สารบัญCrisis Valkyrier SE (I) Shangri-la~ (สวรรค์อันเป็นปริศนา)
Crisis Valkyrier SE (II) Destiny WayCrisis Valkyrier SE (III) Solar Storm & Luna BlizzardCrisis Valkyrier SE (IV) ……We will be alive……..Crisis Valkyrier SE
บนดวงดาวที่มีชื่อว่า เทอร่า(Terra) บนดาวดวงนี้ เต็มไปด้วยเรื่องราวเล่าขานต่างๆมากมาย
1ในหน้าประวัติศาสตร์เหล่านั้น คือสงครามที่เกิดขึ้นด้วยความขัดแย้งมากครั้งนับไม่ถ้วน ความขัดแย้งนั้นไม่เคยหายไปจากประวัติศาสตร์ของมนุษย์บนดาวดวงนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ………
“ ความตะบัดสัตย์ของพวกมันจะทำลายตัวมันเองและนำไปไปสู่จุดจบของทุกสิ่ง เมือถึงเวลานั้น เพลิงกาลแห่งบรรพชาติ
ที่ลุกโชติช่วงนับพันปี จะตื่นขึ้นอีกครา และเผาผลาญจนสิ้นปฐพี…… ”
Solomon ราชาผู้ทะเยอทะยาน ได้กล่าวเอาไว้เช่นนั้นก่อนที่ตัวเค้าและ สวนแห่ง อีเดน(Eden) จะล่มสลายลงด้วย
น้ำมือของบุตรแห่งซาตานที่ ได้ทานผลแห่งปัญญา………….
……………………………………………………………………………………..
นี่คือบทความจากพงศาวดารบันทึกเหตุแห่งราชนครโบราณทางตอนเหนือของ ทวีปอาริมาเทีย(Arimathea)
คำทำนายนี้ถูกระบุว่าจะเป็นวันสิ้นโลก(Doom Day) ก่อนจะสาปสูญไปกับช่วงเวลาและยุคสมัย………
…………………………….
Opening Theme Crisis Valkyrier SE
Crisis Valkyrier SE (I) Shangri-la~ (สวรรค์อันเป็นปริศนา)
หลังมหาสงครามแห่งเทอร่า ซึ่งจบลงด้วยการล่มสลายลงของทั้งทวีปเมอริเซีย เวลาได้ผ่านพ้นไป 200 ปี
โดยมีสงครามเย็นเกิดมาควบคู่กับสงครามร้อน ไม่นานกลุ่มผู้อ้างว่าจะใช้กำลังอำนาจที่มี เข้าแทรกแซงสงครามทั้งหมด เพื่อให้เทอร่า หมดสิ้นซึ่งสงคราม หลังจากนั้น มหาสงครามครั้งใหญ่ ที่รู้จักกันในนาม มหาสงคราม Delantion
ก็ได้อุบัติขึ้น ที่สุดแล้ว เทอร่าก็ได้กลับคืนมาซึ่งความสงบสุข ด้วยการเจรจาสันติ ร่วมกันระหว่างฝ่าย สหพันธ์โลก
และสหประชาคมโลก เทอร่าดูเหมือนจะเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งความสงบแล้ว……………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ท่ามกลางท้องทะเลที่สายลมพัดผ่านคลื่นลูกแล้วลูกเล่า ทอดตัวไปบนผืนน้ำ ที่สะท้อนประกาย
ระยับตาของแสงสุริยา ผืนแผ่นดิน ที่เลยโผล่พ้นน่านน้ำ หมู่เกาะที่ห่างไกลลับสายตาจากผู้คน
ไร้ตัวตนและโดดเดี่ยว บนเกาะแห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยม่านพรางแสง ที่มีรัศมีกว้างพอจนปกคลุม ได้ถึงบริเวณ
อ่าวรอบๆเกาะ สถานที่ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะแห่งนี้และผู้คนที่อาศัยอยู่นั้น พวกเค้าเรียกตัวเองว่า
Empyrean Adjust นามอันมีความหมายว่า ตัวแทนแห่งสรวงสวรรค์
วิทยาการบนเกาะแห่งนี้ก้าวล้ำไปเกินกว่า วิทยาการในเทอร่า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นเทคโนดลยีทางการทหาร
เป็นอาวุธที่เคยถูกใช้เพื่อเป้าหมายในการรวม เทอร่าให้เป็นหนึ่ง ถูกแล้วเกาะแห่งนี้คือสถานที่อันเป็นที่กบดาน
ของเหล่าผู้ก่อการ การแทรกแซงสงครามและความขัดแย้งด้วยกำลังอาวุธโดยใช้ นักรบขององค์กรที่มีชื่อว่า Valkyrier
พวกเค้าเหล่านั้นคือผู้ถูกเลือกสรรโดยพระผู้เป็นเจ้า ให้ใช้สรรพวุธแห่งเทวทูต อันมีนามว่า Crisisor หรือเครื่องใช้แห่งวิกฤติ
……………
“ ให้ตายสิ….ให้มารวมกันขนาดนี้เนี่ย มันจะไม่มั่วเอาเหรอ ถึงจะเป็นองค์กรที่ไม่ใหญ่อะไรก็เถอะ
แต่คนก็ใช่ว่าจะน้อยๆนะเนี่ย ”
เสียงบ่นดังขึ้นจากหญิงสาวที่เดินเตรดเตร่อยู่ ผมสีทองยาวสลวยของเธอพัดโบกปลิวไปกับ สายลมที่พัดผ่านท่าเทียบเรือ ของเกาะ
ซึ่งมีลักษณะเป็นสะพานหินปูนทอดยาว จาก ทำนบกั้นคลื่น ที่สร้างทับชายหาดเอาไว้
บริเวณรอบๆท่าเทียบเรือ มีเรือขนส่งมากมายและผู้คนหลากหลาย สัญจรผ่านไปมา
บ้างบางครั้ง ก็จะมียานยนต์ขนส่งผ่านไปมาเป็นครั้งคราว
“ ช่วยไม่ได้นี่นา ก็ตอนนี้น่ะ ไอ้ที่เค้าว่ากันนั่นมันกำลังจะเป็นจริงขึ้นมาแล้วนี่ ”
ชายหนุ่มผมสีแดงชี้ตั้ง ในชุดเครื่องแบบแจ๊คเก็ตคอ ปกสีแดงกางเกงผ้าขายาวสีแดงเลือดหมูไล่ลงมาทั้งชุด
เอ่ยตอบคำถามปนเสียงบ่นของเธอเมื่อครู่ ขณะที่ พวกเค้าทั้งสอง กำลังเดิน ไปเรื่อยๆบน
ท่าเทียบเรือ ที่ทอดยาวไปนี้
“ เอ๋?..ไอ้นั่นที่ว่าเนี่ยหมายถึงคำทำนายของ Solomon ใช่เปล่า? ”
เธอ ทำตาโตเบิกกว้างด้วยความตกใจหันควับมาถามทันทีที่ได้รับฟังคำตอบจากเค้า
“ นี่ ไอ เธอก็รู้ๆอยู่ สาเหตุที่พวกเราต้องมาที่เกาะนี้ ก็เพื่อเรื่องนั้นไม่ใช่หรือไง ”
เค้า ตอบเธอแบบปัดๆด้วยสีหน้ารำคาญๆ กับทีท่าเหร๋อๆหร๋าๆ ตั้งแต่ที่เดินทางมาถึงที่นี่
“ ก็แหมใครจะไปเชื่อลงล่ะ ไอ้คำทำนายวันสิ้นโลก นั่นน่ะฟังดูยังกะ นิทานหลอกเด็กยังไงก็ไม่
รู้ แล้ว ไรด์ ล่ะเชื่อด้วยเหรอ ”
เธอ ผู้มีชื่อว่า ไอ(Ai Lemuria) ย้อนถามความเห็นของเพื่อนหนุ่ม ไรด์ (Ryad Runevel)
“ เรื่องนั้นน่ะ เราไม่ต้องไปสนมันจะดีกว่ามั้ง เพราะไงๆซะ หน้าที่หลักของเราที่มานี่ก็คือมา
รับไอ้เจ้าสิ่งนี้ไปเท่านั้นเองนี่ แล้วก็ภารกิจนี่ก็เป็นแค่ตัวแถมด้วย ”
ไรด์ เปรยพร้อมกับ ชักเอา วงจักร โลหะขนาดเล็ก ออกมาจากกระเป๋า
“ ว่าไปมันก็จริงแฮะ….แต่ว่านี่น่ะเป็นครั้งแรกเลยนะที่ ฉันได้สัมผัสกับ Crisissor น่ะตอนทดสอบการตอบสนอง
น่ะนะ ฉันตื่นเต้นแทบตายเลย~~ นึกว่าจะชวดแล้วซะอีก ”
ไอ พูดพลางหยิบเอา หอกซึ่งมีปลายขวานติด จำลองขนาดเล็กเท่ากับ วงจักร ในมือของ ไรด์ ขึ้นมาควงเล่น
“ นั่นสิ…ว่าไปแล้ว ไอน่ะทั้งที่พึ่งจะมาเข้าร่วมกับ Empyrean Adjust แท้ๆแต่ก็ได้รับเลือกให้
เป็น Valkyrier ซะแล้ว Crisissor นั่นน่ะคือ OG7-04 Halbard of Luxuria สินะ ”
ไรด์ กล่าวพรางสอดส่องสายตาสำรวจ หอกขวานที่เธอควงเล่นอยู่
“ ของ ไรด์ ก็รหัส OG7-02 Chakram of Acedia ใช่มะ ดูเหมือนว่าจะเป็นรูปแบบจู่โจม
ระยะกลางล่ะสิ ”
ไอ ตอบกลับแบบเดียวกันไปบ้าง พร้อมกับเก็บ เอาหอกขวานที่ควงอยู่กลับเข้ากระเป๋าเสื้อ แจคเก็ต
เช่นเดียวกับ ไรด์
“ อาวุธขว้างน่ะ ฉันถนัดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ของแบบนี้ก็เหมาะแล้วล่ะกับคนอย่างฉันเนี่ย ”
ไรด์ ตอบเสียงเนือยๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะมาสะดุด หยุดตรงข้างลำเรือ ขนส่งลำหนึ่ง
“ แต่ว่าพลังที่มากเกินไปมันจะทำให้เกิดสงครามขึ้นมาอีกนะ!! ”
เสียงตะคอกดัง ลั่นขึ้นมาจาก ข้างเรือขนส่งที่พวกเค้าหยุดยืนอยู่ ต้นเสียงมา จากหญิงสาวผมสีทองสั้น
ไว้ปลายปรกแก้ม สายตาของเธอดูจะเป็นเดือดเป็นดาล อยู่ไม่น้อย ที่ข้างๆเธอนั้นหนุ่มเผ่าสมิงที่ดูเหมือนจะเป็นคน
คุ้มกัน นั้นพยายามรั้งแขนเธอไว้อยู่ด้วย ส่วนคู่กรณีของเธอนั้น คือชายวัยกลางคน จากท่าทางและชุด
ที่ชายคนนั้นสวมใส่คือสิ่งที่บอกยศอำนาจของชาย ผู้นั้นแก่พวกเค้าได้เป็นอย่างดี
“ นี่ๆ…นั่นน่ะท่านประธาน ลอว์เอน(Law-aen) รึเปล่าน่ะ ”
ไอ หันมากระซิบถาม
“ คงใช่แล้วแหละ ชุดแบบนั้นน่ะมันของประธานสภา องค์กรเราเลยนะ ”
คำตอบ ของ ไรด์ ได้ให้ความกระจ่างกับเธอไปเกินครึ่งเลยทีเดียว ทว่าที่เธอสนใจจริงๆนั้นไม่ใช่ตัว
ประธานหรือหญิงสาวที่เป็นคู่กรณี แต่เป็นตัว หนุ่มสมิงหมาป่า ที่สวมแว่นกันแดดสีดำที่ ยืนอยู่นั่นมากกว่า
“ คนคุ้มกันที่อยู่ข้างๆ เธอน่ะ รู้สึกคุ้นๆไหม ”
ไอ ถามพลางชี้ไปที่ตัว คนคุ้มกันให้ ไรด์ ดู
“ หืมมม! ไม่นี่ ไม่เห็นจะคุ้นเลยซักกะนิดเดียว ”
ไรด์ ปฏิเสธเสียงห้วนทันที ที่มองไปตามทางที่เธอชี้
“ ผิดแล้วล่ะ ท่านเซน่า (Zena Highday) เพราะสงครามมันยังไม่หมดไปจริงๆต่างหาก พวกเราถึง
ต้องมีกำลังอำนาจไว้เพื่อการนั้น ”
ประธาน ลอว์เอน อธิบายอย่างเย็นใจกับ คู่กรณีที่ เค้าเผชิญอยู่
“ ต…แต่ว่านั่นน่ะ...แล้วการรวมพลนี่อีกล่ะ คุณให้จากทุกสาขามารวมตัวกันหมดนี่….คิดที่จะเข้าแทรกแซงอีกงั้นเหรอ ”
เธอผู้เป็นคู่กรณี ก็ยังไม่ยอม และผายมือไปยังรอบๆบริเวณนี้ เพื่อชี้ให้ดูถึงสมาชิกขององค์กรมากมาย
ที่สัญจรไปมาอย่างคับคั่ง บนท่าเทียบเรือ
“ ผมก็บอกไปแล้วนี่ครับ ว่านี่น่ะมันไม่ใช่อย่างที่ ท่านเซน่า คิด พวกเราน่ะ…. ”
บรึมมมมมม!!!!!!
ประธานลอว์เอน ไม่ทันที่จะอธิบายใดๆ โกดังบนเขตทำนบกั้นคลื่น ก็เกิดระเบิดขึ้น พร้อมกับร่าง
ที่ ห่อหุ้มด้วยละอองอนุภาคสีแดง ถึงสามร่างด้วยกัน ทั้งสามร่างนั้น สวมชุดเกราะที่สร้างละอองอนุภาคเหล่านั้น
“ นั่นมัน!! ”
ผู้คุ้มกัน ของเธอ อุทานเมื่อได้เห็น ร่างทั้งสามนั้นจะๆ กับตาตนเอง
“ ละอองอนุภาคแบบนั้นมัน….Valkyrier!! ”
เธอ อุทานด้วยสีหน้าที่แสดงความตระหนกออกมาอย่างชัดเจน ท่ามกลาง ความสับสนอลหม่าน
ของผู้คนบนท่าเรือ
“ นั่นมันอะไรกันน่ะ! เกิดอะไรขึ้น? ”
ประธาน ลอว์เอน สบถ ถามกับเหล่าเลขาที่ ตามมา ขณะเดียวกัน ไรด์ และ ไอ ทั้งสองที่เห็นเหตุกาณ์
หันมามองหน้ากัน โดยที่ไม่ต้องพูดอะไร ทั้งสองรีบบึ่งออกจากก ที่นั่นตรงไปยังที่เกิดเหตุทันที
……………………..
ขณะเดียวกัน ที่ศูนย์ควบคุมของเกาะ ความสับสนอลหม่านก็เกิดขึ้นไม่แพ้ข้างนอกเช่นกัน คำถามเกิดขึ้นมากมาย
ใครและหรืออะไร เกิดอะไรขึ้น เป็นคำถามที่ดังเซ็งแซ่ไปทั่วทั้งห้องควบคุม ที่เรียงรายไปด้วยมอนิเตอร์
และแผงควบคุม ของแต่ละโต๊ะ
“ เงียบ!!! ”
เสียงตะโกนสั่งดังลั่นขึ้นมาในห้องก่อน ที่ทุกคนจะเงียบเสียง เสียพร้อมกัน ต่อพลังอำนาจของเสียงสั่งการ
ที่ดังมาจาก แม่ทัพหญิงผมสีเขียวยาวปกหู กับผู้ช่วยชาย ผมทรงสีเงินหยักศกที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ
“ ขอให้ทุกคนกลับไปประจำหน่วยของตัวเอง รีบตรวจสอบความเสียหาย หน่วยสื่อสาร ติดต่อไปยังทุกหน่วยให้เตรียมพร้อมไว้ การระเบิดเมื่อกี้ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่ ขอประกาศเข้าสู่ สภาวะสงครามระดับ 1!! ”
เธอ ออกปากสั่งการด้วยน้ำเสียงเข้มแข็งเฉกเช่นชาย สามชิกภายในห้อง ต่างรับฟังคำสั่งของเธอและเริ่มแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน
“ สมเป็นเธอจริงๆนะ เมออาร์เน่(Mirana).. ”
ผู้ช่วยผมสีเงิน กล่าวชมเสียงเรียบ ขณะที่เธอ นั่งลงที่เก้าอี้ผู้บัญชา
“ สเวน(Swen) เธอเอง ก็รีบไปเตรียมพร้อมซะ อีกฝ่ายมันได้ Crisissor ไปไว้ในมือแบบนี้แล้ว
การปะทะคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ซะด้วยสิ ”
เมออาร์เน่ สั่งเสียงราบเรียบกลับไปใส่เค้า
“ รับทราบ!! ”
สเวนขานรับเสียงขึงขังเป็นการหยอกกลับ ก่อนจะเดินถอยออกมาจากห้องบังคับการ
“ เฮ้อ…..ศัตรูล่ะ!!หาเจอรึยัง!! ”
เธอ ถอนหายใจแผ่วๆก่อนจะออกปากถามเสียงแข็งอีกรอบ
“ ครับ!! รายงานตอนนี้อยู่ที่ บริเวณท่าเทียบเรือ ของเกาะครับ!! ”
เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวสาร ที่ประจำอยู่ในห้อง เริ่มรายงาน
“ ดูเหมือนว่าศัตรูจะลักลอบเข้ามาและนำเอา Crisissor รุ่นใหม่ไป 3 เครื่องค่ะ!! ”
ต่อจากนั้น เจ้าหน้าที่หญิงหน่วยข่าวสารเช่นกัน จึงส่งข้อมูลจากแผงควบคุมของเธอ ให้ไปปรากฏบนจอ
มอนิเตอร์หลัก ก่อนจะรายงานต่อทันที
“ 3 เครื่องเลยงั้นเหรอ? เครื่องไหน?! ”
เมออาร์เน่ อุทานกับจำนวนที่ได้รับรู้ ก่อนจะยิงคำถามต่อทันที
“ OG7-03 Bow Gun of Avaritia OG7-06 Javalin of Gula OG7-07 Fang of Invidia ค่ะ ”
เจ้าหน้าที่หญิงคนเดิมรายงาน
“ Original 7 ซีรี่ย์น่ะเหรอ!! ”
“ ค่ะ! ”
เมออาร์เน่ ต้องอุทานขึ้นมาอีกรอบ โดยมีเสียงขานรับของ เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าเธอไม่ได้พูดผิด
“ น่าแปลก…OG7 น่ะเป็นความลับสุดยอดขององค์กรเลย แล้วทำไมพวกผู้ก่อการร้ายถึงได้รู้ล่ะ…แต่ดูจากการที่พวกมันบุกเข้ามาแล้วเอาไปแค่ 3 เครื่องแบบนี้ก็แปลว่า พวกมันไม่น่าจะรู้ว่ายัง OG7 เหลือ อยู่…. ”
เมออาร์เน่ พึมพำกับตัวเองก่อน จะเริ่มออกคำสั่งอีกครั้ง
“ ลองตรวจสอบดูซิ! ถ้าอีกฝ่ายกล้าบุกเข้ามาในรังของศัตรูแบบนี้ จะต้องมีเรือธง ของพวกมันรออยู่ใกล้นี้แน่!! ”
สิ้นคำ เจ้าหน้าที่ทั้งหมดภายในห้องก็ขาน รับพร้อมกันเริ่มทำการตรวจสอบตามคำสั่งทันที
“ อ้อ จริงสิช่วยเรียก ผู้ถือครอง OG7 ที่เหลือมาด้วย รวมถึงอีกคนที่พึ่งมาถึงเมื่อครู่นี้ด้วยนะ ”
เมออาร์เน่ หันไปสั่งกับ เจ้าหน้าที่ อีกนายที่นั่งประจำที่อยู่โต๊ะข้างๆเธอ
“ พรายด์ อัสแคร์!! (Pride Aska) ขออนุญาติครับ!! สถานการณ์เมื่อครู่นี้มัน… ”
เสียงรายงานตัวดังขึ้นพร้อมกับ เด็กหนุ่มวัย 15 ผมสีอัญชัญ จะเข้ามาในห้อง
“ อ้าว!มาพอดีเลย…นี่เธอน่ะ ตอนนี้รีบไปเตรียมตัวที่ฐานส่งตัวกับ เจ้าหน้าที่ สเวน แตร์เซส ซะส่วนสถานการณ์น่ะให้ถามเอาจากเค้าก็แล้วกัน ”
เธอ หันไปสั่งเด็กหนุ่มที่เข้ามาใหม่ทันที ก่อนที่เค้าจะรับคำและรีบวิ่งออกไป
“ แล้วการติดต่อที่ให้ทำเป็นไงบ้าง ผู้ถืครองอีก 2 คนล่ะ ”
เธอหันกลับ มาถามเจ้าหน้าที่ที่เธอฝากงานให้เมื่อครู่
“ ไม่ไหวค่ะ คลื่นรบกวนสูงมาก คงจะผลกระทบจาก พลังงานอนุภาค อิออนดิวเทเรี่ยม(Ion Duetarium)
ของ OG7 น่ะค่ะ ”
เจ้าหน้าที่ ตอบโดยที่ยังคงพยายามจะทำให้เครื่องตรงหน้าทำงานของมันให้ได้
“ ระบบ ECM สำหรับป้องกันการรบกวนยังไม่สมบรูณ์ ด้วยสิ งั้นคงต้องหวังพึ่งกับพวกเค้าสองคนซะแล้ว
….ให้ทั้งสองคนออกปฏิบัติการได้ ”
เมออาร์เน่ สั่งจบ เจ้าหน้าที่ก็ทำการติดต่อ ไปยังทั้งสองคนที่ถูกสั่งให้ไปเตรียมพร้อม
…………………….
……………………………………..
ลานกว้างหน้าอาคารทำการ ตอนนี้เจ้าหน้าที่ทุกนายกำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมกำลังป้องกัน แนวบังคับบัญชาที่อยู่ในอาคารนี้
“ อ๋อ! เจ้าหนูนั่นน่ะเหรอ ตอนนี้อยู่ข้างๆฉันแล้วล่ะ เมื่อกี้พึงอธิบายสถานการณ์ให้เสร็จไปเอง เอาไงต่อล่ะ
หา! ให้ไปที่แท่นส่งตัวเลยเหรอ นี่จะใช้ คาตาพัล ชาร์จ(Catapual Charge) ยิงจากที่นี่ไปที่หาดเลยงั้นเหรอ
….เข้าใจแล้ว งั้นให้สัญญาณด้วยก็แล้วกัน ”
สเวน กำลังสนทนาผ่านอุปกรณ์มือถือที่มีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมสีขาว ซึ่งมีสายติดต่อตรงมาจาก
ห้องควบคุม ซึ่ง พรายด์ ก็อยู่ข้างเค้าแล้วในตอนนี้ เด็กหนุ่มมีสีหน้า กังวลเล็กน้อย กับสถานการณ์รอบตัว
“ เจ้าหนู เค้าบอกให้ไปแล้วแน่ะ..พร้อมรึเปล่า ”
สเวน หันมาถามเค้าพลางชี้ไปที่ พื้นรางคล้ายกับรางรถไฟ ที่อยู่ข้างๆที่อาคารทำการ
“ ครั้งแรกเลยสินะ เอาเถอะรบจริงกับรบจำลองมันก็ไม่ต่างกันนักหรอก แค่อย่าตายก็พอ ไม่งั้นก็จบแค่นั้นล่ะ พร้อมไหม! ”
สเวน กล่าวเพื่อจะให้ เค้าหายกังวล แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไรให้มันดีขึ้นเท่าไหร่ ถึงอย่างนั้น
เค้าก็ไม่อยากจะเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกแล้ว จึงพยักหน้ารับไป พวกเค้าทั้งสองจึงวิ่งตรงไปที่
พื้นราง นั่น
“ เอาล่ะ เจ้าหนู รีบติดตั้ง Crisisor ซะ ”
สเวน สั่งพร้อมกับที่ตัวเค้า จิ้มนิ้วกดแป้นตัวเลบนเครื่องมือถือที่เค้าใช้ติดต่อเมื่อครู่ อย่างรวดเร็ว
/Code Standing By/
เสียงทุ้มกังวานดังขึ้นจาก เครื่องของเค้า ก่อนที่จะแตะนิ้วลงไปที่แถมแสกนข้างเครื่อง และรูด
ปาดมันทันที
/Code Slash/
สิ้นเสียง ก็ปรากฏเส้นแสงพุ่งออกมาจากแถบแสกนนั้น และค่อยพันไปรอบตัวของเค้ามิดทั้งตัว
ก่อนจะสลายออกพร้อมกับที่เปลี่ยนให้ สเวน ไปอยู่ในชุดเกราะสีเงิน ที่หลังติดอุปกรณ์ลักษณะคล้ายเป้สะพาย
ซึ่งมีปีกยื่นออกมา สเวน ก้าวเท้าลงไปยืนบนรางก่อนจะตั้งท่า เตรียมเหมือนกับนักกรีฑาที่กำลังจะออกวิ่ง
“ เอ้า! มัวเหม่ออะไรอยู่ รีบติดตั้งเข้าสิ!! ”
“ ค..ครับ!! ”
สเวน หันไปท้วง พรายด์ ก่อนที่เค้าจะรับคำและหยิบเอา ปืนยาวจำลองขนาดเล็กขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ
“ Wake up!! Superbia!! ”
พรายด์ ตะโกนขึ้นสุดเสียง
/Set up OG Stand By/
เสียงทุ้มกังวานก้องขึ้นขานรับจาก ปืนจำลองนั้น ก่อนที่มันจะขยายขนาด จนใหญ่ขึ้นพอๆกับแขนของเค้า
และปล่อยละอองอนุภาคสีแดงออกมาคละคลุ้ง ละอองเหล่านั้นค่อยๆจับตัวรวมกันเป็นชุดเกราะสีอัญชัญ
และปีกร่อนสีดำ แก่เขา ทันทีที่เสร็จสิ้นการติดตั้ง พรายด์จึงรีบกระโดดลงไปยืนบนรางที่ขนานกับ รางที่ สเวน ยืนอยู่
“ ดีล่ะ! ทางนี้พร้อมแล้ว ให้สัญญาณได้เลย!! ”
สเวน กล่าว เสียงของเค้านั้น ถูกนำพาตามคลื่นวิทยุจากชุดเกราะ ส่งไปยังห้องควบคุม ที่ เมออาร์เน่ รอ
เสียงขานการให้สัญญาณของพวกเค้าอยู่
“ ใหสัญญาณการส่งตัวได้! ”
สิ้นคำของเมออาร์เน่ เจ้าหน้าที่ในห้องก็ทำการประกาศผ่าน ลำโพงที่ติดตั้งอยู่ทั่วตัวอาคาร
“ จากนี้เราจะทำการ ส่งตัว Valkyrier ออกไปปฏิบัติหภารกิจ ขอให้ผู้ที่ยืนขวางอยู่ในเส้นทาง
การสัญจรของ Catapual Charge รีบเคลื่อนย้ายค่ะ!! ขอย้ำ ”
เสียงประกาศดังขึ้น เจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่ ลานหน้าอาคารก็พากันแหวกทางออกจากรางส่งตัวของ
ทั้งสองเพื่อไม่ให้กีดขวางเส้นทาง
“ เส้นทาง Catapal Charge Clear ค่าแรงดันไฟฟ้า Clear Valkyrier Feodora Alpha เชิญออกได้ค่ะ!! ”
เสียงประกาศดังขึ้นพร้อมกับที่ รางที่ สเวน ยืนอยู่นั้นเรืองแสงขึ้นไล่ไปยาวตลอดแนวของ รางจนสุด
“ สเวน แตร์เซส วอลคีรีเออร์ ฟีโอโดร่า อัลฟ่า(Sven Tarexex Valkyrier Feodora Alpha) จะไปล่ะ!! ”
สิ้นคำ ปีกทั้งสองข้างที่แพคหลังของ สเวน ก็กางออก พร้อมพ่นละอองอนุภาคสีเขียวอ่อน ออกมา
และพาตัวเค้าพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ตามพื้นราง ก่อนจะทะยานตัวขึ้นสู่ฟ้า อย่างรวดเร็ว
“ ต่อไป!! Valkyrier Superbia of Sunday เชิญออกได้ค่ะ ”
เสียงประกาศ ครั้งต่อมาดังขึ้นพร้อมกับที่รางของ พรายด์เริ่มเรืองแสงขึ้นบ้าง
เค้ากลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่เพื่อที่จะไม่ให้ตัวเอง ตื่นเต้นทันทีที่แสงวิ่งจนสุดรางแล้ว
นั่นคือสัญญาณการออกตัวของเค้า
“ พรายด์ อัสแคร์ วอลคีรีเออร์ ซูเพอร์เบีย ออฟ ซันเดย์(Pride Aska Valkyrier Superbia of Sunday) ไปล่ะครับ!! ”
สิ้นเสียง ปีกทั้งสองของ พรายด์ ก็กางขึ้นพร้อมกับปล่อยละอองอนภาคออกมาแต่เป็นสีแดง ช่วยพาตัวเค้าซิ่งไปตามราง
ขนสุดก่อนจะทะยานตาม สเวน ขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
“ การส่งตัวของ Valkyrier ทั้งสองคน เสร็จสิ้น!! จากนี้ไป ยานรบหลักประจำกองกำลังอิสระที่ 7 หน่วย Shagri-la ยาน รัฟอัส(Rufus) จะทำการออกยานค่ะ ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมารวมกันด้วยนะคะ! ”
เสียงประกาศดังขึ้น พร้อมกับ ตัวอาคารแยกออก เป็นสองเสี่ยง ภายในนั้นปรากฏยานรบที่มีส่วนหัวยานคล้ายหัวมังกร
สีม่วงคล้ำโผล่ออกมาแทน โดยที่ห้องบังคับการภายในอาคารนั้น ก็คือห้องควบคุมของยานลำนี้นั่นเอง
(Zalom Battle Ariship)
……………………
…………………………………….
“ Valkyrier Gula of Friday เหรอ อะไรกันเนี่ย ชื่อไม่เห็นจะเท่ตรงไหนเลย! ”
เด็กหนุ่มผู้เป็นหนึ่งในกลุ่มก่อการร้ายที่บุกเข้ามา เอา Crisissor ไปบ่นพลางมอง หอกในมือของตน
เกราะที่เค้าสวมนั้นเป็นสีฟ้าอ่อนน้ำเช่นเดียวกับสีผมของเค้า ที่หลังมีอุปกรณ์คล้ายจานรับสัญญาณ
(Valkyrier Gula of Friday ) (Arul Needler)
“ เลิกบ่นได้แล้วน่า อาวล์(Arul) ของฉันชื่อก็ไม่ต่างจากนายนักหรอกน่า Valkyrier Avaritia of Tuesday
ชื่อก็ลงท้ายด้วยวันเหมือนนายน่ะแหล่ะ ”
เด็กหนุ่มอีกคน สวนขึ้นด้วยท่าทีไม่พอใจ ชุดเกราะของเค้าเป็นสีสีน้ำเงินเข้ม และที่คาดหัวติดขนนกคล้ายอินเดียนซึ่งคาดอยู่ผมหยิกสีเขียวอาวุธประจำตัวของเค้า ธนูหน้าไม้จักรกล ที่มีรูปแบบดูน่าเกรงขามด้วย ใบมีดที่ยื่นขึ้นมา 5 ใบจาก
คันเล็ง (Valkyrier Avaritia of Tuesday)(Stag Greeder)
“ ของ สแตกค์(Stag) เป็นวันอังคารเหรอ? ของสเตลท์ วันเสาร์ล่ะ ”
เด็กสาวผมสีทองสั้นที่อยู่ในกลุ่มของทั้งสาม ก็ออกความเห็นขึ้นมาบ้าง ชุดเกราะของเธอ เป็นเกราะเหล็กแข็งสีเขียวฟ้า
อาวุธของเธอ คือ ดาบที่มีใบดาบถึงสามใบแฉกออกมาเหมือนคล้ายสามง่าม และ โล่ติดกลไกสีดำ
(Valkyrier Invidia of Saturday)(Stellnic Leoric)
“ ช่างเถอะน่า! เรารีบกลับไปที่เรือเถอะ อยู่นานๆไปเดี๋ยวมันจะ… ”
แสตกท์ เด็กหนุ่มผมสีเขียว เอ่ยยังไม่ทันจะจบดี อาว์ล เด็กหนุ่มอีกคน ก็หันปลายหอกชี้ลงที่เรือขนส่งด้านล่างที่
พวกเค้าทั้งสามลอยตัวอยู่เหนือมัน ละอองอนุภาคสีแดงที่กระจายออกมาจากตัวเกราะของเค้า ได้รวมตัวบีบอัดกันที่ปลายหอกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะระเบิดลำแสงสีแดงที่เกิดจากการบีบอัดอนุภาคสีแดง พุ่งลงไปจมเรือขนส่ง
ระเบิดในทันที
“ อย่าพูดเป็นเล่นน่า แสตกท์ ไหนๆแล้วขอสนุกหน่อยเถอะ!! ที่นี่มันไม่มี ไอ้ของแบบนี้อีกแล้วนี่ เพราะงั้นอาละวาดไปใครมันจะทำอะไรเราได้ล่ะ จริงมั้ย ฮะๆ ”
อาวล์ พูดปนขำเนื้อตัวเต้นระริกด้วยความลิงโลด ในพลังอำนาจที่ถือครองอยู่
/Chakram Strike/
เสียงทุ้มกังวานขึ้นพร้อมกันกับ ที่กงจักร สองอันหมุนควงเฉี่ยวแขนเค้าไปเพียงนิดเดียว ปลายแขนที่ถูกเฉี่ยวนั้น
ตัวเกราะถึงกับฉีกขาดได้ แสดงถึงความคมกริบและพลังทำลายของ จักรทั้งสองวงนั้น ณะที่เจ้าของผู้ที่ออกมารับ จักรทั้งสองกลับไปไว้ในมือ ได้ปรากฏตัวขึ้น หนุ่มผมสีแดง ในชุดเกราะลายพราง พร้อมกับ นักรบสาว ที่ลากเอา หอกขวานขนาดใหญ่ ขึ้นมา ด้วย
(Valkyrier Luxuria of Wensday)
(Valkyria Acedia of Monday)
“ ชิ…นี่มันยังมีอันอื่นนอกจากที่พวกเรา ชิงเอามาอีกรึเนี่ย! ”
แสตกท์ สบถ พร้อมกับยกเอาธนูหน้าไม้ขึ้นเล็ง
/Spellic Arrow/
เสียงดังขึ้นทันทีที่ เค้าลั่นไกหน้าไม้ ลูกดอกลำแสง 5 ดอกถูกยิงกระจายออกมาพร้อมกันในคราเดียว
/Guardian Bit/
เสียงกังวานขึ้นจาก เกราะไหล่ขนาดใหญ่ทั้งสองข้างของ นักรบหญิงก่อนที่มันพุ่งตัวออกจากไหล่ของเธอ
และเข้าปะทะกับลูกดอกลำแสง ลำแสงของลูกดอกทั้งหมดที่กระแทกเข้ากับ เกราะไหล่เหล่านั้น จะสลายไปทันที
โดยที่ตัวเกราะไม่มีความเสียหาย ด้วยการป้องกันแบบไร้ ระยะนี้เอง ทำให้ ลูกดอกทั้งหมดที่ แสตกท์ ยิงมานั้นถูก
ปัดออกไปได้หมด
“ ไรด์ ล่อมันไว้ทีนะ ฉันจะใช้ แอกเซลครัชเชอร์ จัดการพวกมันเอง ”
เธอ ตะโกนสั่งคู่หูหนุ่ม ขณะที่ ยกหอกขวานขึ้นประทับบนบ่า พร้อมกับพุ่งไปข้างห้นาอย่างรวดเร็ว
“ หนอย! ”
แสตกท์ สบถขึ้นพลางยิงลูกดอกไปและถอยหนีห่างออกไปด้วย แต่ทว่าการโจมตีทั้งหมดก็ถูก
เกราะไหล่ทั้งสองที่ทำหน้าที่เสมือนโล่ห์ คอยบินคุ้มครองให้ การโจมตีของเค้าจึงเข้าถึงตัวเธอไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“ เฮ้ย!! ไอ อย่าอย่ารีบร้อนเด่ะ ฉันคุ้มกันให้ไม่ทันนะ เหวอ! ”
ไรด์ คู่หูของเธอ ตะโกน ขณะที่ ถูก อาวล์ไล่เอาหอก แทงต้อนไปเรื่อย จนต้องถอยแล้วถอยอีกเพื่อตั้งหลักจู่โจมเนื่องด้วยอาวุธของเค้านั้น ต้องอาศัยการขว้างออกไปโจมตีหากถูกประชิดตัวได้ ตอนที่ขว้างออกไปตัวเค้าก็จะไม่เหลืออะไรใหป้องกันตัวเลย
“ เสร็จฉันล่ะแอกเซลครัชเชอร์!! ” /Axel Chrusher/
เธอ ตะโกนขึ้นพร้อมกันที่ เสียงกังวานออกมาจาก หอกขวานของเธอ และรวบรวมละอองอนุภาคสีแดงที่แผ่ออกมาจากเกราะของเธอ มาฉาบไว้ที่คมขวานและปลายหอก และเมื่อเธอเหวี่ยงขวานลงหมายจะผ่า ร่างของ แสตกท์
ที่อยู่ตรงหน้าให้สะบั้นในทีเดียวนั้นเอง สเตลท์เด็กสาวที่อยู่ในกลุ่มก่อการร้ายทั้งสาม ก็พุ่งเข้ามายกโล่
ของเธอรับคมหอกขวานของไอ ซึ่งแรงกระแทกจากการเหวี่ยงหอกขวานของ ไอ น่าจะทำให้เธอกระเด็นไปเลยทว่า
ราวกับแรงกระแทกเมื่อกี้มาจากการฟาดด้วยกระดาษเบาๆ เพราะโล่ของเธอไม่มีทีท่าจะร้าวหรือได้รับ
แรงกระแทกใดๆหนำซ้ำเจ้าตัวยังคงนิ่งได้โดยไม่รู้สึกอะไร
“ อย่ามา…ทำอะไร แสตกท์ นะ ”/Cerbius Slash/
สเตลท์ คำรามพร้อมกับเหวี่ยงดาบของเธอ ทันทีเสียงของดาบดังขึ้น ใบดาบทั้งสามของเธอนั้น
ก็เรืองรองด้วยแสงของอนุภาคสีแดง โชคดีที่ เกราะไหล่ของ ไอ เข้ามารับการฟันครั้งนี้ได้ทัน
เธอจึงโยกตัวฉาก ถอยออกห่างอีกฝ่ายทันที พร้อมกับ เรียกให้เกราะไลห่ของเธอกลับมา
ประกอบกับชุดเหมือนเดิม
“ เจ้าพวกนี้…ทั้งๆที่เป็นของที่โขมยไปแท้ๆแต่ไหงใช้กันคล่องแบบนี้ล่ะ ”
ไอ สบถ ขณะที่ยกหอกขวานขึ้นเตรียมบุกครั้งต่อไป
/Deep Lance/
เสียง ดังกังวานขึ้นพร้อมกับ ลำแสงสีแดงพุ่งตรงเข้ามาหา แต่ ไอ ก็หลบได้ทันพอดี
ลำแสงนั้นยิงมาจาก อาว์ล ที่ปะทะ กับ ไรด์ อยู่โดยอาศัยจังหวะทีเผลอยิง ใส่เธอ ต่อหน้า ไรด์
แต่นั้นก็เปิด โอกาส ให้ ไรด์ ถอยฉากไปทีเดียว ไกลพอจะโจมตีได้ในทันที
ทว่าเมื่อ ไรด์ เตรียมท่าที่จะขว้างออกไปนั้น ลูกดอกลำแสง ก็พุ่งลงมา ทำให้เค้า ต้องชะงักการขว้างเอาไว้
และรีบพุ่งตัวหลบ
“ ไม่ให้ทำได้หรอกน่า!! ”
แสตกท์ สบถ พร้อมกับรัว ลูกดอกลำแสง ใส่ลงมาไม่ยั้งมือ โดยที่ให้ สเตลท์ ประมือกับกับ ไอ ไปแทน
เพื่อที่ตัวเองจะได้ยิงสนับสนุน ได้ จำนวนคนที่น้อยกว่าทำให้ ร์ด กับ ไอ เริ่มเสียเปรียบในทันที
ที่อีกฝ่ายตั้งกระบวนจู่โจมได้พร้อมแล้ว
/Burst Breaker/
เสียงคุ้งกังวานขึ้น ก่อนที่ลำแสงสีแดงสายใหญ่จะพุ่งฝ่าวง เข้ามา จนทำให้วงล้อมของ ทั้งสาม ต้องถอยร่น
จาก พวก ไอ
“ ยังมีพวกมันอยู่อีกงั้นเรอะ?! ”
อาวล์ สบถ พลางหันมองซ้ายขวาเพื่อหาตัว ผู้ที่โจมตีเข้ามา ทว่ายังไม่ทันที่จะได้เห็น
ก็มี Valkyrier อีกคนบินอ้อมหลังเค้าไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับฟาดดาบลงมา
ใส่โดยที่ไม่ทันระวังตัว ทำให้รับคมดาบเข้าไปเต็มๆ แต่กระนั้น ก็ยังได้ตัวเกราะ คุ้มกันเอาไว้ให้
จึงทำให้ไม่บาดเจ็บอะไรมาก
“ ชิ! แข็งเป็นบ้าเลย นี่น่ะเหรอ เกราะที่อาบ อนุภาค อิออนดิวเทเรี่ยม ”
Valkyrier ที่ฟันใส่ อาวล์ ไปเมื่อครู่ คือ สเวน สบถพร้อมกับทะยานเข้าไป ไล่ฟาดดาบลงเป็นพัลวัน
แต่ ครั้งนี้ อาวล์ สามารถยกเอา หอกขึ้นมาปัดได้บางส่วน แต่ความเร็วของ อีกฝ่ายก็ต้อนเค้าเสียจนมุม
“ อาวล์!...หนอย~ ”
แสตกท์ สบถก่อนจะเล็งหน้าไม้ไป เพื่อช่วย อาวล์ ทว่าก็มีลำแสงที่ยิงเข้ามาก่อนหน้านั้น พุ่งตัดเข้ามาอีก
ทำให้ต้องหันความสนใจออกไปอีกครั้ง
“ ฮึ่ย! เจ้านั่นเองเหรอ ”
แสตกทื สบถพร้อมกับหันไปยิงทิศที่ลำแสงพุ่งมา พรายด์ ที่ตาม สเวน ซึ่งเข้าไปรับมือ อาวล์ก่อนแล้วนั่นเอง
พรายด์ ลั่นไกรัวยิงลำแสงสาดใส่ ไม่หวังสอยให้ร่วงในครานี้ ทว่า อีกฝ่ายกลับ เร่งการสร้างละอองอนุภาคของเกราะ
จนฟุ้งและบีบรวมให้มันกลายเป็นกำแพงคุ้มกันการโจมตีของ เค้า
“ นี่พวกมันใช้เป็นแม้กระทั่ง อิออนฟิลด์(Ion Field)ด้วยงั้นเหรอ ! ”
พรายด์ อุทานเมื่อเห็นทักษะ ในการใช้ Crisissor ของอีกฝ่าย
“ เชอะ! เจ้านี่ละอองสีเขียวงั้นเรอะ… ”
อาวล์ เปรยพลางควงหอกในมือเพื่อปัดการ โจมตีของ สเวน ขณะที่สังเกตุเห็นว่าละออง
ของ สเวนนั้นเป็นสีเขียวสด ไม่ใช่สีแดงเหมือนกับคนอื่นๆ
“ นี่ฉันโดนเจ้ารุ่นเก่าที่ยังใช้ละออง อิออน ธรรมดาๆไล่ต้อนงั้นเรอะ! ”
อาวล์ สบถยัวะ ก่อนจะตวัดหอก ใส่ทำให้ สเวนต้องถอยฉากออกมา
“ หืม..รู้ว่า Crisissor ของฉันเป็นรุ่นเก่างั้นเหรอ…ดูท่าว่าพวกแกจะรู้ตื้นลึกหนาบางของพวกเราซะดิบดีเหลือเกินนะ ”
สเวน เปรยก่อนจะพุ่งเข้าไปอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ อาวล์ กลับชิงทะยานตัวพุ่งลงน้ำไปแทน ก่อนจะหันลำกลับจากใต้น้ำ
ขึ้นมาหันปลายหอกเล็งยิง ลำแสงอนุภาค สวนขึ้นมา
“ ลงน้ำงั้นเหรอ… ”
สเวน สบถขณะที่ต้องบินโยกเพื่อหลบ ลำสงที่ อาวล์ สาดกลับขึ้นมาจากใต้น้ำ
“ หัวหน้า! ”
พรายด์ ส่งเสียงขึ้นพร้อมกับหันปากกระบอกปืนลงไปเล็งยิง ใส่ อาวล์ ทว่าทันทีที่ลำแสงพุ่งลงไปจะถึงตัว แล้วนั่นเอง
อาวล์ กลับดำลงไปใต้น้ำเพื่อหลบการโจมตี ลำแสงของ พรายด์ที่ ยิงไปเมื่อเจอกับน้ำก็ดับสลายไปทันที
“ นี่มันรู้แม้กระทั่งความสามารถเฉพาะตัวของ Gula of Friday ด้วยงั้นเรอะ! ”
สเวน อุทานเมื่อเจอกับลูกเล่นของอีกฝ่าย ที่ลงไปหลบอยู่ใต้น้ำทำให้การโจมตีของพวกเค้าลงไปไม่ถึงตัว
อาวล์
{ความสามารถของ Deeping Parasol ที่บนหลังอันนี้น่ะ นอกจากจะทำให้เคลื่อนไหวใต้น้ำได้แล้ว
ยังมีอีกเพียบเลย จะแสดงให้ดูเดี๋ยวนี้ล่ะ}
อาวล์ ที่ดำอยู่ข้างล่างคิดก่อนจะทะยานตัวไป ในน้ำอย่างสบายๆราวกับบินอยู่บนท้องฟ้า ค่อยๆว่าย
ไต่ระดับขึ้นไปจน แพคอุปกรณ์รูปจานรับสัญญาณ ที่แบกอยู่บนหลังโผล่พ้นน้ำเหมือนครีบฉลาม
/Cold Snaping/
เสียงกังวานขึ้นจาก แพคอุปกรณ์ที่โผล่พ้นน้ำ ใบจานวงกลมเริ่มหมุนปั่นรอบอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่ลำแสงสีฟ้าจะระเบิดพุ่งขึ้นมา ลำแสงตรงมาที่ สเวน ขนาดของลำแสงกว้างมากเสีย จนเค้าหลบให้พ้นไม่ได้
ทว่าก่อนที่ลำแสงจะเข้าถึงตัว โล่เกราะไหล่ ของ ไอ ทั้งสองชิ้นก็พุ่งเข้ามาบังลำแสงนั้นเอาไว้ ทันทีที่
โล่เกราะ เหล่านั้นถูกลำแสงอาบ ก็ถูกแช่แข็งอยู่ในก้อนน้ำแข็งในทันทีก่อนจะร่วงหล่นลงไปในน้ำ
“ หัวหน้า ไม่เป็นไรนะคะ ”
ไอ เข้ามาถามสภาพของเค้า ทันทีโดยมี ไรด์ ตามมาด้วยติดๆ
“ อืม...เมื่อกี้ขอบใจมากถ้าไม่ได้ Guard Bit ของเธอกันไว้ให้ปานนี้คงได้กลายเป็นน้ำแข็งใสไปแล้วล่ะ ”
สเวน กล่าวจบก็มีลูกดอกลำแสง ดอกหนึ่งตรงลงมายังกลุ่มพวกเค้า ทว่า มันก็ถูกลำแสงจากปืนของ พรายด์ยิงปัดทิ้งไป
ได้ทันเสียก่อน
“ จริงสิ แล้วเด็กคนนั้นเป็นใครกันครับ หัวหน้า ”
ไรด์ ถามขึ้นพลางชี้ไป ที่พรายด์ ที่กำลังสู้อยู่
“ อ๋อ จริงสิพวกเธอสองคนยังไม่รู้สินะ นั่นน่ะเด็กใหม่ที่จะเข้ามาประจำการหน่วย Shangri-la ของเราไง ”
สเวน อธิบายขณะที่ ลำแสงแช่แข็ง ของ อาวล์ ถูกยิงตลบหลังมาอีก แต่คราวนี้ พวกเค้าทั้งสามสามารถหลบได้ทันก่อนอย่างหวุดหวิด
“ นี่ไม่ใช่เวลาเหมาะที่จะมาคุยเท่าไหร่แหะ รีบจัดการเถอะ ”
สเวน สั่งก่อนที่พวกเค้าทั้งสาม จะหันลำลงไปเพื่อที่จะล้อม อาวล์ ที่อยู่ใต้น้ำพร้อมๆกัน
“ ย้ากกกกก!!! ”
เสียงตะโกนเฮโลของ เด็กสาวที่เรียกตัวเองว่าสเตลท์ ดังขึ้นพร้อมกันที่โล่ของเธอพุ่งตรงฝ่า ลำแสง
ที่พรายด์ ยิงสวนไปอย่างง่ายดายและเข้ามากระแทกจนเค้าร่วงลงไปที่ สะพานท่าเทียบเรือพอดี
ผู้คนที่กำลังทยอยหนีออกห่างการสู้รบ ด้านล่างจึงพลอยถูกแรงกระแทกกระเด็นตกน้ำไปบ้างก็มี
โดยที่ พรายด์ ที่กระเด็นลงมานั้น ร่างของเค้าแทบจะจมลงไปในสะพานเลย
“ เซน่า! เซน่า! ”
เสียงตะโกนเรียกของ ใครบางคนดังขึ้นข้างๆเค้า ทันทีท่ลืมตาขึ้นหันไปดู หนุ่มเผ่าสมิงที่มีหูสุนัขป่าซึ่งเป็นผู้คุ้มกัน
ของ เซน่า หญิงสาวที่มีปัญหากับ ประธาน ลอว์เอน ก่อนเกิดเรื่อง กำลังพยายามเรียกสติของ เซน่า ที่สลบไปเพราะ
แรงกระแทก จากการตกของ พรายด์ เมื่อครู่
“ ฮะ ฮ่า!! เสร็จฉันล่ะ ลาก่อนนะ! ”
แสตกท์ เปรยอย่างผู้มีชัย ก่อนจะเล็งหน้าไม้ลงมาที่ พรายด์ ที่นอนเจ็บอยู่บนสะพาน โดยที่มี เซน่า และ องค์รักษ์อยู่ข้างๆ
นั้นด้วย ลูกดอกถูกรัวยิงลงมา พรายด์ รีบทำการรวมประจุอนุภาคของเค้า กางกำแพงพลังงานขึ้นป้องกันทั้งตัวเค้า
และอีกสองคนที่อยู่ใกล้ๆด้วย
“ บ้าเอ๊ย! นี่! อาวุธนายอยู่ที่ไหนน่ะ ”
หนุ่มสมิงผู้คุ้มกัน หันมาถามเค้า
“ ฉันเหรอ? ”
พรายด์ ถามกลับพลางชี้มาที่ตัวเองอย่าง งงๆ
“ ก็ถ้าไม่ใช่นายแล้วจะมีใครอีกเล่า! ”
หนุ่มสมิงผู้คุ้มกัน ย้อนคำเร่งเพราะ การโจมตีของ อีกฝ่ายนั้น เริ่มที่ทะลุกำแพงลงมาบ้างแล้ว
“ ย..อยู่ที่ข้างขานายไง ”
พรายด์ พูดสะดุดๆเพราะต้องออกแรงและสมาธิควบคุม เกราะพลังงานให้แข็งขึ้นพอที่จะทนการโจมตีให้ได้
ขณะเดียว กัน หนุ่มสมิงผู้คุ้มกัน ก็หยิบเอา ปืนยาวของเค้าขึ้นประทับเล็ง ไปที่ แสตกท์ ทันที
“ ฮ…เฮ้เจ้าบ้าอะไรของนายน่ะ นั่นมัน Crisissor ไม่ใช่ปืนธรรมดาๆ ที่ใครๆจะยิงกันได้นะ ”
พรายด์ สบถ เมื่อเห็นว่า หนุ่มสมิง คิดจะใช้ปืนของเค้าตอบโต้ศัตรูกลับไป
“ ฉันรู้หรอกน่า แต่ขืนปล่อยไว้แบบนี้ ทั้งฉัน ทั้งนาย แล้วก็ เซน่า ตายกันหมดแน่ ฉันจะนับถึง 3 นะพอถึงตอนนั้น
Crisissor ของมันน่าจะต้องทำการ Delay การโจมตีแบบอัตโนมัติ จังหวะนั้นรีบปลด อิออนฟิลด์ ซะ!!เข้าใจไหม!! ”
สมิงหนุ่ม สั่งแม้ว่าสิ่งที่เค้าผู้นี้กำลังจะทำนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ในความคิดของ
พรายด์ แต่ตอนนี้ตัวเค้าเองก็ไม่อยู่ในสภาพที่จะยิง สวนกลับไปได้ด้วยตัวเอง
“ จะลองเสี่ยงดูก็ได้แต่เกิดไรขึ้นฉันไม่รู้ด้วยนะ ”
พรายด์ กล่าวพร้อมกับตั้งสมาธิไปที่การควบคุม กำแพงพลังงานแทน เมื่อเห็นดังนั้น สมิงหนุ่มจึงเริ่มนับทันที
“ 1 ”
สิ้นการนับ ในครั้งนี้จำนวนลูกดอกเริ่มที่จะ แผ่วความถี่กับจำนวนลงไปเรื่อยๆ
“ 2 ”
ลูกดอกค่อยๆลดจำนวนลง การโจมตีของอีกฝ่าย เริ่มซาลงไปเรื่อยๆ
“ ชิ! อิออนฟิลด์นั่นอะไรมันจะแข็งขนาดนั้น เจาะไม่เข้าเลย เชอะ! อีกเดี๋ยวก็จะถึง Delay ของอาวุธเราแล้ว
แต่ไม่ทันให้แกลุกได้หรอกน่า ”
สแตกท์ สบถแต่ก็ยังคงความคิดที่ว่าตนได้เปรียบอยู่ เพราะ Valkyrier อีกสามคน ยังคง
ไล่ต้อน อาวล์ ไม่สำเร็จ
“ 3 ตอนนี้แหละ!! ”
สิ้นคำของ สมิงหนุ่ม ลูกดอกทั้งหมดของ สแตกท์ ก็หยุดพุ่งลงมา พร้อมกับที่กำแพงพลังงานของ
พรายด์ถูกปลดออก สมิงหนุ่ม รีบลั่นไก ออกไปทันที ลำแสงสีแดงที่พุ่งออกจากปากกระบอก
ไปนั้นมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นมากกว่า ที่ พรายด์ยิงเองเสียอีก ความรุนแรงของมันนั้นสร้างแรงสะท้อนชนิดที่ว่า
สมิงหนุ่มเอง ก็แทบจะยืนไม่อยู่เหมือนกัน ทว่าลำแสงที่ยิงไปนั้น กระแทกเฉี่ยวไปโดน หน้าไม้ของ สแตกท์ พอดี
อาวุธนั้นถึงกับช๊อต จนไม่สามารถยิงได้ชั่วขณะ
“นี่ บ…บ้าอะไรกันเนี่ย ”
สแตกท์ สบถ หน้าไม้ของเค้า ไม่สามารถใช้ยิงได้อีกซักพัก ท่ามกลางความตกตะลึง
ของอีกฝ่าย ลำแสงอีกนับ สิบก็ถูกรัวยิงสวนขึ้นมา สเตลท์ ที่จะยกโล่ขึ้นมาป้องกันบังถูกยิงเข้าตรงจุดบอดของ โล่
จนกระเด็นหลุดมือไป เพียงพริบตาเดียว ทั้งสองก็กลายเป็นฝ่ายถูกไล่ต้อนเสียเอง
“ โห! นั่นอะไรน่ะ ”
ไรด์ อุทานทันทีที่เห็นห่าลำแสงนับสิบถูกรัวสาดขึ้นจากสะพาน
“ ฝีมือพรายด์ เหรอ! ”
ไอ เองก็ตกใจไม่แพ้กันกับฝีมือการยิง ที่ชนิดเรียกได้ว่าแม่นสุดๆ เพราะทุกเป้าที่ยิงไม่มีลำแสงไหนเบนออกจาก เป้าเลย
กำแพงกพลังงานที่อีกฝ่าย สร้างขึ้นเพื่อต้านเอาไว้ ก็ถูกย้ำจุดยิง จนแตกทลายลงในการยิงไม่กี่ครั้ง
{เชอะ ถึงแกจะยิงแม่นแค่ไหนก็เถอะ แต่ถ้าอยู่ใกล้น้ำแกก็เสร็จฉันล่ะ กลายเป็นน้ำแข็งลงไปเล่นน้ำทะเลซะ}
อาวล์ ที่ว่ายอ้อม ไปที่ข้างสะพานที่ พรายด์ อยู่ค่อยโผล่พ้นน้ำขึ้นมาเพื่อเตรียมที่จะยิงแสงแช่แข็ง
“ ข้างล่าง! ใต้น้ำเหรอ! ”
สมิงหนุ่มเปรยกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับหูสุนัขที่กระดิกไปมาเพื่อรับฟังเสียงแหวกผิวน้ำของ อาวล์
“ ตรงนั้น!! ”
สิ้นคำ สมิงหนุ่มรีบหักปากกระบอกปืน กลับไปข้างหลัง รัวยิงใส่ อาวล์ ที่พุ่งจากน้ำขึ้นมาเพื่อจะยิงพวกเค้า
กลับถูกกระสุนแสงสามนั้นซ้อนติดๆยิง ทำลายตั้งแต่ หอก และแพคอุปกรณ์ยิงแสงที่หลัง พร้อมกับถูกยิง
กระเด็นไปกองอยู่ที่ฝั่งในทันที
“ ส…สุดยอดเลย…นี่นาย…เป็นใครกันแน่เนี่ย ”
พรายด์ ที่ได้เห็นฝีมือการยิงระดับเหนือคาดของ เค้า อดที่จะถามด้วยความทึ่งไม่ได้
“ ตอนนี้ล่ะ สเตลท์ ฟันมันเลย! ”
เสียงของ แสตกท์ ดังขึ้นพร้อมกันนั้นเอง สเตลท์ ได้พุ่งลงมาเงื้อดาบสามง่ามขึ้นจะฟัน
“ ช้าไป… ”
สิ้นคำ ไกปืนก็ถูกลั่นออกไปอีกสามนัดรัวติดๆ สเตลท์ ที่บุกเข้ามาก็ถูกยิงกระเด็นกลับไปแทน
ก่อนที่ สแตกท์ จะพุ่งมารับตัวเธอ เอาไว้ได้ทัน
“ บ..บ้าเอ๊ย เจ้านั่นมันเป็นใครกัน..ทำไมถึงได้เก่งแบบนี้…ไม่ไหวแล้ว อาวล์ เรารีบถอยกันเถอะ
ของก็ได้มาแล้วด้วยอยู่ต่อไม่ดีแน่ ”
สแตกท์ สบถอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง ก่อนจะตะโกน เรียก ให้ อาวล์ ที่พึ่งฟื้นจากอาการจุกที่ถูกยิงจนกระโจนมาติดฝั่ง
“ เออ!!…ไม่บอกก็โกยอยู่แล้วเฟ้ย!! ”
เสียงตะโกน ตอบกลับของ อาวล์ ดังขึ้นก่อนที่ จะกระโจนลงน้ำและว่ายไปสมทบกับ พวก สแตกท์
“ อ๊ะ! อย่าให้พวกมันหนีไปได้นะตามไปเร็ว! ”
สเวน สั่ง ก่อนที่ตัวเค้า ไอ และ ไรด์ จะรีบทะยานตัวไล่ตามไป
ขณะเดียวกันที่ สะพาน สมิงหนุ่ม ได้วางปืนของ พรายด์ ลงด้วยสภาพเหนื่อย อ่อนจากการรับแรงสะท้อนของ
ปืนตลอดการยิง
“ นี่นาย! ไม่เป็นไรนะ ยิงไปซะขนาดนั้นแถมไม่ได้ใส่ ชุดเกราะไว้อีกทนเข้าไปได้ยังไงกันล่ะเนี่ย ”
พรายด์ ถามด้วยเป็นห่วงในสภาพร่างกายของสมิงหนุ่มตรงหน้า ที่ฝืนใช้ปืนของเค้าไปแบบนั้น
ทว่า อีกฝ่ายดุจะไม่ยอมสนใจตัวเค้าเลยแม้แต่ น้อยหรือแม้แต่สภาพร่างกายของตัวเอง
สิ่งที่ สมิงหนุ่มเป็นห่วงกว่าก็คือ อาการบาดเจ็บของ หญิงสาวที่ตนต้องคุ้มครองมากกว่า
“ พรายด์ มัวทำอะไรอยู่ รีบตามมาเร็วพวกมันจะหนีไปแล้ว.. ”
เสียงติดต่อของ สเวน ดังขึ้นจาก หมวกเกราะของ พรายด์
“ อ่ะ…ครับ!! ”
พรายด์ ตอบกลับไปทั้งที่ยังห่วงทางนี้อยู่แต่เมื่อเป็น คำสั่งเค้าจึงต้องตัดใจ บินจากไปทิ้งให้ สมิงหนุ่มที่ช่วยพวกเค้าไว้
แบกร่างของ หญิงสาวที่หมดสติ เดินไปบนยะงฝั่งเพียงลำพัง
…………………….
…………………………………
หมู่เกาะ ชายฝั่งอ่าวนีรันด้า
ห่างออกจาก แนวเชื่อมต่อของทะเลสาบนีรันด้ากับทะเลไป หมู่เกาะเล็กๆทางตอนใต้ของทวีปเมอริเซียนี้
มีเกาะเล็กๆที่สงบสุขตั้งอยู่ เกาะแห่งนี้เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ ด้วยสะพานธรรมชาติ ที่เกิดจากน้ำขึ้นน้ำลงกับเกาะเล็กเกาะย่อย เชื่อมต่อกันด้วย สะพานที่มนุษย์สร้างขึ้นอีกที
โดยไปลงที่ท่าเรือของ มิราบิลิส ระยะทางต้องใช้ม้าในการเดินก็จะข้ามฝั่งได้ ภายใน 2 ชั่วโมง
ที่เกาะแห่งนี้มี คฤหาสน์ปลูกอยู่หลังหนึ่ง เป็นรู้จักกันของชาวทวีปเมอริเซีย ว่านี้คือเกาะส่วนพระองค์ของ
มหารานี เซน่า ไฮเดย์ ที่ทรงครองราชราชอาณาจักรแห่งมหานคร เมกาโทโปรลิส บนแผ่นดินใหญ่ เมอริเซีย
มหานครอันเป็นใจกลางแห่งเมอริเซีย
…………..
ครืน…..ซ่า…..ครืน…ซ่า~~~
เสียงคลื่นพัดเข้าหาฝั่งตัด กับเสียงลมทะเลที่พัดโหมเข้ามาเมื่อแสงตะวัน ยามเย็นเริ่มคล้อยฟ้า
ชายหนุ่มผมสีทองชี้แหลม แหงนเงยมองเส้นขอบฟ้าที่อีกฟากของเทะเล ด้วยแววตา สลดที่ราวกับคำนึงหาอะไรอยู่
“ มองหาอะไรอยู่หรือ….เรกกะ … ”
เสียงขานนามของเค้าดังขึ้น ก่อนที่ หญิงสาวผมสีชมพูสั้นบ๊อบ จะเดินเข้ามาหาเค้าอย่างช้าๆ
เค้าตอบเธอเพียงแค่ ส่ายหน้าเท่านั้น
“ งั้นก็เป็นห่วง เซน่า งั้นสิ…เฟนท์ ก็ตามไปคุ้มครองให้อยู่แล้วลองมีบอดี้การ์ด เก่งขนาดนั้นต่อให้
โดนมังกรขึ้นไปอาละวาดบนเกาะก็ยังไม่ต้องห่วงเลยด้วยซ้ำ ”
เธอ ถามเองตอบเองเสร็จสรรพ ทว่าคำตอบเค้าก็ยังคงเป็นเพียงการส่ายหน้าปฏิเสธเหมือนเดิม
ทั้งคู่เงียบไปอยู่ซักพัก เธอรอให้เค้าพูดความรู้สึกของตัวเองออกมา แต่เมื่อรออยู่นานแล้ว
เค้าก็ยังคงเงียบอยู่ เธอจึงหันกลับเพื่อที่เดินจากไป
“ ฉัน….กำลังคิดอยู่…. ”
เสียงของเค้าดังขึ้นทำให้เธอต้องหยุดก้าว และถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายกับนิสัยของของเค้าที่ชอบรอ
จนเธอเบื่อแบบนี้ทุกที
“ คิดอะไรล่ะ… ”
เธอ ถามกลับโดยไม่หวังว่าเค้าจะตอบหรือไม่
“ ฉันน่ะ….ตัวฉันน่ะ…อยู่ต่อไปแบบนี้มันจะ…ดีเหรอ… ”
เค้าตอบเสียงสะดุดเป็นครั้งๆ ด้วยความลังเลที่แฝงมากับคำพูด
“ คนที่บอกฉันว่าการมีชีวิตอยู่ คือสิ่งที่ถูกต้อง…มันนายเองไม่ใช่เหรอ เรกกะ ”
เธอตอบเค้าสั้นๆ ห้วนๆ ก่อนจะเดินจากออกไป
…………………………………..
………………………………………………….
………………………………………………………………..
ขณะเดียวกันที่ เกาะของ Empyrean Adjust
“ อุ….อือ~~~ ”
เสียงครางของหญิงสาวที่พึ่งฟื้นขึ้น ในอ้อมแขนของ สมิงหนุ่ม ดังขึ้น
“ ฟื้นแล้วเหรอ…เดินเองไหวรึเปล่า ”
สมิงหนุ่ม ถามพลางวางตัวเธอลงให้ยืนด้วยขาตัวเองหลังจากที่แบกมาตลอดทาง
“ ขอโทษนะ ฉันเนี่ยชอบเป็นตัวถ่วงอยู่เรื่อยเลย ”
หญิงสาว กล่าวพลางเอามือกุมหน้าผากที่ยังรู้สึกมึนๆอยู่
“ ไม่เจ็บตรงไหนนะ ”
เค้า ย้ำถามเธออีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ เธอพยักหน้าตอบเค้า แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงเดินเซๆอยู่
“ ส่งแขนมาสิ จะประคองให้ ถ้าไปที่อาคารทำการหลักแล้วหาทางติดต่อท่านประธาน ลอว์เอน อีกครั้งได้แน่ ”
เค้ากล่าว ให้กำลังใจเธอก่อนจะรับแขนที่เธอส่งมาพาดไว้บนหลัง และพาประคองเดินตรงไปยัง
อาคารที่แยกเป็นสองเสี่ยงอยู่ตรงหน้าพวกเค้าทั้งสองในตอนนี้
………………
“ บ้าเอ๊ย!! พวกมันยังตามติดหนึบอยู่เลย…อาวล์!! ”
สแตกท์ สบถ ขณะที่ เร่งความเร็วทะยานหนี การไล่ล่า ของพวก สเวน โดยตะโกนให้สัญญาณ อาวล์
“ รอ อยู่ตั้งนานแล้วเฟ้ย!! ” /Ever Blue Strike/
อาวล์ พุ่งขึ้นมาจากน้ำขานรับและตวัดหอกในมือ พร้อมกับเสียงคุ้งกังวานจาก หอกของเค้า
รัศมีการตวัดหอกนั้น สร้างคลื่นลมที่พัดพาละอองสีแดงที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีฟ้า ละอองทั้งหมดที่
ที่กลายเป็นสีฟ้า ทำให้น้ำในอากาศ เริ่มจับตัวแข็งเป็นแท่งผลึกแหลมคม นับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นมาราวพายุโหม
แต่พวกเค้าก็สามารถกางเกราะป้องกันไว้ได้ทัน แต่กระนั้น สแตกทื ก็รอโจมตีต่อเนื่องทันที
“ เอาไปกินซะ!! ”/Gaizer Gunner/(จักรพรรดิ์มือปืน)
สิ้นคำของ สแตกท์ หน้าไม้ของเค้าก็เริ่มรวบรวมละอองอนุภาค มาประจุไว้ ก่อนจะระเบิด
สายลำแสงสีแดง สาดลงไป 5 สายใหญ่ แต่ล่ะสายมีขนาดเท่าเสาค้ำมหาวิหารเลยทีเดียว
การโจมตีนี้ ทำให้ น้ำทะเล กระจายขึ้นมา กลายเป็นหมอกไอน้ำ หนาจนมองไม่เห็นอะไรรอบตัวเลย
“ มองไม่เห็นเลย พวกมันไปไหนกันแล้ว ”
สเวน สบถพลางหันซ้ายทีขวาที แต่รอบๆก็เต็มไปด้วยหมอกไอน้ำ
“ โฮ่ๆ ถึงคิวผมออกโรงซักทีสินะ ” /Sight Goggle/
ไรด์ พูดเสียงร่า ขณะที่เลื่อนแว่นกันลมที่คาดหัวไว้ลงมาสวม เลนส์ของแว่นนั้น ทำให้เค้าสามารถมองทะลุ
หมอกควัน รอบๆไปได้ และเห็น เป้าหมายของพวกเค้าชัดแจ๋ว
“ ดูเหมือนพวกมัน จะหนีไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะนะครับ จะออกจาก เขตม่านพรางตาแล้วด้วย ”
ไรด์ รายงานไปยังพวกเค้าทั้งหมด
“ ถ้างั้นเราต้องรีบกันหน่อยแล้ว เมื่อกี้ กัปตันเมออาร์เน่ ติดต่อมาว่าอาจมีเรือธงรอพวกมันอยู่ข้างนอกนั่น ”
สเวน ออกคำสั่งจบ ทุกคนก็พากันทะยานออกจากกลุ่มหมอก และ บินอ้อมไปดัก แทน
“ เชอะ! ตื้อจริง ”
สแตกท์ สบถ ตอนนี้พวกเค้า ถูก สเวน และ คนอื่นๆล้อมเอาไว้เสียแล้ว
“ สเตลท์ จะจัดการ.. ”
สเตลท์ เอ่ยขึ้นมาอย่างฉุนเฉียว กระชับดาบในมือ ก่อนจะตรงรี่เข้าไป หา สเวน แต่เค้าก็ใช้ดาบต้านเธอเอาไว้ทัน
“ ถึงจะเป็นรุ่นเก่าแต่ก็อย่ามาดูถูกกันนะเฟ้ย! ”
สเวน สบถก่อนจะยันเท้าถีบ จนเธอกระเด็นออกไป พร้อมกับหมุนดาบให้หันปลายชี้ลง
“ เอาของเก่าไปชิมดูหน่อยเป็นไง ” /Dragon of Mind/
สิ้นคำ ละอองอนุภาคสีเขียวของเค้าก็ไปอัดรวมแน่นกันที่ ดาบและเมื่อตวัดออกไป คลื่นลำแสงรูปเสี้ยว
ก็พุ่งตรงรี่เข้าไป หา สเตลท์ ที่ยังไม่ทันตั้งหลัก
“ ข้าแต่เจ้าแห่งปีศาจ Jigoku ผู้เป็นใหญ่เหนือมวลปีศาจ ขอจงมอบลมหายใจสุดท้ายแก่อริข้า Sumizome ”
เสียง บริกรรมคาถา ดังขึ้น ก่อนที่ คมดาบแสงจะเข้าถึงตัวเธอ ไอหมอกสีดำได้ พุ่งกระจายเข้ามาสูบกินเอา
คมดาบนั้นก่อนจะสลายไป
“ ใครกัน! ”
พรายด์ สบถ พร้อมหันปืนไปเล็ง ยังเจ้าของคาถาเมื่อครู่ ชายในชุดคลุมสีหม่น คาดผ้าปิดไว้ครึ่งหน้าล่าง
กำลังลอยตัวอยู่เหนือพวกเค้า (Outlaw Onmyoji)
“ เมื่อกี้….มันไม่ผิดแน่ วิชาของ องเมียวจิ(Onmyoji) ”
ไอ เปรยเสียงแผ่ว เธอรู้จักวิชานี้ดีกว่าใครๆ
“ องเมียวจิ…ผู้ใช้ศาสตร์ลับแห่งนิคโคอุ น่ะเหรอ ”
ไรด์ อุทานขึ้นทันทีหลังจากได้ยินคำตอบของ ไอ
………………………….
………………………………………….
“ เอาล่ะ การเตรียมพร้อมเสร็จสิ้นแล้ว รัฟอัส ออกยานได้!! ”
เมออาร์เน่ ออกคำสั่งเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ ระบบทั้งหมดในห้องจะเริ่มทำงานพร้อมกัน
ข้อมูลต่างๆปรากฏขึ้นมากมายบนหน้าจอมอนิเตอร์ ภายในห้องบังคับการ ยานรบ รัฟอัส
เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นภายใน ยานขณะที่ตัวยสานกำลังเคลื่อนออกจาก อาคาร
ขณะเดียวกันนั้นเอง…..
“ ว้าย! ”
เซน่า หญิงสาวผู้มากับผู้คุ้มกันสมิงหนุ่ม ต้องกรีดร้องด้วยความตกใจ กับแรงสะเทือน ที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว
โดยที่ก่อนจะทันเซล้ม สมิงหนุ่มเข้าพยุงตัวเธอ เอาไว้เสียก่อน
“ ไม่เป็นไรนะ! ”
สมิงหนุ่มถาม ด้วยความเป็นห่วง
“ อืม..ว่าแต่ เฟนท์ แรงสะเทือนเมื่อกี้มัน… ”
เซน่า รับคำเบาก่อนจะถามกลับบ้าง แต่ยังไม่ทันที่คำถามของเธอจะได้คำตอบนั้น เอง ก็มีประกาศ
ดังขึ้นจากลำโพง ในยาน
“ ขอประกาศ ยานรัฟอัส จะเข้าสู้สภาวะสงครามในอีก 5 นาที ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกนายเข้า
ประจำตำแหน่งของตนด้วยค่ะ ”
เสียงประกาศจากลำโพงนั้น ทำเอาทั้งสองแทบช๊อคทั้งยืน นี่พวกเค้าหนีจากอันตรายมาเจออันตรายเสียเอง
อาคารที่พวกเค้าคิดว่าจะเข้ามาขอ ความช่วยเหลือกลับกลายเป็นยานรบไปเสียนี่
…………….
………………………………..
“ อ๊า~~ ”
เสียงกรีดร้องของ ไอ ดังขึ้นหลังจาก ถูกโจมตีด้วย มนต์อาคมของ อีกฝ่ายที่เป็น องเมียวจิ
จนกระเด็น ปลิว ตกทะเลไป
“ ไอ! ”
ไรด์ ตะโกน ขณะที่จะตามลงไปช่วยนั้น อาวล์ ก็พุ่งขึ้นมาจาก ทะเลและลากเค้าลงทะเล ตามไปอีกคน
“ ไรด์!! …อ..หนอย ”
สเวน ตะโกน แต่เค้าก็ไม่สามารถปลีกตัวลงไปช่วยได้ เพราะ สเตลท์ และ สแตกท์ ทั้งสองเข้าคู่
โจมตีพร้อมๆกันจนเค้าต้องถอยหนีแต่ฝ่ายเดียว
“ ย้าก!! ”
พรายด์ กราดยิง ลำแสงใส่ ทว่าทุกนัดที่ยิงไป นั้นทะลุผ่านร่างของ องเมียวจิ ลึกลับผู้นี้ไปจนหมด
“ บ้าเอ๊ยแล้วแบบนี้จะสู้ยังไงเนี่ย! ”
พรายด์ สบถ แต่ก็ยังคงยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้พวกเค้าเป็นฝ่ายเสียเปรียบเต็มๆไปเสียแล้ว
……….
“ เป้าหมายกำลังปะทะอยู่กับหน่วย Shangri-la ที่ทิศ 12 นาฬิกาค่ะ ”
เจ้าหน้าที่ควบคุมอาวุธประจำยานรายงาน ขึ้นเสียงดัง ภายในห้องควบคุมของยาน รัฟอัส (Zalom Battle Ship)
“ เปิดช่องมิสไซล์ ใต้ยาน บรรจุกระสุน แฟร์ ”
เมออาร์เน่ เปิดฉากสั่งการในทันที ช่องยิงส่งวัตถุระเบิดใต้ท้องยาน เปิดออก
พร้อมกันกับหัวรบ นับสิบลูกยื่นโผล่พ้นปากกระบอกออกมา
“ Flare Missile ยิง!!! ”
สิ้นคำ ของเธอหัวรบ ทั้งหมดพุ่งตรงไปยังเป้าหมายทันที
“ บ้าเอ๊ย! นี่ยานแม่พวกมันมาแล้วงั้นเหรอ!! ” /Spellic Arrow/
สแตกท์ สบถขึ้นอีกครั้ง พร้อมหันหน้าไม้ ไปสาดลูกดอกเวทย์ สวนหัวรบเพลิงที่ยิงมา
เปิดโอกาส ให้ สเวน ที่ถูกรุม อยู่สลัดพ้น สเตลท์ ออกมาได้ และรีบทะยานตัวลงไปช่วย
ไรด์ ที่กำลังยื้อ กับ อาวล์ อยู่ทันที
“ ฮึ้ย!! เจ้าบ้า สแตกท์ ปล่อยมันมาซะได้ ”
อาวล์ สบถ ก่อนจะปล่อย ไรด์ และรีบดำลงน้ำหนีไปทันที เพราะ สเวน บุกตรงเข้ามาจนจะถึงอยู่ในอีกช้านี้
“ รีบถอยกันได้แล้ว อาวล์ สแตกท์ สเตลท์นิก ”
องเมียวจิลึกลับ สั่ง ก่อนที่ ทั้งสาม จะมารวมตัวพร้อมกับเค้า ขณะเดียว ไรด์ ที่ สเวน ช่วยขึ้นมาแล้ว
ก็เตรียมจะมาสมทบกับ พรายด์
“ แค่กๆ…ให้ตายสิ.. ”
ไอ สบถพลางสำลักน้ำไป ขณะที่ตะเกียกตะกายขึ้น ยาน รัฟอัส ที่โฉบลงน้ำมาจอดรับเธอ
โดยมีเจ้าหน้าที่ภายในยานมาช่วยดึงขึ้น ชุดเกราะของ เธอและอาวุธกลับคืนสภาพเป็น หอกขวานจำลองขนาดเล็กตามเดิมแล้ว และคืนชุดของเธอกลับเป็นแจคเก็ตกระโปรงสั้นตามเดิม
“ หยุดนะ อย่าขยับพวกเธอไม่ใช่ คนบนยานนี้นี่!! ”
เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นจาก วงเจ้าหน้าที่ ที่ล้อมมุงกันอยู่ไม่ห่างไปนัก ด้วยความสงสัยเธอจึงลุกไปดู
ในวงล้อมของ เจ้าหน้าที่ สมิงหนุ่ม และ เซน่า กำลังถูกควบคุมตัวอยู่
“ อ๊ะ สองคนนี้ที่อยู่กับท่านประธานตอนนั้นนี่.. ”
ไอ เปรยขึ้นทันทีที่นึกออก เธอจำพวกเค้าทั้งสองคนได้
“ ลดปืนลงเถอะ นี่คือท่านผู้แทนแห่งสหราชอาณาจักร เมกาโทโปลิส แห่งเมอริเซีย ท่าน เซน่า ไฮเดย์(Zena Highday) ”
สมิงหนุ่ม ประกาศถึงสถานะของผู้ที่เค้าให้ความคุ้มครองอยู่ เพื่อเจรจาต่อรอง
“ เซน่า…คุณเซน่า งั้นเหรอ! ”
ไอ อุทานเสียงดังลั่นเมื่อได้ยินชื่อ ของอีกฝ่าย และแหวกฝูงเจ้าหน้าที่มุง เข้าไป
“ พี่เซน่า …ใช่จริงๆด้วยใช่คุณพี่เซน่า จริงๆด้วย! จำได้ไหมคะหนูไง ”
ไอ เข้ามาทักทายเธอ อย่างสนิทสนม ราวกับคนรู้จักก็ไม่ปาน
“ อย่าเสียมารยาทกับท่าน มหารานี นะ ”
สมิงหนุ่มเอาตัวเข้ามาขวาง เธอไว้
“ เฟนท์…. ”
เซน่า ปรามเค้าเบาๆ ทว่าคำพูดของเธอ นั้นก็ทำให้ ไอ ตะลึงไปเช่นกัน เมื่อได้ยินชื่อของ องครักษ์
ชื่อของคนที่เธอคิดว่าคงไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว…
…………………………
“ หวา! ”
พรายด์ สเวน และ ไรด์ ต้องสบถขึ้นพร้อมกันเมื่อ เมื่อหัวรบนำวิถี พุ่งขึ้นมา จากใต้น้ำ
และระเบิดขึ้นสร้างควันมากมาย ล้อมพวกเค้า พร้อมกันนั้น เรือดำน้ำขนาดยักษ์ก็โผล่ขึ้นมา
เหนือน้ำพร้อมยิง หัวรบควัน เข้าไปเพิ่มอีก ขณะที่ รอให้ องเมียวจิและพวก อาวล์
เข้าไปในเรือ ก่อนจะดำหนีหายไป
“ ฝ่ายนั้นเค้าหนีลงน้ำไปแบบนี้ เราคงตามต่อไม่ได้แล้วล่ะ เรียกพวก Valkyrier ที่เหลือกลับมา ”
เมออาร์เน่ สั่งจบเธอจึงถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า จากการควบคุมสภาวะที่ตึงเครียดตลอด หลายชั่วโมงมานี้
…………………..
“ เฟนท์…. ”
ไอ ทวนคำพลางจ้องหน้า สมิงหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอเขม็ง ด้านสมิงหนุ่มนาม เฟนท์ ก็เริ่มเหงื่อตกขึ้นมา
ตอนแรกเค้ายังคงเลือนรางว่าเธอ ตรงหน้าคนนี้เป็นใครแต่ตอนนี้เค้าเริ่มแน่ใจแล้วว่า เค้ารู้จักเธอแน่นอน
“ นี่นาย! หรือว่า… ”
ไอ เปรยเสียงลั่นพลางรีบเอามือดึงแว่นดำ ที่เค้าสวมออกมาโดยไม่ให้ตอบโต้หรือทันจะขัดขืนแม้แต่น้อย
“ อ้าวนี่!...เดี๋ยวเถอะทมำอะไรของเธอน่ะ ”
เฟนท์ ลนลานจะเอา แว่นคืนและพยายามหลบหน้าเธอ แต่คงสายเกินไปแล้วเพราะตอนนี้เธอมั่นใจแล้วว่าคนตรงหน้า
คือคนที่เธอรู้จักอย่างแน่นอน
“ ใช่…ใช่ จริงๆด้วย…. ”
เสียงที่ดังปรือด้วยความตื้นตัน พร้อมกับ หยาดน้ำตาที่ไหลปนออกมากับ น้ำทะเลที่ยังคงชุ่มตัวเธออยู่
“ อ้าวนั่นเกิดอะไรขึ้นน่ะ ”
สเวน เปรยด้วยความสงสัย ขณะที่เดินนำ ไรด์และ พรายด์ เข้ามาร่วมวงด้วยหลังจากที่พึ่งถอยกลับมา
จากแนวรบ
“ อ้ะ นายคนที่สะพานเมื่อตอนนั้น!! ”
พรายด์ อุทานพลางชี้หน้า เฟนท์ ที่ยืนอึกอึงอยู่กับ ไอ
“ เฮ้ย!ๆ ไม่จริงมั้ง…นี่ล้อเล่นรึไงเนี่ยนั่น…เฟนท์ นายใช่ไหมน่ะ ”
ไรด์ เปรยด้วยความทึ่งกับใบหน้าของ สมิงหนุ่ม ที่ยืนอยู่ต่อหน้า ไอ
“ เอ๋…นี่หรือว่า ไอ เหรอ…ช..ใช่ไหมเนี่ย! ”
เซน่า ที่พึ่งจะรู้เรื่องรู้ราวก็พลอย สะดุ้งไปด้วย
“ แหมๆถ้างั้นให้ผมยืนยันด้วยก็คงเชื่อได้สินะ ”
ไรด์ เปรยพลางเดินเข้ามาเธอ
“ ร…ไรด์! ”
เฟนท์ เปรยด้วยความตกใจ เมื่อได้เจอเค้าแต่ ตอนนี้ปัญหาที่น่าหนักใจกว่าคงเป็นปัญหาใจตรงหน้ากระมัง
“ ทั้งที่..ทั้งที่…คิดว่าจะไม่ได้พบเธออีกแล้วแท้ๆ อึก…ฮึก.. ”
ไอ เปรยน้ำเสียงสะอื้นก่อนจะโผเข้าไปซบบ่าทุบอก เฟนท์ ไม่ให้ตั้งตัว
“ ไอ…. ”
เฟนท์ เปรยได้เพียงแค่นั้น นี่คงเป็นดั่งโชคชะตาเล่นตลก เมื่อคนสองคนที่เคยผูกพันธ์กันเคยรักกันและ
เคยแค้นซึ่งกันและกัน จะได้มาพบกันอีกครั้ง
……………………………
…………………………………………………….
…………………………………………………………………..
2 ชั่วโมงต่อมา
ห้องบังคับการยาน รัฟอัส
ภายในห้อง ตอนนี้ เหลือเพียง กัปตัน เมออาร์เน่ รองกัปตัน สเวน และ เซน่า ที่กำลังติดต่อ กับ ประธานลอว์เอน
ผ่านจอมอนิเตอร์สื่อสารภายในห้อง
“ ผมคงต้องขออภัยท่านเซน่า ด้วยนะครับ ที่ทำให้การเข้าพบอย่างไม่เป็นทางการในวันนี้วุ่นวายไปซะหมด ”
ประธานลอว์เอน กล่าวขออภัย ผ่านทางช่องสื่อสาร ของยานมาแบบเป็นทางการเท่าไหร่ จนถึงตอนนี้ยาน
ก็ยังคงจอดอยู่นอกเกาะ
“ ไม่เป็นไรค่ะ เพราะทางเราเองก็ไม่ได้รับความเสียหายอะไร ”
เซน่า กล่าวไปตามมารยาท ทั้งที่จริงแล้ววันนี้เธอรู้สึกวูบไหวอยู่ตลอดแทบจะทั้งวัน
“ ถ้าเช่นนั้นก็ดีแล้วล่ะครับ จริงสิ…ไหนๆแล้วตอนนี้ ท่านเซน่า ก็อยู่บนยาน รัฟอัส แล้วก็ให้ยานลำนั้น
ไปส่งท่านที่เมกาโทโปลิสเลยดีไหมครับ ”
ประธานลอว์เอน กล่าวอย่างโล่งอกที่ เธอไม่ปริปากว่าอะไร และแล้วเค้าก็รวบรัดเรื่องที่จะพาเธอไปส่ง
ให้ถึงด้วย ยานลำนี้ต่อทันที
“ เอางั้นก็ได้ค่ะ ทางเราก็ต้องขอรบกวนด้วยนะคะ กัปตันเมออาร์เน่ ”
เซน่า ตอบรับ ประธานลอว์เอน ก่อนจะหันมาขอฝากตัวกับ กัปตันเมออาร์เน่ ที่ยืนคุ้มหลังอยู่
“ ไม่มีปัญหาเชิญตามสบายเลยค่ะ เราจะไปส่งให้ถึงโดยสวัสดิภาพเองค่ะ ท่านผู้แทน ”
กัปตันเมออาร์เน่ รับคำเสียงแข็งขันตามแบบทหารไม่มีผิด ขณะที่ สเวน ซึ่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้
ก็ยังมีท่าทีนิ่งสงบเสงี่ยมกับเค้าไปด้วย ดูเหมือนว่าประธานลอว์เอน ผู้นี้จะมีอิทธิผลกับพวกเค้ามาก
เพราะแม้แต่บรรดาลูกเรือ ในห้องก็ยังต้องไล่ให้ออกไปก่อนเพื่อจะทำการสนทนานี้ด้วยซ้ำ
“ ถ้าท่านเซน่า อยากจะชมภายในยานล่ะก็ผมอนุญาต ฝากด้วยล่ะ กัปตันเมออาร์เน่ ”
ประธาน ลอว์เอน ฝากฝังเรื่องสุดท้ายไว้เพื่อที่จะตัดการติดต่อ
“ รับทราบค่ะ! ”
กัปตันเมออาร์เน่ รับคำพร้อมตะเบ๊ะ ก่อนที่สัญญาณจากนั้นจะตัดไป ทั้งเธอ และ สเวน ถึง
ได้มีสีหน้าโล่งใจหน้าดู ที่พ้นจากความตึงเครียดชั่วขณะนี้ไปได้ ซึ่งเ ซน่า ก็พอจะเข้าใจ
อยู่บ้างเพราะก่อนนี้ ตอนที่เธอ ให้พวกลูกเรือพาตัวมา รายงานพวกเค้าทั้งสองยัง
ตกใจลุกลี้ลุกลนกันพอสมควร ซึ่งก็พอๆกับพวกลูกเรือเลย ที่พอรู้แน่ชัดถึงสถานะของคนที่พามา
ก็พากันหวาดๆเล็กน้อย คงเพราะเธอเองก็เป็นถึงลูกของ บิดาผู้ก่อตั้งองค์กร นี้เลยก็ว่าได้กระมัง
เพราะบิดาของเธอ ซีนาส ไฮเดย์ เป็นผู้คิดค้นระบบ Valkyrier และ Crisissor ต้นแบบ
ที่ใช้จนมาถึงทุกวันนี้ ถ้าเธอไม่บอกว่าให้พวกเค้าทำ ตัวสบายไม่ต้องเกร็งเพราะเธอไม่ถืออะไรมากล่ะก็
บรรยากาศคงเครียดขึ้นไปมากกว่านี้อีกเป็นแน่
“ ถ้าเช่นนั้น ท่านผู้แทน อยากจะเดินชมภายในตัวยานก่อนไหมคะ เพราะกว่าทางเราจะเตรียมตัวเสร็จ
ก็คงอีกพักใหญ่ถึงจะออกเดินทางได้ค่ะ ”
กัปตัน เมออาร์เน่ ยื่นข้อเสนอให้เธอ
“ ถ้าเช่นนั้นก็ขอรบกวนด้วยนะคะ ”
เธอก็รับข้อเสนอไปแบบเก้ๆกังๆ เพราะว่าอยู่บนนี้เธอก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่แล้ว
“ ถ้าอย่างนั้นตามกระผมมาเลย ขอรับท่านผู้แทน ผมจะพาเดินชมภายในยานเอง ”
สเวน รับหน้าที่อาสาพาชมภายในยาน ก่อนจะเดินนำเธอ ออกจากห้องไป
ทันทีที่ประตูห้องควบคุมเปิด คนที่มารอรับอยู่ก็ไม่ใช่ใครอื่น เฟนท์ องครักษ์สมิงของเธอ
แน่นอน พ่วงเหล่านักรบ Valkyrier ของยานอีกทั้ง 3 คนมาด้วย
{ขืนงานนี้ไม่มาดูให้ดีๆสงสัยมีหวังได้เรือล่มแหงๆเลยแหะ คงต้องช่วยเจ้า เฟนท์มันไปก่อนล่ะ}
ไรด์ คิดพลางวิตกเล็กน้อยกับสภาพการณ์ตอนนี้ เพราะ ไอ ก็ดูยังไม่เข้าร่องเข้ารอยเท่าไหร่
ยังคงซึมกะทือบวกดูจะเขินๆที่ไปทำแบบนั้นเข้าต่อหน้าทุกคน
ส่วน พรายด์ ก็ยังอดสงสัยในตัว เฟนท์ ไม่ได้ ก็เลยคอยตามมาจดๆจ้องๆ แถมยังถามเค้าเกี่ยวกับเรื่องของ เฟนท์
ซะหมดเปลือกอีกต่างหาก แน่นอนเพราะตัวเค้าดูจะเป็นคนที่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ มากที่สุดเลยถูกสเวน
สั่งให้ตามมาคุม ไปด้วย
“ ถ้าอย่างนั้น ท่านผู้แทนจะขอเดินชมภายในยานซะหน่อย ขอให้ทุกคนกลับไปทำหน้าที่ของตนด้วยอีกเดี๋ยวเราจะออกยานตรงไปที่ เมกาโทโปลิส เข้าใจนะ ”
สเวน แจ้งกำหนดการต่างๆให้แก่ บรรดาลูกเรือ ที่มารอคำชี้แจงอยู่แถวทางเดินหน้าห้อง ด้วย
ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปทำงานของตน เหลือเพียงแค่ พวกเค้าเท่านั้น
“ ถ้าอย่างงั้น เราเริ่มที่ห้องเครื่องก่อนเลยก็แล้วกันนะครับ ตามมาทางนี้เลย ”
สเวน กล่าวก่อนจะออกเดิน นำไปโดยขบวน ความวุ่นวายของเหล่าหมุ่นสาวด้านหลังตามไปด้วย
…………………………….
………………………………………………
ชั่วโมงต่อมา หลังจากการ เที่ยวชมภายในยานจบลงแล้วและยานเริ่มออกตัว
เซน่า และ องครักษ์ ก็ถูกพามายังห้องรับรองเพื่อพักในระหว่างการเดินทาง
“ สุดท้ายแล้วดูเหมือนการมาครั้งนี้จะไม่ได้อะไรเลยนะ ”
เซน่า เปรยด้วยความล้ากับเรื่องที่เจอมาทั้งวันนี้ พลางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ในห้องอย่างอ่อนแรง
“ แต่อย่างน้อยเราก็ได้รู้แล้วล่ะนะ เรื่องของการรวมตัวจากทุกสาขาในวันนี้น่ะ ”
เฟนท์ พูดเพื่อให้เธอรู้สึกผ่อนคลายลงบ้างและมีกำลังใจขึ้น ขณะที่ วางแก้วน้ำผลไม้
ที่พึ่งรับมาจากเจ้าหน้าที่ ลงบนโต๊ะส่งให้เธอ
“ เรื่องคำทำนายนั่นน่ะเหรอ?...ฉันน่ะ ไม่คิดว่ามันจะเป็นอย่างที่คนอื่นๆเค้าคิดกันน่ะสิ ”
เซน่า เปรยพลางยกแก้งน้ำผลไม้ขึ้นมาจิบ
“ งั้น เธอก็ไม่เชื่อน่ะสิเรื่องสงครามที่อาจจะเกิดขึ้นน่ะ ”
เฟนท์ ถามพลางนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้าม ตัวเค้าเองทั้งที่เป็นองครักษืแต่ก็ทำตัวสนิทกับ เธอ
แบบเพื่อนเลยทีเดียว ซึ่งนั่นคงเป็นสิ่งที่เธอขอเอาไว้กับเค้าให้ไม่ต้องสนใจฐานะของเธอ
“ ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อเรื่องคำทำนายหรอกนะ แต่ฉันแค่คิดว่าคำทานายนั่นน่ะไม่น่าจะหมายถึงสงคราม
ที่อาจเกิดขึ้นอีก ฉันก็เลยคิดว่าพวกเค้าคิดจะเอาข้ออ้างเรื่องคำทำนายนี่น่ะมาใช้ในการรวมกำลัง
ขององค์กรเพื่อทำอะไรบางอย่างน่ะ….แต่ดูเหมือนว่าฉันจะคิดไปเองแหะ ถ้าเกิดคำทำนายนันเป็นเรื่อง
โกหกพวกเค้าก็คงจะถอนตัวกันไปเอง เธอคิดว่าไงล่ะเฟนท์ ”
เซน่า พูดเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยเกี่ยวกับสิ่งที่ เธอคิด ก่อนจะหันมาถามความเห็นกับ เค้า
ทว่า เฟนท์ นั้นกลับดูเหม่อลอยราวกับคิดอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งเห็นแค่แวบเดียว
เธอก็มองออกทันที ว่าคงไม่พ้นเรื่องของ Valkyrier ที่ชื่อ ไอ คนนั้นเป็นแน่
“ เฟนท์…ถ้ามัวมานั่งกลุ้มอยู่แบบนี้น่ะ ระวังจะเสียใจทีหลังนะ ”
เซน่า พูดหยอกใส่เค้า
“ เอ๋…เรื่องอะไรกัน! ”
เฟนท์ เปรยอย่าง งงๆกับความหมายที่เธอต้องการจะบอกเค้าล
“ ยังจะมาทำเป๋อ อยู่อีกตั้งแต่ตอนที่เจอ ไอ น่ะเธอยังไม่ได้ไปคุยกับเค้าเลยใช่ไหมล่ะ ถ้าปล่อยเอาไว้ตอนนี้มันจะคาใจ
ไปแบบนี้เรื่อยๆเลยนะ ”
เซน่า กล่าวพลางยิ้มแฉ่ง ใส่เค้าซึ่งก็ทำเอาเค้า สะดุ้งไปเล็กน้อย ที่ถูกอ่านทะลุปรุโปร่งแบบนี้
“ ต…แต่ผมน่ะ…มีหน้าที่คุ้มครอง… ”
“ ใช้ไม่ได้เลยน้า~~ ”
เค้าพยายามที่จะอ้างเรื่องหน้าที่ แต่เธอก็ขัดเค้าไว้ซะก่อน
“ ถ้าแค่เรื่องของตัวเองยังจัดการไม่ได้แล้วจะไปคุ้มครองใครได้เล่า! บางครั้งเรื่องของหัวใจก็สำคัญนะ ”
เซน่า พยายามะเกลี้ยกล่อมเค้าโดยค่อยๆชักจูงทีละน้อย
“ เฟนท์ ฉันได้ยินเรื่องของเธอมาจากพี่ ซาน ของเธอบ้างแล้ว เธอน่ะไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะทำตามสิ่งที่คนอื่น
คาดหวังอยากให้ทำเสมอๆ….แต่พอเป็นเรื่องของเธอเอง เธอกลับไม่เคยคิดที่จะแสดงหรือทำอะไรเลย
…การทำในสิ่งที่ถูกน่ะมันก็ดีอยู่หรอกแต่เรื่องของตัวเองก็ไม่ควรทิ้งเหมือนกันนะ ฉันก็ได้แค่พูดเท่านั้นล่ะ
ที่จะเปลี่ยนแปลงได้ก็คือตัวเธอเอง ”
เซน่า กล่าวสั่งสอนจนจบทั้งเธอและเค้าจึงเงียบไปซักพัก ก่อนที่ เฟนท์ จะเป็นฝ่ายลุกขึ้นซะเอง
“ ถ้างั้น…..เดี๋ยวผมมานะ…. ”
เฟนท์ พูดก่อนจะหยุดไปซักพักแต่ก็พูดต่อจนจบราวกับเค้าตั้งใจจะเปลี่ยนคำพูดเอากลางคัน
หลังจากที่ เฟนท์ ออกไปแล้ว เธอค่อยถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ เฮ้อ~ กล่อมใครคงไม่ยากเท่ากล่อม เค้าแล้วล่ะ เชื่อเลย น้องเราเนี่ยเก่งจริงๆนะที่ลากเค้าไปร่วมแผน
Dragoon Requiem นั่นได้น่ะ…….เฮ้อ ”
เซน่า บ่นออกมาซักพักก่อนจะผลอยหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน
…………………………
……………………………………………………
{หมอนั่น….ที่แท้ก็เคยเป็น Valkyrier มาก่อนนี่เอง…แล้วทำไมกันนะทั้งที่มีฝีมือขนาดนั้นแท้ๆ แต่ดันเลิกเป็น Valkyrier ไปล่ะ รุ่นพี่ ไรด์ เองก็ไม่ยอมเล่ารายละเอียดด้วย คงต้องจับตัวหมอนั่นมาถามเองซะแล้วสิ}
พรายด์ คิดขณะที่เดิน หน้ามุ่ยอยู่คนเดียวตลอดทางเดินในยาน พลางสอดส่ายสายตามองหาตัว
การของความคลางแคลงใจที่เค้าสลัดไม่หลุดซักที
“ โธ่เว้ย! หมอนั่นมันอยู่ไหนกันนะ แล้วทำไมยานลำนี้มันถึงได้กว้างนักล่ะ!! ”
พรายด์ ตะคอกหัวฟัดหัวเหวี่ยง และเริ่มหมดความอดทนกับการตามหา แต่ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างเค้า
อยู่บ้าง เมื่ออยู่ๆคนที่เค้าตัวอยู่นั้นเดินสวน ผ่านเค้าไป
“ เอ….ทำไมที่นี่มันถึงได้กว้างนักล่ะเนี่ย… ”
เฟนท์ เปรยอย่างเซ็งๆ เค้าเดินวนอยู่ในนี้มาหลายนาทีแล้ว
“ อ…นี่นาย!! ”
พรายด์ ไม่รอช้ารีบเรียกเค้าไว้ก่อนทันที
“ เอ๋! ”
เฟนท์ อุทานขณะที่ พรายด์ วิ่งเข้ามาบล็อคทางเดินไม่ให้เค้าหนีไปทันที โดยมีสายตาจ้องเอาเหมือนจะหาเรื่อง
ยิงส่งมาแทบจะตลอด เพิ่มความงุนงงให้เค้ามากขึ้นไปอีก
………………………….
…………………………………………….