Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ มี.ค. 29, 2024 6:52 am

หน้าเว็บบอร์ด Wiser Summoner Novel @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 23 ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความรัก @@

อ่านนิยาย Summoner Master Episodeต่าง ๆ ได้ที่นี่

Moderator: Jinger Ginger


@@ นิยายSMN Epi8 Chapter 23 ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความรัก @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 12:48 am

Chapter 23 ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความรัก


ณ เมืองท่าแอนดิซอง

ทุกวันลักษ์(Lux)ของสัปดาห์เป็นวันที่เจ้าหญิงอลาน่าและคณะนักบวชของซิสเตอร์โรซาน่าจะออกไปแจกจ่ายอาหารให้แก่บรรดาคนยากจนตามท่าเรือและแหล่งชุมชนแออัดในเมือง คณะนักบวชจะกระจายไปตามจุดสำคัญต่าง ๆ รอบ ๆ เมืองท่า ซึ่งผู้ที่มารับบริจาคก็มักจะมาต่อแถวรอรับบริจาคจนแถวยาวเหยียดทุกครั้ง ชาวบ้านรู้ดีว่าเจ้าหญิงจะทรงออกมาแจกจ่ายอาหารด้วยพระองค์ทุกครั้ง แต่น้อยคนนักที่รู้ว่าพระองค์คือเจ้าหญิงอลาน่าผู้สูงศักดิ์ ทั้งนี้เพราะท่าทางที่เรียบง่ายไม่ถือองค์ของเจ้าหญิง อีกทั้งมิได้ทรงสวมเสื้อผ้าอาภรณ์ที่หรูหราอย่างหญิงสูงศักดิ์หากแต่ทรงสวมชุดเครื่องแบบของซิสเตอร์ไม่ต่างจากซิสเตอร์ท่านอื่น ๆ เรื่องนี้เคยถูกองครักษ์อองเดรคัดค้านมาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะคิดว่าจะทำให้เกียรติของเจ้าหญิงมัวหมองลง แต่เมื่อเจ้าหญิงทรงอ้างถึงเรื่องความปลอดภัยในการพรางตัวไม่ให้ดูโดดเด่นจนเกินไปจึงทำให้องครักษ์หนุ่มจำใจยอมรับแม้ไม่ชอบใจนักก็ตามที กระนั้นก็ดีอองเดรก็ได้จัดทหารองครักษ์หลายสิบนายคอยดูแลอารักขาเจ้าหญิง แต่เมื่อเจ้าหญิงทรงปฏิเสธเพราะไม่อยากให้ชาวบ้านตื่นตกใจกับทหารจำนวนมากอีกทั้งการที่ทหารดูแลแค่เฉพาะกลุ่มของเจ้าหญิงก็จะยิ่งเป็นการบ่งบอกว่าเธอคือเจ้าหญิงแห่งแอนดิซอง ทำให้อองเดรจำต้องจัดหมู่ทหารองครักษ์คอยดูแลติดตามคณะแจกอาหารทุกกลุ่มเพื่อให้เจ้าหญิงยินยอมรับการอารักขาความปลอดภัยของตน

กลุ่มของเจ้าหญิงอลาน่าและซิสเตอร์โรซาน่ามักไปประจำอยู่ใกล้กับท่าเรือ เพราะที่นั่นมีคนยากจนไปขอทานกันอยู่มาก ซึ่งในวันนี้ก็อีกเช่นกันที่เจ้าหญิงอลาน่าจะออกไปแจกจ่ายอาหารแต่เช้า มีคนยากจนมากมายมายืนต่อแถวตรงบริเวณที่พระองค์มาตั้งโต๊ะแจกประจำก่อนที่คณะของพระองค์จะมาถึงเสียอีก หม้อซุปขนาดใหญ่หลายหม้อที่ถูกเปิดฝาขึ้นมีควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นมาส่งกลิ่นหอมฟุ้งตลบอบอวล ขนมปังเนื้อฟูก้อนโตทรงกลมสีน้ำตาลที่เพิ่งถูกนำออกจากเตาร้อน ๆ ก็ชวนกินไม่น้อย บรรดาคนยากจนมองกลุ่มซิสเตอร์ที่กำลังจัดวางหม้อซุปและขนมปังด้วยสายตาเป็นประกายตื่นเต้นดีใจ วันนี้พวกเขาจะได้อิ่มท้องด้วยขนมปังและซุปร้อน ๆ หอมกรุ่นที่จะช่วยบรรเทาความหนาวได้อย่างดี

ทันทีที่เริ่มแจกจ่ายอาหาร บรรดาคนยากจนต่างก็แทบจะกรูกันเข้ามารับอาหารด้วยความหิวโหย คนที่ได้รับแจกแล้วก็มักจะหาที่นั่งตามขอบถนนและมุมตึกบริเวณนั้นทานกันอย่างเอร็ดอร่อยในทันที ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุขของคนจนเหล่านี้ทำให้จิตใจของเจ้าหญิงอลาน่าทรงอิ่มเอมไปด้วยความสุข ซิสเตอร์โรซาน่าและเจ้าหญิงอลาน่ามักทำหน้าที่ตักซุปแจก พระองค์ตักแจกให้แก่คนจนคนแล้วคนเล่าจนกระทั่งมาถึงหนูน้อยคนหนึ่ง เด็กชายตัวน้อยอายุไม่น่าจะเกินเจ็ดปีเนื้อตัวมอมแมม เขาสวมเสื้อผ้าเนื้อบางซึ่งดูแทบจะไม่ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นเลยสำหรับเมืองหนาวเช่นนี้ เจ้าหญิงอลาน่าจำเด็กน้อยคนนี้ได้ดีเพราะพระองค์พึ่งจะให้เสื้อคลุมของพระองค์แก่เขาเมื่อวันแจกอาหารครั้งที่ผ่านมานี้เอง

“หนูจ๊ะ ทำไมไม่ใส่เสื้อคลุมที่ฉันให้ไปเมื่อคราวที่แล้วล่ะจ๊ะ? ใส่เสื้อบาง ๆ แบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะจ๊ะ” เจ้าหญิงอลาน่าทรงถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเด็กน้อยเอาแต่ก้มหน้านิ่งไม่ยอมตอบจึงได้ตรัสถามต่อ “หนูใส่เสื้อบางแค่นี้ไม่หนาวหรือจ๊ะ?”

เด็กน้อยพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะรีบส่ายหน้าเร็ว ๆ เจ้าหญิงอลาน่าทรงรู้ดีว่าเด็กน้อยต้องหนาวแน่ ๆ แต่ทำไมถึงส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่หนาว เด็กน้อยยื่นชามขอบบิ่นรอเธอตักซุปให้อย่างใจจดใจจ่อ พระองค์จึงตักซุปใส่ให้จนเกือบเต็มชาม ทันทีที่กลิ่นซุปโชยเข้าจมูก เด็กชายก็ตาโตกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เจ้าหญิงทรงยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะรับขนมปังจากซิสเตอร์ท่านหนึ่งส่งให้เด็กน้อย “รีบทานเลยนะจ๊ะ นั่งข้าง ๆ โต๊ะนี้ก็ได้จ้ะจะได้อุ่นขึ้นหน่อย”

แต่เด็กชายกลับใช้แขนหนีบขนมปังและเดินประคองชามซุปหายเข้าไปทางซอกตึกใกล้ ๆ กันนั้น เจ้าหญิงทรงมองตามหลังเด็กน้อยไปรู้สึกสงสัยยิ่งนักกับท่าทางของเด็กน้อย

“ซิสเตอร์คะ ฉันขอตัวสักประเดี๋ยวได้ไหมคะ?” เจ้าหญิงอลาน่าตรัสถามขึ้น

“พระองค์จะเสด็จไปไหนรึเพคะ?” ซิสเตอร์โรซาน่าทูลถามกลับ

“ฉันอยากจะไปดูเด็กน้อยคนเมื่อกี้สักหน่อยคะ ฉันรู้สึกติดใจกับท่าทางของแก” เจ้าหญิงอลาน่าทรงหันไปมองกลุ่มทหารก็เห็นว่าพวกเขากำลังง่วนอยู่กับการจัดแถวผู้มารับบริจาคให้เป็นระเบียบ ซึ่งซิสเตอร์โรซาน่าก็มองตามด้วยเช่นกัน

“แน่พระทัยหรือเพคะ เอาทหารติดตามไปด้วยสักสองนายสิเพคะ” ซิสเตอร์โรซาน่าเสนอเพื่อความปลอดภัยของเจ้าหญิง

“ไม่ดีกว่าคะ พวกเขากำลังทำงาน แล้วอีกอย่าง ฉันไม่อยากให้เด็กน้อยคนนั้นตกใจด้วย”

“ถ้าเช่นนั้น หม่อมฉันจะตามเสด็จไปด้วยนะเพคะ” ซิสเตอร์โรซาน่าเรียกให้ซิสเตอร์สองท่านเข้ามาทำหน้าที่ตักซุปแทนพวกเธอ ก่อนจะปลีกตัวเดินไปตามทางที่เด็กน้อยหายเข้าไป

ทั้งสองกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามซอกตึกที่สกปรกเลอะเทอะเพื่อตามเด็กน้อยให้ทัน เจ้าหญิงอลาน่าทรงเร่งฝีเท้าจนกระทั่งทะลุออกมาสู่ถนนสายเล็ก ๆ ที่มีบาร์เหล้าและโรงแรมราคาถูกตั้งอยู่อย่างแออัด เสียงหัวเราะและเสียงตะโกนหยอกล้ออย่างสนุกสนานเพราะความเมาดังออกมาจากร้านต่าง ๆ กำแพงตึกสีหม่นที่ดูแทบไม่ออกว่ามันเคยเป็นสีใดมาก่อนมีรอยร้าวและมีคราบสกปรกเปรอะอยู่เต็มไปหมด กลิ่นน้ำเน่าสกปรกจากท่อน้ำทิ้งโชยมาเป็นระยะ ๆ ทำให้สตรีทั้งสองต้องกลั้นหายใจอยู่หลายครั้ง และมีอยู่ถึงสองครั้งที่หนูดาร์กพิท(Dark Pit Rat) หนูร่างเล็กสีดำที่มีหูถึงสามคู่และหางยาว ปลายหูและปลายหางมีแสงเรืองสว่างคล้ายดวงไฟเล็ก ๆ ติดอยู่ มันวิ่งผ่านหน้าสตรีทั้งสองเข้าไปยังท่อน้ำทิ้งที่อยู่อีกฟากของตรอกแคบ ๆ นั้น ข้าง ๆ ร้านเหล้าไม่ใกล้ไม่ไกลนั้นมีกะลาสีเรือร่างอ้วนเนื้อตัวมอมแมมนอนกอดขวดเบียร์กรนเสียงดังสนั่น ทั้งสองเดินลัดเลาะซอกซอยต่าง ๆ ตามเด็กชายตัวน้อยไป เจ้าหญิงอลาน่าทรงพยายามมองหาเด็กน้อยอยู่ครู่หนึ่งก็ทันได้เห็นแผ่นหลังของเด็กน้อยที่กำลังประคองชามซุปอย่างระมัดระวังเลี้ยวหายไปในซอกตึกที่อยู่ตรงสุดถนน พระองค์และซิสเตอร์จึงรีบเร่งฝีเท้าตามไปทันที
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 23 ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความรัก @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 12:50 am

ข้างหลังบาร์เหล้าซอมซ่อนั้นเอง เด็กน้อยได้หายไปแล้วมีเพียงเพิงหลังหนึ่งขนาดไม่ใหญ่มากนักตั้งอยู่ติดกำแพง ใกล้ ๆ กันนั้นมีกองขยะซึ่งคงเป็นเศษผักเศษเนื้อจากร้านรวงทั้งหลายในบริเวณนั้นที่นำมากองทิ้งไว้ที่นี่ กลิ่นขยะสดที่เริ่มเน่าส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งมีแมลงเปลือกแข็งสีม่วงเข้มลายแดงอย่างแมลงมาลิซีโค(Maliceo)บินตอมหาเศษอาหารจากกองขยะนั้นหลายตัว เจ้าหญิงอลาน่าทรงมองเพิงไม้หลังนั้นอย่างสนพระทัย มันทำมาจากลังไม้ที่บรรจุสินค้ามากับเรือใหญ่โดยนำมากองสุม ๆ กัน ด้านบนถูกคลุมด้วยผ้าใบขาด ๆ เพื่อใช้กันน้ำค้างในยามค่ำคืน ทั้งสองช่วยกันกวาดตามองหาทางเข้า เพียงชั่วอึดใจทั้งสองก็พบช่องเล็ก ๆ ที่อยู่อีกด้านของเพิงลังไม้นี้ ช่องทางเข้านี้ขนาดไม่ใหญ่มากนัก หากผู้ใหญ่จะเข้าไปก็คงต้องก้มตัวต่ำมาก ๆ จึงจะลอดเข้าไปได้

“แม่! แม่จ๊า!” ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะตะโกนเรียก เสียงเด็กน้อยที่ตะโกนอย่างตกใจก็ดังออกมาจากข้างในเพิงนั้น ทั้งสองจึงตัดสินใจลอดช่องประตูนั้นเข้าไปทันที ภายในเพิงนั้นมืด อับชื้นและมองดูคับแคบลงทันทีเมื่อบุคคลทั้งสองเข้าไปอยู่ภายใน เด็กน้อยดูจะตกใจอยู่ไม่น้อยเมื่อเห็นสตรีทั้งสองเข้ามาอยู่ในบ้านของตน

“หนูไม่ได้ขโมยของของซิสเตอร์มานะ หนูไม่ได้ขโมยอะไรเลยจริง ๆ นะ” เด็กน้อยกล่าวอย่างตื่นตระหนก ถอยหลังกรูดจนไปติดผนัง

“ฉันไม่ได้มาจับขโมยจ้ะหนูน้อย แม่ของหนูเป็นอะไรจ๊ะ” เจ้าหญิงอลาน่าทรงทอดพระเนตรร่างที่นอนอยู่บนพื้น สายพระเนตรที่เริ่มชินกับระดับแสงสลัวภายในเพิงทำให้พระองค์มองเห็นหญิงวัยกลางคนนางหนึ่งร่างกายผอมซูบ ใบหน้าซีดเซียวนอนไม่ได้สติอยู่กับพื้น ร่างของเธอถูกห่มคลุมด้วยผ้าคลุมหนาสีฟ้าเข้มที่เจ้าหญิงทรงให้เด็กน้อยไปนั่นเอง นี่เองเป็นสาเหตุให้เด็กชายตัวน้อยไม่ได้สวมผ้าคลุมของพระองค์

“ถ้าซิสเตอร์ไม่ได้มาจับหนูแล้วซิสเตอร์มาทำไม” เด็กชายถามอย่างสงสัย “ซิสเตอร์จะทำอะไรแม่หนู” เด็กชายตกใจยิ่งขึ้นเมื่อเห็นซิสเตอร์โรซาน่านั่งลงและเริ่มสำรวจร่างที่ไร้สติของแม่ตน

“ไม่ต้องตกใจจ้ะ ซิสเตอร์โรซาน่าวิเคราะห์โรคได้ แถมยังมีพลังรักษาด้วย” เจ้าหญิงอลาน่าทรงยิ้มตอบเด็กชายที่บัดนี้เริ่มมีรอยยิ้มแห่งความหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“มีไข้สูงมาก เป็นแบบนี้มานานรึยังจ๊ะพ่อหนูน้อย” ซิสเตอร์โรซาน่าถามสีหน้าเคร่งเครียด

“แม่ตัวร้อนมาสามวันแล้วฮะ” เด็กน้อยพูดจาสุภาพขึ้น “แต่แม่ลุกเดินไม่ได้มาหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่แม่ไปทำงานที่ชายทะเลแล้วถูกปลิงหนาม(Deep Sea Pin Leech)ที่ลอยเกยตื้นมาตำที่ขา แล้วแม่ก็บอกว่าขาชา จนลุกไม่ได้ ซิสเตอร์รักษาแม่หนูได้ไหมฮะ?” เด็กน้อยใช้มือควานไปทั่วตัวราวกับจะหาอะไรสักอย่างอยู่เป็นนานสองนาน ที่สุดจึงตลบชายเสื้อตรงมุมที่ดูยู่ยี่มีรอยดำและสกปรกที่สุดคงเพราะเขาจับมันบ่อย ๆ นั่นเอง ตรงชายผ้ามีช่องลับเล็ก ๆ อยู่ เด็กน้อยหยิบเหรียญเงินแผ่นบาง ๆ ออกมาหนึ่งเหรียญยื่นให้เจ้าหญิงอลาน่า “ตอนนี้หนูมีแค่หนึ่งเดนาริอัน แต่หนูสัญญาว่าจะหามาให้พอดีกับค่ารักษา หนูจะ...”

สตรีทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนที่สุดให้กับเด็กน้อยจนเขาลืมคำพูดที่จะพูดต่อ “พวกฉันไม่เอาเงินของหนูหรอกจ้ะ แต่ฉันมีสิ่งที่อยากได้จากหนูมากกว่าเงินทองจ๊ะ”

“ฮะ” เด็กน้อยยิ้มกว้าง รีบเก็บสมบัติทั้งหมดที่ตนมีไว้ที่เดิม “ถ้าซิสเตอร์ไม่เอาเงิน งั้นจะเอาอะไรก็ได้ครับบอกมาเลย หนูจะหามาให้ได้”

“ฉันอยากให้หนูเป็นเด็กดีจ้ะ”

เด็กน้อยชะงัก งงกับคำตอบของอลาน่าไปพักหนึ่งก่อนจะยิ้มกว้าง “ได้ฮะ หนูเป็นได้ หนูจะเป็นเด็กดี”

เจ้าหญิงอลาน่าทรงยิ้มตอบเด็กน้อยแต่แล้วก็เกิดความสงสัยขึ้นเมื่อมองออกไปรอบ ๆ เพิงลังไม้ “หนูอยู่กันสองคนรึจ๊ะ พ่อของหนูอยู่ที่ไหน” เจ้าหญิงกวาดสายตาไปรอบ ๆ เพิงที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ เลยยกเว้นจานชามบิ่น ๆ สองสามใบ ที่นอนชื้น ๆ สกปรก กองเสื้อผ้าเก่า ๆ ขาด ๆ และลังไม้ที่ดูเหมือนจะใช้แทนโต๊ะอาหาร

“พ่อไปทำงานบนเรือสินค้าแล้วไม่กลับมาอีกเลยฮะ พวกที่ท่าเรือบอกว่าเรือที่พ่อไปแล่นออกนอกเส้นทางแล้วโดนมังกรมาร์เทสต้า(Martesta, the Lapis Dragon)โจมตีจนเรือจมหายไปครับ”

“ตายจริง” เจ้าหญิงอลาน่าทรงอุทานเสียงเบา “เกิดขึ้นนานหรือยังจ๊ะ?”

“ก่อนแม่จะถูกปลิงหนามทำร้ายฮะ”

สตรีทั้งสองรู้สึกเศร้าใจกับชะตากรรมของครอบครัวเล็ก ๆ นี้นัก ซิสเตอร์โรซาน่าพูดขึ้น “ครอบครัวของหนูประสบเคราะห์กรรมมามากมายเหลือเกิน แต่พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งลูก ๆ ของพระองค์ เพียงแค่หนูเชื่อและวางใจในพระองค์”

“หนูเชื่อ หนูสวดทุกคืนเลย แม่หนูสอน” เด็กชายกล่าวอย่างตื่นเต้น

“ถ้าอย่างนั้นมาดูกันสิว่าพลังศรัทธาของพวกเราสามคนจะช่วยแม่ของหนูได้ไหม” เจ้าหญิงตรัสยิ้ม ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนผ้าคลุมออกจากตัวแม่เด็กเผยให้เห็นเนื้อตัวที่มีสีคล้ำเป็นจ้ำ ๆ ทั่วร่างกาย เสื้อผ้าขาดวิ่นและมีกลิ่นสาบเนื่องเพราะเธอคงไม่ได้อาบน้ำเป็นเวลานาน แต่ทั้งสองก็ไม่แสดงอาการรังเกียจใด ๆ ออกมาให้เห็น เมื่อผ้าคลุมหลุดพ้นตัวไปแล้วทั้งสองจึงได้เห็นสาเหตุของอาการป่วย ตรงบริเวณขาซ้ายนั้นบวมเบ่ง มีแผลเป็นรูลึกสามรอยที่เกิดจากหนามของปลิงทะเล ที่ปากแผลมีหนองและเริ่มพุพองอย่างน่ากลัว

“นี่เองสาเหตุของอาการป่วย ลำพังแค่เหล็กในของปลิงหนามไม่ได้รุนแรงจนทำอันตรายเราถึงตาย แค่ทำให้เกิดอาการชาเท่านั้น แต่เพราะหลังจากถูกปลิงหนามตำกลับไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง แถมแผลยังสกปรกจนเกิดอาการติดเชื้ออีก เอาล่ะ!เรามาทำความสะอาดแผลกันก่อน แล้วค่อยใช้พลังรักษากัน”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 23 ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความรัก @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 12:51 am

พอได้ยินดังนั้นเด็กน้อยก็รีบคุกเข่าลงสวดภาวนาทันที เจ้าหญิงอลาน่าทรงเห็นดังนั้นก็ยิ้มอย่างเอ็นดู “วันนี้แม่ของหนูต้องได้ทานซุปที่หนูอุตส่าห์ถือมาอย่างดีแน่นอนจ้ะ”

ทั้งสองช่วยกันล้างแผลจนสะอาด และเริ่มใช้พลังรักษาโดยเจ้าหญิงอลาน่าปรกมือเหนือศีรษะของแม่เด็ก ส่วนทางด้านซิสเตอร์โรซาน่านั้นปรกมือเหนือร่างของคนป่วยพร้อมทั้งกวาดมือเหมือนไล่พิษและเลือดเสียออกไปทางปลายเท้า แสงสีขาวนวลอาบร่างของคนป่วยจนทั่วตัว ไม่นานนักเลือดเสียก็เริ่มไหลออกทางปากแผลลงสู่ภาชนะที่เตรียมไว้ รอยจ้ำสีคล้ำตามเนื้อตัวก็ค่อย ๆ จางลงอย่างน่าอัศจรรย์ สักพักปากแผลทั้งสามรอยก็เริ่มปิดสนิท ทั้งสองใช้พลังรักษาอีกครู่หนึ่งจึงได้วางมือลง

“อีกสักพักก็คงได้สติ ” ซิสเตอร์โรซาน่ากล่าวในที่สุด

“แม่หนูหายแล้วหรือฮะ” เด็กน้อยถามยิ้มทั้งน้ำตาที่ไหลจนเปียกไปทั้งหน้า

“แต่หลังจากนี้ต้องนอนพักผ่อนไปอีกสองสัปดาห์ อย่าให้แม่ทำงานหนักในช่วงสองสัปดาห์นี้นะจ๊ะ”

“แม่” เด็กน้อยโผลงไปกอดแม่แน่น “ขอบคุณฮะซิสเตอร์ ขอบคุณ ฮือ ฮือ”

เจ้าหญิงอลาน่าทรงยิ้มน้ำเนตรปริ่มขึ้นทันที พระองค์เอียงพระศอซบไหล่ซิสเตอร์โรซาน่าสายพระเนตรยังคงมองเด็กน้อย เอ่ยขึ้นเบา ๆ “ฉันรู้สึกดีมาก ๆ เลยคะซิสเตอร์”

ซิสเตอร์โรซาน่ายิ้มตอบรับเบา ๆ “เพคะ”

เสียงร้องของเด็กน้อยดูจะมีพลังต่อแม่ไม่ใช่น้อย เมื่อแม่เด็กค่อย ๆ ยกมือขึ้นลูบศีรษะของเขาเบา ๆ “แม่ฮะ แม่ฮะ” เด็กน้อยร้องเรียกอย่างตื่นเต้น “ซิสเตอร์ฮะ แม่ฟื้นแล้ว แม่ฟื้นแล้ว”

แม่ของเด็กน้อยมองไปรอบ ๆ มีสีหน้างุนงงเล็กน้อย นางมองบุตรชายที่มองตอบด้วยน้ำตานองหน้า ก่อนจะหันไปมองสตรีทั้งสอง

“ซิสเตอร์มีธุระอะไรให้ฉันรับใช้หรือคะ? ลูกของฉันไปซนอะไรหรือเปล่า?”

“ไม่ใช่หรอกจ้ะ ลูกของเธอเป็นเด็กดีมาก” เจ้าหญิงอลาน่าทรงนั่งลงข้าง ๆ แม่ของเด็กและจับมือของนางไว้ “เธอไม่สบายมาก ฉัน ซิสเตอร์โรซาน่า และ พ่อหนูน้อยช่วยกันรักษาเธอ อีกไม่กี่อาทิตย์เธอก็จะหายดีแล้ว แต่ตอนนี้เธอต้องพักผ่อนมาก ๆ นะจ๊ะ” เด็กน้อยยิ้มกว้างอย่างภูมิใจให้มารดาของตน

“โอ้... ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะซิสเตอร์” หญิงวัยกลางคน น้ำตาไหลออกจากหางตาซึมหายเข้าไปในหมอนเก่า ๆ ที่หนุนอยู่
“เธอคงจะหิวแล้วใช่ไหมจ๊ะ” เจ้าหญิงอลาน่าและซิสเตอร์โรซาน่าช่วยกันพยุงให้แม่เด็กพิงหลังให้สูงขึ้น “ทานซุปนี่ก่อนสิจ๊ะ ยังอุ่น ๆ อยู่เลยกำลังทานพอดีเชียว” เจ้าหญิงอลาน่าทรงใช้ช้อนตักซุปขึ้นจรดปากของนาง

แม้นางจะรู้สึกเขินอายและเก้ ๆ กัง ๆ กับสภาพของตัวเองในขณะนี้ แต่เจ้าหญิงอลาน่าก็ไม่ได้ทรงทำทีว่าจะสนใจกับอาการใด ๆ ของนาง ทำให้แม่ของเด็กยอมทานซุปที่เจ้าหญิงอลาน่าทรงตักป้อนแต่โดยดี แม่ของเด็กทานซุปอย่างเอร็ดอร่อยโดยมีบุตรชายคอยดูอยู่ใกล้ ๆ ตลอด จนเมื่อทานอาหารจนอิ่มดีแล้วจึงได้พูดขึ้น “ซิสเตอร์ทั้งสองช่างมีน้ำใจดีเหลือเกิน”

“เธอเห็นว่าอย่างนั้นรึจ๊ะ?” เจ้าหญิงอลาน่าทรงยิ้มกว้าง เมื่อหญิงวัยกลางคนเห็นว่าพระองค์คือซิสเตอร์คนหนึ่งในคณะของซิสเตอร์โรซาน่า ซึ่งหญิงวัยกลางคนไม่เข้าใจความหมายของเจ้าหญิงอลาน่าจึงได้พูดต่อ

“ใช่ค่ะ ซิสเตอร์ไม่รังเกียจคนยากคนจนอย่างพวกฉัน ทั้ง ๆ ที่ใคร ๆ ก็เห็นว่าพวกฉันนั้นไร้ค่า แม้แต่นายจ้างยังไม่เหลียวแลปล่อยให้ฉันตาย แต่ซิสเตอร์กลับช่วยฉัน ฉันไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรดี”

“ไม่ต้องตอบแทนอะไรพวกฉันหรอกจ้ะ แค่รีบแข็งแรงเร็ว ๆ ก็พอ” เจ้าหญิงอลาน่าทรงยิ้ม

“ซิสเตอร์ช่างมีน้ำใจต่อฉันเหลือเกิน” นางจับมือเจ้าหญิงอลาน่าแน่น

“ฉันไม่ได้เป็นซิสเตอร์หรอกจ้ะ แต่ฉันดีใจที่เธอเห็นว่าฉันเป็น”

“โอ้ ยังเป็นซิสเตอร์ฝึกหัดอยู่หรือคะ แต่อีกไม่นานแม่หนูจะต้องได้เป็นซิสเตอร์แน่นอนคะ เป็นซิสเตอร์ที่แสนดีที่ช่วยเหลือคนยากคนจนอย่างพวกฉัน ให้พวกฉันรู้สึกถึงคุณค่าแห่งชีวิต” หญิงวัยกลางคนกล่าวยิ้มอย่างซาบซึ้งพร้อมกับกระชับมือแน่น
แต่เจ้าหญิงอลาน่ากลับทรงชะงักนิ่งทอดพระเนตรใบหน้าของแม่เด็กไม่พูดอะไรสักคำ บุคคลทั้งสามในเพิงลังไม้ต่างมองจ้อง เจ้าหญิงอลาน่าด้วยความประหลาดใจเมื่อหญิงสาวนั่งนิ่งราวกับหุ่น ทว่าภายในจิตใจของพระองค์กลับสว่างไสวเรืองรองเต็มไปด้วยความร้อนรนและปรารถนาอย่างแรงกล้า ดังมีเกลียวคลื่นม้วนตัวเข้าถาโถมจิตวิญญาณของพระองค์

“ฉันพูดอะไรผิดรึคะ?” แม่เด็กถามด้วยความกังวลเมื่อเห็นปฏิกิริยาของพระองค์ แม้แต่ซิสเตอร์โรซาน่าก็ยังยกมือขึ้นแตะไหล่ของพระองค์ด้วยความเป็นห่วง

“ไม่จ้ะ เธอพูดไม่ผิดเลย ตรงกันข้ามมันเป็นคำพูดที่มีความหมายต่อฉันมาก เป็นคำพูดที่ไพเราะที่สุดในชีวิตที่ฉันเคยได้ยินมา ขอบคุณมากจ้ะ” เจ้าหญิงอลาน่าทรงยิ้มด้วยความปลื้มปิติ

คำพูดของเจ้าหญิงอลาน่าทำเอาแม่เด็กยิ้มจนแก้มปริ “จริงสิ! พวกซิสเตอร์ออกมาแจกอาหารพร้อมกับเจ้าหญิงอลาน่าใช่ไหมคะ? พระองค์เป็นยังไงคะ? หน้าตาเป็นยังไง? ทรงพระสิริโฉมมากไหม? เล่าเรื่องพระองค์ให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมคะ?”

เจ้าหญิงอลาน่าทรงหันไปสบตาซิสเตอร์โรซาน่ายิ้ม ๆ ก่อนจะตรัสตอบว่า “ถามหลายคำถามแบบนี้ฉันจะตอบยังไงล่ะจ๊ะ ทำไมถึงอยากรู้ล่ะจ๊ะ? เจ้าหญิงก็เป็นคนธรรมดาเหมือนเรา ๆ นี่แหละจ้ะ”

“ไม่เลย เจ้าหญิงที่เป็นห่วงคนยากคนจน ช่วยเหลือทุกคนโดยไม่คำนึงถึงชนชั้น ทั้ง ๆ ที่พระองค์อยู่ในวังก็แสนสุขสบายดีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องมาห่วงคนยากคนจนเลย เจ้าหญิงที่แสนดีแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว” นางหยุดครู่หนึ่งเหมือนจะทบทวนความทรงจำเก่า ๆ “ฉันเคยเห็นพระองค์ครั้งหนึ่งจากที่ไกล ๆ สมัยที่พระองค์เสด็จมาเมืองท่านี้ ฉันไม่เห็นหน้าพระองค์หรอกค่ะเพราะอยู่ไกลมาก แต่ฉันเชื่อว่าพระองค์จะต้องงดงามมากแน่ ๆ ท่าทางการเดินของพระองค์...ฉันยังจำได้จนถึงทุกวันนี้เลย” คำพูดของแม่เด็กทำให้แก้มของเจ้าหญิงเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ แต่กระนั้นนางก็ไม่ได้สังเกตเห็น เพราะนางยังคงพูดต่อไป “ฉันอยากจะเห็นพระองค์ใกล้ ๆ สักครั้งให้เป็นบุญตาจริง ๆ ค่ะ ทุกครั้งที่ฉันไปรับบริจาคอาหาร ฉันก็จะพยายามมองหาพระองค์แต่ก็ไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง ไม่รู้ว่าชั่วชีวิตนี้ฉันจะมีบุญได้เห็นพระองค์ไหม” นางพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 23 ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความรัก @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 12:52 am

“ไม่ต้องรอจนถึงชั่วชีวิตหรอก พระองค์ก็อยู่ต่อหน้าเธอแล้วนี่ไง” ซิสเตอร์โรซาน่า พูดและยิ้มให้กับนาง ทว่าคำพูดของซิสเตอร์ฟังราวกับเป็นภาษาประหลาด เพราะนางได้แต่มองซิสเตอร์โรซาน่าด้วยสีหน้างุนงง

“ซิสเตอร์ว่าอย่างไรนะคะ?” นางถามซ้ำ

“เจ้าหญิงอลาน่าที่เธออยากเห็นสักครั้งในชีวิต พระองค์ทรงอยู่ตรงหน้าเธอแล้วอย่างไรล่ะจ๊ะ” ซิสเตอร์โรซาน่ายิ้มพูดย้ำอีกครั้งอย่างอ่อนโยน

หญิงวัยกลางคนมองเจ้าหญิงอลาน่าอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง นางจับมือเจ้าหญิงแน่นขึ้นพลางหันไปมองซิสเตอร์สูงวัยเพื่อขอความมั่นใจอีกครั้ง ซึ่งซิสเตอร์ก็พยักหน้าให้กับนาง

“ขอโทษนะจ๊ะ ฉันคิดว่าฐานะของฉันไม่ใช่สาระสำคัญอะไร จึงไม่ได้บอกตั้งแต่แรก” เจ้าหญิงอลาน่าตรัส

“โอ้...” นางพูดได้เพียงเท่านั้นก็ร้องไห้ออกมาด้วยความปลาบปลื้มและซาบซึ้ง “ทำไมพระองค์ถึงแสนดีอย่างนี้ ฮือ ฮือ” นางยกมือของอลาน่าขึ้นไปจูบและกอดไว้แนบแก้ม เจ้าหญิงเองก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน น้ำตาเอ่อคลอ เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย


สตรีทั้งสองยังคงอยู่ในเพิงลังไม้อีกพักใหญ่จนกระทั่งได้เวลาอันควรจึงได้จากสองแม่ลูกกลับไปยังซุ้มแจกอาหารที่ท่าเรือ ระหว่างทางเจ้าหญิงอลาน่าไม่ได้ตรัสอะไรกับซิสเตอร์โรซาน่าเลย ราวกับพระองค์กำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่างอยู่
“ทรงคิดอะไรอยู่หรือเพคะ?” ซิสเตอร์อดสงสัยไม่ได้

“ฉันกำลังคิดทบทวนถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นที่บ้านของเด็กน้อยจ้ะ ฉันคิดว่าสิ่งที่คนยากคนจนเหล่านี้ต้องการที่สุด ไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง ไม่ใช่อาหาร ไม่ใช่เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม แต่เป็นความรัก พวกเขาต้องการความรักจากเราต่างหาก”

ซิสเตอร์โรซาน่าได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกว้าง “ฝ่าบาททรงตรัสเหมือนนักบวชเข้าไปทุกทีแล้วทรงรู้ตัวไหมเพคะ?”

“วันนี้ คำพูดของผู้หญิงคนนั้นได้ช่วยให้ฉันมีความปรารถนาอย่างแรงกล้ายิ่งขึ้นที่จะรับใช้พระเจ้า ฉันรู้ว่าฉันพบทางที่เหมาะสมกับฉันแล้ว... ที่จริงฉันพบหนทางมานานแล้วแท้ ๆ ” เจ้าหญิงอลาน่าทรงยิ้มตอบ ทว่าแววเนตรนั้นเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจแน่วแน่ยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

“ฝ่าบาท...” ซิสเตอร์ยังไม่ทันจะพูดอะไรก็เผอิญที่ทั้งสองเดินออกมาถึงหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้กับที่ที่พวกเธอตั้งซุ้มแจกอาหาร ซึ่งที่นั่นเองทหารองครักษ์กำลังเร่งระดมกำลังพลทหารรักษาการณ์แห่งแอนดิซอง(Annedisonge Sentry)หลายกองออกตามหาเจ้าหญิงกันจ้าละหวั่น เมื่อเหล่าทหารเห็นเจ้าหญิงเสด็จออกมาจากซอกตึกเก่าพร้อมซิสเตอร์โรซาน่า พวกเขาก็แทบจะกรูกันเข้าไปอารักขา

“ฝ่าบาททรงปลอดภัยดีใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?” นายกองถามอย่างร้อนรน

“ฉันสบายดีจ้ะ แล้วนั่น...จับพวกเขาทำไมจ๊ะ?” เจ้าหญิงอลาน่าทรงพยักพเยิดไปทางกลุ่มชายประมาณสิบคนที่นั่งยอง ๆ กับพื้น ยกมือขึ้นประสานเหนือศีรษะ ทุกคนมีสีหน้างุนงงและตื่นกลัว

“พวกเขาป้วนเปี้ยนอยู่แถวซุ้มแจกอาหาร พวกเราเลยคิดว่าคนพวกนี้อาจจะมีส่วนในการลักพาตัวพระองค์”

“โอ! ตายจริง พวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย พวกเขาอาจจะแค่ต้องการอาหารเพิ่มเท่านั้น ปล่อยพวกเขาไปได้แล้วจ้ะ”
เมื่อนายกองปล่อยชาวบ้านไปหมดแล้วจึงได้หันไปถามเจ้าหญิงด้วยสีหน้าวิตกกังวล “ฝ่าบาทเสด็จไปไหนมาพ่ะย่ะค่ะ ดีที่ข้าพระองค์ยังไม่ได้รายงานท่านราชองครักษ์ มิฉะนั้นพวกข้าพระองค์คงได้หัวหลุดจากบ่า”

“ขอโทษจ้ะ ฉันก็ไม่คิดว่าจะไปนานขนาดนี้ แล้วอีกอย่างฉันเห็นว่าทุกคนกำลังวุ่นวายอยู่กับหน้าที่ของแต่ละคนอยู่จึงไม่อยากรบกวน”

“ไม่เลยพ่ะย่ะค่ะ พวกข้าพระองค์มีหน้าที่ปกป้องและดูแลความปลอดภัยของพระองค์เป็นอันดับแรก ส่วนคนจนพวกนี้ แค่ได้รับบริจาคจากพระองค์ก็ดีเกินพอแล้ว หากจะหยุดการบริจาคเพื่อให้พระองค์ไปทำภารกิจอื่นสักชั่วยามก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยสักนิด พวกเขารอได้อยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” นายกองกล่าวทูล สีหน้ายังเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ

“ไม่จ้ะ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการที่ประชาชนของฉันจะได้กินอิ่มท้อง ฉันรู้ว่าเธอพูดเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของฉัน แต่ถ้าเธอหมายความตามที่พูดจริง ๆ ล่ะก็ ฉันจะไม่ชอบใจมากจ้ะ” เจ้าหญิงอลาน่าตรัสยิ้ม ๆ แต่สีพระพักตร์และแววเนตรจริงจังขึ้น ซึ่งก็ทำให้นายกองต้องหน้าแดงด้วยความกระดาก พูดเสียงอึกอัก

“ฝ่าบาท...ข้าพระองค์...เอ่อ...ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยโทษให้ข้าพระองค์ด้วย เอ่อ...ราชรถมาถึงพอดี เชิญพระองค์เสด็จกลับวังเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

เจ้าหญิงอลาน่าทรงทำท่าเหมือนจะตรัสอะไรสักอย่างแต่ก็เปลี่ยนพระทัยในที่สุด พระองค์เสด็จขึ้นรถม้าพร้อมกับซิสเตอร์โรซาน่า เมื่อทั้งสองนั่งบนรถเรียบร้อยแล้วรถก็ค่อย ๆ เคลื่อนออกจากบริเวณท่าเรือมุ่งสู่พระราชวังอย่างช้า ๆ ทว่ายังไม่ทันที่ขบวนรถจะเคลื่อนพ้นบริเวณท่าเรือ เสียงเด็กส่งสาร(Postboy)ก็ดังผ่านขบวนรถม้าไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 23 ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความรัก @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 12:54 am

“ข่าวด่วนครับ ข่าวด่วน ทวีปเมอรีเซียเกิดสงครามครั้งใหญ่แล้วครับ”

“อะไรนะ” เจ้าหญิงอลาน่าทรงหันมาหาซิสเตอร์โรซาน่า ในขณะที่ซิสเตอร์ใช้มือแหวกผ้าม่านออกดู จึงได้เห็นเด็กส่งสารหลายคนขี่คูกาโร่(Kugaro)มุ่งหน้าแยกย้ายไปตามทางที่จะนำไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของเมือง

“มหาดเล็กจ๊ะ ไปถามข่าวเรื่องสงครามมาที” เจ้าหญิงอลาน่าตรัสบอกทหารที่ขี่ม้าอยู่ข้าง ๆ ราชรถอย่างร้อนรน

“พ่ะย่ะค่ะ” ทหารรับคำแล้วก็รีบชักม้าไปหาเด็กส่งสารคนหนึ่ง เพียงไม่กี่อึดใจทหารก็กลับมารายงานข่าวให้ทราบ

“ทูลฝ่าบาท ตอนนี้ทวีปเมอริเซียตอนกลางกำลังเกิดสงครามครั้งใหญ่ อาณาจักรซาโลมจากทางตอนเหนือกรีฑาทัพเข้าบุกอาณาจักรตอนกลางทั้งหมด แม้แต่อาณาจักรชาตินักรบอย่างฟีเลเซียก็ยังถูกโจมตีอย่างหนักจนเสียเมืองหน้าด่านไปแล้วหลายเมืองพ่ะย่ะค่ะ”

“โอ้ พระเจ้าช่วย” ซิสเตอร์โรซาน่าอุทาน “ตอนนี้เราคงทำได้แต่เพียงภาวนาให้สงครามไม่ลุกลามใหญ่โตไปมากกว่านี้นะเพคะ”
“คะ ขอให้สงครามครั้งนี้สงบลงโดยเร็วด้วยเถิด”


********************************


ณ ห้องประชุมใหญ่ของสภาพ่อค้าภายในที่ว่าการสภาพ่อค้าวาณิช

เวลานี้บรรดาพ่อค้าระดับชั้นแนวหน้าทั่วทั้งแอนดิซองต่างก็มาชุมนุมกัน พ่อค้าทุกคนล้วนอ้วนท้วนด้วยความที่อยู่ดีกินดีมากเกินไป ครั้นพอมานั่งประชุมร่วมกันแล้วทำให้ดูเหมือนลูกบอลหลากสีขนาดยักษ์ที่มากองรวมกันเสียจนห้องประชุมดูคับแคบลงไปถนัดตา

ที่หัวโต๊ะมีเก้าอี้ตั้งอยู่สองตัว ตัวทางด้านซ้ายมีรูฟัสนั่งเอกเขนกอยู่อย่างสบายอารมณ์ วันนี้พ่อค้าร่างยักษ์ดูจะอารมณ์ดีและร่าเริงเป็นพิเศษ รวมไปถึงทั่วทั้งห้องประชุมก็ดูจะจ้อกแจ้กจอแจมากกว่าปกติ ในขณะที่เก้าอี้ทางด้านขวามือนั้นยังคงว่างอยู่ ซึ่งทุกคนต่างก็รอคอยการมาของผู้เป็นเจ้าของเก้าอี้อย่างกระวนกระวายใจไม่น้อย

ทันใดนั้นประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออกอย่างแรงจนบานประตูกระแทกกับข้างฝาโครมใหญ่ เกิดเสียงดังสะท้อนจนทั่ว ทั้งห้องเงียบกริบหันไปมองยังที่มาของเสียงเป็นตาเดียว

ที่หน้าประตูห้องประชุมนั้นเอง ร่างของราชองครักษ์วัยหนุ่มฉกรรจ์ยืนตระหง่านอยู่ สีหน้านิ่งไร้ความรู้สึกใด ๆ สายตาเย็นคมกวาดไปรอบ ๆ โต๊ะประชุม ทำเอาบรรดาพ่อค้าร่างอ้วนทั้งหลายเย็นสันหลังวาบ สายตาเยือกเย็นของราชองครักษ์ไปหยุดอยู่ที่พ่อค้าร่างยักษ์ที่หัวโต๊ะ ซึ่งมันก็มีอานุภาพพอที่จะทำให้ชายเจ้าเนื้ออย่างรูฟัสสะดุ้งโหยงได้

พอได้สติรูฟัสก็หัวเราะร่ากลบเกลื่อน ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแม้การลุกขึ้นนั้นแสนจะยากลำบากสำหรับเขา

“โอ้!! ท่านราชองครักษ์มาแล้ว เชิญ! เชิญ! พวกเรากำลังรอท่านอยู่เลย ใช่มั๊ย?” รูฟัสถามหาเสียงสนับสนุนแต่ทั้งห้องก็ยังคงเงียบกริบ

อองเดรเดินผ่านกลุ่มพ่อค้าไปยังที่นั่งข้างรูฟัสที่ว่างอยู่ ท่ามกลางสายตาเกือบร้อยคู่จากบรรดาพ่อค้าทั้งหลายที่จ้องมองเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น และ ความหวาดหวั่น ราชองครักษ์หนุ่มเดินผ่านพวกเขาไปอย่างไม่ยินดียินร้ายใด ๆ ทั้งสิ้นราวกับพวกเขาเป็นเพียงลูกบอลหลากสีที่หาประโยชน์ใด ๆ ไม่ได้

ทันทีที่ราชองครักษ์หนุ่มนั่งลงท่ามกลางสายตาทุกคู่ที่จับจ้อง รูฟัสก็หัวเราะร่วนเหมือนพ่อค้าที่ชอบยกยอลูกค้าเวลาจะขายของ

“วันนี้พวกเราสภาพ่อค้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ท่านราชองครักษ์อองเดรผู้มีฝีมือเก่งกาจที่สุดในแอนดิซอง ไม่สิ...ที่เก่งกาจที่สุดในเมอริเซีย...” รูฟัสพูดตะกุกตะกักทันทีเมื่อเห็นสายตาเย็นยะเยือกจับจ้องตน “เอ่อ...พวกเรา...สภาพ่อค้า...พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติที่ท่านมาเป็นตัวแทนของเจ้าหญิงอลาน่า...”

“เริ่มประชุมเสียที” อองเดรพูดตัดบทเสียงเรียบ ทำเอารูฟัสหน้าแดงด้วยความโกรธและรู้สึกเสียหน้า แต่เขาก็รีบกลืนความรู้สึกนั้นไปอย่างรวดเร็วเพราะเพียงแวบเดียวพ่อค้าร่างยักษ์ก็ยิ้มอย่างพ่อค้าเจ้าเล่ห์อีกครั้ง

“ใช่ ๆ เราเริ่มประชุมกันดีกว่า วันนี้พวกเราได้รับทราบข่าวที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง” รูฟัสพูดแทบจะหัวเราะอย่างยินดี “นั่นก็คือ ที่เมอริเซียตอนกลางเวลานี้กำลังเกิดสงครามครั้งใหญ่ ซึ่งพวกเราทุกคนต่างก็รู้สึกเห็นใจในโชคชะตาของเพื่อนร่วมทวีปที่มีบรรพบุรุษเดียวกับเราอย่างฟีเลเซียยิ่งนัก พวกเราล้วนอยากจะรู้ว่าแอนดิซองของพวกเราจะเข้าร่วมสงครามครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งท่านราชองครักษ์ก็เป็นผู้มีส่วนร่วมอย่างมากในการตัดสินใจเรื่องการรบ”

อองเดรยังคงมีสีหน้าเย็นชาไม่สนใจสายตาร่วมร้อยคู่ที่จับจ้องเขา ความนิ่งเงียบของราชองครักษ์ทำให้เหล่าพ่อค้ากระสับกระส่ายเพราะเดาใจไม่ถูกว่าควรจะทำอย่างไร รูฟัสเองก็ดูกระสับกระส่ายอยากรู้คำตอบเช่นกัน ที่สุดจึงตัดสินใจรวบรวมความกล้าถามองครักษ์หนุ่มอีกครั้ง

“ว่าอย่างไรล่ะท่านอองเดร”

อองเดรเหลือบตาสีฟ้าอมเทาเย็นเยียบจับจ้องรูฟัสแทบจะทันที ก่อนจะตอบเสียงกร้าว “ยังไม่จำเป็น”

“ถ้า..ถ้าเช่นนั้น ข้าเสนอให้พวกเราให้ความช่วยเหลือพวกเขาด้วยการค้าอาวุธยุทโธปกรณ์ในการสงครามให้กับ
ฟีเลเซีย พวกท่านเห็นว่าอย่างไร” รูฟัสเริ่มร่าเริงขึ้นอีกครั้ง

“ท่านรูฟัส ข้าเสนอให้ค้าพวกเสบียงอาหาร และยารักษาโรค โดยเฉพาะพวกยาสมานแผลให้กองทัพด้วย” พ่อค้าคนหนึ่งเสนอด้วยความโลภ

“ข้าเห็นว่าพวกโลหะที่จะเอาไปทำอาวุธก็น่าจะขายได้นะท่าน” พ่อค้าโลหะเอ่ยขึ้นบ้าง

“พวกเครื่องนุ่งห่มทั้งหลายด้วย” พ่อค้าอีกคนเสริมน้ำเสียงกระตือรือร้น

“ฮ่า ฮ่า ถ้าพวกเราไล่รายการสินค้าที่จะขายทั้งหมด ดูท่าวันนี้คงไม่ได้กลับบ้านกันล่ะ” รูฟัสหัวเราะร่า “แต่ว่าการค้าในครั้งนี้เราจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้แทนพระองค์อย่างท่านราชองครักษ์เสียก่อน” รูฟัสชำเลืองมองอองเดรยิ้มกริ่มจนตาหยี

“ราชสำนักจะได้ประโยชน์อะไรจากการค้าของพวกเจ้า” อองเดรไม่สนใจอะไรอื่นนอกจากประโยชน์ที่กษัตริย์และราชวงศ์จะได้รับ

“โอ้ แน่นอนว่าภาษีที่มากมายมหาศาลจากสินค้านานาชนิดจะหลั่งไหลจนเต็มท้องพระคลัง” รูฟัสคุยโอ่ แต่เมื่อเห็นว่าอองเดรยังคงนั่งเฉยจึงกล่าวต่อ “เราสามารถเก็บภาษีเรือทั้งขาเข้าและขาออกได้” แต่ทว่าอองเดรก็ยังคงตีหน้าเฉยเหมือนเดิม ทำให้รูฟัสกระวนกระวายใจมากขึ้น “แล้วยังสามารถเก็บภาษีค่าจอดเรือ เราสามารถขึ้นภาษีสินค้าบางประเภทได้ด้วย และถ้ามีเงินเข้าท้องพระคลังมาก ๆ เจ้าหญิงก็จะต้องพอใจมากแน่ ๆ เพราะพระองค์ก็จะทรงมีทรัพย์สินมากมายเอาไว้ช่วยคนยากคนจน”

ราชองครักษ์จ้องรูฟัสด้วยสายตาแข็งกร้าวจนทำให้พ่อค้าอ้วนสะดุ้งโหยง “ข...ขออภัย ข้าพูดอะไรผิดหรือ”

“เจ้าทำรายละเอียดเรื่องภาษีที่จะเข้าท้องพระคลังรวมถึงภาษีเรือทั้งหมดที่เจ้าพูดถึงมาให้ข้าพรุ่งนี้ แล้วข้าจะส่งเรื่องต่อไปให้เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์เอง” พูดจบราชองครักษ์หนุ่มก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินจากไปทันที

“ดะ เดี๋ยว เดี๋ยวสิ เรายังประชุมกันไม่จบเลย” รูฟัสพูดละล่ำละลัก

อองเดรหยุดชะงักก่อนจะหันหน้าเล็กน้อย “สำหรับข้าจบแล้ว”

ว่าแล้วราชองครักษ์อองเดร ก็เดินจากไปโดยไม่สนใจอาการสั่นเทิ้มด้วยความโกรธของพ่อค้าร่างยักษ์

“อวดดี อวดดีนัก ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าทำประโยชน์ให้ข้าได้ แม้แต่หน้าเจ้าข้าก็ไม่อยากมอง” รูฟัสได้แต่กัดฟันกรอด ด้วยความคับแค้นใจ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)


ย้อนกลับไปยัง Summoner Novel

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน

cron