Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. เม.ย. 25, 2024 5:50 am

หน้าเว็บบอร์ด Wiser Summoner Novel @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 20 นางฟ้าประทานพร @@

อ่านนิยาย Summoner Master Episodeต่าง ๆ ได้ที่นี่

Moderator: Jinger Ginger


@@ นิยายSMN Epi8 Chapter 20 นางฟ้าประทานพร @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 12:24 am

Chapter 20 นางฟ้าประทานพร


ที่นอกเมืองฟีเลเซียเวลานี้คลาคร่ำไปด้วยกองทัพเรือนแสนที่ถูกเกณฑ์มาจากทั่วทุกสารทิศ ธงฟีเลเซียนับพันโบกสะบัดด้วยแรงลมพริ้วไสวเหนือกองทัพดูงามสง่ายิ่ง กองทัพประกอบไปด้วย พลธนูแห่งฟีเลเซียหนึ่งหมื่นนาย อัศวินเซนทอร์ห้าพันนาย นักรบมังกรสองพันนาย พลมังกรห้าพันนาย ผู้ฝึกสัตว์หนึ่งพันนาย พลเปกาซัสห้าร้อยนาย อัศวินแห่งฟีเลเซียสองหมื่นสองพันนาย ผู้ฝึกมังกรหญิง(Felasia Dragoona)หนึ่งพันสองร้อยนาง จอมดาบแห่งฟีเลเซีย(Felasia Swordsmaster)ห้าพันนาย นักบวชหนึ่งหมื่นองค์ มังกรดิมมินูวเลี่ยนแปดร้อยตัว ซอร์กริฟฟินหนึ่งพันตัว กริฟฟินลมสีน้ำเงินหนึ่งพันตัว นกร็อคแดงสองพันตัว วูลแวว์เวริ์น(Wool Wyvern)ห้าร้อยตัว ทหารฝีมือดีสองหมื่นนาย และทหารเลวอีกกว่าสี่หมื่นนาย

นายทหารทุกนายต่างก็ยืนประจำที่ของตนด้วยใจฮึกเหิมสมภาคภูมิ ต่างพร้อมแล้วที่จะพลีชีพเพื่อเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งฟีเลเซีย ไม่มีสีหน้าประหวั่นหรือหวาดกลัวอย่างคนขี้ขลาดให้เห็นแม้แต่น้อย

กษัตริย์ซิกมันด์ที่3ในชุดเสื้อเกราะเต็มยศสีเขียวขลิบทองมันวาวทรงยืนตระหง่านอยู่เหนือกำแพงเมืองเพื่อตรวจตราความพร้อมของกองทัพก่อนจะเคลื่อนพลสู่สมรภูมิรบ ไม่ไกลนักราชินีอลิเซีย เจ้าหญิงเรจิน่า และเกรเกอรี่กำลังเดินเข้ามาสมทบด้วย ทุกคนต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดเนื่องจากข่าวที่ฟอล์คเนอร์รายงานนั้นหนักหนาสาหัสอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการเสียเมืองฟอร์เรนเชีย ข่าวกองทัพปีศาจของซาโลม หรือ ข่าวอาการบาดเจ็บปางตายของชาร์ล คราแลนซ์ ผู้เป็นเรี่ยวแรงสำคัญของการรบในครั้งนี้ ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำให้สถานการณ์แย่ลงไปทุกขณะ

ราชินีอลิเซียทอดพระเนตรใบหน้าแข็งกร้าว เย่อหยิ่ง และ ถือตัวที่เพ่งมองไปยังทิศตะวันออกของลูกชายด้วยความกังวลยิ่ง
“แม่เป็นห่วงน้องของลูกเหลือเกิน”

เจ้าเรจิน่าทรงขมวดคิ้วน้อย ๆ เหลือบมองพระมารดาด้วยความสงสัย ไม่ค่อยสบายพระทัยนักเมื่อทรงเห็นสีพระพักตร์วิตกกังวลของพระนาง ราชินีอลิเซียหันไปหาบุตรตรีตรัสว่า

“แม่รู้จ้ะว่าซิกมันด์มีฝีมือ ทั้งยังเก่งกล้าสามารถ อายุเพียงเท่านี้ก็สามารถปกครองประเทศ และนำกองทัพที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ แต่ลูกดูสีหน้าและแววตาของเขาเวลานี้สิ หากอารมณ์อยู่เหนือสติก็ง่ายนักที่จะพลั้งพลาดได้”

“ไม่เป็นไรหรอกเพคะเสด็จแม่ ท่านบิช็อปเกรเกอรี่ก็ไปด้วย ลูกเชื่อว่าท่านจะต้องสามารถเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำซิกมันด์ได้อย่างดี” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงปลอบพระมารดาและหันไปทางเกรเกอรี่เพื่อขอคำยืนยันด้วยอีกแรง

“พ่ะย่ะค่ะ ตราบใดที่กระหม่อมอยู่เคียงข้างฝ่าบาท กระหม่อมจะให้คำปรึกษาและคอยแนะนำอย่างสุดความสามารถพ่ะย่ะค่ะ” เกรเกอรี่ทูลให้คำมั่น เมื่อทรงได้ยินดังนั้นราชินีอลิเซียจึงค่อยทรงคลี่ยิ้มคลายความวิตกลงได้

ครั้นทั้งสามเดินเข้าไปใกล้กษัตริย์ซิกมันด์ กษัตริย์หนุ่มจึงทรงค่อยหันมา ก่อนจะค้อมพระเศียรเล็กน้อยให้แก่พระมารดา สีพระพักตร์ของเขายังคงแข็งกร้าวและเคร่งเครียด มีเพียงริมพระโอษฐ์เท่านั้นที่เหยียดขึ้นน้อย ๆ คล้ายจะยิ้มให้พระมารดา

“เสด็จแม่ เสด็จพี่ ท่านบิชอป” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสทัก

“เตรียมการไปถึงไหนแล้วจ๊ะ” ราชินีอลิเซียตรัสถามอย่างรักใคร่

“เราพร้อมจะเคลื่อนทัพในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสเสียงเรียบ

“ระวังตัวนะลูก”

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงพยักพระพักตร์รับคำ ก่อนจะตรัสน้ำเสียงหงุดหงิด “กระหม่อมยังสงสัยว่าทำไมชาร์ลถึงเสียท่าพวกมันได้”
“ซิกมันด์ อย่าประมาทเพราะเห็นว่าเป็นพวกคนเถื่อนล้าหลัง ถ้าสามารถทำให้ชาร์ลถึงขนาดบาดเจ็บปางตายได้แสดงว่าฝีมือของพวกนั้นก็ไม่ใช่กระจอกเลย” เรจิน่ากล่าวเตือนด้วยความเป็นห่วง

กษัตริย์ซิกมันด์เมื่อทรงได้ยินดังนั้นก็ยิ่งพระพักตร์นิ่วคิ้วขมวดขึ้นกว่าเดิม “เสด็จพี่หมายความว่าพวกเราชาวฟีเลเซียฝีมือด้อยกว่าไอ้พวกนอกรีตนั่นหรือไร?”

“พี่ไม่ได้หมายความอย่างนั้นสักหน่อย พี่พูดเพราะเป็นห่วงน้องต่างหากล่ะ อย่ามองโลกในแง่ร้ายนักสิจ๊ะ” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสอย่างอดทน

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงได้ยินดังนั้นก็เกิดอาการประหม่าขึ้นเล็กน้อย พระองค์ลังเลที่จะตรัสอะไรสักอย่างกับพี่สาวแต่ก็เงียบลงเสียก่อน ซึ่งเจ้าหญิงเรจิน่าทรงรู้ดีว่าน้องชายของพระองค์เสียพระทัยที่ตีความหมายคำพูดของพระองค์ไปเช่นนั้น แต่กษัตริย์หนุ่มทรงเย่อหยิ่งเกินกว่าจะตรัสขออภัยต่อพระองค์ได้

เสียงแตรก้านยาวดังขึ้นเป็นสัญญาให้รู้ว่ากองทัพพร้อมที่จะเคลื่อนพล กษัตริย์ซิกมันด์จึงทรงค่อยผงกพระเศียรเล็กน้อยเป็นเชิงขอตัวเพื่อที่จะกล่าวปราศรัยกับเหล่าทหารหาญ

“ฟีเลเซีย! วันนี้จะเป็นวันแห่งความภาคภูมิใจของพวกท่าน พวกท่านคือผู้ที่จะนำเกียรติยศและศักดิ์ศรีอันสูงส่งกลับคืนสู่อาณาจักรฟีเลเซียของพวกเรา วันนี้เราจะสั่งสอนไอ้พวกนอกรีตให้ต้องจดจำไปชั่วลูกชั่วหลานที่บังอาจมาหยาบเกียรติแห่งฟีเลเซีย!! เพื่อเกียรติยศแห่งฟีเลเซีย” สิ้นคำกษัตริย์หนุ่มเสียงกู่ร้องขานรับจากเหล่าทหารหาญก็ดังสนั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนพื้นดินสะเทือนเลื่อนลั่น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 20 นางฟ้าประทานพร @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 12:25 am

“เพื่อศักดิ์ศรีแห่งสายลมศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเกียรติแห่งฟีเลเซีย!!”

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงยืดอกขึ้นหันกลับมายิ้มอย่างภาคภูมิให้พระมารดา พี่สาว และ ท่านบิชอป ซึ่งทั้งสามก็กำลังยิ้มอย่างภาคภูมิใจอยู่เช่นกัน กองทัพที่มีเกียรติ กล้าหาญ และ เก่งกาจเบื้องหน้าคือความภาคภูมิใจแห่งฟีเลเซีย กษัตริย์หนุ่มทรงขยับเข้าไปสวมกอดพระมารดาและเจ้าหญิงเรจิน่าเพื่อร่ำลา ซึ่งพระองค์ก็ทรงได้รับการสวมกอดตอบด้วยความรักใคร่

“ขอพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับลูกเสมอจ้ะ” ราชินีอลิเซียทรงยิ้ม ตรัสอย่างห่วงใย

“ขอบพระทัยเสด็จแม่”

“ขอพระเจ้าทรงกางพระหัตถ์ปกป้องน้องจากภยันตรายทั้งปวงจ้ะ” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงยิ้มให้น้องชายอย่างอ่อนโยน จึงทำให้กษัตริย์ซิกมันด์ทรงค่อย ๆ คลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะรีบเม้มปากกลั้นรอยยิ้มไว้ เจ้าหญิงเรจิน่าทรงยิ้มกว้างขึ้นทันที “พวกทหารข้างล่างเขาไม่เห็นหรอกว่าน้องยิ้มให้พี่ น้องจะอายทำไม”

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงหลบสายพระเนตรเหลือบมองทหารเบื้องล่าง “ข้าไม่ได้อายเสียหน่อย มันไม่เหมาะสมต่างหาก” พระองค์เหลือบไปมองท่านบิชอปที่ยืนห่างออกไปอีกครั้งอย่างระวังระไว แม้ท่านบิชอปอาจจะได้ยินคำสนทนาแต่ก็ไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกใด ๆ ทางสีหน้าแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นก็ทำให้กษัตริย์ซิกมันด์ทรงค่อยคลายความตระหนกลงได้

“จ้ะ ไม่เหมาะสมก็ไม่เหมาะสม” เจ้าหญิงเรจิน่ายังทรงยิ้มอยู่

เจ้าชายซิกมันด์ทรงถอนหายใจเล็กน้อยซึ่งดูเหมือนพระองค์จะยอมรับในคำพูดของเจ้าหญิงเรจิน่าในที่สุด พระองค์ทรงทอดพระเนตรอาณาจักรฟีเลเซียอีกครั้ง ก่อนจะไล่สายพระเนตรมองทางมารดาของตน พระองค์เปลี่ยนสีพระพักตร์ให้ดูจริงจังมากยิ่งขึ้น ตรัสเน้นย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทุกถ้อยคำ นัตน์ตาสีฟ้าอมเทาฉายแววแห่งความเชื่อมั่นและไว้วางใจในตัวพี่สาวอย่างชัดเจน “ข้าฝากทางนี้ด้วยนะเสด็จพี่”

เจ้าหญิงเรจิน่าทรงยิ้มกว้างอีกครั้ง ขอบใจในความไว้วางใจที่กษัตริย์น้องชายมีต่อตัวพระองค์

“ได้เวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” บิชอปเกรเกอรี่เขยิบเข้ามาใกล้กระซิบเสียงเบา

กษัตริย์หนุ่มทรงพยักพระพักตร์รับรู้ ตรัสแก่สตรีทั้งสอง “รักษาตัวด้วย เสด็จแม่ เสด็จพี่” แล้วจึงทรงผงกพระเศียรเป็นสัญญาณแก่มหาดเล็ก มหาดเล็กก็รีบเป่าแตรสัญญาณทันที ฉับพลันนั้นเอง เสียงขานรับของม้าหนุ่มก็ดังก้องกังวานจากเบื้องบน แกรนด์ ฮิลล์ เปกาซัส (Grand Hill Pegasus)สีน้ำตาลเข้มขนาดใหญ่ก็โผบินวนเหนือกำแพงเมืองหนึ่งรอบก่อนจะค่อย ๆ ร่อนลงเคียงข้างกษัตริย์ซิกมันด์อย่างสง่างาม บนตัวของมันครบครันไปด้วยชุดศึกสีเขียวเข้มขลิบทองมันวาวไม่ต่างจากนายของมัน ทั้งสนับขา เกราะอก และ หมวกเกราะที่ถูกขัดจนมันวาว รูปร่างที่ใหญ่โตของมันเต็มไปด้วยมัดกล้าม ปีกแข็งแรงทั้งสองข้างแผ่กางกระพืออวดความแข็งแกร่ง ท่วงท่าการเยื้องย่างที่ถูกฝึกมาอย่างดีนั้นสง่างามสมกับเป็นพาหนะของกษัตริย์แห่งฟีเลเซีย

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงเหวี่ยงองค์ขึ้นทรงบนหลังแกรนด์ฮิลล์เปกาซัสอย่างองอาจ ก่อนจะทรงชักม้าบินทะยานขึ้นเหนือกองทัพแห่งฟีเลเซียท่ามกลางเสียงโห่ร้องอย่างฮึกเหิมและแววตาแห่งความชื่นชมในองค์กษัตริย์ของพวกเขา

“รักษาตัวด้วยนะท่านบิชอป ขอพระเจ้าทรงอวยพรท่าน” พระราชินีอลิเซียทรงหันไปตรัสกับเกรเกอรี่

“ขอพระเจ้าทรงคุ้มครองท่านนะค่ะ” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสโค้งให้บิชอปเกรเกอรี่

“ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอพระเจ้าทรงคุ้มครองฟีเลเซีย” เกรเกอรี่กล่าว แล้วจึงเหลือบไปเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของทั้งสองเข้า ซึ่งเขารู้ดีว่าทั้งสองยังคงกังวลถึงนิมิตของเขาในคืนนั้นอยู่จึงได้กล่าวสำทับว่า “พระเจ้าจะไม่มีวันทอดทิ้งลูก ๆ ของพระองค์ ขอฝ่าบาททั้งสองทรงวางพระทัย”

คำกล่าวนั้นทำให้สตรีทั้งสองค่อยคลายกังวลลงได้บ้าง บิชอปหนุ่มจึงโค้งให้ทั้งสองก่อนจะหมุนตัวลงบันไดที่พาออกนอกกำแพงเมือง ณ ที่นั่นรถลากสีขาวขลิบทองเทียมด้วยม้าสีขาวปรอดสี่ตัวรอคอยท่าอยู่แล้ว เกรเกอรี่ก้าวขึ้นนั่งบนรถด้วยกริยาท่าทางสงบเสงี่ยมสำรวม

เมื่อทุกฝ่ายเข้าประจำที่ของตนแล้วเสียงแตรก้านยาวก็ดังกระหึ่มกึงก้อง กองทัพอันเกรียงไกรแห่งฟีเลเซียก็เคลื่อนพลมุ่งสู่เมืองเอรีมทันที นักบวชจากวิหารต่าง ๆ ทั่วฟีเลเซียกว่าห้าพันรูปเดินนำขบวนส่งเหล่ากองทัพผู้กล้าสู่สนามรบอย่างศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนชาวฟีเลเซียต่างโบกธงบ้าง ผ้าขาวบ้าง ทั้งยังโปรยดอกไม้เพื่อเป็นเกียรติและอวยพรเหล่าทหารหาญ กษัตริย์ซิกมันด์ทรงนำทัพเปกาซัสและทัพมังกรโจนทะยานขึ้นเหนือน่านฟ้าฟีเลเซีย แสงแดดยามเช้าสาดส่องกระทบเสื้อเกราะของเหล่าทหารทั้งบนพื้นดินและบนอากาศทำให้เกิดประกายเจิดจ้าระยิบระยับไปทั้งกองทัพจนดูราวกับว่าพวกเขาเหล่านั้นคือกองทัพอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าก็ไม่ปาน


************************************


ณ กระโจมใหญ่ภายในค่ายทหารซาโลม

กษัตริย์แห่งซาโลมทรงกำลังประทับบนเบาะทรงกลมสีแดงใบใหญ่ในพระหัตถ์ก็หมุนแก้วสุราไปมา ทว่าสายพระเนตรที่แข็งกร้าวกลับจับจ้องไปที่กระถางคบเพลิงที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ด้วยความรู้สึกร้อนใจ หงุดหงิด และ ขัดเคือง ประสมปนเปจนเหล่าแม่ทัพนายกองต่างพาการอึดอัด และอยู่ไม่เป็นสุขนัก ครั้นเมื่อเบลซ เซจ และจอมเวทย์ดำแหวกม่านเข้ามายืนอยู่ต่อหน้าองค์กษัตริย์แล้ว กษัตริย์ซาดินจึงทรงค่อยเหลือบเนตรกลับมายังบุคคลทั้งสอง

“เป็นยังไง?” กษัตริย์ซาดินตรัสถามด้วยน้ำเสียงที่ข่มความเกรี้ยวกราดไว้ไม่มิด

“ทูลฝ่าบาท ร่างกายของแม่ทัพใหญ่แม้อวัยวะภายในจะไม่ได้รับความกระทบกระเทือนมากนัก แต่ก็เสียเลือดไปมากจากบาดแผลภายนอก หลายแห่งลึกมากจนทำให้ยากแกการสมานแผลโดยเฉพาะอย่างยิ่งบาดแผลที่ช่วงท้องนั้นกว้างมาก คงต้องใช้เวลาสักระยะในการฟื้นตัว ข้าพระองค์เห็นว่าเราควรจะหยุดตรึงกำลังไว้...”

เพล้ง!!

กษัตริย์ซาดินพระพักตร์ถมึงทึงทรงเขวี้ยงแก้วเหล้าใส่กระถางคบเพลิงใกล้ ๆ นั้นจนเปลวไฟลุกพรึบขึ้นมาอย่างน่ากลัว ทำเอาเหล่านายทหารต่างสะดุ้งกันโหยง แม้แต่เบลซ เซจเองก็ยังผงะไปกับอารมณ์ที่ระเบิดขึ้นของกษัตริย์แห่งซาโลม

“งี่เง่าที่สุด! บ้าสิ้นดี! ไม่ได้ดั่งใจข้าสักคน” กษัตริย์ซาดินทรงระเบิดคำพูดอย่างหัวเสีย

“ฝ่าบาท...” เบลซ เซจ ทูลขึ้น น้ำเสียงไม่มั่นคงนัก

“อะไร!” กษัตริย์ซาดินทรงกระแทกเสียงตอบ

เบลซ เซจ เงียบไปครู่หนึ่งเพื่อปรับน้ำเสียงและอารมณ์ให้มั่นคงขึ้น ก่อนจะแจ้งข่าวที่จะเป็นเชื้อฟื้นชั้นดีให้กับเพลิงแห่งอารมณ์ให้กับชายผู้อยู่เบื้องหน้าของตน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 20 นางฟ้าประทานพร @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 12:26 am

“กองทัพหลวงแห่งฟีเลเซียกำลังเคลื่อนพลมุ่งหน้าสู่เมืองเอรีมแล้วพ่ะย่ะค่ะ กองทัพคราวนี้กำลังพลมากเป็นเรือนแสน นำทัพโดยกษัตริย์ซิกมันด์ที่3 และ บิช็อปเกรเกอรี่ จากที่สายรายงานมา กองทัพประกอบไปด้วยนักบวช อัศวิน ทัพเปกาซัส นักแม่นธนู นักดาบ ทัพนก และ ทัพมังกรมากมาย โดยเฉพาะทัพมังกรนั้นนับได้หลายพันตัวทีเดียว ข้าพระองค์คาดว่ากองทัพคงจะเข้าเขตเมืองในวันเวนตุส(Ventus)ที่จะถึงนี้พ่ะย่ะค่ะ”

“ปัดโธ่เว๊ย!” กษัตริย์ซาดินทรงสบถอย่างขุ่นเคืองก่อนจะทรงคว้าเหยือกเหล้าเขวี้ยงลงพื้นอย่างแรง “อีกสี่วันจะไปเตรียมการทันได้ยังไง ราโชยูก็บาดเจ็บ เนอริมอร์ก็ยังไม่ถึงกำหนดกลับ แล้วมังกรตั้งมากมายขนาดนั้น...มันไปหามังกรมาจากไหนของมันนะ”

“ฝ่าบาท ที่ฟีเลเซียมีมังกรมากมายขนาดนี้ก็เพราะว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับมังกรมาก ถือว่าเป็นสัตว์ที่ศักดิ์สิทธิ์มีเกียรติถึงขนาดว่าห้ามนักรบหญิงขี่มังกรที่เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์โดยเด็ดขาด แม้แต่ผู้ฝึกมังกรหญิงก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ขี่มังกร เช่นเดียวกับที่นักรบชายที่จะไม่สามารถขี่ยูนิคอร์น(Unicorn)นั่นเอง ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการตั้งฟาร์มเพาะเลี้ยงมังกรโดยเฉพาะเพื่อเฟ้นหามังกรลักษณะดีมาใช้ในกองทัพ” แบล็ค ไวเซอร์ กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“เฮอะ! ไร้สาระ” อารมณ์ของกษัตริย์ซาดินยังคงครุกรุ่น “แล้วนี้เราจะวางแผนรับมืออย่างไรดี”

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเห็นว่าทางฝ่ายฟีเลเซียเองก็คงยังไม่ทำอะไรมาก เพราะแม่ทัพฝ่ายนั้นเจ็บหนักยิ่งกว่าแม่ทัพของฝ่ายเราเสียอีก ข้าพระองค์เห็นว่าเราควรจะรอเวลาอีกสักหน่อย นี่ก็ใกล้จะครบกำหนดที่พระนางเนอริมอร์จะต้องเสด็จกลับแล้ว คงไม่เกินต้นเดือนเจมส์โทแนรส์(Jamestonares)นี้ ระหว่างนั้นข้าพระองค์เชื่อว่าร่างกายของราโชยูคงฟื้นกำลังเต็มที่แล้ว เวลานี้เราเพียงแต่ตรึงกำลังรักษาดินแดนที่เราตีได้ให้ปลอดภัยก็เพียงพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เบลซ เซจออกความเห็น

“เจ้าจะแน่ใจได้อย่างว่าพวกมันจะไม่คิดตีเมืองกลับในทันที” กษัตริย์ซาดินทรงตั้งข้อสงสัย

“กำลังสำคัญของฟีเลเซียอย่าง ชาร์ล คลาแรนซ์ ได้รับบาดเจ็บถึงขนาดนั้น และยังกองทัพทหารผีดิบของซาโลมที่บุกทลายเมืองฟอร์เรนเชียจนราบเป็นหน้ากลอง นั่นคงจะมีผลต่อการตัดสินใจของฝ่ายฟีเลเซียไม่น้อย ฟีเลเซียน่าจะใช้เวลาในการประเมินสถานการณ์และวางแผนอีกระยะหนึ่ง พร้อมทั้งเร่งเสริมกำแพงเมืองให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ทั้งยังต้องถ่วงเวลาเพื่อให้แม่ทัพคลาแรนซ์ฟื้นตัวด้วย ข้าพระองค์คาดว่าฟีเลเซียน่าจะเริ่มลงโจมตีใกล้ ๆ กับเวลาที่พระนางเนอริมอร์จะกลับมาเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ” อุปราชเฒ่ายังคงใช้ความคิดวิเคราะห์สถานการณ์ต่อไป “ระหว่างนั้นเราก็เร่งสร้างกองทัพผีดิบให้มากขึ้น หลังจากการรบที่เมืองฟอร์เรนเชียทำให้เรามีวัตถุดิบในการทำทหารผีอย่างเหลือเฟือ ดังนั้นการที่เรารอเวลาอีกสักหน่อยข้าพระองค์ว่ามันก็คุ้มค่าแก่การรอคอยนะพ่ะย่ะค่ะ”

เวลานี้กษัตริย์ซาดินทรงเริ่มอารมณ์เย็นลงบ้างเมื่อได้ฟังความคิดเห็นและการวิเคราะห์ของอุปราชเฒ่า “ถ้าเช่นนั้น เมื่อเนอริมอร์กลับมาแล้วเจ้าคิดว่าการบุกโจมตีของฝ่ายเราควรเป็นอย่างไร”

“เวลานี้เราก็ตีเมืองเข้ามาได้ลึกพอสมควรแล้ว อีกทั้งทหารจากเมืองต่าง ๆ ก็ถูกเกณฑ์เข้าร่วมการทัพใหญ่ของฟีเลเซียจนเกือบหมด ข้าพระองค์จึงมีความเห็นว่าเมื่อพระนางเนอริมอร์กลับมา เราจะแบ่งกำลังเป็นสามส่วนแล้วบุกโจมตีสามเมืองพร้อม ๆ กัน พวกมันคงคิดไม่ถึงว่าเราจะเริ่มบุกตีเป็นหน้ากระดานทำให้พวกมันต้องรีบแบ่งกองทัพออกเป็นสามทัพเพื่อรับมือกองทัพของพระองค์ ซึ่งนั่นทำให้กองทัพฟีเลเซียมีพิษสงน้อยลงพ่ะย่ะค่ะ” เบลซ เซจกล่าว ยิ้มน่ารักมเกรียม

กษัตริย์ซาดินทรงพยักพระเนตรน้อยๆ สีพระพักตร์บ่งบอกถึงความพึงพอพระทัยกับสิ่งที่เพิ่งทรงได้ยินมา “ดี ไปเตรียมการได้ หวังว่าคราวนี้จะไม่มีอะไรผิดพลาดอีกนะ”

“รับด้วยเกล้า พ่ะย่ะค่ะ” เบลซ เซจกล่าวอย่างหนักแน่น


***************************************


ครั้นเมื่อล่วงเข้าเช้าวันเวนตุสที่19 กองทัพอันเกรียงไกรแห่งฟีเลเซียก็เคลื่อนมาถึงเมืองเอรีมท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องด้วยความยินดีจากบรรดาทหารและชาวเมืองเอรีม ขวัญและกำลังใจของชาวเมืองเต็มล้นปรี่ กษัตริย์ซิกมันด์บนหลังอาชาบินควบทะยานนำกองทัพเข้าประตูเมืองอย่างองอาจสง่างาม เสียงแตรก้านยาวแผดผสานดังสนั่น เจ้าเมืองเอรีมและเหล่าข้าราชบริพารชั้นสูงต่างออกมาถวายการต้อนรับอย่างสมเกียรติ

เมื่อกษัตริย์ซิกมันด์ที่3 และ บิช็อปเกรเกอรี่ลงจากพาหนะของตนแล้ว ทั้งสองก็รีบรุดไปดูอาการของแม่ทัพใหญ่แห่งฟีเลเซียทันที

ภายในห้องพักของแม่ทัพ ชาร์ล คลาแรนซ์ ผู้สูงศักดิ์ทั้งสองสีหน้าเคร่งเครียดยืนมองบรรดานักบวชผู้มีพลังรักษานับสิบองค์รายล้อมอยู่รอบเตียงของแม่ทัพใหญ่ ทุกองค์มีสีหน้าเหนื่อยอ่อนและอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด แสงสีขาวเรืองรองที่ถูกปล่อยออกมาจากมือของบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์อาบทั่วร่างของแม่ทัพหนุ่มจนดูเหมือนว่าทั้งเส้นผมและผิวกายถูกเปลี่ยนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ แม้เลือดจากบาดแผลต่าง ๆ หยุดไหลแล้วแต่เห็นได้ชัดว่าระบบการทำงานต่าง ๆ ภายในร่างกายยังคงน่าวิตกอย่างยิ่ง อกกำยำที่สะท้อนขึ้นลงตามการหายใจดูไม่เป็นจังหวะราวกับหายใจไม่สะดวก เสียงหายใจดังฟืดฟาดอย่างน่ากลัว ทั้งยังมีเสียงครางในลำคอเพราะความเจ็บปวดเป็นระยะ ๆ

หัวหน้านักบวชสูงวัยผู้ดูแลการรักษาจอมทัพแห่งฟีเลเซียก้าวเข้ามาทำความเคารพบุคคลทั้งสองก่อน ใบหน้ายังคงซีดเซียวและขอบตำดำคล้ำ เขาทูลรายงานเสียงอ่อน

“ท่านแม่ทัพร่างกายบอบช้ำมากพ่ะย่ะค่ะ อวัยวะภายในถูกทำลายไปหลายส่วน ทั้งยังโดนไอปีศาจด้วยจึงทำให้การรักษานั้นยุ่งยากและลำบากกว่าปกติหลายเท่านักพ่ะย่ะค่ะ”

“จะหายเป็นปกติไหม?” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสเสียงเครียด

“กระหม่อมจะพยายามสุดความสามารถพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทมิต้องทรงกังวล กระหม่อมจัดนักบวชผู้มีพลังรักษาพลัดเปลี่ยนเวรยามกันตลอดทั้งกลางวันกลางคืน คาดว่าอีกไม่กี่วันท่านแม่ทัพก็คงจะได้สติ ทั้งท่านแม่ทัพเองก็มีพลังชีวิตที่น่าทึ่งแม้โดนทำร้ายบาดเจ็บทั้งขนาดนี้แต่ก็ยังรอดมาได้ กระหม่อมเชื่อว่าท่านจะต้องฟื้นกำลังได้อย่างรวดเร็วหลังได้สติแล้ว” หัวหน้านักบวชออกความเห็น ซึ่งทั้งซิกมันด์และเกรเกอรี่ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“พวกท่านคงเหนื่อยกันมาก เราจะอธิษฐานขอพรเพื่อเสริมกำลังให้พวกท่าน ขอเชิญหยุดมือสักครู่เพื่อเราจะได้ภาวนาร่วมกันเถิดนะ” เกรเกอรี่กล่าวเชื้อเชิญบรรดานักบวช ซึ่งทุกคนต่างก็ยินดีที่ประมุขแห่งศาสนจักรฟีเลเซียจะนำอธิษฐานขอพรให้พวกเขา เมื่อทุกคนพร้อมแล้วเกรเกอรี่ก็ยกมือทั้งสองขึ้นสู่เบื้องบน สายตามองทอดขึ้นไปไกลจนดูราวกับว่าทะลุไปถึงสรวงสวรรค์ และเริ่มต้นอธิษฐาน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 20 นางฟ้าประทานพร @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 12:27 am

“ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน ขอพระองค์โปรดทอดพระเนตรมายังเหล่าข้ารับใช้ของพระองค์ผู้ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบอย่างดีเหล่านี้ด้วยเถิด ขอพระองค์โปรดขจัดปัดเป่าความเหนื่อยล้าไปจากพวกเขา เสริมกำลังกายกำลังใจให้พวกเขาเข้มแข็งเพื่อมีแรงในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่กำลังบาดเจ็บและรอการรักษาจากพวกเขาอีกมากมาย ขอพระองค์โปรดเมตตาพวกลูกด้วยเถิด”

ฉับพลันนั้นราวกับคำอธิษฐานของเกรเกอรี่ได้รับการตอบรับจากสวรรค์เบื้องบน เมื่อจู่ ๆ ก็มีแสงสว่างสีขาวนวลสว่างวาวทะลุลงมาจากเพดานอาบร่างทุกคนในห้อง นักบวชองค์หนึ่งก็ร้องเสียงดังด้วยความตื่นเต้น

“พระเจ้าข้า พระองค์ทรงส่งนางฟ้าอเลซซานดร้า(Alessandra, the Angel of Blessing) มาอวยพรพวกเรา”

ทุกคนต่างก็หมอบลงกราบจรดพื้นขอบพระคุณในพระเมตตาของพระเจ้าอย่างยินดี ทั้งพยายามมองหาทูตสวรรค์ของพระเจ้าด้วยความตื่นเต้นไม่เว้นแม้แต่กษัตริย์ซิกมันด์เองก็อดมองหานางฟ้าแห่งการอวยพรไม่ได้เช่นกัน เมื่อแสงสีขาวค่อย ๆ จางไปทุกคนก็รีบถามไถ่ถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ทันที

ทว่ามีเพียงบางคนเท่านั้นที่เห็นนางฟ้าอเลซซานดร้า นอกนั้นเห็นแค่เพียงแสงสีขาวนวลที่ฉายลงมาเท่านั้น แม้ว่าจะไม่ได้เห็นทูตสวรรค์ของพระเจ้า แต่ทุกคนก็ได้รับพระพรจากการอวยพรของนางฟ้าเต็มเปี่ยม ความเหนื่อยอ่อนเมื่อยล้าหายไปแทบจะปลิดทิ้ง สีหน้าของทุกคนสดใสกระปรี่กระเปร่า ซึ่งแม้แต่ชาร์ล คราแลนซ์เองก็ยังดูมีสีเลือดฝาดขึ้นไม่ซีดเซียวเหมือนทีแรก ทุกคนจึงต่างร้องสรรเสริญพระเจ้าอย่างยินดี กล่าวขอบคุณเกรเกอรี่ก่อนจะกลับไปรักษาแม่ทัพต่อ

“ขอบพระคุณท่านบิชอปเหลือเกินที่กรุณาขอพรให้กับพวกเรา” หัวหน้านักบวชกล่าวอย่างตื้นตันใจ

“พวกท่านต้องเหนื่อยตรากตรำดูแลรักษาเหล่าทหารจนแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนอยู่แล้ว น้ำใจดีของพวกท่านพระเจ้าทรงทอดพระเนตรตลอด ดังนั้นพระองค์จึงทรงส่งทูตสวรรค์ลงมาอวยพรพวกท่านทันทีที่เราอธิษฐานวอนขอ นี่ไม่ใช่เพราะความดีของเราเลย แต่เป็นเพราะความดีและการเสียสละของพวกท่านต่างหาก พระองค์จึงสดับฟังคำวอนขอ” เกรเกอรี่กล่าวอย่างชื่นชมบรรดานักบวช ซึ่งก็ทำให้เหล่านักบวชหัวใจพองโตด้วยความปลื้มปิติ

“ท่านบิชอป เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้วครับ ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวกลับไปดูแลการรักษาต่อเพื่อไม่ให้เสียชื่อที่ท่านบิชอปอุตส่าห์ชื่นชมเช่นนี้” หัวหน้านักบวชกล่าวอย่างนอบน้อม แต่ก็ยังคงยิ้มอย่างปลาบปลื้ม คำนับองค์กษัตริย์และบิชอปก่อนจะเดินกลับไปทำการรักษาต่อ เกรเกอรี่จึงยิ้มตอบขอบใจ ก่อนจะหันไปหาองค์กษัตริย์

“ฝ่าบาท” เกรเกอรี่เอ่ยขึ้น “เวลานี้พวกเราอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชน์ กระหม่อมว่าเราไปวางแผนเตรียมรับมือพวกซาโลมกันจะดีกว่า”


กษัตริย์ซิกมันด์ทรงพยักพระพักตร์เห็นด้วยแล้วจึงหันไปมองอาการแม่ทัพอีกครั้งก่อนนะเดินนำออกจากห้องไป เมื่อออกมานอกห้องแล้วกษัตริย์ซิกมันด์ก็ทรงอดไม่ได้ที่จะถามเกรเกอรี่ด้วยความสงสัย

“ท่านอัญเชิญทูตสวรรค์ลงมาอย่างนั้นรึ?”

“มิได้ฝ่าบาท พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์ลงมาด้วยพระทัยเมตตา กระหม่อมแค่ทูลขอพระเมตตาจากพระองค์เท่านั้น”

“ถ้าพระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์ลงมา แล้วทำไมข้าถึงมองไม่เห็นล่ะ แม้แต่พวกนักบวชเองก็มีแค่บางคนเท่านั้นที่เห็น”

“ฝ่าบาทพระพรของพระเจ้าที่ทรงประทานให้มนุษย์แต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน พระพรแต่ละอย่างก็เหมาะสมกับคน ๆ นั้น การมองเห็นเทวดานางฟ้าก็เป็นพระพรอย่างหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่มองไม่เห็นจะไม่ได้พระพรของพระเจ้าแต่อย่างใด”

“แล้วทำไมพระเจ้าจึงไม่ให้พระพรที่เหมือน ๆ กันกับทุกคนเล่า เพื่อจะได้เกิดความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย อย่างนั้นไม่ดีกว่ารึ?”

“พระเจ้าทรงยุติธรรมและทรงหยั่งรู้ถึงก้นบึ่งแห่งจิตใจมนุษย์อีกด้วย ทรงรู้ว่าพระพรใดที่เหมาะสมกับเรา ทรงรู้ว่าใครจะนำพระพรที่ประทานให้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ยิ่งเราใช้พระพรนั้นให้เกิดประโยชน์มากขึ้นเท่าไหร่พระองค์ก็จะยิ่งประทานให้เรามากขึ้น แต่ถ้าหากเราได้พระพรมาแล้วแต่เรากลับไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์ พระองค์ก็จะทรงริบเอาคืนไปเสีย ในขณะเดียวกันถ้าพระองค์ประทานให้เหมือนกันหมด เท่ากันหมดโลกเราคงวุ่นวายน่าดูเหมือนกัน”

“วุ่นวายอย่างนั้นรึ? ข้าว่าไม่เท่ากันนี่แหละวุ่นวาย ทำให้คนอิจฉาริษยากัน เกิดความไม่พอใจกันก็เพราะความไม่เท่าเทียมกันไม่ใช่รึ?”

“ฝ่าบาทลองพิจารณาดูเอาเถิด หากสมมุติว่าทุกคนเก่งในด้านการสู้รบเหมือนกันหมดแล้วไม่มีใครเก่งด้านการรักษา เมื่อบาดเจ็บมาจะรักษากันอย่างไร? หรือถ้าทุกคนเก่งด้านการรักษากันหมดแล้วเช่นนั้นใครจะป้องกันราชอาณาจักรเวลาศัตรูมารุกรานเช่นในยามนี้เล่า”

“ก็จริงของท่าน เอาเถอะ เราคุยกันนอกเรื่องมานานแล้ว ข้าว่าเรารีบไปหารือเรื่องวางแผนรับมือพวกศัตรูกันดีกว่า ข้าอยากรู้รายละเอียดต่าง ๆ ของฝ่ายนั้นเพิ่มเติมด้วย”

“พ่ะย่ะค่ะ” เมื่อเกรเกอรี่กล่าวรับคำ กษัตริย์ซิกมันด์ก็ทรงสาวเท้ามุ่งหน้าไปยังที่ประชุมอย่างรวดเร็ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)


ย้อนกลับไปยัง Summoner Novel

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน

cron