Chapter 18 เจตนารมณ์อันแน่วแน่
ภายในอารามนักบวชหญิงที่ซิสเตอร์โรซาน่าเป็นเจ้าคณะอยู่นั้น มีอาณาบริเวณแบ่งเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน ด้านหนึ่งเป็นบริเวณให้ประชาชนและบุคคลทั่วไปเข้าออกได้ ส่วนอีกด้านหนึ่งมีกำแพงสูงกั้นมิดชิดและถูกเรียกว่าเป็นเขตพรต คือเป็นเขตที่อยู่ของนักบวชเท่านั้น บุคคลธรรมดาทั่วไปน้อยคนนักที่จะได้รับอนุญาตให้เข้ามาใช้บริเวณนี้ เว้นแต่มีเหตุจำเป็นหรือได้รับอนุญาตเป็นพิเศษเท่านั้น จึงจะเข้ามาในเขตนี้ได้ ภายในเขตพรตนี้ก็มีการจัดสรรพื้นที่ในส่วนต่าง ๆ อย่างเป็นระเบียบ บริเวณต่าง ๆ ถูกตกแต่งไปด้วยสัญลักษณ์ทางศาสนาทว่าก็ดูเรียบง่ายเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์สมกับเป็นที่อยู่อาศัยของบรรดานักบวชหญิง
ทางด้านปีกซ้ายของเขตพรตมีสวนกว้างซึ่งถูกเรียกว่าสวนแห่งการอธิษฐานภาวนา เป็นที่ที่บรรดาซิสเตอร์ใช้เพื่อการปลีกวิเวกและสวดภาวนา ภายในสวนนี้เต็มไปด้วยไม้ใบไม้ดอกนานาชนิด ซึ่งถูกดูแลอย่างดีโดยเหล่าซิสเตอร์ในอาราม ผู้ซึ่งปลูกโดยคำนึงถึงฤดูกาลต่าง ๆ ในแอนดิซอง ทำให้ดอกไม้และใบไม้สลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันผลิบานกันตลอดทั้งปี
สถานที่แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่โปรดปรานของเจ้าหญิงอลาน่า พระองค์ได้รับอนุญาตเป็นพิเศษจากซิสเตอร์โรซาน่าให้สามารถเข้าออกเมื่อไหร่ก็ได้ที่ทรงต้องการ เจ้าหญิงอลาน่าทรงโปรดที่จะมาอธิษฐานภาวนาเพื่อสงบจิตใจและพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ที่นี่เสมอ ในเวลาโพล้เพล้ซิสเตอร์จะทำการจุดคบไฟตามตำแหน่งต่าง ๆ โดยรอบสวนแห่งนี้ ผนึกขนาดใหญ่ที่อยู่ตามเสากำแพงจะสะท้อนแสงจากคบไฟที่ถูกจุดขึ้นให้ความสว่างแก่สวนแห่งนี้จนเหมือนสวนแห่งนี้เป็นสว่างไสวด้วยแสงสีส้มนวลตาตลอดทั้งคืน แม้แต่รูปปั้นของบรรดาเทวดาและนักบุญที่ถูกสลักด้วยหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์ตามซุ้มไม้ต่าง ๆ รอบสวนก็แลดูอ่อนโยนและมีชีวิตชีวายิ่งขึ้นเมื่อถูกฉายด้วยแสงนวลตาเช่นนี้
เจ้าหญิงอลาน่าประทับอยู่บนเก้าอี้ยาวหน้ารูปปั้น อมารา นางฟ้าแห่งถ้วยศักดิ์สิทธิ์ (AMARA, the Angel of Cup) ทรงดื่มด่ำกับการอธิษฐานภาวนาจนไม่รู้สึกพระองค์ว่าซิสเตอร์โรซาน่าเดินเข้ามาใกล้แล้ว
