Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. เม.ย. 25, 2024 3:57 am

หน้าเว็บบอร์ด Wiser Summoner Novel @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 29 การพบกันอีกครั้งของเพื่อนเก่า@@

อ่านนิยาย Summoner Master Episodeต่าง ๆ ได้ที่นี่

Moderator: Jinger Ginger


@@ นิยายSMN Epi8 Chapter 29 การพบกันอีกครั้งของเพื่อนเก่า@@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 1:13 pm

Chapter 29 การพบกันอีกครั้งของเพื่อนเก่า


ภายในกระโจมใหญ่สีแดงหม่นที่ถูกใช้เป็นศูนย์บัญชาการรบของกองทัพซาโลม กษัตริย์ซาดิน ราชินีเนริมอร์ เบลซ เซจและแบล็ค ไวเซอร์กำลังฟังรายงานความคืบหน้าของกองทัพจากแม่ทัพราโชยู

“ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทหารของเราสูญหายไปหลายร้อยนายพ่ะย่ะค่ะ นี่ยังไม่นับกองลาดตระเวนที่จู่ ๆ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยอีก”

“หนีทัพรึ?” ราชินีทรงขมวดคิ้วตรัสถามด้วยความสงสัย

“ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ ทหารทุกนายต่างรู้ถึงความน่ากลัวของพวกหน่วยนักล่าสังหารแห่งซาโลม(Zalom Assassin) ว่าหากใครหาญกล้าหนีทัพย่อมหมายถึงการตายอย่างทรมานราวกับตกนรกทั้งเป็น”

“ทหารเป็นร้อยจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้ยังไงกัน” กษัตริย์เพลิงตรัสอย่างหงุดหงิด

“คิดได้อย่างเดียวคือพวกฟีเลเซียมันแอบส่งคนมาลอบตัดกำลังเรา” เบลซ เซจตั้งข้อสังเกต

“ชิ! ก็ไหนเจ้าบอกว่าพวกมันหยิ่งในศักดิ์ศรี และรักเกียรติยศนักหนาไงล่ะ ถ้ามันส่งใครมาลอบตัดกำลังเราจริง มันก็เหมือนไอ้พวกโจรป่าใส่มงกุฎนั่นแหละ ทำเป็นพูดดีกลบเกลื่อนสันดานโจร หึ หึ” ราชินีเนริมอร์ตรัสดูแคลนพลางจ้อง เบลซ เซจ แสร้งขยับโอษฐ์เหน็บแนมโดยไร้เสียง ‘และเจ้าก็สมควรพิจารณาตัวเองที่วิเคราะห์ศัตรูไม่ได้เรื่อง’

แม้อุปราชเฒ่าจะเห็นว่าราชินีลอบเยาะเย้ยตนแต่ก็ยังควบคุมอาการสงบได้อย่างดี เพราะมีเพียงดวงตาเจ้าเล่ห์เท่านั้นที่หรี่แคบลง

“ยังไงข้าก็ต้องการให้สืบเรื่องนี้ให้กระจ่างโดยเร็วที่สุด” กษัตริย์ซาดินรับสั่ง

ทันใดนั้นเองเสียงร้องโหยหวนบาดลึกที่ทำให้รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งร่างก็ดังขึ้นก่อนที่วิหคโลกันต์นกปีศาจของแบล็ค ไวเซอร์จะบินโฉบเข้ามาภายในกระโจมแกะเกาะลงบนบ่าของพ่อมดดำ แบล็ค ไวเซอร์ยกมือลูบลำคอและอกของมันอย่างรักใคร่ซึ่งมันก็กรอกตาทั้งสี่ไปมาอย่างชอบใจ พลางส่งเสียงสูง ๆ ต่ำ ๆ ในลำคอและผงกหัวไปมาโดยที่แบล็ค ไวเซอร์ก็แสยะยิ้มอย่างพอใจ
“ฝ่าบาท วิหคโลกันต์เพิ่งแจ้งข่าวดีให้กับเราพ่ะย่ะค่ะ เวลานี้ไอ้เจ้าบิชอปเกรเกอรี่มันเดินทางกลับฟีเลเซียเมืองหลวงไปแล้ว”

“ดี สั่งเคลื่อนทัพทันที!” กษัตริย์เพลิงทรงประกาศก้องอย่างยินดี

******************************



ภายในพระราชวังหลวงแห่งฟีเลเซีย บรรดาเสนาฯ อำมาตย์ แม่ทัพนายกอง รวมทั้งราชินีอลิเซีย และ เจ้าหญิงเรจิน่าต่างก็กระวนกระวายใจรอคอยการกลับมาของบิชอปเกรเกอรี่ เพราะจู่ ๆ ก็ได้รับการแจ้งข่าวจากแนวหน้าว่าท่านบิชอปจะเดินทางกลับฟีเลเซีย แต่จะด้วยสาเหตุใดก็มิได้แจ้งชัด ทุกคนจึงต่างรอคอยการมาของท่านบิชอปอย่างใจจดใจจ่อ

“ทูลฝ่าบาท ท่านบิชอปเกรเกอรี่เดินทางมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” มหาดเล็กรีบเข้ามารายงาน

“รีบเชิญท่านเข้ามา” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงรับสั่งโดยเร็ว ในพระทัยเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

ทันทีที่เกรเกอรี่ก้าวเข้ามาภายในท้องพระโรง ทุกสายตาก็จับจ้องไปยังเขาด้วยความวิตกและสงสัยใคร่รู้ถึงข่าวคราวในแนวหน้า รวมทั้งข่าวลือของท่านบิชอปที่อัญเชิญอัศวินสวรรค์ลงมาทำลายล้างศัตรูก็เป็นที่สนอกสนใจของทุกคนไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว หากไม่ใช่เพราะราชินีและเจ้าหญิงประทับอยู่ภายในท้องพระโรงด้วย ท่านบิชอปคงจะโดนเหล่าเสนาฯและแม่ทัพนายกองล้อมหน้าล้อมหลังพร้อมกับคำถามนับร้อยที่ใช้เวลาทั้งวันก็คงตอบไม่จบเป็นแน่ เมื่อเกรเกอรี่โค้งคำนับสตรีสูงศักดิ์ทั้งสอง เจ้าหญิงเรจิน่าก็ทรงรีบเอ่ยขึ้นทันที

“พวกเราดีใจที่เห็นท่านปลอดภัย ท่านบิชอป เกิดอะไรขึ้นหรือถึงได้เร่งเดินทางกลับเช่นนี้?”

“ทูลฝ่าบาท ที่กระหม่อมเดินทางกลับมาไม่ใช่เพราะเกิดเหตุร้ายในกองทัพหรอกพ่ะย่ะค่ะ แต่เป็นเพราะกระหม่อมถูกก่อกวนด้วยศาสตร์มืด ถึงแม้ว่าในครั้งนี้กระหม่อมจะสามารถเอาตัวรอดมาได้ แต่ก็ไม่แน่ว่าครั้งหน้าพวกมันจะมาไม้ไหนอีก จึงจำเป็นต้องกลับมาหาวิธีป้องกันอำนาจมืดอย่างถาวรซึ่งกระหม่อมเชื่อว่าน่าจะมีบันทึกอยู่ที่หอสมุดของอารามหลวงพ่ะย่ะค่ะ”

ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น อำนาจมืดชนิดไหนกันที่ร้ายกาจถึงขนาดบิชอปที่ปราดเปรื่องอย่างบิชอปเกรเกอรี่ยังถูกเล่นงานจนต้องกลับมาค้นคว้าเพิ่มเติม ความสงสัยเรื่องอัศวินสวรรค์จึงแทบจะถูกลืมไปในทันที

“พวกซาโลมใช้ศาสตร์มืดด้วยอย่างนั้นรึ?” ราชินีอลิเซียตรัสถาม แวววิตกกังวลปรากฏอย่างแจ่มชัดในแววเนตร เจ้าหญิงเรจิน่าทรงรู้ดีว่าพระมารดาของตนเป็นห่วงกษัตริย์ซิกมันด์เช่นเดียวกับพระองค์ ศาสตร์มืดในฟีเลเซียและแทบจะทั้งทวีปเมอรีเซียนั้นเป็นวิชาต้องห้ามเพราะความชั่วร้ายของอำนาจมืด ทั้งความร้ายกาจป่าเถื่อนของผู้ใช้ และ ความทรมานอย่างแสนสาหัสของเหยื่อที่ตกเป็นเป้าหมายล้วนแล้วแต่ขัดต่อความดีงามทั้งปวงของพระเจ้า

“พ่ะย่ะค่ะ แต่ขอฝ่าบาทอย่าทรงวิตกกังวลเลย ผู้ที่ใช้ศาสตร์มืดในระดับสูงเช่นนี้มีไม่มาก ลำพังการที่จะใช้พลังเวทย์ในการสร้างกองทัพปีศาจจำนวนมากก็ต้องใช้เวลาในการฟื้นพลังอยู่ไม่ใช่น้อย พวกมันไม่น่าจะใช้วิธีแบบเดียวกันได้ในเวลาอันสั้น กระหม่อมจะรีบหาวิธีจัดการให้ได้เร็วที่สุด แล้วจะรีบกลับไปอารักขากษัตริย์ซิกมันด์ทันที”

ราชินีอลิเซียทรงพยักพระพักตร์อย่างพอพระทัยในคำมั่นของบิชอป เจ้าหญิงเรจิน่าจึงตรัสขึ้น

“ระหว่างที่ท่านค้นคว้าอยู่ที่นี่ หากท่านต้องการความช่วยเหลือใด ๆ ก็บอกเรามาได้ทันที เราจะอำนวยความสะดวกให้ท่านอย่างเต็มที่”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 29 การพบกันอีกครั้งของเพื่อนเก่า@@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 1:14 pm

“ขอบพระทัยฝ่าบาท ทว่ากษัตริย์ซิกมันด์มีรับสั่งว่าให้พระองค์ยกทัพขึ้นไปเสริมทันทีในระหว่างที่กระหม่อมอยู่ที่นี่”

ราชินีอลิเซียทรงชำเลืองมองบุตรสาวด้วยความเป็นห่วงที่เพิ่มมากขึ้น เจ้าหญิงเรจิน่าสบสายพระเนตรที่ฉายแววห่วงหาอาทรของพระมารดาแวบหนึ่งด้วยความรู้สึกที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก่อนจะทรงกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวหนักแน่น

“เราจะออกเดินทางทันทีที่เตรียมทัพเสร็จ”

ทันทีที่ได้ยินดังนั้นเหล่าแม่ทัพนายกองก็ทำความเคารพพร้อมตบเท้าเดินออกจากท้องพระโรงไปด้วยความฮึกเหิมเข้มแข็ง ทุกคนต่างรู้หน้าที่ของตนอย่างดีแม้ไม่ต้องออกคำสั่ง ความเพียบพร้อม เก่งกาจ และฉับไวในด้านการทหารเช่นนี้คงไม่มีชาติไหนในทวีปเมอร์ริเซียจะเทียบเท่าอาณาจักรฟีเลเซียได้อีกแล้ว

“ถ้าเช่นนั้นระหว่างที่ยังมีเวลาเหลืออยู่นี้ เรามีเรื่องจะหารือกับท่านสักหน่อย ท่านบิชอป” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงเอ่ยขึ้นเมื่อทุกคนจากไปแล้ว “เสด็จแม่ ลูกขอตัวสักประเดี๋ยวนะเพคะ”

ราชินีอลิเซียทรงพยักพระพักตร์อนุญาต

“ขอบพระทัยเพคะ เชิญท่านบิชอป” เจ้าหญิงทรงเดินนำเกรเกอรี่ออกจากห้องอย่างรวดเร็ว

เมื่อออกมาจากท้องพระโรงแล้ว เจ้าหญิงจึงตรัสขึ้นอย่างเร็วโดยมิได้ชะลอฝีเท้าลงเลย

“ท่านบิชอป เราอยากจะให้ท่านพบกับคน ๆ หนึ่ง เราได้พบเขามาหลายครั้งแล้วระหว่างช่วงที่เกิดสงครามนี้ บางทีท่านอาจจะรู้จักเขาแล้ว?” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสอย่างลังเล “เขาเป็นนักประดิษฐ์ที่เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะเลยทีเดียว เราทราบว่าเขาเรียนที่ ซาโลมอน อคาเดมี่ เช่นเดียวกับท่าน...”

“ทิโมธีรึ?” ชื่อแรกและชื่อเดียวที่เกรเกอรี่จะสามารถนึกถึงได้ก็หลุดปากออกมาโดยอัตโนมัติ ทำให้เจ้าหญิงเรจิน่าทรงยิ้มกว้างด้วยความยินดี

“ท่านรู้จักเขา ขอบคุณพระเจ้า” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสอย่างเบิกบานก่อนจะทรงตรัสเร็วปรื๋อ “ถ้าเช่นนั้นเรื่องก็ค่อยง่ายขึ้นหน่อย เราคิดอยู่แล้วเชียวว่าพึ่งท่านได้ ดีจริง ๆ ที่เราตัดสินใจปรึกษาท่านเพราะเวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว ช่วงที่เราไม่อยู่ก็คงต้องพึ่งท่านบิชอปนี่แหละ เราจึงจะวางใจที่สุด”

“ช้าก่อนฝ่าบาท” เกรเกอรี่รีบห้ามเจ้าหญิงไว้เพราะเริ่มจะตามคำพูดของพระองค์ไม่ทัน ลำพังแค่รีบสาวเท้าให้ทันเจ้าหญิงในขณะนี้ก็ลำบากแล้ว เกรเกอรี่พยายามหายใจเข้าลึก ๆ อย่างเร็วสองสามครั้งเพื่อบังคับเสียงให้มั่นคงจากการหอบหายใจก่อนจะทูลถาม “ฝ่าบาทกำลังจะให้กระหม่อมทำอะไร? แล้วทิโมธีมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“เกี่ยวสิ เกี่ยวอย่างที่สุดเลยเชียวล่ะ คือเมื่อไม่นานมานี้เราได้ไปพบกับเขาโดยบังเอิญ แล้วเราก็ได้เห็นสิ่งที่เขากำลังค้นคว้าอยู่เมื่อไม่นานมานี้ มันน่าทึ่งมากท่านบิชอป เราเชื่อว่ามันจะมีประโยชน์อย่างมากถ้าเราเอาสิ่งประดิษฐ์พวกนั้นมาใช้ในกองทัพ หลังจากเราได้เห็นสิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นในป่าลึก เราก็ไปพบเขาเป็นการส่วนตัวอีกหลายครั้งพยายามสารพัดวิธีเพื่อหว่านล้อมให้เขานำความรู้ความสามารถมาช่วยอาณาจักรของเรา แต่เขาก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงปฏิเสธท่าเดียว แต่ในเมื่อท่านบิชอปรู้จักกับเขาเช่นนี้ เราจึงหวังว่าท่านจะไปช่วยเราเกลี่ยกล่อมเขาได้สำเร็จนะสิ” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสรัวจนแทบจะไม่หายใจ โดยทรงแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจดวงตาที่เบิกกว้างและคิ้วที่เลิกสูงของเกรเกอรี่เมื่อได้ยินว่าพระองค์แอบออกไปในป่าลึกตามลำพังบ่อยครั้ง “อีกไม่นานกองทัพก็คงจะพร้อมเคลื่อนพลแล้ว ท่านบิชอปช่วยไปเกลี่ยกล่อมทิโมธีกับเราเดี๋ยวนี้เลยจะได้ไหม?”

“ฝ่าบาทจะให้ทิโมธีมาช่วยกองทัพอย่างนั้นรึพ่ะย่ะค่ะ?” เกรเกอรี่มองเจ้าหญิงเรจิน่าราวกับพระองค์กำลังตรัสเรื่องประหลาดที่สุดเท่าที่คน ๆ หนึ่งจะสามารถพูดออกมาได้ “กระหม่อมไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะสามารถช่วยอะไรกองทัพได้สักเท่าไหร่” เกรเกอรี่ขมวดคิ้วเมื่อคิดถึงเพื่อนผู้แปลกประหลาดคนนี้ “และกระหม่อมก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถเกลี่ยกล่อมเขาได้นะพ่ะย่ะค่ะ จริงอยู่ว่าเราเคยเป็นเพื่อนเรียนด้วยกันมา...”

“เป็นเพื่อนกันรึ? นั่นดีกว่าที่เราคิดเอาไว้อีกนะ ถ้าอย่างนั้นเรื่องก็ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ ท่านสนิทกันมากไหม?” เจ้าหญิงทรงโพล่งขึ้นอย่างตื่นเต้นก่อนจะยิงคำถามใส่อย่างรวดเร็ว

เกรเกอรี่เงียบไปนานด้วยจมอยู่กับความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะพูดด้วยความอึดอัด “สำหรับเขากระหม่อมคงจะเป็นเพื่อนสนิท แต่สำหรับกระหม่อม...เขา...กระหม่อมคิดว่าเขาเป็นเพื่อนที่พยายามเข้ามาสนิทด้วย”

เจ้าหญิงเรจิน่าทอดพระเนตรบิชอปนิ่งอย่างงง ๆ อยู่พักหนึ่ง “แต่อย่างน้อยท่านก็เป็นเพื่อนกัน”

“แต่ทิโมธีไม่เหมือนกับคนอื่นทั่วไปนะพ่ะย่ะค่ะ จะเรียกว่าอย่างไรดี?...กระหม่อมเห็นว่าเขามี...มี...โลกส่วนตัวของเขาเอง นอกจากจะไม่ค่อยมีระเบียบแบบแผนอะไรแล้ว เขายังมีความคิดอ่านที่เรียกได้ว่าค่อนข้าง...แปลก” เกรเกอรี่พยายามหาคำที่สุภาพเพื่อจำกัดความเพื่อนสมัยเรียนของตนด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก

“แต่สรุปว่าท่านตกลงจะช่วยเราใช่ไหม?” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสถามย้ำอย่างมีความหวัง

“ถ้าพระองค์เห็นว่ากระหม่อมสามารถช่วยได้ กระหม่อมก็จะลองพยายามเกลี่ยกล่อมเขาดูพ่ะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมก็ไม่คิดว่าเขาจะช่วยอะไรกองทัพได้สักเท่าไหร่ เพราะด้วยนิสัยของเขา ใคร ๆ คงจะเข้าใจเขาได้ยาก และกระหม่อมก็ไม่คิดว่ากระหม่อมจะสามารถพูดให้เขาเปลี่ยนใจได้”

“แค่ท่านรับปากว่าจะช่วยนั่นก็ดีพอแล้ว ขอบคุณมากท่านบิชอป ที่อุตส่าห์สละเวลามาช่วยเรา เราจะรีบให้คนเตรียมรถม้าทันที” เจ้าหญิงเรจิน่าเสด็จไปจัดการสั่งการทหารทันทีที่เสด็จออกมาสู่ระเบียงปีกขวาซึ่งอยู่ใกล้กับโรงราชรถ โดยบิชอปเกรเกอรี่โค้งส่งเจ้าหญิงก่อนจะปรายตาไปทางป่าทึบด้านหลังพลางนึกถึงวันเก่า ๆ เมื่อสมัยเรียนที่ซาโลมอน อคาเดมี่ พร้อมกับใบหน้าของเพื่อนสองคนที่ดูจะยังคงแจ่มชัดในความคิดของเขา ทิโมธี และเคอร์วิน นี่พวกเขาไม่ได้พบกันนานแค่ไหนแล้วนะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 29 การพบกันอีกครั้งของเพื่อนเก่า@@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 1:15 pm

ขบวนรถม้าที่เจ้าหญิงและบิชอปนั่งควบทะยานมุ่งสู่ป่าทึบอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามขบวนรถม้าก็เคลื่อนเข้าใกล้กับบริเวณเชิงผาสูงที่ทิโมธีใช้เป็นสถานที่ลับในการทดลองของเขา เจ้าหญิงทรงสั่งให้หยุดรถเพราะต้องการให้บิชอปเกรเกอรี่และพระองค์ได้คุยกับทิโมธีตามลำพัง

เมื่อลงจากรถม้าแล้วเจ้าหญิงเรจิน่าก็ทรงดำเนินนำบิชอปสู่ลานกว้างบริเวณตีนผากลางป่าลึกอย่างรวดเร็ว บิชอปเกรเกอรี่ต้องเร่งฝีเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อที่จะตามเจ้าหญิงให้ทันอย่างทุลักทุเลเพราะต้องคอยเดินหลบก้อนหินและท่อนไม้ที่วางขวางระเกะระกะตามทาง กว่าจะออกมาถึงลานกว้างบิชอปก็ต้องหอบหายใจแรงด้วยความเหนื่อยอ่อนในขณะที่เจ้าหญิงไม่ทรงมีอาการเหนื่อยหอบเลยสักนิด ไม่มีแม้แต่อาการหายใจแรงขึ้นด้วยซ้ำ

“เรามาถึงแล้วท่านบิชอป” เจ้าหญิงทรงหันมากล่าวก่อนจะเห็นอาการของนักบวช “โอ้!ตายจริง เราต้องขออภัยด้วยที่เดินเร็วเกินไปโดยไม่ได้นึกถึงว่าท่านบิชอปจะเดินตามไม่ทัน เรามัวแต่ร้อนใจจนลืมเสียสนิท” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสด้วยความกระดากและรู้สึกผิด

“มิได้ฝ่าบาท” เกรเกอรี่กล่าวทูล “พระองค์ทรงเป็นนักรบ กระหม่อมเป็นนักบวช เป็นธรรมดาอยู่เองที่ความว่องไวและความคล่องตัวของพระองค์จะสูงกว่ากระหม่อม อย่าได้ทรงกังวลเลยพ่ะย่ะค่ะ เรารีบไปหาทิโมธีกันจะดีกว่า”

“ตกลง” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสตอบและออกนำ แต่คราวนี้พระองค์ทรงชะลอฝีเท้าลงเพื่อมิให้เกรเกอรี่เหนื่อยจนเกินไป เมื่อพระองค์เสด็จไปถึงบริเวณปากถ้ำ

“ทิโมธี! ทินทอน!” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงตะโกนเข้าไปในถ้ำที่ค่อนข้างมืดและชื้นอับเล็กน้อย แต่เมื่อทรงเห็นว่าไม่มีเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมาจึงทรงตะโกนดังขึ้น “มีใครอยู่ไหม?”

“อ๊ากกกกกกก” เสียงร้องที่คุ้นเคยของใครคนหนึ่งดังสะท้อนออกมา เจ้าหญิงเรจิน่าทรงรีบขยับจะเข้าไปในถ้ำก็พอดีกับที่เจ้าหุ่นวิ่งสวนออกมาอย่างรวดเร็ว

“อ๊า! หลบเร็ว ๆ ๆ ๆ ๆ ” ทินทอนร้องเสียงดังกว่าเดิมด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าตนกำลังจะวิ่งชนเจ้าหญิง มันพยายามโบกไม้โบกมือให้เจ้าหญิงหลบไปให้พ้นทางเพราะดูท่าทางมันจะหยุดเองไม่ได้ เมื่อเห็นว่าใกล้จะชนเต็มทีแล้วมันจึงรีบหมุนตัวกลับ แต่ยังไม่ทันจะหมุนครบรอบ ขาของมันก็วิ่งพันกันจนเสียหลักพุ่งไปชนผนังถ้ำโครมใหญ่ก่อนจะล้มหงายลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น
“ทินทอนเป็นอะไรรึเปล่า?” เมื่อเห็นว่าเจ้าหุ่นยังนอนแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน เจ้าหญิงจึงทรงรีบย่อองค์ลงจับตัวทินทอนเขย่าเบา ๆ ด้วยความตกพระทัย ทำให้ได้ยินเสียงดังก๊องแก๊งเหมือนมีโลหะกลิ้งอยู่ข้างในตัวของมัน

“หุ่นยนต์ตัวนี้ทิโมธีเป็นคนสร้างรึ?” เกรเกอรี่มองเจ้าหุ่นด้วยความทึ่งและพิศวง

“ไม่ใช่หรอก เห็นทิโมธีเล่าว่าไปเจอทินทอนที่ซากโบราณสถานเก่าแก่ที่ไหนสักแห่งแล้วนำมาซ่อมจนมันมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงอธิบายเร็ว ๆ ส่วนพระหัตถ์ก็ยังคงเขย่าร่างเจ้าหุ่นเบา ๆ

“โอ๊ย! ฮ่า...ฮ่า... วี๊... วี๊... แกร๊ก... วี๊” จู่ ๆ ทินทอนก็กระเด้งตัวขึ้นมาพลางหัวเราะเสียงยานคางต่ำ ๆ โดยมีเสียงประหลาดที่ดังวี๊วี๊เหมือนลำโพงแตกดังออกมาเป็นพัก ๆ

“เจ้า...เจ้า...วี๊ วี๊ แกร๊ก” ทินทอนพยายามโค้งให้ แต่จู่ ๆ ก็มีน๊อตตัวหนึ่งหลุดออกมาจากปาก

“อ๊า!!” ทั้งเจ้าหญิง บิชอป และเจ้าหุ่นต่างก็ตกใจร้องออกมาแทบจะพร้อมกัน

“เกิดอะไรขึ้นทินทอน? นั่งอยู่นิ่ง ๆ ก่อนนะเดี๋ยวข้าจะดูให้” เสียงงัวเงียของนักประดิษฐ์ผมแดงดังตามออกมา โดยที่ผมข้างหน้าปอยหนึ่งมีคราบน้ำมันจับจนกลายเป็นก้อนกระจุกสีดำเยิ้มอยู่ เขากำลังขยี้ตาด้วยมือที่เลอะน้ำมัน จนเมื่อออกมาหยุดตรงที่บุคคลทั้งสามยืนอยู่เบ้าตาทั้งสองข้างของเขาก็ดำเป็นวงคล้ายกับใส่แว่นตาสีดำโดยที่ใบหน้าส่วนอื่น ๆ ก็มีคราบสกปรกเป็นปื้น ๆ จนดูมอมแมมไปทั้งหน้า เจ้าหญิงเรจิน่าทรงแหงนพระพักตร์หัวเราะก๊ากดังลั่นทันทีที่ทรงเห็นหน้าทิโมธี เจ้าหุ่นทินทอนก็ยกมือชี้หน้าหัวเราะเสียงยานคางต่ำ ๆ ในขณะที่เกรเกอรี่เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงจนตาค้าง

“โอ้ เกรเกอรี่” ทิโมธีร้องออกมาด้วยความดีใจสุดขีดเมื่อเห็นเพื่อนเก่าอยู่ตรงหน้าจึงตรงรี่เข้าไปจะสวมกอดบิชอปหนุ่ม “เจ้าสวมชุดบิชอปอย่างนี้แล้วดูภูมิฐานมากเลย”

“เดี๋ยว ๆ ๆ ” เกรเกอรี่ร้องห้ามด้วยความตกใจก่อนจะรีบยกไม้เท้าขึ้นมาขวาง ยอดไม้เท้าจึงชนเข้ากับท้องของทิโมธีอย่างจัง

ทิโมธีดูเหมือนแทบจะไม่รู้สึกเลยว่าตนวิ่งไปชนกับยอดไม้เท้าเข้าอย่างแรงเพราะเขายังคงยิ้มกว้างเบิกตาสีน้ำตาลเข้มจนกลมโตยืนกางมือค้างอยู่นิ่ง ๆ มองเพื่อนสนิทด้วยความตื่นเต้นจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ “ทำไมล่ะ?”

“ฮะ ฮะ ขอโทษที มือมันทำไปตามสัญชาตญาณน่ะ” เกรเกอรี่หัวเราะแกน ๆ ค่อย ๆ ลดไม้เท้าลง “ก็ดูตัวเจ้าสิ ทั้งผม ทั้งหน้า ทั้งมือ ทั้งตัว มีแต่คราบน้ำมันเต็มไปหมด” เกรเกอรี่กล่าวอย่างรวดเร็ว

“ห๊า...จริงด้วย! ขอบใจมากที่เตือนข้าก่อน” ทิโมธีก้มลงมองดูตัวเองพลางรีบล้วงหาอะไรสักอย่างในกระเป๋าก่อนจะดึงผ้ามอม ๆ ผืนหนึ่งออกมาเช็ดหน้าและมือทั้งสอง แต่ปรากฏว่ายิ่งเช็ดก็ยิ่งดำ จนเจ้าหญิงเรจิน่าต้องทรงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้งอย่างชอบพระทัยเมื่อตอนนี้ใบหน้าของทิโมธีแทบจะกลายเป็นสีดำเสมอกันทั้งหน้า

“ถ้าท่านเดินถอยเข้าไปในถ้ำตอนนี้ เราคงเห็นแต่ตากับฟันของท่านลอยอยู่กลางอากาศแน่ ๆ ฮ่า ฮ่า” เจ้าหญิงตรัสด้วยความขบขัน ซึ่งทิโมธีก็หัวเราะไปด้วย ทำให้เกรเกอรี่เองก็อดแสร้งกระแอมอมยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้ เจ้าหญิงเรจิน่าจึงได้ทรงเห็นว่าทันทีที่บิชอปเกรเกอรี่อยู่กับทิโมธี มาดสุขุมดั่งนักบวชชั้นสูงก็ยังเสียศูนย์ไปได้

“ว่าแต่...” ทิโมธียังคงมองเกรเกอรี่อย่างตื่นเต้นกวาดสายตาขึ้นลงสำรวจเพื่อนเก่าเป็นรอบที่สี่ “เกรเกอรี่มาหาข้านี่น่าดีใจจริง ๆ เราไม่ได้พบกันนานเท่าไหร่แล้วน้า?” ทิโมธีพยายามนึก “ใช่ ๆ ตั้งแต่เจ้าเป็นบิชอป....อ้า...ตอนนี้เจ้าเป็นบิชอปแล้วข้าก็ต้องเรียกเจ้าว่าท่านบิชอปสินะ”

“เราก็อยู่ที่วิหารตลอดเวลา ถ้าอยากจะพบเมื่อไหร่ก็พบได้ ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมเจ้าถึงไม่ได้เจอเราเลยล่ะ?...เจ้าแทบจะไม่ได้ไปโบสถ์เลยใช่ไหมนี่?” เกรเกอรี่กล่าวสีหน้าเคร่งครึมขึ้นทันที มาดสุขุมของนักบวชเข้ามาแทนที่

“ก็...” ทิโมธีลากเสียงยาว “ก็ข้าไปเพราะเจ้าเป็นคนเทศน์นี่ เจ้าเทศน์มีเหตุผลมีหลักมีการดี ข้าชอบฟัง แต่พอเจ้าเป็นบิชอปแล้วกลายเป็นนักบวชองค์อื่นมาเทศน์แทน เทศน์อะไรก็ไม่รู้วนไปวนมาน่าเบื่อออก”

“แต่การไปโบสถ์ก็คือการที่เราไปนมัสการและรับพระพรจากพระเจ้านะ เราว่าที่เจ้าไม่อยากไปโบสถ์ก็เพราะอยากอยู่บ้านนั่งประดิษฐ์สิ่งของต่าง ๆ ต่างหาก ใช่ไหมล่ะ?”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 29 การพบกันอีกครั้งของเพื่อนเก่า@@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 1:16 pm

ทิโมธีนิ่งเงียบไปพักหนึ่งเพราะดูเหมือนคำพูดของเกรเกอรี่จะจี้ใจดำของเขา “แต่ท่านบิชอป พระเจ้าไม่ได้ให้มนุษย์อยู่สบาย ๆ แล้วนอนรอพระองค์ประทานพรให้เราเสียหน่อย พระองค์ประทานสองมือนี้และมันสมองเพื่อให้เราสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ต่างหาก” ทิโมธีใช้นิ้วชี้เคาะที่หน้าผากเบา ๆ ซึ่งทินทอนก็เคาะตามจนเสียงดังก๊องแก๊งสะท้อนก้องถ้ำ

“ในหนึ่งอาทิตย์พระเจ้ามีเวลาให้เจ้าในการทำสิ่งต่าง ๆ ตั้งหนึ่งร้อยหกสิบแปดชั่วโมง แต่เพียงแค่หนึ่งชั่วโมงในหนึ่งอาทิตย์ ทำไมเจ้าถึงให้เวลาเพียงเท่านั้นกับพระเจ้าไม่ได้?”

ทิโมธีอ้าปากค้างอยู่ชั่วครู่เหมือนจะเถียงอะไรสักอย่าง แต่ในที่สุดก็ตะโกนออกมาว่า “ท่านบิชอปพูดถูก ข้าเถียงท่านไม่ออกเลย ฮ่า ฮ่า เจ้าหญิงรู้ไหมว่าตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วที่เกรเกอรี่ก็มักเทศนาข้าแบบนี้ประจำเลย แล้วข้าก็เถียงแพ้ทุกที” ทิโมธีกล่าวอย่างชอบใจ

“เราก็พูดสอนทุกคนนั่นแหละ” เกรเกอรี่ขัดขึ้น

“นี่ท่านบิชอปเทศน์เก่งตั้งแต่ยังเป็นเด็กเลยหรือนี่?” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงหันไปมองบิชอปอย่างเลื่อมใส แต่ก็ทรงอดยิ้มด้วยความประหลาดพระทัยไม่ได้

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ เขาเรียนเก่งมาก ๆ ด้วย ได้ที่หนึ่งของชั้นประจำเลย แถมยังได้รับเลือกให้เป็นประธานนักเรียนทุกปีด้วย ข้าอดภูมิใจไม่ได้เลยที่มีเพื่อนอย่างเขา” ทิโมธีกล่าวอวดจนทำให้ผู้ที่ถูกพูดถึงมีใบหน้าสีเข้มขึ้นจึงต้องแสร้งหันไปมองทางอื่น

“พอเถอะ เราไม่ได้มาที่นี่เพราะจะคุยกันเรื่องนี้” เกรเกอรี่พยายามกล่าวเสียงเรียบด้วยกริยาสำรวมยิ่งขึ้น

“งั้นเรื่องไหนล่ะ? มีธุระอะไรสำคัญรึเปล่า? หรือจะให้ข้าประดิษฐ์อะไรให้? ที่จริงข้าก็คิดสิ่งประดิษฐ์ไว้ให้นักบวชได้ใช้หลายชิ้นอยู่เหมือนกันนะ มีอยู่ชิ้นหนึ่งที่น่าจะเหมาะกับท่านบิชอป มันเป็นแท่นคุกเข่าภาวนาที่สะดวกสบายและช่วยให้การภาวนาเป็นเรื่องง่าย เพราะทันทีที่ท่านคุกเข่าลงหนังสือสวดมนต์ก็จะดีดตัวขึ้นกางตรงหน้าพอดี แต่ถ้าจะเปลี่ยนเล่ม ก็แค่ลุกขึ้นยืนหนังสือเล่มเก่าก็จะถูกเก็บลงไป และเมื่อคุกเข่าลงไปใหม่ หนังสือเล่มต่อไปก็จะดีดตัวขึ้นมาแทน ข้าตั้งชื่อมันว่า ’แท่นหนังสือภาวนาดีดดึ๋ง’ ถ้าท่านสนใจนะ ข้าจะทำให้ฟรี ๆ เลย” ทิโมธีพูดเป็นน้ำไหลไฟดับอธิบายถึงสิ่งกระดิษฐ์ของตน

“แล้วถ้าไม่ใช่หนังสือที่เราต้องการ เราจะต้องลุกขึ้นลุกลงกี่ครั้งกันละ?” เกรเกอรี่ถอนหายใจยาวอย่างอดทนกล่าวถามเสียงเรียบ

“อืม...จริงด้วยสิ งั้นต้องรีบจดข้อเสียของมันไว้ก่อนเดี๋ยวจะได้กลับไปแก้ไขที่ห้องทดลองเย็นนี้ ท่านนี่ฉลาดสุดยอดไปเลย เห็นไหมพ่ะย่ะค่ะ? เกรเกอรี่ฉลาดจริง ๆ ” ทิโมธียิ้มกว้างกล่าวอย่างชื่นชมกับเจ้าหญิงเรจิน่าก่อนจะรีบหยิบดินสอและสมุดปกหนังเก่า ๆ เล่มเล็ก ๆ ที่ดูจะถูกใช้อย่างสมบุกสมบันออกจากกระเป๋ากางเกง และลงมือจดข้อเสียของ’แท่นหนังสือภาวนาดีดดึ๋ง’ ลงไปทันที

“งั้น....” ทิโมธีเหลือบมองไม้เท้าที่เกรเกอรี่ถืออยู่ยิ้มอย่างเป็นต่อ ทำหน้าพยักพเยิดไปที่ไม้เท้า “นั่นนะ...แค่ไม้เท้าธรรมดา ๆ ใช่ไหมล่ะ? ข้าสามารถประดิษฐ์ให้มันมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เพิ่มเติมเข้าไปได้นะ สนใจไหม?”

“เราไม่ได้พาท่านบิชอปมาหาท่านเพื่อให้ประดิษฐ์อะไรให้หรอก” เจ้าหญิงเรจิน่าที่ตอนนี้แก้มยังแดงจัดจากการหัวเราะตรัสยิ้ม ๆ เมื่อพยายามข่มอารมณ์ให้สงบได้แล้ว

ทิโมธีทำปากยื่นด้วยความเสียดาย แต่แววตาก็ยังเต็มไปด้วยความยินดีและกระตือรือร้นพลางเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “งั้นมาหาข้าด้วยธุระอะไรล่ะ?”

“เราได้ยินจากเจ้าหญิงว่าเจ้ามีสิ่งประดิษฐ์หลายชิ้นที่น่าจะสามารถช่วยเหลือกองทัพได้” เกรเกอรี่เหลือบตามองเจ้าหญิงแวบหนึ่งก่อนจะเกริ่นเข้าเรื่อง “ขอเราดูสิ่งประดิษฐ์พวกนั้นหน่อยได้ไหม?”

ทิโมธีเหลือบตามองตามพลางทำเสียงจิ๊กจั๊กในปาก “ทำไมล่ะ? เราไม่ให้เอาไปใช้ในกองทัพหรอกนะ”

“ไม่เป็นไร เราแค่ขอดูได้ไหมล่ะ?” ที่เกรเกอรี่พูดอย่างนี้ก็เพราะเขาเองก็ยังไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือของทิโมธีเท่าไหร่นักจึงต้องขอดูให้แน่ใจก่อนจะลงมือเกลี่ยกล่อมทิโมธี ฝ่ายทิโมธีเองแม้ไม่อยากเอาสิ่งประดิษฐ์ของตนเข้าร่วมสงคราม แต่ก็อดไม่ได้ที่อยากจะอวดประสิทธิภาพของสิ่งประดิษฐ์เหมือนพ่อแม่ที่อยากอวดความสามารถของลูก ๆ ในที่สุดความอยากอวดก็ชนะ ทิโมธีรีบวิ่งเข้าไปในถ้ำพลางเข็นรถลากที่บรรทุกห่อผ้าสีมอ ๆ อยู่หลายชิ้นออกมา เขาจัดแจ้งสาธิตสิ่งประดิษฐ์เริ่มไล่ตั้งแต่ แอลฟ่า-เอ, ค๊อกคา-ซี, เดลต้า-ดี และ บอมเบอร์ แมชชีน ซึ่งบัดนี้ล้วนแล้วแต่ถูกซ่อมแซมจนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ทุกชิ้น จนเมื่อเกรเกอรี่ได้ดูสิ่งประดิษฐ์จนครบทุกชิ้นนัยน์ตาของเขาก็ยังคงจับจ้องเศษซากก้อนหินและต้นไม้ที่กระจัดกระจายเกลื่อนพื้น

“น่าทึ่งมาก” เกรเกอรี่เปรยเสียงเบา

“ใช่ไหมละท่านบิชอป” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสสำทับเหมือนจะยืนยันในวาจาที่พระองค์ได้เคยตรัสไว้ก่อนที่จะมาที่นี่

ทิโมธีเองก็ยืดอกมองผลงานของสิ่งประดิษฐ์ทั้งหลายอย่างภาคภูมิใจ

“มันจะเป็นประโยชน์กับกองทัพอย่างมากเชียวล่ะท่านทิโมธี” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัส

“กระหม่อมก็ทูลพระองค์หลายครั้งแล้วว่ากระหม่อมไม่ตกลง”

“ได้โปรดเถิดท่านทิโมธี ความรู้ความสามารถของท่านสามารถช่วยเหลือกองทัพได้มาก ยิ่งในเวลานี้กองทัพซาโลมยิ่งทีก็ยิ่งมีกองทัพที่แปลกประหลาดขึ้นทุกวัน เราจำเป็นต้องมีอาวุธที่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะต่อกรกับพวกมัน” เจ้าหญิงตรัสเสียงร้อนรน

“ไม่เอา” ทิโมธีตัดบทพลางกอดอกแน่น เหลือบไปมองทินทอนซึ่งเวลานี้ก็กอดอกตามเงียบ ๆ พร้อมกับพยักหน้าสนับสนุนทิโมธี

“ทำไมล่ะ?” เกรเกอรี่ถาม
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 29 การพบกันอีกครั้งของเพื่อนเก่า@@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 1:17 pm

“ก็เพราะว่าข้าไม่อยากเอาสิ่งประดิษฐ์ที่ข้าอุตส่าห์สร้างขึ้นมาไปพังเป็นชิ้น ๆ ในสงครามน่ะสิ ข้าเกลียดสงคราม” ทิโมธีบ่นเสียงอุบอิบเมื่อถูกคาดคั้น

“เราทุกคนก็ไม่มีใครชอบสงครามหรอกทิโมธี แต่เราจำเป็นต้องเข้าร่วมสงครามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะเราถูกจักรวรรดิซาโลมรุกราน” เกรเกอรี่อธิบาย

“สงครามไม่เคยสร้างสรรค์อะไรมีแต่ทำลายทุกอย่างให้ย่อยยับ ข้าอยู่อย่างนี้ก็สบายดีอยู่แล้ว ตลอดเวลาที่ข้าอยู่ที่นี่ก็สร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ได้เยอะแยะมากมายกว่าที่สงครามได้ทำเป็นร้อยเท่า” ทิโมธียังคงยืนกรานหนักแน่น

“เราเพิ่งกลับจากแนวหน้าและได้เห็นความโหดน่ารักมร้ายกาจของพวกศัตรูมาแล้ว พวกมันฆ่าคนอย่างไร้ซึ่งความปราณี แม้กระทั่งทารกที่บริสุทธิ์พวกมันก็ยังฆ่าได้อย่างเลือดเย็น สงครามนี้ขยายวงกว้างอย่างรวดเร็วและผลของมันกำลังกระทบทุก ๆ คนทั้งทวีปเมอร์ริเซีย แม้เจ้าจะซ่อนตัวอยู่ที่นี่ แต่เจ้าเองก็รู้ดีมิใช่หรือว่าผลของสงครามก็เริ่มมีอิทธิพลเหนือเจ้าแล้ว ดูอย่างข้าวของที่ราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะอาหารหยูกยาก็หาได้อยากลำบากเต็มที ตัวเราเองก็ต้องกลับไปแนวหน้าทันทีที่ทำธุระที่นี่เสร็จ ในขณะที่วันนี้เองเจ้าหญิงก็จะต้องนำทัพไปแนวหน้าแล้ว” ทินทอนอ้าปากค้างหันไปมองเจ้าหญิงด้วยความตกใจ ซึ่งทิโมธีเองก็มองเจ้าหญิงด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นเช่นกัน บิชอปเกรเกอรี่เขยิบเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นแล้วกล่าวย้ำทุกถ้อยคำ

“และมันกำลังทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นทุกขณะ ทิโมธี...ถ้าเจ้าไม่ช่วย สงครามอาจจะยืดเยื้อออกไปเรื่อย ๆ และหากมันขยายวงกว้างจนมาถึงที่นี่... ถึงเวลานั้นคงไม่มีใครอยู่ชื่นชมงานประดิษฐ์ของเจ้าอีกแล้ว ผู้คนคงล้มตายเป็นเบือ ทุกคนที่ยังมีชีวิตรอดก็คงถูกเกณฑ์ไปเข้ากองทัพ แม้แต่ตัวเจ้าเองก็อาจจะต้องถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารด้วยเช่นกัน ถึงตอนนั้นเจ้าก็คงจะไม่มีโอกาสได้ประดิษฐ์อะไรอีก...”

ทิโมธีถึงกับนิ่งเงียบไปนานเพราะจมอยู่กับความคิดของเขา เกรเกอรี่รู้ดีว่าถ้อยคำต่าง ๆ ของเขากำลังถูกพิจารณาอย่างถี่ถ้วนทุกถ้อยคำ ช่างเป็นช่วงเวลาที่เคร่งเครียดและน่าอึดอัดอย่างยิ่งระหว่างบุคคลทั้งสาม เจ้าหญิงเรจิน่านั้นหัวใจเต้นระทึกบอกไม่ถูกว่ากลัวคำตอบหรือกำลังตื่นเต้นอย่างมีความหวังกันแน่ เกรเกอรี่เองแม้จะดูนิ่งสงบแต่ก็กำไม้เท้าประจำตำแหน่งแน่นจนข้อนิ้วดูซีดขาว ในขณะที่ทิโมธีก็ดูเหมือนว่ากล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างแทบจะแผ่ความเครียดออกมาให้รู้สึกถึงได้ แต่แล้วก็เหมือนกับเพียงแค่ดีดนิ้ว เมื่อทิโมธีถอนหายใจเฮือกใหญ่พูดด้วยเสียงดังฟังชัดทุกถ้อยคำว่า

“ท่านพูดถูกอีกแล้ว ก็ได้ ข้าจะช่วย” ทิโมธีหันไปมองเกรเกอรี่ที่มีสีหน้าโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด

“จริงรึท่านทิโมธี?” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงยิ้มกว้างอย่างยินดี ตรัสถามย้ำเหมือนจะให้แน่พระทัยในคำตอบ

“พ่ะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมมีข้อแม้บางอย่าง” ทิโมธีกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังยิ่งขึ้น

“ได้สิ!ว่ามาเลย ถ้าเราสามารถให้ได้เราจะจัดการให้ทันที ท่านอยากได้อะไรล่ะ?” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงกล่าวอย่างกระตือรือร้น
“พระองค์เดาไม่ได้รึพ่ะย่ะค่ะ?” ทิโมธีหันหน้าที่มอมแมมไปด้วยคราบน้ำมันพลางยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวจั๊วะให้เกรเกอรี่อย่างตื่นเต้น “ระหว่างที่เกรเกอรี่อยู่ที่นี่ ให้เกรเกอรี่นำสิ่งประดิษฐ์ของกระหม่อมไปทดลองใช้สักสี่ห้าชิ้นนะพ่ะย่ะค่ะ?”

บิชอปเกรเกอรี่ถึงกับอ้าปากค้าง ในขณะที่เจ้าหญิงเรจิน่าทรงหัวเราะร่าด้วยความขบขันและนึกสนุก

“ท่านบิชอปคงไม่ขัดข้องใช่ไหม?” แววเนตรเจ้าหญิงพราวระยับเต็มไปด้วยความซุกซน ฝ่ายทิโมธีเองก็ดูท่าทางจะดีอกดีใจจนหน้าบาน

“กระหม่อม...” เกรเกอรี่ตอบอึกอัก

“ตกลง” เรจิน่าตรัสตอบให้แทนพร้อมตบพระหัตถ์ดังฉาดใหญ่เหมือนเป็นการตัดบท พระพักตร์ยังคงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มซุกซนและแววอยากรู้อยากเห็น “น่าเสียดายจริง ๆ ที่เราคงจะต้องออกเดินทางอีกไม่นานแล้ว เราอยากจะเห็นของประดิษฐ์เหล่านั้นจริง ๆ ท่านบิชอปอย่าลืมกลับมาเล่าให้เราฟังด้วยนะว่าท่านทดลองใช้อะไรไปบ้าง”

“...พ่ะ...พ่ะย่ะค่ะ” เกรเกอรี่ได้แต่ตอบด้วยความเหนื่อยใจ ระหว่างที่เขาอยู่ที่นี่ทิโมธีคงต้องมาล้อมหน้าล้อมหลังถามผลการทดลองใช้ทุกวันแน่ ๆ “แต่กระหม่อมต้องค้นคว้าวิธีต่อกรกับศาสตร์มืดด้วย...”

“จริงสิ เราเกือบลืมไปแล้ว” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงนึกขึ้นได้

“ศาสตร์มืดหรือ? ข้าคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่ช่วยป้องกันตัวจากศาสตร์มืดให้เอาไหม?” ทิโมธีเสนออย่างสนอกสนใจ

“ท่านทำได้รึ? เวทมนต์กับวิทยาศาสตร์สามารถไปด้วยกันได้หรือ?” เจ้าหญิงตรัสถามด้วยความประหลาดใจ

“ก็น่าจะทดลองดู” ทิโมธีกอดอกใช้ดินสอเคาะที่ปลายคางเบา ๆ อย่างใช้ความคิด เหมือนสมองของเขาเริ่มมีความคิดใหม่ ๆ ที่น่าสนใจขึ้นมา

“เอาเป็นว่า...” เกรเกอรี่กล่าวขึ้นในที่สุด “...ระหว่างที่เราอยู่ที่นี่ เราจะทดลองใช้สิ่งประดิษฐ์บางชิ้นของเจ้าที่เราเห็นว่าปลอดภัย และให้เจ้ามาถามผลการทดลองได้อาทิตย์ละครั้งเท่านั้นเพื่อเราจะได้มีเวลาค้นคว้าวิธีป้องกันศาสตร์มืดได้อย่างเต็มที่ ส่วนเจ้าก็ควรเริ่มนำสิ่งประดิษฐ์ที่น่าจะเป็นประโยชน์กับกองทัพไปที่ค่ายทหารจะดีกว่า และสำหรับเรื่องสิ่งประดิษฐ์ที่ป้องกันศาสตร์มืด....เอาไว้ถ้าเจ้ามีเวลาแล้วค่อยเริ่มค้นคว้าก็ได้”

“อืม...ไม่เลว ให้ตายสิท่านบิชอปนี่พูดมีหลักมีการดีจัง เอาเป็นว่าตกลงตามนี้ก็ได้ งั้นพรุ่งนี้ข้าเอา ’แท่นหนังสือภาวนาดีดดึ๋ง’ ที่แก้แล้วไปให้ท่านบิชอปทดลองใช้ แล้วจะเลยเอาเจ้าพวกนี้ไปที่กองทัพด้วยเลย” ทิโมธีวาดมือเหนือเครื่องจักรกลของเขา

“ดี...งั้นเราจะเตรียมสถานที่ทดลองต่าง ๆ ทหารที่คอยอำนวยความสะดวก และทีมนักประดิษฐ์ไว้ให้เป็นลูกมือท่าน”

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” ทิโมธีกล่าวทูล
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)


ย้อนกลับไปยัง Summoner Novel

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน

cron