Chapter22 สายลมแห่งความทรนง
ในเวลาเพียงแค่สามอาทิตย์ จอมทัพแห่งฟีเลเซียก็ฟื้นคืนกำลังอย่างรวดเร็ว บาดแผลต่าง ๆ แทบไม่เหลือร่องรอยความเจ็บปวดใด ๆ และดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ เพราะได้รับการเสริมพลังตลอดระยะเวลาที่รักษาตัวอยู่ ทุกวันชาร์ลจะไปสนามฝึกซ้อมภายในกองทัพเพื่อฝึกร่างกายอย่างหนักและในวันนี้ก็เช่นกันที่แม่ทัพหนุ่มคลุกอยู่แต่ในสนามฝึกซ้อม แท่งเหล็กหนาหลายแท่งถูกมัดติดตามร่างกายของเขา ในมือถือท่อนเหล็กขนาดใหญ่แทนดาบคู่ใจกวัดแกว่งจากกระบวนท่าหนึ่งไปอีกกระบวนท่าหนึ่งอย่างคล่องแคล่ว นายทหารฝีมือดีมากกว่าสี่สิบนายในชุดเกราะป้องกันเต็มยศต่างยืนรายล้อมรอหาจังหวะเข้าจู่โจมผลัดกันถาโถมเข้าฟาดฟันใส่จอมทัพฟีเลเซียครั้งแล้วครั้งเล่าไม่หยุด แม้ต่างฝ่ายต่างก็เหนื่อยหอบแต่ก็ไม่ยอมเสียเวลาหยุดพักกันสักนาที
ทันใดนั้นเสียงแตรก้านยาวก็ดังขึ้นประกาศการมาถึงขององค์กษัตริย์ กษัตริย์ซิกมันด์ที่3 ในชุดเกราะเต็มยศสีเขียวเข้มมันวาวเสด็จเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมบิชอปเกรเกอรี่ และ ทหารผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง
“ข้าดีใจที่ท่านขยันฝึกซ้อมถึงขนาดนี้ ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีอย่างยิ่งให้กับพวกทหาร แต่ท่านแน่ใจนะว่าไม่ได้หักโหมมากจนเกินไป” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสแก่ชาร์ลผู้เป็นทั้งอาจารย์และสหายคนสนิท พลางทอดพระเนตรมองแท่งเหล็กที่ถูกมัดติดตามร่างกายของชาร์ล
“ฝ่าบาท เวลานี้ร่างกายของกระหม่อมดูจะแข็งแกร่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่กระหม่อมก็ประมาทไม่ได้ กองทัพของพวกซาโลมแปลกประหลาดขึ้นทุกวัน ทั้งสัตว์ประหลาดทั้งทหารปีศาจ” แม่ทัพหยุดทูลไปชั่วขณะหนึ่งราวกับหวนระลึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะกล่าวต่อ “หลังจากการประมือกับแม่ทัพของฝ่ายนั้นจนอาการสาหัสอยู่เป็นเดือน กระหม่อมก็ไม่อาจนิ่งเฉยไม่ฝึกฝนร่างกายได้อีก การจู่โจมของมันแต่ละครั้งถ้าโดนเข้าทีหนึ่งก็แทบปางตายได้เลย กระหม่อมจำเป็นต้องว่องไวยิ่งกว่าสายลม ครั้งหน้ามันจะไม่มีโอกาสได้หนีการประลองไปกลางคันแบบนี้อีก” ชาร์ล ทูลอย่างขุ่นเคืองเมื่อนึกถึงการประลองทั้งสองครั้งที่ทำให้เกียรติของเขาต้องด่างพร้อย
“ท่านแม่ทัพ ข้าเข้าใจความคับข้องใจของท่านดี แต่ความโกรธจะทำให้ท่านขาดสติในการตัดสินใจที่ดีได้” บิชอปกล่าวเตือนอย่างไม่จริงจังนัก ด้วยรู้นิสัยของจอมทัพหนุ่มผู้นี้ดีว่าโดยพื้นฐานแล้วเป็นคนอารมณ์ดี และสามารถจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ได้เก่ง
ชาร์ลยิ้มกว้างเมื่อโดนบิชอปแกล้งเหน็บ “ท่านบิชอป ข้าใช้ความขับข้องใจของข้าไปออกที่แรงที่กำลังนะ ไม่ได้ไปออกที่สมอง”
“ดี ถ้าอย่างนั้นก็แสดงให้ข้าดูหน่อยเป็นไง” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสขึ้นบ้าง “ดาบของท่าน ข้าให้ช่างหลวงเปลี่ยนให้ใหม่แล้ว”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ แรงปะทะจากเคียวของแม่ทัพทมิฬนั้นทำให้คมดาบกระหม่อมบิ่นไปหลายที่... เดี๋ยว...ฝ่าบาทตรัสว่าเปลี่ยนอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ชาร์ลทูลถามอย่างไม่แน่ใจ
กษัตริย์ซิกมันด์ทรงโบกพระหัตถ์เป็นสัญญาณให้นายทหารผู้ติดตาม สักพักนายทหารสองนายก็ช่วยกันลำเลียงดาบของชาร์ลเข้ามา ดาบสีเงินอมเขียวขนาดใหญ่เงาวาวคมกริบ ที่ตัวดาบมีลวดลายเส้นสีแดงสวยงาม ด้ามจับสีน้ำเงินยังคงเดิมทว่าหุ้มด้วยหนังมังกรถักอย่างสวยงาม
“ดาบนี้หลังจากที่ฝ่าบาททรงปรับเปลี่ยนให้ใหม่แล้ว ข้าได้เชิญนักบวชผู้ศักดิ์สิทธิ์หลายองค์มาร่วมกันสวดและอวยพรแก่ดาบเล่มนี้ และได้ตั้งชื่อให้ดาบเล่มนี้ว่า คูนีกุนเด(Kunigunde, the Sword of Charles) ตั้งชื่อตามนักบุญหญิงผู้เป็นราชินีชาตินักรบผู้ยิ่งใหญ่ ตัวดาบเป็นโลหะจากสายแร่ใหม่ที่พบบนเกาะวาร็อค เนื้อแข็งมากแต่น้ำหนักเบา เวลานี้ดาบเล่มนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มหนึ่งของฟีเลเซีย จงใช้มันเพื่อปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งฟีเลเซียเถิด” บิชอปเกรเกอรี่กล่าวพร้อมกับวาดมือเหนือดาบคูนีกุนเด
“ข้าสั่งให้ใช้โลหะนี้ทำชุดเกราะใหม่ให้แม่ทัพทุกคนรวมถึงท่านด้วย มันคงทำให้ท่านเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้นมากทีเดียว” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัส
“ลองดูสิ” เกรเกอรี่แนะ
เหล่าทหารต่างช่วยกันปลดท่อนเหล็กออกจากตัวจอมทัพ ชาร์ลยกดาบขึ้นคะเนน้ำหนัก เขาอดยิ้มอย่างชื่นชมและตื่นเต้นกับเพื่อนเก่าในรูปโฉมใหม่ไม่ได้ สายตาเขาไล่ละไปตามคมดาบ
“มันเบาขึ้นมากพ่ะย่ะค่ะ”
กษัตริย์ซิกมันด์ทรงผายพระหัตถ์ไปกลางสนามซ้อม ซึ่งจอมทัพหนุ่มก็ปฏิบัติทันที ชาร์ลเหวี่ยงดาบเบา ๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคย สักพักจึงเริ่มตั้งท่าร่ายรำเพลงดาบ เสียงคมดาบแหวกอากาศค่อย ๆ ดังเร่งจังหวะถี่ระรัวขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งทุกคนแทบจะมองไม่เห็นความเคลื่อนไหวใด ๆ นอกจากเสียงหวีดหวิวของลมที่เกิดจากคมดาบ รอบ ๆ บริเวณนั้นเกิดลมหมุนพัดเอากิ่งก้านของต้นไม้โยกไหวอย่างแรง ใบไม้หลุดร่วงปลิวว่อน
กษัตริย์ซิกมันด์ทรงพยายามทอดพระเนตรทุกความเคลื่อนไหวของชาร์ล คลาแลนซ์ เวลานี้แม้แต่ตัวเขาเองก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชาร์ลอีกต่อไป
“หยิบท่อนเหล็กพวกนั้นมา” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงออกคำสั่งให้ทหารนำท่อนเหล็กที่ชาร์ลใช้เมื่อสักครู่มาให้พระองค์