Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ เม.ย. 19, 2024 6:58 am

หน้าเว็บบอร์ด Wiser Summoner Novel @@ นิยายSMN Epi8 Chapter6 เมื่อหิมะละลาย @@

อ่านนิยาย Summoner Master Episodeต่าง ๆ ได้ที่นี่

Moderator: Jinger Ginger


@@ นิยายSMN Epi8 Chapter6 เมื่อหิมะละลาย @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ส.ค. 12, 2009 2:11 am

Chapter6 เมื่อหิมะละลาย



ที่กราบเรือด้านหน้าซึ่งประดับประดาด้วยบรรดาดอกไม้สีขาวสะอาดตาและริ้วธงหลากสี รูปปั้นของนางไซเรน(Siren)ที่อยู่ตรงหัวเรือนั้นถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยเครื่องประดับนานาชนิดราวกับเป็นคนจริง ๆ นกทะเลนับร้อยตัวบินวนเวียนเหนือผืนน้ำสีฟ้าอมเขียวดูช่างเป็นภาพที่สวยงามดุจภาพวาดของจิตรกรเอกก็ไม่ปาน

ราชองครักษ์อองเดร ยังคงยืนอย่างมั่นคงองอาจสายตามองออกไปยังท้องทะเลไกลโพ้น ผ้าพันคอผืนขาวพริ้วไสวตามแรงลมดูงามสง่าระหว่างกวาดสายตาตรวจดูความเรียบร้อย พลางก็คิดทบทวนอดีตที่ผ่านมา อดีตที่เขาไม่มีวันลืม อดีตที่เปลี่ยนแปลงเป้าหมายในชีวิตของเขา และอดีตที่นำพาเขามา ณ จุดนี้ จากเด็กกำพร้าที่ถูกนายทหารเก็บมาเลี้ยง แต่ไม่ใช่การให้ความรักเยี่ยงบุตร เขากลับถูกเลี้ยงดูให้เป็นทหาร ถูกสอนให้อยู่แต่ในกฎระเบียบที่เข้มงวด ให้รับรู้หน้าที่อันสูงสุดคือการจงรักภักดีต่อประเทศชาติและราชวงศ์ ไม่รู้จักความหมายอื่นใด และไม่มีเป้าหมายใดในชีวิต...

ครั้งนั้นเมื่อสัตว์ประหลาดอมาดิลลอน(Armadillon) ห้าตัวพลัดหลงเข้ามาในเขตที่อยู่อาศัยแถบชานเมือง ชาวแอนดิซอง ต่างหนีเอาชีวิตรอดกันจ้าละหวั่น ทหารราบสองกองร้อยได้รับคำสั่งให้ทำการขับไล่อมาดิลลอนและทำการช่วยเหลือชาวบ้านทันที เหล่าทหารต่อสู้กับอมาดิลลอนอย่างดุเดือด ฝูงอมาดิลลอนที่ตกใจกับเสียงกรีดร้องของชาวบ้านและอาวุธที่เหล่าทหารพุ่งเข้าใส่ พวกมันจึงอาละวาดหนัก เข้าฟาดฟันใส่ทหารอย่างบ้าคลั่ง กว่าจะปราบเหล่าอมาดิลลอนลงได้ก็ใช้เวลาถึงสองชั่วโมง มีทหารบาดเจ็บหลายสิบนาย พยาบาลและคณะซิสเตอร์ต่างก็ออกช่วยเหลือทหารและชาวบ้านอย่างรวดเร็ว พลทหารอองเดรซึ่งขณะนั้นอายุเพียงสิบเจ็ดปียังเป็นเพียงทหารราบชั้นผู้น้อย และไม่เคยเผชิญหน้ากับการต่อสู้จริงมาก่อน ภารกิจแรกของทหารใหม่ หากศึกแรกได้รับชัยชนะนั่นหมายถึงการสอบผ่านการเป็นนักรบที่แท้จริง แต่หากได้รับความพ่ายแพ้ นั่นย่อมหมายถึงความล้มเหลวแห่งการฝึกฝนอันยาวนาน และยิ่งกับพลทหารใหม่ มันช่างไม่ต่างกับมดปลวกที่แค่ออกไปตายอย่างไร้ค่าเท่านั้น แม้นายทหารอองเดรจะมีความตั้งใจเต็มเปี่ยมแต่ทว่าความอ่อนประสบการณ์ และโชคที่ไม่เข้าข้าง เขาพลาดพลั้งถูกผลึกน้ำแข็งของอมาดิลลอนแทงทะลุสีข้างบาดเจ็บสาหัส และก่อนที่เจ้าอมาดิลลอนยักษ์จะตรงเข้าสังหารเขา นายกองก็ได้เข้าสังหารเจ้าสัตว์ร้ายบ้าคลั่งเสียก่อนที่มันจะสังหารเขา แต่มิใช่เพื่อช่วยเหลือเขาหากเพียงแค่เข้าฉวยจังหวะเมื่อเจ้าสัตว์ร้ายมัวสะใจกับเหยื่อตรงหน้าเท่านั้น นายทหารชั้นเลวนอนรอความตายด้วยความเจ็บปวดทั้งใจและกายอย่างแสนสาหัสเคียงข้างซากเจ้าสัตว์ยักษ์โดยไม่มีใครใส่ใจ สภาพของทหารยศต่ำสุดนอนจมกองเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุดคงจะถูกมองว่าเกินเยียวยา การรักษาย่อมมีให้แก่ผู้ที่ยศสูงกว่าและผู้ที่พอมีหวังรอดมากกว่า พลทหารหนุ่มใช้เรี่ยวแรงที่มีอยู่น้อยนิดยันกายขึ้นนั่งพิงซากเจ้าสัตว์ยักษ์ขนปุย หอบหายใจรวยริน เพื่อจะบอกว่าเขายังมีแรงพอจะลุกได้ เขายังไม่ตาย แต่ภาพเบื้องหน้าคงมีแต่การวิ่งวุ่นของเหล่าทหารที่แบกร่างของเพื่อนที่บาดเจ็บ ภาพของเหล่านักบวชจำนวนน้อยนิดที่พยายามใช้พลังรักษาทหารบาดเจ็บนับสิบที่ร้องครวญคราง บางคนหันมามองเขาแต่เมื่อพิจารณาได้สักพักก็ส่ายหน้า ก่อนเดินผละจากไปรักษาผู้อื่น

‘เราคงต้องตายแบบนี้แน่..........’ พลทหารอองเดรคิดในใจ

เขาไม่ใช่คนจำพวกที่จะร้องขอชีวิตหรือร้องขอความช่วยเหลือ เพราะเขาคิดว่าหากการร้องขอนั้นถูกปฎิเสธคงเป็นความอัปยศอย่างที่สุด ความหดหู่ใจและความสิ้นหวังได้ทำให้เขาเลือกทางที่จะตายอย่างทรนง คงจะเป็นเพียงสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาจำต้องเลือกยอมรับในขณะนี้

ระหว่างที่ตัดสินใจนั่งรอความตายที่กำลังก้าวกระชั้นเขาเข้ามาอย่างช้า ๆ เขาก็รู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งจับจ้องเขาอยู่ เขารีบหันไปยังทิศทางนั้นทันที ชั่วขณะนั้นใจของเขาก็หล่นวูบตกประหม่าในทันใดเมื่อเห็นเจ้าหญิงน้อยอลาน่าทรงยืนขมวดคิ้วจ้องมองบาดแผลของเขาอยู่

“พระอาญามิพ้นเกล้า..... ทรงเสด็จมาทำอะไรที่นี่ ที่นี่อันตรายมาก.... พระองค์”นายทหารกล่าวเสียงแผ่ว

อลาน่าน้อยทรงเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ยิ้มจนดวงเนตรเล็กหยีตรัสว่า “ฉันมากับซิสเตอร์โรซาน่าจ้ะ ซิสเตอร์มาช่วยคนบาดเจ็บ ซิสเตอร์อยู่ตรงนู้น” เจ้าหญิงน้อยทรงชี้พระหัตถ์ไปอีกฟากของถนน เขาจึงเห็นแม่ชีรูปหนึ่งกำลังใช้พลังรักษาทหารที่บาดเจ็บนายหนึ่งอยู่ น้อยทรงหันพระพักตร์กลับมา คิ้วน้อย ๆ ขมวดกันอีกครั้ง แววเนตรแสดงออกซึ่งความห่วงใย

“คุณทหารก็บาดเจ็บเหมือนกัน คุณทหารท่าทางเจ็บมากนะจ๊ะ เดี๋ยวฉันจะรักษาให้ ฉันรักษาเป็นนะ ฉันเห็นซิสเตอร์ทำบ่อย ๆ ” ว่าแล้วเจ้าหญิงน้อยก็ทรงรีบเอาพระหัตถ์แตะที่บาดแผลของเขา ทหารหนุ่มตกใจเป็นกำลังรีบเขยิบออกห่าง ความเจ็บปวดแล่นแปล๊บจากบาดแผลจนเขาชะงักค้าง คิ้วขมวดเกร็งกัดฟันแน่น ก่อนจะกล่าวเสียงแหบพร่า

“องค์หญิง...... กระหม่อม.......จะทำให้พระหัตถ์สกปรก.........”

บุรุษผู้ถูกสอนมาชั่วชีวิตว่าประเทศชาติและราชวงศ์สำคัญยิ่งชีพ ณ บัดนี้เบื้องหน้าเขาคือเจ้าชีวิตผู้สูงส่งเทียมฟ้า ทรงเอียงพระเศียรเกิดความสงสัยในแววเนตร ก่อนจะทรงขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม

“ไม่สกปรกหรอกจ้ะ แต่คุณทหารอย่าขยับอีกนะ คุณทหารต้องเจ็บมากแน่ ๆ ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ ฉันจะพยายามช่วยอย่างเต็มที่”
พระหัตถ์น้อย ๆ ของเจ้าหญิงเอื้อมมาจับที่ไหล่อันอ่อนแรง พร้อมกับทรงยิ้มอย่างอ่อนโยน พระหัตถ์นั้นลูบที่หัวไหล่อย่างแผ่วเบา ความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาในจิตใจของพลทหารผู้สิ้นหวัง

“ทำใจดี ๆ ไว้นะจ๊ะ อดทนไว้นะจ๊ะ”

เสียงอันอ่อนโยนกับพระหัตถ์ที่อบอุ่น ทำให้พลทหารหนุ่มเกิดความรู้สึกเหมือนมีความอบอุ่นอ่อนโยนอย่างประหลาดไหลซ่านเข้ามายังร่างกายและจิตใจ ความเจ็บปวดเริ่มคลายลง ดวงตาสีฟ้าจางๆ ของเขาคลอไปด้วยน้ำตา

เจ้าหญิงน้อยทรงยิ้มอย่างเมตตา คุกเข่าลงเคียงข้าง เลื่อนพระหัตถ์มาที่บาดแผลของเขา เลือดที่ไหลออกมาโดนอาภรณ์ล้ำค่าของเจ้าหญิง พระหัตถ์นุ่มเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดและคราบดิน เจ้าหญิงน้อยทรงหลับเนตร ความสว่างสดใสอันอบอุ่นดูเหมือนกับแผ่ออกมาจากร่างบอบบางนั้น แต่ด้วยวัยเพียงหกชันษาเจ้าหญิงน้อยจึงมิอาจคงพลังแห่งการรักษาไว้ได้ แสงจึงค่อย ๆ จางลงไป
“แย่จริง คงต้องลองใหม่ ขอโทษนะจ๊ะ ฉันเองเพิ่งเคยลองทำจริง ๆ ครั้งแรก”

เจ้าหญิงทรงยิ้มก่อนจะทรงหลับเนตรลงอีกครั้ง แต่ทว่าคราวนี้ ก็ไม่ต่างจากครั้งแรก เจ้าหญิงทรงขมวดคิ้วน้อย ๆ มองหน้านายทหารหนุ่มอีกอย่างเป็นห่วงเป็นใย ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งแสงสว่างและพลังอันอบอุ่น ดูจะไหลผ่านเข้ามาในร่างที่บาดเจ็บนั้นแต่เพียงชั่วครู่ก็จางลงอีกครั้ง แต่คราวนี้เจ้าหญิงไม่ทรงลืมตาขึ้นหากแต่เริ่มตั้งสมาธิใหม่ทันที แสงสว่างสดใสขึ้นมาก่อนจะจางลง และเริ่มสว่างอีก
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter6 เมื่อหิมะละลาย @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ส.ค. 12, 2009 2:12 am

อองเดรรู้สึกว่ามีพลังอันอบอุ่นแผ่เข้ามาหาเขาเป็นระยะ ๆ หากแต่มันไม่มากเพียงพอที่จะรักษาบาดแผลฉกรรจ์นั้นได้ ความบาดเจ็บคลายลงเล็กน้อยแต่เลือดยังคงไหลออกมา เมื่อเขาสังเกตเห็นเหงื่อเม็ดน้อยๆผุดขึ้นบนหน้าผากกลมเนียนไหลลงมาที่คิ้วยาวบางซึ่งขมวดอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ ทันทีที่แสงจางลงเจ้าหญิงทรงลืมเนตรขึ้นหอบหายใจน้อย ๆ เมื่อพระองค์ทรงเงยหน้าขึ้นมองไปยังใบหน้าทหารหนุ่ม พระองค์ก็ทรงเห็นใบหน้านั้นเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลเป็นทาง ปากที่สั่นเทา พยายามพูดบางสิ่งบางอย่างด้วยเสียงที่ตะกุกตะกักแต่ไม่ใช่มาจากอาการบาดเจ็บ หากแต่มาจากการพยายามกลั้นการสะอื้นไห้

“พระ...พระอาญามิพ้นเกล้า.......พระองค์เป็นเจ้าชีวิต.... โปรดอย่างทรงลำบาก.....เพื่อกระหม่อมอีกเลย.....กระหม่อมเป็นแค่พลทหาร.......... ทุกคนปล่อยให้กระหม่อมตายแล้ว........... เจ้าหญิง.......กระหม่อมไม่อาจรับพระกรุณา....เพียงนี้........ โปรดอย่าให้กระหม่อมต้องตายพร้อมความรู้สึกผิด.........”

เจ้าหญิงน้อยทรงหน้าเศร้า ดึงผ้าเช็ดหน้าลูกไม้ที่ถักทอด้วยลวดลายสวยวิจิตรออกเช็ดน้ำตาให้ พลทหารตกใจยกมือขึ้นห้าม น้ำตากลับไหลมากกว่าเดิม

“โปรดเถิด..........กระหม่อมมิอาจรับได้”

เจ้าหญิงทรงเอื้อมพระเนตรน้อย ๆ ขึ้นจับมือที่ปัดป้องนั้น

“ฉันสงสารคุณทหารเหลือเกิน ฉันมาเพิ่มความทุกข์ให้คุณทหารหรือเปล่า?”

อองเดรรีบส่ายหน้า เจ้าหญิงอลาน่าน้อยจึงทรงตรัสต่อด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงเป็นใย

“ถ้าฉันเป็นเจ้าชีวิตจริง ฉันคงสามารถสั่งไม่ให้คุณทหารต้องตาย แต่ว่ามีเพียงพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นที่จะทรงกำหนดชีวิตมนุษย์ได้ และเราจะอยู่ต่อไปได้หรือไม่ก็ด้วยพระเมตตาของพระองค์......”

เจ้าหญิงทรงกุมมือพลทหารแน่นขึ้น

“ฉันเชื่อว่าพระเจ้าจะไม่ละทิ้งผู้มีความพยายาม และผู้ที่วางใจในพระองค์ ฉันเองก็จะพยายามช่วยคุณทหาร คุณทหารเองก็ต้องพยายามที่จะมีชีวิตอยู่ ถ้าเราทั้งสองต่างพยายามอย่างมุ่งมั่น คุณทหารคิดว่าพระเจ้าจะทรงทนเมินเฉยไม่เมตตาต่อเราเชียวหรือจ๊ะ และถ้าคุณทหารต้องตายต่อหน้าฉันโดยที่ฉันไม่อาจช่วยอะไรได้ ฉันจะเสียใจมาก........”

อองเดร นิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ ก่อนกล่าวทูลอย่างตื้นตัน

“หากเป็นพระประสงค์ขององค์หญิง... กระหม่อมจะพยายามมีชีวิตอยู่”

เจ้าหญิงทรงยิ้มอย่างอ่อนโยนเหมือนนางฟ้าองค์น้อย ๆ เลื่อนพระหัตถ์สัมผัสบาดแผลอีกครั้ง และทรงหลับเนตรลง แสงสว่างที่สดใสค่อย ๆ สว่างขึ้น.......

หลังจากซิสเตอร์โรซาน่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นให้กับทหารจนหน่วยแพทย์ทหารและพยาบาลมาถึง ก็ออกตามหาเจ้าหญิงอลาน่า นักบวชหญิงพยายามหาอย่างไรก็ไม่เจอ จนกระทั่งสังเกตเห็นแสงที่สว่างออกมาเป็นระยะ ๆ ใกล้ซากอมาดิลลอน เธอรีบเข้าไปดู และก็พบทหารที่อาการสาหัสเอนหลังพิงซากของมัน รวมทั้งเจ้าหญิงอลาน่าที่กำลังใช้พลังทำการรักษาอยู่ ซิสเตอร์ตกใจจนร้องออกมา

“เจ้าหญิง ทรงทำอะไรอยู่เพคะ?”

เจ้าหญิงทรงลืมเนตรขึ้นมอง หายใจอย่างเหนื่อยอ่อน “ซิสเตอร์มาแล้ว ซิสเตอร์คะ ช่วยคนนี้ด้วยค่ะ”

ซิสเตอร์โรซาน่า เข้ามาดูอาการนายทหาร แล้วกล่าวอย่างตกใจ “อาการสาหัสมาก........ นี่เธอทนอยู่ในสภาพนี้ได้นานขนาดนี้ได้อย่างไร? ปาฎิหารย์แท้”

“ซิสเตอร์ช่วยเขาได้มั้ยคะ?” เจ้าหญิงตรัสถามอย่างเหนื่อยอ่อน

ซิสเตอร์โรซาน่า หันมาทางเจ้าหญิง ทูลถามด้วยความตกใจ “เจ้าหญิงทรงใช้พลังการรักษาได้อย่างไรกันเพคะ? แล้วเจ้าหญิงทรงรักษาอยู่นานแค่ไหนแล้ว?”

“ตั้งแต่เรามาถึงค่ะ” เจ้าหญิงตรัสตอบ

“นั่นนานมากนะเพคะ นี่เขาทนอยู่นานขนาดนี้.............. แล้วพระองค์ทรงทราบมั้ยเพคะว่าการใช้พลังรักษาแบบนี้ต้องใช้พลังชีวิตของคนที่รักษาเข้าช่วย ผสมผสานกับพลังอันศักดิ์สิทธิ์จากสวรรค์ ถ้าไม่ใช่ผู้ฝึกฝนมานานปี หรือมีพระพรพิเศษอย่างหม่อมฉัน ร่างกายจะทนรับไม่ได้เกินครึ่งชั่วโมงนะเพคะ แต่นี่เกือบสามชั่วโมงเชียวนะเพคะ”

“ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ ซิสเตอร์รีบช่วยเขาก่อนเถิด”เจ้าหญิงตรัสตอบพร้อมยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อน

ซิสเตอร์โรซาน่าคิดอยู่ชั่วครู่แล้วจึง กล่าวแก่พลทหารที่นอนอยู่ “อาการขนาดนี้ต้องใช้พลังจากเบื้องบนเข้าเสริมมากเป็นพิเศษ แต่สภาพร่างกายคุณบอบช้ำมาก ฉันเกรงจะรับไม่ไหว”

“ผมไม่ยอมตายครับซิสเตอร์ เพราะเจ้าหญิงทรงบอกไม่ให้ผมตาย”เจ้าหญิงทรงยิ้มให้อองเดรอย่างอ่อนโยน
ทันใดนั้นเขารู้สึกถึงพลังมหาศาลที่หลั่งไหลเข้ามาในตัวเขาอย่างเฉียบพลัน ก่อนสติจะดับวูบลง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter6 เมื่อหิมะละลาย @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ส.ค. 12, 2009 2:13 am

พลทหารอองเดรรู้สึกรำคาญเมื่อมีเสียงผึ้งมาบินอยู่ในหูของเขา เขาพยายามยกมือขึ้นปัดมันออกไปแต่แขนเขากลับอ่อนปวกเปียกราวกับไม่มีกล้ามเนื้อ เขาพยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แสงสว่างที่แทรกตัวผ่านเปลือกตาของเขาเข้ามาทำให้เขาแสบตาจนต้องกระพริบตาอยู่หลายครั้ง เวลานี้เขารู้แล้วว่าเสียงที่ได้ยินนั้นไม่ใช่ผึ้ง หากแต่เป็นเสียงพูดคุยของกลุ่มคนที่อยู่ใกล้ ๆ กับเตียงที่เขานอนอยู่ เขามองไปรอบ ๆ จึงได้รู้ว่าเขาอยู่บนเตียงคนไข้ในสถานพยาบาลของกองทัพนั่นเอง เขายังรู้สึกเพลียอยู่จึงคิดว่าจะหลับต่ออีกสักหน่อยก็พอดีว่าเขาได้ยินกลุ่มคนนั้นเอ่ยชื่อเจ้าหญิงอลาน่า เขาตื่นตัวรีบเงี่ยหูฟังทันที ชายที่นั่งอยู่บนเตียงข้าง ๆ เขากำลังคุยอวดสิ่งที่ตนเองเห็นมาอย่างตื่นเต้น

“พวกเจ้าต้องไม่เชื่อแน่ ๆ ข้าเห็นเจ้าหญิงน้อยเสด็จมาเมื่อวันที่ไอ้พวกอมาดิลลอนมันลงมาอาละวาด ไม่นึกเลยว่าพระองค์จะทรงเป็นห่วงชาวบ้านอย่างเรา ๆ แบบนี้อุตส่าห์เสด็จลงมาเยี่ยม” เขาเล่าอย่างตื่นเต้น

“พระสิริโฉมต้องงดงามน่ารักแน่ ๆ เลยใช่ไหม?” ชายอีกคนที่มีผ้าพันแผลอยู่บนศีรษะรีบคะยั้นคะยอให้ชายคนแรกเล่า

“โอ!ทรงน่ารักมากเลย ไม่ถือพระองค์แม้แต่นิดเดียว ทรงยิ้มให้ข้าด้วย” ชายคนแรกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “แต่ตอนพระองค์เสด็จกลับไม่รู้ว่าทรงเป็นอะไร? ดูอ่อนเพลียมากจนซิสเตอร์ที่มาด้วยกันต้องประคองตลอดทางเลย ข้าล่ะเป็นห่วงจริง ๆ ”

แทบจะทันที อองเดรก็พุ่งลงจากเตียงไปเขย่าไหล่ชายคนที่พูดอย่างแรง “องค์หญิงทรงเป็นอะไร? ทรงเป็นอะไรมากรึเปล่า?”

“โอ๊ย!เดี๋ยวก่อนใจเย็น ๆ ค่อย ๆ พูดกันก็ได้ เจ้าจะฆ่าข้าหรือไง?” ชายคนนั้นพลักอองเดรออกไปเต็มแรง อองเดรเซล้มกลับลงไปที่เตียงของเขา ตอนนี้ขาเขาแทบจะไม่มีแรงอีกครั้ง แรงกระแทกทำให้บาดแผลรู้สึกปวดตุ๊บ ๆ เขาทั้งประหลาดใจและแปลกใจกับร่างกายของเขาที่แทบจะยกมือไม่ขึ้นกลับไม่รู้เอาเรี่ยวแรงจากไหนพุ่งร่างไปถึงเตียงข้าง ๆ ได้ ชายคนนั้นมองเขาอย่างไม่พอใจ พลางตอบเสียงหงุดหงิด

“สลบไปตั้งห้าวันพอฟื้นขึ้นมาก็อาละวาดเลยรึเจ้าทหารยศต่ำ ข้าล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าพวกซิสเตอร์เขาช่วยแกไว้ทำไม?”

อองเดรใจหายวาบ นี่เขาหมดสติไปถึงห้าวันเต็ม ๆ เชียวหรือ แต่เรื่องเจ้าหญิงน้อยสำคัญกว่าชีวิตของเขาแล้วในเวลานี้ เขารวบรวมกำลังหยัดตัวขึ้นถามเสียงร้อนรน

“เจ้ายังไม่ได้บอกข้า เจ้าหญิงทรงเป็นอะไรมากรึเปล่า?”

ชายคนนั้นมองอองเดรอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจเสียงหนัก ๆ ยังคงมีแววขุ่นใจอยู่ในน้ำเสียง “ข้าก็ไม่รู้ว่าทรงเป็นอะไรเหมือนกัน แต่ทรงดูเหนื่อยอ่อนมากจนซิสเตอร์ต้องคอยพยุง ข้าก็เห็นแค่นั้นแหละ หมดธุระของเจ้าแล้วใช่ไหม?” ชายคนนั้นกล่าวจบก็หันกลับไปอีกทางมิสนใจเขาอีก

อองเดร ก้มหน้านิ่งค่อย ๆ ทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช้า ๆ มือเล็ก ๆ ที่วางอยู่เหนือสีข้างของเขาเปื้อนเลือดของเขาไปหมดใบหน้าของเจ้าหญิงน้อยดูซีดเซียวและเหนื่อยอ่อน เขารู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างมาจุกที่อกอย่างแรง เขาหลับตาเม้มปากแน่น ยกมือขวาขึ้นแตะที่หัวใจพลางสาบานในใจว่า

‘กระหม่อม อองเดร ออเนอเร่ ขอสาบานด้วยเกียรติในกายทั้งหมดที่มีว่า กระหม่อมจะจงรักภักดีต่อเจ้าหญิงอลาน่า และจะเทิดทูนพระองค์เหนือสิ่งอื่นใด’

เสียงหวูดเรือดังก้อง เขารู้สึกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นกระชากเขากลับมายืนที่กราบเรืออีกครั้ง เขารีบกวาดตาไปทั่วบริเวณนั้นว่ามีใครสังเกตเห็นหรือไม่ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครแล้วเขาจึงค่อยเบาใจ เสียงหวูดเรือดังขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง อันเป็นสัญญาณว่าใกล้ถึงเมืองท่าแอนดิซองแล้ว ราชองครักษ์อองเดรกวาดสายตาไปทั่วท้องทะเลและฝูงเงือกเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนจะกลับหลังหันเดินเข้าไปภายในเรือ


เมืองท่าแอนดิซองขณะนี้ถูกตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงามมิแพ้ที่แผ่นดินใหญ่ ริ้วธงหลากสีที่สะบัดพริ้วเพราะลมทะเลตัดกับผืนท้องฟ้าใสดูงดงามยิ่ง นกทะเลสีขาวสะอาดตาหลายร้อยตัวที่บินอยู่เหนือผืนน้ำสีครามก็ทำให้ผืนฟ้าแลดูงดงามมิแพ้กัน ตามท้องถนนนั้นคลาคล่ำไปด้วยผู้คนหลายชาติหลายภาษา ทุกคนต่างพากันมายืนเฝ้ารอการเสด็จมาของเจ้าหญิงผู้สำเร็จราชการคนใหม่ แต่กระนั้นก็ยังไม่สู้ฝูงชนที่พากันมาเพื่อหวังจะได้เห็นเจ้าหญิงผู้ประเสริฐที่พวกเขาได้ยินได้ฟังกิตติศัพท์มานานนักหนา

เสียงวงดนตรีบรรเลงเพลงประจำราชวงศ์ดังกึกก้อง เรือรบแอนดิซองค่อย ๆ เข้าเทียบท่าพร้อมกับเหล่าฝูงเงือกที่เริ่มถอนกำลังกลับลงสู่ทะเลลึก เมื่อเรือจอดสนิทดีแล้วเจ้าหญิงอลาน่าก็ค่อย ๆ เสด็จลงมาตามสะพานที่ประดับประดาด้วยทองคำและไข่มุกจากประตูแห่งราชนาวายาวตลอดจนจรดพื้นดิน แทบจะทันใดเสียงฮือฮาไชโยโห่ร้องก็ดังกึกก้องทั่วบริเวณ ที่ท่าเรือนั้นบัดนี้มีผู้คนเบียดเสียดกันจนแน่นขนัด ทหารรักษาการณ์มากมายยืนเฝ้าอยู่ตามเสาที่มีโซ่ทองเหลืองแบ่งกั้นผู้คนออกเป็นกลุ่ม ๆ โดยมีพรมสีแดงปูลาดยาวตลอดตั้งแต่สะพานเรือใหญ่ทอดไกลไปจนถึงรถเทียมม้าที่แสนหรูหราและวิจิตรงดงาม ที่ซี่ล้อประดับด้วยเงินเป็นลวดลายอยู่บนพื้นทองเหลือง รถม้าสีขาวประดับขอบประตูและหน้าต่างเป็นลวดลายสีทอง ฝังผลึกและแก้วเจียระไนเป็นประกายระยิบระยับกับแสงแดด ม่านไหมสีน้ำเงินขลิบทองที่โผล่พ้นหน้าต่างออกมา ก็ปักฉลุอย่างงดงาม ตั้งแต่เรือใหญ่จนถึงราชรถ มีบรรดาครอบครัวผู้สูงศักดิ์ที่อาศัยอยู่ที่นี่ยืนคอยรับเสด็จอยู่บนพื้นพรมสีแดงยาวไปจนตลอดทาง จากนั้นก็มีโซ่ทองกั้นแยกบรรดาพ่อค้าวาณิช และเหล่าเศรษฐีผู้มั่งมี ที่สวมใส่อาภรณ์สวยงามราคาแพง และประดับประดาร่างกายด้วยอัญมณีหลากหลายราวกับประกวดประชันกัน ถัดไปจึงเป็นโซ่ทองเหลือง ที่กั้นประชาชนทั่วไปที่ยืนรอรับเสด็จอยู่เนืองแน่น ต่อจากนั้นจึงเป็นโซ่เหล็ก ที่กั้นผู้ไม่พึงประสงค์ อันได้แก่ชาวสลัม เหล่ากรรมกรท่าเรือ หญิงงามเมือง ตลอดจนคนต่างถิ่นที่เร่ร่อนรับจ้าง และพวกคนขอทานประทังชีวิต ยืนออกันจนแน่นขนัด โดยมีเหล่าทหารถืออาวุธยืนจังก้าดูน่ากลัว ณ บัดนี้ท่าเรือแอนดิซองด้านใต้ อันเป็นท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเมอริเซียแออัดเนืองแน่นไปด้วยผู้คนนับหมื่น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter6 เมื่อหิมะละลาย @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ส.ค. 12, 2009 2:14 am

เจ้าหญิงทรงก้าวช้า ๆ ลงจากสะพานโดยมีซิสเตอร์โรซาน่าเดินตามลงมา พระองค์ทรงหยุดเล็กน้อยพลางทอดพระเนตรยาวเลยไปยังเหล่าผู้คนจรจัดหลังบริเวณโซ่เหล็ก เจ้าหญิงทรงโบกพระหัตถ์และยิ้มให้พวกเขา เหล่าประชาชนก็ส่งเสียงแซ่ซ้องกันอีกครั้ง เจ้าหญิงทรงหันไปกระซิบกับซิสเตอร์ที่เดินตามมาข้างหลัง

“ที่นี่มีคนยากจนเยอะกว่าที่คิดนะคะ ซิสเตอร์”

ซิสเตอร์มองไกลออกไปมองเจ้าหญิง “เพคะ มากกว่ากันนับสิบเท่า นอกจากนี้ ความที่เป็นเมืองท่า ยังมีผู้อพยพต่างถิ่นมากมาย”

เจ้าหญิงทรงมีแววแห่งความเมตตาสงสารปรากฏขึ้นในดวงเนตร ก่อนจะทรงหันกลับและเสด็จลงสะพานต่อไปโดยมิได้ตอบใดๆ
ในบริเวณที่เหล่าขุนนางและข้าราชการยืนอยู่ หนึ่งในนั้นคือครอบครัวของเสด็จน้าของเจ้าหญิงอลาน่านั่นเอง เจ้าหญิงมิทรงรอให้น้าหญิงถอนสายบัว พระองค์ตรงเข้าไปสวมกอดนางทันที ข้างสตรีนั้นมีเด็กหญิงหน้าตาสะสวยวัยสิบสองปีคนหนึ่งยืนอยู่ ใบหน้างามคมของเธอดูบึ้งตึง และดวงตาที่แลดูมีเสน่ห์นั้นไม่มองพระพักตร์เจ้าหญิงอลาน่าเลยแม้แต่น้อย

“นี่วิโอเรีย(Vioria) บุตรสาวของหม่อมฉันเองเพคะ”

แม้เด็กหญิงจะมีสีหน้าบึ้งตึงแต่ก็ยอมย่อคำนับแต่โดยดี เจ้าหญิงอลาน่าทรงยิ้มให้อย่างอ่อนโยนพร้อมกับตรัสถาม“เป็นอะไรไปจ๊ะวิโอเรีย? ใครทำอะไรให้ไม่พอใจหรือจ๊ะ?”

“หม่อมฉันมิบังอาจไม่พอใจอะไรได้หรอกเพคะ”

“หยุดนะวิโอเรีย! เจ้ากำลังทำให้แม่อับอาย ขออภัยแทนนางด้วยเพคะ นางยังเด็กนักยังไม่รู้จักยั้งคิด”

วิโอร่า(Viora)ผู้เป็นน้องสาวของราชินีคอรัลลี่ พระมารดาของเจ้าหญิงอลาน่า กล่าวขออภัยแทนธิดาของตน ใบหน้าเข้มขึ้นด้วยความกระดากและเอียงอาย

“ไม่เป็นไรค่ะ” เจ้าหญิงอลาน่าตรัสพลางเอื้อมพระหัตถ์ไปจับมือเด็กหญิงที่ชักมือกลับเล็กน้อย หากแต่ก็ยินยอมให้จับไว้เช่นนั้นในที่สุด แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงหันหน้ามองไปทางอื่น “พี่เองยังใหม่สำหรับที่นี่ ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกมาก คงต้องรบกวนวิโอเรีย ช่วยแนะนำบ้าง” เจ้าหญิงตรัสพร้อมยิ้มอย่างอ่อนโยน

“เพคะ” เด็กสาวตอบโดยไม่หันมามอง

“ค่ำนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับพระองค์ ทรงประสงค์สิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่เพคะ?” วิโอร่าทูลถาม

“ไม่เป็นไรค่ะ จัดง่าย ๆ เถิดนะคะ อย่าให้ต้องยุ่งยากลำบากเลย” อลาน่ากล่าวตอบพลางส่ายหน้าช้า ๆ

“ท่านนี้คงเป็นซิสเตอร์ โรซาน่า?”

ซิสเตอร์ยิ้มก่อนย่อคำนับ

“และท่านนี้..........?” สายตาของสตรีสูงศักดิ์จับจ้องไปยังชายในชุดเกราะ ที่มีเพียงแววตาที่เรียบเฉยโผล่พ้นออกมาจากหมวกเกราะเหล็ก “คงเป็นท่านราชองครักษ์ อองเดร?”

นายทหารหนุ่มก้มหัวคำนับช้าๆ แววตายังคงเย็นชา

“ได้ข่าวว่า ท่านราชองครักษ์ เป็นคนหนุ่มอนาคตไกล ได้ยศสูงเพียงนี้แม้ยังอยู่ในวัยหนุ่มอยู่มาก”

อองเดรยังคงยืนนิ่งไม่ตอบใด ๆ

“ถอดหน้ากากให้ข้าดูหน่อยสิ” อยู่ ๆ วิโอเรียก็โพล่งออกมา สายตาจับจ้องไปยังดวงตาอันไร้อารมณ์นั้น ทว่าอองเดรยังคงยืนนิ่งอยู่เช่นเดิม วิโอร่า เขย่ามือบุตรสาว มองด้วยตาดุ

“ก็ลูกอยากเห็นหน้าเค้านี่ ทำไมต้องใส่หมวกเกราะอยู่คนเดียว ทำท่าน่ากลัว?” วิโอเรียน้อยเชิดหน้า

“เชิญเสด็จเถิดพ่ะย่ะค่ะ เจ้าหญิงอลาน่า ” อองเดรกล่าวเสียงเรียบ

เจ้าหญิงอลาน่าทรงโค้ง ให้วิโอร่าเล็กน้อย ก่อนเสด็จต่อไปโดยที่อองเดรเดินตามเสด็จไปทันที

“กล้าดียังไง ทำไม่สนใจเรา จองหอง! คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน........?” วิโอเรียกัดฟัน ใบหน้างามคมดุดัน

“อภัยให้เขาเถิดเพคะ เขาเป็นคนแบบนี้เอง เป็นที่รู้กันทั่วว่าโดยปรกติท่านอองเดรเย็นชานัก” ซิสเตอร์โรซาน่ากล่าว ย่อคำนับอีกครั้ง ก่อนจะรีบเดินตามเสด็จเจ้าหญิงและอองเดรไป ขณะที่เจ้าหญิงอลาน่ากำลังจะก้าวขึ้นราชรถคันงามนั้นก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นจากทางฝั่งหลังโซ่เหล็ก

“ขอให้ข้าได้ชื่นชมพระบารมีด้วยเถิด ฝ่าบาทได้โปรดเมตตาตาแก่คนนี้ด้วย”

ชายแก่ยากจนแต่งตัวสกปรกคนหนึ่งพยายามแหวกฝูงชนเข้ามาใกล้กับรถม้า นัยน์ตาสีเทาของเขาดูซีดและฝ้าฟาง เหล่าทหารยามบริเวณนั้นรีบกรูกันไปหาชายแก่คนนั้นทันที เจ้าหญิงอลาน่าทรงเห็นดังนั้นก็หมุนองค์กลับเตรียมจะมุ่งไปหาชายแก่คนนั้น แต่ซิสเตอร์โรซาน่าดึงพระหัตถ์ไว้ก่อน เจ้าหญิงอลาน่าทรงหันกลับมาหาซิสเตอร์พลางจะเอ่ยตรัส ซิสเตอร์ก็ชิงพูดกระซิบที่ข้างพระกรรณเจ้าหญิงเสียก่อน

“ใจเย็น ๆ ก่อนเพคะ พระองค์ยังมีเวลาอีกมากที่จะช่วยเหลือพวกเขา หากพระองค์บุ่มบ่ามทำอะไรลงไปตอนนี้จะไม่เป็นผลดีกับทั้งชายแก่ที่น่าสงสารคนนั้นและพวกเรานะเพคะ ทรงทอดพระเนตรดูเหล่าสมาชิกสภาวาณิชทางด้านนู้นก่อนสิเพคะ”

เจ้าหญิงอลาน่าทรงพยักพระพักตร์รับคำเล็กน้อยพลางทอดสายพระเนตรไปทางที่พระองค์เพิ่งผ่านมาก็เห็นบรรดาพ่อค้าและขุนนางต่างมองมายังพระองค์อย่างสนใจใคร่รู้ บ้างก็ยิ้มเยาะน้อย ๆ แต่แล้วสายพระเนตรก็สะดุดอยู่ที่พ่อค้าร่างอ้วนคนหนึ่งที่ทั้งตัวประดับประดาไปด้วยเพชรนิลจินดามากเป็นสองเท่าของคนอื่น ๆ เขาจ้องมองพระองค์ผ่านแว่นตาเลนส์เดียวด้วยสายตาเจ้าเล่ห์และหรี่เล็กราวกับจะจ้องจับผิด

“ซิสเตอร์คะ ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” เจ้าหญิงอลาน่าตรัสถามเสียงเบา

ซิสเตอร์แสร้งเอียงศีรษะเล็กน้อยเพื่อลอบดูแล้วจึงกล่าวทูล “เขาก็คือ พ่อค้าใหญ่รูฟัส (Rufus, the Annedisonge Trader) เขาเป็นพ่อค้ารายใหญ่ที่สุดและยังเป็นประธานสภาพ่อค้าวาณิชของที่นี่อีกด้วยเพคะ”

เจ้าหญิงอลาน่าทรงหันกลับไปทางชายแก่อีกครั้งซึ่งบัดนี้เขาได้หายตัวไปจากฝูงชนแล้ว เจ้าหญิงทรงถอนหายใจเฮือกใหญ่รำพันเสียงเบาจนแทบจะกระซิบ “ภารกิจนี้ช่างใหญ่หลวงนัก”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter6 เมื่อหิมะละลาย @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ส.ค. 12, 2009 2:15 am

ระหว่างที่ขบวนเสด็จเคลื่อนผ่านตัวเมืองนั้น ภายในราชรถที่ตามขบวนเสด็จคันหนึ่ง วิโอร่ากำลังตักเตือนธิดาของตนอยู่

“วิโอเรีย วันนี้เจ้าทำให้แม่อับอายยิ่งนัก”

“ทำไมเพคะ? หม่อมแม่จะอายทำไม? ลูกไม่ผิด ทั้ง ๆ ที่ลูกก็มีศักดิ์เป็นเจ้าหญิงเหมือนกันแต่กลับถูกเลือกให้เป็นแม่มดน้ำแข็งประจำราชวงศ์ ตำแหน่งที่ไม่มีราชนิกูลองค์ไหนอยากจะเป็น ต้องมานั่งฝึกคาถาบ้า ๆ ไปคอยสะกดไอ้มังกรยักษ์หน้าโง่นั่น ทั้ง ๆ ที่ลูกก็มีความสามารถไม่แพ้ราชนิกูลองค์ไหน ๆ เหมือนกัน ไม่ยุติธรรมเลย ไม่ยุติธรรม!!”

“วิโอเรีย หน้าที่ที่เจ้าได้รับเป็นหน้าที่ที่มีเกียรติ...”

“หม่อมแม่ก็เป็นเสียอย่างนี้ ก้มหน้าก้มตารับสภาพอันต่ำต้อยอยู่ได้ ทั้ง ๆ ที่หม่อมแม่เก่งกว่าเจ้าป้าคอรัลลี่เพียงแค่หม่อมแม่โชคร้ายเกิดช้ากว่าเท่านั้น ชะตาชีวิตก็ต่างกันจากหน้ามือเป็นหลังมือ ต้องถอนสายบัวให้แม้แต่กับหลานตัวเอง น่าสมเพชที่สุด ถ้าไม่มีเจ้าป้าคอรัลลี่สักคน ป่านนี้คนที่มาเป็นผู้สำเร็จราชการในวันนี้ก็คือลูกไม่ใช่เจ้าพี่อลาน่า”

“วิโอเรีย!!”

“หรือไม่จริงเพคะ? ทั้ง ๆ ที่หน้าที่สะกดมังกรจอร์มันกาน์ด เป็นภารกิจที่เท่ากับกุมชะตาประเทศก็ว่าได้ แต่กลับไม่มีใครสนใจเราเลย ความดีความชอบทั้งหมด ไปตกอยู่กับพระราชาพระราชินี ทั้ง ๆ ที่วัน ๆ ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเสวยสุขอยู่ในวัง”

“หยุดวาจาก้าวร้าวของเจ้าเดี๋ยวนี้นะ หัดเอาอย่างเสด็จพี่ของเจ้าบ้างสิ พระองค์ไม่เคยพูดจาว่าร้ายใครเลยทั้งยังเต็มใจช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ”

“ทำไม?! ใคร ๆ จะอะไรก็อลาน่า อลาน่า หม่อมแม่ก็ด้วย อะไร ๆ ก็ดูอลาน่าสิ เอาอย่างอลาน่าสิ ลูกเกลียด! เกลียด! เกลียด! เจ้าองครักษ์จองหองนั่นด้วย! คอยดูนะ สักวันนึงลูกจะต้องทำให้มันมาสยบอยู่แทบเท้าลูกให้ได้”

วิโอเรียตะโกนสุดเสียง ด้านวิโอร่าก็ตกตะลึงกับอากัปกริยาของบุตรีจนพูดอะไรไม่ออก ก็พอดีกับที่ราชรถวิ่งมาถึงวังของวิโอร่า วิโอเรียก็ผลักประตูออกอย่างแรงจนทหารที่จะมาเปิดประตูถึงกับผงะ เด็กหญิงหน้าแดงก่ำมีน้ำตาคลอในดวงตา เธอกระโดดลงจากราชรถอย่างรวดเร็วพลางวิ่งกระฟัดกระเฟียดหายลับเข้าไปในปราสาทโดยมีสายตาที่ปวดร้าวของผู้เป็นแม่มองตามหลังไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)


ย้อนกลับไปยัง Summoner Novel

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน

cron