Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ เม.ย. 20, 2024 4:08 am

หน้าเว็บบอร์ด Wiser Summoner Novel @@ นิยายSMN Epi8 Chapter08 สมบัติล้ำค่าแห่งซาโลม @@

อ่านนิยาย Summoner Master Episodeต่าง ๆ ได้ที่นี่

Moderator: Jinger Ginger


@@ นิยายSMN Epi8 Chapter08 สมบัติล้ำค่าแห่งซาโลม @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ส.ค. 12, 2009 2:28 am

Chapter08 สมบัติล้ำค่าแห่งซาโลม



หกปีต่อมาหลังจากที่กษัตริย์ซาดินวางแผนบุกยึดทวีปเมอร์ริเซีย ซาโลมก็กำลังตกอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั่วทั้งเมืองมีแต่ความสลดหดหู่และเสียงร่ำไห้ของบรรดาหญิงสาวที่ต้องสูญเสียพ่อสามีและลูกชายในวัยกำลังโตให้กับกองทัพ ชายหนุ่มที่ถูกเกณฑ์เข้ากองทัพต้องถูกฝึกอย่างหนักแทบไม่ได้กินได้นอน เด็ก ๆ จำนวนมากมายต้องตายลงเนื่องจากการฝึกที่แสนโหดร้ายทารุณของกองทัพ ส่วนเด็ก ๆ ที่สามารถเอาชีวิตรอดจากการฝึกหฤโหดนี้ก็ดูราวกับว่าความสดใสร่าเริงของวัยเด็กได้ตายจากพวกเขาไปเสียแล้ว กลับกลายเป็นผู้ไม่มีความรู้สึก ไม่มีความอ่อนไหว ไร้ชีวิตจิตใจ มีชีวิตอยู่เพื่อห้ำหั่นศัตรูเท่านั้น ในขณะที่กองทัพเองก็เริ่มเข้าสู่ภาวะฝืดเคืองในด้านงบประมาณ แม้ว่าจะเก็บภาษีเพิ่มมากขึ้นก็ยังไม่เพียงพอ


*****************


ภายในท้องพระโรงในปราสาทแห่งซาโลม กษัตริย์ซาดินทรงกำลังออกว่าราชการตามปกติ เหล่าทหารและเสนาบดีต่างอยู่กันพร้อมหน้า

“เรื่องสมบัติโบราณในถ้ำวงกตใต้ภูเขาไฟนั้น บัดนี้มีความคืบหน้าอย่างไรบ้างท่านนาริส?” กษัตริย์ซาดินตรัสถามพลางหันพระพักตร์ไปทาง อำมาตย์สูงวัย

“กองทัพที่ส่งไปไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาเลยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” นาริส โค้งศีรษะลงก่อนจะทูลตอบ

“อะไรกัน !! นี่เป็นกองทัพที่สามแล้วนะ ข้าเสียเวลากับถ้ำนี้มากว่าปีแล้ว ในนั้นมันมีสิ่งชั่วร้ายอะไรอยู่กันแน่ ข้าอยากรู้นัก” กษัตริย์วัยฉกรรจ์ตรัสเสียงกร้าวพร้อมกับขบฟันแน่น

“พระอาญามิพ้นเกล้า กระหม่อมเห็นว่าเราอย่าเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ด้วยวิธีนี้อีกเลย เราสูญเสียกำลังทหารไปกับถ้ำนี้มิใช่น้อยเลยนะฝ่าบาท แล้วอีกอย่างถ้ำนี้จะมีสมบัติอยู่จริงรึไม่ก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด อาจจะเป็นแค่คำพูดโคมลอยของท่านอุปราชเท่านั้นก็เป็นได้” นาริสทูลแฝงคำเหน็บแนมเบลซ เซจอยู่ในที

กษัตริย์ซาดินทรงนิ่งเงียบอารมณ์ยังคงคุกรุ่น ในขณะที่เบลซ เซจเองก็ครุ่นคิดอยู่เช่นกัน ดวงตาเจ้าเล่ห์ของเขาหรี่เล็ก สักพักจึงค่อย ๆ แสยะยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นใยฝ่าบาทไม่เสด็จไปทอดพระเนตรด้วยพระองค์เองเลยเล่า?”

กษัตริย์ซาดินทรงหันควับไปทางเบลซ เซจทันที ในขณะที่คนอื่น ๆ ในท้องพระโรงส่งเสียงคัดค้านเสียงดังเซ็งแซ่

“รู้สึกว่าท่านอุปราชชอบมีความคิดแปลกประหลาดพิสดารเกินปกติอยู่เสมอ บ่อยครั้งเหลือเกินที่ข้าสงสัยในเจตนาของท่าน ซึ่งครั้งนี้ข้าคงต้องขอฟังคำชี้แจงของท่านเสียหน่อยแล้ว” นาริสกล่าวยิ้มพลางโค้งให้น้อย ๆ

เบลซ เซจกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนที่จะโค้งให้องค์กษัตริย์ทูลว่า “ฝ่าบาท ข้าพระองค์มั่นใจว่าภายในถ้ำลึกลับนั้นต้องมีสมบัติอยู่แน่นอน หากแต่กองทัพที่ท่านนาริสส่งไปล้วนแล้วแต่อ่อนด้อยฝีมือทั้งนั้น แม้แต่ตัวท่านนาริสเองบัดนี้ยังถอดใจไม่คิดจะบุกถ้ำอีก ทั้งหากยังคงส่งทหารด้อยฝีมือไปก็รังแต่จะเสียเวลาเสียการณ์ไปเปล่า ๆ เช่นนี้แล้วข้าพระองค์จึงเห็นว่าพระองค์ผู้ทรงเก่งกล้าสามารถน่าจะแสดงให้ท่านมหาอำมาตย์รวมถึงเหล่าทหารแห่งพระองค์ได้ประจักษ์เป็นขวัญตาถึงความห้าวหาญเก่งกาจของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”

“ทหารที่ข้าส่งไปล้วนแต่ได้รับการฝึกมาอย่างดีแล้วทั้งนั้นนาริสกล่าวโต้ ท่านอุปราชนี่ก็ช่างคิดเสียเหลือเกิน ในถิ่นที่ไม่รู้จักมักคุ้น อีกทั้งในนั้นมีสิ่งใดอยู่ก็ไม่อาจรู้ได้ กลับเสนอให้เจ้าเหนือหัวเข้าไป....”

“ท่านมหาอำมาตย์ก็พูดเกินไป จากที่ข้ารู้มา...ในถ้ำนั้นมันมีอะไรอยู่ท่านก็ใช่ว่าจะมิรู้ไม่ใช่หรือ?”

“ท่านรู้หรือ ท่านนาริส?” กษัตริย์ซาดินตรัสถามแทบจะทันทีด้วยสีหน้าฉงนระคนประหลาดใจ

นาริสชะงักเล็กน้อยก่อนโค้งศีรษะตอบ “ทูลฝ่าบาท ยังเป็นแค่การสันนิษฐานเท่านั้น กระหม่อมมิอยากชี้เจาะจงให้แน่ใจในทันที”
“ว่ามา” กษัตริย์ซาดินโน้มตัวมาข้างหน้าประทับนั่งเท้าคาง มีสีพระพักตร์สนอกสนใจ

“จากบันทึกเก่าแก่ที่กระหม่อมได้ค้นคว้ามาเมื่อเร็ว ๆ นี้ อารยธรรมโบราณบูชาภูเขาไฟดั่งเป็นเทพเจ้า ทุก ๆ ปีจะมีพิธีบูชายัญมนุษย์ให้แก่มังกรที่เป็นพาหนะของเทพเจ้า ทั้งสภาพภูมิประเทศแถบนั้นมีภูเขาไฟอยู่มาก ปากถ้ำเทลาดลึกลงไปใต้ภูเขาไฟ อีกทั้งกองทัพได้รายงานมาก่อนจะบุกเข้าถ้ำว่าที่ปากถ้ำนั้นจะมีกลิ่นกำมะถันจาง ๆ โชยออกมาเป็นระยะ ๆ กระหม่อมสันนิษฐานว่าใต้ถ้ำนั้นอาจมี มังกรแมกม่า(Magma Dragon)อาศัยอยู่ และหากมีการซุกซ่อนสมบัติในนั้นจริงก็น่าจะมีสัตว์ประหลาดที่ชนเผ่าโบราณใช้มันเฝ้าสมบัติ รวมไปถึงอาจจะมีการซ่อนกับดักกลไกกระจายอยู่ทั่วทั้งถ้ำ... แต่กระนั้นเราก็ยังไม่มีหลักฐานอะไรที่ทำให้แน่ใจได้ว่าถ้ำนี้จะเป็นถ้ำเดียวกันกับที่บรรพชนโบราณใช้เก็บสมบัติ มันอาจจะเป็นถ้ำลวงที่บรรพชนโบราณสร้างไว้เพื่อหลอกล่อนักล่าสมบัติก็ได้”

เสียงซุบซิบดังอื้ออึงไปทั่วท้องพระโรง กษัตริย์ซาดินทรงเอนหลังกลับไปพิงพนักตรัสเสียงเบา “มิน่าเล่า ข้ามิแปลกใจเลยที่ไม่เหลือใครรอดกลับมาสักคน... แต่อย่างน้อยมันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยง ดีล่ะข้าจะไปเอง”

“ฝ่าบาท!! มันอันตรายเกินไป”

“ฝ่าบาทโปรดทรงคิดทบทวนดูใหม่เถิด”

เหล่าเสนาอำมาตย์ต่างพากันคัดค้านจนแทบจะพร้อมเพรียงกัน

“ฝ่าบาท มีนักแสวงโชคจำนวนมากมายที่ต่างสังเวยชีวิตให้กับถ้ำนี้มาไม่น้อยและยังมิเคยมีผู้ใดรอดชีวิตกลับมาได้แม้สักคนเดียว...” นาริสยังไม่ทันพูดจบ กษัตริย์ซาดินก็ตรัสแทรกขึ้นมา

“ข้าเบื่อที่จะต้องมานั่งรอฟังความล้มเหลวซ้ำซาก และข้าก็ไม่ได้ออกรบทัพจับศึกมานานพอดูแล้ว ชักรู้สึกเบื่อ ๆ เต็มที... ยังไงเสียสมบัติเหล่านั้นเมื่ออยู่ในอาณาจักรซาโลมของข้า มันก็ย่อมเป็นของข้าโดยชอบธรรมอยู่แล้ว อีกอย่างข้าไม่เพลี่ยงพล้ำง่าย ๆ หรอกพวกเจ้าอย่ากังวลไม่เข้าเรื่องเลย ท่านจงเตรียมทัพให้พร้อมอีกสองวันข้าจะออกเดินทาง”

เมื่อกษัตริย์ซาดินตรัสเช่นนี้ นาริสจึงมิอาจโต้แย้งใด ๆ ได้อีก จึงได้น้อมรับคำบัญชาโดยมีเบลซ เซจแสยะยิ้มให้อย่างล้อเลียน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter08 สมบัติล้ำค่าแห่งซาโลม @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ส.ค. 12, 2009 2:29 am

อีกฟากของปราสาท ราชินีเนริมอร์ทรงกำลังสั่งการต่าง ๆ ภายในวังตามปกติ ทันใดนั้นก็มีนางกำนัลคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบผ่านบรรดาข้าราชบริพารที่ยืนเรียงรายรอรับคำสั่งจากราชินีเนริมอร์อยู่ พระนางทรงหันไปมองนางกำนัลซึ่งบัดนี้หมอบอยู่ข้างที่ประทับด้วยสายเนตรคมดุ เนื่องจากถูกขัดจังหวะอย่างไร้มารยาท

“พูดธุระของเจ้ามา หากไม่ใช่เรื่องสำคัญมากพอที่ทำให้ข้าต้องยุติงานในวันนี้ ข้าจะสับขาของเจ้าทิ้งซะ”

นางกำนัลชี้มือชี้ไม้เปะปะไปทางอุทยาน ระร่ำระลักทูลปนหอบ “พระโอรส! พระโอรสอิสฮาน...”

นางกำนัลทูลยังไม่ทันจบ ราชินีเนริมอร์ก็ทรงลุกพรวดออกวิ่งไปทางอุทยานทันที จนบรรดานางกำนัลต่างตกตะลึงวิ่งตามเสด็จแทบไม่ทัน ราชินีเนริมอร์ทรงวิ่งไปอย่างแทบไม่รู้สึกองค์ พระหัตถ์และพระบาทของพระนางเย็นเฉียบ พระทัยของพระนางเล่าก็ราวกับจะหยุดเต้นเสียให้ได้ พระนางทรงวิ่งจนมาถึงบริเวณอุทยานโล่งกว้าง ทันทีที่พระนางเห็นกลุ่มพวกลูกขุนนางและนางกำนัลมุงกันอยู่ที่ข้างสระน้ำ พระนางรีบวิ่งเข้าไปผลักกลุ่มเด็กๆและนางกำนัลที่ล้อมอยู่ไปคนละทิศละทาง เจ้าชายอิสฮานน้อยวัยเจ็ดชันษาทรงนั่งน้ำเนตรไหล หากแต่พยายามกลั้นเสียงร้องไห้ไว้จนองค์กระตุกเพราะแรงสะอื้น เนื้อตัวเปียกปอน ที่ขามีรอยถากจากเศษกิ่งไม้ มีเลือดออกเป็นทางยาวประมาณคืบหนึ่งแต่ไม่ลึกนัก พระนางทรงถลาไปกอดบุตรชายไว้แนบอก

“เลือด! หมอหลวง หมอหลวง ไปตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้” พระนางทรงตะโกนสุดเสียง “ลูกแม่ทำไมเป็นแบบนี้? ไหนให้แม่ดูหน่อยสิ” เมื่อพระนางค่อยคลายความตระหนกลงได้ ความกริ้วโกรธแทบจะระเบิดก็เข้าครอบงำทันที พระนางทรงหายใจแรงดวงเนตรวาวโรจน์ พระหัตถ์สั่นจนแทบจะคุมไม่อยู่ พระนางทรงหันไปทางบรรดานางกำนัลพี่เลี้ยงที่ต่างหมอบจนตัวติดพื้น

“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้! เกิดอะไรขึ้น?”

เหล่านางกำนัลต่างพากันตัวสั่นลอยมองหน้ากันไปมาอย่างรนรานไม่กล้าเอ่ยปาก ด้านเด็ก ๆ คนอื่น ๆ ก็พากันร้องไห้แต่มิกล้าให้เสียงสะอื้นเล็ดรอดออกมา ราชินีเนริมอร์ยิ่งทรงกริ้วหนัก ขบกรามแน่น ชี้นิ้วไปทางนางกำนัลพี่เลี้ยงที่อยู่ใกล้ที่สุด ตรัสตวาดเสียงดังว่า

“ตอบ!!”

นางกำนัลสะดุ้งสุดตัว ตะกุกตะกักตอบ

“พ...พระ... พระอาญามิพ้นเกล้า ตอนที่พระโอรสทรงเล่น....เล่นกับทุกๆคนอยู่ บุตรท่านหัวหน้าเสนาฝ่ายซ้าย” นางพยักพเยิดใบหน้าไปยังเด็กชายที่แต่งตัวดูหรูหราภูมิฐานที่นั่งหมอบร้องไห้ตัวสั่นเทาอยู่ทางด้านหลังสุด “ก็...ก็ลองเวทย์ใหม่ที่เพิ่งเรียนมากับบุตรของมหาดเล็กคนนี้...จ...จนกระเด็น ไปชนต้นไม้” นางหันหน้าไปทางเด็กชายที่เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยขี้ดินและฝุ่นทราย มีรอยถลอกตามมือและข้อศอกทั้งสองข้าง “พอบุตรท่านเสนาปล่อยพลังเวทย์อีกครั้ง แล้ว...แล้วอยู่ ๆ พระโอรสก็ทรงท่องคาถาอะไรไม่ทราบ พลังเวทย์ก็ย้อน...ย้อนกลับมาใส่พระโอรสจนทรงกระเด็นตกน้ำ แล้วก็ทรง...ทรงถูกกิ่งไม้ใต้น้ำถากเอา...”
ราชินีเนริมอร์บัดนี้ทรงควบคุมอารมณ์โกรธไม่อยู่แล้ว ตะโกนเสียงดังว่า

“ประหารให้หมด” พระนางทรงชี้พระหัตถ์ไปยังบุตรของหัวหน้าเสนาฝ่ายซ้ายที่เวลานี้ผวาจนสุดตัว “เจ้า โทษฐานที่ปล่อยพลังเวทย์ใส่พระโอรส” พระนางทรงชี้พระหัตถ์ไปยังบุตรของมหาดเล็ก “เจ้า โทษฐานที่เป็นแค่ลูกมหาดเล็กแทนที่จะยอมโดนพลังเวทย์ กลับบังอาจให้พระโอรสปกป้องเจ้า และพวกเจ้า” พระนางทรงกราดไปยังบรรดาเด็ก ๆ ที่เหลือและพวกนางกำนัลพี่เลี้ยง “โทษฐานที่ไม่ดูแลพระโอรสให้ดี ทหารลากไปประหารให้หมด”

“พระนางได้โปรดเมตตาด้วย พระนางโปรดเมตตาด้วย” บรรดาเด็ก ๆ ต่างร้องไห้กระจองอแงทั้งนางกำนัลต่างร้องไห้วิงวอนขอชีวิต
“ไม่นะเสด็จแม่” เจ้าชายอิสฮานทรงผวาไปกระตุกแขนพระมารดาไว้

ราชินีเนริมอร์ชะงักเล็กน้อยความโกรธเกรี้ยวค่อยคลายลง สีพระพักตร์ของพระนางอ่อนโยนขึ้นเมื่อหันไปหาบุตรชายซึ่งมีพระพักตร์ตื่นตระหนก ดวงเนตรยังคงชื้นแฉะด้วยน้ำตา

“พวกมันปล่อยให้ลูกบาดเจ็บถึงเพียงนี้ พวกมันสมควรตาย” พระนางทรงยกพระหัตถ์ทั้งสองประคองใบหน้าของพระโอรสไว้ ทรงรู้สึกสงสารลูกน้อยจับใจ “แล้วนี่ ใครสอนวิชาบ้าบออย่างนี้ให้เจ้ากันฮึ? วิชาทำร้ายตัวเองอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน”

“ท่านราชครูสอนลูก... ท่านบอกว่าเป็นวิชาที่เอาไว้ย้ายความเจ็บปวดไปให้...ให้คนอื่น แต่ว่าลูกไม่รู้จะย้ายไปที่ใครดี ถ้า...ถ้าย้ายไปที่บุตรท่านเสนา... ลูกก็กลัวเขาจะเจ็บ ถ้าย้ายไปที่พวกนางกำนัล ลูกก็กลัวพวกนางจะเจ็บ... ก็เลยเหลือลูกคนเดียว... ลูกก็เลยคิดว่าย้ายมาที่...ที่ลูกดีกว่า” พระโอรสน้อยทรงอธิบายพยายามบังคับเสียงสะอื้น

“เด็กโง่ เจ้าคือสิ่งมีค่าที่สุดในซาโลม ลูกไม่รู้รึว่าคนพวกนี้อย่าว่าแต่จะเจ็บแทนเลย พวกมันตายแทนลูกก็ยังได้” ราชินีตรัสด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า

พระโอรสอิสฮานทรงเหลือบดูบรรดาข้าราชบริพาร “เสด็จแม่ อย่าทรงลงโทษพวกเขาเลย พวกเขาเป็นเพื่อนลูก ถ้าพวกเขาตายแล้วใครจะเล่นกับลูกล่ะ?”

“พวกมันสมควรตายแล้ว เพื่อนเล่นน่ะหาเอาใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ ลูกจะเอาสักกี่คนแม่ก็หาให้ลูกได้”

“ไม่เอา เสด็จแม่อย่าทรงลงโทษพวกเขาเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”

องค์ชายน้อยตรัสอ้อนพลางกอดแขนพระมารดาไว้ น้ำเนตรเอ่อคลอขึ้นมาอีก ราชินีเนริมอร์ซึ่งขณะนี้ทรงลืมความโกรธจนหมดสิ้นแล้ว พระนางพิศดูดวงพักตร์ของบุตรชายอย่างอ่อนใจพลางทรงถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เอาละๆ แล้วแต่ลูกเถิด โอ นั่น!หมอหลวงมาแล้ว ไปทำแผลกันเถอะ”

ราชินีเนริมอร์ทรงรีบอุ้มเจ้าชายอิสฮานขึ้นโดยไม่สนใจว่าพระองค์จะเปียกและเปื้อนเปรอะทรงตรงไปหาหมอหลวงที่กำลังวิ่งมาแต่ไกล ทันใดนั้นพระนางก็ทรงหยุดชะงักราวกับจะทรงนึกขึ้นได้ พระนางทรงหันกลับมายังบรรดาเด็ก ๆ และนางกำนัลที่ยังคงก้มหมอบจนติดพื้นมิกล้าลุกไปไหน

“จำใส่หัวของพวกเจ้าไว้ อย่าให้มีครั้งที่สองอีก ไสหัวไปได้แล้ว” แล้วพระนางจึงทรงรีบสาวพระบาทไปโดยมีเสียงสรรเสริญและขอบพระทัยจากบรรดาเด็ก ๆ และเหล่านางกำนัลดังอยู่เบื้องหลัง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter08 สมบัติล้ำค่าแห่งซาโลม @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ส.ค. 12, 2009 2:29 am

เป็นเวลาเพิ่งจะฟ้าสางเมื่อกษัตริย์ซาดินในชุดทรงเต็มยศเสด็จออกมาจากกระโจมที่พัก บัดนี้กองทัพเพลิงแห่งซาโลมได้มาตั้งค่ายอยู่ที่โขดหินใหญ่อันเป็นปราการทางธรรมชาติที่บ่งบอกว่ากองทัพใกล้จะถึงถ้ำวงกตเต็มที เมื่อกษัตริย์ซาดินทรงเห็นว่าดวงอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้าเท่าใดนักก็รีบสั่งเคลื่อนทัพทันที ด้วยเกรงว่าหากยิ่งออกเดินทัพช้าเท่าใดก็จะยิ่งเป็นอุปสรรคแก่กองทัพมากขึ้น เนื่องจากเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มฉายแสงอันร้อนแรงแล้ว ความร้อนจากดวงอาทิตย์จะแผดเผาเม็ดทรายให้ร้อนระอุยิ่งกว่าเดินบนกระทะเหล็กลนไฟเสียอีก เมื่อพลแตรเป่าแตรเคลื่อนทัพเป็นสัญญาณ กองทัพอันประกอบไปด้วย กองกำลังนกโมฮาห้าสิบนาย และ ทหารเดินเท้าอีกร้อยนาย ก็ออกเคลื่อนพลทันที ระหว่างทางที่กองทัพเพลิงแห่งซาโลมผ่านมานั้นได้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคิเมร่าทะเลทราย(Desert Chimera), สุนัขเขาดาบ(Saber Horn Hound) ,หนอนทะเลทราย (Sortie sand worm)หรือ แม้กระทั่งฝูงมังกรไฟ(Fire Dragon) แต่ด้วยความชาญศึกของกษัตริย์ซาดินจึงสามารถนำทัพฝ่ามาได้โดยแทบมิต้องเสียเลือดเนื้อ

*****************


เมื่อเริ่มเข้าเขตภูเขาไฟการเคลื่อนทัพก็เริ่มลำบากมากขึ้น หินภูเขาไฟน้อยใหญ่มากมายกระจัดกระจายไปทั่ว พื้นทรายเริ่มร้อนระอุขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากความร้อนของดวงอาทิตย์และสภาพภูมิอากาศใกล้ภูเขาไฟ ทั่วบริเวณนี้มีตัวสกาเลต (Scarlet) อาศัยอยู่อย่างชุกชุม แนวหินเริ่มสูงชันและสลับซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ สักพักกษัตริย์วัยฉกรรจ์ก็ทรงเห็นปากทางเข้าถ้ำวงกต มีกลิ่นกำมะถันอ่อน ๆ โชยมาเป็นระยะ ๆ ทั่วบริเวณปากถ้ำดังที่นาริสสุไลมานถวายรายงานไว้ ณ ที่นั้นยังคงมีร่องรอยของกองทัพชุดก่อน ๆ หลงเหลืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นรอยเท้าคนจำนวนมาก ของใช้ติดตัวของทหารบางนายที่ลืมทิ้งไว้นอกถ้ำ หรือแม้แต่กระเป๋าสัมภาระที่ทหารวางทิ้งไว้ที่ปากถ้ำ กษัตริย์ซาดินทรงมองสำรวจสภาพรอบ ๆ ปากถ้ำอย่างละเอียดก่อนที่จะจัดสัดส่วนกองทัพเสียใหม่

“นกโมฮาตัวใหญ่เกินไปเอาเข้าถ้ำไม่ได้ พวกเจ้าสิบคนจงอยู่ที่นี่ดูแลนกโมฮา จัดเรียงเสบียงอาหารสัมภาระเสียใหม่ให้เปลืองเนื้อที่น้อยที่สุด พร้อมทั้งตรวจเช็คสภาพและเตรียมเกวียนรถลากสำหรับให้นกโมฮาลากสมบัติกลับซาโลม พวกที่เหลือเตรียมน้ำ เสบียง คบไฟ และเชื้อเพลิงให้พร้อม ของที่เป็นภาระในการสำรวจถ้ำจงทิ้งไว้ข้างนอกให้หมด พยายามให้ตัวเองเดินสบายและสะดวกในการเคลื่อนไหวมากที่สุด รถเสบียงและน้ำอยู่หลังขบวน ให้ทหารยี่สิบนายปิดท้ายขบวน เมื่อเข้าไปภายในถ้ำแล้วจงเงียบให้มากกว่าความเงียบ เราไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่ในนั้น ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม มันจะรู้ว่าเราเข้ามาในถ้ำนี้ก่อนที่เราจะรู้ว่ามันเป็นตัวอะไรไม่ได้”

เมื่อกษัตริย์ซาดินตรัสสั่งการเสร็จแล้วจึงทรงสำรวจตรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนที่จะทรงชูกระบองคู่กายขึ้นสูงเป็นสัญญาณ แล้วทั้งหมดก็เคลื่อนทัพเข้าสู่ถ้ำนั้นอย่างเงียบกริบ คบเพลิงเพียงไม่กี่อันถูกจุดเพียงเพื่อแค่พอมองเห็นทางเดินเท่านั้น ภายในถ้ำนั้นเป็นอุโมงค์คดเคี้ยวสลับซับซ้อนนัก อากาศในนั้นมีกลิ่นอับฉุนและมีกลิ่นกำมะถันโชยมาเป็นระยะ ๆ ตามผนังถ้ำมีการวาดภาพด้วยสีแดงเป็นรูปของสัตว์ประหลาดชนิดต่าง ๆ กำลังฆ่าฟันมนุษย์ด้วยวิธีต่าง ๆ กัน สักพักพระองค์ก็มาถึงห้องขนาดไม่ใหญ่นัก มีซากทหารและโครงกระดูกจำนวนไม่น้อยกองระเกะระกะอยู่ตามพื้น บางศพไหม้เกรียม บางศพมีสภาพแหลกเหลว ที่ด้านตรงข้ามมีอุโมงค์แยกเป็นสามทาง เมื่อกษัตริย์ซาดินให้สัญญาณ หัวหน้ากองทหารสองนายคือหัวหน้ากองทหารเดินเท้าและหัวหน้ากองทหารนกโมฮารีบออกไปสำรวจบริเวณโดยรอบทันที กษัตริย์ซาดินทรงนั่งลงข้างศพที่ดูใหม่ที่สุดพลางพิจารณาสภาพศพ หัวหน้ากองทหารทั้งสองรีบกลับมารายงานเสียงเบา

“ฝ่าบาท ศพทหารเพิ่งตายไม่นานนัก คาดว่าจะเป็นทหารชุดก่อนหน้าที่พวกเราจะมาถึงพ่ะย่ะค่ะ”

กษัตริย์ซาดินทรงเงยพระพักตร์ขึ้นมองอุโมงค์ข้างหน้า “เอาคบเพลิงเวทย์ของเบลซ เซจมา”

นายกองจึงส่งสัญญาณให้นายหมู่ที่ถือกล่องใบหนึ่งอยู่ในมือ นายหมู่ก็รีบวิ่งมาทันที เมื่อเปิดกล่องออกก็เห็นว่า ภายในกล่องบรรจุคบเพลิงที่ตัวด้ามมีสีดำสนิทอยู่ กษัตริย์ซาดินทรงจุดไฟที่ปลายคบเพลิงนั้นแล้วเปลวไฟสีเงินก็สว่างขึ้นทันที พระองค์เสด็จเข้าไปใกล้อุโมงค์แรกพลางยื่นคบเพลิงเข้าไปที่ปากอุโมงค์ ทันใดนั้นไฟก็ค่อย ๆ หรี่ลงจนเกือบดับ กษัตริย์ซาดินทรงชักพระหัตถ์ออกพลางดำเนินไปหน้าอุโมงค์ถัดมาและทำเหมือนเช่นเดิม คบไฟก็ค่อย ๆ หรี่ลงเหมือนครั้งแรก กษัตริย์ซาดินจึงเสด็จเข้าไปยังอุโมงค์ที่สาม คราวนี้ไฟสีเงินก็ลุกโชติช่วงขึ้นทันที กษัตริย์ซาดินทรงยิ้มน้อยๆอย่างพอพระทัย พลางส่งสัญญาณให้เดินเข้าอุโมงค์ที่สามนั้น

ภายในอุโมงค์นี้ปูพื้นด้วยแผ่นกระเบื้องไปตลอดทาง กองทัพเดินมาได้สักพักก็พบซากทหารนอนตายเกลื่อนพื้นถ้ำอีกครั้ง มีธนูมากมายปักอยู่เต็มร่าง กษัตริย์หนุ่มทรงมองไปรอบบริเวณทั่วผนังทั้งสองด้านและพื้นถ้ำ พระองค์ทรงหยุดคิดอยู่ชั่วครู่ก็กลับหลังหันทันที เหล่าทหารที่อยู่ทางด้านหลังพากันสะดุ้งด้วยความตกใจ กษัตริย์ซาดินทรงชี้นิ้วไปที่นายทหารที่อยู่ใกล้พลางตรัสเสียงเบาว่า

“เจ้า! เดินไป”

นายทหารที่ถูกเลือกมองไปข้างหน้า ก็พลันเกิดความกลัวขึ้นมาจับใจรีบส่ายหัวปฏิเสธ แทบจะทันทีร่างของนายทหารคนนั้นก็พุ่งไปชนกองซากศพอย่างแรงจนใบหน้ายุบไปแถบหนึ่ง กษัตริย์ซาดินทรงหันกลับมาอีกครั้ง เหล่านายทหารต่างตัวสั่นเงียบกริบมิกล้าปริปาก พระองค์ทรงชี้นิ้วอีกครั้งคราวนี้มิต้องให้พูดซ้ำสอง นายทหารที่ถูกเลือกก็แทบจะวิ่งไปยังทิศทางเบื้องหน้าทันที เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นลูกธนูนับร้อย ๆ ดอกก็พุ่งออกมาจากผนังด้านซ้ายใส่ทหารเคราะห์ร้ายอย่างแรงจนนายทหารคนนั้นกระเด็นไปติดผนังอีกด้าน เขายังวิ่งต่ออีกสองสามก้าวก่อนที่จะล้มลงไปกองกับพื้น

กษัตริย์ซาดินทอดพระเนตรเหตุการณ์เบื้องหน้านิ่งพลางเริ่มเสด็จเข้าสู่ค่ายกลกับดักอย่างไม่สะทกสะท้าน พระองค์ค่อย ๆ เอากระบองคู่กายเคาะที่พื้นกระเบื้องข้างหน้าทีละแผ่น ๆ ทันใดนั้นก็มีลูกธนูพุ่งออกจากด้านข้างผนังไปยังผนังอีกฟากอย่างรวดเร็ว พระองค์ทรงเคาะต่อไปอีกลูกธนูก็พุ่งออกมาอีกจนรู้ว่าทุกสามแผ่นจะมีกับดักอยู่แผ่นหนึ่ง พระองค์ค่อย ๆ ทรงนำกองทหารฝ่ากับดักไป เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้นก็มีฝูงผีเสื้อไฟ(Betterfire)ประมาณสามสิบตัวบินจากทางเบื้องหน้าตรงมายังพวกเขาทันที กษัตริย์หนุ่มทรงรีบสั่งให้ทหารหมอบลง ทรงใช้กระบองเคาะที่แผ่นกระเบื้องกลไกครั้งแล้วครั้งเล่า ลูกธนูนับร้อย ๆ ดอกก็พุ่งเข้าใส่ฝูงผีเสื้อไฟ เหล่าผีเสื้อค่อย ๆ ร่วงลงสู่พื้นราวกับลูกไฟจนกระทั่งไม่เหลือสักตัวเดียว
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter08 สมบัติล้ำค่าแห่งซาโลม @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ส.ค. 12, 2009 2:30 am

เมื่อผ่านกับดักมาได้ กองทัพเพลิงก็พบกับห้องโถงกว้าง ห้องนี้กว้างกว่าห้องแรก มีอุโมงค์แยกที่ฟากตรงข้ามถึงห้าทาง อากาศเริ่มมีกลิ่นกำมะถันฉุนรุนแรงขึ้น การหายใจเริ่มยากลำบากมากยิ่งขึ้น ทั้งบรรยากาศก็ร้อนอบอ้าวขึ้นเรื่อย ๆ กษัตริย์ซาดินทรงถือคบเพลิงเวทย์เข้าไปสำรวจอุโมงค์ทั้งห้า เมื่อมาถึงอุโมงค์ที่สี่ไฟสีเงินก็ลุกโชติช่วง ทันใดก็มีเสียงคำรามดังก้องขึ้นมาจากภายในอุโมงค์นั้น กษัตริย์ซาดินและเหล่าทหารรีบถอยออกห่างปากทางเข้าทันที กษัตริย์เพลิงส่งสัญญาณให้ทหารแปรขบวนล้อมปากทางเข้าเป็นวงกว้าง เสียงคำรามดังขึ้นเรื่อย ๆ เหล่าทหารจ้องปากอุโมงค์อย่างไม่วางตา ฉับพลันที่กลางอุโมงค์อันมืดมิดนั้นก็ปรากฏดวงตาสีแดงวาวโรจน์คู่หนึ่งจ้องเขม็งมายังกลุ่มทหารตรงปากถ้ำ กษัตริย์ซาดินทรงค่อย ๆ ส่งคบเพลิงเวทย์ให้ทหารที่อยู่ใกล้ สองพระหัตถ์กระชับกระบองคู่กายมั่น

ชั่ววินาทีนั้นก็มีเปลวไฟพุ่งออกมาจากภายในอุโมงค์เป็นลำยาว เหล่าทหารฝั่งตรงข้ามรีบถอยหลังออกห่างโดยเร็ว เจ้าสัตว์ประหลาดเจ้าของตาสีแดงฉานคู่นั้นก็ค่อยเดินออกมาช้า ๆ ที่กลางวงล้อมเผยให้เห็นร่างสูงใหญ่ของมิโนทอร์ภูเขาไฟ(Volcanic Minotaur) ที่ปากของมันมีควันไฟลอยออกมา มันส่ายหัวไปมา สายตาจ้องมองเหล่าทหารที่รายล้อมมันอยู่ เหล่าทหารผงะถอยหลังด้วยความตกใจ ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก กษัตริย์ซาดินทรงมองเจ้าสัตว์ประหลาดตัวสั่นเทิ้ม หากแต่มิใช่ด้วยความหวาดกลัว เพราะพระพักตร์ของกษัตริย์หนุ่มนั้นแฝงด้วยรอยยิ้มแห่งความคึกคะนอง

มิโนทอร์กระโจนเข้าใส่ทหารที่มิทันตั้งตัว ขาของมันเหยียบทับร่างนายทหารนายหนึ่งไว้ บรรดานายทหารที่อยู่ใกล้นั้นก็รีบเข้าไปช่วยเหลือทันที เจ้ามิโนทอร์ก็สะบัดเขาเหวี่ยงทหารไปคนละทิศละทาง ฉับพลันมันก็พ่นไฟใส่ทหารที่อยู่ใต้อุ้งเท้าของมัน ทำให้ทหารเคราะห์ร้ายร้องเสียงดังกึกก้อง เสียงโหยหวนยิ่งทำให้มิโนทอร์คลุ้มคลั่งไล่ขวิดทหารจนแตกกระเจิง กษัตริย์ซาดินทรงโบกพระหัตถ์ขึ้นเป็นสัญญาณ เหล่าทหารก็ถอยออกตีเป็นวงกว้างล้อมเจ้าสัตว์ประหลาดอีกครั้ง

องค์กษัตริย์ทรงก้าวออกมายืนเบื้องหน้าสัตว์ร้ายอย่างมั่นคงเชื่องช้า สายพระเนตรจ้องนิ่งประสานสายตากับเจ้ามิโนทอร์อย่างมิวางตา เจ้ามิโนทอร์นั้นไม่ได้หุนหันพุ่งเข้าขวิดเหมือนดั่งที่มันกระทำแก่เหล่าทหารเมื่อครู่นี้ ด้วยสัญชาตญาณของมันทำให้มันสงบลง ดวงตาจดจ้องเพื่อรอจังหวะเข้าจู่โจม เจ้าสัตว์ร้ายเดินวนไปรอบ ๆ ตัวพระองค์ เมื่อมันเดินคล้อยหลังกษัตริย์ซาดินไปแค่ชั่วอึดใจ มันพุ่งเข้าจู่โจมกษัตริย์หนุ่มทันที ซาดินเอี้ยวองค์หลบพลางยกกระบองฟาดสวนกลับไปอย่างแรง กระบองฟาดถูกส่วนหัวของมันจนเกิดแผลแตกเป็นทางยาว มันคำรามเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะหมุนตัวกลับก้มหัวลงวิ่งเข้าใส่กษัตริย์ซาดินอีกครั้ง ครั้งนี้พระองค์ไม่ทรงเอี้ยวตัวหลบเหมือนเช่นครั้งก่อน หากแต่ทรงยกกระบองเตรียมอยู่ในท่าตั้งรับ มิโนทอร์พุ่งเข้าปะทะกษัตริย์ซาดินเต็มแรง ขาทั้งสองข้างของกษัตริย์หนุ่มที่ยันพื้นแน่นถูกแรงกระแทกจนถอยครูดไปกับพื้นไกลเกือบสามเมตร กระบองของพระองค์ขัดแน่นระหว่างเขาทั้งสองข้างของมัน มันพยายามดันให้พระองค์เสียหลัก ในขณะที่กษัตริย์ซาดินก็ทรงบิดกระบองงัดเขาของมันขึ้นสุดแรงเกิดจนหัวของมิโนทอร์บิดไปด้านข้าง มันคำรามเสียงดังด้วยความเจ็บปวดและเคืองโกรธพลางฝืนแรงบิดหัวกลับ ทันใดนั้นก็เกิดเสียงแตกหักดังลั่น เขาข้างขวาของมิโนทอร์หักกระเด็น กษัตริย์ซาดินทรงรีบพลิกตัวหลบ เจ้าสัตว์ร้ายที่ไม่ทันระวังก็เสียหลักพุ่งเข้าชนผนังเต็มแรงจนเขาอีกข้างฝังลึกเข้าไปในผนัง กษัตริย์หนุ่มทรงฉวยโอกาสนี้เงื้อกระบองขึ้นฟาดใส่ท้ายทอยของเจ้ามิโนทอร์ภูเขาไฟจนสุดแรงเกิด เจ้าสัตว์ร้ายคอขาดสะบั้นตายคาที่ เลือดมิโนทอร์ภูเขาไฟไหลออกเป็นทางยาว เหล่าทหารแห่งซาโลมต่างโห่ร้องด้วยความยินดี

ฉับพลันนั้นเอง เลือดของมิโนทอร์ซึ่งบัดนี้ไหลตัดผ่านวงล้อมของกองทัพได้กลายเป็นกำแพงขนาดมหึมาพุ่งขึ้นสูงจนสุดเพดานแยกกองทัพของกษัตริย์ซาดินออกจากกัน เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วภายในถ้ำ เศษหินจำนวนมากร่วงลงมาจากบนเพดาน กษัตริย์ซาดินและเหล่าทหารที่ยังเหลืออยู่ต่างหาที่หลบกันจ้าละหวั่น ครั้นเมื่อแรงสั่นสะเทือนสงบลงแล้ว กษัตริย์ซาดินจึงเรียกรวมพลเพื่อตรวจสภาพความเสียหาย บัดนี้อุโมงค์ห้าแยกถูกหินกลบไปหมดแล้วแต่กลับเกิดอุโมงค์เพิ่มขึ้นอีกถึงเจ็ดอุโมงค์ ส่วนบรรดานายทหารก็พลัดหลงไปจนเหลือเพียงแปดสิบนายเท่านั้น กษัตริย์ซาดินตรวจดูกองทัพอีกครั้งก่อนที่จะคว้าคบเพลิงเวทย์เสกมาจากนายทหารแล้วออกเดินทางต่อไป

เมื่อเคลื่อนทัพไปได้สักระยะหนทางก็ลาดลงเรื่อย ๆ บรรยากาศกลายเป็นร้อนระอุ กลิ่นกำมะถันเริ่มรุนแรงร้ายกาจจนทุกคนต้องใช้ผ้าปิดจมูกไว้ มีเสียงน้ำเดือดแตกพล่านดังเป็นระยะ ๆ สักพักเส้นทางนั้นก็นำกษัตริย์ซาดินและกองทัพออกมาสู่ลานกว้างที่มีทะเลสาบลาวาขนาดใหญ่อยู่กลางลานนั้น ณ กลางทะเลสาบลาวานี้เองมีเกาะสูงหน้าตัดขนาดใหญ่ที่มีสมบัติจำนวนมากมายมหาศาลวางกองอยู่ แสงสว่างของลาวาส่องกระทบกับเหรียญทองและเพชรนิลจินดาจนระยิบระยับไปทั่วบริเวณราวกับเกาะนั้นเปล่งแสงได้เอง เหล่าทหารต่างตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นสมบัติล้ำค่าเหล่านั้นในขณะที่กษัตริย์ซาดินกลับทรงนิ่งเฉย พระเนตรมองสอดส่ายไปทั่วบริเวณพลางส่งสัญญาณให้กองทหารอยู่ในความสงบ

แทบจะทันทีทันใดคลื่นลาวาลูกโตก็ถาโถมเข้าใส่ฝั่งเบื้องหน้าอย่างแรง พร้อม ๆ กับการปรากฏตัวของมังกรแมกม่าที่พุ่งขึ้นสู่ผิวลาวาและว่ายเข้าสู่ฝั่งที่ผู้บุกรุกล่วงล้ำเข้ามา ลาวาไหลเจิ่งนองเผาไหม้พื้นที่กษัตริย์ซาดินและกองทหารยืนอยู่อย่างรวดเร็วจนต้องรีบก้าวถอยหนี มังกรร้ายร้องคำรามดังก้องพลางใช้หางฟาดใส่ลาวาไม่หยุด ลาวาร้อนจัดก็กระเซ็นขึ้นตกใส่กองทหารบริเวณนั้นราวกับห่าฝน ทั้งกองทัพต่างวิ่งหลบฝนลาวาอย่างชุลมุน เมื่อเจ้ามังกรร้ายหยุดสร้างฝนลาวาแล้ว เหล่าทหารก็วิ่งออกมาขว้างหอกและก้อนหินบริเวณนั้นใส่เจ้ามังกรเป็นการใหญ่ บ้างก็ส่งเสียงอึกทึกจนฟังไม่ได้ศัพท์ บ้างก็วิ่งไปมาหลอกล่อเจ้ามังกร มังกรแมกม่านั้นมัวแต่สาละวนกองทหารที่อยู่ตรงหน้าจนไม่ได้เฉลียวใจใด ๆ

บัดนี้กษัตริย์หนุ่มทรงปีนผนังถ้ำขึ้นไปจนอยู่สูงกว่ามันถึงสามเมตร ครั้นเมื่อเจ้ามังกรพุ่งตัวไปกัดนายทหารคนหนึ่งแล้วสะบัดหัวขึ้น กษัตริย์ซาดินก็ทรงกระโดดทิ้งตัวลงจากผนังใช้กระบองคู่กายแทงทะลุเข้าไปในดวงตาของมังกรร้าย เลือดสีแดงฉานพุ่งกระจายออกมาจากดวงตาเจ้ามังกร มันร้องคำรามเสียงดังสนั่นและสะบัดตัวไปมาอย่างแรง หางของมันกวาดเอาทหารบางส่วนตกลงไปในทะเลสาบลาวา พระองค์ยึดกระบองแน่นขาทั้งสองข้างเกี่ยวรัดส่วนหัวของเจ้ามังกรแมกม่าไว้แล้วก็เริ่มโยกกระบองไปมาอย่างแรง มันกู่ร้องคำรามก้องด้วยความเจ็บปวดพร้อม ๆ กับพยายามสะบัดหัวไปมาหวังให้ซาดินหลุดจากหัวของมัน แต่ยิ่งสะบัดแรงเท่าไหร่กษัตริย์ซาดินก็ยิ่งทรงรัดขาแน่นขึ้นเท่านั้น ซ้ำปากแผลก็ยิ่งฉีกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เลือดสดร้อนฉ่าไหลทะลักจนกระเซ็นเปรอะไปทั่วบริเวณนั้น ตามลำตัวก็เต็มไปด้วยบาดแผลอันเกิดจากการโจมตีอย่างไม่หยุดของเหล่าทหารที่อยู่เบื้องล่าง ฉับพลันมันก็บ่ายหัวลงกระโจนลงสู่ลาวาร้อนระอุ กษัตริย์ซาดินทรงรีบถีบตัวออกจากหัวของมันทันที เจ้ามังกรร้ายโถมตัวลงสู่พื้นลาวาเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดคลื่นลาวาลูกโตสาดซัดเข้าใส่ฝั่งอย่างแรงจนทำให้พื้นบริเวณริมฝั่งยุบตัวลงสู่ทะเลสาบลาวาอันร้อนระอุเป็นบริเวณกว้าง ลาวาร้อนจัดแตกกระเซ็นขึ้นสูงสู่อากาศเบื้องบนเกิดเป็นฝนลาวาอีกระลอก ทำให้กษัตริย์ซาดินและกองทัพต้องรีบหาที่กำบังเป็นการใหญ่

ครั้นแล้วเมื่อเจ้ามังกรแมกม่าพุ่งตัวขึ้นสู่ผิวลาวาอีกครั้ง กษัตริย์ซาดินและกองทหารถึงกับตกตะลึงเมื่อบัดนี้บาดแผลของเจ้าสัตว์ร้ายกลับสมานเป็นปกติมิเหลือร่องรอยที่เคยบาดเจ็บไว้เลย กองทหารต่างเข้าโรมรันเจ้ามังกรครั้งแล้วครั้งเล่า และทุกครั้งก็เป็นดั่งเช่นเดิม เพียงแค่เจ้ามังกรกระโจนลงลาวาบาดแผลก็หายเป็นบิดทิ้ง กษัตริย์ซาดินทรงมองเหล่าทหารที่เริ่มท้อและอ่อนกำลังลงเนื่องจากความเหนื่อยล้าและขาดอากาศหายใจ กษัตริย์หนุ่มรำพันเสียงเบา

“ข้าจะจัดการกับมันอย่างไรดี....”

ขณะที่พระองค์ทรงกำลังคิดหาวิธีที่จะกำจัดเจ้ามังกรร้ายอยู่นั้น พระเนตรก็พลันเหลือบไปเห็นดวงตาข้างที่พระองค์ได้ทิ่มทะลุด้วยกระบองคู่กาย ดวงตาข้างนั้นปิดสนิทหากแต่ไม่ได้มีเลือดไหลออกมา กษัตริย์ซาดินทรงค่อยๆยิ้มออกมาพลางนึกในใจว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter08 สมบัติล้ำค่าแห่งซาโลม @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ส.ค. 12, 2009 2:30 am

“หึหึ อ้ายมังกรเจ้าเล่ห์ ใช้ลาวาสมานแผลตามร่างกายมาหลอกข้า ลาวาสมานแผลได้แต่สร้างอวัยวะใหม่ไม่ได้ ทีนี้ล่ะดูสิว่าเจ้าจะหลอกข้าได้อีกไหม”

กษัตริย์ซาดินทรงรีบวิ่งไปทางด้านขวาของเจ้ามังกรที่ดวงตาปิดสนิท ทรงรีบปีนผนังถ้ำขึ้นไปอีกครั้ง กษัตริย์หนุ่มทรงยืนรอจังหวะอยู่บนแง่งหินก้อนไม่ใหญ่นัก พระเนตรจับจ้องความเคลื่อนไหวของเจ้ามังกรร้ายไม่วางตา เพียงไม่กี่อึดใจพระองค์ก็ทรงลงจากแง่งหินอย่างเร็ว ทรงใช้กระบองแทงเข้าไปยังดวงตาอีกข้างหนึ่งของมังกรแมกม่าอย่างแรง ทันใดนั้นก็มีลาวาร้อนระอุสีแดงเข้มพุ่งออกมา กษัตริย์ซาดินทรงรีบชักกระบองออกเหวี่ยงองค์ลงจากหัวของมันทันที เจ้ามังกรแมกม่าบิดตัวไปมาทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ด้านกษัตริย์ซาดินเมื่อทรงลงสู่พื้นก็ต้องหอบหายใจอย่างแรง เนื่องว่ากลิ่นกำมะถันที่รุนแรงจนแทบไม่มีอากาศหายใจ กระบองคู่กายถูกลาวาจากดวงตาของเจ้ามังกรแมกม่าจนละลายไปส่วนหนึ่ง พระองค์ทรงมองดูมังกรร้ายที่ค่อย ๆ สิ้นฤทธิ์หมดแรงไปอย่างช้า ๆ พลางโบกพระหัตถ์ขึ้นเรียกรวมพลทหารอีกครั้งซึ่งบัดนี้เหลือเพียงห้าสิบเจ็ดคนเท่านั้น

ร่างไร้ลมหายใจของมังกรแมกม่าทอดตัวยาวพาดไปถึงเกาะกลางทะเลสาบลาวา กษัตริย์ซาดินทรงใช้กระบองกดร่างของเจ้ามังกรเพื่อคะเนน้ำหนัก จากนั้นก็รับสั่งให้นายทหารคนหนึ่งลองลงไปยืนทดสอบดู ร่างของเจ้าสัตว์ร้ายจมลงเพียงเล็กน้อย กษัตริย์ซาดินจึงทรงสั่งทหารทีละสองนายวิ่งไปตามลำตัวของมังกรจนไปถึงเกาะกลางทะเลสาบลาวา

ณ เกาะมหาสมบัติกลางทะเลสาบลาวานี้มีสมบัติเพชรนิลจินดามากมายวางกองอยู่ เหล่าทหารต่างกระโดดโลดเต้นยินดีบ้างก็ยืนตะลึงงันเนื่องว่ามิเคยเห็นสมบัติมากมายเช่นนี้มาก่อน กษัตริย์ซาดินทรงกวาดเนตรมองสมบัติล้ำค่าสีพระพักตร์เรียบเฉย หากแต่แววเนตรก็มีประกายแห่งความยินดีฉายอยู่ แต่แล้วพระองค์ก็สะดุดอยู่ที่หีบทองคำใบเล็กจิ๋วที่ประดับด้วยเพชรสีแดงสดมีกุญแจสีทองดอกเล็ก ๆ ดอกหนึ่งเสียบคาอยู่ที่รูกุญแจนั้น ที่พื้นมีรอยลากเส้นด้วยวัตถุมีคมลากผ่านใต้กล่องยาวเป็นเส้นกั้นระหว่างกองทัพและสมบัติ

“น่าแปลกนัก หีบขนาดแค่อุ้งมือใยจึงดึงดูดสายตาเราถึงเพียงนี้”

กษัตริย์แห่งซาโลมทรงส่งสัญญาณให้เหล่าทหารทำการขนย้ายสมบัติ หากแต่พระเนตรยังคงจับจ้องอยู่ที่หีบเล็ก ๆ นั้น เหล่าทหารก็ทยอยเดินเข้าไปใกล้สมบัติ แต่แล้วจู่ ๆ นายทหารหน้าแถวประมาณแปดนายที่เพิ่งจะก้าวเท้าผ่านเส้นแบ่งเขตนั้นก็หยุดชะงักพลางค่อย ๆ หมุนตัวเดินไปทางเจ้าหีบใบเล็กนั้นราวกับถูกสะกด

เหล่าทหารก็ถอยกลับออกมาเว้นแต่นายทหารแปดนายนั้นที่ยังคงเดินต่อไปไม่ฟังเสียง นายทหารคนหนึ่งค่อย ๆ ก้มลงหยิบหีบใบจิ๋วนั้นขึ้นมา มือสั่นเทาค่อย ๆ บิดลูกกุญแจเปิด ทันใดนั้นก็มีกลุ่มควันพวยพุ่งออกจากหีบอย่างรวดเร็ว ปรากฏเป็นร่างของอินเฟอร์นอส(Infernos)ถือเคียวเพลิงลอยอยู่เหนือพวกเขา ปากของมันอ้ากว้างมีเสียงหัวเราะดังสลับผสมปนเปกับเสียงสวดร่ายมนต์ดังกังวานออกมาก่อนที่มันจะสลายตัวไปกับกลุ่มควัน เมื่อกษัตริย์ซาดินทรงได้ยินเสียงร่ายมนต์นั้นในใจก็เกิดฮึกเหิมขึ้นทันที หัวใจเต้นเร็วและแรงขึ้นเรื่อย ๆ นายทหารทั้งแปดก็เริ่มหัวเราะและเต้นเร่า ๆ ราวกับคลุ้มคลั่ง กษัตริย์ซาดินจึงทรงรีบใช้พระเนตรอุดพระกรรณพลางตะโกนสุดเสียง

“อย่าฟัง!! มันคือคำสาป รีบปิดหูซะ”

บรรดาทหารเมื่อได้ยินดังนั้นต่างก็รีบอุดหูเป็นการใหญ่ เว้นเสียแต่นายทหารทั้งแปดซึ่งอยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินเสียงตะโกนของกษัตริย์ซาดิน ทั้งแปดต่างกระโดดโลดเต้นอย่างบ้าคลั่งพลางชักดาบออกมาฟาดฟันใส่กันเองอย่างไม่รู้จักเจ็บปวด อีกนายก็พุ่งเข้าฟาดฟันใส่นายทหารคนอื่น ๆ ที่อยู่บริเวณนั้นอย่างชุลมุน ในขณะที่นายทหารอีกนายก็พุ่งเข้าไปหากษัตริย์ซาดินโดยกวัดแกว่งดาบในมือไปมาอย่างน่ากลัว พระองค์ทรงยกกระบองขึ้นฟาดนายทหารเต็มแรงจนลอยละลิ่วตกสู่ทะเลลาวาร้อนระอุทันที กษัตริย์หนุ่มทรงมุ่งตรงไปยังนายทหารบ้าคลั่งที่เหลือแล้วใช้กระบองฟาดให้ตกลาวาไปคนแล้วคนเล่า ในขณะที่ทหารต้องคำสาปบางคนก็ตาเหลือกถลนชักดิ้นชักงอจนตายไปเอง เมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้วกษัตริย์ซาดินจึงทรงรับสั่งให้เริ่มทำการเคลื่อนย้ายสมบัติอีกครั้ง

ระหว่างที่เหล่าทหารกำลังโกยสมบัติใส่หีบกันอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เกิดแผ่นดินไหวอย่างแรง หินก้อนโตหลายก้อนร่วงลงมาราวกับเพดานถล่ม จนเมื่อแรงสั่นสะเทือนสงบลงก็ปรากฏว่าซากเจ้ามังกรใหญ่บัดนี้ถูกหินทับจนจมลาวาไปเสียแล้ว ในขณะที่ทางตรงข้ามมีกองหินที่ร่วงลงมาจากเพดานทับถมกันจนเกิดเป็นทางเดินยาวไปยังลานกว้างอีกฟากหนึ่ง เหล่าทหารต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความรู้สึกกลัวที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยกลัวว่าจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านี้ แต่กษัตริย์ซาดินกลับทรงมองไปยังหนทางเบื้องหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน พลางโบกพระหัตถ์เป็นสัญญาณเคลื่อนทัพทันที

กษัตริย์แห่งซาโลมเสด็จนำกองทัพสู่ทางใหม่อย่างมาดมั่นในพระหัตถ์มีคบเพลิงเวทย์ที่ขณะนี้ลุกสว่างอย่างโชติช่วง ทางใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ไม่สลับซับซ้อนเหมือนทางที่เข้ามาสักนิดเดียว ทั้งยังมีบรรยากาศไม่ร้อนอบอ้าวมากเท่าไหร่นัก เหล่าทหารจึงเริ่มมีกำลังใจมากขึ้น เมื่อเดินมาได้ระยะหนึ่งกษัตริย์ซาดินก็ทรงเห็นแสงสว่างเจิดจ้าเป็นลำแสงทอดตัวยาวอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก

“นั่น… ทางออก”

บรรดานายทหารข้างหลังก็เริ่มกระซิบกระซาบบอกกันด้วยความยินดี ต่างเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอกถ้ำเสียที ด้านกษัตริย์ซาดินก็ทรงก้าวขาเร็วขึ้นเช่นกันหากแต่สีพระพักตร์กลับฉายแววสงสัยครุ่นคิด ทรงพึมพำเสียงเบา
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter08 สมบัติล้ำค่าแห่งซาโลม @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ส.ค. 12, 2009 2:31 am

“แปลกจริง ทำไมไม่รู้สึกถึงลมสักวูบเลย?”

กษัตริย์ซาดินทรงก้าวเท้าผ่านแสงเจิดจ้านั้นออกไป พระเนตรหรี่เล็กพยายามปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่าง ทันใดนั้นกษัตริย์หนุ่มก็ตะโกนสั่งกองทหารที่ยังอยู่ในอุโมงค์ให้หยุดเคลื่อนทัพทันที พระองค์มิได้ออกมาสู่นอกถ้ำหากแต่เข้ามาอยู่ในโถงถ้ำขนาดใหญ่ที่มีฝูงหนูไฟ(Firat) จำนวนนับแสนตัวอาศัยอยู่เต็มห้องโถงนั้นจนโถงถ้ำนั้นสว่างไสวไปด้วยเปลวไฟของพวกมัน กษัตริย์ซาดินทรงตกอยู่ในวงล้อมของหนูไฟจำนวนมหาศาล อุณหภูมิในห้องสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นร้อนระอุดังอยู่ในไฟนรก พวกมันค่อย ๆ ล้อมกรอบกษัตริย์ซาดินเข้ามาเป็นวงแคบลงเรื่อย ๆ เหล่าทหารต่างตกตะลึงกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า บางคนพอตั้งสติได้ก็รีบวิ่งออกมาช่วยนายของตน แต่เพียงแค่วิ่งฝ่ากองทัพหนูไฟไปได้แค่สี่ห้าก้าวก็ถูกฝูงหนูไฟตรงเข้าจู่โจม พวกมันเกาะอยู่เต็มตัวจนมองไม่เห็นเค้าร่างเดิม บัดนี้นายทหารเคราะห์ร้ายถูกฝูงหนูไฟขนาดใหญ่รุมโจมตี จะได้ยินก็เพียงแต่เสียงร้องโหยหวนที่ค่อยเงียบเสียงลง แค่นาทีเดียวทหารที่เข้ามาช่วยก็ไหม้เป็นจุลจนแทบไม่เหลือแม้แต่กระดูก

หนูไฟตัวจ้อยซึ่งเมื่ออยู่เพียงลำพังกลางทะเลทรายก็เป็นเพียงเหยื่ออันโอชะของบรรดาสัตว์ใหญ่ หากแต่เมื่อรวมกันอยู่เป็นฝูงใหญ่นับแสนตัวเช่นนี้ก็กลับกลายเป็นดั่งพญามังกรไฟแสนร้ายกาจที่ยากจะต่อกร กษัตริย์ซาดินทรงใช้กระบองฟาดใส่บรรดาหนูไฟครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักหมดจักสิ้น หนูไฟบางตัวก็กระโดดกัดตามแขนขาที่โผล่พ้นชุดเกราะออกมา ความร้อนจากบรรดาหนูไฟยิ่งเพิ่มอุณหภูมิให้ชุดเกราะจนแทบจะกลายเป็นเหล็กร้อนลนไฟ ลวกผิวเนื้อของพระองค์จนแสบร้อน

ทันใดนั้นกษัตริย์หนุ่มก็ทรงแว่วยินเสียงฝูงหมาเห่าหอนมาแต่ไกล เสียงโซ่ลากกับพื้นดังสนั่น บรรดาหนูไฟเริ่มส่งเสียงร้องวิ่งไปมาอย่างระส่ำระสาย แทบจะทันทีก็มีสัตว์ร่างใหญ่กระโดดข้ามผ่านกษัตริย์ซาดินไป เสียงเห่าคำรามดังสนั่น เซเบอรัส(Cerberus) หมาสามหัวขนาดใหญ่ยักษ์ที่เฝ้าปากประตูนรก มันตรงเข้ากัดหนูไฟตัวแล้วตัวเล่า หัวทั้งสามของมันไล่กัดหนูไฟอย่างไม่กลัวความร้อนจากเปลวเพลิง บรรดาหนูไฟต่างรุมกัดเกาะเจ้าหมาสามหัวจนแทบจะมองไม่เห็นตัว หากแต่ไฟไม่อาจทำอันตรายใด ๆ ให้มันต้องระคายผิว เพียงมันสะบัดตัวหนูไฟก็กระเด็นไปตัวละทิศละทาง กษัตริย์ซาดินซึ่งบัดนี้ไม่มีหนูไฟมาคอยทำร้ายเนื่องจากบรรดาหนูไฟต่างหันไปโจมตีใส่เจ้าเซเบอรัสแทน พระองค์ทรงได้รับบาดเจ็บจากเปลวไฟพอสมควรแต่ไม่เป็นอะไรมากนัก

“น่าแปลก เซเบอรัสไม่น่าจะอยู่บนโลกมนุษย์ ทำไมมันมาอยู่ในที่นี้ได้?”

กษัตริย์หนุ่มทรงหันพระพักตร์ไปทางที่เจ้าหมายักษ์สามหัวกระโดดเข้ามา ที่ด้านบนเหนืออุโมงค์ที่พระองค์เข้ามานั้นยังมีอีกอุโมงค์หนึ่งซึ่งที่ปากอุโมงค์นั้นมีวงเวทย์เรืองแสงลอยเด่นอยู่ ที่ด้านหลังวงเวทย์นั้นมีบุรุษลึกลับผู้หนึ่งยืนอยู่ในเงามืด มีเพียงแค่ประกายจากลูกแก้วบนไม้เท้าเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเป็นพ่อมด เขาโค้งตัวเล็กน้อยในเงามืดก่อนที่จะชี้มือไปยังฝากตรงข้าม กษัตริย์ซาดินทรงหันพระพักตร์ไปตามทิศทางนั้นก็ได้พบอุโมงค์เล็ก ๆ อุโมงค์ซึ่งเมื่อครั้งเข้ามาพระองค์ไม่ทันได้สังเกตเห็น กษัตริย์ซาดินทรงรู้สึกว่าห้องเริ่มมืดลงเรื่อย ๆ รวมทั้งอุณหภูมิในห้องก็เริ่มเย็นลงด้วย พระองค์จึงทรงหันไปดูเจ้าหมาสามหัวอีกครั้งซึ่งตอนนี้แทบเท้าทั้งสี่ของมันมีซากหนูตายเป็นจำนวนมาก ในปากทั้งสามยังมีหนูไฟหลายตัวที่ไฟค่อยหรี่ลงจนดับไปในที่สุด

บัดนี้ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความมืดมิดอีกครั้ง มีเพียงแสงจากคบเพลิงเวทย์ที่ตกอยู่ที่พื้นและคบเพลิงอีกสองสามอันของบรรดากองทหารที่ยังเหลืออยู่ กษัตริย์ซาดินทอดพระเนตรเห็นเงาดำทะมึนของเจ้าเซเบอรัสกระโจนขึ้นไปทางอุโมงค์ด้านบนที่เขาเห็นบุรุษลึกลับผู้นั้นยืนอยู่ ซึ่งขณะนี้ไม่มีใครอยู่ที่นั้นอีกแล้ว พระองค์เสด็จไปหยิบคบเพลิงปลุกเสกขึ้นมาพลางสำรวจกองทัพที่เหลืออีกครั้ง ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังอุโมงค์เล็กๆนั้น

ไม่นานนักกษัตริย์ซาดินและกองทัพที่เหลือก็สามารถออกมาจากถ้ำวงกตได้ เหล่าทหารที่เหลืออยู่ต่างช่วยกันลำเลียงสมบัติขึ้นรถลากที่เตรียมไว้ ซึ่งสมบัติที่นำออกมานั้นต้องใช้รถลากถึงห้าสิบเจ็ดคัน และแล้วกษัตริย์ซาดินก็ทรงนำกองทัพกลับซาโลมอย่างสมเกียรติโดยเก็บความสงสัยในตัวบุรุษลึกลับไว้ในพระทัย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)


ย้อนกลับไปยัง Summoner Novel

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน

cron