Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. เม.ย. 25, 2024 5:51 am

หน้าเว็บบอร์ด Wiser Summoner Novel @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 39 เมล็ดพันธุ์แห่งมิตรภาพงอกเงย @@

อ่านนิยาย Summoner Master Episodeต่าง ๆ ได้ที่นี่

Moderator: Jinger Ginger


@@ นิยายSMN Epi8 Chapter 39 เมล็ดพันธุ์แห่งมิตรภาพงอกเงย @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 2:30 pm

Chapter 39 เมล็ดพันธุ์แห่งมิตรภาพงอกเงย



ล่วงเข้าวันที่หกแล้วหลังจากวันที่กองทัพฟูดินันเคลื่อนทัพมาถึงเมืองคามินยาร์ด แต่จนแล้วจนรอดฮารีซันก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเฝ้ากษัตริย์ซิกมันด์แห่งฟีเลเซียเลย ทั้งนี้เพราะมีราชโองการให้กองทัพฟูดินันตัดเครื่องแบบให้แก่ทหารทุกคนให้แล้วเสร็จเสียก่อน โดยฟูดินันได้รับคำอธิบายว่าเพื่อความเป็นระเบียบและเป็นการช่วยแบ่งแยกได้ชัดเจนว่าเป็นทหารฝ่ายใดในยามออกรบ หากยังไม่มีเครื่องแบบก็จะยังไม่มีการพบปะพูดคุยใด ๆ ทั้งสิ้น คำสั่งนี้นอกจากจะสร้างความลำบากให้แก่นักรบชาวป่าแล้วยังสร้างความไม่พอใจให้อีกด้วย หลายคนเริ่มรู้สึกถึงความไม่เป็นมิตรจากการต้อนรับของฟีเลเซียไม่ว่าจะด้วยสายตาหรือการกระทำ

กระนั้นก็ดี โดยการนำของฮารีซันและการยินยอมพร้อมใจของบรรดายอดขุนพลจากเผ่าใหญ่ทั้งสามก็ทำให้กองทัพชาวป่าช่วยกันแก้ไขและตัดเย็บเครื่องแบบจนรุดหน้าอย่างรวดเร็ว โลหะจากชุดเกราะถูกชุบด้วยแร่สีน้ำตาลทองหม่นซึ่งได้ความช่วยเหลือจากเหล่านักประดิษฐ์ในกองทัพฟีเลเซียตามคำบัญชาของเจ้าหญิงเรจิน่า ในขณะที่เสื้อผ้าส่วนใหญ่ทุกคนต่างก็เห็นชอบที่จะใช้สีโทนน้ำตาลและเขียวมะกอกเหมือนกับสีของดินตามลักษณะของชาวป่าที่ผูกพันกับจิตวิญญาณของผืนดิน

เย็นวันนั้น หลังจากที่ฮารีซันและบรรดาขุนพลแห่งฟูดินันดูแลการทำงานของกองทัพจนเย็น ทุกคนจึงนั่งล้อมวงกันคุยเล่นเพื่อพักผ่อน จู่ ๆ ดามิก้าก็มองออกไปไกลพร้อมกับพูดทีเล่นทีจริงออกมา

“พวกท่านคิดว่าสิ่งสุดท้ายที่ข้าหวังจะได้เห็นในวันนี้คืออะไร?”

“ข้าละมั๊ง?” คาร์นกล่าวด้วยท่าทางเฉยเมยขณะที่กำลังง่วนอยู่กับการลับดาบของตน แต่ก็เรียกเสียงหัวเราะจากฮารีซันและทราเฮิร์นได้อย่างดี นี่เป็นบุคลิกที่โดดเด่นอีกอย่างของสมิงสายพันธุ์ราชสีห์ตนนี้ ด้วยคำพูดและท่าทางที่นิ่งเฉยแต่กลับสามารถสร้างเสียงหัวเราะให้คนรอบข้างได้ไม่ว่าเขาจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม

“ไม่ใช่” ดามิก้าอดหัวเราะไม่ได้แต่สายตายังคงมองอยู่ที่เดิม “ท่านน่ะรองสุดท้าย”

คาร์นไม่ตอบอะไร แต่ใช้วิธีถอนหายใจแรง ๆ แทน ซึ่งก็ทำให้ทั้งสามหัวเราะออกมาอีกครั้ง

“สิ่งสุดท้ายที่ข้าหวังจะได้เห็นก็คือเจ้าหญิงแห่งฟีเลเซียในค่ายของเรา... ท่านมาทำอะไรที่นี่?” ดามิก้าพูดรัวแทบจะไม่หายใจพร้อมกับที่มีร่างของคนสองคนมาหยุดอยู่ตรงหน้าทุกคน ผู้มาใหม่ทั้งสองสวมผ้าคลุมเนื้อดีสีน้ำตาลพร้อมหมวกที่ติดกับผ้าคลุมซ่อนเรือนผมและใบหน้าไว้ใต้เงามืดไว้ครึ่งหนึ่ง มือข้างหนึ่งยกขึ้นปัดหมวกลงเพื่อให้เห็นใบหน้าของผู้มาเยือนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ทุกคนดูจะหยุดชะงักด้วยความไม่คาดฝันเพราะไม่คิดว่าจะได้เห็นเจ้าหญิงแห่งฟีเลเซียเสด็จมาในค่ายของฟูดินันพร้อมกับนางกำนัลคนสนิทเพียงลำพังเช่นนี้ ฮารีซันและบรรดาขุนพลต่างก็ขยับตัวจะลุกขึ้นตามมารยาทอันควรพึงปฏิบัติต่อผู้สูงศักดิ์ที่ดูเหมือนจะถูกบอกกล่าวจากบรรดานายทหารฟีเลเซียหลายครั้งหลายหน

“ไม่เป็นไร ตามสบายเถอะ” เจ้าหญิงเรจิน่ารีบตรัสเมื่อเห็นดังนั้น พระองค์ทรงพอจะทราบดีว่ากฎระเบียบและมารยาทต่าง ๆ ของฟีเลเซียสร้างความลำบากและความไม่ชอบใจให้กองทัพฟูดินันไม่น้อย ดังนั้นเมื่อพระองค์อยู่เพียงลำพัง พระองค์ก็ไม่ปรารถนาที่จะสร้างความตึงเครียดให้พวกชาวป่าอีก

“พระองค์แน่พระทัยแล้วหรือเพคะ? คนพวกนี้ต้องเรียนรู้ที่จะมีมารยาทต่อพระองค์นะเพคะ” นางกำนัลคนสนิทแอบกระซิบเสียงเบาด้วยความร้อนใจที่นายของตนไม่ได้รับเกียรติเหมือนที่ควรจะเป็น

“เจ้าอยู่เฉย ๆ เถอะ” เจ้าหญิงตรัสสั่งเบา ๆ

“แต่...แต่...” นางกำนัลสะดุ้งและเงียบเสียงลงทันทีที่ได้ยินเสียงคาร์นครางต่ำ ๆ จริง ๆ แล้วคาร์นครางด้วยความรู้สึกอ่อนใจกับนิสัยของชาวฟีเลเซียเพราะความที่หูของเขาไวกว่ามนุษย์ธรรมดา เขาจึงได้ยินบทสนทนากระซิบกระซาบของสตรีทั้งสองอย่างชัดเจน และเขาก็เริ่มมองเจ้าหญิงแห่งฟีเลเซียต่างจากที่เคยมอง

เหล่าขุนพลเมื่อได้ยินเจ้าหญิงตรัสเช่นนั้นก็ชะงักลังเลอยู่เล็กน้อย ทราเฮิร์นก็ยักไหล่ขึ้นเร็ว ๆ เหมือนจะบอกว่าสำหรับเขานั้นจะยังไงก็ได้ แต่ในที่สุดทุกคนก็นั่งลงและมองเจ้าหญิงด้วยสายตาเป็นคำถามแทน

“ข้าเพียงแต่มาพบท่านฮารีซันเท่านั้น”

ดามิก้าได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งด้วยความประหลาดใจหันไปมองฮารีซันด้วยความสงสัย ขณะที่คนอื่น ๆ ก็มองหน้ากันไปมาด้วยความสงสัยไม่ต่างกัน ฮารีซันก็ประหลาดใจไม่น้อยไปกว่าทุก ๆ คนเช่นกัน เขามองทุกคนก่อนจะค่อย ๆ หยับตัวขึ้น

“เจ้าหญิงมีธุระกับข้าหรือ?”

“เขาไม่พูดราชาศัพท์กับพระองค์ด้วยนะเพคะ” นางกำนัลยังคงพยายามกระซิบด้วยความตื่นตระหนก

“อยู่เฉย ๆ “ เจ้าหญิงตรัสโดยที่พระโอษฐ์ไม่ขยับสักนิด ทำให้คาร์นต้องแสร้งกระแอมเพื่อกลบเสียงหัวเราะ แต่เสียงกระแอมของเขาดูเหมือนจะเป็นเสียงคำรามของสัตว์ป่ามากกว่าในความคิดของนางกำนัล เพราะนางสะดุ้งจนถอยหลังไปหนึ่งก้าวแทบจะทันที

“เออ...ก็ใช่ คือที่จริงข้ามาแจ้งข่าวการเข้าเฝ้าซิกมันด์...กษัตริย์แห่งฟีเลเซีย” เจ้าหญิงเองก็อดสะดุ้งเพราะความตกใจไม่ได้เช่นกัน แต่ก็ทรงรักษากริยาได้อย่างดี

“ทำไมท่านต้องมาเองล่ะ? ทำไมไม่ส่งทหารมาอย่างทุกที?” ดามิก้าอดถามแทรกขึ้นไม่ได้ ซึ่งทุกคนก็คงสงสัยแต่อดใจที่จะไม่ถาม คงมีแต่ดามิก้าที่คิดอะไรก็พูดทันทีเท่านั้นแหละที่จะกล้าถามเช่นนี้ นางกำนัลถึงกับอ้าปากค้างที่ดามิก้ากล้าถามเช่นนี้กับเจ้าหญิง ฮารีซันต้องแกล้งกระแอมไอขัดขึ้นพลางเหลือบสายตามองไปยังดามิก้า

“ข้าได้รับแต่งตั้งให้มาดูแลและคอยประสานงานกับกองทัพฟูดินันโดยตรง นั่นจึงเป็นเหตุให้พวกท่านจะได้เจอหน้าข้าบ่อยขึ้น” เจ้าหญิงตรัสยิ้มอย่างไว้องค์
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 39 เมล็ดพันธุ์แห่งมิตรภาพงอกเง @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 2:32 pm

“เชิญเจ้าหญิงทางนี้ดีกว่า เดี๋ยวข้าจะเดินไปส่งท่านที่หน้าค่าย” ฮารีซันไม่กล้าเสี่ยงที่จะให้ดามิก้าโพล่งถามอะไรอีก จึงคิดจะแยกออกมาคุยธุระเป็นการส่วนตัว จนเมื่อฮารีซันนำเจ้าหญิงและนางกำนัลเดินห่างไปแล้วดามิก้าจึงเอ่ยถามขึ้น

“นี่ข้าทำเรื่องอีกแล้วใช่ไหมนี่?” ดามิก้ามองไปทางที่บุคคลทั้งสามเดินจากไป พลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้คาร์นและทราเฮิร์นขณะลดเสียงให้เบาลง

“เจ้าพูดถูกเผง และขอบใจ...ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน” นายพลทราเฮิร์นแสร้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้พูดตอบด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจังไม่แพ้กัน แต่ดวงตากลับมีประกายขบขันเจืออยู่ ซึ่งก็ทำให้คาร์นหัวเราะ หึ หึ ในลำคออย่างชอบใจ

“แต่ก็นับว่าเขาให้เกียรติเราเหมือนกันนะ เพราะเขาให้เจ้าหญิงมาเป็นผู้ดูแลพวกเรา” ดามิก้าเอ่ยขึ้น

“ก็ดี อย่างน้อยพวกฟีเลเซียก็ยังรู้จักคิดอยู่บ้าง” คาร์นกล่าว

“งั้นนี่ก็แสดงว่าพวกเราใกล้จะได้ออกรบกันแล้วสินะ” ทราเฮิร์นเปรยขึ้นพลางกระชับทวนในมือ

“ข้ารอล้างแค้นแทบไม่ไหวเลยเชียวละ” ดามิก้าเอ่ยอย่างมาดมั่น

“อีกไม่นานนี้แหละ” คาร์นกล่าวเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวที่เริ่มปรากฏบนท้องฟ้า


เจ้าหญิงเรจิน่าทรงรู้สึกขอบคุณฮารีซันในพระทัยที่ทำให้พระองค์ไม่ต้องตอบคำถามของดามิก้ามากมายนัก เพราะพระองค์ก็ยังไม่รู้จะแต่งคำอธิบายเหมาะ ๆ ได้อย่างไร ก็พระองค์จะบอกได้อย่างไรกันว่าพระองค์ทรงมาพบด้วยความรู้สึกผิดที่เริ่มก่อตัวขึ้นในพระทัยของพระองค์ โดยเฉพาะน้องชายของพระองค์เองนี่แหละที่ทั้งไม่ให้เกียรติและสร้างความลำบากให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเรื่องเครื่องแต่งกายที่ทำให้วุ่นวายกันไปหมด เหตุผลที่ว่าเพื่อช่วยแบ่งแยกทหารได้อย่างชัดเจนว่าเป็นฝ่ายใดนั้นเป็นเหตุผลเพียงครึ่งเดียว แท้จริงแล้วน้องชายของพระองค์ทรงตั้งใจจะแยกกองทัพชาวป่าแห่งฟูดินันออกจากกองทัพอัศวินอันทรงเกียรติแห่งฟีเลเซียต่างหาก ไหนจะเรื่องการเข้าเฝ้าอีก ในเมื่อชาวฟูดินันมีน้ำใจอาสามาช่วยรบเช่นนี้ แต่ซิกมันด์กลับยังไม่อนุญาตให้เข้าเฝ้าจนกว่าทั้งกองทัพจะแต่งกายให้ความศิวิไลมากกว่านี้ ซึ่งแน่นอนว่าเหตุผลนี้ไม่ได้ถูกแจ้งให้ทางฟูดินันทราบแต่อย่างใด ดังนั้นด้วยความรู้สึกผิดและด้วยมิตรภาพที่เริ่มก่อตัวขึ้นสานต่อจากเมื่อครั้งยังเด็กทำให้พระองค์มาอยู่ที่นี่

“ข้ามาแจ้งว่าซิกมันด์อนุญาตให้ท่านเข้าเฝ้าได้ในวันพรุ่งนี้ โดยจะมีนายพลจากเหล่าทัพต่าง ๆ เข้าร่วมด้วย เตรียมกองทัพของท่านให้พร้อม เราต้องการเร่งผลักดันกองทัพซาโลมให้ออกจากอาณาจักรของเราโดยเร็วที่สุด”

“ทั้งเสื้อผ้าและอาวุธต่าง ๆ ก็เรียบร้อยเกือบหมดแล้ว ข้าคิดว่าพวกเราคงพร้อมที่จะทำศึกทันทีที่มีคำสั่งลงมา” ฮารีซันกล่าว
เจ้าหญิงเรจิน่าทรงพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ในคำตอบนั้น พระองค์ไม่ตรัสใด ๆ เหมือนทรงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สักพักใหญ่ ๆ จึงตรัสออกมาในที่สุด

“ข้าคิดว่าพวกท่านอาจจะรู้สึกลำบากใจกับมารยาทต่าง ๆ ของอาณาจักรเรา เออ...พวกเราอาจจะมองพวกท่านด้วยสายตาแปลก ๆ หรืออาจจะปฏิบัติต่อพวกท่านไม่ค่อยดีนัก...” เจ้าหญิงตรัสพลางเหลือบมองไปทางนางกำนัลคนสนิทที่ส่งสายตาไม่ชอบใจเป็นระยะ ๆ ไปทางฮารีซันเมื่อเห็นว่าเขายังคงไม่พูดราชาศัพท์กับเจ้าหญิง และพระองค์ก็ทรงตั้งใจจะเอ่ยรวมไปถึงเรื่องในวันพรุ่งนี้ที่ฮารีซันจะได้เข้าเฝ้าซิกมันด์ด้วย คงไม่มีใครในฟีเลเซียจะรู้สึกรังเกียจพวกชาวป่ามากเท่ากับซิกมันด์อีกแล้ว

“จริง ๆ แล้วข้ารู้สึกขอบคุณเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ไม่น้อย” ฮารีซันตอบและยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าหญิงเรจิน่าทรงมองเขาเหมือนไม่แน่พระทัยว่าพระองค์ฟังผิดหรือฮารีซันเสียสติกันแน่ ในขณะที่นางกำนัลมองเขาเหมือนเป็นตัวประหลาด

“ข้าเกรงว่าข้าจะไม่เข้าใจที่ท่านพูด”

“ข้าหมายถึงข้ารู้สึกขอบคุณเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ เพราะมันทำให้ข้าได้เข้าใจความรู้สึกของชาวเผ่าป่าทมิฬมากยิ่งขึ้น เป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้วที่ชาวป่าทมิฬถูกมองด้วยสายตารังเกียจเหยียดหยาม ไม่ว่าจะเพราะการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตต่างสายพันธุ์จนประสมปนเปกันไปหมด หรือจะเพราะลักษณะนิสัยความป่าเถื่อนโหดร้ายและพิธีกรรมหรือการปฏิบัติที่รุนแรงซึ่งแปลกประหลาดกว่าเผ่าอื่น ๆ ทำให้เผ่าต่าง ๆ ตั้งข้อรังเกียจและไม่คบค้าสมาคมกับเผ่าป่าทมิฬ” ฮารีซันกล่าวตอบ

เจ้าหญิงเรจิน่าทรงมองด้วยความประหลาดพระทัยในความคิดของผู้นำแห่งฟูดินันผู้นี้ มุมมองในเรื่องต่าง ๆ ของฮารีซันช่างแตกต่างจากพระองค์และจากชาวฟีเลเซียทั้งหลายเหลือเกิน ความรู้สึกของผู้ที่ถูกมองด้วยสายตารังเกียจหรือ? พระองค์เคยคิดถึงมันบ้างไหมนะ? ชาวฟีเลเซียมีแต่ถูกสอนให้หยิ่งในศักดิ์ศรีภาคภูมิในเกียรติยศ และประณามคนที่ต่ำต้อยไร้เกียรติและศักดิ์ศรี เพิ่งจะมีฮารีซันเป็นคนแรกที่สอนให้พระองค์มองในจุดที่พระองค์ไม่เคยสังเกตนี้ ฝ่ายนางกำนัลเมื่อได้ยินดังนั้นก็เริ่มเกิดความละอายใจจนต้องเดินก้มหน้ามองแต่พื้นหญ้า

“ข้ายินดีที่ท่านคิดเช่นนั้น และหวังว่าเมื่อการเข้าเฝ้าในวันพรุ่งนี้เสร็จสิ้นลง ท่านจะยังคิดเช่นนี้อยู่” เจ้าหญิงตรัส

“พรุ่งนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นหรือ?” ฮารีซันอดถามไม่ได้

“พรุ่งนี้ท่านก็จะรู้เอง นี่ก็เย็นมากแล้ว...” เจ้าหญิงตรัส แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อกลิ่นของอาหารที่กำลังปรุงโชยมาเข้าจมูก พระองค์เพิ่งจะทรงสังเกตเห็นว่าเหล่านักรบฟูดินันกำลังเริ่มปรุงอาหารมื้อค่ำกันอยู่

“เจ้าหญิง?!” ฮารีซันสงสัยที่จู่ ๆ เจ้าหญิงก็หยุดพูดกลางคัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 39 เมล็ดพันธุ์แห่งมิตรภาพงอกเง @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 2:33 pm

“กลิ่นอาหารนี่หอมจัง ข้าบอกไม่ถูกว่าหอมยังไง? “ เจ้าหญิงตรัสพลางก็ดำเนินดุ่ม ๆ ตรงไปยังกลุ่มทหารที่กำลังปรุงอาหารอยู่ใกล้ที่สุดทันที

“ตายแล้ว! เจ้าหญิง เจ้าหญิงเพคะ” นางกำนัลหน้าซีดวิ่งตามไปอย่างเร็วทำให้ฮารีซันต้องรีบวิ่งตามไปด้วย

เจ้าหญิงทรงยื่นพระพักตร์เข้าไปมองเหนือหม้อต้มซุปที่กำลังเดือดปุด ๆ อย่างรวดเร็วด้วยความสนอกสนใจ ทันทีที่ทหารฟูดินันเห็นเจ้าหญิงมาปรากฏตัวในทันทีทันใดก็พากันตกใจลุกขึ้นยืนและถอยห่างออกจากหม้อซุป ต่างยืนเก้ ๆ กัง ๆ ทำอะไรกันไม่ถูก ครั้นเมื่อเห็นฮารีซันเดินเข้ามาก็รีบส่งสายตาตื่น ๆ เหมือนจะให้ฮารีซันบอกว่าพวกเขาควรจะทำตัวอย่างไรกับเจ้าหญิงแห่งฟีเลเซีย ฮารีซันมองพวกเขาอย่างเข้าใจเพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะรับมือกับเจ้าหญิงที่มีความคิดและบุคลิกที่เกินกว่าจะคาดเดาผู้นี้อย่างไร

“เออ...เจ้าหญิง...” ฮารีซันเอ่ยขึ้น แต่ก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะพูดอะไรดีเพื่อให้สถานการณ์ที่คาดเดาไม่ได้นี้ผ่านไปได้ด้วยดี

“พวกเจ้ากำลังปรุงอะไรกันอยู่?” เจ้าหญิงตรัสถามน้ำเสียงกระตือรือร้น

ซึ่งฮารีซันเองก็มองเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นแวววับอยู่ภายในดวงตาสีมรกตนั้น เขายิ้มออกมาในที่สุดก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับกลุ่มทหารเพื่อจะให้ความมั่นใจกับเหล่าทหารชาวป่า

“สกาโล่ต้ม” นายทหารตอบสายตายังคงเหลือบมองฮารีซันเป็นพัก ๆ

“พระเจ้าช่วย! พวกเขากินหนอน” นางกำนัลคนสนิทร้องเสียงหลงจนทุกคนตกใจ

“แต่...แต่พวกเราหาสกาโล่ไม่ค่อยได้ที่นี่ เลยไม่ได้ใส่ พวกเราใส่อะไรที่รสชาติคล้าย ๆ กันแทน” ทหารอีกคนรีบพูดด้วยความตกใจ ในขณะที่นางกำนัลยกมือขึ้นทาบอกและถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ใส่อะไรเหรอ? ” เจ้าหญิงทรงอยากรู้

“พวกเราใส่สกาลิโอ้” นายทหารกล่าวตอบหน้าตาเฉย

“พระเจ้าช่วย! พวกเขากินแมลง” คราวนี้นางกำนัลร้องเสียงแหลมปรี๊ด สายตามองเจ้าหญิงด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด “นี่เป็นการกินที่ระ....”

เจ้าหญิงเรจิน่าทรงยกพระหัตถ์ขึ้นบีบแก้มทั้งสองข้างของนางกำนัลคนสนิทก่อนจะทันพูดคำว่า ‘ไร้วัฒนธรรมที่สุดในโลก’ จบ ซึ่งทั้งฮารีซันและนายทหารต่างก็ยืนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า เจ้าหญิงทรงหันกลับมายิ้มทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าสกาโล่และสกาลิโอ้…ใช้แทนกันได้” เจ้าหญิงทรงอยากจะหมายถึงกินได้ด้วย

“สกาลิโอ้มันตัวเล็กกว่า แต่รสชาติก็คล้าย ๆ กัน” นายทหารอีกคนตอบแม้จะยังมองนางกำนัลด้วยสีหน้างง ๆ

“แล้วมีอะไรในหม้อนี้บ้างล่ะ?” เจ้าหญิงตรัสถามต่อ

“สกาโล่ต้มที่ฟูดินันจะทำกินเวลาหนาวหน่ะ เพราะใส่สมุนไพรหลายชนิดและมีรสชาติที่เผ็ดออกเปรี้ยวนิด ๆ ทำให้รู้สึกอบอุ่นสดชื่นและบำรุงร่างกายด้วย” ฮารีซันกล่าวยิ้ม ๆ พลางหยิบเศษใบสมุนไพรบางส่วนที่เหลือให้เจ้าหญิงดู

“โอ้...อันนี้ข้ารู้จัก” เจ้าหญิงทรงร้องอย่างตื่นเต้นและหยิบใบไม้ใบเล็ก ๆ ที่มีสีเขียวเข้มอมแดงขึ้นมา “พวกเราใช้ดมเวลาไม่สบาย กลิ่นของมันทำให้หายใจได้สะดวกขึ้น”

“มันให้ประโยชน์มากกว่าถ้าท่านกินมันเข้าไปแทนที่จะใช้ดมเฉย ๆ “ ฮารีซันกล่าวยิ้ม ๆ

“ข้าไม่ยักรู้ว่ามันกินได้ด้วย” เจ้าหญิงทรงขมวดคิ้วยกใบไม้ขึ้นมาดม “รสชาติมันเป็นยังไง?”

“ใบนี้ถ้าถูกทำให้สุกแล้วจะให้รสชาติเผ็ดซ่าที่ลิ้นและเปรี้ยวหน่อย ๆ เจ้าหญิงจะลองชิมดูไหม?” ฮารีซันเอ่ยชวน

“ชิมเหรอ?” เจ้าหญิงทรงมองซุปในหม้ออย่างชั่งใจ

“ไม่ได้นะเพคะ มันอาจจะเป็นยาพิษก็ได้” นางกำนัลพูดอย่างตกใจ เจ้าหญิงแห่งฟีเลเซียจะกินแมลงได้อย่างไร?

“เหลวไหล ถ้าเป็นยาพิษพวกเขาจะกินกันได้รึ?” เจ้าหญิงตรัสตอบยิ้มขำ พอจะเข้าใจความกลัวของนางกำนัล

“พระองค์อาจจะอาหารเป็นพิษหรือ..หรืออาจจะป่วยก็ได้ นั่นมันแมลงนะเพคะ ไม่มีใครในฟีเลเซียกินแมลง” นางกำนัลพูด แค่คิดว่าต้องกินซุปในหม้อนั่นนางก็ตัวสั่นและขนลุกด้วยความขยะแขยงแล้ว

“พวกเจ้าจะว่าอะไรหรือเปล่า? ถ้าข้าจะชิมสกาลิโอ้ต้มของพวกเจ้า” เจ้าหญิงถาม แม้จะยังคงมีความลังเลอยู่ ซึ่งเหล่าทหารก็ส่ายหน้าอย่างยินดี ไม่แสดงอาการรังเกียจเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่นางกำนัลหน้าซีดลงไปทุกขณะ

“พระองค์ทรงคิดดีแล้วหรือเพคะ? นั่นมันสกาลิโอ้นะเพคะ” นางกำนัลกระซิบใกล้ ๆ อย่างสิ้นหวัง “แมลงนะเพคะ”

“ตักเลย ข้าอยากลองชิมดู” เจ้าหญิงตรัสอย่างเด็ดเดี่ยวเมื่อตัดสินใจได้ในที่สุด ฝ่ายนางกำนัลก็ทำเสียงแหลมแปลก ๆ เหมือนจะเป็นการร้องห้ามเล็ดรอดออกมา

ฮารีซันยิ้มกว้างในขณะที่นายทหารรีบกุลีกุจอตักสกาลิโอ้ต้มให้ทันที เจ้าหญิงทรงรับชามซุปมาพิจารณาเป็นครั้งสุดท้าย ซุปก็ไม่ได้หน้าตาเลวร้ายนัก สกาลิโอ้ก็ไม่มีปีกหัวหรือขาให้เห็นแล้ว พระองค์ยกชามซุปขึ้นดมกลิ่น ที่จริงมันหอมมากเสียด้วย ซ้ำกลิ่นสมุนไพรที่คุ้นเคยยังส่งกลิ่นขึ้นมาเตะจมูก เมื่อไม่มีช้อนซุปให้ใช้ก็คงต้องยกดื่มจากชามโดยตรง เจ้าหญิงคิดได้ดังนั้นแล้วก็ยกขึ้นดื่มเข้าไปอึกใหญ่พร้อมกับเสียงร้องแหลมของนางกำนัลที่ทำท่าเหมือนจะเป็นลม
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 39 เมล็ดพันธุ์แห่งมิตรภาพงอกเง @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 2:33 pm

ฮารีซันซึ่งสังเกตท่าทางของเจ้าหญิงตลอดตั้งแต่ต้น ทำให้เขาต้องมองเจ้าหญิงด้วยความทึ่งอีกครั้ง เมื่อเทียบกับนางกำนัลหรือชาวฟีเลเซียคนอื่น ๆ แล้ว เห็นได้ชัดว่าเจ้าหญิงแตกต่างจากชาวฟีเลเซียทั่วไปเหลือเกิน เจ้าหญิงมีความคิดเป็นของตัวเองไม่ติดกับกรอบวัฒนธรรมของชาวฟีเลเซีย รักที่จะเรียนรู้และกล้าที่จะลองทำอะไรที่ไม่รู้จัก สนอกสนใจในทุกสิ่งที่แปลกใหม่รอบตัวอยู่เสมอ แต่ตอนนี้เขาอยากรู้ว่าเจ้าหญิงจะรู้สึกอย่างไรกับซุปชามนี้

“อืม” เจ้าหญิงทรงทำเสียงขึ้นจมูก “อืม” พระองค์ทรงทำเสียงอีกครั้งก่อนจะกลืนซุปลงคอแล้วหัวเราะร่วน ดวงตาเต้นระริกอย่างร่าเริง “ข้าบอกตรง ๆ เลยนะว่ามันอร่อยดีทีเดียว แม้จะรสจัดไปนิดสำหรับข้า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าสกาลิโอ้จะทำเป็นอาหารที่อร่อยได้ ข้าชักจะอยากไปทดลองกินสกาโล่ต้มของแท้ที่ฟูดินันดูซะแล้ว”

ฮารีซันและนายทหารต่างก็ยิ้มกว้างด้วยความภูมิใจในอาหารพื้นบ้านของพวกตน ทว่านางกำนัลกลับทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ตรงนั้น เจ้าหญิงเห็นดังนั้นก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“เจ้าลองดูสักคำสิ” ว่าแล้วเจ้าหญิงก็ทรงยื่นชามซุปเข้าไปใกล้ปากของนางกำนัล นางกำนัลร้องเสียงหลงรีบถอยหลังก่อนจะก้าวพลาดสะดุดก้อนหินล้มหงายหลังลงไปนอนแผ่กับพื้น เจ้าหญิงทรงอดไม่ได้ระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น คนอื่น ๆ เมื่อเห็นดังนั้นก็หัวเราะตามเจ้าหญิงไปด้วย

ฮารีซันเม้มปากพยายามกลั้นหัวเราะขณะยื่นมือไปให้นางกำนัลเพื่อช่วยดึงเธอขึ้น นางกำนัลอายจนหน้าแดงที่หงายหลังลงไปนอนกับพื้นต่อหน้าชาวป่า เมื่อฮารีซันยื่นมือให้นางก็มองอย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่คิดว่านี้คงเป็นทางออกเดียวที่จะทำให้อายน้อยลง อย่างน้อยก็ไม่ต้องตะเกียกตะกายลุกขึ้นเอง คิดแล้วก็ยื่นมือไปให้ ฮารีซันกระตุกเบา ๆ เพียงครั้งเดียวนางก็ตัวลอยขึ้นทันทีจนอดร้องออกมาด้วยความตกใจไม่ได้ ทำให้คนอื่น ๆ หัวเราะหนักกว่าเดิมในขณะที่นางกำนัลหน้าแดงหนักกว่าเดิมเช่นกัน คราวนี้แดงไปถึงใบหูเลยทีเดียว

“เอาล่ะ...” เจ้าหญิงทรงพยายามสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อหยุดหัวเราะ เมื่อทรงคิดว่าน้ำเสียงมั่นคงดีแล้วจึงตรัสขึ้น “ข้าคิดว่าพวกเราไปกันต่อดีกว่า เดี๋ยวจะพาลค่ำมืดเสียก่อน” ตรัสแล้วก็ทรงยกชามซุปขึ้นดื่มอีกครั้งก่อนจะส่งชามคืนให้พวกทหาร “ขอบใจนะ เอาไว้ข้าจะมาลองชิมอาหารชนิดอื่นดูบ้าง”

พวกทหารรับชามซุปกลับมาพร้อมกับยิ้มกว้าง ใครจะคิดว่าชาวฟีเลเซียที่แสนเย่อหยิ่งจะอยากมากินอาหารของพวกชาวป่า แถมยังเป็นถึงเจ้าหญิงอีกด้วย ฮารีซันกล่าวขอบใจกลุ่มทหารแล้วจึงพาเจ้าหญิงออกเดินต่อ

“ข้าพูดจริง ๆ นะ ถ้ามีเวลามากกว่านี้อีกสักหน่อยข้าก็อยากจะลองชิมอาหารชนิดอื่น ๆ ของพวกท่านดู” เจ้าหญิงตรัสอย่างอารมณ์ดี ดวงตายังเป็นประกายสดใสจากการได้หัวเราะอย่างสุดเสียงเมื่อสักครู่ พระองค์ทรงเหลือบมองท้องฟ้าที่เย็นค่ำด้วยความเสียดายน้อย ๆ แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อรู้สึกว่าถูกจ้องมอง “หน้าของข้ามีอะไรผิดปกติหรือ?”

“ไม่มีอะไรผิดปกติหรอก เพียงแต่ข้าสังเกตมานานแล้ว ข้าคิดว่าดวงตาของเจ้าหญิงมีสีเขียวที่สวยมาก เวลาปกติก็ดูเป็นสีเขียวมรกต แต่พอกระทบกับแสงยามเย็นเช่นนี้กลับกลายเป็นสีเขียวอ่อนอมส้มไม่เหมือนกับพวกเราชาวฟูดินันที่มีแต่ดวงตาสีน้ำตาลและดำเท่านั้น ข้าคิดว่าดวงตาของท่านสวยมากทีเดียว”

ฮารีซันพูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำให้เจ้าหญิงเรจิน่าถึงกับตรัสไม่ออกไปชั่วขณะ ได้แต่ทรงขมวดคิ้วน้อย ๆ มองหัวหน้าเผ่าฟูดินันด้วยความสงสัย พยายามหาความนัยที่แอบแฝงในคำพูดของเขาแต่ก็ไม่พบ

“ขอบคุณ” เจ้าหญิงตรัสออกมาในที่สุด

“สามหาว เจ้าช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เจ้าพูดอะไรออกมารู้ตัวรึเปล่า?” นางกำนัลลืมความอายเมื่อสักครู่ไปแล้ว รีบก้าวออกมายืนขวางเจ้าหญิงไว้

“ทำไมหรือ? ข้าไม่ได้บอกว่าดวงตาของเจ้าหญิงน่าเกลียดเสียหน่อย ข้าชมว่าสวยนะ ทำไมเจ้าถึงต้องโกรธด้วยละ?” ฮารีซันมองนางกำนัลตาปริบ ๆ ถามด้วยความประหลาดใจในปฏิกิริยาของนางกำนัลอย่างที่สุด ไม่เข้าใจสักนิดว่าตนทำผิดอะไร

“แนนซี่ (Nancy, the Maid of Regina) เจ้าอยู่เงียบ ๆ สักพักหนึ่งได้ไหม?” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงแกล้งเรียกชื่อนางกำนัลเสียงดังเพื่อให้นางหยุดพูด นางกำนัลถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้ยินชื่อที่เจ้าหญิงทรงเรียก

“หม่อมฉันไม่ได้ชื่อ’แนนซี่’นะเพคะ หม่อมฉันชื่อแนนเนต(Nannette)ต่างหาก” แนนเนตละล่ำละลักบอก เมื่อเจ้าหญิงทรงเปลี่ยนชื่อของเธออีกแล้ว

“แนนซี่ก็เป็นคำเรียกสั้น ๆ ของแนนเนตยังไงละ” เจ้าหญิงทรงยิ้มร่าเมื่อได้ที

“เรียกสั้น ๆ อะไรกันเพคะ มันก็สองพยางค์เท่ากันไม่ใช่หรือเพคะ? ชื่อแนนซี่ฟังดูธรรมดาจะตาย”

“แล้วชื่อแนนเนตไม่ธรรมดารึ? งั้นเจ้าจะเรียกข้าว่า’เรจี้’ก็ได้นิ จะได้เสมอกัน” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงยิ้มยิงฟันทำหน้าเป็นใส่ เมื่อได้แกล้งแนนเนตทีไร พระองค์ก็ทรงหยุดไมได้ทุกที

“ข้าชื่อ’แนนเนต’นะ” นางกำนัลรีบหันไปบอกฮารีซันเพราะเกรงว่าเขาจะเข้าใจผิด

ทว่าฮารีซันกลับยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น เขาตามความคิดของเจ้าหญิงและนางกำนัลไม่ทันจริง ๆ เมื่อครู่ก็เพิ่งจะโกรธเขา ตอนนี้กลับมาเถียงกันเองเสียแล้ว

“ข้าเกรงว่าจะตามความคิดของพวกท่านไม่ทัน” ฮารีซันพูดพลางหันไปมองเจ้าหญิงที นางกำนัลที “และข้ายังไม่เข้าใจว่าข้าพูดอะไรผิดไปหรือ?”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 39 เมล็ดพันธุ์แห่งมิตรภาพงอกเง @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 2:34 pm

“โอ... ขออภัย เรื่องเมื่อครู่ท่านอย่าถือสาเลย” เจ้าหญิงทรงบอกปัด

“ไม่ได้นะเพคะ ไม่มีผู้หญิงฟีเลเซียคนไหนที่ได้ยินคำพูดแบบเมื่อกี้แล้วจะทนเฉยอยู่ได้ เขาจะต้องโดดตบสักฉาดสองฉาดแน่ ๆ “ แนนเนตออกโรงปกป้องเจ้านายเต็มที่

“แล้วเจ้าหญิงไม่ใช่ผู้หญิงฟีเลเซียหรือ?” ฮารีซันถามต่อด้วยความสงสัยหนักเข้าไปใหญ่

แนนเนตอ้าปากพูดไม่ออกในขณะที่เจ้าหญิงเรจิน่าหัวเราะลั่น

“ข้าเป็นผู้หญิงฟีเลเซีย...ที่ออกจะแปลกกว่าผู้หญิงทั่วไปสักหน่อย”

เจ้าหญิงเรจิน่าทรงหยุดคิดชั่งใจกับความลืมตัวของพระองค์เมื่อครู่ แต่เมื่อคิดได้ว่าชาวป่าผู้แทบจะไม่มีจริตมารยาและไม่ได้สนใจในเกียรติยศอันสูงส่งของฟีเลเซียเลยผู้นี้ ก็ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่พระองค์จะต้องวางตัวราวกับเจ้าหญิงผู้สูงส่งให้เหนื่อยแรง อยู่ในค่ายของฟูดินันโดยไม่ต้องคอยระวังกิริยาท่าทางจากสายตาคาดหวังของชาวฟีเลเซีย ได้มีโอกาสผ่อนคลายอิริยาบถมากขึ้นก็ดีเหมือนกัน เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ยิ้มกว้าง

“ข้าเป็นคนที่ทำอะไรก็ไวไปหมดเช่นนี้แหละ อีกหน่อยท่านก็คงจะชินไปเอง” เจ้าหญิงตรัส “เอาล่ะ อีกเดี๋ยวก็ถึงประตูค่ายแล้ว จากนี้ไปเดี๋ยวข้าจะเดินไปเอง ท่านกลับไปทำธุระต่อเถอะ สายันต์สวัสดิ์”

“อ่า...เออ...สา...สายันต์สวัสดิ์” ฮารีซันเอ่ยตอบงง ๆ มองเจ้าหญิงที่ตัดสินใจอะไรปุบปับจนทำอะไรไม่ถูกอยู่พักหนึ่ง แต่ก็เอ่ยลาในที่สุด


เจ้าหญิงทรงออกดำเนินต่อไปพลางอดยิ้มขำเมื่อนึกถึงใบหน้าของฮารีซันไม่ได้ แกล้งเขาก็สนุกดีเหมือนกันแฮะ มีเรื่องสนุก ๆ ให้ทำอีกแล้ว

“...ทรงนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไรเพคะ?” เสียงแนนเนตดังแว่วเข้ามาขัดจังหวะความคิดของพระองค์

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ แนนซี่?” เจ้าหญิงตรัสถามอีกครั้ง

“แนนเนตเพคะ” นางกำนัลไม่ลืมทักท้วง “หม่อมฉันหมายความว่าพระองค์ยอมให้เจ้าหัวหน้าคนป่านั่นล่วงเกินพระองค์ได้อย่างไร? ช่างพูดจาเกี้ยวพาราสีพระองค์อย่างไม่มียางอาย ถ้าใคร...”

เจ้าหญิงทรงยกพระหัตถ์ขึ้นบีบจมูกแนนเนตจนต้องหยุดพูดในทันที เมื่อรออยู่นานแต่ก็ยังทรงบีบจมูกไม่ปล่อย นางกำนัลก็เริ่มจะทนไม่ไหวและต้องใช้ปากหายใจแทน

“อืม...หยุดพูดแล้ว” เจ้าหญิงทรงปล่อยขณะพูดไปยิ้มไป “ข้าเห็นเจ้าพูดเยอะแยะเหลือเกิน จนข้านึกว่าเจ้าพูดได้โดยไม่ต้องหายใจเสียอีก”

“ฝ่าบาทอ่ะ” แนนเนตยกมือขึ้นลูบจมูกป้อย ๆ

“เขาดูไม่ได้มีเจตนาจะเกี้ยวพาราสีข้าเสียหน่อย ใบหน้าเขาก็ดูซื่อ ๆ ไม่มีอะไรแอบแฝง ข้าคิดว่าเป็นอุปนิสัยของพวกเขามากกว่าที่คิดอะไรก็พูดออกมาอย่างนั้น ไม่มีมารยา”

“พระองค์ทรงคิดอย่างนั้นหรือเพคะ?” นางกำนัลยังคงเคลือบแคลงด้วยนิสัยของชาวฟีเลเซียที่ไม่ยอมไว้ใจคนแปลกหน้า

“เจ้าก็รอดูไปแล้วกันว่าจริงอย่างที่ข้าพูดรึเปล่า?” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสขณะที่เดินไปถึงม้าสีขาวปลอดสองตัวที่ทรงผูกไว้ที่หน้าค่ายพร้อมกับแนนเนต ทรงเหวี่ยงตัวขึ้นบนหลังม้า “ไปเถอะ ได้เวลากลับกันเสียที”


*****************************


การพบปะระหว่างกษัตริย์ซิกมันด์ที่สามแห่งฟีเลเซียและฮารีซันแห่งฟูดินันกินเวลาล่วงเลยไปกว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว ฮารีซันเลือกเซนทอร์ทราเฮิร์นมาเข้าเฝ้าด้วยเท่านั้น เพราะด้วยคำแนะนำของเจ้าหญิง เขาแน่ใจว่าหากนำดามิก้าและคาร์นมาด้วย ปฏิกิริยาที่ทั้งสองฝ่ายจะมีให้กันคงจะรุนแรงยิ่งขึ้น

แม้การเข้าเฝ้าจะล่วงเลยไปถึงช่วงวางแผนการรบแล้ว แต่ทุกคนที่เข้าร่วมประชุมต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่ากษัตริย์ของพวกชาวป่ายังสร้างความประทับใจใด ๆ ให้แก่กษัตริย์ซิกมันด์ผู้เย่อหยิ่งได้ไม่มากนัก พระองค์ดูจะยังคงไม่พอใจการแต่งตัวรวมไปถึงมารยาทต่อชนชั้นสูงของเขา กระนั้นก็ดี ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าหญิงเรจิน่าและจอมทัพชาร์ลจึงทำให้การประชุมยังคงดำเนินต่อไปได้

“ดังที่ท่านเห็นจากสนามรบจำลองนี้” ชาร์ลอธิบายถึงผังเมืองของเมืองโครีธาและการวางค่ายของพวกซาโลม โดยที่สายตาของฮารีซันและทราเฮิร์นดูจะตื่นตากับสนามรบจำลองที่ดูเหมือนเมืองจริง ๆ ที่ถูกย่อขนาดลง หากเป็นการรบที่เผ่าของพวกเขา อย่างดีก็คงเป็นแค่แผนที่หนังสัตว์ที่มีตัวหมากหินหรือไม้สลักแทนค่ายและกองทัพของศัตรูเท่านั้น เสียงกระแอมของชาร์ลที่พยายามจะเรียกความสนใจของคนทั้งสองให้กลับมาอยู่ที่การอธิบายของเขาทำให้เหล่านายพลแห่งฟีเลเซียต้องแอบหัวเราะด้วยความขบขันคนป่าทั้งสอง ในขณะที่กษัตริย์ซิกมันด์ซึ่งทรงนั่งเท้าแขนอยู่บนบัลลังก์ก็ทรงเค้นเสียงหัวเราะขึ้นจมูกอย่างดูแคลน

“ขอโทษนะ ข้าเพียงแต่คิดว่าแบบจำลองสนามรบพวกนี้ดูสวยงามและสมจริงมาก เชิญท่านพูดต่อเถอะ” ฮารีซันพูดตามตรงด้วยรอยยิ้มที่เจืออยู่บนใบหน้าทำให้ชาร์ลเองรู้สึกผิดคาดอยู่เหมือนกัน เพราะเขาคาดหวังว่าจะได้เห็นความกระดากอายหรือไม่ก็ความโกรธเคืองตามแบบฉบับชายชาตินักรบที่ถูกดูถูก

“เออ... ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ฟีเลเซียและซาโลมต่างผลัดกันเข้าโจมตีอีกฝ่ายเพื่อชิงเมืองคืน แต่ก็ยังไม่มีใครทำสำเร็จ เวลานี้หน่วยสอดแนมของเรารายงานมาว่าพวกซาโลมกำลังเตรียมกองทัพเพื่อบุกโจมตีระลอกใหม่ ซึ่งเราเองก็เตรียมจะบุกชิงเมืองทั้งสองของเราคืนเช่นกัน แต่ดูท่าว่าทางฝ่ายซาโลมคงจะบุกมาถึงก่อน ดังนั้นเราจึงต้องเป็นฝ่ายตั้งรับในครั้งนี้ ซึ่งเราคาดว่ากองทัพซาโลมอาจจะเคลื่อนทัพมาถึงในอีกสิบวันข้างหน้า” ชาร์ลอธิบายสถานการณ์เสียงเครียด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 39 เมล็ดพันธุ์แห่งมิตรภาพงอกเง @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 2:39 pm

“แล้วพวกท่านมีแผนจะรับมืออย่างไร?” ฮารีซันเอ่ยถาม

“ฟีเลเซียจะเป็นกองทัพหน้าและเป็นกองทัพหลักในการรบ” กษัตริย์ซิกมันด์ประกาศ “ส่วนพวกเจ้าจะเป็นกองกำลังเสริมที่ออกไปหนุนทัพอัศวินที่จะออกไปรบนอกกำแพงเมือง”

ทราเฮิร์นเหลือบมองกษัตริย์ซิกมันด์ทันที ฮารีซันถามถึงแผนรับมือ แต่กษัตริย์องค์นี้กลับรีบกล่าวถึงลำดับความสำคัญของกองทัพ เขาเคยรู้ว่าชาวฟีเลเซียให้เกียรติและศักดิ์ศรีมาเหนือสิ่งอื่นใด แต่กษัตริย์องค์นี้กังวลเรื่องเกียรติและศักดิ์ศรีมากที่สุดในอาณาจักรเลย หรือจะเรียกว่าคลั่งดี? นายทัพเซนทอร์ได้แต่คิดในใจ

“หากเทียบกองกำลังที่ซาโลมยกมาในครั้งนี้ ถือว่าเรามีกองทัพที่ได้เปรียบกว่า ดังนั้นถ้าทำได้เราจะรวบหัวรวบหางพวกซาโลมเสียเลย เราจะให้กองทัพฟูดินันซุ่มอยู่นอกกำแพงเมือง เมื่อกองทัพซาโลมมาถึง พลธนูบนป้อมกำแพงจะจัดการทัพหน้าของพวกมัน ทัพนก ทัพมังกรและทัพเปกาซัสจะโจมตีจากด้านบน เพื่อคอยป้องกันทัพอัศวินที่ทะยานออกจากประตูเมืองอย่างรวดเร็วที่สุด เราจะทะลวงฝ่ากองทัพผีเข้าไปจัดการกับพวกที่เป็นมนุษย์” ชาร์ลชี้ตำแหน่งต่าง ๆ ในแผนที่จำลองอย่างรวดเร็ว “ส่วนกองทัพฟูดินัน พวกท่านจะเป็นกองทัพเสริมคอยระวังหลังและเปิดทางให้ทัพอัศวินเวลาถอนกำลัง เพราะเราจะปล่อยให้พวกมันบางส่วนหนีโดยจะปะปนบอมเบอร์แมชชีนหุ่นระเบิดสังหารที่นักประดิษฐ์ทิโมธีประดิษฐ์ขึ้นรวมไปกับซากศพที่พวกมันนำกลับไปด้วย ถ้าเป็นดังคาดหุ่นสังหารจะถูกสั่งการให้ระเบิดตัวเองที่ประตูเมืองและคงสร้างความเสียหายมากพอให้กับประตูเมือง จากนั้นเราจะยกทัพใหญ่ตามออกไปและบุกตีเมืองคืนทันที พวกซาโลมคงไม่คาดว่าเราจะบุกตีเมืองทันทีหลังจากที่เพิ่งโดนพวกมันบุก ดังนั้นการป้องกันน่าจะหละหลวมกว่าที่ควรจะเป็น”

“ฟังดูเป็นระเบียบแบบแผน…” ฮารีซันเปรย

“แน่นอนอยู่แล้ว” กษัตริย์ซิกมันด์ได้จังหวะตรัสข่มทันที “เพราะกองทัพแห่งฟีเลเซียมีมาตรฐานเรื่องระเบียบและวินัยสูง และข้าหวังว่ากองทัพของเจ้าจะมีเช่นกัน” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสโดยไม่ได้คิดว่ากองทัพฟูดินันจะมีระเบียบวินัยสักนิด แค่ที่พระองค์ทรงเห็นก็เกินพอแล้ว

“ได้โปรดเถอะ ซิกมันด์” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงกระซิบเสียงเบาแค่พอได้ยินกันสองคน

“ข้าไม่ได้ขอให้พวกมันมาช่วยรบนะ” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสตอบด้วยเสียงเบาพอกัน แต่ก็เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองที่พี่สาวเข้าข้างพวกคนป่า

“เรื่องการวางกำลังและวางแผนการรบของกองทัพฟูดินัน กองทัพฟีเลเซียคงไม่เข้าไปก้าวก่าย เพราะท่านคงจะเข้าใจอุปนิสัยและความถนัดของทหารของท่านเอง” ชาร์ลกล่าวเสริมเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น

“ข้าเข้าใจ ข้าจะจัดวางกำลังกองทัพให้สอดคล้องกับที่พวกท่านวางแผนไว้” ฮารีซันตอบอย่างใจเย็น

“ในส่วนของข้าคงมีเท่านี้แหละ ส่วนเรื่องรายละเอียดต่าง ๆ ของกองทัพซาโลม ข้าจะให้คนนำรายงานไปให้ท่านศึกษาที่ค่าย” ชาร์ลกล่าวถึงรายงานและรูปแบบของกองทัพรวมถึงจุดอ่อนจุดแข็งของทหารในกองทัพซาโลมตามที่เขาและเหล่าแม่ทัพศึกษามา

“ขอบคุณ มันคงเป็นประโยชน์มาทีเดียว” ฮารีซันตอบอย่างจริงใจ ซึ่งชาร์ลก็พยักหน้ารับคำเงียบ ๆ “ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวไปจัดเตรียมกองทัพก่อน สิบวันสำหรับเตรียมกองทัพให้ทำความคุ้นเคยกับสนามรบและภูมิประเทศแถบนี้ถือว่าสั้นไปหน่อย ดังนั้นยิ่งเริ่มทำความคุ้นเคยเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี”

“เชิญใช้เวลาของพวกเจ้าให้เต็มที่ ข้าก็อยากจะดูฝีมือการรบของพวกคนป่าดูเหมือนกัน” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสเสียงเรียบแต่พระพักตร์แสดงถึงความยโสอย่างไม่ปิดบัง

ทราเฮิร์นยืดตัวขึ้นทันที ทว่าฮารีซันนั้นไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมาเลยทำให้ทราเฮิร์นยอมอยู่นิ่ง ๆ ฮารีซันค้อมศีรษะให้ทุกคนเพื่อบอกลา ก่อนจะเดินนำทราเฮิร์นออกจากห้องไป

ชาร์ลมองตามหลังผู้นำชาวป่าไป ประหลาดใจกับความอดทนอดกลั้นของฮารีซันเป็นที่สุด ชาวฟีเลเซียไม่มีใครยอมถูกหยามเช่นนี้แน่ ทำไมชาวบ้านป่าผู้นี้ถึงทนได้ถึงขนาดนี้?

ฝ่ายเจ้าหญิงเรจิน่าผู้ทรงคอยสังเกตปฏิกิริยาของฮารีซันตลอดการเข้าเฝ้าในครั้งนี้ ทั้งความรู้สึกสีหน้าท่าทาง การแสดงออกหรือแม้แต่คำพูดจา เพราะทรงอดเป็นห่วงนิสัยของซิกมันด์ไม่ได้ว่าจะทำให้ผู้นำชาวป่าขุ่นเคืองขึ้นเมื่อใด โดยไม่รู้ตัวว่าพระองค์ไม่ได้ละสายตาไปจากเขาเลยตลอดการเข้าเฝ้า และนั้นทำให้พระองค์ได้เห็นความอดทนอดกลั้นอย่างไม่น่าเชื่อจากเขา นอกจากเขาจะมีความอ่อนน้อมถ่อมตนและมีความสุภาพแล้ว เขายังมีความอดทนอดกลั้นสูงอีกด้วย ความรู้สึกดี ๆ ต่อผู้ชายคนนี้เริ่มก่อตัวขึ้นภายในจิตใจของพระองค์ มันทำให้พระองค์อยากรู้จักผู้ชายคนนี้มากขึ้น ฮารีซันแห่งฟูดินัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)


ย้อนกลับไปยัง Summoner Novel

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน

cron