Sub-Turn 22 Vs. Jaden the User of Hero Deck
ท่ามกลางท้องทะเลสีครามซึ่งผิวน้ำสะท้อนสีของฟากฟ้า สายลมพัดเมฆก้อนน้อยใหญ่ลอยเอื่อยเฉื่อย
เหนือเกาะกว้างที่ซึ่งเป็น ผืนแผ่นดิน ในครอบครอง บริษัทรายใหญ่ของญี่ปุ่นKaiba Corp. เกาะแห่งนี้
เป็นที่ตั้งของโรงเรียนสอนการดวลและสิ่งต่างๆเกี่ยวกับ SMN ซึ่งนั่นนับรวมไปถึงการวิจัยพลังงาน Magic ซึ่ง
ยังคงเต็มไปด้วยปริศนาจนถึงทุกวันนี้ นักเรียนที่จบจากที่นี่ นอกจากเป็น Summoner Star ที่เป็นดารานักดวล
ในวงการแข่งขันแล้ว ก็ยังได้เข้าไปทำงานในหน่วยงานวิจัย เกี่ยวกับ Magic ที่กระจายอยู่ทั่วโลก อีกด้วย
และชื่อของโรงเรียนนี้ก็ถูกเรียกขานว่า Duel Academia ……….
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………..
“ ที่ ดูเอล อาคาเดเมีย แห่งนี้จะมีระยะเวลาในการเรียนการสอน 3 ชั้นปี และยังแบ่งระดับของนักเรียนออกเป็น 3
ระดับอีกด้วย ”
เสียงบรรยายของ อาจารย์หญิงสาวสวมเสื้อโค้ทสีฟ้าขาว คอย อธิบายรายละเอียดของ ดูเอล อาคาเดเมีย
ให้กับ ธนัท และ โคทาโร่ ที่นั่งอยู่บน เฮลิคอปเตอร์ด้วยกัน ทั้งสองตื่นเต้นกับ ภาพพจน์ของที่นี่
และมองดู อาคารเรียน หอพักและอาคาร สันทนาการที่อยู่ใต้พวกเค้าซึ่งกำลัง ลงจอดที่ลานจอด
เฮลิคอปเตอร์ ใกล้กับ หาดทางตะวันออกของเกาะ
Tanat
Kotaro
“ ระดับของนักเรียนที่นี่จะถูกแบ่งด้วยสี โดยไล่ลงมาจากสูงที่สุดคือ บลู(Blue) เยลโลว่(Yellow) และ เร้ด(Red) ”
อาจารย์สาว ยังคงอธิบายต่อไปเรื่อยๆขณะ เฮลิคอปเตอร์ ลงจอดยังลาน ซึ่งได้มีอาจารย์ ของทาง ดูเอล อาคาเดเมีย
มารอต้อนรับพวกเค้า ที่ได้รับการเชิญ มาผ่านทาง Phenomenon Party Corp. ที่เป็นหุ้นส่วนสำคัญ
เมื่อ ใบพัดของ ฮ. หยุดหมุนลงแล้ว นักบินจึงลงมาเปิดประตู ให้พวกเค้าได้ลงจาก เครื่อง
“ มามามิย่า~~~~ ยินดีต้อนรับสู่ ดูเอล อาคาเดเมีย อันทรงเกรียติแห่งนี้ ”
อาจารย์ชายท่านหนึ่งทักทาย เสียงแหลมแหบ ให้กับพวกเค้าที่พึ่งมาถึง ใบหน้าของอาจารย์ผู้นี้ เหี่ยวย่นและดูแก่เกินวัย
ยิ่งนำมาเทียบกับผมทรงกะลาครอบสีเหลือง และ รอยยิ้มที่ฉีกปากเสียจนเกือบถึงรูหู ทำให้ดูน่าสะอิดสะเอียน
จนพูดได้เต็มปากเลยว่า อัปลักษณ์
“ เค้าพูดว่าอะไรเหรอ โคทาโร่ ฉันฟังไม่รู้เรื่องเลย ”
ธนัท หันไปถาม เพื่อซึ่งมีเชื้อสายญี่ปุ่น และคงจะฟังภาษาที่อาจารย์คนนี้รู้เรื่อง
“ อาจารย์เค้ามาทักทายน่ะ ”
โคทาโร่ ตอบ
“ เหรอ.. ”
ธนัท เปรยเค้าเริ่มรู้สึกว่าการมาเยือนครั้งนี้คงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เพราะบนเกาะแห่งนี้ คนส่วนมากพูดภาษาญี่ปุ่น
กันหมด จนเค้าไม่รู้ว่าจะสื่อสารด้วยยังไง
“ ใช้นี่สิ ธนัทคุง ”
อาจารย์สาวที่มากับพวกเค้าด้วยพูดพร้อมกับยื่น การ์ดผนึกสีแดง ให้ ธนัท รับมาดูอย่าง งงๆขณะที่เธอเริ่มอธิบายต่อ
ถึงวิธีใช้การ์ดผนึกนี้
“ ในการ์ดผนึกใบนี้เป็น เวทย์ภาษา ที่จะเปลี่ยนการรับรู้และการโต้ตอบของภาษาทั้งคำพูดและตัวเขียนให้สามารถเข้าใจได้
ส่วนวิธีใช้ ก็ให้ แสตนบายน์ Note ของเธอให้อยู่ Duel Mode ก่อน แล้วร่ายมันออกมาเหมือนกับร่ายการ์ด ลองทำดูสิ ”
หลังจากฟังที่เธออธิบายเสร็จ เค้าจึงหยิบเอา คอรัส ขึ้นมาและสั่งให้มันเปลี่ยนรูปเป็นปลอกแขนและสวมเข้ากับแขนซ้าย ก่อนจะ ร่ายการ์ดผนึก ออกไปเหมือนทุกครั้งทันทีที่ และแม้ว่าการ์ดผนึกจพทำงานแล้วก็ตามแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
“ ซินยอร์ ธนัท ฟังภาษเราไม่รู้เรื่องสินะถึงต้องใช้ การ์ดเปลี่ยนภาษา ”
อาจารย์ชายพูดขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ ธนัท สามารถฟังสิ่งที่เค้าพูดได้รู้เรื่องอย่างหมดจดเลย
“ สุดยอดไปเลย เมื่อกี้ยังฟังไม่รู้เรื่องอยู่เลย แต่ตอนนี้เข้าใจแจ่มแจ้งชัดแจ๋ว ”
ธนัท อดตีสีหน้าประหลาดใจกับความวิเศษของการ์ดผนึกนั้นไม่ไหว ทำเอา อาจารย์สาว อมยิ้มแก้มปริ
“ ธนัทคุง การ์ดเปลี่ยนภาษาน่ะ ที่นี่นักเรียนทุกคนจะใช้มัน สำหรับทำการดวลล่ะ เพราะไม่อย่างนั้นก็อ่าน Text ของการ์ด
ไม่ออกสิจริงไหม ”
อาจารย์สาว หยอกใส่กับความอ่อนโลกของเค้า
“ ว่าแต่ที่เรียกว่า คุง นี่มัน… ”
เรื่องของการ์ดเปลี่ยนภาษนั้นสำหรับเค้าก็ถือว่าแปลกแต่ที่ไม่ชวนคุ้นหูเลยคือการที่เรียกลงท้ายเค้าว่า คุง ตลอดเวลา
“ อ…อุ้ยโทษทีนะ พอดี ฉันติดปากแล้วน่ะ เวลาเรียกพวกนักเรียนก็จะเรียกแบบนี้บ่อยๆน่ะนะ ”
เธอ สะดุ้งนิดหน่อยที่ถูกทักกับการพูดของเธอ
“ ว่าแต่ จะเริ่มกันตรงไหนก่อนดีล่ะ ถ้าจะชมการเรียนการสอนล่ะก็ ตอนนี้คงไม่ได้ เพราะคาบเรียนพึ่งจบไปเมื่อกี้นี้เอง
ป่านนี้ อาจารย์ อายุกาวะ คงปล่อยพวกนักเรียนออกมากันหมดแล้ว ถ้ายังไงเราไปพักทานน้ำชาให้หายคอแห้งที่ หอบูล กันก่อนจะดีกว่ามั้ย ”
อาจารย์ชาย พูดเสียงแหลมแหบพร้อมกับ ผายมือไปยัง อาคารสีขาวหลังคาสีฟ้า เรือนใหญ่ที่ตั้งเยื้องออกมาจาก
อาคารเรียนหลักที่ใจกลางเกาะ
“ ตายจริง! ยังไม่ได้แนะนำกันเลยนี่นา ตั้งแต่ขึ้น ฮ. ที่ท่าเรือมาเนี่ย ฉันเป็นอาจารย์พิเศษที่มาสอนอยู่ที่ ดูเอล อาคาเดเมีย
เบิร์ด นาตาลู(Bird Natalu) ส่วนนี่อาจารย์ใหญ่ โครนอส(Crowler) เป็นอาจารย์ประจำอยู่ที่นี่ ”
อาจารย์สาว พูด หลังจากนึกขึ้นมาได้ ก็แนะนำตัวเองกับ อาจารย์ชาย ที่พูดเป็นต่อยหอยอยู่เมื่อครู่
ไปๆมาๆ เลยกลายเป็นว่า ที่ อาจารยืโครนอส พูด ก็ไม่มีใครฟังกันเลย
“ ตอนนี้เราเสียเวลาไปมากแล้วนะครับ รีบพาผมไปดูซักทีสิ…การ์ดที่ว่านั่นน่ะ ”
โคทาโร่ แทรกขึ้นมาในระหว่างที่บรรยากาศ กำลังเป็นไปอย่างสบายๆ แม้จะดูเหมือนว่าเค้าเองก็สนุกไปกับ ธนัท ที่ได้มาที่นี่ สิ่งสำคัญที่พวกเค้ามาวันนี้ คือการมารับ การ์ดที่ ประธานปอร์ ฝากมา
“ เข้าใจแล้วล่ะ ถ้างั้นจะพาไปเลยก็แล้วกันแต่ว่า ธนัทคุง คงจะไปด้วยไม่ได้ เธอเดินเที่ยวไปรอบเกาะก่อนก็แล้วกันนะ ไว้เสร็จแล้วจะโทรไปเรียกละกัน ”
อาจารย์ เบิร์ด กล่าว ซึ่ง ธนัท ก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร และเค้าเองก็อยากจะเที่ยวมากกว่าไปยุ่งเรื่องงานของ โคทาโร่ เสียอีก
สายตาซุกซน เริ่มกลิ้งกลอกมองไปรอบๆ เพื่อหาจุดที่น่าสนใจ ไปเรื่อยๆ อาจารย์ โครนอส ที่เห็น ความอยากรู้อยากเห็นของเค้าก็ รีบเสนอตัวจะสร้างหน้าให้โรงเรียน ทันที
“ ถ..ถ้าอย่างนั้น ฉันจะเป็นคนพา ซินยอร์ธนัท เดินเที่ยวที่นี่… ”
“ ไม่ได้นะคะ อาจารย์โครนอส มีประชุมอาจารย์ที่หอบูล อยู่ไม่ใช่หรือคะ ”
อาจารย์ เบิร์ด ขัดขึ้นทำเอาสีหน้าของ อาจารย์ โครนอส ซีดเพียวไปทันทีที่ เมื่อถูกแย้งด้วยงาน และก็ต้องรีบแจ้นคอตกไป
ที่อาคาร หลังที่ตั้งใจจะพาดื่มน้ำชากันแต่แรก เพื่อไปเข้าประชุม ส่วน โคทาโร่ ก็ ไปกับ อาจารย์เบิร์ด ที่อาคารสันทนาการ ซึ่งอยู่สูงขึ้นไปบนเนิน ทางเหนือจาก ลาน เฮลิคอปเตอร์ ตอนนี้ เหลือแค่ ธนัท คนเดียวเท่านั้น เค้าจึงตัดสินใจเดินไปที่ทางใต้ของเกาะ
………………………………………….
