Chapter 30 เต่าบินยักษ์วอลเนีย
เวลานั้นสงครามที่เมืองวอลเนียและเอรีมกำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด กองทัพซาโลมนำโดยราชินีเนริมอร์และแม่ทัพราโชยูกรีฑาทัพเรือนแสนรวมทั้งฝูงมังกรไฟกระหน่ำโจมตีเมืองเอรีม ในขณะที่เบลซ เซจนำกองทัพผีนรกกว่าเจ็ดหมื่นตัว ฝูงสัตว์ป่าและทัพมนุษย์กว่าแสนนายบุกเมืองวอลเนียอย่างหนัก โดยทางฟากทุ่งคีราก็วางกำลังทหารตรึงเขตแดนไว้อย่างเหนียวแน่น ซ้ำยังมีการลำเลียงซากศพจากสนามรบจำนวนมากกลับค่ายเพื่อให้แบล็ค ไวเซอร์เปลี่ยนร่างให้กลายเป็นทหารปีศาจตลอดทั้งกลางวันกลางคืน
ข้างฝ่ายฟีเลเซียเองก็ทุ่มเทกำลังปกป้องเมืองทั้งสองอย่างเต็มกำลัง จอมทัพชาร์ลถูกเรียกตัวกลับขึ้นมาบัญชาการทัพที่เมืองวอลเนียทันทีเช่นกัน แต่แม้จะมีกองทัพหลวงกว่าสี่หมื่นหกพันนายที่เจ้าหญิงเรจิน่าทรงยกขึ้นมาช่วยเสริมแล้วก็ตาม ทว่าก็ดูเหมือนกองทัพฟีเลเซียจะเริ่มต้านกองทัพที่มากมายมหาศาลของซาโลมไม่ไหว โดยเฉพาะที่เมืองวอลเนีย เนื่องจากเมืองวอลเนียถูกโจมตีอย่างหนักจนทั้งเมืองแทบจะราบเป็นหน้ากลองตั้งแต่เมื่อคราวที่ราชินีเนริมอร์ เบลซ เซจและแบล็ค ไวเซอร์นำทัพบุกเข้าโจมตีครั้งก่อน ทั้งกำแพงเมืองและบ้านเรือนก็ถูกทำลายและเผาจนแทบใช้การไม่ได้ ทำให้การป้องกันเมืองจากกองทัพผีเต็มไปด้วยความยากลำบากอย่างที่สุด
ฟีเลเซียนั้น นอกจากจะต้องรับศึกหนักถึงสองด้านแล้ว กองทัพยังต้องแบ่งกำลังทหารบางส่วนเพื่อตรึงกำลังในเขตทุ่งคีราด้วยเช่นกัน ซ้ำซากศพของทหารที่ตายไปในสนามรบยังถูกพวกซาโลมนำกลับไปเป็นวัตถุดิบในการสร้างกองทัพปีศาจจนปริมาณของกองทัพผีนรกเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น
ณ โถงกว้างภายในปราสาทของเจ้าเมืองเอรีมซึ่งถูกใช้เป็นที่บัญชาการรบของกองทัพฟีเลเซีย บรรดาแม่ทัพนายกองล้วนมีสีหน้าเคร่งเครียดและขุ่นเคือง สถานการณ์ในขณะนี้ฟีเลเซียกำลังตกเป็นรองศัตรูและอาจจะต้องเสียเมืองวอลเนียไปนั้นยากนักที่ทุกคนจะทำใจยอมรับได้
บนบัลลังก์นั้นกษัตริย์ซิกมันด์ที่สามและเจ้าหญิงเรจิน่าประทับอยู่ด้วยอารมณ์ที่ไม่แตกต่างจากเหล่าแม่ทัพนายกองเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะกษัตริย์ซิกมันด์ดูจะทรงเคร่งเครียดและขุ่นเคืองใจยิ่งกว่าใคร พระองค์ทรงนั่งอย่างไม่เป็นสุขอยู่บนที่ประทับ กรามขบกันแน่น ดวงเนตรแข็งกร้าว การที่ต้องยอมรับว่าพระองค์อาจไม่สามารถรักษาเมืองวอลเนียได้นั้นสร้างความอับอายและเคืองแค้นจนตัวสั่น เจ้าหญิงเรจิน่าเองก็ทรงอยู่ในอาการเคร่งเครียดจนแทบจะกลายเป็นคนเงียบขรึม ทรงเม้มริมพระโอษฐ์แน่นพยายามคิดหาวิธีที่จะรักษาเมืองวอลเนียไว้ให้ได้ ฝ่ายแม่ทัพชาร์ล คลาแรนซ์ก็ดูมีอาการกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของเขาดูเหน็ดเหนื่อยและอิดโรยจากการสู้รบที่ต่อเนื่องยาวนานตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเพราะเขาแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย เนื่องจากกองทัพซาโลมบุกเข้าโจมตีเมืองวอลเนียเกือบทั้งวันทั้งคืน
“หน่วยสอดแนมรายงานมาว่าฝ่ายซาโลมเตรียมส่งกองทัพปีศาจกว่าหกหมื่นตัวและทหารมนุษย์อีกกว่าแปดหมื่นนายเข้ามาเสริมทัพที่วอลเนียพ่ะย่ะค่ะ ครั้งนี้กษัตริย์ซาดินยกทัพมาเอง อีกไม่เกินหนึ่งวันคงเข้าประชิดเมืองวอลเนียแน่” ทหารนายหนึ่งรีบเข้ามารายงานอย่างรวดเร็ว
“บ้าชะมัด!พวกมันเพิ่มจำนวนได้รวดเร็วอย่างกับเชื้อโรคแหนะ” ชาร์ลสบถด้วยความหงุดหงิดและเคร่งเครียด
“ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปเราคงลำบาก ทหารที่เมืองวอลเนียแทบจะไม่ได้พักรบกันเลย ศึกที่เอรีมนี้ก็หนักหนาจนไม่สามารถแบ่งทัพไปช่วยเสริมกำลังได้อีกแล้ว” เจ้าหญิงตรัสเสียงเครียด
“ไอ้แม่ทัพทมิฬนั่นก็หนังเหนียวเป็นบ้า ตกจากที่สูงขนาดนั้นยังมีชีวิตอยู่ได้ ซ้ำยังเสนอหน้ามานำทัพบุกเมืองเอรีมอีก น่าโมโหจริง ๆ ” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสเสียงกร้าว
“ฝ่าบาท กษัตริย์เถื่อนนำทัพมาเอง ดูท่าคราวนี้คงหมายจะยึดเอาเมืองวอลเนียให้ได้” เจ้าเมืองเอรีมกล่าวด้วยความหวั่นวิตก
“กษัตริย์ซาโลมนอกจากจะมีฝีมือร้ายกาจแล้วยังมีความทรหดอย่างยิ่งอีกต่างหาก ที่ทุ่งคีรากษัตริย์เถื่อนคนเดียวก็จัดการทหารเปกาซัสไปเกือบร้อยนาย ขนาดสู้กับแม่ทัพโรน่าเป็นชั่วโมง ๆ ยังไม่มีอาการเหนื่อยอ่อน ซ้ำยังสามารถทำร้ายนางได้ถึงขนาดนั้น” แม่ทัพมังกรวิเคราะห์
“ดีที่นางเอี้ยวตัวหลบกระบองได้ทันจึงแค่บาดเจ็บ มิฉะนั้นเราคงเสียแม่ทัพเปกาซัสฝีมือดีไปแล้ว” แม่ทัพผู้ฝึกมังกรหญิงกล่าว “หากกษัตริย์เถื่อนผู้นี้ยกทัพมาถึงวอลเนียได้กองทัพเราคงเจอศึกหนักแน่”
“ฝ่าบาท ทหารของเราลดจำนวนลงเรื่อย ๆ แต่ทหารของพวกมันกลับเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ เช่นนี้ ข้าพระองค์เกรงว่าเราอาจจะไม่สามารถรักษาวอลเนียไว้ได้” แม่ทัพนกกล่าวทูลขึ้น
“เราจะสูญเสียวอลเนียไปไม่ได้” กษัตริย์ซิกมันด์คำรามเสียงลอดไรฟัน ทรงกระแทกกำปั้นลงบนที่เท้าแขนอย่างแรง ทุกคนต่างนิ่งเงียบ ไม่มีใครอยากเสียเมืองวอลเนียให้ศัตรู ต่างมองหน้ากันพยายามคิดหาวิธีที่จะป้องกันเมืองไว้ให้ได้ แต่ ณ เวลานี้ความหวังดูจะริบหรี่เต็มที
“อาจยังพอมีวิธี...” จอมทัพชาร์ลเปรยเสียงเบาคล้ายจะพูดกับตัวเองมากกว่าจะเอ่ยให้ใครได้ยิน แต่เมื่อรู้สึกตัวก็รีบส่ายหน้าเร็ว ๆ เหมือนไม่คิดที่จะพูดต่อ