Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ เม.ย. 27, 2024 12:39 pm

หน้าเว็บบอร์ด ส่วนของผู้เล่น SMN FanCard FanArt & FanFic SMN VR TAG TURN (THE FINAL ACT):Sub-Turn 96.5 Final Act Tile

สำหรับลงรูปแฟนอาร์ตและนิยายแต่งเองของชาวSMNครับ

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 15 Last Duel V :The Revelation

โพสต์โดย Palmon เมื่อ อังคาร มี.ค. 30, 2010 11:06 am

อาทิตย์นี้ยังไม่ลงอีกเหรอเนี่ย จำได้ว่า ต้นฉบับชุดสุดท้ายตรวจเสร็จไปแล้วนะนี่
สงสัยเกรม่อนคุง ยังไม่ว่าง ถ้าจะได้ดูคงจะวัน พฤหัส เหอๆ ว่าไปแล้ว พัลม่อนเองก็ไปค้นเจอบล็อกๆหนึ่ง
รู้สึกมันคุ้นๆ หนอกับชื่อ เจ้าของบล็อก ไม่รู้ว่าโลกมันกลมรึเปล่านา

http://type289.exteen.com/

::012::


หาเรื่องแกล้งคนเล่น ระหว่างว่าง จนไม่มีไรทำค่า โฮ้ โฮะๆๆๆๆๆๆ (ขอแบบ การุรุม่อนเซนไป ซักรอบ อิอิ)
Palmon
0
 
โพสต์: 33
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 15 Last Duel V :The Revelation

โพสต์โดย boy เมื่อ อังคาร มี.ค. 30, 2010 12:31 pm

^
^
จะรอครับ ไม่เร่ง owo
ว่าแต่...ท่านไหนกันขุดบล๊อคนั้นขึ้นมา
-//อัญเชิญภูตหัวผักกาดเตรียมตบ
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 15 Last Duel V :The Revelation

โพสต์โดย Konflyctus MX เมื่อ อังคาร มี.ค. 30, 2010 12:41 pm

Palmon เขียน: ว่าไปแล้ว พัลม่อนเองก็ไปค้นเจอบล็อกๆหนึ่ง
รู้สึกมันคุ้นๆ หนอกับชื่อ เจ้าของบล็อก ไม่รู้ว่าโลกมันกลมรึเปล่านา

http://type289.exteen.com/

::012::

หาเรื่องแกล้งคนเล่น ระหว่างว่าง จนไม่มีไรทำค่า โฮ้ โฮะๆๆๆๆๆๆ


เรื่องมาเยือนแล้วล่ะเหวย ท่านพี่พัลม่อน คนใกล้ตัวมากๆ ด้วยสิ 555+

โอ๊ะโอ เจ้าตัวมาแล้วสิ สงกะสัยจะมีการ 'ลงทัณฑ์'

--- Retreat! Retreat! Retreat!!!
Konflyctus MX
0
 
โพสต์: 201
Cash on hand: 250.00
ที่อยู่: ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 15 Last Duel V :The Revelation

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ อังคาร มี.ค. 30, 2010 9:44 pm

โอ้ พัลม่อนจัง จ๋า ไปเจอเข้าซะแล้วหรือฮ้า~ อุเหม่ๆ ฝีมือการค้นหาข้อมูลร้ายกาจยิ่งนัก
แต่ยังเทียบชั้น รุ่นพี่บ่ได้ดอก โฮ้โฮะโฮะโฮะโฮะ ::012:: (หัวเราะขั้นเมพมันต้องพิมพ์ โฮะ เองซิจ๊ะไม่ใช่พึ่ง ไม้ยมก'ๆ')

ปิโยม่อน:เกี่ยวเรอะ ::004::

ว่าช่วงนี้ก็ว่างจริงๆน่ะแหละ มีแต่ เกรม่อนคุง คนเดียวก้มหน้าก้มตาทำงาน แล้วก็
โยนงานคิดสำรับมาให้เรา(สรุปแล้วมันว่างหรือไม่ว่างวะ) เพราะงั้นไหนๆแล้ว เคยบอกไปหนว่า ผักคุง จะถูกรับเชิญมาลง 1ตอน
งั้นให้เป็นอะไรดีล่ะนี่ คนสวนเล่นเด็ค Plant ดีมิ หุๆ (แต่เจ้าเกรม่อน เนี่ยสิ มันดันบอกว่าตัวละครเยอะเกินแหล่ว เห็นว่าจะเพิ่ม
Hell Kira ด้วย(คุ้นๆแหะ))

ว่าแล้วแวะมาแจ้งหน่อยเลยละกัน เนื่องจากเจ้า เกรม่อนคุง มันจะเปลี่ยนบทเนื้อเรื่องช่วงท้ายนิดหน่อย จากที่เดิมว่าจะให้ขับกันดั้มดวลการ์ดกัน แบบ D-Wheel ของยูกิ(แต่ของเราขับกันดั้ม ::004:: ) ก็เลยกลายเป็นว่า Plot นั้นน่ะ โยนทิ้งไปแหล่ว
ดังนั้น op 3 ของ Vr TAG Turn จะเปลี่ยนแนว op ใหม่(เนื่องจากยึดอำนาจการผลิต Studio ทำ op & ed กลับคืนมาได้แหล่ว)
เพราะงั้น เนื้อเรื่องอาจไม่ดราม่า อย่างที่เคยได้โม้ไว้(แต่จะมีแซมนิดๆ) เนื่องด้วยว่า เกรงผู้อ่านจะเอียนกับมุขดราม่า ซะก่อน

เลยจะเปลี่ยนทีมเป็น เฮฮาปนเศร้าไปแทน


ว่าแล้วจะยกตัวอย่าง คำจำกัดความของบางตอนให้นะเออ แล้วลองเอาไปคิดกันต่อว่ามันจะมั่วขนาดไหน

1.Gay War
2.GT500(อันนี้เสี้ยวเสียวโดนอุ้ม)
3.Beast Deck
4.Chess(มันเกี่ยวกับหมากรุกนะเออ)

บอกไว้แค่นี้ก่อน แค่เห็นคำจำกัดตอนก็จะฮาแตกอยู่แหล่ว เหอๆ

ปล.เกือบลืม เจ้าเกรม่อน มันฝากมาว่าที่ลงช้าเพราะต้องเปลี่ยนบทให้เข้ากับ ชื่อตอนและแก้ชื่อตอนด้วย ที่ชื่อตอนถัดไปมัน
ลงท้ายด้วย Archangel จริงๆแล้ว มันต้อง Amankris น่ะ พอดีขึ้นต้นด้วย A ตัวใหญ่เหมือนกันเลยหยิบสลับกัน
เพราะชื่อตอนนี้มันจะต้องอยู่ถัดไปอีก 1 ตอน
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 15 Last Duel V :The Revelation

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ อังคาร มี.ค. 30, 2010 10:14 pm

^
^
^
เจ้า การุรุม่อน พัลม่อนจัง พี่ปิโย ก็ด้วย
ได้ทีเข้ามาไร้สาระกันใหญ่เลยนะพวกแก๊!!!!!!!

ไหงมานั่งเผา คนอ่านกันแบบนี้ฟระ ตรูนั่งทำงานจนมือหงิก แว้กกกกกก ::008::

ว่าแล้วจิ้ม บล็อกโลด นั่งอู้แวะอ่านเล่น
..................

เฮือก เล่น อีโค่ ด้วยเรอะ! ::036::
งั้นก็รุ้แล้วสินะๆๆๆๆๆ ว่าภาพการ์ดต่างๆมาจากไหน คึๆๆๆ

งืมๆหน้าตางี้เองเหรอ งืมๆ อ๊ะบ่ได้คิดอะไรหรอก แค่แวะเข้าไปชมเฉยๆส่วนใหญ่มีงานอดิเรก
ไล่ชมบล็อคชาวบ้านอยู่แล้ว(แต่ไม่ยักกะเคยเขียนบล็อคเอง)
ไอเดีย ฟิค ส่วนมากมาจากการชมบล็อคเอาเนี่ยแหละนะ
เหอๆ

กระซิบ:งืมๆได้ข้อมูลใหม่ๆมาเพียบเลยแฮะ สงสัยต้องรีบส่ง พัลม่อน ตามไปสมทบ การุรุม่อน ให้สืบข้อมูลของ
คนใกล้ตัวอีกคนซะแล้นสิ New Target .........MX
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 15 Last Duel V :The Revelation

โพสต์โดย boy เมื่อ พุธ มี.ค. 31, 2010 6:13 pm

-//ถือใบมีดคัตเตอร์เตรียมปาดคอทีมงาน
บล๊อคชั้น....โดนพรากผู้เยาว์ซะแล้ว ฮึก แค่ขวบ 2 ขวบเองนะ T^T

อุฮุฮุ ข้อ 1 น่าสนใจมากครับ ท่านการุฯ
GAY WAR 5555
GT 500 สงสัยเป็นเด๊คเล่นดวง (ไม่ใช้นักวิทยาศาตร์ด้วยนะเออ)
แบบ...ระหว่างเล่นไป ก็เดาการ์ดในมือฝ่ายตรงข้าม อะไรแบบนี้.... (รั่วแล้วชั้น)

ส่วนเรื่องผัก......ถ้าได้ออกขอเด๊คพืชนะครับ ฮุฮุ (ถ้ามีนะ)
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 15 Last Duel V :The Revelation

โพสต์โดย Konflyctus MX เมื่อ พฤหัสฯ. เม.ย. 01, 2010 11:22 am

Wargreamon เขียน:^

กระซิบ:งืมๆได้ข้อมูลใหม่ๆมาเพียบเลยแฮะ สงสัยต้องรีบส่ง พัลม่อน ตามไปสมทบ การุรุม่อน ให้สืบข้อมูลของ
คนใกล้ตัวอีกคนซะแล้นสิ New Target .........MX


Omega: Warning: Undefined Forces Detected

MX: เอาไงดีล่ะตรู แขกเค้าจะมาแล้ว ยังไม่มีของรับแขกซะงั้น

Omega: สร้างสดเลยสิท่าน

MX: มันใช้เวลานะเฟร้ย แล้วชั้นไม่รู้ว่าจะโดนเมื่อไหร่

Omega: จริงสิท่าน กระผมไปเจอคำถามเรื่องเด็คของใครไม่รู้เข้า จะตอบกลับไปไหม

MX: ตอนนี้ทำอยู่หลายเด็คอยู่ มีทั้ง Dark No Com เอย มารคู่เอย Starter Dark Deck เอย... เฮ้ย เยอะไปแหล่ว

ยังไงๆ มาสู้ไปด้วยกันอีกรอบคงไม่เสียหายอะไรหรอก 555+ จริงมะ Omega

Omega: ข้ารอคำนี้มานานแล้วเช่นกัน แต่ว่าทางโน้นจะอนุมัติรึเปล่า
Konflyctus MX
0
 
โพสต์: 201
Cash on hand: 250.00
ที่อยู่: ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

Sub-Turn 16 Last Duel VI: Amankris

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ ศุกร์ เม.ย. 02, 2010 11:21 am

Sub-Turn 16 Last Duel VI: Amankris

……………….ถึงแม้ว่าจะต้องสูญเสียซ้ำแล้วซ้ำเล่า จงเชื่อว่าต้องมีวันที่หาความหวังจนเจอ ………………………


[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp:2/8 Shrine 2/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp 1/8 Shrine 5/15 ]

“ ด้วยผลของการ์ด พลิกผันสู่ชัยชนะ ทำให้ค่า At ของ บาราเคียล สลับกับ ค่า Df กลายเป็น 8 หน่วย โรนินวายุสลาตัน
มีค่า At เท่ากัน แต่ Spสูงกว่า ”
สิ้นคำของ ธนัท โรนินวายุสลาตัน ที่พึ่งจะเขามาในสนาม โจนทะยาน ไปพร้อมกับ ตวัดดาบทั้งสองเล่มในมือ
ผ่าร่างของ อัครเทวดา บาราเคียล และ จูเดียล ที่รวมร่างกันอยู่จน ขาดสะบั้น และสลายกลับเป็น การ์ดไป

“ เกมพลิกแล้วนา~~ ”
ธนัท หยอกกลับไป ขณะที่ อดัม รับเอา การ์ดที่ร่อนกลับมาเก็บลงสู่ช่อง Shrine ของปลอกแขน

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp:2/8 Shrine 2/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp 1/8 Shrine 10/15 ]

“ Wheel of Fortune (วงล้อแห่งโชค)นึกไม่ถึงเลยว่าจะเลือกใช้โชคชะตาเอาชนะ พระเจ้า….. ”
อดัม เปรยเบาๆกับตัวเอง ถ้อยคำนั้น ทำให้ ธนัท รู้สึกตะขิดตะขวงใจ กับคำเปรยมากท่าที่อีกฝ่ายปล่อยมาไม่หยุดหย่อน

“ ไม่แน่บางทีคุณอาจจะใช่ก็ได้ ผู้มีคุณสมบัติจะเป็นผู้ปกครอง ”
อดัม ยังคงพูดต่อไปโดยไม่สนใจท่าทีของพวก ธนัท

“ ผู้ปก..ครอง.. ”
ธนัท ทวนคำอย่าง งงๆ แต่ก็ส่ายหัว ตัดใจพยายามจะไม่ไขว้เขวไปกับ คำพูดของ อดัม

“ แหมๆ ผมเองก็พูดอะไรเรื่อยเปื่อยไปงั้นๆแหละ รอบนี้ผมไม่เหลือ Mp แล้วก็การ์ด
บนมือพอจะทำอะไรได้อีก ขอหมดรอบเลยละกัน ”
อดัม ที่เห็นท่าทางของ ธนัท กล่าวแทรกขึ้นก่อนจะประกาศจบรอบของตนทันที

“ รอบของฉันจั่วไพ่ ”
ธนัท ประกาศรอบพร้อมกับจั่ว มิสติก การ์ดขึ้นมา 2 ใบ
[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 5 Mp:2/8 Shrine 2/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp 8/8 Shrine 10/15 ]

{เพราะการโต้ตอบรอบที่แล้ว เลยทำให้รอบนี้มี Mp พอโจมตี แค่ไม่กี่ครั้ง แต่ว่าในสนามของมันก็มีแค่
เคฟเฟลท ตัวเดียว ถ้าจัดการได้ก็จะไล่ต้อนตัดการ์ดบนมือไปได้ เท่านี้เราก็ได้เปรียบแล้ว}
ธนัท คิดพลางทอดสายตามองดูใน สนามของตนเอง ตอนนี้เค้ายังมี ซามูไร อัศนีบาต ซึ่งเป็นสมุนที่แข็งแกร่ง
คอยเป็นหลักตั้งยันไว้ให้ อีกทั้งยังมี ชิโรอิ หน่วยจู่โจมสายฟ้าแลบไว้คอยสนับสนุนอีก ถึงสองใบ

รวมไปถึง โรนินวายุสลาตัน ที่สามารถแทรกแซงเข้ามาในการต่อสู้ได้ทุกเมื่อ และยังมี ฮิเดโกะ ที่จะคอย
จัดการ ความสามารถต่างๆให้ไว้อีก แนวรับของเค้าตอนนี้สมบูรณ์แบบ และกำลังไล่ต้อน อดัม
ที่เหลือเพียง แมลงเคฟเฟลท ตัวจ้อยเป็นกำแพงเพียงตัวเดียวเท่านั้น กองทัพนักรบกำลังจะกรีฑาทัพ
ขยี้แมลงตัวจ้อย ขัดเสียแต่ว่ากองทัพจะเคลื่อนไหวเมื่อผู้นำมีอำนาจพอ ก็เปรียบได้กับ Mp ของ
ธนัท ที่เหลืออยู่น้อยนิด

“ Cost Mp 1 ให้ ชิโรอิ โจมตีไปที่ แมลง เคฟเฟลท ”
ธนัท ประกาศจบ ชิโรอิ นินจาสาววิ่งตะลุยดุ่มๆเข้าไป พร้อมกระชับ มีด Kunai
ในมือทั้งสองข้าง เตรียม บดขยี้ แมลงเคฟเฟลท

“ ทูตสวรรค์องค์ที่สามเทขันของตนลงในแม่น้ำและตาน้ำทั้งหลาย แหล่งน้ำเหล่านั้นกลายเป็นเลือด
ทูตสววรค์ผู้ดูแลน้ำกล่าวว่า

‘ข้าแต่พระองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ทรงดำรงอยู่ในปัจจุบันและในอดีต พระองค์ทรงเที่ยงธรรมที่
ทรงพิพากษาเช่นนี้ เขาเหล่านั้นหลั่งโลหิตของบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์

และบรรดาประกาศกพระองค์ทรงให้พวกเขาดื่มเลือด ก็เหมาะสมแล้ว ’ พระแท่นบูชากล่าวว่า
‘ถูกแล้ว ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ การพิพากษาของพระองค์นั้นสัตย์จริงและเที่ยงธรรม’ ”

ร่ายพรรณาดังขึ้นพร้อมกับ ที่นิมิตทูตสวรรค์ได้ปรากฏขึ้นเหนือดาดฟ้า

“ Cost Mp 2 ร่าย Tertius Phialam ”
อดัม ประกาศขึ้นหลังจากร่ายพรรณาจบ นิมิตแห่งทูตสวรรค์ปรากฏขึ้นจากประกายแสงของ มิสติกการ์ด
ที่เค้าร่ายออกไป หลังจากที่มันดูดซับละอองพลังเวทย์ ที่ปล่อยออกมาจาก ฟันเฟือง Dynamaze ของปลอกแขน
ทูตสวรรค์องค์นี้ปรากฏตัวพร้อมกับ ขันซึ่งบรรจุไว้ด้วยโลหิต จนปริ่มขัน ทูตสวรรค์ ตวัดมือทั้งสองไขว้กัน
ก่อนที่ขัน ซึ่งลอยอยู่ต่อหน้าจะแอ่นเฉลียงลง เทให้โลหิตไหล ลงสู่อากาศและสลายหายไปพร้อมกับภาพนิมิต
ก่อนกลับเป็นการ์ดตามเดิม

รูปภาพ

“ เลือกผลการทำงานข้อแรก Seal 1 ใบในสนามจะถูกลดค่า At ลงตาม Lv
ที่มากที่สุดใน Shrine ของผม ซึ่งอัครเทวดา บาราเคียล มี Lv 3 สูงที่สุดดังนั้น ค่า At ของ ชิโรอิ
จะต้องถูกลดลงไป 3 หน่วย ”

อดัม ประกาศผลที่จะเลือกของ นิมิตที่แสดงไปเมื่อครู่ ไม่นานบนพื้น ที่ ชิโรอิ เหยียบอยู่ก็แปรสภาพเป็น
ธารเลือดสีแดงฉาน ขาของเธอค่อยๆจมลงไปในธารเลือดซึ่งไหลเชี่ยวลึก ในพริบตานี้ แมลงเคฟเฟลท

ที่เป็นเป้าหมายของเธอกลับ บุกสวนขึ้นมาฉับพลัน ใช้เหล็กไนอันแหลมที่หางของมัน เสียบทะลุ
ศีรษะของก่อนที่ ร่างของ เธอจะสลายกลายเป็นละอองแสง และรวมตัวกลับเป็นการ์ดร่อนกลับคืนสู่
มือของ ธนัท ตามเดิม

“ อึก..Cost Mp 1 นินจาลมหมุน โจมตี! ”
ธนัท สะอึกเล็กน้อยเพราะสะอิดสะเอียนกับการโจมตีของ แมลงเคฟเฟลท แต่ก็แข็งใจกัดฟันออกคำสั่ง
โจมตีต่อเนื่องทันที และด้วยความรวดเร็วชั่วพริบตาของ นินจาลมหมุน ใบมีดหมุนในมือของเธอก็ร่อนฉวัดเฉวียน
เข้าผ่าร่างของ แมลงเคฟเฟลท จนแหลกเหลว พร้อมกับที่เหล็กไนของมัน กระเด็นเข้าไปตำโดน
แขนของ โรนินวายุสลาตัน ด้วยน้ำหนักของ เหล็กไน ที่แทงทะลุแขนลงไปจนปลายเหล็กไน นั้นทิ่ม
จรดพื้น หากนั่นเป็นแขนของ มนุษย์จริงๆ คงถูกย้อมจนเป็นสีดงด้วยโลหิต ที่ไหลอาบออกมา
แต่ อสูรอัญเชิญ ไม่มีสิ่งนั้น

“ และในตอนนี้ด้วยเอฟเฟค ของแมลงเคฟเฟลท เมื่อถูกทำลายจะเลือก Seal 1 ใบในสนาม
และใน Sub-Turn ถัดไป Seal นั้นจะกลายเป็น Inactive จนจบ Sub-Turn เลือกให้ โรนินวายุสลาตันเป็นเป้าหมาย ”
อดัม กล่าวอธิบายผลความสามารถของ แมลงเคฟเฟลท ของตนที่พึ่งถูกทำลายไป
ทว่านั่นก็ไม่ได้ทำให้ ธนัท สนใจนัก เพราะตอนนี้ ธนัท เรียกเอาแผงโฮโลแกรมสำหรับบังคับการรวมร่างของ
Seal ขึ้นมาและกำลังเตรียมที่จะเล่นต่อทันที

“ ให้ ชิโอริ กับ ซามูไรอัสนีบาต รวมร่าง Tripple Combination ”
ธนัท ออกคำสั่ง พลางลากการ์ด ตามที่ตัวเองประกาศไปรวมกันไว้ ทันทีที่ คำสั่งถูกป้อนลง
ไป แผงโฮโลแกรม ก็สลายตัวของมันพร้อมกับ การเปลี่ยนแปลงในสนาม กลุ่มซึ่งนำโดย ซามูไรอัสนีบาต
ได้มี ชิโรอิ ที่ยังเหลืออยู่อีกใบในสนาม เข้ามาร่วมด้วยทำให้การตั้งแนวรับแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น

“ หมดรอบแค่นี้.. ”
ธนัท ประกาศจบรอบการเล่นของตน

“ รอบของผม ”
อดัม ประกาศรอบพร้อมกับจั่ว ซีล และ มิสติก การ์ดอย่างละใบ
[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 5 Mp:8/8 Shrine 3/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp 6/8 Shrine 11/15 ]
“ ในรอบนี้ ครบกำหนด 2 Turn ที่ ชิโรอิ ตัวแรกที่ใช้ Skill ไปแล้ว ดังนั้นจึงกลับเข้าสู่สนามด้วย Ability Vannish ”
ธนัท แทรกขึ้นมาพร้อมกับควันขาวพวยพุ่งขึ้นมาบนสนาม ควบคู่กับ ร่างของ ชิโรอิ ที่หายตัวไปในรอบก่อนๆนั้น

“ Cost Mp 3 อัญเชิญ อัครเทวดายูเรียล(Archangel Uriel) ลงมายัง At line ”
อดัม ไม่รอที่เริ่มเล่นในรอบนี้ของเค้า อสูรที่ถูกอัญเชิญออกมาในครานี้ก็เป็น อัครเทวดา อีกเช่นเคย

“ อัครเทวดา ยูเรียล นามอันหมายถึง’แสงสว่างของพระเจ้า’ท่านคือผู้ดูแลแดนแห่งผู้ล่วงลับคอยนำทางให้เหล่าวิญญาณ
เพื่อรอการพิภากษา ”
อดัม เสริมขณะที่ร่างของ อัครเทวดาค่อยๆปรากฏขึ้น

รูปภาพ

{อัครเทวดา อีกแล้วงั้นเหรอ}
ธนัท คิดพลางมองดูรูปร่างของ อัครเทวดาองค์นี้แต่งกายสีขาวพิสุทธ์เช่นเดียวกับ เซอัลเทียล
ในมือถือคบไฟซึ่งเปล่งรัศมีแสงสว่างเจิดจ้า สมกับเป็นแสงที่คอยนำทางเหล่าผู้ล่วงลับซึ่งอยู่ในโลกที่มืดมิด

“ และ Cost Mp 3 ร่าย Tertius Tuba ”
อดัม ประกาศพร้อมกับ โยนมิสติกในมือ ออกไปภาพนิมิตทูตสวรรค์ ซึ่งมาพร้อมด้วยแตรคันงาม
ปรากฏขึ้นเหนือสนาม

รูปภาพ

“ ในจังหวะนี้ Cost Mp 3 ให้ Skill ของโรนินวายุสลาตัน ทำงาน นำโรนินวายุสลาตัน
กลับขึ้นมาไว้บนมือได้ หากไม่ได้รวมร่างอยู่ ”
สิ้นคำ ธนัท ร่างของ โรนินวายุสลาตัน ก็ถูกล้อมรอบด้วยคลื่นลมหมุนสลาตัน ก่อนจะส่งการ์ดผนึก
ของตัวมันเองกลับมาที่มือของเค้า

“ ทำแบบนี้เพื่อจะได้ ไม่ต้องกลายเป็น Inactive Seal จากผลของ แมลงเคฟเฟลท ในรอบต่อไปสินะครับ ”
อดัม ถามลองเชิงไปทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว ทว่า ธนัท ก็ไม่เล่นกับเค้าด้วย

{ ถ้ารอบต่อไป เกิดมันร่ายอะไรแปลกๆมาอีกเราก็ยังพอมี โรนินวายุสลาตัน คอยช่วยจากบนมือได้
ถ้าไม่เอาขึ้นตอนนี้ ก็ต้องรอไปอีกรอบนึง แล้ว Mp เราก็จะไม่พอเอาด้วยแล้วก็
การ์ดแตรนั่นมันอะไรกัน คราวนี้เป็นมิสติกแบบถาวรงั้นเหรอ}
ธนัท คิดสายตานั้นยังคงไม่อาจละไปจาก นิมิตของทูตสวรรค์ถือแตร ที่ร่ายออกมาเมื่อครู่ได้
เพราะในหลายๆรอบที่ผ่านมา มิสติกเหล่านั้น ทันทีที่ร่ายออกมาก็สร้างความชวนหัว ให้เค้านานับประการ

ไม่ได้หยุดได้หย่อนกันเลยทีเดียว แต่คราวนี้มันกลับนิ่งเงียบและไม่ได้สำแดงอันใดออกมาเลย
และตัว อดัม เองก็ไม่ได้ร่ายเปรยอะไรประกอบการร่ายเหมือนทุกทีด้วย

“ หมดรอบ ”
อดัม ประกาศจบรอบ เมื่อเห็นว่า ธนัท ยังไม่มีอารมณ์จะเล่นกับเค้า

“รอบของฉัน!! และในรอบนี้ ชิโรอิ ที่ใช้ Skill ไปในรอบก่อนๆนั้นก็ครบกำหนดอีกเช่นกัน
ดังนั้นจึงกลับสู่สนามด้วย Ability Vanish ”
ธนัท ประกาศรอบของตน พร้อมกันกับ ที่ควันอำพรางสีขาวพวยออกมาบนพื้นสนามและร่างของนินจาสาว ชิโรอิ
ก็ปรากฏขึ้นอีกใน At Line

“ จั่วไพ่ ในรอบนี้การ์ดบนมือของ ฉันมี อยู่เกิน 7 ใบดังนั้น ฉันขอทิ้ง Mystic Card
บนมือไปใบ1เพื่อให้จำนวนเท่ากับ 7พอดี ”
ธนัท จั่ว มิสติกการ์ด ขึ้นมา 1 ใบก่อนจะ ทิ้งอีกใบบนมือลงไปเพื่อให้จำนวนพอดีกับ ที่กฏกำหนด

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 5 Mp:5/8 Shrine 3/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 1 Mp 8/8 Shrine 11/15 ]

“ ให้ ซามูไร อัสนีบาต แยกการรวมร่าง จากรวมร่างแบบ Tripple Combinetion กับ ชิโรอิ
ทั้ง 2 ใบที่พึ่งกลับเข้ามาแทน ”
สิ้นคำ นินจาลมหมุน ที่เคยอยู่ในกลุ่มของ ซามูไรอัสนีบาตก็แยกตัวออกจากกลุ่มไปและ ชิโรอิ
ที่พึ่งกลับมาในรอบนี้จึงเข้าไปสมทบกับ กลุ่มของ ซามูไรอัสนีบาต ที่มี ชิโรอิ คนที่กลับมาก่อนหน้านั้นรอ อยู่แล้ว

{ชิโรอิ มีจุดอ่อน เรื่อง Ability Vanish ทำให้จำนวน Seal ที่จะใช้ไม่พอ ถ้ายังไงซะให้เป็น Seal รองรวมร่างไปแล้ว
ใช้ นินจาลมหมุน เป็นตัวบุกจะดีกว่า }
ธนัท คิดพลางคำนวณถึงการในรอบนี้เผื่อไปด้วย

“ Cost Mp 3 ให้ ซามูไร อัสนีบาต โจมตี ” /Lighting Vortex/
ธนัท ประกาศโจมตี ปลอกแขนของเคียวที่เค้ายืมมานั้น ก็ส่งเสียงทุ้มประกาศชื่อท่ากังวานตามไปด้วย
ซามูไรอัสนีบาตและกลุ่มที่ติดตามมาด้วย ชิโรอิ สองคนตั้งเตรียมพร้อมจะบุกแล้วทว่า

“ Cost Mp 3 ร่าย Cool Moon ติดตั้งให้ ซามูไรอัสนีบาต ”
อดัม ประกาศ พร้อมกับร่ายมิสติกบนมือ ออกไปทันทีที่ มิสติกการ์ดนั้นสำแดงฤทธิ์ เหนือดาดฟ้าที่
พวกเค้ายืนกันอยู่นั้นก็ปรากฏ ดวงจันทรา ซึ่งปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งจนสะท้องแสงเป็นสีฟ้าครามใส

แสงของดวงจันทราที่สะท้อนลงกระทบกับร่าง ของอสูรทั้งสามในกลุ่ม เพียงชั่วพริบตาเดียว ทั้งสามก็
แปรเปลี่ยนเป็นรูปสลักน้ำแข็งในทันที ก่อนจะลื่นไหลลงไปอยู่ในสนามแนวหลังกันทั้งกลุ่ม

รูปภาพ

“ ด้วยผลของ Cool Moon จะทำให้ Seal ที่ติดตั้งมัน ได้รับ Freeze Curse ”
อดัม อธิบาย ผลของการ์ดที่ร่ายออกไป ด้านธนัท ก็ได้แต่กัดฟันเจ็บที่การบุกในรอบนี้ไม่สำเร็จดังที่หวัง

“ หมดรอบ ”
ธนัท สบถเค้ารู้สึกเสียดายและหัวเสียนิดหน่อย เมื่อครู่เค้ามีโอกาสจะตอกตะปูปิดฝาโลง อีกฝ่าย ไปแล้ว
แต่เค้าก็พลาด เพราะไม่ทันนึกถึง การ์ดที่จะหยุดยั้งการโจมตี ที่ อดัม อาจจะร่ายมา หากเค้าใจเย็นกว่านี้อีกซักหน่อย
เค้าคงไม่ให้ ชิโรอิ รวมร่างกับ ซามูไรอัสนีบาต เสียหมด แต่ให้ชิโรอิ รวมร่างกันเอง แล้วโจมตีเข้าไป แม้จะถูกหยุดยั้งเอาไว้ได้แต่เค้าก็จะมี ซามูไรอัสนีบาต ไว้บุกอย่างต่อเนื่อง

“ รอบของผม จั่วไพ่ ”
อดัม ประกาศรอบพร้อมกันนั้นก็จั่วมิสติกการ์ดขึ้นมาเพิ่มอีก 2 ใบ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 5 Mp:8/8 Shrine 3/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp 5/8 Shrine 11/15 ]

“ Cost Mp 2 ให้ อัครเทวดา ยูเรียล โจมตีไปที่ นินจาลมหมุน ”
สิ้นคำ อดัม อัครเทวดา ยูเรียล ก็ใช้คบไฟในมือ ชี้ไปยัง นินจาลมหมุน เปลวเพลิง
จากคบไฟ พวยพุ่งออกไปราวกับแส้ที่ถูกตวัด ออกมา

“ ลืมไปแล้วหรือไงว่าบนมือของชั้นตอนนี้น่ะ Cost Mp 3 ให้ Skill ของ โรนินวายุสลาตัน
ทำงาน นำโรนินวายุสลาตัน เข้ามาในสนาม จากนั้นเปลี่ยนเป้าการโจมตีมาที่นี่แทน ”
ธนัท พูด พร้อมกับร่าย ซีลการ์ดบนมือออกมา พายุพัดโหมลงสู่สนาม
พร้อมกับ โรนินวายุสลาตัน พุ่งออกมาจากวังวนพายุนั้น เข้ามาแทรกกลางระหว่างไฟที่กำลังจะบุกเข้ามา

“ อัครเทวดา ยูเรียล มีค่า At เท่ากับ โรนินวายุสลาตัน แต่ Sp น้อยกว่า คิดจะเอาชนะกันที่ ความเร็วสินะครับ
แต่ว่า…. ”
อดัม เปรยพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย ขณะที่จอโฮโลแกรม ปรากฏขึ้นมาข้างๆร่างของ อัครเทวดา ยูเรียล
ซึ่งแสดงค่าพลังเอาไว้ ค่า At จากที่ควรจะมีอยู่ 8 หน่วยกลับเพิ่มขึ้น

“ ท..ทำไมค่าพลังถึงเพิ่มเป็น 9 หน่วยล่ะ ”
เคียว อุทานแทน ธนัท ที่ตอนนี้เค้าพึ่งจะรู้ตัวแล้วว่ามองข้ามความเป็นไปได้บางอย่างไป
แสงคบไฟของ อัครเทวดา ยูเรียล ไม่ได้ดูเจิดจ้าเพราะอำนาจของ ยูเรียลเอง แต่เป็นเพราะพลัง
บางอย่างที่ส่งมาสนับสนุนให้

“ ด้วย Ability ของอัครเทวดา บาราเคียล ตราบเท่าที่อยู่ใน Shrine เมื่อ Seal ฝ่ายผมโจมตี Seal นั้นจะ
ได้รับค่า At เพิ่มขึ้น 1 หน่วย แต่ว่าแค่นั้นมันไม่สาแก่ใจหรอกนะผมขอเอาคืนบ้างละกัน ”
อดัม อธิบายถึงสาเหตุที่ค่าพลังของ ยูเรียล เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ก็โยนมิสติกการ์ดในมือ ออกไปสมทบด้วย

“ Cost Mp 2 ร่าย Quartus Tuba ”
ทันทีที่ มิสติกการ์ด ของ อดัม ถูกร่ายออกมา นิมิตของทูตสวรรค์ซึ่งมาพร้อมกับคันแตร ก็ปรากฏขึ้นเหนือดาดฟ้านี้
ดวงตาของ ทูตสวรรค์ องค์นี้กลับดูกราดเกรี้ยวกว่าองค์อื่นๆ และทันทีที่ ทูตสวรรค์ เป่าแตรก็ปรากฏภาพนิมิต ของดวงอาทิตย์ขึ้น ซีก 1ใน4 ของดวงอาทิตย์ นั้นดับมืดไปราวกับหลอดไฟที่ขาด แล้ว

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 5 Mp:5/8 Shrine 3/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 1 Mp 1/8 Shrine 11/15 ]

“ ฑูตสวรรค์องค์ที่สี่เป่าแตรขึ้น หนึ่งในสามของดวงอาทิตย์ หนึ่งในสามของดวงจันทร์และหนึ่งในสามของดวงดาวถูกทำลายจนมืดไปหนึ่งในสาม กลางวันดับมืดลงหนึ่งในสาม
และกลางคืนก็ดับมืดลงหนึ่งในสามเช่นเดียวกัน ”
อดัม เปรยคำกล่าวเช่นทุกครั้ง ที่เค้าจะต้องกล่าวออกมาเมื่อ นิมิตแต่ละนิมิต แผลงฤทธิ์ ภาพนิมิตของ ดวงอาทิตย์
นั้นค่อยๆสลายไป พร้อมๆกับร่างของ ทูตสวรรค์ และย้อนกลับคืนสู่มือของ อดัม ในสภาพการ์ด ก่อน
ที่เค้าจะเก็บมันลงในช่อง Shrine

“ ด้วยผลของ Quartus Tuba จะทำให้ Seal ที่ กำลังใช้ Skill 1 ใบในมือไปยัง Shrine ได้ดังนั้น
โรนินวายุสลาตัน จึงต้องถูกส่งไปยัง Shrine ”
สิ้นคำอธิบายของ อดัม นั้นร่างของ โรนินวายุสลาตัน ที่โผล่เข้ามาแทรกกลางก็ สลายไปทันที

“ คราวนี้ตัดการแทรกแซงจากบนมือแทนงั้นเหรอ ”
ธนัท อุทาน อย่างตกตะลึงกับอำนาจของ การ์ดนั้น

“ และในตอนนี้การโจมตี ของอัครเทวดา ยูเรียล ก็จะดำเนินต่อไป ”
อดัม พูด ขณะที่เปลวไฟจากคบเพลิงของ ยูเรียล เข้าครอกร่างของ นินจาลมหมุน จนแตกสลายกลับเป็น ละอองไป
และรวมตัวควบแน่นกลับเป็นการ์ดตามเดิม

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 5 Mp:5/8 Shrine 6/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 1 Mp 1/8 Shrine 11/15 ]

{ที่สกัดการโต้กลับเมื่อตะกี้ จากกำลังได้เปรียบ แค่แปปเดียวก็ถูกทำ Shrine ไล่ตามมาแล้ว แค่ครั้งเดียวเท่านั้นเอง}
เคียว คิดหลังจากประเมินผลการโต้ตอบที่ผ่านมา พลังของ สำรับที่อดัม ใช้นั้นน่ากลัวเอาเรื่องทีเดียว
เพราะหากพลาดพลั้งแม้เพียงน้อยนิด ก็อาจจะพ่ายแพ้อย่างไม่ทันตั้งตัวได้เลยทีเดียว

“ หมดรอบแค่นี้ครับ ”
อดัม ประกาศจบรอบของตนอย่างเรียบๆ พลางตีสีหน้าพึงพอใจกับการปั่นหัวของ ธนัท ได้ในรอบนี้ไม่น้อย

“ รอบ ของฉัน ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับจั่วซีลการ์ดขึ้นมา ใบหนึ่ง ในขณะเดียวกัน กลุ่มของ ซามูไรอัสนีบาต
ที่กลายเป็นน้ำแข็ง ก็ฟื้นสภาพกลับมาเหมือนเดิม

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 5 Mp:5/8 Shrine 6/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 1 Mp 8/8 Shrine 11/15 ]

“ เมื่อหมดรอบของนายแล้ว ผลของ Cool moon จึงหมดไป ให้ ซามูไรอัสนีบาต ย้ายขึ้นไป At Line ”
ธนัท สั่งจบ กลุ่มของ ซามูไร อัสนีบาต ที่ถูกคำสาปให้เป็นน้ำแข็งจนไถลลื่นลงไปในแนวหลังเมื่อรอบที่แล้ว
จึงเดินกลุ่มกันกลับขึ้นมาอยู่แนวหน้า

{ตอนนี้กระแสของเกมส์ยังเป็นของเราอยู่ ถ้าจัดการ ยูเรียล ได้ Shrine ของ อดัม ก็จะเหลืออีกแค่ 2 เท่านั้น
และตอนนี้เราเองก็มี Seal ที่มีค่าพลังสูงๆ อย่าง ซามูไรอัสนีบาต อยู่ทำได้แน่}
ธนัท คำนวณผลของการบุกในรอบนี้และดูเหมือนว่าเค้าจะทำมันได้สำเร็จอย่างแน่นอน

“ Cost mp 3 ซามูไร อัสนีบาต โจมตี!! ”
สิ้นคำ ประกาศกลุ่มของ ซามูไรอัสนีบาต ก็ตั้งท่าเตรียมจะบุกเข้าไปอีกครั้ง แต่ทว่า

“ ถึงจะลัดขั้นตอนไปหน่อย แต่ถ้าจะหยุดคุณก็คงต้องทำแบบนี้เท่านั้นสินะ ”
อดัม กล่าวพร้อมกบจัดแจงหยิบเอา มิสติกการ์ด ใบสุดท้ายบนมือ ร่ายออกมาทันที

“ Cost Mp 2 จงขับขานแตรคันที่ 5 Quintus Tuba ”
อดัม กล่าว ขณะที่นิมิตแห่งทูตสวรรค์ทรงคันแตร ได้ปรากฏขึ้นแต่ คราวนี้ทูตสวรรค์มิได้ พกมาเพียงคันแตร
เท่านั้นหากแต่กคล้องกุญแจด้วยสายโซ่มัดพันกับแขนมาด้วยหนึ่งดอก

รูปภาพ

“ ฑูตสวรรค์องค์ที่ห้าเป่าแตรขึ้น ดาวดวงหนึ่งตกจากฟ้าลงมาบนแผ่นดิน ทูตสวรรค์องค์นั้นได้รับกุญแจเปิดปล่องลงไปสู่บาดาล เมื่อเปิดปล่องบาดาล ควันก็พลุ่งขึ้น มาจากปล่องนั้นดุจ
ควันจากเตาไฟใหญ่ดวงอาทิตย์และอากาศมืดลงเพราะควันที่ขึ้นมจากปล่องนั้น มีฝูงตั๊กแตนบินออกจากควันนั้น ทำรายคนที่ไม่มีตราของพระเจ้าบนหน้าผาก มันไม่ได้ฆ่าคนเหล่านั้น
แต่ให้ทรมานห้าเดือนการทรมานนั้นเป็นการทรมานที่เหมือนกับถูกแมงป่องต่อยมันมีทูตแห่งบาดาลเป็นเหมือนกษัตริย์ซึ่งมีชื่อเป็นภาษาฮีบรูว่าอาบัดโดน ภาษากรีก ว่า อปอลลิโยนแปลว่าผู้ทำลายล้าง ”

อดัม ร่ายขึ้นพร้อมๆกัน กับที่ ทูตสวรรค์เริ่มเป่าคันแตร ภาพนิมิตต่างๆเริ่มเป็นไปตามที่ อดัม ร่ายมาและเกิดขึ้นพร้อมๆกันในจังหวะที่เค้า ร่ายประโยคด้วย เริ่มจาก ดาวตกพุ่งแวบแหวกน่านฟ้าลงหลังจาก เสียงแตรเงียบลง

กุญแจที่ทูตสวรรค์ นำเอามาด้วย ก็สลายเป็นละอองแสง โปรยปรายลงสู่พื้นสนาม และดลบัลดาลให้เกิด
หลุมลึกไร้ก้นที่มืดมิด พร้อมกับควันดำพวยพุ่งขึ้นมาจกาหลุมปล่องนั้น และ แมลงเคฟเฟลท

ที่เคยถูกทำลายไป ได้ผุดออกมาจากควันเหล่านั้นก่อนจะแตกกระจายกลายเป็นฝูงตั๊กแตน พิษ
บุกเข้าทำร้าย กลุ่มของ ซามูไรอัสนีบาต

“ ด้วยผลของ Quintus Tuba ถ้ามีเผ่า แมลง ในสนามและใน Shrine รวมกันตั้งแต่ 3 ใบขึ้นไป Seal ที่ติดการ์ดใบนี้
จะได้รับ Last Dance Curse At -2/5 Sub-turn และใน Shrine ของผมเองก็มีแมลงเคฟเฟลท อยู่ 3 ใบ
ดังนั้นผลของ Quintus Tuba จึงทำให้ ซามูไรอัสนีบาต At ลดลงไป 2 หน่วย จาก Last Dance Curse ”

อดัม อธิบาย ไปพลางขณะที่ภาพนิมิตของทูตสวรรค์ ค่อยๆเลือนหายไป ทิ้งไว้เพียงฝูงตั๊กแตน ที่น่ากลัวเหล่านั้น
“ ถึงค่าพลังจะลดลงแต่ด้วย Ability ของ ซามูไรอัสนีบาตจะเพิ่ม At ตามค่าร่ายของ Seal ที่สู้ด้วย ค่าร่ายของ ยูเรียล คือ 3
ดังนั้นเมื่อหักกัน แล้ว ซามูไรอัสนีบาต ก็จะมี At เท่ากับ 12 มากกว่าอยู่ดี ”
สิ้นคำของ ธนัท ซามูไรอัสนีบาตก็ควงตวัดดาบในมือ ใบดาบสะสมประจุไฟฟ้าและก่อให้เกิดกระแส
ไฟแลบแปลบปลาบ ขับไล่เหล่าแมลงร้ายออกไป

“ ฑูตสวรรค์องค์ที่สามเป่าแตรขึ้น ดาวใหญ่ดวงหนึ่งลุกเป็นไฟเหมือนคบเพลิงตกจากท้องฟ้าลงไปยังหนึ่งในสามของแม่น้ำและตาน้ำทั้งหลาย ดาวดวงนี้มีชื่อว่า บอระเพ็ด และ
หนึ่งในสามของน้ำกลายเป็นบอระเพ็ดมนุษย์จำนวนมากตาย เพราะน้ำมีรสขมมาก ”

เสียงร่ายดังแทรกขึ้น ก่อนที่ นิมิตทูตสวรรค์ ที่ถูกร่ายออกมาในรอบที่แล้ว และยังไม่ได้สำแดงเดช
จะยกคันแตรขึ้นเป่า

“ Cost Mp 2 ให้ Skill Tertius tuba ทำงาน Curse ทุกชนิด ที่ติดบน Seal 1 ใบนับว่าผ่านไป 1Turn ”
สิ้นคำของ อดัม เสียงแตรก็กังวานขึ้น จากแตรของทูตสวรรค์ บาดแผลที่ ตั๊กแตน ทิ้งไว้บนร่างของ
ซามูไรอัสนีบาต และ ชิโรอิ ที่รวมกลุ่มอยู่ด้วย ก็บวมเปล่งขึ้นมา สร้างทรมานและความอิดโรย
ให้กับทั้งกลุ่ม

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 5 Mp:2/8 Shrine 6/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 0 Mp 4/8 Shrine 11/15 ]


“ ผลของแตรนั่น คือการเร่งระยะเวลาของ Curse งั้นเหรอเนี่ย ”
เคียว ตระหนกกับความสามารถ ที่ดูจะเหมาะเหมงเกินไป กับสถานการณ์ในตอนนี้

“ ผลของ Tertius Tuba จะใช้ได้แค่ 3 ครั้งเท่านั้นจากนั้นก็จะถูกทำลาย คงเข้าใจสินะครับ ”
อดัม ย้อนถามใส่ ธนัท เสียงเรียบ

“ เวลาของ Last Dance Curse ก้จะถูกเร่งไปจนหมด และทำให้ ซามูไรอัสนีบาตถูกทำลายทันที ”
ธนัท ตอบตามที่เค้ากะไว้ ซามูไรอัสนีบาต ที่รวมกลุ่มอยู่ของเค้า จะถูกทำลายในตอนนี้ทันที
ซึ่งนั้นแทบจะเป็นการปิดประตูชัยของเค้าไปเลยทีเดียว

“ Cost Mp อีก 2 เร่งเวลาของ Last Dance Curse อีกครั้ง ”
อดัม ประกาศใช้ความสามารถอีกครั้ง แตรของ ทูตสวรรค์ ถูกเป่าขึ้นเป็นครั้งที่สอง
บาดแผลบนร่างของ ซามูไรอัสนีบาตและ ชิโรอิ ทั้งสอง ก็บวมเปล่งขึ้นอีกราว

กับจะระเบิดแตกออกมามันบวมใหญ่ขึ้นเท่ากับลูกกระสุนปืนใหญ่เลยทีเดียว จน
ร่างกายของทั้งสามดูอวบอ้วนและแดงเปล่งเหมือนลูกโปงที่ใส่น้ำจนจะระเบิด

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 5 Mp:2/8 Shrine 6/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 0 Mp 2/8 Shrine 11/15 ]

“ และ อีกครั้ง Cos Mp อีก 2 ในตอนนี้เมื่อใช้ Skill ครบ 3 ครั้งแล้ว Tertius Tuba จึงถูกทำลาย ”
สิ้นคำของ อดัม เสียงแตรถูกเป่าขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ นิมิตของทูตสวรรค์ จะเลือนหายไปและกลับคืน
สู่รูปของการ์ด พร้อมกันกับที่ ร่างของ ซามูไรอัสนีบาตและ ชิโรอิ ทั้งสอง ระเบิดแตกกระจาย เป็นละออง
และกลับคืนสู่รูปของการ์ด ไปในทันที

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 5 Mp:2/8 Shrine 6/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 0 Mp 0/8 Shrine 11/15 ]

{บนมือของเรา มี Thunder Bolt อยู่ ถ้าใช้มันก็จะทำให้ ซามูไรอัสนีบาต แยกการรวมร่างได้ แล้วก็ทำให้ความเสียหาย
ต่อ Shrine ของเราลดลงด้วย แต่ว่า รอบนี้เรามี Mp ไม่พอแล้ว}
ธนัท คิดพลางสำรวจการ์ดบนมือและในสนาม ตอนนี้เค้ายังไม่สามารถ โค่น อัครเทวดา ยูเรียลตรงหน้าได้เลย

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 5 Mp:2/8 Shrine 11/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 0 Mp 0/8 Shrine 11/15 ]

“ Cost Mp 2 ให้ Evader of the Hell ทำงานผลของมันทำให้ต้อง กำจัด Seal 1 ใบใน Shrine ออกไปจากเกม ฉันเลือก
ซามูไรอัสนีบาต ”
ธนัท ร่ายมิสติกการ์ด ออกไปปรากฏ แท่นหินซึ่งเป็นฐานของรูปปั้นขึ้นในสนาม ก่อนที่จะมีปีศาจตนหนึ่ง
โรยตัวลงมานั่งคุกเข่าอยู่บนแท่น ทำท่าทางราวกับกำลังศักการะ อะไรบางอย่าง จากนั้น ภาพนิมิต ที่ปรากฏนี้

ก็ได้สลายไป พร้อมกับ ที่การ์ดซีลผนึกของ ซามูไรอัสนีบาต ถูกยื่นส่งออกมาจากช่อง Shrine ของปลอกแขน
ธนัท รับมันมาเก็บซุกไว้ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะรับเอา มิสติกการ์ดที่ร่ายไปกลับมาและใส่ลงช่อง Shrien ไปแทน

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 4 Mp:0/8 Shrine 8/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 0 Mp 0/8 Shrine 11/15 ]

“ ให้ ฮิเดโกะ ย้ายลงมายัง Df line แล้วหมดรอบ.. ”
ธนัท สั่งก่อนประกาศเปลี่ยนรอบการเล่น โดยให้ ฮิเดโกะ นั้นย้ายลงมาแนวหลังแทน
หลังจากที่ให้หนีการใช้สกิลของ อัครเทวดา จูเดียล ที่จะใช้ Charm Curse กับ ซีลใน Df line

“ รอบของผม ”
อดัม ประกาศ รอบของตนพร้อมกับจั่วมิสติกการ์ด 2 ใบ เค้าทอดสายตามองดูสภาพในสนาม
ฝั่งของเค้านั้นเหลือเพียง ยูเรียล ที่อยู่ใน At line เท่านั้นส่วนฝั่ง ธนัท

ในสนามเหลือ นินจาลมหมุน และ ชิโรอิ อย่างละใบที่ At Line ส่วน Df line ก็เหลือ
แค่ ฮิเดโกะ ใบเดียว แม้จำนวนจะต่างกันแต่ อัครเทวดาของเค้านั้นมีค่าพลังเหนือกว่าทั้งหมดในสนามของธนัท

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 4 Mp:8/8 Shrine 8/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp 0/8 Shrine 11/15 ]

“ ในรอบนี้ไม่มี Mp จะเล่นต่อ ให้ อัครเทวดา ยูเรียล ย้ายลงมา Df Line แล้วหมดรอบ ”
แม้ว่า ยูเรียลจะมีค่าพลังสูงกว่า แต่ในรอบนี้ Mp ของเค้าก็ไม่มีเหลือแล้วจึงได้แต่ประกาศจบรอบเพื่อรอบุกในรอบ
ต่อไปแทน

“ รอบของ ฉัน ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับจั่ว ซีลการ์ดขึ้นมา 1 ใบ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 4 Mp:8/8 Shrine 8/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp 8/8 Shrine 11/15 ]

{ต้องรีบตั้งแนวรบกันใหม่แล้ว}
ธนัท คิดตอนนี้เค้ารู้สึกรนไปหมด เพียงเพราะการโต้กลับของอดัม เมื่อครู่ นั้นก็พลิก
เกมส์เสียจนรูปเกมส์ที่เค้าเคยได้เปรียบบัดนี้มันไม่แน่นอนเสียแล้ว

“ Cost Mp 3 อัญเชิญ Raijin สู่ At Line ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับ หยิบเอา ซีลการ์ดร่ายออกไป ทันทีที่การ์ดรวมรวมละอองเวทย์ และปลดผนึกออกแล้ว
ร่างซึ่งปกคลุมสายฟ้าฟาดที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย ปีกซึ่งสยายกว้างออกนั้นเต็มไปด้วยประจุไฟหลาย
ล้านโวลต์ ที่แล่นผ่านไปทั่วทั้งอนูของปีก พร้อมที่จะส่งศัตรู ไปยังนรกแห่งสายฟ้า เทพแห่งอัสนีบาตไรจิน
ได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว

รูปภาพ

“ ให้ Raijin รวมร่างกับ นินจาลมหมุน และ ชิโรอิ จากนั้น Cost Mp 3 โจมตี ”/Tenrai/
ธนัท ประกาศพลางใช้มือ เลื่อนการ์ด ที่ปรากฏขึ้นบนจอโฮโลแกรมสำหรับควบคุมการรวมร่าง
ซึ่ง ปลอกแขนฉายขึ้นมาให้ในทันทีที่ เค้าประกาศการรวมร่าง ร่างของ นินจาลมหมุน และ ชิโรอิ

ต่างกลายเป็นแสงสายฟ้าแล่นปราดขึ้นไปรวมกับปีกของ ไรจิน จนทำให้เกิดรัศมีพายุสายฟ้าฟาดลงมา
ตลอดเวลา และทันทีที่ สั่งโจมตี ปลอกแขนก็ส่งเสียงทุ้มกังวานประกาศท่าโจมตีขึ้น ไปพร้อมๆกันกับ
ปีกทั้งหมดของ ไรจิน สะบัดยื่นออกไปด้านหน้าคลื่นพายุสายฟ้า จากปีกทั้งหมดพุ่ง
ทะยานเข้า ฟาดใส่ อัคเทวดา ยูเรียล จนแตกสลายในพริบตา แรงระเบิดที่เกิดต่อเนื่องมานั้นทำให้
อดัม ต้องยกมือขึ้นป้องตาจากแรงลม ที่ปะทะเข้ามา

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 4 Mp: 2/8 Shrine 8/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp 8/8 Shrine 13/15 ]

“ Cost Mp 2 ร่าย Quartus Phialam ”
ทันทีที่แรงลมจากการระเบิดสงบลง อดัม ก็ชิงร่าย มิสติกการ์ดขึ้นมาทันที ปรากฏนิมิตของ ทูตสวรรค์ซึ่งมากับขัน
แต่ทว่า ทูตสวรรค์ก็ยังคงไม่ได้เทขันลงในทันที

รูปภาพ

{ร่ายออกมา เพื่อกันไม่ให้เราตีขึ้นมือโดนการ์ดนั่นงั้นเหรอ ถ้าจะเอา ฮิเดโกะ ที่อยู่ Df line ขึ้นไปโจมตี
มันก็เสี่ยงเกินไป ถ้าการ์ดนั่นสำคัญ ป่านนี้คงร่ายลงมาแล้ว ถ้างั้น}
ธนัท คิดพลางชั่งใจว่าจะโจมตีต่อไปดีหรือไม่ เพราะตอนนี้ Mp ของเค้าเหลืออยู่จำกัด
ท้ายที่สุดแล้ว เค้าจึงร่ายเอา มิสติกบนมือลงมาแทน

“ Cost Mp 2 ร่าย The Reverend Mother การ์ดใบนี้จะให้เลือกผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ระหว่างรักษา Curse ให้ Seal 1 ใบ
หรือทำลาย Mytic Card 1 ใบในสนาม ฉันเลือกให้ทำลาย Mystic Card เป้าหมายที่จะเลือกคือ Quartus Phialam ”
มิสติกที่ร่ายออกมา ได้ปรากฏภาพของ นักพรตชี กำลังสวดภาวนา อยู่ไม่นานนิมติของทูตสวรรค์
ที่สถิตย์อยู่เหนือน่านฟ้าก็ถอยกลับไปพร้อมๆกับที่ นักพรตชี กลับคืนสู่การ์ด ด้วย

รูปภาพ

“ ฉันจะไม่ปล่อยให้แกใช้ลูกเล่นแปลกๆอีกแล้ว ”
ธนัท ประกาศกร้าวถึงหลักฐานที่เค้าได้แสดง กับการทำลาย นิมิตทูตสวรรค์ เมื่อครู่ไป

“ ทำฉุนฉียวไปได้นะครับ ”
อดัม ย้อนแต่คราวนี้ดูเหมือนตัวเองก็เริ่มจะมีน้ำโหขึ้นมาบ้าง คงเพราะตอนนี้ตัวเค้าเอง
ก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะชนะได้ เค้าไม่สามารถเสีย Shrine ไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว

“ หมดรอบ ”
ธนัท ประกาศจบรอบของตน เพราะไม่เหลือ Mp ที่จะเดินเกมต่อแล้ว

“ รอบของผม ”
อดัม ประกาศพร้อมกับจั่ว ซีล และ มิสติก การ์ดอย่างใบ
[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 3 Mp: 8/8 Shrine 8/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp 6/8 Shrine 13/15 ]

“ Cost Mp 3 อัญเชิญ อัครเทวดา กาเบรียล(Archangel Gabriel) สู่ At line ”
ทันทีที่การ์ดผนึกถูกปลด อัครเทวดาซึ่งสวมใส่อาภรณ์ สีบานเย็นปีกซึ่งดูโดดเด่นกว่าอัครเทวดาองค์อื่นๆ
ในมือถือช่อดอกลิลลี่สีขาวบริสุทธิ์ ใบหน้าแฝงเร้นไปด้วยความปิติ

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 3 Mp: 8/8 Shrine 8/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp 3/8 Shrine 13/15 ]

“ กาเบรียล คืออัครเทวดา ผู้ถือสาร นามของท่านมีความหมายว่า ‘ผู้เข้มแข็งของพระเจ้า’ ดังนั้นท่าน
คือผู้ที่เหมาะสมที่สุดในกาลนี้ที่ผมซึ่ง ไม่มีหมากจะตั้งรับการโจมตีของคุณแล้ว ด้วย Ability ของ อัครเทวดา กาเบรียล
เมื่อเข้ามาในสนามจะสามารถแสดง เผ่า Divine ธาตุลม หรือ เผ่า Messenger ที่มีเลเวล 1
ใบหนึ่งจากสำรับเข้ามาในสนามได้ เลือกให้ Angelis เข้ามาใน Df line ”

สิ้นคำ อดัม ก็จัดแจง ดึงสำรับ ซีลการ์ด ออกมาจากช่องเสียบสำรับ และค้นไปเรื่อยก่อนจะเลือกเอา
ขึ้นมาใบหนึ่ง และร่ายลงไป ปรากฏร่างของ เทวดาสาวน้อย เหินฟ้าลงมาตั้งท่าไขว้แขนตั้งรับและใช้สองปีก
โอบล้อมเป็นกำแพงเพื่อเตรียมรับการจู่โจม

รูปภาพ

{เพราะ Angelis ถูกเรียกออกมาโดยไม่ได้มาจากมือ จึงทำให้ไม่ต้องรอ 1 Turn ก็เป็น Seal รองรวมร่างได้เลยคงคิดจะให้มันรวมร่างเพื่อตอบโต้การบุกรอบต่อไปสินะ}
ธนัท คาดการณ์ล่วงหน้าทันทีจากการเดินหมากในตานี้

“ และ Cost Mp 3 ร่าย Quintus Phialam หมดรอบแค่นี้ ”
อดัม กล่าวพร้อมกับ ร่ายมิสติกการ์ด บนมือลงมา คราวนี้ เป็นนิมิตทูตสวรรค์ซึ่งมาพร้อมกับขันซึ่งบรรจุ
ไว้ด้วยของเหลวสีดำสนิท ทว่านิมิตนี้ก็ยังมิได้ สำแดงเดชอะไรขึ้นมา

รูปภาพ

“ รอบของฉัน!! ”{ไม่ได้ให้รวมร่างหรอกหรือ ทำไมกันนะ}
ธนัท ประกาศรอบของตนพร้อมกับดึงเอาซีลการ์ดออกจากสำรับ 1 ใบ ขณะเดียวกันก็เริ่มรู้สึกเอะใจ
ที่ อดัม ไม่ได้สั่งรวมร่างอย่างที่เค้าคิด แต่ยังไม่ทันไร คำตอบก็กำลังจะเผยกับเค้าเสียแล้ว

[Thanatativet Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 4 Mp: 8/8 Shrine 8/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 1 Mp 8/8 Shrine 13/15 ]

“ Cost Mp 2 ร่าย Houdini ไปที่ Raijin ผลของ Houdini Seal ที่ติดตั้งมันจะได้รับ Ston Curse ”
อดัม ประกาศพร้อมกับร่าย มิสติกการ์ดใบสุดท้ายบนมือลงมา ทันทีที่การ์ดที่ร่ายออกมานั้น
ดูดซับละอองเวทย์จนผลดผนึกมนตราออกมาแล้ว โซ่ตรวนนับสิบเส้น พุ่งโผล่ออกมาจากหลุมดำที่ปรากฏ

ขึ้นในอากาศ จากสนามฝั่ง อดัม เข้า รัดมัดตรวน แขนขาของ ไรจิน เอาไว้ อีกทั้งส่วนที่ถูดโซ่ตรึงเอาไว้นั้น
ก็ค่อยๆเปลี่ยนสภาพเป็นหินไปทีละน้อยๆ จนทำให้ส่วนที่ตรึงไว้นั้นขยับได้ ในที่สุด

รูปภาพ

“ คิดจะสกัดไม่ให้โจมตีงั้นเหรอ!? ”
เคียว โพล่งขึ้น และได้แต่เพียงมองดูว่า ธนัท จะแก้เกมยังต่อไป ทว่านั่นพึ่งจะเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น

“ ทูตสวรรค์องค์ที่ห้าเทขันของตนลงบนบัลลังก์ของสัตว์ร้าย อาณาจักรของมันก็มืดไป
ผู้คนกัดลิ้นของตนเพราะเจ็บปวด เขาพูดดูหมิ่นพระเจ้าแห่งสวรรค์
เพราะความเจ็บปวดและเพราะบาดแผลที่ได้รับ แต่ไม่ยอมกลับใจละทิ้งกิจการชั่วร้ายของตน ”

อดัม ร่ายประโยค ขึ้นพร้อมกันกับ ที่ นิมิตทูตสวรรค์ ที่ถูกร่ายออกมาในรอบที่แล้ว เทขันลง ของเหลวสีดำไหลลง
สู่ร่างของ ไรจิน ที่ถูกตรึงไว้และกำลังกลายเป็นหิน ขณะที่ เทวดาสาวน้อย Angelis ในสนามของ อดัม ค่อยๆสลายร่างของ
ตัวเองไปจนหมด

“ Cost Mp 4 ให้ Skill ของ Quintus Phialam ทำงาน Sacrifice การ์ดใบนี้และ Seal อีก 1 ใบในสนาม
เพื่อทำลาย Seal ที่ติด Curse 1 ใบ ให้ Angelis เป็นเครื่องสังเวย ทำลาย Raijin ซะ ”
สิ้นคำ ร่างของไรจิน ที่กลายเป็นหินจากตรวนโซ่ Houdini ก็ปรากฏรอยร้าวปริแตก กร้านไปทั้งร่าง
ทว่าก่อนที่ ร่างของ ไรจิน จะแหลกสลายนั้นเอง ธนัท ก็ชิง ร่ายมิสติกลงมาเสียก่อน

“ Cost Mp 3 ร่าย Thunder Bolt ให้ Raijin แยกการรวมร่าง ”
สิ้นคำ มิสติกการ์ด ที่ธนัท ร่ายออกไป ก็สร้างสายฟ้าฟาดลงไปบนร่างของ ไรจิน ประจุไฟแล่นแปลบปลาบ
ไปทั้งร่างที่กำลังปริแตก และ แยกเอาแสงสายฟ้า สองสายออกมาจากร่างของ ไรจิน ทันก่อนที่ร่างของ ไรจิน
จะแหลกละเอียดไป แสงทั้งสองที่แยกตัวออกมาจาก ไรจิน คือ ชิโรอิ และ นินจาลมหมุน นั่นเอง

รูปภาพ


[Thanatativet Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 3 Mp: 5/8 Shrine 11/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 0 Mp 2/8 Shrine 14/15 ]


“ สำเร็จ! Shrine ของเจ้านั่นของเหลือแค่ เลเวลเดียวแล้ว ถ้าให้ ชิโรอิ กับ นินจาลมหมุน ที่แยกออกมา
จาก Raijin รวมร่างกันก็จะมี At เท่ากับ 8 เหนือกว่า กาเบรียล อยู่ 1 หน่วย แต่อีกฝ่ายไม่มี
การ์ดบนมือแล้วถ้าโจมตีไปตอนนี้ล่ะก็ ชนะแน่ ”

เคียว โพล่งขึ้นอย่างมีหวังแม้จะยังตั้งหลักจากที่ ธนัท หวิดเกือบถูกฝัง ไรจิน ลงไปยกแผง
รวมกับพวก ชิโรอิ และ นินจาลมหมุน ก็ตามที

“ ไม่หรอก เคียว ถ้าโจมตีไปตอนนี้ คนที่จะแพ้ก็คือ ฉัน… ”
ธนัท กลับตอบตรงกันข้ามกับที่ เคียว คิดเอาไว้

“ หา! ทำไมกันล่ะ ”
เคียว ถามกลับเค้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไม ธนัท ถึงได้ตอบกลับมาแบบนั้น

“ Angelis ที่มันอัญเชิญ ออกมาในรอบที่แล้วมี Ability ที่จะทำให้ Seal ที่พึ่งเข้ามาในสนาม เมื่อรอบที่แล้ว
At เพิ่มขึ้น 1 หน่วย ใน Sub-Turn ป้องกันนี้ จนหมดรอบ ”
ธนัท ตอบพลางให้ ปลอกแขน ฉาย จอโฮโลแกรม แสดง Ability ของ Angelis ที่พึ่งถูกเป็นเครื่องสังเวยไป

“ รอบคอบจริงๆนะครับ ถ้าฝืนโจมตีเข้ามา ทั้งอย่างนั้น พลังโจมตีของ กาเบรียล จะมีเท่ากัน
แต่ Sp ของ กาเบรียล เหนือกว่า ”
อดัม รับคำเสียงร่าเหมือนทุกครั้ง แต่สีหน้าที่แสดงออกนั้น ไปเป็นไปตามเสียง การเล่นผสานที่ควรจะฝัง ธนัท
จมดินไปแล้ว กลับถูกแก้ทางได้อย่างหวุดหวิด อีกทั้ง ธนัท ก็ไม่ได้หลงกล บุ่มบ่ามบุกเข้ามายัง
กับดักค่าพลังที่เพิ่มขึ้นนี้อีกด้วย ทำให้ ตัวริ่มจะตระหนักแล้วว่า การดวลนี้คงจะไม่จบง่ายๆอย่างที่เค้าคิด

{บนมือของเรา ตอนนี้มี เหยี่ยวสีรุ้ง นิจิทากะ(Rainbow Hawk Nijitaka) 3 ใบเท่านั้นเอง
ไม่มี Seal ใบไหนจะเอาชนะ กาเบรียล ได้เลย คงต้องลองเสี่ยงกับความสามารถในการ
เปลี่ยนการ์ดบนมือของ นิจิทากะ แทน}
ธนัท คิดหาทางวางกลยุทธ์ต่อไป เพื่อที่จะเผด็จศึก ตอนนี้ หากเค้าสามารถโค่น กาเบรียล
ลงได้ เค้าจะเป็นผู้ชนะในทันที แต่หากพลาดพลั้งขึ้นมา คนที่จะแพ้ก็จะกลายเป็นเค้าเสียเอง

รูปภาพ

“ Cost Mp 1 ให้ นกเหยี่ยวสีรุ้ง นิจิทากะ ลงมาสู่ Df line ด้วยผลของ นิจิทากะ จะได้ทำการ Fortune ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับอัญเชิญ อสูรออกมาจากการ์ดที่ร่ายลงไป อสูรที่ปรากฏขึ้นเป็น นกเหยี่ยวซึ่งขนของมัน
เป็นมีสีผสมกันถึง 7 สีแลดูราวกับสายรุ้งถูกนำลงมาประทับบน ขนของมัน

“Fortune? ”
อดัม ทวนคำด้วยความสงสัย

“ Fortune จำการสุ่มโดยแบ่งโอกาสสำเร็จไปตามค่า Fortune ที่กำหนด ของ นิจิทากะ คือ 3 หากผล
ของการสุ่มเลือกนั้นถูกฉันจะได้ จั่วการ์ดขึ้นมา 2 ใบ แต่ถ้าผิดก็ต้องเอาการ์ด บนมือใส่กลับไปในสำรับ
แล้วจั่วขึ้นมา 1 ใบแทน ”
ธนัท อธิบายถึงความสามารถของ นิจิทากะ ที่เค้าเลือกมาใช้

“ ถ้าสุ่มถูกก็จะได้จั่วการ์ดแต่ถ้าพลาดก็จะได้เปลี่ยนการ์ดแทน ไม่ว่าทางไหน เจ้าธนัท ก็มีแต่ได้ทั้งนั้น ”
เคียว สรุปผลทั้งหมดหลังจากที่มองรูปการณ์แล้ว ธนัท ได้เปรียบอยู่หลายขุม ขณะเดียวกัน
เหนือหัวของ นิจิทากะ ก็ปรากฏ ลูกทรงกลมสีเทาลูกเล็ก สองลูก และสีแดง หนึ่งลูก

ทันทีที่เริ่มการสุ่ม ลูกหนึ่งในสามนั้นก็ส่องแสงสีน้ำเงิน ขึ้นเพียงพริบตาก่อนจะดับลงไป
และลูกถัดไปก็ส่องแสงขึ้นมาแทนและเป็นแบบนี้ไล่ไปทีละลูก จนเมื่อวนครบไปได้สองรอบ
ลูกสีเทาซึ่งเป็นลูกที่ผิด กลับส่องแสงขึ้นแสดงผลเป็นเอกฉันท์จากการสุ่ม

“ ผลการสุ่มออกมา คือพลาด ฉันให้ Seal การ์ดบนมือใบ1กลับเข้าในสำรับ จากนั้นจั่วการ์ดขึ้นมาใบหนึ่ง ”
{นี่มัน การ์ดเปล่าที่ คุณ มาริน่า ให้เราไว้นี่ช่วยไม่ได้คงต้องลองเสี่ยงดูอีกที}
ธนัท หยิบเอาสำรับ ออกมาจากช่องเสียบ ก่อนจะใส่การ์ดซีลที่ผนึก นิจิทากะ อีกใบไว้จากบนมือ
กลับเข้าไปในสำรับ และสับกองสำรับ ก่อนจะเสียบกลับเข้าไปแล้วจึงจั่วขึ้นมา
การ์ดซีลที่จั่วขึ้นมาได้นั้นกลับเป็นการ์ดเปล่าที่หน้า ของมันว่างขาวไปทั้งหน้า ซึ่งเป็น
การ์ดหนึ่งใน 2 ใบที่เค้าใส่เพิ่มลงไปในสำรับก่อนจะเริ่มดวล

“ Cost Mp 1 ให้ นิจิทากะ อีกใบออกมาที่ Df line ”
ธนัท อัญเชิญ นิจิทากะ ขึ้นมาอีกใบ เคียวที่มองดูอยู่ก็ออกอาการเป็นห่วง
กับการเสี่ยงดวงในครั้งนี้เสียแล้ว เพราะเมื่อ ไม่สามารถที่จะจั่ว การ์ดที่สามารถเอาชนะ
ได้ออกมาให้เร็วที่สุด ยิ่งปล่อยนานไป ทางเกมอาจจะเปลี่ยนได้ และตอนนี้คือโอกาสที่เหมาะที่สุด
เพราะในตอนนี้ อดัม ไม่เหลือการ์ด บนมืออีกแล้ว ไร้ซึ่งเขี้ยวเล็บที่จะต่อกร

“ ดูท่าว่าโชคจะไม่เข้าข้างซักเท่าไหร่นะครับ ”
อดัม ยังคงหย้อกย้อน ใส่เพื่อให้ ธนัท เสียสมาธิ บ้างเพราะตอนนี้ สำหรับเค้ามันคือ
อาวุธอย่างสุดท้ายที่จะยืดเยื้อ ชีวิตออกไปได้ โดยไม่ถูก ธนัท โค่นเอาในรอบนี้
ในระหว่างนี้ วงล้อแห่งโชคชะตาที่หมุนไปบน วงล้อมของลูกกลม เหนือหัว นิจิทากะ ตัวใหม่ที่เข้ามา
และเมื่อในที่สุดผลของการสุ่มในครั้งที่สอง นี้ก็ได้ออกมา

“ ผลของการสุ่มพลาด ดังนั้น ฉันขอส่ง Mytic การ์ด บนมือกลับเข้าไปในสำรับแทนและจั่ว Seal การ์ดขึ้นมา 1 ใบ ”
ธนัท กล่าวพร้อมกับ ชักเอาสำรับมิสติกออกมาและทำเหมือนเดิม ก่อนจะจั่ว ซีลการ์ดขึ้นมา

{การ์ดเปล่าอีกแล้วงั้นเหรอ..จะว่าไปแล้วทำไม ประธานถึงบอกให้ใส่มันลงมาด้วยล่ะ อ๊ะ!}
การ์ดซีล ที่จั่วขึ้นในครั้งนี้ก็เป็นการ์ดเปล่าอีก ทว่าบนภาพหน้าที่ว่างเปล่านั้น กลับค่อยๆปรากฏ
ภาพขึ้นมา และภาพของ อสูรที่ถูกผนึกอยู่ในการ์ดนั้น ก็ทำให้เค้าถึงกับต้องเบิกตาโผลง

“ Cost mp 1ให้ Lilith ทำงาน ทิ้ง Mystic การ์ด ไป 1ใบจากนั้นจะเพิ่ม Mp ให้เท่ากับ ค่าร่ายของ Mystic การ์ดใบนั้น
ฉันทิ้ง Crimson Sakura ที่มีค่าร่าย 3 ไปดังนั้น Mp ของฉันจะเพิ่มขึ้นมา เป็น 4หน่วย ”
ธนัท เปรยเสียงเรียบ ขณะที่ อดัม ต้องลุ้นเสียจนกลืนน้ำลายดังเอือก การที่จู่ๆ ธนัท ก็เพิ่ม Mp ขึ้นมาแบบนี้
ความเป็นไปได้ ที่ธนัท จะจั่ว ซีลที่จะจัดการกับ กาเบรียล ได้นั้นค่อนข้างจะแน่นอน

รูปภาพ
{เพิ่ม Mp ?หรือว่าจะจั่วได้ Seal ที่มีค่าพลังพอจะเอาชนะ กาเบรียล ได้แล้วกันนะ}
อดัม คิดความกังวลแสดงผ่านออกทางสีหน้าของเค้าได้อย่างชัดเจน ใบหน้าของเค้าชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ของความกังวล

“ สีหน้าแบบนั้นคงคิดอยู่ล่ะสิว่าฉัน จั่วได้ Seal ที่จะมาเอาชนะนายแล้ว แต่…..ไม่ใช่หรอกฉัน
แค่มีเรื่องอยากจะถามเท่านั้นกับเพื่อนของฉัน คงไม่ว่านะ Cost Mp 4 ให้ อาแมนคริส(Amankris) ลงสู่ At line ”
ธนัท เปรยเสียงเรียบ พลางจ้องมาที่เคียว ขณะที่ อสูร ที่พึ่งอัญเชิญ ขึ้นมานั้นคือร่างของ มังกรขนาดใหญ่
ที่ทั้งร่างอาบไว้ด้วยพลังทั้ง 6 ธาตุ



“ น…นี่มัน ”
อดัม เปรยที่จริงเค้าอยากจะอุทานเสียงดังๆเลยเสียมากกว่า แต่ว่าตอนนี้ เค้าไม่สามารถที่จะออกเสียงออกมาได้
ราวกับว่าหลอดลมมันพันเกลียวเสียจนคำพูดไม่สามารถผุดออกมา ได้เพียงแต่จับจ้องเรือนร่าง อันเปี่ยมด้วยพลังอำนาจ

“ เคียว…..นี่มันหมายความว่ายังไงกัน ”
ธนัท เปรยถามโดยไม่ละสายตาไปจากร่างของ อาแมนคริส ที่เค้าอัญเชิญออกมา

“ อ..คือ ”
เคียว รับเสียงตะกุกตะกัก แม้จะเตรียมใจอยู่ก่อนแล้ว แต่ว่าเค้าก็ยังไม่รู้ว่าจะรับมือกับอารมณ์
และความรู้สึกผันผวนของ ธนัท ที่กำลังจะถาโถมออกมาได้

“ ทำไม…ทั้งๆที่ มันน่าจะไหม้ไปหมดตั้งแต่ตอนที่สำรับระเบิดไปแล้ว….แล้วทำไมกัน! ”
[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp: 3/8 Shrine 11/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 0 Mp 2/8 Shrine 14/15 ]


………………………………………………..

………………………………………………………………
……………………………………………………………………………..
…………………………………………….
Next Sub-Turn 17 Last Duel VII: Archangel


ขออภัย ที่ช้าไปหน่อยนะขอร้าบ แฮ่ๆ พอดีเกิดอาการงง กับเอฟเฟคการ์ดบางอันเลยกว่าจะแก้เสร็จเหอ
ว่าแต่ เจมส์คุง ที่พูดมานั่นมันอะไรง่ะ พี่งง ไม่เข้าจึย อะไรหว่า?

เอาเถอะ แต่ Engine Omega เนี่ยตัวนี้ชิมิ

รูปภาพ


ตอนแรกไม่รู้ว่าตัวไหน หึๆ การุรม่อนกับพัลม่อนจังไปสืบมาแว้ว ได้เหยื่อมาอีกแล้น คุๆๆๆ ::006::
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ อาทิตย์ พ.ย. 28, 2010 6:34 pm, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 16 Last Duel VI: Amankris

โพสต์โดย boy เมื่อ เสาร์ เม.ย. 03, 2010 6:51 pm

เมี้ยวๆ ขอบคุณครับ (ที่ปั่นฟิคให้ได้ยลโฉม ::006:: )
วันนี้โผล่ขัน-แตรออกมาใหม่ๆเพียบเลยแฮะ
ทำเอาดุเด็ดเผ็ดมัน เคี้ยกๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: Sub-Turn 16 Last Duel VI: Amankris

โพสต์โดย Konflyctus MX เมื่อ อังคาร เม.ย. 06, 2010 10:15 pm

Wargreamon เขียน:
ขออภัย ที่ช้าไปหน่อยนะขอร้าบ แฮ่ๆ พอดีเกิดอาการงง กับเอฟเฟคการ์ดบางอันเลยกว่าจะแก้เสร็จเหอ
ว่าแต่ เจมส์คุง ที่พูดมานั่นมันอะไรง่ะ พี่งง ไม่เข้าจึย อะไรหว่า?

เอาเถอะ แต่ Engine Omega เนี่ยตัวนี้ชิมิ

รูปภาพ


ตอนแรกไม่รู้ว่าตัวไหน หึๆ การุรม่อนกับพัลม่อนจังไปสืบมาแว้ว ได้เหยื่อมาอีกแล้น คุๆๆๆ ::006::


เหอะๆ ถูกต้องนะคร้าบ ตัวนี้แล

ส่วน 'ห้องรับแขก' ที่ว่า คือบล็อกของกระผมครับ ยังไม่มีเลย 555+ ว่าจะเปิดอยู่เหมือนกัน
Konflyctus MX
0
 
โพสต์: 201
Cash on hand: 250.00
ที่อยู่: ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 16 Last Duel VI: Amankris

โพสต์โดย MetalGaruruMoN เมื่อ ศุกร์ เม.ย. 16, 2010 11:45 pm

อาทิตย์ทีแล้วกับอาทิตนี้ไม่มีเพราะงด นะฮ่ะ ไม่แน่ใจว่า เกรม่อน แจ้งไปแล้วหรือยัง ว่าจะลง CVSE2
ในโอกาส วันสงกรานต์ แต่ก็เอาอีกจนได้ เลทอีกแล้ว แต่รอบนี้เจ๊ลองไปช่วยงานดูปรากฏว่า มันมีแต่งาน

เขียนบทงานหลักเจ้า เกรม่อน มันคนเดียวเนี่ยสิ เลยนานหน่อย เพราะพิมพ์ไม่ทัน รวมทั้งสิ้นตอนนี้เสร็จไป 3 ใน4 แล้ว
อ่อและก็ op2 ของ CVSE เลื่อนไปเปิดตัวตอนที่ 3 จ้าอนึ่งเพราะตอนที่ 2 นี้เวลาน้อยเกินทำไม่ทัน

ว่ายังไงวัน อาทิตย์นี้ก็รอติดตามดูละกันนะจ้ะ ส่วน VR ของเราตอนต่อไปที่จะลงในสัปดาห์หน้า
จะตัดไปทางลูเซีย เค่อะ อ่อ มีแจมเปิดเผยให้ว่า ตอนที่ทิ้งท้ายจากตอนที่แล้ว ที่ ธนัท ถามเคียว

แล้วทำท่าเหมือนจะโมโห
ตรงนั้นจะมีเขียนต่อเอาไว้ด้วย แต่จะเน้นไปที่ทางลูเซีย ซะมากกว่าน่ะนะ เห็นเค้าว่างั้น

ปล.รออ่าน CVSE2 ไม่ไหวแย้ว ::017:: อยากรู้ว่าความรักระหว่าง ไอ กับ เฟนท์ ต่อจากภาคหลักมันจะเป็นยังไงต่อหนอ
ภาพประจำตัวสมาชิก
MetalGaruruMoN
0
 
โพสต์: 75
Cash on hand: 50.00

Sub-Turn 17 Last Duel VII: Archangel

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ อาทิตย์ เม.ย. 25, 2010 7:24 pm

Sub-Turn 17 Last Duel VII: Archangel


……………การที่ยังมีความเชื่อมั่นนั้น เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ตอนนี้"ยังอยู่ที่นี่"………………



ภายในทางเดินระเบียงของ คฤหาสน์ร้าง การดวลระหว่าง ลูเซีย และ อิส ยังคงดำเนินต่อไป
การดวลที่จะตัดสินชะตากรรม ของคนๆหนึ่ง และ ความรู้สึกของ อีกคนที่อยากจะช่วย พร้อมกับ
ความรู้สึกที่จะต้องหายไปในทุกครั้งที่ คนๆหนึ่งพยายามจะช่วยอีกคน

‘ เมื่อคิดที่จะช่วยคนๆหนึ่งก็ไม่อาจเลี่ยงที่ จะทำให้อีกคนต้องเจ็บปวด ’

ไม่อาจปฏิเสธความจริงในข้อนี้ได้ ท่ามกลางความรู้สึกที่ตกค้างอยู่ทั่วสนาม ในครั้งที่ลั่นเสียงประกาศ
โจมตีออกไป ก็ยิ่งตอกย้ำคำๆนี้ลงในหัวใจเธอ อย่างลึกซึ้ง

“ Cost Mp 2 ให้ซานดร้า….. ”
ลูเซีย ประกาศขึ้นแต่เธอก็ชะงักไป เธอกำลัง ลังเล ที่พูดออกไปเพราะหาก โจมตีไปแล้ว นี่ก็จะเป็นอีกด้านหนึ่ง
ของ เค้าที่เธอรู้จักนั้นจะต้องหายไป เมื่อเห็นว่าเธอนั้นยังตัดสินใจได้ไม่เด็กขาด เค้าจึงพูดขึ้น

“ ครั้งนี้พร้อมแล้วสินะ คำพูดที่จะพูดน่ะ… ”
คำถามที่ออกมานั้น ช่วยย้ำให้เธอ ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวได้แล้ว แม้ว่าใจของเธอจะตัดสินมันลงไปแล้ว แต่
ร่างกายของเธอนั้นคงจะยังอาวรณ์ อยู่ เพราะในขณะนี้ที่คำประกาศของเธอแว่ว แผ่วออกไปนั้น
หยาดน้ำก็ยังคง รินไหลล้นอาบแก้ม


“ ซานดร้า….โจม…..ตี ”
สิ้นคำ โดยที่ไม่รู้ตัว การโจมตีผสานของ เดวิด และ ซานดร้า ก็ได้จัดการ ผู้พิทักษ์คนทรงแห่งจิตวิญญาณมาร์วิน
จนสลายไปแล้ว วินาทีนี้ แม้ใจของเธอนั้นจะ รุดหน้าไปถึงคำพูดที่เธอคิดจะบอกออกมา แต่ราวกับว่า ร่างกายนั้น

ไม่ยอมที่จะทำตาม ช่วงเวลานี้ ทุกวินาทีที่ผ่านไหปนั้นค่อยๆหมดไปพร้อมกับ ร่างของ อสูรอัญเชิญที่กำลังจะสลาย
ไปจนหมดสิ้นหลังจากฝืนอย่างสุดจะเต็มกลืนแล้ว คำพูดของเธอ ก็ลั่นผ่านลำคอ ออกมาได้ในที่สุด


[Iss Status; Hand:Seal2 ,Mystic2 Mp:7/7 Shrine 6/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal3 ,Mystic4 Mp 0/7 Shrine 0/12 ]


“ กลับมา…..กลับมาซะทีสิ นายน่ะคงไม่คิดจะหายไปจริงๆหรอกนะ ตอนนี้เพื่อนๆของนายน่ะกำลัง พยายามกันเต็มที่เพื่อจะช่วยนายอยู่นะ เพราะงั้นแล้ว…เพราะงั้นแล้ว รีบๆกลับมาซะทีสิ!!! ”
เสียงของเธอเปล่งออกมาจากลำคอ อย่างสุดกำลัง ทุกคำพูดของเธอนั้น ได้กลั่นกรองเอาไว้แล้ว
และคิดว่าน่าจะได้ผลที่สุดที่จะเรียกให้ จิตใจของคนที่หวาดกลัว จนคิดจะหนีไปยังโลกแห่งความตาย
แต่ผลลัพธ์ ที่ได้รับกลับมานั้น….


“ หึ….หึๆๆ ”
เสียงหัวเราะกลั้วในลำคอ ดังก้องขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดที่เข้าปกคลุมทันที ราวกับว่าเสียงสะท้อน
ของ เธอ ที่ตะโกนออกไปนั้น ถูกความมืดรอบตัวดูดกลืนไปจนหมดสิ้น

“ อยากเจอขนาดนั้นเลยเหรอ…..เจ้านี่น่ะ!!! ”
เขา คำรามก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมาให้เธอ ได้เห็น รอยยิ้มอันโฉดชั่ว แฝงไปด้วยเลศนัยและความริษยา
แม้แต่น้ำเสียงของ เจ้าตัวก็เปลี่ยนไปมันไม่ใช่เสียงเดิมของ เค้าหรือบุคลิคใดๆที่เคยพบก่อนนี้เลย

“ ถ้าอยากจะพบขนาดนั้นล่ะก็ ไว้จะสงเคราะห์ให้ได้ไปพบกันที่โลกหน้าก็แล้วกัน ”
เสียงแหบๆพูด ออกจากปากของ อิส ขณะเดียวกัน จอมดาบเวทย์มาร์วิน และ นักอัญเชิญอสูร มาร์วิน
ที่อยู่ในสนามฝั่งเค้า ก็แสดงอาการแปลกใจขึ้นมาอย่างชัดเจน ทั้งที่ ก่อนนี้ ท่าทางของ พวกนี้
ยังแข็งๆทื่อๆ เป็นเหมือนอสูรทั่วไปที่ถูกอัญเชิญมา

“ นี่แกเป็นใครกันน่ะ?! ”
นักอัญเชิญอสูร มาร์วิน ถามเสียงดัง

“ คนที่เข้ามาสิงตามใจชอบแล้วกักตัว อิส เอาไว้ก็คือแกเองสินะ…. ”
จอมดาบเวทย์มาร์วิน ตะคอกพลางหันคมดาบกลับใส่ ผู้เล่นที่ร่ายตนออกมา

“ อ…อะไรกันเนี่ย พวกนายพูดเองได้ด้วยเหรอ ”
ลูเซีย อุทานเมื่ออยู่ อสูรทั้งสอง ก็พูดและขยับเองขึ้นมา ทั้งที่ก่อนหน้ายังต้องอาศัยการ
สิงร่างของ ผู้ร่ายเพื่อสื่อสารออกมาแท้ๆ

“ จะว่าไปก็จริงด้วยแฮะ ”
นักอัญเชิญอสูรมาร์วิน เปรยพลางสังเกตุตัวเองที่ตอนนี้แม้จะอยู่ในคราบของ อสูรอัญเชิญ ก็ยังสามารถพูดหรือ
ขยับได้ตามอำเภอใจ

“ ก็แน่ซี่ เพราะฉันเป็นคนทำให้มันเป็นยังงั้นเอง ขืนปล่อยให้พวกแกยังอยู่ในร่างนี้
ฉันก็ทำงานต่อไม่ได้กันพอดี ”
อิส เปรยเสียงน่ารักม พร้อมกันนั้นความมืดสลัวที่เกิดจากความมืดในยามราตรี ก็กลับแปลเปลี่ยนเป็น ความดำมืด
ที่ไร้ขอบเขต จากพื้นไม้ของระเบียง ที่เคยมองเห็นบัดนี้กลายเป็นความมืดสีดำ ซึ่งปกคลุมล้อมพวกเค้าทั้งสนามเอาไว้
ราวกับถูกตัดขาดออกจาก ที่เดิม มาอยู่ในวังวนของห้วงอวกาศ

“ อย่าพึ่งตกใจไป จากนี้ฉันแค่จะขอเปลี่ยนกฏนิดหน่อยคงไม่ว่าอะไรหรอกนะ ”
อิส กล่าวเมื่อเห็นเธอแสดงอาการลนลานออกมาอย่างเห็นชัด ทันทีที่สนามนี้เปลี่ยนแปลงไป

“ เปลี่ยนกฏ… ”
ลูเซีย ทวนคำพูดของเค้าอีกครั้ง โดยที่ไม่เข้าใจ

“ ใช่แล้ว กฏที่จะเปลี่ยนเพิ่มเข้ามาก็ง่ายๆ ถ้าเธอแพ้ก็จะต้องมาเป็นตุ๊กตาให้ฉันเหมือนกับเจ้านี่ ยังไงล่ะ ”
คำพูดของ เค้าทำให้เธอต้องถลึงตาโพลงด้วยความตกตะลึง แม้เวลานี้ทุกสิ่งรอบข้างจะดูแปลกประหลาดสำหรับเธอไปหมด
และสร้างคำถามมากมายขึ้นในหัวใจของเธอก็ตาม แต่ทว่า เพียงสัญชาตญาณของเธอเท่านั้นที่ บอกให้
เธอรับรู้ได้ว่า อันตรายจะคืบคลานเข้ามาทันที หากเธอประมาทแม้เพียงน้อยนิด

“ กลายเป็นตุ๊กตา งั้นเหรอ ”
ลูเซีย กัดฟันเปรย เธอเริ่มรู้สึกว่าหายใจลำบากขึ้นทุกที ราวกับว่า ความมืดรอบๆดูดกลืนเอาอากาศออกไปด้วยจนทำให้ ออกซิเจน เบาบางลง

“ คงทรมานสินะ เจ้านี่เองก็เหมือนกัน แต่ว่าของมันที่โดนอยู่ตอนนี้น่ะหนักกว่าเธอหลายสิบเท่าเชียวล่ะ ”
อิส เปรยพร้อมกับแปะฝ่ามือลงบนหน้าอกของตน เพื่อย้ำว่า กำลังพูดถึง อิส คนที่เป็นเจ้าของร่าง

“ หายใจไม่ออก รู้สึกอึดอัดตกอยู่ในมืดมิดที่มองไม่เห็นอะไร หลงทางอยู่ในความกลัว ไอ้เสียงที่เธอตะคอกปาวเพื่อเรียกมันน่ะ ส่งเข้าไปไม่ถึงหรอก เพราะคนที่ได้ยินมันก็คือฉัน ฮะฮะฮะ ”
คำพูดพรรณา เสียดสีพล่อยออกมาคำแล้วคำเล่า

“ นี่แก…เป็นใครกันแน่ ”
ลูเซีย เปรยเสียงสั่น ตอนนี้ความกล้าที่เคยมีมันกลับหดหายไปเสียหมด เมื่อตกอยู่ในความมืดแสนอันตราย

“ เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ รอบนี้เธอไม่มี Mp เหลือแล้วจะทำยังไงต่อไปล่ะ ”
อิส ถามกลับเพื่อจะ เฉไฉไม่ต้องตอบคำถามของเธอ

{ รอบนี้เราใช้ Mp หมดไปกับกรโจมตี แล้ว แถม Seal ทั้งหมดของเราก้ กลายเป็น Inactive หมดแล้ว }
ลูเซีย คิดพลางมองดูสนามของเธอที่ ตอนนี้ มี ซานดร้า ซึ่งรวมร่างกับ มาร์วิน อันโดรมาซ และ ไคเลอร์ ที่
อยู่ใน At line และทั้งหมดถูกใช้โจมตีไปจนหมดแล้ว เธอไม่สามารถที่จะทำอะไรต่อในรอบนี้ ได้เลยนอกจากประกาศผ่านรอบเท่านั้น

“ ฉันขอหมดรอบ ”
ลูเซีย ประกาศจบรอบของเธอ

“ รอบของ ฉันจั่วไพ่ ”
อิส ประกาศรอบของตนก่อนจะดึงเอา ซีลและมิสติกการ์ดขึ้นมาจากสำรับอย่างละใบ

[Iss Status; Hand:Seal 3 ,Mystic3 Mp:7/7 Shrine 6/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal3 ,Mystic4 Mp 7/7 Shrine 0/12 ]

“ ก่อนอื่น ก็ต้องจัดการพวกขวางขวางตาซะก่อนสินะ ”
อิส เปรยขณะชายหางตามองไปยัง อสูรอัญเชิญ มารืวิน ทั้งสอง ที่หันมาแยกเขี้ยวใส่เค้า ก่อนจะหยิบ
มิสติกบนมือที่จั่วขึ้นมาได้ร่ายลงไป

“ ให้ Seer’s Deal ทำงาน การ์ดใบนี้จะต้องสังเวย ซีล ใบหนึ่งเพื่อแลกกับการเอา มิสติก
การ์ดจากสำรับขึ้นมาไว้บนมือได้ใบหนึ่ง ฉันขอสังเวย ผู้อัญเชิญอสูรมาร์วิน ”
สิ้นคำ มิสติกที่ ถูกร่ายออกมาปรากฏขึ้นในสนาม ภาพบนมิสติกนั้น เป็นภาพของนักทำนายซึ่งโยนเหรียญ
ในมืออย่างสำราญ ทันทีที่ผลของมันทำงาน ร่างของ ผู้อัญเชิญอสูรมาร์วิน ก็แตกสลายกลายเป็นละออง

ไปก่อนจะรวมตัวกลับเป็นการ์ดผนึก ร่อนไปเก็บลงในช่อง Shrine ของปลอกแขนที่ อิส สวมอยู่ทันที
ขณะที่ อิส กำลังความหามิสติกในสำรับอย่างสบายใจโดยไม่สนว่า ตนพึ่งจะทำลายอสูรอัญเชิญ ที่สำคัญไป

รูปภาพ

[Iss Status; Hand:Seal 3 ,Mystic3 Mp:7/7 Shrine 8/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal3 ,Mystic4 Mp 7/7 Shrine 0/12 ]

“ สังเวย ซีล เพื่อให้ได้มิสติก มาเนี่ยนะแถมยังทำให้ Shrine ของตัวเองใกล้หมดลงไปอีก ”
ลูเซีย เปรยเธออยากจะเชื่อกับการกระทำของ เค้าเลย นี่ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนั้นไม่ใช่
อิส ตัวจริงอย่างแน่นอนและไม่ใช่บุคลิคอื่นใดในร่างด้วย หากแต่เป็นใครบางคนที่กำลังบงการเค้าอยู่

“ เจ้าหนู!!...หนอยแก ”
จอมดาบเวทย์มาร์วิน ที่ยังคงเหลือรอดอยู่ สบถพลางหันมาถลึงตาใส่เค้า แต่ปฏิกริยาที่ตอบกลับมานั้นคือรอยยิ้ม
และเสียงหัวเราะ ขบขันอย่างสุขใจ ที่ได้เห็น พวกเค้าแตกสลายไปต่อหน้า

“ เพราะ Seer; Deal ไม่มีค่าใช้จ่ายในการร่าย ดังนั้น ฉันจึงมี Mp อยู่เหลือเฟือ แต่ก่อนอื่นจะต้องจัดการ เจ้านี่อีกตัวก่อน ”
อิส กล่าวจบก็หยิบ เอามิสติกอีกใบร่ายลงมา ลูเซีย เห็นท่าไม่ดีเธอจึงตะโกนเพื่อห้ามไม่ให้เค้า ทำเพราะหาก
มาร์วินทั้งหมด สลายไปเท่ากับ ว่าอิส ก็จะตายไปจริงๆ

“ อย่านะ!! ”
ลูเซีย ตะโกนทว่าการ์ดก็ถูกร่ายออกไปเสียแล้ว

“ Cost Mp 1 ให้ Soul’ Cost ทำงาน การ์ดใบนี้จะต้องสังเวย Seal อีกเช่นกันเพื่อแลกกับ Mp ที่จะได้คืนเท่ากับ
ค่าร่ายของ Seal ที่ถูกสังเวยไป สังเวย จอมดาบเวทย์มาร์วิน ”
อิส เปรยขณะที่ ภาพของการ์ดที่ถูกร่ายปรากฏขึ้นก่อนที่ยมทูตในการ์ดจะ พุ่งออกมาลากร่างของ จอมดาบเวทย์มาร์วิน
ลงไปยังหลุมดำที่ปรากฏขึ้นมา และสลายกลายเป็นละออง พร้อมกลับคืนเป็นการ์ดผนึก ร่อนไปลง Shrine เองโดยอัตโนมัติ
พร้อมค่า Mp ที่ฟื้นขึ้นมา
รูปภาพ

[Iss Status; Hand:Seal 3 ,Mystic 2 Mp:9/7 Shrine 10/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal3 ,Mystic4 Mp 7/7 Shrine 0/12 ]

“ เท่านี้ก็หมดหนทางช่วยเจ้าของร่างแล้ว คิดงั้นอยู่สินะ…แค้นอยู่งั้นสินะ สบายใจ
ได้ฉันสัญญาไว้แล้วว่าจะให้เธอได้พบแต่เป็นที่โลกหน้านะ ฮะฮะฮะ ”
อิส พูดก่อนจะหัวเราะเยาะเย้ย ความรู้สึกของเธอ

“ ฉันจะจัดการแกแล้วพาเค้ากลับมาให้ได้เลยคอยดูสิ ”
ลูเซีย ตะคอกอารมณ์ของเธอพุ่งพล่านปานน้ำที่ต้นจนเดือดปุดๆ สายตาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธ

“ ต้องยังงั้น แค้นเข้าไปโกรธเข้าไปแล้วเธอก็จะได้กลายเป็น ตุ๊กตาที่แสนงดงามของฉัน ”
อิส เปรยเสียงรื่น แม้ว่าเธอจะส่งสายตาเคืองแค้นปานจะกินเลือดกินเนื้อ คนที่กำลังบงการเค้าอยู่ในตอนนี้
มาก็ตามทว่า ผู้บงการนั้นกลับดูจะชอบใจเสียยิ่งกว่า

“ เอาล่ะเรามาเล่นกันต่อเถอะแล้วก็เคียดแค้นกันให้มากขึ้นไปอีกเถอะนะ ”
อิส กล่าวจบก็ร่ายมิสติกการ์ดออกมา

“ Cost Mp 2 ให้ Juggling Clown ทำงาน การ์ดใบนี้จะให้เลือกผลการทำงานได้ 1 อย่าง ฉันขอเลือกผลข้อที่ 1
นำการ์ดบนมือใบหนึ่ง คืนใส่สำรับจากนั้นสลับแล้ว ให้ผู้เล่นคนหนึ่งจั่วการ์ดได้ 2 ใบ
ฉันคืน Seal Card กลับไปใบหนึ่ง จากนั้นจั่ว Mystic Card ขึ้นมาสองใบ ”
อิส อธิบายผลของ การ์ดไปด้วย ระหว่างที่ เอาซีลในมือใบ 1 ใส่คืนสำรับที่ดึงออกมาจากปลอกแขน
และสลับก่อนจะใส่คืนกลับไป จากนั้นจึงดึงเอา มิสติกการ์ดขึ้นมาถือไว้อีก 2 ใบ
พร้อมกับที่ ส่ง Juggling Clown ไปไว้ที่ Shrine

รูปภาพ

[Iss Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 3 Mp:7/7 Shrine 10/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal3 ,Mystic4 Mp 7/7 Shrine 0/12 ]

“ และจากนั้น Cost Mp 4 ให้ Relic Mystic ไม้เท้า เบธานี(Bethany, the Staff of Zechariah) ทำงาน ”
อิส ร่ายมิสติก ออกมา ปรากฏไม้เท้าซึ่งมีหัวไม้โง้งน้าวมาด้านหน้าคล้าย ตะขอเกี่ยว เค้ารับเอาไม้เท้านั้นมา
ก่อนจะโยน ไม้เท้า นั้นลงไปยังกลางสนาม ทันทีที่ไม้เท้าปักลงไปมันก็แผ่คลื่นพลังบางอย่างออกมา
คลื่นพลังนั้นทำให้ อสูรทุกตัวที่อยู่ในแนวหน้าของ ลูเซีย ขยับตัวไม่ได้ และแข็งทื่อราวกับรูปปั้น

รูปภาพ

“ ด้วยอำนาจของ ไม้เท้าเบธานี มันจะทำให้ผู้เล่นไม่สามารถสั่งการ Seal ใน At Line ได้เป็นเวลา 2 Turn ”
เค้า อธิบาย ถึงแม้จะไม่ได้ลงรายละเอียดแต่ ลูเซีย รู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้ ไม่เพียงแต่เธอจะถูกถ่วงเวลา
เท่านั้น เธอยังถูกบังคับไม่ให้ จัดการตั้งทัพเพื่อรับมือได้อีกด้วย

[Iss Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:3/7 Shrine 10/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal3 ,Mystic4 Mp 7/7 Shrine 0/12 ]

“ รอบของฉันยังไม่หมดแค่นี้ Cost mp 2 อัญเชิญ อสรพิษใต้ดิน คริพ ไวเปอร์(Crypt Viper) สู่ Df line ”
สิ้นคำ พร้อมกับ การ์ดผนึก ซึ่งดูดซับละอองเวทย์ รอบๆเข้ามาจนปลดปล่อย ร่างของ อสรพิษเกล็ดสีเทาขุ่น
ขนาดใหญ่ ออกมาเกล็ดของมันเต้นตุบๆได้ เหมือนหัวใจที่กำลังสูบฉีดเลือด แต่สำหรับมันสิ่งที่ไหลเวียนอยู่ใน
ร่างซึ่งกำลังสูบฉีด คือพิษที่ไหลเวียนแทนเลือดใน่รางของมัน

“ นอกจากนี้ Cost Mp 1 อัญเชิญโทรศัพท์เขย่าขวัญ เทอเร่อโฟน(Terrorphone) สู่ Df line ด้วยอีกใบ ”
อิส ประกาศพร้อมกับร่ายการ์ดผนึกออกไป ทันทีที่ผนึกปลดออก ก็ปรากฏ โทรศัพท์ซึ่งมีหูโทร ที่เต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมคม
และใบหน้ารูปกระโหลกติดอยู่บนแผงของมัน

รูปภาพ
รูปภาพ

[Iss Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp:0/7 Shrine 10/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal3 ,Mystic4 Mp 7/7 Shrine 0/12 ]

“ ฉันขอหมดรอบแค่นี้ ”
อิส ประกาศพร้อมกับ รอให้เธอเริ่มเล่นรอบของตัวเอง

“ รอบของฉันจั่วไพ่! ”
ลูเซีย ประกาศพร้อมกับ ดึงเอามิสติก การ์ดขึ้นมาใบหนึ่ง

[Iss Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 10/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal3 ,Mystic5 Mp 7/7 Shrine 0/12 ]

“ การ์ดบนมือของฉันมี 8 ใบดังนั้นต้องทิ้งไปใบหนึ่ง ฉันทิ้ง Mystic ไปใบหนึ่ง ”
ลูเซีย พูดพร้อมกับ คัดเอามิสติกบนมือทิ้งลงไปใบช่อง Shrine ของปลอกแขนเธอ ก่อนจะหยิบเอา
ซีลการ์ดขึ้นมาเตรียมร่าย

[Iss Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 10/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal3 ,Mystic4 Mp 7/7 Shrine 0/12 ]

“ Cost Mp 3 อัญเชิญ อลิส เดลิเวอร์แบนโพสทแลน (Alice, Deliver Band Postulant) และ
แมนดี้ เดลิเวอร์แบน วิซ(Mandy, Deliver Band Witch)สู่ Df line ”

สิ้นคำ การ์ดผนึก ซีล 2 ใบก็ถูกร่ายออกมา แม่มดน้อย แมนดี้ และ นักบวชฝึกหัด อลิส
ก็ปรากฏตัวขึ้นบนสนามแนวหลังของเธอ
รูปภาพ
รูปภาพ

“ และให้ Ability ของ อลิส ทำงานเมื่อ อลิส เข้ามาในสนามถ้ามี เดลิเวอร์แบนด์ หรือธาตุแสงใบ
อื่นในสนาม สามารถทำให้ Seal ใบหนึ่งยกเลิกMstic Card ได้จนจบ Sub-Turn ฉันเลือกให้ ซานดร้า รับผลนี้ ”
ลูเซีย ประกาศจบ อลิส จึงเริ่มประคบมือร่ายบทสวดทันที ร่างของ ซานดร้า และ เดวิด ที่รวมกลุ่มกันอยู่
ก็เรืองแสงขึ้น ทว่าก็ยังไม่อาจช่วยให้ หลุดพ้นจากมนต์สะกดของ ไม้เท้า เบธานี ที่ยังคงสำแดงอำนาจอยู่

“ เสียใจ ด้วยนะ แต่ พลังของไม้เท้าเบธานี น่ะจะมีผลกับผู้เล่น ดังนั้นต่อให้ ยกเลิกผลของ
Mystic ก็ไม่สามารถต้านพลังของมันได้หรอกนะ ”
อิส ตอบเมื่อเห็นว่าเธอยังพยายามดิ้นรนอย่างสูญเปล่า การสกัดของเค้าไม่มีวันจะต้านทานได้
ลูเซีย ทำเสียงจิกจักนิดหน่อย เธอไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่กับ การสอดเข้ามาเย้ยการเดินหมากของเธอ


“ นอกจากนี้ ด้วย Ability ของ แมนดี้ เมื่อเข้ามาในสนาม จะทำให้ค่า Df ธาตุดิน หรือ เดลิเวอร์แบนด์
ใบหนึ่งในสนามเพิ่มขึ้น 2 หน่วยและยกเลิก Curse เป็นเวลา 1 Turn ฉันเลือกให้ แมนดี้ รับผลนี้เอง ”
ลูเซีย ประกาศจบแมนดี้ ก็ร่ายคาถาสร้างกำแพงเวทย์ขึ้นมาป้องกัน ตัวเธอเอง

[Iss Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 10/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal 1 ,Mystic4 Mp 4/7 Shrine 0/12 ]

“ Cost Mp 4 ให้ Mystic สวมใส่ ความชอบธรรม เลจิทิมาซี่(Legitimacy) สวมให้กับ อันโดรมาซ ”
ลูเซีย ประกาศพร้อมกับ ร่าย มิสติกการ์ด ออกมา ปรากฏภาพของการ์ด ขึ้นบนสนามและมีรัศมีแสงเปล่งออกมาจาก
ร่างของ อันโดรมาซ อัศวินยูนิคอร์นแห่ง เดลิเวอร์แบนด์

รูปภาพ

[Iss Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 10/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal 1 ,Mystic3 Mp 0/7 Shrine 0/12 ]

“ หมดรอบแค่นี้ ”
ลูเซีย ประกาศจบรอบของเธอ

{ถ้าว่ากันแล้วตอนนี้ สถานการ์ณฝั่งเราได้เปรียบ แบบเห็นๆเลย Shrine ของเจ้านั่น
เหลือแค่ 2 แถมยังมีแต่ อสูรอัญเชิญ ที่มีค่าพลังนิดหน่อยทั้งนั้น แต่ว่าทำไมกันนะ
ถึงรู้สึกว่ามันจะไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ}
เธอ คิดขณะวิเคราะห์ สภาพการณ์ต่างๆในตอนนี้ แม้ว่าเธอจะกำลังได้เปรียบอยู่เต็มประดา แต่เธอกลับไม่รู้สึกเลยว่า
จะเอาชนะได้ เหตุนั้นเป็นเพราะ คนที่จงใจ ทำให้สถานการณ์มันกลายเป็นแบบนี้ก็คือตัว อิส ที่ถูกบงการอยู่เอง

“ รอบของ ฉันจั่วไพ่ ”
อิส ประกาศขึ้นพร้อมกับดึงเอา ซีลออกมาจากสำรับ 2 ใบ

[Iss Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 10/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal 1 ,Mystic3 Mp 7/7 Shrine 0/12 ]

“ Cost Mp 1 อัญเชิญ ผึ้งต่างมิติ ไดเมนโซน่าบี (Dimensona Bee) ออกมาที่ Df line ”
อิส ประกาศพร้อมกับ อัญเชิญ อสูรออกมาจากผนึกการ์ด ที่โยนออกไป อสูรผึ้งสีขาวซึ่งมีเหล็กไนแหลม ถึง 3 อัน
ปรากฏตัวขึ้นบนสนามแนวหลังของ เค้า

“ และ Cost Mp 4 ให้ Mystic Card ไม้เท้าบาลาอัม(Balaam, the Staff of Ramon)ทำงาน ”
อิส กล่าวขณะที่ การ์ดผนึกที่เค้าแสดงมันออกมาดูดซับ เอาละอองแสงรอบๆเข้าไปก่อนจะกลายเป็น ไม้เท้าที่มีลักษณะคล้ายกับไม้เท้า เบธานี แต่หันปลายตะขอไปคนละด้าน เค้ารับเอาไม้เท้านั้น มาก่อนจะโยนมันขึ้นไป ไม้เท้าลอยตัว
อยู่กลางอากาศ และแผ่รัศมีแสงสีม่วงอ่อนๆออกมา แสงเหล่านั้นมาจับตัวอยู่บน การ์ดผนึกซีล ของเธอ และของ
เค้าทำให้พวกมันเรืองแสงอยู่ตลอดเวลา

รูปภาพ

“ด้วยผลของ ไม้เท้า บาลาอัม มันจะทำให้ Mp Cost ค่าร่ายของ Seal Card ทุกใบในมือ เพิ่มขึ้น 1 จุดดังนั้น
ตอนที่จะ Cost Mpเพื่อเรียก อสูร ก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าปกติ ”
อิส อธิบายผลของ การ์ดที่เค้าพึ่งร่ายออกมา ก่อนจะเริ่มออกคำสั่งถัดไปทันที

“ และ Cost Mp อีก 2 ให้Skill ของ เทอเร่อโฟน ทำงาน สังเวย การ์ดใบนี้จากนั้นอัญเชิญ อสูรธาตุมืด บนมือ
ออกมาโดยไม่ต้องจ่ายค่า Cost ”
สิ้นคำประกาศ อสูรโทรศัพท์ ก็สลายร่างของมันกลายเป็นละออง พร้อมๆกับที่ อิส หยิบเอา ซีลใบสุดท้ายบนมือ
โยนออกไป และรับ เอา การ์ดผนึกของ เทอเร่อโฟน ที่ร่อนกลับมาส่งลง Shrine ไป

[Iss Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 1 Mp:0/7 Shrine 11/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal 1 ,Mystic3 Mp 7/7 Shrine 0/12 ]

“ ออกมาเลย ! จอมขมังเวทย์แห่งมิติ เซเนส รามอน(Zenas Ramon) ”
ทันทีที่ การ์ดผนึกใบใหม่ ถูกปลดออก ความมืดมิดที่ปกคลุมสนาม ก็ถูกดูดมารวมกันที่ การ์ดผนึก
บรรยากาศรอบๆ เปล่งประกายแสงสีต่างๆ จนดูคล้ายกับแสง ออโรร่า ทอดผ่านไปรอบๆมิติแห่งความมืด
ที่พวกเค้ายืนอยู่ในตอนนี้ ความมืดที่ถูกดูดกลืนเข้ามา ค่อยเปลี่ยนรูปร่างเป็น จอมขมังเวทย์สาวชุดดำ

ดวงตาซ้ายของหล่อน ส่องแสงสีแดงจัดจ้าน ราวกับนัยตาของปีศาจร้าย รัศมีที่แผ่ออกมาจาก
ร่างของหล่อน ทำให้จิตใจรู้สึกหดหู่ไปในทันที สายตาคมกร้าวแฝงไว้ด้วยความชิงชัง
ที่ฝังรากลึกอยู่ในดวงจิต เซเนส รามอน เมื่อเธอปรากฏกาย ไม้เท้า บาราอัม ที่ลอยอยู่เหนือสนาม

ก็โรยตัวลงมาหาเธอผู้เป็นเจ้าของมัน เธอ ยื่นมือออกไปรับมันมาไว้ และบัดนั้น การ์ดผนึกซีลบนมือของ อิส
ที่เคยถูกแสงของ บาราอัม สาปเอาไว้ ก็หายเปล่งแสง คำสาปถูกล้างออกไป แล้ว ในขณะที่ การ์ดของ ลูเซีย นั้น
ยังคงถูกคำสาปอยู่

รูปภาพ

“ พลังของ ไม้เท้าบาราอัม ที่เคยส่งผลกับการ์ดบนมือนั่นทำไม… ”
ลูเซีย เปรยด้วยความแปลกใจ กับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ ไม้เท้า บาราอัม เมื่อมันอยู่ในมือของ รามอน ก็จะป้องกันฉันไม่ให้รับผลจากคำสาปของมันเพราะฉนั้นจึงมีแต่เธอที่
ยังคงถูกคำสาปอยู่ หึๆๆ ”
อิส เปรยกลั้วเสียงหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะที่น่ารังเกียจและชั่วช้า ซึ่งมาจากผู้ที่บงการ เค้าอยู่เบื้องหลัง

“ รอบนี้ไม่มี Mp เหลือแล้ว ขอหมดรอบแค่นี้ก็แล้วกัน เอาล่ะเชิญเธอ ดิ้นรนไปเถอะ หึๆๆ ”
อิส กล่าวพร้อมกับ ผายมือเพื่อสงรอบการเล่นไปให้เธอ

“ รอบของฉัน จั่วไพ่!! ”
ลูเซีย ประกาศก้อง พร้อมกับ ดึงเอา มิสติกการ์ด ขึ้นมา 2 ใบ

[Iss Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 1 Mp:7/7 Shrine 11/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal 1 ,Mystic5 Mp 7/7 Shrine 0/12 ]

{ เจ้านั่น ทำไมถึงเรียก รามอน ให้ออกมาที่ At Line กันนะ ทั้งที่จะทำให้ตัวเองถูกผลของ
ไม้เท้าเบธานี ไปด้วยแท้แล้วก็ พอหมดรอบของเราแล้ว อำนาจของ ไม้เท้า เบธานี ก็จะหมดไป
คงคิดจะบุก จัดการในรอบต่อไปสินะ ตัวเราเองก็ถูก ขัดขวางการอัญเชิญ ด้วย ไม้เท้า บาราอัม

อีกถ้าจะร่ายSealก็จะทำให้สิ้นเปลือง Mp ไป แต่ว่าตอนนี้เราเองก็ Seal อยู่มนสนามเยอะ
ขนาดนี้ถึงไม่ต้องร่ายของแบบนั้นมา เราก็คงไม่ ร่ายซีลออกไปเพิ่มให้ถม Shrine ตัวเองไปมากกว่า
นี้หรอกนะ}

ลูเซีย วิเคราะห์ พลางมองสำรวจ อสูร ในสนามของเธอ ตอนนี้ ที่แนวหน้าของเธอ มี ซานดร้า กับ เดวิด ที่รวมร่างกันอยู่
อันโดรมาซ และ ไคเลอร์ อีกทั้งยังมี ซิลิโมเน่ ด้วย อสูรของเธอมีให้พอใช้จัดการปิดฉาก เซเนส ของเค้าได้อย่างง่ายดาย
ด้วย Shrine ของเค้าที่จะเสีย อสูรไปไม่ได้อีกแล้ว หากเธอทำลายได้เพียงตัวเดียว เธอจะชนะทันที

เพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เธอไม่คิดง่ายๆแบบนั้น คือสายตาที่ดูจะมั่นใจว่า สามารถพลิกกลับไปเอาชนะเธอได้ทันที
ของเค้า มันทำให้เธอ รู้สึกตื่นไปทั้งตัว ทั้งที่ไล่ต้อนจน เค้าจนมุมได้ขนาดนี้ เธอยังไม่รุ้สึกเลยว่าจะชนะ

“ Cost Mp 3 ให้ นิมิตทูตสวรรค์แห่งโซปราโน่(Angel of Soprano, the Revelation) ทำงาน ”
สิ้นคำ การ์ดผนึก ที่ร่ายออกไปก็ปรากฏ ภาพนิมิต ของทูตสวรรค์ องค์หนึ่งขึ้น ทูตสวรรค์สยายปีกสีทอง แผ่กระจาย
แสงซึ่งสะท้อนออกจากปีก รัศมีแสงส่องอาบไปทั่วทั้งสนามฝ่ายเธอ จนดูราวกับ เป็นดวงอาทิตย์ ในห้วงอวกาศ ที่

บิดเบี้ยวนี้ ทันทีที่ เหล่า เดลิวเอร์แบนด์ ทั้งหมดสัมผัสกับแสงนี้ กลุ่นแนวหน้าที่เคยขยับตัวไม่ได้ ก็หัน
กลับมาก้มตัวลงนมัสการต่อนิมติของ ทูตสวรรค์ นั้น โดยมี เดวิด และ อลิส เริ่มก่อน และทุกคนที่เหลือค่อยๆ
ตามกันทำความเคารพ

รูปภาพ

“ ด้วยผลของ การ์ดใบนี้จะทำให้ ค่า At และ Df ของ Seal ที่ติดชื่อ เดลิเวอร์แบนด์ เพิ่มขึ้นอย่างละ 2
หน่วยเป็นเวลา 1 Turn ”
เมื่อ ลูเซีย อธิบายจบ นิมิตของ ทูตสวรรค์ ก็จางหายไปพร้อมกับ ค่าพลังของ เหล่า เดลิเวอร์แบนด์ ที่ได้รับพร
ก็เพิ่มขึ้น

{เท่านี้รอบต่อไป ถ้าฝ่ายนั้นบุกเข้ามาเราก็พร้อมจะตอบโต้ด้วย เฮอคิวลิส(Hercules)
ได้เท่านี้แผนรับมือเราก็มีอยู่ พร้อมแล้ว จะบุกมายังไงก็เชิญเลย Shrine ของฉันไม่มี
ถึงจะแพ้เสีย ซีลไปตัวก็ยังเอาคืนรอบหน้าได้ }

ลูเซีย คิดขณะที่มองดูการ์ดในมือที่เตรียมไว้เพื่อรับการบุกของเธอ ในขณะที่ ซีลการ์ดในมือของ เธอที่
เหลืออยู่ใบสุดท้ายนั้น เธอพยายามจะไม่มองมัน ราวกับว่าไม่จำเป็นต้องใช้ รวมไปถึง มิสติกอีกใบที่อยู่ข้างๆ
กันด้วย

รูปภาพ

{การดวลนัดนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งปาฏิหารย์หรอก…แค่ฝีมืออย่างเดียวก็พอแล้วน่ะ}
ลูเซีย คิดขณะชายตาไปมองการ์ดทั้งสอง ใบที่เธอไม่คิดจะใช้มาตั้งแต่เริ่มเกมแล้ว

“ ฉันขอหมดรอบแค่นี้ ”
ลูเซีย ประกาศอย่างมั่นใจ ขณะที่อิส นั้นเมื่อได้ยินเธอประกาศหมดรอบก็ฉีกยิ้ม ตีสีหน้าโฉด
อย่างระรื่นราวกับว่า ชนะแล้ว ทันที

“ รอบของ ฉันจั่วไพ่ ”
อิส ประกาศ พร้อมกับ ดึงเอามิสติกการ์ดขึ้นมา 2 ใบ พร้อมกันนั้น ไม้เท้า เบธานี ที่ปักอยู่บนพื้นสนาม
ก็สลายไปด้วยกัน ทำให้ อสูรทุกตนหลุดจากอำนาจสะกดของไม้เท้าทันที

[Iss Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 3 Mp:7/7 Shrine 11/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal 1 ,Mystic4 Mp 7/7 Shrine 0/12 ]

“ ให้ เซเนส รวมร่าง Trippel Combination ”
“ ร…รวมร่าง Tripple Combination งั้นเหรอ หรือว่า… ”
ทันทีที่ อิส ประกาศรวมร่างให้กับ รามอน ลูเซีย ก็ต้องอุทานขึ้นอย่างไม่คาดฝัน เมื่อ การโจมตีจริงๆที่ อิส เล็งไว้
ไม่ใช่อย่างที่เธอคิด

“ ใช่แล้วการโจมตีแบบ All จะจัดการกวาด อสูร ชั่นต่ำของเธอให้หมดไปจากสนามทันที ให้รามอน รวมร่างกับ คริพไวเปอร์ และ ไดเมนโซน่าบี ”
สิ้นคำ อสรพิษยักษ์ และ ผึ้งต่างมิติ ก็ถูกพลังของไม้เท้า บาราอัมของ รามอน ดูดเข้าไป

“ จากนั้น Cost mp 2 ติดตั้ง Mystic สวมใส่ หญิง ผู้กล้า(Her Courage)ให้กับ เซเนส มันจะทำให้ค่า
At ของ รามอน เพิ่มขึ้นเท่ากับ เลเวลของรามอน ”
อิส ประกาศพร้อมกับ ร่ายมิสติก ออกมา ทันทีที่ มันสำแดงเดชค่าพลังของ รามอน ก็เพิ่มสูงขึ้นไป
อีกกลายเป็น 13หน่วย ทันที

รูปภาพ

[Iss Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp:5/7 Shrine 11/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal 1 ,Mystic4 Mp 7/7 Shrine 0/12 ]

“ ค..ค่าพลังโจมตี 13 หน่วย แถมยังเป็นการโจมตี All อีก แย่แล้วนี่มัน… ”
ลูเซีย อุทาน ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าสังหรณ์ของเธอไม่ได้ผิด ความั่นใจของเค้าที่แสดงออกมาตั้งแต่เมื่อครู่นั้น
คือสิ่งนี้นั่นเอง

“ ถูกต้อง อสูรทั้งหมดในสนามของเธอ เมื่อรวมกันแล้ว เลเวล ก็จะเท่ากับ 12 พอดี นั่นเท่า
ว่าเธอจะต้องแพ้ทันที ”
อิส กล่าวมาถึงตอนนี้ รามอน ก็เริ่มร่ายเวทย์ สร้างมวลพลังงานสีขาวและดำให้หมุนวนเข้าหากัน

“ Cost mp 5 รามอน โจมตี คาถาถล่มมิติ (Tyrannous Dimension) ”
สิ้นคำ มวลพลังงานที่ รามอน สร้างขึ้นก็ ถูก ขว้างลงไปยังสนามของเธอพริบตานั้น อสูรทั้งหมดของเธอ
ก็แตกสลายไปทีละตัวๆ ราวกับลูกโป่งละอองแสงและควันจากแรงระเบิดของ คาถา ทำให้เกิดควันปนละอองแสง
ผสมคลุกเคล้าลอยฟุ้งไปทั่วทั้งสนาม จนไม่สามารถมองเห็น สนามฝั่งเธอได้เลย

“ หึๆๆๆ เท่านี้เธอก็ต้องมาเป็นตุ๊กตาของฉันแล้ว …หือ?! ”
อิส เปรยเสียงระรื่น ขณะที่ควันเริ่มจางลง เค้าก็ต้อง ถลึงตามองผ่านเข้าไปในกลุ่มควันนั้น ร่างของ อันโดรมาซ
อัศวินยูนิคอร์นแห่งเดลิเวอร์ แบนด์ คือผู้เดียวที่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้

[Iss Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp:0/7 Shrine 11/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal 1 ,Mystic4 Mp 7/7 Shrine 10/12 ]


“ เฮือก! ท…ทำไม ”
อิส สะดุ้งทันที เมื่อตรวจสอบการใช้ Mp ของเธอก็ปรากฏว่าไม่ได้มีการใช้ การ์ดใดๆเพื่อแก้สถานการณ์ในตอนนั้นเลย
แล้วเหตุใด การโจมตีของ รามอน ถึงไม่อาจทำอะไร อันโดรมาซ ที่มีค่าพลังเพียง 10 หน่วย ซึ่งน้อยกว่า
รามอน ที่มีถึง 13 หน่วย ได้ ความสงสัยนี้ทำให้สีหน้าระรื่นเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็น ความตกตะลึงไป

“ ด้วยผลของ ความชอบธรรม เลจิทิมาซี่ ที่ อันโดรมาซ สวมไว้ ถ้า Seal ที่ติดเป็น เผ่า อัศวินหรือ
เผ่าจอมเวทย์ จะทำให้ Seal นั้นป้องกันจากากรโจมตี Allและยกเลิก Mystic ของฝ่ายตรงข้ามได้ ”

ลูเซีย อธิบายผลของการ์ดที่ อันโดรมาซ สวมใส่ไว้อยู่ มันทำให้เธอรอดมาได้อย่างหวุดหวิด

“ เอาล่ะ รอบของฉันล่ะนะ จั่วไพ่! ”
ลูเซีย ประกาศ พร้อมกับ จั่ว มิสติกขึ้นมา 2 ใบ

[Iss Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 11/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal 1 ,Mystic6 Mp 7/7 Shrine 10/12 ]

“ เอาล่ะนะ อิส เธอได้ยินฉันอยู่ใช่รึเปล่า!! ”
ลูเซีย ตะโกนขึ้นมา สร้างความแปลกใจให้กับ ผู้ที่บงการอยู่

“ ครั้งก่อนที่เราดวลด้วยกันน่ะ ฉันบอกว่าจะให้เธอได้เห็นการ์ดที่ไม้ตายของฉันยังจำได้รึเปล่า
ถ้าจำไม่ได้ล่ะก็ฉันจะให้ดูเดี๋ยวนี้ล่ะ แต่ว่าที่จริงก็ไม่อยากใช้เท่าไหร่นักหรอกนะ แต่เพราะเธอเก่งแบบนี้ก็คงต้องใช้ล่ะ ”
ลูเซีย ตะโกนนั่นยิ่งทำให้ ผู้บงการ งงเข้าไปอีกว่าเธอพูดถึงเรื่องอะไร

“ ไพ่ตายที่เก็บงำเอาไว้งั้นเหรอ? ”
ผู้บงการเปรยผ่าน อิส ออกมา

“ อ่ะ ฮ่า กลายเป็นฝ่ายอยากรู้ขึ้นมาบ้างแล้วสินะ ไม่ต้องห่วงฉันจะให้ได้เห็นแน่ รวมทั้ง อิส ด้วย ”
ลูเซีย พูดเธอดูจะรู้สึกโล่งขึ้นมาทันทีหลังจาก ถูกการโจมตีชุดเมื่อกี้ไปพลิกจนตัวเธอเอง กลายมาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
เค้าไปแล้ว แต่ดูเหมือนเธอจะโล่งใจเสียยิ่งกว่าตอนถูกหลอกให้ดุเหมือนได้เปรียบด้วยซ้ำ

“ เมื่อกี้ ยังตีหน้ามุ่ยยุ่ยเป็นผ้าขี้ริ้วทั้งที่ได้เปรียบอยู่แท้ๆ แต่พอตอนนี้กำลังเสียเปรียบดันยิ้มออกซะอย่างงั้น
เธอเพี้ยนไปแล้วรึไง แล้วก็เจ้าของร่างนี้มันก็.. ”
อิส ย้อนหวังจะกดดันเธออีกครั้ง ทว่า เธอกลับแทรกขึ้นมาก่อน

“ ยังไม่ตายหรอก..แล้วก็ไม่ได้หายไปไหนด้วย มาคิดๆดูแล้ว การที่วิญญาณอสูร จะเข้าไปอยู่ในร่างของ
มนุษย์ที่ตายไปแล้วมันแทบเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ ทั้งหมดเป็นกลลวงของแก นั่นแหละ ”

ลูเซีย พูดเธฮพยายามจะชี้ให้เห็นว่า เรื่องทั้งหมดตลอดการดวลที่ผ่านมาเป็นเพียงเรื่องล้อกันเล่น
ที่ตั้งใจจะหลอกเพื่อควบคุมจิตใจเธอ


“ เธอจะบอกว่าเรื่องที่เจ้านี่มันมีหลายบุคลิคเป็นเรื่องโกหกงั้นสิ ”
อิส เริ่มลน คำพูดและท่าทีของเค้าเปลี่ยนไปจากเดิมมาก เริ่มสั่นคลอนและระสับระส่าย

“ เปล่า นั่นน่ะบางทีอาจจะเป้นความสามรถพิเศษ ของเค้าอยู่แล้วก็ได้ แต่ที่พวก อสูรทั้งหลายพูด
ออกมาแบบนั้นก็คงเพราะถูกแกที่คุมแกนกลางของจิตใจ สั่งให้พูด มากกว่า การที่แกรีบกระเสือกกระสน
ทำให้ฉันรู้ศึกเศร้ารู้สึกโกรธก็เพราะจิตใจของฉันจะได้อ่อนแอ ลงและก็เข้าควบคุมได้ง่ายๆ ก็คงเป็นเพราะ
แกควบคุมเค้าไม่ได้งั้นสินะหรือสรุปก็คือ ถ้าจัดการแกได้ อิส ก็จะกลับมาทันที ”

ลูเซีย แฉ ทฤษฎี ทั้งหมดที่เธอคิดไว้ในหัวมาตลอด รอบการดวลจนถึงเมื่อครู่นี้

“ มองแบบนั้นสงสัยอยู่ล่ะสิ ว่าทำไมฉันถึงอ่านออกทะลุปรุโปร่งหมด จะบอกให้ก็ได้ ฉันมีคนรู้จักที่มีพลัง สะกดจิต
เหมือนกับที่ แกใช้มันควบคุม อิส อยู่เพราะงั้นหลักการคร่าวๆในการสะกดจิต น่ะฉันรู้อยู่แล้ว
แถมพวก 5 หน่อ มาร์วิน นั่นบอกฉันหมดแล้วล่ะระหว่างที่เรากำลังดวลกันอยู่ ”

ลูเซีย ย้ำเพื่อจะกดให้ อีกฝ่ายยอมสารภาพ

“ ว่าไงนะ! ”
อิส ตะคอก แม้หลักการที่ว่ามาของเธอนั้นจะพอฟังขึ้นอยู่ แต่เรื่องที่เธอคุยกับ พวกมาร์วิน ที่ถูกส่งลง
Shrine ไปนั้น แทบจะเป็นเรื่องปั้นน้ำ


“ ฉันน่ะ เป็นโฮมุนครุส ที่ปลูกฝังพลัง เทเลพาธี(Telepathy)เอาไว้ เพราะงั้น ฉันสามารถจะสื่อสาร หรือ
อ่านใจของอสูรกับมนุษย์ได้ การที่แกส่งพวกนั้นไป Shrine ทำให้ฉันสื่อสารกับพวกมันได้สะดวกขึ้นเยอะเลย
เพราะ แกจะไม่ได้ยินหรือรับรู้เลยว่าฉันกับพวกนั้นคุยเรื่องอะไรกันอยู่ ”

เธอ ยังคงแย้งกลับไป อย่างไม่สะทกสะท้าน

“ หึๆๆๆ ”
อิส หัวเราะ หลังจากที่ฟังเธอพล่ามมานานสองนาน

“ มีอะไรน่าขำกัน หัวเราะอยู่ได้ ”
เธอ สบถเสียงขรึม ด้วยความไม่พอใจ

“ เธอนี่ ถ้าจะเพี้ยนจริงๆแฮะ จะบอกว่า ไอ้วิญญาณพวกนั้นมัน มาบอกเธอ ว่ายังงู้นยังงี้ งั้นเรอะ
จะเพ้อเจ้อไปกันใหญ่แล้ว ”
ผู้บงการ ยังคงไม่ยอมแพ้ที่จะกดดันเธอแม้ว่าตอนนี้เค้าจะถูกแฉกลลวงทั้งหมดแล้วก็ตาม

“ ไม่ได้เพ้อเจ้อนะ ฉันจะแสดงหลักฐานเดี๋ยวนี้ล่ะ ”
ลูเซีย ประกาศเสียงกร้าว พร้อมกับ หยิบการ์ดซีล ใบสุดท้ายบนมือ ที่เธอคิดว่าจะไม่ต้องใช้ ร่ายออกมาทันที

“Cost Mp 2 ให้ คัมภีร์แห่งวารีไม่สิ้นสุด(Book of Ethernal Tide) ทำงาน ”
ลูเซีย ประกาศ พร้อมกับแสดง มิสติกบนมือ ออกมาละอองแสงถูกดูดซับ เข้าไปที่การ์ดใบนั้นและ
ปรากฏรูปของ หนังสือ ซึ่งมีหน้าปกเป็น มหาสมุทรขึ้นมาบนพื้นที่ของเธอ

[Iss Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 11/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal 1 ,Mystic5 Mp 5/7 Shrine 10/12 ]

“ ด้วยผลของ การ์ดใบนี้จะให้ส่ง Mystic Card ใบหนึ่งในสนามกลับคืนสู่สำรับ
จากนั้นจะฟื้นค่า Mp ให้เท่ากับ ค่าร่ายของ Mystic Card นั้น ขอส่ง ความชอบธรรม เลจิทิมาซี่
กลับเข้าสำรับ และฟื้นค่า Mp อีก 4 หน่วย ”

สิ้นคำ ภาพการ์ด เลจิทิมาซี่ ที่ปรากฏอยู่บนสนามก็ สลายกลับเป็นละอองพร้อมกับ คัมภีร์
และกลับขึ้นไปยังมือของเธอ ก่อนจะแยกส่ง คัมภีร์แห่งวารีไม่สิ้นสุด ไปยัง Shrine และ ใส่เลจิทิมาซี่
กลับเข้าสำรับ และสลับก่อนเสียบกลับเข้าไปในช่องของปลอดแขน

[Iss Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 11/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal 1 ,Mystic5 Mp 9/7 Shrine 10/12 ]

“ จากนั้น Cost Mp 5 เพื่อร่าย Seal ”
ลูเซีย ประกาศ พร้อมกับ เตรียมตั้งท่าจะโยนการ์ดออกไป ทว่า อิส ก็แทรกขึ้นมา

“ แต่ว่า ด้วยผลจาก ไม้เท้า บาราอัม เธอจะต้องจ่ายค่า Cost ของการร่าย Seal เพิ่มอีก 1 จุด ”
อิส แย้ง พร้อมกันนั้น ค่า Cost ที่ลูเซีย ประกาศก็ถูก เพิ่มขึ้นไปอีก 1 หน่วยทำให้เธอต้องจ่ายค่า Cost เพื่อ
อัญเชิญ อสูร ถึง 6 หน่วย
[Iss Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 11/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal 0 ,Mystic5 Mp 3/7 Shrine 10/12 ]


“ นึกว่าอะไร ซะอีก แค่อัญเชิญ อสูร ระดับสูงออกมาแล้วมันยังไงกันล่ะ เหลือ Mp แค่ 3 ไม่มีทาง
โค่น รามอน ที่มีค่า At 13 ได้หรอก ”
อิส สบถอย่างสะใจ ก่อนที่จะต้องอ้าปากค้างไปเมื่อ ร่างของ อสูรที่ปรากฏออกมานั้น คือทูตสวรรค์ผู้ซึ่งมาพร้อมกับ
พิณดีดเครื่องใหญ่สองเครื่องพาดไปบนร่างของ นางรัศมีแสงสว่างไสว ที่เปล่งออกมาพร้อมกับท่วงทำนอง

ที่นางเริ่ม ขับกล่อม ได้ทำให้ มิติซึ่งปกคลุทไปด้วยความมืด สลายไป เธอและ เค้ากลับมายัง ระเบียงทางเดิน
คฤหาสน์ในตอนแรกดังเดิมแล้ว โดยที่มี ร่างของ ทูตสวรรค์ เปล่งรัศมีแสงไล่ความมืด
ที่ยังหลงเหลืออยู่ออกไป แสงสว่างจ้ำแสบตาเสียจน อิส ต้องยกมือขึ้นป้องมัน

รูปภาพ

“ อัญเชิญ อสูรเทพ ทูตสวรรค์แห่งเดลิเวอร์แบนด์ ชิริเอล(Shiriel, the Angel of Deliver Band) สู่ At Line ”
ลูเซีย ประกาศ ก้องยามเมื่อ อสูร เทพผู้ปกปักษ์วงดนตรีแห่งความหวัง เป็นดั่งผู้พิทักษ์สุดท้ายนสำรับของเธอ
ได้ปรากฏกายขึ้น

“ อ…อสูรเทพ ชิริเอล งั้นหรือ?! ”
อิส เปรยเสียงเรียบนิ่ง ดวงตาทั้งสองได้แต่จดจ้องกับรูปลักษณ์อันสง่างามของ ชิริเอลไปชั่วขณะราวกับต้องมนต์สะกด

“ แต่ว่า ถึงจะเป็น อสูรเทพ ก็เถอะเธอไม่มี Mp พอจะให้ โจมตีแล้ว ถ้ารอบต่อไป.. ”
อิส พยายามจะแย้ง แต่ทว่า เธอก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน ที่จะแย้งจบ

[Iss Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 11/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal 0 ,Mystic5 Mp 3/7 Shrine 10/12 ]


“ เดี๋ยวก่อน ไพ่ตายของฉันน่ะมันต่อจากนี้ต่างหาก ”
ลูเซีย พูดพร้อมกับ หยิบเอา มิสติกการ์ดบนมือร่ายออกมา

“ Cost Mp 3 ร่าย Mystic Synchronize ฟอจูน ฟอร์ซ (Fortune Force) ”
ลูเซีย ประกาศ พร้อมกันนั้น มิสติกที่ร่ายออกมานั้น ก็ปรากฏภาพขึ้นบนสนาม
อำนาจของมัน ก่อให้เกิดแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นเหนือสนามแข่ง เป็นรัศมีวงกลมดั่งดวงตะวัน

รูปภาพ

[Iss Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 11/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal 0 ,Mystic4 Mp 0/7 Shrine 10/12 ]

“ Mystic Synchronize งั้นรึ?! ”
อิส ทวนคำเวยความประหลาดใจ กับการ์ดที่ ลูเซีย ใช้

“ Mystic Snychronize จะสามารถร่ายออกมาใน Step ใดๆก็ได้ โดยไม่ต้องพึ่ง Interfere Step แต่จะต้องจ่ายค่า Cost
พิเศษของเงื่อนไข Synchronize ให้ด้วย นั่นคือจะต้องกำจัด การ์ด Mystic บนมือ ออกไปจากเกมกี่ใบก็ได้โดยให้
ค่าร่ายของ Mystic ที่กำจัดไป รวมแล้วเท่ากับค่าที่กำหนด ของ Mystic Synchronize นั้นๆ ด้วย ”

ลูเซีย อธิบายไปด้วยระหว่างที่นับรวมการ์ดบนมือที่เหลือมิสติกเพียง 4 ใบ

[Iss Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 11/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal 0 ,Mystic0 Mp 0/7 Shrine 10/12 ]

“ ค่า Synchronize ของ ฟอจูน ฟอร์ซ คือ 7 ดังนั้น ฉันขอกำจัด เฮอร์คิวลิส(Hercules),
กระบี่เขายูนิคอร์น(Unicorn Horn Rapier),ดาบมิททิล(Mythirl Sword)และ
No Skill ทั้งหมด 4 ใบบนมือ ออกไปจากเกม ”

ลูเซีย กล่าวพร้อมกับ แสดงมิสติกทั้งหมดที่เหลืออยู่บนมือก่อนจะเก็บออกไป
ตอนนี้เธอไม่เหลือ Mp และ การ์ดบนมืออีกแล้ว

รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

[Iss Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 11/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal 0 ,Mystic0 Mp 0/7 Shrine 10/12 ]

“ จากนั้นให้ผลของ ฟอจูน ฟอร์ซ ทำงานกำจัด Seal ใบหนึ่งในสนามออกไปจากเกม ฉันเลือก ชิริเอล ”
สิ้นคำ ร่างของ ชิริเอล ก็ลอยหายลับขึ้นไปยัง ที่ที่รัศมีของแสง แห่ง ฟอจูน ฟอร์ซ ส่องลงมา

“ กำจัด อสูรเทพ ที่อุตส่าห์เรียกมา ซะเองเนี่ยนะ ”
อิส อุทาน ทว่าลูเซีย ก็แย้งขึ้นมา

“ ยังไม่หมดแค่นั้น จากนั้นกำจัด Seal ในShrine ของผู้เล่นฝ่ายใดก็ได้ ออกไปจำนวนใบเท่ากับ เลเวลของ
Sealที่กำจัดไป ชิริเอล มีเลเวล 5 ดังนั้น ฉันขอกำจัด มาร์วิน ทั้ง 5 ใบที่อยู่ใน Shrine ของนาย ออกจากเกม ”
ลูเซีย ประกาศ พร้อมกันนั้นการ์ดมาร์วิน ทั้ง 5 ใบทีถูกเก็บอยู่ในช่อง Shrine ของ เค้าก็ถูกส่งคืนออกมา

“ แล้วก็ อัญเชิญ Seal จาก Remove Zone ของฝ่ายใดก็ได้เข้ามาในสนามของฉัน ได้เท่ากับจำนวน
ที่กำจัดออกไปเมื่อกี้ด้วย ดังนั้น ฉันจึงขอเรียก มาร์วิน ทั้ง 5 ใบเมื่อกี้ที่กำจัดออกไปขึ้นมาบนสนามฝั่งฉัน ”
ลูเซีย อธิบายจบแสงสว่างแห่ง ฟอจูน ฟอร์ซ ก็ผลันเปล่งประกายเจิดจ้าลงมาจนทั่วทั้งสนามกลายเป็น
สีขาวไปวูบหนึ่งก่อนจะจางลง และปรากฏร่างของ มารืวินทั้ง 5 แบบขึ้นมาบนสนามของเธอ

“ อัญเชิญ จอมดาบเวทย์มาวิน(Zechariah Marvin, the Swords Magician), ผู้อัญเชิญอสูรมาร์วิน(Zechariah Marvin, the Summoner) ,ผู้พิทักษ์คนทรงมาร์วิน(Zechariah Marvin, the Guardian Shaman) ,ผู้วิเศษมาร์วิน(Zechariah Marvin, the Wonderer) และ นักปราชญ์มาร์วิน(Zechariah Marvin, the Magus)
ขึ้นมายัง At Line ”
ลูเซีย ประกาศ จบ มาร์วิน ทั้งหมด ก็ตั้งท่าพร้อมที่จะโจมตีทันีทต่างกระชับอาวุธของตนกันให้มั่น

รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

“ ถึงจะเรียกพวกตัวกระจอก ออกมาก็ล้ม รามอน ไม่ได้หรอกน่า ”
อิส ตะคอกดูเหมือนว่าผู้บงการเค้าจะหัวเสียขึ้นมาซะแล้ว

“ ยังหรอกผลของ ฟอจูน ฟอร์ซ ยังไม่หมดแค่นั้น Seal ที่เรียกขึ้นมาด้วยผลนี้จะได้รับค่า At เพิ่มและลดค่า Cost Mp
ทุกอย่างลงเท่ากับจำนวนของ Seal ที่เรียกออกมา มาร์วินที่เรียกมาทมีทั้งหมด 5 ตัวดังค่า At จึงเพิ่มขึ้น 5
หน่วยและทำให้mp Cost ทั้งหมด กลายเป็น 0 เพราะไม่มีค่า Cost มากกว่านั้นแล้ว ”

ลูเซีย กล่าวผลของการ์ดนั้น ทำให้ เค้าถึงกับอึ้งไปอีกชั่วขณะ

“ คราวนี้ล่ะ ถึงเวลาไคลแมกซ์แล้ว ” จอมดาบเวทย์มาร์วิน พูดพร้อมกับคึกแบบสุดๆ
“ จะเอาคืน เป็นร้อยเท่าเลย ” ผู้อัญเชิญอสูรมาร์วิน พูดพร้อมกับชี้หน้า อีกฝ่าย
“ ความแข็งแกร่งของข้าจะทำให้เจ้าต้องร้องไห้! ” ผู้พิทักษ์คนทรงมาร์วิน กล่าวพร้อมกับบิดคอแก้เส้นยึด
“ อยู่ตรงนั้นสินะ….อยู่สินะ ” ผู้วิเศ มาร์วิน ก็ยังคงถามคำถามเดิมแบบหดหู่อยู่เหมือนเดิม
“ จุติอย่างดงาม ได้เวลาส่งพวกเจ้าไปลงนรกล่ะนะ ” นักปราชญ์มาร์วิน เปรยพร้อมกับวาดมือไปมาอย่างสง่างาม

“ ทำได้ดีเหมือนกันนี่ ยัยม้าดีดกะโหลกเอาล่ะทีนี้เรามาช่วย หมอนั่นกันเถอะ ”
“ ใครเป็นยัยม้า ดีดกระโหลกกันยะ ”

จอมดาบเวทย์ มาร์วิน ชมเธอ แต่ดูเหมือนคำพูดจะออกไปทางเหน็บแนมเสียมากกว่า ทำเอา ลูเซีย ต้องตะคอกสวนไป

“ แหะๆ พี่สาวเนี่ยไว้ใจได้จริงๆด้วย ”
ผู้อัญเชิญ อสูรมาร์วิน ชมพร้อมกับยกนิ้วให้เธอ

“ ข้าเชื่อมั่นในตัวจ้าเสมอนั่นแหละ ”
ผู้พิทักษ์คนทรงมาร์วิน กล่าวแข้งๆทื่อๆ

“ องค์หญิง จะต้องทำได้ข้าเองก็เชื่อเช่นนั้น ”
นักปราชญ์มาร์วิน เอ่ยพร้อมกับ หันมาโค้งให้เธอ

“ อยู่สินะ…อยู่ตรงนั้นสินะ ”
ผู้วิเศษมารืวิน ยังคงหดหู่อยู่เหมือนเดิม

“ อืม..อยู่สิ ”
ลูเซีย รับคำของ ผู้วิเศษ มาร์วิน ขึ้นเสียเฉยๆ ทำเอา ทั้งวงหันมามองเธอด้วยสายตาแปลกๆ

“การที่ยังมีความเชื่อมั่นนั้น เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ตอนนี้"ยังอยู่ที่นี่" ”
ลูเซีย พูดขึ้นก่อนจะชี้ไปยัง ร่างของ อิส ที่ยืนประจันษ์หน้าอยู่กับเธอ

“ เธอน่ะ..อยู่ที่นั่นใช่รึเปล่า!! ”
ลูเซีย ถามเสียงก้อง

“ อยู่สิ…ฉัน…อยู่ตรงนี้ที่นี่ ”
เสียงของ อิส ดังลั่นขึ้นมา โดยที่ร่างของ เค้ายังไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย มันเป็นเสียงของเค้าจริงๆ
ในขณะที่ร่างต้น ซึ่งถูกบงการอยู่ก็ลนหันซ้ายทีขวาทีเพื่อหาว่าเสียงนั้นมาจากไหน
และที่สุดก็รู้แล้วว่า มันดังออกมาจาก ปลอกแขนที่ตนสวมอยู่

“ เสียงยังดังฟังชัดดีอยู่นี่ แสดงว่ายังสบายดีอยู่ ถ้างั้นรอก่อนนะ เราจะไปช่วยเดี่ยวนี้ล่ะ ”
จอมดาบเวทย์ มาร์วิน กล่าวจบก็ กระชับดาบในมือเตรียมบุกทันที

“ ให้ จอมดาบเวทย์มาร์วิน โจมตีไปที่ รามอน ”
ลูเซีย ประกาศ จบ จอมดาบเวทย์ มารืวิน ก็บุกตะลุยเข้าไปทันที พร้อมกับหลบ ลำแสงเวทยื
ที่ รามอน ยิงสวนมาไปพลางด้วย

“ ถึงจะมีค่าพลังเพิ่มเพราะผลของ ฟอร์จูน ฟอร์ซ ก็เถอะ แต่ค่า At ของ จอมดายเวทย์มาร์วิน มี 12 หน่วย
แต่ของ รามอน มี 13 ยังเอาชนะ ข้าไม่ได้หรอก ”
เสียงของ ผู้บงการดังลั่น ทว่า ไม่ทันไร ก็ปรากฏ คัมภีร์หนังสือซึ่งมีหน้าปกเป็นรูปมังกรขดตัวอยู่
ขึ้นในสนาม ก่อนที่จะลุกเป็นไฟและส่งเปลวเพลิงนั้น มาสถิตย์กับดาบเวทย์ ที่ จอมดาบเวทย์มาร์วิน
เสกมาถืออยู่ จนกลายเป็นดาบเพลิง

รูปภาพ

“ จอมดาบเวทย์มาร์วิน นั้นเมื่อโจมตีก็จะสามารถนำอา Mystic สวมใส่(PS) จาก Shrine ขึ้นมาติดตั้งให้
ได้ใบหนึ่ง คัมภีร์เวทย์มนต์อิคนิส(Ignis Magic Book) ที่ฉันทิ้งไปตอนการ์ดบนมือเกินจำนวน นี่ จะเพิ่มพลัง
ให้กับ ธาตุไฟที่ติด โดยเพิ่มค่า At ขึ้น 2 หน่วย แต่ลด ค่า Sp ลง 2 หน่วย ดังนั้นค่าพลังของ จอมดาบเวทย์มาร์วิน
คือ 14 หน่วย ”
ลูเซีย อธิบาย ไปพลางโบกการ์ด มิสติกที่เอาขึ้นมาสวมให้มาร์วิน ไปพลาง

“ Sword Magic Fire!! ”
จอมดาบเวทย์มาร์วิน และ ลูเซีย ประกาศขึ้นพร้อมๆกัน ก่อนที่ จอมดาบเวทย์ จะหยุด
ยืนห่างจาก รามอน ไม่มากนัก และร่ายเวทย์ สร้างดาบซึ่งห่อหุ้มด้วย เปลวเพลิงจากคัมภีร์เวทย์
แยกออกเป็น 7 เล่มและแทงมันลงไปยังร่างของ รามอน จนแตกสลายไปในที่สุด

[Iss Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 6/12 ]
[Lucia Status; Hand:Seal 0 ,Mystic0 Mp 0/7 Shrine 10/12 ]

“ และเมื่อหมดรอบที่ ฟอจูน ฟอร์ซ ทำงาน จะต้องส่ง Seal ทั้งหมดที่เรียกมาด้วย การ์ดนี้ไปยัง Shrine ”
ลูเซีย พูดจบก็หันไปมอง ยังเหล่า มาร์วิน ที่หันมามองเธอด้วยเช่นกัน รวมไปถึง ผู้วิเศษมารืวิน ที่ตอนนี้
ดูจะสดใสขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะคำพูดของเธอ

“ ยังอยู่ที่นี่…จริงๆด้วยสินะ ”
ผู้วิเศษมาร์วิน กล่าวก่อนจะสลายร่างของตนไปพร้อมกับ มาร์วิน ตนอื่นๆ

“ พี่สาวแล้วเจอกันอีกน้า ”
ผู้อัญเชิญอสูรมาร์วิน พูดพร้อมกับ โบกมือลา

“ พวกข้าเองก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยล่ะ ”
ผู้พิทักษ์คนทรงมาร์วิน กล่าวขณะที่กำลังหายไป

“ นั่นก็คือพวกเราไม่ได้หายไปหรอกนะ องค์หญิง ขอโทษที่ต้องหลอกกันด้วย ”
นักปราชญ์มาร์วิน โค้งให้ก่อนจะหายไป

และเมื่อ ถึงตาที่ จอมดาบเวทย์มาร์วิน จะหายไปนั้น เค้าไม่ได้พูดอะไร แต่ยกนิ้วส่งให้เธอ
แทนคำพูดก่อนจะหายไป

“ และในตอนนี้ มาร์วินทั้งหมดจะถูกส่งกลับไปยัง Shrine ของเจ้าของการ์ด ดังนั้น จะต้องรับ ความเสียหายไปด้วย ”
ลูเซีย พูดจบละอองแสงที่ออกมาจากร่างของ มาร์วิน ทั้ง 5 ก็ถาโถมเข้าใส่ ร่างของอิส ซึ่งถูกบงการเอาไว้

“ ครั้งนี้ จะคืนให้ก่อนก็ได้ เพราะนึกไม่เหมือนกันว่า ควีน ออฟ ดูม(Queen of Doom) อย่างเธอจะมาสุงสิง
กับคนแบบนี้หึๆๆๆ ”
เสียงของ ผู้บงการดังขึ้นก่อนจะหมดสติไป ร่างของ อิส ล้มลงพร้อมกันกับการดวลได้จบลงโดย ลูเซีย เป็นฝ่ายชนะ

[Iss Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp:7/7 Shrine 16/12 ] Lose
[Lucia Status; Hand:Seal 0 ,Mystic0 Mp 0/7 Shrine 10/12 ] Win

“ อิส!! ”
ลูเซีย ตะโกน พร้อมกับวิ่งเข้าไปรับร่างของเค้าก่อนที่จะล้มลงไปกระแทกพื้น

“ ขอบคุณ…นะ..คุณลูเซีย ”
…………………………..

………………………………………….
………………………………………………………………………..

Card Pop!!
สำหรับช่วงนี้จะมา สครีมการ์ด สุดเด่นประจำตอนนี้กัน การ์ดนั่นก็คือ

รูปภาพ

[Fortune Force] นั่นเองคร้าบ เอาล่ะมาดุกันเถอะว่าการ์ดใบนี้มันทำอะไรได้บ้าง ถ้าอ่าน text การ์ดแบบเล็กกระจิ๋วเดียว
นี่คงปวดตาแหง เพราะงั้นเลยขยายมาให้อ่านกันชัดไปเลย

[Remove Seal 1 ใบในสนามที่มีLv X ; Remove
SealในShrineของทุกคนรวมกัน X ใบ ; นำSealในRemove Zoneของฝ่ายใด
ก็ได้ เข้ามาในสนามฝ่ายเรา X ใบและSealนั้นAt + X และMp Cost -X เมื่อ
จบSub-Turn ทำลายSeal ที่นำเข้ามาด้วย Fortune Force ทั้งหมด]

พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ การ์ดทำงาน 3 สเตปด้วยกัน สเตปแรก รีมูฟ ซีลก่อนแล้ว เอาเลเวลมา รีมูฟซีลในShrine ของใครก็ได้
จำนวนใบก็ตามเลเวลนั้น จากนั้นก็เรียกออกมาเท่ากับที่ รีมูฟไปแล้วเพิ่มพลังให้บ้ากันสะใจไปเล้ยยยย~~~~

Tip For SMN VR TAG
สำหรับช่วง Tip นี่การุรุม่อนขอรับหน้าที่มาอธิบายนะฮ่ะ ว่ากันด้วยเรื่องของ Engine พิเศษ
ที่เราเพิ่มเข้าไปในเรื่องเพื่อทำการ์ดมิสติกแบบใหม่ที่เรียกว่า Synchronize Mystic
มาดุกันดีกว่า ไอ้ สิ้นคิดไนซ เอ้ย ซิงโครไนซ เนี่ยมันทำอะไรได้บ้าง

-สามารถร่ายใน Step การเล่นใดๆก็ได้ โดยไม่ต้องพึ่ง Interfere Step มาช่วย
-จะต้อง Remove Mystic บนมือ ออกไปให้จำนวนค่าร่ายของ Mystic ที่Remove ออกไปมีค่ารวมเท่ากับที่กำหนด

ดูเผินๆ ไอ้ข้อแรกเนี่ยก้โกงอยู่หรอกตรงที่ร่ายมันเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ไอ้เงื่อนไขข้อ 2 เนี่ยยุ่งยากชะมัด อ่านในเรื่องเอาบางคนอาจจะยังไม่เก็ทว่ามันกำหนดตัวเลขไว้ตรงไหน ถ้างั้นขอให้ท่านสังเกตุเลข 7 ตัวเบ้อเริ่มบนกรอบขาวใต้ชื่อการ์ด
ดูสิท่านเอย ขณะเดียวกัน ใต้กรอบล่างที่จะบอกประเภทของ Tarot การ์ดก็จะกลายเป็น Synchronize
ไปด้วย ส่วนวิธีสังเกตว่าอันไหนเป็นการ์ด ซิงโครนี่ก็ดูตรงที่มีสัญลักษณ์ อินเตอร์เฟียร์ จะเห็นเป็นรูปลูกศร
วิ่งไล่หางกันอยู่ นั่นล่ะฮ่ะ

สรุปแม้ความสามารถของ Synchronize จะโกงถึงโกงมากยังไงก็ตามแต่ มันก็ยังมีเงื่อนไขที่ทำใหใช้ยุ่งยากอยู่ดี
เพราะนอกจากค่าร่ายปกติแล้วยังต้องมา รีมูฟมิสติกบนมืออีกทำให้การ์ดขาดมือเอาง่ายๆ อย่างลูเซีย เนี่ยจะใช้ ฟอจูน ฟอร์ซ ที
ยังต้องมูฟมิสติกไปทีเดียว 4 ใบหมดมือเลย นี่ดีนะที่ มารืวินไฟ มีอบิลิตี้ แปะการ์ดไม่งั้นแพ้ไปแหล่ว

จากนี้ไปเป็นช่วงสครีมโดย ผู้เขียน เกรม่อนคุง
คือหลังเขียนตอนนี้เสร็จ ก็เลยมีความในใจอยากจะบอกทุกท่านครับ………………VR Tag ของเราจะตัดจบแค่ตอนนี้
…………………. แฮ่ล้อเล่นคร้าบบไม่ตัดจบหรอก ขืนตัดจบคงหัวหลุดแหงเหอๆ สำหรับตอนนี้ ตัวผมเองมีความกังวลมากเลยว่า การที่อยู่ๆก็ออกการ์ดที่มีความสามารถโกงอภิมหาแบบนี้ ขึ้นมาจะมีคนคิดไหมหนอว่ามันจะน่าเบื่อขึ้นเป็นกองเลย เพราะยังถ้ามีไอ้นี่ก็ชนะขาดลอยอยู่ดี ก็เลยคิดเงื่อนไขของมันให้ใช้ยากๆหน่อย
ไปๆมาๆ ก็ไหนๆเรื่องของเรามีการ ซิงโครสร้างการ์ดซีลไปบ้างแล้ว ก็เลยทำมิสติกซิงโครบ้าง แต่เปลี่ยนเงื่อนไขกันหน่อย
เลยได้ไอเดียมาจาก มอนสเตอร์ ซิงโครของยูกิ เนี่ยแหละไอ้การกำจัดมอนรวมดาวแล้วเรียกซิงโครมอน
เราก็เลยเนียนจับมันมายัดรวมซะ เป็นของใหม่ไปเลย เหอๆ ว่าแล้ววันนี้ไปล่ะขอรับเจอกัอาทิตย์หน้าเน้อ~~
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ จันทร์ เม.ย. 11, 2011 7:15 pm, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 17 Last Duel VII: Archangel

โพสต์โดย boy เมื่อ อาทิตย์ เม.ย. 25, 2010 7:51 pm

การ์ดแบบใหม่ OwO
อุแม่เจ้า จินตนาการไม่มีที่สิ้นสุดจริง โฮะๆๆๆๆ
หนูอิสมีใครสิงอยู่ด้วยแฮะ
ถ้าหน้าตาดีจะรับไว้พิจารณา คิกๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
boy
0
 
โพสต์: 2105
Cash on hand: 3,250.00
ที่อยู่: Golden Land

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 17 Last Duel VII: Archangel

โพสต์โดย Konflyctus MX เมื่อ อาทิตย์ เม.ย. 25, 2010 10:21 pm

ซิงโครไนซ์!!! ::017::

นี่มันการจูนมิสติกที่แหล่มมากครับ ท่านพี่

ว่าแต่ นี่กำลังจะบอกว่า เป็นฝีมือของคนนอกสินะครับ ใครกันละเน้อ
Konflyctus MX
0
 
โพสต์: 201
Cash on hand: 250.00
ที่อยู่: ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 17 Last Duel VII: Archangel

โพสต์โดย Palmon เมื่อ อาทิตย์ เม.ย. 25, 2010 10:45 pm

ความรู้สึกหลังอ่านตอนนี้แล้ว ยังกะกำลังดู 4 Naga serie อยู่ยังไงยังงั้น มาร์วินปะทะ รามอน เซเนส
อิอิ ซิงโครไนซ การ์ดแต่ละใบนี่ ที่จริงเหนื่อยกว่าทำการ์ดแบบปกติอีก อารมณ์ประมาณทำการ์ดเทพ

ส่วนคนที่คุม อิสคุง น่ะรึ หึๆ มันเป็นใครกันหนอ ตอนหน้ารู้กัน ค่า อุป เกือบหลุดสปอย
Palmon
0
 
โพสต์: 33
Cash on hand: 50.00

Sub-Turn 18 Last Duel VIII:Michael

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 07, 2010 12:28 am

Sub-Turn 18 Last Duel VIII:Michael



……………………………………….คุณอยู่ที่นั่นใช่หรือเปล่า…………………………………………

“ หึๆ จะคืนให้ก่อนก็ได้…นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอกับ Queen of Doom ”
เสียงแหบๆ ปริบ่นขึ้นภายในห้องสวีทของโรงแรม ซึ่งตกแต่งอย่างหรูหราสไตล์ยุโรป เตาผิงหินอ่อน
ส่งเสียงปะทุของไม้ที่แตกปริอยู่ในกองเพลิง ช่วยมอบความอบอุ่น ให้กับคืนซึ่งปกคลุมด้วยพายุหิมะ
ผนังห้องสีชมพูอ่อน คล้ายสีดอกท้อและน้ำส่งกลิ่นท้อให้โชยออกมา สร้างบรรยากาศของสวนดอกท้อไว้ในห้องนี้

เด็กหนุ่มผมหยักศกสีเงินนั่งทอดหุ่ยอยู่บน เก้าอี้โซฟาหน้าเตาผิง ดวงตาของเค้าปิดสนิท ใต้ปอยผมที่ย้อยลง
บดบังใบหน้า ซีกขวา ชุดกรุสีขาวปลอดและคอเสื้อสีเหลืองที่ยื่นขึ้นมาปิดบังใบหน้าซีกล่างของเค้า
ชายผ้าคลุมสีขาววางพาดไว้บนผนักเก้าอี้

กริ๊งงงงง…กริ๊งงงง!

เสียงโทรศัพท์ ดังขึ้นไม่กี่ครั้งก่อนมันจะต่อสายเปิดให้เสียงของผู้โทรเข้ามาดังออกจากลำโพงเครื่อง

“ ขออภัย Prince ด้วยที่โทรมารบกวนท่านเอาป่านนี้ ”
เสียงดังอู้อี้ออกมาจากโทรศัพท์ เพราะพายุเลยทำให้คลื่นสัญญาณไม่ชัดนัก ดวงตาของเค้าเบิก
โผลงขึ้นทันที นัยน์ตาที่แสนจะเยือกเย็นนั้นหรี่แคบลง ราวกับถูกขัดใจขึ้นมา

“ นายเองเหรอ…มีอะไร? ”
เด็กหนุ่มถามกลับ โดยทำเฉยเมยต่อธุระของผู้ติดต่อมา

“ กระผมต้องการจะรายงาน Prince เรื่องโครงการนั่น ตอนนี้ มันเกือบจะเสร็จสมบรูณ์แล้ว
เหลือแค่รอ ข้อมูลด้านการขับเคลื่อนพลังงานจาก ศาสตจารย์ กริศนะ เท่านั้น ”
เสียงดังตอบกลับมาจาก โทรศัพท์ แต่นั่นก็ยังไม่ได้ทำให้เค้า รู้สึกสนใจขึ้นมาแต่อย่างใด
แต่แล้วก็กลับฉุกคิดเรื่องที่ทำให้รื่นเริงใจขึ้นมาได้ เลยถามกลับไป

“ จริงสิได้ข่าวว่าตอนนี้ ประเทศของนาย กำลังถูกพวก อสูรเทพใช้เป็นสนามเล่นอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วทิ้ง งานมาติดต่อหาฉันแบบนี้มันจะดีเร้อ~~ ”
เด็กหนุ่ม ลากเสียงพร้อมกับ ฉีกยิ้มแฝงเลศนัยขึ้นที่มุมปากซึ่งโผล่พ้นคอเสื้อขึ้นมา

“ เรื่องพวกนั้น ถึงไม่ต้องไปทำอะไร ทุกคนก็ต้องคิดว่ามันเป็นเพราะพวก DNA-Changer อยู่แล้ว
ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปจะเป็นการดีต่อ Neo-Nazism กว่านะครับ ”
อีกฝ่ายตอบกลับมาพร้อมกับเสียงหัวเราะเล็กๆที่ติดมาด้วย เด็กหนุ่มหุบยิ้มลงก่อนสีหน้าจะกลับไปเรียบนิ่งเหมือนเดิม
และลุกจากเก้าอี้ ตรงไปที่โทรศัพท์ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ ทำงาน

“ ถ้าเรื่องที่จะพูดมีแค่นั้นล่ะก็ ไว้เราค่อยมาคุยกันวันหลังดีกว่า ตอนนี้ฉันกำลังยุ่ง ”
เด็กหนุ่ม ตัดพ้อจบก็ไม่รีรอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรต่อ กดปุ่มตัดสัญญาณ เครื่องทิ้งไปทันที

“ นึกว่าจะมีเรื่องดีๆกว่านี้มาบอกซะอีก ด้านลบในใจของแกน่ะยังไม่พอจะอยู่ท้องฉันหรอก ”
เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินกลับไปล้มตัวแช่ลงบนโซฟา อีกครั้ง

“ เอาล่ะทีนี้เรามาสนุกกันต่อเถอะ หึๆๆ อสูรเทพเยอะแยะแบบนี้เห็นที จะทำเมินต่อไปไม่ได้ซะแล้ว ”
เด็กหนุ่ม เอ่ยขึ้นก่อนจะเริ่มหลับตาลงอีกครั้ง ภายในความมืดมิดที่ดำสนิท หลังจากเปลือกตาเลื่อนลงมา
วินาทีถัดไป ภาพต่างๆก็เริ่มปรากฏชัดเจน ขึ้นภาพจากมุมสูงเหนือสนามรบของ เหล่าอสูรเทพ

เลราเย่ และสองมังกรเทพ ยังคงลุกไล่ต้อน สามอสูรบรรพกาล อย่างไม่ลดละ ภาพนั้นชัดเจนราวกับมันอยู่ตรงหน้าเค้า
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก ยามเมื่อได้เห็น หายนะที่เกิดขึ้นนี้

“ เลราเย่…แม้แต่ Jack of Destiny ก็อยู่ด้วยรึ แล้ว King ล่ะ...ใช่แล้ว King ทานาทอส ผู้เป็นที่รักของเรา เจ้าอยู่ไหนกันน้า~ ”
เสียงแหบแห้ง เปรยขึ้นมา ก่อนที่ภาพจะถูกเปลี่ยนไป คราวนี้ภาพที่ปรากฏขึ้นมา คือ ภาพบนดาดฟ้าของอาคารโรงพยาบาลตากสิน ที่ตอนนี้ ธนัท และ อดัม กำลังดวลกันอยู่

“ ในที่สุดก็หานายพบจนได้ ทานาทอส…หึฮะๆๆ เจ้าตุ๊กตาของฉันคงจะไม่ทำให้นายเบื่อหรอกนะ ”
เสียงนั้นหัวเราะคิกคักแบบเด็กๆ ก่อนที่ดวงตาของ อดัม จะเรืองแสงวาบขึ้น

…………………………………….


“ นี่มันหมายความว่ายังไง ทั้งที่ อาแมนคริส น่าจะถูกเผาไปพร้อมๆกับ สำรับในตอนนั้นแล้วนี่… ”
คำถามของ ธนัท ยังคงไม่ได้รับคำตอบ ทั่วทั้งสนามแทบจะหยุดนิ่ง เมื่อ ธนัท ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ
หลังจากที่ อาแมนคริส ถูกอัญเชิญ ออกมา ในสนาม

“ อ….เอ่อ คือว่า…ตอนที่ คอรัส ระเบิดน่ะ มีเพียงการ์ดอาแมนคริส 2 ใบเท่านั้นที่ไม่ได้ไหม้ไฟไปด้วย
แต่..แต่ว่าประธานเป็นคนบอกให้พวกเราปิดนายไว้ ไม่ใช่เพราะว่านายไม่มคุณสมบัตินะแต่....แต่ว่าเอ่อ...
ประธาน เป็นห่วงเรื่องผลกระทบทางจิตใจของนายก็เลย ไม่ให้บอกเรื่องนี้ ”

เคียว พยายามจะอธิบายสถานารณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงที่ ธนัท หมดสติไปว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับการ์ด
อาแมนคริส ที่ถูกอัญเชิญออกมาตอนนี้ ไร้เสียงตอบกลับใดๆ ธนัท ยังคงนิ่งเงียบอยู่
ชวนให้บรรยากาศ รอบๆตึงเครียดตามไปด้วย

{แย่ล่ะสิ ธนัท มันจะโกรธที่พวกเราไม่ยอมบอกเรื่องนี้รึเปล่านะ}
เคียว กังวลมือไม้ก็พาล สั่นตามไปด้วย สถานการณ์ที่กำลังได้เปรียบอยู่ตอนนี้อาจพลิกกลับตาลปัตรได้ หาก
ธนัท เกิดปล่อยตัวไปตามอารมณ์ที่จะเดือดพล่าน

“ งั้นเหรอ…. ”
เสียงรับคำเรียบของ ธนัท ดังขึ้นเพียงแค่นี้ก็ทำเอาเค้า เสียวสันหลังวาบไปวูบหนึ่งเลยทีเดียว
แต่แล้วความกังวลก็ต้องแปรผันเป็นความประหลาดใจพร้อมกับต้อง จ้องมองสีหน้าของ ธนัท ด้วย
สองตาให้เต็มๆชัดๆไปว่าไม่ได้ตาฝาด รอยยิ้มคลี่ออกบนใบหน้าของ ธนัท

“ ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าจะไม่ได้เจอแกอีกซะแล้ว ”
ธนัท พูดพร้อมกับ เดินเข้าไปลูบปลายขาของ อาแมนคริส ให้หายคิดถึง มันคำรามเบาๆกลับมาแทนการทักทาย
ขณะที่ เคียวถอนหายใจด้วยความโล่งอก ราวกับยกภูเขาออกไปทั้งลูก

{แล้วไป...นึกว่าจะโกรธซะอีก นายนี่มันคาดเดาไม่ได้เลยจริงจริ๊ง~~}
เคียว คิดพลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผากออก

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp: 3/8 Shrine 11/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 0 Mp 2/8 Shrine 14/15 ]

“ เอาล่ะ mp ของฉันเหลือ อยู่ 3 แต่ของ เจ้านั่นไม่มีการ์ดบนมือเหลือแล้ว ถ้าให้ อาแมนคริส โจมตีเข้าไปเราก็ชนะแล้วล่ะ ”
ธนัท เปรยตามสภาพการณ์ในสนามที่ตอนนี้ ฝั่งของ อดัม เหลือเพียง อัครเทวดา กาเบรียล เพียงองค์เดียว
ในขณะที่ฝ่ายเค้า มีอาแมนคริส เป็นทัพหน้าและที่ แนวหลังก็ยังมี เหยี่ยวสีรุ้ง นิจิทากะ ถึง 2ตัว และ
นินจาลมหมุน เจ้าหญิงฮิเดโกะ กับ ชิโอริ อีก ตอนนี้หนทางแห่งชัยชนะอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น

“ นี่เป็นอะไรไปล่ะทำไมจู่ๆถึงเงียบไป แหงซิเนอะ ก็มันช่วยไม่ได้นี่น้า~~ เอาเป็นว่ารีบยอมแพ้แล้ว
เก็บสามอสูรบรรพกาลของ นายกลับไป…. ”

“ อ็ากกก!! ”

ยังไม่ทันที่ ธนัท จะพูดจบเสียงร้องของ เคียว ก็ดังขึ้นทำให้เค้าต้องหันกลับไป ร่างของ เฟรย์ เพื่อนสาว ที่หมดสติซึ่ง
เคียว ดูแลอยู่นั้นลุกขึ้นมา บีบคอเค้าแล้วใช้เข่าทั้งสองข้างกดตัวเค้าเอาไว้ แม้จะพยายามขัดขืนเท่าใดแต่ก็ไม่สามารถดิ้นหลุดออกมาได้เลย

“ อ่อก…แค่ก...แค่ก ”
เคียว เริ่มสำลักจากการถูกบีบคอ และมันยิ่งบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ ธนัท คิดจะวิ่งเข้าไปช่วยทว่า ก็ถูก อดัม ปรามไว้ซะก่อน

“ ถ้าเกิดนายก้าวเข้าไปใกล้ อีกนิดเดียวฉันจะสั่งให้ บีบคอ ของมันให้เละคาตา นายเลย… ”
เสียงของ อดัม เปลี่ยนเป็นเสียงแหบแห้ง และลักษณะท่าทางก็เปลี่ยนไปมากราวกับเป็นคนละคนก่อนหน้านี้

“ แขกคนสำคัญพึ่งจะมา อย่าพึ่งปิดงานซี่..เรามาสนุกกันเถอะ ทานาทอส… ”
อดัม กล่าวแม้ปากจะขยับไปแต่ดวงตานั้นกลับนิ่งสนิท ราวกับเป็นตุ๊กตา ไม่เพียงเท่านั้นบรรยากาศรอบข้าง
ก็ถูกปกคลุมด้วยไอหมอกสีดำ ซึ่งแผ่กระจายออกมาจากร่างของ เค้าความรู้สึกอึดอัดและหายใจติดขัด
ที่ถูกหมอกเหล่านี้เข้าไปอุดอยู่หลอดลม

“ นี่….แก....เป็นใครกันแน่ ”
ธนัท เปรยเมื่อท่าทีของ อดัม เปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ และคำพูดของ เค้าที่โพล่งออกมาก็พอจะทำให้รู้ได้ว่าตอนนี้
ที่อยู่ตรงหน้า ไม่ใช่ อดัม อีกต่อไปแล้ว

“ อะไรกันนั่นเป็นคำทักทายหลังจากที่เราไม่ได้พบกันมาตั้งนานงั้นเหรอ...ฉันเสียใจมากเลยรู้ไหม~~ ”
เสียงอันแหบแห้งนั้น พูดผ่านปากของ อดัม ก่อนจะใช้ร่างของ อดัม ชี้นิ้วไปทางทิศที่ เลราเย่ กำลัง ปะทะกับ
สามอสูรบรรพกาล

“ เห็น เลราเย่ นั่นไหมอย่างนายน่าจะรู้นะ ทานาทอส .....พลังชีวติของเจ้านั่นเกือบจะไม่เหลือแล้วล่ะ ”
อดัม เปรยเสียงแหบและคลี่รอยยิ้มขึ้นมาด้วยความสะใจ เมื่อสีหน้าที่ร้อนรนขึ้นมาของ ธนัท

“ เลราเย่ นั่น โคทาโร่ เป็นคน เรียกออกมาจริงๆงั้นสิ แต่ที่บอกว่า พลังชีวิตใกล้หมดนั่นมันอะไรกัน!? ”
ธนัท หันไปถาม

“ คิดแล้วว่านายต้องรู้ ทานาทอส แต่คงจะไม่รู้สินะว่าตอนนี้เพื่อนของนายอยู่ในสภาพไหน
ถึงได้เรียก เลราเย่ ออกมาแต่ฉันน่ะเห็นเต็มสองตาเลยล่ะ อีกไม่กี่นาที
เจ้านั่นก็จะหมดลมหายใจอยู่ใต้น้ำแล้ว เพราะงั้น เลราเย่ มันถึงได้ดิ้นรนกระเสือก กระสนจะลากพวก
สามเทพบรรพกาลให้ถอยออกไปยังไงเล่า ”
อดัม เปรยเสียงแหบแห้งขณะที่ ธนัท ได้แต่จ้องมองไปที่ เลราเย่ ที่กำลังสู้อย่างร้อนรน เพื่อจะปกป้อง
พื้นที่บางส่วนของ เมือง ในหัวก็คบคิดถึงคำพูดที่ได้ยินมา เกี่ยวกับตัว โคทาโร่ ในตอนนี้ แต่เค้าเองจะ
ทำอะไรได้ ในเมื่อ เคียว ที่อยู่ใกล้ๆตอนนี้ก็ยังช่วยออกมาไม่ได้เลย

“ เฮ้!!! ได้ยินรึเปล่า เจ้าหนู!! ”
เสียงของ มาริน่า ดังขึ้นจาก ปลอกแขนของ ธนัท ซึ่งแปลงจาก Note ของ เคียว
เค้ารีบสั่งให้มันเปิด หน้าจอ โฮโลแกรม ขึ้นมาทันที ภาพของ มาริน่า ถูกฉายขึ้นบนจอนั้น

“ เรื่องที่เจ้านั่นพูดมาเมื่อกี้ ฉันได้ยินหมดแล้วเรื่องของ ไอ้ลูกหมานั่น ให้ ริน กับ ศรี จัดการไปตอนนี้แกตั้งใจ
ดวลกับเจ้านั่นแล้วชนะให้ได้ก็พอ ”
เสียงของ มาริน่า ถูกส่งผ่านออกมาจาก จอโฮโลแกรมสร้างขวัญและ กำลังใจกับ เค้าไม่น้อยเลยทีเดียว

“ ประธาน!! ”
ธนัท อดที่จะโพล่งออกมาไม่ไหว เมื่อความช่วยเหลือมาเร็วกว่าที่เค้าคิดเอาไว้เสียอีก

“ แล้วก็ ฉันส่งกำลังเสริมไปให้แล้วด้วย! ”
“ เอ๋ กำลังเสริมเหรอ? ”

คำพูดของ เธอ ทำให้เค้า แปลกใจจนต้องถามกลับแต่ไม่นานคำตอบก็มาถึง เมื่อ ฟรานซิสก้า
องครักษ์ ของเธอ พุ่งตัวลงมา กระชากตัว เฟรย์ ออกห่างจาก เคียว ไปจับล็อคไว้ไม่ให้ขัดขืนได้
พร้อมกับ ไดสุเกะ และ แอน ที่ขี่หลัง ไอซิเคิลฮาวน์(Icicle Hound) กระโจน ลงมาบนดาดฟ้านี้

รูปภาพ

“ เรามาช่วย แหลวหน่า ธนัท จ๋า~~ ”
แอน ลากเสียงยานคางบวกกับสำเนียงภาษไทยเหน่อๆของเธอ ทำให้เสียงที่พูดออกมาฟังดูพิลึกๆ
แต่ก็จะจับใจความได้ และ ทันทีที่ เคียว ปลอดภัยแล้ว ธนัท ก็คิดจะจัดการปิดฉาก ด้วยการสั่งให้ อาแมนคริส โจมตี ทันที
ทว่า…

“ เพื่อนๆของนายนี่น่าสนใจมากเลยนะ โดยเฉพาะ พวก Master Ceremony จัดการกับ เหล่า
4 จตุรเทพ Celetia Military ของฉันไปได้อย่างง่ายดายเลย…..ในกรณีที่ฉันให้มันเป็นแบบนั้นน่ะนะ ”
อดัม กล่าวเสียงแหบแห้ง ก่อนจะคลี่ยิ้มกว้าง อย่างน่ากลัวขึ้นมา

..............................

“ ยอมให้เป็นแบบนั้น….นี่หรือว่าแก… ”
มาริน่า ตะคอกเสียงขึ้นมาด้วยความตกใจทันที เมื่อคาดไม่ถึงว่า ชัยชนะก่อนหน้านี้เป็นนกต่อสู่
เป้าหมายที่แท้จริง

“ อ๊า!!!!! ”
เสียงกรีดของ ริน ดังขึ้นมาในช่องการสนทนาของพวกเค้า วินาทีนี้ความตื่นตระหนกก็เริ่มเข้าครอบงำพวกเค้าอีกครั้ง

“ เสียงเมื่อกี้ มันของ พี่ริน นี่?! ”
ธนัท เปรยหลังจากได้ยินเสียงกรีดร้องนั้น ก็ทำเอาเค้าอยู่เฉยไม่ได้แล้ว

{เราเปิดช่องการสนทนา ของทุกคนเชื่อมกันไว้ การที่ริน ร้องออกมาขนาดนั้น แต่ ศรี
ที่อยู่ด้วยไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเลย...นี่รึว่า}
มาริน่า คิดสถานการณ์ เริ่มจะไม่เป็นไปอย่างพวกเธอ คาดคิดเสียแล้ว ไม่นาน สัญญาณจาก ภูเขา และ คิระ
ก็ถูกตัดไปด้วย ท่ามกลางความสับสนอลหม่านนี้ มีเพียงเสียงหัวเราะของ ปีศาจ ที่หลบซ่อนอยู่ในเงาเบื้องหลัง
ดังระรัว อย่างรื่นรมย์

“ นี่!! ทางนั้นได้ยินมั้ย!!! ”
เสียงของ ศรี ดังก้องออกมาจาก Note ของพวกเค้าที่ต่อช่องสัญญาณ กันอยู่

“ ศ…ศรี ปลอดภัยใช่รึเปล่า! ”
มาริน่า รีบถามกลับไปทันที

“ อ...อืม จะว่าปลอดภัยก็นะ...ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นอะไรมากอยู่หรอก ริน ก็ยังดีอยู่แค่เป็นลมไปเท่านั้นเอง ”
คำตอบของ ศรี ทำให้พวกเค้า ใจชื้นขึ้นมาหน่อย

“ แต่ว่าจากนี้เนี่ยสิ ”
ศรี เปรยขณะที่ ตอนนี้ ใช้แขนขวาพยุงตัว ริน เอาไว้บน เรือพายลำเล็กๆ ที่ลอยจาก แม่น้ำตามน้ำท่วมเข้ามาในเมือง
โดยที่ตรงหน้า อสูรพญาอสรพิษแห่งคงคา นาคา(Naga) และ ครุฑวายุหมุน (Whirlwind Garuda) โดยที่หันคมเขี้ยว
และ กรงเล็บมาที่เค้าและเธอ

รูปภาพ
รูปภาพ

“ ทำหน้าโล่งใจกันใหญ่เชียวนะ จริงสิ อสูรเทพ อัลคารากอนกับ แกรนเดครอส นั่นน่ะ ขอฉันเถอะ ”
อดัม เปรยจบ การเคลื่อนไหว ของ แกรนเดครอส และ อัลคารกอน ที่ ชุติการ กับ มาริน่า คุมอยู่
ก็หยุดนิ่งลง

“ ป...เป็นอะไรไปน่ะ แกรนเดครอส ”
ชุติการ เผยอด้วยความประหลาดใจ ที่แกรนเดครอส หยุดนิ่งไปเสียเฉยๆ

{นี่มัน...อย่าบอกนะว่า คนที่อยู่เบื้องหลังเจ้านั่นเป็น....Heroic}
มาริน่า คิด หน้าของเธอ ซีดขาวขึ้นมาทันที เนื้อตัวเย็นเชียบแม้ก่อนนี้ร่างจะอาบ
ชุ่มไว้ด้วย น้ำฝนก็ตาม แต่ความรู้สึกที่แล่นผ่านขึ้นมาจนถึงสมองนี้ ทำให้เลือดในตัวเย็นเชียบแทบเป็น
น้ำแข็งก็ไม่ปาน และทุกอย่างที่เธอกังวลไว้ ก็เริ่มขึ้น เมื่อ ทั้งแกรนเดครอส และ อัลคารากอน

สะบัดหัว โยนเธอให้ร่วงลงมา พร้อมกับ ชุติการ ทั้งสองปลิวกระเด็นลอยอยู่กลาง ก่อนจะตกลงไป
นั้น คอเสื้อของทั้งสอง ก็ถูก กรงเล็บเหล็ก ของอสูรจักรกลสวรรค์ ผู้พิทักษ์ผนึกเลกซ์เดเทโอ โฉบมาคว้าเอาไว้ทัน ฉิวเฉียด

“ คิระ!! ”
มาริน่า อุทานชื่อเจ้าของอสูร ขณะที่เงยหน้าแหงนขึ้นมองผู้ที่มาช่วยเอาไว้ ที่ข้างๆเค้าบนหลังของ
อสูรจักรกลสวรรค์นั้น ภูเขา ก็นั่งกัดฟันกุมบาดแผลที่แขนซ้าย ซึ่งมีเลือดไหลโชกออกมา

“ ร…รุ่นพี่คะ แขนนั่น! ”
ชุติการ เผยอพร้อมกับชี้ไปที่แผลที่แขนเธฮแหงนจ้องไปไม่ให้ละสายตาไปจากเค้าเลย เพราะแผลนั้นใหญ่
และสาหัสเอาเสียมาก

“ ดันประมาทไปหน่อย เพราะเก็บเจ้านั่นเอาไว้ในกระเป๋า เสื้อ นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะออกมาเองได้ ”
ภูเขา อธิบายไปพลางกัดฟันฝืนทนไปพลาง

“ เจ้านั่น…? ”
มาริน่า ทวนคำอย่างสงสัย แต่แล้วคำตอบก็มาถึง เมื่อ คิระ ให้ อสูรของตนเอี้ยวหลบ อสูรที่กำลังไล่ตาม
และกระโจนเข้ามา เจ้าอสูรลิง แหงนหน้ากลับขึ้นมาแสยะยิ้มแยกเขี้ยว ใส่

“ หนุมาน! ”
ชุติการ เปรยด้วยความแปลกใจ กับ อสูรที่เข้ามาเล่นงาน

“ พวกเธอสองคนอย่าดิ้นมากล่ะเดี๋ยวจะตกลงไปเอา ”
คิระ บอกโดยตั้งสมาธิจับตาดูการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของ หนุมานเพื่อกะจังหวัให้ อสูรของ เค้า
หลบการโจมตีของมันให้ทันไปด้วย

“ สถานการณ์ ตอนนี้วิกฤติเข้าขั้นเลย นอกจากต้องไปช่วยโคทาโร่ ที่หายตัวไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ แถมยังใน
เวลาที่จำกัดอีก แล้วตอนนี้ อสูรเทพฝ่ายเราก็โดนชิงไปจนเหลือแต่ เลราเย่ แล้วด้วย ”
มาริน่า ทวนสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนนี้ให้ กับทั้งสองคน

“ งั้นหนทางเดียวตอนนี้ ก็คือต้องหวังให้ ธนัท เอาชนะตัวการของเรื่องนี้ให้ได้เท่านั้นสินะ ”
ภูเขา สรุปทางแก้ของสถานการณ์นี้ซึ่งเป็นทางเลือกที่เหลืออยู่ พวกเค้ามีโอกาสไม่มากนักที่จะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้

“ เอ่อ…คือว่า ใครก็ได้ช่วยบอกทีสิคะว่า เรากำลังสู้กับอะไรกัน ”
ชุติการ ถามเธอ อดทนรอ ที่จะไม่ถามคำถามใดๆเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงที่เธอไม่อยู่
ก่อนจะกลับมาช่วยกันกับ แกรนเดครอส ของเธอและตอนนี้ ความอดทนของเธอมันถึงขีดสุดแล้ว
เธอ อยากจะรู้ให้ได้ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น จนอดจะถามขึ้นมาแม้ในสภาพที่กำลังถูก หนุมาน ไล่จี้อยู่แบบนี้ก็ตาม
มาริน่า ทบทวนและพิจารณาว่าควรจะตอบคำถามเธอตอนนี้ ไหมภ่อนจะถามขึ้นว่า

“ มันยาวนะจะฟังไหมล่ะ ”
มาริน่า พูด พร้อมกับกอดแขนทั้งสองข้างเอาไว้ แน่นอนคำตอบของ ชุติการ เธอพยักหน้ารับทันทีว่าตอนนี้เธอ
อยากรู้ยิ่งกว่าอะไรเสียอีก

“ ได้ เรื่องมันมีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว… ”
“ นี่พวกเธอสองคน ห้อยต่องแต่งอยู่แบบนั้นยังจะมีเวลามาเล่านิทานกันอีกเรอะ! ”
ทันทีที่ มาริน่า เอ่ยปากขึ้น ภูเขาก็แทรกเข้ามาตัดบทก่อนทันที

“ เมื่อกี๊มันมุข …เข้าเรื่องเลยนะ ประธานปอร์ ติดต่อมาที่พวกเราเหล่า Master Ceremony ว่ามีใคร
บางคนปลดผนึกของสามอสูรบรรพกาล ที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า และเอาพวกมันออกมาแล้ว… ”
มาริน่า แย้งกลับก่อนจะเริ่มเล่าที่มาที่ไปทั้งหมด

“ และบางทีเป้าหมายของคนที่เอาพวกมันออกมา ก็อาจจะเป็นที่กรุงเทพฯนี่เพราะเป็นเมืองที่มีพลัง
ของเทพสถิตย์อยู่มาก ”
ภูเขา ช่วยเธอ อธิบายด้วยแม้จะยังเจ็บแผลอยู่ก็ตามที

“ พลังของเทพเหรอ ? ”
ชุติการ ทวนคำอย่าง งงๆกับเรื่องที่ได้ฟัง

“ หมายถึงคลื่นความเข้มของพลังงานเวทย์ น่ะ ”
ภูเขา ช่วยอธิบายเพิ่มให้แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

“ อสูรเทพจะต่างจากอสูรทั่วไปก็ตรงที่ความต้องการชนิดของพลังงานที่จะคงรูปร่างเอาไว้ต่างกัน
โดยปกติ อสูร จะดูดกลืนเอาพลังเวทย์ที่สร้างขึ้นมาจาก ไดนาเมซ ตรงๆเลยแต่ว่า ความเข้มข้นของ
คลื่นพลังเวทย์มันต่ำ กับ อสูรเทพที่มีขีดพลังความสามารถเหนือกว่าอสูรทั่วๆไป จำเป็นต้องการพลัง

ที่มากกว่าเพื่อคงรูปร่างเอาไว้ในโลกแห่งความจริงนี้ ดังนั้นในตอนที่ทำการอัญเชิญ อสูรเทพความเข้มข้น
ของพลังงานที่ปล่อยออกมาจาก ไดนาเมซ จะพุ่งสูงขึ้นเพื่อเป็นต้นทุนในการเปลี่ยนแปลงพลังงานธรรมดาให้
เป็นพลังงานที่ต้องการไปด้วย ”

มาริน่า อธิบายไปเรื่อยๆโดยที่ระหว่างนั้น หนุมานก็โฉบไล่ขึ้นมาถึง 2 ครั้งด้วยกัน แต่ คิระ ก็พาหลบได้ทุกครั้งไป

“ แล้วก็สำหรับอสูร ที่ถูกผนึกสะกดชั้นสูงของ อสูรด้วยกันเองพลังที่มีอยู่ในวิญญาณจะถูกรีดออกมาจนหมด
ทำให้ไม่สามารถสร้างรูปร่างและคงไว้ในโลกได้ ทันทีที่ผนึกถูกปลดออก พลังเหล่านั้นจะค่อยๆฟื้นกลับขึ้นมาและยิ่งถ้ามี
พลังงานที่ต้องการลอยอยู่ๆรอบๆจากภายนอกล่ะคิดว่ามันจะเป็นยังไง ”

มาริน่า พูดมาจนถึงตรงนี้เธอก็หยุดให้ ชุติการ คิดเองบ้าง

“ การฟื้นสภาพก็จะ…ทำได้เร็วขึ้น ”
ชุติการ เปรยเสียงสั่น ไม่ใช่เพราะว่าเธอกลัวในอะไร แต่เป็นความทึ่งต่อพลังการฟื้นสภาพของ อสูรเทพบรรพกาล
ที่ถูกสะกดมานานนับ สิบปีขนาดนั้นกลับสามารถฟื้นคืนพลังมาได้อย่างรวดเร็วปานนี้

“ ใช่เพราะงั้นพวกเราที่รู้ถึงเรื่องนี้และความเป็นไปได้ที่เป้าหมายของศัตรูคือการมาที่
เมืองนี้ก็เลยวางแผนรับมือเอาไว้ ”
คิระ ช่วยส่งท้ายให้ก่อนจะสั่งให้ อสูรของเค้า พาทุกคนบินขึ้นไปสูงอีกหน่อยเพื่อจะหลบ อาคารสูง

“ ตอนแรก ฉันกับ มาริน่า สงสัยในตัวของนักเรียนใหม่ที่ชื่อ ลูเซีย นั่นก็เลยส่ง อิส ให้ไปสืบดู
แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้ไป… ”
มาริน่า เล่าต่อถึงเบื้องหลังของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนทั้งหมด

“ กลายเป็นแบบนี้…หมายถึงที่รุ่นพี่ คิระ เข้าไปแทรกระหว่างการดวลจน ธนัท เข้าโรงหมอ น่ะเหรอคะ ”
ก๊อง!!
“ โอ๊ยยย…เจ็บ~~ ”
ชุติการ พูดพล่อยได้ไม่ทันขาดคำ ก็ถูก คิระ เขกหัวเข้าให้ จนต้องยกสองมือขึ้นกุมหัวตรงที่ถูกเขก

“ ใช่ที่ไหนกันเล่า! ”
คิระ แย้งเสียงอุบอิบอย่างไม่พอใจ

“ เรื่องที่เราคาดไม่ถึงน่ะคือ อิส ที่เราส่งไปเพื่อสืบความจริงเกี่ยวกับลูเซีย กลับเป็นฝ่ายถูกพวกมันเล่นงานต่างหากล่ะ ”
ภูเขา ช่วยแก้ให้เธอหายเข้าใจผิด แต่แล้วความสงสัยใหม่ก็บังเกิดต่อขึ้นมา เมื่อ ได้ยินว่าคนที่ถูกเล่นงานกลายเป็น อิสแทน
ทั้งที่เมื่อวานก็ยังเห็นดีๆอยู่

“ เอ๋? ”
เธอสงสัยเสียจนอดร้องออกมาไม่ได้

“ เราเองก็พึ่งมารู้หลังจากที่เค้ากลับไปที่คฤหาสน์ของฉันเมื่อวาน แต่เค้าก็หนีไปได้ซะก่อน ”
มาริน่า เล่าต่อถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานหลังจาก กลับไปแล้วทันทีที่การถ่ายเลือดของ ชุติการ
เสร็จเป็นที่เรียบร้อย

“ เมื่อกลางวันฉันเลยไปถามเอากับเธอตรงๆเลยถึงได้รู้ว่าเธอคนนี้ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับ เทพอสูรเลยแม้แต่นิดเดียว ”
ภูเขา พูดต่อ เรื่องราวต่างๆเริ่มปะติดปะต่อกันทีละนิดทีน้อยในหัวของ เธอหลังจากได้ฟังที่พวกเค้าเล่ามา

“ ฉันก็เลยขอให้เธอช่วยไปจัดการถ่วงเวลา อิส ไว้เพราะถ้าเกิดอีกฝ่ายใช้เค้าเป็นตัวประกันขึ้นมา จะแย่เอา ”
ภูเขาพูดจบ มาริน่าก็ต่อความขึ้นมาทันที

“ แล้วก็เมื่อกี๊ ลูเซีย ติดต่อเข้ามาบอกว่าช่วย อิส ได้แล้วด้วย ”
มาริน่า พูดจบ ชุติการ ก็โล่งใจขึ้นมาเป็นกอง

“ ดีจัง.. ”
ชุติการ พูดแต่แล้ว มาริน่า ก็แย้งกลับขึ้นมา

“ แต่ที่แย่กว่า…ตอนนี้เรายังไม่มีวิธีรับมือกับ พลังของอีกฝ่ายเลยทั้งการควบคุมอสูรเทพตนใดก็ได้การปลดผนึกของจอมทัพสวรรค์ที่สะกดสามอสูรบรรพกาลเอาไว้ ล้วนเป็นพลังของ Heroic ทั้งนั้น ”
มาริน่า กล่าวแม้แต่ในคำพูดของเธอที่ปกติจะหนักแน่นและเฉียบคมอยู่ตลอดเวลาแต่เมื่อกล่าวถึงอำนาจที่ศัตรูมีตอนนี้
ก็ทำให้น้ำเสียงของเธอ พร่ามัวลงไปด้วย ในขณะที่สายตาได้แต่จ้องมอง เลราเย่ ที่กำลัง ถูกรุม จากเทพอสูร ถึง 5 ตนด้วยกัน
จนล้มระเนระนาดไม่เป็นท่าแล้ว

“ ฮีโร…อิก….นั่นมันอะไรกันคะ?~ ”
ชุติการ ถามอีกครั้งเมื่อมีคำที่เธอไม่เข้าใจเพิ่มเข้ามาอีกแล้ว

“ ก็เหมือนกับระดับของผู้ร่ายอสูรน่ะ อย่าง ชุติการ กับ มาริน่า คือ Angel ใช่ไหม Heroic ก็เหมือนกันเพียงแต่มันเป็นระดับสูงกว่า Angel ไม่สิ สูงกว่าระดับ Summoner Master ซะอีก ”
ภูเขา ช่วยอธิบายให้เธอเข้าใจอย่างง่ายที่สุดแต่ก็เหมือนจะทำให้เธฮ งงหนักเข้าไปกว่าเดิมอีก

“ ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆหน่อยมันก็คือพลังที่มีไว้ควบคุมพระเจ้า…หึย ”
คิระ แทรกเข้ามาแต่ยังไม่ทันพูดจบ หนุมานที่กระโจนบุกเข้ามาอยู่หลายครั้งก็ ไต่ตึกที่อยู่สูงกว่าระดับที่พวก
เค้าบินกระโจนลงมาบนหลังของ ผ้พิทักษ์เลกซ์เดทีโอ ที่พวกเค้านั่งอยู่

“ ว้าย!! ”
ชุติการ กรีดทันทีเมื่อ ร่างของเธอที่ถูกกรงเล็บของผู้พิทักษ์หิ้วเอาไว้ เหวี่ยงโคลงเคลงไปมา
อีกทั้ง หนุมานที่ขึ้นมานัวอยู่บนหลังของผู้พิทักษ์ ก็พลักร่างของ ภูเขา ให้ล้มจบเกือบจะพลัดตกลงไป
ทั้งสองยื้อสู้กันเป็นพัลวัล

“ จัดการเลย! ”
คิระ ตะโกนก่อนที่ ผู้พิทักษ์อีกตน ซึ่งเค้าพึ่งเรียกเพิ่มออกมา จะใช้ดาบเหล็กกล้าเล่มใหญ แทงทะลวง
ร่างของ หนุมาน ทะลุจากหลังถึงอก ก่อนจะเหวี่ยงดาบทิ้งลงไปพร้อมๆกับร่างของมัน จนหายลับลงไปในซอกหลืบของ
อาคารด้านหลัง ซึ่งเต็มไปด้วยกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวท่วมท้ม

“ พลังที่สูงซะจนเอื้อมไม่ถึง… ”
คิระ เปรยขณะที่เข้าไปพยุงร่างของ ภูเขา ขึ้นมา และหันไปดูว่าทั้งสองคนที่ถูกหิ้วไว้ปลอดภัยดีหรือไม่
ซึ่งก็ยังคงห้อยต่องแต่งอยู่เหมือนเดิม แต่สีหน้าของ ชุติการ ก็ ซีดขึ้นมาหน่อย เพราะถูกเหวี่ยงเมื่อครู่

“ น…นึกว่าจะต้องตายซะแหล่ว~~ ”
ชุติการ เปรยเสียงเนือย พลางหอบหายใจเข้าออกอย่างรวดเร็ว สันหลังยังไม่หายเย็นเชียบจากเหตุการณ์หวาดเสียง
เมื่อครู่

“ แล้วตอนนี้ ธนัท ก็กำลังดวลกับคนอย่างที่ว่าอยู่นั่นล่ะ ”
มาริน่า พูดเสียงเครียด

“ หา!! ”
ชุติการ ร้องออกมาแทบจะทันที เธอมองไปยังทิศที่ อาคารโรงพยาบาลตั้งอยู่

“ ธนัท…. ”
เธอเปรยขึ้นโดยทำได้เพียงแค่ ภาวนา อยู่กลางท้องฟ้าเท่านั้น

…………………………..
………………………………………………….

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp: 3/8 Shrine 11/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 0 Mp 2/8 Shrine 14/15 ]

“ เอ้าว่ายังไง.. ”
อดัม ถามเพื่อขอคำตอบจาก ธนัท หนทางที่มีให้เลือกระหว่าง ชีวิตของ โคทาโร่ กับ ชัยชนะที่อยู่แค่เอื้อมนี้
หากเอาชนะได้ ก็จะทำให้ อสูรบรรพกาลหายไป และทำให้ เมืองปลอดภัย แต่โคทาโร่ ก็จะถูกฆ่าทันที
หรือกลับกันถ้าเลือกที่จะช่วย โคทาโร่ เมืองก็จะต้องพังพินาศและคนอีกหลายคนก็จะต้องตาย
หนทางอันบีบคั้นนี้ สำหรับเค้าแล้วไม่ว่าทางไหนก็ไม่อาจเลือกได้

“ ฉัน..ขอหมดรอบ ”
ธนัท กัดฟันสบถออกมาอย่างเจ็บแค้น เค้าไม่อาจเลือก ได้ไม่ว่าทางใดก็ตาม จึงเลือกที่จะถ่วงเวลาเอาไว้
เพื่อฝากความหวังไว้กับ พี่ชายของเค้าที่จะช่วย โคทาโร่ เอาไว้ได้ก่อนที่การดวลนี้จะจบลง

“ รอบของฉัน จั่วไพ่ ”
อดัม ประกาศด้วยเสียงแหบแห้งก่อนจะดึงเอาการ์ด มิสติกออกมาจากสำรับ 2 ใบ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp: 8/8 Shrine 11/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp 2/8 Shrine 14/15 ]

“ หึๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฉันขอแค่ให้เธอช่วยต่อเวลาให้เท่านั้นเองเพราะฉันอยากจะสนุกกับนาย..ให้มากกว่านี้ ”
เสียงของ อดัม เปลี่ยนเป็น เสียงแหลมหวีดอยู่ซักครู่ก่อนจะกลับมาแหบแห้งตามเดิม

“ Cost mp 2 ให้ Twin Star ทำงาน ฉันจะได้จั่วการ์ดขึ้นมาอีก 2 ใบ ”
อดัม ประกาศพร้อมกับร่ายมิสติกการ์ดบนมือ ออกมา แล้วจึงจับการ์ดมิสติกจาก ช่องสำรับมาเพิ่มไว้บนมืออีก 2 ใบ

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp: 8/8 Shrine 11/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 3 Mp 0/8 Shrine 14/15 ]

“ แล้วให้ กาเบรียล ย้ายขึ้นที่ At Line หมดรอบของฉัน ”
อดัม สั่งการก่อนจะประกาศจบรอบการเทิร์นของตน พร้อมกันกับ อัครเทวดา กาเบรียล ได้ย้ายขึ้นไปประทับที่แนวหน้า

“ รอบของฉัน จั่วไพ่! ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับ จับเอามิสติกการ์ดจากช่องสำรับขึ้นมาเพิ่มอีก 2 ใบ


[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 5 Mp: 8/8 Shrine 11/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 3 Mp 8/8 Shrine 14/15 ]

{ถึงจะบอกว่าแค่ต้องการให้เรายืดเวลาให้ก็เถอะ แต่ถ้าทำอะไรไปตอนนี้ จะทำให้
โคทาโร่ ไม่ปลอดภัยเอา งั้นก็ต้องตั้งรับไปก่อน}
ธนัท คิดพร้อมกับหากลยุทธ์ ที่จะตั้งรับการบุกสวนของ อดัม ไม่ให้เค้าแพ้ไปเองเสียก่อน ในขณะที่ยังไม่สามารถ
เอาชนะได้

“ Cost Mp 6 Mystic พื้นที่(PA) เทนงู(Ten gu) กับ ซากุระเลือด(Crimson Sakura) ทำงาน ”
สิ้นคำ พร้อมกับมิสติกการ์ดบนมือ 2 ใบถูกโยนลงไปในสนาม ผนึกการ์ดก็ทำการดูดซับละอองแสงรอบๆเข้าก่อนจะเกิดแสงสว่างวาบขึ้นพักหนึ่งและจางหายไป สนามก็ถูกเปลี่ยนให้ เนินชะง่อนหินผา งอกเยื้อง ออกมาบนชะง่อนผานั้น มีต้นซากุระซึ่ง ใบของมันเป็นสีแดงฉาด ราวกับเลือด ส่วนการ์ด เทนงู ก็ทำให้เกิดสายลมอ่อนๆพัดโฉยไปทั่วสนาม

รูปภาพ
รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp: 2/8 Shrine 11/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 3 Mp 8/8 Shrine 14/15 ]

“ เวทมนต์พื้นที่ เทนงู จะช่วยเพิ่มพลังให้กับ อสูร ประเภทนินจา ส่วนซากุระเลือดจะช่วยถ่วงเกมของอีกฝ่าย
โดยจะลบ Mp ลง1 ทุกครั้งที่อีกฝ่ายโจมตีได้ ”
เคียว อธิบายผลของการ์ดที่พึ่งถูกร่ายออกมา

“ แต่ว่าหนา แทนที่จะร่ายการ์ดออกมาช่วยถ่วงเวลาแบบนั้นสู้ แอทแทค(Attack)เข้าไปตรงๆเลยไม่ดีกว่าเหร่อ ”
แอน หันไปออกความเห็นบ้าง

“ ไม่หรอก..แบบนั้นแหละดีแล้ว ”
ไดสุเกะ แย้งความคิดเห็นของเธอ ทำให้ ทั้งเคียวและ เธอหันมามองด้วยความสงสัย

“ ตอนนี้ มี เซนาคาว่าคุง คนเดียวที่ยังยืนยันสถานะไม่ได้ แล้วก็หาก เลราเย่ ที่ยืนอยู่ในสนามรบตรงนั้น
เป็น อสูร ที่เค้าอัญเชิญมาจริงๆอย่างที่ ทั้งสองคนนั่นพูดกัน นับว่าอันตรายมากที่จะไปทำให้อีกฝ่ายโมโห ”
ไดสุเกะ พูดเสียงเครียด

“ หา!! เลราเย่ นั่นหน่าเหร่อ โคทาโร่ เป้นคนเรียกมา!? ”
แอน ตะเพิดขึ้นทันที พร้อมกับมองไปที่ เลราเย่ ที่ตอนนี้ ถูกทำให้ หมดสภาพนอนกองอยู่กับตัวอาคารไปแล้ว
โดยทั้งร่างถูก เลเวียทานรัดพันเอาไว้ แขนทั้งสองข้าง ก็ถูก อัลคารากอน กับ แกรนเดครอส ใช้แขนดึงเอาไว้
และลำตัวถูกกดทับด้วยร่างช้างสารของ บีทฮีมอท โดยมี ซิส ที่ยื่นกรงเล็บรอปลิดชีพมันได้ทุกเมื่อ หากผู้
บงการเบื้องหลังต้องการ

{ถึงตอนนี้จะยืดเวลาออกไปได้เถอะแต่นั่นเพราะ ธนัท ยังได้เปรียบอยู่ ถ้าปล่อยเอาไว้จนถูกพลิก
กลับมาเป็นฝ่ายรับจริงๆล่ะก็ ต้องแย่แน่ รุ่นพี่ฟรานซิสก้า ก็มือไม่ว่างด้วย แล้วบางทีตัวประกันที่ ถูกต่อรอง
อยู่ตอนนี้บางทีอาจจะเป็นพวกเราทั้งหมด}
ไดสุเกะ คิดโดยพยายามจะเคลื่อนไหวให้ระวังที่สุดไม่ให้ อดัม จับได้ เพราะหากเค้าพลาดแม้แต่นิด คนอื่นๆ
อาจจะตกอยู่ในอันตรายตามไปด้วย


“ ฉันขอหมดรอบ ”
เสียงประกาศของ ธนัท ดังขึ้น ตอนนี้ รอบการเล่นถูกเปลี่ยนมาที่ อดัม โดยที่ยังมี Mp อยู่เต็มพร้อม

“ จั่วไพ่.. ”
อดัม ประกาศพร้อมกับ จับการ์ดซีลจากสำรับขึ้นมา 2 ใบ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp: 8/8 Shrine 11/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 2 ,Mystic 3 Mp 8/8 Shrine 14/15 ]

“ Cost mp 3 ให้ Sextus Phialam ทำงาน ด้วยของการ์ดใบนี้ตราบเท่าที่มันทำงานอยู่ในสนาม เมื่อจบ
Sub-Turn ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายจะต้อง สังเวย(Sacrifice) อสูร ของตัวเอง ที่โจมตี สำเร็จในรอบนั้นๆ ”
อดัม อธิบายผลไปด้วยขณะที่ นิมิตของทูตสวรรค์องค์ที่6ออกมาเทขันซึ่งบรรจุของเหลวสีดำลงบนสนามก่อนจะหายไป
โดยที่ของเหลวสีดำย้อม พื้นดาดฟ้าให้กลายเป็นสีดำสนิทไป

รูปภาพ

“ Cost mp 4 อัญเชิญ พรินซิเปิล(Principales) ออกมาที่ At Line”
อดัม ปะรกาศพร้อมกับ ร่ายอสูรออกมาจากผนึกการ์ดซีล ที่ขว้างไป ทูตสวรรค์ผู้งดงามปรากฏร่างขึ้นบนสนาม
แนวหน้าพร้อมกับปีกคู่สีขาว

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp: 8/8 Shrine 11/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp 1/8 Shrine 14/15 ]


“ เมื่อ พรินซิเปิล เข้ามาในสนามทำให้ ฉันเอาอสูรประเภท Divine ธาตุแสง Lv.1 เข้ามาใน
สนามจากกองการ์ดได้เลย ฉันให้ แองเจลิส เข้ามาที่ Df Line ”
สิ้นคำ ทูตสวรรค์ องค์น้อยก็ปรากฏขึ้นบนสนามแนวหลังข้างๆ กาเบรียล

“ และ Cost Mp อีก 1 เพื่อเรียกให้ แองเจลิส อีกใบบนมือ ออกมา หมดรอบแค่นี้ ”
อดัม กล่าวพร้อมกับส่ง อสูรอีกใบบนมือลงไป ทูตสวรรค์องค์น้อยอีกองค์ก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ กาเบรียล เช่นกัน

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp: 8/8 Shrine 11/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp 0/8 Shrine 14/15 ]

“ รอบของฉัน จั่วไพ่ ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับ จับการ์ด มิสติกขึ้นมา 2 ใบ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 5 Mp: 8/8 Shrine 11/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp 8/8 Shrine 14/15 ]

“ ฉันขอหมดรอบโดยไม่เล่นอะไร… ”
ธนัท ประกาศจบรอบของเค้าเองทันที โดยไม่แม้แต่ จะอัญเชิญอสูรหรือ วางหมากใดๆเพิ่มไว้เลย
เพื่อนๆที่มองดูการแข่งต่างมองหน้ากันเลิกลั่ก แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา เพราะตอนนี้พวกเค้าก็ทำได้แค่ยืน
ดูอยู่เฉยๆเท่านั้น ขณะที่ อดัม ซึ่งถูกควบคุมอยู่ จับการ์ดซีล กับ มิสติกขึ้นมาจากกองอย่างละใบ

{ต้องอย่างนั้น ทานาทอส นายจะต้องสิ้นหวังและโกรธแค้นฉันเข้าไปเอาให้มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
เพราะที่ฉันโปรดปรานที่สุดก็คือด้านลบในใจของนาย หึๆๆ}
ความนึกคิดของผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง ยิ่งทำให้อารมณืรื่นเริงขึ้นไปอีก ที่ ธนัท มองผ่านดวงตาของ อดัม
มาที่เค้าด้วยสีหน้าเคียดแค้น และจิตสังหารที่พร้อมจะขยี้เค้าให้แหลกมันนับเป็นยาชูกำลังอย่างดีทีเดียว

“ รอบของฉัน Cost mp 5 จงฟังเสียงของ แตรคันที่ 6 Sextus Tuba ”
อดัม ประกาศพร้อมกับ ร่ายมิสติกบนมืออกไป นิมิตทูตสวรรค์องที่ 6 ซึ่งคราวนี้มาพร้อมแตรเขาสัตว์คันใหญ่
และ กลุ่มเทวดาซึ่งถูกจองจำ โด้วยโช่พันธนาการรอบกาย ให้นั่งคุกเข่า อยู่บนพื้นสนามถึง 4 องค์ด้วยกัน

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 5 Mp: 8/8 Shrine 11/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp 3/8 Shrine 14/15 ]


“ เพื่อให้ Sextus Tuba ทำงานฉันจะต้องส่งอสูรประเภท Divine 4 ใบกลับเข้าไปในสำรับจากนั้นจะทำลาย
อสูร บนพื้นที่ได้ ตัวนึง ให้ พรินซิเปิล กาเบรียล และ แองเจลิส อีก 2 ใบกลับเข้ามาในสำรับ แล้วทำลาย อาแมนคริส ซะ! ”
สิ้นคำ อสูรทั้งหมดในสนามของ อดัม ก็สลายตัวกลายเป็นแสงพุ่งกลับเข้าไปในสำรับ ทันที

“ แย่แล้ว ถ้าเกิด อาแมนคริส ถูกทำลายไปตอนนี้ล่ะก็ ธนัท จะแพ้ทันทีเลยนะ ”
เคียว ตะเพิด ขึ้นมา ทันที วินาที ความพ่ายแพ้กำลังจะมาเยือนในอีกไม่ช้า เมื่อ ทูตสวรรค์ ยกคันแตรขึ้นเป่า
โซ่พันธนาการ ก็ขาดสะบั้น พร้อมกับ เหล่าเทวดา ที่คลายจากพันธนาการ พุ่งทะยานเข้าจู่โจม ใส่เทพมังกรสรรพธาตุ

{ฉันรู้น่า~ ของแค่นี้น่ะส่งนายไปลงนรกไม่ได้หรอก}
ผู้บงการคิดอย่างมั่นใจ แม้ว่า เทวดาทั้ง 4 กำลังจะตรงเข้าไปเพื่อฉีก

“ Cost Mp 2 ให้ นักบวชชั้นสูงแห่งศาสนจักร (High Priest of Ekklesia) ทำงานจากบนมือ ทำลายมิสติกการ์ดที่กำลังร่ายได้ใบหนึ่ง ทำลาย Sextus Tuba ซะ! ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับ ร่ายการ์ดออกไปให้ตรงกับจังหวะ ที่ เทวดาสังหาร 4 องค์ พุ่งเข้ามาจวนเจียนจะถึงแล้ว
ทันทีที่ มิสติกทำงาน นักบวชชั้นสูง ก็ปรากฏตัวขึ้นก่อนจะชี้ นิ้วตรงออกไป ยังเหล่า เทวดาสังหารทั้ง 4 ไฟศักดิ์สิทธิ์
พวยพุ่งออกจากนิ้ว เข้าเผาผลาญ เทวดาสังหารทั้ง 4 สลายไปในทันที ช่วยให้ทุหคนที่ยืนลุ้นจนตัวโก่ง ถอนหายใจ
กันเป็นแถบ

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 4 Mp: 6/8 Shrine 11/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp 3/8 Shrine 14/15 ]

“ Cost mp 3 อัญเชิญ อัครเทวดา ราฟาแอล (Archangel Raphael)สู่ At Line ”
สิ้นคำ ซีลการ์ดก็ถูกร่ายออกไป พร้อมกับการอัญเชิญ ของ อัครเทวดาองค์ที่ 6 ราฟาแอล สู่แนวหน้า
อัครเทวดาแห่งการเดินและการรักษา

รูปภาพ


[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 4 Mp: 6/8 Shrine 11/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp 0/8 Shrine 14/15 ]

“ รอบของ ฉัน จั่วไพ่! ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับจับการ์ดมิสติกขึ้นมาอีก 2 ใบ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 6 Mp: 6/8 Shrine 11/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp 8/8 Shrine 14/15 ]

“ Cost mp 2 ติดตั้ง Mystic อุปกรณ์ (Relic) ชูริเคน (Shuriken) 2 ใบ ให้กับนินจาลมหมุน ”
ธนัท ประกาศจบ ก็ร่ายมิสติกการ์ดออกมาสองใบ ทันทีที่ผนึกการ์ดปลดออก ก็ปรากฏ ดาวกระจายอันขนาดพอดีฝ่ามือ
สองอัน ในมือของ นินจาลมหมุน

รูปภาพ

“ และ ติดตั้ง Mystic อุปกรณ์(Relic) นินจาแดกเกอร์(Ninja Dagger) ให้ ชิโรอิ อีก 2ใบ เนื่องจากมี อสูรประเภท นินจา
อยู่บนพื้นที่ ทำให้ Mp Cost ของนินจาแดกเกอร์ ลดลง 1 จึงไม่ต้องจ่ายค่า Cost เพื่อร่ายมันออกมา ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับ ร่ายเพิ่มออกมาอีก 2 ใบ คราวนี้ นินจาสาวชิโรอิ รับมีดสั้นสองเล่ม ไปถือไว้แทน
มีด คุไน อันเก่าของเธอ

รูปภาพ

“ แล้ว Cost mp 4 Mystic อุปกรณ์(Relic) หนังสือแห่งการปฏิวัติ(Book of Revolution) ทำงาน จะต้องส่ง Mytic Card
ทั้งหมดบนพื้นที่ไปที่ Shrine จากนั้น จั่วการ์ดขึ้นมาเท่ากับจำนวน Mystic ที่ส่งไป และให้ผู้เล่นคนใดก็ได้ ส่งการ์ดใบบนสุดของสำรับใดสำรับหนึ่งไปยัง Shrine เท่ากับจำนวนเดียวกัน ”

ธนัท อธิบายผลของ การ์ดที่ร่ายออกมาจนจบ

รูปภาพ

“ จงใจร่ายมิสติกที่ไม่จำเป็นบนมือ ลงมาเพื่อ ทำลายกองการ์ด ของอีกฝ่ายแล้วยังทำให้ได้
จั่วการ์ดเพิ่มขึ้นมาใหม่ได้ ด้วย ”
เคียว สรุปการเล่นผสานทั้งหมด ที่เริ่มมาตั้งแต่รอบการเล่นนี้ ขณะที่ ผลของ การ์ดที่ ธนัทร่ายไปเริ่มสำแดงฤทธิ์
เดชของมัน พื้นสนามที่ชุ่มโชกไปด้วยของเหลวสีดำ จาก ขันของทูตสวรรค์ เนินซากุระ เลือด และเทนงู ไปจนถึง
อุปกรณ์ทั้งหมด ที่ นินาลมหมุน กับ ชิโอริ ถืออยู่ก็ สลายกลายเป็นละอองไปหมดก่อนจะกลับเป็นการ์ดร่อนลงช่อง
Shrine ของปลอกแขนทั้งสองฝ่าย

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 1 Mp: 0/8 Shrine 11/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp 8/8 Shrine 14/15 ]

“ Mystic Card ในสนามของฉันมี ซากุระเลือด เทนงู นินจาแดกเกอร์ 2 ใบ กับ ชูริเคน อีก 2ใบ
รวมกับ Sextus Phialam ของนายทั้งหมดมี 7 ใบ ฉันจะได้จั่วการ์ดขึ้นมา 7 ใบ ”
ธนัท พูดพร้อมกับ จั่ว มิสติกขึ้นมา 7 ใบ
[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 8 Mp: 0/8 Shrine 11/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp 8/8 Shrine 14/15 ]

“ และเพราะ การ์ดบนมือของฉันมีมากกว่า 7 ใบฉันขอทิ้ง Mystic Card ไป2 ใบ ”
ธนัท พูดจบก็ส่ง มิสติกการ์ด 2ใบจากมือของเค้าไปเก็บไว้ที่ ช่อง Shrine

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 6 Mp: 0/8 Shrine 11/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp 8/8 Shrine 14/15 ]

“ และตอนนี้นายจะต้องส่งการ์ดใบบนสุดของ สำรับไปที่ Shrine 7 ใบ ”
ธนัท ประกาศ อดัม จับเอาการ์ดมิสติกจากสำรับมา 7 ใบก่อนจะส่งลงไปในช่อง Shrine

“ หมดรอบแค่นี้ ”
ธนัท ประกาศจบรอบของตัวเอง แม้จะพึ่งใช้กลยุทธ รุกทางอ้อมเมื่อครู่ออกไปแล้ว ก็ตามสีหน้าของ
อดัม ที่ถูกบงการเอาไว้ก็ไม่มี ท่าทีตื่นตาไปกับกลยุทธเลยแม้แต่น้อยหรือแม้แต่ คิดเจ็บแค้นที่ถูก
ทำให้ต้องเสียการ์ดในสำรับไปหลายใบก็ตาม

“ ต้องอย่างงี้สิ หึฮะๆๆ ใช่แล้วถ้าให้มันจบง่ายๆแค่ตรงนี้ล่ะก็ ฉันยอมรับไม่ได้หรอก….รอบของฉันจั่วไพ่! ”
อดัม พูดเสียงแหบ ก่อนจะจับเอา ซีลกับมิสติกขึ้นมาอย่างละใบ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 6 Mp: 8/8 Shrine 11/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 3 Mp 8/8 Shrine 14/15 ]

“ หึๆ ในที่สุดก็ขึ้นมาแล้ว แต่ต้องให้นายได้ลิ้มรสความเจ็บปวดยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีกซะก่อน ”
อดัม มองการ์ดที่พึ่งจับขึ้นมา แล้วจึงแสยะยิ้ม ก่อนจะหยิบเอา มิสติกอีกใบบนมือ ร่ายออกไป

“ Cost Mp 4 จงฟังเสียงแตรคันสุดท้ายซะ ทานาทอส Septimus Tuba ”
ทันทีที่ มิสติกการ์ดทำงาน ท้องฟ้าก็เกิดฟ้าแลบ แปลบปลาบขึ้น ขณะนิมิตทูตสวรรค์แห่งแตรคันที่ 7 ปรากฏขึ้นในสนาม
และทันทีที่ คันแตรเขาสัตว์ถูกเป่า ก็เกิดสายฟ้าฟาดลงมาบนพื้นสนาม จนเกิดแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่ว ทันที
ที่แสงนั้นจางลงและหายไปพร้อมกับ นิมิตของทูตสวรรค์ ภายในสนามของ ธนัท ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เมื่อ อสูรที่เคยอยู่ในแนวรับด้านหลัง กลับขึ้นไปอยู่ในแนวหน้า และ อาแมนคริส ที่ยืนรับอยู่ที่แนวหน้ากลับย้ายมาอยู่ด้านหลังแทน อีกทั้ง อสูรทุกตัวยังอยู่ในสภาพที่ อิดโรยจนล้มลงทุกตัว

รูปภาพ

“ ด้วยผลของ Septimus Tuba มันจะทำให้ อสูรทุกตัวที่รวมร่างบนพื้นที่อีกฝ่ายแยกการรวมร่าง จากนั้นก็จะสลับไลน์
ที่เคยอยู่กัน และลดทั้ง At และ Df ลง 2 หน่วยเป็นเวลา 1 Turn ”
อดัม อธิบายด้วยยิ้มอันรื่นเริง ที่ได้เห็นสีหน้าแตกตื่นของ ธนัท

“ Cost Mp 1 ราฟาแอล โจมตีไปที่ ฮิเดโกะ การเดินทางแห่งเทพ!(God Walk) ”
สิ้นคำ อัครทูตสวรรค์ ราฟาแอล ก็ยกไม้เท้าขึ้น ลำแสงพุ่งออกจากหัวไม้เท้า สาดใส่ร่างของ
เจ้าหญิงฮิเดโกะ(Princess Hideko) จนแหลกสลายไปในที่สุด

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 6 Mp: 8/8 Shrine 13/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 2 Mp 3/8 Shrine 14/15 ]

“ อ๊ากกก!! โอ๊ยย!! ”
เสียงร้องโอด ครวญดังขึ้นก่อนที่ ธนัท จะลงนอนเกลือกกลิ้งอย่างทรมาน ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างสะใจของ
ผู้บงการ

“ ฮะๆๆๆๆเจ็บมากเลยล่ะสิ เจ็บมากเลยใช่ไหมล่ะ ฮะๆๆๆ นั่นล่ะคือความรักของฉันที่นายสอนให้ไง ทานาทอส~ ”
ผู้บงการพูดผ่านปากของ อดัม เสียงระรื่น บรรดาเพื่อนของ ธนัท ต่างตกใจทำอะไรไม่ถูกกันเลย
ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ที่รู้แน่ๆอย่างหนึ่งนั้นคือสิ่งนี้เป็นฝีมือของ คนที่กำลังบงการ อดัม อย่างแน่นอน

“ อึก…โอ๊ยย..นี่แก…ทำอะไรกับฉัน… ”
ธนัท เค้นเสียงเท่าที่มี ถามออกไป

“ ฮะๆๆ ฉันลืมบอกไป นี่คือ Chaos Game แบบที่ฉันจัดมาให้นายโดยเฉพาะเพื่อนายเพียงคนเดียวเลย
ทานาทอส~~ ความเจ็บปวดที่อสูรได้รับ ผู้เล่นก็จะได้รับมันไปด้วยเป็นสุดยอดของเกมที่จะมอบความรักของเราให้กันได้อย่างถึงพริกถึงขิงเลยใช่มั้ยล่ะ ดูสายตาของนายสิ นายกำลังบอกว่ามันสนุกจนอดใจไม่ไหวเชียวเหรอ ฮะๆๆๆๆ ”

ผู้บงการ เปรยเสียงระรื่นและให้ อดัม ตีสีหน้าเริงร่าไปกับสภาพของเค้า ที่ถูกความเจ็บปวดอัดกระแทกจากทั้งร่าง

“ รอบของฉันยังไม่จบ Cost Mp 3 เพื่อให้ Skill ราชินีผู้เหย่อหยิ่ง(Queen Dowager)ทำงานจากบนมือทิ้งการ์ดใบนี้ไป
จากนั้นร่าย Seal ที่มี Lv.5 ลงมาได้เลยโดยไม่ต้องจ่ายค่าร่าย ”
อดัม ประกาศพร้อมกับทิ้งมิสติกบนมือลงไป

รูปภาพ

“ ล…เลเวล 5 … ”
ทุกคนเปรยขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน กับคำพูดของ อดัม สายตาทุกคู่ต่างจดจ้องไปยัง การ์ดซีล ใบสุดท้ายบนมือของเค้า

“ อสูรเทพงั้นเหรอ… ”
ฟรานซิสก้า ซึ่งกดตัวเฟรย์ เอาไว้ เปรยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของทุกคนที่ดังแว่วเข้ามา

“ ออกมาเลย สาวกที่แข็งแกร่งที่สุดของพระเจ้าจอมทัพแห่งสวรรค์ อัครเทวทูต มิคาเอล!!!(Archangel Michael) ”
สิ้นคำและเมื่อ การ์ดผนึกซีล ถูกร่ายออกไปก็ผลันเกิดเมฆหมอกมากมายมหาศาลไหลออกมาจากการ์ดผนึก ละอองแสงพลังเวทย์ทั่วทั้งสนามแทบจะถูกดูดกลืนเข้าไปในการ์ดนี้จนหมดสิ้น และในที่สุดผนึกก็แตกออกพร้อมร่างซึ่งอาบไว้ด้วย
แสงสว่างจะปรากฏขึ้นบนสนามรัศมีซึ่งพวยพุ่งออกมาจากร่างทั้งร่าง มีพลังมากพอที่จะทำให้ร่างกายสั่นไหวไปทั้งร่าง

แรงกดดันมหาศาลกดให้ทุกคน นอกจาก อดัม ล้มทรุดลง ประหนึ่งแบกภูเขาไว้บนหลัง ดวงเนตรอันคมกริบซึ่งจ้องมอง
มาที่เค้านั้น บาดทะลุเข้าไปถึงเส้นประสาท เหมือนเนื้อที่ห่อหุ้มร่างกำลังถูกเลาะออก กายาของจอมทัพแห่งสวรรค์
เพรียบพร้อมไปด้วย ยุทธพัณฑ์ทั้งแขนเสื้อซ้ายและขวา สวมฝักดาบซึ่งมีดาบพิฆาตมารร้าย เสียบเอาไว้พร้อม
รัศมีแสงรอบๆค่อยแปรเปลี่ยนเป็น สะเก็ดสีขาวที่ละน้อยๆจับตัวกันเป็นปีกสีขาวและผืนผ้าพันทับปีกทั้งสอง

“ นี่น่ะเหรอ..จอมทัพ…แห่งสวรรค์ มิ.คา.เอล ”
ธนัท เปรยแม้จะยังเจ็บอยู่แต่เค้าก็ไม่อาจละสายตาไปจาก ร่างอันยิ่งใหญ่ของ มหาเทพสวรรค์ตรงหน้าไปได้
รูปภาพ

……………………………………………..

ไกลออกไป ที่คฤหาสน์ร้าง ลูเซีย ซึ่งกำลังดูแล อิส ที่หมดสติอยู่ เธอเองก็ได้เห็นแสงสว่างอันเจิดจรัสของ มหาเทพสวรรค์
ซึ่งเปล่งประกายเจิดจ้ามาจนถึงที่นี่

“ แสงนี่มัน…คืออะไรกัน ”
ลูเซีย เปรยเมื่อสัมผัสกับแสงนี้ มันเป็นแสงที่ร้อนผ่าวราวกับเพลิงสีขาวที่พร้อมจะเผาไหม้ชีวิตของผู้ที่เข้ามาสัมผัสมัน

……………………………………………………
ขณะ เดียวกัน มาริน่า คิระ ภูเขา และ ชุติการ ทั้ง 4 ที่ลอยคออยู่กลางอากาศโดยใช้ ผู้พิทักษ์ผนึกเลกซ์เดทีโอ
เป็นภาหนะ ก็สัมผัสกับแสงสว่างนี้เช่นกัน

“ ป…เป็นไปได้ยังไง… ”
คิระ อุทานเสียงติดขัด กับสิ่งที่ได้เห็น ร่างของมหาเทพสวรรค์ซึ่งปรากฏอยู่เหนืออาคารพยาบาล

“ อัครเทวทูตมิคาเอล… ”
ภูเขา เปรยสายตาตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นไปด้วย

“ เทพอสูรที่ทรงพลังอำนาจที่สุด จอมทัพแห่งสรวงสวรรค์… ”
ชุติการ เอ่ยขึ้นแม้ปากจะขยับอยู่แต่สายตาของเธอก็เลื่อนลอยไปนานแล้ว

“ แปรพักต์ไปซะแล้ว….พระเจ้าน่ะ… ”
มาริน่า พูดน้ำเสียงแผ่วเบาไม่ว่าใครก็ตามหากเป็นศัตรูเมื่อได้เห็นร่างอันเจิดจรัสนี้ ความวิบัตสันตะโร
คือสิ่งที่มันจะมอบให้ ดาบของพระเจ้า

…………………………….
…………………………………………………………..

ห่างออกไปไม่กี่ช่วงตึก ศรี ซึ่งแบกร่างของริน กำลังหนีจากการไล่ล่าของ ครุฑ และ นาคา เองก็พบเห็นแสงนี้เช่นกัน

“ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน… ”
เค้าสบถ แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะเหลียวกลับไปมอง เพราะ อสูรทั้งสองนั้นไล่เข้ามากระชั้นชิดแล้ว

……………………….
…………………………………………….
……………………………………………………………………..

เหนือขึ้นไปบนดาดฟ้าอาคารฝั่งตรงกันข้ามกับที่ มิคาเอล ปรากฏกาย เงาดำก็คืบคลานเข้าหาแสง
อันน่าเย้า ยวน นี้

/Action Write Invisible/
เสียงแหลมสูงดังกระหึ่มขึ้น มาก่อนที่ร่างเจ้าของเงา จะค่อยปรากฏเรือนขึ้นมา

“ หึแสงของพระเจ้างั้นเหรอ เป็นหน้าที่ของผู้ทำลายพระเจ้าอย่างฉันแล้วสินะ พร้อมไหม ฮาฟล์(Harp) ”
/Yer Sir!/
เจ้าของเงากล่าวพร้อมกับที่ Note ของเค้าซึ่งอยู่ในรูปของปลอกแขนแล้ว จะตอบรับด้วยเสียงอันดังก้อง
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่พร้อมจะได้เห็น พระเจ้าตรงหน้าถูกบดขยี้ให้แหลกเละ

“ ขุนศึกแห่งการทำลายล้าง (Ace of Destruction)จะขอ ออกโรงล่ะนะ ”

To be Continue
………………………………..

…………………………………………………..

Card Pop!!

รูปภาพ

type: divine Mp: 5 / 4 Lv: 5 Rarity: special
At: 12 Df: 12 Sp: 5 Element: light
+[Divine] Tu Solus Dominus At 14 Mp 4
Ability:
Archangel Michael ป้องกันการโจมตี, Skill, Ability และการทำลายจากการสวนกลับจาก [Evil]
เมื่อ [Divine] และ/หรือ [Light] ฝ่ายเราตกเป็นเป้าหมายการโจมตีหรือ Skill ของการ์ดฝ่ายตรงข้าม Archangel Michael At +1 / Infinity Turn
เมื่อ Archangel Michael ตก Shrine จากกองการ์ด นำ Archangel Michael ออกจากเกม
ตราบเท่าที่ Archangel Michael อยู่ใน Shrine [Divine] ทุกใบในสนามฝ่ายเรา At +2
Archangel Michael ป้องกัน Curse


อาทิตย์นี้ลงช้าไปเยอะเลย เพราะต้องไปหาข้อมูลเกี่ยวกับการ์ดชุดใหม่่ๆ อย่าง Terra Saga และ Yellow Golden Sun
อีก พอได้กลับมานั่งเล่นการ์ดกับเพื่อนแล้วก็ นั่งดูนั่งคิดคอมโบเอฟเฟคแล้วเนี่ยมันชวน ให้นึกถึงสมัยมัธยม
ที่พอเลิกเรียนแล้วก็จะลงมานั่งเล่นการ์ดที่ชมรม ตั้งกะบ่ายจนถึงค่ำกลับดึกดื่น ทุกวันพอกลับบ้านกินข้าวเสร็จก็นั่งจัดสำรับ
ต่อ ทุกวันในหัวมีแต่การ์ดกับการ์ดใช้ชีวิตแทบไม่ต่างไปจาก ธนัท สมัยภาค VR แรกๆเลยนะเนี่ย
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ อาทิตย์ พ.ย. 28, 2010 6:36 pm, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 18 Last Duel VIII:Michael

โพสต์โดย Konflyctus MX เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 07, 2010 7:07 am

Wargreamon เขียน:อาทิตย์นี้ลงช้าไปเยอะเลย เพราะต้องไปหาข้อมูลเกี่ยวกับการ์ดชุดใหม่่ๆ อย่าง Terra Saga และ Yellow Golden Sun
อีก พอได้กลับมานั่งเล่นการ์ดกับเพื่อนแล้วก็ นั่งดูนั่งคิดคอมโบเอฟเฟคแล้วเนี่ยมันชวน ให้นึกถึงสมัยมัธยม
ที่พอเลิกเรียนแล้วก็จะลงมานั่งเล่นการ์ดที่ชมรม ตั้งกะบ่ายจนถึงค่ำกลับดึกดื่น ทุกวันพอกลับบ้านกินข้าวเสร็จก็นั่งจัดสำรับ
ต่อ ทุกวันในหัวมีแต่การ์ดกับการ์ดใช้ชีวิตแทบไม่ต่างไปจาก ธนัท สมัยภาค VR แรกๆเลยนะเนี่ย


อารมณ์นี้มันประมาณ Nostalgia หรือ Deja Vu รึเปล่าครับ เหอะๆ

ช่วงนี้แทบไม่ได้แตะการ์ดเลยเน้อ Omega เพื่อนยาก เมื่อไหร่จะได้สู้ไปด้วยกันล่ะ รอวันนั้นอยู่

----------

7 to 1 สมบูรณ์แบบ Archangel ว่าแต่ Ace of Destruction จะมาปั่นป่วนอะไรกันล่ะเน้อ ไม่รวมถึงวิกฤตที่คนอื่นๆ ต้องเจอล่ะนะ
Konflyctus MX
0
 
โพสต์: 201
Cash on hand: 250.00
ที่อยู่: ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

Sub-Turn 19 Decisive Battle (ศึกตัดสิน)

โพสต์โดย Wargreamon เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 07, 2010 5:44 pm

Sub-Turn 19 Decisive Battle (ศึกตัดสิน)



…………………………………………………………………………………………………………………………
สิ่งทีประจักษ์ในตอนนี้คือ นี่ยังไม่ใช่จุดจบของทุกสิ่งทุกอย่าง
ถึงจะอยู่ในความกังวลที่ไม่อาจจะรู้ได้ถึงเหตุการณ์ข้างหน้า
ถึงจะอยู่ในความเจ็บช้ำใจที่สูญเสียผู้คนไปเป็นจำนวนมาก
ความหวังก็ยังคงมีอยู่
เพียงขอให้แค่มีความเชื่อมั่น ก็ยังมีสิ่งที่ยังไม่ได้สูญเสียไป
ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ จงเชื่อว่าต้องค้นพบกับความหวัง
ถึงแม้ว่าจะต้องสูญเสียซ้ำแล้วซ้ำเล่า จงเชื่อว่าต้องมีวันที่หาความหวังจนเจอ
การที่ยังมีความเชื่อมั่นนั้น เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ตอนนี้"ยังอยู่ที่นี่"
คุณอยู่ที่นั่นใช่หรือเปล่า

……………………………………………………………………………………………………………………


ภายในท้องฟ้าแห่งกลียุค ซึ่งปกคลุมไว้เมฆาดำทมึน แสงของปิศาจร้ายในคราบของพระเจ้า ได้เจิดจรัสขึ้น
มันมอบทั้งความหวังและความเศร้าในคราเดียวกัน ยามเมื่อจอมทัพแห่งสวรรค์ อัครเทวทูตผู้ทรงพลังอำนาจในบรรดาอสูรเทพทั้งปวง ปรากฏตัวขึ้นผู้คนที่อพยพออกจากเมือง ต่างก็แหงนเงยหน้าขึ้นมองแสงอันเป็นความหวังนั้น

บางคนก็ประกบมือสวดภาวนาต่อแสงนี้ ด้วยคิดว่านั่นคือพระเมตตาที่พระเจ้าทรงประทานให้
ทว่า ทันทีที่จอมทัพ ชักศาสตรา ออกจากฝักที่แขนเสื้อทั้งสองข้าง แสงนับสิบเส้นก็ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า
ที่ๆแสงนั้นตกลงมา จะถูกกลืนหายไปกับแสงนั้น

..................................................
[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 6 Mp: 8/8 Shrine 13/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp 0/8 Shrine 14/15 ]

“ รอบของนายแล้ว ทานาทอส หึๆ ”
อดัม พูดปนเสียงหัวเราะกลั้วอยู่ในลำคอ วิธีดการพูดอันสุดแสนพิสดารนี้คงไม่มีใครอื่นทำได้ทั้งพูดและหัวเราะ
พร้อมๆกัน ธนัท กัดฟันกรอดเพื่อข่มความรู้สึกเอาไว้และยันตัวลุกขึ้นยืน แรงกดดันของ มิคาเอล ยังคงกดหน่วงพื้นที่รอบๆ
อยู่ ทำให้กว่าจะลุกขึ้นมายืนได้ก็ทำเอาล้มลุกคลุกคลานไปหลายครั้ง

“ ร..รอบของฉัน จั่วไพ่!! ”
ธนัท พูดเสียงสั่นๆ พร้อมกับ จับมิสติกการ์ด ขึ้นมา ใบหนึ่ง
ก่อนจะทิ้งไปอีกใบเพราะการ์ดบนมือของเค้าเต็มแล้ว ขาของเค้าแทบจะยืนไม่อยู่แล้ว ทั้งความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างผนวกกับแรงกดดันจาก
อสูรเทพ ตรงหน้า ซึ่งกำลังบดขยี้กำลังที่มีอยู่ไปจนหมด

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 6 Mp: 8/8 Shrine 13/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 2 Mp 8/8 Shrine 14/15 ]

“ Cost Mp 3 ร่าย Love And Peace ด้วยผลของ การ์ดใบนี้ ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายจะไม่สามารถสั่งโจมตีได้
เป็นเวลา 2 รอบ ฉันขอหมดรอบแค่นี้ ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับร่ายมิสติกบนมือ ออกไป ก็ปรากฏภาพการ์ดซ฿่งมีรูปที่แสดงถึงความรักและสันติ
ปรากฏขึ้นบนสนาม

รูปภาพ

“ รอบของฉัน.. ”
อดัม ประกาศรอบพร้อมกับ จับมิสติกการ์ดออกมาจากสำรับ 2 ใบ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 5 Mp: 8/8 Shrine 13/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 4 Mp 8/8 Shrine 14/15 ]

“ ความรักและสันติภาพจอมปลอมแบบนั้นน่ะไม่ใช่ความรักที่แท้จริงหรอก ทานาทอส
ฉันจะมอบความรักที่แท้จริงที่นายสอนให้กับฉัน คืนให้กับนายเอง ”
อดัม กล่าวพร้อมกับ หยิบ มิสติกบนมือเตรียมจะร่ายออกมา

“ Cost Mp 2 ให้ Septimus Tuba ทำงาน ด้วยผลของการ์ดใบนี้จะทำให้ Mystic ที่เป็นเป้าหมาย
สูญเสียความสามารถทั้งหมดไปได้ รอบหนึ่ง ”
อดัม ประกาศพร้อมกับร่ายมิสติกที่เตรียมไว้ออกมา นิมิตของทูตสวรรค์มาพร้อมกับขันใบที่ 7 และเทมันลงสู่สนาม
ทันทีที่ ของเหลวสีทองถูกเทลงจนหมดนิมิตของทูตสวรรค์ก็หายไป และตามมาด้วย ฟ้าแลบฟ้าร้อง แรงสั่นสะเทือนที่ทำให้ทั่วทั้งตัวตึกสั่นคลอนไปด้วย พร้อมกันนั้น ภาพของการ์ด Love And Peace ที่ปรากฏขึ้นมาก็หมองซีดกลายเป็นภาพขาวดำไปในทันที

รูปภาพ

“ ดังนั้นผลของ Love and Peace จึงไร้ผล และทำให้ ฉันสามารถสั่งโจมตีได้ Cost mp 4 มิคาเอล
โจมตีไปที่ อาแมนคริส Judgement Slash ”
สิ้นคำ อัครเทวทูต ก็โจนทะยานออกไปพร้อมกับกระชับดาบในมือทั้งสองเล่ม หมายจะบั่นคอของ จ้าวมังกรสรรพธาตุ

“ ให้ Mystic อุปกรณ์(Relic) ระเบิดควัน(Smoke Bomb)ทำงานจากบนมือ ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับร่ายมิสติกบนมือสวนออกไปเกิดควันระเบิดอออกมาตลบ อบอวล
จนมองไม่เห็นอะไรใดๆนอกจากควัน และในที่สุด อัครเทวทูตก็ รามือกลับไป
ก่อนที่ควันจะจางหายไปจากสนาม

รูปภาพ

“ ด้วยผลของ ระเบิดควันจะให้ทำการ Fortune หากผลออกมาเป็นTrue จะป้องกันารโจมตีให้กับ
อสูรที่เป็นเป้าหมายได้ 1 ครั้ง ”
ธนัท อธิบายผลของ มิสติกที่ร่ายออกไปขณะที่รับมันกลับมาเก็บไว้ที่ช่อง Shrine

“ นายนี่มันดื้อด้านกว่าที่ฉันคิดซะอีกนะ เป็นอีกด้านของนายที่ฉันไม่รู้จัก หึๆๆ รอบของฉันหมดแค่นี้แหละตานายแล้ว....
เชิญดินรนต่อไปเท่าที่นายอยากจะทำเลยเพราะมันจะทำให้ฉัน ยิ่งรักนายมากขึ้นไปอีก ”
ผู้บงการ เปรยเสียงแหบก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงในตอนท้ายให้เป็นเสียงสูงอย่างรื่นรมณ์

“ รอบของฉัน จั่วไพ่!! ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับ จับมิสติกขึ้นมาอีก 2 ใบ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 1 ,Mystic 6 Mp: 8/8 Shrine 13/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 3 Mp 8/8 Shrine 14/15 ]

“ ถึงรอบเมื่อกี้จะรอดมาได้แต่ถ้ารอบนี้ไม่รีบหาทางทำอะไรกับ มิคาเอล ล่ะก็
รอบถัดไปอีกรอบ ผลของ Love and Peace ก็จะหมดลง ทีนี้ก็ไม่มีอะไรให้ใช้ป้องกันตัวแล้วนะ ธนัท ”
เคียว เปรยแม้จะยืนดูการดวลนี้อยู่ห่างๆ แต่แรงกดดันจาก อีกฝ่ายก็ส่งมาถึงพวกเค้าได้เลยทีเดียว

{รอบต่อไป Love and Peace ยังมีผลอยู่ แต่ว่าหลังจากนั้นจะทำยังไงต่อไปดี ถ้าไม่เอาชนะตั้งแต่ตอนนี้ เราก็แพ้
แต่ถ้าจบมันตั้งแต่ตอนนี้ ชีวิตของ โคทาโร่ ก็จะ...}
ธนัท ไม่อาจยืดเวลาแห่งการตัดสินใจออกไปได้อีกแล้ว ในอีกไม่ช้าเค้าจะต้องเลือกระหว่างชีวิตของทุกคน
กับ ชีวิตของเพื่อนเพียงคนเดียว

“ Cost Mp 5 ให้อาแมนคริส พัฒนาไปเป็น สุดยอดมังกรแห่งวิวัฒนาการ อาแมนคริสอัลติเมท(Amankris, the Ultimate Evolution) ออกมา!! ”
สิ้นคำร่างของ จ้าวมังกรสรรพธาตุก็ลุกโชนด้วยพลังเพลิงแห่งธาตุทั้ง 6 ที่สถิตอยู่บนร่างของมัน ก่อนจะเปลี่ยนแปลงไปสู่รูปร่างที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับแรงกดดันที่ดันสวนกลับแรงของ มิคาเอล ให้สะท้อนกลับไป
ช่วยให้เค้า ผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง แต่การรับภาระจากแรงสะท้อนของ อาแมนคริสอัลติเมท ที่ย้อนเข้าหาตัวเค้าด้วยก็ทำให้
เกือบทรุดไปบ้าง

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 6 Mp: 3/8 Shrine 13/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 3 Mp 8/8 Shrine 14/15 ]

“ ค..ควบคุม อาแมนคริสได้แล้วงั้นเหรอ? ”
ไดสุเกะ เปรยจ้องตาค้างกับพลังอันมหาศาลของ อาแมนคริส ที่ถูกอัญเชิญ ขึ้นมาซึ่งหนนี้ ธนัท
สามารถควบคุมไม่ให้มันบ้าคลั่งได้แล้ว

{ ถ้าจะสู้กับ มิคาเอล ก็มีแต่ต้องเรียก อาแมนคริสอัลติเมท เท่านั้น โทษทีนะ คาสเทเนท ทั้งที่แกไม่ได้เป็น Note ของฉันแท้ๆ แต่กลับใช้งานซะหนักแบบนี้ อดทนหน่อยนะ}
ธนัท คิดขณะที่มองดูสภาพของ ปลอกแขนซึ่งเป็น Note ที่ยืมของ เคียวมาเริ่ม มีประกายไฟแลบแปลบปลาบ
ออกมาและตัว ฝาครอบภายนอกก็เริ่มปริร้าว ทันทีที่เรียกให้ อาแมนคริส อัลติเมท ออกมา

“ นี่น่ะรึ อสูรเทพที่นายครอบครองอยู่ ขอให้ฉันได้ริ้มรสวามเจ็บปวดนั้นหน่อยเถอะ ”
อดัม เปรยเสียงแผ่วสายตายังคงจดจ้องอยู่ที่ร่างทรงพลังของ มัน

“ ฉันขอหมดรอบแค่นี้ ”
ธนัท ประกาศจบรอบของตน โดยไม่ได้ทำอะไรต่อ

“ รอบของฉัน ให้มิคาเอล ทำการรวมร่างกับ ราฟาแอล แล้วก็ขอหมดรอบนี้โดยไม่เล่นอะไร ”
อดัม ประกาศพร้อมกับจับมิสติกขึ้นมาอีก 2 ใบ ก่อนจะประกาศให้ อัครเทวดาทั้งสองในสนามรวมร่าง
อัครเทวดา ราฟาแอล เปลี่ยงร่างให้กลายเป็นแสงสว่างก่อนจะเข้าไปหลอมรวมกับร่างของ มิคาเอล
ทำรัศมียิ่งเปล่งประกายขึ้นไปอีก

“ รอบของฉัน ”
ธนัท ประกาศพร้อมกับจับการ์ด มิสติกขึ้นมาอีกใบ และในตอนนี้ก็ครบ 2 รอบการ Turn แล้ว
ภาพการ์ด Love andPeace จึงแตกสลายไป ก่อนจะร่อนกลับสู่ Shrine

[Thanatativet Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 7 Mp: 8/8 Shrine 13/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 5 Mp 8/8 Shrine 14/15 ]

“ นี่เป็นรอบสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่เผด็จศึกล่ะก็ ถึงรอบต่อไปต้องถูกบุกคืนจนโต้กลับอะไรไม่ได้แน่ ”
เคียว พูดเสียงเครียด บัดนี้เวลาของการตัดสินใจ ได้มาถึงแล้ว ธนัท จะเลือกหนทางใด

.....................................
.............................................................
........................................................................................

“ ถ้าจะช่วย พวกนั้นก่อนอื่นก็ต้องจัดการกับพวกลิ่วล้อ นั่นซะก่อน ”
เด็กหนุ่มเปรยกับตัวเอง ขณะที่สองมือสับสำรับซีลการ์ด อย่างช้าๆ ก่อนจะบรรจงเสียบมันลงในช่องซีลการ์ด
ของ ปลอกแขน

/Ready!!/
เสียงคุ้งกังวาน ออกมาจาก ปลอกแขนของเค้า ก่อนจะจับการ์ดซีลขึ้นมา 5 ใบ หลังจากนั้นปลอกแขนก็ฉายจอภาพซึ่งบอกค่าพลังและความสามารถของ นาคา กับ ครุฑ ที่กำลังไล่ตามศรี อยู่บนถนนซึ่งเต็มไปด้วยน้ำด้านล่างตึกที่เค้ายืนอยู่

“ ค่าพลัง ของทั้งสองตัวคือ 8 จัดการได้ไม่ยากเท่าไหร่ ที่เป็นปัญหาก็คือนาคา สินะ แต่ว่าความสามารถของ
มันที่จะทำให้ ศัตรูเป็นน้ำแข็งนั้นมีจุดอ่อนอยู่ ที่ความสามารถที่จะไม่ทำให้ ธาตุน้ำได้รับผลนี้ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ ”
เด็กหนุ่ม พึมพำไปด้วยขณะอ่านข้อมูลของทั้งสองตัว ก่อนจะหยิบเอา ซ๊ล สองใบจากบนมือร่าย ออกมา
การ์ดผนึกทั้งสองใบกลายร่างเป็น สัตว์อสูร กริฟฟอนสีเผือก(Albino Gryphon) และ
จิ้งจอกเก้าหาง(Jiu Wei Hu Le)

รูปภาพ
รูปภาพ

“ จิวเว่ยฮูลี เธอรวมร่างกับ อัลบิโน่ แล้วไปจัดทีล่ะ ”
เด็กหนุ่มออกคำสั่ง

“ วางใจได้เลย ”
กริฟฟอนเผือก พูดอย่างมั่นใจ

“ เราไม่ทำให้เธอผิดวังแน่ ”
จิ้งจอกเก้าหาง ก็เช่น กันและดูเหมือนเด็กหนุ่มจะไม่แปลกใจเลยกับการที่ อสูรเหล่านั้นพูดได้

“ ถ้างั้นก็รีบไปได้แล้ว ”
สิ้นคำ จิ้งจอกเก้าหาง ก็กระโดขึ้นไปอยู่บนหลังของ กริฟฟอนเผือก

“ จับไว้ให้ดีๆล่ะ ”
กริฟฟอนเผือก พูดก่อนจะ สยายปีก กระโดจนลงไปจากตึก

“ แล้วต่อไปก็ พวกตัวประหลาดยักษ์นั่น ช่วย ทีนะ แบล็กไนท์ โกลเดนท์เฟอร์ เซเบอร์ฮอร์น ”
เด็กหนุ่ม พูดพร้อมกับ อัญเชิญ อสูรที่เหลืออยู่ออกมา ซ฿่งประกอบด้วย กริฟฟินราตรีมืด(Black Night Griffin) กริฟฟินขนทอง(Golden Fur Griffin) และหมาเขาดาบ(Saber Horn Hound)

รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

“ พวกนายช่วยไปจัดการ มังกรขาวกับมังกรดำซะ สอง ตัวนั้นง่ายที่สุดที่จะกำจัดออก ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำให้
อสูรเทพที่เป็นปรปักษ์ ลดลงจำนวนลงไป ”
เด็กหนุ่ม อธิบายแผนการให้กับ อสูรทั้งสามของเค้า

“ อะไรกัน อะไรกัน ให้พวกเราทำงานง่ายๆแบบนี้ นายไม่เชื่อว่าเราทำได้เหรอ เกร ”
กริฟฟินราตรีมืด พูดหยอกๆกับ นายของตน

“ ไม่เอาน่า แบล็กไนท์ การทำตามที่ เกร บอกนั่นคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุดสำหรับพวกเรานะ ”
กริฟฟินขนทอง ปรามเพื่อน อสูรผู้ไม่รู้เวล่ำเวลา

“ แหม ลูกพี่ ก็แค่หยอกเล่นเฉยๆ เองไม่เห็นต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้ ”
กริฟฟินราตรีมืด พูดแก้ต่างเสียง งอนที่ถูกลูกพี่ใหญ่ว่า

“ Ace of Destruction อย่างนายมาออกโรงเองแบบนี้ ศัตรูมันเป็นใครกันหรือ?~ ”
หมาเขาดาบ หันมาถาม

“ ฉันเองก็ยังไม่รู้รยละเอียดหรอก แต่ตอนนี้สิ่งที่ต้องจัดการก่อนสำคัญกว่า ช่วยทีนะ ”
เกร พูดก่อนจะชี้ไปยัง สนามรบของ เหล่าอสูรเทพ เมื่อ อสูรทั้งสาม เข้าใจแล้วก็ ทะยานกันตรงไปยังสนามรบทันที
แต่ก่อนที่ หมาเขาดาบ จะได้ออกไปนั้น เกร ก็เรียกเข้าไว้ก่อน

“ เดี๋ยวก่อน เซเบอร์ฮอร์น ฉันอยากให้นายช่วยตามกลิ่นของเจ้ของการ์ดใบนี้หน่อย ”
เกร พูดพร้อมกับ ยื่นการ์ดซีล มูนไชน์เวียร์วูฟ(Moonshine Werewolf) ให้มันดม
หมาเขาดาบทำจมูกฟุดฟิด เพื่อจดจำกลิ่นที่ติดอยู่บนการ์ดทันที

รูปภาพ

“ อยากนายช่วยตามหาเค้าแล้วเอาการ์ดนี้ไปคืนด้วย จากนั้นพา เค้าไปที่อาคารโรงพยาบาลตรงนั้นนะ ”
เกร อธิบายจบ หมาเขาดาบก็คาบการ์ดนั้นจากมือของเค้า ก่อนจะกระโดดลงจาก ตึกไป

“ ทีนี้ก็ขอฉันดูฝีมือของ คนที่จะเป็น ราชันย์ อย่างนายหน่อยก็แล้วกัน......ทานาทอส... ”
เกร เปรยพร้อมกับทอดสายตา มองข้ามไปยัง ดาดฟ้าที่ ธนัท กำลังดวลอยู่

...................................

“ คราวนี้แกหนีไม่พ้นแน่ ”
นาคา คำรามขณะที่ว่ายน้ำไล่หลัง ศรี ที่จับหางเสือเรือยนต์ลำเล็กที่เก็บได้ระหว่างทางมาติดๆ
มันอ้าปากพ่นลมหายใจเย็นเชียบของมันออกมา และทำให้ ผิวน้ำที่ เรือของ ศรีวิ่งอยู่กลายเป็นแผ่นน้ำแข็ง
จนเรือวิ่งไม่ได้

“ ตายซะเถอะ! ”
ครุฑ คำรามก่อนจะกางกรงเล็บและโฉบตรงลงมา

“ เสร็จกัน! ”
ศรี สบถเมื่อเริ่มคิดที่จะจับการ์ดออกมาสู้ มันก็ไม่ทันเสียแล้ว

“ Wild Beak!! ”
เสียงคำรามดังขึ้น และ กริฟฟอนเผือก โฉบสวนลงมากระแทก ร่างของครุฑจนกระเด็นไปชนกับ อาคาร
ข้างๆ ก่อนจะซ้ำเข้าไปเสียบด้วยจงอยปาก จนสิ้นฤทธิ์ กลับคืนเป็นการ์ดไปในที่สุด

“ ต่อไปก็ตาแกล่ะ ”
จิ้งจอกเก้าหาง ขู่พร้อมกับกระโจนลงจากหลังของ กริฟฟอนเผือก เข้าไปข่วน หน้าของ นาคา
ระหว่างนั้น กริฟฟอนเผือก ก็หันลำกลับลงมาแทงจงอยปากทะลวงร่างของ นาคาจนขาดท่อนจม
หายไปในกระแสน้ำ เมื่อ ศรี ปลอดภัยแล้ว อสูรทั้งสอง ก็ทะยานกลับขึ้นไปบนตึกก่อนจะหายลับไปจากสายตาของ เค้า

“ อสูรเมื่อกี้มัน….เป็นไปได้เหรอเนี่ย?! ”
ศรี เปรยดวงตาของเค้ายังคงจ้องค้างไม่กระพริบ ยังทิศที่ อสูรเหล่านั้นหายไป

………………………………..
…………………………………………………..
“ ย้ากกกก!! ”
เสียงคำรามของ กริฟฟินขนทองดังกึกก้อง ก่อนจะถาโถมกรงเล็บทรงพลังของมัน ลงบนร่างของ มังกรขาวแกรนเดครอส
แต่ก็ทำได้เพียงแค่รู้สึกคันๆเท่านั้น

“ อึดใช่เล่นเลยนะเนี่ย ”
กริฟฟินราตรีมืด บ่นขณะที่บินตาม กริฟฟินขนทองเพื่อช่วยซ้ำการโจมตี ตอนนี้ ทัพของ อสูรเทพ ทั้ง 5 ที่รุมสกัม เลราเย่ นั้นถูกทำให้ยุ่งเหยิงวุ่นวายจนแตกกระจายกันเองในที่สุด เพราะไม่อาจตามความเร็ว ของ สัตว์อสูรทั้ง สองได้
และยังร่างกายที่มีขนาดใหญ่โตเป็นผลให้ เบียดเสียดกัน จนล้มระเนระนาดเสียเอง

“ ถึงจะเป็น เทพ ที่มีพลังยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม หากพวกเรา เผ่า Beast รวมพลังสามัคคักันล่ะก็ ”
กริฟฟินขนทอง เปรยขณะที่บินนำ ขึ้นบนท้องฟ้าเตรียมจะ เผด็จศึก

“ รับรองว่าใครหน้าไหนก็หยุดพวกเราไม่ได้หรอก ย้ากกก!! ”
กริฟฟินราตรีมืด คำรามก่อนจะโจนทะยานลงไปพร้อมๆกับ กริฟฟินขนทอง จนกลายเป็นลูกไฟสีดำและแดง
ระเบิดเข้าใส่ แกรนเดครอส และ อัลคารากอน จนแตกสลายไปในที่สุด แล้วยังผล ให้ สามอสูรบรรพกาลกระเด็นปลิวออกไปอย่างง่ายดายอีกด้วย

“ สงสัยจะแรงไปหน่อย ทำเกินเลยคำสั่งของ เกร ไปซะแล้วสิ ”
กริฟฟินขนทอง พึมพำกับความผิดพลาดที่ดูจะเป็นผลดีเสียมากกว่า เพระาตอนนี้ เลราเย่ สามารถยืดสังขาร
ลุกขึ้นมา จับดาบสู้ต่อได้แล้ว

“ เอ๋ แกรนเดครอส ของฉัน กลับมาแล้ว ของ ประธานก็ด้วยเหรอ ”
ชุติการ เปรยขึ้นเพราะ ละอองแสงที่เกิดจากการแตกสลายของ แกรนเดครอส และ อัลคารากอน
กลับมารวมเป็นการ์ดผนึก คืนสู่มือของเธอกับ มาริน่า แต่ทั้ง มาริน่า คิระ และ ภูเขา นั้นพวกเค้า 3 คนมีอย่าง
อื่นที่ทำให้ประหลาดใจเสียยิ่งกว่าอีก สายตาของทั้ง 3 จดจ้องไปทุกการเคลื่อนไหว ของ สัตว์อสูร ทั้งสองที่ ทำลาย อสูรเทพของพวกเธอที่ถูกชิงการควบคุมไป

“ ป...เป็นอะไรกันล่ะคะเนี่ย ”
ชุติการ อดถามขึ้นไม่ได้เมื่อเห็นทุกคนเหม่อไปเสียเฉยๆ แต่ยังไม่ทันไร เรื่องแปลกใจก็มีเพิ่มเข้ามาอีกจนได้ เมื่อ
อสูรเทพ ชิริเอล ของ ลูเซีย ถูกอัญเชิญ ขึ้นมาบนท้องฟ้า และดีดสายพิณยิงศรแสงนับสิบ พุ่งลงไปใส่ อสูรบรรพกาลทั้งสาม
ด้าน เลราเย่ ที่ตั้งหลักได้แล้วก็ ประกบด้ามดาบโลกัณฑ์เข้าด้วยกันก่อนจะควง วิ่งเข้าหา บีทฮีมอท และ

แทงคมดาบเสียบลงไปจนมิดด้าม มันดิ้นทุรนทุรายก่อนจะถูไฟโลกัณฑ์ ครอกทั้งเป็น เลเวียทาน จ้องจะใช้จังหวะนี้ลอบกัดจากด้านหลัง ทว่าทันทีที่ ยกหัวขึ้นจะฉก เลราเย่ ก็ปลดคันดาบโลกัณฑ์ อันบนออกแล้วพลิกตัวกลับตวัดดาบเพลิงบั่นคอ
อสูรแห่งนที ขาดในพริบตา

ซิส พยายามจะบินหนีขึ้นจู่โจมจากบนฟ้า ที่ เลราเย่ เสียเปรียบทว่าก็ถูก ชิริเอล ยิงศรแสงตัดทะลุปีกทั้งสองข้างจนร่วงหล่นลงมา และถูกคมดาบของ เลราเย่ ปักทะลุอกคา พื้นดิน อสูรเทพ ทั้งสามต่างสลายร่างกลับเป็นละออง และควบอัดกลับคืนเป็นการ์ดผนึกอีกครั้ง ก่อนที่ กริฟฟินราตรีมืด จะคาบมันไว้ด้วยจงอยปาก

“ ขอรับไว้ก่อนล่ะ! ”
กริฟฟินราตรีมืด ส่งเสียงอู้อี้ออกมาจากปากที่คาบการ์ดไว้ ก่อนจะหายลับไปในตัวเมือง
พร้อมกับ กริฟฟินขนทอง

เมื่อเผด็จศึกอสูรเทพของศัตรูได้หมด เลราเย่ ก็สลายร่างกลับคืนสู่ใต้พื้นพิภพไป ส่วน ชิริเอล นั้นสลายร่างกลับเป็นละอองและวิ่งคืนไปรวมที่ ดาดฟ้าของ ตึกที่ไม่หางออกไปเท่าไหร่นัก ที่นั่น ลูเซ๊ย ยืนรอรับ ชิริเอล ของเธอคืนอยู่แล้ว

“ มาได้ทันเวลาพอดีเลยนะ ”
เสียงของ ภูเขาดังขึ้น ก่อนที่เธอจะหันไปทันมอง คิระ กำลัง เก็บ อสูรผู้พิทักษ์ผนึกเลกซ์เดเทโอ คืนอยู่
โดยมี มาริน่า และ ชุติการ ที่เข้ามาดูอาการของ อิส ที่เธอพามาด้วย

“ ว่าแต่สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้างล่ะเนี่ย ”
ลูเซีย เอ่ยถามเพราะจนถึงตอนนี้เธอยังไม่เข้าใจเลยว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
และตอนนี้เธอต้องการจะรู้มันให้ได้

“ ถ้าให้เล่าแล้วดรื่องมันยาวนะ จะฟังเหรอ ”
ชุติการ พูดเสียงเนือยๆ เพราะหากจะเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นคงต้องใช้เวลาเป็นวันเลยทีเดียว

“ ตอนนี้เราไม่มีเวลามาทำแบบนั้นหรอกนะ ก่อนอื่นต้องรีบไปช่วย เจ้าหนูหมาก่อนแล้วล่ะ… ”
มาริน่า พูดได้ไม่ทันจะขาดคำ ก็เสียงดังตุบเหมือนใครเอากระเป๋าสัมภาระเยอะๆวางลงบนพื้น

“ อ้าวไม่ใช่ที่นี่เหรอ? ”
หมาเขาดาบ เปรยขึ้นอย่าง งงๆที่ข้างเท้ามันนั้น ร่างของโคทาโร่ ซึ่งเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ และลูกหมาตัวน้อยที่ ติดสอยห้อยตามมาด้วยเกาะอยู่ที่ขาของเค้า ไม่มีใครพูดอะไรออกเลย กับสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้า

“ สงสัยจะมาผิดจริงๆแฮะ อืม...อ๊ะจริงๆด้วย ต้องเป็นตึกข้างหน้าต่างหาก โทษทีนะไม่รบกวนล่ะ ”
หมาเขาดาบ เปรยก่อนจะหันไปเห็น อาคารที่ มิคาเอล ยืนอยู่ จึงรู้ว่าตัวเองมาผิดที่ พอพูดจบก็คาร่างของ โคทาโร่
ขึ้นไปแบกไว้บนหลัง ก่อนจะกระโจนหนีไปยัง อาคารโรงพยาบาลทันที ทิ้งให้ พวกเธอยืนจ้องมอง
ด้วยความทึ่ง

..........................................

“ ส...สามอสูรบรรพกาล...หายไปแล้ว ”
ไดสุเกะ เปรยเสียงของเค้าแทบจะเหือดหายไปในทันีท กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีพวกเค้าเป็นพยาน
ยืนมองจากสถานที่นี้อยู่ห่างๆ ด้าน อดัม ที่ถูกบงการนั้นก็มีอาการระสับระส่ายเผยออกมาให้เห็น
กับความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วนี้

{มันเป็นใครกัน...ทำลาย 4 จตุรเทพที่เราส่งไปจนหมดแถมยังจัดการ สามอสูรบรรพกาลของเราจนสิ้นท่าอีก}
ผู้บงการคิดพร้อมกับ ใช้สายตาของ อดัม สอดส่องมองไปรอบๆ จนสะดุดเข้ากับ เงาของ เด็กหนุ่ม ที่ยืนอยู่บนอาคารที่ห่างออกไป 2ช่วงตึก

{ที่แท้อยู่นั่นเองหรอกรึ ฉันจะใช้ สิงห์(Singha) 4 จตุรเทพ ตัวสุดท้ายปลิดชีวิตแกซะ}
ผู้บงการคิดขณะที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ค่อยๆแสยะออก เมื่อด้านหลังของ เด็กหนุ่ม อสูรสัตว์สี่ขาสีแดงร่างมหึมา
ง้างกรงเล็บเตรียมตะปบเหยื่อมที่ยืนมองมาทางนี้โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่

รูปภาพ

{ตายซะ!!}
ผู้บงการแสยะยิ้มออกมาอย่างหรรษา แต่แล้วรอยยิ้มกลับต้องแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ตกตะลึงแทน
เมื่อร่างของ สิงห์ กลับเป็นฝ่ายที่สลายหายไปเสียเอง พร้อมๆกับสายตาของเด็กหนุ่มที่ราวกับจะบิกว่า มันไม่ง่ายอย่างที่หวัง

“ ถ้าไม่ได้นายช่วยไว้ฉันคงแย่เลยนะ โซล ”
เด็กหนุ่ม เปรยโดยที่ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง กริฟฟินปีกสองสีดำขาวและมีรูปลักษณ์อันน่าเกลียด
กริฟฟินวิญญาณ(Soul Griffin) ที่ช่วยชีวิตเค้าเอาไว้

รูปภาพ

“ ยังใจอ่อน ไม่เข้าเรื่องเหมือนเดิม ”
กริฟฟินวิญญาณ พูดพร้อมกับเลียกรงเล็บที่ชุ่มไปด้วยเลือดของ สิงห์ ที่ถูกฆ่าไปด้วยมือของตน

“ ก็ฉันไม่ใช่พวกซาดิสห์ขนาดที่จะมาดูนายเชือดอสูรตัวอื่นหรอก ”
เกร พูดเสียงเรียบขณะที่รอให้ กริฟฟินวิญญาณจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเสียก่อน

“ นั่นคือความอ่อนหัด ของนาย ”
กริฟฟินวิญญาณตอบ ก่อนจะหายกลับเข้าในการ์ดที่เค้าถืออยู่ หลังจากจัดการกับ ซากของ สิงห์ เรียบร้อยแล้ว

“ ก็คงงั้น…. ”
……………………………….

“ พัสดุมาส่งคร้าบ!!!~ ”
เสียงคำรามดังขึ้นก่อนที่ร่างของ โคทาโร่ และ ลูกหมา ที่เกาะติดแข้งขาเค้า มาด้วยจะถูกโยนลงมาทับ ธนัท
จนล้มโครมลงไปทั้งคู่

“ อูยยยย เจ็บชะมัดเลย....ที่นี่ที่ไหนเนี่ย?~ ”
โคทาโร่ เปรยขณะที่ยกมือขึ้นกุมขมับ ที่ปวดตึบๆอยู่

“ โฮ่ง! ”
ลูกหมาที่ เกาะมากับเค้า เห่าทักพร้อมกับกระโจนขึ้นมาเลียหน้าที่เปียกน้ำ ของเค้าจนอดจั้กกะจี้

“ แกเองก็ปลอดภัยเหรอเนี่ย ฮะๆๆ ไม่เอาน่า ”
โคทาโร่ พูดเสียงรื่น พร้อมกับ กอดเจ้าลูกหมาเอาไว้ด้วยสองมือ

“ แต่ก่อนอื่นพวกนายช่วยลุกออกไปจากตัวฉันก่อนจะได้ไหม ”
ธนัท แย้งขณะที่งทั้งสอง เล่นสนุกกันอยู่บนหลังของเค้า

“ อ้าว ธนัท ไหงนายมาอยู่นี่ล่ะเนี่ย?… ”
เค้าถามด้วยความสงสัย แต่พอได้มองไปรอบๆซักครู่ก็เข้าใจได้ทันที จึงลุกขึ้นแล้ววางลูกหมาก่อนจะหันไปช่วยฉุด
ให้ธนัท ลุกขึ้นยืน

“ ทันเวลาจนได้ นึกว่าต้องเสียนายไปแล้วซะอีก ”
ธนัท เปรยขณะที่กางเท้าออกเพื่อให้ยืนได้อย่างมั่นคง

“ เฮ้ย! จะมาห่วงอะไรกันนักหนาเล่า ว่าแต่นายเหอะ ไม่รีบเผด็จศึกเดี๋ยวก็แพ้หรอก ”
โคทาโร่ ย้อน เพื่อให้กำลังใจกับเค้า สีหน้าของ ธนัท มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที สร้างความ แค้นเคืองให้
กับ ผู้บงการที่ต้องมาเห็นภาพนี้

{ เจ้านั่นมันเป็นใครกัน พอมันเข้ามา แรงฮึดของ ทานาทอส ก็กลับคืนมาหมดเลย...
บังอาจมาแย่ง ทานาทอส ของฉันไปง่ายๆ จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้}
ผู้บงการนึกหัวเสียขึ้นมา ก่อนจะไปสะดุดตาเข้ากับ หมาเขาดาบที่พา โคทาโร่ มาส่ง
พลันความคิดแสนชั่วช้า ก็แล่นขึ้นมาทันที

{ฉันจะใช้ อสูรที่พาแกมา ฉีกแกออกเป็นชิ้นต่อหน้าต่อตา ทานาทอส เดี๋ยวนี้แหละ หึๆๆๆ}
ผู้บงการ คิดก่อนจะให้ อดัม หันไปยัง หมาเขาดาบ ที่ยืนอยู่ด้านหลังของทั้งคู่

“ แกจงฉีกร่างของคนที่แกพามาเป็นชิ้นๆซะ ”
อดัม เปรยเสียงแผ่วๆพร้อมกับ ส่งคลื่นจิต ตรงไปยัง หมาเขาดาบแบบเดียวกับที่ช่วงชิงอสูรเทพของ มาริน่า
และ ชุติการ มาแต่แล้วคลื่นจิตก็ถูกสะท้อนกลับออกมาไม่เป็นท่า

“ ฮึ ความคิดชั้นต่ำของแกน่ะ ครอบงำพวกฉันไม่ได้หรอก ”
หมาเขาดาบหันมา คำรามใส่ ก่อนจะกระโจนหนีลับไป สร้างความเดือดดาลให้ เป็นอันมาก

“ ดีล่ะ เท่านี้ก็ไม่มีข้อกังขาอะไรแล้ว ฉันขอปิดเกมล่ะนะ Cost mp 8 ให้ Skill อาแมนคริสอัลติเมท ทำงาน
ทำลาย มิคาเอล ซะ!! ”
ธนัท ประกาศขึ้น ครั้งนี้ ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้เค้าลังเลอีกแล้ว อาแมนคริสเริ่มคำรามลั่น และดึงพลังทั้งหมดที่มีออกมา

“ Cost mp 2 ให้ กุญแจแห่งดาวิด(David’s Key) ทำงาน ทำให้ อสูรที่กำลังใช้ Skill สูญเสีย Skill จนจบ Sub-Turn ”
อดัม ประกาศพร้อมกับร่ายมิสติกบนมือ ออกมา ปรากฏกุญแจทองคำขึ้นในสนามทว่ายังไม่ทันที่จะได้สำแดงฤทธิ์เดชมันก็สลายไปเองเสียก่อน ต่อหน้าต่อตาของเค้า

รูปภาพ

[Thanatativet Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 7 Mp: 0/8 Shrine 13/15 ]
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 4 Mp 6/8 Shrine 14/15 ]

“ ไม่ประโยชน์หรอก อาแมนคริสอัลติเมท ที่ทำการ Growt แล้วจะได้รับความสามารถของ การ์ดที่ใช้เป็นวัตถุดิบด้วย
ความสามารถของ อาแมนคริส ร่างก่อนพัฒนาคือจะไม่ได้รับผลจาก Mysticของฝ่ายตรงข้ามและ Skill ของ Seal ใบอื่น
เสียใจด้วยแต่มันจบแล้วล่ะ!! ”
ธนัท อธิบายจบ อดัม ที่ถูกบงการก็ตีสีหน้า เจ็บแค้นที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับ พวกเค้า

“ รับไปซะ!! Ultimate Burst !! ”
สิ้นคำ ลำแสงพลังงานธาตุทั้งหมด ก็ถูกยิงทะลุทะลวงร่างของ อัครเทวทูต ผู้เป็นจอมทัพแห่งสวรรค์
จนแหลกเหลวหายไปในลำธารแห่งแสง

“ ที่นายลืมฉันไปก็เพราะมัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับมิตรภาพไร้สาระนั่นงั้นสิ....หึๆๆแต่ฉันจะกลับมาใหม่ ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้งก็จะต้องเอานายกลับมาเป็นของฉันให้ได้ฮะๆๆๆ ”
เสียงของ ผู้บงการดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเงียบไปพร้อมๆกับ แสงที่สาดส่องผ่านเข้ามา



[Thanatativet Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 7 Mp: 0/8 Shrine 13/15 ] Win
[Adum Status; Hand:Seal 0 ,Mystic 4 Mp 6/8 Shrine 21/15 ]Lose

ทันทีที่ร่างของอัครเทวทูตแตกสลายไป ก็คืนกลับเป็นแสงสู่ฟากฟ้า ก่อน สลายเมฆหมอกสีดำที่ปกคลุม
ให้หายไป แสงแห่งรุ่งอรุณได้สาดส่องลงมาถึง แล้ว เพื่อเป็นหลักฐานแห่งชัยชนะในครั้งนี้

.......................................
....................................................
........................................................................

วันศุกร์ ที่ 20 พฤกษภาคม พ.ศ. 2702 เวลา 11.30 น.

ในวันถัดมาหลังจาก นั้นแม้ตัวเมืองจะเสียหายเพราะการต่อสู้ของ อสูรเทพก็ตาม แต่ก็นับว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้าย
ที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากเรื่องราวในครั้งนี้ ถึงจะมีคนที่บาดเจ็บอยู่มากก็ตาม พื้นที่ส่วนที่ได้รับความเสียหายนั้น
ทางคณะรัฐบาลก็ประกาศว่าจะทำการซ่อมแซมและปรับปรุงให้คืนสู่สภาพเดิมได้ ใน 3 วันเรื่องพวกนี้ฟังดูอาจจะเหลือเชื่อ

แต่หากคุณเป็นคนของยุคนี้แล้ว การจะสร้างตึกอาคารบ้านเรือนนั้น จะเสียเวลาในการเดินเรื่องตามกฎหมายเพียงเท่านั้น
เพราะเมื่อได้รับการอนุมัติ เพียง ไม่กี่วัน อาคารหลังใหม่ก็จะปรากฏขึ้นมาราวกับเสกขึ้น
สถานการณ์ต่างๆกลับคืนสู่สภาวะปกติราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องโกหก ..........แต่ก็มีอยู่เรื่องนึงที่แม้จะไม่ได้โกหกแต่
ก็ปล่อยไว้ไม่ได้นั่นคือ..............

......................................................................................................


“ ไม่ได้เด็ดขาด ด้วยอำนาจของประธานชมรมซึ่งใหญ่ที่สุดขอบัญชา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามแต่แกห้ามเลิกเล่น Summoner Master Card เด็ดขาดจำใส่หัวกะโหลกไว้ซะ!! ”


“ ป...เป็นประธานที่เข้าใจเป็นห่วงจริงๆแหะ~~ ”
ลูเซีย เปรยขณะที่เดินขึ้น บันไดของอาคารแห่งหน่งซึ่งรอบข้างเต็มไปด้วยร้านขายการ์ดและอุปกรณ์เกี่ยวกับ Note
ใช่แล้วที่นี่คือแหล่งศูนย์รวมนักดวลที่สรรหาความแข็งแกร่งเพิ่มให้กับ สำรับของตน ภิรมย์พลาซ่า จ้ะ

“ เพราะงั้น พี่ศรี ก็เลยให้ที่อยู่ร้านนี้มาน่ะ เห็นบอกว่ามีสำรับที่น่าจะดึงดูดให้ฉันอยากกลับไปเล่นอีก ว่ามาเงี้ย ”
ธนัท พูดพร้อมกับส่ง กระดาษที่เขียนที่อยู่ของร้าน ให้เธอดู

“ เอ จากตรงนี้งั้นตอนนี้ร้านนั่นก็หน้าจะอยู่ตรงหน้าเราแล้วนี่นา..... ”
ลูเซีย พูดได้ไม่ทันจะขาดคำ เธอก็ต้องชะงักไป เพราะ ธนัท ที่ยืนอยู่ข้างๆเมื่อครู่ หายตัวไปแล้ว

“ อ๊ายยยย !! น่าร้ากกกกกก ขอหม่ำล่ะน้า~~~~~ ”
เสียงตะโกนแหลมปรี้ดดังทะลวงเข้าไปแทบถึงโสตประสาท แว่วมาจากด้านหลังของ ตู้โชว์การ์ดและสินค้ามากมายเกี่ยวกับ SMN ด้วยความสงสัย เธอเลยยื่นหน้าเข้าไปดู ก่อนจะต้องสะดุ้งช็อก เมื่อ ธนัท ถูกเด็กหนุ่มท่าทางแปลกๆคนหนึ่ง
ล้มตัวกอดทับไว้แถมยังส่งเสียงระทวยประหลาดออกมาอีก ด้าน ธนัท ก็พนยายามสุดฤทธิ์สุดเดช ที่จะดิ้นให้หลุด
แต่ก็ไม่เป็นผล

“ ปกติเคยเห็นแต่รูปอย่างเดียวไม่นึกเลยว่าตัวจริงจะน่าร้ากกก กระชากใจ เจ๊ แบบนี้เลยนะฮ้า~ ”
เด็กหนุ่มท่าทางประหลาด พูดสำเนียงแปลกๆชวนแสลงหูน่าดู ทำเอาเธอไม่อยากจะเข้าใกล้ แต่จะทิ้ง ธนัท ไว้ก็ไมได้
ขณะที่ยืนอ้ำๆอึ้งทำอะไรกันไม่ถูกอยู่ นั้น เด็กุหนุ่มอีกคน ก็เดินเข้าไปในร้านก่อนจะเตะเสย จนเด็ดหนุ่มท่าทางแปลกๆกระเด็นออกไป

“ แอ๊ก....ใจร้าย เกรคุง อ่ะ ขอเจ๊กินก่อนไม่ได้ ฮึงอนแล้วด้วย! ”
เด็กหนุ่มท่าทางแปลกๆที่ถูกเตะออกมา ตะเบงเสียงโหวกเหวก ก่อนจะตีหน้างอนตุ้บป่อง และทำเป็นไม่สนใจอะไรอีก

“ บ้ารึไง กินเข้าไปท้องเสียฉันไม่รู้ด้วยนะ ”
เด็กหนุ่มที่เตะส่งออกมา กล่าวพร้อมกับ พยุง ธนัท ให้ลุกขึ้น

“ ขอบใจนะ ว่าแต่นายเป็นใครเหรอ? ”
ธนัท พูดขณะที่ ยันตัลุกขึ้นมา โดยได้เค้าช่วยพยุง

“ ฉันจะเป็นผู้มอบพลังของมิติให้กับนายเอง เรียกฉันว่า เกร ก็แล้วกัน.... ”

...........................................................................................................................
To be Continue to SMN VR TAG TURN!!
...........................................................................................................................

…………………………………………………………………………………..

Card Pop!

รูปภาพ
Type: dragon Mp: 5 / 4 Lv: 5 Rarity: special
At: 11 Df: 11 Sp: 5 Element: light
+[Dragon] Burst Stream At 13 Mp 4
+[Dragon][Dragon] Albus Finius At 15 Mp 5
Ability:
เมื่อ Amankris, the Ultimate Evolution โจมตี เราสามารถนำ [Dragon] ใบอื่น 1 ใบในสนามฝ่ายเราออกจากเกม และ Amankris, the Ultimate Evolution +At และ Df ตาม At ปกติของ Seal นั้น 1 Turn
ตราบเท่าที่ Amankris, the Ultimate Evolution รวมร่าง Amankris, the Ultimate Evolution ป้องกันการถูกทำลายจากการโจมตีของ Seal ที่มี Lv ไม่เกิน 2 และ [Dragon] ป้องกันการโจมตี (All) ของ [Mage]
Amankris, the Ultimate Evolution ยกเลิก Curse
Growth Condition: N[Amankris]
Ability Growth:
Amankris, the Ultimate Evolution ได้รับ Skill และ/หรือ Ability ใน Growth Box ของ Seal เงื่อนไขของ Amankris, the Ultimate Evolution โดยชื่อของ Seal เงื่อนไขใน Skill และ/หรือ Ability ที่ Amankris, the Ultimate Evolution ได้รับกลายเป็น Amankris, the Ultimate Evolution





แหม่ๆ ที่จริงของที่ลงไปเมื่อวานมันคือของ สัปดาห์ที่แล้วอ่นะ ไอ้เราก็ว่าจะเว้นช่วงไปซักหน่อยเดี๋ยวอ่านกันไม่ทัน แต่ไปๆมาๆกลัวว่าไม่อ่านต่อๆกันมันจะไม่รู้เรื่อง อาทิตย์นี้เลยลงควบชดเชยกับอาทิตย์ที่แล้วให้ไปเลยเท่านี้ ก็จบ Season TAG
กันเรียบร้อยแล้ว ตอนหน้าจะเป็นการขึ้น Season ใหม่และ op ใหม่ Ed ใหม่ และ แนวเรื่องใหม่ สำหรับแฟนนิยายเก่าๆ

ทั้งหลาย(ซึ่งมีอยู่ 2 คน) อาจจะรู้สึกร้อนวูบวาบๆ ที่ ACE โผล่มาแบบนี้ แต่ที่จริงมันไม่ใช่มุขตัดจบหรือ ขอแจมให้มันมั่วหรอกนะ
ครับ เพียงแต่เดิมทีภาค VR TAG เนี่ย มันเป็นปฐมบทที่มาที่ไปของ ACE ด้วย ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่ามันจะมั่วจนอ่านไม่รู้เรื่อง
เพราะในนี้ ACE ก็เป็นแค่ตัวละครตัวหนึ่งเท่านั้น และมีบทต่างๆเชื่อมกับตัวละครในเรื่องนี้ด้วย (ที่จริงพูดง่ายๆคือคนเขียนกับทีม

งานอยากแจมด้วยแค่นั้นแหล่่ะ) เพราะงั้นไม่ต้องกลัวว่ามันจะมั่วจนเลิกอ่าน นะครับ ขอล่ะช่วยๆกันอ่านช่วยๆกัน
เมนท์ต่อไปนะคร้าบบบบ ขอบอกว่า Season ใหม่เนี่ย เราจะเปลี่ยวแนวเป็นแบบเฮฮากันเลยทีเดียว
จะไม่ใช้ทีมเศร้าให้มากเกินจนอ้วกแล้วล่ะครับ เหอๆ
แก้ไขล่าสุดโดย Wargreamon เมื่อ อาทิตย์ พ.ย. 28, 2010 6:59 pm, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wargreamon
0
 
โพสต์: 224
Cash on hand: 250.00

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 19 Decisive Battle

โพสต์โดย Konflyctus MX เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 07, 2010 6:57 pm

เหอะๆ ACE กับทีมงานมาแล้วสินะครับ

ธนัทคงช็อคนิดๆ แล้วล่ะ เพราะทีมงานคนนึงพยายามจะ... (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)

ส่วนกระผม ลี้ก่อนล่ะ 555+
Konflyctus MX
0
 
โพสต์: 201
Cash on hand: 250.00
ที่อยู่: ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

Re: SMN VR TAG!! :Up Sub-Turn 19 Decisive Battle

โพสต์โดย Leraje เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 07, 2010 8:00 pm

ทำไมอ่านแล้วมันรั่วๆแฮะ สงสัยจะรีบจัด

ที่ผมเห็นมี 3 ที่อ่ะนะ

- ตอนที่ธนัธใช้ Hight Priest ยิงใส่ Sixtus Tuba ก็ไม่น่าจะทำให้ Divine 4 ใบนั้นโดนย่างสดขนาดนั้นอะ เพราะจริงๆ Divine 4 ใบนั้นก็ไม่ได้หายไปไหน

- ตอนที่ธนัธใช้ Book of Revolution จั่วการ์ดเกินที่จริงก็ไม่ต้องทิ้งการ์ดที่เกินมา

- ภาพ Soul Griffin ไม่ขึ้นครับ โค้ทผิด

นอกจากสามจุดนี้และพิมพ์ผิดนิดหน่อยก็ยังแจ่มเหมือนเดิมนะครับ แต่รู้สึก Leraje จะดูแย่ไปหน่อยนะ โดนอสูรเทพห้าตัวรุมซ้อมขนาดนั้น ::023::

ในที่สุดก็สู้กันเสร็จ แต่ดูๆแล้วน่าจะมีต่ออีกยาว จะตามอ่านต่อไปครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Leraje
0
 
โพสต์: 915
Cash on hand: 1,150.00

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง SMN FanCard FanArt & FanFic

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 22 ท่าน