……………………………………………………………………
ตอนนี้ ธนัท เดินเกร่อมาเรื่อยจนมาหยุดอยู่ที่ลานหน้าหอหลังคาสีเหลือง ที่นั่นมีกลุ่มนักเรียนกำลังล้อมกลุ่มกันทำอะไรบางอย่างอยู่และส่งเสียดังออกมาเป็นช่วงๆด้วย
“ ให้ Colt Leogriff กับ Young Leogriff เป็นวัคถุดิบทำการ Growth ออกมาเลย Elder Leogriff!! ”
เสียงตะโกน ของนักเรียนคนหนึ่งซึ่งกำลังทำการดวลกับ นักเรียนอีกคนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเหล่านักเรียน
ที่ใส่ชุดแจ๊กเก็ตโรงเรียน สีเหลือง และ สีน้ำเงิน โดยฝ่ายสีน้ำเงิน เชียร์ นักเรียนชายที่ดูหยิ่งๆ และชุดยูนิฟอร์มสีดำ
ส่วนสีเหลือง เชียรื นักเรียนชุดยูนิฟอร์มสีเหลืองเหมือนกัน ซึ่งกำลังเสียเปรียบอยู่
ในสนามของนักเรียนชุดดำ อสูรกริฟฟินสิงห์ วัย เด็กและวัยหนุ่ม รวมตัวกันและกลายเป็น ร่างเต็มวัย
เสียงคำรามของมัน ดุดัน และกึกก้องจนลั่นลานหน้าอาคารหอพักหลังคาสีเหลือง
“ ไปเลย Elder Legriff โจมตี!! ”
สิ้นคำของนักเรียนชุดดำ อสูรกริฟฟินสิงห์ ก็บดขยี้อสูรของ นักเรียนอีกคน จนสิ้นท่าและชนะในการดวลไปในที่สุด
“ หน่วย!!! ”
เสียงตะโกนดังขึ้นจาก เหล่านักเรียนชุดสีน้ำเงิน มันดังเสียจน ธนัท ต้องรีบยกมือปิดหูด้วยความตระหนก
“ สิบ!!! ” “ ร้อย!!! ” “ พัน!!! ”
เสียงนับยังคงดังกึกก้องอย่างต่อเนื่องและเมื่อ เสียงนับ “ พัน ” สิ้นสุดลง นักเรียนชุดดำก็ชูนิ้วขึ้นเหนือหัว
ก่อนจะตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดังพร้อมกับ นักเรียนชุดน้ำเงินคนอื่นๆ
“ มันโจเมะ ธันเดอร์!!!! ”
เสียงตะโกนประกาศฉายาดังกึกก้องระรัวปานกลองศึกเลยก็ไม่ปานและยังคงก้องต่อไปอีกซักพัก
“ ที่นี่เค้าครึกครื้นกันดีแฮะ ”
ธนัท เปรยไปตามภาพที่เห็น กับความครึกโครมของบรรดานักเรียน ก่อนจะเดินจากออกไปเพื่อหาที่เงียบๆ
เพราะสำหรับเค้าดุเหมือนที่นี่มันจะหนวกหูเกินไป
“ หือ…ชุดสีขาว..ใครกันไม่เห็นคุ้นเลยเจ้านั่นไม่ใช่นักเรียนของ ดูเอล อาคาเดเมีย….ใครกันนะ ”
นักเรียนชุดดำ ซึ่งถูกเรียกว่า มันโจเมะ ที่กำลังรับการสรรเสริญจากนักเรียนรอบๆ พึมพำเมื่อเห็น ธนัท เดินจากไป
“ เป็นอะไรไป มันโจเมะ ทำหน้าเหมือนเห็นผีทั้งที่ชนะฉันเนี่ยนะ ”
นักเรียนชุดเหลือง ที่ดวลด้วยเข้ามาทักเมื่อเห็นท่าทีแปลกๆของ มันโจเมะ
“ เปล่าหรอก..เมื่อกี๊ฉันเห็นใครก็ไม่รู้มายืนดูพวกเราดวล น่ะไม่ใช่คนบนเกาะนี้ซะด้วย ”
มันโจเมะ พูด ด้วยความสงสัย
“ ไม่แน่บางทีอาจจะเป็น นักร่ายอสูรคนนั้นก็ได้นะ ที่ว่ามาจาก ไทยน่ะ ”
นักเรียนชุดเหลือง เอ่ยขึ้น ทำให้เค้าหันมาถามด้วยความสนใจ
“ นักร่ายอสูรจากไทย? นายรู้รึเปล่าว่าเป็นใครน่ะ มิซาวะ ”
“ อะไรกันนี่นายไม่รู้เหรอ ข่าวนี้น่ะมันกระจายไปทั่วเกาะแล้วนะ นักร่ายอสูรที่จะมาเยี่ยมชม โรงเรียนน่ะคือ Pawn of Checkmate 5กับ สุดยอดนักร่ายอสูร ที่เคยชนะ King of Checkmate 5 มาแล้วเชียวนะ ”
…………………………………..
……………………………………………….
