Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ เม.ย. 19, 2024 1:12 pm

หน้าเว็บบอร์ด Wiser Summoner Novel @@ นิยายSMNEpi8 Chapter 42 ธอร์ เทพแห่งสายฟ้า @@

อ่านนิยาย Summoner Master Episodeต่าง ๆ ได้ที่นี่

Moderator: Jinger Ginger


@@ นิยายSMNEpi8 Chapter 42 ธอร์ เทพแห่งสายฟ้า @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 3:07 pm

Chapter 42 ธอร์ เทพแห่งสายฟ้า


สามเดือนหลังจากที่กองทัพร่วมระหว่างฟีเลเซียและฟูดินันยึดเมืองทั้งหมดคืนจากกองทัพเพลิงของจักรวรรดิซาโลมได้สำเร็จและจัดการดูแลความเรียบร้อยต่าง ๆ จนสามารถวางใจในความแข็งแกร่งของกำแพงเมือง อันเป็นปราการด่านสำคัญตลอดจนความพร้อมของกองทัพได้แล้ว กษัตริย์ซิกมันด์จึงทรงจัดเตรียมพลเปกาซัสจำนวนสิบนายเป็นทหารผู้ติดตามร่วมเดินทางไปยังเนินเขาวาฮาล ระหว่างนั่นเองข่าวจากบิชอปเกรเกอรี่ก็ส่งมาถึงกษัตริย์ซิกมันด์ในวันก่อนเดินทางนั่นเอง กษัตริย์ซิกมันด์ทรงรีบเปิดสารอ่านทันที เพราะกษัตริย์ซิกมันด์ก็ทรงเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย เนื่องจากนับตั้งแต่ที่บิชอปเกรเกอรี่เดินทางกลับฟีเลเซียนั้นก็กินเวลาถึงหกเดือนแล้ว ทว่าก็ยังไม่มีทีท่าว่าบิชอปจะเดินทางกลับมาเพื่อเป็นขวัญกำลังให้แก่ทหารและเป็นเหมือนเกราะป้องกันการรุกรานจากซาโลม ทว่าใจความภายในสารนั้นกลับทำให้กษัตริย์ซิกมันด์ทรงรู้สึกหนักพระทัยยิ่งขึ้น เพราะสารของบิชอปเกรเกอรี่นั้นกล่าวถึงว่าเวลานี้ขวัญและกำลังใจของประชาชนชาวเมืองฟีเลเซียและตามหัวเมืองต่าง ๆ ทั่วอาณาจักรลดน้อยถอยลงไปมาก เพราะตลอดระยะเวลาเกือบสองปีแล้วนับตั้งแต่เริ่มสงคราม ทว่าทหารของฟีเลเซียกลับต้องพลีชีพไปเป็นจำนวนมาก และหน่ำซ้ำก็ยังไม่มีทีท่าว่าสงครามจะสามารถยุติลงได้โดยเร็ว ดังนั้นบิชอปเกรเกอรี่จึงต้องออกเดินทางไปตามหัวเมืองต่าง ๆ เพื่อปลุกขวัญและกำลังใจให้ประชนตามคำขอร้องของราชินีอลิเซียและตามความประสงค์ของตัวของเขาเองด้วย ซึ่งกษัตริย์ซิกมันด์ก็ทรงเห็นดีด้วยที่จะทำเช่นนั้น แต่ก็เป็นข่าวที่ทำร้ายศักดิ์ศรีของพระองค์อย่างยิ่งเช่นกัน เพราะมันยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความไร้ความสามารถในการปกครองประเทศของพระองค์ ดังนั้นการออกเดินทางสู่เนินเขาวาฮาลของพระองค์จึงเป็นยิ่งกว่าการออกเดินทางไปขอหยิบยืมสัตว์สักตัวจากเทพเจ้า แต่มันคือภาระที่หนักอึ้งที่พระองค์ต้องแบ่งรับและจะต้องทำให้สำเร็จให้จงได้

เป็นเวลาบ่ายแล้วเมื่อกษัติย์ซิกมันด์และคณะเดินทางมาถึงเนินเขาวาฮาล เนินเขาวาฮาลนั้น แม้จะถูกเรียกว่า ’เนินเขา’ แต่ทุกคนในฟีเลเซียนั้นทราบดีว่าวาฮาลไม่ใช่เนินเขาอย่างที่ถูกเรียกเลยสักนิด ตามตำนานที่เล่าขานนั้นกล่าวไว้ว่า วาฮาล คือส่วนหนึ่งของแผ่นดินสวรรค์ที่ตกลงมายังพื้นโลกเมื่อสมัยโบราณกาล ดินแดนส่วนนี้จึงเป็นเหมือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่หลงเหลือจากโลกในยุคอดีต ซึ่งมนุษย์น้อยคนนักที่จะกล้าย่างกรายเข้าไป ลักษณะของเนินเขาวาฮาลเมื่อมองดูแล้วจะเห็นว่ามีอยู่สามชั้นด้วยกัน ชั้นแรกมีรูปร่างเหมือนเนินดินอันเกิดจากแท่นภูผาขนาดมหึมาซึ่งดูคล้ายกับถูกใครสักคนขว้างมันลงมาปักแน่นบนพื้นโลก จนทำให้แผ่นดินโดยรอบดันตัวสูงขึ้นกลายเป็นเนินเขาเตี้ย ๆ ขนาดใหญ่ ชั้นที่สองซึ่งเริ่มตั้งแต่ยอดเนินขึ้นไปนั้นกลับเป็นภูผารูปทรงคล้ายจุกไม้ก๊อกที่ขอบผนังตั้งสูงชันเหมือนหน้าผาตลอดโดยรอบ และที่ใจกลางแผ่นดินซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของชั้นที่สามนั้นคือยอดเขาอีกลูกที่ซ้อนทับอยู่ เป็นยอดเขาที่ตั้งตระหง่านสูงจนเสียดฟ้าและมีชั้นเมฆลอยมาบดบังยอดเขาอยู่ตลอดทั้งปี อีกทั้งบนชั้นเมฆนี้ก็มีฟ้าแลบและฟ้าผ่าอยู่เกือบตลอดเวลาเช่นกัน นี่เองจึงเป็นเหตุให้กษัตริย์ซิกมันด์สามารถขี่เปกาซัสมาได้สูงสุดเพียงแค่ปลายขอบผาสูงชันของวาฮาลชั้นที่สองเท่านั้น แม้จะอยากขึ้นไปสูงกว่านี้อีกสักหน่อยแต่บรรดาเปกาซัสก็เหมือนจะพร้อมใจกันฝืนคำสั่งไม่ยอมบินขึ้นไปสูงกว่านั้น คล้ายหวาดกลัวอะไรบางอย่างที่อยู่เหนือขึ้นไป

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงเหวี่ยงองค์ลงจากหลังเปกาซัสด้วยท่วงท่าองอาจ พระองค์ทรงยืนมองยอดเขาสูงเสียดฟ้าเบื้องหน้าด้วยสีพระพักตร์ไม่ใคร่สบายพระทัยนัก ในขณะที่นายทหารคนอื่น ๆ ก็ค่อย ๆ ทยอยกันลงจากหลังม้าบิน ภายในพระทัยของพระองค์หวนคิดถึงการล่ำลากันระหว่างพระองค์และเจ้าหญิงเรจิน่า พระองค์ยังทรงจำได้ดีถึงสายตาเป็นห่วงและคำพูดทุกถ้อยคำของผู้เป็นพี่ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งในตอนนั้นเพราะความหยิ่งทะนงของพระองค์และความกังวลที่เพิ่งก่อตัวขึ้นหลังจากทรงอ่านสารของบิชอปเกรเกอรี่ทำให้ทรงแปลความเป็นห่วงของพี่สาวผิดไป กลายเป็นความไม่มั่นใจในความสามารถของพระองค์ พระองค์จึงทรงกระแทกเสียงตอบด้วยศักดิ์ศรีทั้งหมดที่มีว่าพระองค์จะไปและกลับมาพร้อมนกธันเดอร์ริคในเวลารวดเร็วปานใด ซึ่งด้วยสายตาเคลือบแคลงของเจ้าหญิงก็ยิ่งทำให้พระองค์ทรงโกรธมากขึ้นไปอีก ทำให้การร่ำลากันระหว่างพี่น้องผู้สูงศักดิ์ทั้งสองดูไม่ค่อยน่ารื่นรมย์เท่าใดนัก

คณะของกษัตริย์ซิกมันด์ใช้เวลาในการเดินทางสองวันจึงถึงเนินเขาวาฮาล ในการเดินทางวันแรกนั้น พระองค์ยังเต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวและทรงหงุดหงิดทุกครั้งที่นึกถึงพี่สาวของพระองค์ แต่ในวันที่สองนั้นพระองค์ก็ทรงมีเวลาคิดทบทวนและยอมรับว่าพี่สาวของพระองค์พูดเพราะเป็นห่วงพระองค์โดยแท้จริง แม้จะเป็นความห่วงใยที่ทำให้พระองค์ไม่ชอบพระทัยและอึดอัด แต่เวลานี้เมื่อพระองค์มายืนต่อหน้ายอดเขาที่สูงเสียดฟ้าแห่งนี้ ซึ่งพระองค์ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่จึงจะไต่ไปถึงยอดเขาได้ มาบัดนี้ความเป็นห่วงของเจ้าหญิงเรจิน่าก็ไม่ได้เกินความจริงไปมากนัก การที่พระองค์ได้ทรงลั่นวาจากำหนดระยะเวลาในการเดินทางกลับไว้จึงเป็นเหมือนการขุดหลุมฝั่งตัวพระองค์เอง และด้วยศักดิ์ศรีเท่านั้นที่จะผลักดันให้พระองค์ต้องทรงทำให้สำเร็จตามที่ลั่นวาจาไว้ให้ได้

ขณะที่พระองค์ทรงกำลังพิจารณาเลือกทหารที่จะร่วมเดินทางไปกับพระองค์ โดยจะทิ้งทหารสองนายไว้คอยดูแลเหล่าเปกาซัสที่วาฮาลชั้นที่สองอยู่นั้น พลันสายพระเนตรของพระองค์ก็ทรงเหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งในชุดผ้าคลุมสีเทาดำในมือถือไม้เท้าที่ทำจากไม้เนื้อดีสีน้ำตาลทอง ซึ่งลักษณะเหมือนพวกนักเวทย์ที่ชอบถือสันโดษกำลังเดินตรงเข้ามาหาพระองค์ พระองค์ทรงแน่พระทัยอย่างเหลือเกินว่า ก่อนหน้านี้พระองค์ไม่ทรงเห็นใครสักคนบนวาฮาลชั้นที่สองนี่ แม้อาจจะเป็นไปได้ว่าเขาจะหลบซ่อนอยู่หลังต้นไม้หรืออาจมีที่กำบังให้พ้นจากสายพระเนตรของพระองค์อยู่บ้าง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่น่าจะมีใครปีนขอบผานี้ขึ้นมาได้ง่าย ๆ ยิ่งสังเกตจากมือที่มีผิวหนังเหี่ยวย่นแบบคนแก่ที่โผล่พ้นจากผ้าคลุมเพื่อจับไม้เท้า ก็ยิ่งไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่ว่าคนแก่ในวัยขนาดนี้จะปีนหน้าผาสูงชันขึ้นมาได้

ครั้นเมื่อบุคคลลึกลับในชุดผ้าคลุมสีเทาดำเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ กษัตริย์ซิกมันด์จึงตรัสด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMNEpi8 Chapter 42 ธอร์ เทพแห่งสายฟ้า @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 3:10 pm

“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยการวางอำนาจอย่างแท้จริง “เจ้าเป็นใครกัน? ขึ้นมาทำอะไรบนนี้? แล้วทำไมต้องใส่ผ้าคลุมปิดหน้าปิดตาอย่างนั้น?”

“แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร? ขึ้นมาทำอะไรบนนี้? แล้วทำไมต้องพาคนมาด้วยตั้งมากมาย?” ชายแก่ลึกลับย้อนคำถามของพระองค์กลับมาทันควัน เสียงที่ตอบกลับมาแทบไม่มีความสะทกสะท้าน จนกษัตริย์ซิกมันด์ทรงผงะกับความกล้าดีของเขา พระองค์ทรงมองดูชายแก่ด้วยความแคลงพระทัยอยู่พักหนึ่ง แต่เมื่อทรงคิดได้ว่าชายแก่ไม่รู้จักพระองค์เลยสักนิดจึงทำให้ปากกล้าเช่นนี้ พระองค์จึงทรงชักดาบประจำตำแหน่งขึ้นชูพร้อมกับขานพระนามของพระองค์อย่างภาคภูมิใจ

“เราคือ กษัตริย์ ซิกมันด์ที่สาม แห่งอาณาจักรฟีเลเซีย ผู้เป็นนายเหนือทุกสิ่งทุกอย่างในอาณาจักรฟีเลเซีย รวมถึงเนินเขานี้และชีวิตของเจ้าด้วย”

“โอ้...ใช่ ๆ ข้าน่าจะรู้ ก็ท่านน่ะมีคิ้วเหมือนปู่ของท่านอย่างกับแกะ แล้วปากที่เม้มเครียดอยู่ตลอดเวลานั่นก็เหมือนพ่อของท่านอย่างกับถอดแบบกันมาอย่างไรอย่างนั้น” ชายแก่พยักหน้าหงึก ๆ เหมือนรำพึงกับตัวเองเสียงดัง

“ข้าจะยินดีมาก ถ้าเจ้าจะพูดราชาศัพท์กับข้า” กษัตริย์แห่งสายลมทรงท้วงก่อนจะตรัสถามด้วยความประหลาดใจ “แล้วเจ้ารู้จักเสด็จปู่และเสด็จพ่อของข้าอย่างนั้นรึ?”

“ข้าเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาพูดราชาศัพท์ไม่เป็นหรอก แล้วอีกอย่าง...ข้าจะไปรู้จักกษัตริย์แห่งฟีเลเซียได้ยังไงกัน? แต่จมูกของท่านไม่เหมือนทั้งสองคนเลย คงจะถอดแบบของแม่มาสินะ”

ชายแก่ส่ายหน้าแต่ก็ยังคงพูดต่อทำให้พระองค์ไม่แน่ใจว่าเขาจะปฏิเสธหรือจะยอมรับกันแน่ “เจ้าพูดยังไงของเจ้า ตกลงว่ารู้จักหรือไม่รู้จัก”

“แล้วท่านคิดว่าข้าควรรู้จักหรือไม่รู้จักล่ะ?” ชายแก่ย้อนถามหน้าซื่อ ถึงตอนนี้พระองค์ทรงสามารถเห็นใบหน้าของชายแก่ได้ถนัดขึ้น เขามีผมสีเทาเงิน ใบหน้านั้นดูเหี่ยวย่นทว่าก็เต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเอง ดวงตาสีน้ำตาลทองมีประกายสดใสและฉายความเฉลียวฉลาด พระองค์พยายามนึกว่าเคยเห็นชายชราผู้นี้หรือไม่ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

“ข้าจะไปรู้ได้ยังไงเล่าว่าเจ้ารู้จักหรือไม่รู้จักกันแน่” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงชักจะหงุดหงิด “ช่างมันเถอะ ข้าก็ไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่นักหรอก แต่ที่ข้าอยากรู้มากกว่าคือเจ้าเป็นใครกัน? แล้วขึ้นมาทำอะไรบนนี้?”

“ข้าก็แค่ตาแก่ธรรมดา ๆ คนหนึ่งไม่มีอะไรน่าสนใจนักหรอก และข้าก็ไม่ได้ขึ้นมาบนนี้เพื่อตามหานกสายฟ้าธันเดอร์ริคด้วย ท่านสบายใจได้” ชายแก่โบกมือตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้ามาตามหานกธันเดอร์ริค?!” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสด้วยความตกพระทัยและเคลือบแคลงทันที

“ข้าก็แค่เดาเอา ทุกคนที่ขึ้นมาบนนี้ก็เพราะจะมาตามหามันทั้งนั้นแหละ” ชายแก่หัวเราะร่าด้วยหน้าตาใสซื่อ

“เจ้าพูดเองว่าทุกคนที่ขึ้นมาเพราะจะตามหามัน ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในนั้นด้วยสิ” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงท้าทาย
“ไม่ ๆ “ ชายแก่ส่ายหน้ายังคงยิ้มอยู่ “ยกเว้นข้าคนหนึ่ง ข้าแค่ชอบมาปลีกวิเวกบนนี้ เพราะบนนี้เงียบสงบดี...ก็เท่านั้น”

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็รู้จักวาฮาลดีน่ะสิ” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสอย่างยินดี

“ก็พอจะรู้ที่ทางอยู่บ้างหรอก ถ้าท่านหมายถึงทางที่จะไปตามหานกธันเดอร์ริคล่ะก็”

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงนำทางข้าไปเดี๋ยวนี้” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงออกคำสั่งทันที

“ทำไมข้าจะต้องพาท่านไปด้วยเล่า?” ชายแก่ถามพลางส่ายหน้ากับท่าทีวางอำนาจของพระองค์

“เพราะข้าสั่งนะสิ” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสอย่างวางอำนาจ

“ถ้าเช่นนั้นก็เสียใจด้วย ข้าจะทำหรือไม่ทำก็ด้วยความพอใจของข้า ไม่ใช่ให้ใครมาสั่ง”

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงเม้มพระโอษฐ์แน่นพระพักตร์บูดบึ้งเมื่อทรงได้ยินดังนั้น ตาแก่นี้กล้าดีอย่างไรถึงขัดคำสั่งพระองค์เช่นนี้ พระองค์อยากจะสั่งประหารเสียตรงนี้เลย แต่กับแค่ตาแก่คนเดียวซึ่งอาจจะเป็นคนสติไม่ดีก็ได้ เพราะพูดจาวกไปเวียนมาเดี๋ยวใช่เดี๋ยวไม่ใช่ การสั่งประหารก็รังแต่จะทำให้พระองค์เสื่อมเกียรติที่มาวุ่นวายกับชายแก่สติฟั่นเฟือน คิดได้ดังนั้นจึงทรงยอมข่มอารมณ์โกรธของพระองค์

“คิดว่าข้าจะอ้อนวอนเจ้าอย่างนั้นรึ? ข้าไปหามันด้วยตัวเองก็ได้” ตรัสแล้วก็ทรงหมุนองค์สาวเท้าออกไปทันที

“งั้นข้าพาไปก็ได้” ชายแก่กลับคำทันทีโดยไม่สะทกสะท้านกับการกลับคำพูดของตัวเองสักนิด

“เจ้า!?” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงเริ่มหงุดหงิดและชักจะไม่เข้าใจชายแก่มากขึ้นทุกที เดี๋ยวก็ไม่ไป เดี๋ยวก็ไป เอาแน่เอานอนไม่ได้เลย ”แล้วมั่นใจรึว่าเจ้ารู้ทางจริง ๆ ไม่ใช่ว่าอีกประเดี๋ยวก็มาบอกว่าไม่รู้จักทางหรือเปลี่ยนใจไม่นำทางอีกนะ“ พระองค์ทรงถามย้ำเพื่อความมั่นพระทัยอีกครั้ง

“รู้สิ” ชายแก่กล่าวเสียงหนักแน่นโดยไม่สนใจความไม่แน่ใจของอีกฝ่าย “มันมีสองทางให้ท่านเลือกว่าจะไปทางที่มีวาลคิเร่บริจิตต์(Brigitte, the Valkyie)เฝ้าปากทาง หรือจะไปทางที่มีมังกรสวรรค์(Divine Dragon)เฝ้าปากทาง ซึ่งอยู่ใกล้กับอาณาจักรของแฟรี่(Realm of Fairy)”

“อาณาจักรแฟรี่? เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน? นั่นมันเป็นเพียงแค่ตำนานเท่านั้น”

“เหลวไหล! ท่านเชื่อคำโกหกพวกนั้นรึ?” ชายแก่มองกษัตริย์ซิกมันด์เหมือนตัวประหลาดก่อนจะพูดต่อ “ข้ายังเคยเจอพระราชินีไททาเนีย(Titania)ราชินีของพวกแฟรี่เลย แต่ก็ถูกของท่านที่ท่านจะไม่เชื่อ ก็นางน่ะร้ายไม่ใช่เล่นเพราะชอบแปลงร่างมาเป็นมนุษย์แกล้งหลอกมนุษย์ที่หลงย่างกรายไปแถวอาณาจักรของนางอยู่บ่อย ๆ “

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงมองชายแก่อย่างชั่งใจไม่แน่ใจว่าจะเชื่อดีหรือไม่ แต่พระองค์ก็ไม่มีทางเลือกมากนัก “คำพูดของเจ้าฟังเหมือนคำโกหกมากกว่าเสียอีก แต่เอาเถอะ ข้าไม่สนใจไอ้อาณาจักรแฟรี่นั่นหรอก แต่ถ้าจะให้สู้กับผู้หญิง...ข้าสู้กับมังกรดีกว่า ชนะผู้หญิงได้จะมีเกียรติอะไรต่อให้เป็นวาลคิเร่ก็เถอะ”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMNEpi8 Chapter 42 ธอร์ เทพแห่งสายฟ้า @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 3:11 pm

“หึ หึ ใช่สินะ เกียรติและศักดิ์ศรีต้องมาก่อน แต่ก็ดี...เลือกมังกรแห่งแสง” ชายแก่เริ่มออกเดินทำให้กษัตริย์ซิกมันด์ต้องทรงรีบให้สัญญาณเหล่าทหารให้เคลื่อนพลทันที “เมื่อครั้งที่สวรรค์เกิดสงครามระหว่างทูตสวรรค์ของพระเจ้ากับบรรดาปีศาจของซิน มังกรแสงเป็นพวกแรกที่เข้าร่วมกับอัศวินสวรรค์ต่อสู้กับพวกปีศาจและมังกรธาตุอื่น ๆ เมื่อสิ้นสุดสงคราม มังกรธาตุต่าง ๆ ถูกอิสราเฟล ทูตสวรรค์แห่งมังกร(Israfel, the Angel of Dragon)กำหนดให้มีความอ่อนแอกับธาตุบางธาตุเพื่อควบคุมพลังของเหล่ามังกร มีเพียงมังกรแห่งแสงที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับบรรดาอัศวินสวรรค์เท่านั้นที่ได้รับการยกเว้น ดังนั้นมังกรแสงจึงให้เกียรติเหล่าอัศวินเสมอมา อัศวินอย่างท่านก็คงจะได้รับการยั้งมือจากมังกรสวรรค์...”

“ข้าไม่ได้อยากรู้ประวัติของพวกมังกรนั่น และข้าไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนหรือเจ้ามังกรนั่นมาออมมือให้ข้า” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงต้องหงุดหงิดอีกครั้งเมื่อได้ยินดังนั้น ทำไมถึงไม่ปล่อยให้พระองค์สู้อย่างสมศักดิ์ศรีนะ บ้าจริง!คนอื่น ๆ จะคิดอย่างไรถ้ารู้ว่าพระองค์ได้นกธันเดอร์ริคมาเพราะการอ่อนข้อให้ของมังกร พระองค์ทรงสาวเท้าเร็วขึ้นตามทางขรุขระที่อากาศรอบตัวเริ่มเย็นตัวลง

“มันไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอก” ชายแก่พูดปลอบแต่สีหน้ากลับยิ้มร่าเหมือนรู้อยู่แล้วว่าพระองค์จะต้องคิดอย่างไร

“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้ารู้สึกอย่าง...” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงหยุดพูดเมื่อจู่ ๆ ชายแก่ก็หยุดเดินและหันหน้ามาหาในทันที

“ต่อจากนี้เราจะต้องขึ้นเขาที่สูงชันขึ้นเรื่อย ๆ ข้าคิดว่าเราหยุดพูดออมแรงไว้จะดีกว่า” ชายแก่พูดแล้วก็ออกเดินต่อโดยไม่สนใจคำถามของกษัตริย์แห่งสายลมที่ยังคงไม่ได้รับคำตอบ

“นี่! เดี๋ยว” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสเรียก แต่ชายแก่ก็เดินไกลออกไปทุกที ๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด “ฝากไว้ก่อนเถอะ ถ้ามันพาไปไม่ถึงที่หมายละก็ ข้าสั่งประหารมันแน่” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสกับเหล่าทหารที่เดินตามหลังมา จากนั้นทั้งคณะจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อให้ทันกับชายแก่

ชายแก่พาทั้งคณะเดินทางผ่านป่าสนที่ขึ้นสูงและเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้แปลกตาที่ไม่เคยเห็นตามเขาสูงทั่วไปในฟีเลเซีย ทำให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงความแตกต่างของเนินเขาวาฮาลกับเขาสูงทั่วไปที่มีดาษดื่นในอาณาจักร ชายแก่ยังคงเดินนำหน้าด้วยจังหวะฝีเท้าที่เท่าเดิม แม้จะพาคณะของกษัตริย์แห่งฟีเลเซียเดินทางมาแล้วหลายชั่วยาม จนทุกคนอดสงสัยไม่ได้ว่าชายแก่ผู้นี้ไม่มีความเหน็ดเหนื่อยเลยหรืออย่างไร แม้พวกเขาจะเป็นอัศวินซึ่งก็มีร่างกายที่แข็งแรงกว่าคนปกติธรรมดาอยู่แล้ว แต่พวกเขายังมีอาการเหนื่อยหอบเมื่อต้องเดินขึ้นเขาเป็นเวลานาน ๆ แต่ชายแก่กลับเดินเหินได้อย่างคล่องแคล่วจนดูน่าหมั่นไส้

“นี่!ตาแก่ เมื่อไหร่จะถึง?” ทหารคนหนึ่งตะโกนถาม

“ใกล้แล้ว” ชายแก่เอ่ยตอบพลางก้าวขาข้ามท่อนไม้ที่วางพาดขวางอยู่

“ถ้าเช่นนั้นก็หยุดพักก่อนได้ไหม? เราเดินทางมาทั้งวันแล้วยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย” ทหารอีกคนตะโกนบอก

ชายแก่หันมามองกษัตริย์ซิกมันด์ยิ้ม ๆ “แล้วท่านล่ะหิวไหม?”

กษัตริย์แห่งฟีเลเซียเมื่อเจอคำถามนี้ก็ถึงกับทรงเงียบอึ้งไป หากพระองค์ทรงยอมรับว่าหิวจะเป็นการแสดงถึงความอ่อนแอให้ชายแก่เห็นหรือไม่ แต่พระองค์ก็ทรงหิวจริง ๆ นั่นแหละ ครั้นดูท่าทางชายแก่จะไม่มีความรู้สึกหิวเลยสักนิด ถ้าพระองค์ยอมรับว่าหิว ชายแก่คนนี้คงจะหัวเราะเยาะพระองค์

“ข้าไม่หิว” กษัตริย์แห่งฟีเลเซียตรัสเสียงดังฟังชัดในขณะที่ทหารคนอื่น ๆ ก็ต้องกลืนอากาศแทนอาหาร ในเมื่อเจ้าเหนือหัวไม่หิวพวกเขาจะหิวได้อย่างไรกัน

ชายแก่เห็นดังนั้นก็ส่ายหน้าบ่นงึมงำคนเดียว “จะทรมานตัวเองไปทำไมกัน?”

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”

“ท่านไม่หิว แต่ข้าหิว” ชายแก่พูดจบก็เดินตรงไปยังโค่นต้นไม้ต้นหนึ่งแล้วนั่งลง “ทหารพวกนั้นน่ะ มีขนมปังแบ่งให้ข้าสักก้อนไหมล่ะ?”

บรรดานายทหารมีสีหน้าเบิกบานขึ้น พลางเหลือบมองเจ้าเหนือหัว ทันทีที่ได้รับการอนุญาตนายทหารนายหนึ่งก็นำขนมปังก้อนหนึ่งกับเนื้อแห้งและน้ำไปให้ชายแก่ในขณะที่คนอื่น ๆ เริ่มนั่งลง กษัตริย์ซิกมันด์ทรงดำเนินเข้าไปใกล้ชายแก่มองท่าทางการแทะเล็มขนมปังแบบเนิบ ๆ ของเขาก่อนจะทรงนั่งลงหยิบเสบียงของพระองค์ขึ้นมาเสวยบ้าง

“บอกข้าหน่อยสิ เจ้าไม่ได้หิวจริง ๆ ใช่ไหม?”

ชายแก่เหลือบมองพระองค์ยิ้ม ๆ แต่ก็ยังคงแทะเล็มขนมปังในมือไม่ตอบอะไร

“เคยมีใครบอกเจ้าไหมว่า เจ้าน่ะนอกจากจะประหลาด พูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอยแล้ว ยังกวนโมโหมากอีกด้วย ถ้าเจ้าพาข้าไปไม่ถูกทางละก็ ข้าสาบานกับดาบเล่มนี้เลยว่าข้าจะฆ่าเจ้าด้วยมือของข้าเอง”

ชายแก่หัวเราะพลางยักไหล่ “ท่านไม่ได้ใช้ดาบนั่นกับข้าแน่ เศร้าใจได้เลย แล้วเรื่องนิสัยของข้า ยังมีอีกหลายคนที่จาระไนนิสัยของข้าประหลาดกว่าที่ท่านพูดเยอะ ท่านเดาไม่ถูกหรอกว่าเขาพูดว่าอะไรกันบ้าง”

“เจ้าแน่ใจรึว่ายังสติดีอยู่?” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงขมวดคิ้วยุ่งชักไม่แน่พระทัยในตัวชายแก่ที่ยอมรับคำสมประมาทอย่างหน้าระรื่น

“ข้ายังไม่ถึงขั้นเสียสติหรอก ข้ายังไม่ประหลาดขนาดนั้น ฮ่า ฮ่า” ชายแก่หัวเราะร่วนเงยหน้าขึ้นฟ้า แต่เมื่อเห็นแสงอาทิตย์เริ่มหรี่แสงลงจึงกล่าวต่อว่า

“นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว ตั้งแคมป์ไฟที่นี่เลยไหมล่ะ?”

“แถวนี้นะรึ?” กษัตริย์แห่งฟิเลเซียทรงมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง

“แถวนี้ไม่มีสัตว์ร้ายอะไรหรอกน่า ปลอดภัยจากพวกครุฑแห่งยอดเขาวาฮาล (Vahal Peak Garuda) จะมีก็แต่พวกแฟรี่ที่เข้ามาแหย่เล่นสนุก ๆ ตามประสาของพวกนาง เพราะนาน ๆ จะมีมนุษย์อาจหาญเข้ามาใกล้ถิ่นของพวกนางสักที”

ชายแก่มองไปที่กลุ่มดอกไม้ป่าที่ขึ้นเป็นช่ออยู่ใกล้พุ่มไม้พลางหัวเราะเหมือนขบขันอะไรบางอย่างที่อยู่ตรงนั้น แต่เมื่อกษัตริย์ซิกมันด์ทรงหันไปมองแล้วไม่พบอะไรนอกจากดอกไม้ที่วูบไหวไปตามลม ก็ทรงคิดว่าชายแก่เริ่มสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกแล้ว พระองค์ทรงคิดผิดรึเปล่าที่ยอมให้ชายแก่ประหลาดเป็นผู้นำทาง แต่แล้วพระองค์ก็ทรงตัดสินใจว่าควรจะเลิกให้ความสนใจกับชายแก่ก่อนที่พระองค์จะทรงเสียสติเสียเอง พระองค์ทรงใช้เวลาเพียงไม่นานก็หาที่เหมาะ ๆ ที่จะใช้เอนกายได้ เหล่าทหารเริ่มก่อกองไฟและนั่งล้อมวงกัน ทุกคนต่างนึกวาดภาพการต่อสู้อันใกล้ที่จะต้องเผชิญเป็นเหมือนเพลงขับกล่อมยามนิทรา
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMNEpi8 Chapter 42 ธอร์ เทพแห่งสายฟ้า @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 3:14 pm

เสียงนกร้องที่ออกหากินในยามเช้าตรู่ปลุกพระองค์จากการบรรทมที่ไม่น่าพิสมัยนัก แม้จะมีหญ้านุ่มรองรับแต่ก็ไม่สบายเนื้อสบายตัวเท่าไหร่ อีกทั้งบรรดาแมลงที่ส่งเสียงร้องในยามค่ำคืนก็ทำให้พระองค์รำคาญจนบรรทมหลับไม่สนิท แต่ที่ยิ่งน่าหงุดหงิดยิ่งขึ้นคือ ทุกครั้งที่พระองค์เหลือบไปมองชายแก่ พระองค์จะต้องเห็นเขาหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุขแถมบางครั้งยังกรนเสียงดังอีกต่างหาก พอบรรทมหลับไม่เต็มที่อารมณ์ของพระองค์ก็ยิ่งหงุดหงิดง่ายเข้าไปใหญ่ ครั้นพอใกล้เที่ยงอารมณ์ของพระองค์ก็ยิ่งบูดหนัก เพราะคำพูดจาของชายแก่ที่พูดเกี่ยวกับมังกรและปากทางเข้าซ้ำไปซ้ำมา ไม่นับรวมเรื่องแฟรี่ที่เล่าแล้วก็เปลี่ยนเรื่องไปเล่าเรื่องนกสายฟ้าแล้วก็กลับไปเล่าเรื่องแฟรี่อีก จนเมื่อพระองค์ใกล้จะทรงทนไม่ได้อีกต่อไป จู่ ๆ ชายแก่ก็หันมาพูดจริงจังเรื่องเส้นทางที่จะนำไปถึงเทพเจ้าธอร์และย้ำกำชับให้พระองค์จำให้แม่นก่อนจะไม่พูดอะไรอีกเลย จนพระองค์อดไม่ได้ที่จะทรงลอบมองชายแก่เพื่อจับสังเกตด้วยความระแวงตลอดช่วงบ่าย

ล่วงเข้าเวลาเย็นหลังจากที่ทุกคนเตรียมที่พักของตนเรียบร้อยแล้วและเริ่มลงมือกินอาหารที่ตระเตรียมมา กษัตริย์ซิกมันด์ก็ทรงเดินตรงเข้าไปหาชายชราที่นั่งแยกตัวห่างจากกลุ่มไปพอสมควร ทันทีที่ชายแก่เห็นพระองค์เดินเข้ามาใกล้ก็ยิ้มร่า กล่าวด้วยความขบขัน

“น่าแปลกที่ท่านเดินมาหาข้าเอง ข้านึกว่าท่านจะไม่อยากคุยกับข้าเสียอีก”

“ข้าก็ไม่ได้อยากคุยอะไรกับเจ้านักหรอก แต่ตลอดบ่ายนี้เจ้าเงียบเกินไปจนน่าสงสัย”

“ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่ ข้าแค่ขี้เกียจจะพูดกับท่าน” ชายแก่ยักไหล่เหมือนไม่แยแส

“นี่เจ้า !...........นั่นอะไรน่ะ?” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงเปลี่ยนเรื่องทันทีที่ทรงเห็นอะไรบางอย่างขยับอยู่ใต้ผ้าคลุม

“โอ้...น่ารักใช่ไหมล่ะ? เพื่อนที่น่ารักของข้าเอง” ชายแก่ขยับมือใต้ผ้าคลุมเล็กน้อยก่อนที่จะมีแมวตัวหนึ่งโผล่หัวพ้นผ้าคลุมออกมา

“แมวรึ? ตั้งแต่ข้าพบกับเจ้า ข้าไม่เห็นได้ยินเสียงแมวร้องเลย” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงพิจารณาแมวที่เห็นแค่หัวโผล่ออกมาจากผ้าคลุม

“เสียงร้องของแมวรึ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า“ ชายแก่หัวเราะก๊าก “นั่นสิ...ข้าก็ไม่เคยได้ยินมันร้องอย่างแมวเหมือนกัน”

“ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีแมวที่เป็นใบ้...” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงพิจารณามันอีกครั้งจึงได้เห็นชัดว่า แมวตัวนี้มีขนสีม่วงซ้ำบนหัวยังมีขนที่ยาวปุยเป็นพิเศษจนดูเหมือนแมวมีผม แต่แมวจะมีผมได้อย่างไรกัน? “แมวของเจ้าสีประหลาดดี ดูไม่ค่อยเหมือนแมวทั่วไป”

“ท่านชอบแมวรึ?” ขายแก่ถาม

“ไม่ล่ะ ข้าชอบหมามากกว่า”

“จริงสินะ ท่านคงไม่ชอบแมว เพราะมันจะไม่เชื่อฟังคำสั่งท่านหรือคอยรับใช้ท่าน แถมมันอยากไปไหนมันก็ไป ไม่อยู่ติดที่เลย แต่กับสุนัขที่เชื่อฟังคำสั่งและซื่อสัตย์ แถมวิ่งเข้ามาหาทุกครั้งที่เรียก ก็ย่อมถูกใจท่านเป็นธรรมดา คนที่เหมาะกับแมวน่าจะเป็นพี่สาวของท่านมากกว่า”

“เจ้ารู้จักพี่ของข้าด้วยรึ?!” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงมองชายแก่อย่างเคลือบแคลงอีกครั้ง ดูเหมือนว่าชายแก่คนนี้รู้จักสมาชิกในครอบครัวของพระองค์มากเกินไปแล้ว

“ไม่หรอก ข้าแค่เคยเห็นพี่สาวของท่านออกมาเดินเที่ยวในตลาดที่ฟีเลเซียบ่อย ๆ “ ชายแก่ยิ้มร่า

“เหลวไหล! พี่สาวข้าไม่เคยออกไปเดินในที่ชั้นต่ำแบบนั้น” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงเสียงแข็งขึ้นทันที

“ไม่เคยก็ไม่เคย ข้าคงดูผิด” ชายแก่คล้อยตามทันทีแม้จะยังคงยิ้มอย่างชอบใจ “เราเลิกพูดเรื่องแมว ๆ หมา ๆ กันเถอะ ข้าอยากจะให้ท่านดูนั่น” ชายแก่ยกไม้เท้าขึ้นชี้สูงขึ้นไปบนยอดเขาวาฮาล ท่านเห็นก้อนหินสีขาวก้อนใหญ่จนดูเหมือนเชิงผานั่นไหมล่ะ? จากหินก้อนนั้นเดินอ้อมเขาไปทางซ้ายประมาณหนึ่งชั่วยาม ก็จะพบเชิงผาสีขาวที่คล้าย ๆ กับเชิงผานี้ ไต่ข้ามชะง่อนหินไปแล้วมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปเรื่อย ๆ ไม่นานท่านก็จะพบกับสิ่งที่ต้องการ”

“เจ้าบอกข้าอย่างนี้ หมายความว่าเจ้าจะไม่ร่วมทางไปด้วยแล้วใช่ไหมล่ะ? กลัวที่จะตายเพราะนำทางไปผิดรึยังไง?” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสเยาะ ๆ

“ข้าก็แค่บอกเผื่อไว้ เพราะข้าเดินทางไปกับท่าน แค่เท่าที่ข้าอยากจะไปด้วยเท่านั้น” ชายแก่ยักไหล่เบา ๆ ใช้นิ้วเขี่ยปอยผมของเจ้าแมวสีม่วงเล่น

“แล้วมังกรสวรรค์ที่เจ้าว่าล่ะ?” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงหรี่เนตรมองชายแก่ด้วยความไม่แน่พระทัย

“ก็อยู่ที่ไหนสักแห่งตามทางที่ข้าบอกเมื่อกี้นั่นแหละ ไม่ต้องห่วงถ้าท่านเข้าไปใกล้ปากทางมากพอ ท่านก็จะได้พบมังกรสวรรค์เองนั่นแหละ อาจจะเร็วกว่าที่ท่านคิดไว้ด้วยซ้ำ” ชายแก่เริ่มเปลี่ยนมาเกาคางเจ้าแมว ซึ่งมันก็หลับตาเอียงคออย่างชอบใจ ก่อนจะเหลือบตามองจ้องพร้อมกับยกปากขึ้นจนเห็นเขี้ยวขาว

“แมวของเจ้านี่ให้ความรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมันจะฟังภาษามนุษย์รู้เรื่อง แถมเมื่อกี้ยังยิ้มเยาะข้าด้วย” ทว่าตรัสแล้วก็ทรงต้องส่ายพระพักตร์อย่างรวดเร็ว “เหลวไหล! แมวจะยิ้มและฟังภาษามนุษย์เข้าใจได้ยังไงกัน ต้องเป็นเพราะข้าคุยกับเจ้ามากเกินไป จนสมองเริ่มจะผิดปรกติ....เพราะเจ้าแท้ ๆ เชียว” ตรัสแล้วก็ทรงลุกขึ้นหมุนองค์ดำเนินจากไปโดยไม่ทรงหันมาทอดพระเนตรชายแก่อีกเลย ปล่อยให้ชายแก่ก้มลงสบตากับเจ้าแมวสีม่วงพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ยิ่งไปเร่งอารมณ์กรุ่นของกษัตริย์แห่งฟีเลเซียให้โหมกระพือยิ่งขึ้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMNEpi8 Chapter 42 ธอร์ เทพแห่งสายฟ้า @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 3:16 pm

เช้าวันใหม่คืบคลานเข้ามาพร้อม ๆ กับหมอกยามเช้าที่หนาจนมองได้ไม่ไกลเกินกว่าสี่ช่วงแขน แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นคือชายแก่ได้หายไปแล้ว แม้ว่ากษัตริย์ซิกมันด์จะทรงให้ทหารออกตามหาไปทั่วบริเวณแล้วแต่ก็ไม่พบแม้กระทั่งรอยเท้าของเขา จนเมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยามไอหมอกเริ่มจางลงจนทัศนะวิสัยเริ่มดีขึ้น พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยออกเดินทางต่อโดยไม่มีชายแก่ ซึ่งตลอดการเดินทางพระองค์ก็ได้แต่ขุ่นเคืองและก่นด่าชายแก่เกือบตลอดเวลา

ล่วงเข้าเวลาเที่ยงวัน ทว่าบรรยากาศโดยรอบกลับมาอึมครึมอีกครั้ง แสงแดดแทบจะส่องผ่านหมอกหนาลงมาไม่ได้ เสียงฟ้าแลบฟ้าร้องดังชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ครั้นเมื่อพระองค์ดำเนินลัดเลาะป่าตามทางที่ชายแก่ได้บอกไว้ไปสักครู่ จู่ ๆ ก็มีลำแสงสีขาวเจิดจ้าหลายลำวูบไหวผ่านหน้าพระองค์และคณะก่อนจะดับหายไป ทุกคนต่างก็มองหน้ากันเพราะแน่ใจอย่างยิ่งว่าไม่ใช่แสงอาทิตย์แน่นอน เพราะแสงไม่ได้มาจากทางด้านบน แต่กลับส่องมาจากทางด้านข้างเหนือยอดไม้ไกล ๆ

“นั่นมันอะไรกัน?” ทหารนายหนึ่งเอ่ยขึ้น

“เป็นอุบายของตาเฒ่าประหลาดนั่นที่คิดจะแกล้งหลอกพวกเราให้ตกใจรึเปล่า?” ทหารอีกนายตอบ

“ถ้าใช่ละก็...ข้าจะสั่งลงโทษเสียให้เข็ด” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสรอดไรฟันก้าวตรงไปยังทิศทางนั้นทันที

ก๊าซซซซซซซซซ

เสียงร้องของมังกรดังสนั่นขึ้นพร้อม ๆ กับลำแสงเจิดจ้าที่สาดส่องแรงกล้ากว่าเดิม ทุกคนต่างรีบปิดหูมองตากันด้วยความตกใจ เพราะเสียงร้องนั้นดังใกล้เหลือเกิน

“ท่าทางเราจะเจอมังกรสวรรค์แล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” ทหารนายหนึ่งทูลพลางกระชับอาวุธในมือมั่น

“สั่งทุกคนเตรียมตัวคอยระวังไว้ให้ดี เราคงใกล้จะถึงปากทางที่จะนำเราไปหาเจ้านกธันเดอริคแล้ว”

ทุกคนต่างชะลอฝีเท้า พยายามย่างก้าวให้เบาที่สุด และเริ่มใช้สัญญาณมือแทนการสั่งการด้วยเสียง ไอหมอกที่โรยตัวลงมาทำให้ยากแก่การกำหนดทิศทางและการดักซุ่มโจมตี แต่แล้วในฉับพลันนั้นจู่ ๆ ลมแรงก็พัดกล้าหอบเอาหมอกหนาทึบไปจนเกือบหมดหลงเหลือไว้แต่เพียงไอบาง ๆ ทุกคนต่างหยุดนิ่งอยู่กับที่กวาดตามองไปทางเบื้องหน้าของตนเพื่อหาต้นตอของลำแสงประหลาดและเสียงร้องเมื่อครู่ จึงต่างได้พบว่าพวกเขาได้มายืนอยู่ใกล้ชะง่อนหินแล้ว

ก๊าซซซซซซซซซซซซซซซ

ทันใดนั้นทุกคนก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อเสียงร้องของเจ้ามังกรสวรรค์นั้นดังมาจากทางด้านหลังและยังใกล้มากอีกด้วย ยังไม่ทันที่ทุกคนจะเหลียวหลังกลับไป เปลวแสงสีขาวก็พวยพุ่งเผาต้นไม้ข้างหน้าพวกเขาเฉียดกษัตริย์ซิกมันด์ไปเพียงนิดเดียว

กษัตริย์แห่งฟีเลเซียทรงเอี้ยวองค์หลบอย่างหวุดหวิด สายพระเนตรของพระองค์เหลือบไปมองทางด้านหลังในทันที ภาพที่ปรากฏต่อสายพระเนตรคือมังกรสีขาวสูงเกือบท่วมยอดไม้ ตามลำตัวมีรูกลมขอบฟ้าที่กำลังเปล่งแสงสีขาวเจิดจ้าเป็นลำ ซึ่งหากพระองค์ถูกลำแสงนี้สาดเข้าพระเนตรโดยตรงคงไม่พ้นต้องพระเนตรบอดอย่างแน่นอน อีกทั้งเปลวไฟที่เจิดจ้าจนกลายเป็นสีขาวก็มีอานุภาพร้ายกาจขนาดเผาต้นไม้ให้กลายเป็นเถ้าถ่านสีขาวได้ในพริบตา พระองค์ทรงมองสบตากับเจ้ามังกรสวรรค์เพียงชั่วแวบเดียว พลันก็เกิดความเข้าพระทัยในจิตใจขึ้นทันทีว่า เมื่อสักครู่มังกรสวรรค์จงใจจะพ่นเปลวแสงให้เฉียดพระองค์เท่านั้น เพื่อเป็นการเตือนเพราะเห็นแก่ความเป็นอัศวินของพระองค์ ความกริ้วทวีขึ้นแทบจะทันที พระองค์ทรงฉวยหอกปลายแหลมของทหารที่อยู่ใกล้พุ่งใส่มังกรสวรรค์อย่างสุดแรง หอกลอยพุ่งไปจนเกือบจะถูกช่วงท้องของมังกรขาวอยู่แล้ว แต่ก็ถูกเปลวแสงที่พ้นออกมาจากปากของมันแผดเผาจนสลายไปในบัดดลนั้นเอง เจ้ามังกรเลื้อยเข้าใส่ทันที กษัตริย์ซิกมันด์จึงทรงรีบให้สัญญาณทหารเพื่อกระจายกำลังอย่างรวดเร็ว พระองค์ทรงรีบมุ่งไปที่ชะง่อนหินเพื่อยึดเป็นที่มั่นในการต่อสู้กับมังกรสวรรค์ ทหารแต่ละนายก็พยายามหาที่มั่นของตนเพื่อล้อมกรอบมังกรสวรรค์อย่างสุดกำลัง แต่ไม่ว่าจะพยายามบุกโจมตีสักเท่าไหร่ก็ไม่อาจปราบมังกรสวรรค์ลงได้เลยเพราะลำแสงเจิดจ้าที่พุ่งออกมาจากรูตามตัวของมันทำให้เหล่าอัศวินยากที่จะเข้าถึงตัวมันได้ ยิ่งสู้กันนานเข้าอัศวินที่บาดเจ็บและถูกลำแสงจ้าแผดเผาจนตาบอดก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ จากหนึ่งเป็นสองจากสองเป็นสาม อัศวินทุกนายแม้จะเป็นผู้มีฝีมือในการรบเจนจัดปราบมังกรและสัตว์ร้ายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ต่างก็รู้ดีว่าการจะสู้รบกับศัตรูที่มีพิษสงรอบตัวเช่นนี้ต้องใช้ความเร็วเพื่อความได้เปรียบ ทว่าเหล่าเปกาซัสก็อยู่ไกลเกินกว่าจะหวังพึ่งพาได้

เมื่อประเมินสถานการณ์แล้วทุกคนจึงตกลงใจที่จะให้กษัตริย์ซิกมันด์ทรงล่วงหน้าไปก่อนโดยที่พวกทหารที่เหลือจะเป็นผู้ต้านมังกรสวรรค์ถ่วงเวลาไว้ แต่สำหรับกษัตริย์ซิกมันด์แล้วเรื่องที่เหมือนกับการหนีเอาตัวรอดเช่นนี้ทำลายความภาคภูมิใจในศักดิ์ศรีของพระองค์อย่างมาก กว่าที่พระองค์จะทรงยอมก็ต้องเสียทหารไปอีกถึงสองนาย

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงจากสมรภูมิย่อยมุ่งหน้าต่อไปด้วยความอับอายและกริ้วโกรธเป็นกำลัง เกียรติและศักดิ์ศรีของพระองค์ดูจะถูกกระทำย่ำยีมากขึ้น ๆ ทุกวัน ทรงอดคิดไม่ได้ว่าพระองค์เป็นกษัตริย์ที่ต่ำต้อยและน่าสมเพชที่สุดของราชวงศ์อรีธา ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธเคือง เรี่ยวแรงทั้งหมดที่ทำให้พระองค์ยังคงมุ่งหน้าต่อไปในเวลานี้คือความกริ้วโกรธและศักดิ์ศรีเท่านั้น

พระองค์ทรงไต่ยอดเขาขึ้นไปเรื่อย ๆ อีกเป็นเวลานาน นานจนพระองค์เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ไม่มีสรรพเสียงใด ๆ ให้ได้ยินนอกจากเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าที่ดังชัดขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งก็ช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจของกษัตริย์ซิกมันด์เมื่อทรงนึกว่าพระองค์เข้าใกล้นกธันเดอร์ริคแล้วนั่นเอง

จนกระทั่งพระองค์ทรงเดินมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นสถานที่ที่กว้างขวางทว่าเต็มไปด้วยหินขนาดมหึมาวางกองระเกะระกะ พระองค์ทรงก้าวลึกเข้าไปเรื่อย ๆ พยายามมองหาสัญญาณใด ๆ ของสิ่งมีชีวิตแต่ก็ไม่พบแม้แต่แมลงสักตัว เมื่อทรงเดินต่อมาอีกครู่หนึ่งก็ทรงพบกับแท่นหินสลักขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายบัลลังก์สีขาวสะอาดตา ตัวบัลลังก์นั้นมองดูแล้วให้ความรู้สึกถึงความแข็งแกร่งและน่าเกรงขามอยู่ในที บัลลังก์นี้ต้องเป็นของธอร์อย่างแน่นอน พระองค์ทรงมาถูกทางแล้ว ตาแก่ประหลาดนั่นไม่ได้โกหก พระองค์เดินเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ภายในใจก็เริ่มมีความรู้สึกว่าอยากจะลองนั่งบนบัลลังก์ขาวนี้สักครั้ง ก็ใครเล่าจะเหมาะสมที่จะนั่งบนบัลลังก์นี้นอกจากพระองค์เอง คิดแล้วก็ทรงประทับนั่งลงบนบัลลังก์ในทันที ความรู้สึกเมื่อประทับอยู่บนบัลลังก์นั้นช่างหอมหวานและทวีความเห่อเหิมให้กับพระองค์มากยิ่งขึ้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMNEpi8 Chapter 42 ธอร์ เทพแห่งสายฟ้า @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 3:17 pm

“ธอร์! “ พระองค์ทรงตะโกนเรียกจนสุดเสียง “ธอร์! เจ้าอยู่ที่ไหน? ข้าอุตส่าห์เดินทางมาหาเจ้าด้วยความยากลำบาก จงออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้”

เปรี้ยง!!

เสียงฟ้าผ่าดังสั่นเลื่อนลั่นไปทั่วทั้งผืนฟ้าเหนือพระองค์ ก่อนที่สายฟ้าขนาดใหญ่จะฟาดตรงลงมายังบัลลังก์ที่ประทับ ด้วยความฉับไหวเพียงเสี้ยววินาที กษัตริย์แห่งสายลมก็ทรงรีบดีดตัวพ้นจากบัลลังก์ได้อย่างหวุดหวิดแต่ผ้าคลุมของพระองค์ก็ต้องขาดวิ่นและไหม้เกรียม พระองค์ทรงหมอบซบพระพักตร์ลงกับพื้นหูยังอื้อกับเสียงฟ้าผ่าที่ดังก้อง พระวรกายสั่นชาและยังรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของสายฟ้าที่ฟาดผ่าลงมา

“เจ้าเป็นใครจึงบังอาจมานั่งบนบัลลังก์ของข้าและเรียกหาข้าด้วยกริยาและวาจาสามหาวเช่นนี้” เสียงของเทพธอร์ประกาศก้องราวกับเสียงฟ้าผ่าแผดกังวานอย่างดุดัน

กษัตริย์แห่งสายลมทรงรีบยันองค์ขึ้นอย่างรวดเร็ว พระทัยยังคงเต้นเร็วรัวจากเหตุการณ์เฉียดตายเมื่อสักครู่ หากไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาโต้ตอบที่ฉับไวของพระองค์ป่านนี้พระองค์คงตายไปแล้ว กษัตริย์ซิกมันด์ทรงค่อย ๆ หันพระพักตร์ไปเผชิญกับเทพธอร์อย่างระมัดระวัง เทพเจ้าธอร์นั้นมีร่างกายใหญ่โตกำยำและสูงใหญ่กว่ามนุษย์ธรรมดาถึงสองเท่า ใบหน้าขมึงตึงและมีดวงตาเป็นประกายกล้า พระองค์ยังคงจ้องมองพิจารณาเทพเจ้าธอร์อยู่เช่นนั้น เพราะไม่เคยเห็นเทพเจ้าโบราณมาก่อน นับตั้งแต่อาณาจักรฟิเลเซียเริ่มหันมานับถือพระเจ้าสูงสุดเมื่อหลายร้อยปีก่อน เทพเจ้าโบราณอย่างเทพเจ้าธอร์ก็เริ่มถูกลืมหายไปจากกาลเวลา ดังนั้นเมื่อกษัตริย์ซิกมันด์ผู้ซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับเทพเจ้าโบราณเพียงน้อยนิด จึงทรงอดไม่ได้ที่จะมองสำรวจ

“ข้าถามเจ้าไม่ได้ยินหรืออย่างไร? เจ้ามนุษย์” เทพเจ้าธอร์เปล่งเสียงราวฟ้าคำราม

กษัตริย์ซิกมันด์ผู้ไม่เคยชินกับการถูกสั่งก็ทรงเริ่มมีอาการขึงโกรธทันที “ข้าคือกษัตริย์ซิกมันด์ที่ 3 แห่งฟีเลเซีย ผู้เป็นเจ้าของดินแดนฝั่งตะวันตกทั้งหมดของทวีปเมอริเซียนี้รวมถึงเนินเขาวาฮาลนี้ด้วย”

“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” เสียงหัวเราะดังราวกับสายฟ้าฟาดสะท้อนไปทั้งยอดเขา “น่าขำ สำหรับข้า เจ้ามันก็แค่มนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น บอกข้ามาสิเจ้ามาล่วงเกินข้าถึงที่พำนักของข้าด้วยเหตุอันใด กษัตริย์แห่งฟีเลเซีย”

“ข้าไม่ได้มาล่วงเกินเจ้า ข้ามีธุระกับเจ้าต่างหาก” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสด้วยความหยิ่งผยอง “ข้าจะมาขอยืมนกสายฟ้าจากเจ้า เวลานี้อาณาจักรฟีเลเซียกำลังมีภัยจำเป็นจะต้องมีกำลังเสริมที่แข็งแกร่งมาช่วยเสริมทัพ ดังนั้นเจ้าควรจะรีบส่งนกสายฟ้ามาให้ข้าแต่โดยดี มิฉะนั้นหากศัตรูบุกเข้ามาได้ แม้แต่เนินเขาวาฮาลหรือเทพเจ้าโบราณอย่างเจ้าก็อาจจะไม่มีที่อยู่”

“สามหาว!” พลันสายฟ้าถึงสามสายก็ฟาดเปรี้ยงไปรอบตัวกษัตริย์แห่งสายลม

“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดจาจองหองอวดดีกับข้าเยี่ยงนี้ แม้แต่บรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้ายังให้เกียรติเทพในโลกยุคโบราณเยี่ยงข้า แล้วเจ้ามนุษย์กระจ้อยร่อยเหมือนมดปลวกอย่างเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งข้า” ฟ้าแลบแปลบปลาบและมีลมกรรโชกแรงยิ่งขึ้น เมื่อเทพเจ้าธอร์ลุกขึ้นยืนพร้อมกับค้อนยักษ์ในมือด้วยความเกรี้ยวกราด “เห็นทีข้าจะต้องสั่งสอนมนุษย์จองหองอย่างเจ้าให้รู้สำนึกเสียแล้ว”

ในทันทีที่เทพเจ้าสายฟ้าฟาดค้อนลงมา สายฟ้านับสิบก็ผ่าเปรี้ยงลงมารอบตัวกษัตริย์ซิกมันด์และกลายเป็นกรงสายฟ้าล้อมกรอบพระองค์ไว้ พระองค์ได้แต่ตกตะลึงจนตาค้างทำอะไรไม่ถูกเป็นครู่ใหญ่

“เจ้า...เจ้า...เจ้าทำอย่างนี้กับข้าไม่ได้นะ ข้าเป็นถึงกษัตริย์แห่งฟีเลเซีย และข้ามีหน้าที่ต้องปกป้องบ้านเมืองจากพวกคนเถื่อน เจ้าขังข้าไว้อย่างนี้ไม่ได้” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงขว้างโล่ใส่กรงสายฟ้าเต็มแรง ก่อนที่โล่ซึ่งกระแทกเข้าใส่สายฟ้าอย่างแรงจนเกิดประกายไฟจะระเบิดขึ้น ส่งให้โล่พุ่งกลับไปกระแทกใส่กษัตริย์ซิกมันด์เข้าเต็มแรงจนทรงล้มลงไปนอนกับพื้น

“จงนั่งอยู่ในนั้นแล้วสำนึกตนซะ!” เทพเจ้าธอร์สั่งด้วยกังวานเสียงดุจดังสายฟ้าพร้อม ๆ กับร่างที่กลายเป็นสายฟ้าพุ่งทะยานเข้าไปในกลีบเมฆ

“ปล่อยข้าออกไป ! ปล่อยข้าออกไป !” เสียงร้องตะโกนที่สิ้นหวังของกษัตริย์แห่งฟีเลเซียดังก้องไปทั่วบริเวณ


*****************************


“เขาคิดว่าฉันเป็นใบ้เพราะไม่ได้ยินเสียงร้องอย่างแมวจากฉันเนี่ยนะ” เจ้าสัตว์ตัวสีม่วงบ่นทำเสียงฟุดฟิดขึ้นจมูก “ฉันจะร้องได้ยังไง? ก็ฉันไม่ใช่แมว”

“เจ้าคิดว่าพ่อหนุ่มน้อยนั่นจะทำสำเร็จไหม? ทารอตโต้(Tarotto)” ชายแก่ก้มหน้าลงคุยกับสัตว์เลี้ยงในอ้อมแขน

“ไม่สำเร็จอยู่แล้ว นิสัยที่เย่อหยิ่งของเขาได้กำหนดโชคชะตาของเขาแล้ว” ทารอตโต้เงยหน้าขึ้นตอบถูศีรษะกับอกเสื้อของชายแก่อย่างเอาใจ มันบิดตัวอย่างขี้เกียจจนผ้าคลุมเลื่อนหลุดจากตัวเผยให้เห็นปีกค้างคาวสีม่วงโผล่พ้นผ้าคลุมออกมา หางยาวอย่างนากกวัดแกว่งไปมาอย่างสบายอารมณ์ ชายแก่จึงต้องจับผ้าคลุมขึ้นมาคลุมให้ใหม่

“เราลงไปแจ้งข่าวทหารพวกนั้น แล้วรอคนที่กำลังจะมากันดีกว่า” ชายแก่พูดอย่างอารมณ์ดีพลางเดินมุ่งตรงไปยังเนินเขาเบื้องล่าง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)


ย้อนกลับไปยัง Summoner Novel

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน

cron