Chapter 53 ขุนพลปีศาจ
ภายหลังจากที่ข่าวการเสด็จสวรรคตของกษัตริย์ซาดินแพร่ออกไป ประชาชนทั่วทุกหัวระแหงก็เริ่มเกิดความรู้สึกนึกคิดโต้แย้งแตกแยกไปต่างๆ นานา บ้างก็ดีใจสิ้นกษัตริย์ผู้กระหายสงคราม บ้างก็เสียใจเพราะวาดฝันไว้ถึงดินแดนอันแสนอุดมสมบูรณ์ ที่ไม่รู้ว่าผู้ปกครองคนใหม่จะมีความสามารถพอจะช่วงชิงมันมาได้หรือไม่ บ้างก็วิตกกังวลถึงกษัตริย์ผู้ปกครองคนใหม่ซึ่งตามศักดิ์แล้วก็ควรจะเป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวของกษัตริย์ซาดิน คือ เจ้าชาย ซาร์ อิสฮาน แต่พระองค์ก็ยังทรงพระเยาว์เกินกว่าจะปกครองจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่อย่างซาโลมได้เพียงลำพัง เช่นนั้นแล้วใครกันเล่าจะขึ้นมาเป็นผู้สำเร็จราชการแทน ตามธรรมเนียมแล้ว อาณาจักรซาโลมไม่ยอมรับเรื่องการให้หญิงมีอำนาจเหนือชาย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะอัญเชิญพระราชินี เนริมอร์ ขึ้นถือตำแหน่งสูงสุดในแผ่นดิน แม้พระนางจะเป็นถึงราชินีและพระราชชนนีก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ประชาชนในซาโลมซึ่งเริ่มเกิดความไม่มั่นคงในจิตใจ ความระส่ำระสายเริ่มก่อตัวขึ้นและค่อยๆ แผ่ไปในทุกหย่อมหญ้า แม้กระทั่งภายในพระราชวังหลวงแห่งจักรวรรดิซาโลมเองก็เช่นกัน บรรดาขุนนางต่างก็เริ่มจับกลุ่มแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เพราะต่างก็เริ่มเล็งเห็นแล้วว่าผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะได้เป็นใหญ่ถือตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระโอรสองค์น้อยคงไม่พ้น มหาอำมาตย์นาริส สุไลมาน อุปราชเบลซ เซจ และเป็นผู้ใหญ่ในกองทัพรองจากกษัตริย์ซาดิน ซึ่งก็คือจอมทัพทมิฬราโชยู
ส่วนผู้ที่ยังคงโศกเศร้าเสียใจกับการจากไปของกษัตริย์ซาดินก็ยังมีอยู่ไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือมหาอำมาตย์นาริส สุไลมานนั่นเอง เพราะภายหลังจากแจ้งข่าวการเสด็จสวรรคตของกษัตริย์ซาดินต่อราชินีเนริมอร์และเหล่าขุนนางแล้ว เขาก็เก็บตัวอยู่ในห้องทำงานแทบจะตลอดทั้งวัน แม้แต่การถวายการสอนให้กับพระโอรสก็ถูกขอพักไว้ชั่วระยะหนึ่ง แต่ทั้งนี้ก็สอดคล้องกับที่ทุกฝ่ายจะต้องเตรียมการพระราชพิธีปลงศพของกษัตริย์ซาดิน และพิธีราชาภิเษกของพระโอรส ซาร์ อิสฮาน ถึงแม้ว่ามหาอำมาตย์จะไม่ขอพัก ก็คงต้องถูกขอให้พักการถวายการสอนอยู่ดี เพราะผู้ที่เป็นใหญ่ในดินแดนแห่งนี้ถ้าไม่นับอุปราชและจอมทัพทมิฬที่ยังคงติดพันอยู่ที่สนามรบ ก็มีเพียงมหาอำมาตย์ นาริส เท่านั้น ส่วนพระนางเนริมอร์ เมื่อสิ้นกษัตริย์ซาดิน แม้พระนางยังคงมีอำนาจสิทธิ์ขาดต่างๆ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าอีกไม่นาน พระนางก็จะเหลือเพียงตำแหน่งพระราชชนนีเท่านั้น อำนาจของพระนางจะยังคงอยู่ต่อไปอีกนานเท่าใดก็ขึ้นอยู่กับกษัตริย์องค์ต่อไปจะคงอำนาจไว้ให้โดยจะผ่านความเห็นชอบของผู้สำเร็จราชการแทนด้วย ดั้งนั้นในเวลานี้ในพระราชวังจึงเกิดความระส่ำระสายไม่แพ้กัน
ขณะที่มหาอำมาตย์ผู้สูงวัยกำลังเหม่อมองออกไปไกลในดินแดนทะเลทรายที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาผ่านหน้าต่างยอดโค้งฟากที่ติดกับโต๊ะทำงานของเขานั้น แสงสะท้อนที่กำลังเต้นเคลื่อนไหวอยู่ไกลๆ นั้นช่างดูเหมือนพื้นน้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลน่าลงไปแหวกว่ายเพื่อคลายความร้อนระอุแสนหฤโหดในดินแดนทะเลทรายแห่งนี้นัก หากเขาไม่ได้อยู่ในทะเลทรายมาตลอดชีวิตก็คงจะวิ่งไล่ตามพื้นน้ำจอมปลอมนั้นจนขาดใจตาย เหมือนพวกที่หลงเข้าไปในทะเลทรายแล้วไม่เคยได้กลับออกมาอีกเลย นาริส สุไลมาน ถอนใจอย่างแรงราวกับว่าเขาหวังจะให้ความทุกข์ที่กำลังสะสมอยู่ในอกเขาจนล้นปรี่นั้นได้ทุเล่าเบาบางลงบ้าง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ลดน้อยลงเลย ทำไมหนอเมื่อครั้งที่การบุกฟีเลเซียยังเป็นแค่การปรึกษาหารือ ทั้งๆที่เขารู้อยู่เต็มอกถึงการวาดความฝันอันสวยหรูของอุปราชเบลซเซจ ทำให้กษัตริย์ซาดินทรงตัดสินพระทัยนำซาโลมเข้าสู่มหาสงครามในครั้งนี้ ทั้งๆที่เขารู้ว่าหนทางจะไม่สวยหรูและได้มาง่ายๆดังเช่นที่อุปราชเฒ่าบอก ทำไมเขาจึงไม่พยายามพูดโน้มน้าวเตือนสติพระองค์ให้มากกว่านั้น หากเขาพยายามมากว่าที่ได้ทำลงไป เขาอาจจะโน้มน้าวสำเร็จและไม่กลายเป็นเรื่องเศร้าอย่างเวลานี้ การสวรรคตของกษัตริย์ซาดินคือความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย มหาอำมาตย์ทอดถอนใจอีก ก่อนจะซบใบหน้าลงในฝ่ามือทั้งสองข้าง ศีรษะของเขาหนักอึ้ง หัวใจของเขารู้สึกห่อเหี่ยว ร่างกายไร้ซึ่งเรี่ยวแรงใดๆ
“ท่านนาริสทุกข์ใจหรือ?”
เสียงเล็กๆ ของเด็กชายดังขึ้นข้างๆ ตัวเขา ทำให้มหาอำมาตย์ใจหายวาบรีบเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ จึงได้เห็นว่าเจ้าชายอิสฮานทรงกำลังยืนเอาพระหัตถ์ทั้งสองข้างวางซ้อนกันบนโต๊ะเพื่อรองใต้คาง พระองค์เอียงพระศอพยายามทอดพระเนตรลอดช่องฝ่ามือของมหาอำมาตย์ คิ้วน้อยๆ ขมวดแน่นริมพระโอษฐ์ยื่นออกน้อยๆ ด้วยความสงสัย
“ฝ่าบาท ทรงมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่พ่ะย่ะค่ะ?” มหาอำมาตย์ทูลถามเมื่อตั้งสติได้
“เรามาได้สักพักแล้ว แต่เห็นท่านคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ดูท่าทางเคร่งเครียดมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นเราว่าเดินเข้ามา เราได้ยินพวกทหารพูดกันว่าท่านไม่ค่อยสดชื่น เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องทำงาน ตั้งแต่วันที่ทราบข่าวการตายของเสด็จพ่อ ท่านนาริส” เจ้าชายอิสฮานทรงหยุดลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตรัสต่อ “ท่านนาริสเสียใจที่เสด็จพ่อตายรึ?”
“พ่ะย่ะค่ะ” นาริส สุไลมานทูลตอบเสียงเรียบแต่ดวงตาฉายแววแห่งความเศร้าจนเจ้าชายน้อยทรงสัมผัสได้
เจ้าชายอิสฮานพระพักตร์สลดลงด้วยความผิดหวังที่ไม่ทรงคิดจะเก็บซ่อนมันไว้ พระองค์ทรงคิดมาตลอดว่ามหาอำมาตย์อยู่ข้างพระองค์ เป็นพวกพระองค์ คำตอบของนาริส สุไลมาน จึงสร้างความเจ็บปวดให้เจ้าชายอิสฮานอยู่ไม่น้อย
“ทำไม ?” เจ้าชายอิสฮานทรงถามได้เพียงเท่านั้นก็เงียบเสียงลง น้ำตาพาลจะไหลลงให้ได้