Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ เม.ย. 26, 2024 5:30 am

หน้าเว็บบอร์ด Wiser Summoner Novel @@ นิยายSMNEpi8 Chapter 43 ภูผาที่หยุดสายลม @@

อ่านนิยาย Summoner Master Episodeต่าง ๆ ได้ที่นี่

Moderator: Jinger Ginger


@@ นิยายSMNEpi8 Chapter 43 ภูผาที่หยุดสายลม @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 3:28 pm

Chapter 43 ภูผาที่หยุดสายลม


เวลาผ่านไปกว่าสองสัปดาห์ ทว่าเจ้าหญิงเรจิน่าก็ยังทรงไม่ได้รับข่าวคราวใด ๆ จากกษัตริย์น้องชายเลย ความเป็นห่วงและอาทรร้อนพระทัยทวีขึ้นตามลำดับจนพระองค์เริ่มมีอาการกระสับกระส่าย ครั้นเมื่อมาถึงวันหนึ่งที่เสียงแตรดังก้องบอกถึงการมาของคณะเดินทางของกษัตริย์ซิกมันด์ เจ้าหญิงจึงยินดีอย่างที่สุดที่ได้ทราบว่าน้องชายของพระองค์กลับมาแล้ว ทว่าความยินดีของพระองค์รวมทั้งของเหล่าข้าราชบริพารทั้งหลายก็มีอันต้องแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนกอย่างใหญ่หลวง เมื่อได้รับแจ้งจากทหารเปกาซัสที่รอดชีวิตว่ากษัตริย์ของพวกเขาถูกเทพเจ้าธอร์แห่งเนินเขาวาฮาลจับตัวไว้แล้ว

ดังนั้นการประชุมเพื่อหาทางช่วยเหลือกษัตริย์ซิกมันด์อย่างเคร่งเครียดจึงเริ่มขึ้น เหล่าแม่ทัพนายกองก็ต่างเสนอตัวผู้ที่เหมาะสมจะไปช่วยกษัตริย์ของตน แม้แต่ชาร์ล คาร์แรนซ์ก็ร้อนใจอยากจะไปช่วยกษัตริย์ซิกมันด์เช่นกัน ทุกคนต่างก็อยากจะรีบไปช่วยกษัตริย์ซิกมันด์แต่ก็ติดตรงที่ว่าจะต้องอยู่เป็นทัพหน้าคอยรักษาปราการเมืองเพื่อยันกับทัพซาโลม หากพวกซาโลมรู้ว่ากษัตริย์ซิกมันด์ถูกจับตัวไว้ ก็คงมิวายจะยกทัพมาทำสงครามอีกแน่ ทั้งการยกทัพออกไปเป็นจำนวนมากก็ยิ่งจะทำให้ศัตรูมาฉวยโอกาสเอาได้ ที่สุดเจ้าหญิงเรจิน่าก็ทรงทนเงียบไม่ไหวอีกต่อไปจึงได้เสนอตัวพระองค์เองที่จะเป็นผู้ออกเดินทางไปช่วยกษัตริย์ซิกมันด์ แต่ก็ทรงคิดได้ว่าหากพระองค์เดินทางเพียงลำพังพระองค์เดียวเหล่าแม่ทัพคงไม่ยินยอมแน่ ที่สุดพระองค์จึงทรงเสนอที่พึ่งสุดท้าย นั่นก็คือฮารีซันมิตรจากเผ่าฟูดินันนั่นเอง

หลังจากการโต้เถียงในที่ประชุมของเหล่าแม่ทัพกันอยู่นาน ในที่สุดเหล่าแม่ทัพจึงยินยอมให้เจ้าหญิงออกเดินทางไปกับฮารีซันหัวหน้าเผ่าฟูดินัน เพราะด้วยฝีมือด้านการยุทธของเขาที่ได้ประจักษ์แก่สายตาของเหล่าแม่ทัพแล้ว ทั้งยังเชื่อว่าด้วยศักดิ์ศรีที่เป็นถึงจอมทัพของฟูดินันคงไม่ทำอะไรเกินเลยให้เป็นที่เสื่อมเสียถึงเจ้าหญิง ทั้งการเดินทางไปเพียงลำพังสองคน ก็ยิ่งสามารถพรางตาพวกสายสืบของฝ่ายศัตรูได้ง่ายขึ้น ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงได้เดินทางออกจากเมืองอาวีเลียอย่างเงียบ ๆ ในเช้าตรู่วันหนึ่ง

เจ้าหญิงเรจิน่าเลือกขี่ม้าสีน้ำตาลธรรมดา ๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาใครมากนัก ในขณะที่ฮารีซันเลือกขี่ม้าสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งก็ไม่ได้มีจุดเด่นอะไรเป็นพิเศษเช่นกัน และเนื่องจากทั้งสองเดินทางด้วยม้าธรรมดาระยะเวลาในการเดินทางจึงกินเวลาถึงห้าวันกว่าจะไปถึงเนินเขาวาฮาล แม้จะเร่งฝีเท้าม้าตลอดช่วงเวลาที่ยังมีแสงสว่างบนท้องฟ้าก็ตาม

ตลอดการเดินทางของคนทั้งสอง ก็ทำให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสเรียนรู้นิสัยใจคอกันและกัน รวมไปถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของทั้งสองชาติกันมากขึ้น บ่อยครั้งที่ระหว่างอยู่กลางป่าฮารีซันจะล่าสัตว์และนำมาปรุงอาหารตามแบบฟูดินันให้เจ้าหญิงเรจิน่าได้ลิ้มลอง เช่นเดียวกับที่เวลาทั้งสองต้องผ่านเมืองตามรายทาง เจ้าหญิงเรจิน่าก็จะเป็นผู้จัดการจองที่พักและสอนวิธีทำตัวให้กลมกลืนไปกับพวกบรรดาชาวบ้านของฟิเลเซียแก่ฮารีซัน ซึ่งก็แน่นอนว่าต้องมีการปฏิบัติตัวแบบประหลาด ๆ ตามนิสัยที่ชอบแกล้งของเจ้าหญิงมาแกล้งฮารีซันอยู่บ่อย ๆ และแน่นอนว่าการตั้งชื่อประหลาด ๆ ก็รวมอยู่ในการแกล้งอันดับต้น ๆ ของพระองค์ด้วยเช่นกัน


