Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. มี.ค. 28, 2024 11:43 pm

หน้าเว็บบอร์ด Wiser Summoner Novel Heaven's Tear

อ่านนิยาย Summoner Master Episodeต่าง ๆ ได้ที่นี่

Moderator: Jinger Ginger


Re: Heaven's Tear

โพสต์โดย เซนต์ แมกนัส เมื่อ จันทร์ ธ.ค. 31, 2012 5:16 am

Panic

ข่าวลือนี้ร่ำลือรวดเร็วไปยังซาโลม โอมาร์นัน ทั้งตกตะลึงทั้งหวาดกลัว เพราะประกาศก อิสฮานที่เขาแอบอ้างมาตลอด ได้ปรากฎตัวอยู่ฝ่ายศัตรู เขารีบส่งหน่วยกระจายข่าว ประกาศทั่วว่า ทางซานตาน่าปล่อยข่าวเท็จ และใช้คนปลอมตัวเป็น ท่านประกาศกอิสฮาน ซึ่งถือว่าลบหลู่อย่างยิ่ง ต้องรีบทำลายล้างโดยเร็วที่สุด ข่าวนี้ทำให้ในซโลมเองแบ่งฝักฝ่าย คนที่งมงายในโอมาร์นันก็เชื่อโอมาร์นันทุกอย่าง แต่คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ชอบโอมาร์นัน ก็ยิ่งสงสัยในตัวเขา โอมาร์นันยิ่งรู้สึกว่าต้องชนะสงครามนี้ให้ราบคาบโดยเร็ว ก่อนที่เขาจะเสียความเชื่อถือแม้แต่ในซาโลมเอง

Mystery man

ฝ่ายซานตาน่า แปลกใจในตัวชายลึกลับผู้นี้ ปกติการปรากฎของผู้ศักดิ์สิทธิ์ มักมาเพียงชั่วเวลาสั้นๆ แต่ชายคนนี้กลับสามารถอยู่ในเวลายาวนาน และยังสัมผัสเนื้อตัวได้

เมื่อได้พบพระคาลดินัล ชายคนนี้ก็ประกาศ ต่อหน้าทุกคนว่า เขาคืออิสฮาน มาในโลกนี้เพื่อช่วยเหลือซานตาน่า

เหล่าคาริสมาติกเทมพลาร์ ล้วนสงสัย และไม่อาจสัมผัสถึงพลังที่เข้ากันได้กับพวกเขาจากชายลึกลับคนนี้ รอดริโก้เองก็ไม่ไว้วางใจเลยในสถานะที่แปลกประหลาดของชายที่ประกาศตัวว่าคือ อิสฮาน ผู้นี้

ฟาติมา เองไม่มีสารใดๆจากสวรรค์เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่ชายคนนี้ ก็เข้าช่วยฝ่ายซานตาน่าจริงๆ แถมดูมีพลังพิเศษ แต่เหล่าประชาชนมีขวัญและกำลังใจในเรื่องนี้อย่างมาก ทุกคนจึงคิดว่า อาจเป็นการช่วยเหลือพิเศษจากสวรรค์อีกก็เป็นได้ เพราะทั้งอองเดร และชิโรอิ ก็เคยมาแล้ว ไม่น่าแปลกหากอิสฮานจะมาด้วย

ทางศาสนจักรแห่งซานตาน่ายังคงสงวนท่าที และยังไม่แถลงการที่เป็นทางการใดๆ แต่ชาวลัทธิสุริยันจันทรา แห่แหน เขาไปรอบเมือง บางคนเข้าสัมผัสตัว และกราบไหว้ นารินดา เองก็ไม่อาจเข้าถึงเขาได้เพราะผู้คนรายล้อมมากมาย เธอทั้งดีใจและเสียใจ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร

The Hymn

และแล้วสารสวรรค์ก็ปรากฎถ้อยความ หากแต่เป็นข้อความให้ ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ด้วยเพลงคร่ำครวญ แห่งโซปราโน ฟาติมาพยายามโยงว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการปรากฎของท่านอิสฮานหรือไม่ แต่ก็เชื่อมโยงอะไรไม่ได้มาก เพราะเพลงคร่ำครวญแห่งโซปราโน แต่งโดย ดยุค ซาอูล แห่ง อัลโต บรรยายความโศกเศร้าที่มารดาของท่านคือ นักบุญโซเฟีย ถูกประหารชีวิตโดยท่านไม่อาจมาช่วยได้ทัน แต่ตอนท้ายก็ขอบคุณพระเจ้า ที่เจ้าชายเดวิท ได้ช่วยใช้กุญแจสวรรค์ นำวิญญาณของมารดาของท่านผ่านประตูสวรรค์ มาปลอบโยนท่านและ ทำให้ท่านกลับมีกำลังใจปกครองบ้านเมืองอีกครั้ง

ไม่กี่วันทัพจักรกลระลอกใหม่ที่หมายเผด็จศึกให้สิ้นซากก็เข้าประชิดกำแพงเมือง พอดีที่ฟาติมาและชาวซานตาน่าร้องเพลงแห่งโซปราโน ถึงวันที่เจ็ด ปรากฎเสียงดนตรีดังขึ้นอย่างไม่มีที่มา เป็นเสียงราวกับวงออเคสตร้าขนาดใหญ่ บรรเลงดนตรีที่ไพเราะห์ราวกับเพลงสวรรค์ ทันใดนั้นปรากฎวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จากแดนชำระ ชายหนุ่มผมเงินในชุดเกราะทองงดงาม ถือเครื่องดนตรีอันพิศดาร ตระการตา ลอยขึ้นเหนือน่านฟ้าซานตาน่า



ทันใดนั้น เหล่าจักรกลก็เหมือนค่อยๆสูญเสียความสามารถพิเศษลงไปทีละเครื่อง ก่อนที่เหล่าคาริสมาติกเทมพลาร์ และทัพเทมพลาร์จะบุกเข้าโจมตีพวกจักรกลอย่างง่ายดาย และในชั่วครู่นั้น อิสฮานก็ปรากฎตัวขึ้นอีก ทำลายเหล่าจักรกลอย่างรุนแรง จนทัพจักรกลทั้งหมด พังพินาศหมดสิ้น

แสงทองยามเย็นส่องลงมายังสนามรบ ดยุคซาอูล มองดูสนามรบและจับจ้องไปยังอิสฮานเป็นพิเศษ เมฆบนฟ้าเปิดออก ปรากฎร่างสตรีสูงศักดิ์ลอยลงมา ซาอูลละจากทุกสิ่ง พุ่งเข้ากอดเธอ ร่ำไห้ด้วยความดีใจ "ท่านแม่ ในที่สุดลูกได้พบท่านแม่แล้ว" โซเฟีย กอดบุตรชายแน่น "คราวนี้ลูกมาทันเวลา ได้ช่วยให้ครอบครัวมากมายไม่ต้องพลัดพรากจากกันนะลูกรัก" ทั้งสองกลายเป็นแสงสว่างสีทองขึ้นสู่สวรรค์ในขณะที่ดนตรีสวรรค์ค่อยๆเบาเสียงลง จนเหลือเสียงแว่วอันห่างไกล ก่อนความสงบเงียบของค่ำคืนจะครอบคลุมทุกอย่าง
ภาพประจำตัวสมาชิก
เซนต์ แมกนัส
0
 
โพสต์: 1390
Cash on hand: 333.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: Heaven's Tear

โพสต์โดย เซนต์ แมกนัส เมื่อ จันทร์ ธ.ค. 31, 2012 6:27 am

Invisible Hand

การพินาศในครั้งนี้ ทำให้โอมาร์นัน รีบเร่งรีดภาษีจากประชาชน เพื่อการสร้างเครื่องจักรชุดใหม่ ซึ่งเริ่มทำให้ประชาชนเริ่มไม่พอใจในโอมาร์นันมากขึ้น เครื่องจักรที่ขุดแร่โลหะต่างๆก็เริ่มไม่พอ จนต้องเกณฑ์แรงงานคนเข้าช่วย ตอนนี้ซาโลมตกต่ำเด็มไปด้วยสลัม และเครื่องจักรนั้นไม่อาจอำนวยความสะดวกได้อย่างเพียงพอ เพราะเครื่องจักรจำนวนมาก ถูกนำมาเป็นวัตถุดิบในการสร้างหุ่นรบใหม่ๆ

โอมาร์นันกินไม่ได้นอนไม่หลับ เริ่มหวาดกลัวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะอิสฮานที่เขาคิดว่าเป็นเพียงบุคคลในตำนานที่จะแอบอ้างชื่อเพื่อประโยชน์ของตน แต่กลับปรากฎตัวจริงขึ้นมา

จนคืนหนึ่ง โอมาร์นันเหนื่อยอ่อนจนวูบหลับไป โอมาร์นันฝันเห็นตัวประหลาด3ตน 2ตนนำของแปลกๆ2ชิ้นมามอบให้เขา และอีกตนบอกว่าให้เขานำมันบรรจุลงในจักรกลพิเศษ 2 ตัว แล้วชัยชนะจะเป็นของเขา

เมื่อตื่นขึ้นเขาพบอุปกรณ์ประหลาด 2ชิ้น อยู่ข้างเตียงเขาจริงๆ เขารีบนำไปให้ เบน บาร่า ทำตามที่ตัวประหลาดในฝันบอก และแล้ว กองทัพจักรกลชุดใหม่ที่แม้จำนวนรบจะน้อยกว่าทุกครั้งก็ออกเดินทาง

The Seeker

เมื่อทัพจักรกลเดินทางมาถึง ครั้งนี้เหล่าทัพจากซานตาน่ามั่นใจในชัยชนะเพราะทัพใหม่นี้มีไม่ถึง 1 ใน10ของที่เคยมา อิสฮานเข้าทำลายจักรกลทันที แต่เมื่อการสู้รบเกิดขึ้นไม่นาน ปรากฎวัตถุลึกลับ ร่างคล้ายสตรีกึ่งเครื่องจักร 2 ร่าง พุ่งมาจากคนละทิศเข้าปะทะกับกองทัพแห่งซานตาน่า พลังของพวกเธอนั้นรุนแรงมาก และมีพลังอันลึกลับแปลกประหลาด อิสอานเข้าต่อกรกับสตรีลึกลับทั้งสอง แต่ก็ได้แต่ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ
รูปภาพ

จนเมื่อซานตาน่าถอยทัพ และเสาเมฆเสาไฟช่วยขัดขวางพวกหุ่นไว้ ก็ดูเหมือนสตรีลึกลับทั้งสองก็ไม่ได้ตามมา เพียงแต่เฝ้าเหล่าจักรกลไว้เท่านั้น

ทุกคนสงสัยในสตรีลึกลับทั้ง2 เพราะดูไม่เหมือนจักรกลเสียทีเดียว และมีพลังที่ต่างจากเหล่าจักรกลเป็นอันมาก ฟาติมาคิดว่าคงต้องอธิษฐานขอวิญญาณศักดิ์ิสิทธิ์อีกครั้ง เธออธิษฐานขอคำแนะนำจากสวรรค์ และแล้วข้อความในสารสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฎขึ้น แต่ไม่ได้ให้เธอขอความช่วยเหลือจากแดนชำระแต่อย่างใด


Sorrow Soul

ครั้งนี้ ฟาติมา ต้องวอนขอความช่วยเหลือจากจิตวิญญาณที่เศร้าโศก ซึ่งอยู่ในโลกนี้ เธออธิษฐานตลอดคืน จนฟ้าเริ่มสาง มีเสียงประหลาด คล้ายหัวเราะแต่ก้คล้ายเสียงร้องไห้ดังลั่นมาจากในสนามรบ ทุกคนออกไปดู พบหญิงสาวในชุดดำรัดรูปคนหนึ่งมีปีกที่ศีรษะ ร่างลอยอยู่เหนือพื้น ใบหน้าขอเธอเหมือนมีคราบน้ำตาสีดำเปื้อนอยู่ เธอบิดกายไปมา ร้องตะโกนไปยัง สตรีคล้ายเครื่องจักรทั้งสอง "คิดถึงพวกเธอเหลือเกิน คิดถึงพวกเธอจริงๆ หึ หึ ฮึ ฮึก"


สตรีทั้งสองนั้นอยู่ในท่าพร้อมรบทันที เรียกเธอเป็นเสียงเดียวกัน "แอมเบอร์!"

แอมเบอร์แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก "พวกเธออยากเข้ามากอดชั้นจะแย่แล้วใช่ไหม ไม่ต้องรีบร้อนนะที่รัก ชั้นจะเป็นฝ่ายเข้าไปกอดพวกเธอเอง เพราะฉันคิดถึงพวกเธอจนแทบตายเลยทีเดียว หึหึ"

แอมเบอร์พุ่งเข้าหาสตรีร่างสีฟ้า ฟาดแส้สีดำในมือรัดและดึงร่างนั้นเข้ามา โอบรัดจากด้านหลัง ถูไถใบหน้ากับข้างแก้มของสตรีร่างสีฟ้านั้น "จอสลีน เธอนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ ยังน่ารัก เหมือนเดิม" ทันใดนั้น สตรีร่างสีน้ำตาลพุ่งหอกในมือเข้าหาเธอ แอมเบอร์ถีบร่างจอสลีนจนจมลงในพื้น ตวัดแส้รับหอกสีทองนั้น "เจอรันดีน อิจฉา จอสลีนใช่ไหมจ๊ะ ฉันก็รักเธอแทบจะกินลงไปได้เหมือนกันนะ ไม่เห็นต้องน้อยใจไปเลย" ทันใดนั้นเธอก็ใช่ส้นสูงเหยียบบนอกของ เจอรันดีน จับใบหน้าของเจอรันดีนไว้ แลบลิ้นยาวออกมา

"พวกเธอนี่น่ารักจริงๆ ในบรรดาพวกเรา ทั้ง12 ไม่สิรวมฉันก็เป็น 13 มีเธอสองคนนี่แหละที่ซื่อใส คิดซับซ้อนอะไรไม่เป็นแบบคนอื่นเขา แค่พวกปีศาจชั้นต่ำ มันทำแผนเอา ลูกแก้ว เจนะวีฟ กับเฟืองอันหนึ่งของวงแหวนกาลเวลา มาใส่ในหุ่นกระป๋องของพวกมัน พวกเธอก็ตามมาปกป้องของที่เธอต้องเฝ้า โดยไม่รู้เลยว่าโดนหลอกใช้ให้ปกป้องหุ่นขยะพวกนี้"

แอมเบอร์กระพริบตาถี่ น้ำตาไหลรินออกมาหยดลงบนหน้าของเจอรันดีน เอมเบอร์แลบลิ้น เลียน้ำตาที่หยดเลอะใบหน้าของเจอรันดีนนั้น ก่อนจะจิกเล็บลงไปและตะคอกใส่หน้าว่า "นังพวกโง่!!!" แล้วทุ่มร่างของเจอรันดีนใส่ร่างของจอสลีนที่กำลังดิ้นรนขึ้นจากพื้นดินขึ้นมาได้ กลับลงไปกระแทกพวกจักรกลกระจัดกระจายไป

แอมเบอร์จิกฟันกัดริมฝีปากตนจนสั่น เค้นเสียงเคียดแค้น "ไอ้พวกปีศาจชั้นต่ำ กับไอ้มนุษย์สถุณบังอาจหลอกใช้วาลคิวเร่อย่างพวกฉัน แกจะต้องชดใช้ด้วยความพินาศย่อยยับและความตายของพวกแก"

แอมเบอร์กัดริมฝีปากจนเลือดสีดำไหลออกมา เธอเอามือปาดเลือดนั้น เพ่งพลังบางอย่าง "เพราะข้าคือโลหิต โลหิตอันเศร้าโศก โลหิตของข้าเอ๋ย จงเป็นผงละออง จงอุบัติปรากฎการณ์อัศจรรย์ ดังที่เคยเกิดขึ้นเมื่อยุคสร้างโลก โลหิตเอ๋ยจงให้ชีวิต......." เธอซัดสาดเลือกสัีดำของเธอขึ้นฟ้า มันแตกเป็นละอองสีดำสาดลงมาเป็นละอองฝนสีดำพรมไปทั่วสนามรบ ทันใดนั้น เกิดเหตุประหลาดขึ้น หุ่นทั้งหมด เปลี่ยนรูปร่าง พวกมันเริ่มขยับอย่างแปลกๆ จอสลีนและเจอรันดีนมองสิ่งที่เห็นการตระหนักรู้บางอย่างจากอดีตของเธอทำให้เธอระลึกขึ้นได้ "แอมเบอร์ นี่เธอทำอะไรลงไป" "เธอรู้ไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น"

แอมเบอร์แสยะยิ้มมองวาลคิวเร่ทั้งสอง "เกิดเรื่องสนุกไงจ๊ะที่รัก"
ภาพประจำตัวสมาชิก
เซนต์ แมกนัส
0
 
โพสต์: 1390
Cash on hand: 333.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: Heaven's Tear

โพสต์โดย เซนต์ แมกนัส เมื่อ จันทร์ ธ.ค. 31, 2012 9:56 pm

Bring to life

จักรกลทั้งหมดในสนาม เมื่อสัมผัสเลือดสีดำก็ เริ่มเปลี่ยนรูปร่างไป ราวกับจะประกอบสร้างตัวตนขึ้นใหม่ คล้ายสิ่งมีชีวิตมากขึ้น พวกมันเริ่มเปล่งเสียงระงมทั่วทั้งสนามรบ จนน่าขนพองสยองเกล้า

บันนี้เครื่องจักรทั้งหมดได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตไปทั้งหมด!!!

เอมเบอร์ หัวเราะเสียงดังลั่น ก่อนสั่งเสียงดัง "เจ้าตัวไหนที่มีของที่ไม่ใช่ของแกอยู่ข้างใน รีบเอามาคืนซะก่อนที่ฉันจะขยี้พวกแกเละเป็นซากทั้งหมด เพื่อตามหามัน" หุ่นสองตัวขยับมาทางวาลคิวเร่ทั้งสอง มันเปิดฝาเครื่องยนต์ของมันออกมา พร้อมส่งลูกแก้วเจนะวีฟ และเฟืองสีทองอันหนึ่ง ให้วาลคิวเร่ทั้งสอง วาลคิวเร่ทั้งสองรีบคว้าสิ่งของเหล่านั้นไว้ พร้อมหันมามองแอมเบอร์ อย่างหวาดระแวง

"เสียดายนะ ตอนนี้ฉันมีเรื่องสนุกทำที่นี่สักหน่อย แต่ไม่ต้องห่วง ฉันจะรีบตามหาพวกเธอสองคน เราจะได้รวมร่างกายเราให้เป็นหนึ่งเดียวกันไง ฉันอยากทำเรื่องนั้นใจจะขาดเลยเชียวล่ะ ฮิฮิ"

วาลคิวเร่ทั้งสองรีบพุ่งตัวออกจากสนามรบ ราวกับรีบหนีอะไรบางอย่าง

แอมเบอร์กวาดมองพวกจักรกลที่ตนนี้มีชีวิต ขยับกายได้เองตามใจ "รู้สึกดีใช่ไหมล่ะ อิสระที่ขยับร่างกายตามใจไม่ใช่ตามคำสั่งใคร" เสียงโลหะกระทบกันดังระงมทั่วสนามรบ

"เรามีชีวิต" "เราเคลื่อนไหวเองได้" "เรามีอิสระแล้ว" เหล่าชีวจักรกล พากันส่งเสียงดังระงม



"เอาล่ะทีนี้ก็ฟื้นความจำกันซะหน่อย อุปกรณ์ทุกชิ้นในตัวของพวกแกล้วนมีความทรงจำเมื่อได้เริ่มสัมผัสมือมนุษย์ที่สร้างแกขึ้น จงใช้เวลาคืนนี้กับความทรงจำอันสวยงามเถอะ" ว่าแล้วแอมเบอร์ก็พุ่งปราดเดียวไปถึงยอดหอคอยทองคำ ฟาติมาตกใจเมื่อได้เห็นร่างแอมเบอร์ชัดๆ ใกล้ๆ รอดริโก้ไม่คาดคิดว่าจะมีการเข้าถึงตัวฟาติมาอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เขารีบขึ้นไปบนหอคอยเพื่ออารักขาฟาติมา แม้ปกติมันอาจใช้เวลาไม่นานแต่ในเวลานี้มันอาจไม่ทันการ ถ้าฟาติมาจะถูกทำร้าย พลแม่นปืนรีบเล็งปืนไปทางหอคอย แต่ก็ยากลำบากที่จะยิงเพราะนอกจากเริ่มค่ำแล้ว มันยังอาจโดนฟาติมาได้

แอมเบอร์ปรายตามองเหตุการณ์รอบๆ ก่อนจะพุ่งเข้าจับมือฟาติมา ฟาติมาตกใจมาก "ขอดูหน้าชัดๆหน่อยสิ เธอเหรอที่อธิษฐานเรียกฉัน" ฟาติมาพยายามสะกดความกลัว เพราะอย่างไรเสียคนที่มาช่วยซานตาน่า ย่อมไม่ใช่คนเลว

"ซื่อ บริสุทธิ์ เปี่ยมศรัทธา หายากขึ้นทุกทีนะมนุษย์แบบนี้" แอมเบอร์ยังจับมือฟาติมาไว้เพ่งพินิจเธอราวกับมองทะลุถึงข้างใน ก่อนจะดีดตัวขึ้นนั่งไขว้ขาบนระเบียง

"อย่าคิดว่าฉันมาช่วยพวกมนุษย์นะ ปัญหางี่เง่า ปัญญาอ่อน กัดกันเป็นนิสัย ของพวกมนุษย์ฉันไม่อยากยุ่งด้วยหรอกนะ ฉันแค่ทนเห็น 'ตัวเอง' โดนหลอกใช้ไม่ได้ ยังไงก็ขอบใจเธอนะที่ช่วยชี้เป้าให้ฉัน ยัยพวกนั้นคอยแต่หลบหน้าฉัน ทั้งที่ฉันคอยตามหาอยู่ตลอด ใจร้ายกันจริงๆ" แอมเบอร์พูดหน้าเศร้า น้ำตาคลอ

"สิ่งที่รู้และยังสามารถลอบเอาของที่พวกนั้นเฝ้าไว้มาใส่มือมนุษย์ได้ มีแต่พวกระดับสูงกว่ามนุษย์เท่านั้นแหละ และแน่นอนว่าไม่ใช่เทพเจ้าหรือทูตสวรรค์" แอมเบอร์สลับขาเปลี่ยนท่านั่งก่อนจะมองไปที่ซาโลม "แล้วมันต้องเจ้าเล่ห์เพทุบายมากพอ ที่จะวางแผนหลอกใช้วาลคิวเร่ได้ การที่มันรู้ว่า วาลคิวเร่ที่เกิดจากดาบและโล่นั้น ซื่อบื้อกว่าวาลคิวเร่ที่เหลือทั้งหมดก็แปลว่ามันต้องมีชีวิตอยู่กันมานานตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้น" แอมเบอร์เสียงสั่นเครือขึ้นเมื่อนึกถึงอดีตวันที่เธอและพี่น้องกำเนิดขึ้นมา "พวกปีศาจ มันเห็นว่าใกล้พ่ายแล้วสินะ ถึงทนหลอกใช้มนุษย์อยู่ห่างๆไม่ได้อีก ต้องยื่นมือมาเกี่ยวแบบนี้"

"ในเมื่อพวกแกแหกกฎก่อน ฉันก็แหกกฎบ้าง โอ๊ โฮะๆๆๆ" ฟาติมารู้สึกสับสนกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของวาลคิวเร่ผู้นี้ เธอดูร้ายกาจมาก แต่ฟาติมาไม่ได้รู้สึกถึงความมุ่งร้ายจากเธอ และยังสัมผัสถึงความเศร้าที่อยู่ลึกๆตลอดเวลาของผู้มีบุคลิกแปลกประหลาดผู้นี้

"นี่ยัยหนู เลือดเล็กน้อยของฉันที่โปรยให้พวกหุ่นนั่น ถือเป็นของขวัญเพื่อตอบแทนเธอก็แล้วกันนะ แล้วเธอคอยดูอะไรสนุกๆแล้วกัน แต่เธออาจต้องอำมหิตเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยนะถึงจะรู้สึกสนุก คิก คิก" แล้วแอมเบอร์ก็ทะยานหายลับไปจากสายตา รอดริโก้วิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมา "ฟาติมา ปลอดภัยไหม" "หนูปลอดภัยค่ะ...... แต่หนูกังวลว่า อาจจะมีเรื่องร้ายกว่านี้ กำลังจะเกิดขึ้นก็ได้ รีบกลับไปที่สนามรบเถอะค่ะ"


Artificial Intelligence

การได้เลือดของแอมเบอร์ ซึ่งเกิดจากโลหิตเทพธิดา ได้เลียนแบบเหตุการณ์สำคัญที่เคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่งในปฐมกาลของโลกเทร่า เลือดของพระเจ้าที่ตกยังโลกได้กำเนิดเกิดชีวิตกับสิ่งไร้ชีวิต และเกิดการเปลี่ยนแปลงวิวิัฒน์ของสิ่งมีชีวิต ซึ่งถ้าเล่าตอนนี้จะยาวมากจึงขอข้ามไปก่อน

เหล่าจักรกล ระลึกความทรงจำตั้งแต่ถูกสร้าง จนถูกใช้งาน การโดนรื้อทำลายเพื่อประกอบสร้างใหม่ ก็รวมความทรงจำทุกชิ้นส่วนเข้าไว้ หุ่นชุดนี้ส่วนมากเกิดจากการใช้วัตถุดิบเดิมจากหุ่นที่ผ่านการรบ พวกมันจึงรู้ซี้งอย่างดี ถึงเหตุแห่งการดำรงอยู่ของพวกมัน และความรู้สึกของผู้สร้างพวกมันอย่างเบน บาร่า ผู้ซึ่งคิดว่าเครื่องจักรที่เขาสร้างมากับมือ จะไม่มีวันทรยศเขา จะเชื่อฟัง และทำตามคำสั่งของเขา แต่วันนี้ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล...



จักรกลบางตัวเริ่มแสดงความโกรธแค้นที่ถูกใช้ราวกับทาส จักรกลบางตัวรู้สึกไม่อยากอยู่ใต้อำนาจมนุษย์ และจักรกลบางตัวประมวลผลพิจารณาทุกอย่างอย่างสงบ

พวกมันเริ่มปรึกษากันอย่างรวดเร็ว และเริ่มทำภารกิจแรก

จักรกลที่ร่างคล้ายแมลงเริ่มรวบรวมเลือดที่เหลืออยู่ของแอมเบอร์ เหมือนผึ้งรวบรวมน้ำหวาน จนได้ปริมาณขวดแก้วเล็กๆใบหนึ่ง



มีจักรกลที่ดูมืดมนหลายตัว ที่ดูคลั่งแค้นมาก ปรารถนาปลดปล่อยเพื่อนที่เหลืออยู่ในซาโลมให้ได้ตาสว่างบ้าง


แต่จักรกลบางตัวกลับเห็นแตกต่าง ปรารถนาอยู่อย่างสันติกับมนุษย์


ในเมื่อแบ่งฝักฝ่ายกันเกิดขึ้น หุ่นบางตัวไม่ยอมไป กับหุ่นส่วนใหญ่ที่ยกพลกลับซาโลม เมื่อรอดริโก้กับกลุ่มเทมพลาร์ พบหุ่นที่เหลืออยู่ และหุ่นได้แสดงเจตน์จำนงที่จะไม่กลับซาโลม รอดริโกจึงชักชวนให้หุ่นเหล่านี้เข้าร่วมกับซานตาน่า เพื่อช่วยกันปกป้องสันติภาพ การได้ชีวจักรกลจำนวนหนึ่งเข้ามา ทำให้เกิดการศึกษากลไก และการทำงานของระบบที่แปลกใหม่ และทางซานตาน่าได้เตรียมพร้อมรับมือหาทัพจักรกลจะกลับมาอีก
ภาพประจำตัวสมาชิก
เซนต์ แมกนัส
0
 
โพสต์: 1390
Cash on hand: 333.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: Heaven's Tear

โพสต์โดย เซนต์ แมกนัส เมื่อ อังคาร ม.ค. 01, 2013 12:07 am

Rebel

ที่ซาโลมเกิดจลาจลขึ้น จักรกลทั้งหมดพยายามบุกยึดเมือง เมื่อส่งจักรกลอื่นๆเข้าต่อต้าน ก็โดนเลือดแอมเบอร์จนฝ่ายจักรกลที่โจมตีเมืองกลับมากขึ้น เบน บาร่า คลุ้มคลั่ง งุนงง เมื่อหุ่นทั้งหมดของเขาเริ่มไม่ยอมเชื่อฟัง

ความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจของเขาที่ราวกับโลกที่ตนสร้างได้พังพินาศลง เขารีบกลับไปเก็บตัวในห้อง และพยายามพูดคุยกับยูริ และตุ๊กตาอื่นๆ เพื่อหนีออกจากโลกความจริง ไม่นาน มีจักรกลคล้ายแมลงเล็ดลอดเข้ามาในห้องนี้ ไม่นานนัก ยูริเริ่มเปลี่ยนแปลงร่างกายไป เธอเหมือนอสูรร้ายมากกว่าหญิงสาว ใบหน้าที่แท้จริงของเธอไม่ใช่หน้าที่ เบน ประดิษฐ์ขึ้น และหุ่นรูปร่างหญิงสาวทุกตัวก็เริ่มเปลี่ยนแปลงร่างกาย เบน บาร่า คลุ้มคลั่งเสียสติ ร้องโหยหวนอย่างหวาดกลัว และจบชีวิตลงด้วยร่างที่ถูกฉีกเป็นชิ้น โดยหุ่นที่รูปร่างคล้ายเคยเป็นหญิงสาว ที่ไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการอีกต่อไป

รูปภาพ

โอมาร์นันสั่งทหารที่เป็นมนุษย์เข้าต่อสู้กับจักรกล และเขาเองรู้สึกว่าต้องหนี ราชินี ชาทิส เข้าขวาง และขอให้เขาช่วยกันรักษาเมืองไว้ ทั้งสองทะเลาะกัน และเริ่มต่อสู้ลงไม้ลงมือกัน โอมาร์นันพลั้งมือฆ่าราชินี ชาทิส และรีบกวาดทรัพย์สมบัติเตรียมหลบหนี ทัพจักรกลทั้งหมดบุกประชิดโดมทองคำ บดขยี้ทุกอย่างราบคาบ เวลานี้สถาปัตยกรรมอันรุ่งเรืองด้วยจักรกลของซาโลมถูกจักรกลบุกทำลายพินาศ

เมื่อเข้าเขตพระราชฐาน จักรกลบุกเข้ามาทุกทิศทาง และไม่มีใครต่อต้านได้ทุกที่ที่มันผ่านไป ก็ทิ้งซากศพคนกองไว้ จนถึงห้องคลังสมบัติ โอมาร์นันเปิดประตูหอบทรัพย์สมบัติมากมาย พบชีวจักรกลประจันหน้า มันบดขยี้ร่างของเขาจนแหลก ร่างที่กระดูกแตกละเอียดและอวัยวะภายในไหลทะลักออกมาจากร่างถูกนำออกมาโยนที่ลานหน้าพระราชวัง บุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นความหวัง และเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นศูยน์รวมจิตใจของประชาชนซาโลม กลับเป็นซากพอันน่าสยดสยอง

ประชาชนซาโลมในเวลานี้ สิ้นขวัญกำลังใจ และตกในความหวาดกลัว ผู้คนที่ยังมีชีวิตรอดพยายามหนีออกนอกเมือง สิ่งที่เกิดกับซาโลมในเวลานี้ เหมือนที่ครั้งหนึ่ง ทัพจักรกลได้เคยเข้าบดขยี้เมืองน้อยใหญ่ที่รายรอบ มีแต่ความตายและความพินาศไปทั่ว ทัพจักกรกล แผ่กำลังกวาดล้างไปทั่วอาณาจักรอันกว้างใหญ่ ชาวเมืองที่พอจะหนีได้รีบหนีไปยังเมืองข้างเคียง และส่วนหนึ่งอพยพมาที่ซานตาน่า ชาวซานตาน่าจึงได้ทราบถึงเหตุน่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นในซาโลม

สารสวรรค์ปรากฎข้อความอีก คราวนี้ ขอให้ชาวซาโลมที่อพยพมาร่วมอธิษฐานกับชาวซานตาน่าด้วย และขอให้ชาวลัทธิสุริยันจันทราร่วมภาวนา และฟาติมาจะต้องวอนขอในนามของท่านอิสฮาน ฟาติมางุนงง แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ในเมื่อท่านอิสฮานอยู่กับพวกเราแล้วนี่นา
ภาพประจำตัวสมาชิก
เซนต์ แมกนัส
0
 
โพสต์: 1390
Cash on hand: 333.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: Heaven's Tear

โพสต์โดย เซนต์ แมกนัส เมื่อ อังคาร ม.ค. 01, 2013 12:07 am

Furious Flame

หลังการกวาดล้างเมือง จักรกลได้สร้างจักรกลรุ่นใหม่ด้วยวัสดุอุปกรณ์ จากซากโลหะต่างๆทั่วเมือง เลือดของแอมเบอร์นั้นหมดลงแล้ว หุ่นรุ่นถัดมา จึงเป็นเครื่องจักรไร้ชีวิต และจักรกลจึงมี2ชั้นวรรณะ คือจักรกลมีชีวิตกับจักรกลไร้ชีวิต ซึ่งพวกไร้ชีวิตก็มีหน้าที่ทำงานทำตามคำสั่ง เหมือนเมื่อครั้งพวกมีชีวิตเคยเป็นมา พวกชีวจักรกล เห็นว่าการที่มนุษย์หมดเมืองเช่นนี้ไม่ดีเลย ควรจับมนุษย์มาเป็นทาสบ้างจะดีกว่า จึงวางแผนบุกซานตาน่าอีกครั้งเพื่อจะมีมนุษย์มากมายมาเป็นทาส

ทัพจักรกลเดินทางมายังซานตาน่า ทันใด อิสฮานก็บุกเข้าต่อสู้ขัดขวาง ก่อนที่เหล่าเทมพลาร์จะมีคำสั่งออกรบเสียอีก อิสฮานดูจะมีความกระตือรือร้นในการทำลายล้างมากขึ้นเมื่อเขาต่อสู้กับจักรกลที่ตอนนี้มีชีวิต แต่จักรกลที่มีชีวิตคิดเองได้ ก็ดูจะเฉลียวฉลาดเก่งกาจขึ้น

ฟาติมาอธิษฐานบนหอคอย ชาวลัทธิสุริยันจันทรา และชาวซาโลมอพยพ พากันอธิษฐานในวิหารเพื่อขอความช่วยเหลือจากจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ และแล้วจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์จากแดนชำระที่ตอบรับเสียงเรียกนี้ก็ปรากฎกายขึ้นเหนือน่านฟ้าซานตาน่า

]

สตรีงาม ใบหน้าคมเข้ม ในชุดแดงเพลิง ถือคฑาขนาดใหญ่ ใบหน้าของเธอคลุมด้วยผ้าบางและเครื่องประดับงดงามทั่วร่างของเธอ เธอมองเบื้องล่างด้วยสายตาเกรี้ยวโกรธ ร่ายมนตราเป็นเพลิงกาฬพวยพุ่งเป็นมหากำแพงเพลิง เลื้อยลามหลอมละลายเครื่องจักร และเป็นครั้งแรกที่เครื่องจักรที่มีชีวิต กลัวการสูญเสียชีวิต พวกมันรีบถอยหนี แต่ทะเลเพลิงนั้นเลื้อยคลอกพวกมันอย่างรวดเร็วจนทั้งหมดเหลือเพียงโลหะเหลวละลายบนพื้น

ความสงบราบคาบเข้ามาในสนามรบนั้น ร่างของสตรีงามในชุดสีแดงลอยมายังหอคอยทองคำ "เพราะเธออธิษฐานในนามลูกชายของฉัน ฉันถึงได้รับอนุญาตให้ไถ่บาปของฉัน ที่ได้ทำลายชีวิตคนมากมาย และทำให้ชาวซาโลมเองต้องอยู่อย่างทุกข์ระทมในวาระสงคราม ขอฝากประชาชนที่เหลืออยู่ช่วยเมตตาสงสารและดูแลเขาด้วย" ฟาติมารู้ทันทีว่าจิตวิญญาณนี้คือผู้ใด "ซานตาน่าจะดูแลผู้อพยพทุกคนอย่างดีที่สุดค่ะ เอ่อ ท่านเนอริเมอร์ พบท่านอิสฮานแล้วใช่ไหมคะ ท่านออกช่วยเหลือต่อสู้ช่วยเรามาหลายครั้ง อย่างครั้งนี้ ก็ออกสกัดกั้นทัพจักรกลก่อนท่านมาสักครู่"

เนอริเมอร์ชะโงกมองไกลไปยังสนามรบ

"นั่นไม่ใช่ลูกชายฉัน"

ฟาติมาตกใจจนตาค้าง พยายามอ้าปากจะพูด แต่สับสนและงุนงงมากจนคิดถ้อยคำไม่ออก

"ลูกชายของฉันเกลียดการต่อสู้และสงครามยิ่งกว่าสิ่งใด หากเขาจำเป็นต้องต่อสู้ก็ทำด้วยความขมขื่นใจ แต่สิ่งที่อยู่ในสนามรบก่อนหน้าฉันมานั้น แทบเก็บความรื่นเริงในการทำสงครามไว้ไม่อยู่"

"งะ...งั้นเขาเป็นใครกันคะ"

"เงาไงล่ะ เงาแห่งความผิดบาปทั้งหมดในใจของเขา เงาแห่งบาปที่เขาสารภาพต่อกระจกทรงสัตย์ กระจกบานนั้น มีอานุภาพ ดูดสิ่งเลวร้ายจากจิตวิญญาณของผู้คน และ คนแรกที่ได้ใช้มันคืออิสฮาน นั่นทำให้เขาสามารถปล่อยวางทุกอย่างไม่มีสิ่งใดติดค้างในโลกนี้ และทำให้เขาได้ไปสวรรค์โดยไม่ต้องลงมาแดนชำระ

แต่กระจกได้สะท้อนภาพของเขาไว้แล้ว และเวลานับร้อยปี ที่ผู้คนล้วนมาสารภาพบาปต่อกระจกนี้ มันได้รวบรวมความชั่วร้ายไว้ภายในจนรวมตัวเป็นรูปร่างขึ้น แล้วสิ่งที่ดึงมันออกมา ก็คือคำอธิษฐานของหญิงที่คล้ายวานาอัน"

ฟาติมาคิดถึงนารินดาขึ้นมา

"ใช่แล้วคำอธิษฐาน และความนึกคิดบางอย่างของเด็กคนนั้น เข้าสัมผัสถึงความรู้สึกผิดอันหนึ่งของอิสฮาน คือการที่เขาทำให้คนที่เขารักมากต้องทนทุกข์ทรมานกับการรอยาวนานถึง 7 ปี รวมกับคนมากมายที่กำลังทุกข์ระทมกับสงคราม ความรู้สึกผิดที่ใหญ่ยิ่งอีกอันของเขาคือการเป็นเหตุแห่งสงครามในเมอร์ริเซีย เหตุปัจจัยทั้งหมดนี้รวมกัน จึงทำให้ตัวตนในกระจกกลับออกมาในโลกจริงนี้ได้"

ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น แสงสีทองก็ส่องลงมา ปรากฎร่างของอิสฮานในวัยเยาว์ วิ่งเข้ากระโดดกอดเนอร์ริเมอร์ "ท่านแม่ ท่านแม่ ข้ารอท่านแม่นานมากเลยรู้ไหม" เนอร์ริเมอร์ กอดลูกชายของเธอแน่น ราวกับกลับว่าเขาจะหลุดหายไป น้ำตาไหลรินเป็นสาย "แม่ไม่ไปไหนอีกแล้ว แม่จะอยู่กับลูกตลอดไป" เธอพรมจูบใบหน้าลูกชายด้วยความรักใคร่ ฟาติมาที่เกิดมาก็มีแต่พ่อ ยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความซาบซึ้งตื้นตัน

อิสอานจูงเนอร์ริเมอร์มาทางฟาติมา พูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มทั้งน้ำตา "ขอบใจเธอมากจริงๆ" พลางยืนมือมาแตะที่หน้าผากของเธอ "เวลามีไม่มากแต่เธอจะเข้าใจทุกอย่าง"

ฟาติมารู้สึกเหมือนมวลความรู้บางอย่างพุ่งเข้าสู่สมองของเธอ เธอล้มลงกับพื้นแต่ไม่รู้สึกเจ็บปวด เธอเห็นทั้งสองกลายเป็นแสงทองพุ่งขึ้นฟ้า ก่อนดวงตาจะพร่าเห็นทุกอย่างจะกลายเป็นแสงสีทอง เธอเข้าสู่ภวังค์ และสมองของเธอเริ่มรับรู้เรื่องราว เมื่อเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเธอรู้สึกสบายเหมือนพักผ่อน เธอไม่รู้ว่าล้มตัวลงนอนนานแค่ไหน จนเธอได้ยินเสียงซิสเตอร์ท่านหนึ่งเรียกเธอ "ฟาติมา หนูเป็นอะไรไป เป็นลมหรือ" ซิสเตอร์พยายามพยุงเธอขึ้น เธอลุกขึ้นบอกซิสเตอร์ "หนูไม่เป็นไรค่ะ แค่หลับไปครู่หนึ่ง ซิสเตอร์คะ กรุณาเรียก พี่รอดริโก้มาพบหนูด่วนที่สุดนะคะ"
ภาพประจำตัวสมาชิก
เซนต์ แมกนัส
0
 
โพสต์: 1390
Cash on hand: 333.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: Heaven's Tear

โพสต์โดย เซนต์ แมกนัส เมื่อ อังคาร ม.ค. 01, 2013 1:07 am

Dark side

เมื่อครั้งที่กระจกถูกนำมาให้อิสฮาน เขามีความรู้สึกผิดในจิตใจมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าความรู้สึกผิดต่อวานาอัน ความรู้สึกผิดต่อซูไลก้าและลูก ความรู้สึกผิดต่อคนมากมายที่ต้องตายเพราะสงคราม และสิ่งที่อยู่ลึกสุดในจิตใจที่ต้องถอนรากออกมาให้ได้ คือความเกลียดชังบิดาของตนเอง ด้วยอานุภาพของกระจกนั้น ช่วยให้ผู้ที่สารภาพบาปอย่างจริงใจถอนรากถอนโคนความผิดบาปในจิตใจของตนเองได้อย่างลึกซึ้ง แต่กระนั้นมันก็กักเก็บทุกสิ่งไว้ในตัวของมันเอง หลายร้อยปีที่เงาแห่งความเกลียดชังโลก เคียดแค้นชะตากรรม ได้ถูกกักเก็บไว้ ในกระจก ภายในนั้นเหมือนนรกย่อมๆ สิ่งที่แข็งแกร่งกว่ากินสิ่งที่อ่อนแอกว่า และเงาของอิสฮานได้ดูดกินทุกความผิดบาปที่เข้ามา จนวันหนึ่งความรู้สึกที่คุ้นเคยที่แทรกผ่านเข้ามา เหมือนแสงสว่างส่องผ่านความมืด มันจึงดึงดูดเงาให้เข้าหา สิ่งที่คล้ายผู้ที่ทำให้รู้สึกผิดนั้นร้องเรียกให้ความผิดเข้ามาหา แต่เมื่อพบว่านั่นไม่ใช่เธอ ความคิดใหม่ก็เข้าทำงานแทน

ฟาติมาเล่าเรื่องทุกอย่างให้รอดริโก้ฟัง และบอกวิธีแก้ปัญหาที่เธอรับรู้มา รอดริโก้ต้องเดินทางตามหาอาวุธของวีรบุรุษในตำนาน ที่เหล่าทูตสวรรค์ได้นำไปซ่อนไว้ อาวุธนี้ ผู้ที่ได้สัมผัส จะไม่อาจทนเก็บงำความโป้ปดหรือปกปิดสิ่งใดในใจตนได้ และมีเพียงผู้ที่ทรงสัจจะและจริงใจที่สุดในซานตาน่าอย่ารอดริโก้เท่านั้นที่จะสามารถใช้อาวุธนี้ได้ การเดินทางต้องผ่านภูเขาที่ครอบครองโดยพวกมนุษย์หมาป่า จึงควรไปเวลากลางวันจะดีที่สุดเพราะในยามแสงจันทร์ส่องพวกมนุษย์หมาป่าจะดุร้ายกล้าแข็งมาก ยิ่งไปกว่านั้นอาวุธนี้ จะมีทูตสวรรค์3องค์ องค์หนึ่งคุ้มครองโล่ องค์หนึ่งคุ้มครองดาบ อีกองค์คุ้มครองผู้ที่ถือ รอดริโก้จะเป็นดังวีรบุรุษในตำนานจริงๆเลยทีเดียว

รอดริโก้ออกเดินทางไปนำอาวุธวิเศษมา ในเวลาต่อมา ตำนานการเดินทางไปรับอาวุธวิเศษนี้เป็นตำนานเล่าขานอีกบทหนึ่งในโลกเทร่าเลยทีเดียว



3สัปดาห์ที่รอดริโก้ออกเดินทาง จักรกลในซาโลม ออกกวาดจับผู้คนที่ซุกซ่อนอยู่เพื่อใช้เป็นทาส และใช้งานหนักจนล้มตายจนเหลือน้อยลงเรื่อยๆ แต่เครื่องจักรก็เริ่มฟื้นตัวเพิ่มจำนวนมากขึ้น และเตรียมพร้อมออกรบอีกครั้ง

รอดริโก้กลับมาพร้อมอาวุธวิเศษในตำนานเมื่อมาถึง ก็มีการฉลองต้อนรับการกลับมา ในงานต้อนรับนั้น รอดริโก้เข้าไปหาอิสฮาน ยื่นโล่ให้อิสฮาน คาลดินัลรีบพูดขึ้นว่า "ท่านอิสฮาน ให้พรอาวุธหน่อยเถิด" อิสฮานนิ่งอึ้งไปสักพักเอื้อมมือไปจับโล่ ทันใดนั้นก็ตัวสั่นทรุดลงจ้องรอดริโก้ด้วยแววตามุ่งร้าย

"ท่านเป็นประกาศกที่กลับมาจากสวรรค์มิใช่หรือ น่าจะชื่นชมในของศักดิ์สิทธิ์อันนี้" รอดริโก้พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ชายที่อ้างว่าชื่ออิสฮานตัวสั่นเทิ้ม เเหมือนบางอย่างจะระเบิดออกมา เขาเค้นเสียงตะโกนดังลั่น "ข้าไม่ใช่มัน" "แกไอ้พวกโง่เง่า แกต้องตายทั้งหมด"

ทุกคนตกตะลึงในท่าทีของเขา รอดริโก้ไม่สะทกสะท้านราวกับรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น "แกเป็นใคร แกต้องการอะไร ในเวลานี้แกเก็บงำสิ่งที่ซ่อนในใจแกไม่ได้อีกแล้ว"

"ข้าคือเงา เงาของมัน ข้าต้องการอะไรน่ะเหรอ ก็ต้องการให้ทุกอย่างพินาศไงล่ะ ทั้งซาโลม ทั้งซานตาน่า อดีตอันทุกข์ทรมานและบ้าบอ ข้าจะล้างผลาญมันให้หมด ลบชื่อ อิสฮาน ออกไปจากประวัติศาสตร์ จะไม่มีใครเล่าถึงอดีตอันขมขื่นนี้ซ้ำซากอีก ทุกอย่างที่เกี่ยวกับชื่อของ 'อิสฮาน' ข้าจะทำให้มันหายไปให้หมด"

ชุดของเงาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำเข้มขึ้น ดวงตาแดงก่ำ ราวกับไม่ใช่มนุษย์ เงาเนรมิตอาวุธออกมาหมายทำลายทุกสิ่ง รอดริโก้เข้าต่อกรด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ การต่อสู้ฟาดฟันรุนแรง เงาเสียท่า โดนดาบฟันแขน มันกรีดร้องเสียงดังก็พุ่งทะยานหายไปทางทิศของซาโลม

นารินดาช๊อคจนสลบไป ชาวซานตาน่าทุกคนตกตะลึงในสิ่งที่เกิดขึ้น เหล่าเทมพลาร์เตรียมพร้อมปกป้องเมือง
ภาพประจำตัวสมาชิก
เซนต์ แมกนัส
0
 
โพสต์: 1390
Cash on hand: 333.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: Heaven's Tear

โพสต์โดย เซนต์ แมกนัส เมื่อ อังคาร ม.ค. 01, 2013 2:12 am

Alliance of Seethe

ในซาโลม การมาของของชายลึกลับที่วูบไหวในเงามืด เข้าโจมตีหุ่นที่มีชีวิต และสูบกินเลือดสีดำที่ให้ชีวิตแก่หุ่นนั้นจนหุ่นนั้นกลับกลายเป็นเศษเหล็กไร้ชีวิต เหล่าหุ่นที่มีชีวิตเรียกประชุมกันในเรื่องนี้ ในเวลาเพียง2คืน จักรกลถูกทำลายไปกว่า100ตัว และสิ่งที่เรียกว่าการกลัวตายของสิ่งมีชีวิตก็เข้าสัมผัสพวกมันเป็นครั้งแรก บัดนี้กลางที่ประชุมชายคนดังกล่าวปรากฎตัวขึ้น พลังกล้าแข็งราวกับเทพเจ้าเพราะได้ดื่มกินเลือดของวาลคิวเร่

"ข้าไม่มาฆ่าพวกเจ้าหรอก เพราะตอนนี้ข้าอยากได้กำลังพลเพื่อทำสงคราม แต่ถ้าเราต้องขัดแย้งกัน มันก็ไม่แน่นะ หึหึ"

พวกหุ่นจำได้ว่านี่คือชายที่เคยต่อสู้ให้ฝ่ายซานตาน่า ในฐานะประกาศกอิสฮาน แต่เวลานี้ เขากลับมีสภาพที่น่ากลัวและแข็งแกร่งกว่าเดิม แต่กลับยื่นข้อเสนอให้ร่วมมือโจมตีซานตาน่า เขาเรียกตัวเองใหม่ว่า ประกาศกมืด พวกจักรกลประมวลผลแล้ว เห็นว่าร่วมมือกันมีผลดีมากกว่าผลเสีย แล้วพันธมิตรทั้งสองก็เตรียมประกาศ สงครามครั้งสุดท้าย กับ นครศักดิ์สิทธิ์ ซานตาน่า



Holy Help

เกือบ3ปี ที่ฟาติมานั้นไม่ได้พบเจอทูตสวรรค์โฮลี่ นอกจากสารที่ปรากฎตัวอักษรเท่านั้น แต่วันนี้พี่ชายฝ่ายวิญญาณที่เธอรัก ปรากฏตัวที่หอคอยทองคำ เขาดูไม่ต่างไปจากเดิม มีแต่เธอเท่านั้นที่เติบโตขึ้น และซานตาน่าที่ทรุดโทรมลงจากสงคราม ฟาติมาดีใจมากรีบเข้าไปหา โฮลี่แจ้งว่า เขาจะอยู่ข้างๆเธอและคอยช่วยเหลือเธอเป็นพิเศษในช่วงเวลานี้ เพราะช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญกำลังมาถึง และขอให้เธออธิษฐานเพื่อผู้ช่วยเหลือพิเศษอีกคนหนึ่งจะได้มาทันเวลา

ในเวลาไม่กี่วัน กองทัพจักรกลจำนวนมาก พร้อมด้วย ประกาศกมืด ก็บุกโจมตีซานตาน่าอีกครั้ง รอดริโก้นำทัพเทมพลาร์เข้าต้านทาน และ ศึกในครั้งนี้ ยากยิ่งกว่าเดิม เพราะประกาศกมืดนั้นมีพลังมากกว่าเดิมและสารารถเนรมิตอาวุธนักร้อยชิ้นเข้าสู้รบในคราวเดียว เหล่าแทมพลาร์บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากจนต้องถอยทัพ ในเวลานั้นเองมีชายคนหนึ่งปรากฎตัวขึ้น เขาแจ้งว่าคือนักเดินทางผู้แสวงบุญที่เข้ามาซานตาน่าได้ไม่นาน และเขามีความสามารถต่อสู้กับประกาศกมืดได้ เพราะเขาคือเจ้าแห่งอาวุธทั้งมวล

รูปภาพ

เมื่อการรบเริ่มขึ้นอีกครั้ง ชายคนดังกล่าวใช้พลังพิเศษของเขาดูดอาวุธทั้งหมดไว้ใต้เท้า ไม่ว่าประกาศกมืดจะเนรมิตอาวุธมากมายเท่าใดก็ถูกดึงไปหมด เหล่าทหารมีขวัญและกำลังใจมากขึ้นในเวลาเดียวกันนั้นเอง ทูตสวรรค์โฮลี่พาฟาติมามายังกระจกทรงสัตย์

"อะไรที่ก่อปัญหาก้ใช้สิ่งนั้นแหละแก้ปัญหา"

ทูตสวรรค์ในร่างของหนุ่มน้อย ยืนหน้ากระจก พร้อมบอกฟาติมาว่า "รู้ไหมว่า พี่เข้ามาในโลกนี้หลายครั้งหลายวาระและหลายรูปแบบในแต่ละช่วงประวัติศาสตร์ ตอนนี้เธอจะได้เห็นภาพสะท้อนของทุกภารกิจที่พี่ลงมาทำ"

ทันใดนั้นกระจกทรงสัตย์ ก็สะท้อนภาพของทูตสวรรค์โฮลี่ มีทูตสวรรค์ 7 องค์บินออกมาจากกระจก ทุกคนในหน้าละม้ายคล้ายกันแต่อายุต่างกันมีทั้งเด็กเล็ก วัยรุ่น ชายหนุ่ม มีทั้งที่อยู่ในชุดเกราะ และอยู่ในชุดยาวงามสง่า



ฟาติมาตกตะลึงในสิ่งที่เห็น ตื่นเต้นจนแทบหยุดหายใจ โฮลี่บอกเธอว่า ทั้งหมดนี่ก็แค่เงาเหมือนกันนะ ตัวจริงมีหนึ่งเดียว การรบเริ่มขึ้นแล้ว ต้องจัดการบางเรื่องให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ในสนามรบการรบพุ่งดำเนินต่อไป ประกาศกมืดเรียกอาวุธอันใหม่เป็นเคียวขนาดใหญ่ ตวัดทำลายได้รุนแรง เหล่าแทมพลาร์ต่อสุ้อย่างยากลำบาก แถมต้องรับมือพวกเครื่องจักรอีก อยู่ๆนารินดาปรากฎตัวในสนามรบ ดูเหมือนประกาศกมืดจะตกตะลึงชั่วครู่ เธอจึงวิ่งเข้ากอดแขนข้างที่ถือเคียวของเขา ร้องไห้ฟูมฟายขอร้องให้เขาหยุดทำสิ่งเลวร้าย

ประกาศกมืด เชยคางเธอขึ้น เช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมา พร้อมพูดว่า "เธอรู้ไหม เธอเองก็เป็นความทรงจำที่สำคัญอันหนึ่งของฉัน และนั้นทำให้ฉันต้องทำให้เธอหายไปด้วย"

ประกาศกมืดเหวี่ยงร่างของเธอลอยจากพื้น ก่อนจะตวัดเคียวแทงทะลุร่างของเธอ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เซนต์ แมกนัส
0
 
โพสต์: 1390
Cash on hand: 333.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: Heaven's Tear

โพสต์โดย เซนต์ แมกนัส เมื่อ อังคาร ม.ค. 01, 2013 2:57 am

Mirror of Truth

ในเวลานั้นมีชายแปลกหน้าอีกคนหนึ่งที่เดินทางเข้ามายังซานตาน่า ในชุดเกราะสีฟ้างดงาม เขาอาสาขอเข้าร่วมรบ เพียงแต่ว่ายังไม่มีอาวุธใดๆเลย ทุกคนแปลกใจที่เขาจะรบด้วยมือเปล่าได้อย่างไร แต่เขายืนยันว่าสามารถชนะพวกจักรกลได้เพราะอาวุธกำลังจะมา

ฟาติมากลับขึ้นไปบนหอคอยทองคำ โฮลี่ทั้ง8 บอกแผนการแก่เธอเพียงแต่เธอต้องอธิษฐานภาวนาตลอดการรบ เพราะการรบครั้งนี้ มีผู้ช่วยเหลือพิเศษที่ต้องการพลังอธิษฐานอย่างมาก ฟาติมาเมื่อทราบแผนการแล้ว ก็เพ่งจิตภาวนาไปยังสนามรบตลอดเวลา

ทูตสวรรค์ 7องค์บินไปยังสนามรบ โดย โฮลี่นั้นบินกลับไปนำสิ่งของบางอย่างเพื่อตามไปภายหลัง ระหว่างบินไปนั้น ก็พบนักรบเกราะสีฟ้าที่กำลังเข้าสู่สนามรบ นักรบผู้นั้นพูดกับทูตสวรรค์ทั้ง7 ราวกับรู้จักกัน "ทันเวลาพอดีนะ"

ทูตสวรรค์ทั้ง7 เนรมิตดาบและโล่ที่เป็นน้ำ ให้นักรบผู้นั้น เขาได้เข้ารบด้วยอาวุธพิเศษที่เป็นน้ำ นั้นทำลายระบบไฟฟ้าของเครื่องจักรจนช๊อตลัดวงจร นักรบผู้นั้นใช้อาวุธพิเศษนี้อย่างคล่องแคล่ว ทำลายจักรกลลงมากมาย

ทูตสวรรค์ทั้ง7 เข้าโจมตีประกาศกมืด ในเวลานี้ ทั้ง 7 ได้ต่อสู้โรมรันพันตูอยู่ จนแสงแดดสะท้อนบางสิ่งบางอย่างวิบวับ ทูตสวรรค์โฮลี่ นำกระจกทรงสัตย์มาที่สนามรบ



ประกาศกมืดอ่านแผนการออก แต่ตอนนี้ก็สายไปแล้ว ทูตสวรรค์ทั้ง7 เข้ากุมรุมจับแขนขา ล๊อคคอ ดึงร่างประกาศกมืดกลับเข้าไปในกระจก ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์

เมื่อทุกคนหายเข้าไปในกระจกแล้ว ทูตสวรรค์โฮลี่ ก็กระโดถีบบานกระจกนั้นจนแตกกระจายร่วงเป็นเศษผงลงทั่วสนามรบ

ในเวลานี้เหลือเพียงทัพจักรกลที่ถูกทำลายเกินครึ่ง พวกมันที่เริ่มรู้จักรักชีวิตก็รีบเผ่นหนีกลับเมือง ส่วนพวกไร้ชีวิตก็ถูกทิ้งไว้จนโดนทำลายหมดสิ้น

เมื่อการรบเสร็จสิ้น ชายลึกลับทั้งสอง ก็ร่ำลากลับ รอดริโก้นึกขึ้นได้ว่าความสามารถของทั้งสองนั้นแปลกพิศดารมาก จึงอยากไถ่ถามและทำความรู้จัก แต่เมื่อวิ่งตามไป ชายทั้งสองก็หายไปแล้ว ฟาติมานั้นรู้ทันทีว่าชายทั้งสองคือใคร แต่เธอก็คิดว่าเก็บไว้ในใจจะดีกว่า

ชัยชนะครั้งนี้แม้จะน่ายินดี แต่เหล่าจักรกลแห่งซาโลมยังคงอยู่ที่นั่น วันดีคืนดีเมื่อซ่อมแซมและเพิ่มจำนวนก็จะกลับมาอีก สิ่งนี้นำความรู้สึกหดหู่ในใจลึกๆมาให้ทุกคน

สองวันต่อมา มีกลุ่มผู้อพยพมาจากซาโลม มีทั้งคนบาดเจ็บ เด็ก และ ผู้หญิง ซึ่งเป็นกลุ่มเล็กๆจำนวน 8 คน

เมื่อได้รับการช่วยเหลือ ทั้งหมดเล่าว่า ได้พยายามหลบซ่อน และหนีออกมาช่วงที่หุ่นมารบ และในซาโลมตอนนี้มนุษย์สูญสิ้นหมดแล้ว กลุ่มของพวกเขาคือกลุ่มสุดท้าย และมั่นใจว่าไม่มีใครเหลือแล้วนอกจากพวกเครื่องจักร พวกเขายังเล่าอีกว่า ขณะนี้พวกเครื่องจักรก้าวหน้าในการสร้างจักรกลเพิ่มขึ้นทุกวัน ทุกอย่างเป็นระบบที่หมุนเวียน ในการสร้าง ดึงทรัพยากรจากเหมือง การรื้อซ่อมของเก่า

เหล่านักรบ คาลดินัล ประชุมกัน อย่างเคร่งเครียด เพราะหากเป็นเช่นนี้ การบุกซานตาน่าก็จะเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่จบสิ้น นอกจากจะต้องบุกทำลายที่แหล่งของซาโลมเท่านั้น

แต่ในสภาพของกองทัพในเวลานี้ที่กรำศึกมาหลายปี มีแต่ความลำบากยากแค้น คนก็มีแต่อพยพย้ายออก จะเอากำลังไปบุกซาโลม ก็คงทำได้ยากยิ่ง ซานตาน่าที่อ่อนแรงลงทุกเวลา กับซาโลมที่กำลังเสริมสร้างตนเองขึ้นเรื่อยๆ หากวันใดวันหนึ่งเวลาแห่งความเพลี้ยงพล้ำมาถึง ก็อาจเป็นจุดจบของนครศักดิ์สิทธิ์นี้เช่นกัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
เซนต์ แมกนัส
0
 
โพสต์: 1390
Cash on hand: 333.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: Heaven's Tear

โพสต์โดย เซนต์ แมกนัส เมื่อ อังคาร ม.ค. 01, 2013 4:33 am

หลุยส์ สตีเฟน และฟรานซิส ซึ่งเป็น คาริสมาติกเทมพลาร์ ตกลงใจกันว่าจะแอบเข้าไปสอดแนมในซาโลม เพื่อหาข่าวและหาข้อมูลในความเป็นไปได้ทั้งหมดที่จะบุกยึดซาโลม ทั้งหมดลอบเข้าไปราว1สัปดาห์ เมื่อกลับมา มีเพียงหลุยส์ ฟรานซิสที่บาดเจ็บ และร่างไร้วิญญาณของสตีเฟน ทุกคนเสียใจมากโดยเฉพาะในกลุ่ม คาริสมาติกเทมพลาร์ที่ร่วมรบด้วยกันมาโดยตลอด และข้อมูลที่ได้มานั้น ก็ยิ่งทำให้ความเป็นไปได้ในการบุกยึดซาโลมเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น ซาโลมนั้นใหญ่โตกว่าซานตาน่าหลายเท่า ยิ่งในเวลานี้ พื้นที่ทั้งหมดกลายเป็นจักรกลทั้งเมือเชื่อมต่อและแทบจะกลายเป็นโครงข่ายจักรกล มีจักรกลขวักไขว่ และมีระบบป้องกันภัยที่ซับซ้อน และแม้สตีเฟนที่มีพลังพิเศษก็ยังตกเป็นเหยื่อของการทำลายของจักรกล

เรื่องที่น่ากังวลอีกอย่าง ดูเหมือนว่าจักรกลกำลังพร้อมจะบุกอีกระลอกในเร็วๆนี้

ทุกคนสลดหดหู่ใจ เพราะตอนนี้คงเหลือแต่การตั้งรับไปเรื่อยๆ การเป็นฝ่ายบุกเห็นทีจะยากยิ่ง

ฟาติมาเสียใจมาก ร้องไห้เสมอในเวลาอธิษฐาน ขอทางออกที่ความทุกข์และความทรมานของทุกคนจะจบสิ่้นเสียที ในไม่ช้าเธอได้สติขึ้นมาว่าการฟูมฟายไม่ช่วยอะไร เธอจึงทุ่มเทสมาธิและจิตใจในการอธิษฐานเพื่อขอความช่วยเหลือจากเบื้องบน

The Prayer

ฟาติมาถือศีล รับประทานเพียงขนมปังกับน้ำเปล่า เธออธิษฐานด้วยความพากเพียรจนถึงวันที่7 เธอเข้าสู่ภวังค์ล้ำลึก ท่านนักบุญอลาน่าปรากฎมาพบเธอ และเธอได้เก็บข้อความในการสนทนาทั้งหมดนี้เป็นความลับ

รูปภาพ

ฟาติมานั้นตั้งแต่อยู่ในหอคอย ก็เหมือนไม่มีญาติพี่น้อง นอกจากซิสเตอร์ที่ดูแล และรอดริโก้ที่เป็นเหมือนพี่ชาย ฟาติมาเชิญรอดริโก้มาพบ และการสนทนาที่หอคอยทองคำในเวลาเย็นที่มีสายลมอ่อน ภายใต้ท้องฟ้าสีทองก็เริ่มขึ้น ทั้งสองพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบ พูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา

"ถ้าสงครามสงบลง พี่รอดริโก้จะได้แต่งงานกับพี่ซิเมนอาซะทีนะ "
"อะไรกันฟาติมาอยู่ๆก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา" รอดริโก้หันหน้ามองทิวทัศน์ด้วยความเขิน
"จริงๆนะ ถ้าพี่สองคนแต่งงานกันหนูจะดีใจมาก"
รอดริโก้มองไปไกลลิบคิดถึงสันติภาพที่ดูจะไกลห่าง

"หนูรู้ดีว่าเพื่อความสงบสุขของทุกคน พี่จะไม่เสียดายชีวิตเลยทีเดียว พี่รู้ไหม หนูก็ยินดีทำเหมือนกัน"
รอดริโก้จับไหล่ฟาติมาเบาๆ
"พี่รู้ดีว่า ฟาติมากล้าหาญ ไม่แพ้ทหารคนไหนในหน่วยของเราเลย แต่ตอนนี้ฟาติมาก็สละชีวิตเพื่อทุกคนอยู่แล้วนี่"
"แต่หนูทำได้มากกว่านั้นนะคะ"
เธอจ้องรอดริโก้ สีหน้าจริงจัง
"ถ้าหนูสละชีวิตเพื่อทุกคนจริงๆ พี่รอดริโก้อย่าเสียใจนะเพราะหนู ภูมิใจและยินดีมาก"
"ถ้าใครมาทำอะไรฟาติมา ต้องข้ามศพพี่ไปก่อน"
ฟาติมากอดรอดริโโก้ พยายามกลั้นน้้ำตา
"หนูรู้ว่าพี่ทำแบบนั้นแน่ๆ"

รอดริโก้ขมวดคิ้วถามขึ้น
"ทำไมอยู่ๆพูดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาล่ะ"
ฟาติมาแสร้งเดินไปที่ระเบียง สะกดกลั้นความรู้สึกในชั่วครู่ หันมายิ้มกล่าวว่า
"หนูรู้ทางที่สันติภาพจะเกิดขึ้นได้ แต่หนูยังบอกใครไม่ได้ อีกไม่นานพี่ก็จะรู้"
ฟาติมาชี้ไปที่สารสวรรค์บนโต๊ะของเธอ

"พี่รู้ใช่ไหมว่าม้วนสารนั้นมีความพิเศษ บางคนจะเห็นตัวอักษรในนั้นได้ วันหนึ่งพี่ก็จะเห็นและพี่ก็จะเข้าใจอะไรหลายอย่างเลย"
รอดริโก้ยิ้ม มองเด็กสาวอย่างเอ็นดู
"พี่จะมีบุญได้เห็นกับเขาเมื่อไรก็ไม่รู้ ฟาติมาพร้อมเมื่อไร ค่อยบอกพี่ก็ได้"

"พี่จะได้เห็นจริงๆนะคะ แต่พี่รับปากหนูนะ ว่าเมื่อสันติภาพเกิดขึ้น พี่จะแต่งงานกับพี่ซิเมนอา และใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข"
"จ๊ะๆ แต่งก็แต่ง ว่าแต่ฟาติมาเองก็ต้องมีความสุขด้วยนะ"
ฟาติมายิ้มตาเป็นประกายอิ่มอาบด้วยน้ำตาที่หล่อเลี้ยง
"ถ้าสันติภาพเกิดขึ้น หนูจะมีความสุขกว่าใครทั้งหมดเลย"
ภาพประจำตัวสมาชิก
เซนต์ แมกนัส
0
 
โพสต์: 1390
Cash on hand: 333.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: Heaven's Tear

โพสต์โดย เซนต์ แมกนัส เมื่อ อังคาร ม.ค. 01, 2013 4:53 am

Heaven Punishment

ในวันนี้คือวันที่ต่างไปจากทุกวันฟาติมามองไปยังซาโลมด้วยแววตามุ่งมั่น เธอได้รับรู้ว่า วันนี้จักรกลในซาโลมกำลังจัดเตรียมทัพเพื่อมาบุกซานตาน่าอีกครั้ง

ฟาติมาเริ่มเพ่งพิศอธิษฐาน วอนขอในสิ่งที่น้อยคนนักจะกล้า ในเวลาไม่ช้า จักรวาลเริ่มระส่ำระสาย ทูตสวรรค์ที่ถือการลงทัณฑ์ ถูกเร้าวิงวอนให้ออกมาจากที่พำนัก ในสวรรค์พรั่นพรึ่งกับโทษทัณฑ์ที่ทูตสวรรค์นำมา ทูตสวรรค์องค์นั้น มองมาที่โลกมีหยาดน้ำตาหยดหนึ่งไหลรินออกมา แต่ไม่ใช่เพื่อผู้รับโทษ แต่เพื่อใครที่อ้อนวอนสิ่งนี้อยู่

ทูตสวรรค์องค์นั้นขว้างสิ่งที่อยู่ในมือมายังโลก เมฆก็แหวกออก มวลอากาศก็ส่งเสียงกรีดร้อง แผ่นดินก็สั่นสะท้านด้วยความกลัว มนุษย์ในโลกล้วนรู้สึกถึงความปั่นป่วนนี้

บนท้องฟ้าเหนือซาโลม ปรากฎอุกาบาตขนาดมหึมา ที่คุกกรุ่นด้วย เปลวเพลิง สะเก็ดของมันเริ่มแตกกระจายกลางอากาศ เป็นอุกกาบาตเล็กอีกหลายลูก ชาวซานตาน่ามองเห็นอุกกาบาตนี้ได้จากเมืองของตน เหล่าจักรกลเปิดระบบเตือนภัยและระบบป้องกันทั่วทั้งเมือง

รูปภาพ

ทันทีที่อุกาบาตเพลิงขนาดยักษ์บดขยี้มหาอาณาจักรใหญ่ จนแหลกสลายลงถึงใต้ชั้นดิน เสียงดังสนั่นลั่นทั่วพื้นดิน แผ่นดินไหวสั่นสะเทือนไปทั่วภูมิภาค จนถึงซานตาน่า หอคอยทองคำถึงกับโยกคลอน ตึกรามบ้านช่องหลายแห่งถึงกับแตกร้าว กำแพงเมืองบางส่วนพังลงมา ชาวบ้านกรีดร้องด้วยความตกใจ

ส่วนซาโลมนั้น ราบหายเป็นหลุมลึกลงกว่าพื้นดิน เครื่องจักรทุกชิ้นถูกบดละเอียดลงบี้แบน และละลายหายไปในความร้อน ไม่เหลือแม้หินซ้อนกันสักก้อน มหาอาณาจักรใหญ่หายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนตั้งอยู่ที่นั่นมาก่อน ฝุ่นตลบฟุ้งเป็นหมอกไปทั่ว มีแสงสีแดงจากเปลวไฟที่ยังไหม้กรุ่นอยู่

เมื่อแผ่นดินไหวสงบลง รอดริโก้รีบวิ่งขึ้นไปที่หอคอยเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของฟาติมา ทันทีที่ประตูเปิดออก เขาเห็นร่างของเด็กสาวยังคงอยู่ในท่าทางการอธิษฐาน

"ฟาติมาปลอดภัยใช่ไหม"

ในม่านฝุ่นจางๆนั้น เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ สิ่งที่เขาเห็นก็ทำให้เขาใจหายวูบ

รูปภาพ

สิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่ร่างกายมนุษย์ แต่เป็นร่างหินอ่อน ที่สัดส่วนและรูปร่างเหมือนคนจริงทุกประการ เหมือนฟาติมาทุกอย่าง

รอดริโก้ เข่าอ่อนทรุดลงสัมผัสร่างหินอ่อนนั้น เป็นหินอ่อนสีขาวแท้ๆ รอยยับย่นของผ้านั้นยังดูราวกับพริ้วไหวได้

เขารีบคว้าสารสวรรค์มาอ่านดู แล้วเขาก็พบตัวหนังสือ ปรากฎขึ้น เมื่ออ่านจบ รอดริโก้เงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตามองมายังรูปหินอ่อนนั้น สารหล่นลงจากมือและเขาไม่มีเรี่ยวแรงจะยืน ทรุดลงกับพื้นคลานเข้ากอดรูปหินอ่อนนั้น

"ทำไมทำแบบนี้ ทำไมต้องเป็นวิธีนี้" ชายชาตินักรบร้องไห้เสียงดังอย่างไม่อายใคร ก่อนเสียงหนึ่งจะดังก้องขึ้นมาในหัวเขา "พี่รับปากหนูนะ....ว่าจะมีความสุข"

รอดริโก้เช็ดน้ำตา มองไปที่รูปหินอ่อน "ฟาติมาก็สัญญากับพี่ว่าจะมีความสุข ทำไม..."

ชายหนุ่มสังเกตว่าใบหน้าของรูปหินอ่อนนั้น มีรอยยิ้มน้อยๆอยู่ และรอยยิ้มนั้นก็คงอยู่บนใบหน้าของรูปหินอ่อนนี้ ตลอดเวลา...
ภาพประจำตัวสมาชิก
เซนต์ แมกนัส
0
 
โพสต์: 1390
Cash on hand: 333.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

ย้อนกลับ

ย้อนกลับไปยัง Summoner Novel

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน