Chapter 54 อาณาจักรฟูดินัน
กลางดึกสงัดที่แสนจะหนาวเหน็บในดินแดนทะเลทรายอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ บรรดาผู้คนในอาณาจักรซาโลมต่างก็หลับใหลซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มขนสัตว์หนานุ่มและอบอุ่น ทว่ามีใครคนหนึ่งกลับกำลังนอนกระสับกระส่ายอย่างไม่เป็นสุขในสถานที่ที่เรียกได้ว่าหรูหราและสะดวกสบายที่สุดในอาณาจักรทะเลทรายแห่งนี้
บนแท่นบรรทมที่แสนจะงดงามวิจิตรด้วยผ้าแพรหลากสีและลวดลายสลักเสลาที่ฐานอย่างประณีตเป็นรูปพญาวิหคเพลิงกางปีกอยู่โดยรอบ เสียงพึมพำเบา ๆ ดังแว่วจากทางแท่นบรรทมเป็นระยะ ๆ บ่งบอกว่าผู้ที่หลับใหลอยู่บนแท่นนั้นคงจะฝันถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยน่ารื่นรมย์นัก อุณหภูมิภายในห้องนั้นเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผิดกับอุณหภูมิภายนอกที่ยังคงลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง
“ไม่... ปล่อยเขา...” เสียงพึมพำนั้นเริ่มดังขึ้น “เดี๋ยวก่อน... อย่าไป... ซาดิน!!”
ราชินีเนริมอร์ทรงผวาลุกขึ้นจากแท่นบรรทมด้วยความตกพระทัย ดวงพักตร์ของพระนางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทรงหายใจถี่ ๆ เหมือนคนที่เหนื่อยแทบขาดใจซึ่งพยายามสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปในร่างกายให้มากที่สุด พระนางทรงเหลือบมองโดยรอบห้องบรรทมพลางยกพระหัตถ์ข้างหนึ่งขึ้นลูบอกและลำคอเพื่อบรรเทาอาการตื่นตระหนกจากฝันร้ายนั้น ทรงรู้สึกคอแห้งผากจนแทบจะเป็นผงเหมือนคนขาดน้ำในทะเลทราย แม้จะทรงตื่นตัวเต็มที่แล้วแต่ก็ยังรู้สึกใจคอไม่ดีเอาเสียเลย ลมจากภายนอกหน้าต่างพัดลอดช่องหน้าต่างบานหนึ่งที่เปิดแง้มเป็นช่องเล็ก ๆ เข้ามา สายลมเย็นยะเยือกสัมผัสถูกผิวกายที่ชื้นเหงื่อของพระนางจนทำให้พระนางสะดุ้งเฮือกด้วยความประหลาดพระทัย พระนางเพิ่งจะสังเกตว่าอุณหภูมิในห้องสูงกว่าปกติ เมื่อพระนางทรงพยายามข่มพระทัยให้สงบ อุณหภูมิในห้องจึงค่อย ๆ ลดลงจนเป็นปกติ
“นี่มัน...อะไรกัน?” ราชินีเนริมอร์ตรัสดังนั้นแล้วก็ทรงทบทวนความฝันทั้งหมดด้วยความวิตกกังวล ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกประหลาดพระทัยเกินกว่าจะทำเป็นเพิกเฉยได้ พระนางจึงทรงรีบลุกออกจากแท่นบรรทม ฉวยไม้สลักตีฆ้องเป็นสัญญาณเรียกนางกำนัลต้นห้องทันที ไม่กี่อึดใจนางกำนัลต้นห้องที่ใบหน้ายังคงมีอาการง่วงงุนก็รีบวิ่งเข้ามาหมอบแทบบาทองค์ราชินีเพื่อรอฟังคำบัญชา
“ทันทีที่ดวงอาทิตย์เริ่มฉายแสง จงรีบส่งคนไปเชิญผู้พยากรณ์นาซาอีแล้วให้นางไปพบข้าที่เรือนรับรองฝั่งตะวันออกทันที”
“เพคะ” นางกำนัลต้นห้องรับคำก่อนจะสาวเท้าออกจากห้องไปจัดการตามที่ได้รับบัญชาทันที
ราชินีเนริมอร์ทอดพระเนตรแสงสีทองที่ค่อย ๆ ทอแสงให้ความสว่างไสวแก่อาคารน้อยใหญ่ที่ตั้งเรียงรายอย่างแออัดในเขตชุมชนขั้นในของอาณาจักรเพลิง ไกลออกไปนอกกำแพงเมือง เนินทรายสูง ๆ ต่ำ ๆ ที่ถูกสายลมพัดจัดตลอดทั้งคืนนั้นหลงเหลือร่องรอยให้สังเกตเห็นได้จากบริเวณยอดเนินที่มีเส้นขอบโค้งคมกริบ แสงสะท้อนสีทองของยามรุ่งอรุณทำให้มองดูเหมือนภูเขาทองคำอร่ามตา ราชินีเนริมอร์ทรงถอนพระทัยเบา ๆ พระนางควรจะรู้สึกเพลิดเพลินในการชมทัศนียภาพยามเช้ามากกว่านี้ ทว่าวันนี้จิตใจของพระนางไม่สู้ดีเอาเสียเลย หากไม่ใช่เป็นเพราะฝันประหลาดนั่น พระนางถอนหายใจอย่างหงุดหงิดอีกครั้งเมื่อนาซาอียังเดินทางมาไม่ถึงเสียที สตรีผู้สูงศักดิ์ทรงหย่อนองค์แรง ๆ ลงบนเบาะทรงกลมสีแดงใบใหญ่ที่ถูกจัดไว้บนแท่นยกพื้นสูง เมื่อเห็นว่าผู้พยากรณ์คงจะยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าจะเดินทางมาถึงจึงได้เริ่มคิดพิจารณาความแปลกประหลาดของความฝันที่เกิดขึ้น
อันที่จริงพระนางทรงฝันร้ายติด ๆ กันเช่นนี้มาสามวันแล้ว แต่เมื่อคืนนี้ความฝันดูชัดเจนและสมจริงจนเมื่อพระนางตื่นขึ้นกลับยังคงรู้สึกเหมือนเหตุการณ์ในฝันเกิดขึ้นจริง ๆ ภายในห้องบรรทมนั้น ซึ่งความฝันนั้นเริ่มขึ้นนับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งจาก เบลส เซจ ว่าขบวนพระศพของกษัตริย์ซาดินที่ใช้ทัพนกโมฮาโดยคัดเอาแต่ตัวที่ฝีเท้าจัดออกเคลื่อนทัพทั้งกลางวันกลางคืนกำลังเคลื่อนมาใกล้เขตซาโลมแล้ว ซึ่งคงจะมาถึงซาโลมในอีกสี่หรือห้าสัปดาห์ข้างหน้า ราชินีเนริมอร์ทรงเบ้พระพักตร์เมื่อนึกถึงการจัดขบวนพระศพสวามีของอุปราชเฒ่า ช่างไม่สมพระเกียรติเอาเสียเลย ซาดินเป็นถึงกษัตริย์แห่งจักรวรรดิซาโลม พาหนะเทียมพระศพก็ควรจะเป็นมังกรมิใช่นกยักษ์ที่มีดาษดื่นเช่นนี้ นี่เพราะไม่ใส่ใจ, ไม่รู้ธรรมเนียม หรือโง่เง่ากันแน่ ยิ่งคิดก็ยิ่งชวนให้หงุดหงิด เมื่อโอรสของพระนางเข้าพิธีปราบดาภิเษกเมื่อไร พระนางจะให้เนรเทศเจ้าอุปราชเฒ่านี่ก่อนเป็นอันดับแรก หน้าที่ดูแลถวายคำแนะนำและการรับใช้ข้างกายโอรสของพระนางมีท่านนาริสเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้ว เมื่อทรงคิดได้ดังนั้นก็จึงค่อยสบายพระทัยขึ้น
ระหว่างที่กำลังทรงเพลินอยู่กับความคิดนั้น พลันความคิดของพระนางก็ถูกขัดจังหวะ เมื่อจู่ ๆ เสียงประกาศแจ้งการมาถึงของผู้พยากรณ์นาซาอีก็ดังขึ้น ราชินีเนริมอร์ทรงรีบโบกพระหัตถ์เป็นสัญญาณให้นายทวารทันที บานประตูสลักถูกเปิดออกอย่างช้า ๆ พร้อมกับปรากฏร่างของสตรีในชุดสีแดงเพลิงคลุมใบหน้ามิดชิดยืนเด่นอยู่ระหว่างช่องประตูที่เปิดออก ดวงตาของนางยังคงดูสงบนิ่งและคมเฉียบเหมือนเมื่อเกือบสิบปีก่อนไม่มีผิดเพี้ยน คล้ายกับนาฬิกาชีวิตของนางเดินช้ากว่าคนทั่วไป นางยอบกายลงเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ ย่างเท้าเข้ามายืนอยู่เบื้องหน้าองค์ราชินี