“ ลูกพี่!!! ” “ ลูกกกกกกพี่!!!!! ”
เสียงตะโกน ดังลั่นไปทั่วทั้งเนินสูงที่ยื่นขึ้นไปยังเชิงผาของเกาะ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ หอพักซอมซ่อหลังคาสีแดง
นักเรียนผมสีฟ้าแฉกปลายชุด ยูนิฟอร์มสีแดง วิ่งหน้าตื่นซะจนแว่นตาที่สวมอยู่จะหลุดมิหลุดแหล่ ขึ้นบันไดเหล็ก
ไปชั้นสอง ก่อนจะตรงรี่เข้าไปเปิดประตูห้องบนชั้น
“ แฮ่กๆ ลูกพี่ข่าวใหญ่ครับ ข่าวใหญ่ แฮ่กๆ เฮ้อ~~ ”
เด็กหนุ่มหอบฮั่กๆ ใช้มือขยับแว่นตาให้กลับเข้าที่ ขณะที่ เด็กหนุ่มอีกคน ซึ่งมีผมสีน้ำตาลทรงคล้ายแมงกระพรุน
จ้องตาแป๋วมาที่เค้า อย่าง งงๆ
“ มีอะไรเหรอ โช? ”
เค้าถาม เด็กหนุ่มที่ทะเล่อทะล่า เปิดประตูห้องเข้ามา แต่ยังไม่ทันจะรู้เรื่องอะไรก็โดน ตะคอกใส่กลับมา
“ ยังจะมา มีอะไรเหรอ โช อยู่อีกหรือคับ ลูกพี่!!!นี่มันข่าวใหญ่ แฮ่ก ข่าวใหญ่สุดๆ ”
“ ก…ก็แล้วมันอะไรล่ะ โช ใจเย็นก่อนได้มั้ย~~ ”
เด็กหนุ่มที่ ถูก โช เรียกว่า ลูกพี่ พยายามจะให้ โช ใจเย็นลงเพราะตอนนี้พูดอะไรมาเค้าก็ฟังไม่รู้เรื่อง
ตอนนี้เอง Note ที่เค้า ห้อยคอไว้ ก็ส่งเสียงเตือนว่ามีคนติดต่อเข้ามา
“ สายจาก อาซึกะ เหรอ วันนี้มันอะไรกันนะ ถึงได้วุ่นกันขนาดนี้เนี่ย ”
เค้า บ่นพร้อมกับ รับสายโดยให้ Note ฉายจอภาพติดต่อขึ้นมา เด็กสาวผมทองยาว ชุดยูนิฟอร์มสีน้ำเงิน เป็นผู้ติดต่อเข้ามา
เด็กหนุ่ม ทักพร้อมกับถามถึงธุระ ซึ่งสีหน้าของเธอที่ฉาพผ่านจอภาพกลับมาดูจะประหลาดใจเอามากๆ กับคำพูดของเค้า
“ อะไรกัน จูได(Jaden Yugi) นี่เธอยังไม่รู้เรื่องอีกเหรอ?! ”
อาซึกะ ถามกลับโดยไม่อยากจะเชื่อปากของเค้าที่ยังมาถามเธอว่ามีอะไรอีก
“ นี่เธอก็เป็นไปด้วยอีกคนเหรอเนี่ย แล้วตกลงมันเรื่องอะไรกันเล่า! ”
จูได ตะเบ็งเสียงประชดงอน ที่ทุกคนทำกับเค้าอย่างกับคนตกยุคตกสมัยไม่ทันข่าวสารอยู่คนเดียว
“ ตอนนี้น่ะ นักร่ายอสูรในตำนานที่เคยเอาชนะ King of Checkmate 5 เมื่อ 2 ปีก่อน มาอยู่ที่เกาะนี่แล้วนะ
ทำให้ตอนนี้ทั้งเกาะวุ่นกันไปหมดแล้วเนี่ย ถ้าเธอเจอล่ะก็บอกฉันด้วยล่ะ ฉันอยากจะลองใช้สำรับใหม่นี่ไปสู้กับเค้าดู ”
อาซึกะ พูดจบก็ตัดสายไปทันที ทิ้งให้ จูได ที่นิ่งอึ้งกิ่มกี่ไปทันที ที่ได้รู้ข่าวนี้
“ โช!!!!! ทำไมนายถึงไม่บอกฉันหา!!!เรื่องใหญ่แบบนี้เนี่ย มันต้องรีบพลิกเกาะหากันแล้ว!!!!!!!!! ”
จูได ตะโกนเสียงลั่นหอ ใส่หน้า โช เสียจนตัวแทบปลิวไปกับเสียงของเค้าขณะที่ต้องเอามืออุดหูไปด้วย
“ ก…ก…ก็ผมพยายามจะบอกลูกพี่อยู่เนี่ย ”
โช แย้ง โดยที่หูของเค้ายังสะท้านกับพลังเสียงเมื่อครู่ไม่หาย แต่ไม่ทันไร จูได ก็จัดการลากลูกน้องตัวดี วิ่งแจ้นออกจาห้องไปทันที
“ ไม่มีเวลาแล้วโช เราต้องรีบไปหาตัวหมอนั่นให้เจอแล้วก็ขอลายเซ็นท์ เอ๊ยไม่ใช่ แล้วก็ท้าดวล ด่วนเลย!! ”
จูได ไม่พูดพร่ำทำเพลงแต่อย่างใด ลาก โช วิ่งดุ่มๆ เข้าป่าไปทันที
…………………………………
…………………………………………………………………….
“ เจอไหม!! ”
“ ไม่เจอเลย ทางนี้ก็ไม่อยู่เหมือนกัน ”
“ แล้วทางนั้นล่ะ เจอไหม!! ”
“ ไม่เจอ!! ” “ งั้นย้ายไปหาฝั่งโน้นกันเถอะ ”
แค่เพียงเวลาไม่นาน การตามหาตัว ธนัท ก็กลายเป็นกิจกรรมใหญ่ของ นักเรียนทั่วทั้งเกาะไปเสียแล้ว
……………………………………….
“ หว้า~~ เดินเพลินไปหน่อยแปปเดียวหลงมาที่ไหนก็ไม่รู้แล้วสิเนี่ย ”
ธนัท บ่นขณะที่เดินแหวกพุ่มไม้ ออกมาจาก ป่าตอนนี้เค้ามาโผล่มายังที่ๆไม่รู้จักเสียแล้ว ตรงหน้าเป็น ผาและไกลออกไปก็เป็นทะเลไกลสุดลูกหูลูกตา
กิ๊ว~~~~~~
“ หืม? นั่นเสียงอะไรน่ะ ”
ธนัท หันไปมองเพื่อหาต้นตอของเสียงนั้น แต่ก็ไม่พบใครเลย จนเมื่อเสียงนั้นดังขึ้นมาอีกและก็ดังครั้งแล้วครั้งเล่า
เหมือนกำลังเรียกเค้าอยู่ ธนัท เดินตามเสียงนั้นไปโดยไม่รู้ตัว โผล่มาอีกที เค้าก็เดินทะลุออกจากป่า มาโผล่อยู่หน้า
หอโทรมๆหลังคาสีแดง เสียแล้ว โดยที่ในมือมี การ์ดติดมาด้วย เค้ามองไปรอบๆอย่าง งงๆ
ก่อนจะยกการ์ดที่ติดมือมาตอนไหนก็ไม่รู้ ขึ้นมาดู
“ เอ …ทำไมเรามาโผล่ที่นี่ได้นะ เกาะมันมีอะไรแปลกๆเยอะเหมือนกันแฮะ ”
ธนัท บ่นพร้อมกับ ดูการ์ดที่ถืออยู่ มันเป็นการ์ดที่เค้าไม่รู้จักและไม่เคยมีในครอบครองมาก่อน
กิ๊ว~~~~
เสียงดังออกมาจากการ์ดทำเอาเค้าตกใจ เสียจนต้องย้ายเท้ามาข้างหลังข้างหนึ่งเพื่อประคองตัวไว้ไม่ให้ล้ม
“ หรือว่า….นายเป็นคนเรียกฉันที่ในป่านั่นน่ะ… ”
ธนัท เปรยโดยที่ตัวเค้าเองก็ยังไม่อยากเชื่อคำพูดของตัวเองด้วยซ้ำ แต่ว่า อสูรวิญญาณในการ์ดนั้นก็ตอบสนอง
ด้วยการส่งเสียงยืนยันขึ้นมาอีกครั้ง
“ รอด้วยค้าบ!!!! ลูกพี่!!!! ”
“ เร็วเข้าสิ โช!! ขืนชักช้าเดี๋ยวก็หาตัวไม่เจอหรอก ”
เสียงดังลั่นออกมาจากป่า ก่อนที่ จูด และ โช จะวิ่งหลุดออกมา หน้าหออีกครั้ง
“ น…นี่เรากลับมาที่เดิมหรอกเหรอเนี่ย เฮ้อ~~ ”
จูได ทรุดเข่าลงกับพื้นครวญอย่างหมดหวัง ขณะที่ โช ซึ่งวิ่งตามมาจากป่า ก็เปลี่ยนเป็นลานตามหอบมาอย่างอ่อนแรง
และล้มฟุบลงอยู่ข้างๆเค้า
“ อ…เอ่อ พวกนายทำอะไรกันอยู่เหรอ ”
ธนัท ถามเสียงตะกุกตะกัก ไม่แน่ใจกับทีท่าของทั้งสอง
“ จะว่าไปแล้วนะ โช คนระดับเค้าจะมา เดินแกร่วไปมาอยู่แถวหอเร้ด เหรอ เราน่าจะลองไปหาแถวหอบูล
ดูนะ ”
จูได เสนอขึ้นมาก่อนจะหันไปขอความเห็นจาก โช
“ แต่ผมไม่ไหวแล้วล่ะครับ…ลูกพี่ ”
โช เค้นแรงเท่าที่เหลือจะเปล่งเสียงออกมาให้เป็นคำพูดได้ ก่อนจะฟุบลงกับพื้นต่อ
“ นั่นสิ ฉันเองก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน…แล้วถ้าเจอก็คงจะไม่ได้ดวลด้วยแหงๆ เลยป่านนี้ หมอนั่นคงจะมีนักเรียนคนอื่นล้อมหน้าล้อมหลัง จ่อคิวรอดวลเป็นหางว่าวแหง ”
จูได ยันตัวลุกขึ้น ก่อนจะหันไปทางทะเล และชี้นิ้วออกไปสุดมือ ก่อนจะตะโกนออกไป
“ ถึงเราจะไม่ได้ดวลกับเค้าวันนี้ แต่ซักวันฉันจะต้องตามไปดวลกับเจ้านั่นให้ได้ ยังไงก็ไม่ยอมแพ้หรอก!!! ”
“ ไม่ฟังที่เราพูดเลยแหะ… ”
ธนัท บ่นอุบอิบนิดหน่อย ที่ทั้งสองคนทำเหมือนไม่เห็นหัวเค้าเลย และกำลังคิดจะเดินจากไปเงียบแต่แล้ว
จูได ก็หันมาเรียกเค้าไว้
“ เดี๋ยวก่อน!! นาย เจ้าเสื้อสีขาวน่ะ ”
ธนัท สะดุ้งโหยงขึ้นมาจนหันหลังกลับเองโดยอัตโนมัติ
“ มาดวลกัน เพราะวันนี้ยังไงก็ไม่ได้ดวลกับ นักร่ายอสูรในตำนานแล้ว ก็ขอดวลแก้เซ็ง หน่อย
ตกลงนะถ้างั้นก็มาเริ่มกันเลย ” /Get Set!!/
จูได ยัดเยียดคำท้าพร้อมกับแสตนบายน์ Note ของตัวเองทันที
{อึ๋ย ยังไม่ทันตอบ พ่อก็ลุยแล้ว~~ พูดเองตบเองเฉยเลย}
แม้จะรู้สึกระแวงๆอยู่บ้างแต่ ธนัท ก็ยอมดวลด้วย
“ กฏที่โรงเรียนมีอยู่ว่าให้ดวลด้วย Ruler Level Expert Mode สินะ ”
ธนัท ถามก่อนที่จะเริ่ม
“ อืม! ใช่แล้วล่ะ ถ้างั้นมาเริ่มกันเลย ”
จูได ตอบเสียงดัง อย่างเริงร่าที่จะได้ดวลเหมือนกับลืมเรื่องที่เจ็บใจอยู่ก่อนหน้านี้ไปหมด
“ Let’s Duel!!! ”
“ ห..โห้ย~~~ ลูกพี่นะลูกพี่ ยังจะมีแรงดวลอีกเหรอ~~~ ”
โช เปรยละล่ำละลัก กับความอึดของ จูได
……………………………………………….
………………………………………………………………………….
ภายในห้องของผู้อำนวยการ ดูเอลอาคาเดเมีย อาจารย์ เบิร์ด ได้พา โคทาโร่ เข้ามาเพื่อพบกับ อาจารย์ ผอ.
ซึ่งรอต้อนรับอยู่ในห้องก่อนแล้ว เมื่อพวกเค้ามาถึง อาจารย์ ผอ. จึงลุกจากเก้าอี้มาทักทายพวกเค้า
ชุดของอาจารย์ ผอ. เป็นสีแดงเข้มออกม่วงต่างจากอาจารย์คนอื่น และหัวที่ล้านกลมเกลี้ยงเกลาไม่มีผมซักเส้น
“ โอ้ มาแล้วรึเนี่ย ยินดีต้อนร้บสู่ ดูเอล อาคาเดเมีย ผม เป็น อาจารย์ ผอ. ชื่อว่า ซาเมจิมะ นะครับ ”
อาจารย์ ซาเมจิมะ ทักทายพร้อมกับยื่นมือ ออกไปโคทาโร่ จับมือเค้าและทักทายกลับตามมารยาทไป
“ ยินดีเช่นกันครับ ว่าแต่การ์ดที่ว่า… ”
“ ถ้าหมายถึงการ์ดนั่นล่ะก็มัน ถูกเก็บอยู่ที่โต๊ะทำงานของผมเอง เดี๋ยวจะไปเอามาให้รอซักครู่ ”
อาจารย์ ซาเมจิมะ รีบวิ่งกลับไปที่โต๊ะ แล้วชักเอากุญแจขึ้นมาจากกระเป๋า เสื้อโค้ท เพื่อไข ลิ้นชักโต๊ะ
ก่อนจะนำเอา หีบผ้าอันเล็ก ออกมาและนำมามอบให้ โคทาโร่ รับมาเปิดดูด้วยความอยากรู้ข้างในหีบ
มีการ์ดมิสติก วางคว่ำหน้าไว้อยู่ 1 ใบ เค้าหยิบมันขึ้นมาดู ขณะที่อาจารย์ ซาเมจิมะเดินกลับไป
เอาเอกสาร ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอ่านให้ฟัง
“ การ์ดใบนี้มีชื่อเรียกเป็นทางการกันว่า Synchronize Mystic มันเป็นรูปแบบของคาถาที่ยังเป็นปริศนามาจน
ถึงวันนี้ จากบันทึกโบราณที่เราทำการศึกษามาอย่างต่อเนื่องเลยทำให้รู้ว่า มันเป็นบันทึกเก่าที่คนในยุคโบราณ
เขียนทิ้งไว้เกี่ยวกับ คาถาที่ถูกผนึกอยู่ใน Synchronize Mystic บันทึกนี้ถูกเขียนขึ้นราวๆ 3,000 ปีก่อน ”
“ 3,000 ปีก่อน!! แต่พลังงาน Magic มนุษย์เราพึ่งจะค้นพบเมื่อ 200 กว่าปีนี้เองนะครับ!? ”
โคทาโร่ หลุดปากออกไปโดยอัตโนมัติ ไม่มีใครคาดคิดได้หรือแม้แต่เค้า ที่จะรู้ว่า พลังงาน Magic ที่พึ่งค้นพบเมื่อไม่กี่ร้อยปีมานี้ ในอดีตจะมีการค้นพบก่อนหน้านั้นอีกเป็นใครก็คงต้องร้องออกมาเหมือนเค้าแน่
“ เดิมที Magic เป็นศาสตร์พลังงานที่พัฒนาต่อจากการ วิจัยศาสตร์การแปรธาตุ ในสมัยก่อนจนกลายมาเป็น Magic ได้
เพราะวิทยศาสตร์ของมนุษย์เราตีบตันการพัฒนาไปกว่าสองร้อยปีแล้ว ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ ทั้งวิทยาศาสตร์และMagic ต่างก็เป็น ศาสตร์ที่พัฒนาขึ้นโดยใช้ศาสตร์การแปรธาตุเป็น พื้นฐาน ถ้าคนในสมัยนั้นจะบางส่วนที่พัฒนาไปทาง
Magic ก่อน วิทยาศาสตร์ก็เป็นไปได้ แต่อาจจะไม่รุ่งเรืองเท่าสายวิทยาศาสตร์ เพราะ กว่าเราจะใช้ Magic ได้ก็ต้องพึ่งพาวิทยาการจากวิทยาศาสตร์ชั้นสูงไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ ”
อาจารย์ เบิร์ด อธิบาย
“ สรุปแล้วพัฒนาการของ วิทยาศาสตร์ของมนุษย์มีเพื่อให้เป็นพื้นฐานอีกขั้นสำหรับ Magic ที่เป็น
ศาสตร์ขั้นสูงกว่าอย่างนั้นใช่มั้ยครับ ”
โคทาโร่ สรุปออกมาตามที่ได้ยิน แม้จะเหลือเชื่อแต่ความเป็นไปได้และเหตุผลรองรับก็มากพอที่จะยืนยันว่ามันเป็นเรื่องจริง
ที่ศาสตร์สมัยใหม่อย่าง เวทยาการ ที่ใช้ Magic สร้างอาจจะมีมาก่อนแล้วในอดีต
“ Synchronize Mystic จะมีพลังซ่อนไว้ขนาดไหนกันนะ ”
โคทาโร่ เปรยสายตาของเค้าจ้องเพ่งไปบนการ์ดผนึกที่ถืออยู่ในมือ สัมผัสประหลาดที่ทำให้รู้สึก
เย็นยะเยือก เข้าไปเส้นเลือดซึ่งแผ่ออกมาจากการ์ดผนึก ที่เค้าเพียงแค่จับมันอยู่เท่านั้นหากเอามาร่ายให้ทำงาน
พลังที่จะก่อเกิดขึ้นจะมากมายเพียงใดเค้าไม่อาจคาดเดาได้เลย พร้อมกันนั้นอีกความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามา
เมื่อหันไปดูมาราคัส Note ของตนที่ห้อยคออยู่ ซึ่งเค้าพึ่งจะเปลี่ยน ชิ้นส่วนของมันที่ได้รับจาก บิชอป นิฮิล
{บางทีการที่เราได้รับ Body ใหม่สำหรับ มาราคัส มาอาจจะเพื่อรองรับ พลังมหาศาลจาก Synchronize Mystic
นี่ก็ได้}
โคทาโร่ คิด
…………………………………………..
………………………………………………………………….
หน้าหอพักสีแดง ตอนนี้การดวลระหว่าง จูได และ ธนัท ก็กำลังจะเริ่มขึ้น ทั้งสองต่างฝ่ายจับการ์ดขึ้นมา
พร้อมเล่นแล้ว
[Tanat Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:5/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
“ ฉันเป็นฝ่ายบุกก่อน Cost Mp 3 อัญเชิญ อัลบิโน กริฟฟอน ออกมาที่ Df Line ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับอัญเชิญ อสูรกริฟฟอนสีขาวปรอด ออกมาบนพื้นที่แนวหลัง
[Tanat Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 2 Mp:2/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
“ และให้ Ability ของ อัลบิโน ทำงาน Albino Calling ค่าร่ายของเผ่าสัตว์อสูรบนมือของฉันทุกใบจะลดลง 1 จุด
และ Cost Mp 1 เพื่อเรียกให้ ยูนิคอร์นหมอกดำ(Darkmist Unicron) ออกมาพร้อมโจมตีที่ At Line ”
สิ้นคำ อสูรม้าขนสีเทาซีดคล้ายสีหมอกก็ปรากฏตัวขึ้นที่สนามแนวหน้า บนหน้าผากของมันมีเขาแหลมยาว
สีเงินงอกออกมา ท่วงท่าสง่าดั่ง สัตว์เทพ
[Tanat Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:1/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
“ และ Cost Mp ที่เหลือเรียกให้ เซเบอร์ ฮอร์น ฮาวน์(Saber Horn Hound) ออกมาที่ Df Line อีกตัวแล้วหมดรอบ ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับ อัญเชิญ หมาเขาดาบขึ้นมาเพิ่มในสนามเป็นกำลังสำรองอีกตัว
[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:0/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 5 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
“ รอบของฉัน Cost mp 2 เรียกให้ ดรานิตี้ฮีโร่ ออร์ก้ากูน(Orcagoon, the Dranity Hero) ออกมาที่ Df Line ”
จูได ประกาศรอบของตนพร้อมกับ ร่ายการ์ดซีล บนมือ ออกไปอสูรที่ถูกอัญเชิญขึ้นมาบนพื้นที่ คืออสูรมนุษย์มังกร
ที่มีสายพันธุ์ผสมผสานกับวาฬเพชรฆาต จึงรูปลักษณ์ที่คล้ายมังกรแต่ยืนด้วยสองและมีสองแขนเหมือนมนุษย์
แต่หางเป็น ครีบปลาสะบัดส่ายไปมา ผิวสีดำเป็นมันลื่นเหมือนผิว วาฬ
[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 2 Mp:5/7 Shrine 0/6 ]
“ ดรานิตี้ฮีโร่ เหรอ? ว้าว! มีการ์ดแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย แถมยัง …เท่อีกตะหาก ”
ธนัท พูดโดยที่มองร่างของ ออก้ากูน ตาไม่กระพริบ ทำเอา จูได อดประทับใจที่มีคนชื่นชม อสูรของตน
ไม่ไหวจนต้องอวดสรรพคุณขึ้นมา
“ ใช่ม้า!ๆ ฮีโร่ของฉันน่ะทั้งเท่แล้วก็เก่งด้วยนา เพราะ ออก้ากูน น่ะยังมีผลพิเศษที่จะทำให้ได้
จั่วการ์ดขึ้นมา 2 ใบด้วยเมื่อฉันไม่มี อสูร ตัวอื่นอยู่บนพื้นที่นอกจาก ออก้ากูน ด้วย ”
จูได พูดจบก็จับการ์ด มิสติกขึ้นมา 2 ใบ
“ แล้วก็ต้องทิ้งไปใบหนึ่ง ”
จูได พูดต่อจากนั้นจึงทิ้งมิสติกการ์ดที่จับขึ้นมาไปที่ช่อง Shrine ของปลอกแขนใบหนึ่ง
[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 3 Mp:5/7 Shrine 0/6 ]
“ จากนั้น Cost Mp 2 อัญเชิญ ดรานิตี้ฮีโร่ เทคกูน(Techgoon, the Dranity Hero) ออกมาที่ At Line ”
จูได อัญเชิญ ฮีโร่ ขึ้นมาในสนามอีกตัว คราวนี้เป็นมนุษย์มังกรสีขาวทั้งร่างหุ้มสวมด้วยเกราะหนาเทอะทะ
[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 3 Mp:3/7 Shrine 0/6 ]
“ และ Ability ของ เทคกูน ก็ทำงานเมื่อเข้ามาในสนาม ให้กำจัด ดรานิตี้ฮีโร่ ใบอื่นกับ Mystic Card ใน Shrine ออกไปจากเกม อย่างละใบ และเพราะผลของ ออร์ก้ากูน เมื่อกี้ทำให้ฉันมี Mystic Card ที่ทิ้งไปเพราะผลการจั่วของมันอยู่ด้วย
ฉันขอกำจัด ออร์ก้ากูน กับ Mystic Card ที่อยู่ใน Shrine ออกไปและ เทคกูนของฉันจะป้องกันจากการโจมตี ได้ 1 Turn ”
จูได ประกาศ พร้อมกันนั้น ออร์ก้ากูนที่อยู่ในสนามก็สลายร่างของตัวเองกลับเป็นละอองและคืนสู่รูปของการ์ดกลับไปอยู่ที่มือของจูได และ การ์ดมิสติกที่อยู่ใน Shrine ของ จูได ก็ถูกส่งคืนออกมาจากช่อง Shrine ของปลอกแขน เค้าเก็บเอาการ์ดทั้ง
สองใบใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะเริ่มเล่น ต่อ ตอนนี้ร่างของ เทคกูน ถูกปกคลุมด้วยออร่าคุ้มครองที่กางออกมาโดยใช้พลังของ ออร์ก้ากูน ที่สละไปเมื่อครู่มาเป็นพลังงาน
“ Cost Mp 1 เรียกให้ ดรานิตี้ฮีโร่ อาร์มกูน(Armgoon, the Dranity Hero) ออกมาที่ Df line ”
จูได ประกาศพร้อมกับ อัญเชิญ อสูรฮีโร่ ของเค้าขึ้นมาอีกตัว คราวนี้เป็นมังกรจักรกล ที่ทั้งร่างประกอบขึ้นด้วยชิ้นส่วน
เหล็กกล้าทั้งร่าง
[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 3 Mp:2/7 Shrine 0/6 ]
“ Ability ของ อาร์มกูน ทำงานจะเพิ่มพลังป้องกันให้กับ ฮีโร่ ทุกใบในสนามของฉันค่า Df จะเพิ่มขึ้นตัวละ 2 หน่วย ”
จูได อธิบาย ก่อนจะเตรียมหยิบการ์ดซีล อีกใบเพื่อร่ายออกมาติดต่อกันทันที
“ แล้ว Cost Mp อีก 1 ให้ ดรานิตี้ฮีโร่ แฟรกูน(Flaregoon, the Dranity Hero) ออกมาที่ Df Line อีกใบแล้วหมดรอบ ”
จูได อัญเชิญ อสูรฮีโร่ซึ่งเป็นมังกรที่ร่างห่อหุ้มด้วยไอร้อนและเปลวเพลิงขึ้นมา ก่อนจะเปลี่ยนรอบการเล่นให้ ธนัท
[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp:1/7 Shrine 0/6 ]
“ รอบของฉันจั่วไพ่ ”
ธนัท ประกาศรอบของตนพร้อมกับจับ ซีลการ์ดขึ้นมาจากสำรับ 2 ใบ
[Tanat Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 1 Mp:4/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp 7/7 Shrine 0/6 ]
“ Cost Mp 3 ให้ Mystic Card อุปกรณ์(Relic)แบบถาวร Dragonology Theory ทำงาน ”
ธนัทประกาศพร้อมกับ ร่ายมิสติกการ์ดบนมือ ออกไป ทันทีที่ มิสติกการ์ดสำแดงผล ก็ปรากฏคัมภีร์
เล่มหนาหน้าปกทำด้วยหนังปักลวดลายอย่างปราณีต ขึ้นบนสนาม
[Tanat Status; Hand:Seal 4 ,Mystic 1 Mp:4/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp 7/7 Shrine 0/6 ]
“ ใช้ Ability ของ อัลบิโน แล้ว เรียกให้ ดราโกกริฟ แรฟเซโน่(Llapseno, the Dragogriff) ออกมาที่
Df Line 2 ใบ โดยไม่ต้อง Cost ค่าร่าย ”
ธนัท ประกาศ ก่อนจะร่าย ซีลการ์ดบนมืออกมาพร้อมกันทีเดียว 2 ใบอสูร มังกรกริฟฟินทั้งสอง ขนสีขาวสยายปีก
กว้างร่อนสู่สนามท่วงท่า ดุดันดั่งพญาอินทรี
[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:4/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp 7/7 Shrine 0/6 ]
