และตอนนี้ก็ถูกล้อมเอาไว้หมดโดยเหล่าสมาชิก ที่มารอกันอยู่ที่ชมรมตาม
การเรียกประชุมของ มาริน่า ประกอบด้วย
ฟรานซิสก้า, อิส, ไดสุเกะ, ลูเซีย, แอนนา, ชุติการ, มิส, เชส, แพน และ บาร์น
ทั้งหมด 10 คนกำลังส่งสายตาดุๆปานจะกินเลือดกินเนื้อมาที่เขาจนตัวหดไปทันที

“ แต่ตัวประหลาด ทำลับๆล่อๆ อีแบบนี้ไม่พวกโรคจิต ก็คนบ้า ” อิส พูด
“ ไม่หรอก ฉันว่าขโมยแหงๆ คงจะแกล้งบ้าทำให้คนอื่นไม่สงสัย แบบนี้ต้องจับส่งตำรวจโลด ” ได้สุเกะ เสนอ
“ จะตัดสินกันแค่ที่ภายนอกอย่างเดียวคงไม่ได้หรอก บางทีเจ้านี่อาจจะเป็นพวกเดียวกับที่ บุกมาถล่มโรงเรียนเราคราวก่อนก็ได้ ”

ฟรานซิสก้า แย้งและนั่นทำให้ ทุกคนเพิ่มระดับความระแวงต่อ การุรุ ยิ่งขึ้นไปอีก จนแทบไม่ต้องทำอะไร เจ้าตัว
ก็แทบจะหัวใจวายตายเพราะ จากการถูกรังสีอำมหิตของแต่ละคนบี้อัด อยู่กลางวงล้อม

“ อาจจะเป็นสปายของพวกมันที่ส่งเข้ามาสืบความเคลื่อนไหวก็ได้หนา ”
แอนนา ออกความเห็นบ้าง

“ งั้นก็คงปล่อยให้กลับไปรายงานพวกนั้นไม่ได้เด็ดขาด ” ลูเซีย พูด
“ แล้วจะเอายังไงกับหมอนี่ดีล่ะ ” มิสถาม
“ ถ้าจะจัดการกับหมากรองเชิงของ ศัตรูล่ะก็ใช้วิธี ที่ไม่เอิกเกริก เท่าไหร่จะดีกว่านะ เพราะบางที นอกจากหมอนี่แล้วอาจจะยังมีพวกของมันคนอื่นคอยจับตาดูอยู่ก็ได้ ”
เชส เสนอให้ทำตามแบบฉบับวิธีของเขา

“ งั้นเราก็จับตัวมารีดเอาข้อมูลเลยก็ได้นี่ อีกเดี๋ยวประธาน ก็มาแล้วถ้าให้มือโปรด้านการ ทรมานจัดการล่ะก็คงยอมบอกอกมาหมดเปลือกเลยล่ะ ”
ชุติการ เสนอซึ่งทางเลือกนี้ ทุกคนต่างเห็นพ้องกันอย่างเป็นเอกฉันท์

{ต…ตายหอง~~~ ตีความกันหลุดประเด็นไปไหนแล้วล่ะนั่น เดี๊ยน แค่จะมาสานต่อเยื่อใย
แห่งรักของเดียนกับเกร เองน้า~~~}
การุรุ คิดโดยทิ้งสีหน้าซีดเซียวเหมือน ไก่ ที่กำลังจะถูกนำไปต้มยำ อยู่ร่ำๆ
ระหว่างที่ ทั้ง 8 คน ซึ่งเห็นพ้องกันกำลังจะลงมือ บาร์น กับ แพน ทั้งคู่ต่างก็คิดเหมือนกันว่า
สามารถรับรู้ความรู้สึกของ การุรุ ในขณะนี้ได้โดยไม่ต้องสื่ออกมาเป็นคำพูดเลย

ในขณะที่ถูกบีบคั้นมากขึ้นไปเรื่อยๆนี้เอง สัญชาตญาญการเอาตัวรอด ก็ได้กระตุ้นให้ เจ้าตัวดิ้นรนเพื่อยืดชีวิต
ให้จีรังต่อไป

“ ส…สต๊อปปุ(Stop) ยู้ด~หยุดเลย พวกเธอไม่มีสิทธิมาทำแบบนี้กับฉันนะ ยังไงก็ตามถ้าจะมาสงสัยกันล่ะก็ ดวลให้ชนะฉันก่อนเป็นไง ”
การุรุ ยื่นข้อเสนอ และนั่นทำให้ทั้ง 10 คนหัวเราะขำท้องแข็งขึ้นพร้อมกัน

“ นี่นายคิดจริงๆเหรอว่าจะเอาชนะพวกเราได้น่ะ? ”
ชุติการ พูดไปสำลักไป

“ นึกว่าเป็นแค่ลูกจ๊อกของพวกนั้น แต่ก็ไม่นึกว่าจะโง่บรมขนาดนี้เลยนะ ”
ฟรานซิสก้า เองก็อดที่จะขำไปด้วยไม่ไหว ที่จู่ๆก็พูดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แบบนั้นออกมา

“ มาลองดูก่อนเถอะย่ะ เข้ามาพร้อมๆกันทั้ง 10 คนเลยนั่นแหละจะได้ไม่ต้องเสียเวลา ถ้าฉันชนะ
ละก็รีบๆหลีกทางไปเลยนะยะ ”
การุรุ สวนเพราะเริ่มทนไม่ไหวแล้วที่ถูกเห็นเป็นตัวตลกในสายตาของพวกเขา จึงชักเอา จี้ห้อยคออันเป็น Note
ของตนออกมา


“ ลองกินุส(Longinus) ติดตั้ง ” /Ja wohl/(Yes ma’am)
การุรุ ออกคำสั่ง เสียง Note รับคำ ก่อนจะเปลี่ยนรูปร่างทว่า แทนที่รูปร่างของการติดตั้งเป็นรูปแบบทำการดวลจะออกมาเป็นปลอกแขน มันกลับกลายเป็น หอกยาวทำด้วยไพริน ทั้งหมดและใสราวกับก้อนน้ำแข็ง
ทุกคนถึงกับกับต้องชะงักมอง ราวกับถูกความงดงามของมันสะกดเอา ขณะเดียวกัน ละอองพลังงานเวทมนต์ที่ หลั่งไหล

ออกมาจาก ลูกแก้วที่ติดอยู่กลางหอก ละอองที่กระจายออกมานั้นต่างจากปกติ คือมีสีเงินและสะท้อนแสงเป็นประกาย
แวววาว อีกทั้งชุดของ การุรุ ที่สวมอยู่ก็ถูกเปลี่ยนเป็น ชุดผ้าเนื้อบางติดระบายที่ข้อมือ และสวมผ้าคลุมสีเลือดหมู
เมื่อผนวกเข้ากับ หอกอันแสนงดงาม นั้นทำให้ทุกท่วงท่าของ การุรุ เปลี่ยนไปราวเจ้าชาย หรือ เทพบุตรเลยก็มิปาน

รูปภาพ

“ เดี๊ยน คือผู้มีรูปโฉมงดงามที่สุดในปฐพี (ไม่มีทางแพ้หิมะขาว) ไม่ว่ากระจกบานใดก็ตามที่
สะท้อนรูปโฉมของ เดี๊ยนมันจะไม่อาจสะท้อนภาพใดอื่นซึ่งไม่งดงามเท่าเรือนร่างของ
เดี๊ยนอีกแล้ว จงเรียกเดี๊ยนว่า ราชินี สิฮ้า ”

การุรุ ประกาศก่อนจะบรรจง เสียบชุดการ์ดของตน ลงในช่องบรรจุ ที่อยู่บริเวณ คอของหอก
ประกายละอองเวทย์ที่กระจายออมาจาก หอกนั้นทำให้ภาพสะท้อนบนประตูกระจกของห้องชมรมหรือ
แม้แต่หน้าต่างทุกบานในบริเวณใกล้เคียง สะท้อนภาพของ เขาเพียงอย่างเดียว และอย่างชัดเจน

“ ร..ระวังตัวด้วยนะทุกคน เจ้านี่มันไม่ธรรมดาซะแล้ว ”
ฟรานซิสก้า เตือน ก่อนที่พวกเขาทั้ง 10 จะต้องรีบ ติดตั้ง Note ของตนตาม แม้คำพูดคำจาของเจ้าตัว จะยัง
พูดที่เล่นทีจริงไปยังงั้น แต่สัมผัสที่พวกเขารู้สึกระหว่างตอนนี้กับ ก่อนหน้ามันผิดกันไปคนละทิศเลยทีเดียว

“ Let’s Duel!! ”
คำประกาศจากทั้งสองฝ่ายดังขึ้น และแล้วการดวลแบบ 10 ต่อ 1 ก็ได้เริ่มขึ้น

……………………………………………………
………………..

“ หา? ”
ธนัท เผยอด้วยความตกใจที่ จู่ๆก็ถูกท้าดวลอย่างกระทันหัน จาก อาคม

“ มัวยืนเหม่ออะไรอยู่เล่า รีบ แสตนบาย Note ของนายสิ ”
อาคม เร่ง โดยไม่คิดจะฟัง ธนัทถาม

“ ก็อยากจะดวลด้วยหรอกนะ แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเวลา ”
ธนัท พยายามจะเบี่ยงตัวหนี เพราะตอนนี้เขาสายจากที่นัดไว้มากแล้ว

“ ก็ถ้าอยากจะไปต่อก็ดวลกับฉันสิ ”
อาคม ยังคงยืนยันเช่นเดิม และไม่คิดจะหลีกทางให้ เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ธนัท จึงชายตาขึ้นไปมอง คอรัส ที่เกาะอยู่บนหัว

“ ถ้าไปสายกว่านี้คงไม่ดีแหงเลย ” /It’s Sure/
ธนัท ถาม คอรัส ตอบทันทีแบบต้องคิดก่อนจะบินลงเกาะ ที่แขนเขา

“ สแตนบายน์ ” /Get Set/
สิ้นคำ คอรัส ก็เปลี่ยนรูปร่างจากนกหุ่นยนต์ เป็นปลอกแขนดวลสีดำซึ่งติดตั้งเฟืองไว้ที่อุปกรณ์
ผลิดพลังเวทย์อย่างไดนาเมซ ถึงสองเฟืองด้วยกัน

“ มาเคลียม้วนเดียวจบเลยก็แล้วกัน ” /Roger~~~/
ธนัทพูด ก่อนที่ คอรัส จะรับคำตามทันที

“ มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอกนะ ”
อาคม ย้อน

“ Let’s Duel ”

………………………………….
…………………………………………………….

“ Shrine Max ของเดี๊ยน ให้เท่ากับ 15 แล้วก็ของพวกเธอรวมกันเท่ากับ 15 ด้วย
เดี๊ยนเป็นฝ่าย เล่นก่อน ใน Turn แรก ทุกคนจะไม่สามารถ โจมตีได้ Cost Mp 2 ให้ เครื่องอิสริยาภรณ์แห่งเสน่ห์ดึงดูด (Decoration of Charicmatic)ทำงานจากบนมือ ”
การุรุ ประกาศพร้อมร่ายมิสติกการ์ด จากบนมือ เครื่องอิสริยาภรณ์ รูปหมาป่า ปรากฏขึ้นบนสนามแต่ก็มิได้เกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น

รูปภาพ
[Garuru Status; Hand: Seal 5 , Mystic 1 Mp:3/8 Shrine 0/15 ]

“ จากนั้น Cost mp 1 อัญเชิญ หมาป่าเศียรเหยี่ยว (Falcon Headed Wolf) ออกมา พร้อมโจมตีที่ At Line ”
อสูร หมาป่าแต่มีหัวเป็นเหยี่ยว กระโจนลงมายังสนาม ทันทีหลังจากผนึกของ การ์ดถูกปลดออกด้วยการซึมซับพลังเวทย์จากละอองรอบๆเข้าไป
รูปภาพ
[Garuru Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:2/8 Shrine 0/15 ]

“ แล้วก็ Cost Mp 2 ให้ Mystic Card อีกใบทำงาน แองเจิล ออฟ เซเรนิตี้(Angel of Serenity) คืน หมาป่าเศียรเหยี่ยว
กลับเข้า กองการ์ด จากนั้นสับแล้วก็เรียกอสูรที่อยู่ใบบนสุดออกมาแทน ”
ทันทีที่ มิสติกการ์ดแสดงผล อสูรในสนามของ การุรุ ก็กลับคืนเป็นการ์ด และร่อนกลับไปที่มือ
ก่อนจะถูกยัดใส่สำรับ หลังจากสลับแล้ว การุรุ จึงหยิบเอาการ์ดซีล ใบบนสุดออกมา จากกอง

รูปภาพ
[Garuru Status; Hand: Seal 4 , Mystic 0 Mp:0/8 Shrine 0/15 ]

“ และการ์ดที่ จะเรียกออกมาก็คือนี่ ”
การุรุ ประกาศพร้อมกับ ขว้างการ์ดซีล ที่จับขึ้นมาจากกอง ลงไปยังสนาม ละอองเวทย์สีเงิน จับตัวรวมกันที่การ์ดผนึก
จนเปล่งแสง ครู่ต่อร่างของ อสูรหมาป่ายักษ์ก็โผล่ขึ้นมายังสนาม ลมหายใจของมันรุนแรงดั่งพายุหิมะ
โบกพัดบริเวณโดยรอบให้เย็นจัดลงในทันที

“ จ้าวหมาป่าที่สังหารพระผู้เป็นเจ้าลงได้ เฟนเรีย(Fenrir) ”
การุรุ เปรย
รูปภาพ

“ อสูรนี่มันคืออะไรกัน? ”
เชส ผวาขึ้นมาทันที เพราะขนาดตัวที่ใหญ่ซะจนเกือบจะถึงชั้นสองของอาคารเรียน ของมัน
และยังความน่าเกรงขามที่คุกคามออกมา ทำให้พวกเขาถึงกับพูดไม่ออก

“ เมื่อ เฟนเรีย ถูกร่ายออกมาแบบปกติ ถ้าแสดงการ์ดที่มีชื่อว่า Wolf หรือการ์ดธาตุน้ำ บนมือใบหนึ่ง
ก็จะได้เรียกอัญเชิญ เผ่าสัตว์ประหลาด(Monster) สังกัดธาตุน้ำเลเวล 1 หรือ Wolf ที่มีเลเวล ไม่เกิน 2 จากสำรับ
ออกมาได้ ทันที ฉันขอ แสดงหมาป่าเศียรเหยี่ยว บนมือ ”

การุรุ ประกาศก่อนจะ แสดงการ์ดซีล บนมือให้ทุกคนดู

“ จากนั้น ก็เรียกให้ หมาป่าเศียรเหยี่ยว อีกใบจาก สำรับ ออกมาที่ At Line แล้วก็ให้ เฟนเรีย รวมร่างกับมัน แล้ว หมดรอบ ”
สิ้นคำ อสูร หมาป่าเศียรเหยี่ยวที่ถูกเรียกกลับไปในตอนแรกก็ ปรากฏออกมาอีกครั้งก่อนะจะกลายเป็น แสงสว่าง
และถูกแรงดึงดูดของ จ้าวหมาป่าเฟนเรีย ดูดเข้าไปในวงแหวน ที่กลางหลัง

[Garuru Status; Hand: Seal 4 , Mystic 0 Mp:8/8 Shrine 0/15 ]
[Anne Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:6/8 Shrine 0/15 ]

“ รอบของแอน Cost Mp 3 แล้วเรียกให้ ครอบครัวเพนกวิน(Penguin Family) ออกมาที่ At Line
Ability ทำงาน!! เมื่อในสนามมี Seal ไม่ถึง 4 ใบขึ้นไปการ์ดนี้ก็จะป้องกันจากากรโจมตีและ Curse 1 Turn ”
แอน ประกาศ หลังร่ายอสูรออกไปแล้ว อสูร เพนกวินตัวใหญ่และลูกติดอีกสามตัว แห่กันขึ้นมาปิดล้อมที่แนวหน้าของ สนาม แอน จนไม่มีช่องให้บุก เข้าไปได้

รูปภาพ
[Anne Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:3/8 All Shrine 0/15 ]

“ จากนั้น Cost Mp 3 เรียกให้ โกลเด้นฮอร์นวอรัส เบบี้(Golden Horn Walrus Baby) ออกมาที่ Df Line แล้ว จบเทิร์น ”
ลูกวอรัส อีกสามตัวถูกเรียกออกมาในสนามแนวหลังของเธอ ก่อนจะเปลี่ยนรอบไปที่ ชุติการ

รูปภาพ
[Anne Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:0/8 All Shrine 0/15 ]

“ รอบของฉัน ”
ชุติการ ประกาศรอบของตนก่อนจะ หยิบ เอาซีลการ์ดบนมือร่ายออกมา

[Anne Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:8/8 All Shrine 0/15 ]
[Shutigran Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:7/8 All Shrine 0/15 ]

“ Cost Mp 4 อัญเชิญ นักบุญมายา(Alana, the Mythical Saint) อลาน่า ออกมาที่ At Line จกานั้น Avility ทำงาน ”
ชุติการ ประกาศพร้อมกับ อัญเชิญ นักบุญมายา ซึ่งเป็นไพ่เด้ดของเธอ ออกมา

รูปภาพ
[Shutigran Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:3/8 All Shrine 0/15 ]

“ เมื่อนักบุญมายาอลาน่า ถูกเรียกออกมาก็จะนำการ์ดที่มีชื่อว่า Holy หรือ Saint อยู่ในชื่อ ออกมาจากสำรับได้
ฉันให้ Mystic Card ผ้าคลุมหัวนักบุญอลาน่า(St. Alana’s Veil) ทำงาน สวมใส่มันให้กับ อลาน่า และ Seal
ที่ติดตั้งมันไว้ในรอบที่เรียกออกมา ก็จะป้องกันจากการโจมตีและยกเลิกผลของ Skill 1 Turn ”

ชุติการ อธิบายขณะที่ อุปกรณ์ ผ้าคลุมหน้าถูกติดตั้งให้กับ นักบุญมายา

“ ยังไม่หมดแค่นั้น เมื่อ ผ้าคลุมหน้านักบุญอลาน่า ทำงานก็จะได้อัญเชิญ นางฟ้าแห่งถ้วย อมาร่า(Amara, the Angel of Cups) ออกมาจากกองการ์ดได้อีกใบ ”
สิ้นคำ นางฟ้าแห่งถ้วย ก็ถูกอัญเชิญตามออกมาแต่กลับ หายวับไปพร้อมแสงสว่างในตอนที่จุติลงมา

“ แต่ว่า อมาร่า ที่ถูกเรียกออกมา ด้วยวิธีนี้จะต้องรับ Dimension Curse ไป 1 Turn ต่อจากนั้นCost Mp 3 อัญเชิญ
เควลเลย์วาส มังกรแสงศักดิ์สิทธิ์(Quelleiavas, the Holy Light Dragon) ออกมาที่ Df Line แล้วหมดรอบ ”

[Shutigran Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:0/8 All Shrine 0/15 ]


“ รอบของฉัน ”
ลูเซีย ประกาศรอบของตน ก่อนจะเริ่มเล่น หลังจากนั้นทุกคนต่างก็ผลัดกันงัดเอาเทคนิคและอสูร ลงมาในสนามกัน
อย่างเต็มที่ ชนิดที่ว่ามั่นใจอย่างที่สุดว่าไม่มีทางถูกโจมตีได้แน่นอน เพราะที่แนวหน้าของแต่ล่ะคนต่างก็มีอสูร
ที่ได้รับความสามารถในการป้องกันการโจมตีและผลต่างๆนานับประการเอาไว้ จนกลายเป็นกำแพงเหล็กที่ยากจะบุกทะลวงจน เมื่อ วนมาถึงรอบ ของอิส ซึ่งเป็นคนสุดท้าย

[Issarapong Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:5/8 All Shrine 0/15 ]

“ หลังจากร่าย มาร์วิน(Zechariah Marvin) แล้ว Cost Mp 4 ให้ไม้เท้า เบธานี(Bethany, the staff of Zechariah)
ทำงานจากบนมือ ด้วยผลของการ์ดใบนี้ผู้เล่นทุกคนจะสั่งการ Seal ไม่ได้ 2 Turn รอบของผมหมดแค่นี้ล่ะ ”
อิส ประกาศเปลี่ยนรอบของตน หลังจากอัญเชิญ อสูร และ ให้มิสติกการ์ดที่ยิ่งทำให้ โอกาส ที่ การุรุ
จะชนะแทบกลายเป็น ศูนย์

รูปภาพ
รูปภาพ
[Issarapong Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:1/8 All Shrine 0/15 ]

{ดีล่ะเท่านี้ การตั้งกำลังเพื่อเตรียมบุกก็ยังมีเวลา อีกเหลือเฟือ ยังไงซะ10 ต่อ 1 น่ะมันเป็นไปได้ที่จะเล่นอยู่แล้ว}
ฟรานซิสก้า คิดซึ่งความเห็นของทุกคนเองก็ไม่ต่างไปจากเธอนัก ไม่มีใครคาดคิดด้วยซ้ำว่า
การุรุ จะเสนอข้อเสนอการเล่นที่ เสียเปรียบขนาดนี้มาตั้งแต่แรก

“ เฮ้อ~ ให้รอซะตั้งนานนะกว่าจะวนมาถึงเนี่ย ขอบอกเลยว่ากลยุทธ์ ของพวกเธอทุกคนมันช่างไร้ความงดงามสิ้นดีเลย เอาแต่มุดหัวอยู่ในกระดอง หลบอยู่หลังคำวา ป้องกันการโจมตี มันซะอย่างเดียว ”
การุรุ วิจารณ์การเล่นของพวกเขา อย่างรุนแรง จนเชส ที่ภูมิใจในกลยุทธ์ที่ตัวเอง คิดค้นขึ้น เริ่มจะมีน้ำโห

“ ถ้าแกจะบอกว่ามันไม่ได้เรื่องล่ะก็ไว้เอาชนะ พวกเราให้ได้ก่อนดีกว่าไหม ”
เชส ประชด

“ หุๆ ไม่บอก เดี๊ยนก็ทำอยู่แล้วฮ้า เพราะยังไงซะ กลยุทธ์กระจอกพรรค์นั้นน่ะ จะต้องหายไปใน รอบนี้แล้ว ”
การุรุ ประกาศอย่างมั่นใจ แต่ทุกคนต่างก็คิดแค่ว่าเป็นการ บลัฟขู่ของ การุรุ เท่านั้น

“ รอบของ เดี๊ยน ในรอบนี้ให้ข้าม Draw Step ไปแล้วเข้าสู่ Progress Step ทำการปลดปล่อย
เครื่องอิสริยาภรณ์แห่งเสน่ห์ดึงดูด ออกไปจากเกม ”
การุรุ ประกาศพร้อมกันนั้น เครื่องอิสริยาภร์รูปหมาป่าที่ปรากฏอยู่บนสนามก็สลายไป การ์ดซีล ใบหนึ่งถูกดีด
ออกมาจาก สำรับของเขา ก่อนจะรับมาเก็บไว้ในมือ

“ จะให้พวกเธอทุกคนได้เห็นเดี๋ยวนี้แหละ การเล่นอันแสนงดงามของฉัน ”
การุรุ กล่าวก่อนจะโยนเอา ซีลการ์ดที่ ถูกดีดออกมาเมื่อครู่ขึ้นไป แทบจะในทันทีละอองพลังเวทย์ทั้งหมด
ในบริเวณโดยรอบถูกการ์ดใบนั้นดูดเอาไป เสียจนแทบหมดสิ้น ตัวอักษรบนการ์ดนั้นปล่งด้วยแสงจากละอองที่
ดูดซับเข้าไป มันเป็นอักขระโบราณที่ไม่อาจตีความออกมาได้

“ ...พระองค์ทรงตะบัดสัตย์พรากสองเราให้แยกห่าง แม้อ้อมกอดแห่งไกอาก็มิอาจมอบไออุ่นแด่ข้า...จงประทับย่างก้าวอันไร้ขีดจำกัดเหนือนภาเหมันต์ Progress Summon..... ”

การุรุ ค่อยๆร่ายพรรณนาอันท้วงติงถึงความผิดพลาดของพระผู้เป็นเจ้า พร้อมกันนั้น อักขระบนการ์ด ก็พวยพุ่งออกมา
ปกคลุมร่างของ เฟนเรีย ไว้จนสนิทมิดชิด

“ จงปรากฏออกมา พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด จ้าวแห่งเดนนรก วิคคิดนิสลอร์ดมูนการุม
(Eternal Immortal Wickedness Lord MoonGarm) ”
สิ้นคำ กองอักขระที่ปกคลุมร่างของ เฟนเรีย ไว้ก็ระเบิดกระจายออก เผยโฉมร่างใหม่ที่ปรากฏอยู่แทนที่
คือร่างอันใหญ่โตสูงเทียมฟ้า อันถูกเรียกว่าพระเจ้าผู้อยู่เหนือพระเจ้า พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด(Etenal Immortal)

ลักษณะของ พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดนี้ แตกต่างจาก ที่ เกร เคยเรียกออกมา พระเจ้ามีรูปร่างเป็นหมาป่ายักษ์
สวมใส่เกราะน้ำแข็งมีขนสีขาวปลอดทั้งตัว พระเจ้าค่อยๆย่างเท้าก้าวขึ้นสู่เวหาอย่าง องอาจและสง่าทุกท่วงท่า

รูปภาพ

ทุกคนได้แต่ จับจ้องสายตาอยู่ที่เรือนร่างอันงดงามของพระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด ดั่งต้องมนต์สะกด ที่มิอาจหักห้ามใจได้ ทั้งความตกตะลึก ความกังวล และความรู้สึกต่างๆที่ควรจะรู้สึก กลับหายไปจนหมดสิ้น พวกเขาในตอนนี้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองยังหายใจอยู่หรือไม่ พวกเขา ได้แต่เพียงจ้องมองความยิ่งใหญ่ ของมัน

“ ความสามารถของ จ้าวเดนนรก มูนการุม เมื่อถูกเรียกออกมา จะทำให้ Seal ที่มีเลเวลตั้งแต่ 4 ลงไป โจมตีเข้ามา
แน่นอนว่าความสามารถที่บอกว่าจะป้องกันจากากรโจมตีของพวกเธอ มันจะไม่ทำงานแน่ตราบ
ที่ ฝ่ายที่บุกเข้าไปไม่ใช่เดี๊ยน ”

การุรุ อธิบาย

“ ไม่มีทางหรอก ด้วยอำนาจของไม้เท้า เบธานี อสูรจะไม่ถูกสั่งการดังนั้นถ้าสั่งการไม่ได้ก็โจมตีไม่ได้ ”
อิส แย้ง

“ งั้นก็ลองดู ไม้ค้ำเส้นชีวิต ของพวกแกที่ฝากความเอาไว้กับมันเองซี้ว่าจะยังหยุด พระเจ้าที่อยู่เหนือพระเจ้าได้รึเปล่า ”
การุรุ ย้อน พร้อมกับ ชี้ไปที่ ไม้เท้า เบธานี ของ อิส ที่ร่ายออกมา ซึ่งตอนนี้กลายเป็น น้ำแข็งไปเป็นที่เรียบร้อย
เช่นเดียวกับ มิสติกการ์ดอื่นๆ อย่าง ผ้าคลุมหัว นักบุญอลาน่า เองก็กลายเป็นน้ำแข็งไปด้วยแล้ว

“ ต่อหน้าพระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด กาลเวลาอันเป็นดาบของพระองค์ จะไร้ซึ่งอำนาจ ดังนั้นความสามารถที่มีข้อผูกมัดเกี่ยวกับ Turn หรือ Subturn ก็จะไม่ทำงาน แน่นอนนั่นรวมไปถึง Curse ด้วย ”
การุรุ อธิบายจบ นางฟ้าแห่งถ้วย อมาร่า ที่ถูก ผลของ Dimension Curse ก็ปรากฏร่างออกมา

“ นี่มันอะไรกัน มีพลังในการทำให้ผลทุกอย่างบนสนามหายไปงั้นเรอะ?! ”
เชส สบถ

“ ไม่ได้หายไปแต่มันหยุดการทำงานลงต่างหากล่ะ แน่นอนว่า Turn ที่นับก็ไม่นับต่อไปด้วย และแน่นอนว่า อมาร่า ที่พึ่งกลับมานั้น มีความสามารถที่จะไม่ได้รับผลจาก Ability อยู่ใช่ไหมล่ะ แต่ว่านะ นอกจากพระเจ้าด้วยกันแล้ว ไม่ว่าใครขัดขืนไม่ได้ทั้งนั้น ผลจากการ์ดของพระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดไม่อาจยกเลิกหรือป้องกันได้ ”

การุรุ กล่าวพร้อมกันนั้น พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด ได้ส่งเสียงหอนอย่างโหยหวนดังกึกก้องกัมปนาทไปทั้งโรงเรียน แต่ก็หามีใครอื่นนอกจากพวกเขาที่อยู่ในบริเวณการดวล รับรู้ เพราะเวลาภายนอกนั้นได้หยุดนิ่งลงไปแล้ว ผู้คนต่างก็หยุดนิ่ง ไม่เว้นแม้แต่ปรากฏการณ์ธรรมชาติๆก็พลอยหยุดนิ่งไปด้วย

“ ไม่ว่าใครหน้าก็ไม่อาจหักห้ามใจต่อความงามของพระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดได้ จงปลุกเร้าสัญชาตญาญขึ้นมาและ
รุกเข้ามาหาเราเถิด ”
สิ้นคำ อสูรทั้งหมดในสนามของ พวก ชุติการ ก็พากันบุกเข้าไปหา ร่างของพระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด

“ พระเจ้าผู้ไม่สิ้น จ้าวเดนรกวิคคิดนิสลอร์ด มูนการุม จะมี ค่า At เพิ่มขึ้นตามจำนวน Seal ในสนามอีกฝ่ายคูณด้วย 3
Seal ของพวกแกมี 16 ใบดังนั้นพลังโจมตีของพระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดจะเท่ากับ 56 จุด รับไปซะ!!
เสียงหอนกำราบเทพ Ragnarok Ululate (แรคนารอก ยูลเลท) ”

การุรุ ประกาศพร้อมกันนั้น จากเสียงหอนของพระเจ้าก็แปรเปลี่ยนเป็น แสงทำลายล้าง ขนาดใหญ่พ่นออกจากปาก
กวาดล้างทั้งสนามจนสิ้นในคราเดียว

[Garuru Status; Hand: Seal 4 , Mystic 0 Mp:8/8 Shrine 0/15 ]Win
[Francisca Team All Shrine Over/15] Lose

One Turn Kill !!!!!!!

ทันทีที่แสงจากการโจมตีของพระเจ้าสิ้นสุดลง การุรุ ก็หนีไปจากตรงนั้นแล้วทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าในจิตใจของ
ทั้ง 10 คนที่พ่ายแพ้โดยไม่อาจทำอันตรายใดๆแก่ การุรุ ได้เลย

“ แพ้ซะตั้งแต่ยังไม่ได้โจมตีเลยด้วยซ้ำ ” มิส เปรย
“ นี่มัน…. ” อิส พึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา

“ วัน เทิร์น คิล(One Turn Kill) ”
คำพูดสุดท้ายที่พวกเขา ทั้ง 10 คนคิดได้ มันคือความอัปยศที่จะตราตรึงอยู่ในใจของพวกเขาไปอีกนาน
To be Continue
……………………………

……………………………..

Next Sub-turn

ธนัท: โธ่กำลังรีบแท้ ทำไมต้องมาท้าดวลเอาตอนนี้ด้วยน้า~~~
จูได:แย่แล้วล่ะ ธนัท เพื่อนนายตอนนี้ทุกคนเอ๋อกันหมดเลย เห็นว่าโดน วัน เทิร์น คิล มา
ธนัท : เห? วัน เทิร์น คิล…..มันคืออะไรอ่ะ กินได้รึเปล่า?
โช: ปัดธ่อ มันจะกินเข้าไปได้ยังไงกันเล่า
ลูเซีย: T_T บทก็น้อย แถมดวลก็แพ้ วัน เทิร์น คิล อีกนับวันตัวฉันนี่ยิ่ง จืดจาง
ธนัท: ว้า~~ไหง Fail กันหมดล่ะเนี่ย ตอนหน้าตาฉันดวลแล้วนา เอ้า Sub-Turn 34 D-Mental Up!! การเปลี่ยนร่างของสุดยอดอสูร

Card Pop!
Eternal Immortal Wickedness Lord MoonGarm

รูปภาพ

...พระองค์ทรงตะบัดสัตย์พรากสองเราให้แยกห่าง แม้อ้อมกอดแห่งไกอาก็มิอาจมอบไออุ่นแด่ข้า...จงประทับย่างก้าวอันไร้ขีดจำกัดเหนือนภาเหมันต์ Progress Summon.....
จงปรากฏออกมา พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด จ้าวแห่งเดนนรก วิคคิดนิสลอร์ดมูนการุม
(Eternal Immortal Wickedness Lord MoonGarm)


progress: Decoration of Charismatic + N(Wolf)
เมื่อ [S] เข้ามาในสนามสั่ง Seal ทุกใบในสนามฝ่ายตรงข้ามที่มี Lv ตั้งแต่ 4 ลงไป โจมตีมาที่ [S]
[S] At + 3 ตามจำนวน Seal ในสนามฝ่ายตรงข้าม
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ อาทิตย์ เม.ย. 10, 2011 11:21 pm, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-turn 33 Clue

โพสต์โดย boy เมื่อ เสาร์ พ.ย. 27, 2010 5:55 pm

มะ....มันโกงงงงงงง
ความสามารถถูกผนึกและไม่นับจำนวน Turn ต่อ
กรี๊ดดดด
ว่าแต่ ธนัทไปดวลกับใครล่ะนั่น....
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Sub-Turn 34 D-Mental Up!! การเปลี่ยนร่างของสุดยอดอสูร

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ ธ.ค. 13, 2010 5:49 pm

Sub-Turn 34 D-Mental Up!! การเปลี่ยนร่างของสุดยอดอสูร


……………………………………………………………………………..

มันเป็นเวลาเช้ามืดของวันซึ่งดวงตะวันยังไม่ทอแสง ในเขตโกดังสินค้าของท่าเรือใหญ่ของจังหวัดศรีราชา
กลับสว่างไสว อยู่ในกองไฟที่กำลังลุกโหม อย่างบ้าคลั่ง เสียงไซเรน รถดับเพลิงและรถพยาบาลไปจนถึงตำรวจ
ดังอึกทึกครึกโครม ไปตลอดทั้งเขตโกดังที่ทอดตัวไปตามแนวฝั่งของท่าเรือ กองไฟกระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

จน เจ้าหน้าที่ผจญเพลิง เองก็ดับไม่ทัน ผลสุดท้ายสิ่งที่หลงเหลืออยู่หลังจาก ไฟไหม้ครั้งนี้ คือขี้เถ้าและเศษซากไม้
ที่ยังพวยควันฉุย จนถึงเช้า ความเสียหายชนิดประเมินค่าไม่ได้ ที่เกิดขึ้นทั้งกับสินค้าที่กลายเป็นเถ้าถุลีไปในกองเพลิง
มูลค่าหลายพันล้าน และยังบ้านเรือนละแวกใกล้เคียง ที่ไฟลามไปถึง ทำให้หลายสิบครอบครัว ต้องสิ้นเนื้อประดาตัวใน
เวลาไม่กี่ชั่วโมง จำนวนผู้เสียชีวิต และ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนั้น มีไม่มากนัก เพราะพื้นที่ที่ไหม้ไฟนั้น เป็นบริเวณ
อับคน จึงมีเพียงบุคลากรของ กรมการท่าและการคลัง ที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่ เท่านั้นเป็นส่วนใหญ่

รายงานความเสียหายของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในหนนี้ ถูกร่างส่งมาให้กับ ท่านนายกรัฐมนตรี ธนพัฒน์ กมลพงศ์สกุล
นำเข้าประชุมพิจารณาอนุมัติงบประมาณสำหรับช่วยบรรเทาทุกข์ให้ชาวบ้านที่ถูกหางเลขไปด้วย

นอกจากนี้ยังมีงานอีกกองบานตะไท ที่เกิดจากเหตุครั้งนี้ ทั้งการสืบสวนที่มาของเพลิงไหม้ และ อื่นๆที่จะต้องดำเนินการ
ล่าช้าลงไปอีก อำนาจของรัฐ ถูกขัดแข้งขัดขา โดยประชาชนบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายการบริหารประเทศและขัดแย้งกันมาเป็นเวลานานแล้ว จนปัจจุบันนี้ก็ยังคง ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาเรื่อยๆอย่างไม่มีหยุด
อย่างกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า R.E.D. (Resistance Ethnically D.N.A-Changer)

แต่ถึงอย่างไรเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขา ต้องเครียดถึงขั้นอับจนหนทาง หากแต่เป็นโครงการลับ
ด้านการพัฒนาอาวุธที่ เจ้าตัวเป็นคน แอบเดินเรื่องอย่างลับๆ อยู่ที่ฐานใต้ เขตของโกดังนั้นต่างหาก
สถานที่ๆ ชุติการ เคยถูกเขาเชิญให้เข้าไปและจบลงด้วยการดวลกันและ เขาเป็นฝ่ายปราชัย และ

เพราะการมาเยือนคราวนั้นของ ชุติการ ตัวเขาคิดว่าจะสามารถรั้งเหนี่ยวเธอให้เห็นด้วยกับตนได้
อย่างแน่นอน แต่ก็กลับไม่เป็นอย่างที่หวังไว้ จึงต้องพักวางโครงการไปก่อน
เพื่อรอให้เรื่องซา ลงแต่ตอนนี้ทั้งหมดกลายเป็นจุลไปในกองไฟหมดแล้ว และยัง

มีเรื่องที่ทำให้ตัวเขายิ่งต้องวิตกกังวลขึ้นไปอีก เมื่อในรายงานที่ส่งมาจากทีมพัฒนาลับของเขา
นั้นบอกว่า อสูรเทียมที่ถูกพัฒนาขึ้น 4 จาก 5 ตน ถูกโจรกรรมไป และการโจรกรรมครั้งนี้เองก็คือสาเหตุของไฟไหม้
ในครั้งนี้ รายงานฉบับนี้ถูกแนบมาพร้อมกับซองใส่ การ์ดผนึกใบหนึ่งซึ่งกักเก็บอสูรเทียม ที่ไม่ได้ถูกชิงไปเอาไว้

นายกฯ ยืนลังเล อยู่หน้าประตูซึ่งนำไปสู่โถงใหญ่แห่งปราสาทสี่สัตว์เทพ ที่ตอนนี้ Prince of Neo-Nazism ใช้มันเป็นที่พักชั่วคราวในประเทศไทย

เขายืนคิดอยู่นานเพื่อจะหาคำแก้ตัวดีๆ เข้าไปอธิบายให้กับผู้ออกทุนวิจัยโครงการลับนี้ ที่กำลังรออยู่ข้างหลังประตู
หลังจากทบทวนและ เรียบเรียงจนคิดว่าดีพอที่จะเกลี้ยกล่อม Prince ได้

บานประตูห้องโถงค่อยๆถูกผลักให้เปิดออกอย่างช้าๆ เขากลืนน้ำลายเข้าไปอึกใหญ่ แต่จนแล้วจนรอดเมื่อประตูห้องโถง
หลีกออกไปจากสายตาของเขาแล้ว ภาพตรงหน้าก็ทำให้ คำพูดเกลี้ยกล่อมที่ตระเตรียมมา มลายหายไปในบัดดล
เมื่อ ภายในห้องโถงตอนนี้ถูกประดับประดาด้วย กระดาษสี ไฟดิสโก้ และป้ายประกาศทำจากผ้าใบผืนใหญ่ที่เขียนว่า

‘Happy Birthday’ และที่กลางห้องกว้างนั้น โต๊ะใหญ่ถูกนำมาจัดเรียงต่อกัน ยาวเกือบ เมตรได้บนโต๊ะเต็มไปด้วย
ขนมนมเนยและอาหารบุฟเฟ่ต์หลากหลาย โดยมี พวก คนสวมชุดคลุมสีดำหรือพวก Dark Deva เป็นแขกร่วมงาน
พร้อมๆกับ เหล่า 3 ผู้นำกลุ่มชิชิน ที่กำลังร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้กับ Prince อยู่

“ อ้าว…..มาได้จังหวะพอดีเลยนะ นายเองก็รีบมาร่วมอวยพรด้วยกันเลยสิ ”
Prince โนอา เรียกอีกทั้งยังกวักมือ บอกเป็นนัยว่าให้รีบมาได้แล้ว แม้นายกฯ จะอึ้งไปบ้างแต่ก็พยายามจะทำตัว
ตามปกติเหมือนทุกที เพราะโดยทั่วไปแล้ว ช่วงเวลาที่อยู่ร่วมงานกับ Prince โนอา ในแต่ละครั้งสถานะของเขานั้นก็ไม่ต่างไปจาก
พี่เลี้ยงเด็ก นายฯ เดินตรงเข้าไปเพื่อจะคุยเรื่องที่เขามาในวันนี้ ซึ่งตอนนี้ก็สองจิตสองใจอยู่ว่าควรพูดในโอกาสนี้รึเปล่า

“ ถ้าเรื่องโครงการพัฒนาไอ้นั่นล่ะก็ พับเอกสารนั่นแล้วปาทิ้งไปเหอะ ส่วนการ์ดที่เหลือก็ส่งไปเป็นกำนัลให้กับ
ลูกชายของ ศาสตรจารย์กริศนะ ก็แล้วกัน ”
ยังไม่ทันที่จะเอ่ยปากเพื่อถกปัญหา Prince โนอา ก็ตอบและเสนอทางแก้ปัญหาทั้งหมดมาให้เสร็จสรรพ

“ ท…ทำไมถึงรู้… ”
นายกฯ กัดฟันถามออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ ต่ออำนาจรู้ทันของ เด็กหนุ่มผู้เป็น Prince ผู้นี้

“ แล้วแกคิดว่า ท่านเป็นใครกันเรื่องแค่นี้ไม่ต้องรอแกมาบอก พวกเราก็เดากันได้อยู่แล้ว ”
อดัม ออกตัว ตอบคำถามให้แทน เพราะ Prince โนอา กำลังเตรียมจะเป่าเทียนเค้กฉลอง

“ แต่ว่า…ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี..ทำไมถึงต้องส่งมันให้กับ ศาสตรจารย์ กริศนะ ด้วย ”
นายกฯ ถามต่อ

“ ก็ฉันบอกไปแล้วนี่ว่ามันเป็นของขวัญ ไงล่ะ เพราวันนี้เป็นวันเกิดของพวกเรา ”
Princeโนอา ตอบหลังจากที่ เป่าเทียนบนเค้ก จนดับสนิทหมด นายกฯ เกาหัวฟัง อย่าง งงๆกับเหตุผลที่ เขายกมา

“ แต่ว่า Prince ! โครงการนี้เราทุ่มเงินไปกับมันมหาศาล….. ”
นายกฯ แย้ง

“ จุ๊ จุ๊ จุ๊ เศษเงินแค่นั้นไม่ต้องยกเอามาพูดก็ได้ แล้วก็อีกอย่างวันนี้ฉันไม่ใช่ Prince อีกแล้ว เพราะว่าวันนี้
ฉันก็มีอายุครบ 16 ปีและได้รับตำแหน่งต่อจากท่านพ่อบุญธรรม ไคเซอร์ ฮิตเลอร์ ที่ 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ”
Prince โนอา ตอบพร้อมกับสถาปนาตนเอง เป็น Kaiser ทันที

“ วันนี้จะเป็นวันหนึ่งที่น่าจดจำยิ่ง ในหน้าประวัติศาสตร์ เพราะวันนี้ ท่าน โนอา ของเราได้กลายเป็น
ไคเซอร์(Kaizer = จักรพรรดิ์) ฮิตเลอร์ที่ 3 อย่างสมบรูณ์แล้ว ”
อดัม เสริม

“ เพราะงั้นเรื่องเงินทุนและอำนาจต่างๆ ก็ไม่ต้องไปสนมันอีกแล้ว เพราะต่อแต่นี้ไปคนที่คุมบังเหียนก็คือฉัน
แล้วก็อีกอย่าง โครงการที่ให้นายไปทำนั่นมันก็แค่โยนหินถามทางเท่านั้น ”
Kaiser โนอา กล่าว

“ แต่ว่า Core(แก่นพลังของอสูร)ที่ใช้ไปกับโครงการนี้ เป็น Core ที่บรสุทธิ์ ที่สุดไม่ใช่เหรอครับ นั่นน่ะหาได้ยากมากเลย ”
นายกฯ กล่าว

“ คอร์ทั้งหมดที่บิชอป ให้เรามายังเหลืออยู่อีก 1 ไว้เราค่อยใช้อันนั้น สำหรับกุญแจดอกสุดท้ายก็ได้ ”
Kaiser โนอา ตอบถึงตรงนี้แล้ว แม้ตัว เขายังคงสงสัยในความคิดของ Kaiser อยู่บ้างแต่ก็ตัดใจเก็บเงียบไว้
ไม่เซ้าซี้ต่อ แต่ก็ยังมีอีกเรื่องที่เขาสงสัยในคำพูดที่ โนอา พูดมา

“ ขอถามอะไรซักอย่าง ทำไมท่านถึงบอกว่าเป็นวันเกิดของ’พวกเรา’ นี้ไม่ใช่วันเกิดท่านคนเดียวหรอกหรือ? ”
นายกฯ ถาม

“ อ๋อ นั่นน่ะเหรอ เพราะว่าวันนี้เป็นวันเกิดของอีก 2 คนด้วยน่ะสิ ”
โนอา ตอบ

……………………………..
…………………………………………………..

