Chapter 42 ธอร์ เทพแห่งสายฟ้า
สามเดือนหลังจากที่กองทัพร่วมระหว่างฟีเลเซียและฟูดินันยึดเมืองทั้งหมดคืนจากกองทัพเพลิงของจักรวรรดิซาโลมได้สำเร็จและจัดการดูแลความเรียบร้อยต่าง ๆ จนสามารถวางใจในความแข็งแกร่งของกำแพงเมือง อันเป็นปราการด่านสำคัญตลอดจนความพร้อมของกองทัพได้แล้ว กษัตริย์ซิกมันด์จึงทรงจัดเตรียมพลเปกาซัสจำนวนสิบนายเป็นทหารผู้ติดตามร่วมเดินทางไปยังเนินเขาวาฮาล ระหว่างนั่นเองข่าวจากบิชอปเกรเกอรี่ก็ส่งมาถึงกษัตริย์ซิกมันด์ในวันก่อนเดินทางนั่นเอง กษัตริย์ซิกมันด์ทรงรีบเปิดสารอ่านทันที เพราะกษัตริย์ซิกมันด์ก็ทรงเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย เนื่องจากนับตั้งแต่ที่บิชอปเกรเกอรี่เดินทางกลับฟีเลเซียนั้นก็กินเวลาถึงหกเดือนแล้ว ทว่าก็ยังไม่มีทีท่าว่าบิชอปจะเดินทางกลับมาเพื่อเป็นขวัญกำลังให้แก่ทหารและเป็นเหมือนเกราะป้องกันการรุกรานจากซาโลม ทว่าใจความภายในสารนั้นกลับทำให้กษัตริย์ซิกมันด์ทรงรู้สึกหนักพระทัยยิ่งขึ้น เพราะสารของบิชอปเกรเกอรี่นั้นกล่าวถึงว่าเวลานี้ขวัญและกำลังใจของประชาชนชาวเมืองฟีเลเซียและตามหัวเมืองต่าง ๆ ทั่วอาณาจักรลดน้อยถอยลงไปมาก เพราะตลอดระยะเวลาเกือบสองปีแล้วนับตั้งแต่เริ่มสงคราม ทว่าทหารของฟีเลเซียกลับต้องพลีชีพไปเป็นจำนวนมาก และหน่ำซ้ำก็ยังไม่มีทีท่าว่าสงครามจะสามารถยุติลงได้โดยเร็ว ดังนั้นบิชอปเกรเกอรี่จึงต้องออกเดินทางไปตามหัวเมืองต่าง ๆ เพื่อปลุกขวัญและกำลังใจให้ประชนตามคำขอร้องของราชินีอลิเซียและตามความประสงค์ของตัวของเขาเองด้วย ซึ่งกษัตริย์ซิกมันด์ก็ทรงเห็นดีด้วยที่จะทำเช่นนั้น แต่ก็เป็นข่าวที่ทำร้ายศักดิ์ศรีของพระองค์อย่างยิ่งเช่นกัน เพราะมันยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความไร้ความสามารถในการปกครองประเทศของพระองค์ ดังนั้นการออกเดินทางสู่เนินเขาวาฮาลของพระองค์จึงเป็นยิ่งกว่าการออกเดินทางไปขอหยิบยืมสัตว์สักตัวจากเทพเจ้า แต่มันคือภาระที่หนักอึ้งที่พระองค์ต้องแบ่งรับและจะต้องทำให้สำเร็จให้จงได้
เป็นเวลาบ่ายแล้วเมื่อกษัติย์ซิกมันด์และคณะเดินทางมาถึงเนินเขาวาฮาล เนินเขาวาฮาลนั้น แม้จะถูกเรียกว่า ’เนินเขา’ แต่ทุกคนในฟีเลเซียนั้นทราบดีว่าวาฮาลไม่ใช่เนินเขาอย่างที่ถูกเรียกเลยสักนิด ตามตำนานที่เล่าขานนั้นกล่าวไว้ว่า วาฮาล คือส่วนหนึ่งของแผ่นดินสวรรค์ที่ตกลงมายังพื้นโลกเมื่อสมัยโบราณกาล ดินแดนส่วนนี้จึงเป็นเหมือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่หลงเหลือจากโลกในยุคอดีต ซึ่งมนุษย์น้อยคนนักที่จะกล้าย่างกรายเข้าไป ลักษณะของเนินเขาวาฮาลเมื่อมองดูแล้วจะเห็นว่ามีอยู่สามชั้นด้วยกัน ชั้นแรกมีรูปร่างเหมือนเนินดินอันเกิดจากแท่นภูผาขนาดมหึมาซึ่งดูคล้ายกับถูกใครสักคนขว้างมันลงมาปักแน่นบนพื้นโลก จนทำให้แผ่นดินโดยรอบดันตัวสูงขึ้นกลายเป็นเนินเขาเตี้ย ๆ ขนาดใหญ่ ชั้นที่สองซึ่งเริ่มตั้งแต่ยอดเนินขึ้นไปนั้นกลับเป็นภูผารูปทรงคล้ายจุกไม้ก๊อกที่ขอบผนังตั้งสูงชันเหมือนหน้าผาตลอดโดยรอบ และที่ใจกลางแผ่นดินซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของชั้นที่สามนั้นคือยอดเขาอีกลูกที่ซ้อนทับอยู่ เป็นยอดเขาที่ตั้งตระหง่านสูงจนเสียดฟ้าและมีชั้นเมฆลอยมาบดบังยอดเขาอยู่ตลอดทั้งปี อีกทั้งบนชั้นเมฆนี้ก็มีฟ้าแลบและฟ้าผ่าอยู่เกือบตลอดเวลาเช่นกัน นี่เองจึงเป็นเหตุให้กษัตริย์ซิกมันด์สามารถขี่เปกาซัสมาได้สูงสุดเพียงแค่ปลายขอบผาสูงชันของวาฮาลชั้นที่สองเท่านั้น แม้จะอยากขึ้นไปสูงกว่านี้อีกสักหน่อยแต่บรรดาเปกาซัสก็เหมือนจะพร้อมใจกันฝืนคำสั่งไม่ยอมบินขึ้นไปสูงกว่านั้น คล้ายหวาดกลัวอะไรบางอย่างที่อยู่เหนือขึ้นไป
กษัตริย์ซิกมันด์ทรงเหวี่ยงองค์ลงจากหลังเปกาซัสด้วยท่วงท่าองอาจ พระองค์ทรงยืนมองยอดเขาสูงเสียดฟ้าเบื้องหน้าด้วยสีพระพักตร์ไม่ใคร่สบายพระทัยนัก ในขณะที่นายทหารคนอื่น ๆ ก็ค่อย ๆ ทยอยกันลงจากหลังม้าบิน ภายในพระทัยของพระองค์หวนคิดถึงการล่ำลากันระหว่างพระองค์และเจ้าหญิงเรจิน่า พระองค์ยังทรงจำได้ดีถึงสายตาเป็นห่วงและคำพูดทุกถ้อยคำของผู้เป็นพี่ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งในตอนนั้นเพราะความหยิ่งทะนงของพระองค์และความกังวลที่เพิ่งก่อตัวขึ้นหลังจากทรงอ่านสารของบิชอปเกรเกอรี่ทำให้ทรงแปลความเป็นห่วงของพี่สาวผิดไป กลายเป็นความไม่มั่นใจในความสามารถของพระองค์ พระองค์จึงทรงกระแทกเสียงตอบด้วยศักดิ์ศรีทั้งหมดที่มีว่าพระองค์จะไปและกลับมาพร้อมนกธันเดอร์ริคในเวลารวดเร็วปานใด ซึ่งด้วยสายตาเคลือบแคลงของเจ้าหญิงก็ยิ่งทำให้พระองค์ทรงโกรธมากขึ้นไปอีก ทำให้การร่ำลากันระหว่างพี่น้องผู้สูงศักดิ์ทั้งสองดูไม่ค่อยน่ารื่นรมย์เท่าใดนัก
คณะของกษัตริย์ซิกมันด์ใช้เวลาในการเดินทางสองวันจึงถึงเนินเขาวาฮาล ในการเดินทางวันแรกนั้น พระองค์ยังเต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวและทรงหงุดหงิดทุกครั้งที่นึกถึงพี่สาวของพระองค์ แต่ในวันที่สองนั้นพระองค์ก็ทรงมีเวลาคิดทบทวนและยอมรับว่าพี่สาวของพระองค์พูดเพราะเป็นห่วงพระองค์โดยแท้จริง แม้จะเป็นความห่วงใยที่ทำให้พระองค์ไม่ชอบพระทัยและอึดอัด แต่เวลานี้เมื่อพระองค์มายืนต่อหน้ายอดเขาที่สูงเสียดฟ้าแห่งนี้ ซึ่งพระองค์ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่จึงจะไต่ไปถึงยอดเขาได้ มาบัดนี้ความเป็นห่วงของเจ้าหญิงเรจิน่าก็ไม่ได้เกินความจริงไปมากนัก การที่พระองค์ได้ทรงลั่นวาจากำหนดระยะเวลาในการเดินทางกลับไว้จึงเป็นเหมือนการขุดหลุมฝั่งตัวพระองค์เอง และด้วยศักดิ์ศรีเท่านั้นที่จะผลักดันให้พระองค์ต้องทรงทำให้สำเร็จตามที่ลั่นวาจาไว้ให้ได้
ขณะที่พระองค์ทรงกำลังพิจารณาเลือกทหารที่จะร่วมเดินทางไปกับพระองค์ โดยจะทิ้งทหารสองนายไว้คอยดูแลเหล่าเปกาซัสที่วาฮาลชั้นที่สองอยู่นั้น พลันสายพระเนตรของพระองค์ก็ทรงเหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งในชุดผ้าคลุมสีเทาดำในมือถือไม้เท้าที่ทำจากไม้เนื้อดีสีน้ำตาลทอง ซึ่งลักษณะเหมือนพวกนักเวทย์ที่ชอบถือสันโดษกำลังเดินตรงเข้ามาหาพระองค์ พระองค์ทรงแน่พระทัยอย่างเหลือเกินว่า ก่อนหน้านี้พระองค์ไม่ทรงเห็นใครสักคนบนวาฮาลชั้นที่สองนี่ แม้อาจจะเป็นไปได้ว่าเขาจะหลบซ่อนอยู่หลังต้นไม้หรืออาจมีที่กำบังให้พ้นจากสายพระเนตรของพระองค์อยู่บ้าง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่น่าจะมีใครปีนขอบผานี้ขึ้นมาได้ง่าย ๆ ยิ่งสังเกตจากมือที่มีผิวหนังเหี่ยวย่นแบบคนแก่ที่โผล่พ้นจากผ้าคลุมเพื่อจับไม้เท้า ก็ยิ่งไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่ว่าคนแก่ในวัยขนาดนี้จะปีนหน้าผาสูงชันขึ้นมาได้
ครั้นเมื่อบุคคลลึกลับในชุดผ้าคลุมสีเทาดำเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ กษัตริย์ซิกมันด์จึงตรัสด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด