Chapter 51 ร่างที่ไร้วิญญาณ
หลังจากที่ปีศาจโฟนอสปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับนำร่างของกษัตริย์ซาดินบินหายลับไปในห้วงมิติ จอมทัพชาร์ลก็รีบสั่งการกองทัพเปกาซัสซึ่งนำโดยแม่ทัพหญิงโรน่าเข้าช่วยเหลือนำตัวกษัตริย์ซิกมันด์ไปยังสถานที่ปลอดภัยในทันที และโดยไม่รอช้าก็รีบบัญชากองทัพมังกร และทัพนกออกลุกไล่กองทัพมังกรและทัพสัตว์ป่าของซาโลมที่หมายจะมาชิงตัวกษัตริย์ซิกมันด์ที่ทรงหมดสติอยู่ในหลุมขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นสามารถ ประตูป้อมถูกเปิดออกพร้อม ๆ กับขบวนรถศึกอันเกรียงไกรของฟีเลเซียพุ่งทะยานออกมาจากปากประตูป้อม เสียงควบฮ้อของรถศึกดังกึกก้องไม่ต่างกับเสียงคำรามของพายุแรงกล้า
ข้างฝ่ายกองทัพฟูดินันซึ่งนำโดยคาร์น ทราเฮิร์น และดามิก้าก็เฮโลลงมาจากหน้าผา บ้างก็เกาะเกี่ยวฝูงทัพนกและทัพกริฟฟินพุ่งเข้าตีขนาบกองทัพเพลิงจากทุกทิศทุกทางโดยทันที
กองทัพซาโลมที่ถูกตีขนาบทั้งซ้าย ขวา หน้า และ บนอากาศโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ซ้ำยังขาดผู้นำทัพไปจึงทำให้กองทัพเกิดความสับสนและชุลมุนกันจนเสียขบวนวิ่งแตกแถวกันไปคนละทิศละทาง ฝ่ายกองทัพฟีเลเซียและฟูดินัน เมื่อเห็นดังนั้นก็ยิ่งได้ที เร่งผนึกกำลังกันเข้าต่อตีไล่ล่าทหารซาโลมที่แตกทัพจนล้มตายไปเป็นอันมาก
การผนึกกำลังของกองทัพทั้งสองทำให้กองทัพซาโลมต้องถอยร่นอย่างไม่เป็นท่า กว่าจะจัดแถวและริ้วขบวนกันได้ก็ต้องไปตั้งหลักไกลถึงเมืองอาวีเลีย โดยมีจอมทัพทมิฬราโชยูเป็นผู้นำทัพแทน จอมทัพราโชยูซึ่งก็กำลังสับสนจากการหายตัวไปของกษัตริย์ซาดินจึงได้แต่สั่งตรึงกำลังให้กองทัพตั้งมั่นอยู่ที่เมืองอาวีเลีย เพราะไม่รู้ชะตากรรมของกษัตริย์ซาดินว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ซึ่งจากการรายงานของทหารที่อยู่แนวหน้านั้นทำให้รู้แต่เพียงว่ามีปีศาจตนหนึ่งมาลักพาตัวพระองค์ไปเท่านั้น
จอมทัพทมิฬกวาดตามองแถวทหารของกองทัพฟีเลเซียและฟูดินันที่ตั้งแถวตรึงกำลังไว้อยู่อีกฟากของทุ่งหญ้าตรงบริเวณชายเขตเมืองอาวีเลีย และก็ค่อย ๆ หนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จอมทัพเถื่อนยังเห็นอาวุธหนักมากมายที่ทยอยกันขนมาวางเรียงไว้ตลอดแนว และยังคงมีการลำเลียงอาวุธและกำลังพลมาอย่างต่อเนื่อง ความกระวนกระวายใจด้วยไม่รู้ว่าจะตัดสินใจดำเนินการต่อไปอย่างไรดีก่อตัวขึ้นอยู่ในใจ ทันใดนั้นพลนกโมฮานายหนึ่งก็ควบฮ้อเข้ามาหาจอมทัพทมิฬอย่างรวดเร็วพร้อมกับรีบมอบม้วนหนังสัตว์สีดำที่มีตราประทับของอุปราชเบลซ เซจอยู่บนม้วนสารนั้นให้ ราโชยูจึงรีบคลี่ออกทันที แม่ทัพร่างยักษ์รีบกวาดตาไปบนผืนหนังสัตว์อย่างลวก ๆ ก่อนจะรีบรวบขย้ำมันไว้ในอุ้งมืออันใหญ่โตของตนพลางตะโกนสั่งเสียงดัง
“เตรียมพาหนะที่ฝีเท้าจัดที่สุดให้ข้าเดี๋ยวนี้”
*******************************
กษัตริย์ซาดินทรงรู้สึกสลึมสลือเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่นเป็นพัก ๆ ความเจ็บปวดจากอาการบาดเจ็บดูจะไม่ได้ลดน้อยหรือบรรเทาลงไปเลยสักนิด พระองค์ทรงพยายามขยับตัว แต่แขนและขากลับหนักอึ้งจนพระองค์ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลยแม้แต่น้อย ดวงเนตรที่หรี่ปรือของพระองค์ทอดพระเนตรไม่เห็นอะไรมากไปกว่าแสงไฟสีแดงสลัว ๆ ความหนาวราวกับอยู่กลางทะเลทรายในค่ำคืนอันมืดมิดแผ่จับพระองค์ไปทั่วทุกอณูขุมขน พระองค์ทรงรู้สึกหนาวสะท้านจนสุดจะบรรยาย
ทันใดนั้นพระองค์ก็แว่วเสียงกรีดร้องโหยหวนและคลุ้งคลั่งของใครคนหนึ่งดังแว่วมา ช่างเป็นเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความชิงชัง ขุ่นเคือง และอัดอั้นตันใจ เหมือนเจ้าของเสียงนั้นกำลังสูญเสียความหวังและความฝันไป จริงสินะ...พระองค์เองก็อยากจะกรีดร้องเช่นนั้นด้วยเหมือนกัน แต่เพราะอะไรกัน? ความคิดที่ไม่ปะติดปะต่อของพระองค์ ทั้งความเจ็บปวด และความหนาวสะท้านที่เกิดขึ้นนี้ทำให้สมองของพระองค์ดูเหมือนจะไม่ทำงานเอาเสียเลย แล้วทำไมพระองค์ถึงรู้สึกเจ็บปวด? ความเจ็บปวดเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? พระองค์ทรงพยายามคิดทบทวนเหตุการณ์ แต่ภาพที่เกิดขึ้นในมโนจิตของพระองค์ก็ช่างดูวุ่นวายและอลหม่าน ราวกับภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตต่างก็แย่งกันพุ่งออกมาแสดงตัวให้พระองค์ได้ทอดพระเนตร จนพระองค์ทรงสับสนว่าอะไรเกิดก่อนเกิดหลัง ซ้ำภาพที่พร้อมใจกันพุ่งเข้าหาพระองค์นั้นก็มีแต่ภาพสงคราม ภาพการฆ่าฟัน ภาพการต่อสู้ ภาพกองศพที่กองเป็นพะเนินแทบจะสูงเสียดฟ้า ภาพสาวงามมากมายที่พระองค์ยึดมาเป็นนางในฮาเล็มจากแคว้นและดินแดนเผ่าต่าง ๆ ใช่!พระองค์ทรงสังหารครอบครัวของพวกนางทั้งหมดด้วย เพื่อที่ว่าพวกนางจะได้ไม่มีที่ให้กลับไปได้อีก พระองค์ทรงพยักพระพักตร์ให้กับความคิดนั้น การจะดูแลชนชาติที่ป่าเถื่อน ก็ต้องปกครองด้วยความป่าเถื่อน นี่แหละคือความถูกต้อง
“ซาดิน ท่านรักลูกของเราบ้างไหม?”
เสียงหญิงสาวที่พระองค์ทรงรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดีดังแว่วขึ้นมาในความคิด เป็นเสียงที่พระองค์เคยวางทิ้งไว้ในซอกหลืบที่ไหนสักแห่งในพระทัยของพระองค์ กษัตริย์ซาดินทรงขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะตอบกลับในพระทัยราวกับเป็นคำตอบที่มีอยู่แล้วมาตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที
“เจ้าคิดว่าข้าทำสิ่งเหล่านี้เพื่อใครกันเล่า?”
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นอีกครั้ง พระองค์ทรงมองไปตามที่มาของเสียงนั้น แววเนตรของพระองค์ว่างเปล่า แต่พระกรรณของพระองค์พยายามเงี่ยฟังอย่างตั้งพระทัยยิ่งขึ้น
“โง่! โง่! งี่เง่าที่สุด! ถ้ามันเชื่อฟังข้า ถ้าเพียงแต่มันฟังข้า อ๊า.......!!”
“ใช่ ถ้ามันฟังเจ้า ถ้ามันเพียงแต่ฟังเจ้าสักนิด ทุกอย่างก็คงจะไม่เป็นเช่นนี้”
เสียงพังข้าวของดังโครมครามไปทั่ว พร้อม ๆ กับมีเสียงหัวเราะมากมายหลายเสียงดังแว่วมาจากทุกทิศทุกทาง