Chapter 50 การสัพยุทธ ณ ป้อมมาซาดา
ที่บนยอดผานั้น กองทัพชาวป่าต่างหยุดยืนมองด้วยความตื่นตะลึงกับภาพเบื้องล่าง ไม่มีใครคาดฝันเลยว่าเจ้าหญิงแห่งฟีเลเซียจะมีฝีมือเก่งกาจถึงเพียงนี้ แสงสีขาวแห่งดาบเวทย์พุ่งออกมาเป็นสายอย่างต่อเนื่องพร้อม ๆ กับทหารซาโลมที่หงายล้มลงเป็นแถบ ๆ เพียงไม่นานสนามรบที่แออัดไปด้วยทหารซาโลมตลอดสามวันก็เปิดโล่งกินเนื้อที่ไปถึงครึ่งหนึ่งของช่องเขา
บรรดาขุนพลชาวป่าต่างก็นิ่งเงียบมองดูภาพเบื้องล่างด้วยความตื่นเต้นและระทึกใจ ดามิก้าถึงกับผิวปากเสียงเบาหวิวแสดงความทึ่งในฝีมือของเจ้าหญิงแห่งสายลม
“ให้ตายเถอะ ข้าไม่คิดเลยว่านางจะเก่งกาจถึงเพียงนี้ ทำไมพวกฟีเลเซียถึงไม่ให้นางออกรบตั้งแต่แรกนะ?”
“ไม่หรอกดามิก้า พลังเวทย์ระดับนี้ไม่ใช่จะใช้กันได้บ่อย ๆ แล้วนี่ยิ่งเป็นการใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานเช่นนี้ นางคงต้องใช้พลังในตัวอย่างมากทีเดียว” คาร์น สมิงราชสีห์ตั้งข้อสังเกตเสียงขรึม
“นี่คงเป็นเพราะทัพใหญ่ของซาโลมมาถึงช่องเขานี้แล้วแน่ ๆ ทางฟีเลเซียถึงต้องรีบลดจำนวนศัตรูในช่องเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” เซนทอร์ทราเฮิร์นตั้งข้อสังเกตบ้าง “ท่านเห็นว่าอย่างไร? ฮารีซัน”
ทุกคนต่างหันมามองเมื่อฮารีซันนิ่งเงียบไม่ได้ตอบอะไร จึงได้เห็นว่าฮารีซันกำลังจ้องมองเหตุการณ์เบื้องล่างอย่างจริงจังชนิดไม่กระพริบตาเลยทีเดียว ทราเฮิร์นกระแอมยิ้มขำพลางตบไหล่ชายหนุ่มเบา ๆ
“ตาท่านไม่กระพริบเลยนะ”
“ห๊ะ! ท่านว่าอะไรนะ?” ฮารีซันสะดุ้งเล็กน้อยหันมาถามด้วยความตกใจ ทำให้ทุกคนอดยิ้มขำออกมาไม่ได้แม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้
“ท่านมองนางไม่วางตาเลยเชียวแหละ” ดามิก้าเอ่ยขึ้นพลางทำสายตาเจ้าเล่ห์
“ไม่ใช่เช่นนั้นสักหน่อย” ฮารีซันรีบปฏิเสธ ทว่าใบหน้าก็เลิ่กลั่กอย่างมีพิรุธจนคาร์นคำรามเสียงต่ำก่อนจะกรอกตาขึ้นอย่างไม่คิดจะเชื่อเลยสักนิด
“ถ้าเช่นนั้นท่านคิดอะไรอยู่เล่า? ถึงได้เงียบจนผิดสังเกต” ดามิก้าอดโพล่งถามขึ้นด้วยความอยากรู้ตามนิสัยของตนไม่ได้
“ข้าเพียงคิดว่า นอกจากนางจะสวยสง่าและสูงศักดิ์แล้ว นางยังมีฝีมือที่เก่งกาจเหลือเกิน” ฮารีซันตอบออกไป แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความน่ารัก ร่าเริงสดใส ที่จะหาใครมาเทียบเทียมเจ้าหญิงไม่ได้ ทว่าคงจะไม่เหมาะที่จะพูดในเวลาเช่นนี้และเจ้าหญิงเองก็คงไม่อยากจะให้ใครได้รู้จักตัวตนอีกด้านของเธอมากนัก ฮารีซันจึงได้แต่เก็บเอาไว้ในใจอยู่เช่นเดิม
“ก๊าซซซซซซซซซซ!!”
ทันใดนั้นจู่ ๆ ก็มีเสียงร้องของมังกรดังสนั่นลั่นช่องเขาพร้อม ๆ กับเสียงโห่ร้องอย่างยินดีจากกองทัพซาโลมที่กำลังถอยร่น ทันทีที่เสียงร้องของมังกรดังขึ้นกองทัพเพลิงก็ต่างกรูกันเข้ามาในช่องเขาอย่างไม่กลัวตาย ฮารีซันหันไปตามเสียงนั้นแล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
*******************************
เสียงร้องของจ้าวมังกรซาลามันเดอล่าดังสนั่นจนเจ้าหญิงเรจิน่าต้องทรงยั้งพระหัตถ์เงยพระพักตร์ขึ้นมองด้วยความตกพระทัย เหนือขึ้นไปนั้นมังกรซาลามันเดอล่ายักษ์ในชุดเกราะเต็มยศโฉบผ่านเหนือพระองค์ไป ก่อนจะบินรอบเหมือนหมายจะสำรวจบริเวณโดยรอบ เจ้าหญิงเรจิน่าทรงกระชับดาบในพระหัตถ์มั่น ทันทีที่ทอดพระเนตรผู้ที่อยู่บนมังกรยักษ์ก็ทรงตวัดดาบใส่ทันที
“มิลลี่ยน สแลช”
ดาบเวทย์สีขาวเรืองนับล้านก็พุ่งทะยานขึ้นราวกับน้ำพุร้อนใต้พิภพที่แสนเชี่ยวกราด มังกรแดงโผหลบฉากอย่างรวดเร็วพอ ๆ กับเวลาที่มันปรากฏตัวมา เจ้าหญิงเรจิน่าจึงทรงบิดข้อพระหัตถ์ให้ดาบขนานกับพื้นดินแล้ววาดแขนออกเป็นวงกว้างก่อนจะตวัดดาบวาดเป็นรูปวงจันทร์เสี้ยวขนานไปกับพื้น โดยแทบจะไม่ทันกระพริบตาพระองค์ก็เหวี่ยงปลายดาบขึ้นเหนือพระเศียรพลางตวัดแขนอย่างรวดเร็วไขว้กันไปมาจนเกิดเป็นร่างแหดาบเวทย์ปูเป็นผืนทะยานขึ้นฟ้าในชั่วเสี้ยววินาที
“มิลเลี่ยน สแลช!! ”
ฉับพลันนั้นก็เกิดเสียงระเบิดด้วยคลื่นความถี่สูงดังสะท้อนไปทั่วช่องเขา พร้อม ๆ กับที่บรรดาสัตว์สงครามกู่ร้องกันระงมด้วยความเจ็บปวดในช่องหูของพวกมัน แม้แต่คาร์นยังคำรามเสียงต่ำรีบยกมือขึ้นปิดหูของตน
“ก๊าซซซซซ! ”