เย็นของวันถัดมา หลังจาก ฟรานซิสก้า นำสมาชิกชมรม SMN และ กลุ่มนักเรียนแลกเปลี่ยน เข้าดวลกับชายแปลกหน้าและได้พ่ายแพ้อย่างหมดรูป

“ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย? ”
มาริน่า ที่พึ่งจะเดินมาถึงพร้อมกับ จูได และ โช อุทานขึ้น เมื่อทุกคนที่นัดมาประชุมวันนี้ ต่างมีสีหน้าอิดโรยและเป็นกังวล

“ มาสเตอร์… ”
ฟรานซิสก้า เปรย เมื่อ มาริน่า เดินเข้ามาหาเธอเพื่อจะถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

“ มันเกิดอะไรขึ้นกันเหรอ? ”
จูได ถาม

“ พวกเราพึ่งดวลกับคนแปลกๆ ที่มาด้อมๆมองๆอยู่แถวนี้น่ะ ”
ชุติการ ตอบ

“ ช่ายแหลว แถมยังเก่งมั่กๆเลยด้วยหลา ขนาดพวกเราช่วยรุมกานตั้ง สิบคนเลยหนา ”
แอน เล่าอย่างละเอียด มาริน่า อึ้งไปบ้างเมื่อรู้ว่า แม้แต่ องครักษ์ของเธอทั้งสามคนยังแพ้รวมไปด้วย

“ แต่ที่บอกว่า สิบรุมยังแพ้เนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า พวกนาย 4 คนก็ด้วย ”
มาริน่า หันไปมองทางพวกนักเรียนแลกเปลี่ยนทั้ง 4

“ เอาชนะกระทั่ง แชมป์จาก อาคาเดมี่ ทั้ง4 ภาคได้ด้วยตัวคนเดียวแบบนี้ ต้องใช้กลยุทธ์ที่สูงจนคาดไม่ถึงแหงๆ ”
โช พูดโดยประเมินตามสถานการณ์

“ ไม่หรอก….จะแพ้ก็ไม่น่าจะแปลกอะไรอยู่แล้ว การ์ดที่จะทำให้ชนะแม้จะโดนรุมอยู่แบบนั้นน่ะ มันไม่ใช่กลยุทธ์
หรืออะไรเลยแต่เป็นแค่พลังล้วนๆ ”
เชส สบถอย่างเจ็บใจ

“ ฟรานซิสก้า เอาบันทึกการดวลขึ้นมาซิ ”
มาริน่า สั่ง ฟรานซิสก้า รับคำก่อนจะ ให้ ปลอกแขนของเธอคืนสภาพกลับเป็น จี้ห้อยคอ แล้วจึงสั่งให้มัน
ฉายภาพจอโฮโลแกรม ที่บันทึกภาพการดวลทั้งหมดเอาไว้ตั้งแต่การ เริ่มเทิร์น ที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนา
ไปจนถึง เทิร์นสุดท้ายที่พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดปรากฏออกมา แล้วนำความพ่ายแพ้มาสู่พวกเธอ

“ อสูรที่เจ้านั่นเรียกมา ทั้ง Mystic ทั้ง Ability ก็ทำอะไรมันไม่ได้เลย ”
มิส อธิบายไปด้วยขณะที่ มาริน่า จูได และ โช กำลังดูภาพบันทึก จนเมื่อการฉายภาพจบลงไปแล้ว จูได ก็โพล่งขึ้นมาทันที

“ เหมือนกับที่เคยดวลก่อนหน้านี้เลย… ”

“ หมายความว่ายังไง? ”
เชส ตาลุกวาวขึ้นมาทันที

“ ก็เรื่องที่เราจะมาพูดกันวันนี้น่ะสิ ที่ อาจารย์ ผอ. ซาเมจิมะ ส่งพวกเรามาที่นี่ ไม่ได้มีแค่เรื่อง อสูรต้อง
ห้ามที่ถูกชิงออกไปอย่างเดียว แต่เป็นเพราะเรื่องการเคลื่อนไหวของกลุ่มอำนาจอีกขั้วที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในตอนนี้นะ ”

โช พูดความสนใจของทุกคนหันมาที่เขาจนหมด

“ ที่ว่าเคยดวลมาด้วยแล้วน่ะ หมายความว่า นายเองก็เคยดวลกับคนๆนั้นมาแล้วเหรอ? ”
ชุติการ ถาม

“ เปล่า ที่เคยดวลกับฉันน่ะ เป็นผู้หญิง ท่าทางประหลาดๆน่ะ ”
จูได พูดพร้อมกับ หยิบเอา Note ที่ห้อยคอ เอาไว้ขึ้นมา และสั่งให้มันฉายภาพบันทึกการดวลแบบโฮโลแกรม
เหมือนที่ ฟรานซิสก้า ทำ ภาพบันทึกที่ฉายออกมา มีคลื่นแทรกจนทำให้ภาพเบลอไปหมด

“ ไหงถึงมองไม่เห็นอะไรเลยล่ะเนี่ย ”
บาร์น แย้ง

“ เพราะตอนที่ ลูกพี่ดวลกับ ผู้หญิงคนนั้น Note ของเธอก็ปล่อยละอองเวทย์สีแปลกๆ ออกมาด้วย ”
โช ตอบ

“ งั้นคงจะเป็นไอ้นี่ล่ะมั้งทำให้ การบันทึกภาพไม่ชัดน่ะ เพราะตะกี้ที่ดูของ รุ่นพี่ฟรานซิสก้า ก็มีภาพขาดหายไป
บางช่วงด้วย ”
ชุติการ พูด

“ อ๊ะ!ภาพมาแล้ว ”
แพน ร้องสายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่จุดเดียวกัน ภาพที่ปรากฏขึ้นคือการดวลบนชายหาดของ
ดูเอลอาคาเดมีย และเงาดำทมึนของอสูรขนาดใหญ่พุ่งตรงเข้าใส่จอภาพ
ตามมาด้วยพายุทรายที่พัดโหมขึ้นมาจนมองไม่เห็นอะไรในจออีกเลย

/นี่เธอ…เป็นใครกันแน่? แล้วยังอสูรนั่นอีก!/
เสียง จูได ที่ถูกบันทึกไว้ดังขึ้น พร้อมกับ ภาพที่กลับมาแล้วหลังฝุ่นทรายฟุ้งตลบจางลง

/นั่นไม่ใช่ อสูร แต่เป็นพระเจ้าที่อยู่สงขึ้นไปกว่าพระเจ้า /
เสียงของ หญิงแปลกหน้า ที่ดวลกับ จูได ในภาพบันทึก ดังขึ้น

/ พระเจ้า? /
เสียงของ จูได ดังขึ้นอีกครั้ง

/ ไม่ต้องรีบสงสัยขนาดนั้นหรอก ทุกอย่างจะเปิดเผยออกมาเอง เมื่อนายได้พบกับ น้องชายของฉัน… /
หญิงแปลกหน้าพูด ทิ้งไว้ก่อนจะเดินหนรหายไปพร้อมกับพายุทรายที่พัดโหมขึ้นมาอีกระลอก

/เดี๋ยวรอก่อนสิ!! ที่พูดมาไม่เห็นจะเข้าใจเลย…อุ้บ/
เสียงของจูได ดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะถูกตัดไป

“ ที่บันทึกไว้ได้ก็มีถึงแค่ตอนนี้แหละ เพราะหลังจากนั้น ทั้งฉันแล้วก็ โช ก็ถูกพายุทรายพัดหอบจน
ไปสลบอยู่ตรงหน้าอาคารเรียนเลย ”
จูได เล่าเหตุการณ์ที่เหลือต่อ

“ ดูไปไม่เห็นจะช่วยอะไรขึ้นมาได้เลยซักนิด มีทรายทั้งจอเลยแบบนี้ไม่ต้องให้ดูก็ได้ ”
มิส ท้วง

“ เอ้า~ ก็จะให้ทำไงได้ล่ะมันไม่ใช่ความผิดฉันซักหน่อย ”
จูได พูด

“ เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ วันนี้ฉันนัดทุกคนมาเพื่อจะประชุมใช่ไหม แล้ว เจ้าหนูไปไหน? ”
มาริน่า เข้ามาปราม มิส กับ จูได ที่กำลังจะมีเรื่องกันอยู่แล้วไว้ก่อน พร้อมกับถามหา ธนัท ที่เธอยังไม่เจอเลย

“ คงจะมัวไปเถลไถลอยู่ล่ะมั้งคะ ”
ชุติการ ตอบ

“ ถ้างั้นก็รอเค้าก่อนก็แล้วกัน เพราะฉันมีอีกเรื่องที่จะแจ้งให้ทุกคนรู้ไว้ด้วย ”
มาริน่า กล่าว
……………………………………………………..

“ รอบของฉัน! จั่วไพ่! ”
ธนัท ประกาศรอบเล่นของตน พร้อมกับจับ ซีลการ์ดขึ้นมาจากสำรับ 2 ใบ

[Thanut Status; Hand: Seal 2 , Mystic 4 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Ahkom Status; Hand: Seal 0 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 2/8 ]

{สุดท้ายก็รับคำท้าจนด้าย~~ เห็นทีจะต้องเพลาๆลงบ้างแล้วสิ ไอ้สปิริตนักดวลเนี่ย}
ธนัท คิด เขาอดที่จะบ่นใส่ตัวเองเสียไม่ได้ ที่หลังจาก ถูก อาคม ตื้อท้าดวล ตอนที่มีนัดแล้วยังไปตกปากรับคำง่ายๆอีก

{เฮ้อ~~ ถ้างั้นเห็นที คงต้องรีบจบแล้วล่ะมั้ง แต่ฝ่ายโน้น ท่าจะเล่นด้วย ยากแฮะ ตอนต้นเกม เราดันส่ง
เบนชี(Benshee) กับ เดริเรียส ไนท์แมร์(Delirious Nightmare) ของเค้าไปที่ Shrine เลยเพราะนึกว่าแค่เอามาลงเป็นกำแพงเฉยๆ แต่ไหงดันร่าย เมฟิส(Mephist, the Necromancer) มารอทีเดียวสองใบเลยล่ะเนี่ย แถมยังเอา
แม่ทัพปีศาจเบลสเซจ(Blaze Sage’s Evil General) มายืนหน้าอีก}

ธนัท คิดพลางเหล่มองสนามของ อีกฝ่าย ที่ตอนนี้ มี อสูร อยู่ด้วยกัน สามตัว คือแม่ทัพปีศาจเบลสเซจ ที่แนวหน้า
และ ผู้เสพความตายเมฟิส อีกสอง ใบ ที่แนวหลัง

รูปภาพรูปภาพ
รูปภาพรูปภาพ

{ตอนนี้ในสนาม เรา ยังมี สตาร์ชีล (Star Shield) ที่ใช้ไปตั้งแต่รอบที่แล้วกางไว้อยู่ ทำให้ Seal ทั้งหมด
ถูกทอน At ลงตาม Df เบลสเซจ ที่มี Df 8 ก็เลยหักลบกับ At ที่มีอยู่ 9 จนเหลือแค่ 1 จุดเท่านั้น ส่วนฝั่งเราตอนนี้
มี โกลเดนท์เฟอร์(Golden Fur Griffin) กับ อะบิโน่(Albino Gryphon) แล้วก็ เซเบอร์ฮอร์น(Saber Horn Hound)}

ในสนามของ ธนัท ตอนนี้ก็มี อสูร สามตัว เช่นเดียวกัน

รูปภาพรูปภาพ
รูปภาพ

{หักลบจากผลของ สตาร์ชีล แล้ว มีแค่ โกลเดนท์เฟอร์ เท่านั้นเอง ที่ยังเหลือพลังโจมตีอยู่ ถึงจะจัดการ เบลสเซจ ได้แต่ก็จะยังเหลือ เมฟิส ไว้แล้วยัง Skill ของเมฟิส ที่จะใช้งาน Skill ของ Seal ใน Shrine ได้ เดลิเรียส ไนท์แมร์ กับ เบนชี ที่อยู่ใน Shrine คร่าวๆก็ ในรอบต่อไป เจ้านั่นจะใช้ Death Curse ใส่ Seal ใบไหนของฉันก็ได้น่ะสิ ถ้าไม่รีบหาทางจัดการก่อนล่ะก็}

ธนัท คิดอย่างหนักและพยายามหาทางแก้เกม อีกฝ่ายที่อาจจะสร้างความลำบากให้กับเขาในรอบต่อไปได้
จนเหมือน สายตาเหลือบไปเห็น มิสติกการ์ดที่อยู่บนมือ

{จริงสิ ยังมีวิธีอยู่นี่นา}“ Cost Mp 2 อัญเชิญ กริฟฟินราตรีมืด แบล็กไนท์กริฟฟิน ออกมาที่ Df line ”
สิ้นคำ อสูรอัญเชิญ กริฟฟินสีดำก็โจนทะยานออกมาจาก การ์ดผนึกที่ร่ายออกไป

รูปภาพ
[At 0 Df 8 Sp 3]

[Thanut Status; Hand: Seal 1 , Mystic 4 Mp:6/8 Shrine 0/8 ]
[Ahkom Status; Hand: Seal 0 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 2/8 ]

“ แล้วก็อีกใบให้ เซเว่นซิลเวอร์(Seven Silver) ทำงาน การ์ดใบนี้จะทำให้ Seal ที่ติดมันไว้ โจมตีได้ 2 ครั้ง
ในรอบนี้ให้ไปติดกับ โกลเดนท์เฟอร์ แล้วก็ในตอนนี้ Ability ของ แบล็กไนท์ กับ เซเบอร์ฮอร์น ก็ทำงาน
ทำให้ ค่า At ของโกลเดนท์เฟอร์ เพิ่มขึ้นมาอีก 2 แล้วก็ตามด้วย Ability ของ โกลเดนท์เฟอร์ เองทำให้ค่า At เพิ่มขึ้นมาอีก
เท่ากับจำนวน เผ่าสัตว์อสูรใบอื่นฝั่งฉัน ”

ธนัท ร่ายมิสติกการ์ดบนมืออกไปสวมใส่ให้กับ กริฟฟินขนทอง ผลจากการ์ดทำให้ ขนของ มันเปล่งประกายแวววาว
ด้วยแสงสีเงิน จนแทบจะเห็นขนของมันเปลี่ยนสีไปจริงๆ

รูปภาพ
[Thanut Status; Hand: Seal 1 , Mystic 3 Mp:3/8 Shrine 0/8 ]
[Ahkom Status; Hand: Seal 0 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 2/8 ]

“ ถึงค่า At จะเพิ่มขึ้นมาอีก 5 แต่ด้วยผลของ สตาร์ชีล ก็จะต้องถูกหักตามค่า Df และของ โกลเดนท์เฟอร์กริฟฟิน ก็มีอยู่ 8 ดังนั้น ค่า At จะถูกหักไปจนเหลือ 4 ถึงจะล้ม เบลสเซจ ได้แต่ก็จัดการกับ เมฟิส ที่มี Df 7 ไม่ได้อยู่ดี ”
อาคม พูด

“ อ๊ะๆ อย่าเพิ่งสิ ความสามารถของ โกลเดนท์เฟอร์ ยังมีอยู่อีกอย่าง เมื่อค่า At เพิ่มขึ้นค่า Df ของการ์ดใบนี้จะลดลงไปตามลงไปในจำนวนที่เท่ากันดังนั้น ค่า At ของ โกลเดนเฟอร์ จึงเท่ากับ 7 ”
ธนัท แย้ง

“ แต่ถึงยังงั้น ก็ยัง โค่น เมฟิส ไม่ได้อยู่ดี ”
อาคม ตอบ

“ เพราะงั้นแหละฉันก็เลยจะทำแบบนี้ไง Cost Mp 1 ร่าย ฟอซสไฟท์(Forced Fight) ด้วยการ์ดใบนี้จะทำให้ โกลเดนท์เฟอร์ เพิ่มค่า At ขึ้นมาอีก 1 จะลุยล่ะนะ Cost Mp 2 ให้ โกลเดนท์เฟอร์ โจมตี ใส่เบลสเซจ กับ เมฟิส Beat Strike! ”
ธนัท ประกาศจบ กิรฟฟินขนทอง ก็สยายปีกของมันออกพร้อมกับกางกรงเล็บอันทรงพลัง และโจนทะยานเข้าฉีกร่างของ
เบลสเซจ และ เมฟิส ไปพร้อมๆกัน

[Thanut Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:0/8 Shrine 0/8 ]
[Ahkom Status; Hand: Seal 0 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 7/8 ]

“ เหลือ เมฟิส แค่ใบเดียว ท่ารวมร่างไม่ได้ก็ใช้ Skill ไม่ได้ ฉันขอหมดรอบแค่นี้แหละ ”
ธนัท กล่าว

{ นี่น่ะเหรอ ฝีมือของคนที่โค่น คิง ลงได้….ไม่ใช่ง่ายๆเหมือนกันแฮะ แต่เราเองก็จะมาแพ้แค่ตรงนี้ไม่ได้}
อาคม คิดเขาประเมิน ธนัท ไว้สูงมากแต่ว่าตัวเขาเองก็มีสิ่งที่ต้องรู้ให้ได้หลังจบการดวลนี้
สถานการณ์ที่บีบคั้นนี้จึงยิ่งทำให้เขาจริงจังกับ เกมยิ่งขึ้นไปอีก

{วัดกันที่การจั่วในนี่แหละบนมือเราไม่มี Seal แล้วจะต้านทานการบุกของ โกลเดนท์เฟอร์
ก็ต้องจั่วให้ได้การ์ดใบนั้นเท่านั้น ถ้าจั่วไม่ได้การ์ดใบนั้นล่ะก็ ไม่สิ ยังก็ต้องได้ต้องเชื่อมั่นใน สำรับของเรา}
อาคม คิดพร้อมกับยื่นนิ้วไปแตะที่ สำรับที่เสียบอยู่ในช่องเสียบของปลอกแขน

“ รอบของฉัน ดรอว์!! ”
อาคม ประกาศรอบของตนพร้อมกับ จับ Seal การ์ดขึ้นมาอีก 2 ใบ รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นที่มุมปาก

[Thanut Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Ahkom Status; Hand: Seal 2 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 7/8 ]

“ ใช้ เมฟิส เป็นวัตถุดิบในการ Growth แล้วกำจัดออกไปจากเกมจากนั้น Cost Mp 4 จงออกมา!! ”
อาคม สั่ง ร่างของเมฟิส ถูกอาบด้วยลำแสงที่พวยพุ่งออกมาจากการ์ดผนึกที่ เขาร่ายออกไป
และกลายเป็นผู้ใช้เวทย์ที่มีระดับสูงขึ้นไปอีกขั้น

“ จอมอาคมดำมายาเมฟิส (Mephist, the Mythical Necromancer) ”

รูปภาพ

“ จ…จอมอาคมดำมายา งั้นเหรอ?! ”
ธนัท อุทาน

[Thanut Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Ahkom Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:4/8 Shrine 7/8 ]

“ นี่คือหนึ่งในการ์ดซีรี่ย์ มายา(Mythical)ที่มีแค่อย่างละใบในโลกเท่านั้นจาก ”
อาคม ตอบ พร้อมกันนั้น จอมอาคมดำ ก็เริ่มสวดบทคาถา ด้วยเสียงแหบแห้ง
เปลวไฟสีเขียว ลุกโชนขึ้นในอากาศ ก่อนจะตกค้างเป็นลูกไฟ ดวงใหญ่ลอยอยู่ ในสนามฝั่งเขา

“ Ability ของ จอมอาคมดำมายาเมฟิส ทำงานเมื่อการ์ดนี้ถูกเรียกออกมาด้วยการร่าย ก็จะคืนชีพให้กับ เมฟิส
ที่อยู่ใน Shrine ได้ใบหนึ่ง จงปรากฏออกมาอีกครั้ง ผู้เสพความตายเมฟิส ”
อาคม อธิบาย พร้อมกับรับเอาการ์ดซีล ที่ถูกส่งคืนจากช่อง Shrine ของปลอกแขน แล้วจึงโยนมันลงไปในดวง
ไฟสีเขียว จนลุกโหมขึ้นเป็นกองไฟใหญ่ ร่างของ ผู้เสพความตายได้ ปรากฏออกมาจากไฟเวทย์สีเขียว

“ แล้วก็ยังไม่หมดแค่นั้น ความสามารถที่เพิ่มขึ้นจากการอัญเชิญแบบ Growth ทำให้ มันเพิ่มค่า At และ Df ให้กับ
การ์ดที่มีชื่อ Necromancer อยู่ในชื่อด้วยอีกอย่างละ 1 จุด และยกเลิก Ability ของ Seal ฝ่ายตรงข้ามอีกด้วย
และที่สำคัญที่สุด มันสามารถใช้ Skill ได้เหมือนกับของ เมฟิส ที่ถูก ใช้เป็นวัตถุดิบด้วย ”

อาคม อธิบายสรรพคุณของ อสูรใบเด็ดของตนอย่างฉะฉาน และทำให้ ธนัท ต้องสะอึกเอากับข้อสุดท้าย


“ ให้จอมอาคมดำมายา รวมร่างกับ เมฟิส จากนั้น Cost Mp 3 ใช้ Skill ของเบนชี ที่อยู่ใน Shirne ทำให้สามารถ สาป Death Curse ใส่ Seal ที่มี ค่า Sp ตั่งแต่ 1-3 ได้ สาป โกลเดนท์เฟอร์ ซะ! เอเกอร์ อิมพลีเคท(Eager Imprecate) ”
สิ้นคำ สองจอมเวทย์ ของอาคม ก็ประสานบทคาถาดำ สาปแช่งใส่ กริฟฟินขนทอง ทันที เปลวไฟสีเขียง
ลุกโชนขึ้นในอากาศ และกลายเป็น วิญญาณของ ผีสาว เบนชีกรีดร้องเสียงแหลมจนบาดลึกไปถึงโสตประสาท

ทำเอา ธนัท ต้องยกสองมือขึ้นปิดหู พุ่งเข้าใส่ร่างของ กริฟฟินขนทอง และสูบ
เอาวิญญาณออกจากร่างก่อนจะสลายไปพร้อมกัน เป็นอันจบพิธีกรรมที่แสนสยดสยองนี้

[Thanut Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 3/8 ]
[Ahkom Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:1/8 Shrine 5/8 ]

“ สงสัย จะอีกยาวแฮะ…แบบนี้คงต้องทำใจเผื่อโดนเกมลงทัณฑ์ของประธานด้วยมั้ยเนี่ย ”
ธนัท เปรยพลางแสยะยิ้ม แม้จะอยากรีบจบการดวลนี้เร็วๆแต่ทว่าตอนนี้มันสนุกจนเกินกว่าจะยอมให้จบง่ายๆเสียแล้ว

……………………………………………..
………………………………………………………………

ณ ห้องพักของ X Sport Club

“ นี่ วันนี้ใช่รึเปล่าที่ พวกนั้น จะลงมาจากดวงจันทร์น่ะ ”
วาการุรุ ถาม เกร ซึ่งกำลังจัดเตรียมสำรับ ของตนอยู่อย่างขะมักเขม้น

“ อ๋อ..พวกพี่น่ะเหรอ ”
เกร รับคำสั้นๆ

“ ตั้งแต่ไปเก็บข้อมูลที่ ดูเอลอาคาเดเมีย แล้วก็ตรงกลับไปที่โน่นเลยนี่นะ เพราะงั้น พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดของ ฉัน
กับ วาการุรุ ก็เลยยังไม่ได้ซักที ”
เทนโตะ เข้ามาร่วมแจมด้วยอีกคน

“ นั่นสิ หนนี้ขอให้ทำเสร็จแล้วที้หอะ เบื่อที่จะรู้สึกเหมือนกับอยู่ใต้เจ้า หมาเกย์นั่นเต็มทีแล้ว ”
วาการุรุ บ่น

“ หมายถึง การุรุ เหรอ? ” เกร ถาม
“ ก็จะมีใครซะอีกเล่า ” วาการุรุ สบถตอบแบบหงุดหงิด

“ ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก เพราะหนนี้ฉันบอกไปแล้วว่าให้เอามาด้วย เพราะจะต้อง เอาการ์ด
อีกชุดไปให้กับ สมาชิกคนใหม่ของเราด้วย ไม่งั้นพระเจ้าคงมัวหมองหมด ”
เกร พูดก่อนจะใช้สองรวบเก็บ การ์ดที่วางกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะรวมเป็นสำรับเดียว

“ แล้วก็ถ้า การุรุ กลับมาแล้ว เย็นนี้คงต้องให้อดข้าวด้วย จะได้รู้ว่า พระเจ้าเหนือสำนึกไม่ได้มีไว้ใช่เล่นๆ
แต่มีไว้เพื่อฆ่าพระเจ้าเท่านั้น ”

…………………………………………….
…………….

“ สาป Death Curse ใส่ แบล็กไนท์กริฟฟิน Eager Imprecate!! ”
คำสั่งของ อาคม ดังขึ้นพร้อมกันกับที่ กริฟฟินราตรีมืด ถูกสาปจนร่างแตกสลายไปในทันทีตอนนี้ สนามของ ธนัท
เหลือแค่ เซเบอร์ฮอร์นฮาวน์ ตัวเดียว เท่านั้น

[Thanut Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:4/8 Shrine 7/8 ]
[Ahkom Status; Hand: Seal 2 , Mystic 0 Mp:1/8 Shrine 5/8 ]

“ อึ๋ย…ยื้อมาขนาดนี้แล้ว ชักจะเริ่มหมดหนทางแล้วสิเรา ”
ธนัท พึมพำกับตัวเอง เพราะแม้จะต้านทานการบุกของ จอมอาคมดำมายา มาได้ซักพักแล้ว
แต่กลับถูกไล่ต้อนอย่างเดียวจนหาโอกาสโต้กลับไม่ได้เลย

“ หมดรอบ ”
อาคม ประกาศ

“ รอบของฉัน!!... ”
กิ๊ว~~~
“ ฮะ…เสียงนี้มัน ”
ธนัท เปรยก่อนจะจับซีลการ์ด ใบแรกขึ้นมาจากกอง การ์ดที่จับขึ้นมานั้น คือ ดรานิตี้ฮีโร่ ที่เขาได้จากตอนไปที่
ดูเอลอาคาเดเมีย นั่นเอง

“ นายเองเหรอเนี่ย จะบอกให้ฉันใช้นายเหรอ? ”
กิ๊ว~~~
ธนัท ถามขณะที่เสียงซึ่งตอบกลับมาของมันัน้น มีเพียง ธนัท ที่ได้ยิน จนทำให้ดูเหมือนกับว่า เขาพูดกับตัวเอง

“ คุยกับใครกันหว่า ”
อาคม เปรยอย่าง งงๆ

“ อ๋อ อย่างนี้นี่เอง เข้าใจแล้ว! การ์ดที่ จูได ให้ตอนขากลับจากที่ ดูเอลอาคาเดเมีย ถ้าจับได้การ์ดใบนั้นล่ะก็ ”
ธนัท ร้องอ่อ ขึ้นมาทันทีหลังจากนึกอยู่นาน

“ นี่นายน่ะ…เอ่อ… ” ธนัทพยายามจะเรียกชื่อแต่ก็จำชื่อของ อาคม ไม่ได้
“ อาคม! ” อาคม ตะคอกเสียงดุ
“ อ๋อ ใช่ๆ อาคม เมื่อกี้นี้นายเองก็ฝากความหวังไว้กับการจั่วมาหนแล้วใช่ม้า~~ ”
คำพูดของธนัททำให้เขาแปลกใจขึ้นมาบ้าง ที่รู้ว่าตัวเขาพึ่งพดวงมาสดๆร้อนๆในตอนที่เกือบจะแพ้

“ การที่นายสามารถจั่วได้การ์ดที่ต้องการในเวลาคับขันได้แม่นขนาดนี้แสดงว่า นายต้อง
รักสำรับการ์ดของตัวเองมากเลยซินะ ฉันเองก็เหมือนกัน จะใช้ความเชื่อมั่นที่มีต่อสำรับ
จั่วการ์ดที่จะพลิกเกมขึ้นมาให้ดู ”

ธนัท พูดเสียงมั่น

“ งั้นเหรอ..น่าสนุกดีนี่ จะวัดกันว่าใครจะดวงแข็งกว่ากันงั้นเหรอ ”
อาคม พูด

“ เอาล่ะนะ สำหรับการ์ดที่จะจั่วขึ้นมาใบที่สอง ฉันขอเดิมพันทั้งหมดกับมันนี่ล่ะ ย้าก~~~~~ ”
ธนัท จับมิสติกการ์ดขึ้นมาด้วยท่าทีที่เฉียบขาดกว่าทุกครั้ง และการ์ดที่จับขึ้นมานั้นก็ดูเหมือนจะตอบสนองให้กับ
เขาเสียด้วย
[Thanut Status; Hand: Seal 2 , Mystic 3 Mp:4/8 Shrine 7/8 ]
[Ahkom Status; Hand: Seal 2 , Mystic 0 Mp:8/8 Shrine 5/8 ]

“ Cost Mp 2 ให้ Imprison ทำงานแล้วไปสวมให้กับ จอมอาคมดำมายาเมฟิส ”
ธนัท ร่ายมิสติกการ์ดบนมือ ออกไป โซ่ตรวน 12 สายพุ่งออกมาจากทุกทิศ และพันธนาการร่างของ
จอมอาคมดำมายาและผู้เสพความตายที่รวมกลุ่มกันอยู่

รูปภาพ
[Thanut Status; Hand: Seal 2 , Mystic 2 Mp:2/8 Shrine 7/8 ]
[Ahkom Status; Hand: Seal 1 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 5/8 ]

“ Imprison จะทำให้ Seal ที่ติดมันไว้ใช้ Skill ไม่ได้เท่านี้ Death Curse ก็ถูกปิดผนึกไว้แล้ว
จากนั้นให้ เซเบอร์ฮอร์น ขึ้นไปที่ At Line ขอจบเทิร์นเพียงเท่านี้ ”
ธนัท ประกาศจบรอบการเล่นของตนหลังจากย้ายให้ หมาเขาดาบเซเบอร์ฮอร์น ขึ้นไปอยู่แนวหน้าเพียวตัวเดียว
และผ่านเทิร์นไปอย่างง่ายๆ จน อาคม เองยังอึ้งที่ปล่อยเทิร์นให้ผ่านไปอย่างหละหลวมแบบนี้

“ รอบของฉัน ดรอว์! ”
อาคม จับซีลการ์ดขึ้นมาสองใบ

[Thanut Status; Hand: Seal 2 , Mystic 2 Mp:2/8 Shrine 7/8 ]
[Ahkom Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 5/8 ]

“ ถึงจะใช้ Skill ไม่ได้แต่ก็ยังโจมตีได้อยู่ Cost Mp 3 ให้ จอมอาคมดำมายาเมฟิส โจมตี
เซเบอร์ฮอร์นฮาวน์ Eager Imprecate ”
อาคม ประกาศโจมตีหมายจะเผด็จศึกในทันที จอมอาคมดำมายา ที่ถูกโซรัดตรวนไว้ ฝืนตัว ร่ายคาถาสร้างไฟเวทย์
ให้พุ่งเข้าโจมตี

[Thanut Status; Hand: Seal 2 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 7/8 ]
[Ahkom Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 5/8 ]


“ ไม่ยอมหรอกน่า Cost Mp 3 ให้ Skill ทำงานจากบนมือ ”
ธนัท ประกาศ

[Thanut Status; Hand: Seal 2 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 7/8 ]
[Ahkom Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 5/8 ]

“ ว่าไงนะ การ์ด Skill ความเร็วสูงแบบ Interfere เรอะ ”
อาคม อุทาน

“ ช่วยหน่อยนะ เจ้าเพื่อนยาก ”
ธนัท ร่ายซีลการ์ดบนมือ ออกไป ปรากฏร่างของ อสูร จอมเวทย์มังกรน้อยขึ้นมาบนสนาม
ร่ายเวทย์สร้างกำแพงแสง ป้องกันเพลิงเวทย์ ของอีกฝ่ายไว้

รูปภาพ

“ ดรานิตี้ฮีโร่วิซกูน(Wizgoon, the Dranity Hero) เรียกการ์ดใบนี้ออกมาเพื่อใช้ Skill จะทำให้การต่อสู้ของ Seal ถูกยกเลิกและผู้เล่นไม่สามารถสั่งโจมตีได้จนกว่าจะหมดรอบนั้น ”
กิ๊ว~~~~

ธนัท อธิบาย ขณะที่ มังกรน้อยก็ส่งเสียงร้องน่ารักน่าชัง ผสมโรงไปด้วย

“ ชิ…Cost Mp 1 อัญเชิญ ลาวาวอร์ชาร์ค(Lava War Shark) ที่ Df Line แล้วหมดรอบ ”
อาคม อัญเชิญ อสูรฉลามที่มีเกลียวเขาสว่านติดอยู่ออกมา ก่อนจะประกาศจบรอบของตน

{ถึงรอบนี้จะรอดตัวไปได้ แต่ว่ารอบหน้านายไม่รอดแน่ แล้วก็กรณีเดียวที่จะเอาชนะ เมฟิส ที่มีค่า At 12 จุด
ก็มีแต่ต้องรวมร่างเท่านั้น แต่สนามของฉันมี ลาวาวอร์ชาร์คอยู่ ถ้าสังเวยมันก็จะแยกการรวมร่างของ Seal ได้
ไม่ว่ายังไงใน รอบนี้นายก็ทำอะไรฉันไม่ได้อยู่แล้ว}

อาคม คิด

“ ช้าก่อน! ก่อนที่จะสิ้นสุดรอบของนาย Cost Mp 2 ให้ Mystic Card บนมือทำงาน D.Mental of Miracles
สวมให้กับ วิซกูน ”
ธนัท ร่ายมิสติกการ์ดออกไปสวมให้กับ เจ้ามังกรน้อย มันเป็น วัตถุโลหะทรงเหลี่ยมสีทอง ที่ใหญ่พอๆกับตัวของมัน
และหนักจนแบกแทบไม่ไหว

[Thanut Status; Hand: Seal 2 , Mystic 0 Mp:3/8 Shrine 7/8 ]
[Ahkom Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 5/8 ]

รูปภาพ

“ และในตอนนี้ ขอข้าม Draw Step ไป ”
ธนัท ปฏิเสธที่จะจั่วการ์ดขึ้นมา สร้างความมึนงง ให้อาคมยิ่งขึ้นไปอีก

“ นี่คิดจะทำอะไรกันน่ะ ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ แล้วยังจะไม่จั่วการ์ดอีก คิดจะยอมแพ้รึไง ”
อาคม แย้ง

“ บ้ารึเปล่า ฉันชนะแล้วต่างหากล่ะ ที่ข้าม Draw Step ไปน่ะก็จะให้เข้า Progress Step ต่างหาก เอาล่ะปลดปล่อย
วิซกูน กับ D.Mental 0f Miracles ออกไปเพื่อให้ วิซกูน วิวัฒนาการไปสู่อีกขั้น D.Mental Up!!”
ธนัท ประกาศพร้อมกับ ซีลการ์ดใบหนึ่งถูกรีดออกมาจากกอง เขาจับเอาการ์ดใบนั้นขว้างไปยัง วิซกูนทันที

“ วิซกูน อาเมอร์ชินปาย~~~ ”
เจ้าลูกมังกร แหกปากตะโกนสุดเสียงออกมาเป็นภาษาพูด ทำเอา ทั้ง ธนัท กับ อาคมสะดุ้งกันไปเลยทีเดียว
วัตถุทรงเหลี่ยมสีทอง ก็เปล่งแสงออกมา และ รวมร่างเข้ากับ เจ้ามังกรน้อย
ก่อนจะทะยานขึ้นไปกลายเป็น จอมเวทย์มังกรชั้นสูงที่มีแสงศักดิ์สิทธิ์อาบทั่วทั้งร่าง สวมเกราะทองคำเปล่งประกาย
เจิดจรัสประหนึ่งดวงอาทิตย์ดวงใหม่เลยทีเดียว

“ Progress Summon ดรานิตี้ฮีโร่ แมกน่าไวซ์กูน(MagnaWisegoon, the Dranity Hero) At Line ”
ธนัท ประกาศ พร้อมกับ ฮีโร่ ที่วิวัฒนาการแล้วโรยตัวลงมา ยังสนามและให้สองมือค้ำไม้เท้าทองคำไว้

รูปภาพ

[Thanut Status; Hand: Seal 2 , Mystic 1 Mp:3/8 Shrine 7/8 ]
[Ahkom Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 5/8 ]

“ Cost Mp 2 ให้ แมกน่าไวซ์กูน โจมตีและ Ability ทำงาน เมื่อ มากุน่าไวซ์กูน ต่อสู้ถ้า สังเวย(Sacrifice) Mystic Card ในสนามหรือทิ้งจากบนมือไปใบหนึ่ง ก็จะทำให้ค่า At ของมันเพิ่มขึ้นเท่าค่า Df ของ Seal ที่ต่อกรด้วยได้ ฉันทิ้งMystic Card บนมือไปใบหนึ่ง ทำให้ At ของ มากุน่าไวซ์กูน เพิ่มขึ้นมาอีก 10 จุด!! ”

ธนัท ออกคำสั่งโจมตีไปพร้อมกับ ส่งมิสติกการ์ดบนมือใบสุดท้ายไปที่ Shrine แมกน่าไวซ์กูน ใช้มือซ้ายยกไม้เท้าขึ้นชูสุด
แขนเกิดสายฟ้าผ่าลงมายังหัวไม้เท้า ก่อนจะสะบัดไม้เพื่อฟาดสายฟ้าที่สถิตอยู่ออกไป จอมอาคมดำมายาลำแสงถูกสายฟ้า
ที่ฟาดผ่าใส่ก็ดิ้นทุรนทุรายทันที แมกน่าไวซ์กูน ใช้มือขวาจับเอาประกายไฟฟ้า ที่ยังเหลืออยู่ในอากาศ
มารวมกันและใช้เป็นดาบแสง ตวัดผ่าร่างของ จอมอาคมดำมายา จนแตกสลายไปในที่สุด

[Thanut Status; Hand: Seal 2 , Mystic 0 Mp:1/8 Shrine 7/8 ] Win
[Ahkom Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 5/8 ] Lose

“ Gotcha!! เป็นการดวลที่สนุกมาก ”

To be Continue
………………….
………………………………..

……………………………….
…………………

Next Sub-Turn
ธนัท:ฟู่~~ ถ้าวันนี้ไม่ได้การ์ดของ จูได ช่วยไว้คงแพ้ไปแล้วแหง
โคทาโร่: บทฉันหายไปไหนตั้งสองตอนเลยล่ะเนี่ย
ธนัท:เอาน่า ตอนหน้านายเป็นพระเอกนี่
โคทาโร่:แล้วทำไมภาคนี้ ตรูถึงโดนจับไปให้เค้าอัดจนแพ้ยับเยิน บ่อยแบบนี้เนี่ย
เกร:เพราะว่าฉันกำลังจะปั้นนายเป็นพระเอกของเรื่องนี้ไง
การุรุ: ตอนต่อไป Sub-Turn 35 The Clonning สงคราม Reuse ตัวละครได้เริ่มขึ้นแล้ว
เกร: งดข้าว การุรุ สามเดือนข้อหาเผาฉันระยะเผาขน
การุรุ:แง้ ~~ อย่าน้าเกรคูง~~~~~ อย่างดข้าวเค้าเยยน้า~~~ ผอมจนจะเหลือแต่กระดูกแย้ว
เทนโตะ กับ วาการุรุ: มั่วไปหมดแล้วเว้ย!!!!

Card Pop!

รูปภาพ
Type: evil mage Mp: 4 / 3 Lv: 3 Rarity: promo
At: 9 Df: 9 Sp: 4 Element: dark
+[Dark] Eager Imprecate At 11 Mp 3
+[Evil] Seizure Abyss At 11 Mp 3
NULL
Skill:
นำ Seal 1 ใบจากกองการ์ดผู้ใช้ Skill ไปยัง Shrine (Inf) (Mp 2)
นำ [Evil] 1 ใบใน Shrine ผู้ใช้ Skill ที่มี Lv ตั้งแต่ 2 ขึ้นไปเข้ามาในสนาม จากนั้นสั่ง Seal นั้นโจมตี เมื่อจบ Subturn ถ้า Seal นั้นยังอยู่ในสนาม (แม้เป็น Seal ใบรองรวมร่าง) ผู้ใช้ Skill นำไปยัง Shrine (At Line) (Mp 5)
Ability:
Mystic Card ประเภท [Devas] ทุกใบใน Shrine สูญเสีย Ability
เมื่อ Mephist, the Mythical Necromancer เข้ามาในสนามจากการร่าย นำ Mephist, the Necromancer 1 ใบใน Shrine เราเข้ามาในสนาม
Growth Condition: Mephist, the Necromancer
Skill Growth:
สั่ง Mephist, the Mythical Necromancer ใช้ Skill ของ Seal 1 ใบใน Shrine โดยไม่ต้องจ่าย Mp ค่าใช้ Skill และไม่ต้องตรงตามเงื่อนไขการรวมร่าง เมื่อ Mephist, the Mythical Necromancer รวมร่าง (At Line) (Mp 3)
Ability Growth:
N[Necromancer] ทุกใบในสนามฝ่ายเรา At +1 Df +1 และยกเลิก Ability ของ Seal ฝ่ายตรงข้ามของ Mephist, the Mythical Necromancer


หนนี้ล่อเลทซะเกือบ เดือน แถมเพราะจะสอบอาทิตย์หน้านี้ แล้วก็เลยต้องงดยาวไปจนถึงก่อนสิ้นปี
ซีรี่ย์เลยเดินไปไม่ถึงไหนซะที เหอๆแถมปีใหม่นี้ CVSE รออยู่อีกยังไม่เริ่มเขียนเลยง้า~~~
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ อาทิตย์ เม.ย. 10, 2011 11:40 pm, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 34 D-Mental Up!!

โพสต์โดย boy เมื่อ จันทร์ ธ.ค. 13, 2010 8:12 pm

การ์ดฮีโร่ใบใหม่มันโหดร้าย ::036::
บวกอแทตามดีฟ ถ้าเจอธาตุดินล่ะก็.....เหอๆๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 34 D-Mental Up!!

โพสต์โดย Area เมื่อ อาทิตย์ ม.ค. 02, 2011 5:01 pm

[quote="Wargreamon"][size=200]SMN VR TAG

เพลงเปิดเรื่อง (op)





เพลงปิด (ED)



SMN+Yugi ทำเก่งจริงๆ ฮ่าๆ
::011:: ::011::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Area
0
 
โพสต์: 1296
Cash on hand: 28.00
ที่อยู่: In~♪[S]○~Lik*♪*Shop

Sub-Turn 35 The Clonning

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ ม.ค. 24, 2011 12:15 am

Sub-Turn 35 The Clonning


……………………………………………………………………………………..

หลังจากการดวล ระหว่าง ผม และ อาคม จบลงด้วยชัยชนะของ ผม อีกเช่นเคย ก็ได้เวลาที่ จะถามถึงเป้าหมายที่
มาท้าตนดวลด้วย แต่ ประธานมาริน่า ที่ออกมาตามตัวเขาไปร่วมประชุมกับ ทุกคนก็มาเจอเข้าเสียก่อน

“ หาอยู่ต้องนานที่แท้ก็มาอยู่นี่เองหรอกเหรอ เจ้าหนู ”
ประธาน พูดหลังจากเธอ เดินเข้ามาใกล้จนเห็น อาคม ที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมได้ชัดเจน เธอสะดุ้งนิดหน่อยก่อน
จะบอกให้พวกเราสองคนตามไปด้วยกัน

หลังจากที่เราสามคนเดินกันมาถึงหน้าห้องชมรมแล้ว พวกเพื่อนๆผมที่มารออยู่ก่อนแล้วก็ทักทายกันตามประสา
เหมือนทุกครั้ง อาคม ที่ตามมาด้วยตอนนี้ปิดปากเงียบไปเลยตั้งแต่พบกับ ประธาน แต่จะว่าไปเขาก็เป็นคนที่เงียบ
ขรึมแบบนี้อยู่แล้วนี่นะ เพราะตลอดการดวลที่ผ่านมาเขาแทบจะไม่พูดเลยหากไม่จำเป็น

“ ทีนี้ก็มากันครบซะทีนะ รวมถึงแขกคนสำคัญที่นึกไม่ถึงว่าเจ้าหนูจะไปเชิญมาด้วยตัวเองซะด้วย! ”
ประธาน แสยะยิ้มพลางเหล่สายตา มาที่เราสองคน แขกคนสำคัญเหรอ? ใครกันนะ นี่ผมไปเชิญใคร
ที่ประธานต้องการตัวมางั้นเหรอ ผมถามกับตัวเองแล้วก็มองหาไปซะทั่วแต่ก็ไม่มีคนที่เข้าข่าย
เลยเว้นก็เสียแต่ ประธานจะหมายถึง อาคม ที่ยืนอยู่ข้างๆผมนี่แหละ
ไม่ทันไรเขาก็เดินเข้าไปหาประธานเองเสียแล้ว

“ ไหนๆก็จะพูดเรื่องนี้กันอยู่แล้ว ถ้างั้นช่วยบอกผมมาได้รึเปล่าล่ะ ว่าพี่อนุชิต ไปอยู่ที่ไหน ”
แว่บแรกที่ได้ยินคำถามของ อาคม มันทำให้ผมสะดุ้งไปเหมือนกัน เพราะชื่อของ พี่ชาย ที่เอ่ยมา
คือชื่อจริง รุ่นพี่ คิระ หรืออีกฉายาดาบแห่งพระเจ้า นั่นเองซึ่งก็แปลว่า ตรงหน้าผมนี้คือน้องชายของ
คิระ คนนั้นหรอกหรือ

“ ก็เพราะแบบนั้น ฉันถึงได้เรียกให้พวกเขามาที่นี่เพื่อตอบคำถามของเธอเหมือนกัน แค่ที่ไปดวลกับ
เจ้าหนูก็ทำให้พอจะรู้แล้วล่ะว่าเธอคิดจะถามเรื่องพี่กับทั้ง 11 คนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ใช่ไหมล่ะ ”

ประธาน หันไปหาพวกเพื่อนๆ เพื่อจะขอคำตอบ แต่ว่าทุกคนก็ตอบเป็นเสียงเดียวกัน ไม่มีใครรู้ว่า คิระ
ไปไหน ที่จริงพวกเราเองพึ่งจะรู้ว่าเขาหายตัวไปก็วันนี้ที่ประธานบอก เสียด้วยซ้ำ
อาคม ดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกของเขาเหมือนจะสื่อ ออกมาตรงๆผ่านทางสีหน้าและท่าทางทั้งอย่างนั้นเลย
ความรู้สึกของเขา ผมเข้าใจดีเพราะ เมื่อก่อนพี่ศรีเอง ก็เคยออกเดินทางไปนานๆจนเหมือนกับว่าจะไม่กลับมาแล้ว

หลังจากที่ อาคม กลับไปแล้ว ผมลองถามประธานดูถึงได้รู้ว่า อาคม อยู่กับ พี่ชาย แค่สองคนเท่านั้น เพราะครอบครัว
ของพวกเขา หย่าร้างกันไปแล้ว ทิ้งพวกเขาไว้กับญาติๆ แต่ทั้งสองคนก็ออกมาใช้ชีวิตกันตามลำพัง โดยมีเงิน
ที่ส่งมาจากพวก ญาติบางส่วนแต่พวกเขาก็ยังต้องทำงาน เพื่อให้มีพอใช้สอยอย่างอื่นบ้าง นอกจากค่าเล่าเรียน

จนเมื่อ 7 ปีก่อนที่ รุ่นพี่คิระ ได้เข้าเป็น Master Ceremony ทำให้มีรายได้จากงานในตำแหน่งนี้มาช่วยจุนเจือ
ครอบครัวที่มีกันอยู่แค่สองคนพี่น้องได้ ก่อนที่พวกเราจะแยกย้ายกัน กลับหลังจากที่ทุกคนเล่าเรื่องการปะทะกับ
ผู้ใช้อสูรพระเจ้าของจูไดแล้ว เธอยังฝากให้ผม ช่วยเป็นเพื่อนกับ อาคม ให้ในระหว่างนี้ด้วย เพราะดูเหมือนเขาจะไม่มีเพื่อน
สนิทเลยซักคน ดูเหมือนภาระจะตกมาที่ผมอีกแล้ว สิ

…………………………………………………..
…………………….
ย้อนกลับไป 3 ชั่วโมงก่อนที่อีกด้านหนึ่งของย่านการค้า แห่งหนึ่ง คราคร่ำไปด้วยผู้คนสัญจรไปมา โดยเฉพาะวัยรุ่น
ทั้งหลายที่นี่จะเป็นราวกับสวรรค์หลังเลิกเรียนก็ว่าได้กระมัง ตั้งแต่หนุ่มสาวไปจนถึงผู้ใหญ่วัยทำงาน
ร้านค้ามีตั้งแต่แผงลอย รถเข็นขายไปจนถึง แฟรนไชน์ อาหารตามสั่ง และภัตรคารบนตึก หรือห้างสรรพสินค้า

ที่ร้านกาแฟ(Coffee Shop) ในห้างแห่งหนึ่งของย่านการค้านี้ โคทาโร่ ที่แยกกับ ธนัท หลังจากเลิกเรียน ก็ตรงมา
ที่นี่ทันที หลังจากสั่งนมรส สตรอเบอรี่ มานั่งดื่มระหว่างรอ อยู่นานโข เจ้าของคำเชิญ
ก็ปรากฏตัวเสียที เธอยิ้มทักทายให้ พลางใช้มือสาวลวบผมยาวสีดำสนิทของเธอ ก่อนจะนั่งลงที่ โซฟา ฝั่งตรงกันข้าม

“ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ คุณ โคทาโร่ ” เธอพูด ด้วยเสียงใสๆ ที่ใช้กับเขาทุกครั้ง
“ ผม เองยังตกใจเลยด้วยซ้ำ ที่จู่คุณ จิงค์ ถ่อมาถึงนี่แถมยังนัดผมออกมาอีก แล้วนี่มาคนเดียวหรือครับ? ”
เธอส่ายหน้าให้ผม ก่อนที่เหล่าผู้คุ้มกันของเธออีก 4 คนจะตามเข้ามา สามคนในกลุ่มนั้น ดิฮาออส เจมส์ แล้วก็บอย
เหล่าทหารคนสนิท สมัยที่พวกเรายังอยู่ร่วมกองกำลัง St.Magnus การที่พวกเราได้มาพบกันพร้อมหน้าอีกครั้งเช่นนี้

มันทำให้หวนนึกถึงวันวานเมื่อครั้งอดีตไม่น้อยหากแต่ว่า ตอนนี้ผมคงถูกแทนที่ โดยคนที่สี่ ซึ่งมีใบหน้าเหมือนผมราวกับ
ฝาแฝด พ่วงมาด้วย

รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ
[Dhaos , Boy , Jame , Jing , Kotaro(copy)]

“ ที่ฉันมาด้วยในวันนี้ก็เพื่อจะพูดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนค่ะ ที่ URH พึ่งจะมีการเลือกตั้งประธานสภาคนใหม่
และยามาโมโตะ เซนาคาว่า ท่านพ่อคุณได้รับเลือกในตำแหน่งนี้ อีกทั้งพิธีแต่งงานของฉัน
กำลังจะเริ่มขึ้นตามมาในอีกไม่ช้านี้แล้ว ”

คำพูดของเธอ ทำให้ผมสับสนไปหมด แต่เรื่องหนึ่งที่พอจะเข้าใจแล้วคือ คุณพ่อคงต้องการกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ
ถึงได้เร่งพิธีแต่งงาน แต่ว่าเดิมทีแผนการนี้ติดขัดอยู่ที่ ตัวผมไม่ยอมทำตามที่พ่อต้องการ
เท่านี้คำตอบที่ตัวผมอีกคน มาอยู่ต่อหน้าก็กระจ่างไปกว่าครึ่งแล้ว

หลังจากที่ผมนั่งอึ้งอยู่นาน เจ้าตัวปลอม ก็พูดขึ้นมา
“ เพราะงั้นวันนี้พวกเราก็เลยมาเพื่อให้แน่ใจว่า เจ้าตัวต้นแบบจะไม่กลับไปที่เกาะอีก หวังว่านายคงจะเข้าใจนะ
เพราะเราต่างก็เหมือนกัน ทั่งร่างกายและจิตใจ ”

ผมตบโต๊ะพร้อมกระแทกตัวลุกจาก โซฟา ใช้สองตามองพวกเขาทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้า อย่างชัดๆ พวกเขาเหล่านั้น
ที่ผมเคยคิดว่าจะเข้าข้างและอยู่ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน กับผมตอนนี้ มันดูน่ารังเกียจเมื่อพวกเขาได้ ตัวผมคนใหม่
ไปแทนที่ นี่เท่ากับว่าขอแค่เป็นตัวผมก็พองั้นสิ ทำไมพวกเขาถึงไม่ยอมพูดอะไรทำไมถึงได้ก้มหน้าก้มตายอมรับ
ผลลัพธ์แบบนี้กันนะ

“ เราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า… ”
ผมพูดออกไปแบบนั้น เพราะคิดว่ายังไงซะเรื่องคราวนี้คงไม่จบแค่ การโบกมือลาแล้วต่างคนต่างแน่นอน

………………………………….

ที่ X Sport Club เกร เทนโตะ และ วาการุรุ ยังคงทำกิจวัตรของตนอยู่เหมือนเดิม เมื่อบานประตูห้องพักเปิดออก
สาวแว่นผมเปียย้อมสีทอง ในเสื้อสูทผ้าบางสีเทานุ่งกระโปรงสั้น ก้าวเข้ามาในมาดสาวมั่น
วาการุรุ และ เทนโตะ ทักทายเธออย่างเป็นกันเองพวกเขาเรียกเธอว่า ปิโย เว้นแต่ เกร ที่หันมามองอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนจะย้ายสายตากลับไปที่หนังสือที่อ่านค้างไว้
เธอถอนใจอย่างเซงๆ กับน้องชายที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน แต่ทำอย่างกับว่าเบื่อที่จะเห็นหน้าเธอแล้ว

รูปภาพ

“ นี่~~ พี่อุตส่าห์กลับมาทั้งที จะมีหน่อยได้ไหมอย่าง กลับมาแล้วเหรอครับพี่ คิดถึงจังเลยอะไรแบบเนี้ย ”
“ ผมว่าอย่าดีกว่านะ เพราะถ้าให้ผมพูดแบบนั้นออกไป พี่คงจะแสลงหูน่าดูเชียวล่ะ ”

เธอถอนใจอีกครั้ง และเลิกต่อปากต่อคำ กับน้องชาย

“ พี่ปิโย แล้ว พาลุ ล่ะไม่ได้มาด้วยกันเหรอ ”
เทนโตะ ถาม

“ เราแยกกันที่สนามบินหลังจากลงจากดวงจันทร์แล้วน่ะ เห็นบอกว่าจะไปทำข่าวแถว เอธิโอเปีย มั้ง ”
“ เอาการเอางานแบบนี้ เครือข่ายของเราคงจะได้รับการตอบรับดีขึ้นน่าดูเลยนะ”
“ ก็อย่างที่เห็นนั่นล่ะ ล่าสุดการเจรจากับ สถานทูตอิรักใหม่ ถึงไปได้ราบรื่นไง ”
เธอ หยิบรีโมตขึ้นมาเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ ไปดูข่าวที่กำลังแถลงการณ์ ซึ่งเป็นข่าวของเธอที่ทำหน้าที่
นักการทูตของ องค์กรอิสระที่แสวงหาในสันติภาพ และนำพาเหล่าผู้ทุกยากไปสู่หนทางแห่งความสุข

กลุ่มคนซึ่งประกอบด้วย นักแสดงอันดับหนึ่ง จอมพลังแห่งวงการต่อสู้ อัจฉริยะทางวิชาการ นักการทูตสาว
นักข่าวมืออาชีพ และสุดท้ายแม้จะไม่ได้มีหน้ามีตาโดดเด่นในสังคมเท่าไหร่ แต่เขาผู้นี้คือฟันเฟืองใหญ่ที่ขับเคลื่อน
ทั้งองค์กร โฉมหน้าที่แท้จริงของพวกเขาคือ กลุ่มผู้ก่อตั้ง หน่วยงานพัฒนาสันติภาพโลก กิก้าสลาฟ(Giga Slave)

“ ไหนๆพี่ก็กลับมาแล้วให้รู้จักสมาชิกใหม่ของเราก่อนน่าจะดีนะ ”
เกร ปิดหนังสือที่อ่าน แล้วหันไปสั่ง เทนโตะ
“ ไปรับเขามาที ”

เทนโตะ ผงกหัวก่อนจะหยิบเอา Note ขึ้นมา
/Telepotion/
เสียงและแสงเปล่งจาก Note จี้ห้อยคอ ร่างของเขาหายวับไปในพริบตา

………………………………..

บนดาดฟ้าของห้าง ผมนำ พวก St.Magnus ให้ตามขึ้นมาที่นี่ จะได้ห่างสายตาผู้คน ก่อนเราจะเริ่มตกลงกัน

“ ทีนี้ลองบอกมาซิว่าจะเอายังไง ” ผมถามออกไปแต่ถึงไม่ต้องรอคำตอบจากพวกมัน ก็เดาได้ว่าการเจรจานี้จะจบลง
แบบไหน ไม่ใครก็ใครต้องหายไปซักคน เจ้าตัวผมอีกคน เดินนำออกมาจากกลุ่ม

“ จริงๆแล้วไม่เห็นต้องถามเลยนี่เพราะฉันก็คือนายและนายก็คือฉัน เราต่างมีความคิดความอ่านที่เหมือนกัน ”
“ หึ..ถ้าเป็นฉันตัวจริงจะไม่พูดมากแบบแกหรอก ”
“ เหรอ? หมายความว่าจะซัดกันงั้นสิ แต่ว่านะสมรรถนะร่างกายเราเท่าเทียมกัน สู้ไปก็ไม่รู้ผลหรอกเจ็บตัวฟรีซะเปล่าๆ
แล้วก็กับคนที่ทิ้งการฝึกไปเป็นปีๆ ยังไงผลมันก็รู้ชัดอยู่แล้ว ”

ตกลงเจ้าตัวปลอมนี่มันพิมพ์เดียวกับ ผมจริงเหรอเนี่ยรู้สึกว่าท่าทีมันยียวนกวนใจ ล่อมือล่อเท้าดีจริงๆ
ระหว่างนี้เจ้าตัวปลอม ก็หยิบยื่น Note ของมันขึ้นมาแล้วท้าผมดวลแทน

“ ถ้ายังไงตัดสินด้วยผลการดวลแบบนี้น่าจะเป็นที่ยอมรับของเราทั้งคู่นะ ”
“ จะวิธีไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ เพราะยังไงซะฉันจะอัดแกให้น่วมก่อนจะเตะส่งกลับไปให้พ่อบ้านั่นเลย ”
“ แต่ว่าถ้าดวลกันเฉยๆแบบนี้มันก็ออกจะดูเหมือนเด็กเล่นขายของไปหน่อย ถ้ายังไงปลดระบบ Summon Field
ทิ้งไปซะเพื่อความสมจริงยิ่งขึ้นเป็นไง? ”

เจ้าตัวปลอมมันคิดได้ยังไงให้ปลดระบบป้องกัน อย่าง Summon Field เนี่ยนะปกติแล้ว การโจมตีของอสูร
จะไม่มีผลกับมนุษย์ มากนักเพราะ Note จะปล่อย สนามพลังปกป้องผู้เล่นไว้ ซึ่งก็คือ Summon Field
การดวลกันโดยไม่ใช้สิ่งนั้น ไม่ต่างจากการสู้กันด้วยอาวุธจริงๆ เลย แต่จะให้ปัดคำท้านี้ไปก็คงจะไม่ได้
ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มีวันยกโทษให้ตัวเอง นี่ก็คงเป็นแผนของมันเหมือนกันสินะ
เพราะถ้าผมปัดข้อเสนอของมันก็เท่ากับว่าผมอ่อนแอกว่ามันก็ได้ถ้ามันอยากจะเล่นแบบนี้

“ จะเอาแบบนั้นก็ย่อมได้ เตรียมใจไว้เถอะจะฉีกแกให้เละจนดูไม่เหมือนตัวฉันอีกเลย ”
“ ขอคืนคำพูดนั้นให้นายดีกว่านะ ”

/Get Set/
เราต่างสแตนบายน์ Note ของตัวเองพร้อมกับปรับให้ระบบป้องกัน Summon Field ปิดลงหลังจาก ละอองแสง
อันเป็นพลังเวทย์สำหรับอัญเชิญอสูร ปกคลุมทั้งดาดฟ้าแล้ว การดวลก็ได้เริ่มขึ้น

[Kotaro Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]


“ ฉันเริ่มก่อน Cost Mp 3 ให้ เดไมซ์เวียร์วูฟ(Demise Werewolf) ออกมาที่ At Line ”
ผม ร่อนการ์ดซีลบนมือ ออกไปตัวการ์ดซึมซับเอาละอองแสงระหว่างที่มันควงติ้วๆ ลงไปสู่พื้นสนาม
ทันทีที่สัมผัสกับพื้นมันจมลงไปเหมือนจมน้ำมีคลื่นกระเพื่อบนพื้นแข็งราวกับว่าที่ตรงนั้นเป็นน้ำจริงๆ
ครู่ต่อมาอสูรมนุษย์หมาป่าตัวเขื่องก็ผุดขึ้นมา

รูปภาพ

[Kotaro Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:2/8 Shrine 0/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

“ จากนั้น Cost Mp 2 เรียก ไวท์เวียร์วูฟ(White Werewolf) ออกมาที่ Df Line แล้วหมดรอบ ”
หลังจากอัญเชิญ อสูรสมิงหมาป่าขาว เพิ่มมาอีกตน นี่เป็นเพียงการหยั่งเชิง สำรับของตัวผมอีกคน อยากจะรู้นักว่า
เจ้านี่จะใช้สำรับอะไร

รูปภาพ
[Kotaro Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:0/8 Shrine 0/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

“ รอบของฉัน ”
[Kotaro Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

เจ้าตัวปลอมประกาศรอบ อสูรที่อัญเชิญออกมาคือ

“ Cost Mp 2 ให้ อาคามุ อินซุ ออกมาที่ At Line ”

รูปภาพ

เจ้านี่มันใช้สำรับ นักสู้เหมือนกันนี่เอง ต้องเป็นพ่อแน่ๆ ที่เอาสำรับสำรองอันเก่าของเราให้มันใช้
เจ้าตัวปลอม ทำทีเป็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คงจะสะใจมากล่ะสิที่ได้ย่ำยีความรู้สึกของเรา

“ ด้วย Ability ของ อาคามุ ทำให้เพิ่มเผ่า นักสู้จากสำรับขึ้นมาไว้บนมือได้ใบหนึ่ง ขอเลือกเป็น
นักสู้ฝึกหัดอาคามุ อินซุ(Akamu Inzu, the Apprentice Pugilist) ”

เจ้าตัวปลอมพูดจบ ก็ดึงสำรับออกจากปลอกแขนมาคลี่หาใบที่ประกาศไว้

รูปภาพ
[Kotaro Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:6/8 Shrine 0/8 ]

“ ถึงไม่ต้องอธิบายความสามารถของ มันคิดว่านายก็คงรู้ดีอยู่แล้วล่ะมั้ง ”
เจ้าตัวปลอม พูดจบ ก็ร่ายการ์ดที่พึ่งเอาขึ้นมือไป

“ Cost Mp 1 ให้ นักสู้ฝึกหัดอาคามุ ออกมาที่ At Line แล้วรวมร่างกับ อาคามุ อินซุ ที่ถูกทำให้ผ่านไป 1 Turn ”
[Kotaro Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]

นักสู้เด็กน้อย ที่พึ่งอัญเชิญออกมา กระโดดไปยืนร่วมกับ อีกร่างตอนโต

“ ตอนนี้ นักสู้ฝึกหัดอาคามุ จะมีค่า At เท่ากับ 9 แล้ว Cost Mp 2 โจมตีไปที่ เดไมซ์ เวียร์วูฟ Geo Fisrt!!(หมัดศิลา) ”
นักสู้ทั้งสอง บุกตรงข้ามสนาม เข้าประชิด อสูรสมิงหมาป่า เมื่อทั้งคู่เกร็งหมัดกำปั้นแข็งตัวขึ้นและหนักเหมือนหิน
ยามเมื่อหมัดทั้งสอง กระแทกใส่ใบหน้าและช่วงท้องของ สมิงหมาป่า มันก็ทรุดลงในทันทีและแตกสลายเป็นละอองแสง
ควบอัดกลับเป็นการ์ดตามเดิม ก่อนจะร่อนกลับคืนสู่มือของผู้เป็นนาย ผม รับเอาการ์ดที่ร่อนกลับแทบจะไม่ทัน

[Kotaro Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 2/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:3/8 Shrine 0/8 ]

“ แค่การต่อสู้กันเองของอสูร คงจะไม่มีความหมายกับการที่พวกเราปลด Summon Field เลยถ้ายังไงไหนๆก็แล้วจะขอแสดงด้านที่ฉันไม่เหมือนกับนายให้ดูหน่อยก็แล้วกัน Cost Mp 3 Falling Form Topทำงาน ”

รูปภาพ

เจ้านี่มันไม่เหมือนกับผมจริงๆนั่นแหละ ถ้าเป็นผมให้ตายยังไงก็ไม่ใส่การ์ดทรมานคู่ต่อสู้ทั้งตอน เปิดหรือปิด
Summon Field แบบนี้แน่ การ์ดใบนี้ขนาดตอนเปิดสนามพลังไว้ ยังเคยทำผมเจ็บแทบปางตายมาแล้ว
แต่ตอนนี้ตัวผมไร้การป้องกันโดยสิ้นเชิงเลย

หอคอยยักษ์ผุดงอกขึ้นมากลางสนาม และ สิ่งของต่างๆ ที่ดูไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างปนๆกันมา ร่วงกร่าวลง
มา ขาของผม ก้าวเขย่งกระโดหลบไปมา แทบไม่ได้หยุด พวกของเล็กบางอัน ที่พอจะปัดออกไปได้ยังไม่เท่าไหร่
หรือจะเป็นของที่ใหญ่กว่าตัวนิดหน่อย ก็ยังพอหลบได้บ้างแต่สุดท้าย ผมก็ต้องยอมรับเมื่อ หอคอยสูงชัน
ทั้งชั้นกำลังเอนโค่นลง ไม่มีที่ให้ผม หนีอีกแล้ว แถมเจ้าตัวปลอม ยังยืนหัวเราะอย่างมีความสุขที่ได้เห็นผมหนีเป็นหมาจนตรอกแบบนี้อีก

รู้สึกตัวอีกที ผมก็ลงมานอนแผ่หลาอยู่บนพื้นที่กองระเนระนาดไปด้วยเศษซากหอคอย เนื้อตัวเจ็บระบมไปหมด
ผมพยายามจะลุกขึ้นยืน แต่ขาขวากลับไปยอมขยับ มันคงหักแล้วให้ตายสิ ไม่เคยต้องดวลเสี่ยงชีวิตขนาดนี้
มานานแค่ไหนกันแล้วนะ

“ อ้าวๆ ขาหักซะแล้วเหรอ เปราะบางจังนะ ” เจ้าตัวปลอมเยาะเย้ย
“ อ้ออย่าลืมซะล่ะ ด้วยผลของ Falling From Top นายจะต้องทิ้ง Seal การ์ดบนมือไปด้วยนะ ”

ต้องทนกลั้นกลืนความเจ็บที่ขา ก่อนจะหยิบ ซีลการ์ดบนมือทิ้งลงไปในช่อง Shrine ของปลอกแขน

[Kotaro Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 3/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:0/8 Shrine 0/8 ]

“ ตานายแล้ว แต่จะขอยอมแพ้ซะตอนนี้ฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ ถึงยังไงเราก็เป็นคนๆเดียวกัน ถ้านายต้องทรมานฉันเองก็
ทนดูตัวเองโอดครวญไม่ได้หรอก ”

“ หุบปาก!! ”
ผมตะหวาดออกไป ก่อนจะจับ ซีลกับ มิสติกการ์ดขึ้นมาอย่างละใบ

[Kotaro Status; Hand: Seal 4 , Mystic 3 Mp:8/8 Shrine 3/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

รอบนี้ผมจะทำให้มันเจ็บจนพูดไม่ออกบ้างเลยคอยดูสิ แม้ตอนนี้ผมจะอยู่ในสภาพที่ลุกยืนไม่ได้ด้วยซ้ำแต่การ
จะคิดแบบนี้ก็คงไม่ผิดอะไร ใช่ไหม?

“ Cost Mp 4 ร่าย กาลี(Kali) ทิ้ง Seal กับ Mystic Card ไปอย่างละใบ แล้วกำจัด นักสู้ฝึกหัดอาคามุออกไปจากเกม ”

รูปภาพ
[Kotaro Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:4/8 Shrine 4/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

เทวีสิบกร ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางมวลหมู่ละอองเวทย์ที่มารวมตัวกันหลังจากผมร่ายการ์ดออกไป
นางสร้างหมอกดำ ปกคลุมร่างของสองนักสู้ และหายไปตามกันพร้อมๆกับหมอกที่สลายตัวไปแล้ว
การโต้ตอบดูเหมือนจะได้ เจ้าตัวปลอมมีสีหน้าวิตกขึ้นมาทันที

“ Cost Mp 2 ให้ Crescent ทำงานสวมให้กับ ไวท์เวียวูฟ แล้วย้ายมันขึ้นไปที่ At Line ”
ไม่ต้องเสียเวลารอให้มันได้สติ ผมร่ายมิสติกการ์ดบนมือเพิ่มพลังหกับ สมิงหมาป่าขาว เพื่อเตรียมซ้ำทันที
ละอองเวทย์ พุ่งขึ้นไปก่อตัวเป็นเมฆหมอกบรรยากาศอึมครึมของท้องฟ้ายามราตรี คลืบคลานเข้าปกคลุมทั้งสนาม
พระจันทร์เสี้ยว ค่อยๆเผยโฉมออกจากหมู่เมฆ เฉิดฉายแสงลงมานัง ร่างของ สมิงหมาป่าขาว

รูปภาพ
[Kotaro Status; Hand: Seal 3 , Mystic 1 Mp:2/8 Shrine 4/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

“ ด้วยผลของ Crescent ทำให้ อสูรสังกัดความมืด มีค่า At เพิ่ม 2 จุด และผลจาก Ability ของไวท์เวียวูฟ
ทำให้ผลของ Mystic Card ประเภท ทารอท(Tarot) The Moon มีผลเพิ่มเป็น 2 เท่าดังนั้น ค่า At จึงเท่ากับ 9 หน่วย ”

สมิงหมาป่า ของผมรับพลังเพิ่มจากแสงของดวงจันทร์ ทำให้มันทวีความดุร้ายขึ้นเป็นกอง ผมแทบอดใจรอไม่ไหวแล้ว
ที่จะได้เห็นมันฉีกเจ้าตัวปลอมเป็นชิ้นๆ

“ Cost Mp 1 โจมตีใส่โดยตรง! ” ผมสั่ง ไม่ทันไร ร่างของเจ้านั่น ก็โชกเลือดที่พุ่งกระฉูด
จากแผลซึ่งยาวตั้งแต่ช่วงอกลงมาจนถึงช่วงท้อง ด้วยฤทธิ์กรงเล็บของ สมิงหมาป่าขาว
ภาพที่หมอนั่นลงไปนอนดิ้น พรวดพราดอยู่บนพื้นคงจะทำให้ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่รู้ว่าทำไม

ผมเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายรู้เจ็บแทน ไม่ใช่ความเจ็บทางร่างกายหรืออะไรพวกนั้น แต่เป็นความรู้เจ็บใจ
เหมือนกับว่าตัวเองไม่ใช่ตัวเองยังไงยังงั้น อาจะเป็นเพราะผม กำลังแปลกใจที่สนุกกับการทำร้ายคนอื่นงั้นเหรอ?
เหมือนกับพึ่งตื่นจากภวังค์ เลยล่ะมั้งนี่ถ้า ธนัท มาเห็นผมในสภาพนี้ล่ะก็ เราคงมองหน้ากันไม่ติดอีกเลย
ผมใช้การดวลเป็นเครื่องมือทำร้ายคนไปแล้วงั้นสินะ

ตัวผมอีกคน กำลังฝืนลุกขึ้นมา ภาพนั้นชวนให้แทงใจดำเข้าไปอีก ยิ่งสายตาของ พวก เจมส์ ที่มาด้วยต่างก็มองผม
ราวกับเป็นฆาตกร ยังไงยังงั้น

“ การ์ดที่ถูกนายโจมตีไปคือ อาคามุ อินซุ เลเวล 2 ต้องทิ้งมันไปสินะ ” เจ้าตัวปลอม พูดไปยังกระอักเลือดไปด้วยซ้ำ

[Kotaro Status; Hand: Seal 3 , Mystic 1 Mp:1/8 Shrine 4/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:8/8 Shrine 2/8 ]

“ หมดรอบ… ”
ผมประกาศจบรอบไปทั้งๆยังนั้น หลังจากนั้นมาตลอดการดวล แม้ความต่างในด้านพลังของสำรับใหม่ของผม
กับสำรับของเจ้าตัวปลอมชนิดเทียบกันไม่ติด จทำให้มีโอกาสโจมตีโดยตรง อยู่หลายครั้ง แต่ผมก็ไม่ทำ ไม่เข้าใจตัวเองเลย
ซักนิดทั้งที่อยากจะจัดการเจ้าตัวปลอมที่แย่งทุกสิ่งไป ทั้งเพื่อน พ่อ อำนาจ แม้แต่การมีอยู่ของตัวเอง
แต่ก็ทำไม่ลง การดวลของเรา ดำเนินเรื่อยมาจนถึงตอนนี้ มันสายเกินไปแล้วที่ ผมจะเอาชนะ

[Kotaro Status; Hand: Seal 1 , Mystic 0 Mp:0/8 Shrine 7/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 0 , Mystic 0 Mp:8/8 Shrine 6/8 ]

สนามของผมตอนนี้เหลือเพียง ซาเวจเวียร์วูฟ (Savage Werewolf) ที่ไม่ได้รวมร่างเพียงใบเดียวเท่านั้น
ส่วนของ ตัวผมอีกคนนอกจากจะไม่มีอะไรเหลือในสนามแล้ว ยังไม่มีการ์ดเหลือบนมือแล้วด้วย
ทุกอย่างจะตัดสินที่การจั่วในครั้งนี้

รูปภาพ

“ รอบของฉันจั่วไพ่ ”
ตัวผมอีกคน พูดไปก็สั่นไป ไม่รู้ว่าเป็น อาการสั่นสู้หรือสั่นกลัวในความพ่ายแพ้ กันแน่ แต่หลังจากจับการ์ดซีล 2 ใบ
ที่จะได้จั่วเป็นรอบสุดท้ายแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไป

[Kotaro Status; Hand: Seal 1 , Mystic 0 Mp:0/8 Shrine 7/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 2 , Mystic 0 Mp:8/8 Shrine 6/8 ]

“ Cost Mp 2 ให้ อาคามุ อินซุ ออกมาแต่ว่าในสำรับของฉันตอนนี้ไม่มี เผ่านักสู้เหลืออยู่อีกแล้ว แต่ว่าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำแบบนั้นเพราะตอนนี้ ไพ่ตายที่นายยังไม่รู้จักฉันคนนี้ได้มันมาไว้ในกำมือแล้ว ”
เจ้าตัวปลอม พูดอย่างมั่นใจ

[Kotaro Status; Hand: Seal 1 , Mystic 0 Mp:0/8 Shrine 7/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 1 , Mystic 0 Mp:6/8 Shrine 6/8 ]

“ Cost Mp 2 ให้ ผู้พิทักษ์แห่งเมืองงบราณที่สาบสุญ การ์เดี้ยน ออฟ ดิ ลอส รูน(Guardian of the Lost Ruin)
ออกมาที่ At Line แล้วรวมร่างกับ อาคามุ ”

ตัวผมอีกคนพูด จบก็ร่อนการ์ดซีลเข้ามาในสนาม อสูรชุดเกราะของนักสู้โบราณ ปรากฏขึ้นในสนาม ก่อนจะ
แยกชิ้นส่วนเข้าไปสวมให้กับ นักสู้หนุ่ม
รูปภาพ
[Kotaro Status; Hand: Seal 1 , Mystic 0 Mp:0/8 Shrine 7/8 ]
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 0 , Mystic 0 Mp:4/8 Shrine 6/8 ]

“ ค่า At ของ การ์เดี้ยน หลังรวมร่างเท่ากับ 9 หน่วย ส่วนนายไม่เหลือMystic Card บนมือแล้ว จบกันซะทีนะ Cost Mp 2
โจมตีไปที่ ซาเวจเวียร์วูฟ กรงเล็บพยัคฆ์คำรน(Tiger Fang) ”
อสูรชุดเกราะ บุกเข้าประชิด สมิงหมาป่าของผม อย่างรวดเร็ว และใช้คมมีด ที่ปลายข้อมือทั้งสองทะลวงร่าง
สมิงหมาป่า และเลยมาเสียบร่างของผมตามไปอีกคน แรงสะบัดของมันทำให้ร่างของผมหมุนติ้วขึ้นไปกลางอากาศ
ก่อนจะตกลงมากระแทกกับพื้นดาดฟ้า อย่างแรง

[Kotaro Status; Hand: Seal 1 , Mystic 0 Mp:0/8 Shrine 9/8 ]Lose
[Kotaro(Copy) Status; Hand: Seal 0 , Mystic 0 Mp:4/8 Shrine 6/8 ]Win

เปลือกตาพยายามจะปิดเข้าหากันให้ได้ แม้จะฝืนแล้วก็ตามที ภาพรอบๆมืดลงอย่างช้าๆ นี่ผมกำลังจะตายอย่างนั้นหรือ?
ไม่นะ ถ้าตายตอนนี้ล่ะก็ทุกคนก็จะ… ปากผมขยับอยู่แต่ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา วูบต่อมาผมถึงนึกขึ้นได้
แม้จะตายไป เจ้าตัวปลอมก็ยังอยู่และจะอยู่ในฐานะของเราโดยสมบูรณ์ ใช่แล้วถึงจะตายไปตอนนี้
ทั้งพ่อหรือ เพื่อนก็คงไม่รู้หรอก เดี๋ยวนะ เพื่อนของเรา…ยังมีอยู่นี่ อา….นี่เราลืมไปได้ยังไง
เรายังมีพวกนั้นอยู่ ไม่ได้นะจะมาตายตอนนี้………………….

ในที่สุดเมื่อเวลานี้มาถึงผมก็ได้ประจักษ์แล้วว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาผมเปลี่ยนไปมากขนาดไหน การได้มาอยู่ที่นี่
มันทำให้ผม อ่อนโยนขึ้นความอำมหิตที่เคยมีเมื่อครั้งยังเป็นทหารของ St.Magnus มันหายไปหมดแล้ว
ถ้าเปรียบไปตัวผมในตอนนี้ไม่ใช่หมาป่า แต่เป็นแค่สุนัขเฝ้าบ้านดีๆนี่เอง


“ อ้าว?! หมดสติไปซะแล้วเหรอ ยังหายใจอยู่แฮะ ”
โคทาโร่ตัวปลอม พูดและชักมีดสั้นออกจาก ฝักที่เหน็บเอวไว้ ออกมา

“ เดี๋ยวค่ะ น่าจะพอได้แล้วนะ ” จิงค์ แทรก พร้อมกับเข้าไปหยุดมือ ตัวปลอม
“ คุณหนู น่าจะทราบดีอยู่แล้วนี่ว่าที่เรามากันวันนี้เพื่ออะไร ” ตัวปลอม พูดและไล่ต้อนเธอให้ออกห่าง

“ หากเค้ายังอยู่ต่อไป จะเกิดอะไรขึ้นกับ URH ท่านพ่อให้ผมปลุกระดมทุกคนไปแล้ว ถ้าเกิดว่าความแตกขึ้นมา
แล้วล่ะก็มันจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมไป เช่นนั้น คุณหนูจะแบกรับความผิดนั่นไว้ได้รึ เสียสละคนหนึ่งเพื่ออีก หลายพันคนนับว่าเป็นเรื่องคุ้มค่าที่สุด ผมกับเค้าก็คือคนๆเดียวกัน ถ้าหากว่าเค้ารับรู้ถึงความจำเป็นของเรา ผมว่าเค้าก็ต้องทำเหมือนที่ผมทำนี่แหละ ”

ตัวปลอม พูดก่อนจะ กดมีดลงไปที่คอของ โคทาโร่ แต่เท้าของใครคนหนึ่งเตะมีดในมืดจนกระเด็นไป

“ พูดเหมือนกับพวกตัวร้าย เกรด B เลย น่าเบื่อจริงๆ ”
“ นี่แกเป็นใครกันปล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ”

ตัวปลอม สบถทุกคนเองก็ทึ่งกับ ชายแปลกหน้าที่โผล่มาปุบปับ เขาสวมเสื้อคลุมสีดำ และสวมหมวกประหลาด
เหมือนพวกพ่อมดแม่มด มือขวาถือนิตยสารอนิเมรายเดือน และอีกหลายเล่มอยู่ในตะกร้าคู่ใจที่มือซ้าย

รูปภาพ

“ ก็แค่ โอตาคุ ที่ผ่านมาแถวนั้นน่ะ ไม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น ” ชายแปลกหน้าตอบ ระหว่างที่เก็บ
หนังสือลงตะกร้าไป

“ ไอ้นี่..กวนประสาทนักนะ ”
โคทาโร่ตัวปลอม พูดและชักปืนพกออกมายิงใส่ไปสามนัด แต่กระสุนทั้งสามนัดก็ร่วงตกพื้นก่อนจะถึงตัวชายแปลกหน้าเสียอีก มันชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็น แล้วกระเด็นออกมา

“ คุณเป็น…DNA-Changer สายพลังจิต… ” จิงค์ พูด แต่ชายแปลกหน้าก็แทรกขึ้น
“ ก็แค่ โอตาคุ ที่บังเอิญผ่านมาเท่านั้น บอกไปแล้วนี่ ”

“ แกจะเป็นตัวอะไรก็ช่างแต่แกเห็นความลับของประเทศเราแล้ว ” โคทาโร่ตัวปลอมพูด
“ ก็จะกำจัดทิ้งเหรอ..เฮ้อ~ ” ชายแปลกหน้า ถอนใจ และหยิบเอา Note จี้ห้อยคอ ขึ้นมา

“ เอางี้เรามาดวลด้วยเงื่อนไขเดียวกับ ที่นายพึ่งทำเมื่อกี้ก็ได้ แต่ว่านายก็ยังบาดเจ็บอยู่ แถมอีกสาม
คนข้างหลังดูท่าจะไม่ยอมปล่อยฉันไปง่ายๆด้วย ถ้างั้นเข้ามาพร้อมกันให้หมดเลยก็แล้วกัน ”

เขามองไปยังพวก บอย ที่รอคำสั่งจาก โคทาโร่ตัวปลอมอยู่

“ แล้วแกจะเสียใจที่เสนอออกมาแบบนั้น ”
ตัวปลอมรับคำท้า และสั่งให้ บอย เจมส์ และ ดิฮาออส ติดตั้ง Note แล้วเข้าไปยืนล้อมไว้ไม่ให้หนี

“ เวลาฉันไม่ค่อยจะมีถ้างั้นขอเอาจริงก็แล้วกันนะ ไอจิส(Aegis) แสตนบายน์ เทเล อะบิลิตี้เจนเนอเรชั่น โหมด ”
/Get Set, Tele Ability Generation(TAG) Mode On!!/

Note ของโอตาคุที่บังเอิญผ่านมา ปลดปล่อยละอองพลังเวทย์ที่มีสีเงินสะท้อนแสงวิบวับออกมาปกคลุมทั้งดาดฟ้าในพริบตา

“ ขอธีม(Theme)แปลงร่างของ สตราไดรเวอร์(Star Driver)นะ ” /Yes Sir/
โอตาคุที่บังเอิญผ่านมา สั่งครู่ต่อมาเพลงประกอบ อนิเม ก็ดังก้องออกมา

“ แอพพริวอยเซ่!!! ”
ละอองสีเงินที่กระจัดกระจายอยู่รอบๆ ถูกดึงให้มารวมที่ร่างของเขา

“ ซัซโซวโทวโจว!(เจิดจรัสบนเวที) ”
เสื้อคลุมสีดำซึบซับละอองแสงที่จับอยู่รอบๆเข้าไปและเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินชายเสื้อขยายยาวขึ้นจนปลายแตะพื้น
กางเกงถูกเปลี่ยนเป็น โอเวอร์บูทสีขาวยาวถึงเข่าสวมทับกางเกงผ้าสีฟ้า
โอตาคุที่บังเอิญผ่านมา เหวี่ยงตัวสะบัดชายเสื้อคลุมให้
พริ้ว ละอองแสงที่เหลือ อยู่ถูกชักจูงไปตามการวาดมือระหว่างที่เหวี่ยงตัว

“ กิงกะ...บิโชวเน็น!!(หนุ่มรูปงามแห่งทางช้างเผือก) ”
สีผมของเจ้าตัวถูกย้อมเป็นสีแดง และยาวขึ้นก่อนจะมัดเป็นหางม้า ผ้าคลุมสีเลือดหมู ถูกสวมทับเสื้อโคท
และ Note จี้ห้อยคอ เปลี่ยนรูปร่างเป็น อาวุธคล้ายกับขวาน เขาสะบัดมันออกเพื่อไล่ละอองแสงที่ยังจับอยู่รอบๆตัวออก
ละอองแสงที่กระจายออกมาสะท้อนกับคมของอาวุธจนเกิดเป็นแสงเปล่งประกายเจิดจ้าแสบตา

“ ทาวน์ เบิร์น! ”

รูปภาพ

“ ค…โครต แร่ด… ” เหล่าทหารชายชาณชัยทั้ง 4 ถึงกับหลุดปากออกมาด้วยทั้ง ตะลึงและทึ่งกับฉากแปลงร่าง
อลังการตระการตา โดยไม่รู้ตัวเลยว่า บรรยากาศรอบข้างได้หยุดนิ่งลงไปอย่างสมบูรณ์

“ ฉันให้พวกนายเริ่มก่อนเลย ”
โอตาคุที่บังเอิญผ่านมา พูด

“ งั้นฉันขอเริ่ม ก่อน Cost Mp 2 ออกมา การ์เดี้ยน ออฟ ดิ ลอสรูน ”
โคทาโร่ ตัวปลอม อัญเชิญอสูรชุดเกราะที่ใช้เผด็จศึกออกมา

“ ต่อไปตาฉันเทิร์น Cost Mp 4 ออกมา ซัคเครอส(Sagkelos) ”
ดิฮาออส อัญเชิญ หนึ่งในเทวภาพแห่งสวรรค์ ซึ่งมีรูปร่างเหมือนกับเครื่องจักรออกมา หลังจากนั้น ทั้ง บอย และ เจมส์
ต่างก็เรียก เทวภาพมาอีกคนละตัว
รูปภาพ

“ ออกมา อเนโมเครอส(Anemokelos) ”
รูปภาพ

“ อัญเชิญ เรคเครอส(Lexkelos) ”
รูปภาพ

ทั้งสี่ต่างอัญเชิญอสูรตัวเก่งของแต่ละคนออกมาล้อมเอาไว้หมายจะเล่นให้หมดท่าในครั้งเดียว

“ แม่หนูเธอเองคงจะเห็นแล้วล่ะมั้งว่าตอนจบของการดวลนี้เป็นยังไง เอาเป็นว่าอย่าพึ่งสปอยก็แล้วกันนะ
ไม่งั้น อนิเม มันจะไม่สนุก ”
โอตาคุที่บังเอิญผ่านมา ทักใส่ จิงค์ ที่ยืนวิตกอยู่ห่างๆ
[Otaku Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ] Turn 0

“ ฉันเรียกให้ ตัวควบคุมหลุมดำ(Black Hole Controller)ออกมาที่ At Line เนื่องจากค่าร่ายของมันเป็นศูนย์ดังนั้นฉันจึงไม่ต้อง Cost Mp แต่อย่างใด ”
อสูรจักรกลหน้าตาแปลกประหลาด ถูกเรียกออกมา มันไม่เคลื่อนไหวหรือขยับเขยื้อน ที่จริงแล้ว
มันแทบจะเหมือนรูปปั้นที่ไม่มีชีวิตด้วยซ้ำ
รูปภาพ

“ อะไรกันนี่แกมีดีแค่นี้เองรึ เอาเจ้าสวะที่ไม่มีพลีงอะไรออกมาแบบนั้นน่ะ ”
ดิฮาออส กร่างใส่

“ Cost Mp 3 Mystic สนาม หลุมดำ(Black Hole)ทำงาน ”
มิสติกการ์ด ถูกร่ายต่อทันที เขาไม่สนที่จะฟังเสียงเรียกร้องของ ดิฮาออส แม้แต่น้อยนั่นทำ ดิฮาออส
ฉุนเฉียวไปไม่น้อย
รูปภาพ
[Otaku Status; Hand: Seal 4 , Mystic 1 Mp:5/8 Shrine 0/8 ] Turn 0

“ ด้วยผลของการ์ดใบนี้ ทุกๆครั้งที่ผ่านไป 1 Turn ผู้เล่นทุกคนจะต้องส่ง Seal Card จากบนสุดของกองไปที่ Shrine ”
โอตาคุที่บังเอิญผ่านมา อธิบายขณะที่ หลุมสีดำขนาดเล็กก่อตัวขึ้นเหนือสนาม

“ จักรวาลนั้นพิเศษ มันเป็นเหมือนภาพเหตุกาณ์ที่เล่าเรื่องราวในอดีต หากเรามองขึ้นไป สิ่งที่เราจะได้เห็นก็คืออดีต เพราะ
กว่าแสงแห่งเรื่องราวนั้นจะเดินทางมาสะท้อนสู่สายตาของเรามันก็ต้องใช้เวลามากโข อยู่ ”

[อธิบายเพิ่มเติม: หมายถึงคนเราจะมองเห็นสิ่งต่างๆได้จากการที่แสงสะท้อนสิ่งกับวัตถุนั้นๆแล้วสะท้อนมาที่ดวงตา
ของเรา กับสิ่งที่เกิดขึ้นในอวกาศที่ไกลออกไป การที่เราจะมองเห็นเหตุการณืนั้นได้ก็ต้องรอให้แสงที่สะท้อน
เหตุการณ์นั้น เดินทางมาถึง ก่อนจึงกล่าวได้ว่าภาพของจักรวาลบนท้องฟ้า คือเรื่องราวแห่งอดีต]

“ ข้าจะขอมอบเรื่องเล่าแห่งดวงดาวให้กับพวกเจ้า Cost mp 3 ทิ้งการ์ดบนมือไปใบหนึ่งเพื่อให้
จุดจบแห่งดวงดาว ซุปเปอร์โนว่า(Super Nova, the End of Stars) ทำงาน ”
หลังจากทิ้งซีลการ์ดบนมือไปแล้ว มิสติกที่ร่ายออกมาก็เริ่มทำงาน ประกายแสงของดวงดาว เล็กปรากฏขึ้น
ประปรายทั่วท้องฟ้า ประกายดาวเหล่านั้น เจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดดวงดาวกลับกลายเป็นแสงสว่าง
ที่เฉิดฉาย ทั้งท้องฟ้า

รูปภาพ
[Otaku Status; Hand: Seal 0 , Mystic 0 Mp:2/8 Shrine 1/8 ] Turn 0

“ ด้วยผลของ ซุปเปอร์โนว่า จะทำให้การ์ดในสนามทั้งหมดผ่านไป 50 Turn และด้วยผลของ หลุมดำ
ทำให้ต้องทิ้ง Seal Card ไปทั้งหมด 50 ใบ ”

“ แต่ว่าแกก็ต้องรับผลนั้นไปด้วยนะ! ”
เจมส์ แย้ง

“ ด้วยความสามารถของ ตัวควบคุมหลุมดำ จะช่วยป้องกันผลจาก หลุมดำทั้งหมด ”
สิ้นคำ บรรยากาศรอบๆก็เหวี่ยงไปมา หลุมดำขนาดเล็กขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลืนกินทั้งสนามเข้าไป
และกลายเป็นระเบิดครั้งใหญ่

[Otaku Status; Hand: Seal 0 , Mystic 0 Mp:2/8 Shrine 1/8 ] Turn 0 Win
Zero Turn Kill

“ Sub-Turn ของฉันยังไม่จบลงดังนั้น เกมจึงยังไม่นับ Turn นี่คือการเล่นผสาน ซีโร่เทิร์นคิล(Zero Turn Kill) ยังไงล่ะ ”


To be Continue
...................
..........................


...........................


พึ่งรู้สึกนะว่า โคทาโร่ ของเราเนี่ยต่างจากต้นฉบับในเนกิมะเยอะเลย ของเขา เป็นพวกบ้าพลังใจร้อน
แต่ของเรานอกจากจะรอบจัดแล้วยังเป็นพวก ซาดิส อีกแฮะ - - ว่าไปเจ้าธนัท ก็ด้วยนิหว่า ตั้งแต่ภาคแรกแล้ว

ก็เคยนึกแต่ว่าคาแรกเตอร์ของมันคงประมาณจูได พวกบ้าดวลการ์ดธรรมดาๆ ความคิดความอ่าน เรียบง่าย
เอาเข้าจริงพอลองย้อนไปอ่านเองดู นี่ตรูเขียนให้เจ้าธนัท มันเป็นจอมวางแผนขนาดนี้เลยรึเนี่ย แสดงว่าตัวละคร
ของเราเป็นประเภทน้ำนิ่งไหลลึกสินะ ไอ้พวกลึกจริงดันตื้นซะยิ่งกว่าตื้นเฮ้อ~~

ว่าแต่ เทนโตะ ตอนแปลงร่างนั่นใช่แกจริงๆเรอะ อะไรมันจะเปลี่ยนลุคได้ขนาดนั้น
สำหรับตัวอย่างตอนต่อไปรอบนี้ไม่ได้ลงเพราะเขียนไม่ทัน เพราะงั้นก็มานั่งลุ้นกันเถอะว่าตอนหน้าจะเกี่ยวกับอะไร

ปล.รูปคาแรกเตอร์แต่ล่ะคนใหญ่ไปหน่อย เนื่องจากไม่มีเวลาปรับขนาด ช่วงนี้งานท่วมมือเหมือนกันแฮะกว่าจะเคลียหมด
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ อาทิตย์ เม.ย. 10, 2011 11:41 pm, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 35 The Clonning

โพสต์โดย boy เมื่อ จันทร์ ม.ค. 24, 2011 7:25 pm

::036:: ช๊อค ช๊อค
พี่เทนโตะในรูปแบบชายหนุ่มแห่งทางช้างเผือก =[]=!!!
แล้วตอนอ่านอยู่กำลังโหลดนักขับดาวตอน 3 พอดี๊พอดี อะไรจะเว่อร์ประมาณนี้
ว่าแต่ เด๊คหลุมดำนี่โหดชะมัด =_=
ถ้ามีการ์ดออกมา สงสัยทาวเบิร์นจะตบโหดแฮะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 35 The Clonning

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ ม.ค. 24, 2011 9:51 pm

รูปภาพ

ดันลืมใส่ ภาพ การ์ด แบล็กโฮล ไปด้วยกว่าจะแก้โพสเสร็จ เว็บอืดมากเล่นเอาหาวเลย ::004::

อีกเรื่อง ไปๆมาๆ รู้สึกเหมือนผมจะนั่งตามสโตรก Boy คุง ซะแล้วมั้งเนี่ย ที่เห็นเมมเบอร์คุยในกระทู้ นักขับดาววันนั้น
แทนตัวเองว่าผักคือ.....สินะ เหอๆโลกไซเบอร์นี่มันกลมเนอะ

ว่าไปแล้ว ธีม หยุดเวลาของพระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดนี่ช่างละม้ายคล้าย ไซบอดี้จริงๆ ขอ ออกตัวตรงนี้ก่อนเลยว่า คิดธีมนี้ให้พระเจ้าตั้งแต่ก่อน นักขับดาวจะออกอากาศเสียอีก ไม่นึกว่าจะตรงกันแบบนี้ แถมพวก กิก้าเสลฟ เวลาแสตนบายน์ Note ที่ตั้งใจจะให้แปลกกว่าของชาวบ้านคือ ละอองเวทย์สีเงิน แล้วก็รูปล่างอุปกรณ์เป็นอาวุธ และเปลี่ยนชุดให้เว่อร์ด้วย แล้วก็ดั้นตรงกันอีกเนอะ

อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น - _ -* ว่าแล้วตอนนี้เลยแง้บๆ มันซะเลย งืมๆ การุรุ กับ เทนโตะ โชว์เทพ ทำ
1 Turn Kill กับ 0 Turn Kill ไปละต่อไปเจ้า วาการุรุเอาไงดีหว่า ไปๆมาๆ ลูกน้องจะเก่งกว่าหัวหน้าซะแล้วสิเหอๆ
อ้อขอแก้ความเข้าใจผิดอีกเรื่องกับพระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดนิดหน่อย ที่จริงความสามารถที่ยับยั้งการทำงาน
ของผลเกี่ยวกับเวลา เนี่ยอันที่จริงเป็นเพราะ พระเจ้าจะหยุดการนับจำนวน เทิร์นตามปกติให่หยุดนิ่งไปเลย

ดังนั้นพวกการ์ดหรือความสามารถต่างๆที่ต้องการเวลาจำกัด จะไม่ทำงาน แต่พวกที่ทำงานไม่อิง เทิร์น ยังคงทำงานตามปกติ
กล่าวคือ มิสติกการ์ดถ้ามีผลที่ไม่ได้คาบเกี่ยวกับเวลา และมีจำนวนเทิร์น 0 หรือ Infinity จะยังคงทำงานตามปกติ
ได้อยู่ เพราะมิสติก 0 เทิร์น ตัวการ์ดจะหายไปก่อนรับผลจากพระเจ้า ส่วนการ์ด infinity เทิร์น ถือว่ามีผลนิรันด์
ซึ่งอยู่ใต้อานัติของพระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด ตามชื่อเลย ก็จะทำงานได้

แน่นอนว่าถ้า Curse ทำงานแบบ Infinity ก็สามารถส่งผลได้แต่หากมีการกำหนดเลขตายตัว ที่ไม่ใช่ 0 จะถูกยับยั้งเอาไว้
อ่อในที่นี้ พวกการ์ดที่มีความสามารถเร่งเวลาต่างๆ จะไม่ทำงานด้วย

แล้วก็หากพระเจ้าถูกทำลายลง ผลต่างๆที่หยุดไว้จะกลับมาทำงานทันที เช่นใช้ Cool Moon ตอนที่พระเจ้าอยู่ในสนาม
ผลจะถูกหยุดไว้ พอทำลายพระเจ้าได้ ผลของ Cool Moon จะเริ่มทำงานต่อทันที

ความสามารถหลักของ พระเจ้าไม่สิ้นสุดจึงสรุปคร่าวๆได้ประมาณนี้ ดังนั้นพระเจ้าใช่ว่าจะไร้เทียมทานจนสู้ไม่ได้
เพียง แต่คนที่สู้ด้วย ไม่รู้หรือทราบถึงจุดอ่อนข้อนี้ ที่ผ่านมาเลยแพ้แบบขาดลอยทันทีที่เรียกสำเร็จ

แน่นอนว่าเพราะผมจัดฉาก ให้แพ้ด้วยแหละ ไว้รอดูช่วง พวก ธนัท โต้ตอบเดี๋ยวพระเจ้าก็หายแรงไปเอง
ว่าแล้ว Heroic 6 คนตอนนี้มีพระเจ้ากันไปแล้ว 3 เหลืออีก 3 คน ตอนต่อไปตา ธนัท ล่ะเน้อ ต่จะเป็นพระเจ้าฝ่ายไหนนะ
มาลองทายกันดีกว่า
1. พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดตามคู่ขาอย่างโคทาโร่ไปเลย 2. พระเจ้าแห่งวัฏสงสารเพื่อเป็นศัตรูกับเกร หรือ 3.พระเจ้าฝ่ายกลางที่ยังไม่ปรากฏตัวออกมาซักที อย่าง Iris กันหนอ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Sub-Turn 36 Iris Evolution

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ อาทิตย์ ก.พ. 06, 2011 2:16 am

Sub-Turn 36 Iris Evolution



……………………………………………………………………..

บนดาดฟ้าห้างสรรพสินค้า

สี่หนุ่มทหารเซนต์แมกนัส(St.Magnus) นอนเกลือกกลิ้ง หมดสติหลังจากพ่ายแพ้ในการดวล
เด็กสาว ดีเอนเอเชนเจอร์(DNA-Changer) สายพลังจิต ที่มาด้วยกันจ้อง เด็กหนุ่มผมแดง ตรงหน้า
สีผมของ เด็กหนุ่มเปลี่ยนกลับเป็นสีดำเช่นเดียวกับชุดที่เปลี่ยนกลับเป็น เสื้อคลุมสีดำ
NOTE เองก็เปลี่ยนเป็นจี้ห้อยคอด้วยเช่นกัน ดวงตาของเทนโตะ หรี่ลงจนกลับมาตี่เหมือนเดิม
ก่อนเดินเข้าไปหาร่างของ โคทาโร่ ที่นอนเลือดท่วมบนพื้น

“ ให้ตายสิ ตัวเปื้อนเลือดแบบนี้ ถ้าแบก กลับไปเสื้อฉันก็เละด้วยน่ะสิ ”
เขา ย่อตัวลงจนสุดแล้วใช้หลังมือแตะที่หน้าผากของโคทาโร่ เหมือนจะวัดไข้แต่จริงๆแล้วกำลัง
อ่านความทรงจำที่ตกค้างก่อนจะหมดสติไป จิงค์ ไม่ได้พูดอะไรยังคงมอง เขาไม่วางตา
นิ่งกันไปซักครู่ เทนโตะ จึงผละมือ ออก

“ เป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดดีแฮะ อย่างกับละครน้ำเน่าแน่ะ แต่จะให้พาไปคุยทั้งอย่างนี้คงจะพูดกันยากน่าดู… ”
เทนโตะ ใช้หลังมือแตะลงไปที่หน้าผากอีกครั้ง อึดใจต่อมาก็เด้งตัวขึ้นมา มองหน้า จิงค์

“ กำลังสงสัยว่าฉันทำอะไรอยู่งั้นเหรอ? แล้วก็กำลังคิดที่จะหนีด้วยเทเลพอร์ตสินะ ”

ชายคนนี้อ่านใจได้! จิงค์ คิดแบนนั้นเพราะ เธอพยายามจะใช้พลังของตัวเอง เคลื่อนย้าย ทุกคนหนีไปจากที่นี้
อยู่นานแล้วแต่ไม่ว่าจะพยายามเค้นพลังออกมาเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถทำได้ นี่คงเป็นฝีมือของ เขาด้วยเช่นกัน

“ พยายามไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะปิดกั้นรอบๆนี่ด้วยคลื่นจิตแบบพิเศษแล้ว ดังนั้นพลังของเธอจะไม่มีทางทำงาน
ได้เลยหากอยู่ที่นี่ อ้อแม้แต่ เทเลพาธี ที่ใช้อ่านใจ ฉันก็ด้วยนะ ”

“ ทำได้ถึงขนาดนี้ คุณเป็นใครกันแน่?! ”
“ นี่เธอไม่รู้จักชั้นจริงๆเหรอเนี่ย…… ”
เทนโตะ มองอย่างเหม่อลอย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
เขาคงจะอ่านใจเธอไปแล้ว และรู้ว่าเธอไม่ได้พูดเล่น

“ เอาเป็นว่า เรื่องนั้นช่างมันเถอะ แต่จะตอบว่าทำได้ยังไงก็แล้วกัน เพราะ ระดับของเรามันต่างกันยังไงล่ะ ”
จิงค์ ทำหน้างงๆ แทนคำพูดว่า “หมายถึงระดับอะไร”

“ ระดับพลังจิตของเธอน่ะได้มาเพราะการทำพันธุกรรมเวทมนต์ แต่ของฉันธรรมชาติให้มา เรียกว่าเป็น เอสเปอร์
นั่นแหละเพราะงั้นมันถึงพัฒนาได้ จึงมีระดับสูงกว่าของเธอ แต่ว่านะของฉันน่ะเป็นระดับที่สูงมาตั้งแต่แรกเลย
เรียกได้ว่ามันเป็นพรสวรรค์ เลยทีเดียวแหละ ”
“ คุณจะบอกว่าระดับของคุณ สูงมากจนฉันเทียบไม่ติดสินะคะ… ”

เทนโตะ ยิ้มตอบเงียบๆ ก่อนจะหายวับไปจากตรงนั้น และมาโผล่ข้างเธอแทน

“ ก็เรียกได้ว่าเหนือกว่าพระเจ้าล่ะนะ ”
เด็กสาว รู้สึกเหมือนถูกไฟช๊อต ทั้งร่างชักกระตุก ไปจังหวะหนึ่ง ก่อนที่สติจะเลือนลาง
และล้มฟุบลงไป

“ ที่จริงแล้ว แค่พลังของฉันเพียวๆมันก็ไม่ได้มีมากมายอะไรหรอกนะ แต่ให้พูดเรื่อง แทค โหมด(TAG Mode)
หรือ เทเลอะบิลิตี้เจเนเรชั่น ไปเธอก็ไม่เข้าใจมันอยู่ดีน่ะแหละ อ้อ แล้วก็ไม่ต้องห่วงไปหรอกนะ
พวกเธอไปทันเที่ยวบินขากลับแน่นอน ”

………………………………………………
………………

“ อ้าวตื่นกันแล้วเหรอ? ”
เจ้าของเสียงทักทายหลังตื่น มองสี่หนุ่มทหารเซนท์แมกนัส ที่กำลังสะลึมสะลือ

“ ที่นี่?! ”
ทหารหนุ่มหูหมา ลั่นปากอย่างตื่นที่ เขามองไปรอบๆ ที่นี่คือห้องโดยสารของเครื่องบินที่พวกเขานั่งมา
ทั้งสี่มองหน้ากันงงๆ เจมส์ ที่นั่งติดกับหน้าต่างเครื่องใช้มือดึงผ้าม่านให้หลบจากหน้าต่าง ข้างนอกมืด
สนิทมันเป็นเวลาดึกมากแล้ว พวกเขาหลับไปนานแค่ไหนกัน และ พวกเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
รอยไหม้ตามเสื้อผ้าของพวกเขานี่คืออะไร คำถามผุดขึ้นในใจของพวกเขาจนแทบจะล้นออกมา

“ พันเอก ฮิปนอส พวกเรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ”
อาจจะฟังดูแปลก ที่ถูกถามแบบนี้ พันเอกสวมหน้ากาก ตอบพวกเขาอย่าง งงๆ
“ ก็พวกเธอรวมทั้ง องค์หญิง กลับมาหลับบนเครื่องก่อนฉันจะกลับมาที่เครื่องซะอีกไม่ใช่เหรอ? ”

รูปภาพ

คำตอบของ ฮิปนอส ทำเอาพวกเขาหน้าซีดไปตามๆกัน เหงื่อเย็นๆผุดขึ้นมาชุ่มหลังของพวกเขา
ถ้าอย่างนั้นพวกเขามาที่นี่ได้อย่างไร ไม่มีใครจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ เขาเอาชนะ โคทาโร่ตัวจริง ไปแล้ว
ความทรงจำร่วมกันของพวกเขามีถึงแค่ช่วงนี้เท่านั้น

…………………………………………………
…………………….

ห้องพักของ X Sport Club

โคทาโร่ พึ่งสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย เนื้อตัวเขาเย็นเฉียบไปหมด เม็ดเหงื่อมากมายผุดขึ้นจนชุ่มไปทั้งตัว
มันเป็นฝันที่น่ากลัวอะไรอย่างนี้ อยู่ๆก็มี ตัวเขาอีกคนโผล่ขึ้นมาและบอกว่าจะฆ่าเขา เพื่อสวมรอยเสียเอง
ความโล่งใจ ผุดขึ้นในอก ที่เขาตื่นจากฝันร้ายนั่นเสียที แต่ความเจ็บปวดที่แล่นปลาบขึ้นมาจาก ขาซ้าย
กลืนเอาความรู้สึกโล่งเมื่อครู่ไปจนหมด

เขาลองขยับมันดูมันทำให้รู้สึกเจ็บยิ่งกว่าเดิมอีก หโคทาโร่ ถลกผ้าห่มที่ห่มไว้ออก ขาทั้งสองข้าง ถูกเข้าเฝือกและ
พันทับไว้ด้วยผ้าพันแผลอีกชั้น เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ตัวเขาอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นตามาก่อน
นอกจากสภาพรอบตัวจะน่าสงสัยแล้ว ที่ตัวเขาเองก็น่าสงสัยไม่แพ้กัน ใครกันหนอเปลื้องผ้าเขาจนเหลือ
แต่บ็อกเซอร์ เพียวๆตัวเดียวกันล่ะนี่

/Are you Ok?/
เสียงทุ้มๆดังมาจากหัวเตียง Note ของเขาถูกวางไว้ข้างๆหมอน
“ มาราคัส ทำไมเราถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ”
ยังไม่ทันที่ มันจะตอบเขา บานประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามา ชายเจ้าของคลับ
เกร เดินลากเท้าเข้ามาพร้อมกับ โยนเสื้อผ้าให้เขาเปลี่ยน

“ เสื้อนายมันเปื้อนเลือดไปหมดเลยกว่าจะซักเสร็จคงอีกนาน เอาเสื้อฉันไปใส่ก่อนก็แล้วกัน ”
“ นาย….อีกแล้วหรือเนี่ย? ”
โคทาโร่ มองอย่างฉงน ที่ได้มาเจอ เกร อีกครั้งที่นี่

“ จะดื่มอะไรหน่อยไหม? ”
“ …………….. ”
“ งั้นชาอุ่นๆ หลังตื่นซักแก้วละกันนะ ”
เกร เลือกให้เสร็จสรรพ ก่อนจะเดินออกไป

โคทาโร่ มองขาที่หักอย่างเหม่อลอย พยายามทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมา และในที่สุดเรื่องที่มีตัวเขาอีกคน
นั้นไม่ใช่แค่ความฝันก็ถูกสรุปลงในหัว เขายกมืออังบริเวณช่วงท้องที่น่าจะถูก อสูรของเจ้าตัวปลอมแทง
จนทะลุ แต่มันหายไปแล้ว สำหรับบาดแผลที่ไม่ได้ฉกรรจ์อะไรนัก คงจะใช้พลังของการ์ดรักษา
ไปแล้ว จึงเหลือแต่ขาที่หักซึ่งเกินเยียวยาอยู่เท่านั้น

“ ทำไมกันนะ? ”
โคทาโร่ พึมพำกับตัวเอง คำถามถัดมาจากนั้นคือ ความรู้สึกที่มีต่อเหตุการ์ในครั้งนี้ ตอนที่นอนฝันเห็นเรื่องนี้
ก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้นมา มันชวนให้จิตใจร้าวรานไปไม่ใช่น้อย แต่ตอนนี้กลับรู้เฉยๆกับมัน ราวกับว่าตัวเขาทำใจ
ยอมรับมันได้แล้ว

{เดี๋ยวก่อน!} เขาหลุดจางห้วงภวังค์แห่งความคิด เมื่อนึกขึ้นมาได้อีกเรื่อง
นั่นคือเหตุกาณ์เมื่อครั้งที่เขาไปสำรวจซากโบราณบนยอดเขา ที่นั่นได้พบกับ เกร
และยังเรื่องอื่นๆที่ตามมาหลังจากนั้นอีก ทั้งการทดสอบและกลายเป็นผู้ถือครองพระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด
ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกเอะใจหรือสงสัยในเรื่องนี้เลย ทั้งที่มันน่าจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่ความรู้สึกในหัว
เหมือนจะบอกว่า “ เป็นแบบนี้แล้วยังไงเหรอ? ก็เท่านั้นเอง ”

แม้แต่เรื่องตัวปลอมของเขาเอง ก็น่าจะสะเทือนหัวใจอยู่มากแต่กลับรู้สึกแบบเดียวกัน ความทรงจำไม่ได้หายไป
แต่ที่หายไปคือความรู้สึก ต่างๆที่มีต่อความทรงจำเหล่านั้น

“ เรื่องความรู้สึกที่มต่อความทรงจำหายไป…ฉันจะเป็นคนตอบนายเอง ”
เจ้าของเสียงคือชายตาตี่ในชุดพ่อมดสีดำ เทนโตะ อ่านใจของเขาอยู่และรับรู้ถึงความต้องการ
ที่อยากจะรู้สาเหตุเกี่ยวกับความรู้สึกที่หายไป

{ ทำไมถึงรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่…. } คำถามแรกของผมสำหรับชายท่าทางประหลาดคนนี้
“ นั่นเพราะฉัน อ่านใจนายได้ แล้วก็เพราะฉันเป็นคนที่ลบเอาความรู้สึกเกี่ยวกับความทรงจำพวกนั้นออกจากหัวนาย ”
{หมอนี่รู้ว่าเราคิดอะไรอยู่….จริงเหรอเนี่ย แล้วที่บอกว่าลบความรู้สึกออกนี่มันอะไรกัน}
โคทาโร่ พูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง แต่ทั้งหมดที่เขาคิดก็ถูก เทนโตะใช้พลังอ่านทะลุปรุโปร่งไปหมดแล้ว

“ หมายความว่านายเป็นคนลบความทรงจำของฉัน..ไม่สิ เพราะฉันยังจำมันได้อยู่ งั้นก็ไม่น่าจะเรียกว่าลบความทรงจำ ”
“ มันเป็นวิธีที่ละเอียดอ่อนกว่านั้นน่ะ สิ่งที่เรียกว่าความทรงจำถ้าจะแยกออกแบบหยาบๆ มันก็คือการจำได้กับความรู้สึก
ในตอนนั้น ซึ่งฉันเลืกที่จะลบอย่างหลังออกไป ”

“ ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ด้วย… ”
“ นั่นก็เพื่อตัวนายเอง ถ้าปล่อยไว้ความรู้สึกพวกนั้นอาจจะเปลี่ยนแปลงนายไปจากตอนนี้ ”

ถูกของเขาหากยังหลงเหลือความรู้สึกต่อความทรงจำเหล่านั้น บางทีเราอาจจะเป็นบ้าแล้วก็ได้
แม้จะลังเล แต่โคทาโร่ก็คิดว่าเป็นแบบนี้น่าจะดีกว่า
“ แต่ว่าถ้าจะทำแบบนั้นสู้ลบทิ้งไปเลยไม่ง่ายกว่ารึไง พวกนายเองก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาห่วง
เรื่องของฉันเลยนี่ ”

เทนโตะ ถอนใจสั้นๆก่อนจะพูดอย่างเซงๆ

“ เกร สั่งมาว่าให้ทำน่ะ ”
{หมอนั่นอีกแล้วเหรอ…ทำไมนะ}
“ ถ้าจะถามว่าทำไมก็รอพูดกับเค้าเองเลยดีกว่า ฉันขอตัวล่ะ ”

เทนโตะ อ่านใจเขาแล้วตอบก่อนจะเทเลพอร์ต ออกจากห้องไป เกร ก็ถือแก้วชาเดินเข้ามาในห้องพอดี
เขาวางแก้วหนึ่งลงบนโต๊ะข้างเตียง ส่วนอีกแก้วถือไว้กินเอง

“ ถ้าไม่รีบดื่มเดี๋ยวมันจะเย็นหมดนะ ”
เกร ยกแก้วชาขึ้นซดเสียงดัง ภาพลักษณ์ในตอนนี้ทำเอา โคทาโร่ อึ้งจนพูดไม่ออก เรื่องราวในความทรงจำ
ก่อนหน้านี้ ยังบอกสมองให้กระตุ้นสัญชาตญาญ ป้องกันตัวอยู่แท้ๆ อย่าขำนะแวบแรกผมนึกไปถึง
พวกหัวหน้ามาเฟีย หน้าเ-หี้-ย-ม-มือโหดที่พร้อมจะหักกระดูกเพิ่มอีกซักสองสามท่อนยังได้ด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้ตรงหน้าผมก็แค่ รุ่นพี่วัย 18 ที่ชวนดื่มชาด้วยเท่านั้น

“ ต้องการอะไรกันแน่ นายน่ะ ”
เขาลองเสี่ยงถามออกไป

“ เปล่านี่ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากนายทั้งนั้นล่ะ แค่ไม่เป็นอะไรมากก็พอแล้ว ”
เกร ยกแก้วชาขึ้นซดจนหมดในอึกเดียว เขาวางแก้วแล้วพ่นลมอุ่นๆออกมา
“ เพราะนายนับเป็นสมาชิกคนสำคัญของ กีก้าสเลฟ อีกคน ”

“ กีก้าสเลฟ….นั่นมันชื่อองค์กรพัฒนาสันติภาพโลกไม่ใช่เหรอ? มันมาเกี่ยวอะไรด้วย? ”
โคทาโร่ ทำท่าครุ่นคิด ชื่อขององค์กร กีก้าสเลฟ เป็นที่กล่าวถึงกันมากในช่วงนี้ เพราะทั้งข่าวและหนังสือพิมพ์
ก็ออกเรื่องนี้กันโครมๆ กับความสำเร็จในการยุติ ความขัดแย้งในซูดาน

“ ก็เพราะว่า น้องชายฉันเป็นประธานสูงสุดขององค์กรไงล่ะจ๊ะ ”
เจ้าของเสียงคือหญิงสาวในชุดสูทโผล่พรวดมาจากใต้เตียง ไม่รู้ว่าเธอแอบย่องเข้ามาตอนไหน
โดยที่ ผมไม่ได้ยินเสียงเลยนับว่าเธอเท้าเบามากๆเพราะประสาทรับเสียงของ ดีเอ็นเอเชนเจอร์ สายพันธุ์หมาป่า
หูดีจมูกไว แต่นี่นอกจากเสียงฝีเท้าจะไม่มี แล้วผมยังไม่ได้กลิ่นเธออีก

“ แล้วก็ขอโทษนะ ถ้าฉันสอนนายให้ใช้พระเจ้า เป็นเสียแต่ต้นๆ ผลลัพธ์อาจจะไม่ได้ออกมาแบบนี้ก็ได้ ”
เกร พูดเหมือนสำนึกผิด และโทษตัวเองราวกับว่าเป็นความผิดของตัวเอง
ไม่รู้ว่าเพราะเขาแสดงสีหน้าเก่งหรืออย่างไรแต่ผมรู้สึกไว้ใจเขามากขึ้น ไม่แน่ผมอาจจะโดนวางยา
ระหว่างที่หลับไปก็ได้ เจ้าตาตี่ ที่อ่านใจได้ อาจจะเปลี่ยนแปลงความทรงจำหรือทำให้ระบบประมวล
ในสมองรวน จนแยกมิตรแยกศัตรูไม่ออก

โคทาโร่ ทำท่าครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะหยิบเสื้อที่ เกร เอามาให้ตั้งแต่แรกขึ้นมาสวม
“ งั้นช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟังได้รึเปล่า รุ่นพี่ ”
มันคงไม่เสียหายอะไรถ้า จะลองเชื่อใจดูยังไงซะความจริงที่ว่าเขาช่วยชีวิตเรามาก็ยังเป็นความจริง
โคทาโร่ ยกแก้วชาที่วางอยู่ขึ้นมาซด แต่มันร้อนมาจนต้องพ่นทิ้งเลย นี่เขาดื่มร้อนขนาดนี้ได้ยังไงกันเนี่ย

Note:แก้วที่ เกร เอามาใช้ใส่ชาเป็นแก้วกันร้อนกันเย็นแบบที่เคยเห็นในโรงพยาบาลซึ่ง โปรเฟสเซอร์ ดราก้อน เคยใช้


…………………………………………………..
………………..

อีกด้านหนึ่ง ธนัท กำลังเดินออกจากร้านสะดวกซื้อ ในมือหิ้วถุงพลาสติกใส่ขนมสองสามซอง ติดมาด้วย
เขาเดินไปตามถนนเปลี่ยวซึ่งได้แสงจากเสาไฟตามท้องถนน ช่วยให้เห็นทางเดินซึ่งทอดยาวเข้าไปในหมู่บ้าน

“ งาย~~เจ้าหนู ทานาทอส เดี๊ยนหาตัวตั้งนานแน่ะ ”
เสียงเรียกดังขึ้นจากด้านหลัง ธนัท หันกลับไปมอง หนุ่มรูปงามเจ้าของเสียง สาวเท้าเดินออกมาจากความมืดมิดหลัง
เสาไฟ

“ เดี๊ยนน่ะอยากจะมอบความรักให้เธอจนอดไม่ไหวแล้วล่ะ ”
สำนวนชวนแสลงหูและน่าสะอิดสะเอียนหาอะไรเปรียบ ดูไม่เข้ากับหน้า ลอยมาแต่ไกล
ธนัท ไม่คิดอะไรอีกแล้วนอกจาก ใส่เกียหมาโกยแนบทันที

{ทำไมวันนี้มันซวยจังฟระ แค่ออกมาซื้อของตอนดึก ขากลับดันมาเจอผีกระเทยอีก}
ธนัทวิ่งหน้าตั้งออกไปอย่างรวดเร็ว แต่แล้วสมองของเขาก็แทบจะสั่งการให้ร่างกายชักเท้าวิ่งถอยหลัง
กลับแทบไม่ทัน กระเทยรูปงาม มันมาดักหน้าแล้วแถมคราวนี้ยังเปลี่ยนชุดมาซะอลังการเหมือนจะไปเล่น
งิ้วเล่นลิเก ยังไงยังงั้น ทั้งผ้าคลุมทั้งหอกสีฟ้า

รูปภาพ

“ มาดวลกับเดี๊ยนเสียดีๆนะฮ้า~~ ”
ไม่ทันจะตอบตกลง ละอองเวทย์สีเงินจำนวนมากก็พรั่งพรูออกมาจาก หอกของมัน
ในเมื่อไม่มีทางเลือก ธนัท จึงยอมรับคำท้า เจ้าคอรัสในร่างหุ่นยนต์นก บินลงจากหัว
ของเขาก่อนจะเปลี่ยนเป็นปลอกแขนแล้วสวมลงไป

“ Let’s Duel!! ”

[Garuru Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]
[Thanat Status; Hand: Seal 5 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 0/8 ]

“ เดี๊ยนเริ่มก่อน Cost mp 4 ให้ เฟนเรีย ออกมาที่ At Line ”
อสูรหมาป่าแห่งดินแดนเหนือถูกอัญเชิญออกมา มันเห่าหอนด้วยเสียงหวีดแหลมของมัน

รูปภาพ

“ อะบิลิตี้ ทำงานแสดง ลีฟวิงเดธวูฟ(Living Dead Wolf) บนมือจากนั้น เรียกให้
เซเบอร์แฟงไวท์วูฟ(Saber Fang White Wolf) ออกมาที่ Df Line หมดรอบ ”
หลังจาก การุรุ แสดงการ์ดบนมือแล้ว อสูรตัวใหม่ก็ถูกอัญเชิญออกมา เพิ่มมันคือหมาป่าขาวเขี้ยวดาบ

รูปภาพรูปภาพ

“ รอบของฉัน Cost Mp 3 ให้อัลบิโน่กริฟฟอน ออกมาที่ Df Line ”
ธนัท อัญเชิญ กริฟฟอนเผือกออกมาเพื่อ จะเสริมกำลังด้วยผองเพื่อนอีก

รูปภาพ
[Garuru Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp: 8/8 Shrine 0/8 ]
[Thanat Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp:5/8 Shrine 0/8 ]

“ ด้วยพลังของ อัลบิโน่ ทำให้ค่าร่ายของ เผ่าสัตว์อสูรบนมือลดลง 1 จุด ขอCost Mp อีก 2 เรียก
ลอสทรอส ดราโกกริฟแห่งลม(Lostros, the Gale Dragogriff)ออกมาที่ Df Line”

รูปภาพ

[Garuru Status; Hand: Seal 4 , Mystic 2 Mp: 8/8 Shrine 0/8 ]
[Thanat Status; Hand: Seal 3 , Mystic 2 Mp:3/8 Shrine 0/8 ]

“ แล้วก็ Cost Mp 3 สกิลMystic Card บนมือทำงาน ทิ้งความเย่อหยิ่งของราชิน(Queen Dowager) ”

รูปภาพ

“ ช้าก่อนฮ้า~~ Cost Mp 3 Nike ทำงานจากบนมือ ทำให้ร่ายการ์ดจากบนมือได้ทันที Cost Mp 2 ร่าย เครื่องอิสริยาภรณ์แห่งเสน่ห์ดึงดูด(Decoration of Charismatic) ”
การุรุ แทรกระหว่างการใช้ Mystic ของ เขาด้วยการร่าย มิสติกการ์ด ที่เป็น Interfere ออกมาแล้วตามด้วยการร่าย มิสติก
อีกใบออกมา ตราสัญลักษณ์รูปหมาป่าปรากฏขึ้นบนสนาม แต่มันก็ไม่ได้สำแดงเดชใดๆ

รูปภาพ รูปภาพ

“ ด้วยผลของ ความเย่อหยิ่งของราชินี ทำให้เรียก อสูรเลเวล 5 ขึ้นไปออกมาจากบนมือได้เลย อัญเชิญ สุดยอดมังกรแห่งวิวัฒนาการ อแมนคริส อัลติเมท(Amankris, the Ultimate Evolution) ”

มังกรยักษ์สยายปีกออกและร้องคำรามลั่นไปทั่วทั้งถนน ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงพากันเปิดหน้าต่างบ้านออกมาดู
อย่างแตกตื่น

รูปภาพ
[Garuru Status; Hand: Seal 4 , Mystic 0 Mp: 3/8 Shrine 0/8 ]
[Thanat Status; Hand: Seal 2 , Mystic 2 Mp:0/8 Shrine 0/8 ]

“ ไม่นึกเลยนะว่าจะกล้าเอาอสูรเทพมาใช้ในที่แบบนี้ ”
“ เพราะผมรู้ดีว่าคุณเป็นใครน่ะสิ.. ”

คำตอบของ ธนัท สร้างความฉงนให้กับ การุรุ ที่บอกว่าทราบถึงตัวตนของเขา หากเป็นความจริง
การดวลนี้เท่ากับจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด จะต้องชนะและทำให้ ธนัท กลายเป็นผู้ถือครองพระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุดแบบ
เดียวกับโคทาโร่

“ ผมหมดรอบแค่นี้ ”

ท่าทีของ ธนัท ดูเปลี่ยนไปทันที สีหน้านิ่งขึ้นและจับตาดูการเดินหมากของเขาอย่างสงบ ราวกับกำลัง
วิเคราะห์รูปแบบของสำรับอยู่

{เดี๊ยนคงจะประมาทเกินไปสินะตอนแรกเห็นว่า โคทาจัง เสร็จมือ เกร ง่ายๆก็เลยคิดว่า รายนี้จะง่ายเหมือนกัน
ตามข้อมูลที่รู้มา ทานาทอสไม่สิ ธนัท เป็นนักดวลประเภทอาศัยดวงแล้วก็เป็นพวกบ้าดวลการ์ดเฉยๆนี่
หรือเราจะคิดมากเกินไป เอาเถอะยังไงมันก็จะจบในรอบนี้อยู่แล้ว}

“ รอบของเดี๊ยน ข้าม ดรอว์สเต็ป(Draw Step)ไปแล้วเข้าสู่ โปรเกรสสเต็ป(Progress Step) ปลดปล่อย
เฟนเรีย กับ เครื่องอิสริยาภรณ์ ...พระองค์ทรงตะบัดสัตย์พรากสองเราให้แยกห่าง แม้อ้อมกอดแห่งไกอาก็มิอาจมอบไออุ่นแด่ข้า...จงประทับย่างก้าวอันไร้ขีดจำกัดเหนือนภาเหมันต์ Progress Summon..... ”

การุรุ หยิบเอาซีลการ์ดบนมือมาและ โยนการ์ดผนึกที่เขียนด้วยอักขระประหลาดสีทอง ขึ้นไปบนอากาศ
ตรารูปหมาป่า ที่ถูกร่ายออกมาในรอบของธนัท
สลายตัวเองเป็นละอองแสงถูกดูดไปรวมกับการ์ดผนึก การ์ดเรืองแสงและเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ
สายอักขระสีทองพุ่งออกจากแสงเข้ารัดมัดพันร่างของ เฟนเรีย จนมิดทั้งร่าง


“จงปรากฏออกมา พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด จ้าวแห่งเดนนรก วิคคิดนิสลอร์ด มูนการุม(Eternal Immortal Wickedness Lord MoonGarm) ”

สายอักขระที่คลุมร่างของ เฟนเรีย ไว้ ระเบิดกระจายออก ร่างใหม่ของมันปรากฏขึ้น ร่างของพระเจ้าขนสีขาวปรอดราวหิมะ
ปีกน้ำแข็งคู่สง่างาม และย่างก้าวซึ่งทอประกายแสงดาวค้างไว้บนนภาที่ทรงเหยีบอยู่

รูปภาพ

[Garuru Status; Hand: Seal 3 , Mystic 0 Mp: 3/8 Shrine 0/8 ]
[Thanat Status; Hand: Seal 2 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 8/8 ]

“ พระเจ้าผู้ไม่สิ้นสุด…. ”
ธนัท มองอย่างเหม่อลอย ภาพของพระเจ้าสะท้อนในดวงตา บรรยากาศรอบๆหยุดนิ่งลง
บรรดาชาวบ้านที่ มุงดูจากหน้าต่าง ก็หยุดนิ่งลงเช่นกัน

“ ด้วยพลังของ มูนการุม ทันทีที่เรียกออกมาก็จะบังคับให้ อสูร ทั้งหมดของอีกฝ่ายโจมตีเข้ามา
แล้วก็พระเจ้าจะมีค่า At เพิ่มตามจำนวนอสูรในสนามของอีกฝ่ายคูณด้วย 3 ดังนั้นค่า At ของพระเจ้าจะเป็น 17 หน่วย
การดวลนี้เดี๊ยนเป็นฝ่ายชนะแล้วล่ะฮร้า~~ เสียงหอนกำราบเทพา Ragnarok Ululate (แรคนารอก ยูลเลท) ”

เสียงหอนของพระเจ้า ดังกระหึ่มไปทั้งท้องถนน ดึงดูดให้ อสูรในแนวป้องกันของ ธนัท เดินเข้ามาโจมตี

“ พ…พลังของมันรุนแรงอะไรอย่างนี้ ”
อัลบิโน่ สบถพยายามออกแรงต้าน กับพลังของพระเจ้าแต่ ไร้ประโยชน์การต่อต้านเช่นนี้ต่อหน้าพระเจ้าไม่ต่างอะไรกับ
ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ในที่สุดร่างของ อัลบิโน่ ก็ถูกดึงเข้าไปพร้อมๆกับ ลอทรอส และแตกสลายไปพร้อมๆกัน

“ น่าเสียดายนะ ที่ท่านั่นใช้ไม่ได้ผลกับ อแมนคริส ที่มีเลเวล 5 น่ะ ”
ธนัท ทำปากพึมพำ รัศมีของพระเจ้าไม่อาจคุกคามให้เขาเกิดความสั่นไหวเลย

“ ไม่น่าเชื่อนี่อ่าน อักขระรูนเป็นด้วยเหรอเนี่ย ”
การุรุ ทึ่งกับความสามารถที่คาดไม่ถึงของธนัท อย่างไรก็ดี รอบนี้เขาสามารถเผด็จศึกได้ ด้วยการให้
พระเจ้า ชน กับ อแมนคริส ที่มีค่าพลัง 11 เท่ากันทั้งคู่ Shrine ของธนัทก็จะเต็มทันที แต่เพราะตอนนี้ไม่มีมิสติกการ์ดบน
มือของเขาอีกแล้ว หากโจมตีไปแล้ว ธนัทแก้เกมได้ อาจแพ้เลยทันที

[Garuru Status; Hand: Seal 4 , Mystic 0 Mp: 3/8 Shrine 0/8 ]
[Thanat Status; Hand: Seal 2 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 4/8 ]

“ Cost Mp 3 ให้ เซเบอร์แฟงไวท์วูฟ ออกมาที่ Df Line อีกใบ แล้วหมดรอบ ”
การุรุ เลือกที่จะเลี่ยงความเสี่ยงเพียงน้อยนิดนั้นเอาไว้และเรียก หมาป่าขาวเขี้ยวดาบ ออกมาเพิ่ม

[Garuru Status; Hand: Seal 3 , Mystic 0 Mp: 0/8 Shrine 0/8 ]
[Thanat Status; Hand: Seal 2 , Mystic 2 Mp:8/8 Shrine 4/8 ]

“ รอบของฉันจั่วไพ่ ”
ธนัท จับมิสติกการ์ดขึ้นมาสองใบ

[Garuru Status; Hand: Seal 3 , Mystic 0 Mp: 8/8 Shrine 0/8 ]
[Thanat Status; Hand: Seal 2 , Mystic 4 Mp:8/8 Shrine 4/8 ]

“ Cost Mp 1 ให้ Lilith ทำงานจากบนมือทิ้ง Sacrifice ไปทำให้ Mp เพิ่มขึ้นมาเป็น 12 จุด ”
ธนัท ร่ายมิสติกการ์ด ออกไปแล้วจึงทิ้งมิสติกการ์ดอีกใบตาม

รูปภาพรูปภาพ
[Garuru Status; Hand: Seal 3 , Mystic 0 Mp: 8/8 Shrine 0/8 ]
[Thanat Status; Hand: Seal 2 , Mystic 2 Mp:12/8 Shrine 4/8 ]

“ Cost Mp 3 ให้ สกิลของ การ์ดราชินีผู้เย่อหยิ่ง อีกใบบนมือทำงาน ”
การุรุ จ้องมองไปที่ ธนัท ไม่วางตาทันทีที่ประกาศว่าจะใช้ การ์ดราชินีผู้เย่อหยิ่งใบที่สอง
นั่นเท่ากับว่า ธนัท ยังมีอสูรเทพอื่นนอกจาก อแมนคริส อยู่อีกงั้นหรือ?
คำตอบปรากฏออกมาจาก กองไฟซึ่งถูกจุดด้วยละอองเวทย์ ที่รวมตัวกันด้านหลัง ธนัท
มังกรยักษ์อีกตัวเดินอุ้ยอ้าย ออกมาเหยียบข้าง อแมนคริส และช่วยกันขู่คำรามใส่พระเจ้า

รูปภาพ
[Garuru Status; Hand: Seal 3 , Mystic 0 Mp: 8/8 Shrine 0/8 ]
[Thanat Status; Hand: Seal 2 , Mystic 1 Mp:9/8 Shrine 4/8 ]

“ นี่คืออสูรเทพตนที่สองในฐานะ ฮีโรอิก(Heroic)ของฉัน จักรพรรดิ์มังกร รูดรากินอส(Rudraginos, the Kaiser Dragon) ”
“ ทำไม…ถึงรู้ว่าตัวเองเป็น ฮีโรอิก ล่ะเกร น่าจะยังไม่ได้บอกทานาทอส นี่นา ”
ความวิตกถาโถมเข้าสู่ร่าง การุรุ รู้สึกถึงสภาพไม่น่าไว้ใจที่กำลังปะทุขึ้น จากออร่าที่ ธนัท แผ่ออกมา
และในตอนนี้เองเขาถึงรู้ตัวว่า ละอองพลังเวทย์ ที่ส่งออกมาจาก Note ของ ธนัท เปลี่ยนเป็นสีเงิน เช่นเดียวกับเขาด้วยแล้ว

ชุดของ ธนัท เปลี่ยนเป็นเสื้อสีขาว ผ้าพันคอสีดำผุดออกมาราวกับเสกด้วยเวทมนต์ คลุมไหล่ทั้งสองของเขาไว้
เป็นเพียงเสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนที่ ใบหน้าซึ่งเคยสดใสและอ่อนโยน จะแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและดุดัน
วินาทีนี้ การุรุ ได้ประจักษ์แล้วถึงจักรพรรดิ์มรณะที่หลับไหลอยู่ภายในร่างละอ่อนตรงหน้า

รูปภาพ

[Garuru Status; Hand: Seal 3 , Mystic 0 Mp: 8/8 Shrine 0/8 ]
[Thanat Status; Hand: Seal 1 , Mystic 0 Mp:6/8 Shrine 4/8 ]


“ ให้ อแมนคริส กับ รูดรากินอส กลับเข้าสู่กองการ์ด จากนั้น
แอดวานซ์ ซิงโครไนซ์ มิสติก(Advance Synchronize Mystic) ไอริส อีโวลูชั่น(Iris Evolution) ทำงาน ”
มิสติกการ์ดใบใหม่ของ ธนัท ถูกร่ายออกมา สองมังกรยักษ์สยายปีกทะยานขึ้นไป
จากสนาม ด้วยพลังของพวกมันสร้างแรงสั่นสะเทือน จน การุรุ ล้มหัวคะมำทั้งยืน

รูปภาพ

“ อ…ไอริส อีโวลูชั่น?! ” การุรุ พูดเสียงสั่น

ใช่แล้ว ตลอดเวลา ทุกๆครั้งที่ผ่านมา ทุกคนก็คงคิดแบบนั้นมาตลอด ก็แค่เด็กธรรมดาๆคนหนึ่ง
ที่ชอบการดวล และสนุกกับมัน เจ้าบ้าที่ไม่ค่อยรู้กาลเทศะ ใจร้อนชอบลงมือโดยไม่คิด…..ใช่แล้วทุกคนคิดแบบนั้น
และรู้จักตัวตนของฉันอยู่แค่นั้น
หลังจากสองปีก่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันทำให้ทุกคนมองว่าเป็นอย่างนั้น

“ ด้วยผลของ ไอริส อีโวลูชั่น ทำให้สามารถอัญเชิญแบบ ครอสโจเกรส(Cross Jogress)ได้!!.. ”

สองมังกรยักษ์ กลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าชนใส่กัน รวมเป็นมวลแสงกลมเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์
การุรุ เปลี่ยนระดับสายตาขึ้นไปมองดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้าค้างฟ้ายามราตรี ภาพสะท้อนในดวงตา
เงาที่กำลังจะผุดโผล่ออกมาจากแสงเจิดจ้า

พวกนายรู้ดีแล้วจริงๆเหรอเกี่ยวกับตัวฉัน ความจริงของฉัน ตัวตนหรือแม้แต่ความรู้สึกของฉัน ไม่เลยที่พวกนายรู้
มันก็แค่อดีต ส่วนหนึ่งเท่านั้นเป็นแค่รายละเอียดของชีวประวัติแสนเศร้า ที่ไม่ได้เขียนบรรยาย เรื่องราวที่
เห็นผ่านด้วยตาของฉันหูของฉัน

“ อแมนคริส ไคเซอร์ โหมด!!(Amankris Kaiser Mode) ”

อัศวินหุ้มเกราะโบยบินแทนที่ดวงอาทิตย์ซึ่งพึ่งจะดับไปเมื่อครู่ แขนทั้งสองข้างเป็นหัวมังกรยื่นเล็ง
ไปยัง พระเจ้า และ หมาป่าขาวเขี้ยวดาบ วินาทีต่อมา คือทั้งพระเจ้าและหมาป่าขาวเขี้ยวดาบ
หายไปจากสนาม และใบดาบยาว ยื่นออกจากปากมังกรทั้งสองข้าง

รูปภาพ

“ ด้วยการอัญเชิญแบบ ครอสโจเกรส จะใช้อัญเชิญเผ่าพระเจ้าสายรุ้ง(Iris) ที่มีพลังในการรวมหลากหลาย
สิ่งให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ตอนนี้ ทั้งพระเจ้าและอสูรอีกตัว กลายเป็น Seal รองรวมร่างให้กับพระเจ้าของฉันแล้ว ”

“ ด…ดูดพระเจ้าไปรวมร่างเนี่ยนะ?! ”
การุรุ แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองด้วยซ้ำ พระเจ้าอันแข็งแกร่ง ที่สามารถทำวันเทิร์นคิล มาแล้วเสียท่าอย่างง่ายดาย

ตอนนี้รู้แล้วรึยังเล่า นี่แหละคือตัวฉัน คือพลังของฉัน และหน้าที่ของฉัน

“ อแมนคริส ไคเซอร์ โหมด โจมตี โซล่าไคเซอร์เทมเพส(Solar Kaiser Tempest) ”
พายุเพลิงร้อน โหมกระหน่ำใส่ สนามฝั่งการุรุ คือภาพสุดท้ายที่สะท้อนในแววตาดุดันของเขา ก่อนมันจะคลายออก
และกลับเป็นแววตาที่อ่อนโยนร่าเริงอีกครั้ง

[Garuru Status; Hand: Seal 3 , Mystic 0 Mp: 8/8 Shrine 8/8 ] Lose
[Thanat Status; Hand: Seal 1 , Mystic 0 Mp:3/8 Shrine 4/8 ] Win


จักรพรรดิ์มารผู้เปี่ยมด้วยพลังและเชาว์ปัญญาในการเผชิญหน้ากับอริร้าย ต่างๆล้วนพ่ายให้กับ ดวงหรือฝีมือของเขากันแน่
แล้วคุณล่ะรู้จักตัวจริงของ ธนัททาทิเวศ จงกลาง คนนี้ดีแล้วจริงหรือ
เมื่อห้วงแห่งเวลาที่หยุดกลับมาเดินอีกครั้ง สิ่งที่เหลืออยู่บนพื้นถนน คือร่างที่ไหม้เกรียม ของดาราชื่อดัง
การุณหรือการุรุ จมอยู่บนพื้นยางมะตอยละลายเละของถนน

To be Continue
………………………………………….

……………………………………………

Next Sub-turn
ธนัท: ไม่เคยมีใครรู้ถึงตัวจริงของฉันเลยสินะ
โคทาโร่:ลองเชื่อใจ เกร ดูคงไม่เสียหายอะไร
ลูเซีย:บทของฉานล่ะ~~~
มิส:ฉันโดนลืม
บาร์น:ปล่อยเกาะมว๊ากกกกก
เกร:การุรุยังไม่กลับบ้านอีกแหะ
การุรุ(ยังไม่ตายนะ):ต…ตอนต่อไป Sub-Turn 37 Thanat X Grea อ่า~~วายสุดยอด
วาการุรุ: เฮ้ยเดี๋ยวตอนหน้าชื่อมันไม่ได้หมายความแบบนั้นน่ะเฟร้ย~~~



ใกล้ได้เวลาเปลี่ยน OP กับ ED ใหม่แล้วล่ะติดแค่ว่าตอนนี้ใกล้สอบกับยังทำไม่เสร็จ พ่วงด้วยงาน CVSE อีกเรื่อง
ซึ่งดูแล้ว ถ้า Tag จะเขียนต่อจนจบจริงๆคงต้องแบ่งเป็น 3 องค์ใหญ่ๆเลย ซึ่งองค์แรกการปะทะกับสามอสูรเทพดึกดำบรรพ์
จบไปแล้ว ต่อมาองค์ที่สองคือเกริ่มการขึ้นนำของพระเจ้าเหนือสำนึกและ ศึกกับดาร์คเดว่า ซึ่งในองค์สุดท้ายจะเป็นช่วง
ตัดสินกับพระเจ้าเหนือสำนึกทั้งหมดซึ่งจะเฉลยปริศนาการค้นพบเทอร่า ไปจนถึงความจริงทั้งหมดของโลก Vr
เลย และคิดว่าในองค์ที่สามซึ่งเป็นเฉลยอาจจะเขียนไม่ทัน ::023::
อย่างไรก็ดี ปมบางส่วของเรื่องจะถูกเปิดเผยในตอนหน้า

ปล.ยาวกว่าทาลิวิลย่าอีก นี่ยังไปไม่ถึงครึ่งขององค์ที่สองเลยนะเนี่ย สงสัยจะออกทะเลเยอะเกินไปหน่อย
คงต้องดึงกลับฝั่งในเร็วๆนี้แล้วล่ะ

ปล.2 ใครสังเกตุมั่งว่าช่วงนี้ผมเปลี่ยนแนวการบรรยาย แทบทุกตอน อาจจะดูแปลกๆไปบ้างแต่กำลังพัฒนาให้เขียน
ได้เร็วและลื่นไหลเพิ่มขึ้น

ปล.สุดท้าย ชื่อตอนต่อไปไม่ได้มีความหายอย่างที่ว่านะเออ อย่าพึ่งจิ้นซะล่ะ

สุดท้าย(จริงๆละ) การุรุ ย่างไฟแดงเกรียมๆนี่หอมดีจริงๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 36 Iris Evolution

โพสต์โดย boy เมื่อ อาทิตย์ ก.พ. 06, 2011 9:05 pm

ซับเทิร์นที่การูรุร่าย Nike ต้องจ่าย 5/8 สิครับ
ค่าร่ายของใบนั้นเป็น 3
และ 'ให้ร่าย' ไม่ใช่ 'นำเข้ามา' หรือ 'ร่ายโดยไม่จ่าย Mp ค่าร่าย'นะครับ
ดังนั้น 3+ร่ายการ์ดเครื่องอิสริยาภรณ์อีก 2 3+2=5 สิครับ
ปล.การูรุ(ตัวละคร)น่ากลัวมาก ::036:: ธนัทจะโดนเขมือบแล้วสินะ
ปล.2 ธนัทเมะ เมะ เมะ เมะ เมะ!!!
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 36 Iris Evolution

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ อาทิตย์ ก.พ. 06, 2011 9:47 pm

boy เขียน:ซับเทิร์นที่การูรุร่าย Nike ต้องจ่าย 5/8 สิครับ
ค่าร่ายของใบนั้นเป็น 3
และ 'ให้ร่าย' ไม่ใช่ 'นำเข้ามา' หรือ 'ร่ายโดยไม่จ่าย Mp ค่าร่าย'นะครับ
ดังนั้น 3+ร่ายการ์ดเครื่องอิสริยาภรณ์อีก 2 3+2=5 สิครับ
ปล.การูรุ(ตัวละคร)น่ากลัวมาก ::036:: ธนัทจะโดนเขมือบแล้วสินะ
ปล.2 ธนัทเมะ เมะ เมะ เมะ เมะ!!!


เอแต่ผมว่าแก้ก่อนโพสแล้วนา ก็จ่าย 5 นี่ครับ แต่ตอนการุรุ พูดจ่ายแยกเป็น 2 ส่วนคือบอกจ่าย 3 ร่าย nike
แล้วตามด้วยบอกว่าจ่าย2 ร่าย เครื่องอิสริยาภรณ์ นา
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 36 Iris Evolution

โพสต์โดย boy เมื่อ จันทร์ ก.พ. 07, 2011 6:50 pm

อ้อ ผมคิดว่า X/Y นี่จะหมายถึง
X = Mp ที่ใช้ไป
Y = Mp Max ซะอีก -..-
กลายเป็นว่า Mp ที่เหลืออยู่
เหอๆ มึนๆอยู่พักหนึ่ง ขอโทษที่ท้วงผิดพลาดครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 36 Iris Evolution

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ อังคาร ก.พ. 08, 2011 10:27 pm

boy เขียน:อ้อ ผมคิดว่า X/Y นี่จะหมายถึง
X = Mp ที่ใช้ไป
Y = Mp Max ซะอีก -..-
กลายเป็นว่า Mp ที่เหลืออยู่
เหอๆ มึนๆอยู่พักหนึ่ง ขอโทษที่ท้วงผิดพลาดครับ


แปลว่าคุณ boy เข้าใจผิดมานานมากแล้วใช่ไหมครับเนี่ย ^ ^ !
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง SMN FanCard FanArt & FanFic

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 20 ท่าน