Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน พุธ เม.ย. 24, 2024 12:41 pm

หน้าเว็บบอร์ด Wiser Summoner Novel @@ นิยายSMN Epi8 Chapter22 สายลมแห่งความทรนง @@

อ่านนิยาย Summoner Master Episodeต่าง ๆ ได้ที่นี่

Moderator: Jinger Ginger


@@ นิยายSMN Epi8 Chapter22 สายลมแห่งความทรนง @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 12:41 am

Chapter22 สายลมแห่งความทรนง



ในเวลาเพียงแค่สามอาทิตย์ จอมทัพแห่งฟีเลเซียก็ฟื้นคืนกำลังอย่างรวดเร็ว บาดแผลต่าง ๆ แทบไม่เหลือร่องรอยความเจ็บปวดใด ๆ และดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ เพราะได้รับการเสริมพลังตลอดระยะเวลาที่รักษาตัวอยู่ ทุกวันชาร์ลจะไปสนามฝึกซ้อมภายในกองทัพเพื่อฝึกร่างกายอย่างหนักและในวันนี้ก็เช่นกันที่แม่ทัพหนุ่มคลุกอยู่แต่ในสนามฝึกซ้อม แท่งเหล็กหนาหลายแท่งถูกมัดติดตามร่างกายของเขา ในมือถือท่อนเหล็กขนาดใหญ่แทนดาบคู่ใจกวัดแกว่งจากกระบวนท่าหนึ่งไปอีกกระบวนท่าหนึ่งอย่างคล่องแคล่ว นายทหารฝีมือดีมากกว่าสี่สิบนายในชุดเกราะป้องกันเต็มยศต่างยืนรายล้อมรอหาจังหวะเข้าจู่โจมผลัดกันถาโถมเข้าฟาดฟันใส่จอมทัพฟีเลเซียครั้งแล้วครั้งเล่าไม่หยุด แม้ต่างฝ่ายต่างก็เหนื่อยหอบแต่ก็ไม่ยอมเสียเวลาหยุดพักกันสักนาที

ทันใดนั้นเสียงแตรก้านยาวก็ดังขึ้นประกาศการมาถึงขององค์กษัตริย์ กษัตริย์ซิกมันด์ที่3 ในชุดเกราะเต็มยศสีเขียวเข้มมันวาวเสด็จเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมบิชอปเกรเกอรี่ และ ทหารผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง

“ข้าดีใจที่ท่านขยันฝึกซ้อมถึงขนาดนี้ ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีอย่างยิ่งให้กับพวกทหาร แต่ท่านแน่ใจนะว่าไม่ได้หักโหมมากจนเกินไป” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสแก่ชาร์ลผู้เป็นทั้งอาจารย์และสหายคนสนิท พลางทอดพระเนตรมองแท่งเหล็กที่ถูกมัดติดตามร่างกายของชาร์ล

“ฝ่าบาท เวลานี้ร่างกายของกระหม่อมดูจะแข็งแกร่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่กระหม่อมก็ประมาทไม่ได้ กองทัพของพวกซาโลมแปลกประหลาดขึ้นทุกวัน ทั้งสัตว์ประหลาดทั้งทหารปีศาจ” แม่ทัพหยุดทูลไปชั่วขณะหนึ่งราวกับหวนระลึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะกล่าวต่อ “หลังจากการประมือกับแม่ทัพของฝ่ายนั้นจนอาการสาหัสอยู่เป็นเดือน กระหม่อมก็ไม่อาจนิ่งเฉยไม่ฝึกฝนร่างกายได้อีก การจู่โจมของมันแต่ละครั้งถ้าโดนเข้าทีหนึ่งก็แทบปางตายได้เลย กระหม่อมจำเป็นต้องว่องไวยิ่งกว่าสายลม ครั้งหน้ามันจะไม่มีโอกาสได้หนีการประลองไปกลางคันแบบนี้อีก” ชาร์ล ทูลอย่างขุ่นเคืองเมื่อนึกถึงการประลองทั้งสองครั้งที่ทำให้เกียรติของเขาต้องด่างพร้อย

“ท่านแม่ทัพ ข้าเข้าใจความคับข้องใจของท่านดี แต่ความโกรธจะทำให้ท่านขาดสติในการตัดสินใจที่ดีได้” บิชอปกล่าวเตือนอย่างไม่จริงจังนัก ด้วยรู้นิสัยของจอมทัพหนุ่มผู้นี้ดีว่าโดยพื้นฐานแล้วเป็นคนอารมณ์ดี และสามารถจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ได้เก่ง

ชาร์ลยิ้มกว้างเมื่อโดนบิชอปแกล้งเหน็บ “ท่านบิชอป ข้าใช้ความขับข้องใจของข้าไปออกที่แรงที่กำลังนะ ไม่ได้ไปออกที่สมอง”

“ดี ถ้าอย่างนั้นก็แสดงให้ข้าดูหน่อยเป็นไง” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสขึ้นบ้าง “ดาบของท่าน ข้าให้ช่างหลวงเปลี่ยนให้ใหม่แล้ว”

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ แรงปะทะจากเคียวของแม่ทัพทมิฬนั้นทำให้คมดาบกระหม่อมบิ่นไปหลายที่... เดี๋ยว...ฝ่าบาทตรัสว่าเปลี่ยนอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ชาร์ลทูลถามอย่างไม่แน่ใจ

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงโบกพระหัตถ์เป็นสัญญาณให้นายทหารผู้ติดตาม สักพักนายทหารสองนายก็ช่วยกันลำเลียงดาบของชาร์ลเข้ามา ดาบสีเงินอมเขียวขนาดใหญ่เงาวาวคมกริบ ที่ตัวดาบมีลวดลายเส้นสีแดงสวยงาม ด้ามจับสีน้ำเงินยังคงเดิมทว่าหุ้มด้วยหนังมังกรถักอย่างสวยงาม

“ดาบนี้หลังจากที่ฝ่าบาททรงปรับเปลี่ยนให้ใหม่แล้ว ข้าได้เชิญนักบวชผู้ศักดิ์สิทธิ์หลายองค์มาร่วมกันสวดและอวยพรแก่ดาบเล่มนี้ และได้ตั้งชื่อให้ดาบเล่มนี้ว่า คูนีกุนเด(Kunigunde, the Sword of Charles) ตั้งชื่อตามนักบุญหญิงผู้เป็นราชินีชาตินักรบผู้ยิ่งใหญ่ ตัวดาบเป็นโลหะจากสายแร่ใหม่ที่พบบนเกาะวาร็อค เนื้อแข็งมากแต่น้ำหนักเบา เวลานี้ดาบเล่มนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มหนึ่งของฟีเลเซีย จงใช้มันเพื่อปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งฟีเลเซียเถิด” บิชอปเกรเกอรี่กล่าวพร้อมกับวาดมือเหนือดาบคูนีกุนเด

“ข้าสั่งให้ใช้โลหะนี้ทำชุดเกราะใหม่ให้แม่ทัพทุกคนรวมถึงท่านด้วย มันคงทำให้ท่านเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้นมากทีเดียว” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัส

“ลองดูสิ” เกรเกอรี่แนะ

เหล่าทหารต่างช่วยกันปลดท่อนเหล็กออกจากตัวจอมทัพ ชาร์ลยกดาบขึ้นคะเนน้ำหนัก เขาอดยิ้มอย่างชื่นชมและตื่นเต้นกับเพื่อนเก่าในรูปโฉมใหม่ไม่ได้ สายตาเขาไล่ละไปตามคมดาบ

“มันเบาขึ้นมากพ่ะย่ะค่ะ”

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงผายพระหัตถ์ไปกลางสนามซ้อม ซึ่งจอมทัพหนุ่มก็ปฏิบัติทันที ชาร์ลเหวี่ยงดาบเบา ๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคย สักพักจึงเริ่มตั้งท่าร่ายรำเพลงดาบ เสียงคมดาบแหวกอากาศค่อย ๆ ดังเร่งจังหวะถี่ระรัวขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งทุกคนแทบจะมองไม่เห็นความเคลื่อนไหวใด ๆ นอกจากเสียงหวีดหวิวของลมที่เกิดจากคมดาบ รอบ ๆ บริเวณนั้นเกิดลมหมุนพัดเอากิ่งก้านของต้นไม้โยกไหวอย่างแรง ใบไม้หลุดร่วงปลิวว่อน

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงพยายามทอดพระเนตรทุกความเคลื่อนไหวของชาร์ล คลาแลนซ์ เวลานี้แม้แต่ตัวเขาเองก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชาร์ลอีกต่อไป

“หยิบท่อนเหล็กพวกนั้นมา” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงออกคำสั่งให้ทหารนำท่อนเหล็กที่ชาร์ลใช้เมื่อสักครู่มาให้พระองค์
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter22 สายลมแห่งความทรนง @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 12:43 am

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงหยิบท่อนเหล็กขึ้นมาท่อนหนึ่งเขวี้ยงไปเหนือจอมทัพหนุ่มทันที ในชั่วเสี้ยววินาทีนั้นชาร์ลก็ทะยานขึ้นและลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่แท่งเหล็กนั้นก็ถูกตัดขาดเป็นสี่ท่อนร่วงลงสู่พื้น แต่ยังไม่ทันที่จะตกกระทบพื้น ชาร์ลก็ตวัดดาบอีกครั้งตัดท่อนเหล็กเหล่านั้นที่จุดกึ่งกลางพอดิบพอดีจนดูราวกับว่าเขาได้คำนวณไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว

บรรดานายทหารต่างปรบมือกันเกลียวด้วยความอัศจรรย์ใจ ทั้งกษัตริย์ซิกมันด์และเกรเกอรี่ต่างก็ยิ้มพยักหน้าอย่างชื่นชม ชาร์ลเดินเข้ามาคำนับขอบคุณบุคคลทั้งสอง

ทันใดนั้นทหารนายหนึ่งก็วิ่งตรงมาหาบุคคลทั้งสามอย่างรวดเร็วกล่าวรายงานเสียงดัง

“ฝ่าบาท กองทัพซาโลมมีการเคลื่อนไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงยิ้มอย่างหยามพระทัย “ศึกครั้งนี้ไอ้พวกซาโลมจะต้องประหลาดใจแน่”


***************************


ย่างเข้าเดือนเจมส์โทแนรส์กองทัพซาโลมจำนวนหนึ่งแสนนายก็ยาตราประชิดเมืองฟรอนทีเนีย ซึ่งเป็นเมืองที่เสมือนกับเป็นประตูสู่อาณาจักรตอนกลาง ในขณะที่อีกกองทัพหนึ่งของซาโลมก็เตรียมบุกประชิดเมืองเอรีมเช่นกัน

ชาร์ล คลาแรนซ์จึงขันอาสายกทัพออกไปยันกับทัพเรือนแสนของซาโลมที่บริเวณทุ่งราบคีร่าชานเมืองฟรอนทีเนีย เพราะเขาถนัดการรบประเภทบุกตะลุยแบบประชิดตัวมากกว่า ภูมิประเทศที่เป็นทุ่งเปิดโล่งอย่างทุ่งราบคีร่าจะทำให้เขาสามารถออกอาวุธได้อย่างเต็มที่ ซึ่งซิกมันด์และบรรดาแม่ทัพต่างก็เห็นด้วย

ทางด้านเมืองเอรีมนั้น กษัตริย์ซิกมันด์พร้อมเจ้าเมืองเอรีมและแม่ทัพอีกจำนวนหนึ่งอยู่ป้องกันเมืองจากการโจมตีของทัพซาโลม ขณะเดียวกันซิกมันด์ก็ได้ส่งเกรเกอรี่ บรรดาพระชั้นผู้ใหญ่ และเหล่านักบวชไปหลบภัยที่เมืองวอลเนีย พร้อมทั้งทำหน้าที่สวดอ้อนวอนพระเจ้าเพื่อชัยชนะของฟีเลเซียโดยหารู้ไม่ว่าซาโลมได้แอบซุ่มกองทัพที่น่าสะพรึงกลัวไว้เตรียมบุกเมืองวอลเนียด้วยเช่นกัน

***************************


สองวันหลังจากที่กษัตริย์ซิกมันด์ทรงส่งชาร์ลและกองทัพฟีเลเซียกว่าเจ็ดหมื่นนายสู่เมืองฟรอนทีเนียแล้วทรงรีบเรียกประชุมแม่ทัพพร้อมทั้งเรียกตัวฟอล์คเนอร์เข้าเฝ้าทันที

“ได้เรื่องหรือยัง?” ทันทีที่ฟอล์คเนอร์มาถึง กษัตริย์ซิกมันด์ก็ทรงตรัสถามอย่างรวดเร็ว

“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องขอพระราชทานอภัยโทษที่ข่าวสารล่าช้าไปมาก เพราะช่วงที่ผ่านมาทัพซาโลมปล่อยข่าวลือออกมามากมาย แม้แต่ทหารในกองทัพเองก็ยังไม่มีใครรู้ว่าข่าวไหนจริงข่าวไหนเท็จ ทำให้กว่าจะกรองข่าวได้เสร็จก็เสียเวลาไปมาก”

“ชิ! เจ้าเล่ห์นัก” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสดูแคลน “แล้วตกลงว่าใครเป็นผู้นำทัพทั้งสองของพวกมัน”

“ทูลฝ่าบาท ผู้นำทัพใหญ่ที่มุ่งหน้าสู่เมืองฟรอนทีเนีย คือ กษัตริย์ซาดินพ่ะย่ะค่ะ ว่ากันว่าฝีมือของเขาร้ายกาจยิ่งกว่าราโชยูผู้เป็นแม่ทัพเสียอีกพ่ะย่ะค่ะ”

“หึ! มันจะเก่งสักแค่ไหนเชียว” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงเยียดพระโอษฐ์อย่างดูแคลน สีพระพักตร์แข็งกร้าวขึ้น “ถ้าอย่างนั้นกองทัพที่จะบุกเอรีมก็นำโดยราโชยูสินะ”

“พ่ะย่ะค่ะ” ฟอล์คเนอร์ตอบ

“ฝ่าบาท” แม่ทัพพลมังกรเอ่ยขึ้น “ข้าพระองค์เห็นว่าเราไม่ควรประมาทแม่ทัพผู้นี้พ่ะย่ะค่ะ เพราะนอกจากจะเป็นผู้มีฝีมือและมีเรี่ยวแรงมหาศาลแล้ว เขายังมีมังกรดำโนฟโฮทิออนเป็นพาหนะอีกด้วย”

“มังกรดำอย่างนั้นรึ? ไม่มีทาง!มังกรโนฟโฮทิออนแทบจะฝึกให้เชื่องไม่ได้เลย ข้าไม่เชื่อว่าไอ้พวกไร้อารยธรรมอย่างนั้นมันจะฝึกมังกรดำให้เชื่องได้”

“ฝ่าบาทเพคะ กระหม่อมเชื่อว่าพวกมันน่าจะใช้ผู้ฝึกมังกรร่ายเวทย์สะกดมังกรดำเพคะ” แม่ทัพผู้ฝึกมังกรหญิงกล่าวขึ้น “การร่ายเวทย์ควบคุมมังกรแม้จะยากลำบากกว่าการฝึกมังกรให้เชื่องหลายเท่านักแต่ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ทว่าก็เทียบไม่ได้เลยกับการร่ายเวทย์บังคับโนฟโฮทิออนเพราะต้องร่ายเวทย์ตลอดเวลาและต้องใช้ผู้ฝึกมังกรหลายคนในการบังคับมังกรดำหนึ่งตัว หากเราสามารถทำลายการร่ายเวทย์ของพวกผู้ฝึกมังกรได้ มังกรดำจะต้องเสียการควบคุมแน่นอนเพคะ”

“ดี! ฟอล์คเนอร์เจ้าไปหาพวกผู้ฝึกมังกรให้เจอ แล้วกำจัดซะ” ครั้นแล้ว กษัตริย์ซิกมันด์จึงทรงหันไปทางอัศวินหญิงท่าทางปราดเปรียวนางหนึ่ง “โรน่า (Rona, the Pegasus Knight General) ข้าต้องการเปกาซัสพันธุ์ไหนก็ได้ ไม่ต้องเคยผ่านศึกก็ได้ แต่ต้องเป็นตัวที่บินเร็วที่สุดที่เรามี”

“ฝ่าบาท” แม่ทัพเปกาซัสสาวผู้มีผมยาวสยายสีน้ำตาลเข้มเอ่ยทูลขึ้นอย่างรวดเร็ว “เปกาซัสที่ไม่เคยออกศึกเลยอาจจะตื่นและพยศได้นะเพคะ”

“เหลวไหล! เจ้าก็รู้ว่าข้าขี่เปกาซัสได้ทุกตัว ไม่ว่ามันจะพยศแค่ไหนข้าก็ปราบมันได้สำเร็จทุกครั้ง” สำหรับกษัตริย์ซิกมันด์ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะทางด้านเปกาซัสที่สุดในฟีเลเซีย ถึงขนาดว่าพระองค์ไม่จำเป็นต้องมีเปกาซัสคู่กายอย่างอัศวินเปกาซัสคนอื่น ดังนั้นการเตือนเรื่องเปกาซัสด้วยความเป็นห่วงก็อาจกลายเป็นการดูถูกฝีมือได้

“ขอประทานอภัยเพคะฝ่าบาท” โรน่ารีบค้อมศีรษะขออภัยโทษแล้วจึงรีบกราบทูล “ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมขอเสนอเปกาซัสสามสายพันธุ์ให้พระองค์ทรงเลือกเพคะ คือ ดาร์ค ดรีม เปกาซัส (Dark Dream Pegasus), เรนโบว์ วิง เปกาซัส (Rainbow Wing Pegasus) และ เปรัน เปกาซัส (Perun Pegasus) เปกาซัสทั้งสามได้ชื่อว่าเร็วที่สุดเท่าที่กองทัพของเรามีในขณะนี้ แต่ในจำนวนทั้งสามนี้ เปรันเปกาซัสดูจะว่องไว ปราดเปรียว และ คึกคะนองที่สุด เพียงแต่ว่ามันยังไม่ได้รับการฝึกเท่าที่ควร เพราะความเร็วและความคึกคะนองของมันทำให้ผู้ฝึกเปกาซัสบังคับมันลำบาก”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter22 สายลมแห่งความทรนง @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 12:45 am

“ดี ข้าจะใช้เจ้านี่แหละปราบแม่ทัพเถื่อนนั่นให้ดู เจ้าจัดการสั่งให้เตรียมสวมเกราะใส่อานเปรันเปกาซัสให้พร้อม”

“เพคะ” โรน่ารับคำ

“เอาล่ะ ใกล้เวลาที่พวกซาโลมจะเคลื่อนทัพมาถึงแล้ว พวกเจ้าแยกย้ายกันไปเตรียมการได้ เมื่อพร้อมแล้วให้ไปพบข้าบนป้อมกำแพงฝั่งเหนือ”

“พ่ะย่ะค่ะ” “เพคะ” บรรดาแม่ทัพทั้งหญิงชายต่างรับคำด้วยเสียงหนักแน่น



ช่วงสายของวัน กองทัพซาโลมกว่าหกหมื่นสี่พันนาย ประกอบไปด้วยกองกำลังนกโมฮาหนึ่งหมื่นสองพันนาย มือเพชฌฆาตแห่งซาโลมเจ็ดพันนาย ฮาโวก้าหนึ่งพันตัว นักรบเพลิงมารหนึ่งหมื่นห้าพันนาย ผู้ฝึกสัตว์ สัตว์ป่าและสัตว์ประหลาดอีกหนึ่งหมื่นตัว รวมถึงทหารชั้นเลวอีกสองหมื่นนาย ก็เคลื่อนพลประชิดเมืองเอรีม เสียงโห่ร้องและกลองชัยดังกระหึ่มเป็นจังหวะหมายจะข่มขวัญศัตรู ในขณะที่ฟีเลเซียก็เตรียมพร้อมทั้งพลธนู ทัพนก ทัพอัศวิน ทัพมังกร และทัพเปกาซัสไว้รอท่าอยู่เช่นกัน กษัตริย์ซิกมันด์ที่สามทรงประทับยืนอยู่เหนือป้อมกำแพงทอดพระเนตรกองทัพซาโลมที่ค่อย ๆ รุกคืบประชิดเข้ามา

“นี่รึกองทัพซาโลมที่ตีเมืองต่าง ๆ จนแตกย่อยยับ ดู ๆ ก็ไม่เท่าไหร่ แล้วไหนละทหารปีศาจที่ทำลายกองทัพของข้าจนต้องเสียเมืองฟอร์เรนเชียให้มันไป”

“ฝ่าบาท กองทัพที่มาในวันนี้ไม่มีทหารปีศาจมาด้วยเลย ข้าพระองค์คิดว่าพวกมันคงไปกับทัพใหญ่ หมายจะบุกไปทางทิศตะวันตกรุกเข้าสู่อาณาจักรตอนกลางพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพพลมังกรกราบทูล

“พวกมันคิดว่าใครอยู่ปกป้องเมืองนี้กันถึงได้ส่งแต่พวกไร้น้ำยามารบแบบนี้ ดีล่ะ!ข้าจะตีทัพมันให้แตกเสียวันนี้เลย สั่งพลธนู และเครื่องดีดหินทั้งพิสัยใกล้และไกลเตรียมพร้อม” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงคำรามเสียงดุดัน

ทันทีที่ทัพซาโลมเคลื่อนเข้ามาอยู่ในพิสัยการยิง กษัตริย์ซิกมันด์ก็ไม่รอช้าทรงสั่งโจมตีทันที

“ยิง!!”

สิ้นคำกษัตริย์แห่งสายลม ลูกธนูนับไม่ถ้วนก็วิ่งพุ่งเข้าเจาะร่างแนวหน้าของทัพซาโลมจนล้มลงราวใบไม้ร่วง เหล่าพลทหารของซาโลมต้องยกโล่ขึ้นต่อกันป็นแผงโล่ขนาดมหึมาเพื่อกำบังร่างกาย แต่ก้อนหินขนาดใหญ่ที่ถูกดีดเข้าใส่กองทหารทำให้ทหารซาโลมต้องวิ่งหลบเป็นพัลวัน ข้างฝ่ายซาโลมก็ส่งฝูงฮาโวก้าเข้าก่อกวนพลธนูและเครื่องดีดหินที่อยู่เหนือกำแพงเมือง พวกมันใช้ฝ่ามือตวัดกวาดเอาบรรดาพลทหารและเครื่องดีดหินจำนวนมากร่วงละลิ่วจากกำแพงกระแทกใส่พื้นดินเบื้องล่างจนทัพทหารที่ประจำการอยู่บนกำแพงเกิดความโกลาหลกันยกใหญ่

เมื่อเห็นดังนั้น กษัตริย์ซิกมันด์จึงทรงออกคำสั่งให้ทัพมังกรและทัพนกออกตอบโต้ทันทีเช่นกัน เหล่าผู้ฝึกมังกรทั้งชายหญิงก็สั่งมังกรนานาชนิดทะยานขึ้นจู่โจมขับไล่ฮาโวก้าอย่างรวดเร็วจนเสียงแผดร้องของมังกรและฮาโวก้าดังสนั่นลั่นท้องฟ้าเหนือกำแพงเมืองเอรีม ขณะเดียวกันฝูงทัพนกที่ซุ่มตัวอยู่นอกกำแพงเมืองก็บินโฉบโจมตีทัพหลังของซาโลมเป็นพัลวัน ฝ่ายสุนัขป่าและสุนัขเขาดาบของซาโลมก็ไม่รอช้าวิ่งกวดเข้าต่อกรด้วยอย่างสุดกำลัง

จนเมื่อฝ่ายซาโลมสามารถบุกประชิดกำแพงเมืองเอรีมได้สำเร็จและเริ่มใช้บันไดพาดเพื่อรุกล้ำเข้าภายในเมือง กษัตริย์ซิกมันด์ก็ทรงสั่งเปิดประตูเมืองปล่อยทัพอัศวินนับหมื่นให้ควบทะยานรถศึกเข้าทะลวงฟันลึกเข้าไปถึงทัพกลางของซาโลม ทั้งเหล่าอัศวินบนหลังม้าก็ออกมากวาดไล่ทัพหน้าของซาโลมออกจากบริเวณกำแพงเมือง เหล่าอัศวินแห่งสายลมในชุดเกราะสีเขียวมันวาวต่างควบฮ้อม้าศึกเข้าห้ำหั่นศัตรูอย่างไม่มีการลดราวาศอก ซึ่งข้างฝ่ายซาโลมที่จัดกองกำลังนกโมฮาไว้คอยท่าอยู่แล้วก็ตรงเข้าจัดการกับทัพอัศวินทันที ขณะที่ทัพกลางนั้นเหล่านักรบเพลิงมารก็ฟาดฟันใส่เหล่าอัศวินฟีเลเซียอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างก็โถมเข้าต่อตีกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงอาวุธกระทบกันดังสะท้านกึกก้องไปทั่ว

ไม่นานนักก็ดูเหมือนว่าทัพซาโลมจะฮึกเหิมและมีขวัญกำลังใจมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว เสียงไชโยโห่ร้องต้อนรับจอมทัพซาโลมดังกระหึ่มก้อง ที่ขอบฟ้าทางทิศเหนือ ราโชยูจอมทัพใหญ่ขี่มังกรดำโฉบไปมาเหนือกองทัพพร้อม ๆ กับการบุกเข้าห้ำหันเด็ดหัวทัพอัศวินของเหล่ามือเพชฌฆาตแห่งซาโลม เสียงโห่ร้องด้วยความสะใจของทหารซาโลมยิ่งดังก้องสะท้อนมากขึ้นเมื่อแม่ทัพทมิฬโฉบมังกรดำลงตวัดเคียวกระชากร่างอัศวินฟีเลเซียคนหนึ่งขึ้นมา ในขณะที่กงเล็บแหลมของมังกรโนฟโฮทิออนก็ตะปบจิกทะลุตัวม้าศึกโผทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยที่ยังมีรถศึกห้อยติดอยู่ด้วย เลือดสด ๆ สาดกระจายไปทั่วราวกับฝนเลือด นายทหารฟีเลเซียทั้งร้องและดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดซึ่งก็ยิ่งสร้างความสะใจให้แก่ทัพซาโลม เมื่อบินสูงได้ระดับดีแล้วแม่ทัพร่างยักษ์ก็ควงเคียวด้วยมือเพียงข้างเดียวก่อนจะสะบัดร่างนายทหารชะตาขาดให้ลอยละลิ่วลงกระแทกพื้นเบื้องล่างอย่างจัง ทั้งนี้ก็เพื่อปลุกกระตุ้นนายทหารแห่งซาโลมให้คลั่งคะนองยิ่งขึ้น

“ป่าเถื่อนสิ้นดี!” บรรดาแม่ทัพที่อยู่บนป้อมกำแพงต่างประณามการกระทำของแม่ทัพโฉด ในขณะที่กษัตริย์ซิกมันด์ทรงมีพระพักตร์แข็งกร้าวยิ่งขึ้น

“สั่งการลงไป...เตรียมเปรันเปกาซัสให้พร้อม ข้าจะสั่งสอนมันต่อหน้าไอ้พวกทหารเถื่อนหน้าโง่ให้สาสมกับที่บังอาจมาหยามเกียรติชาตินักรบอย่างเรา ดูสิว่าพวกมันจะระเริงใจไปได้สักกี่น้ำ” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงประกาศเสียงกร้าว

ทันทีที่กษัตริย์ซิกมันด์ทรงเห็นราโชยูขี่โนฟโฮทิออนบ่ายหน้าตรงเข้ามาใกล้ กษัตริย์ซิกมันด์ก็ทรงเหวี่ยงองค์ขึ้นเปรันเปกาซัสควบทะยานเข้าหาด้วยความรวดเร็วท่ามกลางเสียงโห่ร้องที่เปี่ยมไปด้วยขวัญและกำลังใจของทหารฟีเลเซีย กษัตริย์แห่งสายลมควบเปรันเหินทะยานอย่างรวดเร็วพร้อมกับเหวี่ยงดาบเข้าใส่แม่ทัพร่างยักษ์ราวกับหมายจะบั่นศีรษะให้ขาดสะบั่นตั้งแต่วินาทีแรก ซึ่งราโชยูก็รีบตวัดเคียวป้องกันไว้ได้ทันการณ์พอดี เมื่อทั้งสองตั้งหลักกันได้แล้วราโชยูจึงกล่าวด้วยความขบขัน
“ฮ่า ฮ่า นี่รึกษัตริย์องค์ใหม่แห่งฟีเลเซีย หน่วยก้านไม่เลว แต่มุทะลุไปหน่อย”

“อย่าบังอาจมาวิเคราะห์ข้า คนโง่อย่างเจ้าไม่คู่ควรที่จะพูดคุยกับข้าด้วยซ้ำ แต่ข้าจะบอกอะไรเจ้าเอาบุญสักหน่อยว่าไอ้การที่เจ้าสามารถรับการจู่โจมเมื่อครู่นี้ได้ก็อย่าเพิ่งด่วนดีใจจนเนื้อเต้น เมื่อครู่มันแค่การหยั่งเชิงของเจ้า ขนาดข้ายังใช้ความเร็วไม่เต็มที่เจ้ายังเกือบจะตั้งรับไม่ทัน แค่นี้มันก็เป็นการชี้ให้เห็นแจ่มแจ้งแล้วว่าเจ้าน่ะมีแต่แรง แต่อืดอาดยิ่งกว่าม้าแก่ ๆ ที่ใกล้จะหมดลม ไม่สิ...เปรียบเทียบเจ้ากับม้าดูจะสูงส่งเกินไป หยั่งเจ้าก็เป็นได้แค่หนอนดินที่ค่อย ๆ คลานเท่านั้น”

“ปากกล้าแล้วยังอวดดีอีกด้วย” ราโชยูเริ่มหงุดหงิดเมื่อถูกดูแคลน แต่ก็รู้ดีว่ากษัตริย์หนุ่มแห่งฟีเลเซียนั้นฝีมือไม่ธรรมดาเลย เพราะจากการปะทะเมื่อครู่เขาก็รู้ได้ทันทีว่ากษัตริย์ซิกมันด์นั่นรวดเร็วยิ่งกว่าชาร์ลจอมทัพแห่งฟีเลเซียเสียอีก แม้ฝีไม้ลายมือและชั้นเชิงอาจจะไม่เทียบเท่าแต่ก็ประมาทไม่ได้เช่นกัน ยิ่งต้องต่อสู้กันบนอากาศเช่นนี้ทำให้กษัตริย์ซิกมันด์ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักรบเปกาซัสที่เก่งกาจที่สุดในฟีเลเซียยิ่งได้เปรียบตนอยู่หลายขุม ดังนั้นหากจะปราบกษัตริย์หนุ่มผู้นี้ก็มีแต่จะต้องบีบให้ลงไปสู้กันบนพื้นดินเท่านั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter22 สายลมแห่งความทรนง @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 12:45 am

“หึ เจ้าหนอนแก่ ไหนดูสิว่าเจ้าจะรับดาบของข้าด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นนี้ได้รึเปล่า” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสจบก็ทรงควบเปกาซัสเข้าจู่โจมทันที เปรันเปกาซัสสะบัดกระพือปีกอย่างรวดเร็วบินหมุนควงไม่ต่างกับเกลียวพายุลูกย่อมโหมพัดเข้าใส่มังกรร้าย ข้างฝ่ายแม่ทัพทมิฬก็บังคับมังกรดำพุ่งเข้าหาทำทีเหมือนจะปะทะกันซึ่งหน้า แต่ทว่ากลับโฉบลงต่ำหมายจะตวัดเคียวโจมตีเปรันเปกาซัสให้บาดเจ็บเพื่อตัดกำลังและเป็นอุบายที่จะค่อย ๆ บีบให้การสู้รบในครั้งนี้เข้าใกล้กับพื้นดินมากขึ้น แต่กษัตริย์ซิกมันด์ก็ทรงสามารถบังคับเปรันบินโฉบขึ้นตีลังกากลับหลังหลบรัศมีวงเคียวได้อย่างง่ายดายพร้อมกับฝากรอยคมดาบไว้บนหมวกเกราะของจอมทัพทมิฬ

กษัตริย์แห่งสายลมชักเปกาซัสกลับมาประจัญหน้าแม่ทัพทมิฬอีกครั้ง ทอดพระเนตรร่องรอยที่ปรากฏบนหมวกเกราะก่อนจะยิ้มเยาะพลางตวัดดาบชี้หน้าราโชยู

“หึ หึ แล้วถ้าเป็นความเร็วระดับนี้ละ เจ้าจะรับมือข้ายังไง?” ตรัสจบกษัตริย์ซิกมันด์ก็ทรงชักเปรันทะยานโฉบเข้าใส่ทันที ปีกเปรันเปกาซัสกระพือเร็วจนมองแทบไม่เห็น ยังไม่ทันที่ราโชยูจะขยับตัวจู่ ๆ ก็เกิดแรงลมมหาศาลพัดวูบเข้าปะทะ ขนปีกของม้าบินตีละใบหน้าของเขาอย่างจังจนต้องรีบใช้มือปัดป้อง และแทบจะทันทีหลังของเขาก็ถูกฟาดด้วยดาบอย่างแรงจนเกือบเสียหลักตกจากหลังมังกรดำ ราโชยูพยายามบังคับบังเหียนในมืออย่างทุลักทุเล เมื่อมังกรดำทรงตัวนิ่งดีแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองหากษัตริย์แห่งสายลม

ทันใดนั้นด้วยความรวดเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด กษัตริย์ซิกมันด์ก็ทรงโฉบเปรันเปกาซัสหมุนควงราวดอกสว่านพุ่งตรงดิ่งจากทิศเบื้องบนทะลวงเจาะเกราะที่ไหล่ขวาของราโชยูจนแตกกระจายออกเป็นเสี่ยง ๆ แต่ก่อนที่คมดาบจะเจาะลึกเข้าไปในเนื้อของแม่ทัพร่างยักษ์ ราโชยูก็รีบตวัดเคียวปัดป้องสุดกำลัง ทำให้กษัตริย์ซิกมันด์ต้องทรงโฉบหลบไปอีกทางหนึ่งก่อนจะบินวนอ้อมมาข้างหน้าช้า ๆ

“ว่าไงล่ะเจ้าหนอนโง่ จะรอให้ข้าเปลื้องเกราะเปลื้องผ้าเจ้าจนหมดตัวก่อนรึไงถึงจะหายเฉื่อย” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงตะโกนเย้ยหยันเสียงดังหมายจะให้แม่ทัพทมิฬได้อับอายขายหน้าแก่ทหารทั้งสองฝ่าย

“เจ้ามันก็มีดีแค่เวลาอยู่บนเปกาซัสนั่นเท่านั้นแหละ ข้าก็อยากรู้นักว่าถ้าลองเจ้าสู้กับข้าตัวต่อตัวข้างล่างนั่น เจ้าจะปากกล้าแบบนี้ได้นานแค่ไหนกัน” ราโชยูคิดว่าหากหลอกล่อด้วยเล่ห์ไม่ได้ก็ต้องเอาด้วยกล เด็กหนุ่มวัยคะนองอย่างกษัตริย์ซิกมันด์ลองถูกท้าซึ่ง ๆ หน้าเช่นนี้จะต้องรับคำท้าแน่ และดูท่าการยั่วยุของเขาจะประสบผลสำเร็จด้วยเมื่อกษัตริย์ซิกมันด์โกรธจนแทบระเบิด

“สามหาว หนอนแก่อย่างเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาดูถูกข้าเช่นนี้ ดี!ข้าจะแสดงให้เจ้าดูว่าเจ้ามันไร้น้ำยาขนาดไหน” ว่าแล้วกษัตริย์ซิกมันด์ก็ทรงโฉบเปกาซัสลงต่ำทันที

ราโชยูแทบจะหัวเราะอย่างสะใจที่หลอกกษัตริย์ซิกมันด์สำเร็จได้อย่างง่ายดาย แต่ยังไม่ทันที่ราโชยูจะชักมังกรดำตามลงไป จู่ ๆ โนฟโฮทิออนก็เกิดคลุ้มคลั่ง อาละวาดแผดเสียงร้องคำรามดังสั่นกึกก้อง ก่อนจะพุ่งตัวทะยานขึ้นฟ้าไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ มันทั้งพยศ ทั้งสะบัดหมายจะสลัดร่างให้เป็นอิสระจากแม่ทัพร่างยักษ์

ข้างฝ่ายกษัตริย์ซิกมันด์เองเมื่อทรงเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงฉุกคิดถึงแผนการที่วางไว้ตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีได้ นี่พระองค์ทรงเกือบจะหลงคารมเจ้าหนอนเจ้าเล่ห์ปล่อยให้ความโกรธที่ถูกหยามเกียรติครอบงำจิตใจ ความรู้สึกเสียหน้าที่ถูกหลอกยิ่งทวีความโกรธขึ้นอีกหลายเท่าตัว กษัตริย์ซิกมันด์จึงทรงกระตุกสายบังเหียนเชิดหน้าเปรันเปกาซัสควบทะยานไล่ตามมังกรดำด้วยความเร็วถึงขีดสุด เปกาซัสตวัดกระพือปีกพุ่งตัวผ่านม่านเมฆชั้นแล้วชั้นเล่า แรงลมที่ปะทะพระพักตร์ทำให้ดวงเนตรทั้งสองของพระองค์นั้นแห้งผาก แต่กระนั้นก็ไม่มีอะไรมาทำให้พระองค์ละย่อความเร็วลงได้ จนเมื่อกษัตริย์หนุ่มทรงไล่ตามมาถึงระยะประชิดหมายจะบั่นคอปลิดชีพแม่ทัพทมิฬให้บรรลัย แต่แล้วเจ้ามังกรดำที่กำลังสะบัดหัวอย่างคลุ้มคลั่งก็เหลือบเห็นม้าบินที่กำลังบินตีคู่มาจึงเอี่ยวคอหันมาแว้งกัดทันที กษัตริย์ซิกมันด์จึงทรงเบี่ยงองค์หลบเงื้อดาบขึ้นสุดแขนควงฟันใส่กลางลำคอของโนฟโฮทิออนสุดแรงเกิดจนหัวของมันขาดกระเด็น เลือดสีแดงสดพุ่งสาดกระจายเป็นสาย ร่างไร้หัวของมังกรดำตะเกียดตะกายกลางอากาศอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนจะร่วงหล่นลงอย่างรวดเร็ว ราโชยูรีบปล่อยสายบังเหียนพลางใช้มือยึดอานไว้ไม่ให้ตกลงไปเบื้องล่าง
“เจ้าหนอนโง่ รู้ไว้ซะด้วยว่าที่ฟีเลเซียนี่ไม่มีใครเขาขี่โนฟโฮทิออนกันหรอก”

กษัตริย์ซิกมันด์ที่สามทรงตะโกนเย้ยยิ้มเยาะทอดพระเนตรร่างมังกรดำและแม่ทัพทมิฬลอยละลิ่วผ่านชั้นเมฆลงสู่พื้นเบื้องล่างจนหายลับไปจากสายพระเนตร แล้วจึงพุ่งองค์โฉบลงต่ำเหนือคลื่นสงครามเบื้องล่างท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทหารซาโลม และเสียงโห่ร้องที่เปี่ยมด้วยประกายแห่งความหวังและกำลังใจของเหล่าอัศวินแห่งสายลม

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงตวัดดาบชี้ลงไปยังสนามรบประกาศด้วยเสียงอันดัง

“ฆ่าให้หมด ให้พวกมันพ่ายแพ้อย่างน่าทุเรศเหมือนแม่ทัพของพวกมัน”

เสียงกู่ร้องขานรับคำจากบรรดาอัศวินฟีเลเซียดังก้องสะเทือนเลื่อนลั่นพร้อมกับการบุกตะลุยรุกไล่เต็มกำลัง ทหารซาโลมที่เวลานี้อยู่ในอาการขวัญเสียและเต็มไปด้วยความสิ้นหวังเพราะขาดผู้นำทัพเสียแล้ว ต่างก็หนีแตกพ่ายกระจัดกระจายไปคนละทิศละทางไม่ต่างจากฝูงมดแดงแตกรัง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter22 สายลมแห่งความทรนง @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 12:46 am

“ส่งทหารไปหาซากไอ้แม่ทัพนั่น ข้าต้องการเห็นศพมันเพื่อความไม่ประมาท” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงรีบเร่งสั่งการทันทีที่กลับถึงป้อมกำแพง ทรงหันไปทางแม่ทัพเปกาซัสสาว
“โรน่า เจ้าจงเร่งจัดการยกทัพเปกาซัสไปช่วยแม่ทัพชาร์ลที่เมืองฟรอนทีเนียทันที การปรากฏตัวของทัพเปกาซัสจะช่วยนำขวัญและกำลังใจให้เหล่าทหารได้เป็นอย่างดี เพราะมันเป็นการยืนยันว่าที่เอรีมนี่เรามีชัยเหนือทัพซาโลมได้รวดเร็วเพียงใด ทั้งยังเป็นการประกาศว่าพวกมันอ่อนหัดจนทัพปกาซัสไม่ต้องออกรบด้วยซ้ำ ส่วนทางนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ลองพวกซาโลมเสียขวัญขนาดนี้คงอีกนานกว่าจะกล้าจัดกองทัพมาสู้กับข้าอีกครั้ง” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงยิ้มเยาะดูแคลน ทอดพระเนตรมองกองทัพเพลิงที่กำลังแตกถอยอย่างสิ้นท่า

“เพคะ” โรน่ายิ้มด้วยความภาคภูมิใจ ขานรับคำเสียงหนักแน่น ครั้นแล้วจึงหันไปผิวปากเป็นสัญญาณให้กับเปกาซัสสีฟ้าครามคู่ใจ เปกาซัสหนุ่มก็โผทะยานขึ้นสู่ชั้นกำแพงเมืองอย่างรวดเร็ว

“หากจำเป็น เมื่อเหตุการณ์ทางนี้สงบเรียบร้อยแล้วข้าจะส่งทัพมังกรตามไปเสริมอีกแรง ขอพระเจ้าทรงคุ้มครอง” กษัตริย์แห่งสายลมทรงยกพระหัตถ์ขึ้นกล่าวอวยพร

“ขอพระเจ้าทรงคุ้มครองท่าน” “ขอพระเจ้าทรงคุ้มครอง” บรรดาแม่ทัพต่างก็อวยพรแม่ทัพเปกาซัส

“ขอบพระทัยเพคะ ขอพระเจ้าทรงคุ้มครอง” โรน่าตอบกลับพร้อมโค้งถวายพร แล้วจึงเหวี่ยงตัวขึ้นเปกาซัสคู่ใจด้วยความปราดเปรียวไม่ต่างกับเสือสาวที่องอาจและอันตราย ธงแห่งทัพเปกาซัสโบกสะบัดเหนือกำแพงเมืองเอรีมพร้อมกับเสียงแตรเงินที่แผดดังเป็นสัญญาณเคลื่อนพล กองทัพเปกาซัสจำนวนห้าร้อยนายก็โผทะยานมุ่งสู่น่านฟ้าฟรอนทีเนียในทันใด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)


ย้อนกลับไปยัง Summoner Novel

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 10 ท่าน

cron