Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ มี.ค. 29, 2024 3:52 pm

หน้าเว็บบอร์ด Wiser Summoner Novel @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 9 ผ้าคลุมขนนกแดง @@

อ่านนิยาย Summoner Master Episodeต่าง ๆ ได้ที่นี่

Moderator: Jinger Ginger


@@ นิยายSMN Epi8 Chapter 9 ผ้าคลุมขนนกแดง @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 13, 2009 4:33 pm

Chapter 9 ผ้าคลุมขนนกแดง


ณ ห้องรับรองในเขตพระราชฐานชั้นใน ราชินีเนริมอร์ทรงกำลังเสด็จกลับไปกลับมาอย่างกระวนกระวายพระทัยยิ่งนัก พระพักตร์ของพระนางดูหมองคล้ำอิดโรย

“มหาอำมาตย์นาริส ขอเข้าเฝ้า” เสียงประกาศของทหารยามหน้าประตูดังขึ้น

อำมาตย์เฒ่าเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วพลางโค้งคำนับ “ทรงเรียกให้เข้าเฝ้าเป็นการด่วน...?”

“ท่านนาริส จริงรึที่ว่าซาดินบุกถ้ำวงกตนั่นสำเร็จแล้วและกำลังขนสมบัติทั้งหมดกลับมา?” พระนางเนริมอร์รีบตรัสถามอย่างรวดเร็ว

“พ่ะย่ะค่ะ”

“หมายความว่า...” ราชินีสีพระพักตร์ตื่นตระหนกไม่กล้าแม้จะเอ่ยตรัสใดๆนั้นออกมา

“กระหม่อมพยายามประวิงเวลาอย่างที่สุดแล้วพระนาง และคงมิอาจประวิงเวลาต่อไปได้อีกแล้ว”

“ไม่นะ! อิสฮานยังไม่แปดขวบดีเลยด้วยซ้ำ จะให้ข้าทิ้งลูกไปได้อย่างไรกัน? ท่านนาริสโปรดประวิงเวลาต่อไปอีกสักหน่อยเถิด ขอให้ข้าได้มีเวลาอยู่กับลูกอีกสักนิด...”

อำมาตย์เฒ่าได้แต่ส่ายหน้า

“ท่านนาริส ลูกชายข้าช่างอาภัพนัก มีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าฟ้าเจ้ากษัตริย์ผู้คนต่างเคารพรักยกย่องสรรเสริญกันทั่วหล้า ทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ก็มีมากกว่าเด็กในวัยเดียวกันเหลือคณานับ แต่ความรักที่เรียบง่ายและอบอุ่นที่สุดเขากลับได้รับเพียงครึ่งเดียว มีพ่อก็เหมือนไม่มี ข้ารู้ดีว่าท่านก็รักอิสฮานราวกับเป็นลูกเป็นหลานของท่านคนหนึ่ง ท่านทนเห็นอิสฮานที่น่าสงสารต้องขาดแม่ไปอีกคนได้เชียวหรือ บิดาเปรียบดั่งผืนฟ้า มารดาเปรียบดั่งแผ่นดิน แม้ฟ้าจะดับชีวิตก็ยังคงดำรงอยู่ได้ แต่หากแผ่นดินม้วยแล้ว ชีวิตจะยังคงดำรงอยู่ได้อย่างไร ท่านอย่าให้ลูกข้าต้องขาดแม่ไปอีกคนเลย”

“พระนาง มิใช่ว่ากระหม่อมจะใจจืดใจดำไม่ช่วยเหลือพระองค์ หากแต่ว่ากระหม่อมได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว”

“แต่มันยังไม่ดีพอ ท่านเป็นถึงมหาอำมาตย์ใหญ่...”

“พระนางเนริมอร์ การตระเตรียมการในส่วนต่าง ๆ นั้นพร้อมสรรพจนแทบจะเกินความจำเป็นแล้วเสียด้วยซ้ำ จะเหลือก็แต่สมบัติที่จะนำมาซื้ออาวุธและเสบียงเท่านั้น พระองค์เองก็ทราบดีมิใช่หรือ?”

ราชินีเนริมอร์ทรงกัดริมฝีปากแน่น น้ำเนตรเอ่อคลอขึ้น “ข้ามีเวลาเหลืออีกเท่าไหร่?”

“หลังจากที่ฝ่าบาทกลับมาอย่างน้อยสองอาทิตย์ อย่างมากก็ไม่เกินหนึ่งเดือน”

“ไม่!! มันเร็วเกินไป” พระนางเบิกดวงเนตรกว้าง แทบไม่เชื่อหูพระองค์เอง

“ไม่มากไปกว่านี้แล้วพระองค์”

“หึหึ ท่านหยอกข้าเล่นใช่หรือไม่?” ราชินีเนริมอร์ทรงพยายามเค้นเสียงหัวเราะกลบเกลื่อนความตะหนก แต่เมื่อทอดพระเนตรเห็นสีหน้าจริงจังของอำมาตย์แล้ว รอยยิ้มของพระนางก็ค่อย ๆ เลือนหายไป ราชินีเนริมอร์ส่ายพระพักตร์ช้า ๆ ดวงเนตรเบิกกว้าง พระโอษฐ์ขยับเหมือนจะตรัสแต่กลับไม่มีเสียงใด ๆ เล็ดรอดออกมา

“ลูกแม่...” ตรัสได้เพียงเท่านั้นราชินีเนริมอร์ก็ทรงวิ่งถลาไปผลักประตูห้องรับรองออกอย่างรวดเร็ว “พระโอรสอยู่ที่ไหน รีบนำตัวพระโอรสมาหาเราเดี๋ยวนี้!!”

*****************


ณ อุทยานกลางพระราชวังแห่งซาโลม พระโอรสองค์น้อยกำลังเสด็จไปตามทางที่ปูด้วยแผ่นหินลวดลายแปลกตาอยู่พระองค์เดียว พระพักตร์ดูซึมเศร้าหงอยเหงา เจ้าชายอิสฮานทรงกัดริมพระโอษฐ์ล่างแน่น ดวงเนตรคมคู่น้อยจ้องมองแต่ปลายเท้าพระองค์เองที่ย่างก้าวกึ่งกระโดดไปตามลวดลายของแผ่นหิน เจ้าชายน้อยทอดพระเนตรไปยังอุทยานอีกฟากก็ทันได้เห็นทหารยามสองนายเดินลาดตระเวนอยู่ไกล ๆ จึงทรงรีบวิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว

“พวกเจ้า มาเล่นกับเราหน่อยสิ”

ทหารทั้งสองสะดุ้งสุดตัว ต่างมองหน้ากันไปมา “พระอาญามิพ้นเกล้า ข้าพระองค์มิบังอาจ”

พระโอรสน้อยทรงยิ้มให้อย่างมีความหวัง ดวงเนตรคมพราวระยับ

“มาเถิด ไม่เป็นไร เราไม่ว่าอะไรพวกเจ้าหรอก อยู่เป็นเพื่อนเล่นกับเราก่อนนะ ไม่มีใครเล่นกับเราเลย”
ทหารทั้งสองมองหน้ากันอีกครั้ง สีหน้าเริ่มตึงเครียด “ฝ่าบาทได้โปรดเถิด พวกข้าพระองค์มีหน้าที่ต้องเดินเวรยาม หากไม่รีบกลับไปรายงานตัวกับนายทวารใหญ่แล้ว...”

