Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ มี.ค. 29, 2024 10:58 pm

หน้าเว็บบอร์ด Wiser Summoner Novel @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 28 มายาแห่งฝันต้องสาป @@

อ่านนิยาย Summoner Master Episodeต่าง ๆ ได้ที่นี่

Moderator: Jinger Ginger


@@ นิยายSMN Epi8 Chapter 28 มายาแห่งฝันต้องสาป @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 12:57 pm

Chapter 28 มายาแห่งฝันต้องสาป


เวลาผ่านไปเกือบเดือน จนล่วงเข้าเดือนธัดเดอัส(Thaddeus) อากาศเริ่มหนาวเย็นลงแล้ว กองทัพซาโลมแม้จะมีจำนวนทหารมากกว่ากองทัพฟีเลเซียแต่ก็เพราะความหวั่นเกรงการอัญเชิญอัศวินสวรรค์ของทางฝ่ายฟีเลเซีย จึงทำให้ฝ่ายซาโลมไม่กล้าที่จะจู่โจมอาณาจักรแห่งสายลมมากนัก ข้างฝ่ายฟีเลเซียเองแม้มีจำนวนทหารน้อยกว่าแต่ก็เพราะชั้นเชิงในทางการรบที่ไม่เป็นรองใคร ทั้งยังขวัญและกำลังใจมากมายที่ได้จากเมื่อคราวที่บิชอปเกรเกอรี่อัญเชิญอัศวินสวรรค์มาทำลายล้างกองทัพเรือนแสนของซาโลมจนสิ้นซากในพริบตา ทำให้ยังสามารถปกป้องเมืองได้อย่างมั่นคง กระนั้นทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่มีใครทราบเลยว่าแท้จริงแล้วบิชอปเกรเกอรี่มิได้มีความสามารถในการอัญเชิญอัศวินสวรรค์อย่างที่เข้าใจกันแต่อย่างใด ทว่าเป็นเพราะเมตตาจากสวรรค์ต่างหาก

ขณะที่กองทัพซาโลมเองเมื่อเสียกองทัพกว่าแสนนายไปกับการรบที่เมืองวอลเนีย แต่จากการรบที่ทุ่งคีราก็ทำให้มีวัตถุดิบมากพอที่จะสร้างกองทัพผีนรกขึ้นมาได้ใหม่ เวลานี้จำนวนกองทัพผีนรกในกองทัพเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง ภายในเวลาไม่นานกองทัพผีนรกของซาโลมก็มีจำนวนมากพอและพร้อมที่จะบุกโจมตีกองทัพฟีเลเซียอีกครั้ง


เย็นนั้นขณะที่กษัตริย์ซาดินทรงกำลังตรวจดูภายในค่ายที่สร้างขึ้นเพื่อผลิตกองทัพผีนรกโดยมีเบลซ เซจ และ แบล็ค ไวเซอร์ พาทอดพระเนตรพร้อมกับคอยถวายคำอธิบายต่าง ๆ ให้ แม้พระองค์จะชินกับรูปร่างหน้าตาที่น่าขยะแขยงและน่าสะพรึงกลัวของเหล่าทหารผีนรกบ้างแล้ว แต่การดำเนินอยู่ท่ามกลางกองทัพซากศพที่น่าสยดสยองนับพันนับหมื่นเช่นนี้ก็ทำให้อดที่จะทรงรู้สึกขนลุกและเย็นสันหลังวาบไม่ได้ ทั้งยังกลิ่นสาปฉุนของซากศพที่เริ่มเน่าก็รุนแรงจนแสบจมูกเหมือนจะทำลายประสาทรับรู้กลิ่นของใครก็ตามที่อาจหาญย่างกรายเข้ามาในสถานที่แห่งนี้

“ข้ายังชั่งใจอยู่ว่าจะใช้กองทัพนี้โจมตีกองทัพฝ่ายใดของฟีเลเซียดี?” กษัตริย์ซาดินทรงครุ่นคิด สายพระเนตรเหลือบมองดูผีนรกตัวหนึ่งที่ใบหน้าเน่าเฟะ เนื้อบางส่วนเปื่อยจนยุ่ยและมีกลิ่นสาปฉุนรุนแรง หัวทั้งสามของมันหันมาทางซาดินและกำลังจ้องมองพระองค์ด้วยสายตาที่ว่างเปล่าไร้แววทั้งสามคู่ ทำให้พระองค์ต้องทรงเบ้พระโอษฐ์ด้วยความขยะแขยง “แต่ข้าก็ยังรู้สึกติดค้างบางอย่างอยู่ในใจ ข้าสงสัยว่าเมืองวอลเนียมันมีดีอะไร? ทำไมพวกฟีเลเซียถึงทุ่มกำลังปกป้องเสียหนักหนา? หรือมันมีสมบัติมหาศาลซ่อนอยู่ในเมืองนี้”

“มิใช่เช่นนั้นหรอกฝ่าบาท” แบล็ค ไวเซอร์ กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ที่พวกมันกำลังปกป้องอยู่คือวิหารฟรานเชสก้าที่อยู่กลางเมืองวอลเนียต่างหากพ่ะย่ะค่ะ”

“ถ้าในนั้นไม่มีสมบัติ งั้นก็คงมีของวิเศษเก็บซ่อนไว้อย่างนั้นสินะ?” กษัตริย์ซาดินตรัสถามแสดงอาการสนอกสนใจอย่างเห็นได้ชัด

“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ” จอมเวทย์ดำปฏิเสธอีก

“ถ้าอย่างนั้นมันมีอะไรอยู่ในนั้นกันแน่?” กษัตริย์ซาดินทรงชักจะหงุดหงิดเพราะความอยากรู้

“ภายในนั้นไม่มีอะไรเลย นอกจากรูปปั้นนางฟ้าองค์หนึ่ง และพวกข้าวของเครื่องใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนาเท่านั้น”

“โกหก! หากมีแค่นั้นอย่างที่เจ้าว่า...พวกมันจะทุ่มกำลังปกป้องถึงเพียงนี้หรือ? เจ้าคิดจะเก็บสมบัตินั้นไว้คนเดียวละสิ?” กษัตริย์ซาดินตรัส อารมณ์เริ่มครุกรุ่น

ดวงตาของ แบล็ค ไวเซอร์ ฉายแววโกรธเคืองขึ้นแวบหนึ่ง ในขณะที่เจ้านกปีศาจก็หรี่ตาทั้งสี่จับจ้องกษัตริย์ซาดินด้วยเช่นกัน จอมเวทย์ดำประกาศด้วยเสียงแหบต่ำ “หากข้าพระองค์หวังในสมบัติ เมื่อครั้งที่พระองค์ติดอยู่ในถ้ำวงกตข้าพระองค์คงไม่ช่วยเหลือพระองค์แล้ว ปล่อยให้ตายอยู่ในนั้นแล้วชิงสมบัติมาไม่ง่ายกว่ารึ? แต่สิ่งเดียวที่ข้าพระองค์ต้องการคือทำลายเกรเกอรี่ และฟีเลเซียให้พินาศย่อยยับ”

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไร?” กษัตริย์ซาดินตรัสต่อ ยังทรงแคลงใจอยู่ลึก ๆ

“ที่พวกมันทุ่มเทกำลังปกป้องวิหารแห่งนี้ก็เพราะวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่นางฟ้าฟรานเชสก้า อารักขเทวดาของอาณาจักรนี้ ดังนั้นวิหารแห่งนี้จึงเป็นเหมือนวิหารเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง หากวิหารถูกทำลายก็เหมือนกับว่าทั้งอาณาจักรถูกหยามเกียรติและศักดิ์ศรีที่อุตส่าห์สร้างสมมาช้านาน”

“แค่นั้นนะรึ!?!” กษัตรย์ซาดินทรงแทบจะระเบิดเสียงออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “ข้าเสียทหารไปเป็นแสนเพียงเพราะไอ้ศักดิ์ศรีโง่ ๆ ของพวกมันอย่างนั้นรึ?” ตัวของพระองค์สั่นเทิ้ม “ดีละ...ถ้าอย่างนั้นข้าก็ทำลายศักดิ์ศรีโง่ ๆ ของมันให้สิ้นซากไปเลย ทันทีที่เจ้าจัดการเจ้าบิชอปนั่น ข้าจะทำลายเมืองทั้งเมืองนั่นให้ราบ ชนิดที่พวกมันจะไม่กล้าย่างกรายเข้ามาในเมืองนี้ตลอดกาล” กษัตริย์ซาดินทรงประกาศกร้าวอย่างโกรธเกรี้ยวโดยที่แบล๊ค ไวเซอร์น้อมรับคำอย่างยินดี พร้อม ๆ กับมโนภาพที่ค่อย ๆ ปรากฏเด่นชัดในหัวของเขา
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 28 มายาแห่งฝันต้องสาป @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 12:58 pm

‘เคอร์วิน(Kerwin) ทำไมแกถึงสอบไม่ได้ที่หนึ่งสักที? แกนี่มันโง่จริง ๆ แกเป็นความอับอายของตระกูลเรา’ ภาพใบหน้าของชายคนหนึ่งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเรียกว่าพ่อกำลังตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด

‘ฉันไม่มีลูกโง่ ๆ อย่างแก’ หญิงวัยกลางคนผู้ที่เขาเคยเรียกว่ามารดาเบ้ปากใส่อย่างรังเกียจ ’ทำไมเกรเกอรี่ถึงไม่มาเกิดเป็นลูกฉันนะ?’

‘เคอร์วิน เคอร์วิน’ ภาพเด็กชายผมแดงตะโกนเรียกเขาอย่างร่าเริง

‘เคอร์วิน ไม่เป็นไรนะ คราวหน้าเรามาพยายามกันใหม่’ เด็กชายผมสีทอง ดวงตาสีน้ำตาลทองเป็นประกายส่งยิ้มให้

เสียงร้องแหลมของนกปีศาจดังก้องขึ้นทำลายห้วงความนึกคิดนั้น กษัตริย์ซาดิน และเบลซ เซจ กำลังมองตรงมาด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าที่บูดเบี้ยวด้วยความสะอิดสะเอียนของแบล็ค ไวเซอร์ ถูกซ่อนไว้อีกครั้ง

“หึ หึ พวกมันจะได้สำนึก อีกไม่นานนี้แหละฝ่าบาท อีกไม่นาน....” แบล๊ค ไวเซอร์แสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย


***************************



กลางดึกในคืนที่อากาศค่อนข้างหนาวเย็นคืนหนึ่ง บริเวณที่พักของนักบวชชั้นผู้ใหญ่ประจำเมืองเอรีม บิชอปเกรเกอรี่กำลังนอนหลับอยู่ภายในห้องที่พักของตน ทันใดนั้นจู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีใครคนหนึ่งกำลังสัมผัสตัวของเขาอย่างแผ่วเบา หูของเขาได้ยินเสียงเล็ก ๆ คล้ายเสียงของสตรีพูดกระซิบกระซาบบางอย่างเบา ๆ เขาพยายามเปิดเปลือกตาขึ้นทว่าเปลือกตาของเขากลับหนักอึ้งเพราะความง่วงงุน เสียงกระซิบนั้นยังคงดังอยู่และดูเหมือนเสียงนั้นดังอยู่ใกล้หูของเขาเหลือเกิน เกรเกอรี่รู้สึกถึงปลายนิ้วที่เนียนนุ่มลากนิ้วจากหน้าผากของเขาเรื่อยละมาถึงปลายจมูกช้า ๆ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นใช้หลังมืออ่อนนุ่มลูบไล้อย่างเบามือที่ข้างแก้มของเขา เกรเกอรี่จึงพยายามสลัดไล่ความง่วงงุนฝืนเปิดเปลือกตาขึ้นในที่สุด ทันทีที่ลืมตาขึ้นเขาก็ต้องตกตะลึงแทบจะลืมหายใจเมื่อมีหญิงสาวนางหนึ่งนั่งคร่อมอยู่บนตัวเขา ดูจากหน้าตาของเธอแล้วอายุคงไม่เกินสิบแปดปี เธอเป็นหญิงสาวที่มีใบหน้าหมดจดงดงามที่สุดอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต สีตาดำสนิทเหมือนท้องฟ้าในคืนเดือนมืดทว่ากลับมีประกายแพรวพราวดูโดดเด่นเหมือนดวงดาวในยามค่ำคืน ริมฝีปากสีแดงสดเผยอขึ้นน้อย ๆ อย่างเย้ายวนก่อนจะแย้มยิ้มให้เขา ผิวกายของเธอผุดผาดเป็นสีนวลเรืองรองราวกับดวงจันทร์ที่ลอยเด่นกลางท้องฟ้าที่ไร้เมฆเวลาเที่ยงคืน ผมเหยียดตรงยาวสยายสีดำสนิทเหมือนเส้นไหมนุ่มสีดำล้อมกรอบใบหน้าของเธอจนดูคมเด่นแม้ในแสงสลัวยามเย็นเช่นนี้ ยามเย็นอย่างนั้นรึ? เขาเข้านอนตอนมืดมิใช่หรือ? นี่จะต้องเป็นความฝันแน่ ๆ คิดได้ดังนั้นก็รีบสะบัดตัวอย่างแรงเพื่อให้ตื่นจากความฝันนี้

ทันทีที่เขาลืมตาขึ้นจึงได้พบว่าเป็นเวลาสายมากแล้วเพราะแสงแดดที่เริ่มจัดสาดเข้ามาตามช่องหน้าต่าง เขาไม่เคยนอนตื่นสายถึงขนาดนี้มาก่อนเลย คงเป็นเพราะเขานอนมากเกินไปแน่ ๆ จึงทำให้เขาฝันเช่นนั้น เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วจึงลุกออกจากเตียงเดินไปที่ประตูห้องแต่ยังไม่ทันที่เขาจะเดินไปถึงประตู จู่ ๆ ก็พบว่าเขากลับไปนอนอยู่บนเตียงเช่นเดิมเหมือนเมื่อตอนที่เขาลืมตาตื่นเมื่อครู่นี้ ทั้ง ๆ ที่เขาแน่ใจว่าเขาได้ลุกขึ้นจากเตียงไปแล้วมิใช่รึ? หรือจริง ๆ แล้วเขายังไม่ได้ลุกออกจากเตียงกันแน่? เกรเกอรี่รู้สึกพิศวงอยู่เพียงครู่หนึ่งก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างขยับอยู่ใต้ผ้าห่มของเขา เกรเกอรี่รู้สึกตัวเย็นวาบคิดจะสลัดผ้าห่มและอะไรบางอย่างนั้นให้พ้นจากตัวเขา แต่เขากลับไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ มันค่อย ๆ ขยับคืบคลานใกล้เข้ามาเรื่อยอย่างช้า ๆ และในวินาทีที่มันโผล่พ้นผ้าห่มนั้นเกรเกอรี่ก็ต้องตกตะลึงอีกเป็นครั้งที่สอง เมื่อกลับกลายเป็นสาวน้อยคนเดิมที่ปรากฏในฝันของเขาโผล่พ้นผ้าห่มขึ้นมา ริมฝีปากสีแดงแย้มยิ้มอย่างยั่วยวน เธอยืดตัวขึ้นจนผ้าห่มเลื่อนหล่นจนไปกองอยู่ที่เอว เกรเกอรี่จึงได้เห็นว่าผมยาวดำขลับของเธอยาวสยายอยู่บนอกของเขาและสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นผ้าห่มในทีแรกกลับกลายเป็นผมสีดำที่ยาวสยายของเธอนั่นเอง เธอยกมือลูบต้นคอของเธอก่อนจะค่อย ๆ ลากมือต่ำลงมาเรื่อย ๆ สายตาของเกรเกอรี่มองตามการนำด้วยมือของหญิงสาวจนพบว่าเธอไม่ได้สวมเสื้อผ้า หากแต่ใช้เพียงแค่ผมดำขลับยาวสยายเป็นแพรปิดซ่อนเนื้อตัวที่เปล่าเปลือยของเธอไว้เท่านั้น เกรเกอรี่รีบเบือนหน้าหนีทันที ทว่าเธอกลับยื่นมือมาจับผมปอยหนึ่งที่หน้าผากของเกรเกอรี่ไปเหน็บไว้ที่ข้างหูของเขาและเอียงหน้าของบิชอปหนุ่มให้กลับมาเผชิญหน้ากับตนอีกครั้งก่อนจะยิ้มน้อย ๆ พลางกัดริมฝีปากล่างอย่างยั่วเย้าโน้มหน้าลงมาหาเขา

‘ไม่! นี่ต้องเป็นความฝันแน่ ๆ ’ เกรเกอรี่หลับตาและพยายามเรียกสติของเขาให้ตื่นจากความฝันประหลาดนี้

บิชอปพยายามดิ้นรนเพื่อให้เป็นอิสระและที่สุดเขาก็สะดุ้งสุดตัวลืมตาตื่นขึ้นได้ในที่สุด เกรเกอรี่หายใจหอบรู้สึกเหนื่อยเหมือนคนทำงานหนักมาทั้งวัน เหงื่อแตกจนใบหน้าชื้นแฉะ เขาเหลือบตามองไปรอบ ๆ ห้องที่มืดสลัวของเขา ในฝันนั้นช่างสมจริงจนเหมือนจะยังทิ้งร่องรอยแห่งการสัมผัสไว้แม้ในยามตื่น ฝันที่ดูเหมือนสวยงามแต่กลับทำให้หวาดกลัวอย่างไม่อาจบรรยาย เกรเกอรี่ตัวสั่นน้อย ๆ ฝันนั้นสร้างความหวาดหวั่นลึก ๆ ในจิตใจของเขา หูของเขาแว่วเสียงระฆังดังมาจากที่ไกล ๆ ตีบอกให้รู้ว่าอีกไม่กี่ชั่วยามจะรุ่งสาง

“นี่มันฝันอะไรกัน? ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ ” เกรเกอรี่ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก ถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยล้า บิชอปหนุ่มตัดสินใจลุกขึ้นมุ่งไปยังแท่นภาวนาเพราะคิดว่าหากเขานอนต่ออาจจะต้องวนเวียนอยู่ในความฝันเมื่อครู่อีกแน่ เกรเกอรี่จึงลุกขึ้นมุ่งหน้าเดินไปที่แท่นภาวนา ทันทีที่คุกเข่าลงกลับกลายเป็นว่าเขากำลังนอนจมอยู่ในกองผ้าห่มบนเตียงของเขานั่นเอง เกรเกอรี่มองไปรอบ ๆ ห้องรู้สึกสับสนยิ่งขึ้น เขายังคงติดอยู่ในความฝันหรือนี่? ฉับพลันนั้นก็แว่วได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักเหมือนสาวแรกรุ่นกำลังหัวเราะสนุกสนานจากที่ใดที่หนึ่ง เสียงหัวเราะนั้นใสราวกับระฆังแก้วทว่ากลับกระตุกแกว่งหัวใจของเขาให้รู้สึกหวาดกลัว เกรเกอรี่หันหน้าไปมองทางต้นเสียงก็หามีใครไม่ เสียงหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจดังขึ้นอีกเมื่อรู้ว่าเกรเกอรี่มองหาที่มาของเสียงไม่พบ บิชอปหนุ่มพยายามจะขยับตัวลุกขึ้นแต่ก็พบว่าเขาเหมือนถูกหมุดตอกตรึงไว้กับเตียงของเขาเอง ยิ่งเขาดิ้นรนให้เป็นอิสระเสียงหัวเราะชอบใจก็ยิ่งดังขึ้น ที่สุดเกรเกอรี่จึงตะโกนสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

“เจ้าเป็นใคร? ปรากฏตัวออกมาเดี๋ยวนี้!”

สิ้นคำเกรเกอรี่เสียงหัวเราะก็เงียบลงทันที เกรเกอรี่หันไปรอบ ๆ พยายามมองหาใครก็ตามที่กำลังพยายามล่อลวงเขา ที่ปลายเตียงนั้นเองเกรเกอรี่ก็พบหญิงสาวผู้งดงามที่ปรากฏตัวในฝันของเขาอีกครั้ง เธอค่อย ๆ คลานขึ้นมาจากปลายเตียงด้วยกิริยาแช่มช้าเย้ายวนเหมือนแมวดำสาวทรงเสน่ห์ เธอหัวเราะเบา ๆ ทอดสายตาเชิญชวนเกรเกอรี่อย่างเปิดเผย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 28 มายาแห่งฝันต้องสาป @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 1:00 pm

“ข้าคือผู้ที่ท่านจะต้องถวิลหาทุกเช้าค่ำ” หญิงสาวกล่าวเสียงไพเราะเหมือนระฆังแก้วเจียระไน คลานเข้ามาใกล้ “ข้าคือผู้ที่ท่านจะมอบความจงรักภักดีให้” เธอขยับเข้าใกล้ยิ่งขึ้น “ข้าคือผู้ที่ท่านจะต้องเทิดทูนบูชา” เธอใช้มืออันอ่อนนุ่มทั้งสองประคองใบหน้าของเกรเกอรี่ไว้ กระซิบเสียงกระเซ้า “และข้าคือผู้ที่ท่านไม่อาจต้านทาน”เธอยิ้มเชิญชวนเลียริมฝีปากอย่างยั่วเย้าอีกครั้งสายตาจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากบิชอปหนุ่มพลางโน้มตัวลง

“พระเจ้าข้า โปรดคุ้มครองข้ารับใช้ของพระองค์” เกรเกอรี่ตะโกนสุดเสียง ทำให้หญิงสาวชะงักด้วยความตกใจก่อนจะหายวับไปกับตา

ทันใดนั้นเกรเกอรี่ก็สะดุ้งตื่นขึ้น มือกำผ้าห่มแน่นหอบหายใจด้วยความตกใจในความฝันอันน่ากลัว พอเริ่มจะหายงัวเงียก็รีบลุกขึ้นนั่งทันทีรู้สึกเหนื่อยล้าจนแทบจะนั่งไม่อยู่ เกรเกอรี่มองไปรอบ ๆ อย่างโล่งอกที่สามารถหลุดออกมาจากความฝันนั้นได้ เขาพบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนเตียงในเวลาเย็นที่ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำสาดแสงสีอมส้มเข้ามาภายในห้องจนเหมือนจะย้อมทั่วทั้งห้องให้กลายเป็นสีส้มอ่อน ๆ ภายนอกหน้าต่างมองเห็นดวงอาทิตย์สีส้มนวลดวงโต เกรเกอรี่ได้ยินเสียงผ้าเสียดสีกันข้างตัวจึงหันกลับมา และก็ได้พบว่าข้างกายของเขามีหญิงสาวผู้งดงามคนเดิมนอนคว่ำหน้าอยู่เผยให้เห็นแผ่นหลังเปล่าเปลือยของเธอ เธอนอนหลับตาพริ้มหันหน้ามาทางเขา บิชอปหนุ่มยื่นมือออกไปจะแตะต้องตัวเธอโดยที่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเขายื่นมือออกไปเพื่ออะไรกันแน่? เพื่อปลุกหญิงสาวหรือ? หรือว่าเพื่อไล่เธอไป? เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมมือของเขาจึงยื่นออกไปหาราวกับไม่ใช่มือของเขาเอง ยังไม่ทันที่จะสัมผัสถูกตัวเธอเกรเกอรี่ก็รีบบังคับมือของตนกลับมา หญิงสาวก็ลืมตาขึ้นทันทีก่อนจะตวัดขาพลิกตัวขึ้นอยู่เหนือร่างของเกรเกอรี่และโน้มหน้าลงไปหาเขาทันที

“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย เรากำลังอยู่ในความฝันไม่ใช่หรือ? ในความฝันเราจะทำอะไรก็ได้ ท่านเคยได้ยินใครกล่าวโทษการกระทำในฝันของผู้อื่นหรือ?”

“นี่ไม่ใช่ความฝัน เจ้ากำลังล่อลวงข้า ออกไป๊!”

เกรเกอรี่ตะโกนลั่นผลักหญิงสาวเต็มแรงจนตัวเขาเองหงายหลังไป ทำให้ศีรษะกระแทกกับขอบเตียงอย่างแรงและสะดุ้งตื่นขึ้น บิชอปหนุ่มลุกขึ้นนั่งเอามือลูบศีรษะเบา ๆ เพราะความเจ็บ รู้สึกว่าด้านหลังศีรษะปูดบวมน้อย ๆ เขาหันกลับไปมองทางหัวเตียง ในที่สุดเขาก็ตื่นขึ้นมาได้เสียที ความฝันร้ายกาจนั่นทำให้เขาดิ้นจนศีรษะโขกกับเตียงอย่างแรงทีเดียว เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก เลื่อนมือทั้งสองกลับมาดึงผ้าห่มที่กองยู่ยี่อยู่ที่ปลายเท้า แต่ทันใดเขาก็รู้สึกถึงฝ่ามืออ่อนนุ่มลูบไล้เบา ๆ ที่ด้านหลังศีรษะของเขาพร้อมกับเสียงหัวเราะชอบใจลอยแว่วมา

“ข้าบอกท่านแล้วว่าเมื่อกี้เป็นแค่ความฝันก็ไม่เชื่อ”

ได้ยินเพียงเท่านั้นหัวใจของเกรเกอรี่ก็อ่อนยวบลงทันที เขายังคงติดอยู่ในวังวนแห่งความฝันอยู่ บิชอปหนุ่มหันไปทางต้นเสียงและก็พบว่าใบหน้าของหญิงสาวนั้นอยู่ใกล้กับเขาจนเกือบจะชิดกัน

“ท่านไม่มีวันหนีไปจากข้าได้” หญิงสาวแย้มยิ้มโน้มหน้าเข้าไปหาเขาทันที

เพียงแค่ริมฝีปากของหญิงสาวแตะสัมผัสถูกริมฝีปากของเขาเบา ๆ ความกลัวชนิดจับขั้วหัวใจก็โหมกระพือจู่โจมจิตใจของเขาอย่างรวดเร็ว มือและเท้าเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง หัวใจเหมือนถูกบีบกระชากพาลจะหมดสติเสียให้ได้ แต่ยังไม่ทันที่สติจะหลุดลอย หูของเขาก็แว่วเสียงกรีดร้องแหลมลึกเกรี้ยวกราดอย่างน่ากลัวดังขึ้น เขาเปิดเปลือกตาขึ้นแทบจะทันใด จึงได้เห็นว่าหญิงสาวถดตัวถอยห่างออกไปจากเขาแล้ว สายตาอาฆาตมาดร้ายของเธอทำให้ความงดงามเลือนหายไปจนหมดสิ้น ดวงตาแข็งกร้าวระคนหวาดหวั่นของเธอจับจ้องบางสิ่งบางอย่างเหนือศีรษะของเขา บิชอปเกรเกอรี่จึงเห็นว่ามีแสงเรืองรองทอประกายอยู่เหนือเขาและค่อย ๆ เจิดจ้าขึ้นเรื่อย ๆ บิชอปพยายามเงยหน้าขึ้นมองแต่ก็ตาพร่าจนไม่อาจมองเห็นอะไรได้

“พวกเจ้าเป็นใครกัน!?!” หญิงสาวตะโกน เสียงที่เคยไพเราะราวระฆังแก้วกลับกลายเป็นเสียงตะโกนแสบแหลม ดวงตากวาดไปมาอย่างลนลาน

“เราคือผู้ปกป้องความเป็น ‘สงฆ์นิรันดร’ ของเขา” เสียงอ่อนหวานนุ่มนวลเจือความอ่อนโยนของใครคนหนึ่งดังขึ้นเหนือเขา

“นางปีศาจเจ้าเล่ห์ ช่างบังอาจนักที่กล้าเข้ามาล่อลวงผู้รับใช้ของพระเจ้า” เสียงสตรีที่เด็ดขาดมีอำนาจอีกเสียงหนึ่งดังกังวานขึ้น
อีกเสียงที่ฟังดูร่าเริงสดใสดังกังวานพร้อมเสียงหัวเราะ “ในเมื่อเป็นกายจำแลง ถ้าเช่นนั้นก็ทำให้นางเผยร่างที่แท้จริงออกมาให้ประจักษ์แก่สายตาเลยสิ"

“Veritas Existere Aeternus”
(เวริตัส เอ็คซิสแตร์ เอแตรนัส )
(ความจริงดำรงอยู่นิรันดร์)


เสียงตะโกนที่กังวานใสเหมือนหยาดน้ำค้างดังขึ้นก่อนจะมีเสียงดีดของสายเอ็นพร้อมกับแสงสีขาวพุ่งใส่ร่างหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงปลายเตียงราวกับศรสวรรค์ ฉับพลันก็เกิดแสงสว่างวาบพร้อมกับเสียงกรีดร้องแหลมลึกดังลั่นสนั่นไหว ทันทีที่แสงจ้าจางลงหญิงสาวผู้งดงามก็เปลี่ยนไป ท่อนล่างของนางเปลี่ยนไปดูคล้ายสัตว์ป่า หางยาวแหลมปลายคล้ายหัวธนูตวัดไปมาราวกับแส้ ท่อนแขนที่เคยเรียวงามกลับกลายมีขนหนาดกดำขึ้นปกคลุมไม่ต่างจากแขนของสัตว์ป่า หูทั้งสองข้างแหลมยาวอย่างกับหูของปีศาจร้าย นางกลับกลายเป็นร่างของซัคคิวบัส(Succubus) นางปีศาจที่ชอบล่อลวงมนุษย์ผู้ชายให้กลายเป็นทาสของตน ทันทีที่ร่างแท้จริงถูกเปิดเผยนางปีศาจก็คลุ้มคลั่งอาละวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว กางกงเล็บคมกริบจิกทึ้งเตียงและผ้าห่มจนขาดกระจาย สายตาจ้องมองมาทางเกรเกอรี่อย่างดุดันและมาดร้ายก่อนจะกรีดร้องเสียงดังพุ่งเข้าใส่เกรเกอรี่ ทันใดนั้นเสียงที่บ่งบอกถึงความสุขุมและผู้มีปัญญาก็ดังขึ้น

“ท่านบิชอป.... Sanctus Verbum”
(ซางตุส เวอร์บุม)
(พระวาจาศักดิ์สิทธิ์)


เมื่อได้ยินดังนั้นเกรเกอรี่จึงนึกได้ถึงพระวาจาศักดิ์สิทธิ์ (Holy words) อันเป็นบทสวดที่สามารถใช้ขับไล่ปีศาจได้ เกรเกอรี่จึงเริ่มท่องด้วยความตั้งใจและสำรวมสมาธิ เพียงแค่บทสวดกระทบหู นางปีศาจก็กรีดร้องดิ้นทุรนทุราย ก่นด่าอาฆาตมาดร้ายสารพัด ครั้นเมื่อบิชอปเกรเกอรี่ท่องบทสวดเสียงดังเปี่ยมด้วยพลังอำนาจยิ่งขึ้น นางซัคคิวบัสก็ยิ่งหวีดเสียงร้องโหยหวนทรมาน ก่อนจะจางหายไปพร้อม ๆ กับเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและเสียงด่าสาปแช่งที่ดังแว่วมาจากที่ไกล ๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 28 มายาแห่งฝันต้องสาป @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 1:02 pm

เกรเกอรี่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ แสงเงินของดวงอาทิตย์ยามเช้าทอส่องประกายอ่อน ๆ เข้ามาภายในห้องนอนของเขา เขายังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงราวกับจะชั่งใจว่าในครั้งนี้เป็นการตื่นที่แท้จริงหรือไม่? ไม่มีกลิ่นอายที่น่าหวาดกลัวหลงเหลืออยู่แล้วแต่เพราะความฝันที่ซ้อนทับกันจนนับครั้งไม่ถ้วนนั่นทำให้ความรู้สึกของเขาไม่มั่นคงนัก บิชอปหนุ่มเหลือบไปรอบ ๆ ห้องช้า ๆ ทั่วทั้งห้องไม่มีวี่แววของใครอื่นเลยนอกจากตัวเขาเอง หูของเขาแว่วได้ยินเสียงฝูงนกที่ออกหากินในยามเช้าร้องขับขานกันอย่างไพเราะ เกรเกอรี่จึงรีบลุกขึ้นจากเตียงพุ่งตัวไปยังหน้าต่างที่ใกล้ที่สุดพลางกวาดสายตามองออกไปภายนอกหน้าต่าง ภาพชาวบ้านที่เริ่มต้นชีวิตประจำวันของพวกเขาดูชินตาเฉกเช่นทุกวัน กลิ่นหอมของขนมปังอบใหม่ ๆ เคล้ากลิ่นอากาศบริสุทธิ์สดชื่นโชยพัดมาตามลม เสียงร้องอันไพเราะของนกเนเดีย(Naedia)ดังแว่วมาจากชายป่าไกล ๆ เกรเกอรี่ค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ ในที่สุดเขาก็กลับมาสู่โลกแห่งความจริงแล้ว

“ช่างเป็นความฝันที่สมจริงเหลือเกิน... และน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุดด้วย” เกรเกอรี่เปรยออกมาก่อนจะเดินกลับมาที่เตียง เตียงนอนดูยุ่งเหยิงไปหมด บิชอปหนุ่มจึงเอื้อมมือดึงผ้าห่มที่กองยับยู่ยี่อยู่ที่ปลายเตียงขึ้นมาคิดจะจัดที่นอนให้เรียบร้อย แต่แล้วก็ต้องใจหายวาบด้วยความตกใจเมื่อผ้าห่มของเขาถูกฉีกทึ้งจนขาดวิ่น เศษผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยร่วงลงสู่พื้น

“...เรื่องจริงรึนี่?” เกรเกอรี่พึมพำเบา ๆ ด้วยความหวั่นวิตก ใบหน้าเคร่งเครียดและซีดขาว


ขณะที่กษัตริย์ซิกมันด์ทรงกำลังหารือเรื่องการรบกับเจ้าเมืองเอรีมและเหล่าแม่ทัพภายในท้องพระโรง มหาดเล็กก็เข้ามารายงานว่าบิชอปเกรเกอรี่มีเรื่องสำคัญจะขอเข้าเฝ้า กษัตริย์ซิกมันด์จึงทรงหยุดการประชุมไว้ชั่วคราวพร้อมกับเบิกตัวบิชอปเกรเกอรี่เข้าเฝ้า

“ท่านบิชอปมีเรื่องด่วนอะไรหรือ?” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นบิชอปเกรเกอรี่มาขอเข้าเฝ้าตั้งแต่หัววัน

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดจะมาขอกราบทูลลากลับเมืองฟีเลเซียพ่ะย่ะค่ะ”

“ทำไม? เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”

“มิได้มีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้นที่ฟีเลเซียหรอกพ่ะย่ะค่ะ แต่เป็นเหตุร้ายที่เกิดขึ้นกับตัวกระหม่อมเอง เมื่อคืนนี้นางปีศาจซัคคิวบัสมาสร้างฝันมายาหมายจะล่อลวงกระหม่อม”

“นางปีศาจซัคคิวบัสที่ชอบล่อลวงมนุษย์ผู้ชายให้ตกเป็นทาสของมันน่ะหรือ?” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสถามอย่างไม่แน่ใจ

“พ่ะย่ะค่ะ แต่นางปีศาจตนนี้ร้ายกาจกว่าปีศาจซัคคิวบัสทั่วไป เพราะมันสามารถเข้ามาอาละวาดถึงในเขตพรตที่ศักดิ์สิทธิ์ของนักบวช ซ้ำยังมีพลังมากจนกระหม่อมเองกว่าจะไล่มันไปได้ก็แทบแย่ทีเดียว”

“ทำไมมันถึงเจาะจงเข้ามาในเขตพรตล่ะ? ในเมื่อเขตพรตเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ปีศาจไม่สามารถเข้ามาได้อยู่แล้ว ข้ารู้สึกว่าเหมือนมันตั้งใจจะมาเพื่อเล่นงานท่านโดยเฉพาะ ...หรือว่าจะมีใครส่งมันมาจริง ๆ ?” องค์กษัตริย์ทรงถามอย่างสงสัย

“กระหม่อมก็คิดเช่นนั้น เพราะการที่นางปีศาจเข้ามาถึงในเขตพรตได้แสดงว่าต้องมีใครสักคนใช้เวทย์แห่งความมืดช่วยเสริมอยู่เบื้องหลังแน่ ๆ เมื่อคืนนี้กระหม่อมทำได้แค่ไล่มันไปเท่านั้น กระหม่อมเกรงว่ามันอาจจะย้อนกลับมาอีก ดังนั้นกระหม่อมจึงคิดจะขอกราบทูลลาพระองค์กลับเมืองฟีเลเซียเพื่อหาทางป้องกันมันมิให้กลับมาอาละวาดได้อีกตลอดกาล ที่หอสมุดในวิหารหลวงต้องมีบันทึกเกี่ยวกับวิธีแก้พวกอวิชชาและวิธีปราบนางปีศาจไว้แน่” เกรเกอรี่ทูลตอบ

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงมีสีพระพักตร์ลำบากพระทัยอยู่ไม่น้อย คิ้วขมวดเข้าหากันครุ่นคิด ทรงใช้นิ้วชี้เคาะบนที่เท้าแขน ซึ่งบิชอปเกรเกอรี่เองเมื่อเห็นอาการเช่นนี้ของพระองค์จึงได้กล่าวทูลขึ้น

“กระหม่อมให้คำมั่นว่าหากรู้วิธีจัดการกับนางซัคคิวบัสแล้วจะรีบกลับมาทันทีพ่ะย่ะค่ะ”

“ท่านบิชอป ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากให้ท่านไปหรอกนะ แต่ท่านก็รู้ว่าทั้งขวัญและกำลังใจของทหารฟีเลเซีย และทั้งการที่ซาโลมยังไม่กล้าบุกเรามากนักสาเหตุส่วนหนึ่งก็เพราะท่านอยู่กับเราที่นี่...” พระองค์ทรงหยุดตรัสเพียงเท่านั้นคล้ายจะปล่อยให้ท่านบิชอปได้ตริตรองถึงเรื่องนี้อีกครั้ง

เกรเกอรี่เองก็ตระหนักถึงความสำคัญของตนเองต่อกองทัพในเวลานี้เช่นกัน ทว่าหากเขาไม่กลับไปนางปีศาจอาจจะหวนกลับมาอีกและถ้าเขาพลาดท่าเสียทีให้แก่นางปีศาจ อาณาจักรฟีเลเซียก็คงยากที่จะหาใครขึ้นมาดำรงตำแหน่งบิชอปแห่งฟีเลเซียแทนเขาในเวลานี้ด้วยเช่นกัน

เมื่อกษัตริย์ซิกมันด์ทรงเห็นว่าท่านบิชอปเองก็มีสีหน้าลำบากใจอยู่ไม่น้อยจึงตรัสขึ้นในที่สุด “เอาเถอะท่านบิชอป ข้าเองก็เข้าใจในความจำเป็นของท่าน ข้าอนุญาตให้ท่านเดินทางกลับฟีเลเซียได้ แต่เมื่อท่านไปถึงฟีเลเซียแล้วให้เสด็จพี่เรจิน่ารีบยกทัพขึ้นมาช่วยข้ารบกับพวกซาโลมอีกแรงก็แล้วกัน”

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรีบเดินทางและรีบกลับมาโดยเร็ว”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)


ย้อนกลับไปยัง Summoner Novel

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน