Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ เม.ย. 27, 2024 4:59 pm

หน้าเว็บบอร์ด ส่วนของผู้เล่น SMN FanCard FanArt & FanFic SMN VR TAG TURN (THE FINAL ACT):Sub-Turn 96.5 Final Act Tile

สำหรับลงรูปแฟนอาร์ตและนิยายแต่งเองของชาวSMNครับ

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 20 Contact Growth

โพสต์โดย boy เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 21, 2010 5:09 pm

*-*
ดีไซน์ดีนะฮะ ตัวละครมิสซังน่ะครับ ผมฟ้าโพกผ้าซะด้วย~
ว่าแต่ ฟิคนี้มีการ์ดคล้ายๆเอ๊กโซเดียด้วยแฮะ O[]O
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 20 Contact Growth

โพสต์โดย kira เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 21, 2010 10:44 pm

ภาคแรก อยู่บอร์ดเก่าปะครับ ::022::
ภาพประจำตัวสมาชิก
kira
0
 
โพสต์: 269
Cash on hand: 610.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 20 Contact Growth

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ เสาร์ พ.ค. 22, 2010 12:18 pm

อ่านภาคแรกได้จาก ลิงค์นี้เลยฮ่ะ

http://www.santoninogame.com/yabb/index ... ic=45657.0

ภาคแรกมี 15 ตอนจบ เป็น ปฐมบท 5 ตอน แล้วก็ครึ่งหลังอีก 10 ตอน ขอให้สนุกนะฮ้า~~
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Sub-Turn 21 Fang of King (เขี้ยวของราชันย์)

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ พ.ค. 24, 2010 1:20 pm

Sub-Turn 21 Fang of King (เขี้ยวของราชันย์)




วันเสาร์ ที่ 21 พฤกษภาคม พ.ศ. 2702 เวลา 2.30 น.

แสงแดด ยามบ่ายสาดกระทบ สะท้อนกับผิวกระจกหน้าต่างห้องจนเป็นแสงวิบวับ หลังม่านหน้าต่างนั้น
คือห้องผู้ป่วย ที่ธนัท เคยพักรักษาตัวอยู่แต่ตอนนี้ คนที่นอนสลบไม่ได้สติอยู่บนเตียงคือ อดัม ที่แพ้ให้กับเค้าในการดวล
ที่ผ่านมาเมื่อวันก่อนนี้ ภายในห้องนอก ศรี กับ ศาสตจารย์ ดราก้อน(Prof. Dragon) พวกเค้าทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่
โดยมีสีหน้าคร่ำเคร่งไม่น้อย

“ นี่ก็ผ่านมาได้วันหนึ่งเต็มๆแล้วตั้งแต่ที่เธอพาเค้ามาหาฉัน จนป่านี้แล้วก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย พอตรวจร่ายกายแล้ว
ก็ไม่มีส่วนไหนผิดปกติ หรือ บาดเจ็บ ไข้ก็ไม่มี เหมือนกับว่าตอนนี้เค้าถูกสะกดให้หลับจนตื่นขึ้นมาเองไม่ได้มากกว่า ”
ศาสตรจารย์ พูดสายตาของทั้งสองจับจ้องอยู่ที่ เตียงซึ่ง โยงสายน้ำเกลือไปที่แขนของ อดัม ภายในห้องเงียบสนิท ราวกับไม่มีคนอยู่เลย พวกเค้านิ่งเงียบกันอยู่นาน ในที่สุด ศรี ก็โพล่งขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบนี้


“ แต่ว่าเค้าเองก็เป็น โฮมุนครุส นะครับ บางทีอาจจะมีความต้องการสารบำรุงหรือต้องใช้ตัวยาอะไรกระตุ้นรึเปล่า ”

“ ตอนแรกฉันเองก็คิดแบบนั้นล่ะนะ แต่ว่าโดยหลักการแล้ว ถึงโฮมุนครุสจะไม่ใช่มนุษย์แต่ก็ไม่ได้แตกต่างซะทีเดียว
ถ้าหากร่างกายขาดสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีพจริงๆ อาการมันก็ต้องแสดงออกมาชัดเจนแต่นี่…. ”
ศาสตรจารย์ ตอบเสียงขรึม และความเงียบกลับเข้ามาอีกครั้ง ราวกับมีเรื่องอะไรในใจที่รู้ทราบกันเองอยู่แล้ว โดยที่ไม่ต้องเอ่ย

“ โนอา…. ”
ศรี เอ่ยขึ้นลอยๆ ดวงตาของ ศาสตราจารย์หรี่แคบลง เหมือนมีเรื่องสะกิดใจเขาขึ้นมา

“ ถึงจะไม่อยากเชื่อ แต่ว่าการที่ อดัม ยังมีชีวิตอยู่ เจ้านั่นเองก็น่าจะรอดมาด้วย บางทีอาจเป็นฝีมือของ ดร.โทมัส.. ”
ศรี ยังคงพูดต่อไป โดยไม่ทันสังเกต จนเมื่อศาสตราจารย์ ต้องแกล้งกระแอมไอ เพื่อให้เค้าหยุดฟัง

“ ก็แค่อาจจะ….ถึงฉันกับพ่อของเธอจะรู้ว่า อาร์คแอง เป็นคนยังไง แต่เจ้านั่นมันก็เป็นคนหนึ่งที่เห็นว่า เกิดอะไรขึ้น
กับ อาจารย์เมนเดล ของพวกเรา ยังไงก็คงไม่ทำเรื่องอย่างว่า เพื่อผลการทดลองหรอก… ”
ศาสตรจารย์ เงียบไปทันที เพื่อให้หนุ่มผมทอง ที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ ได้คิดทบทวนคำพูดของเค้า
พวกเค้า นิ่งอยู่กับที่โดยไม่แม้แต่จะขยับ ราวกับเป็นรูปปั้น เวลาผ่านไปเนิ่นนาน และ ศรี ก็ตัดสินใจ
หนุมตัวกลับเพื่อจะเดินออกจากห้อง โดยไม่พูดอะไรต่อ

“ พ่อของเธอน่ะ ไม่ได้เหมือนกับพวกฉันหรอกนะ เจตนาของเค้าทำไปก็เพื่อตัวของเธอเอง ”

ศรี ชะงักฝีเท้าและหยุดยืนอยู่ซักพัก ก่อนจะแสร้งตอบกลับเสียงใส ทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ

“ เรื่องนั้นน่ะผมทราบดีอยู่แล้วล่ะครับ…ถึงจะได้ชื่อว่า สิบเอกผู้ทรยศ เท็น ออฟ ดิไน(Ten of Deny) แต่ที่ผมจะปฏิเสธน่ะไม่ใช่ทั้งคุณพ่อแล้วพวกคุณด้วย ”

แต่ทว่า ศาสตรจารย์ ไม่ขำกับเค้าด้วย และรู้ดีว่านั่นเป็นคำพูดที่ไม่จริงใจ ศรีจึงยอมสงบปากเสียเอง
ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงที่จริงจัง
“ ถ้า คิง ออฟ เดธ ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งนี้ผมจะจัดการเอง….แม้ว่านั่นจะเป็น ธนัท ก็ตาม ”
คำพูดสุดท้ายดังขึ้นก่อนบานประตูห้องจะเปิดออกและปิดลงอย่างรวดเร็ว

……………………………………
……………………………………………………..
………………………………………………………………………..

บ้าน ธนัท

ภายในห้องนั่งเล่น ธนัท นั่งง่วนอยู่บนโต๊ะกระจกซึ่งเรียงรายไปด้วย การ์ดจากชุดสำรับที่เค้าพึ่งได้มาใหม่
และกองการ์ดที่เอามาจากคลังเก็บการ์ดในห้องของเค้า เพื่อปรับสมดุลสำรับให้ดีขึ้นกว่าตอนที่ใช้ดวลกับ เกร เมื่อคราวก่อน

และทำความเข้าใจเพิ่มกับการ์ดใหม่ทั้งหมดที่ได้มาด้วย นอกจากเค้าแล้วในห้องนี้ ลูเซีย ก็กำลังนั่งดูโทรทัศน์ ไปเพลินๆ
พวกเค้าสองคนพูดคุยถามไถ่กันบ้างเป็นช่วงๆ จนเมื่อ โคทาโร่ เดินเข้ามา ทักพวกเค้าโดยที่เปลี่ยนชุดสำหรับเตรียมออกไปข้างนอกพร้อมแล้ว


“ นี่ ฝากบอกคุณแม่ที ว่าวันนี้ไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อส่วนของฉันนะ เพราะกว่าจะกลับก็คงค่ำแล้วล่ะ ”
โคทาโร่ พูดพลางกระชับปกคอเสื้อยืดให้เท่ากันด้วยมือ

“ ได้สิ ว่าแต่นายจะออกไปไหนน่ะ? ”
ธนัท ถาม ลูเซีย ชะเง้อมองมาจากโซฟาด้วยความสนใจเช่นกัน

“ บิชอป นิฮิล เรียกฉันไปพบน่ะสิ ”
โคทาโร่ ตอบเสียงเรียบ ธนัท ขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีที่ได้ยินว่าเค้าจะออกไปพบกับใคร

“ แล้วเค้าจะมาเรียกนายไปทำไมกันนะ ”
ธนัท ลุกจากโต๊ะ ไปขวางทางไม่ให้เค้าฉวยโอกาสหนี

“ ไม่รู้สิ เค้าไม่ได้บอกฉันด้วย แต่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญน่ะ ”
โคทาโร่ ตอบปัดๆโดยเบี่ยงหน้าหนีไม่ให้ ธนัท จับผิดแต่แล้ว ธนัท ก็ถอยกลับไปนั่งจัดสำรับต่อที่ โต๊ะตามเดิมโดยไม่เซ้าซี้
ต่อ แม้จะสงสัยแต่ โคทาโร่ ก็ตัดใจเดินออกไป โดยไม่ถามว่าทำไมจึงปล่อยเค้าไปง่ายๆทั้งที่เป็นฝ่ายเข้ามาถามเค้า
อย่างจริงจังเองแท้ๆ

“ ที่ตานั่นพูดน่ะ ดูก็รู้ว่าแอบปิดอะไร ธนัท อยู่ไม่ใช่เหรอ ”
ลูเซีย เอ่ยขึ้นหลังจาก เสียงบานประตูบ้านปิด ดังแว่วเข้ามา ซึ่ง โคทาโร่ ออกไปแล้ว

“ ถ้าเจ้าตัวเค้าไม่อยากพูดก็ปล่อยไปเถอะถึงไปคาดคั้นเอาอะไรมากเกินไป จะเสียความรู้สึกกันเปล่าๆ
ถ้าอยากจะพูดเดี๋ยวก็มาบอกเองนั่นแหละ คนอย่าง โคทาโร่ น่ะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ”
ธนัท ตอบโดยที่ความสนใจยังอยู่กับ กองการ์ดบนโต๊ะ

…………………………………
…………………………………………………..
……………………………………………………………………

สายลมเย็นจัดพัดโชยมาพร้อมกับความเงียบสงัดยามราตรี มีเพียงเสียงใบไม้บนต้นลู่ไปตามลม
คอยขับกล่อม บนลานทรายที่อยู่เยื้องลงไปจาก เนินหญ้าลาดชัน ซึ่งยกตัวขึ้นมาถึง บริเวณถนน
ที่ข้างๆลานทรายมีคลองน้ำทอดตัวยาวไปตามเนินลาดชัน ทำให้อากาศที่นี่เย็นสบายเมื่อถึงช่วงโพล้เพล้

ถัดจากคลองไปเป็นฝั่งชุมชนที่อัดแน่นไปด้วยอาคารบ้านเรือน สร้างเรียงรายติดกัน แสงไฟที่ส่องออกมาจากแต่
ละบ้านให้ความสว่างมากพอจะทำให้ ถนนฝั่งตรงกันข้ามนี่สว่างสลัวๆได้ ช่วงหัวค่ำเช่นเวลานี้ บนถนนจะไม่ค่อยมีรถวิ่งสัญจรไปมามากนัก เพราะเป็นถนนที่ตัดแยกออกจาก เมือง

ช่วงตอนกลางถนน ศรี ซึ่งนั่งทอดขาลงไปบนเนินหญ้า สายตามองตรงไปยังเมืองที่แออัดซึ่งระยิบระยับด้วยแสงไฟ
ดวงตาของเค้า หมองหม่นและเศร้า อย่างที่ไม่เคยเป็น ใครเล่าจะคาดคิดว่า คนที่ขี้เล่นและมีอัธยาศัยดีเช่นเค้าจะ เหงาเป็นเหมือนกัน ทั้งที่มีเพื่อนและพวกพ้องมากมายรายล้อมอยู่ตลอดเวลา

“ จนป่านนี้แล้วนายยังชอบมานั่งตีหน้าตายเป็นคนแก่อยู่ข้าง คลองแบบนี้ตลอดเลยนะ ”
ศรี รีบหันตัวกลับไปเพื่อมองหาเจ้าของเสียง ทันที แต่ไม่ว่าจะมองหาเท่าไหร่ก็ไม่มีใครเลยนอกจากเค้า
ที่อยู่บนถนนสายนี้ เค้าคิดว่าตนคงหูฝาดไปเอง จนเมื่อ สายลมระลอกใหม่ถูกพัดโชยเข้ามาอย่างแรง
จนต้องยกแขนขึ้นป้องตาจากสายลม และทันทีที่ลมสงบลง เด็กหนุ่มอีกคนก็มายืนอยู่ข้างๆเค้าเสียแล้วโดยที่ไม่รู้สึกตัวเลย

“ จะเอาแต่หนีอยู่อย่างเดียวรึไง ศรี….. ”
เด็กหนุ่ม ถามเสียงขรึม ในขณะที่ ศรี ออก อาการวอกแวกนิดหน่อยก่อนจะปรับสีหน้ากับอารมณ์เสียใหม่

“ คนที่มาแอบอ้างเป็นฉันหลอกให้เจ้า ธนัท ไปรับการทดสอบอย่างนายไม่มีสิทธิ์ มาพูดแบบนั้นน่ะ….เกร ”
ศรีพลิกตัวกลับมานั่งทอดหุ่ยตามเดิม พวกเค้าพูดคุยกันอย่างสนิทสนมราวกับรู้จักกันมาเป็นปี
(Grea)
รูปภาพ

“ แล้วการเดินทางเป็นไงบ้างล่ะ ได้ไปมาหลายมิติเลยสิ ”
ศรี ถามโดยไม่หันไปมอง พวกเค้าทั้งคู่ ยังคงมองไปที่ทิศของเมืองใหญ่

“ อืม…ตอนแรกก็ตกใจอยู่หรอก ตั้งแต่ได้ก้าวออกไป ถึงได้รู้ว่ายังมี โลกที่พวกเราไม่รู้จักอีกมาก
ได้ไปพบเจอกับคนจากต่างที่ต่างถิ่น ต่างโลก มันทำให้ฉันรู้สึกสนุกจนเกือบลืมเรื่องที่เคยอยู่ที่นี่ไปหมดแล้ว ”
เกร ตอบคร่าวๆ เค้าไม่สามารถอธิบายเรื่องต่างๆที่ไปประสบพบมาได้อย่างเต็มที่ แล้วก้รู้ด้วยว่า ถึงพูดไป ศรี ก็คงไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว เพราะการตอบคำถามอย่างถี่ถ้วน ก็เท่ากับเป็นการเยาะเย้ยต่อความรู้สึกในอดีตของพวกเค้า

“ แล้วทำไมนาย ถึงยังกลับมาที่นี่อีกล่ะ ”
ศรี ถามต่อทันที โดยไม่สนใจว่า เกร จะตั้งใจเลือกคำตอบมาเพื่อถนอมน้ำใจเค้าหรือไม่ที่ทำได้ในตอนนี้
ก็คือการถามเค้าไปเรื่อยๆ เท่านั้น

“ สำหรับที่นี่ ฉันกลายเป็นอดีตของมันไปแล้ว ”
เกร กล่าวและทิ้งระยะเวลาเพื่อรอให้ ศรี พูดอะไรโต้ตอบกับเค้าบ้าง แต่สุดท้ายแล้วเค้าก็เป็นคนที่ต้องพูดขึ้นมาเอง

“ สิทธิในการเปลี่ยนแปลง อนาคตเป็นของผู้คนในปัจจุบัน และ สิทธิในการเปลี่ยนแปลงปัจจุบันเป็นของ คนในอดีต ”

“ จะบอกว่า ฉันไม่มีสิทธิ ไปแก้ไขเรื่องของพวกเราเมื่อตอนนั้นได้สิ ”
ศรี ขัดขึ้น

“ ใช่ เพราะอดีตนั่นเลยทำให้มีนายในตอนนี้ และที่เวลานี้มันคืออนาคตของฉัน ”
เกร กล่าวเสียงเรียบ ตอนนี้ศรี ทนนั่งอยู่เฉยไม่ไหวแล้ว เค้าลุกขึ้นมาจ้องมองดวงตาที่เอาแต่มองตรงไป
ข้างหน้าเท่านั้น

“ ถ้ามันเป็นอย่างที่นายบอก แล้วคนที่ตายไปแล้วอย่างนายทำไมถึงอยากจะเปลี่ยนแปลงอนาคตอีกล่ะ ”
ศรี กระแทกเสียงใส่ เกร หลับตาลงทำท่าเหมือนกำลังใช้ความคิด ก่อนจะเปิดตาออกและตอบสิ่งที่เค้าถามมา

“ อนาคตของนายคนที่จะกำหนดมันก็มีแต่ตัวนายเอง เมื่อถึงตอนนั้น มันก็จะสานต่อ
อนาคตของฉันด้วย ไม่ว่าจะพยายามยังไงแต่ตัวฉันก็เปลี่ยนแปลงอะไรที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว ”

ศรี กระชากคอเสื้อของ เค้าดึงให้เข้ามาฟังสิ่งที่จะพูด ด้วยอารมณ์ที่พาไป

“ ถึงตอนนี้นายยังคิดว่าพวกเราจะทำอะไรได้อีกงั้นเหรอ!…ตั้งแต่ตอนนั้นมา ไม่ว่าจะพยายามซักแค่ไหนหรือ
ลำบากซักเท่าไหร่ การแบ่งแยกมันก็ไม่รู้จักหมดไป ฉันที่เป็นอนาคตของนายพูดถึงขนาดนี้แล้วยังจะ… ”

เมื่อศรี พูดจบแล้ว เกร ก็ได้แต่มองค้อนกลับมา ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะดึงมือของเค้าออกจากคอเสื้อ


“ คนที่ตายไปแล้วไม่มีสิทธิที่จะไปยุ่งกับคนที่ยังอยู่ ฉันคืออดีต นายคือปัจจุบัน อนาคตหลังจากนี้ไป
จะเป็นยังไงฉันก็มีแต่ต้องยอมรับมันเท่านั้น ”

คำพูดสุดท้ายถูก ทิ้งไว้ก่อนที่สายลมจะกรรโชกขึ้นอีกครั้ง จน ศรี ต้องยกแขนขึ้นป้องตาและเมื่อลมสงบ
เกร ก็หายไปเสียแล้ว

……………………………………….
……………………………………………………………

ศูนย์วิจัย ภูมิศาสตร์กายภาพ

ภายในตัวอาคาร ของศูนย์วิจัยนี้ ถูกจัดเป็นห้องแสดง ผลงานการวิจัยและ แผนภูมิไปจนถึงข้อมูทาง ธรณีวิทยา
มากมาย เวลาในตอนนี้เลยจากการเปิดให้เข้าชม มานานแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครอยู่ภายในตัวอาคารเลย
นอกจากเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องซึ่งส่วนใหญ่ก๋ทยอยกันกลับจนหมดแล้ว แต่ว่า ไฟในตัวอาคารก็ยังคงเปิดสว่างอยู่

“ แปลกแหะ ดึกขนาดนี้ น่าจะปิดแล้วนี่นา สงสัยคุณนิฮิล คงขอไว้ล่ะมั้ง ”
โคทาโร่ เปรยเพื่อไม่ให้รู้สึกว่าเงียบจนเกินไป เพราะนอกจากเค้าแล้วในอาคารก็ไม่มีใครอยู่เลย
สายตาทั้งสองดวง สอดส่ายมองไปรอบๆเพื่อหาตัวคนที่นัดเค้าไว้ ในระหว่างที่มองหาไปเรื่อยๆนี้

เค้าก็ไปสะดุดเข้ากับ เอกสารที่ถูกวางทิ้งไว้บนเคาเตอร์ ซึ่งกั้นพื้นที่เข้าไปยังส่วนวิจัย เฉพาะของเจ้าหน้าที่เท่านั้น
สิ่งที่อยู่บนกระดาษเอกสารซึ่งสะดุดตาพอจะทำให้เค้าหันมาสนใจมัน คือ รูปของ สามอสูรบรรพกาล เลวีอาทาน

บีทฮีมอส และ ซิส รายละเอียดที่เขียนเอาไว้ในเอกสาร ชวนให้เค้าอยากรู้เกี่ยวมันยิ่งขึ้นไปอีก แต่ยังไม่ทันที่
มือเค้าจะยื่นเข้าไปแตะ เอกสารก็ถูก เจ้าหน้าที่หญิง เข้ามาฉวยเอาไปเสียก่อน

“ ว…เหวอ ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะ.. ”
โคทาโร่ ผละถอยออกมาด้วยความตกใจเจ้าหน้าที่หญิง มองมาที่เค้าก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก
เธอ เก็บเอกสารที่หยิบขึ้นมาเก็บใส่กระเป๋าเอกสารอย่างรวดเร็ว โดยไม่ปล่อยให้เค้าได้ทันเห็นรายละเอียดบนเอกสารเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะถามกลับมา

“ คุณคงเป็นคนที่ บิชอป นัดไว้ พาวน์ ออฟ เชคเมทไฟว์(Pawn of Checkmate 5) คุณโคทาโร่ เซนาคาว่า สินะคะ ”

“ ครับ ใช่ครับแล้วคุณ นิฮิล อยู่ที่ไหนเหรอครับ ”
โคทาโร่ ตอบโดยที่สายตายังคงไม่ละจาก กระเป๋าที่เธอพึ่งยัดเอกสารลงไป

“ บิชอป รออยู่ที่ห้องรับรองด้านหลังแล้ว เดินไปตามทางจนถึงด้านในสุดแล้วเลี้ยวขวาก็จะเจอค่ะ
อีกเดี๋ยวฉันจะปิดไฟกับทางออกที่ด้านหน้านี่แล้ว ขากลับให้ใช้ประตูหลังกลับออกไปข้างนอกก็แล้วกันนะคะ ”
เธอ พูดอย่างรวดเร็วเสียจนเค้าแทบจะฟังไม่ทัน ก่อนจะสาวเท้าฉับๆ ไปปิดไฟในห้องจนหมด แล้วเดินออกไปล๊อค
ประตู ทิ้งให้เค้าอยู่เพียงลำพังใน ห้องจัดแสดงที่มืดสนิท ตอนนี้เหลือเพียงทางเดียวให้เค้าทำนั่นคือ ไปตามที่เธอบอก

ไม่งั้นเค้าก็คงจะติดอยู่ในอาคารนี้ทั้งคืนเป็นแน่ ทันทีที่เลี้ยวขวาที่สุดทางด้านใน ก็พบกับทางเดินที่แยกลึกเข้าไป
ที่สุดทางนั้นมีแสงทอดออกมาที่ทางเดิน ห้องรับรองอยู่ไม่ห่างไปจากเค้าเท่าไหร่แล้ว

ทันทีที่ก้าวเท้าเหยียบเข้าไปในห้องรับรอง แสงสว่างทำให้ตาที่ชินกับความมืดของเค้าพร่าไปชั่วขณะ
จนเมื่อสายตาปรับเข้ากับแสงในห้องได้แล้ว สิ่งที่ลอยขึ้นมาปรากฏต่อหน้าเค้าคือ ภาพแกะสลักบนศิลาฝาผนัง

แบบอียิปต์โบราณ ภาพที่แกะอยู่บนฝาผนัง มีรูปของ สัตว์อสูร คล้างมังกร ช้าง และนกเหยี่ยว แกะสลักไว้เหนือ
ภาพแกะสลักการต่อสู้ของ ผู้ใช้อสูรซึ่งควบคุมมังกรและสมิงหมาป่า เข้าห้ำหั่นกัน

“ ข้ากำลังรออยู่เชียว วิญญาณของฟาโรห์เมื่อพันปีก่อน รอที่จะได้ตัดสินการต่อสู้ที่ติดค้างกันไว้เมื่อพันปีที่แล้ว!! ”
คำพูดนั้นทำให้ เค้าเลื่อนระดับสายตาลงมามอง นักพรตชุดขาวซึ่งกำลังทำพิธีบูชาภาพแกะสลัก นักพรตค่อยยันตัวลุกขึ้นยืน
ก่อนจะหันกลับมามองเค้าด้วยสายตาที่โหยหาการต่อสู้

“ เอ่อ….นั่นมันชุดอะไรน่ะครับ คุณนิฮิล….สติ๊กเกอร์ภาพแกะสลักที่แปะอยู่บนผนังห้องนั่นด้วย ”
โคทาโร่ แย้ง พร้อมกับชี้นิ้ว ไปที่ภาพแกะสลักซึ่งที่จริงแล้วเป็นสติ๊กเกอร์ และ นิอิล ที่สวมชุดนักพรต
อีกทั้งยังถือคฑาซึ่งมีปลายเป็น ลูกตาติดปีกค้างคาว

“ อ…อ๋อ เอ่อ~~ ”
นิฮิล ลากเสียง

“ เอาเข้าไปที่ถืออยู่คงไม่บอกผมหรอกนะว่าเป็นคฑาพันปีน่ะวิญญาณฟาโรห์อีก นี่ไม่ใช่ ยู ปิ๊บ!โอ ปิ๊บ!(ขอเซ็นเซอร์นี้ด~~)นะครับ ” ( - _ - *)
โคทาโร่ ตีสีหน้าเอือมๆ กับพฤติกรรมประหลาดๆของ นิฮิล ที่เกินกว่าจะคาดคิดได้

“ แหม ก็นานๆทีมีหนนี่นา นัดมาเจอกันในพิพิธพัณฑ์ แบบนี้แถมนี่ยังเป็นนิยายที่เขียนเกี่ยวกับการ์ดอีก เลยมีอารมณ์อยาก *คอสเพลย์(Cosplay) น่ะ อ่ะ ฮะๆๆ ”
นิฮิล หัวเราะกลั้วแก้เขิน ก่อนจะรีบม้วนหน้าไปเก็บ แผ่นสติ๊กเกอร์ที่แปะอยู่บนฝาห้องลง
[*Cosplay การเล่นแต่งตัวเป็นตัวละครหรือบุคคลที่ชื่นชอบ]

“ เฮ้อ~~~ ”
โคทาโร่ ถอนหายใจเบาด้วยความเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเข้าไปผสมโรงช่วยเก็บข้าวของ ที่จัดตกแต่งทั้งหมด จนเมื่อห้องกลับมาอยู่ในสภาพเรียบร้อยตามเดิมแล้ว พวกเค้าจึงนั่งลงบนเก้าอี้ โซฟาหันหน้าเข้าหากันโดยมี โต๊ะคั่นกลาง

“ แฮ่ม…งั้นเรามาเข้าเรื่องเลยละกันนะ ”
นิฮิล แกล้งกระแอมไอ เพื่อกลบเกลื่อนเหตุการณ์หน้าแตกที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

{ก็คนที่ชวนออกนอกเรื่องตั้งกะเข้ามา มันใครกันล่ะ}
โคทาโร่ นึกอยู่ในใจด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก กับเหตุการณ์เมื่อครู่

“ ที่ฉันเรียกเธอมาวันนี้ น่ะเพราะ ประธาน ให้ฉันเอานี่มาคืนให้กับเธอ ”
โคทาโร่ ขมวดคิ้วกับคำพูดนั้น นิฮิล จึงยก กระเป๋าเหล็กใบหนาขึ้นมาตั้งบนโต๊ะ
แล้วจึงจัดแจง เปิดมันออก ภายในกระเป๋าเป็น ฟองน้ำสีเทาที่ปูพื้นไว้รอง การ์ดผนึกซึ่งมีทั้ง

ซีลการ์ดและมิสติกการ์ด เก็บไว้รวมกันถึง 8 ใบ สีหน้าแรกที่แสดงออกมาของ โคทาโร่ คือสีหน้าที่ตกตะลึง
แต่ไม่ใช่เพราะการ์ดที่อยู่ในกระเป๋า แต่เป็นคำพูดก่อนหน้าที่บอกว่าจะมอบมันคืนให้กับเค้า

“ การ์ดพวกนี้มัน…. ”
โคทาโร่ หลุดปากออกมาเอง โดยอัตโนมัติ

“ ผนึกของเขี้ยวที่เธอถอดออกมาจากสำรับยังไงล่ะ ตอนที่เธอรับตำแหน่ง Pawn ได้ขอกับท่านประธาน
ว่าให้ช่วยเก็บการ์ดพวกนี้เอาไว้เพราะอยากจะฝึกฝนตัวเองใหม่ตั้งแต่เริ่ม ”
นิฮิล พูดและหยุดรอเพื่อดูปฏิกิริยาของ เค้าที่ตอนนี้ นิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาเลยซักคำ
และรอจนเมื่อ โคทาโร่ รู้สึกตัวจึงถามกลับมาทันที

“ แล้วทำไมถึงได้เอามาคืนให้ผมตอนนี้ล่ะครับ ผมยังไม่ได้บอกว่าจะขอคืนเลยซักหน่อย ”

“ กะไว้แล้วว่าเธอต้องพูดแบบนี้ เธอนี่มันดูออกทะลุปรุโปร่งได้ง่ายจริงๆ ”
นิฮิล ยกตัวลุกจากเก้าอี้ พร้อมกับที่พูดไปด้วย ก่อนจะเดินออกไปที่ โต๊ะ ข้างห้องซึ่งวางสัมภาระของเค้าเอาไว้

“ งั้นขอถามบ้างนะเธอคิดว่าแค่ สำรับที่มีพลังครึ่งๆกลางๆแบบนั้นจะปกป้องทุกคนได้อย่างที่ต้องการหรือเปล่าล่ะ ”
นฮิล ถามไปด้วยระหว่างที่ลงมือ รูดซิปกระเป๋าสัมภาระที่เค้าเอามาด้วยออก แล้วรื้อค้นหาของในกระเป๋า

“ มาถึงตอนนี้ก็น่าจะรู้ดีแล้วนะว่า ตอนนี้ศัตรูใหม่ปรากฏตัวขึ้นแล้ว และมันก็เล็งเล่นงานมาที่พวกของ ธนัท
อย่างเห็นได้ชัด ลำพังแค่พลังที่ไร้เขี้ยวเล็บน่ะมันทำอะไรได้ไม่มากหรอก ”
โคทาโร่ ยังคงนั่งคิดอยู่ เค้าจึงพูดต่อไปเรื่อยระหว่างค้นของในกระเป๋า

“ จะบอกว่าผมกำลังฝืนเกินตัวรึไง ”
โคทาโร่ เปรย ความรู้สึกที่ได้ฟังความเป็นจริงของตัวเอง มันทำให้ช้ำใจอยู่ไม่น้อย


“ ไม่หรอกเราไม่คิดว่าเธอกำลังฝืนทำเกินตัว แต่ไม่คิดที่จะทำเลยต่างหาก เธอน่ะกำลังกลัวว่าหากมีเขี้ยวแล้ว
จะนำศัตรูเข้ามาหา งั้นสิแต่มันไม่ใช่แล้วล่ะ ตอนนี้คนที่อ่อนแอ่ที่สุดก็คือเธอนั่นล่ะ ”
นิฮิล ขัดขึ้น คำพูดในครั้งนี้ ทำเอา โคทาโร่ ขบฟันเจ็บใจในตัวเองที่เอาแต่หนีความจริงมาตลอด

“ ตอนนี้ ธนัท และ พวกพ้องของพวกเค้าต่างก็พัฒนาฝีมือและพลังขึ้นจนล้ำหน้ากว่า 2 ปีก่อนไปเยอะ
แล้ว เหลือแค่เธอเท่านั้นที่ยังหยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่ไปไหนเลย ”
นิฮิล พูด แต่ดูเหมือนว่า โคทาโร่ จะทนมาพอแล้วเค้ากระแทกโต๊ะเสียงดังเพื่อให้ นิฮิล หยุด

“ เข้าใจแล้ว ….แค่รับเจ้านี่กลับมาก็พอใช่ไหม ”
โคทาโร่ สบถ ก่อนจะใช้มือรวบเอาการ์ดทั้งหมดในกระเป๋า ที่เป็นของเค้า ขึ้นมา

“ อะไรกัน? ก็เข้าใจดีอยู่แล้วนี่นาถ้างั้นคงไม่ต้องพูดให้มากความ กันอีกแล้วมาดวลเคาะ
สนิมกันหน่อยดีกว่า ”
นิฮิล รีบเปลี่ยนน้ำเสียงและวาจาทันที และเมื่อหันกลับมา ที่แขนของเค้าก็สวม Note ที่สแตนบายน์ไว้เรียบร้อย
ราวกับรอจะท้าดวลด้วยอยู่แต่แรกแล้ว

…………………………………
…………………………………………………………….

เพื่อที่จะทำการดวลพวกเค้า จึงเปลี่ยนสถานที่ออกมาที่ถนนกว้างหลังอาคารแทน โคทาโร่ กำลัง ตรวจสภาพของ สำรับที่
จัดสมดุลใหม่โดยเพิ่มการ์ดที่รับเอามาจาก นิฮิล ลงไปเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะ ยัดมันลงในช่อง Note ที่แขนของเค้า

“ ใส่การ์ดที่ให้คืนลงไปด้วยแล้วรึเปล่า? ”
นิฮิล ถาม

“ ใส่เอาไว้ครบหมดทุกใบแล้ว ”
โคทาโร่ ตอบเสียงดังเพื่อให้ อีกฝ่ายที่ยืนห่างออกไป เกือบ เมตร ได้ยิน

“ โอเค ถ้างั้นเริ่มกันเลย ใช้กฏ Ruler Level Expert Mode ”
นิฮิล บอกกฎที่จะใช้ขณะที่ หยิบเอาสำรับของตน ยัดลงไปในช่องเสียบสำรับที่ปลอกแขนของเค้า

“ Let’s Duel!!! ”
สิ้นคำ ประกาศ ของทั้งสองฟันเฟือง ไดนาเมซ ที่ปลอกแขนของพวก เค้าเริ่มหมุนปั่นด้วยความเร็วสูงผลิตเอาละอองเวทย์สีเขียว ออกมามากมาย อัญเป็นสัญญาณว่า การดวลได้เริ่มขึ้นแล้ว

[Kotaro Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:5/7 Shrine 0/6 ]
[Nihil Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]

“ ผมเป็นฝ่ายบุกก่อน Cost Mp 2 ให้ อาคามุ อินซู (Akamu Inzu) ออกมาที่ At Line ”
โคทาโร่ ประกาศพร้อมกับร่าย ซีลการ์ดบนมือ ออกมา นักสู้หนุ่มชาวฟูดินันร่างกำยำล่ำสัน
ผมสีน้ำตาลอมแดงเหมือนสีดิน ตามชื่อ อาคามุ ยอดนักสู้แห่งตระกูล อินซู ได้ปรากฏตัวขึ้นยังสนามแนวหน้าแล้ว

รูปภาพ

[Kotaro Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 2 Mp:3/7 Shrine 0/6 ]
[Nihil Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]

“ และด้วย Ability ของ อาคามุ ทำให้สามารถ เอา เผ่านักสู้(Pugilist)จากสำรับขึ้นมาไว้บนมือได้ตัวหนึ่ง
ผมเลือก อาคามุ อีกใบแล้ว Cost Mp อีก 2 ร่ายมันลงมาที่ At Line ด้วยอีกใบ ”
โคทาโร่ อธิบาย ขณธที่ดึงเอาสำรับออกจากปลอกแขน มาคลี่หาการ์ดที่ต้องการ จึงหยิบมันออกมาแล้ว ร่ายทันที
อาคามุ ได้ปรากฏตัวขึ้นในสนามอีก เป็น 2 คน

[Kotaro Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 2 Mp:1/7 Shrine 0/6 ]
[Nihil Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]\

“ แล้วก็ให้ ผลของ อาคามุ ที่พึ่งส่งลงไปทำงาน เอา นักสู้ฝึกหัด อาคามุ(Akamu Inzu, the Apprentice Pugilist) ขึ้นมาไว้บนมือ แล้วก็ Cost Mp อีก 1 อัญเชิญออกมาอย่างต่อเนื่องเลย ”
โคทาโร่ ประกาศ พร้อมกับ เอาการ์ดซีล ที่พึ่งเลือกออกมาจากสำรับ ร่ายลงไป นักสู้หนุ่มน้อย อาคามุ ในวัยเด็ก
ปรากฏตัวขึ้นในสนาม

“ อาคามุ นั้นเมื่อมี เผ่านักสู้ เข้ามาในสนาม เวลาของ อาคามุ จะนับว่าผ่านไป 1 Turn ดังนั้นขอสั่งให้
อาคามุ ทั้งหมดรวมร่างโดยให้ นักสู้ฝึกหัด อาคามุ เป็น Seal หลัก ”
สิ้นคำ นักสู้ทั้งเด็กและหนุ่ม ก็จับกลุ่มกัน โดยให้ นักสู้ฝึกหัด เป็น แนวหน้าของกลุ่ม จากการจัดตั้งรูปแบบขึ้นมา ทำให้เกิด
เขตอาคาคุ้มกันปรากฏเป็น ออร่าล้อมรอบกลุ่มทั้งกลุ่มเอาไว้

รูปภาพ

“ ผลพิเศษ ของ นักสู้ฝึกหัด อาคามุ เมื่อรวมร่างสำเร็จใน Sub-Turn ที่เข้ามาในสนาม จะมีอาคมคุ้มกันจากการโจมตีและการถูกทำลายจากากรต่อสู้ 1 Turn ”
โคทาโร อธิบาย

“ รอบของฉัน! ”
นิฮิล ประกาศก่อนจะหยิบเอา มิสติกการ์ดจากมือซ้ายมา เตรียมร่าย

[Kotaro Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 2 Mp 7/7 Shrine 0/6 ]
[Nihil Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]

“ นักสู้ฝึกหัดอาคามุ จะช่วยการตั้งตัวในรอบแรกเป็นไปได้สะดวกขึ้น เพราะการโจมตีของฉันจะ
ไปไม่ถึงมัน แถมยังมี อาคามุ อินซู ไว้ช่วยในการทำคอมโบ นี้ด้วย นับว่าเป็นการเริ่มที่ดี… ”
นิฮิล กล่าวพลางส่ายสะบัดมิสติก การ์ดที่เตรียมไว้ไปพลาง

“ แต่ว่านั่นน่ะ เป็นหนทางของสำรับที่มีแต่พลัง ไร้ซึ่งอาวุธเขี้ยวเล็บที่เตรียมจะห้ำหั่น
อีกฝ่าย Cost Mp 5 ให้ Sacrifice ทำงานจากบนมือ ”
มิสติกการ์ดที่ นิฮิล แสดงขึ้นมา ทำให้เค้าต้องประหลาดใจ

“ ฉันจะต้องทิ้ง Seal Card บนมือไป 2 ใบแลกกับการทำลาย อสูร ตัวหนึ่งในสนาม ”
นิฮิล อธิบายพร้อมกับ เลือกเอา ซีลการ์ดสองใบบนมือของเค้าไปเก็บไว้ที่ช่อง Shrine

“ จากนั้น ทำลาย นักสู้ฝึกหัดอาคามุ ที่รวมร่างอยู่ซะ! ”
สิ้นคำ ร่างของกลุ่มนักสู้ในสนามของ โคทาโร่ ก็แตกสลายไปในทันที

[Kotaro Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 5/6 ]
[Nihil Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 1 Mp:2/7 Shrine 2/6 ]

“ แค่รอบแรกก็เสีย Shrine ไป 5 หน่วย แล้วถ้าฉันโจมตีขึ้นมือของเธอ เกมก็โอเวอร์ ทีนี้คงรู้แล้วสินะว่า
พลังที่ไร้เขี้ยวเล็บมันก็เป็นแค่ ดาบที่ไม่มีคม จะใช้รับดาบหรือฟันศัตรูก็ไม่ได้ ”
นิฮิล เปรียบเปรยเพื่อจะย้ำหัวตอ

“ พูดจบรึยังครับ ”
นิฮิล นิ่งไปซักครู่ที่ คำพูดนั้นหลุดปากออกมา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ปรากฏขึ้นทันที น้ำเสียงของโคทาโร่ขุ่นมัวและ
เริ่มหงุดหงิดที่ถูกย้ำให้คิดให้ทำในเรื่องที่ตัวเองคิดว่ามันไม่ถูก นี่คือความสั่นคลอนที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ อย่างที่เค้าหวังไว้

“ ถ้าพูดจบแล้วก็ช่วยเดินรอบนี้ต่อไปด้วยครับ ”
โคทาโร่ ย้ำขึ้นอีกครั้ง เค้าจึงรีบหยิกการ์ดซีล ร่ายอออกมาทันที

“ Cost mp 2 ให้ สัตว์เลี้ยงภูต ฟาร์ฟี่(Farfy, Fairy’s Pet) ออกมาที่ At Line แล้วหมดรอบ ”
อสูรสัตว์ประหลาดตัวเล็กขนฟูสีม่วง ถูกอัญเชิญ ขึ้นมาบนสนามของ นิฮิล ก่อนจะประกาศเปลี่ยนรอบการเล่นให้ โคทาโร่

รูปภาพ

“ รอบของผม จั่วไพ่!! ”
โคทาโร่ ประกาศพร้อมกับ จับการ์ดมิสติกขึ้นมา 2 ใบ ก่อนจะทิ้งไปที่ Shrine ใบหนึ่งเพื่อให้ การ์ดบนมือครบ 7 ใบพอดี

[Kotaro Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 3 Mp:7/7 Shrine 5/6 ]
[Nihil Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 2/6 ]

“ Cost Mp 1 ให้ ลูกมนุษย์หมาป่า (Werewolf Puppy) ออกมาพร้อมโจมตีที่ At Line ”
โคทาโร่ ประกาศพร้อมกับ อัญเชิญ อสูรมนุษย์หมาป่าวัยเยาว์ ขึ้นมาบนสนาม

รูปภาพ

[Kotaro Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 3 Mp:6/7 Shrine 5/6 ]
[Nihil Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 2/6 ]

“ แล้ว Cost Mp 1 เป็นค่าโจมตีให้ ลูกมนุษย์หมาป่า โจมตี Puppy Bite!! ”
โคทาโร่ สั่งพร้อมกับชี้ไปที่ ฟาร์ฟี่ ลูกมนุษย์หมาป่า ตรงบุกเข้าไปตามคำสั่งนั้นทันที

“ Cost Mp 1 ให้ Mystic Card ทำนายอนาคต(Forecasting)ทำงานจากบนมือ เลือก กองสำรับการ์ดมา 2 กอง แล้วตรวจสอบ 3 ใบในสุดของแต่กอง จัดเรียงแล้ววางกลับลงไป ฉันเลือก กองการ์ด Seal และ Mystic ของฉันเอง ”
นิฮิล ประกาศพร้อมร่ายมิสติกการ์ดออกไป กลุ่มนักทำนายหญิงสามคนในชุดกระโปรงสีน้ำเงิน แดง และ ม่วง
ปรากฏตัวขึ้นในมือของนางทั้งสาม ถือโคมไม้เท้าที่เป็นเหมือนแสงสว่างแห่งอนาคตแต่ละช่วง
โดยที่ความสว่างของแต่ละโคม คือตัวบอกช่วงของ อนาคตนั่นเอง

ในจังหวะนี้ การต่อสู้ของอสูรในสนามก็พลอยหยุดไปด้วย ทำให้ นิฮิล มีเวลาพอจะจับการ์ดขึ้นมาจากแต่ละ กองของเค้าเพื่อตรวจสอบ เค้ารีบจับการ์ดขึนมาทีละกอง ดูจัดเรียงแล้วใส่คืนกลับไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อทำการตรวจสอบเสร็จสิ้น กลุ่มนักทำนาย ก็สลายตัวไปเองโดยอัตโนมัติ

รูปภาพ

[Kotaro Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 3 Mp:5/7 Shrine 5/6 ]
[Nihil Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 0 Mp:6/7 Shrine 2/6 ]

“ แล้วในจังหวะนี้ก็ให้ Ability ของ ฟาร์ฟี่ ทำงาน เมื่อมันถูกโจมตี จะใช้มันเป็นเครื่องสังเวย แล้วเรียกให้ Seal Card ใบบนสุดของกองที่มีค่า At มากกว่า การ์ดใบนี้ออกมาได้ทันที ”

สิ้นคำ อสูรสีม่วง ที่กำลังจะถูก ลูกมนุษย์หมาป่าเขมือบ ก็พุ่งตัวเข้าชนใส่ จนลูกมนุษย์หมาป่า กระเด็น กระดอนกลับไปในสนามของ โคทาโร่ ก่อนที่มันจะหมุนตัวเต้นระบำและส่งเสียงคิกคักอย่างสนุกสนาม โดยที่ร่างของมันค่อยสลายเป็น

ละอองแสง นิฮิล จึงจับเอา ซีลการ์ดที่เค้าพึ่งดูแล้วจัดเรียงไปเมื่อครู่ขึ้นมา แล้วโยนออกไป ผนึกการ์ดที่ถูกโยนออกไป
ถูกละอองแสงของ อสูรสีม่วง จับเอาไว้และซึมซับเข้าไปในการ์ดผนึก จนในที่สุดผนึกก็แตกออกและ แสงสว่างเจิดจ้า

ก็สาดรัศมรของมันออกมาทั่วทั้งสนาม ภายในแสงนั้น ทูตสวรรค์สีน้ำตาล ปีก 4 ปีก โบกสะบัดพริ้วไปกับ
แรงสายลมที่พวยพุ่งออกมาพร้อมกับแสงสว่างของการปรากฏตัว

“ และนี่คือเครื่องหมายของ บิชอป ผู้คุมกฏแห่ง Checkmate 5 เรกุลัม ผู้พิทักษ์กฏแห่งสวรรค์
(Regulam, the Order of Heaven) ”

นิฮิล ประกาศเสียงก้อง บัดนี้ 1 ในอสูรสวรรค์ ทั้ง 5 แห่ง Checkmate 5 ผู้คุมกฏแห่งสรวงสวรรค์ การ์ดใบเด็ดในสำรับ
ได้จุติ ลงมายังสนามรบแล้ว แรงกดดันของ อสูรสวรรค์ ถึงกับทำให้ ลูกมนุษย์หมาป่า หงอจนไม่กล้าสู้หน้าด้วย

รูปภาพ

[Kotaro Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 3 Mp:5/7 Shrine 5/6 ]
[Nihil Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 0 Mp:6/7 Shrine 3/6 ]

{ที่ใช่การ์ด ทำนายอนาคต ก็เพื่อแบบนี้เองเหรอ}
โคทาโร่ คิด สงสว่างจาก อสูรสวรรค์ เจิดจ้าเสียจนเค้าต้องยกแขนขึ้นป้องตา

“ ด้วยผลของ ฟาร์ฟี่ ที่ใช้เป็นเครื่องสังเวยไป การต่อสู้ที่เกิดขึ้นกับ ฟาร์ฟี่ จะถูกเปลี่ยนให้มาเกิกับ อสูรที่ลงมาแทน
ดังนั้น ลูกมนุษย์หมาป่าจึงต้องโจมตี มาที่ เรกุลัม ”
นิฮิล ประกาศจบ ลูกมนุษย์หมาป่า ที่หงออยู่จนถึงเมื่อกี้ กลับ ลุกขึ้นหันหน้าประจัน เห่าขู่สู้แบบ หมาจนตรอก

“ อะไรนะ! ”
โคทาโร่ อุทาน ออกมาโดยทันทีหาก อสูรของ เค้าที่มีระดับต่ำกว่า อสูรสวรรค์ อย่างชนิดเทียบไม่ติดทำการต่อสู้ตอนนี้ เค้าจะต้องแพ้ไปโดยปริยาย

“ ยังไม่หมดแค่นั้น ค่าพลังของ เรกุลัม จะเพิ่มขึ้นเท่ากับ จำนวน อสูร ในสนามของฝ่ายตรงข้ามด้วย
ดังนั้นค่าพลังของ เรกุลัม จึงเป็น 9 หน่วย สวนกลับไปเลย เรกุลัม ”
นิฮิล กล่าวจบก็ชี้นิ้วสั่งให้ อสูรสวรรค์ในความควบคุมของตน สวนการโจมตี กลับไปยัง ลูกมนุษยืหมาป่า
ที่ควบสี่เท้าเข้ามา หาญกล้าเผชิญหน้ากับ เทพคุ้มกฏ

“ อึก…ขอให้ทันทีเหอะ ”
โคทาโร่ สบถ พร้อมกับ หยิบเอา มิสติกการ์ดบนมืออกมาเตรียมร่าย

“ ขอให้พระประสงค์ของพระองค์เจ้า จงสำเร็จเป็น จริงเถิด ฟีอาส โวลันตัส ทูอาร์!!!!! (Fiat Voluntas Tua) ”
สิ้นคำประกาศ มือทั้งสองข้าง ของ อสูรสวรรค์ ก็ยกขึ้นประสานกัน ประกายแสงระยิบระยับมากมายปรากฏขึ้น
ในอากาศรอบตัวของ อสูรสวรรค์ และทยอยรวมตัวกันอัดแน่นเป็น มวลพลังงานแสงลูกใหญ่ ที่มือประสาน

จนเมื่อมวลพลังงานใหญ่เท่าตุ้มเหล็กยักษ์ มือประสานก็ตวัดผลัก มันลงไปยังพื้นสนามหมายจะกลืน
ลูกมนุษย์หมาป่า ที่บุกเข้ามา ให้หายไปในบัดดล ลูกพลังงาน กระแทกเข้ากับพื้นสนามและขยายตัวกลืนสนามทั้งสนามให้หายไปในแสงสว่าง ก่อนจะจางหายไป ฝุ่นควัน ลอยตัวคละคลุ้งขึ้นสู่อากาศ จากแรงกระแทกของ ลูกพลัง

รอยยิ้ม แห่งชัยชนะ เจืออยู่ในสีหน้าที่เรียบนิ่งของ นิฮิล อยู่จนเมื่อ ฝุ่นควันจางลง รอยยิ้มนั้นต้องกลับกลายเป็น ความประหลาดใจ ที่พื้นสนาม มีดาบสองเล่น ปักไขว้อยู่บนพื้น ดาบเหล่านั้น ช่วยเป็นโล่คุ้มกันให้ กับลูกมนุษย์หมาป่า
ตัวคมดาบซึ่งรับเอาแรงผลาญจาก พลังของ อสูรสวรรค์ ยังคงส่งควันลอยฉุยออกมา

“ Cost Mp 2 No Attacking ทำให้ อสูรที่ติดมันไว้จะไม่สามารถทำการโจมตีได้ ดังนั้น การต่อสู้กับ เรกุลัม จึงไม่เกิดขึ้น
และการสวนกลับก็จะไร้ผลไปด้วย ”
โคทาโร่ พูดพร้อมกับ แสงด มิสติกการ์ดที่เค้าร่ายออกไปก่อนที่การต่อสู้ของ อสูรทั้งสองจะเริ่ม

รูปภาพ

[Kotaro Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:3/7 Shrine 5/6 ]
[Nihil Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 0 Mp:6/7 Shrine 3/6 ]

“ รอดชนิดเส้นยาแดงผ่าแปดเลยนะ ”
นิฮิล หยอกเป็นนัยจะบอกว่า ต่อให้รอดจากครั้งนี้ได้แต่ ก็ไม่มีทาง พ้นเงื้อมมือของเค้าไปได้เด็ดขาด

“ ขอบคุณครับ ”
คำขอบคุณอง โคทาโร่ ทำให้ เค้าชะงักไป

“ ในที่สุดผมก็ตาสว่างแล้ว เป็นเพราะแสงที่คุณ ใช้มันสาดส่องมาที่ผม ถึงได้รู้ว่าตัวเองอ่อนด้อยแค่ไหน การที่จะมีความลังเลหรือความกังวล นั้นไม่ใช่เรื่องที่อดสู แต่การที่กลัวหรือลังเล แม้แต่กระทั่งตัวเองแบบนี้ต่างหากที่น่าอดสูยิ่งกว่า
ต้องขอบคุณ คุณนิฮิล จริงๆที่ทำให้ผมได้รู้ถึงข้อนั้น แต่ว่าเขี้ยวของผมน่ะ ถึงจะถอดเอาไว้มันก็ไม่ขึ้นสนิมง่ายๆหรอกครับ ”

โคทาโร่ กล่าวถึงตอนนี้เค้าได้รับรู้แล้วถึงสิ่งที่ นิฮิล พยายามจะบอกและทำให้เค้าได้รู้สึกตัว นิฮิล ที่ฟังคำพูดของเค้า
แล้วจึงถอนหายใจ เหมือนกับจะพูดว่า เข้าใจอะไรได้ช้าจริงๆ แต่ความรู้สึกโล่งอกของเค้า ก็ส่งมาถึงจนรู้สึกได้

“ มาต่อกันเลยนะครับ Cost Mp 1 ให้ เฟรนซายน์ เวียร์วูฟ (Frenzied Werewolf)ออกมา แล้วให้ Skill ทำงานกำจัด เฟรนซายน์ เวียร์วูฟ ออกจากเกม แล้วเรียกให้ เวียร์วูฟ ที่อยู่บนมือ ออกมา ”
โคทาโร่ พูดพร้อมกับ ร่ายการ์ดซีล บนมืออกไป มนุษย์หมาป่าตัวเต็มวัยถูกอัญเชิญ ขึ้นมาบนพื้นที่ครู่หนึ่งก่อนที่ร่างของมันจะยุบตัวกลายเป็น ความมืดดำ ที่มืดสนิท พร้อมกันนั้น ดคทาโร่ จึงหยิบเอา ซีลการ์ดอีกใบออกมาเตรียมร่ายทันที

รูปภาพ

[Kotaro Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:2/7 Shrine 5/6 ]
[Nihil Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 0 Mp:6/7 Shrine 3/6 ]

“ ออกมาเลย จักรพรรดิ์ แห่งมนุษย์หมาป่า ไกเซอร์ เวียร์วูฟ(Kaiser Werewolf) ”
ทันทีที่ การ์ดผนึกถูกโยนออกมา ความมืดที่เกิดจากร่างของ เฟรนซายน์ เวียร์วูฟ ก็ดูดกลืนการ์ดผนึกเข้าไป
และเปลี่ยนรูปร่างเป็น อสูรมนุษย์หมาป่า ซึ่งมีร่างกายที่ทรงพลัง กำยำ และทวีความดุร้ายยิ่งกว่าตัวใด เสียงหอน
ของมันแหลสูงดังบาดเข้าไปถึงขั้วหัวใจ จักรพรรดิ์ของมวลมนุษย์หมาป่า ได้ปรากฏกายขึ้นแล้วในตอนนี้

รูปภาพ

[Kotaro Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp:2/7 Shrine 5/6 ]
[Nihil Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 0 Mp:6/7 Shrine 3/6 ]

{เราเป็น DNA-Changer ไม่ว่ายังไงก็เป็น มนุษย์ปกติไม่ได้อยู่แล้ว นี่คือตัวเรา
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น สายสัมพันธ์ของเรากับทุกคนก็จะไม่แตกแยกจากกันเพราะเผ่าพันธุ์ หรอกน่า}
โคทาโร่ คิดขณะที่มอง ร่างของ จักรพรรดิ์ ซึ่งตอกย้ำให้เค้าปฏิเสธไม่ได้ว่าตนต่างจาก คนอื่นๆ
มีรูปลักษณะที่แท้จริงอันน่าหวาดหวั่น และพร้อมจะฉีกกระชาก กัดกินทุกสิ่งให้วอดวาย จักรพรรดิ์
ที่อยู่ต่อหน้าเค้าในตอนนี้ เปรียบดังภาพสะท้อนในกระจก ร่างที่แท้จริงของความแข็งแกร่งที่อยู่ในตัวเค้า

“ ถึงจะเรียก จักรพรรดิ์ ผู้ปกครองแห่งฝูงมนุษย์หมาป่าออกมาได้ แต่ว่าค่าพลังของ เรกุลัม
ก็จะเพิ่มขึ้นอีก เมื่อ อสูรเพิ่ขึ้นมาในสนามของเธอ ดังนั้นค่า At ของ เรกุลัม จึงเพิ่มขึ้นเป้น 10 หน่วยไปแล้ว ”
นิฮิล แย้งเพราะตอนนี้ ค่าพลังของ อสูรสวรรคืของ เค้าก็เพิ่มขึ้นไปอีก จนมากกว่า ของจักรพรดิ์ แล้ว

“ อย่าดูถูกเขี้ยวของผมนักซี่ ไกเซอร์ เวียร์วูฟ จะมีค่าพลังเพิ่มขึ้นตาม เวียร์วูฟ ตัวอื่นในสนามด้วย ตอนนี้ค่าพลังของมันก็เท่ากับ เรกุลัม ของคุณนิฮิล นั่นล่ะ ”
โคทาดร่ ขัดขึ้น พร้อมกับให้ดูความสามารถของ จักรพรรดิ์ ซึ่งในตอนนี้ ลูกมนุษย์หมาป่า ก็พลอยผสานเสียงหอน
เพื่อเพิ่มพลังให้ กับ จักรพรรดิ์ อยู่เป็น นิด ค่าพลังของ จักรพรรดิ์ ขึ้นมาสูสีกับ อสูรสวรรค์ แล้ว

“ Cost Mp 2 ไปเลย ไกเซอร์ เวียร์วูฟ โจมตีไปที่ เรกุลัม Fang of King !!(เขี้ยวแห่งราชันย์) ”
โคทาโร่ ประกาศ โจมตีออกไปทันที จักรรพรดิ์ คำรามขู่ขึ้นก่อนจะโจนทะยานไปด้วยแขนและขาอันทรงพลัง
อสูรสวรรค์ เริ่มทำการสะสมพลังงานเพื่อที่จะสวนกลับไป ทว่า จักรพรรดิ์ ก็เข้าถึงตัว อสูรสวรรค์เสียก่อนด้วยความเร็วที่
เหนือชั้นกว่า จักรพรรดิ์ แสยะเขี้ยวขึ้นก่อนจะฝังคมเขี้ยวลงบนร่างของ อสูรสวรรค์ ด้วยแรงพลังมหาศาล

ฉีกกระชากร่างของ อสุรสวรรค์จนขาดเป็นชิ้นๆ มวลพลังงานสะสมที่ยังไม่สมบรูณ์ของ อสูรสวรรค์
จึงระเบิดออก ทันทีส่งให้ร่างของ จักรพรรดิ์ กระเด็นตกลงไป แต่จักรพรรดิ์ ก็ม้วนตัวตีลังกา ลงเหยียบพื้นได้อย่างสง่างาม
ก่อนจะหอนด้วยเสียงโหยหวนดังกึกก้องไปทั่วทั้งถนน เพื่อประกาศชัยชนะ

[Kotaro Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp:0/7 Shrine 5/6 ]Win
[Nihil Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 0 Mp:6/7 Shrine 6/6 ]Lose

……………………………………….
……………………………………………………………………


“ ยังทำการดวลได้ยอดเยี่ยมเหมือนเคยเลยนะ ฉันแพ้หมดรูปจริงๆ เซนาคาว่า ”
นิฮิล กล่าวชมจากใจจริง หลังจากเตรียมตัวเก็บของกลับออกมาจาก ห้องรับรอง และล็อกประตู ศูนย์วิจัย เรียบร้อย
พวกเค้าก็มาเพื่อจะพูดคุยก่อนจากลาในวันนี้

“ คุณนิฮิล เองก็ยังวางหมากได้อย่างสมบรูณ์ เหมือนทุกครั้งเลย ถ้าผมไม่ได้รับเอาการ์ดชุดนั้นคืน
ใส่สำรับมาก่อนล่ะก็ผมคงแพ้ไปแล้ว ”
โคทาโร่ กล่าว

“ จริงสิ เกือบลืมแน่ะ ท่านประธาน มีการ์ดที่อยากให้เธอไปเอาอยู่ด้วยน่ะ ”
นิฮิล ทำท่าเหมือนพึ่งนึกออก เค้าล้วงมือลงไปในกระเป๋า เสื้อเพื่อควานหาอะไรบางอย่าง

“ มันเป็นการ์ดอะไรงั้นเหรอครับ ”
โคทาโร่ ถามด้วยความสงสัย

“ มันเป็น คาถาโบราณน่ะ ทางPhenomenon เองกำลังทำวิจัยเกี่ยวกับ คาถานี้อยู่ มันเป็นจารึกสมัย
โบราณมากเลยทีเดียวล่ะ ทางเราก็เลยลองผนึกตัว คาถา ใส่ลงใน การ์ดผนึกดูน่ะ ”
นิฮิล พูดก่อนจะยื่นซองจดหมายที่พึ่งค้นเจอ ส่งให้เค้า

“ พลังของคาถานั่นมัน ซับซ้อนเอามากๆเลย เพราะมีรูปแบบที่แปลกประหลาด กว่า คาถา ทั่วๆไป แต่เพราะตอนนี้
ทางเครือบริษัทเราเองก็ งานล้นมืออยู่เลยส่งเรื่องนี้ให้ บริษัท หุ้นส่วนของทางญี่ปุ่นรับไปจัดการน่ะ

ประธานอยากให้เธอเดินทางไปที่ Duel Academy ของ Kaiba Corporation เพื่อไปรับการ์ดที่ว่าหน่อย ในซอง
นี่มีจดหมายแนะนำตัวกับ ตั๋วเดินทางด้วย วาร์ปเกท ไป เกาะที่ Duel Academy ”

นิฮิล อธิบายขณะที่ โคทาโร่ รับซองมาแกะ เพื่อเปิดดูของข้างใน ซึ่งมี เอกสารแนะนำตัว พับเก็บเอาไว้อย่างดีแนบมากับ
ตั๋วเดินทาง 2 ใบ

“ ทำไมตั๋วถึงมี 2 ใบล่ะครับ? ”
โคทาโร่ ถาม พลางชูตั๋วที่เกินมาให้เค้าดู

“ อ๋อนั่นน่ะ เป็นส่วนของ ธนัท เค้าอยากให้ พวกเธอสองคนได้ไปเปิดหูเปิดตาเกี่ยวกับ การดวลบ้างน่ะ ”
นิฮิล อธิบาย แต่เหตุผลแบบนี้มันหละหลวมเกินไปสำหรับเค้า ราวกับว่า มีอะไรบางอย่างที่ นิฮิล ยังไม่ได้บอก
อีก แต่อยากให้เค้ากับ ธนัทได้ไปเห็นเอง

“ แล้วก็ช่วงนี้การต่อสู้มันหนักขึ้น Note ของเธอ Body คงเริ่มรับไม่ไหวแล้ว ท่านประธาน เลยฝากมาให้
ในกระเป๋า นี่มี Note ใหม่สำหรับเธออยู่ด้วย เรื่องการถ่ายโอนข้อมูล อย่างเธอคงทำได้เองอยู่แล้วสินะ ”
นิฮิล กล่าวพร้อมกับ ยัดเยียด กระเป๋าใบใหญ่ ให้เค้าอีกใบ ก่อนจะขอตัวลาแล้ววิ่งออกไปทันที

“ Duel Academy เหรอ… ”
โคทาโร่ เปรยพร้อมกับ มองดูตั๋วที่รับมา ด้วยความแสลงใจ ว่าหลังจากนี้ไปมันจะเกิดอะไรขึ้นอีกกันแน่

..........................................



………………………………………………….
To be Continue
………………………………………………………
ลูเซีย: ช่วงนี้ไหงฉันไม่ค่อยมีบทเลยเนี่ย ตอนหน้าก็อีก
ธนัท:ก็บอกแล้วไง ว่าเธอน่ะไม่ใช่ตัวเอก
ลูเซีย:ไม่หรอกน่า เดี๋ยวบทมันก็ต้องมีมาอยู่ดีน่ะแหล่ะ
โคทาโร่:แต่ที่แน่ๆไม่ใช่ตอนหน้าแน่นอน
ธนัท:ถูกต้องเพราะตอนต่อไป เป็นตอนของฉันไง
จูได:ใช่แล้วๆ เรามาดวลให้สนุกสุดกันเถอะ Gotcha!!
ธนัท โคทาโร่ ลูเซีย :แล้วนี่นายเป็นใครกันเนี่ย?!
จูได: ตอนต่อไป ปะทะกับผู้ใช้สำรับ ฮีโร่ Sub-Turn 22 Vs. Jaden the User of Hero Deck
ธนัท โคทาโร่ ลูเซีย :นี่มันจะมั่วไปถึงไหนเนี่ย!!!
………………จบจ๊ะ…………………

Card Pop!!
Kaiser Werewolf

รูปภาพ

Type: evil Mp: 3 / 2 Lv: 3 Rarity: promo
At: 9 Df: 9 Sp: 4 Element: dark
+ N[Werewolf] Lycantropes Fanero At 12 Mp 3
Ability:
Shade of [Water]
ตราบเท่าที่มี Mystic Card ประเภท [Tarot] : The Moon ในสนาม เมื่อเข้าสู่ Subturn ป้องกันของเรา Kaiser Werewolf ยกเลิก Skill ของ Seal จนจบ Subturn และสามารถแสดง N[Werewolf] 1 ใบจากกองการ์ดของเรา แล้วนำขึ้นมือ ถ้า Seal นั้นมี Lv 1 นำเข้ามาในสนามแทน
Kaiser Werewolf +At ตามจำนวน N[Werewolf] ใบอื่นในสนาม
N[Werewolf] ใบอื่นในสนามฝ่ายเรายกเลิก Ability ของ Seal ฝ่ายตรงข้ามของ Seal นั้น

สำหรับบทนี้ ออกช้าไปวัน หนึ่ง เนื่องจาก 2-3 วันที่ผ่านมาอากาศร้อนนรก จริงๆทำเอางานแทบไม่กระดิกเลย
เฮ้อ อยากกินน้ำแข็งใสจาง~~~~ บทนี้รู้สึกจะยิงมุขแรงไปหน่อยหวังว่าคงGetกันนะ ครับ เหอๆ รวมไปถึงตอนหน้าด้วย
ว่าแต่การ์ดซัมมันมีตัวไหนเป็น ฮีโร่บ้างเนี่ย ต้องไปค้นซะแหล่ว
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ เม.ย. 11, 2011 7:27 pm, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 21 Fang of King

โพสต์โดย Konflyctus MX เมื่อ จันทร์ พ.ค. 24, 2010 3:53 pm

หงะ จูได นายโผล่มาไงละเนี่ย เหอๆ ดูเอลครั้งต่อไปท่าจะสนุกแฮะ

เริ่มมั่วแล้วครับ เหอๆๆ ตั้งแต่คอสเซโตะของบิช็อปแล้วเน้อ

จะรอดูครับ อิอิ
Konflyctus MX
0
 
โพสต์: 201
Cash on hand: 250.00
ที่อยู่: ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 21 Fang of King

โพสต์โดย boy เมื่อ อังคาร พ.ค. 25, 2010 4:56 pm

ยูกิ......
เหอๆ เอาแนวนี้เลยสินะฮะ
ตัวฮีโร่มันก็......คงต้องใช้โพรเพทแทนล่ะมั้งครับ =A=
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 21 Fang of King

โพสต์โดย MoOmOo เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ค. 27, 2010 3:51 pm

ทำเปงเม๊ะเรย

ไม่ชอบอ่านงะ

::011::
ภาพประจำตัวสมาชิก
MoOmOo
0
 
โพสต์: 498
Cash on hand: 650.00
ที่อยู่: ห้องนอนแฟนคุณ - -"

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 21 Fang of King

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ค. 27, 2010 5:07 pm

MoOmOo เขียน:ทำเปงเม๊ะเรย

ไม่ชอบอ่านงะ

::011::



เอางั้นเลยเหรอครับ ::004:: แหม่ แค่ปั่นให้ทันแต่ละสัปดาห์ ยังแทบไม่ทันเลยครับทั่น ถ้าทำเป็นเมะสงสัยจะ ปีละ 2ตอน
ปัจจุบันคุณภาพในการทำเป็นเมะ ทางเรายังอ่อนอยู่ครับ(ดูได้จาก OP และ ED กว่าจะเสร็จแต่ล่ะตัวเหอๆ)
ขอเวลาเรียนรู้ซัก 200 ปีถึงตอนนั้นน่าจะทำเมะออกมาให้ได้
ดูกันอย่างแน่นอน(ถ้าอยู่กันถึงน่ะนะ) แต่จะว่าไป โปรเจคหลังเขียน ACE จบกะว่าจะรองเขียนเป็นการ์ตูน โดจิน อยู่เหมือนกัน
ครับ แต่ติดตรงฝีมือวาดเขียนกระผมนี่สิ ให้ฝ่ายวาด ช่วยคนก็น้อยเกิน(จริงๆมี ตั้ง 2 ตัวแต่มันไม่ค่อยว่างกัน)

เพราะงั้นก็ขอให้ทนอ่านกันต่อไปก่อนละกันนะคร้าบ (แล้วไอ้ข้างบนที่เขียนมามันได้อะไรขึ้นมาไหมเนี่ย - -#)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 21 Fang of King

โพสต์โดย boy เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ค. 27, 2010 6:15 pm

การ์ตูนโดจิน O_o
โอ้ สนใจมากครับ
ถ้ามีผักขอซื้อมาดูทางไปรษณีย์ อะเหอๆๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 21 Fang of King

โพสต์โดย MoOmOo เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 28, 2010 3:24 pm

Wargreamon เขียน:
MoOmOo เขียน:ทำเปงเม๊ะเรย

ไม่ชอบอ่านงะ

::011::



เอางั้นเลยเหรอครับ ::004:: แหม่ แค่ปั่นให้ทันแต่ละสัปดาห์ ยังแทบไม่ทันเลยครับทั่น ถ้าทำเป็นเมะสงสัยจะ ปีละ 2ตอน
ปัจจุบันคุณภาพในการทำเป็นเมะ ทางเรายังอ่อนอยู่ครับ(ดูได้จาก OP และ ED กว่าจะเสร็จแต่ล่ะตัวเหอๆ)
ขอเวลาเรียนรู้ซัก 200 ปีถึงตอนนั้นน่าจะทำเมะออกมาให้ได้
ดูกันอย่างแน่นอน(ถ้าอยู่กันถึงน่ะนะ) แต่จะว่าไป โปรเจคหลังเขียน ACE จบกะว่าจะรองเขียนเป็นการ์ตูน โดจิน อยู่เหมือนกัน
ครับ แต่ติดตรงฝีมือวาดเขียนกระผมนี่สิ ให้ฝ่ายวาด ช่วยคนก็น้อยเกิน(จริงๆมี ตั้ง 2 ตัวแต่มันไม่ค่อยว่างกัน)

เพราะงั้นก็ขอให้ทนอ่านกันต่อไปก่อนละกันนะคร้าบ (แล้วไอ้ข้างบนที่เขียนมามันได้อะไรขึ้นมาไหมเนี่ย - -#)



ไม่เอาๆ เค้าจาดูเม๊ะ แงๆ ::023::
ภาพประจำตัวสมาชิก
MoOmOo
0
 
โพสต์: 498
Cash on hand: 650.00
ที่อยู่: ห้องนอนแฟนคุณ - -"

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 21 Fang of King

โพสต์โดย pugilist เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 28, 2010 3:32 pm

หนุกดีครับ ::030:: แต่ว่าเอา pugilist ผสมกะ werewolf นี่แนวจริงๆ ::036::
ภาพประจำตัวสมาชิก
pugilist
0
 
โพสต์: 2168
Cash on hand: 270.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 21 Fang of King

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 28, 2010 4:44 pm

MoOmOo เขียน:
Wargreamon เขียน:
MoOmOo เขียน:ทำเปงเม๊ะเรย

ไม่ชอบอ่านงะ

::011::



เอางั้นเลยเหรอครับ ::004:: แหม่ แค่ปั่นให้ทันแต่ละสัปดาห์ ยังแทบไม่ทันเลยครับทั่น ถ้าทำเป็นเมะสงสัยจะ ปีละ 2ตอน
ปัจจุบันคุณภาพในการทำเป็นเมะ ทางเรายังอ่อนอยู่ครับ(ดูได้จาก OP และ ED กว่าจะเสร็จแต่ล่ะตัวเหอๆ)
ขอเวลาเรียนรู้ซัก 200 ปีถึงตอนนั้นน่าจะทำเมะออกมาให้ได้
ดูกันอย่างแน่นอน(ถ้าอยู่กันถึงน่ะนะ) แต่จะว่าไป โปรเจคหลังเขียน ACE จบกะว่าจะรองเขียนเป็นการ์ตูน โดจิน อยู่เหมือนกัน
ครับ แต่ติดตรงฝีมือวาดเขียนกระผมนี่สิ ให้ฝ่ายวาด ช่วยคนก็น้อยเกิน(จริงๆมี ตั้ง 2 ตัวแต่มันไม่ค่อยว่างกัน)

เพราะงั้นก็ขอให้ทนอ่านกันต่อไปก่อนละกันนะคร้าบ (แล้วไอ้ข้างบนที่เขียนมามันได้อะไรขึ้นมาไหมเนี่ย - -#)



ไม่เอาๆ เค้าจาดูเม๊ะ แงๆ ::023::



เอิ่ม........



pugilist เขียน:หนุกดีครับ ::030:: แต่ว่าเอา pugilist ผสมกะ werewolf นี่แนวจริงๆ ::036::



แต่เดิมมันเป็น Deck ของ วาการุรุจัง เค้าน่ะ ฮ่ะ เกิดเพราะ เจ้าตัวอยากเล่น Pugilist ด้วย Werewolf แต่เลือกไม่ถูก
เกรม่อนคุง เลยบอก "งั้นก็ยำๆมันเข้าไปด้วยกันเลยเก็สิ้นเรื่อง"

อีตานี่เค้าคิดว่า ตัวเองเป็น จูได รึไงก็ไม่รู้ พูดมาได้ ว่าให้เอามายำกันเลย แต่อีตา วาการุรุ นี่สิบ้ากว่า เออ ออ กับเค้าไปด้วย
แต่ไม่น่าเชื่อฮ่ะ มันเล่นได้จริงๆแต่ Pugilist ทั้ง Deck ใส่แต่ อาคามุ ซีรี่ย์นะฮ่ะ (อ้าวงั้นนี่มัน ก็
Deck Werewolf ที่เอา อาคามุ มายืนTurn แรกเฉยๆนี่หว่า)

เฮ่อๆที่จริง ยุคแรกๆ สมัยที่การ์ดส่งเสริม เผ่าหมาป่า อย่าง จักรพพรดิ์ ลูกหมา อะไรพวกนี้ยังไม่มี ตอนนั้นยังเป็น Pugilist ธรรมดาๆที่ไม่ธรรมดา (เอ๊ะยังไง)ที่ใส่ Kemono Card ทุกชนิดยัดเข้าไปเสริมด้วยความชอบส่วนตัวล้วนๆ เพราะยัดทั้ง
เอคนอร์ไมเต้(มังกรนักมวย) กับ มูลไชน์เวียร์วูฟ ลงไปเล่น เซอร์ไพร์เกมอย่าง เดียว ซึ่งอันนี้เป็น Deck เก่าที่ เกรม่อนคุง
เอาของ วาการุรุคุง มาให้ โคทาโร่ ภาคที่แล้วใช้ แต่ปัจจุบัน Deck มันพาวเวอร์อัพขึ้นเยอะเลย ตอนที่ 21 ที่พึ่งลงไปเมื่อวันจันทร์
ก็เลยหาเรื่องเขียนอัพเกรด Deck ให้ โคทาโร่ ไปด้วยในตัว โดยใช้ List ตามที่ วาการุรุคุง จัดของจริงเลย ไว้วันไหนว่างๆ
เดี๊ยนจะเอามาแฉ เอ๊ย เอามาแจงให้ดูแล้วกันนะ ฮ้า~~~
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 21 Fang of King

โพสต์โดย Konflyctus MX เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 28, 2010 4:58 pm

เท่าที่เห็นจากเด็คของโคทาโร่คุง (เอ่อ นั่นเด็คของท่านพี่วาการุรุสินะ) และปากคำของท่านพี่การุรุ

กำลังจะบอกว่า Special Deck Werewolf ทำให้เด็คนี้เกิดอย่างเต็มตัวสินะครับ เหอๆๆ
Konflyctus MX
0
 
โพสต์: 201
Cash on hand: 250.00
ที่อยู่: ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 21 Fang of King

โพสต์โดย pugilist เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 28, 2010 10:23 pm

ถ้าไปเล่นจริงแล้วมันจะไหวเป่าเนี่ย pugilist+werewolf อะ ::036::
ภาพประจำตัวสมาชิก
pugilist
0
 
โพสต์: 2168
Cash on hand: 270.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 21 Fang of King

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 28, 2010 10:37 pm

pugilist เขียน:ถ้าไปเล่นจริงแล้วมันจะไหวเป่าเนี่ย pugilist+werewolf อะ ::036::


เล่นได้ครับยืนยัน แต่ชนะหรือเปล่านี่ไม่รู้ พอดีมันเป็น สำรับที่จัดมาเล่นกันเล่นๆน่ะนะ ถ้าเอาจริง คงต้องจั่วเทพ
แบบในนิยายล่ะครับ เหอๆ ประมาณว่า อาคามุไม่ขึ้นมาตีกันตายบนมือซะเอง ก็พอไปรอด ล่ะมัง ::004::

อ่อ เกือบลืม ที่ Boy คุง บอกว่า Hero อาจจะใช้ Prophet น่ะนะ อันนั้นเป็นความคิดแรกที่เคยคิดว่าจะให้ธนัท
เปลี่ยนมาเล่น สำรับ โพรเฟท อยู่แต่ไปๆมาๆ ราศีมันดูเข้ากับมังกรมากกว่าเลยเปลี่ยนให้ไปเล่น ดราโกกริฟ แทน
ก็เลยมาคิดอีกทอดว่า เอามาจะเอา โพรเฟท ให้ จูได ใช้นั่นแหละ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว จะเป็นการ์ดอะไรไปดูกันเอาเอง วันอาทิตย์หรือวันพรุ่งนี้เย็นๆเน้อ

ปล.จูได ไม่ใช่ตัวละครใช้แล้วทิ้งนะเออ มาเป็นตัวละครประกอบ แบบ พวก โคทาโร่ นั่นล่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 21 Fang of King

โพสต์โดย pugilist เมื่อ เสาร์ พ.ค. 29, 2010 3:51 pm

อยากให้โคทาโร่ มี3เหมียว werecat fighterอยู่ในเด็คจังครับคือผมชอบ3ใบนี้มากๆครับ ::030::
ภาพประจำตัวสมาชิก
pugilist
0
 
โพสต์: 2168
Cash on hand: 270.00

Sub-Turn 22 Vs. Jaden the User of Hero Deck

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 30, 2010 1:26 pm

Sub-Turn 22 Vs. Jaden the User of Hero Deck

ท่ามกลางท้องทะเลสีครามซึ่งผิวน้ำสะท้อนสีของฟากฟ้า สายลมพัดเมฆก้อนน้อยใหญ่ลอยเอื่อยเฉื่อย
เหนือเกาะกว้างที่ซึ่งเป็น ผืนแผ่นดิน ในครอบครอง บริษัทรายใหญ่ของญี่ปุ่นKaiba Corp. เกาะแห่งนี้
เป็นที่ตั้งของโรงเรียนสอนการดวลและสิ่งต่างๆเกี่ยวกับ SMN ซึ่งนั่นนับรวมไปถึงการวิจัยพลังงาน Magic ซึ่ง
ยังคงเต็มไปด้วยปริศนาจนถึงทุกวันนี้ นักเรียนที่จบจากที่นี่ นอกจากเป็น Summoner Star ที่เป็นดารานักดวล
ในวงการแข่งขันแล้ว ก็ยังได้เข้าไปทำงานในหน่วยงานวิจัย เกี่ยวกับ Magic ที่กระจายอยู่ทั่วโลก อีกด้วย
และชื่อของโรงเรียนนี้ก็ถูกเรียกขานว่า Duel Academia ……….

………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………..

“ ที่ ดูเอล อาคาเดเมีย แห่งนี้จะมีระยะเวลาในการเรียนการสอน 3 ชั้นปี และยังแบ่งระดับของนักเรียนออกเป็น 3
ระดับอีกด้วย ”
เสียงบรรยายของ อาจารย์หญิงสาวสวมเสื้อโค้ทสีฟ้าขาว คอย อธิบายรายละเอียดของ ดูเอล อาคาเดเมีย
ให้กับ ธนัท และ โคทาโร่ ที่นั่งอยู่บน เฮลิคอปเตอร์ด้วยกัน ทั้งสองตื่นเต้นกับ ภาพพจน์ของที่นี่
และมองดู อาคารเรียน หอพักและอาคาร สันทนาการที่อยู่ใต้พวกเค้าซึ่งกำลัง ลงจอดที่ลานจอด
เฮลิคอปเตอร์ ใกล้กับ หาดทางตะวันออกของเกาะ

Tanat
รูปภาพ
Kotaro
รูปภาพ

“ ระดับของนักเรียนที่นี่จะถูกแบ่งด้วยสี โดยไล่ลงมาจากสูงที่สุดคือ บลู(Blue) เยลโลว่(Yellow) และ เร้ด(Red) ”
อาจารย์สาว ยังคงอธิบายต่อไปเรื่อยๆขณะ เฮลิคอปเตอร์ ลงจอดยังลาน ซึ่งได้มีอาจารย์ ของทาง ดูเอล อาคาเดเมีย
มารอต้อนรับพวกเค้า ที่ได้รับการเชิญ มาผ่านทาง Phenomenon Party Corp. ที่เป็นหุ้นส่วนสำคัญ
เมื่อ ใบพัดของ ฮ. หยุดหมุนลงแล้ว นักบินจึงลงมาเปิดประตู ให้พวกเค้าได้ลงจาก เครื่อง

“ มามามิย่า~~~~ ยินดีต้อนรับสู่ ดูเอล อาคาเดเมีย อันทรงเกรียติแห่งนี้ ”
อาจารย์ชายท่านหนึ่งทักทาย เสียงแหลมแหบ ให้กับพวกเค้าที่พึ่งมาถึง ใบหน้าของอาจารย์ผู้นี้ เหี่ยวย่นและดูแก่เกินวัย
ยิ่งนำมาเทียบกับผมทรงกะลาครอบสีเหลือง และ รอยยิ้มที่ฉีกปากเสียจนเกือบถึงรูหู ทำให้ดูน่าสะอิดสะเอียน
จนพูดได้เต็มปากเลยว่า อัปลักษณ์

“ เค้าพูดว่าอะไรเหรอ โคทาโร่ ฉันฟังไม่รู้เรื่องเลย ”
ธนัท หันไปถาม เพื่อซึ่งมีเชื้อสายญี่ปุ่น และคงจะฟังภาษาที่อาจารย์คนนี้รู้เรื่อง

“ อาจารย์เค้ามาทักทายน่ะ ”
โคทาโร่ ตอบ

“ เหรอ.. ”
ธนัท เปรยเค้าเริ่มรู้สึกว่าการมาเยือนครั้งนี้คงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เพราะบนเกาะแห่งนี้ คนส่วนมากพูดภาษาญี่ปุ่น
กันหมด จนเค้าไม่รู้ว่าจะสื่อสารด้วยยังไง

“ ใช้นี่สิ ธนัทคุง ”
อาจารย์สาวที่มากับพวกเค้าด้วยพูดพร้อมกับยื่น การ์ดผนึกสีแดง ให้ ธนัท รับมาดูอย่าง งงๆขณะที่เธอเริ่มอธิบายต่อ
ถึงวิธีใช้การ์ดผนึกนี้

“ ในการ์ดผนึกใบนี้เป็น เวทย์ภาษา ที่จะเปลี่ยนการรับรู้และการโต้ตอบของภาษาทั้งคำพูดและตัวเขียนให้สามารถเข้าใจได้
ส่วนวิธีใช้ ก็ให้ แสตนบายน์ Note ของเธอให้อยู่ Duel Mode ก่อน แล้วร่ายมันออกมาเหมือนกับร่ายการ์ด ลองทำดูสิ ”

หลังจากฟังที่เธออธิบายเสร็จ เค้าจึงหยิบเอา คอรัส ขึ้นมาและสั่งให้มันเปลี่ยนรูปเป็นปลอกแขนและสวมเข้ากับแขนซ้าย ก่อนจะ ร่ายการ์ดผนึก ออกไปเหมือนทุกครั้งทันทีที่ และแม้ว่าการ์ดผนึกจพทำงานแล้วก็ตามแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

“ ซินยอร์ ธนัท ฟังภาษเราไม่รู้เรื่องสินะถึงต้องใช้ การ์ดเปลี่ยนภาษา ”
อาจารย์ชายพูดขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ ธนัท สามารถฟังสิ่งที่เค้าพูดได้รู้เรื่องอย่างหมดจดเลย

“ สุดยอดไปเลย เมื่อกี้ยังฟังไม่รู้เรื่องอยู่เลย แต่ตอนนี้เข้าใจแจ่มแจ้งชัดแจ๋ว ”
ธนัท อดตีสีหน้าประหลาดใจกับความวิเศษของการ์ดผนึกนั้นไม่ไหว ทำเอา อาจารย์สาว อมยิ้มแก้มปริ

“ ธนัทคุง การ์ดเปลี่ยนภาษาน่ะ ที่นี่นักเรียนทุกคนจะใช้มัน สำหรับทำการดวลล่ะ เพราะไม่อย่างนั้นก็อ่าน Text ของการ์ด
ไม่ออกสิจริงไหม ”
อาจารย์สาว หยอกใส่กับความอ่อนโลกของเค้า

“ ว่าแต่ที่เรียกว่า คุง นี่มัน… ”
เรื่องของการ์ดเปลี่ยนภาษนั้นสำหรับเค้าก็ถือว่าแปลกแต่ที่ไม่ชวนคุ้นหูเลยคือการที่เรียกลงท้ายเค้าว่า คุง ตลอดเวลา

“ อ…อุ้ยโทษทีนะ พอดี ฉันติดปากแล้วน่ะ เวลาเรียกพวกนักเรียนก็จะเรียกแบบนี้บ่อยๆน่ะนะ ”
เธอ สะดุ้งนิดหน่อยที่ถูกทักกับการพูดของเธอ

“ ว่าแต่ จะเริ่มกันตรงไหนก่อนดีล่ะ ถ้าจะชมการเรียนการสอนล่ะก็ ตอนนี้คงไม่ได้ เพราะคาบเรียนพึ่งจบไปเมื่อกี้นี้เอง
ป่านนี้ อาจารย์ อายุกาวะ คงปล่อยพวกนักเรียนออกมากันหมดแล้ว ถ้ายังไงเราไปพักทานน้ำชาให้หายคอแห้งที่ หอบูล กันก่อนจะดีกว่ามั้ย ”

อาจารย์ชาย พูดเสียงแหลมแหบพร้อมกับ ผายมือไปยัง อาคารสีขาวหลังคาสีฟ้า เรือนใหญ่ที่ตั้งเยื้องออกมาจาก
อาคารเรียนหลักที่ใจกลางเกาะ

“ ตายจริง! ยังไม่ได้แนะนำกันเลยนี่นา ตั้งแต่ขึ้น ฮ. ที่ท่าเรือมาเนี่ย ฉันเป็นอาจารย์พิเศษที่มาสอนอยู่ที่ ดูเอล อาคาเดเมีย
เบิร์ด นาตาลู(Bird Natalu) ส่วนนี่อาจารย์ใหญ่ โครนอส(Crowler) เป็นอาจารย์ประจำอยู่ที่นี่ ”
อาจารย์สาว พูด หลังจากนึกขึ้นมาได้ ก็แนะนำตัวเองกับ อาจารย์ชาย ที่พูดเป็นต่อยหอยอยู่เมื่อครู่
ไปๆมาๆ เลยกลายเป็นว่า ที่ อาจารยืโครนอส พูด ก็ไม่มีใครฟังกันเลย

“ ตอนนี้เราเสียเวลาไปมากแล้วนะครับ รีบพาผมไปดูซักทีสิ…การ์ดที่ว่านั่นน่ะ ”
โคทาโร่ แทรกขึ้นมาในระหว่างที่บรรยากาศ กำลังเป็นไปอย่างสบายๆ แม้จะดูเหมือนว่าเค้าเองก็สนุกไปกับ ธนัท ที่ได้มาที่นี่ สิ่งสำคัญที่พวกเค้ามาวันนี้ คือการมารับ การ์ดที่ ประธานปอร์ ฝากมา

“ เข้าใจแล้วล่ะ ถ้างั้นจะพาไปเลยก็แล้วกันแต่ว่า ธนัทคุง คงจะไปด้วยไม่ได้ เธอเดินเที่ยวไปรอบเกาะก่อนก็แล้วกันนะ ไว้เสร็จแล้วจะโทรไปเรียกละกัน ”
อาจารย์ เบิร์ด กล่าว ซึ่ง ธนัท ก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร และเค้าเองก็อยากจะเที่ยวมากกว่าไปยุ่งเรื่องงานของ โคทาโร่ เสียอีก
สายตาซุกซน เริ่มกลิ้งกลอกมองไปรอบๆ เพื่อหาจุดที่น่าสนใจ ไปเรื่อยๆ อาจารย์ โครนอส ที่เห็น ความอยากรู้อยากเห็นของเค้าก็ รีบเสนอตัวจะสร้างหน้าให้โรงเรียน ทันที

“ ถ..ถ้าอย่างนั้น ฉันจะเป็นคนพา ซินยอร์ธนัท เดินเที่ยวที่นี่… ”

“ ไม่ได้นะคะ อาจารย์โครนอส มีประชุมอาจารย์ที่หอบูล อยู่ไม่ใช่หรือคะ ”
อาจารย์ เบิร์ด ขัดขึ้นทำเอาสีหน้าของ อาจารย์ โครนอส ซีดเพียวไปทันทีที่ เมื่อถูกแย้งด้วยงาน และก็ต้องรีบแจ้นคอตกไป
ที่อาคาร หลังที่ตั้งใจจะพาดื่มน้ำชากันแต่แรก เพื่อไปเข้าประชุม ส่วน โคทาโร่ ก็ ไปกับ อาจารย์เบิร์ด ที่อาคารสันทนาการ ซึ่งอยู่สูงขึ้นไปบนเนิน ทางเหนือจาก ลาน เฮลิคอปเตอร์ ตอนนี้ เหลือแค่ ธนัท คนเดียวเท่านั้น เค้าจึงตัดสินใจเดินไปที่ทางใต้ของเกาะ

………………………………………….
……………………………………………………………………

ตอนนี้ ธนัท เดินเกร่อมาเรื่อยจนมาหยุดอยู่ที่ลานหน้าหอหลังคาสีเหลือง ที่นั่นมีกลุ่มนักเรียนกำลังล้อมกลุ่มกันทำอะไรบางอย่างอยู่และส่งเสียดังออกมาเป็นช่วงๆด้วย

“ ให้ Colt Leogriff กับ Young Leogriff เป็นวัคถุดิบทำการ Growth ออกมาเลย Elder Leogriff!! ”
เสียงตะโกน ของนักเรียนคนหนึ่งซึ่งกำลังทำการดวลกับ นักเรียนอีกคนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเหล่านักเรียน
ที่ใส่ชุดแจ๊กเก็ตโรงเรียน สีเหลือง และ สีน้ำเงิน โดยฝ่ายสีน้ำเงิน เชียร์ นักเรียนชายที่ดูหยิ่งๆ และชุดยูนิฟอร์มสีดำ
ส่วนสีเหลือง เชียรื นักเรียนชุดยูนิฟอร์มสีเหลืองเหมือนกัน ซึ่งกำลังเสียเปรียบอยู่

ในสนามของนักเรียนชุดดำ อสูรกริฟฟินสิงห์ วัย เด็กและวัยหนุ่ม รวมตัวกันและกลายเป็น ร่างเต็มวัย
เสียงคำรามของมัน ดุดัน และกึกก้องจนลั่นลานหน้าอาคารหอพักหลังคาสีเหลือง

รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

“ ไปเลย Elder Legriff โจมตี!! ”
สิ้นคำของนักเรียนชุดดำ อสูรกริฟฟินสิงห์ ก็บดขยี้อสูรของ นักเรียนอีกคน จนสิ้นท่าและชนะในการดวลไปในที่สุด

“ หน่วย!!! ”
เสียงตะโกนดังขึ้นจาก เหล่านักเรียนชุดสีน้ำเงิน มันดังเสียจน ธนัท ต้องรีบยกมือปิดหูด้วยความตระหนก

“ สิบ!!! ” “ ร้อย!!! ” “ พัน!!! ”
เสียงนับยังคงดังกึกก้องอย่างต่อเนื่องและเมื่อ เสียงนับ “ พัน ” สิ้นสุดลง นักเรียนชุดดำก็ชูนิ้วขึ้นเหนือหัว
ก่อนจะตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดังพร้อมกับ นักเรียนชุดน้ำเงินคนอื่นๆ

“ มันโจเมะ ธันเดอร์!!!! ”
เสียงตะโกนประกาศฉายาดังกึกก้องระรัวปานกลองศึกเลยก็ไม่ปานและยังคงก้องต่อไปอีกซักพัก

“ ที่นี่เค้าครึกครื้นกันดีแฮะ ”
ธนัท เปรยไปตามภาพที่เห็น กับความครึกโครมของบรรดานักเรียน ก่อนจะเดินจากออกไปเพื่อหาที่เงียบๆ
เพราะสำหรับเค้าดุเหมือนที่นี่มันจะหนวกหูเกินไป

“ หือ…ชุดสีขาว..ใครกันไม่เห็นคุ้นเลยเจ้านั่นไม่ใช่นักเรียนของ ดูเอล อาคาเดเมีย….ใครกันนะ ”
นักเรียนชุดดำ ซึ่งถูกเรียกว่า มันโจเมะ ที่กำลังรับการสรรเสริญจากนักเรียนรอบๆ พึมพำเมื่อเห็น ธนัท เดินจากไป

“ เป็นอะไรไป มันโจเมะ ทำหน้าเหมือนเห็นผีทั้งที่ชนะฉันเนี่ยนะ ”
นักเรียนชุดเหลือง ที่ดวลด้วยเข้ามาทักเมื่อเห็นท่าทีแปลกๆของ มันโจเมะ

“ เปล่าหรอก..เมื่อกี๊ฉันเห็นใครก็ไม่รู้มายืนดูพวกเราดวล น่ะไม่ใช่คนบนเกาะนี้ซะด้วย ”
มันโจเมะ พูด ด้วยความสงสัย

“ ไม่แน่บางทีอาจจะเป็น นักร่ายอสูรคนนั้นก็ได้นะ ที่ว่ามาจาก ไทยน่ะ ”
นักเรียนชุดเหลือง เอ่ยขึ้น ทำให้เค้าหันมาถามด้วยความสนใจ

“ นักร่ายอสูรจากไทย? นายรู้รึเปล่าว่าเป็นใครน่ะ มิซาวะ ”


“ อะไรกันนี่นายไม่รู้เหรอ ข่าวนี้น่ะมันกระจายไปทั่วเกาะแล้วนะ นักร่ายอสูรที่จะมาเยี่ยมชม โรงเรียนน่ะคือ Pawn of Checkmate 5กับ สุดยอดนักร่ายอสูร ที่เคยชนะ King of Checkmate 5 มาแล้วเชียวนะ ”

…………………………………..
……………………………………………….

“ ลูกพี่!!! ” “ ลูกกกกกกพี่!!!!! ”
เสียงตะโกน ดังลั่นไปทั่วทั้งเนินสูงที่ยื่นขึ้นไปยังเชิงผาของเกาะ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ หอพักซอมซ่อหลังคาสีแดง
นักเรียนผมสีฟ้าแฉกปลายชุด ยูนิฟอร์มสีแดง วิ่งหน้าตื่นซะจนแว่นตาที่สวมอยู่จะหลุดมิหลุดแหล่ ขึ้นบันไดเหล็ก
ไปชั้นสอง ก่อนจะตรงรี่เข้าไปเปิดประตูห้องบนชั้น

“ แฮ่กๆ ลูกพี่ข่าวใหญ่ครับ ข่าวใหญ่ แฮ่กๆ เฮ้อ~~ ”
เด็กหนุ่มหอบฮั่กๆ ใช้มือขยับแว่นตาให้กลับเข้าที่ ขณะที่ เด็กหนุ่มอีกคน ซึ่งมีผมสีน้ำตาลทรงคล้ายแมงกระพรุน
จ้องตาแป๋วมาที่เค้า อย่าง งงๆ

“ มีอะไรเหรอ โช? ”
เค้าถาม เด็กหนุ่มที่ทะเล่อทะล่า เปิดประตูห้องเข้ามา แต่ยังไม่ทันจะรู้เรื่องอะไรก็โดน ตะคอกใส่กลับมา

“ ยังจะมา มีอะไรเหรอ โช อยู่อีกหรือคับ ลูกพี่!!!นี่มันข่าวใหญ่ แฮ่ก ข่าวใหญ่สุดๆ ”

“ ก…ก็แล้วมันอะไรล่ะ โช ใจเย็นก่อนได้มั้ย~~ ”
เด็กหนุ่มที่ ถูก โช เรียกว่า ลูกพี่ พยายามจะให้ โช ใจเย็นลงเพราะตอนนี้พูดอะไรมาเค้าก็ฟังไม่รู้เรื่อง
ตอนนี้เอง Note ที่เค้า ห้อยคอไว้ ก็ส่งเสียงเตือนว่ามีคนติดต่อเข้ามา

“ สายจาก อาซึกะ เหรอ วันนี้มันอะไรกันนะ ถึงได้วุ่นกันขนาดนี้เนี่ย ”
เค้า บ่นพร้อมกับ รับสายโดยให้ Note ฉายจอภาพติดต่อขึ้นมา เด็กสาวผมทองยาว ชุดยูนิฟอร์มสีน้ำเงิน เป็นผู้ติดต่อเข้ามา
เด็กหนุ่ม ทักพร้อมกับถามถึงธุระ ซึ่งสีหน้าของเธอที่ฉาพผ่านจอภาพกลับมาดูจะประหลาดใจเอามากๆ กับคำพูดของเค้า

“ อะไรกัน จูได(Jaden Yugi) นี่เธอยังไม่รู้เรื่องอีกเหรอ?! ”
อาซึกะ ถามกลับโดยไม่อยากจะเชื่อปากของเค้าที่ยังมาถามเธอว่ามีอะไรอีก

“ นี่เธอก็เป็นไปด้วยอีกคนเหรอเนี่ย แล้วตกลงมันเรื่องอะไรกันเล่า! ”
จูได ตะเบ็งเสียงประชดงอน ที่ทุกคนทำกับเค้าอย่างกับคนตกยุคตกสมัยไม่ทันข่าวสารอยู่คนเดียว

“ ตอนนี้น่ะ นักร่ายอสูรในตำนานที่เคยเอาชนะ King of Checkmate 5 เมื่อ 2 ปีก่อน มาอยู่ที่เกาะนี่แล้วนะ
ทำให้ตอนนี้ทั้งเกาะวุ่นกันไปหมดแล้วเนี่ย ถ้าเธอเจอล่ะก็บอกฉันด้วยล่ะ ฉันอยากจะลองใช้สำรับใหม่นี่ไปสู้กับเค้าดู ”
อาซึกะ พูดจบก็ตัดสายไปทันที ทิ้งให้ จูได ที่นิ่งอึ้งกิ่มกี่ไปทันที ที่ได้รู้ข่าวนี้

“ โช!!!!! ทำไมนายถึงไม่บอกฉันหา!!!เรื่องใหญ่แบบนี้เนี่ย มันต้องรีบพลิกเกาะหากันแล้ว!!!!!!!!! ”
จูได ตะโกนเสียงลั่นหอ ใส่หน้า โช เสียจนตัวแทบปลิวไปกับเสียงของเค้าขณะที่ต้องเอามืออุดหูไปด้วย

“ ก…ก…ก็ผมพยายามจะบอกลูกพี่อยู่เนี่ย ”
โช แย้ง โดยที่หูของเค้ายังสะท้านกับพลังเสียงเมื่อครู่ไม่หาย แต่ไม่ทันไร จูได ก็จัดการลากลูกน้องตัวดี วิ่งแจ้นออกจาห้องไปทันที

“ ไม่มีเวลาแล้วโช เราต้องรีบไปหาตัวหมอนั่นให้เจอแล้วก็ขอลายเซ็นท์ เอ๊ยไม่ใช่ แล้วก็ท้าดวล ด่วนเลย!! ”
จูได ไม่พูดพร่ำทำเพลงแต่อย่างใด ลาก โช วิ่งดุ่มๆ เข้าป่าไปทันที

…………………………………
…………………………………………………………………….

“ เจอไหม!! ”
“ ไม่เจอเลย ทางนี้ก็ไม่อยู่เหมือนกัน ”
“ แล้วทางนั้นล่ะ เจอไหม!! ”
“ ไม่เจอ!! ” “ งั้นย้ายไปหาฝั่งโน้นกันเถอะ ”

แค่เพียงเวลาไม่นาน การตามหาตัว ธนัท ก็กลายเป็นกิจกรรมใหญ่ของ นักเรียนทั่วทั้งเกาะไปเสียแล้ว

……………………………………….

“ หว้า~~ เดินเพลินไปหน่อยแปปเดียวหลงมาที่ไหนก็ไม่รู้แล้วสิเนี่ย ”
ธนัท บ่นขณะที่เดินแหวกพุ่มไม้ ออกมาจาก ป่าตอนนี้เค้ามาโผล่มายังที่ๆไม่รู้จักเสียแล้ว ตรงหน้าเป็น ผาและไกลออกไปก็เป็นทะเลไกลสุดลูกหูลูกตา

กิ๊ว~~~~~~

“ หืม? นั่นเสียงอะไรน่ะ ”
ธนัท หันไปมองเพื่อหาต้นตอของเสียงนั้น แต่ก็ไม่พบใครเลย จนเมื่อเสียงนั้นดังขึ้นมาอีกและก็ดังครั้งแล้วครั้งเล่า
เหมือนกำลังเรียกเค้าอยู่ ธนัท เดินตามเสียงนั้นไปโดยไม่รู้ตัว โผล่มาอีกที เค้าก็เดินทะลุออกจากป่า มาโผล่อยู่หน้า
หอโทรมๆหลังคาสีแดง เสียแล้ว โดยที่ในมือมี การ์ดติดมาด้วย เค้ามองไปรอบๆอย่าง งงๆ
ก่อนจะยกการ์ดที่ติดมือมาตอนไหนก็ไม่รู้ ขึ้นมาดู

“ เอ …ทำไมเรามาโผล่ที่นี่ได้นะ เกาะมันมีอะไรแปลกๆเยอะเหมือนกันแฮะ ”
ธนัท บ่นพร้อมกับ ดูการ์ดที่ถืออยู่ มันเป็นการ์ดที่เค้าไม่รู้จักและไม่เคยมีในครอบครองมาก่อน

กิ๊ว~~~~

เสียงดังออกมาจากการ์ดทำเอาเค้าตกใจ เสียจนต้องย้ายเท้ามาข้างหลังข้างหนึ่งเพื่อประคองตัวไว้ไม่ให้ล้ม

“ หรือว่า….นายเป็นคนเรียกฉันที่ในป่านั่นน่ะ… ”
ธนัท เปรยโดยที่ตัวเค้าเองก็ยังไม่อยากเชื่อคำพูดของตัวเองด้วยซ้ำ แต่ว่า อสูรวิญญาณในการ์ดนั้นก็ตอบสนอง
ด้วยการส่งเสียงยืนยันขึ้นมาอีกครั้ง

“ รอด้วยค้าบ!!!! ลูกพี่!!!! ”
“ เร็วเข้าสิ โช!! ขืนชักช้าเดี๋ยวก็หาตัวไม่เจอหรอก ”

เสียงดังลั่นออกมาจากป่า ก่อนที่ จูด และ โช จะวิ่งหลุดออกมา หน้าหออีกครั้ง

“ น…นี่เรากลับมาที่เดิมหรอกเหรอเนี่ย เฮ้อ~~ ”
จูได ทรุดเข่าลงกับพื้นครวญอย่างหมดหวัง ขณะที่ โช ซึ่งวิ่งตามมาจากป่า ก็เปลี่ยนเป็นลานตามหอบมาอย่างอ่อนแรง
และล้มฟุบลงอยู่ข้างๆเค้า

“ อ…เอ่อ พวกนายทำอะไรกันอยู่เหรอ ”
ธนัท ถามเสียงตะกุกตะกัก ไม่แน่ใจกับทีท่าของทั้งสอง

“ จะว่าไปแล้วนะ โช คนระดับเค้าจะมา เดินแกร่วไปมาอยู่แถวหอเร้ด เหรอ เราน่าจะลองไปหาแถวหอบูล
ดูนะ ”
จูได เสนอขึ้นมาก่อนจะหันไปขอความเห็นจาก โช

“ แต่ผมไม่ไหวแล้วล่ะครับ…ลูกพี่ ”
โช เค้นแรงเท่าที่เหลือจะเปล่งเสียงออกมาให้เป็นคำพูดได้ ก่อนจะฟุบลงกับพื้นต่อ

“ นั่นสิ ฉันเองก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน…แล้วถ้าเจอก็คงจะไม่ได้ดวลด้วยแหงๆ เลยป่านนี้ หมอนั่นคงจะมีนักเรียนคนอื่นล้อมหน้าล้อมหลัง จ่อคิวรอดวลเป็นหางว่าวแหง ”
จูได ยันตัวลุกขึ้น ก่อนจะหันไปทางทะเล และชี้นิ้วออกไปสุดมือ ก่อนจะตะโกนออกไป

“ ถึงเราจะไม่ได้ดวลกับเค้าวันนี้ แต่ซักวันฉันจะต้องตามไปดวลกับเจ้านั่นให้ได้ ยังไงก็ไม่ยอมแพ้หรอก!!! ”

“ ไม่ฟังที่เราพูดเลยแหะ… ”
ธนัท บ่นอุบอิบนิดหน่อย ที่ทั้งสองคนทำเหมือนไม่เห็นหัวเค้าเลย และกำลังคิดจะเดินจากไปเงียบแต่แล้ว
จูได ก็หันมาเรียกเค้าไว้

“ เดี๋ยวก่อน!! นาย เจ้าเสื้อสีขาวน่ะ ”
ธนัท สะดุ้งโหยงขึ้นมาจนหันหลังกลับเองโดยอัตโนมัติ

“ มาดวลกัน เพราะวันนี้ยังไงก็ไม่ได้ดวลกับ นักร่ายอสูรในตำนานแล้ว ก็ขอดวลแก้เซ็ง หน่อย
ตกลงนะถ้างั้นก็มาเริ่มกันเลย ” /Get Set!!/
จูได ยัดเยียดคำท้าพร้อมกับแสตนบายน์ Note ของตัวเองทันที

{อึ๋ย ยังไม่ทันตอบ พ่อก็ลุยแล้ว~~ พูดเองตบเองเฉยเลย}
แม้จะรู้สึกระแวงๆอยู่บ้างแต่ ธนัท ก็ยอมดวลด้วย

“ กฏที่โรงเรียนมีอยู่ว่าให้ดวลด้วย Ruler Level Expert Mode สินะ ”
ธนัท ถามก่อนที่จะเริ่ม

“ อืม! ใช่แล้วล่ะ ถ้างั้นมาเริ่มกันเลย ”
จูได ตอบเสียงดัง อย่างเริงร่าที่จะได้ดวลเหมือนกับลืมเรื่องที่เจ็บใจอยู่ก่อนหน้านี้ไปหมด

“ Let’s Duel!!! ”

“ ห..โห้ย~~~ ลูกพี่นะลูกพี่ ยังจะมีแรงดวลอีกเหรอ~~~ ”
โช เปรยละล่ำละลัก กับความอึดของ จูได

……………………………………………….
………………………………………………………………………….

ภายในห้องของผู้อำนวยการ ดูเอลอาคาเดเมีย อาจารย์ เบิร์ด ได้พา โคทาโร่ เข้ามาเพื่อพบกับ อาจารย์ ผอ.
ซึ่งรอต้อนรับอยู่ในห้องก่อนแล้ว เมื่อพวกเค้ามาถึง อาจารย์ ผอ. จึงลุกจากเก้าอี้มาทักทายพวกเค้า
ชุดของอาจารย์ ผอ. เป็นสีแดงเข้มออกม่วงต่างจากอาจารย์คนอื่น และหัวที่ล้านกลมเกลี้ยงเกลาไม่มีผมซักเส้น

“ โอ้ มาแล้วรึเนี่ย ยินดีต้อนร้บสู่ ดูเอล อาคาเดเมีย ผม เป็น อาจารย์ ผอ. ชื่อว่า ซาเมจิมะ นะครับ ”
อาจารย์ ซาเมจิมะ ทักทายพร้อมกับยื่นมือ ออกไปโคทาโร่ จับมือเค้าและทักทายกลับตามมารยาทไป

“ ยินดีเช่นกันครับ ว่าแต่การ์ดที่ว่า… ”

“ ถ้าหมายถึงการ์ดนั่นล่ะก็มัน ถูกเก็บอยู่ที่โต๊ะทำงานของผมเอง เดี๋ยวจะไปเอามาให้รอซักครู่ ”
อาจารย์ ซาเมจิมะ รีบวิ่งกลับไปที่โต๊ะ แล้วชักเอากุญแจขึ้นมาจากกระเป๋า เสื้อโค้ท เพื่อไข ลิ้นชักโต๊ะ
ก่อนจะนำเอา หีบผ้าอันเล็ก ออกมาและนำมามอบให้ โคทาโร่ รับมาเปิดดูด้วยความอยากรู้ข้างในหีบ

มีการ์ดมิสติก วางคว่ำหน้าไว้อยู่ 1 ใบ เค้าหยิบมันขึ้นมาดู ขณะที่อาจารย์ ซาเมจิมะเดินกลับไป
เอาเอกสาร ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอ่านให้ฟัง

“ การ์ดใบนี้มีชื่อเรียกเป็นทางการกันว่า Synchronize Mystic มันเป็นรูปแบบของคาถาที่ยังเป็นปริศนามาจน
ถึงวันนี้ จากบันทึกโบราณที่เราทำการศึกษามาอย่างต่อเนื่องเลยทำให้รู้ว่า มันเป็นบันทึกเก่าที่คนในยุคโบราณ
เขียนทิ้งไว้เกี่ยวกับ คาถาที่ถูกผนึกอยู่ใน Synchronize Mystic บันทึกนี้ถูกเขียนขึ้นราวๆ 3,000 ปีก่อน ”

“ 3,000 ปีก่อน!! แต่พลังงาน Magic มนุษย์เราพึ่งจะค้นพบเมื่อ 200 กว่าปีนี้เองนะครับ!? ”
โคทาโร่ หลุดปากออกไปโดยอัตโนมัติ ไม่มีใครคาดคิดได้หรือแม้แต่เค้า ที่จะรู้ว่า พลังงาน Magic ที่พึ่งค้นพบเมื่อไม่กี่ร้อยปีมานี้ ในอดีตจะมีการค้นพบก่อนหน้านั้นอีกเป็นใครก็คงต้องร้องออกมาเหมือนเค้าแน่

“ เดิมที Magic เป็นศาสตร์พลังงานที่พัฒนาต่อจากการ วิจัยศาสตร์การแปรธาตุ ในสมัยก่อนจนกลายมาเป็น Magic ได้
เพราะวิทยศาสตร์ของมนุษย์เราตีบตันการพัฒนาไปกว่าสองร้อยปีแล้ว ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ ทั้งวิทยาศาสตร์และMagic ต่างก็เป็น ศาสตร์ที่พัฒนาขึ้นโดยใช้ศาสตร์การแปรธาตุเป็น พื้นฐาน ถ้าคนในสมัยนั้นจะบางส่วนที่พัฒนาไปทาง
Magic ก่อน วิทยาศาสตร์ก็เป็นไปได้ แต่อาจจะไม่รุ่งเรืองเท่าสายวิทยาศาสตร์ เพราะ กว่าเราจะใช้ Magic ได้ก็ต้องพึ่งพาวิทยาการจากวิทยาศาสตร์ชั้นสูงไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ ”

อาจารย์ เบิร์ด อธิบาย

“ สรุปแล้วพัฒนาการของ วิทยาศาสตร์ของมนุษย์มีเพื่อให้เป็นพื้นฐานอีกขั้นสำหรับ Magic ที่เป็น
ศาสตร์ขั้นสูงกว่าอย่างนั้นใช่มั้ยครับ ”
โคทาโร่ สรุปออกมาตามที่ได้ยิน แม้จะเหลือเชื่อแต่ความเป็นไปได้และเหตุผลรองรับก็มากพอที่จะยืนยันว่ามันเป็นเรื่องจริง
ที่ศาสตร์สมัยใหม่อย่าง เวทยาการ ที่ใช้ Magic สร้างอาจจะมีมาก่อนแล้วในอดีต

“ Synchronize Mystic จะมีพลังซ่อนไว้ขนาดไหนกันนะ ”
โคทาโร่ เปรยสายตาของเค้าจ้องเพ่งไปบนการ์ดผนึกที่ถืออยู่ในมือ สัมผัสประหลาดที่ทำให้รู้สึก
เย็นยะเยือก เข้าไปเส้นเลือดซึ่งแผ่ออกมาจากการ์ดผนึก ที่เค้าเพียงแค่จับมันอยู่เท่านั้นหากเอามาร่ายให้ทำงาน
พลังที่จะก่อเกิดขึ้นจะมากมายเพียงใดเค้าไม่อาจคาดเดาได้เลย พร้อมกันนั้นอีกความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามา
เมื่อหันไปดูมาราคัส Note ของตนที่ห้อยคออยู่ ซึ่งเค้าพึ่งจะเปลี่ยน ชิ้นส่วนของมันที่ได้รับจาก บิชอป นิฮิล

{บางทีการที่เราได้รับ Body ใหม่สำหรับ มาราคัส มาอาจจะเพื่อรองรับ พลังมหาศาลจาก Synchronize Mystic
นี่ก็ได้}
โคทาโร่ คิด

…………………………………………..
………………………………………………………………….

หน้าหอพักสีแดง ตอนนี้การดวลระหว่าง จูได และ ธนัท ก็กำลังจะเริ่มขึ้น ทั้งสองต่างฝ่ายจับการ์ดขึ้นมา
พร้อมเล่นแล้ว

[Tanat Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:5/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]

“ ฉันเป็นฝ่ายบุกก่อน Cost Mp 3 อัญเชิญ อัลบิโน กริฟฟอน ออกมาที่ Df Line ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับอัญเชิญ อสูรกริฟฟอนสีขาวปรอด ออกมาบนพื้นที่แนวหลัง

รูปภาพ

[Tanat Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 2 Mp:2/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]

“ และให้ Ability ของ อัลบิโน ทำงาน Albino Calling ค่าร่ายของเผ่าสัตว์อสูรบนมือของฉันทุกใบจะลดลง 1 จุด
และ Cost Mp 1 เพื่อเรียกให้ ยูนิคอร์นหมอกดำ(Darkmist Unicron) ออกมาพร้อมโจมตีที่ At Line ”
สิ้นคำ อสูรม้าขนสีเทาซีดคล้ายสีหมอกก็ปรากฏตัวขึ้นที่สนามแนวหน้า บนหน้าผากของมันมีเขาแหลมยาว
สีเงินงอกออกมา ท่วงท่าสง่าดั่ง สัตว์เทพ

รูปภาพ

[Tanat Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:1/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]

“ และ Cost Mp ที่เหลือเรียกให้ เซเบอร์ ฮอร์น ฮาวน์(Saber Horn Hound) ออกมาที่ Df Line อีกตัวแล้วหมดรอบ ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับ อัญเชิญ หมาเขาดาบขึ้นมาเพิ่มในสนามเป็นกำลังสำรองอีกตัว

รูปภาพ

[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:0/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]

“ รอบของฉัน Cost mp 2 เรียกให้ ดรานิตี้ฮีโร่ ออร์ก้ากูน(Orcagoon, the Dranity Hero) ออกมาที่ Df Line ”
จูได ประกาศรอบของตนพร้อมกับ ร่ายการ์ดซีล บนมือ ออกไปอสูรที่ถูกอัญเชิญขึ้นมาบนพื้นที่ คืออสูรมนุษย์มังกร
ที่มีสายพันธุ์ผสมผสานกับวาฬเพชรฆาต จึงรูปลักษณ์ที่คล้ายมังกรแต่ยืนด้วยสองและมีสองแขนเหมือนมนุษย์
แต่หางเป็น ครีบปลาสะบัดส่ายไปมา ผิวสีดำเป็นมันลื่นเหมือนผิว วาฬ

รูปภาพ

[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 2 Mp:5/7 Shrine 0/6 ]

“ ดรานิตี้ฮีโร่ เหรอ? ว้าว! มีการ์ดแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย แถมยัง …เท่อีกตะหาก ”
ธนัท พูดโดยที่มองร่างของ ออก้ากูน ตาไม่กระพริบ ทำเอา จูได อดประทับใจที่มีคนชื่นชม อสูรของตน
ไม่ไหวจนต้องอวดสรรพคุณขึ้นมา

“ ใช่ม้า!ๆ ฮีโร่ของฉันน่ะทั้งเท่แล้วก็เก่งด้วยนา เพราะ ออก้ากูน น่ะยังมีผลพิเศษที่จะทำให้ได้
จั่วการ์ดขึ้นมา 2 ใบด้วยเมื่อฉันไม่มี อสูร ตัวอื่นอยู่บนพื้นที่นอกจาก ออก้ากูน ด้วย ”
จูได พูดจบก็จับการ์ด มิสติกขึ้นมา 2 ใบ

“ แล้วก็ต้องทิ้งไปใบหนึ่ง ”
จูได พูดต่อจากนั้นจึงทิ้งมิสติกการ์ดที่จับขึ้นมาไปที่ช่อง Shrine ของปลอกแขนใบหนึ่ง

[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 3 Mp:5/7 Shrine 0/6 ]

“ จากนั้น Cost Mp 2 อัญเชิญ ดรานิตี้ฮีโร่ เทคกูน(Techgoon, the Dranity Hero) ออกมาที่ At Line ”
จูได อัญเชิญ ฮีโร่ ขึ้นมาในสนามอีกตัว คราวนี้เป็นมนุษย์มังกรสีขาวทั้งร่างหุ้มสวมด้วยเกราะหนาเทอะทะ

รูปภาพ

[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 3 Mp:3/7 Shrine 0/6 ]

“ และ Ability ของ เทคกูน ก็ทำงานเมื่อเข้ามาในสนาม ให้กำจัด ดรานิตี้ฮีโร่ ใบอื่นกับ Mystic Card ใน Shrine ออกไปจากเกม อย่างละใบ และเพราะผลของ ออร์ก้ากูน เมื่อกี้ทำให้ฉันมี Mystic Card ที่ทิ้งไปเพราะผลการจั่วของมันอยู่ด้วย
ฉันขอกำจัด ออร์ก้ากูน กับ Mystic Card ที่อยู่ใน Shrine ออกไปและ เทคกูนของฉันจะป้องกันจากการโจมตี ได้ 1 Turn ”

จูได ประกาศ พร้อมกันนั้น ออร์ก้ากูนที่อยู่ในสนามก็สลายร่างของตัวเองกลับเป็นละอองและคืนสู่รูปของการ์ดกลับไปอยู่ที่มือของจูได และ การ์ดมิสติกที่อยู่ใน Shrine ของ จูได ก็ถูกส่งคืนออกมาจากช่อง Shrine ของปลอกแขน เค้าเก็บเอาการ์ดทั้ง
สองใบใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะเริ่มเล่น ต่อ ตอนนี้ร่างของ เทคกูน ถูกปกคลุมด้วยออร่าคุ้มครองที่กางออกมาโดยใช้พลังของ ออร์ก้ากูน ที่สละไปเมื่อครู่มาเป็นพลังงาน

“ Cost Mp 1 เรียกให้ ดรานิตี้ฮีโร่ อาร์มกูน(Armgoon, the Dranity Hero) ออกมาที่ Df line ”
จูได ประกาศพร้อมกับ อัญเชิญ อสูรฮีโร่ ของเค้าขึ้นมาอีกตัว คราวนี้เป็นมังกรจักรกล ที่ทั้งร่างประกอบขึ้นด้วยชิ้นส่วน
เหล็กกล้าทั้งร่าง

รูปภาพ

[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 3 Mp:2/7 Shrine 0/6 ]

“ Ability ของ อาร์มกูน ทำงานจะเพิ่มพลังป้องกันให้กับ ฮีโร่ ทุกใบในสนามของฉันค่า Df จะเพิ่มขึ้นตัวละ 2 หน่วย ”
จูได อธิบาย ก่อนจะเตรียมหยิบการ์ดซีล อีกใบเพื่อร่ายออกมาติดต่อกันทันที

“ แล้ว Cost Mp อีก 1 ให้ ดรานิตี้ฮีโร่ แฟรกูน(Flaregoon, the Dranity Hero) ออกมาที่ Df Line อีกใบแล้วหมดรอบ ”
จูได อัญเชิญ อสูรฮีโร่ซึ่งเป็นมังกรที่ร่างห่อหุ้มด้วยไอร้อนและเปลวเพลิงขึ้นมา ก่อนจะเปลี่ยนรอบการเล่นให้ ธนัท

รูปภาพ

[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp:1/7 Shrine 0/6 ]

“ รอบของฉันจั่วไพ่ ”
ธนัท ประกาศรอบของตนพร้อมกับจับ ซีลการ์ดขึ้นมาจากสำรับ 2 ใบ

[Tanat Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 1 Mp:4/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp 7/7 Shrine 0/6 ]

“ Cost Mp 3 ให้ Mystic Card อุปกรณ์(Relic)แบบถาวร Dragonology Theory ทำงาน ”
ธนัทประกาศพร้อมกับ ร่ายมิสติกการ์ดบนมือ ออกไป ทันทีที่ มิสติกการ์ดสำแดงผล ก็ปรากฏคัมภีร์
เล่มหนาหน้าปกทำด้วยหนังปักลวดลายอย่างปราณีต ขึ้นบนสนาม

รูปภาพ

[Tanat Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 1 Mp:4/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp 7/7 Shrine 0/6 ]

“ ใช้ Ability ของ อัลบิโน แล้ว เรียกให้ ดราโกกริฟ แรฟเซโน่(Llapseno, the Dragogriff) ออกมาที่
Df Line 2 ใบ โดยไม่ต้อง Cost ค่าร่าย ”
ธนัท ประกาศ ก่อนจะร่าย ซีลการ์ดบนมืออกมาพร้อมกันทีเดียว 2 ใบอสูร มังกรกริฟฟินทั้งสอง ขนสีขาวสยายปีก
กว้างร่อนสู่สนามท่วงท่า ดุดันดั่งพญาอินทรี

รูปภาพ

[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:4/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp 7/7 Shrine 0/6 ]

“ และ Cost Mp อีก 2 เรียก ซาลามันเดอรี่ดอล ออกมาที่ At Line อีก 2 ใบ แล้วหมดรอบ ”
ธนัท อัญเชิญ อสูรตุ๊กตามังกรซาลามันเดอร่า ขึ้นมาอีก 2 ตัวเพื่อเสริมกำลังแนวหน้าให้หนาแน่นขึ้นสำหรับ
รับการโจมตีที่อาจจะกำลังบุกมาในรอบต่อไป

รูปภาพ

[Tanat Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 1 Mp:2/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp 7/7 Shrine 0/6 ]

“ รอบของฉัน จั่วไพ่ ”
จูได ประกาศรอบของตนก่อนจะจับ ซีลการ์ดขึ้นมาอีก 2 ใบ

[Tanat Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 3 Mp 7/7 Shrine 0/6 ]

“ มาแล้ว! ”
จูได เปรยกับตัวเองตอนนี้เค้าจับได้การ์ดที่จะทำเกมรุกแล้วเสียที

“ Cost Mp 1 อัญเชิญ ดรานิตี้ฮีโร่ ไอซี่กูน(Icygoon, the Dranity Hero) ออกมาที่ Df Line ”
สิ้นคำ อสูรมนุษย์มังกร ซึ่งร่างกายเป็นน้ำแข็งก็ปรากฏตัวขึ้นในสนาม

รูปภาพ
[Tanat Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 3 Mp 6/7 Shrine 0/6 ]

“ Ability ของ ไอซี่กูน ทำงานเมื่อเข้ามาในสนาม ทำให้สามารถเอา Mystic Card
ดรานิตี้ คอมบายน์ คอนเนคชั่น(D. Combine Connection) ขึ้นมาจาก สำรับได้ ”
จูได อธิบายผลพิเศษ ของ ไอซี่กูน ไปด้วยขณะที่ ดึงเอาสำรับมิสติก ออกมาจากช่องของปลอกแขนเพื่อหาการ์ดที่ต้องการ
และแสดงให้ ธนัท ดูก่อนจะเอาขึ้นไปรวมกับ การ์ดบนมือ แล้วจึงสับสำรับ ก่อนเสียบกลับเข้าช่องปลอกแขนไป

[Tanat Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 4 Mp 6/7 Shrine 0/6 ]

“ ฉันจะให้นายได้เห็นเดี๋ยวนี้ล่ะ การผสานร่างของ ฮีโร่ ”
จูได พูดเค้าเตรียมพร้อมที่จะร่ายมิสติกที่พึ่งเอาขึ้นมาจากสำรับ แล้ว

“ การผสานร่างเหรอ? ”
ธนัท เปรยเมื่อได้ยินว่า จูได จะทำการผสานร่าง ก็ทำเอาเค้ารู้สึกตื่นเต้นไปด้วยและรออย่างใจจดใจจ่อที่จะ
ได้เห็นการผสานร่าง อย่างที่ จูได บอกไว้ ระหว่างที่กำลังดวลอยู่นั้น รอบๆหอก็มีนักเรียน คนอื่นๆที่เห็นการดวลของ
ทั้งสองคน จึงวิ่งมาเพื่อดูการดวลอย่างสน อกสนใจ

“ Cost Mp 2 ให้ ดรานิตี้ คอมบายน์ คอนเนคชั่น(D. Combine Connection) ทำงาน จะต้องเลือก
ดรานิตี้ฮีโร่ ใบหนึ่งขึ้นมาจากสำรับ แล้วให้ทำการ Growth โดยใช้ Seal เงื่อนไขจากบนมือหรือในสนาม เป็นวัตถุดิบ
ให้ เทคกูน กับ อาร์มกูน เป็นวัตถุดิบทำการ Growth ”

