Chapter 43 ภูผาที่หยุดสายลม
เวลาผ่านไปกว่าสองสัปดาห์ ทว่าเจ้าหญิงเรจิน่าก็ยังทรงไม่ได้รับข่าวคราวใด ๆ จากกษัตริย์น้องชายเลย ความเป็นห่วงและอาทรร้อนพระทัยทวีขึ้นตามลำดับจนพระองค์เริ่มมีอาการกระสับกระส่าย ครั้นเมื่อมาถึงวันหนึ่งที่เสียงแตรดังก้องบอกถึงการมาของคณะเดินทางของกษัตริย์ซิกมันด์ เจ้าหญิงจึงยินดีอย่างที่สุดที่ได้ทราบว่าน้องชายของพระองค์กลับมาแล้ว ทว่าความยินดีของพระองค์รวมทั้งของเหล่าข้าราชบริพารทั้งหลายก็มีอันต้องแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนกอย่างใหญ่หลวง เมื่อได้รับแจ้งจากทหารเปกาซัสที่รอดชีวิตว่ากษัตริย์ของพวกเขาถูกเทพเจ้าธอร์แห่งเนินเขาวาฮาลจับตัวไว้แล้ว
ดังนั้นการประชุมเพื่อหาทางช่วยเหลือกษัตริย์ซิกมันด์อย่างเคร่งเครียดจึงเริ่มขึ้น เหล่าแม่ทัพนายกองก็ต่างเสนอตัวผู้ที่เหมาะสมจะไปช่วยกษัตริย์ของตน แม้แต่ชาร์ล คาร์แรนซ์ก็ร้อนใจอยากจะไปช่วยกษัตริย์ซิกมันด์เช่นกัน ทุกคนต่างก็อยากจะรีบไปช่วยกษัตริย์ซิกมันด์แต่ก็ติดตรงที่ว่าจะต้องอยู่เป็นทัพหน้าคอยรักษาปราการเมืองเพื่อยันกับทัพซาโลม หากพวกซาโลมรู้ว่ากษัตริย์ซิกมันด์ถูกจับตัวไว้ ก็คงมิวายจะยกทัพมาทำสงครามอีกแน่ ทั้งการยกทัพออกไปเป็นจำนวนมากก็ยิ่งจะทำให้ศัตรูมาฉวยโอกาสเอาได้ ที่สุดเจ้าหญิงเรจิน่าก็ทรงทนเงียบไม่ไหวอีกต่อไปจึงได้เสนอตัวพระองค์เองที่จะเป็นผู้ออกเดินทางไปช่วยกษัตริย์ซิกมันด์ แต่ก็ทรงคิดได้ว่าหากพระองค์เดินทางเพียงลำพังพระองค์เดียวเหล่าแม่ทัพคงไม่ยินยอมแน่ ที่สุดพระองค์จึงทรงเสนอที่พึ่งสุดท้าย นั่นก็คือฮารีซันมิตรจากเผ่าฟูดินันนั่นเอง
หลังจากการโต้เถียงในที่ประชุมของเหล่าแม่ทัพกันอยู่นาน ในที่สุดเหล่าแม่ทัพจึงยินยอมให้เจ้าหญิงออกเดินทางไปกับฮารีซันหัวหน้าเผ่าฟูดินัน เพราะด้วยฝีมือด้านการยุทธของเขาที่ได้ประจักษ์แก่สายตาของเหล่าแม่ทัพแล้ว ทั้งยังเชื่อว่าด้วยศักดิ์ศรีที่เป็นถึงจอมทัพของฟูดินันคงไม่ทำอะไรเกินเลยให้เป็นที่เสื่อมเสียถึงเจ้าหญิง ทั้งการเดินทางไปเพียงลำพังสองคน ก็ยิ่งสามารถพรางตาพวกสายสืบของฝ่ายศัตรูได้ง่ายขึ้น ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงได้เดินทางออกจากเมืองอาวีเลียอย่างเงียบ ๆ ในเช้าตรู่วันหนึ่ง
เจ้าหญิงเรจิน่าเลือกขี่ม้าสีน้ำตาลธรรมดา ๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาใครมากนัก ในขณะที่ฮารีซันเลือกขี่ม้าสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งก็ไม่ได้มีจุดเด่นอะไรเป็นพิเศษเช่นกัน และเนื่องจากทั้งสองเดินทางด้วยม้าธรรมดาระยะเวลาในการเดินทางจึงกินเวลาถึงห้าวันกว่าจะไปถึงเนินเขาวาฮาล แม้จะเร่งฝีเท้าม้าตลอดช่วงเวลาที่ยังมีแสงสว่างบนท้องฟ้าก็ตาม
ตลอดการเดินทางของคนทั้งสอง ก็ทำให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสเรียนรู้นิสัยใจคอกันและกัน รวมไปถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของทั้งสองชาติกันมากขึ้น บ่อยครั้งที่ระหว่างอยู่กลางป่าฮารีซันจะล่าสัตว์และนำมาปรุงอาหารตามแบบฟูดินันให้เจ้าหญิงเรจิน่าได้ลิ้มลอง เช่นเดียวกับที่เวลาทั้งสองต้องผ่านเมืองตามรายทาง เจ้าหญิงเรจิน่าก็จะเป็นผู้จัดการจองที่พักและสอนวิธีทำตัวให้กลมกลืนไปกับพวกบรรดาชาวบ้านของฟิเลเซียแก่ฮารีซัน ซึ่งก็แน่นอนว่าต้องมีการปฏิบัติตัวแบบประหลาด ๆ ตามนิสัยที่ชอบแกล้งของเจ้าหญิงมาแกล้งฮารีซันอยู่บ่อย ๆ และแน่นอนว่าการตั้งชื่อประหลาด ๆ ก็รวมอยู่ในการแกล้งอันดับต้น ๆ ของพระองค์ด้วยเช่นกัน
****************************
ครั้นเมื่อวันเวลาล่วงเลยไปถึงวันที่ห้า บุคคลทั้งสองจึงได้เดินทางมาถึงเนินเขาวาฮาลในที่สุด ทั้งสองต่างตะลึงงันมองหนทางอันแสนลำบากเบื้องหน้า ไม่มีทางใดที่จะสามารถขึ้นไปยังวาฮาลส่วนที่สองได้เลยนอกเสียจากว่าต้องไต่หน้าผาสูงชันขึ้นไป เมฆที่ปกคลุมยอดวาฮาลเป็นสีเทาเข้มพร้อมกับมีเสียงฟ้าร้องเป็นระยะ ๆ ฮารีซันซึ่งนั่งบนหลังม้าครุ่นคิดอยู่เป็นครู่ก่อนจะหันมาหาเจ้าหญิงเรจิน่า แต่ยังไม่ทันที่ฮารีซันจะกล่าวใด ๆ เจ้าหญิงก็ทรงชิงเหวี่ยงองค์ลงจากหลังม้าเสียก่อน และก้าวเดินไปด้วยจิตใจที่เป็นห่วงน้องชาย
“เจ้าหญิง...” ฮารีซันรีบเหวี่ยงตัวลงจากหลังม้า “ท่านไม่ควรอยู่ห่างข้าเกินไป”
พอฮารีซันพูดแล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเจ้าหญิงทรงหัวเราะคิกคักและแววตาแห่งความซุกซน เจ้าหญิงทรงแสร้งก้าวเข้าไปใกล้ฮารีซันจนเหลือพื้นที่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งช่วงแขน
“ตลอดระยะเวลาห้าวันมานี้ ข้าก็คิดว่าไม่ได้อยู่ห่างท่านสักเท่าไหร่ และบนนั้นก็คงไม่มีอะไรน่าสนใจพอที่จะทำให้ข้าเถลไถลไปไหนได้ไกลจากท่านนักหรอก”
ฮารีซันได้ยินดังนั้นก็รู้สึกประหม่าหน้าแดงขึ้นมาทันที “เออ...ข้าหมายถึงเวลาที่มีอะไรไม่ชอบมาพากล ก็อย่าอยู่ห่างจากข้า ข้าจะได้อารักขาท่านได้”
“ข้ารู้แล้วล่ะน่า ข้าแค่แหย่ท่านเล่นเท่านั้นเอง” เจ้าหญิงทรงหัวเราะร่วนถอยหลังออกมามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาซุกซน ก่อนจะแลบลิ้นทำหน้าทะเล้นอย่างชอบใจที่แกล้งฮารีซันได้อีกครั้ง “เอาล่ะ แล้วเราจะขึ้นไปกันยังไงดี?“ เจ้าหญิงตรัสถามอย่างร่าเริง
“ปีน” ฮารีซันยิ้มขำไปกับเจ้าหญิงพลางคิดว่า เธอผู้นี้นี่ช่างล้อช่างเล่นแตกต่างจากผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยพบเจอในฟูดินันจริง ๆ ฮารีซันส่ายหน้ายิ้ม ๆ หันไปหยิบขดเชือกจากกระเป๋าสัมภาระ ก่อนจะออกเดินมุ่งหน้าไปที่เชิงผา ซึ่งเจ้าหญิงเรจิน่าก็สาวเท้าตามไปติด ๆ อย่างกระตือรือร้น
“เจ้าหญิงพอจะรู้วิธีปีนหน้าผาหรือไม่?” ฮารีซันถามด้วยความกังวลเมื่อเงยหน้ามองความสูงชันของหน้าผาตรงหน้า