Chapter 27 ผู้ที่เข้มแข็งที่สุด
วันนี้เป็นวันโซลุม(Solum)ซึ่งเป็นวันที่เจ้าหญิงอลาน่าและคณะซิสเตอร์ของซิสเตอร์โรซาน่าใช้เป็นวันสำหรับออกตรวจเยี่ยมและรักษาโรคทั่วไปให้แก่คนยากคนจนตามแหล่งสลัมและท่าเรือ และก็เหมือนกับวันลักษ์ที่เป็นวันแจกอาหาร เจ้าหญิงอลาน่ามักจะนำคณะไปตรวจเยี่ยมประชาชนแถวท่าเรือเป็นประจำ แต่การรักษานี้ก็ไม่ใช่ว่าบรรดาคนป่วยทุกคนจะได้รับการรักษาในทันที ทั้งนี้ก็เพราะไม่ใช่ซิสเตอร์ทุกคนจะมีพลังในการรักษา ซิสเตอร์ที่มีพลังพิเศษนี้จึงต้องหมุนเวียนไปตามที่ต่าง ๆ เพื่อกระจายความช่วยเหลือไปให้ทั่วถึง ซิสเตอร์ที่ไม่มีพลังในการรักษาก็จะช่วยวิเคราะห์โรค ทำความสะอาดแผล แนะนำการดูแลรักษาร่างกายเบื้องต้นให้แก่คนยากคนจน และแจกจ่ายยารักษาโรค แต่ก็ไม่ค่อยเพียงพอกับจำนวนผู้ป่วยเพราะยาที่ใช้รักษาอาการเจ็บไข้ต่าง ๆ นั้นมีราคาแพงมากนั่นเอง
แน่นอนว่าการออกไปรักษาโรคให้กับคนยากจนของเจ้าหญิงอลาน่านั้นถูกคัดค้านจากราชองครักษ์อองเดรเหมือนเช่นทุกครั้ง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าหญิงถึงต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงต่อการติดโรคจากพวกคนจนสกปรกเหล่านั้น ซึ่งเจ้าหญิงก็ให้เหตุผลว่าประเทศชาติจะเข็มแข็งมั่นคงได้อย่างไรหากประชาชนอ่อนแอและเจ็บป่วยอยู่อย่างนี้ จึงเป็นหน้าที่โดยตรงของเจ้าหญิงผู้ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการที่จะดูแลประชาชนให้มีสุขภาพดีแข็งแรง เพื่อประชาชนจะสามารถใช้ความรู้ความสามารถมาพัฒนาแอนดิซองได้อย่างเต็มที่ ทว่าเหตุผลของเจ้าหญิงก็ไม่ได้ทำให้ราชองครักษ์ยอมรับหรือเข้าใจอะไรมากขึ้น เขายังคงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างเต็มที่แต่ก็ไม่สามารถขัดขวางเจ้าหญิงไม่ให้ทำตามที่ปรารถนาได้ จึงได้แต่ส่งทหารตามไปอารักขาและเตรียมหมอหลวงให้ตรวจสุขภาพเจ้าหญิงทุกครั้งที่กลับจากการรักษาโรคพวกคนจน
วันนี้คณะของเจ้าหญิงก็มาที่ท่าเรือตามเวลาปกติเหมือนเช่นทุกครั้ง เต็นท์ที่ให้การรักษาถูกจัดเตรียมขึ้นอย่างง่าย ๆ ด้วยความรวดเร็วโดยเหล่านายทหารที่ติดตามมาด้วย ทว่าวันนี้กลับดูแตกต่างไปจากทุกวัน เพราะบริเวณท่าเรือกลับคลาคล่ำไปด้วยคนต่างชาติมากมาย ดูจากเครื่องแต่งกายแล้วเจ้าหญิงก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นชาวฟูดินันและชาวฟีเลเซียแน่นอน บางคนก็มองเข้ามาในเต็นท์ด้วยความสงสัยและอยากรู้อยากเห็นว่าพวกซิสเตอร์เหล่านี้กำลังทำอะไรกัน บางคนที่รู้ว่าซิสเตอร์เหล่านี้รักษาอาการป่วยโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายก็มายืนเข้าแถวต่อคิวจนแถวยาวเหยียด
“ซิสเตอร์รู้ไหมคะว่าทำไมชาวฟูดินันและชาวฟีเลเซียถึงมาที่แอนดิซองมากมายขนาดนี้?” เจ้าหญิงอลาน่าตรัสถามซิสเตอร์โรซาน่าขณะที่พระหัตถ์ทั้งสองกำลังพันแผลที่แขนให้กับชายคนหนึ่ง
“อ้าว...ซิสเตอร์ไม่รู้หรือขอรับ คนพวกนี้เขาหนีภัยสงครามมา นี่เห็นว่ายังจะมีมากับเรือใหญ่อีกหลายร้อยเลยนะขอรับ คืนนี้คงมีคนนอนข้างถนนกันบานเลย” ชายที่เจ้าหญิงอลาน่าทรงกำลังพันแผลให้พูดขึ้นยิ้มแห้ง ๆ เพราะคิดว่าคืนนี้คงต้องมีการแย่งที่นอนกันแน่ ๆ เขาลุกขึ้นเมื่อเจ้าหญิงอลาน่าทรงทำแผลเสร็จแล้วจึงกล่าวขอบคุณซิสเตอร์ก่อนจะเดินออกจากเต็นท์ไป
“ซิสเตอร์คะ ซิสเตอร์คิดว่าอย่างไรถ้าหากฉันจะสร้างอาคารขึ้นหลังหนึ่งไว้สำหรับเป็นที่พักในยามค่ำคืนสำหรับผู้ยากไร้และผู้อพยพเหล่านี้? ฉันคิดว่าต่อให้เรารักษาอาการเจ็บไข้ของพวกเขา แต่ถ้าพวกเขายังนอนตากน้ำค้างและลมหนาวอย่างนี้ทุกวันก็แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย แล้วผู้อพยพเหล่านี้” เจ้าหญิงอลาน่าทอดพระเนตรผู้อพยพที่มีทั้งเด็กเล็ก ๆ ผู้หญิง และคนแก่ “พวกเขาบางคนอพยพมาแบบแทบจะตัวเปล่าเลย แอนดิซองอากาศหนาวเย็นกว่าที่ที่เขาจากมามากนะคะ พวกเขาจะทนสภาพอากาศแบบนี้ได้หรือ? ”
“ฝ่าบาท พระองค์ไม่จำเป็นต้องถามหม่อมฉันเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่พระองค์ตั้งพระทัยจะทำเพื่อพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าทั้งนั้น” ซิสเตอร์โรซาน่ายิ้มอย่างชื่นชม “แต่พระองค์จะเอาทุนทรัพย์จากที่ไหนมาสร้างอาคารให้พวกเขาหรือเพคะ? ทั้งยังที่ดินที่ใหญ่พอจะสร้างอาคารขนาดใหญ่เพื่อจุคนเหล่านี้อีก หม่อมฉันคิดว่าพวกสมาคมพ่อค้าเจ้าปัญหาต้องไม่อยู่เฉยแน่เพคะ”
“ใช่...ฉันก็คิดว่าพวกเขาไม่ยอมเสียผลประโยชน์แน่ ๆ เพราะที่ดินแถบนี้เป็นของพวกเขาทั้งนั้นเลยนี่คะ” เจ้าหญิงอลาน่าตรัสอย่างครุ่นคิด
ซิสเตอร์โรซาน่ามองพระพักตร์ของเจ้าหญิงก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน “ฝ่าบาท หม่อมฉันสังเกตว่าพระพักตร์ซีด ๆ ไปนะเพคะ พระองค์ประชวรรึเปล่า? ให้หม่อมฉันตรวจดูอาการสักหน่อยไหมเพคะ?”
“ไม่เป็นอะไรหรอกคะ ซิสเตอร์ใช้พลังช่วยรักษาพวกเขาดีกว่า ฉันแค่เพลีย ๆ นิดหน่อยเท่านั้นเองคะ เพราะช่วงนี้งานในวังมีมาก ฉันเลยต้องตรวจดูอะไรหลายอย่าง” เจ้าหญิงอลาน่าทรงยิ้มปฏิเสธด้วยความสุภาพ
“ถ้าเช่นนั้นพระองค์กลับไปพักผ่อนก่อนดีไหมเพคะ? หม่อมฉันจะดูแลงานทางนี้เอง” ซิสเตอร์โรซาน่าเสนอเพราะความห่วงใย
“ฉันยังไหวคะ แล้ววันนี้คนป่วยมีมากกว่าทุกวันเกือบสามเท่าได้กระมัง ถ้าขาดใครไปสักคนที่นี่ต้องวุ่นวายแน่ ๆ ให้ฉันอยู่ต่อเถอะนะจ๊ะ” เจ้าหญิงอลาน่าทรงขอร้อง
ซิสเตอร์โรซาน่าเอียงคอเล็กน้อย มองสำรวจพระพักตร์ของเจ้าหญิงเพื่อประเมินอาการด้วยสายตาที่ฉายแววกังวล “ก็ได้เพคะ แต่ถ้าพระองค์รู้สึกแย่ลงเมื่อไหร่ พระองค์ต้องรีบบอกหม่อมฉันทันที และเมื่อกลับไปถึงปราสาทแล้วก็ต้องรีบพักผ่อนนะเพคะ”
“ตกลงค่ะ” เจ้าหญิงอลาน่าทรงรับคำยิ้มอย่างร่าเริง