เจ้าชายอิสฮานน้อยสีพระพักตร์สลดลง ทรงยิ้มเศร้า ๆ “เอาเถอะ เราเข้าใจ พวกเจ้ารีบไปเถิด”

“พ่ะย่ะค่ะ” ทหารทั้งสองรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วกึ่งเดินกึ่งวิ่งเลี้ยวไปอีกทางหนึ่ง

“เกือบไปแล้วสิ ใครจะกล้าไปเล่นด้วยเล่า วันดีคืนดีเกิดเป็นอะไรขึ้นมา คงได้หัวหลุดจากบ่าเป็นแน่”

“เฮ้ย เบา ๆ สิเดี๋ยวก็ทรงได้ยินหรอก....”

เสียงพูดคุยของทหารทั้งสองดังขึ้นก่อนจะค่อย ๆ ห่างออกไปจนฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ก็มากพอที่จะทำร้ายจิตใจของเด็กน้อยให้เจ็บปวดแล้ว เจ้าชายน้อยดวงเนตรแฉะชื้น ทรงกัดริมริมพระโอษฐ์แน่นก่อนที่จะก้มพระพักตร์ลงและเริ่มต้นกระโดดไปตามแผ่นหินอีกครั้งอย่างหงอยเหงา

ที่ปลายอีกฟากของอุทยานมีนางกำนัลสี่คนนั่งหมอบคอยเฝ้าพระโอรสอยู่ไกล ๆ ต่างก็แอบกระซิบกระซาบคุยกันถึงเรื่องพระโอรสองค์น้อย

“น่าสงสารพระโอรสจริง ๆ ดูสิพระองค์เหงามากนะ”

“งั้นเจ้าก็ไปเล่นกับพระองค์สิ” นางกำนัลอีกคนพูดขึ้น

“ใครจะกล้าเล่า ก็ตั้งแต่เกิดเรื่องที่พระโอรสบาดเจ็บคราวนั้นก็ไม่มีใครกล้าเล่นกับพระองค์อีกเลย ท่านเสนาฯอำมาตย์ทั้งหลายก็ไม่กล้าส่งลูกมาเล่นกับพระองค์อีกแล้ว บ้างก็ว่าป่วย บ้างก็ว่าไปร่ำเรียนต่างเมือง แต่ใคร ๆ ก็รู้กันทั้งนั้นว่าต่างก็กลัวพระพิโรธของพระนางเนริมอร์” นางกำนัลคนแรกพูดไปจับคอตัวเองไป

“ข้าก็สงสารพระองค์นะ แต่ข้ารักชีวิตตัวเองมากกว่า” นางกำนัลอีกคนพูดเสริมขึ้น สีหน้ายังคงประหวั่นพรั่นพรึงถึงเหตุการณ์ในวันนั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 9 ผ้าคลุมขนนกแดง @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 13, 2009 4:34 pm

“ดูสิพระองค์กระโดดเล่นไปตามแผ่นหินแบบนั้นเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วนะ?” นางกำนัลอีกคนพูดพลางหันไปมองพระโอรสน้อยที่ยังคงกึ่งเดินกึ่งกระโดดไปมาบนแผ่นหิน

ไม่นานนักนางกำนัลต้นห้องของราชินีเนริมอร์ก็รีบวิ่งเข้ามาหากลุ่มนางกำนัลที่นั่งหมอบอยู่อย่างรวดเร็ว นางพูดปนหอบ “เร็วเข้า พระนางตรัสเรียกหาพระโอรสเป็นการด่วนที่สุด”

นางกำนัลก็รีบวิ่งไปหาโอรสน้อยอย่างรวดเร็ว เพื่อแจ้งสารแก่พระองค์ เจ้าชายตัวน้อยทรงยิ้มร่าออกมาอย่างรวดเร็ว ดวงเนตรคมกลมโตเปล่งประกายสดใส

“เสด็จแม่ว่าราชการเสร็จแล้วหรือ?” ตรัสได้เท่านั้นก็ทรงรีบออกวิ่งอย่างเร็วไปยังทิศทางที่นำไปสู่ห้องรับรองในเขตพระราชฐานชั้นในทันที ทำให้เหล่าบรรดานางกำนัลต่างต้องรีบวิ่งตามหลังไปอย่างทุลักทุเล


*****************



“เสด็จแม่” พระโอรสอิสฮานทรงตะโกนเรียกพลางรีบวิ่งเข้าไปหาพระนางเนริมอร์ในห้องรับรองอย่างเร็วราวกับติดปีก เจ้าชายน้อยทรงยิ้มกว้างกางแขนโผเข้าหาพระมารดา บัดนี้ภายในห้องมีเพียงสองแม่ลูกอยู่กันตามลำพังเท่านั้น พระนางเนริมอร์กอดพระโอรสไว้แน่นจนเจ้าชายน้อยรู้สึกผิดสังเกต พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น น้ำเนครหยดน้อยก็ตกสู่พระพักตร์ของพระองค์

“เสด็จแม่ เสด็จแม่ทรงเป็นอะไร? ใครทำให้พระองค์ร้องไห้?”

ราชินีเนริมอร์ทรงส่ายพระพักตร์ช้า ๆ น้ำเนตรหยาดใส ๆ ยังคงไหลออกมาจากดวงเนตรสีอำพันคู่งามนั้น “ลูกรัก หัวใจแม่นี้เจ็บปวดนัก ดั่งถูกเข็มแหลมแทงทะลุหัวใจแม่เป็นร้อยเป็นพันเล่ม ทรมานเหมือนถูกควักหัวใจออกจากร่างทั้งเป็น แม่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไรกัน?”

เสียงขมขื่นของพระนางเบาจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ โอรสน้อยทรงเบะปากน้ำเนตรไหลอาบแก้ม สองพระหัตถ์น้อย ๆ เช็ดน้ำตาของผู้เป็นมารดาตรัสเสียงสั่นเครือ“เสด็จแม่ ใครบังอาจทำให้พระองค์ต้องเจ็บปวดทรมานถึงเพียงนี้?”

ราชินีเนริมอร์ส่ายพระพักตร์ไม่ตอบใด ๆ เอาแต่ร่ำไห้ เสียงสะอื้นของพระนางบาดลึกลงในหัวใจของเจ้าชายน้อย

“เสด็จแม่อย่าทรงร้องไห้เสียใจอีกเลย ลูกเห็นเสด็จแม่เจ็บปวดแบบนี้แล้วลูกก็เจ็บปวดด้วย”

พระนางได้ฟังดังนั้นก็ยิ่งร่ำไห้หนักขึ้น “ลูกที่น่ารักของแม่ เจ้าจะอยู่คนเดียวได้อย่างไร? ใครจะกล่อมเจ้านอนยามค่ำคืน? ใครจะกอดเจ้าให้อุ่นยามหนาว? ใครจะคอยพัดให้เจ้าเวลาร้อน? ใครจะคอยปลอบเจ้าเวลาร้องไห้? ใครจะให้ความรักกับเจ้าแทนแม่คนนี้?”

เจ้าชายน้อยทรงได้ยินดังนั้นก็ตกใจจนพระพักตร์ซีด สองหัตถ์เขย่าแขนของมารดาร้องไห้เสียงจ้า “เสด็จแม่จะไปไหน? ไม่!ลูกไม่ให้พระองค์ไป ลูกไม่ให้เสด็จแม่ไปไหนเด็ดขาด เสด็จแม่อย่าทิ้งลูกไปนะ”

ราชินีแห่งซาโลมบัดนี้ไม่เหลือท่าทางอันองอาจและน่าเกรงขามอีกแล้ว พระนางทรงสะอื้นไห้อย่างโศกเศร้าเวทนาลูกน้อยอย่างเหลือประมาณ “โอ้ ลูกรักของแม่ การแยกแม่ไปจากเจ้านั้นก็เหมือนผลักแม่ไปสู่ไฟนรก ดวงใจแม่มอดไหม้จนแทบจะเป็นผุยผงอยู่แล้ว”

เจ้าชายอิสฮานทรงทรุดเข่าลงกอดขาพระมารดาไว้แน่น น้ำเนตรนองพระพักตร์ “เสด็จแม่ พระองค์จะไปไหน? ให้ลูกไปด้วย ลูกจะเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซนจะเชื่อฟังเสด็จแม่ทุกอย่าง ให้ลูกไปกับเสด็จแม่ด้วยเถิด ได้โปรดเถิดเสด็จแม่”

ราชินีเนริมอร์ทรงส่ายพระพักตร์ช้า ๆ อย่างเจ็บปวด น้ำเนตรยังคงไหลอาบแก้ม“หากแม่เลือกได้ แม่เลือกที่จะอยู่กับเจ้าที่นี่ ดีกว่าจะให้เจ้าไปที่นั่นกับแม่”

“ให้ลูกไปกับเสด็จแม่ด้วย ให้ลูกไปกับเสด็จแม่ด้วย”

ทั้งสองแม่ลูกต่างพากันร่ำไห้คร่ำครวญถึงกันอย่างน่าเวทนานัก


*****************


ในพระราชวังซาโลมเวลานี้มีงานเฉลิมฉลองชัยชนะเหนือถ้ำวงกตของซาดินและให้แก่สมบัติล้ำค่าอันมากมายมหาศาล ที่กลางท้องพระโรงนั้นมีสมบัติวางกองเรียงกันอยู่ กองหีบสมบัติตั้งสูงเกือบจรดเพดาน เหล่าเสนาอำมาตย์น้อยใหญ่ต่างดื่มกินกันอย่างอิ่มหนำสำราญ มีกองสมบัติที่อยู่เบื้องหน้าเป็นดั่งนางระบำที่ร่ายรำอวดประกายแสงระยิบระยับจับตา มีเสียงประกาศรายการสมบัติเป็นดั่งดนตรีขับกล่อม ใบรายนามของสมบัตินั้นยาวจรดพื้น ปลายของกระดาษที่จดรายนามสมบัตินั้นม้วนเป็นขดใหญ่อยู่ที่แทบเท้าของนายทะเบียนท้องพระคลัง มีนายทหารคอยยกสมบัติที่ถูกขานชื่อออกมาวางไว้เบื้องหน้าบัลลังก์ เวลาผ่านไปถึงสามชั่วโมง ในที่สุดสมบัติชิ้นสุดท้ายก็ถูกยกออกมา

“และชิ้นที่ 24,753 ผ้าคลุมขนนก”

เสียงนายทะเบียนท้องพระคลังดังก้องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่นายทหารจะนำผ้าคลุมขนนกออกมา มันเป็นผ้าคลุมขนนกสีขาวปลายแดงเก่า ๆ ผืนหนึ่ง ขนนกสีขาวบริสุทธิ์ปลายแดงทุกก้านเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบและมีสภาพสมบูรณ์ ถึงแม้ว่ามันจะดูเก่ามากแล้วแต่ก็มีเค้าว่ามันเคยเป็นผ้าคลุมที่งดงามมากมาก่อน ทุกคนที่อยู่ภายในห้องนั้นต่างก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับผ้าคลุมเก่าๆผืนนี้นักเพราะมัวแต่สาละวนอยู่แต่กับแสงระยิบระยับของเพชรนิลจินดาที่อยู่เบื้องหน้า จะมีก็แต่มหาอำมาตย์เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จ้องเขม็งไปยังผ้าคลุมเก่า ๆ นั้น สายตาของเขามองที่ผ้าคลุมขนนกนี้อย่างพินิจพิเคราะห์ คิ้วขมวดเล็กน้อยสีหน้าครุ่นคิด
กษัตริย์ซาดินทรงค่อย ๆ ลุกขึ้นช้า ๆ ทำให้เสียงที่ดังกระหึ่มภายในท้องพระโรงนั้นค่อยเบาลงจนกลายเป็นเงียบสนิท
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 9 ผ้าคลุมขนนกแดง @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 13, 2009 4:35 pm

“บัดนี้ ความหวังของพวกเราใกล้จะเป็นความจริงแล้ว อีกไม่นานทวีปเมอร์ริเซียอันอุดมสมบูรณ์จะกลายเป็นของเราชาวซาโลมทุกคน เราจะไม่ต้องทรมานในขุมนรกทะเลทรายนี้อีกต่อไปแล้ว”

เสียงโห่ร้องของเหล่าทหารและเสนาฯอำมาตย์น้อยใหญ่ก็ดังก้องขึ้นขานรับคำของกษัตริย์ซาดิน

“และชัยชนะของข้าเหนือถ้ำวงกตนั้นคงเป็นไปไม่ได้ หากไม่มีผู้ดูแลปกครองแผ่นดินแทนข้า” กษัตริย์ซาดินหันพระพักตร์ไปหาเนริมอร์ รับสั่งอย่างอารมณ์ดี “ข้าจะให้รางวัลแก่เจ้า จงเลือกสิ่งที่เจ้าถูกใจ......”

“ข้าไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น” ราชินีเนริมอร์ตรัสอย่างเศร้าสร้อยและเฉยเมย

“ถ้าเช่นนั้นก็จงเลือกอะไรก็ได้ไปเสียอย่างหนึ่งก็แล้วกัน”

“ข้าไม่...”

“ทูลฝ่าบาท” นาริสโค้งคำนับ

“มีอะไรหรือท่านนาริส”

“ข้าพระองค์เห็นว่าฝ่าบาทน่าจะประทานผ้าคลุมขนนกแก่พระนาง”

“ผ้าขนนกเก่า ๆ นั่นนะรึ?”

ราชินีเนริมอร์ทรงขมวดคิ้วอย่างรำคาญใจ พลางตรัส “ท่านนาริส ข้าไม่...”

พระนางตรัสพลางหันพระพักตร์ไปทางอำมาตย์เฒ่า จึงได้เห็นสายตาที่แฝงความนัยของมหาอำมาตย์ ถึงแม้ว่าจะยังทรงมิรู้ความหมายนัก แต่พระนางก็รีบคล้อยตามทันที

“ข้าไม่...ข้าไม่รู้จะขอบใจอย่างไร ท่านช่างรู้ใจข้าเสียจริง”

นาริสโค้งตัวเล็กน้อย ในขณะที่กษัตริย์ซาดินทรงพยักพระพักตร์รับ “เจ้าถูกใจก็ดีแล้ว”

กษัตริย์ซาดินทรงส่งสัญญาณให้ทหารนำผ้าคลุมนั้นมาวางไว้แทบเท้าพระนาง ก่อนที่จะทรงประกาศต่อ “และ ท่านนาริส สำหรับการเตรียมการรบอย่างดี เรามอบสมบัติและทองคำเจ็ดหีบให้ท่าน”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท” นาริสทูลพลางโค้งคำนับ

“และสำหรับเจ้า บลาส เซจ หากไม่ได้คบเพลิงเวทย์ของเจ้าช่วย ป่านนี้ข้าคงยังวนเวียนอยู่ในถ้ำวงกตนั่น ข้ามอบสมบัติและทองคำให้เจ้าเจ็ดหีบ”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท” บลาส เซจก้าวออกมาโค้งคำนับบ้าง หากแต่สายตากลับมองไปที่ผ้าคลุมทีนาริสทีด้วยสีหน้าเคลือบแคลงสงสัย ในขณะที่นาริสก็ตีหน้าซื่อยิ้มกลับไปให้บลาส เซจ

*****************


เช้าวันรุ่งขึ้น อำมาตย์เฒ่าก็ถูกเรียกตัวเข้าเฝ้าองค์ราชินีแห่งซาโลมทันที เมื่อนาริสเดินทางมาถึงห้องรับรองในเขตพระราชฐานชั้นในก็ได้พบว่าราชินีเนริมอร์ได้ทรงรออยู่ก่อนแล้ว นาริสเพียงแต่โค้งคำนับยังไม่ทันจะเอ่ยคำใด ๆ พระเนตรเนริมอร์ก็ทรงตรัสถามขึ้นเสียก่อน

“ใยท่านจึงจงใจขอผ้าคลุมเก่า ๆ ผืนนี้ให้ข้า? ท่านก็ทราบดีว่าเวลานี้ข้าไม่อยากได้สิ่งใด ๆ ทั้งนั้นนอกจากการอยู่กับลูกของข้า” พระนางเนริมอร์ ตรัสเสียงกร้าว พระนางทรงชี้นิ้วไปทางถาดที่วางผ้าคลุมผืนนั้น ซึ่งยังคงอยู่ในสภาพเดิมเหมือนเมื่อตอนที่มันถูกยกมาที่ห้องนี้

“พระนางก็ทรงทราบดีไม่ใช่หรือว่ากระหม่อมไม่เคยทำสิ่งใดโดยไร้เหตุผล? กระหม่อมขอพระราชทานผ้าคลุมนี้ให้แก่พระองค์ ทั้งนี้ก็เพื่อตัวพระองค์เองนั่นแหละ”

“ท่านหมายความว่าอย่างไรที่ว่าเพื่อตัวข้าเอง?”

“กระหม่อมคิดว่าผ้าคลุมขนนกผืนนี้น่าจะทำมาจากขนของนกร็อคแดง(Red Roc) ที่มีถิ่นฐานอยู่บนยอดเขาสูงเท่านั้น น้อยคนนักที่จะรู้จักสัตว์ชนิดนี้เพราะมันไม่เคยบินลงมาหากินบนพื้นราบ แม้แต่เจ้าอุปราชเฒ่าก็คงจะไม่รู้เกี่ยวกับผ้าคลุมนี้สักเท่าไรนัก กระหม่อมจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยอ่านพบในตำราเวทย์โบราณว่าผ้าคลุมเวทย์ที่ทำจากขนนกร็อคแดงนั้นสามารถใช้เคลื่อนย้ายผู้สวมใส่จากสถานที่หนึ่งไปอีกสถานที่หนึ่งได้โดยใช้เวลาเพียงชั่วเสี้ยววินาที และเมื่อคืนนี้ขณะที่ทหารยกถาดใส่ผ้าคลุมเข้ามา ข้าได้เผอิญเห็นบางส่วนของอักขระโบราณจากชายผ้าคลุมด้านในที่เผยอเปิดเพราะแรงลมพอดีจึงอาจเป็นไปได้ว่านี่คือผ้าคลุมขนนกร็อคแดง ที่จะช่วยพระองค์คลี่คลายความทุกข์ของพระนาง”

“เคลื่อนย้ายคนจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งงั้นรึ? ไม่ว่าจะใกล้ไกลเพียงไรก็ได้ใช่ไหม!?!” พระทัยของราชินีเนริมอร์นั้นโลดเต้นยินดียิ่งนัก ทันทีที่พระนางตระหนักถึงประโยชน์ที่พระนางจะได้รับจากผ้าคลุมผืนนี้

“ถูกต้องแล้วพระนาง แม้แต่จากโพ้นทะเลทรายกลับมายังห้องบรรทมของพระโอรสก็เพียงแค่อึดใจเดียว” นาริสเดินเข้าไปใกล้ถาดผ้าคลุมนั้น พลางโค้งเป็นเชิงขออนุญาตจากพระนาง ซึ่งบัดนี้ความตื่นเต้นดีใจของพระนางทำให้พระนางแทบไม่รับรู้สิ่งใด ๆ แล้ว

“หากการสันนิษฐานของกระหม่อมไม่ผิดแล้วล่ะก็ ผ้าคลุมขนนกผืนนี้ก็คือผ้าคลุมเวทย์ที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่” อำมาตย์ชราใช้มือทั้งสองข้างหยิบผ้าคลุมออกมาคลี่ดูทันที เผยให้เห็นอักขระโบราณจารึกไว้ที่ด้านในของผ้าคลุมนั้นทั่วทั้งผืน ราชินีเนริมอร์ทอดพระเนตรอย่างตื่นเต้นและมีความหวัง พระนางทรงกวาดดวงเนตรไปทั่วทั้งผืนผ้าคลุมนั้นอย่างพินิจพิเคราะห์ แม้จะทรงอ่านอักขระโบราณเหล่านั้นไม่ออกก็ตาม

“ว่าอย่างไรท่านนาริส? ใช่หรือไม่?” พระนางตรัสถามอย่างร้อนรน ดวงเนตรยังคงจับจ้องอยู่ที่ผ้าคลุมขนนกนั้น

นาริสกวาดตาไปทั่วผ้าคลุม พลางค่อย ๆ ยิ้มออกมา “ใช่แน่แล้วพระนาง”

“มันใช้อย่างไร? บอกข้าเร็วเข้า”

“กระหม่อมเองก็ยังไม่แน่ใจนัก กระหม่อมจะค่อย ๆ ถอดความของอักษรทั้งหมดนี่ให้พระองค์ฟัง เพื่อว่าจะได้ไม่มีสิ่งใดผิดพลาดเมื่อเวลาที่พระนางฝึกใช้มัน”

“เชิญท่านเริ่มได้เดี๋ยวนี้เลย” ราชินีเนริมอร์ตรัส พระทัยของพระนางแทบจะกระโดดออกมาจากพระโอษฐ์ จนพระนางต้องพยายามกลืนมันลงไปที่เดิม นาริสค่อย ๆ ถอดความอักขระโบราณอย่างช้า ๆ และทูลให้ราชินีเนริมอร์ฟังอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“ผ้าคลุมขนนกร็อคแดงผืนนี้ สามารถเคลื่อนย้ายมนุษย์ได้เพียงครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น ผู้ที่ปรารถนาจะใช้ผ้าคลุมผืนนี้จะต้องร่ายเวทย์ใส่ผ้าคลุมด้วยการนำผ้าคลุมออกสัมผัสแสงอาทิตย์วันละหนึ่งชั่วยาม และต้องท่องคาถาที่อยู่ทางด้านล่างของผ้าคลุมนี้อย่างแน่วแน่ติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งร้อยวัน ในวันที่ร้อยผ้าคลุมจะเริ่มขยับพลิ้วได้เองแม้ไร้แรงลม ฤทธิ์อำนาจของผ้าคลุมจะใช้ได้เพียงครั้งเดียวแม้หากร่ายเวทย์ครบตามจำนวนวันแล้วแต่ยังมิได้ใช้ จงเก็บผ้าคลุมนี้ไว้ในที่ที่แสงแดดส่องถึง แล้วฤทธิ์อำนาจก็จะยังคงอยู่ ครั้นเมื่อใช้แล้วฤทธิ์อำนาจก็จะสูญสลาย หากปรารถนาจะใช้ผ้าคลุมอีก ก็ให้ร่ายเวทย์ผ้าคลุมใหม่ทุกครั้งไป...”

นาริสกวาดตาดูทั่วผ้าคลุมอีกครั้ง ก่อนจะทูลว่า “ที่เหลือทั้งหมดเป็นคาถาที่ใช้ปลุกเสกผ้าคลุมนี้”

“ดีล่ะ ข้าจะเริ่มร่ายเวทย์ตั้งแต่วันนี้เลย”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)


ย้อนกลับไปยัง Summoner Novel

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน