Chapter 38 ศักดิ์ศรีแห่งโอดิลอน
ภายในห้องรับรองซึ่งถูกจัดเตรียมไว้สำหรับการประมูลครั้งสำคัญแห่งเมืองท่าแอนดิซอง เก้าอี้กว่าสองร้อยตัวที่ถูกจัดเตรียมไว้เต็มจนไม่มีที่ว่างเหลือ บรรดาผู้ที่ได้รับเชิญล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่อันจะกิน ผู้มีหน้ามีตาในวงสังคม หรือไม่ก็เป็นเหล่าขุนนางชั้นสูง แม้ว่ามีหลายคนที่ไม่ได้ตั้งใจจะมาเพื่อประมูลของล้ำค่าอย่างจริงจังนัก แต่ทุกคนหวังที่จะได้ยลโฉมน้ำตานางเงือกเพชรน้ำเอกของกำนัลจากตระกูลโอดิลอนด้วยกันทั้งนั้น
เสียงแข่งราคาและเสียงค้อนที่ทุบลงเพื่อยุติการแข่งราคาดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าราคาที่ได้กลับไม่สูงเท่าที่ควรจะเป็นเลยสักชิ้นเดียว เจ้าหญิงอลาน่าผู้ทรงนั่งเป็นประธานในการประมูลอยู่บนบัลลังก์ทองทรงปิดเปลือกตาลงประสานมือไว้บนตักอย่างสงบเสงี่ยมคล้ายกำลังสวดภาวนาอยู่บนบัลลังก์นั้นเอง
ที่แถวหน้าสุดของเวทีประมูล วิโอเรียในชุดสีเงินครามเปลือยไหล่และคว้านคอลึกอย่างน่าหวาดเสียวกำลังนั่งไขว่ห้างกอดอกกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างสะใจ ในมือถือพัดที่ทำจากขนนกโฟรวิรอส (Phoaviros) ซึ่งเป็นนกห้าสีพันธุ์หายากในแอนดิซอง หญิงสาวคอยโบกพัดเป็นจังหวะให้สัญญาณบรรดาผู้ประมูลเป็นระยะ ๆ ดวงตาคมงามที่แฝงไว้ด้วยความถือดีและไม่ยอมใครคอยลอบสบตากับพ่อค้าใหญ่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างรู้กัน เมื่อมีของล้ำค่าชิ้นใหม่ถูกนำขึ้นมา พอราคาที่ถูกเสนอเริ่มสูงขึ้นรูฟัสก็จะแกล้งยกคทาเพชรของตนเคาะที่ไหล่ซ้าย ส่วนวิโอเรียก็จะโบกพัดบอกเป็นนัยว่าไม่พอใจ ใครที่เสนอราคาเกินกว่านี้เป็นได้เห็นดีกัน บรรดาผู้เข้าร่วมประมูลซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการนัดแนะจากทั้งวิโอเรียและรูฟัสก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ก็ใครเล่าอยากจะมีเรื่องกับรูฟัสและวิโอเรีย คนหนึ่งก็เป็นผู้กว้างขวางในวงการค้า อีกคนรึก็กุมบรรดาขุนนางหนุ่ม ๆ ไว้เป็นพวกมากมาย ยิ่งเมื่อทั้งสองมาร่วมมือกันเช่นนี้ก็ยิ่งอันตรายหากคิดจะต่อต้านหรือขัดขืน ส่วนคนที่ไม่ยอมร่วมมือกับแผนของทั้งสองก็ถูกแกล้งขัดขวางทำให้ไม่สามารถเข้ามาร่วมประมูลในครั้งนี้ได้ บรรดาผู้เข้าร่วมประมูลในวันนี้จึงแทบจะเป็นพวกของวิโอเรียและรูฟัสทั้งสิ้น
“อันดับต่อไป ชิ้นที่ห้าสิบเอ็ด และเป็นชิ้นสุดท้ายของวันนี้” เสียงนายประมูลประกาศก้อง “น้ำตานางเงือก”
สิ้นเสียงประกาศเจ้าหน้าที่ก็บรรจงถือหมอนกำมะหยี่สีขาวขนาดใหญ่ บนหมอนนั้นมีผ้าสีขาวปักด้วยดิ้นเงินและทองอย่างประณีตที่สุดคลุมทับอยู่บนวัตถุซึ่งก็คงจะเป็นอัญมณีล้ำค่าที่ทุกคนรอคอยนั่นเอง “ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านครับ น้ำตานางเงือก” นายประมูลกล่าวพร้อมกับกระตุกผ้าขึ้นทันที
เพชรสีน้ำเงินเข้มรูปหยดน้ำขนาดเท่าสองอุ้งมือปรากฏโฉมหยอกล้อกับแสงไฟจนแสงวูบวาบสีน้ำเงินส่องประกายสะท้อนไปทั่วทั้งห้องประมูล เสียงฮือฮาด้วยเพราะตกตะลึงในความงดงามของเพชรสีน้ำเงินขนาดใหญ่และน้ำงามที่สุดก็ดังอื้ออึงไปทั่ว แม้แต่วิโอเรียและรูฟัสก็ยังอดตะลึงจนตาค้างไม่ได้ รูฟัสถึงขนาดอ้าปากค้างจนน้ำลายหกออกมา ขนาดนายประมูลเองก็ยังถือผ้าขาวปักดิ้นค้างอยู่ท่าเดิมด้วยความตกตะลึงเช่นกัน
“นายประมูล” เจ้าหญิงอลาน่าทรงเรียกเมื่อเห็นว่านายประมูลไม่ดำเนินการประมูลสักที
“โครม!” นายประมูลตกใจจนทำค้อนหลุดจากมือร่วงลงกระแทกโต๊ะดังโครมใหญ่ “อะ...เออ...พ่ะย่ะค่ะ...”
“เริ่มเลยจ๊ะ”
“ข้า! ข้า! ข้าซื้อ ๆ “ รูฟัสที่ได้สติร้องโหวกเหวกขึ้นมาทันที
“ข้าด้วย” “ขายให้ข้า” “ข้า ให้ข้า” เสียงตะโกนดังแข่งกันจนดังเซ็งแซ่ไปทั้งห้องประมูล
“โครม ๆ ๆ ๆ” นายประมูลต้องใช้ค้อนกระแทกโต๊ะครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อบังคับให้ที่ประชุมอยู่ในความสงบ “กรุณาอยู่ในความสงบด้วยครับ เรากำลังจะเริ่มต้นประมูลกันแล้ว”
ทุกคนที่ตะโกนโหวกเหวกต่างรู้สึกกระดากที่เผลอลืมตัวไปชั่วขณะ รูฟัสนั้นหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดด้วยความอับอายรีบเช็ดคราบน้ำลายที่ไหลหกออกมา สร้างความขบขันให้กับคนรอบข้างอย่างช่วยไม่ได้
“ราคาเริ่มต้นของน้ำตานางเงือก คือ หนึ่งแสนออเรียส” เสียงประกาศของนายประมูลดังขึ้น ทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นเป็นครั้งที่สอง
“บ้าแล้ว หนึ่งแสนออเรียสงั้นเหรอ” รูฟัสตะโกนอย่างไม่เชื่อหู หนึ่งแสนเหรียญทองนั่นเกือบจะเท่ากับเงินกำไรตลอดทั้งปีที่เขาหาได้เชียว รูฟัสเหลือบตาไปมองผู้คนโดยรอบก็เห็นว่าบรรดาคนที่คิดอยากจะได้ครอบครองน้ำตานางเงือกก็ถึงกับหัวหดเมื่อได้ยินราคาเริ่มต้นของเพชรสีน้ำเงินชิ้นนี้ ระดับคนพวกนี้หากใครที่อยากจะได้ไว้ในครอบครองคงต้องขายทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีเพื่อเป็นเจ้าของมันเป็นแน่ รูฟัสเริ่มยิ้มออก เมื่อไม่มีคู่แข่ง ราคาก็ไม่น่าจะสูงไปมากกว่านี้สักเท่าไหร่
“หนึ่ง...หนึ่งแสนหนึ่งพัน” รูฟัสเสนอราคาหยั่งเชิง
“หนึ่งแสนสองพัน” เสียงวิโอเรียประกาศก้องพร้อมกับโบกพัดเป็นสัญญาณว่าใครก็อย่าเสนอหน้ามาแข่งราคาด้วย
“หนึ่งแสนสองพันห้าร้อย” รูฟัสเสียดายเงินแต่ก็อยากจะได้เพชรใจจะขาด
“หนึ่ง! แสน! สาม! พัน!” วิโอเรียประกาศย้ำทีละคำ จ้องหน้ารูฟัสและยิ้มมุมปากอย่างเอาเรื่องพร้อมกับขมุบขมิบปากว่า ‘ของข้า’
“หนึ่งแสน...” รูฟัสอ้าปาก
“หนึ่งแสนหนึ่งหมื่น” เสียงของชายคนหนึ่งดังก้องไปทั่วทั้งห้องประมูล เสียงฮือฮาดังขึ้นทันที ทุกคนต่างตกใจเหลียวไปมองต้นเสียงเป็นตาเดียว วิโอเรียหันไปถลึงตาจ้องอย่างแทบจะกินเลือดกินเนื้อ ในขณะที่รูฟัสตาเหลือกด้วยความตกใจ เมื่อคนที่อาจหาญขัดคำสั่งของวิโอเรียและรูฟัสคือเสนาบดีกระทรวงศึกษาจากตระกูลโอดิลอนนั่นเอง
‘เจ้าโอดิลอน แกทำบ้าอะไรของแก’ รูฟัสขมุบขมิบปากอย่างด้วยความโกรธพยายามเอาคทาเคาะที่ไหล่ซ้ายตามสัญญาณที่ตกลงกันไว้