จูได ประกาศ ทันทีที่ มิสติกการ์ดที่ร่ายออกไป แสดงผล ก็เกิดห้วงหมุนวนซึ่งดูดเอา อากาศรอบๆเข้าไป
จนเกิดแรงลมโหมกรรโชกไปทั่วทั้งลาน หน้าหอ แรงลมแรงเสียจน พัดเอาฝุ่นทรายบนพื้นขึ้นมาด้วยทำให้นักเรียน
คนอื่นๆต้องเอามือป้องตาจากฝุ่นทรายเหล่านั้น ระหว่างนี้เอง มนุษย์มังกรหุ้มเกราะ เทคกูน และ จักรกลมังกร อาร์มกูน
ทั้งสองตัวพากันจันโจนทะยาน เข้าไปยังห้วง หมุนวนนั้นและร่างของทั้งสองตัวก็ถูกหลอมรวมอยู่ในมิติที่บิดเบี้ยว
นั้นก่อนจะปรากฏตัวออกมาในร่างใหม่

รูปภาพ

[Tanat Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 3 Mp 4/7 Shrine 0/6 ]

“ ออกมาเลย ดรานิตี้ฮีโร่ เมก้ากูน(Mechagoon, the Dranity Hero) ”
สิ้นคำ ร่างของ ดรานิตี้ฮีโร่ตัวใหม่ที่ เกิดขึ้นจากการผสานร่าง ของ ดรานิตี้ฮีโร่ 2 ตัว ร่างของมันใช้
เทคกูน ที่เพิ่มความแข็งแกร่งด้วยเกราะที่เสริมขึ้นมาและยังทำให้ทั่วทั้งร่างปกคลุมด้วยสายฟ้าอีกด้วย

รูปภาพ

“ ออกมาแล้วสินะ การผสานร่างฮีโร่ ไม้ถนัดของ จูได ”
มันโจเมะ นักเรียนชุดดำ ที่ เห็น ธนัท เป็นคนแรก เปรยขึ้นขณะที่เขยิบเข้าไปใกล้เพื่อดูการดวลให้ชัดกระจ่างกับตาตัวเอง
และเผลอไปเหยียบ โช ที่ฟุบ อยู่จนสะดุ้งตื่นขึ้นมา

“ ทำไมนายถึงมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ ”
มิซาวะ ที่มากับ มันโจเมะ ด้วยถามขณะที่ช่วยพยุง โช ยังรู้สึกมึนๆอยู่ที่เห็นทุกคนมายืนล้อมหน้าล้อมหลัง
อยู่ทั่วทั้งลานหน้าหอพัก

“ อะไรกันเนี่ย จูได เป็นคนเจอเค้าคนนั้นก่อนเหรอเนี่ย แล้วทำไมถึงไม่โทรบอกฉันนะ ”
อาซึกะ นักเรียนสาวชุดยูนิฟอร์มสีน้ำเงินขาว เดินเข้าร่วมกลุ่มกับ พวก โช ด้วย

“ เอ๋ เค้าคนนั้น…ห๊า!! นี่หรือว่า ที่ลูกพี่ดวลอยู่ด้วยก็คือ.. ”
โช อุทานหลังจากที่ได้ฟังสิ่งที่ทุกคนพูด ความคิดเดียวที่ผุดขึ้นมา ทำให้เค้าต้องหันกลับไปดูการดวลของ จูได กับ ธนัท
ทันที

“ ใช่แล้ว คนที่จูได กำลัง ดวลอยู่ด้วย คือนักร่ายอสูร ที่เคยเอาชนะ King pf Checkmate 5 มาแล้ว ธนัททาทิเวศ ”
มิซาวะ พูดเพื่อประกาศให้ทุกคนรู้เอาๆว้กันอย่างพร้อมเพรียง

“ อ..อ้าวอะไรกันเนี่ย ที่แท้ก็เป็นนายเองเหรอ นักร่ายอสูรในตำนานคนนั้นน่ะ หึ้ย~~สุดยอดไปเลย
ที่ฉันได้ดวลกับนายเป็นคนแรกของเกาะเลยนะเนี่ย ”
จูได พูดเค้าแสดงอาการ กระดี๊กระด๊า ขึ้นมาทันที เมื่อรู้ว่า ธนัท คือคนที่เค้ากำลังตามหา
ขณะที่ ธนัท ได้แต่ยืนฟังอย่าง งงๆว่าทุกคนบนเกาะพูดถึงเรื่องอะไรเกี่ยวกับเค้า

“ ถ้างั้นเตรียมรับให้ดีๆ ฉันจะบุกเข้าไปล่ะนะ ให้Ability ของ เมก้ากูน ทำงานต้องทิ้งการ์ดบนมือไปใบหนึ่งแล้วทำลาย
อสูรตัวหนึ่งในสนามที่มีพลัง โจมตีต้น ต่ำกว่า เมก้ากูน ฉันทิ้ง Mystic Card บนมือไปใบหนึ่งแล้ว ทำลาย
ดราโกกริฟ แรฟเซโน่ ไปเลย Waver Spark ”

จูได สั่งให้ เมก้ากูน ของตนใช้ผลพิเศษทำลาย อสูรของ ธนัท โดยเล็งเป้าหมายไปที่ แรฟเซโน่ ขณะที่
ทิ้งการ์ดบนมือลงไปด้วย เมก้ากูน ชูมือขึ้นสุดแขน ก่อนที่จะยิง กระแสไฟฟ้าจากร่างตัวเองขึ้นไปบนท้องฟ้า
และเมื่อตวัดแขนลง กระแสไฟที่พุ่งขึ้นไปก็ดีดตัวพุ่งกลับมาเป็นสายฟ้า ผ่าและเมื่อตวัดแขนลง กระแสไฟที่พุ่งขึ้นไปก็ดีดตัวพุ่งกลับมาเป็นสายฟ้า ผ่าทำลายร่างของ แรฟเซโน่ จนแหลกสลายไปในพริบตา

“ ผลพิเศษของ แรฟเซโน่ ทำงาน ฉันได้จั่วการ์ดขึ้นมาขึ้นมาใบหนึ่ง ”
ธนัท พูดพร้อมกับ จับซีลการ์ดขึ้นมา

[Tanat Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 1/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp 4/7 Shrine 0/6 ]

“ Ability ของ เมก้ากูน จะใช้ได้รอบล่ะครั้งเท่านั้น แต่ว่า เมก้ากูน ก็ยังทำการต่อสู้ได้ เพราะเป็นการทำงานจาก Ability
จึงยังไม่กลายเป็น Inactive Seal ไป Cost Mp 2 เมก้ากูน โจมตีไปที่ ยูนิคอร์นหมอกดำ Boltic Thunder!! ”
จูได ประกาศโจมตีต่อทันที เมก้ากูน ของเค้าพุ่งทะยานออกไป และกรงเล็บทะลวงร่างของ ยูนิคอร์นหมอกดำ
จนทะลุก่อนจะปล่อยกระแสไฟฟ้า ผ่านกรงเล็บจนร่างของ ยูนิคอร์นหมอกดำสลายตามไปอีกตัว

[Tanat Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 2/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp 2/7 Shrine 0/6 ]

“ หมดรอบแค่นี้ ”
จูได ประกาศจบรอบ เมื่อ เมก้ากูน กลับมาที่สนามฝั่งเค้าแล้ว ตอนนี้กระแสของเกม อยู่กับ จูได เกือบจะสมบรูณ์แล้ว

“ รอบของฉันจั่วไพ่!! ”
ธนัท ประกาศรอบของตนก่อนจะจับการ์ซีล ขึ้นมาอีก 2 ใบ และแล้วรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นเมื่อได้ดูการ์ด
ที่จับขึ้นมา

[Tanat Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 2/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp 7/7 Shrine 0/6 ]

“ คราวนี้ตาฉันบ้างล่ะ เดี๋ยวจะให้นายได้เห็นการทำ Contact Growth ”
ธนัท กล่าวคราวนี้ จูได เป็นฝ่ายที่รอจะได้เห็นกลยุทธ ของเค้าอย่างใจจดใจจ่อ บ้างแล้ว

“ อะไรของเค้ากันน่ะ รู้สึกดีกรีความบ้าจะพอๆกับเจ้า จูได เลยไม่ใช่เหรอ ตัวจริงรึเปล่าเนี่ย ”
มันโจเมะ อดแย้งไม่ได้เมื่อเห็น ท่าทางของ ธนัท ที่เหมือนกับเพื่อนผู้ไม่เอาอ่าวในสนายตาของตน

“ แต่ฉันคิดว่าไม่น่าจะผิดตัวหรอกนะ…ก็แค่คิดน่ะนะ ”
อาซึกะ พยายามจะยืนยันแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นไม่มั่นซะเอง

“ ให้ Dragonology Theory ทำงานถ้ามีการ์ดใบนี้อยู่บนพื้นที่ จะทำให้การ Growth ของเผ่ามังกร
ฝ่ายฉันสามารถใช้วัตถุดิบจาก สำรับได้ไม่เกิน 2 ใบ ให้ โกลเด้นท์เฟอร์กริฟฟิน(Golden Fur Griffin) กับ
ซาลามันเดอรี่ดอล(Salamandery Doll)ที่อยู่ในสำรับทำ Contact Growth แล้ว Cost Mp 2 ออกมาเลย
ดราโกกริฟแห่งเปลวเพลิง แมนเซเรก(Mansereg, the Fire Dragogriff) ”

สิ้นคำ อสูร กริฟฟินขนทอง กับ ตุ๊กตามังกรซาลามันเดอร่า ก็ปรากฏขึ้นบนสนามก่อนจะ โจนทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เกิดเป็นร่างใหม่ ของเผ่าพันธุ์แห่งมังกรกริฟฟิน ซึ่งเกล็ดทั่วร่างร้อนระอุดั่งลาวา

รูปภาพ+รูปภาพ
V
รูปภาพ

[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:5/7 Shrine 2/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp 7/7 Shrine 0/6 ]

“ Cost Mp 2 ให้ แมนเซเรก โจมตีไปที่ เมก้ากูน ”
ธนัท ออกคำสั่ง

“ แต่ว่า At ของ เมก้ากูน มีอยู่ 9 หน่วยส่วนของ แมนเซเรก มีอยู่ 7 เองนะ ”
จูได แย้งเมื่อ ธนัท คิดจะให้ อสูรที่มีค่าพลังด้อยกว่าเข้ามาต่อสู้

“ แมนเซเรก ที่อยู่ในสภาพ Growth จะเพิ่มค่า At ได้เท่ากับจำนวนเผ่ามังกรใบอื่นในสนามทั้งของนายแล้วก็ของฉัน
ดรานิตี้ฮีโร่ของนายทุกใบน่ะเป็น เผ่ามังกรหมดเลยใช่มั้ยล่ะ ”
ธนัท อธิบาย และคำพูดเหล่านั้นก็ ทำเอา จูได สะดุ้งโหยงขึ้นมาทันที เพราะตอนนี้ กระทั่ง อสูรในสนมของเค้าก็ไปเอื้อ
ประโยชน์ให้กับ แมนเซเรกของ ธนัท ด้วย

“ ในสนามของ นายมี เมก้ากูน แฟรกูน แล้วก็ ไอซี่กูน ส่วนของ ฉันมี ซาลามันเดอรี่ดอล 2 ตัวกับ แรฟเซโน่ อีกตัวหนึ่ง
ดังนั้นค่าพลังจึงเพิ่มขึ้นมาเป็น 13 หน่วย ”
สิ้นคำของ ธนัท ร่างของ แมนเซเรก ก็ลุกโชนด้วยเปลวเพลิง เกล็ดอันร้อนระอุค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็น เพลิงอัคคีอันร้อนแรง

“ ยังไม่หมดแค่นี้หรอก Ability ของ เซเบอร์ฮอร์น ทำงาน Power Howling เมื่อมีเผ่าสัตว์อสูร อยู่ในสนามของฉัน
ตั้งแต่ 4 ใบขึ้นไป เผ่าสัตว์อสูรทุกใบในสนามของฉัน จะได้รับค่า At เพิ่มขึ้นอีก 1 จุดในสนามของฉันตอนนี้มี อัลบิโน่ แรฟเซโน่ เซเบอร์ฮอร์น และ แมนเซเรก ของฉันเป็นทั้งเผ่ามังกรและเผ่าสัตว์อสูรด้วย ดังนั้นค่าพลังจึงเพิ่มขึ้นอีกเป็น 14 หน่วย ”

อ๊า~~~~วู้วววววว~~~

หมาเขาดาบของ ธนัท หอนเพื่อปลุกเร้าพลังของสัตว์อสูรในสนามให้ลุกโชนขึ้น นั้นทำให้ เกล็ดบนร่างของ
แมนเซเรก เผาผลาญเปลี่ยนเป็นไฟ มากขึ้นเรื่อยๆ

“ และยังมีอีก!! ”
ธนัท พูดออกมาอย่างต่อเนื่อง นั่นทำให้ จูได ต้องร้องขึ้นมาด้วยความประหลาดใจที่ค่าพลังของ แมนเซเรก ยังจะสูงขึ้นไปมากกว่านี้ได้อีก
“ โหยังไม่หมดอีกเหรอเนี่ย ”

“ ใช่แล้ว ด้วยผลของ ยูนิคอร์นหมอกดำ ที่อยู่ใน Shrine ทำให้ เผ่าสัตว์อสูรทุกตัว มีพลังโจมตี
เพิ่มขึ้นอีก 1 จุด เป็น 15 หน่วย ”
สิ้นคำ ร่างของยูนิคอร์นหมอกดำซึ่งโปร่งใสจนแสงทะลุผ่านได้ ก็ปรากฏตัวขึ้นบนสนามและส่องแสง
จากเขาของมันเพื่อเพิ่มพลังให้กับ เหล่าสัตว์อสูรตัวอื่น อีก

“ และเมื่อ แมนเซเรก โจมตี ก็จะเพิ่มค่า At ขึ้นไปอีก 2 จุด ทำให้มีค่าพลังรวมทั้งหมดแล้วเป็น 17 หน่วย ”
ธนัท อธิบาย และแล้วร่างของ แมนเซเรก จึงถูกแปรเปลี่ยนเป็น เปลวเพลิงไปโดยสมบรูณ์ ด้วยพลังงานที่เพิ่มขึ้นมา
เกินขีดจำกัด อย่างมากมาย

“ รับไป เพลิงอมตะ God Pheonix!! ”
สิ้นคำ ร่างของ แมนเซเรก ที่กลายเป็นเปลวเพลิงลุกโชน จึงสยายปีกทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ดั่งนกเพลิงอมตะ
ร่างที่ห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิง ขึ้นไปจนสูงสุดเหนือฟ้า ท่ามกลางสายตา

“ พ…พลังโจมตี 17 หน่วย!!! ”
โช ร้องผวาด้วยความตกใจ และเกือบหงายหลังล้มตึงไปทั้งอย่างนั้น เพราะแหงนหน้ามองตามการทะยานของ
แมนเซเรก ที่ขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

“ แย่ล่ะสิ ทุกคนรีบหมอบลงเร็วเข้า!! ”
มันโจเมะ ตะโกนก่อนที่ ร่างของแมนเซเรก ซึ่งกลายเป็น นกเพลิงจะพุ่งลงมาปะทะกับ เมก้ากูน
ขณะที่ จูได ได้แต่มองตาค้างกับความวิเศษของการโจมตีที่ใส่มาเต็มแรง

ตูมมมมมมมม!!!!!!!!!! ครืนนนนนน!!!!!

เสียงระเบิดดังลั่นสะนั่นเกาะ แรงสะเทือน ที่เกิดจากการปะทะ ส่งให้ทั้งเกาะสั่นไปพร้อมกันเลยทีเดียว

…………………………………..

“ หยึย~~ ตะกี้มันอะไรกันน่ะ ”
อาจารย์ โครนอส เอ่ยเสียงสั่น ขวัญหายไปกับ แรงสะเทือนที่ทำให้ทั้งเกาะสั่นอยู่ในห้อง ประชุม ของ หอพักสีน้ำเงิน

…………………………………………
ขณะเดียวกัน โคทาโร่ และ อาจารย์ เบิร์ด ซึ่งกำลังเดินอยู่บนถนน ที่จะไปยัง เนินชันขของหอ สีแดง
เพราะแรงสะเทือนจึงทำให้พวกเค้า หยุดเดินกระทันหันไป

“ แรงสะเทือนเมื่อกี้ มันอะไรกัน ”
อาจารย์ เบิร์ด กล่าว

“ รึว่า เมื่อกี้จะเป็น….ธนัท ”
โคทาโร่ พึมพำ ก่อนจะรีบออกวิ่งไปทันที โดยไม่รอ อาจารย์ เบิร์ด

“ ด..เดี๋ยวก่อน รอด้วยสิ จะไปไหนน่ะ เซนาคาว่าคุง ”
อาจารย์ เบิร์ด พยายามจะเรียกให้เค้า รอ แต่ว่า โคทาโร่ ก็ไปไกลเสียแล้ว

…………………………………………………………..


สภาพลานหน้าหอพักสีแดง หลังการปะทะนั้น ตลบอบอวลไปด้วย ฝุ่นควัน บรรดานักเรียนที่ ถูกแรงผลักซึ่งกระจาย
ออกมาจาก กลางวงล้อมของการดวล เนื้อตัวเปื้อนมอมแมม จากากรลงไปคลุกกับพื้นกันหมด

“ แค่กๆๆ บ้าเอ๊ย ทำพลังโจมตี เป็นสิบๆหน่วยแบบนั้น กลางวงล้อมคนเนี่ยนะ เจ้านั่นยังสติดีอยู่รึเปล่า ”
มันโจเมะ ตะคอกไปสำลักไป อย่างหัวเสีย ท่ามกลางฝุ่นควันที่ตลบไปทั่วสนาม
ทำให้มองไม่เห็นสภาพของ นักดวลทั้งคู่เลย

“ ล…ลูกพี่ คร้าบบบบบ!! ”
โช ตะโกนโดยหวังว่าจะมีเสียงตอบกลับของ จูได บ้างแต่ก็เงียบสนิท ไม่มีการตอบกลับใดๆเล็ด
ลอดออกมาจาก กลุ่มควันเลยแม้แต่น้อย

“ ป่านนี้แหลกเป็นผุยผงไปแล้วมั้ง เจ้านั่นน่ะ ดีไม่ดีจะสลายไปทั้งคู่เลยด้วย เล่นไม่หลบ ไม่หนีกันเลยนี่ ”
มันโจเมะ สบถประชด ด้วยความไม่ชอบใจ กับสถานการณ์ที่ไม่รู้หัวก้อยแบบนี้

“ แต่การดวลของพวกเค้าก็สุดยอดจริงๆนั่นแหละ แค่ รอบเดียว สร้างอสูรพลังโจมตีขนาดนี้ได้ เป็น
การบุกกลับที่รุนแรงจริงๆ ”
อาซึกะ ประเมินตามความจริง

“ แต่ฉันว่าแบบนี้มันก็แรงเกินไปหน่อยนะ แค่กๆ ”
มิซาวะ แย้ง พร้อมกับปัดฝุ่นทรายออกจากเสื้อ ตอนนี้กลุ่มควันที่จับล้อมกันเริ่มคลายตัวออกแล้ว
สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ ร่างของทั้งสอง ธนัท ยังคงยืนอยู่โดยที่ อสูร ทุกตัวอยู่ในสนามครบหมด

ส่วน จูได นั้น เมก้ากูน ได้สลายไปแล้ว เหลือเพียง ไอซี่กูน กับ แฟรกูน เท่านั้น และร่างของเค้าเองที่
ลงไปนอนกองกับพื้นหน้าชี้ฟ้า เค้าทำปากขมุบขมิบเหมือนกับจะพูดอะไรซักอย่างก่อนจะดีดตัวกลับขึ้นมานั่ง
แล้วมองไปที่ ธนัท ด้วยสายตาเป็นปลื้มสุดๆ

“ สุดยอดเลย!! นายนี่มันสุดยอดจริงๆ ”
จูได ตะโกนเสียงดัง ด้วยความดีใจ ที่ได้เจอกับ คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ธนัท ได้แต่ยิ้มรับ
กับความร่าเริงอย่างไร้ขีดจำกัดของ จูได ที่ไม่ว่าจะถูกล้มด้วยค้าพลังที่สูงขนาดไหนก็ยังลุกขึ้นมาได้

[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:3/7 Shrine 2/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp 7/7 Shrine 3/6 ]

“ แต่รอบของฉันยังไม่แค่นี้หรอกนะ ให้ อัลบิโน่กริฟฟอน ขึ้นไปที่ At Line ”
ธนัท พูดก่อนจะเริ่มเล่นต่อ โดยไม่สนว่า จูได สะบักสะบอมไปแค่ไหนแล้วกับการโจมตีก่อนนี้
แต่ จูได เองกลับ ดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่แล้วรีบลุกขึ้นมาดวลต่อทันทีเช่นกัน

“ อะไรกันเนี่ย โดนไปขนาดนั้นแล้วยังจะดวลต่ออีกเหรอ นี่มันบ้าชัดๆ เลย ”
อาซึกะ หลุดปากออกไปโดยไม่รู้ตัว ว่าเธอได้พูดสิ่งที่ นักร่ายอสูรทุกคนต่างก็รู้กันดี

“ อาซึกะ เธอเองก็น่าจะรู้นี่ ว่าการดวลน่ะถ้าเริ่มขึ้นแล้ว จะไม่จบจนกว่าจะมีฝ่ายใดๆฝ่ายหนึ่งชนะนะ ”
มิซาวะ เตือน ทำให้เธอดึงเองกลับมาจากความไขว้เขวได้

“ นั่นสิ ฉันลืมไปเลยกฏข้อสำคัญที่สุดที่อยู่ในหัวใจของนักร่ายอสูรทุกคน ”
อาซึกะ รับโดยไม่รู้สึกขายหน้าแต่อย่างใด เพราะเมื่อครู่มันราวกับว่าไม่ใช่ตัวเธอเอง เหมือน
กับความภาคภูมิของเธอมัน ถูกทำลายไปพร้อมๆกับการโจมตี ของธนัท เมื่อครู่

“ ไม่หรอก…ที่จริงแม้แต่ฉันเองเมื่อกี้ก็ยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าพวกนี้มันบ้าอะไรอย่างนี้ คงเป็นเพราะ
แรงกดดันที่ปล่อยออกมาจากตัวของเจ้าพวกนั้นล่ะมั้ง ”
มันโจเมะ แทรกขึ้น

“ ลูกพี่…. ”
โช เปรยด้วยความเป็นห่วง แต่ว่าการดวลนี้ก็ยังต้องดำเนินต่อไป

“ Cost Mp 1 ให้ อัลบิโน่ โจมตีไปที่ แฟรกูน ”
ธนัท ประกาศโจมตี กริมฟอนเผือก จึงสยายปีกออกและเตรียมพร้อมจะบุกเข้าไปทว่า

“ Cost Mp 3 ให้ Hero War ทำงาน ต้องทิ้ง Seal Card ไปใบหนึ่งเพื่อทำให้ ดรานิตี้ฮีโร่ ที่มีเลเวล 1 ทุกใบ
ป้องกันจาการโจมตีจนกว่าจะหมดรอบ ”
จูได ประกาศ ร่ายมิสติกการ์ดบนมือ ออกมา พร้อมกับทิ้งซีลการ์ด บนมือไปเพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนการแสดงผลของ
มิสติก การ์ด ที่กลางสนามของทั้งสองฝ่าย ปรากฏแนวล้อมของ ดาบ 5 เล่มขึ้นขวางไม่ให้
ผ่านเข้าไปยังสนามของอีกฝ่ายได้

รูปภาพ

[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:2/7 Shrine 2/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp 4/7 Shrine 4/6 ]

“ ในเมื่อรอบนี้โจมตีไม่ได้อีกแล้ว ก็ขอหมดรอบเลยก้แล้วกัน ”
ธนัท ประกาศจบการเดินของตน เพราะไม่สามารถที่จะจู่โจมต่อไปได้ ทำให้ จูได รอดพ้นในรอบนี้ไปได้อย่างหวุดหวิด

“ รอบของฉันจั่วไพ่!! ”
จูได ประการอบพร้อมกับ จับ มิสติกการ์ดขึ้นมา 2 ใบ

[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 2/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp 4/7 Shrine 4/6 ]

“ อ่ะ ฮ่า เอาล่ะทีนี้ก็มีวิธีบุกกลับแล้ว ”
จูได เปรยทันทีที่ จับการ์ดขึ้นมาดู ธนัท จึงเริ่มคิดหาวิธีรับมือเพราะสีหน้าของ จูได ดูมีความหวังขึ้น
มาทันที

“ เจ้านั่นยังจะมีวิธีบุกกลับอยู่อีกเหรอ อีกฝ่ายมีพลังโจมตี 14 หน่วยเชียวนะ ทั้งที่ในสนามตัวเองเหลือแต่
อสูรกระจอกๆทั้งนั้น ”
มันโจเมะ ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธคำพูดของ จูได ได้เพราะฝีมือนั้น เค้ารู้ดีอยู่แล้วว่า หาก
จูได พูดก็แสดงว่าต้องทำได้อย่างแน่นอน

“ ถ้ามันมีวิธีที่จะตอบโต้กลับฉันเองก็อยากเห็นนะ ”
อาซึกะ พูดสนับสนุน จูได เพราะเธอเองก็อย่ากจะรู้ว่าสถานการณืเช่นนี้ จูได จะโต้กลับยังไง

“ Cost Mp 2 ให้ Mystic Card สลับมนตรา(Swapping Spell) ทำงาน จะต้องทิ้ง Mystic Card ไปใบหนึ่งแล้วเอา Mystic Card ที่อยู่ใน Shrine ขึ้นมาไว้บนมือได้ใบหนึ่งที่ ฉันจะเลือกก็คือ ดรานิตี้ คอมบายน์ คอนเนคชั่น ”
จูได ร่ายมิสติกการ์ดออกไป ก่อนจะทิ้ง มิสติกบนมือไป 1 ใบแล้ว จากนั้นการ์ดมิสติกที่ถูกเก็บไว้ในช่อง Shrine
จึงถูกส่งกลับขึ้นมา

รูปภาพ

[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 2/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp 2/7 Shrine 4/6 ]

“ แล้วก็ Cost Mp 2 ให้ ดรานิตี้ คอมบายน์ คอนเนคชั่น ทำงาน ให้ แฟรกูน กับ ไอซี่กูน ในสนามเป็น
วัตถุดิบทำการ Growth ออกมาเลย ดรานิตี้ฮีโร่ เบลซิ่งคูล(Blazingcool, the Dranity Hero) ”

ทันทีที่ จูได ร่ายมิสติก การ์ดบนมือ ออกไปก็เกิดห้วงอากาศขึ้นอีกครั้ง อสูรทั้งสองตัวในสนามของ
จูได ที่เหลืออยู่จึงกระโจนเข้าไปในวังวนห้วงอากาศนั้นและหลอมรวมกลายเป็นร่าง ใหม่

ร่างของ นักรบมังกรแบ่งออกเป็นสองซีก ระหว่างน้ำแข็งและไฟ ผสมผสานกันอย่างกลมกลืน
ซีกขวาคือร่างกายซึ่งเกิดจากการจับตัวของผลึกน้ำแข็ง และซีกซ้ายคือร่างกายอันเป็นเกราะเหล็กที่
ระบายความร้อนสูงออกมาตลอดเวลา

รูปภาพ

[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 2/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp 0/7 Shrine 4/6 ]

“ เบลซิ่งคูล เมื่อเข้ามาในสนามจะเปลี่ยนแปลงธาตุของ อสูรตัวหนึ่งให้เป็น ธาตุไฟ หรือ ธาตุน้ำได้
และ ที่จะเลือกก็คือ แรฟเซโน่ เปลี่ยนจาก ธาตุลมเป็น ธาตุไฟ ”
จูได ประกาศพร้อมกับชี้ไปที่ แรฟเซโน่ ที่อยู่แนวหลังของ ธนัท เบลซิ่งคูล ยกแขนซีกซ้ายซึ่งเป็นเหล็ก
ร้อน ขึ้นมาและซัดออกไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตา ความร้อนที่ระบายออกมาจากแขนก็พุ่งเข้าถาโถมใส่ร่างของ
แรฟเซโน่ จนร่างกายของมันถูกห่อหุ้มไว้ด้วยไอร้อน
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ อาทิตย์ ธ.ค. 09, 2012 3:47 am, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 21 Fang of King

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 30, 2010 1:27 pm

“ มีความสามารถในการเปลี่ยน ธาตุของ อสูร ได้อย่างงั้นเหรอ ”
ธนัท กัดฟันด้วยความเจ็บใจราวกับว่าการเปลี่ยนแปลงธาตุ ในครั้งนี้ ทำให้เค้าเสียจังหวะของเกมไป และ
ตอนนี้ แรฟเซโน่ ของเค้ามีอาการหอบจากความร้อนที่รับมา และอ่อนแรงลง

“ ยังไม่หมดแค่นี้หรอกนะ เบลซิ่งคูล มีความสามารถอยู่ 3 อย่าง อย่างแรกก็คือเมื่อเข้ามาในสนามก็
จะเปลี่ยนแปลงธาตุของ อสูรได้ อย่างที่สองถ้าในสนามของอีกฝ่ายมีอสูรธาตุไฟ อยู่ ค่า At ของ
เบลซิ่งคูลจะเพิ่มขึ้น 3 หน่วย และความสามารถอย่างสุดท้าย ถ้าในสนามของอีกฝ่ายมีอสูร ธาตุน้ำก็
จะทำให้ค่า Cost ทุกอย่างของการ์ดใบนี้ ลดลง 2 หน่วย ”

จูได อธิบาย ความสามารถทั้งหมดของ เบลซิ่งคุล ดรานิตี้ฮีโร่ ที่แข็งแกร่งตัวนี้คือผู้ที่จะมาพลิกผันอาชัยชนะ
ของเค้าไป

“ อสูรที่มีความสามารถขึ้นกับ ธาตุของอีกฝ่ายงั้นเหรอเนี่ย ”
เสียงดังขึ้น ข้างหลัง กลุ่มของ โช ที่ยืนดูการแข่งอยู่ พวกเค้าทั้งหมดจึงหันไปดู คทาโร่ และ อาจารย์ เบิร์ด ทั้ง 2 ตามมา
ถึงที่นี่แล้ว

“ อ…อาจารย์ เบิร์ด ก็มาด้วยเหรอคะเนี่ย ”
อาซึกะ อุทาน อาจารย์จึงได้แต่รับคำด้วยการพยักหน้านิดหน่อย

“ แต่ว่าก็ไม่เห็นจะเข้าใจเลย ถึงเบลซิ่งคุลของพี่ จะมีพลังเพิ่มขึ้นก็ยังเทียบกับ แมนเซเรก
ที่มีพลังสูงถึง 14 หน่วยไม่ได้อยู่ดี ”
โช แทรกขึ้นมา

“ เจ้าโง่ดูให้ดีซะก่อนสิ ”
มันโจเมะ ตะหวาดพร้อมกับชี้ให้ เค้าหันกลับไปดูการแข่ง ค่าพลังที่แสดงขึ้นมา บนกรอบค่าพลังที่จะ
ปรากฏอยู่เหนือ หัวอง อสูรแต่ละตนที่เรียกออกมา ตอนนี้ ค่าพลังของ แมเซเรก ลดลงไปเป็น 13 หน่วยแล้ว

“ อ…อ้าวทำไมค่าพลังถึงลดลงไปล่ะ?! ”
โช ร้องด้วยความแปลกใจ

“ ค่าพลังของ แมนเซเรก จะเพิ่มขึ้นตามจำนวนเผ่ามังกร บนสนาม แต่เพราะการทำ
ดรานิตี้ คอมบายน์ คอนเนคชั่น เมื่อกี้ก็เลยทำให้ จำนวนของ อสูรในสนามของ จูได ลดลงค่าพลังของ แมนเซเรก ก้เลยลดลงไปด้วย ”
มิซาวะ อธิบายเสริมเพื่อให้ ดช เข้าใจยิ่งขึ้น

“ แมนเซเรก ของอีกฝ่าย ถ้าต่อสู้กับ ธาตุน้ำก็จะถูกลดค่า At ลงไป 2 หน่วยด้วยเพราะงั้นถ้าสู้กันกับ เบลซิ่งคูล
ที่เป็น ธาตุน้ำ ค่าพลังก็จะลดลงไปอีกจนเหลือแค่ 11 หน่วย น้อยกว่า เบลซิ่งคูล ที่มีอยู่ 12 หน่วย ”
อาซึกะ อธิบายต่อจาก มิซาวะ อีกที

“ ไม่หรอกมันแย่กว่านั้นอีก ”
โคทาโร่ แทรกขึ้นมาทำให้ทุกคนหันไปมองด้วยความสงสัย

“ จริงสิจะว่าไปแล้วนายเป้นใครล่ะเนี่ย ”
มิซาวะ ถาม

“ แล้วที่บอกว่า แย่กว่านั้นอีกน่ะมันคืออะไรเหรอ ”
อาซึกะ ถามบ้างถึงจะอยากรู้ว่าเค้าเป็นใครแต่ที่เธออยากรู้มากกว่าคือคำพูดของเค้าเมื่อครู่

“ ให้ เบลซิ่งคูล โจมตีไปที่ แมนเซเรก Extream Charge!!! ”
เสียงตะโกนของ จูได ดังขึ้นระหว่างการสนทนา ทำให้ความสนใจกลับไปที่การดวลของ ทั้งคู่
ตอนนี้ เบลซิ่งคูล ของ จูได สร้างแท่งผลึกน้ำแข็งแหลม ขึ้นมาจำนวนมาก และใช้ไอร้อนจากร่างกาย ซีกซ้าย
เป่าแท่งน้ำแข็งทั้งหมด เข้าไปเสียบร่างของ แมนเซเรก จนแตกสลายไป

[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 5/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp 0/7 Shrine 4/6 ]

“ ไม่มี Mp เหลือให้เล่นต่อแล้วฉันขอหมดรอบ ”
จูได พูดกลังจาก เบลซิ่งคูล กลับมาจากการโจมตีแล้ว

“ รอบของฉันจั่ว..ไพ่ ”
ธนัท ประการอบของตน ในทีแรกเค้าตั้งใจ จะจับมิสติกการ์ดขึ้นมาจากสำรับพร้อมๆกันทีเดียวสองใบ
แต่ก็เปลี่ยนเป็นดึงออกมาดูแค่ใบเดียวก่อน แล้วจึงเปลี่ยนเป็นจับ ซีลการ์ดขึ้นมาอีกใบแทน

[Tanat Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 5/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp 7/7 Shrine 4/6 ]

“ ทำไมเมื่อกี้ทั้งที่จะจั่วการ์ดขึ้นมาแล้วถึงหยุดไปซะเฉยๆล่ะเนี่ย ”
โช ถามขึ้นกับอาการเมื่อครู่ของ ธนัท

“ เพราะวัตถุดิบมันไม่พอน่ะสิ… ”
โคทาโร่ เปรยและสายตาของทุกคนก้ จ้องมาที่เค้าเพื่อจะรอฟังคำตอบอยู่แล้ว

“ สำรับของ ธนัท จะใช้การ Growth เป็นหลักเพื่อเพิ่มขีดจำกัดของ อสูรที่เรียกออกมา แต่ว่าวัตถุดิบที่จะใช้เรียก
น่ะสิ มันถูกปิดผนึกไปตั้งแต่รอบที่แล้ว… ”
โคทาโร่ อธิบายแต่ ก็ยังไม่มีใครเข้าใจถึงสิ่งที่เค้าพูด

“ รู้แล้ว ธาตุยังไงล่ะ แรฟเซโน่ ที่เป็นธาตุลม คงจะเป็นวัตถุดิบที่เค้าเตรียมไว้แต่ว่ามันก็ถูก เบลซิ่งคูล ของ
จูได ปิดผนึกเอาไว้ด้วยการเปลี่ยนธาตุ แถมนอกจากนี้ในสนามของเค้า ก็มีต่าตุที่สังกัดกับความสามารถของ
เบลซิ่งคูล ทั้งนั้นเลยด้วย ”

มิซาวะ ฉุกคิดขึ้นมาได้และมันก็ตรงตามนั้น ตอนนี้ ธนัท ถูกปิดผนึกหนทางชนะเอาไว้อยู่ และในตอนนี้เค้า
ก็ไม่สามารถถอยได้อีกแล้ว เพราะ Shrine ในตอนนี้เหลืออีกแค่ LV เดียวก็เต็มแล้ว อสูรของเค้า จะแพ้ไม่ได้
แม้แต่ตัวเดียวอีกต่อไป

“ แต่ว่าเค้าก็ยังใช้ Dragonology Theory ช่วยซัพพอท ส่วนที่ขาดหายไปได้นี่ ”
อาซึกะ แย้ง

“ แล้วไอ้ของที่ว่านั่นมันไปอยู่ไหนแล้วล่ะ ”
มันโจเมะ ขัดขึ้น พร้อมกับชี้ไปที่ สนามของ ธนัท ตอนนี้ คัมภีร์ Dragonology Theory
ที่ ธนัท ใช้ช่วยในการทำเกม ได้อันตรธานหายไปจาก สนามของเค้าตั้งแต่ใอไหร่ก็ไม่รู้

“ รอบที่แล้วของเค้า ตอนที่ จูได ใช้การ์ด Hero War น่ะ ต้องทิ้ง Seal Card ไปด้วยใบหนึ่งใช่มะ ตอนนั้นเจ้า จูได
ทิ้ง วาเลนเซีย(Valencia, the Angel of Order) ที่มีความสามารถทำลาย Mystic Card เมื่อถูกส่งไปที่ Shrine น่ะสิ
แล้วก็ใช้จังหวะที่ Hero War ทำงานทำลาย Dragonology Theory ไปแล้วโดยไม่ได้บอกเลย พวกเราถึงได้ไม่ทันสังเกตุไง ”

มิซาวะ อธิบายโดยจำลองเหตุการณ์ ที่ผ่านมาขึ้นด้วยคำพูด

รูปภาพ

“ มิน่า ล่ะตอนที่ถูกเปลี่ยนธาตุ เค้าถึงได้แสดงสีหน้าแบบนั้น ”
โช พูด

“ ให้ แรฟเซโน่ รวมร่างกับ ซาลามันเดอรี่ดอล ”
สิ้นคำ ตีกตามังกร ก็เดินเข้ามารวมกลุ่มกับ แรฟเซโน่ที่กำลังอ่อนแรง จากความร้อนของ เบลซิ่งคูล

“ แล้ว Cost Mp 2 ให้ Skill ของ แรฟเซโน่ ทำงานกำจัด แรฟเซโน่ ออกไปจากเกม จากนั้นเรียกให้ แรฟเซโน่ อีกใบในสำรับเข้ามาในสนาม ”
ธนัท ประกาศ แรฟเซโน่ ก็สลายของ ตนไปพร้อมๆกับตุ๊กตามังกร ก่อนที่ เค้าจะ หยิบเอา ซีลการ์ดจากสำรับ
ร่ายออกมา ซึ่งก็คือ แรฟเซโน่ ตัวใหม่

[Tanat Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:5/7 Shrine 5/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp 7/7 Shrine 4/6 ]

“ แล้วก็เมื่อ แรฟเซโน่ ออกจากสนาม ฉันจะได้จั่วการ์ดด้วยใบหนึ่ง ”
ธนัท กล่าวพร้อมกับจั่ว ซีลการ์ดขึ้นมา

[Tanat Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 2 Mp:5/7 Shrine 5/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp 7/7 Shrine 4/6 ]

กิ๊วว~~~~

เสียงดังขึ้นมาทันทีที่ เค้าจับการ์ดซีล ออกมา แต่ดูเหมือนว่านอกจาเค้าแล้ว จะไม่มีใครได้ยินเสียงนี้เลย

“ อ๋อนายนี่เอง ”
ธนัท เปรยเมื่อเห็นภาพบนการ์ด มันคือ อสูร ที่เรียกเค้าตอนหลงอยู่ในป่า ให้ตะลอนๆจนมาเจอกับ จูได
และได้ดวลกัน

“ Cost Mp 2 และทำการ Contact Growth ให้ เซเบอร์ ฮอร์น ฮาวน์ กับ แรฟเซโน่ เป็นวัตถุดิบ ออกมาเลย
ดราโกกริฟแห่งสายลม ลอสทรอส(Lostros, the Gale Dragogriff) ”
สิ้นคำ หมาเขาดาบ และ แรฟเซโน่ จึงกระโจนขึ้นไปพร้อมกัน เพื่อผสานให้เป็นหนึ่งเดียว
ร่างของ สองอสูร หลอมรวมกันและปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมสายลมแรงกรรโชก ที่พัดรอบๆ
สนามจนฝุ่นทรายคลุ้งขึ้นมาอีก ร่างของ มังกรกริฟฟิน ที่มีขนสีขาวขึ้นมาแทนเกล็ด ค่อยๆกระพือ
ปีกโรยตัวลงยืนบนสนาม

รูปภาพ

[Tanat Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:3/7 Shrine 5/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp 7/7 Shrine 4/6 ]

“ ตอนนี้ไม่มี อสูร ธาตุไฟ ในสนามของฉันแล้วดังนั้น ค่า At ของ เบลซิ่งคูล จะต้องลดลงไปเหลือเท่าเดิม
Cost Mp 2 ให้ ลอสทรอส โจมตี ”
ธนัท กล่าวพร้อมกับสั่งโจมตี มังกรกริฟฟิน สยายปีกของมัน แล้วโจนทะยานขึ้นไปบนฟ้าเพื่อเตรียมที่จะโจมตีทันที

“ เมื่อ ลอสทรอส จะต่อสู้ อสูร ที่สู้กับมันจะถูกลดค่าความเร็วลง 1 จุด จนกว่าจะหมดรอบ และด้วยความสามารถ
ที่เพิ่มขึ้นมาจากการ Growth ทำให้ อสูรทุกใบในสนามของ อีกฝ่าย ค่าความเร้วลดลงอีก 1 และค่าความเร็วของ
ลอสทรอส จะเพิ่มขึ้น 1 ”

ธนัท อธิบายพร้อมกันนั้น คลื่นไฟฟ้าจำนวนมหาศาล ถูกปล่อย ออกมาจากปีกทั้งสองของ ลอสทรอส และ
พุ่งเข้าเล่นงาน เบลิ่งคูล จนขยับไม่ได้

[Tanat Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:1/7 Shrine 5/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp 7/7 Shrine 4/6 ]

“ และลอสทรอส ยังมีอีกความสามารถ นั่นก็คือ ในตอนที่ต่อสู้ ลอสทรอส จะเพิ่มค่า At ตามค่าความเร็ว(Sp)
ที่แตกต่างกันด้วย ตอนนี้ ลอสทรอสมีค่าความเร้วเท่ากับ 5 แต่ เบลซิ่งคูล มีความเร็วเหลือแค่ 1 ดังนั้นค่าพลังจะเพิ่มขึ้นมาอีก 4 หน่วย นอกจากนี้ ยังได้ค่าพลังเพิ่มจาก ยูนิคอร์น สีหมอกที่อยู่ใน Shrine ด้วย อีก รวมเป็น 11 หน่วยเลยทีเดียว ”

ธนัท ประกาศ


“ หา?! 11 หน่วยเยอะกว่า เบลซิ่งคูล ซะแล้วสิ!! ”
จูได ถึงลนขึ้นมา เมื่อสถานการณ์พลิกกลับอีกครั้ง

“ Thunder Flash!! ”
ธนัท สั่ง มังกรกริฟฟินของเค้า ก็พุ่งตัวลงมาโดยใช้คลื่นไฟฟ้า ที่ปล่อยออกจากขนบนร่าง ห่อหุ้มตัวเองไว้
หมายจะอัดกระแทก คลื่นไฟฟ้า ทั้งหมดใส่ร่าง ของ เบลซิ่งคูล ที่ถูกตรึงเอาไว้ก่อนหน้านี้ ให้แหลกในทีเดียว

“ ขอให้ทันทีเหอะ! ”
จูได สบถขณะที่รีบหยิบการ์ดมิสติกบนมือออกมาเตรียมร่าย แต่ทว่า มังกรกริฟฟิน ก็พุ่งลงมา
จนถึงระยะปะทะแล้ว เบลซิ่งคูล ที่ถูกตรึงร่างไว้ด้วยคลื่นไฟฟ้า ก็เตรียมสวนการโจมตีไปพร้อมๆกัน
แท่งผลึกน้ำแข็ง ปรากฏขึ้น รอบก่อนจะถูกเป่าด้วยไอร้อน ให้เข้าไปปะทะ กับ มังกรกริฟฟิน และเมื่อการโจมตีของทั้งสอง

ตัวเข้าปะทะกัน ก็เกิดแรงระเบิดที่ป่นจนแท่งน้ำแข็ง แหลกเป็นผงกระจายไปทั่วทั้งสนาม สายตาทุกคู่ไม่อาจละไปจากการ
ปะทะอันตื่นตานั้นได้เลย ทว่าเมื่อร่างของ อสูร ทั้งสองปรากฏขึ้นบนสนาม ที่ผงน้ำแข็ง สลายไปหมดแล้ว

ก่อนที่ จงอยปากของ มังกรกริฟฟิน จะเข้าถึงตัวของ เบลซิ่งคูล ที่เสียหลักล้ม ก็ถูก ดาบสองเล่มซึ่งปักไขว้กันอยู่บนพื้น
สกัดไม่ให้การโจมตีเข้าไปถึงเสียก่อน ท่าร่างของ อสูรทั้งสองจึงค้างเติ่งอยู่แบบนั้น

“ ฟู่….โชคดีนะเนี่ยที่ให้ No Attacking ทำงานทันก่อนจะถูกโจมตี ”
รอยยิ้มเจืออยู่บนสีหน้าระหว่างที่ จูได พูด ก็หงายมิสติกการ์ดที่ เจ้าตัวร่ายออกไปก่อนที่การต่อสู้ จะเริ่ม
ให้ ธนัท ดู

รูปภาพ

[Tanat Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:1/7 Shrine 5/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 0 Mp 5/7 Shrine 4/6 ]

“ รอบของฉันจบแล้ว…แต่นายนี่มันทนทายาท สุดๆเลยนะเนี่ย ”
ธนัท ชมและรู้สึกถูกชะตากับ คู่ดวลตรงหน้าที่ทำให้เค้า หืดขึ้นคอได้ขนาดนี้ เพราะการดจมตีชุดเมื่อครู่
ก็แทบจะเรียกได้ว่าทุ่มกันสุดตัวแล้ว แต่ก็ยัง ล้มอีกฝ่ายไม่ได้


“ แหะๆ มันแหงอยู่แล้ว เพราะว่าของจริงน่ะมันต่อจากนี้ต่างหาก รอบของฉันจั่วไพ่!! ”
จูได พูดก่อนจะจับการ์ดมิสติกขึ้นมา โดยไม่สนที่จะสร้างอสูรตัวใหม่ มารับมือกับ ลอสทรอส ของ
ธนัท อีกแล้วแต่ตั้งใจจะใช้ เบลซิ่งคูล ฮีโร่ตัวสุดท้ายนี้ สู้ตัดสินในครั้งเดียวไปเลย

[Tanat Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 5/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp 5/7 Shrine 4/6 ]

“ Cost Mp 2 ให้ Chaotic World ทำงาน เลือกธาตุมาหนึ่งธาตุ จากนั้นเปลี่ยนให้ อสูรที่เป็นเป้าหมายของ
การ์ดใบนี้เป็นธาตุนั้น ฉันขอเลือกธาตุไฟ แล้วให้ไปติดกับ ลอสทรอส ”
จูได ร่ายมิสติกการ์ด ออกมาสำเร็จ ก็เกิดตราประทับธาตุไฟ ขึ้นบนพื้นที่ ลอสทรอส ยืนอยู่

รูปภาพ

[Tanat Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 5/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp 3/7 Shrine 4/6 ]

“ และในตอนนี้เมื่อมี ธาตุไฟอยู่บนสนามของนาย ค่า At ของ เบลิ่งคูลก็จะเพิ่มขึ้น 3 หน่วย ”
จูได อธิบาย ก่อนจะเตรียมร่ายมิสติกการ์ดอีกใบออกมาอย่างต่อเนื่อง

“ และ Cost Mp อีก 2 ให้ Mystic อุปกรณ์(Relic) บอลดาวี เฮมล์(Baldavee Helm) ติดตั้งให้กับ ลอสทรอส แล้วเลือกให้ผลอย่างที่ 2 ทำงาน อสูรที่ติดตั้งมันไว้ จะไม่ได้รับผล Ability ของอสูรทุกใบรวมถึงตัวเองด้วยดังนั้น ค่าพลังของ ลอสทรอส ก็จะไม่เพิ่มขึ้นเมื่อทำการต่อสู้ ”
จูได ประกาศพร้อมกับร่ายมิสติกการ์ดออกไป ทันทีที่ ผนึกของการ์ดปลดออก ก็ปรากฏหมวกประดับใบหนา
ขึ้นสวมที่หัวของลอสทรอส ขนาดของมันหลวมกับหัวของ ลอสทรอส จนเลื่อนลงมาบังตาทำให้มองไม่เห็น
ลอสทรอส พยายามส่ายหัวของมันเพื่อสลัดหมวกให้หลุดแต่ ไม่ว่าจะพยายามซักกี่ครั้ง หมวกก็ไม่ยอมหลุดออกไป

รูปภาพ

[Tanat Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 5/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 0 Mp 1/7 Shrine 4/6 ]

“ แย่ล่ะสิ นี้มันไม่ใช่แค่ถูกผนึก Ability เอาไว้อย่างเดียว แต่ ค่าพลังที่ได้เพิ่มจาก ยูนิคอร์นสีหมอก ก็จะไม่มีผลด้วย
ค่า At ตอนนี้เหลือแค่ 6 เพียวๆอย่างเดียวเลย ”
มิซาวะ อธิบาย ตอนนี้ เกมได้พลิกกลับมาฝั่ง จูได อีกครั้ง ทั่วทั้งสนามแทบจะไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกแล้ว
ได้แต่จับจ้องดูการ ดวลของทั้งคู่ที่ สู้กันได้อย่างสูสี พลิกกันรุกรับอยู่ตลอดเวลา เทคนิคและทริคต่างๆถูกรีด
ออกมาใช้กับการดวล อย่างเต็มที่

“ นอกจากนี้ อัลบิโน่กริฟฟอน ของนายก็เป็น ธาตุน้ำ ดังนั้น จึงไม่ต้องจ่ายค่า Cost โจมตีของ เบลซิ่งคูล
ไปเลย Extream Charge!! ”
จูได ประกาศ โจมตี เบลซิ่งคูล จึงสร้างแท่งผลึกน้ำแข็งขึ้น และซัดมันออกไปด้วยไอร้อน อย่างเคย
แท่งน้ำแข็ง นับสิบพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว และกำลังจะเข้าถึง ตัว ลอสทรอส ในไม่ช้า

“ Cost Mp 3 ให้ Skill ทำงานจากบนมือ เรียกให้ ดรานิตี้ฮีโร่ วิซกูน(Wizgoon, the Dranity Hero) ออกมาที่ At Line ”
เสียงประกาศของ ธนัท ทุกคนถึงกับอ้าปากค้า กันไปเลยทีเดียว เมื่อเค้า ประกาว่าจะใช้ ดรานิตี้ฮีโร่ เช่นเดียวกับ จูได

“ ช่วยหน่อยนะคู่หูตัวใหม่ของฉัน ”
ธนัท เปรยก่อนจะหยิบซีลการ์ด ที่เค้าได้มาก่อนจะเริ่มการดวล แล้วร่ายออกไป

กิ๊ว~~~~~~~

เสียงร้องของ จอมเวทย์มังกรตัวจิ๋ว สีเงิน ดังขึ้น เพียงโบกไม้เท้าในมือ เบาๆอากาศก็จับตัวเป็นกำแพง แข็ง
ป้องกันการโจมตีของ เบลซิ่งคูล เอาไว้ทั้งหมดในทันที

รูปภาพ
[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:4/7 Shrine 5/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 0 Mp 1/7 Shrine 4/6 ]

“ วิซกูน จะทำให้การโจมตีทั้งหมด เป็นโมฆะและ ทำให้สั่ง อสูรทั้งหมดโจมตีไม่ได้ จนกว่าจะหมดรอบ ”
ธนัท อธิบาย ถึงความสามารถของ เพื่อนใหม่ตัวน้อย ที่เล็กพริกขี้หนู ช่วยพลิกสถานการณ์กลับได้ในคราวเดียว

“ นี่นายก็มี ฮีโร่ ด้วยเหรอเนี่ย สุดยอดเลย! ”
จูได จ้องตาค้าง กับความสามารถของ มังกรจิ๋วที่สกัดการโจมตีอันหนักหน่วงของ เบลซิ่งคุล ได้

“ รอบของฉันล่ะนะ จั่วไพ่!! ”
ธนัท ประกาศ พร้อมกับจับมิสติกการ์ดขึ้นมา 2 ใบ

[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 4 Mp:4/7 Shrine 5/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 0 Mp 7/7 Shrine 4/6 ]

“ ได้การล่ะ ในรอบนี้ฉันจะแสดงไม้เด็ดทั้งหมดของฉันให้ได้เห็น คอยดูให้ดี ”
ธนัท ประกาศออกมาหลังจากดูการ์ดที่จับขึ้นมา ทุกคนต่างก็ปิดปากเงียบสนิท เพื่อจะคอยดู
สิ่งที่เค้าจะแสดงให้ดูเป็นอย่างสุดท้ายนี้

“ Cost Mp 2 ให้ Mystic Synchronize ทำงาน จากนั้นก็กำจัด Mystic Card บนมือให้มีค่าร่ายรวมเท่ากับหรือมากกว่า 2 ฉันกำจัดผ้าคลุมขนเร้ดร็อค(Red Feather Robe) ออกไป แล้วให้ คอนแทค ฟอร์ซ (Contact Force) ทำงานจากบนมือ ”
สิ้นคำ หลังจากที่ธนัท ร่ายมิสติกการ์ดนั้นออกไป ก็เกิดห้วงบิดเบี้ยวขึ้นในอากาศขึ้นตรงหน้า

รูปภาพ
รูปภาพ

[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:2/7 Shrine 5/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 0 Mp 7/7 Shrine 4/6 ]

“ ห๊ะ! นั่นมัน! ”
อาจารย์ เบิร์ด หลุดปากออกมาทันที เมื่อได้เห็นการใช้ Mystic Synchronize ของธนัท
ไม่ต่างไปจาก โคทาโร่ ที่ตอนนี้ยืนตะลึง มองดูเพื่อนของตนใช้พลังที่ ตัวเองพึ่งได้รับมาเหมือนกัน

“ คอนแทค ฟอร์ซ มีผล 2 อย่าง อย่างแรก คือ Contact Tune จะทำให้ อสูรที่เป็นเป้าหมายเปลี่ยนเป็นธาตุเดียวกับ
อสูรในสนามได้ใบหนึ่ง และอย่างที่สองคือ Contact Out จะทำให้ อสูรที่อยู่ในสภาพ Growth
คืนสภาพกลับไปเป็นวัตถุดิบได้ และขอใช้ผลข้อที่สองกับ เบลซิ่งคูล Contact Out!! จะต้องคืน เบลซิ่งคูล กลับเข้า
ไปในสำรับ แล้วเอา อสูร วัตถุดิบกลับเข้ามา ”

สิ้นคำ ห้วงบิดเบี้ยวซึ่งเกิดจาก มิสติกการ์ด ก็ยิงลำแสงพุ่งเข้าไปปะทะกับร่างของ เบลซิ่งคูล ร่างของมันพลอย
บิดเบี้ยวตามไปด้วย และ แยกกลับคืนเป็น แฟรกูน กับ ไอซี่กูน ตามเดิม

“ ปลดการผสานร่างของ เบลซิ่งคุลงั้นเหรอเนี่ย!! ”
จูได ร้องเสียงหลง ขึ้นมาทันที ตอนนี้ ฮีโร่ที่แข็งแกร่งของเค้ากลับไปเป็น วัตถุดิบต้นที่ อ่อนแอ อีกครั้ง
แทนเสียแล้ว

“ กำหนด Line ให้กับ อสูรที่กลับมาด้วยล่ะ ”
ธนัท พูด

“ ให้ แฟรกูน อยู่ที่ At Line ส่วน ไอซี่กูน ให้อยู่ที่ Df Line ”
จูได ประกาศพื้นที่กำหนดให้กับ อสูร ของตน เป็น อันเสร็จสิ้นแล้ว ธนัท จึงเริ่มเดินเกมต่อทันที

“ Cost Mp 1 ให้ Lilith ทำงาน ทิ้ง Mystic Card บนมือไปใบหนึ่งจากนั้นเพิ่ม Mp ตามค่าร่าย นั้น ทิ้ง เซกเม็ท(Sekhmet) ที่มีค่าร่าย 3 ดังนั้น Mp ของฉันจึงฟื้นขึ้นมาเป็น 4 หน่วย ”
ทันทีที่มิสติกการ์ดทำงาน ธนัท ก็ทิ้งมิสติกใบสุดท้ายบนมือลงไปที่ ช่อง Shrine และภาพของ มิสติกการ์ดนั้นก็สลายกลายเป็นควันสีดำ ซึมซับเข้าไปในร่างของเค้า

รูปภาพ
รูปภาพ

[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 0 Mp:4/7 Shrine 5/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 0 Mp 7/7 Shrine 4/6 ]

“ Cost Mp 2 ให้ แบล็กไนท์ กริฟฟิน(Black Night Griffin) ออกมาที่ At Line แล้วก็ให้
อัลบิโน่ขึ้นไปที่ At Line ด้วย ”
ธนัท อัญเชิญ กริฟฟิน ราตรีดำ ออกมาก่อนจะสั่งให้ กริฟฟอนเผือก ตามขึ้นมาอยู่ที่ แนวหน้าด้วยอีกตัว

[Tanat Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 0 Mp:2/7 Shrine 5/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 0 Mp 7/7 Shrine 4/6 ]

“ วันนี้ได้ปิดฉากพร้อมกับนายเหรอเนี่ย อัลบิโน่ ”
กริฟฟินราตรีมืด ทักทายกับ กริฟฟอนเผือกอย่างสนิทสนม ทันทีที่ เมื่อได้เข้ามาในสนาม

“ กำลังรอแกอยู่เลย นึกว่าจะไม่มาแล้วซะอีก เอาล่ะพร้อมไหม!! ”
กริฟฟอน ฃเผือก กล่าวตอนนี้ทั้งสองตัวพร้อมที่จะต่อสู้แล้ว

“ ว้าว อสูรของนายก็พูดได้ด้วยเหรอ ”
จูได อุทาน ขณะที่คนอื่นที่ดูอยู่ พากันมองหน้าอย่าง งงๆ ว่าเค้าพูดถึงอะไร เพราะในสายตาของ คนอื่นนอกจาก
พวกเค้าสองคนแล้ว กริฟฟอนเผือก กับ กริฟฟินราตรีมืด ก็แค่ออกมายืน คำรมขู่กันอยู่เท่านั้น

“ นี่นายก็เห็นด้วยเหรอเนี่ย….นายนี่มันน่าสนใจจริงๆพร้อมนะฉันจะบุกครั้งสุดท้ายล่ะ ”
ธนัท กล่าว

“ โอ้ท! เข้ามาเลย!! ”
จูได รับคำเสียงดังด้วยความตื่นเต้น เลือดในตัวเดือดพล่าน หัวใจเต้นระรัว ความตื่นเต้นที่นานๆครั้งจะได้มีโอกาสสัมผัส
มันลุกโชนอยู่ในตัวของทั้งสอง เช่นเดียวกับ ทุกคนที่ดูการดวลนี้อยู่ ต่างก็รอลุ้นผลลัพธ์ของการดวล ชนิด
จ้องตาเป็นมัน กันเลยทีเดียว

“ ให้ Ability ของ แบล็กไนท์ ทำงาน เผ่าสัตว์อสูรทุกตัวของ ฉันจะได้รับค่า At เพิ่มขึ้น 1 หน่วย Cost Mp 1 ให้
อัลบิโน่ โจมตี Albino Scratch ”
ธนัท ประกาศ กริฟฟอน เผือกของเค้า ก็ควบสี่เท้าตรงเข้าเล่นงาน แฟรกูน ทันที

[Tanat Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 0 Mp:1/7 Shrine 5/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 0 Mp 7/7 Shrine 4/6 ]


“ Ability ของ แฟรกูน ทำงานเมื่อ อสูร ของอีกฝ่ายโจมตีเข้ามาและ แฟรกูน อยู่ที่ At Line อสูรทุกใบของนาย
จะถูกลดค่า At ลง 1 จนกว่าจะหมดรอบ สวนกลับไปเลย Brust Fire!! ”
จูได ประกาศ พร้อมกันนั้น แฟรกูน ก็เสกเปลวเพลิงออกจากมือทั้งสอง ข้างสร้างกำแพงเพลิงขึ้นมาสะกัดกั้นการโจมตี
ของ กริฟฟอนเผือกไว้

“ ไม่ได้ผลหรอกน่า Ability ของ ยูนิคอร์นหมอกดำ ทำงานตราบเท่าที่อยู่ใน Shrine เผ่าสัตวือสูรทุกใบของ
ฉันจะมีค่าพลังเพิ่มขึ้น 1 จุด ”
ธนัท กล่าว

“ ล…แล้วมันจะเป็นยังไงต่อไปล่ะเนี่ย โอ๊ยตามจะไม่ทันอยู่แล้ว ”
โช พูดตาจ้องไม่กระพริบกับ การโจมตีนี้

“ ค่าพลังของ อัลบิโน่กริฟฟอนเดิมมีอยู่ 6 แล้วก็บวกเพิ่มจาก แบล็กไนท์กริฟฟิน กับ ยูนิคอร์นหมอกดำ ได้เท่ากับ 8 หักลบกับของ แฟรกูนลงไป 1 จุดก็จะเหลือเท่ากับ 7 แต่ ค่าความเร็วของ อัลบิโน่กริฟฟอน น่ะมากกว่านะ เพราะฉนัน้ผลก็คือ.. ”
อาซึกะ อธิบาย ระหว่างนั้น กริฟฟอนเผือก ได้พุ่งตัวข้ามผ่านกำแพงไฟที่ แฟรกูน กางเอาไว้ แล้วตวัดกรงเล็บ
จัดการในคราเดียว

[Tanat Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 0 Mp:1/7 Shrine 5/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 0 Mp 7/7 Shrine 5/6 ]

“ ต่อด้วยการโจมตีของ แบล็กไนท์ Shadow Beak!! ”
ธนัท ประกาศให้ กริฟฟินราตรีมืดของเค้าทำการโจมตีอย่างต่อเนื่องทันที กริฟฟินราตรีมืด โจนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะ
หมุนตัวควงสว่านพุ่งลงมา บดขยี้ร่างของ ไอซี่กูน จนสลายไปในที่สุด แรงระเบิดจาการปะทะ ส่งผลให้ จูได ที่อยู่ใกล้ๆกัน
กระเด็นลงไปนอนแผ่หงายท้องกับพื้นทันที

[Tanat Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 0 Mp:0/7 Shrine 5/6 ]Win
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 0 Mp 7/7 Shrine 6/6 ]Lose

และแล้วการดวลก็จบลง ท่ามกลางเสียง ปรบมือและเสียงชื่นชมการต่อสู้ของทั้งสองที่ น่าตื่นตาตื่นใจตั้งแต่เริ่มจนถึงจบ
ไม่มีใครกังขากับความพ่ายแพ้ของใคร หรือชัยชนะของผู้ใด มีเพียงความปิติยินดี ของการดวลที่ทำได้อย่างสมเกรียติ์
ของทั้งสองฝ่าย

ธนัท เดินเข้าไปหา จูได ที่พึ่งยันตัวลุกขั้นมานั่ง ขัดสมาธิ หลังจากที่ล้มลงไป ทั้งสองมองหน้ากันอยู่ซักพักก่อนที่ต่างฝ่ายต่าง ยกมือขวาขึ้นตวัดไปทางซ้าย แล้วยื่นชี้ไปที่อีกฝ่ายด้วยสองนิ้ว แล้วพูดขึ้นพร้อมกันอย่างเป๊ะๆ

“ Gotcha!! เป็นการดวลที่สนุกมากเลยนะ! ”

เพียงแค่นั้นทั่วทั้งลานหน้าหอพักก็เงียบเสียงลง เมื่อกิริยาอาการของทั้งคู่ ที่แสดงออกมาเหมือนกันอย่างกับแกะ

“ สองคนนั้น เหมือนกันเลยนะว่าไหม.. ”
มิซาวะ พูดเสียงเอือมเพื่อจะขอความเห้นจากคนอื่นๆแต่ก็ไม่มีใครจะสรรหาคำใดมาบรรยายต่ออีก กับความหรรษาของทั้งคู่

“ เอ่อนั่นมัน… ”
“ อย่ามาถามผมเลย…ถ้าจะให้ตอบขอบอกว่ามันบ้าก็แล้วกัน ”
อาจารย์เบิร์ด เอ่ยเสียงลอยจะถามแต่ยังไม่ทันจะได้พูด โคทาโร่ ก็แทรกขึ้นมาบอกปัดเสียก่อน

“ อ..ฮะๆ ฮ่า!!!ๆๆๆๆ ”
และแล้วทั้ง ธนัท กับ จูได ทั้งสองคนก็หัวเราะกันเสียเอง ท่ามกลางสายตารับไม่ได้ของ ทุกคนที่ราวกับดูตลกฝืดอยู่

“ เป็นการดวลที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะงั้นแล้วคู่ดวลคนต่อไป คือฉันเอง ”
เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา สายตาทุกคู่หันไปมองกันเป็นทางเดียว นักเรียนปี 3 ชุดยุนิฟอร์มสีน้ำเงินขาว
กำลังเดินมาหาพวกเค้า

“ นั่นมัน พี่นี่!! ”
โช อุทานเมื่อเห้น นักเรียนคนที่เข้ามาท้าดวลด้วยเป็นรายต่อไป

“ ไกเซอร์ เรียว!! ”
นักเรียนทุกคน พูดขึ้นพร้อมกันเป็นเสียงเดียว เมื่อนักเรียนที่เก่งที่สุดในโรงเรียน ปรากฏตัวขึ้นแล้ว

“ อ๊ะ! เดี๋ยวสิขอฉันดวลก่อนนะ เพราะฉันอยากจะลองสำรับใหม่ของฉัน ”
อาซึกะ ที่ฉุกคิดขึ้นมาถึงเป้าหมายแรกของเธอได้ก็รีบเข้าไปขวาง รุ่นพี่ที่ถูกขนาน นามว่า ไกเซอร์ ทันที

“ อ้าวเฮ้ย เดี๋ยวก่อนเซ่ เมื่อกี้ฉันเป้นคนเจอหมอนี่ก่อนนะ ฉันก็ต้องได้ดวลก่อนสิ ”
มันโจเมะ แย้ง และรีบวิ่งเข้าเพื่อจะเป็นคนแรกที่ได้ดวลต่อ

“ เฮ้ฉันด้วยคนสิ ”
มิซาวะ ก็เป็นไปกับเค้าอีกคน จากนั้นนักเรียนคนอื่นๆ จึงเริ่มวิ่งเข้ามาแย่งยื้อกันจะดวลด้วย
จนเริ่มวุ่นวาย

“ อ้าว งั้นฉันก็ต้องได้ก่อนสิ ”
“ ฉันต่างหาก ”
“ ฉันมาก่อนตั้งนานแล้วนะ ”

“ ธนัท ฉันว่าไม่ดีแล้วนะ เรารีบหนีกันตอนนี้เหอะ ”
โคทาโร่ รีบเข้ามาฉุดเค้าออกไปวงล้อมเพื่อจะหนี ซึ่งเจ้าตัว ก็รีบรับคำ ทันที เพราะตอนนี้ก็เริ่มจะวุ่นวายกันแล้ว
สุดท้ายทั้งสองก็ต้องมาวิ่งหนีการตามล่าจากนักเรียนทั้งโรงเรียน ที่วิ่งไล่ตามมาเป็นหางว่าว ส่วนจะรอดหรือไม่นั้น
ก็คงต้องปล่อยให้เป็นปริศนาต่อไปเพราะวันนี้ จบตอนแล้ว………………..
…………………………………………………………………………………………..

“ จบดื้อๆงี้เลยเนี่ยนะ!!!! ”
“ กลับมาก่อน มาดวลกับฉันก่อน!! ”
“ เหวอ!!!!! ช่วยด้วย!!!! ”
………………………………………………………………………………………..

…………………………………………………………………………………………..
To Be Continue
……………………..
ลูเซีย:แง้ตอนนี้ฉันไม่มีบทเลยอ่า เอว่าไปแล้วสองคนนั่นกำลังถูกตามล่าตัวอยู่สินะงั้นช่วง
บอกตอนต่อไปก็เป็นของฉันคนเดียวน่ะสิ ดีล่ะจะใช้ช่วง 10 จบ นี้ทำเป็นนางเอกเลยคอยดู!!
ลูเซีย:………….
(3 จบผ่านไป)
ลูเซีย:………….
ชุติการ:เอ้านี่ ลูเซีย มีอะไรจะพูดรีบพูดเข้าสิ เดี๋ยวเวลาก็หมดก่อนหรอก
ลูเซีย:แง ก็เค้าไม่รู้จะพูดอะไรอ่า~~~~
มิสคุง(MX):งั้นผมพูดเอง ตอนต่อไป New Student Little Dragoon นักเรียนใหม่ มิสทอลกิคุส กับสำรับ
อสูรอัญมณี เอ้ย!! อัศวินมังกรจิ๋ว
ลูเซีย:แง้ แล้วมาแย่งฉันพูดทำไมเนี่ย ว้าย!!ครบ 10 จบแล้วเหรอยังไม่ได้พูดอะไรเลยอ้ะ!
………….จบจ๊ะ………….

Card Pop!!

Contact Force
รูปภาพ

Type: tarot Subtype: 2 Synchronize
Mp Cost: 2 Pasted: PS Turn: 0 Rarity: TAG
Ability:
เลือก 1 อย่าง
- เลือก Seal 1 ใบในสนาม; Seal ที่ [S] ติดเปลี่ยนเป็นธาตุเดียวกับ Seal ที่เลือก Infinity Turn
-นำ Seal ที่อยู่ในสภาพ Growth ที่ [S] ติดกลับเข้ากองการ์ด;นำ Seal เงื่อนไขกลับเข้ามาในสนามจาก Remove Zone

แฮ่กๆ บทนี้เหนื่อยมากกว่าจะเขียนเสร็จ เพราะใช้การ์ดทำเอง ให้ จูได เกือบสิบใบ เลยเหนื่อยทั้งอัพ ภาพ
ทั้งตัดทั้งแปะ อากาศก็ร้อนได้ใจจริงๆ เจ้า การุรุม่อน ยังเป็นลมไปตั้ง 2 รอบแน่ะ เหอๆ ตอนต่อไป คาดว่าอาจจะงด
ไปลงอีกอาทิตย์แทน เพราะต้องเตรียมตัวย้ายของไปเข้าหอ ที่ ม. ก่อน สำหรับบทนี้ใครเคยดู ยูกิโอจีเอกซ์ มาก่อนคาดว่าจะ Get มุข มากกว่า 90% ในบทนี้

อนึ่งการ์ด ดรานิตี้ฮีโร่ เป็นการ์ดที่เคยเตรียมไว้สำหรับซีรี่ย์ ที่เคยคิดจะเขียนอยู่ทีหนึ่งแต่ล้มเลิกไป เพราะพี่ ปิโยผู้เป็น บก.
ของเราบอกไม่ผ่าน บวกตัวกระผมไม่รู้จะเขียนเรื่องออกมายังไงดีด้วย เลยจับมายำใช้มันซะตอนนี้เลย
ถ้าจะขอให้ช่วย โหวตว่าชอบ ใบไหนจะตอบกันไหมเนี่ย เหอะๆ สำหรับผมนะ Orcagoon กับ D. Combine Connection

นี่ดูดีที่สุดแล้วล่ะมั้งครับ แต่ไม่รู้ว่าใบหลังนี่มันทำภาพออกมาเหมือน Fusion เกินไปหรือเปล่า
และเหนืออื่นใด การ์ด ซิงโครตอนนี้ ของธนัท คงโกงสุดเลยมั้งเนี่ย ค่า ซิงโครแค่ 2 เอง
และอีกเรื่อง เหมือนตอนนี้จะเขียนปมขึ้นมาผูกคอตัวเองอีกแล้ว เกี่ยวกับ ซิงโครการ์ดซึ่งมีที่มาลึกลับยิ่งกว่า

ไอ้พลังเวทย์ที่ใช้กันตอนนี้เงื่อนงำก็ยังไม่กระจ่างเล้ย ดันสร้างปมเพิ่มเฮ้อแล้วจะแกะหมดไหมเนี่ย ซีซั่นนี้
เดี๋ยวสงสัยจะได้ออก สเปเชี่ยล แบบ ทาลิเรกกะ ป่าวหว่า ที่มาเฉลยปมของ อิออน ในCVSE แทน
ถ้าเป็นงั้นเหนื่อยตายเลย ว่าไปที่มา ซิส ก็ยังไม่ได้เขียนนี่หว่า แว้ก ปมเยอะเกินแก้ไม่ทัน คร่อก

ส่วนเรื่องที่คุณ Pugilist ขอไว้เรื่องสามเหมียวนี่ คงจะให้ โคทาโร่ ใช้ไม่ได้ล่ะครับ เพราะตัวเป็นหมาจะใช้แมวก็ยังไงอยู่
แต่รับรองว่ายังไง สามเหมียวนักต่อยได้ออกแน่นอน แต่อยู่ในสำรับใครนี่อีกเรื่อง ต้องตามดูกันต่อไปนะคร้าบ
โอะ เกือบลืม คุณ Dragon Professor ยังดูอยู่ป่าวเนี่ย พอดีตอนหน้าเค้าจะได้มีบทดวลด้วย สงสัย
จะบอกช้าไปป่านนี้เลิกอ่านแล้วแหงเลย ดองนานไปหน่อย T_T

ปล.คิดว่าไม่บอกแต่คงรู้นะ ผักคุง(เรียกแบบนี้ครั้งแรกเลยนะเนี่ย)จะได้ออกพร้อมกันกับ มิสคุง บทหน้าที่แหละ

ปล.2ความยาวตอนนี้เท่ากับ 2 บทควบเลย ทุกทีบทละ 30 หน้าไม่เกินนี้ แต่บทนี้พุ่งไปที 60 หน้าเลย พิมพ์เพลิน แบบว่ามันส์อ่ะ
ได้ดวลกับจูได ตัวเป็นๆฝันมานานแล้ว(ตอนนี้ก็ยังฝันค้างอยู่)
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ เม.ย. 11, 2011 3:47 pm, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 22 Vs. Jaden the User of Hero

โพสต์โดย boy เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 30, 2010 4:51 pm

ผักว่านะฮะ......
ตัวโกรทที่ออกมาตัวแรกคือ ธันเดอร์ไจแอนท์ที่ทำลายตัวที่พลังตั้งต้นต่ำกว่าตัวเองได้
ออก้ากูนนี่บับเบิ้ลแมน
ส่วนอ.โครนอสที่ว่าอัปลักษณ์.......5555
ปล.รอดูดีไซน์ตัวเองตอนต่อไป
ปล.2 ธนัทจะใช้ฮีโร่ ::036::
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG TURN!!:Up Sub-Turn 22 Vs. Jaden the User of Hero

โพสต์โดย ->MiTKunGZ<- เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 30, 2010 4:58 pm

ไม่ชอบแนวนี้อ่ะมันคล้ายยูกิอยากให้มีคนทำนิยายซัมมอนเนอร์แบบการ์ตูนแบบว่ามีแต่ตัวละคนของกาณ์ดเท่านั้นไม่มีคนคุมอาไร
ภาพประจำตัวสมาชิก
->MiTKunGZ<-
0
 
โพสต์: 1555
Cash on hand: 1,000.00
ที่อยู่: >Watl2ajaBopiT-SchooL<

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง SMN FanCard FanArt & FanFic

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 17 ท่าน