Chapter 45 มุ่งสู่แอนดิซอง
เสียงประชาชนไชโยโห่ร้องไปตลอดทางที่ขบวนแห่ของกษัตริย์ซิกมันด์และกองทหารเคลื่อนผ่าน แม้จะอยู่ในช่วงภาวะสงครามแต่ทั้งเมืองอาวีเลียก็ยังเฉลิมฉลองอย่างเต็มที่และยิ่งใหญ่ให้แก่ชัยชนะของซิกมันด์ที่มีเหนือเทพเจ้าโบราณและสามารถนำพญาวิหคธันเดอริกกลับมาได้
กษัตริย์ซิกมันด์ที่แทบจะไม่เหลือร่องรอยของความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้าให้เห็นอีกแล้วทรงนั่งพระพักตร์เชิดบนม้าสีขาวปรอดขนาดใหญ่ โดยมีนกธันเดอริกเกาะอยู่บนแขนขวาพร้อมกับกางปีกสยายอวดความองอาจไม่ต่างจากผู้ที่นำมันมา
สูงขึ้นไปบนยอดกำแพงวิหารแห่งอาวีเลีย ฮารีซัน บันดาราและเจ้าหญิงเรจิน่าประทับยืนทอดพระเนตรขบวนแห่อันเอิกเกริกของกษัตริย์ซิกมันด์อยู่ ทว่าเจ้าหญิงนั้นทรงมีท่าทีกระสับกระส่ายคล้ายตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเริ่มต้นบทสนทนาอย่างไร
“เจ้าหญิงอยากจะพูดอะไร?” ฮารีซันซึ่งรู้สึกได้ถึงความกังวลของเจ้าหญิงจึงกล่าวขึ้นก่อนพลางยิ้มให้กำลังใจ
“ข้า...เออ...ข้าอยากจะขอโทษท่านแทนซิกมันด์ ท่านจะอภัยให้เขาได้ไหม?” เจ้าหญิงทรงมองฮารีซันด้วยความคาดหวัง
“ถ้าข้าจะบอกว่าไม่ได้ติดใจถือโทษเขาเลย ก็คงจะเป็นเรื่องโกหก แต่สิ่งที่ติดใจข้ามากกว่าคืออะไรหล่อหลอมเขาให้เป็นคนเช่นนั้น?” ฮารีซันทอดสายตามองขบวนแห่ที่กำลังเคลื่อนไปยังกำแพงเมืองอีกด้านหนึ่งซึ่งเจ้าหญิงก็ทรงปรายตามองตามไปด้วยเช่นกัน
“อะไรที่หล่อหลอมเขาอย่างนั้นหรือ? ก็คงจะเป็นเสด็จพ่อของข้ากระมัง” เจ้าหญิงตรัสด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยจนฮารีซันอดหันกลับมามองไม่ได้ ทว่าเจ้าหญิงมิได้ทรงละสายตาไปจากขบวนแห่เลย
“ท่านไม่อาจจินตนาการได้หรอกว่าเด็กที่เกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์ของชาตินักรบนั้นต้องผ่านการฝึกฝนอย่างไรมาบ้าง เด็กที่ถูกคาดหวังจากทุกคนอย่างมากมายตั้งแต่วินาทีแรกที่เกิด ซิกมันด์นั้นถูกเสด็จพ่อนำตัวไปจากเสด็จแม่เพื่อไปฝึกฝนการเป็นกษัตริย์ตั้งแต่อายุเพียงสามปีเท่านั้น ถ้าเขาทำตัวอ้อนเสด็จแม่เหมือนเด็กอื่น ๆ หรือทำตัวไม่เหมาะสมก็จะถูกตำหนิอย่างเข้มงวดจากเสด็จพ่อทันที ทั้งวันเขาจะอยู่กับเสด็จพ่อ จะได้มาพบข้าหรือเสด็จแม่ก็ตอนเย็นแล้ว ตกกลางคืนก็แยกไปนอนที่ห้องบรรทมส่วนพระองค์ ที่จริงจะว่าไปทุกอย่างสำหรับเขาล้วนถูกจัดให้เป็นพิเศษ เขาคือคนที่รู้ว่าตัวเองต้องเป็นอะไรในอนาคตตั้งแต่จำความได้”
“มารดาของท่านยินยอมหรือ?” ฮารีซันอดถามด้วยความประหลาดใจไม่ได้
“ท่านต้องยอม เพราะนั่นเป็นราชประเพณีของอาณาจักรเรา บรรพกษัตริย์ทุกพระองค์ล้วนต้องถูกฝึกเช่นนี้...” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงนิ่งเงียบเป็นครู่ใหญ่เหมือนจะหวนรำลึกถึงช่วงเวลาแห่งวัยเยาว์ของน้องชาย “พวกทหารองครักษ์เล่าว่า ตอนที่ซิกมันด์ถูกพรากไปจากเสด็จแม่ใหม่ ๆ ตอนกลางวันต้องเรียนรู้ทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการปกครอง ต้องถูกฝึกให้วางตัวเหมาะสมในแบบอย่างของกษัตริย์และอัศวิน ตอนกลางคืนเขาถูกจับให้นอนเพียงลำพังคนเดียว หลายคืนที่เขาต้องนอนร้องไห้จนหลับไป”
เจ้าหญิงเรจิน่ายังคงจมอยู่ในความนึกคิดเมื่อครั้งสมัยยังเยาว์ “ตอนที่เขาอายุได้ประมาณเก้าปี เขามีม้าที่รักมากอยู่ตัวหนึ่ง เขาเอาแต่ขี่ม้าตัวนั้นจนไม่ยอมฝึกขี่ม้าตัวอื่นเลยหรือแม้แต่เปกาซัส และเมื่อเสด็จพ่อทรงทราบ...”
ภาพความทรงจำนั้นยิ่งเด่นชัดขึ้นราวกับพระองค์ได้ย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้นอีกครั้งหนึ่ง ที่กลางลานฝึกขี่ม้านั้น เหล่าทหารนับสิบต่างยืนเรียงรายเป็นแถวขนาบทั้งสองด้านดูน่าเกรงขาม ม้าที่รักของเจ้าชายซิกมันด์กำลังสะบัดหัวไปมาเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระ ราวกับว่ามันล่วงรู้ชะตากรรมของตน เจ้าชายน้อยที่ถูกชาร์ล คลาแรนซ์ซึ่งขณะนั้นอายุเพียง3ปีแต่ก็ได้เข้ารับราชการแล้ว จับข้อมือไว้แน่นเจ้าชายทรงพยายามดิ้นรนให้ตัวเองเป็นอิสระไม่ต่างจากม้าของตน
“เสด็จพ่อ! ข้าจะไม่ขี่มันอีกแล้วข้าจะขี่ม้าตัวอื่น ได้โปรดเถิดเสด็จพ่อ อย่าส่งมันไปชายแดนเลย” เจ้าชายน้อยเริ่มน้ำตาร่วงพรู “ชาร์ล ปล่อยข้านะ ข้าสั่งให้เจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้” เจ้าชายซิกมันด์ทรงพยายามแกะมือที่กุมแน่นของชาร์ลอย่างสุดความสามารถ ทั้งทุบ ทั้งกัด ทั้งหยิกข่วนเป็นพัลวัน แต่ชาร์ลก็ยังคงยืนนิ่งเหมือนไม่มีความรู้สึกเจ็บ
“ข้าเป็นอัศวินมีหน้าที่ปฏิบัติตามบัญชาของฝ่าบาทอย่างเคร่งครัด” เด็กชายกล่าวพลางยืดอกขึ้นอย่างผึ่งผายเมื่อเห็นว่ากษัตริย์ซิกมันด์ที่สองทรงเหลือบมองมายังตน ชาร์ลที่ถูกบิดาฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดจึงตะหนักถึงหน้าที่ของตนที่ได้รับมอบหมายจากองค์กษัตริย์ว่าต้องปฏิบัติให้ลุล่วงอย่างเคร่งครัด
“แต่นั่นเป็นม้าของข้านะ เสด็จพ่อกำลังจะส่งม้าของข้าไปไหนก็ไม่รู้ ข้าจะไม่ได้เจอมันอีก” เจ้าชายทรงสะอื้นรัวทุบมือที่แข็งปานคีมเหล็กของชาร์ลไม่ยั้ง เมื่อทรงเห็นว่าชาร์ลไม่มีทีท่าว่าจะปฏิบัติตามที่พระองค์ต้องการ จึงทรงหันไปทางพี่สาวของพระองค์แทน “เสด็จพี่ บอกเสด็จพ่อไปสิว่าม้าไม่ใช่ของข้าแล้ว ข้ายกให้เสด็จพี่ไปแล้ว”
เจ้าหญิงเรจิน่าน้อยทรงตกตะลึงกับเหตุการณ์จนทำอะไรไม่ถูกได้แต่มองกลับไปกลับมาจากม้าที เสด็จพ่อที แล้วก็วกกลับไปยังน้องชายอีก
“เสด็จพี่ เร็วเข้าสิ!” เจ้าชายซิกมันด์ทรงตะโกนสุดเสียงน้ำตายังนองหน้า
“สะ...เสด็จพ่อ” เจ้าหญิงมองเสด็จพ่อด้วยแววตาตื่น ๆ