****************************



ครั้นเมื่อวันเวลาล่วงเลยไปถึงวันที่ห้า บุคคลทั้งสองจึงได้เดินทางมาถึงเนินเขาวาฮาลในที่สุด ทั้งสองต่างตะลึงงันมองหนทางอันแสนลำบากเบื้องหน้า ไม่มีทางใดที่จะสามารถขึ้นไปยังวาฮาลส่วนที่สองได้เลยนอกเสียจากว่าต้องไต่หน้าผาสูงชันขึ้นไป เมฆที่ปกคลุมยอดวาฮาลเป็นสีเทาเข้มพร้อมกับมีเสียงฟ้าร้องเป็นระยะ ๆ ฮารีซันซึ่งนั่งบนหลังม้าครุ่นคิดอยู่เป็นครู่ก่อนจะหันมาหาเจ้าหญิงเรจิน่า แต่ยังไม่ทันที่ฮารีซันจะกล่าวใด ๆ เจ้าหญิงก็ทรงชิงเหวี่ยงองค์ลงจากหลังม้าเสียก่อน และก้าวเดินไปด้วยจิตใจที่เป็นห่วงน้องชาย

“เจ้าหญิง...” ฮารีซันรีบเหวี่ยงตัวลงจากหลังม้า “ท่านไม่ควรอยู่ห่างข้าเกินไป”

พอฮารีซันพูดแล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเจ้าหญิงทรงหัวเราะคิกคักและแววตาแห่งความซุกซน เจ้าหญิงทรงแสร้งก้าวเข้าไปใกล้ฮารีซันจนเหลือพื้นที่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งช่วงแขน

“ตลอดระยะเวลาห้าวันมานี้ ข้าก็คิดว่าไม่ได้อยู่ห่างท่านสักเท่าไหร่ และบนนั้นก็คงไม่มีอะไรน่าสนใจพอที่จะทำให้ข้าเถลไถลไปไหนได้ไกลจากท่านนักหรอก”

ฮารีซันได้ยินดังนั้นก็รู้สึกประหม่าหน้าแดงขึ้นมาทันที “เออ...ข้าหมายถึงเวลาที่มีอะไรไม่ชอบมาพากล ก็อย่าอยู่ห่างจากข้า ข้าจะได้อารักขาท่านได้”

“ข้ารู้แล้วล่ะน่า ข้าแค่แหย่ท่านเล่นเท่านั้นเอง” เจ้าหญิงทรงหัวเราะร่วนถอยหลังออกมามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาซุกซน ก่อนจะแลบลิ้นทำหน้าทะเล้นอย่างชอบใจที่แกล้งฮารีซันได้อีกครั้ง “เอาล่ะ แล้วเราจะขึ้นไปกันยังไงดี?“ เจ้าหญิงตรัสถามอย่างร่าเริง

“ปีน” ฮารีซันยิ้มขำไปกับเจ้าหญิงพลางคิดว่า เธอผู้นี้นี่ช่างล้อช่างเล่นแตกต่างจากผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยพบเจอในฟูดินันจริง ๆ ฮารีซันส่ายหน้ายิ้ม ๆ หันไปหยิบขดเชือกจากกระเป๋าสัมภาระ ก่อนจะออกเดินมุ่งหน้าไปที่เชิงผา ซึ่งเจ้าหญิงเรจิน่าก็สาวเท้าตามไปติด ๆ อย่างกระตือรือร้น

“เจ้าหญิงพอจะรู้วิธีปีนหน้าผาหรือไม่?” ฮารีซันถามด้วยความกังวลเมื่อเงยหน้ามองความสูงชันของหน้าผาตรงหน้า
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMNEpi8 Chapter 43 ภูผาที่หยุดสายลม @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 3:29 pm

“ข้าปีนต้นไม้ได้ มันคงไม่ต่างกันมากนักหรอก” เจ้าหญิงตรัส แต่เมื่อเห็นว่าฮารีซันมีสีหน้าประหลาดใจจึงรีบตรัสต่อ “เมื่อสมัยเป็นเด็กน่ะ“ นี่ถ้าเขารู้ว่าทุกวันนี้พระองค์ยังทรงแอบปีนต้นไม้อยู่มีหวังตาต้องหลุดออกมาจากเบ้าแน่ ๆ

“ตลอดเวลาที่อยู่ในฟีเลเซีย ข้าสังเกตว่าชนชั้นสูงในฟีเลเซียไม่ชอบทำกิจกรรมทั่วไปของพวกชาวบ้าน อย่างเช่นการปีนต้นไม้นี้...ท่านมักจะทำให้ข้าประหลาดใจเสมอ” ฮารีซันตั้งข้อสังเกตยิ้ม ๆ

“ข้าถือว่านั่นเป็นคำชม ขอบคุณ” เจ้าหญิงทรงยิ้มร่า “ทีนี้ก็บอกวิธีปีนหน้าผาให้ข้า ดูสิว่าข้าจะเรียนรู้ได้ไวพอจะทำให้ท่านประหลาดใจได้อีกไหม?”

ฮารีซันยิ้มขำเอ็นดูกับวาจาห้าวหาญและความมั่นอกมั่นใจของเจ้าหญิง พลางส่ายหน้าช้า ๆ เหลือบสายตามองช่วงแขนและขาของเจ้าหญิง อย่างน้อยเธอก็อยู่ในชุดที่เหมาะสมและดูทะมัดทะแมงพอที่จะทำให้เขาเชื่อว่าเจ้าหญิงคงจะทำได้อย่างที่พูด เขามองไล่ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนที่สุดมาสบตาคู่งามสีเขียวมรกตของเจ้าหญิงที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว ฮารีซันรีบเสสายตาไปทางอื่นเมื่อรู้ตัวว่าตนจ้องมองเจ้าหญิงนานเกินควรพลางกล่าวแก้เก้อ “เจ้าหญิงคอยปีนตามข้าก็แล้วกัน เอาเชือกนี้มัดไว้กับตัว ถ้าเหนื่อยหรือต้องการพักก็บอกข้า”

“ดูท่านชำนิชำนาญมาก” เจ้าหญิงตรัสชมอย่างจริงใจ โดยแสร้งทำเป็นไม่สนใจที่พระองค์ถูกมองประเมินเมื่อสักครู่ “ที่ฟูดินัน ท่านปีนหน้าผาบ่อยไหม?”

“สมัยที่ข้าฝึกวิชาการต่อสู้กับอาจารย์อาร์โซอิน(ARZOIN INZU) อาจารย์เป็นครูฝึกวิชาการต่อสู้ด้วยหมัดมวยที่มีฝีมือฉกาจในระดับแนวหน้าของฟูดินันทีเดียว ซึ่งอาจารย์มักจะให้พวกเราฝึกความแข็งแกร่งของมือ แขน และ ขาด้วยการปีนหน้าผา”

“ข้าเดาว่า ‘หมัดทำลายภูผา’ ของท่านก็ฝึกฝนจากที่นี่ด้วยสินะ” เจ้าหญิงทรงเดาต่อได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ต้องทรงตบพระหัตถ์เข้าด้วยกันอย่างพอใจอีกครั้งเมื่อฮารีซันพยักหน้ายิ้ม ๆ รับคำขณะง่วนอยู่กับการมัดเงื่อนเชือก เจ้าหญิงจึงทรงมองท่าทางการมัดเงื่อนเชือกของเขาด้วยความสนพระทัย ฮารีซันเงยหน้าขึ้นมองตอบเมื่อเห็นว่าเจ้าหญิงทรงเงียบเสียงไป จึงได้เห็นว่าเจ้าหญิงมองจ้องตนอยู่

“เจ้าหญิง?” ฮารีซันเรียกด้วยความไม่แน่ใจ

“โอ...เออ....ข้า” เจ้าหญิงก็ทรงอดตกพระทัยไม่ได้เมื่อรู้สึกองค์ว่าทรงจ้องมองชายหนุ่มนานเกินไป “ข้าเพียงแต่กำลังคิดว่า...” เจ้าหญิงตรัส “ข้าคิดถูกที่ตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากท่าน”

“ขอบคุณ” ฮารีซันตอบเสียงเบา ยิ้มรับด้วยความเขินอายเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าตนได้รับความไว้วางใจจากปากของเจ้าหญิงแห่งฟีเลเซียโดยตรง ก่อนจะรีบสาวเท้าออกเดินสำรวจมองหาเส้นทางที่จะใช้ปีนขึ้นสู่ยอดผาเป็นครั้งสุดท้าย

“ถ้าเราเร่งมือสักหน่อยก็คงสามารถขึ้นไปถึงยอดผาได้ก่อนเวลาพลบค่ำ” ฮารีซันเอ่ยก่อนจะสำรวจความพร้อมของทั้งคู่
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างพร้อมแล้วฮารีซันจึงเริ่มต้นปีนนำขึ้นไปก่อน โดยเริ่มอย่างช้า ๆ ทีละก้าว ๆ อย่างมั่นคง เพื่อให้เจ้าหญิงสามารถทำตามได้อย่างง่ายที่สุด มือทั้งสองคอยเอื้อมหาร่องหินที่แข็งแกร่งพอจะรับน้ำหนักของตนได้ และไม่ลืมที่จะคอยแนะนำเจ้าหญิงตลอดเวลา ทั้งคู่ปีนขึ้นไปทีละขั้น ๆ เป็นเวลานานเท่าไหร่ไม่อาจรู้ได้ หลบก้อนหินที่แตกร่วนและไม่แข็งแรงพอที่จะยึดเกาะไปจนถึงแง่งหินที่ใหญ่โตขนาดพอ ๆ กับมังกรที่โตเต็มที่นอนขดอยู่ในหิน ท่ามกลางบรรยากาศที่ค่อย ๆ ทุเลาความร้อนแรงของดวงอาทิตย์ลง

ระหว่างการปีนที่แสนลำบาก มีอยู่ถึงสองครั้งที่เจ้าหญิงทรงเกิดพลาดท่า ครั้งหนึ่งเป็นเพราะลมที่กรรโชกแรงจนเจ้าหญิงทรงเกาะก้อนหินไว้ไม่อยู่ และอีกครั้งที่พระองค์ทรงเหยียบก้อนหินที่ไม่มั่นคงทำให้เกือบจะตกจากหน้าผาที่ยึดเกาะไว้ แต่ฮารีซันก็สามารถดึงเชือกไว้ได้ทันทุกครั้งทำให้เจ้าหญิงไม่ร่วงลงไปห้อยค้างอยู่กลางอากาศ ทั้งคู่ยังคงปีนต่อไปอย่างไม่ปริปากบ่น จนเมื่อลมเย็นจากเขาสูงเริ่มพัดโชยคลายความร้อนในยามบ่ายแก่ ฮารีซันเห็นว่าเจ้าหญิงทรงล้าเต็มที อีกทั้งยอดผาอยู่อีกไม่ไกลแล้วจึงตัดสินใจหยุดพัก ฮารีซันมองสำรวจไปรอบ ๆ หาที่เหมาะ ๆ ที่สามารถจะใช้ทำที่นั่งพักได้ เมื่อพบแล้วจึงให้เจ้าหญิงปีนหลบไปอยู่อีกฝั่งหนึ่ง

ฮารีซันเคลื่อนตัวเข้าไปหาหินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งที่ฝั่งอยู่ในหน้าผาแกร่ง เขากำหมัดแน่นสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะพุ่งหมัดใส่หินก้อนนั้นอย่างแรง ก้อนหินสะเทือนอย่างแรงก่อนจะแหลกเป็นผุยผงล่วงลงสู่พื้นดินเบื้องล่าง ฝุ่นหินฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ

“ท่านทำอะไรของท่านน่ะ!” เจ้าหญิงทรงตกพระทัย ทำดวงเนตรปริบ ๆ ทอดพระเนตรหน้าผาที่เว้าลึกเข้าไปเป็นช่องตามรูปร่างของหินก้อนที่เพิ่งถูกทำลายไป

“ทำที่นั่งพักให้ท่านไง”

ฮารีซันตอบหน้าตาเฉยทำเอาเจ้าหญิงเรจิน่าพูดไม่ออก ตอนที่ฮารีซันบอกให้พระองค์ปีนหลบไปอีกข้าง พระองค์ไม่ได้ทรงมีความคิดสักนิดว่าเขาจะทำอะไรเช่นนี้ พระองค์เพียงแต่ทรงคิดว่าเขาคงจะบอกให้ปีนหลบหลีกก้อนหินธรรมดา อีกอย่างพระองค์ทรงแน่พระทัยเหลือเกินว่าพระองค์มิได้ปริปากบ่นหรือแสดงอะไรเป็นนัยว่าพระองค์ทรงเหนื่อยและแขนขาเริ่มล้าลง ที่จริงพระองค์แขนขาล้ามาได้พักใหญ่แล้ว แต่พระองค์ทรงเห็นว่าบนหน้าผาเช่นนี้คงไม่มีที่ให้หยุดพัก อีกทั้งด้วยศักดิ์ศรีและความที่อยากจะไปถึงยอดผาโดยเร็วของพระองค์ทำให้พระองค์ไม่ทรงยอมปริปากและไม่สนพระทัยกล้ามเนื้อแขนและขาที่เริ่มประท้วงด้วยอาการสั่นเทา การที่ฮารีซันสังเกตเห็นความเหนื่อยล้าของพระองค์และเจาะช่องหินให้พระองค์ได้หยุดพักนั้นสร้างความประทับใจให้พระองค์ไม่น้อยทีเดียว

เมื่อครั้งที่รู้จักฮารีซันในฐานะผู้นำทัพใหม่ ๆ เจ้าหญิงทรงเคยคิดถึงความเหมาะสมของเขา จริงอยู่ว่าเขามีความสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน แต่ก็แลดูจะขาดความเป็นผู้นำ ทว่าเมื่อได้รู้จักกันนานวันเข้า พระองค์ก็ได้เห็นความดีมากมายในตัวของเขา แม้แต่ความเป็นผู้นำที่ดีซึ่งเจ้าหญิงคิดว่าเขาขาดไป แต่เขาก็ได้พิสูจน์ให้ประจักษ์หลายครั้งหลายคราถึงความเป็นผู้นำของเขา โดยเฉพาะเรื่องการเอาใจใส่สนใจดูแลผู้ที่อยู่ใต้อาณัติของตนอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ซึ่งครั้งนี้ก็คือการที่เขาสังเกตเห็นถึงความเหนื่อยล้าของพระองค์ได้ และทำสิ่งที่ดีที่สุด คือการทำที่พักให้เพื่อไม่เป็นการฝืนกำลังของพระองค์จนเกินไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMNEpi8 Chapter 43 ภูผาที่หยุดสายลม @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 3:30 pm

ฮารีซันส่งมือให้เจ้าหญิงก่อนจะดึงตัวพระองค์ขึ้นมานั่งพักบนช่องหินที่เขาทำไว้ได้อย่างง่ายดาย เจ้าหญิงหย่อนองค์ลงข้าง ๆ เขา ทรงนั่งห้อยขาทั้งสองข้างออกมาจากช่องหิน ทันทีที่ทอดพระเนตรมองทิวทัศน์อันงดงามโดยรอบก็ทรงแย้มยิ้มอย่างมีความสุขแทบจะลืมความเหนื่อยล้าไปจนหมดสิ้น ดวงอาทิตย์ที่คล้อยต่ำสาดแสงสีส้มอาบอาณาจักรฟีเลเซียให้แลดูสงบแปลกตาเหมือนอยู่อีกสถานที่หนึ่งซึ่งห่างไกลจากสงครามที่แสนโหดร้าย รอยยิ้มค่อย ๆ คลี่ออกแต่งแต้มเรียวปากให้ดูละมุนละไม แสงสีส้มอ่อน ๆ อาบไล้ใบหน้าเรียวงามของเจ้าหญิงให้แลดูอ่อนหวานยิ่งขึ้น

“อภัยให้ข้าด้วยที่ไม่ได้สังเกตเห็นความเหนื่อยล้าของเจ้าหญิงให้เร็วกว่านี้”

ชายหนุ่มเอ่ยพลางส่งถุงหนังที่บรรจุน้ำดื่มให้เจ้าหญิง แต่ทันทีที่ดวงตาของเขาเห็นใบหน้างามของเจ้าหญิง เขาก็ถึงกับถือถุงหนังค้างอยู่อย่างนั้น การที่เจ้าหญิงออกกำลังในการปีนหน้าผา ทำให้เลือดสูบฉีดจนริมฝีปากและแก้มนวลเปล่งปลั่งเป็นสีแดงระเรื่อ ทั้งแสงยามเย็นที่ไล้ใบหน้าของหญิงสาวก็ยิ่งทำให้ใบหน้างามนั้นยิ่งงดงามและน่ารักชวนมองยิ่งกว่าเคย