“ และ Cost Mp อีก 2 เรียก ซาลามันเดอรี่ดอล ออกมาที่ At Line อีก 2 ใบ แล้วหมดรอบ ”
ธนัท อัญเชิญ อสูรตุ๊กตามังกรซาลามันเดอร่า ขึ้นมาอีก 2 ตัวเพื่อเสริมกำลังแนวหน้าให้หนาแน่นขึ้นสำหรับ
รับการโจมตีที่อาจจะกำลังบุกมาในรอบต่อไป
[Tanat Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 1 Mp:2/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp 7/7 Shrine 0/6 ]
“ รอบของฉัน จั่วไพ่ ”
จูได ประกาศรอบของตนก่อนจะจับ ซีลการ์ดขึ้นมาอีก 2 ใบ
[Tanat Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 3 Mp 7/7 Shrine 0/6 ]
“ มาแล้ว! ”
จูได เปรยกับตัวเองตอนนี้เค้าจับได้การ์ดที่จะทำเกมรุกแล้วเสียที
“ Cost Mp 1 อัญเชิญ ดรานิตี้ฮีโร่ ไอซี่กูน(Icygoon, the Dranity Hero) ออกมาที่ Df Line ”
สิ้นคำ อสูรมนุษย์มังกร ซึ่งร่างกายเป็นน้ำแข็งก็ปรากฏตัวขึ้นในสนาม
[Tanat Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 3 Mp 6/7 Shrine 0/6 ]
“ Ability ของ ไอซี่กูน ทำงานเมื่อเข้ามาในสนาม ทำให้สามารถเอา Mystic Card
ดรานิตี้ คอมบายน์ คอนเนคชั่น(D. Combine Connection) ขึ้นมาจาก สำรับได้ ”
จูได อธิบายผลพิเศษ ของ ไอซี่กูน ไปด้วยขณะที่ ดึงเอาสำรับมิสติก ออกมาจากช่องของปลอกแขนเพื่อหาการ์ดที่ต้องการ
และแสดงให้ ธนัท ดูก่อนจะเอาขึ้นไปรวมกับ การ์ดบนมือ แล้วจึงสับสำรับ ก่อนเสียบกลับเข้าช่องปลอกแขนไป
[Tanat Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 4 Mp 6/7 Shrine 0/6 ]
“ ฉันจะให้นายได้เห็นเดี๋ยวนี้ล่ะ การผสานร่างของ ฮีโร่ ”
จูได พูดเค้าเตรียมพร้อมที่จะร่ายมิสติกที่พึ่งเอาขึ้นมาจากสำรับ แล้ว
“ การผสานร่างเหรอ? ”
ธนัท เปรยเมื่อได้ยินว่า จูได จะทำการผสานร่าง ก็ทำเอาเค้ารู้สึกตื่นเต้นไปด้วยและรออย่างใจจดใจจ่อที่จะ
ได้เห็นการผสานร่าง อย่างที่ จูได บอกไว้ ระหว่างที่กำลังดวลอยู่นั้น รอบๆหอก็มีนักเรียน คนอื่นๆที่เห็นการดวลของ
ทั้งสองคน จึงวิ่งมาเพื่อดูการดวลอย่างสน อกสนใจ
“ Cost Mp 2 ให้ ดรานิตี้ คอมบายน์ คอนเนคชั่น(D. Combine Connection) ทำงาน จะต้องเลือก
ดรานิตี้ฮีโร่ ใบหนึ่งขึ้นมาจากสำรับ แล้วให้ทำการ Growth โดยใช้ Seal เงื่อนไขจากบนมือหรือในสนาม เป็นวัตถุดิบ
ให้ เทคกูน กับ อาร์มกูน เป็นวัตถุดิบทำการ Growth ”
จูได ประกาศ ทันทีที่ มิสติกการ์ดที่ร่ายออกไป แสดงผล ก็เกิดห้วงหมุนวนซึ่งดูดเอา อากาศรอบๆเข้าไป
จนเกิดแรงลมโหมกรรโชกไปทั่วทั้งลาน หน้าหอ แรงลมแรงเสียจน พัดเอาฝุ่นทรายบนพื้นขึ้นมาด้วยทำให้นักเรียน
คนอื่นๆต้องเอามือป้องตาจากฝุ่นทรายเหล่านั้น ระหว่างนี้เอง มนุษย์มังกรหุ้มเกราะ เทคกูน และ จักรกลมังกร อาร์มกูน
ทั้งสองตัวพากันจันโจนทะยาน เข้าไปยังห้วง หมุนวนนั้นและร่างของทั้งสองตัวก็ถูกหลอมรวมอยู่ในมิติที่บิดเบี้ยว
นั้นก่อนจะปรากฏตัวออกมาในร่างใหม่
[Tanat Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 0/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 3 Mp 4/7 Shrine 0/6 ]
“ ออกมาเลย ดรานิตี้ฮีโร่ เมก้ากูน(Mechagoon, the Dranity Hero) ”
สิ้นคำ ร่างของ ดรานิตี้ฮีโร่ตัวใหม่ที่ เกิดขึ้นจากการผสานร่าง ของ ดรานิตี้ฮีโร่ 2 ตัว ร่างของมันใช้
เทคกูน ที่เพิ่มความแข็งแกร่งด้วยเกราะที่เสริมขึ้นมาและยังทำให้ทั่วทั้งร่างปกคลุมด้วยสายฟ้าอีกด้วย
“ ออกมาแล้วสินะ การผสานร่างฮีโร่ ไม้ถนัดของ จูได ”
มันโจเมะ นักเรียนชุดดำ ที่ เห็น ธนัท เป็นคนแรก เปรยขึ้นขณะที่เขยิบเข้าไปใกล้เพื่อดูการดวลให้ชัดกระจ่างกับตาตัวเอง
และเผลอไปเหยียบ โช ที่ฟุบ อยู่จนสะดุ้งตื่นขึ้นมา
“ ทำไมนายถึงมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ ”
มิซาวะ ที่มากับ มันโจเมะ ด้วยถามขณะที่ช่วยพยุง โช ยังรู้สึกมึนๆอยู่ที่เห็นทุกคนมายืนล้อมหน้าล้อมหลัง
อยู่ทั่วทั้งลานหน้าหอพัก
“ อะไรกันเนี่ย จูได เป็นคนเจอเค้าคนนั้นก่อนเหรอเนี่ย แล้วทำไมถึงไม่โทรบอกฉันนะ ”
อาซึกะ นักเรียนสาวชุดยูนิฟอร์มสีน้ำเงินขาว เดินเข้าร่วมกลุ่มกับ พวก โช ด้วย
“ เอ๋ เค้าคนนั้น…ห๊า!! นี่หรือว่า ที่ลูกพี่ดวลอยู่ด้วยก็คือ.. ”
โช อุทานหลังจากที่ได้ฟังสิ่งที่ทุกคนพูด ความคิดเดียวที่ผุดขึ้นมา ทำให้เค้าต้องหันกลับไปดูการดวลของ จูได กับ ธนัท
ทันที
“ ใช่แล้ว คนที่จูได กำลัง ดวลอยู่ด้วย คือนักร่ายอสูร ที่เคยเอาชนะ King pf Checkmate 5 มาแล้ว ธนัททาทิเวศ ”
มิซาวะ พูดเพื่อประกาศให้ทุกคนรู้เอาๆว้กันอย่างพร้อมเพรียง
“ อ..อ้าวอะไรกันเนี่ย ที่แท้ก็เป็นนายเองเหรอ นักร่ายอสูรในตำนานคนนั้นน่ะ หึ้ย~~สุดยอดไปเลย
ที่ฉันได้ดวลกับนายเป็นคนแรกของเกาะเลยนะเนี่ย ”
จูได พูดเค้าแสดงอาการ กระดี๊กระด๊า ขึ้นมาทันที เมื่อรู้ว่า ธนัท คือคนที่เค้ากำลังตามหา
ขณะที่ ธนัท ได้แต่ยืนฟังอย่าง งงๆว่าทุกคนบนเกาะพูดถึงเรื่องอะไรเกี่ยวกับเค้า
“ ถ้างั้นเตรียมรับให้ดีๆ ฉันจะบุกเข้าไปล่ะนะ ให้Ability ของ เมก้ากูน ทำงานต้องทิ้งการ์ดบนมือไปใบหนึ่งแล้วทำลาย
อสูรตัวหนึ่งในสนามที่มีพลัง โจมตีต้น ต่ำกว่า เมก้ากูน ฉันทิ้ง Mystic Card บนมือไปใบหนึ่งแล้ว ทำลาย
ดราโกกริฟ แรฟเซโน่ ไปเลย Waver Spark ”
จูได สั่งให้ เมก้ากูน ของตนใช้ผลพิเศษทำลาย อสูรของ ธนัท โดยเล็งเป้าหมายไปที่ แรฟเซโน่ ขณะที่
ทิ้งการ์ดบนมือลงไปด้วย เมก้ากูน ชูมือขึ้นสุดแขน ก่อนที่จะยิง กระแสไฟฟ้าจากร่างตัวเองขึ้นไปบนท้องฟ้า
และเมื่อตวัดแขนลง กระแสไฟที่พุ่งขึ้นไปก็ดีดตัวพุ่งกลับมาเป็นสายฟ้า ผ่าและเมื่อตวัดแขนลง กระแสไฟที่พุ่งขึ้นไปก็ดีดตัวพุ่งกลับมาเป็นสายฟ้า ผ่าทำลายร่างของ แรฟเซโน่ จนแหลกสลายไปในพริบตา
“ ผลพิเศษของ แรฟเซโน่ ทำงาน ฉันได้จั่วการ์ดขึ้นมาขึ้นมาใบหนึ่ง ”
ธนัท พูดพร้อมกับ จับซีลการ์ดขึ้นมา
[Tanat Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 1/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp 4/7 Shrine 0/6 ]
“ Ability ของ เมก้ากูน จะใช้ได้รอบล่ะครั้งเท่านั้น แต่ว่า เมก้ากูน ก็ยังทำการต่อสู้ได้ เพราะเป็นการทำงานจาก Ability
จึงยังไม่กลายเป็น Inactive Seal ไป Cost Mp 2 เมก้ากูน โจมตีไปที่ ยูนิคอร์นหมอกดำ Boltic Thunder!! ”
จูได ประกาศโจมตีต่อทันที เมก้ากูน ของเค้าพุ่งทะยานออกไป และกรงเล็บทะลวงร่างของ ยูนิคอร์นหมอกดำ
จนทะลุก่อนจะปล่อยกระแสไฟฟ้า ผ่านกรงเล็บจนร่างของ ยูนิคอร์นหมอกดำสลายตามไปอีกตัว
[Tanat Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 2/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp 2/7 Shrine 0/6 ]
“ หมดรอบแค่นี้ ”
จูได ประกาศจบรอบ เมื่อ เมก้ากูน กลับมาที่สนามฝั่งเค้าแล้ว ตอนนี้กระแสของเกม อยู่กับ จูได เกือบจะสมบรูณ์แล้ว
“ รอบของฉันจั่วไพ่!! ”
ธนัท ประกาศรอบของตนก่อนจะจับการ์ซีล ขึ้นมาอีก 2 ใบ และแล้วรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นเมื่อได้ดูการ์ด
ที่จับขึ้นมา
[Tanat Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 2/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp 7/7 Shrine 0/6 ]
“ คราวนี้ตาฉันบ้างล่ะ เดี๋ยวจะให้นายได้เห็นการทำ Contact Growth ”
ธนัท กล่าวคราวนี้ จูได เป็นฝ่ายที่รอจะได้เห็นกลยุทธ ของเค้าอย่างใจจดใจจ่อ บ้างแล้ว
“ อะไรของเค้ากันน่ะ รู้สึกดีกรีความบ้าจะพอๆกับเจ้า จูได เลยไม่ใช่เหรอ ตัวจริงรึเปล่าเนี่ย ”
มันโจเมะ อดแย้งไม่ได้เมื่อเห็น ท่าทางของ ธนัท ที่เหมือนกับเพื่อนผู้ไม่เอาอ่าวในสนายตาของตน
“ แต่ฉันคิดว่าไม่น่าจะผิดตัวหรอกนะ…ก็แค่คิดน่ะนะ ”
อาซึกะ พยายามจะยืนยันแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นไม่มั่นซะเอง
“ ให้ Dragonology Theory ทำงานถ้ามีการ์ดใบนี้อยู่บนพื้นที่ จะทำให้การ Growth ของเผ่ามังกร
ฝ่ายฉันสามารถใช้วัตถุดิบจาก สำรับได้ไม่เกิน 2 ใบ ให้ โกลเด้นท์เฟอร์กริฟฟิน(Golden Fur Griffin) กับ
ซาลามันเดอรี่ดอล(Salamandery Doll)ที่อยู่ในสำรับทำ Contact Growth แล้ว Cost Mp 2 ออกมาเลย
ดราโกกริฟแห่งเปลวเพลิง แมนเซเรก(Mansereg, the Fire Dragogriff) ”
สิ้นคำ อสูร กริฟฟินขนทอง กับ ตุ๊กตามังกรซาลามันเดอร่า ก็ปรากฏขึ้นบนสนามก่อนจะ โจนทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เกิดเป็นร่างใหม่ ของเผ่าพันธุ์แห่งมังกรกริฟฟิน ซึ่งเกล็ดทั่วร่างร้อนระอุดั่งลาวา
+
V
[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:5/7 Shrine 2/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp 7/7 Shrine 0/6 ]
“ Cost Mp 2 ให้ แมนเซเรก โจมตีไปที่ เมก้ากูน ”
ธนัท ออกคำสั่ง
“ แต่ว่า At ของ เมก้ากูน มีอยู่ 9 หน่วยส่วนของ แมนเซเรก มีอยู่ 7 เองนะ ”
จูได แย้งเมื่อ ธนัท คิดจะให้ อสูรที่มีค่าพลังด้อยกว่าเข้ามาต่อสู้
“ แมนเซเรก ที่อยู่ในสภาพ Growth จะเพิ่มค่า At ได้เท่ากับจำนวนเผ่ามังกรใบอื่นในสนามทั้งของนายแล้วก็ของฉัน
ดรานิตี้ฮีโร่ของนายทุกใบน่ะเป็น เผ่ามังกรหมดเลยใช่มั้ยล่ะ ”
ธนัท อธิบาย และคำพูดเหล่านั้นก็ ทำเอา จูได สะดุ้งโหยงขึ้นมาทันที เพราะตอนนี้ กระทั่ง อสูรในสนมของเค้าก็ไปเอื้อ
ประโยชน์ให้กับ แมนเซเรกของ ธนัท ด้วย
“ ในสนามของ นายมี เมก้ากูน แฟรกูน แล้วก็ ไอซี่กูน ส่วนของ ฉันมี ซาลามันเดอรี่ดอล 2 ตัวกับ แรฟเซโน่ อีกตัวหนึ่ง
ดังนั้นค่าพลังจึงเพิ่มขึ้นมาเป็น 13 หน่วย ”
สิ้นคำของ ธนัท ร่างของ แมนเซเรก ก็ลุกโชนด้วยเปลวเพลิง เกล็ดอันร้อนระอุค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็น เพลิงอัคคีอันร้อนแรง
“ ยังไม่หมดแค่นี้หรอก Ability ของ เซเบอร์ฮอร์น ทำงาน Power Howling เมื่อมีเผ่าสัตว์อสูร อยู่ในสนามของฉัน
ตั้งแต่ 4 ใบขึ้นไป เผ่าสัตว์อสูรทุกใบในสนามของฉัน จะได้รับค่า At เพิ่มขึ้นอีก 1 จุดในสนามของฉันตอนนี้มี อัลบิโน่ แรฟเซโน่ เซเบอร์ฮอร์น และ แมนเซเรก ของฉันเป็นทั้งเผ่ามังกรและเผ่าสัตว์อสูรด้วย ดังนั้นค่าพลังจึงเพิ่มขึ้นอีกเป็น 14 หน่วย ”
อ๊า~~~~วู้วววววว~~~
หมาเขาดาบของ ธนัท หอนเพื่อปลุกเร้าพลังของสัตว์อสูรในสนามให้ลุกโชนขึ้น นั้นทำให้ เกล็ดบนร่างของ
แมนเซเรก เผาผลาญเปลี่ยนเป็นไฟ มากขึ้นเรื่อยๆ
“ และยังมีอีก!! ”
ธนัท พูดออกมาอย่างต่อเนื่อง นั่นทำให้ จูได ต้องร้องขึ้นมาด้วยความประหลาดใจที่ค่าพลังของ แมนเซเรก ยังจะสูงขึ้นไปมากกว่านี้ได้อีก
“ โหยังไม่หมดอีกเหรอเนี่ย ”
“ ใช่แล้ว ด้วยผลของ ยูนิคอร์นหมอกดำ ที่อยู่ใน Shrine ทำให้ เผ่าสัตว์อสูรทุกตัว มีพลังโจมตี
เพิ่มขึ้นอีก 1 จุด เป็น 15 หน่วย ”
สิ้นคำ ร่างของยูนิคอร์นหมอกดำซึ่งโปร่งใสจนแสงทะลุผ่านได้ ก็ปรากฏตัวขึ้นบนสนามและส่องแสง
จากเขาของมันเพื่อเพิ่มพลังให้กับ เหล่าสัตว์อสูรตัวอื่น อีก
“ และเมื่อ แมนเซเรก โจมตี ก็จะเพิ่มค่า At ขึ้นไปอีก 2 จุด ทำให้มีค่าพลังรวมทั้งหมดแล้วเป็น 17 หน่วย ”
ธนัท อธิบาย และแล้วร่างของ แมนเซเรก จึงถูกแปรเปลี่ยนเป็น เปลวเพลิงไปโดยสมบรูณ์ ด้วยพลังงานที่เพิ่มขึ้นมา
เกินขีดจำกัด อย่างมากมาย
“ รับไป เพลิงอมตะ God Pheonix!! ”
สิ้นคำ ร่างของ แมนเซเรก ที่กลายเป็นเปลวเพลิงลุกโชน จึงสยายปีกทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ดั่งนกเพลิงอมตะ
ร่างที่ห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิง ขึ้นไปจนสูงสุดเหนือฟ้า ท่ามกลางสายตา
“ พ…พลังโจมตี 17 หน่วย!!! ”
โช ร้องผวาด้วยความตกใจ และเกือบหงายหลังล้มตึงไปทั้งอย่างนั้น เพราะแหงนหน้ามองตามการทะยานของ
แมนเซเรก ที่ขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
“ แย่ล่ะสิ ทุกคนรีบหมอบลงเร็วเข้า!! ”
มันโจเมะ ตะโกนก่อนที่ ร่างของแมนเซเรก ซึ่งกลายเป็น นกเพลิงจะพุ่งลงมาปะทะกับ เมก้ากูน
ขณะที่ จูได ได้แต่มองตาค้างกับความวิเศษของการโจมตีที่ใส่มาเต็มแรง
ตูมมมมมมมม!!!!!!!!!! ครืนนนนนน!!!!!
เสียงระเบิดดังลั่นสะนั่นเกาะ แรงสะเทือน ที่เกิดจากการปะทะ ส่งให้ทั้งเกาะสั่นไปพร้อมกันเลยทีเดียว
…………………………………..
“ หยึย~~ ตะกี้มันอะไรกันน่ะ ”
อาจารย์ โครนอส เอ่ยเสียงสั่น ขวัญหายไปกับ แรงสะเทือนที่ทำให้ทั้งเกาะสั่นอยู่ในห้อง ประชุม ของ หอพักสีน้ำเงิน
…………………………………………
ขณะเดียวกัน โคทาโร่ และ อาจารย์ เบิร์ด ซึ่งกำลังเดินอยู่บนถนน ที่จะไปยัง เนินชันขของหอ สีแดง
เพราะแรงสะเทือนจึงทำให้พวกเค้า หยุดเดินกระทันหันไป
“ แรงสะเทือนเมื่อกี้ มันอะไรกัน ”
อาจารย์ เบิร์ด กล่าว
“ รึว่า เมื่อกี้จะเป็น….ธนัท ”
โคทาโร่ พึมพำ ก่อนจะรีบออกวิ่งไปทันที โดยไม่รอ อาจารย์ เบิร์ด
“ ด..เดี๋ยวก่อน รอด้วยสิ จะไปไหนน่ะ เซนาคาว่าคุง ”
อาจารย์ เบิร์ด พยายามจะเรียกให้เค้า รอ แต่ว่า โคทาโร่ ก็ไปไกลเสียแล้ว
…………………………………………………………..
สภาพลานหน้าหอพักสีแดง หลังการปะทะนั้น ตลบอบอวลไปด้วย ฝุ่นควัน บรรดานักเรียนที่ ถูกแรงผลักซึ่งกระจาย
ออกมาจาก กลางวงล้อมของการดวล เนื้อตัวเปื้อนมอมแมม จากากรลงไปคลุกกับพื้นกันหมด
“ แค่กๆๆ บ้าเอ๊ย ทำพลังโจมตี เป็นสิบๆหน่วยแบบนั้น กลางวงล้อมคนเนี่ยนะ เจ้านั่นยังสติดีอยู่รึเปล่า ”
มันโจเมะ ตะคอกไปสำลักไป อย่างหัวเสีย ท่ามกลางฝุ่นควันที่ตลบไปทั่วสนาม
ทำให้มองไม่เห็นสภาพของ นักดวลทั้งคู่เลย
“ ล…ลูกพี่ คร้าบบบบบ!! ”
โช ตะโกนโดยหวังว่าจะมีเสียงตอบกลับของ จูได บ้างแต่ก็เงียบสนิท ไม่มีการตอบกลับใดๆเล็ด
ลอดออกมาจาก กลุ่มควันเลยแม้แต่น้อย
“ ป่านนี้แหลกเป็นผุยผงไปแล้วมั้ง เจ้านั่นน่ะ ดีไม่ดีจะสลายไปทั้งคู่เลยด้วย เล่นไม่หลบ ไม่หนีกันเลยนี่ ”
มันโจเมะ สบถประชด ด้วยความไม่ชอบใจ กับสถานการณ์ที่ไม่รู้หัวก้อยแบบนี้
“ แต่การดวลของพวกเค้าก็สุดยอดจริงๆนั่นแหละ แค่ รอบเดียว สร้างอสูรพลังโจมตีขนาดนี้ได้ เป็น
การบุกกลับที่รุนแรงจริงๆ ”
อาซึกะ ประเมินตามความจริง
“ แต่ฉันว่าแบบนี้มันก็แรงเกินไปหน่อยนะ แค่กๆ ”
มิซาวะ แย้ง พร้อมกับปัดฝุ่นทรายออกจากเสื้อ ตอนนี้กลุ่มควันที่จับล้อมกันเริ่มคลายตัวออกแล้ว
สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ ร่างของทั้งสอง ธนัท ยังคงยืนอยู่โดยที่ อสูร ทุกตัวอยู่ในสนามครบหมด
ส่วน จูได นั้น เมก้ากูน ได้สลายไปแล้ว เหลือเพียง ไอซี่กูน กับ แฟรกูน เท่านั้น และร่างของเค้าเองที่
ลงไปนอนกองกับพื้นหน้าชี้ฟ้า เค้าทำปากขมุบขมิบเหมือนกับจะพูดอะไรซักอย่างก่อนจะดีดตัวกลับขึ้นมานั่ง
แล้วมองไปที่ ธนัท ด้วยสายตาเป็นปลื้มสุดๆ
“ สุดยอดเลย!! นายนี่มันสุดยอดจริงๆ ”
จูได ตะโกนเสียงดัง ด้วยความดีใจ ที่ได้เจอกับ คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ธนัท ได้แต่ยิ้มรับ
กับความร่าเริงอย่างไร้ขีดจำกัดของ จูได ที่ไม่ว่าจะถูกล้มด้วยค้าพลังที่สูงขนาดไหนก็ยังลุกขึ้นมาได้
[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:3/7 Shrine 2/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp 7/7 Shrine 3/6 ]
“ แต่รอบของฉันยังไม่แค่นี้หรอกนะ ให้ อัลบิโน่กริฟฟอน ขึ้นไปที่ At Line ”
ธนัท พูดก่อนจะเริ่มเล่นต่อ โดยไม่สนว่า จูได สะบักสะบอมไปแค่ไหนแล้วกับการโจมตีก่อนนี้
แต่ จูได เองกลับ ดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่แล้วรีบลุกขึ้นมาดวลต่อทันทีเช่นกัน
“ อะไรกันเนี่ย โดนไปขนาดนั้นแล้วยังจะดวลต่ออีกเหรอ นี่มันบ้าชัดๆ เลย ”
อาซึกะ หลุดปากออกไปโดยไม่รู้ตัว ว่าเธอได้พูดสิ่งที่ นักร่ายอสูรทุกคนต่างก็รู้กันดี
“ อาซึกะ เธอเองก็น่าจะรู้นี่ ว่าการดวลน่ะถ้าเริ่มขึ้นแล้ว จะไม่จบจนกว่าจะมีฝ่ายใดๆฝ่ายหนึ่งชนะนะ ”
มิซาวะ เตือน ทำให้เธอดึงเองกลับมาจากความไขว้เขวได้
“ นั่นสิ ฉันลืมไปเลยกฏข้อสำคัญที่สุดที่อยู่ในหัวใจของนักร่ายอสูรทุกคน ”
อาซึกะ รับโดยไม่รู้สึกขายหน้าแต่อย่างใด เพราะเมื่อครู่มันราวกับว่าไม่ใช่ตัวเธอเอง เหมือน
กับความภาคภูมิของเธอมัน ถูกทำลายไปพร้อมๆกับการโจมตี ของธนัท เมื่อครู่
“ ไม่หรอก…ที่จริงแม้แต่ฉันเองเมื่อกี้ก็ยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าพวกนี้มันบ้าอะไรอย่างนี้ คงเป็นเพราะ
แรงกดดันที่ปล่อยออกมาจากตัวของเจ้าพวกนั้นล่ะมั้ง ”
มันโจเมะ แทรกขึ้น
“ ลูกพี่…. ”
โช เปรยด้วยความเป็นห่วง แต่ว่าการดวลนี้ก็ยังต้องดำเนินต่อไป
“ Cost Mp 1 ให้ อัลบิโน่ โจมตีไปที่ แฟรกูน ”
ธนัท ประกาศโจมตี กริมฟอนเผือก จึงสยายปีกออกและเตรียมพร้อมจะบุกเข้าไปทว่า
“ Cost Mp 3 ให้ Hero War ทำงาน ต้องทิ้ง Seal Card ไปใบหนึ่งเพื่อทำให้ ดรานิตี้ฮีโร่ ที่มีเลเวล 1 ทุกใบ
ป้องกันจาการโจมตีจนกว่าจะหมดรอบ ”
จูได ประกาศ ร่ายมิสติกการ์ดบนมือ ออกมา พร้อมกับทิ้งซีลการ์ด บนมือไปเพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนการแสดงผลของ
มิสติก การ์ด ที่กลางสนามของทั้งสองฝ่าย ปรากฏแนวล้อมของ ดาบ 5 เล่มขึ้นขวางไม่ให้
ผ่านเข้าไปยังสนามของอีกฝ่ายได้
[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:2/7 Shrine 2/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp 4/7 Shrine 4/6 ]
“ ในเมื่อรอบนี้โจมตีไม่ได้อีกแล้ว ก็ขอหมดรอบเลยก้แล้วกัน ”
ธนัท ประกาศจบการเดินของตน เพราะไม่สามารถที่จะจู่โจมต่อไปได้ ทำให้ จูได รอดพ้นในรอบนี้ไปได้อย่างหวุดหวิด
“ รอบของฉันจั่วไพ่!! ”
จูได ประการอบพร้อมกับ จับ มิสติกการ์ดขึ้นมา 2 ใบ
[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 2/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp 4/7 Shrine 4/6 ]
“ อ่ะ ฮ่า เอาล่ะทีนี้ก็มีวิธีบุกกลับแล้ว ”
จูได เปรยทันทีที่ จับการ์ดขึ้นมาดู ธนัท จึงเริ่มคิดหาวิธีรับมือเพราะสีหน้าของ จูได ดูมีความหวังขึ้น
มาทันที
“ เจ้านั่นยังจะมีวิธีบุกกลับอยู่อีกเหรอ อีกฝ่ายมีพลังโจมตี 14 หน่วยเชียวนะ ทั้งที่ในสนามตัวเองเหลือแต่
อสูรกระจอกๆทั้งนั้น ”
มันโจเมะ ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธคำพูดของ จูได ได้เพราะฝีมือนั้น เค้ารู้ดีอยู่แล้วว่า หาก
จูได พูดก็แสดงว่าต้องทำได้อย่างแน่นอน
“ ถ้ามันมีวิธีที่จะตอบโต้กลับฉันเองก็อยากเห็นนะ ”
อาซึกะ พูดสนับสนุน จูได เพราะเธอเองก็อย่ากจะรู้ว่าสถานการณืเช่นนี้ จูได จะโต้กลับยังไง
“ Cost Mp 2 ให้ Mystic Card สลับมนตรา(Swapping Spell) ทำงาน จะต้องทิ้ง Mystic Card ไปใบหนึ่งแล้วเอา Mystic Card ที่อยู่ใน Shrine ขึ้นมาไว้บนมือได้ใบหนึ่งที่ ฉันจะเลือกก็คือ ดรานิตี้ คอมบายน์ คอนเนคชั่น ”
จูได ร่ายมิสติกการ์ดออกไป ก่อนจะทิ้ง มิสติกบนมือไป 1 ใบแล้ว จากนั้นการ์ดมิสติกที่ถูกเก็บไว้ในช่อง Shrine
จึงถูกส่งกลับขึ้นมา
[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 2/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp 2/7 Shrine 4/6 ]
“ แล้วก็ Cost Mp 2 ให้ ดรานิตี้ คอมบายน์ คอนเนคชั่น ทำงาน ให้ แฟรกูน กับ ไอซี่กูน ในสนามเป็น
วัตถุดิบทำการ Growth ออกมาเลย ดรานิตี้ฮีโร่ เบลซิ่งคูล(Blazingcool, the Dranity Hero) ”
ทันทีที่ จูได ร่ายมิสติก การ์ดบนมือ ออกไปก็เกิดห้วงอากาศขึ้นอีกครั้ง อสูรทั้งสองตัวในสนามของ
จูได ที่เหลืออยู่จึงกระโจนเข้าไปในวังวนห้วงอากาศนั้นและหลอมรวมกลายเป็นร่าง ใหม่
ร่างของ นักรบมังกรแบ่งออกเป็นสองซีก ระหว่างน้ำแข็งและไฟ ผสมผสานกันอย่างกลมกลืน
ซีกขวาคือร่างกายซึ่งเกิดจากการจับตัวของผลึกน้ำแข็ง และซีกซ้ายคือร่างกายอันเป็นเกราะเหล็กที่
ระบายความร้อนสูงออกมาตลอดเวลา
[Tanat Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 2/6 ]
[Jaden Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp 0/7 Shrine 4/6 ]
“ เบลซิ่งคูล เมื่อเข้ามาในสนามจะเปลี่ยนแปลงธาตุของ อสูรตัวหนึ่งให้เป็น ธาตุไฟ หรือ ธาตุน้ำได้
และ ที่จะเลือกก็คือ แรฟเซโน่ เปลี่ยนจาก ธาตุลมเป็น ธาตุไฟ ”
จูได ประกาศพร้อมกับชี้ไปที่ แรฟเซโน่ ที่อยู่แนวหลังของ ธนัท เบลซิ่งคูล ยกแขนซีกซ้ายซึ่งเป็นเหล็ก
ร้อน ขึ้นมาและซัดออกไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตา ความร้อนที่ระบายออกมาจากแขนก็พุ่งเข้าถาโถมใส่ร่างของ
แรฟเซโน่ จนร่างกายของมันถูกห่อหุ้มไว้ด้วยไอร้อน