“ยังทรงประทับอยู่ที่นี่อีกหรือเพคะ? นี่เป็นเวลาเย็นมากแล้วนะเพคะ”
เจ้าหญิงอลาน่าค่อย ๆ ปรือพระเนตรขึ้นมองซิสเตอร์สูงวัยที่ยิ้มให้อย่างรักใคร่พลางยิ้มตอบ
“ฉันกำลังรอซิสเตอร์อยู่ค่ะ” เจ้าหญิงอลาน่าตรัสก่อนจะขยับตัวเพื่อแบ่งที่นั่งให้ซิสเตอร์ผู้สูงวัย
ซิสเตอร์โรซาน่าขยับตัวลงนั่งข้างเจ้าหญิงอย่างไม่เก้อเขิน บ่งบอกถึงความสนิทสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ เจ้าหญิงทรงรักใคร่ซิสเตอร์เหมือนเป็นมารดาคนที่สองของพระองค์ เจ้าหญิงเองก็เปรียบเหมือนลูกสาวของซิสเตอร์เช่นกัน
“ฝ่าบาทให้ใครไปตามดิฉันก็ได้นี่คะ ไม่เห็นจะต้องรอจนเย็นค่ำเช่นนี้เลย”
“ฉันไม่รู้สึกว่ารอนานเลยค่ะ และอีกอย่างฉันก็รู้สึกสบายใจมากจริงๆเมื่อได้มาอธิษฐานภาวนาที่นี่ จนลืมไปเลยว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน” เจ้าหญิงอลาน่าตรัสด้วยรอยยิ้ม
“พระเจ้าทรงประทานการพักผ่อนให้แก่ผู้ที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักที่เข้ามาหาพระองค์เสมอเพคะ ว่าแต่ธุระของฝ่าบาท.....?” ซิสเตอร์โรซาน่าทูลถามด้วยน้ำเสียงเจือความวิตกกังวล
“ฉันบอกเสด็จแม่แล้วค่ะ”
“เรื่องอะไรหรือเพคะ?” ซิสเตอร์ถามย้ำแม้จะพอเดาได้ว่าเจ้าหญิงทรงตรัสถึงเรื่องใด
“เรื่องที่ฉันจะบวชค่ะ”
“ฝ่าบาท...” ซิสเตอร์โรซาน่าพูดเสียงเบา คล้ายกับกำลังเผชิญกับเรื่องที่อยากลำบาก
“อย่าทัดทานฉันอีกเลยค่ะซิสเตอร์ ฉันตั้งใจแน่วแน่เสมอมา ทว่าภาระและผู้คนมากมายฉุดรั้งฉันไว้มาตลอด แต่เวลานี้ความปรารถนาของฉันมันลุกร้อนเอ่อล้นและเรียกร้องอยู่ภายในหัวใจของฉัน จนฉันไม่อาจทนนิ่งเฉยต่อเสียงเรียกนั้นได้อีก”
ซิสเตอร์โรซาน่าพยักหน้ารับฟังด้วยความเข้าใจ ทั้งชื่นชมในความแน่วแน่และสงสารในความยากลำบากและอุปสรรคของเจ้าหญิง
“แล้วพระราชินีทรงว่าอย่างไรบ้างเพคะ?”
“เสด็จแม่ทรงรับปากว่าจะช่วยทูลขอเสด็จพ่อให้ค่ะ”
“คอรัลลี่ยอมรับแล้วหรือ?” ซิสเตอร์โรซาน่าอุทานด้วยความยินดีจนเผลอเรียกชื่อพระราชินีด้วยความสนิทสนม เหมือนดังเช่นสมัยก่อน เพราะทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่ศึกษาเล่าเรียนด้วยกัน
“ก็ไม่ค่อยเต็มใจเท่าใดนักค่ะ แต่ก็ทรงยอมรับว่าพระองค์รู้สึกลึก ๆ ในใจมาตลอดว่า ฉันเหมาะกับชีวิตเช่นนักบวชมากกว่า” ซิสเตอร์โรซาน่าพยักหน้าเห็นด้วยกับความเห็นของราชินีคอรัลลี่