Chapter 32 ผู้พิทักษ์แห่งมหาพฤกษา
“จงมอดไหม้ไปซะ!” เบลซ เซจ หัวเราะด้วยความสะใจประกาศเสียงกร้าวท่ามกลางเสียงโห่ร้องของทหารซาโลม กลุ่มควันสีเขียวหม่นยังคงพวยพุ่งอย่างหนาทึบพร้อม ๆ กับเสียงไม้ปริแตกดังสนั่น
“ก๊าซซซซซซซ์”
จู่ ๆ ทุกคนก็ได้ยินเสียงร้องดังกึกก้องกัมปนาท ทั่วทั้งกองทัพก็บังเกิดความเงียบสนิทลงในฉับพลันทันที เงียบเสียจนได้ยินแต่เสียงแตกของเปลือกไม้ที่ไหม้ไฟ ต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดเมื่อเสียงร้องที่ดังแว่วออกมาจากต้นไม้ยักษ์กลับกลายเป็นเสียงดังสนั่นเข้าไปถึงโสตประสาท คนที่ยืนอยู่ใกล้ต้นอิกดราซิลถึงกับหูอื้อไปชั่วขณะ ทหารบางนายเริ่มขยับเท้าถอยห่างจากต้นไม้ยักษ์คนละก้าวสองก้าว แต่ยังไม่ทันที่ทุกคนจะรับรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แรงลมกรรโชกมหาศาลก็พัดออกมาเป็นระลอก ๆ จากต้นไม้ยักษ์ ทำให้กลุ่มควันฟุ้งไปทั่วบริเวณจนทุกคนต้องยกมือขึ้นป้องดวงตาจากฝุ่นควันฟุ้งกระจายและไอความร้อนที่พัดออกมาเป็นระลอก ๆ เมื่อลมสงบลงพร้อม ๆ กับกลุ่มควันที่เริ่มจางลงอันเป็นสัญญาณว่าไฟถูกลมพัดจนดับหมดแล้ว พลันสายตาทุกคู่ก็ต้องเบิกกว้างด้วยความพรั่นพรึง
ท่ามกลางกลุ่มควันที่ค่อย ๆ สลายไป ปรากฏร่างของมังกรยักษ์เหยียดตัวขึ้นสูงตระหง่านอยู่เบื้องหน้า เมื่อเทียบกับต้นไม้โดยรอบแล้วตัวของมังกรยักษ์นี้สูงกว่าถึงสองช่วงตัว ร่างกายช่วงล่างของมันยังคงมีรากอ่อนของต้นอิกดราซิลพันเกี่ยวพันธนาการมันอยู่ แต่แล้วรากอ่อนเหล่านั้นก็ค่อย ๆ คลายตัวออกอย่างน่าพิศวงราวกับมีชีวิต ดวงตาสีเหลืองอำพันอันใหญ่โตของมันยามกวาดตามองกองทัพซาโลมแลดูเบิกกว้างจนแทบจะปูดโปน ปีกสีเขียวเข้มกางแผ่ปรกคลุมเหนือยอดไม้จนทำให้ร่างของมันยิ่งใหญ่โตและน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้น มันแหงนเงยหน้าขึ้นเปล่งเสียงร้องดังสนั่นกึกก้องอีกครั้งก่อนที่จะเหวี่ยงแขนขาอันใหญ่โตใส่กองทัพเพลิงเบื้องล่าง หางของมันส่ายสะบัดไปมาสร้างความอลหม่านไปทั่ว
ภายในม่านมิติที่เป็นเหมือนโดมอากาศซึ่งไหววูบด้วยรูปร่างไม่คงที่อยู่ตลอดเวลา ทุกคนต่างเงียบกริบเกือบจะลืมหายใจ ปากอ้าค้างจ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าดวงตาไม่กระพริบ ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะขยับตัว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นน่าตื่นตะลึงเกินว่าที่ใครจะจินตนาการได้
เสียงครางต่ำด้วยภาษาสมิงของคาร์นที่ดูเหมือนจะได้สติก่อนทุกคนดังขึ้นจนทำให้คนอื่น ๆ รู้สึกตัว
“ท่านปู่ครับ!?!...” ฮารีซันย่อเข่าลงข้างวูจินที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น แขนของผู้เฒ่าแห่งฟูดินันขนาบข้างลำตัวโดยที่ฝ่ามือทั้งสองข้างวางแนบกับพื้นดินจนดูเหมือนฝ่ามือจมลึกลงไปในดินและแนบสนิทเป็นเนื้อเดียว รอบตัวนั้นมีวงอาคมขนาดใหญ่ที่เขียนด้วยอักขระโบราณล้อมรอบมีไม้เท้าประจำกายปักอยู่ที่ยอดสุดของวงเวทย์นั้น แม้ดวงตาของผู้เฒ่าจะปิดสนิททั้งสองข้าง แต่ก็ดูเหมือนจะสามารถรับรู้ได้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอก รวมไปถึงความคิดของผู้คนที่อยู่ในม่านมิติด้วย เพราะยังไม่ทันที่ฮารีซันจะกล่าวใด ๆ ต่อ วูจินก็เอ่ยขึ้นมาก่อนโดยที่ยังไม่ลืมตาขึ้น
“นั่นคือ มารัค (Marag, Yggdrasil’s Guardian) มังกรยักษ์ในตำนานที่ถูกมหาพฤกษาผนึกไว้ยังไงล่ะ”
ได้ยินเพียงเท่านั้นก็เกิดเสียงพึมพำกระซิบกระซาบดังระงมไปทั้งโดมม่านมิติ นายพลทราเฮิร์นมองมังกรยักษ์ที่เริ่มอาละวาดฟัดฟันกองทัพเพลิงอย่างบ้าคลั่ง เห็นทหารซาโลมหลายร้อยนายในรูปร่างที่ไม่ชัดเจนวิ่งผ่านม่านมิติและทะลุร่างของพวกเขาไปจึงเริ่มรู้สึกเป็นห่วงทุกคนขึ้นมา แต่เพียงแค่หันหน้าไปทางท่านผู้เฒ่า เขาก็ได้รับคำตอบแทบจะทันที
“ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราทุกคนจะปลอดภัยถ้ายังอยู่ภายในม่านมิตินี้” วูจินตอบเสียงเรียบ ในขณะที่ทุกคนที่อยู่ภายในม่านมิติต่างก็ฉงนสนเท่ห์ที่วูจินสามารถรับรู้ความคิดของพวกตนได้อย่างน่าประหลาด วานาอันซึ่งนั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากวูจินนักหยิบผ้าสะอาดซับเหงื่อเม็ดโตที่ผุดซึมขึ้นทั่วใบหน้าของวูจิน คิ้วของเด็กสาวขมวดแน่นและใบหน้าก็เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“ไม่เป็นไรวานาอัน ปู่ยังไหว” วูจินพูดทั้ง ๆ ที่ดวงตายังคงปิดสนิท ใบหน้าที่เครียดขรึมปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ ให้เด็กสาว “อีกประเดี๋ยวพวกเผ่าครุฑที่อาศัยอยู่บนมหาพฤกษาคงจะเริ่มการโจมตีในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แน่ เพราะการที่มังกรมารัคหลุดออกจากผนึกทำให้อิกดราซิลเกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั้งต้นตั้งแต่ปลายรากที่อยู่ลึกที่สุดจรดยอดที่สูงที่สุด พวกเผ่าครุฑถูกรบกวนโดยตรงเช่นนี้คงไม่ยอมอยู่เฉยและคงจะโจมตีโดยไม่เลือกหน้าแน่ ๆ พวกเขาไม่รู้จักพวกเรา ดังนั้นกางม่านมิติไว้อย่างนี้จะปลอดภัยกว่า ตอนนี้ข้างบนนั้นก็เกิดความระส่ำระส่ายไปทั่วแล้ว” สิ้นคำของวูจินทุกคนก็เงยหน้ามองสูงขึ้นไปเหนือมหาพฤกษา และเริ่มเห็นอะไรบางอย่างเป็นจุดเล็ก ๆ คล้ายนกหลายร้อยหลายพันตัวบินว่อนอยู่เหนือยอดอิกดราซิล
“ใช่ เผ่าครุฑที่ไม่เคยลงมาสุงสิงกับพวกบนพื้นดินอย่างเรา จนดูเหมือนว่าพวกเขาเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าในนิยายปรัมปราเสียมากกว่า วันนี้แหละที่เราจะได้เห็นพวกเขาด้วยตาตัวเอง” วูจินเอ่ยตอบความคิดของใครคนหนึ่ง
เพียงอึดใจเดียวฝูงธนูที่เร็วยิ่งกว่าลูกธนูใด ๆ ที่พวกชาวป่าเคยเห็นก็กระหน่ำใส่กองทหารของซาโลมราวกับห่าฝน เสียงหวีดหวิวของลูกธนูแหวกอากาศดังแหลมจนพวกเผ่าสมิงที่มีประสาทรับเสียงดีกว่ามนุษย์หลายเท่าต้องรีบปิดหูและข่มเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวด ลูกธนูบางลูกพุ่งผ่านร่างของทหารซาโลมผู้กำลังวิ่งผ่านม่านมิติจนทะลุเสื้อเกราะปักลงพื้นดินอย่างแรงก่อนที่ร่างของทหารนายนั้นจะถลาคว่ำลงต่อหน้าทุกคนพร้อม ๆ กับลูกธนูอีกหกดอกพุ่งปักหลังอย่างรวดเร็วและมีถึงสามดอกที่ปักตรงตำแหน่งของหัวใจพอดี วานาอันถึงกับกลั้นเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวไม่อยู่ ผวาซบหน้าลงกับไหล่ของพี่ชายด้วยความตื่นตระหนกเนื้อตัวสั่นเทาไปหมด ฮารีซันกอดน้องไว้แน่นเงยหน้าขึ้นมองเหล่าครุฑผู้ใช้ธนูเป็นอาวุธ