Chapter 23 ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความรัก
ณ เมืองท่าแอนดิซอง
ทุกวันลักษ์(Lux)ของสัปดาห์เป็นวันที่เจ้าหญิงอลาน่าและคณะนักบวชของซิสเตอร์โรซาน่าจะออกไปแจกจ่ายอาหารให้แก่บรรดาคนยากจนตามท่าเรือและแหล่งชุมชนแออัดในเมือง คณะนักบวชจะกระจายไปตามจุดสำคัญต่าง ๆ รอบ ๆ เมืองท่า ซึ่งผู้ที่มารับบริจาคก็มักจะมาต่อแถวรอรับบริจาคจนแถวยาวเหยียดทุกครั้ง ชาวบ้านรู้ดีว่าเจ้าหญิงจะทรงออกมาแจกจ่ายอาหารด้วยพระองค์ทุกครั้ง แต่น้อยคนนักที่รู้ว่าพระองค์คือเจ้าหญิงอลาน่าผู้สูงศักดิ์ ทั้งนี้เพราะท่าทางที่เรียบง่ายไม่ถือองค์ของเจ้าหญิง อีกทั้งมิได้ทรงสวมเสื้อผ้าอาภรณ์ที่หรูหราอย่างหญิงสูงศักดิ์หากแต่ทรงสวมชุดเครื่องแบบของซิสเตอร์ไม่ต่างจากซิสเตอร์ท่านอื่น ๆ เรื่องนี้เคยถูกองครักษ์อองเดรคัดค้านมาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะคิดว่าจะทำให้เกียรติของเจ้าหญิงมัวหมองลง แต่เมื่อเจ้าหญิงทรงอ้างถึงเรื่องความปลอดภัยในการพรางตัวไม่ให้ดูโดดเด่นจนเกินไปจึงทำให้องครักษ์หนุ่มจำใจยอมรับแม้ไม่ชอบใจนักก็ตามที กระนั้นก็ดีอองเดรก็ได้จัดทหารองครักษ์หลายสิบนายคอยดูแลอารักขาเจ้าหญิง แต่เมื่อเจ้าหญิงทรงปฏิเสธเพราะไม่อยากให้ชาวบ้านตื่นตกใจกับทหารจำนวนมากอีกทั้งการที่ทหารดูแลแค่เฉพาะกลุ่มของเจ้าหญิงก็จะยิ่งเป็นการบ่งบอกว่าเธอคือเจ้าหญิงแห่งแอนดิซอง ทำให้อองเดรจำต้องจัดหมู่ทหารองครักษ์คอยดูแลติดตามคณะแจกอาหารทุกกลุ่มเพื่อให้เจ้าหญิงยินยอมรับการอารักขาความปลอดภัยของตน
กลุ่มของเจ้าหญิงอลาน่าและซิสเตอร์โรซาน่ามักไปประจำอยู่ใกล้กับท่าเรือ เพราะที่นั่นมีคนยากจนไปขอทานกันอยู่มาก ซึ่งในวันนี้ก็อีกเช่นกันที่เจ้าหญิงอลาน่าจะออกไปแจกจ่ายอาหารแต่เช้า มีคนยากจนมากมายมายืนต่อแถวตรงบริเวณที่พระองค์มาตั้งโต๊ะแจกประจำก่อนที่คณะของพระองค์จะมาถึงเสียอีก หม้อซุปขนาดใหญ่หลายหม้อที่ถูกเปิดฝาขึ้นมีควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นมาส่งกลิ่นหอมฟุ้งตลบอบอวล ขนมปังเนื้อฟูก้อนโตทรงกลมสีน้ำตาลที่เพิ่งถูกนำออกจากเตาร้อน ๆ ก็ชวนกินไม่น้อย บรรดาคนยากจนมองกลุ่มซิสเตอร์ที่กำลังจัดวางหม้อซุปและขนมปังด้วยสายตาเป็นประกายตื่นเต้นดีใจ วันนี้พวกเขาจะได้อิ่มท้องด้วยขนมปังและซุปร้อน ๆ หอมกรุ่นที่จะช่วยบรรเทาความหนาวได้อย่างดี
ทันทีที่เริ่มแจกจ่ายอาหาร บรรดาคนยากจนต่างก็แทบจะกรูกันเข้ามารับอาหารด้วยความหิวโหย คนที่ได้รับแจกแล้วก็มักจะหาที่นั่งตามขอบถนนและมุมตึกบริเวณนั้นทานกันอย่างเอร็ดอร่อยในทันที ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุขของคนจนเหล่านี้ทำให้จิตใจของเจ้าหญิงอลาน่าทรงอิ่มเอมไปด้วยความสุข ซิสเตอร์โรซาน่าและเจ้าหญิงอลาน่ามักทำหน้าที่ตักซุปแจก พระองค์ตักแจกให้แก่คนจนคนแล้วคนเล่าจนกระทั่งมาถึงหนูน้อยคนหนึ่ง เด็กชายตัวน้อยอายุไม่น่าจะเกินเจ็ดปีเนื้อตัวมอมแมม เขาสวมเสื้อผ้าเนื้อบางซึ่งดูแทบจะไม่ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นเลยสำหรับเมืองหนาวเช่นนี้ เจ้าหญิงอลาน่าจำเด็กน้อยคนนี้ได้ดีเพราะพระองค์พึ่งจะให้เสื้อคลุมของพระองค์แก่เขาเมื่อวันแจกอาหารครั้งที่ผ่านมานี้เอง
“หนูจ๊ะ ทำไมไม่ใส่เสื้อคลุมที่ฉันให้ไปเมื่อคราวที่แล้วล่ะจ๊ะ? ใส่เสื้อบาง ๆ แบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะจ๊ะ” เจ้าหญิงอลาน่าทรงถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเด็กน้อยเอาแต่ก้มหน้านิ่งไม่ยอมตอบจึงได้ตรัสถามต่อ “หนูใส่เสื้อบางแค่นี้ไม่หนาวหรือจ๊ะ?”
เด็กน้อยพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะรีบส่ายหน้าเร็ว ๆ เจ้าหญิงอลาน่าทรงรู้ดีว่าเด็กน้อยต้องหนาวแน่ ๆ แต่ทำไมถึงส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่หนาว เด็กน้อยยื่นชามขอบบิ่นรอเธอตักซุปให้อย่างใจจดใจจ่อ พระองค์จึงตักซุปใส่ให้จนเกือบเต็มชาม ทันทีที่กลิ่นซุปโชยเข้าจมูก เด็กชายก็ตาโตกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เจ้าหญิงทรงยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะรับขนมปังจากซิสเตอร์ท่านหนึ่งส่งให้เด็กน้อย “รีบทานเลยนะจ๊ะ นั่งข้าง ๆ โต๊ะนี้ก็ได้จ้ะจะได้อุ่นขึ้นหน่อย”
แต่เด็กชายกลับใช้แขนหนีบขนมปังและเดินประคองชามซุปหายเข้าไปทางซอกตึกใกล้ ๆ กันนั้น เจ้าหญิงทรงมองตามหลังเด็กน้อยไปรู้สึกสงสัยยิ่งนักกับท่าทางของเด็กน้อย
“ซิสเตอร์คะ ฉันขอตัวสักประเดี๋ยวได้ไหมคะ?” เจ้าหญิงอลาน่าตรัสถามขึ้น
“พระองค์จะเสด็จไปไหนรึเพคะ?” ซิสเตอร์โรซาน่าทูลถามกลับ
“ฉันอยากจะไปดูเด็กน้อยคนเมื่อกี้สักหน่อยคะ ฉันรู้สึกติดใจกับท่าทางของแก” เจ้าหญิงอลาน่าทรงหันไปมองกลุ่มทหารก็เห็นว่าพวกเขากำลังง่วนอยู่กับการจัดแถวผู้มารับบริจาคให้เป็นระเบียบ ซึ่งซิสเตอร์โรซาน่าก็มองตามด้วยเช่นกัน
“แน่พระทัยหรือเพคะ เอาทหารติดตามไปด้วยสักสองนายสิเพคะ” ซิสเตอร์โรซาน่าเสนอเพื่อความปลอดภัยของเจ้าหญิง
“ไม่ดีกว่าคะ พวกเขากำลังทำงาน แล้วอีกอย่าง ฉันไม่อยากให้เด็กน้อยคนนั้นตกใจด้วย”
“ถ้าเช่นนั้น หม่อมฉันจะตามเสด็จไปด้วยนะเพคะ” ซิสเตอร์โรซาน่าเรียกให้ซิสเตอร์สองท่านเข้ามาทำหน้าที่ตักซุปแทนพวกเธอ ก่อนจะปลีกตัวเดินไปตามทางที่เด็กน้อยหายเข้าไป
ทั้งสองกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามซอกตึกที่สกปรกเลอะเทอะเพื่อตามเด็กน้อยให้ทัน เจ้าหญิงอลาน่าทรงเร่งฝีเท้าจนกระทั่งทะลุออกมาสู่ถนนสายเล็ก ๆ ที่มีบาร์เหล้าและโรงแรมราคาถูกตั้งอยู่อย่างแออัด เสียงหัวเราะและเสียงตะโกนหยอกล้ออย่างสนุกสนานเพราะความเมาดังออกมาจากร้านต่าง ๆ กำแพงตึกสีหม่นที่ดูแทบไม่ออกว่ามันเคยเป็นสีใดมาก่อนมีรอยร้าวและมีคราบสกปรกเปรอะอยู่เต็มไปหมด กลิ่นน้ำเน่าสกปรกจากท่อน้ำทิ้งโชยมาเป็นระยะ ๆ ทำให้สตรีทั้งสองต้องกลั้นหายใจอยู่หลายครั้ง และมีอยู่ถึงสองครั้งที่หนูดาร์กพิท(Dark Pit Rat) หนูร่างเล็กสีดำที่มีหูถึงสามคู่และหางยาว ปลายหูและปลายหางมีแสงเรืองสว่างคล้ายดวงไฟเล็ก ๆ ติดอยู่ มันวิ่งผ่านหน้าสตรีทั้งสองเข้าไปยังท่อน้ำทิ้งที่อยู่อีกฟากของตรอกแคบ ๆ นั้น ข้าง ๆ ร้านเหล้าไม่ใกล้ไม่ไกลนั้นมีกะลาสีเรือร่างอ้วนเนื้อตัวมอมแมมนอนกอดขวดเบียร์กรนเสียงดังสนั่น ทั้งสองเดินลัดเลาะซอกซอยต่าง ๆ ตามเด็กชายตัวน้อยไป เจ้าหญิงอลาน่าทรงพยายามมองหาเด็กน้อยอยู่ครู่หนึ่งก็ทันได้เห็นแผ่นหลังของเด็กน้อยที่กำลังประคองชามซุปอย่างระมัดระวังเลี้ยวหายไปในซอกตึกที่อยู่ตรงสุดถนน พระองค์และซิสเตอร์จึงรีบเร่งฝีเท้าตามไปทันที