เจ้าหญิงเรจิน่าทรงยิ้มกว้างคว้าถุงน้ำไปจากมือฮารีซัน ไม่ทันได้สังเกตปฏิกิริยาที่หยุดชะงักไปของชายหนุ่ม

“ไม่เลย ข้าต้องขอบใจท่านต่างหากที่อุตส่าห์สังเกตเห็น ทั้ง ๆ ที่ข้าพยายามซ่อนมันไว้” เจ้าหญิงหันมายิ้มให้อย่างน่ารัก

“เจ้าหญิงจะทำอย่างนั้นเพื่ออะไร?” ฮารีซันขมวดคิ้วสีน้ำตาลเข้มถามด้วยความตกใจ

“เพราะข้าไม่อยากเป็นตัวถ่วงนะสิ และข้าก็ไม่คิดว่าท่านจะทำลายหินเป็นช่องให้เรานั่งพักกันแบบนี้ได้ด้วย” เจ้าหญิงทรงหัวเราะคิกคักชอบใจพลางแกว่งขาเล่นอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะหันพระพักตร์ที่แต้มรอยยิ้มมาหาชายหนุ่ม “ขอบใจท่านมากทีเดียว ที่ทำให้ข้าได้พัก แล้วยังได้ชมทัศนียภาพที่แสนงดงามนี้”

ฮารีซันยิ้มขณะมองลงไปในดวงตาสีเขียวดั่งมรกตของเจ้าหญิงเรจิน่า เธอช่างต่างกับเจ้าหญิงจากดินแดนอันสูงส่งที่เขาคาดไว้ เธอไม่เย่อหยิ่ง ไม่ถือตัว ไม่เรื่องมากเอาแต่ใจ แต่เธอเหมือนดั่งสาวแรกรุ่นทั่วไปที่ตามหาความฝัน ซุกซน อยากรู้อยากเห็น ร่าเริงและเป็นตัวของตัวเอง ดวงตาสีเขียวของเธอดูราวกับค้นหาอะไรบางอย่างที่ยากจะเข้าใจ คงมีเพียงความงามของเธอเท่านั้นที่บ่งบอกความเป็นเจ้าหญิงที่เจิดจรัสออกมา

"เจ้าหญิงช่างเหมือนสายลม" ฮาริซันรำพึง

"ใช่ ฟีเลเซียของเราเปรียบเป็นสายลม เป็นความสูงส่ง เป็นดั่งที่รองพระบาทพระเจ้า..." เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสตอบพร้อมยิ้มซุกซนเมื่อเห็นว่าจู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องพูดกะทันหัน

"ไม่ใช่เช่นนั้น...ข้าหมายถึง เจ้าหญิงเหมือนสายลมที่พัดเย็นโชยผ่านมา เปี่ยมด้วยความสดชื่น สดใส แต่ไม่อาจจับสายลมอันเย็นสดชื่นนี้ไว้ได้ ได้แต่ปล่อยให้พัดผ่านไป จนข้าคิดว่าหากได้พัดผ่านมาอีกครั้ง ข้าคงรีบต้องสูดเข้าเป็นลมหายใจ ให้เจ้าหญิงอยู่ในใจข้าไม่พัดหนีไปไหนอีก"

เจ้าหญิงทรงนิ่งงัน แก้มอิ่มของพระองค์กลายเป็นสีแดงระเรื่อยิ่งขึ้นเมื่อจับต้องกับแสงอาทิตย์ยามเย็นช่างน่าจุมพิตยิ่งนัก แม้ไม่มีคำพูดออกมาจากพระโอษฐ์งามของพระองค์ แต่ในพระทัยกลับสับสนและเต็มไปด้วยคำพูดมากมาย

‘ชายคนนี้นี่ช่างกระไร เกี้ยวอิสตรีได้หน้าตาเฉย นี่เขาพูดจากใจจริงหรือ?...แววตาคมเข้มสะท้อนออกมาแต่ความซื่อตรง สีหน้าสุขุมของเขาไม่มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อยยิ่งทำให้เราแทบลืมหายใจ คนบ้าอะไรเนี่ย?! เขาตรงไปตรงมาจนน่าใจหาย น้ำเสียงนุ่มทุ้มแสดงความหนักแน่นมั่นคง แล้วรอยยิ้มที่อ่อนโยนนั่นอีกเล่า โอ้...พระเจ้า มันเกิดขึ้นกับลูกจริงหรือนี่? ลูกจะห้ามใจตัวเองอย่างไรไหว?...’

ความเงียบงันเป็นเวลานานเริ่มสร้างความกังวลให้ชายหนุ่ม เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป เขาก็แทบหัวใจวายพลางนึกในใจ ‘...เมื่อครู่นี้...ข้าพูดออกไปได้อย่างไรกัน? ความงามของเจ้าหญิง ความน่ารักของเจ้าหญิงทำให้ข้าลืมตัวจนพูดความในใจที่ข้าไม่อาจเอื้อมออกไปได้หรือนี่? เจ้าหญิงโกรธข้ารึเปล่านะ? ยิ่งเวลานี้...เธอจะหาว่าข้าฉวยโอกาสตอนเธอมาขอความช่วยเหลือเพื่อสร้างความลำบากใจให้กับเธอรึเปล่า?...แล้วถ้าเจ้าหญิงรังเกียจข้าล่ะ?...ไม่นะ แค่คิดข้าก็ใจหายวูบ ชาไปทั้งตัว ได้โปรดพูดอะไรออกมาบ้างเถอะเจ้าหญิง...โอย ทำไมข้ามันปากพล่อยอย่างนี้นะ?’

สีหน้าของฮารีซันกลายเป็นความกังวล คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มือไม้เกะกะเริ่มทำอะไรไม่ถูก ทั้งความกังวลและความอายเริ่มเข้ามาสับสนอยู่ในใจของเขา

ท่าทีของฮารีซันทำให้เจ้าหญิงเรจิน่าทรงได้สติและเริ่มขบขัน พระองค์ทรงเริ่มยิ้มอย่างซุกซนอีกครั้ง แต่คราวนี้ใบหน้าแดงระเรื่อของพระองค์ทำให้พระองค์ยิ่งดูงดงามน่ารักกว่าปกติ ในพระทัยเกิดความคิด

“ตายจริง พูดออกมาเองแท้ ๆ เริ่มจะเขินเองแล้วเหรอนี่? ดูสิ!ผู้ชายตัวโตทำท่าเงอะงะดูน่ารักดีจริง ต้องแกล้งคืนเสียหน่อย”
เจ้าหญิงทรงยื่นพระพักตร์งามของพระองค์เข้าไปใกล้คว้าแขนชายหนุ่มไว้ สัมผัสนี้แม้พระองค์จะเป็นผู้กระทำแต่ก็สร้างความหวั่นไหวในพระทัยอยู่ไม่น้อย แต่ชายหนุ่มที่ถูกพระหัตถ์นุ่มบอบบางของพระองค์ประคองจับที่แขนกำยำนี่สิ หัวใจเขาแทบระเบิดออกมา ริมฝีปากงามก็เอื้อนเอ่ยคำหยอกเย้า

"ชายชาวฟูดินันดื่มน้ำผึ้งแทนน้ำหรืออย่างไร? ถึงได้ปากหวานแบบนี้"

ฮารีซันตัวสั่นด้วยความเขินอาย ริมฝีปากสั่น สมองหยุดทำงาน ไม่อาจหาคำตอบใด ๆ ออกมาได้ ดวงตาสีเขียวคู่งามของเจ้าหญิงจ้องมองดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาอย่างไม่หวาดหวั่น คำตอบที่ไม่คาดคิด ทั้งสับสนระคนกับความดีใจ เขาอยากกอดเจ้าหญิงเสียตรงนี้ แต่สมองอันเรือนรางยังเตือนให้เขาตั้งสติอยู่ได้ ท่าทางของเขาทำให้เจ้าหญิงเรจิน่าทั้งขำทั้งสงสาร และความรักก็เริ่มก่อตัวอย่างเงียบ ๆ ในใจหญิงสาว
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMNEpi8 Chapter 43 ภูผาที่หยุดสายลม @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 3:31 pm

"ข้าล้อเล่นหรอก...คิก คิก..." เจ้าหญิงทรงหัวเราะเสียงใสอย่างน่ารัก ก่อนจะทรงจ้องมองดวงตาชายหนุ่มจนเขาแทบละลายลงไปตรงนั้น

"ถ้าข้าคือสายลม ...ท่านคงเป็นภูผา ที่หยุดสายลมนี้ไว้ได้..." ฮารีซันหยุดหายใจไปชั่วขณะ สมองที่สับสนหยุดชะงักกับคำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากเรียวงามของเจ้าหญิง เหมือนเวลาได้หยุดอยู่ตรงนั้น แสงสีทองของยามเย็นที่สาดส่องพร่างพราว จนราวกับเป็นสวรรค์...


*********************************



บ่ายคล้อยวันหนึ่งที่ใต้ต้นมหาพฤกษาอิกดราซิล วานาอันกำลังนั่งเหม่อใจลอยท่ามกลางใบสีเงินที่ข้างตัวมีตระกร้าที่ใส่รากไม้บางชนิดและใบสีเงินใส่อยู่จนเกือบเต็ม มีใบสีเงินสองสามใบวางอยู่บนตัก ในขณะที่มือทั้งสองกำลังเช็ดฝุ่นดินที่ติดอยู่บนใบสีเงินบนตักอย่างใจลอย

“ปู่คิดว่าใบที่อยู่ในมือเจ้ามันสะอาดจนขึ้นเงาแล้วนะ” เสียงพูดล้ออย่างอารมณ์ดีของผู้เฒ่าแห่งฟูดินันดังขึ้นเบื้องหลัง แต่ก็ทำให้วานาอันตกใจพลุบพลับรีบลุกจนตะกร้าคว่ำ ใบไม้สีเงินจึงเทออกมากองกับพื้น

“โอ ปู่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ้าตกใจ” วูจินกล่าวแสดงความเสียใจ

“ท่านปู่ออกมาที่นี่ทำไมคะ? มันอันตราย” วานาอันตื่นตระหนกรีบพูด

วูจินยิ้มเดินเข้าไปใกล้ พลางส่ายหน้าช้า ๆ “มันผ่านมากว่าหกเดือนแล้วนะ นับตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้น และหลานก็รับรู้ด้วยสัมผัสของหลานเองว่าเวลานี้พวกเผ่าครุฑและมังกรมารัคอยู่อย่างสงบแล้ว ภาพในความทรงจำของเจ้าเองต่างหากที่คอยทำให้เจ้าหวาดกลัวและคิดว่ามันยังไม่ปลอดภัย”

วานาอันตริตรองคำพูดของท่านปู่อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มเศร้า ๆ ออกมา “ท่านปู่พูดถูกค่ะ แต่บางครั้งภาพเหล่านั้นก็มาหลอกหลอนแม้กระทั่งในยามหลับ”

นี่เป็นสาเหตุให้เจ้าใจลอยจนสะดุ้งเพราะเสียงปู่เมื่อตะกี้ใช่หรือเปล่า?” วูจินมองใบหน้าของหลานสาวอย่างค้นหา

“ไม่ใช่หรอกค่ะ” วานาอันยิ้มกว้างหมายจะทำให้ท่านปู่คลายกังวล “จริง ๆ แล้วหลานกำลังคิดถึงพี่ฮารีซันที่ไปออกรบ ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนเหลือเกินแล้ว หลานเป็นห่วงเหลือเกินค่ะ” ครั้นเมื่อพูดถึงการรบจิตใจของสาวน้อยวานาอันก็ห่อเหี่ยวลงไปอีก

“หลานก็เลยขยันออกมาเก็บสมุนไพรจะเอาไปทำยาสมานแผลให้พี่เจ้าละสิ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เจ้าแทบจะไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้มหาพฤกษาเป็นพักใหญ่” วูจินกล่าวอย่างรู้ทัน

“หลานเพียงแต่คิดว่าอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้างเพราะหลานไม่มีกำลังพอที่จะไปช่วยพวกเขารบ แล้วอีกอย่างหลานก็คิดถึงท่านมหาพฤกษา ช่วงนี้มีเหตุการณ์ร้าย ๆ เกิดขึ้นมากมายทำให้ท่านมหาพฤกษาต้องเศร้าเสียใจ หลานก็เลยอยากมาเยี่ยมท่านบ่อย ๆ “ วานาอันตอบอาย ๆ

วูจินเงยหน้าขึ้นมองร่มเงาสีเงินยวงที่โบกไหวไปกับสายลมอ่อน ๆ พลางยิ้มอย่างพอใจ

“ท่านมหาพฤกษาคงมีความสุขที่มีเด็กดีอย่างเจ้าคอยเป็นห่วง แม้หลานจะเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เพียงคนเดียว ทว่าการกระทำที่เล็กน้อยแต่หากทำด้วยหัวใจมันก็มีค่ายิ่งใหญ่นัก” วูจินลูบผมหลานสาวอย่างรักใคร่

สาวน้อยแก้มแดงระเรื่อเมื่อถูกชม แต่ก็ไม่ลืมถามถึงธุระของผู้เฒ่าวูจิน “ท่านปู่มีธุระอะไรรึเปล่าคะ? ถึงออกมาหาหลานที่นี่”

“อ้อ! ปู่เกือบลืมไปเสียสนิท” วูจินหัวเราะร่วน “ปู่จะมาตามเจ้ากลับบ้านน่ะสิ เพราะปู่จะออกไปประชุมกับพวกผู้เฒ่าจากเผ่าต่าง ๆ เกิดเจ้าอยู่ที่นี่จนเย็นแล้วกลับไปไม่เห็นปู่ เดี๋ยวจะพาลตกอกตกใจไป”

“เกิดอะไรขึ้นอีกรึคะ?” วานาอันได้ยินว่ามีประชุมบรรดาผู้เฒ่าจึงเกิดความสงสัย

“มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับเราโดยตรงหรอก เกี่ยวกับเผ่าป่าทมิฬมากกว่า” วูจินตอบปัดกราย ๆ เพื่อให้หลานสาวสบายใจ “เอาล่ะ! มาเก็บตะกร้าของหลานกันเถอะ”

สาวน้อยวานาอันรีบก้มลงรวบรวมของทุกอย่างใส่ในตะกร้าอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งโกยใบไม้สีเงินทั่วบริเวณใส่ในตะกร้าจนเต็ม
“เรียบร้อยแล้วค่ะท่านปู่” วานาอันรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แขนข้างหนึ่งคล้องกับหูตะกร้า อีกข้างหนึ่งคล้องกับแขนของวูจิน ”นี่เป็นการเก็บสมุนไพรที่เร็วที่สุดในชีวิตของหลานเลยค่ะ”

คำพูดและท่าทางของวานาอันทำให้วูจินต้องหัวเราะอย่างชอบใจ “ปู่ก็เห็นว่าอย่างนั้นเหมือนกัน”

สองตาหลานออกเดินลัดเลาะตามทางเดินที่นำไปสู่บริเวณชายเผ่าฟูดินัน ระหว่างที่เดินไปสาวน้อยวานาอันก็เหลือบมองปู่ของตนเป็นระยะ ๆ จนวูจินต้องยิ้มกว้าง

“เอ้า อยากจะถามอะไรปู่?”

“ท่านปู่จะประชุมเรื่องอะไรรึคะ?”

วูจินชะงักเท้าเหลือบสายตามองหลานสาวก่อนจะก้าวเท้าเดินต่อ

“อภัยให้หลานด้วยนะคะ ที่ถามเหมือนสอดรู้สอดเห็น แต่ช่วงนี้มีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย หลานคิดว่าถ้ารู้อะไรบ้างก็คงจะดี อย่างน้อยก็จะพอรู้ทางหนีทีไล่บ้าง” วานาอันก้มหน้าพูดเสียงเบา

“ปู่เห็นว่าช่วงนี้เจ้าไม่ค่อยสบายใจ จึงไม่อยากพูดอะไรที่ทำให้เจ้ายิ่งวิตกกังวลหนักมากขึ้นเท่านั้นเอง แต่ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล รู้ความเป็นไปรอบ ๆ เผ่าไว้บ้างก็ดี” วูจินพูดยิ้ม ๆ ทำให้วานาอันมีสีหน้าเบิกบานขึ้นทันที

“เมื่อตอนสาย หลังจากที่เจ้าออกมาที่นี่ได้สักพัก หัวหน้าเผ่าป่าทมิฬก็ส่งคนมาแจ้งข่าวด่วน หลานจำฟูมินจากเผ่าป่าทมิฬได้ไหม?”

“จำได้ค่ะ พี่ฮารีซันบอกว่าเขาเกือบจะสู้กับหัวหน้าเผ่าอีกเผ่าในการประชุมครั้งหนึ่ง” วานาอันนึกทบทวนถึงสิ่งที่ได้รับรู้มา
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMNEpi8 Chapter 43 ภูผาที่หยุดสายลม @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 3:31 pm

“แล้วหลานรู้สาเหตุรึเปล่าว่าเพราะอะไร?” วูจินถามต่อ เมื่อเห็นว่าสาวน้อยส่ายหน้าไหว ๆ ก็ยิ้มอย่างเอ็นดู

“เรื่องครั้งกระโน้นมันจบลงไปแล้ว ปู่จะไม่ย้อนไปพูดถึงอีก” วานาอันได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าออกอาการผิดหวังน้อย ๆ “แต่เรื่องในครั้งนี้ หลานจะได้รู้และรู้จักระมัดระวังตัวให้มากขึ้น ถึงแม้ว่าโดยรอบบริเวณนี้จะมีการวางเวรยามไว้คอยลาดตระเวนอยู่แล้ว”

“มันเรื่องอะไรกันรึคะ?”

“เวลานี้ ฟูมิน พร้อมทั้งสมัครพรรคพวกกลุ่มหนึ่งได้ออกจากป่าทมิฬ และผันตัวเองไปเป็นโจรป่า คอยดักปล้นสะดมคนเดินทางและหมู่บ้านเผ่าต่าง ๆ” วูจินบอกด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ

“ตายจริง ทำไมล่ะคะ?” วานาอันถามด้วยความตระหนกและหวั่นใจ

“เพราะเขาไม่พอใจและไม่ยอมรับที่เผ่าฟูดินันของเราซึ่งมีฮารีซันเป็นผู้นำได้รับเลือกให้เป็นจอมทัพนำเผ่าต่าง ๆ เข้าร่วมสงครามกับพวกซาโลม”

“พี่ฮารีซันไม่เหมาะสมตรงไหนรึคะ?” วานาอันถาม และเริ่มไม่ชอบใจฟูมินขึ้นมาทันที “พี่ฮารีซันดีที่สุด เก่งที่สุด แข็งแกร่งที่สุด”

วูจินเห็นหลานสาวพูดดังนั้นก็หัวเราะร่วน เขาแทบจะไม่เคยเห็นหลานสาวผู้เรียบร้อยอ่อนหวานมีอารมณ์โกรธสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเรื่องความจงรักภักดีต่อครอบครัวละก็ หลานสาวของเขาก็ไม่ยอมแพ้ใครเช่นกัน

“ปู่รู้ ปู่รู้ แต่คนเผ่าอื่น ๆ เขาไม่ได้รู้จักฮารีซันเหมือนเรา เขาก็เห็นว่าฮารีซันเป็นเพียงชายหนุ่มรุ่นกระทงที่ยังอ่อนด้อยประสบการณ์ ดังนั้นเขาจะไม่ไว้วางใจบ้างก็ไม่แปลกอะไร” วูจินอธิบาย

“เขาก็เลยออกจากเผ่าไปเป็นโจรรึคะ? นั่นไม่เห็นช่วยให้อะไรดีขึ้นตรงไหนเลย” วานาอันถามด้วยไม่เข้าใจความคิดของสมาชิกระดับสูงของเผ่าป่าทมิฬ

“ถูกแล้ว การทำเช่นนี้มีแต่ทำให้สถานการณ์ที่แย่อยู่แล้วให้ยิ่งแย่หนักขึ้นไปอีก บางครั้งคนเราก็มักจะใช้อารมณ์คิดแทนสมอง ทำให้เราตัดสินใจพลาดหลงเดินทางผิดโดยไม่รู้ตัว”

“แล้วอย่างนี้เราจะทำอย่างไรกันดีคะ?”

“นั่นเป็นปัญหาที่ปู่จะต้องไปประชุมเย็นนี้อย่างไรเล่า”

วูจินยิ้มและทักทายชาวบ้านที่เดินสวนไป ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าทั้งคู่เดินเข้ามาในเขตที่พักอาศัยของเผ่าฟูดินันแล้ว

“ส่วนเจ้า ปู่อยากให้เจ้าเพิ่มความระมัดระวังตัวให้มากขึ้น เวลาออกไปข้างนอกเขตที่อยู่อาศัยก็หาใครไปเป็นเพื่อน หรือถ้าจะไปเพียงลำพังก็อย่าใจลอยบ่อย คอยสอดส่ายหูตาเอาไว้บ้าง เปิดจิตของหลานให้ฟังเสียงเตือนของธรรมชาติ แล้วเอาไว้ปู่จะสอนวิชากางม่านบังตาให้เจ้า มีวิชาติดตัวไว้บ้างจะได้คุ้มครองตัวเองได้เวลาปู่หรือพี่เจ้าไม่อยู่”

วานาอันได้ยินดังนั้นก็หน้าตื่นเกาะแขนของวูจินแน่นขึ้นทันที วูจินหัวเราะตบหลังมือของหลานสาวเบา ๆ เป็นการปลอบ

“ปู่ไม่ได้จะรีบตายจากเจ้าไปไหน เพียงแต่ปู่พูดเผื่อไว้ในยามคับขันหรือคาดไม่ถึง เจ้าจะได้ปกป้องตัวเองได้และกลับมาหาปู่อย่างปลอดภัยอย่างไรล่ะ”

วานาอันได้ยินดังนั้นจึงยิ้มออก ทำให้ใบหน้าอ่อนเยาว์หมดจดดูงดงามขึ้นมาทันตา “หลานหวังว่าจะใช้วิชานี้ช่วยปกป้องท่านปู่ด้วยค่ะ”

วูจินยิ้มอย่างปลาบปลื้มจนรู้สึกว่านัยน์ตาเอ่อคลอขึ้น ยกมือขึ้นลูบผมหลานสาวอย่างรักใคร่

“ขอบใจ.... ขอบใจมาก”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)


ย้อนกลับไปยัง Summoner Novel

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 18 ท่าน

cron