Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน พุธ เม.ย. 17, 2024 4:05 am

หน้าเว็บบอร์ด Wiser Summoner Novel @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 19 หีบเพลงแห่งนางฟ้า @@

อ่านนิยาย Summoner Master Episodeต่าง ๆ ได้ที่นี่

Moderator: Jinger Ginger


@@ นิยายSMN Epi8 Chapter 19 หีบเพลงแห่งนางฟ้า @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ส.ค. 19, 2009 11:54 pm

Chapter 19 หีบเพลงแห่งนางฟ้า


หลังจากการรบที่เมืองฟอร์เรนเชียสงบลง แม้กองทัพจะยังคงสามารถรักษาเมืองไว้ได้ แต่สภาพเมืองก็เสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะบริเวณกำแพงเมืองนั้นชำรุดหักพังไปเป็นแถบเลยทีเดียว ทำให้แม่ทัพใหญ่ต้องเกณฑ์ไพร่พลเร่งซ่อมแซมกำแพงเมืองทั้งวันทั้งคืนเพื่อให้ทันการบุกโจมตีระลอกสองของกองทัพซาโลม ขณะเดียวกันชาร์ลก็ได้ย้ายประชาชนไปอยู่ที่เมืองเอรีมซึ่งตั้งอยู่ถัดจากเมืองฟอร์เรนเชียไป พร้อมทั้งเร่งเสริมกำแพงเมืองเอรีมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นหากจำเป็นต้องสละเมืองฟอร์เรนเชียเมืองเอรีมจะได้มีปราการที่แข็งแกร่งกว่าในการต้านทัพซาโลม ทั้งนี้ก็เพราะถัดจากเมืองเอรีมก็คือเมืองวอลเนียอันเป็นเมืองที่มีวิหารแห่งฟรานเชสก้า(Church of Francessca)ตั้งอยู่ วิหารแห่งนี้แม้ไม่ได้เป็นวิหารหลวงแต่ก็มีความสำคัญต่อชาติฟีเลเซียอย่างยิ่งเพราะเป็นวิหารที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่นางฟ้าฟรานเชสก้าอารักขเทวดาแห่งฟีเลเซีย ดังนั้นเมืองเอรีมจึงเป็นปราการสุดท้ายที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะป้องกันเมืองวอลเนียจากเงื้อมือของศัตรู

ขณะที่ชาร์ลและนายทหารบางส่วนกำลังยืนอยู่บนยอดของกำแพงเมืองเพื่อตรวจตราดูการซ่อมแซมเมือง ชาร์ลยังคงคิดถึงการประมือเพียงชั่วเวลาสั้น ๆ กับแม่ทัพแห่งซาโลม ความรู้สึกที่น่าอึดอัดกับพลังประหลาดที่ชวนขนลุกนั่นยังคงรบกวนจิตใจของเขาอยู่เป็นระยะ ๆ อะไรบางอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงรอยแยกเล็ก ๆ ตรงด้านท้ายของคมเคียวนั่นดูราวกับมีชีวิต เขารู้ดีว่าเคียวนั้นต้องมีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลแน่

“เรียก ฟอล์คเนอร์มาพบข้าเดี๋ยวนี้” ชาร์ลออกคำสั่งกับนายทหารทันที

*********************************


ขณะเดียวกัน ภายในค่ายทหารของซาโลมบรรดาแม่ทัพล้วนอยู่กันพร้อมหน้า ในขณะที่แม่ทัพทมิฬยืนนิ่งไม่ไหวติงด้วยใบหน้าถมึงทึงเบื้องหน้ากษัตริย์แห่งซาโลม ความรู้สึกคับข้องใจที่ถูกเรียกตัวกลับมากลางคันพลุ่งพล่านอยู่ในอก

“ฝ่าบาทไม่เชื่อว่ากระหม่อมจะเอาชนะแม่ทัพฟีเลเซียได้กระนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ จึงได้เรียกตัวกระหม่อมกลับกลางคันเช่นนี้” ราโชยูทูลถามด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว

“เปล่าเลย เพียงแต่ข้าต้องการจะทดสอบกองทัพใหม่ที่แบล็คไวเซอร์ และเบลซ เซจร่วมกันสร้างขึ้นจนสำเร็จ” กษัตริย์ซาดินตรัสอย่างอารมณ์ดี “กองทัพผีนรก(Necrotrooper) ในที่สุดก็สมบูรณ์แบบและมีจำนวนมากพอจะต่อกรกับกองทัพทั้งหลายได้เสียที หึ หึ”

“ฝ่าบาทจงใจให้พวกมันเข้ากำแพงเมืองไปได้เพียงเพื่อจะทดสอบประสิทธิภาพของทหารผีดิบ ว่าจะมีความสามารถมากแค่ไหนอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” ราโชยูทูลสรุปก่อนจะชำเลืองไปทางอุปราชเฒ่า

“ไม่ลองดู แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามันใช้การได้ดีแค่ไหน” กษัตริย์ซาดินทรงยิ้มร่ากล่าวสำทับ

“กองทหารผีดิบของพวกข้าพระองค์ แม้ว่าจะถูกฟันขาดเป็นสองท่อนมันก็จะยังคงสู้ต่อไปเพราะพวกมันไม่รู้จักเจ็บปวดอีกแล้ว พวกมันจะหมดสภาพก็ต่อเมื่อถูกสับเป็นชิ้นเล็กชื้นน้อยนั่นแหละพ่ะย่ะค่ะ” เบลซ เซจ พูดอย่างมั่นอกมั่นใจพร้อมรอยยิ้มน่ารักมเกรียม

“หมายความว่าคราวนี้ท่านจะนำทัพผีดิบไปตีเมืองฟอร์เรนเชียเองกระนั้นสิ?” ราโชยูแฝงแววประชดในน้ำเสียง

“ไม่...ยังไม่ถึงเวลาของพวกข้า อาวุธต่ออาวุธ เวทย์ต่อเวทย์ เมื่อเวลามาถึงเจ้าก็จะได้เห็นเอง เวลานี้ยังเป็นเวลาของเจ้าอยู่” แบล็ค ไวเซอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่าไม่ยี่หระต่ออารมณ์คุกรุ่นของแม่ทัพร่างใหญ่ ทว่านัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความชิงชังมองทอดออกไปไกล

“เอาล่ะ! เจ้ามีแผนยึดเมืองอย่างไร เบลซเซจ?” กษัตริย์ซาดินตรัสตัดบทด้วยพระทัยร้อน

“ทูลฝ่าบาท ข้าพระองค์เห็นว่าในคราวนี้เราจะแบ่งกองทัพออกเป็นสามกองทัพ โดยทัพผีดิบจะเป็นทัพใหญ่บุกประจันหน้าเข้าตีเมืองตรง ๆ ด้วยมีอาวุธหนักเช่นเครื่องยิงหิน(Catapult)ทั้งพิสัยใกล้และไกลคอยยิงถล่มเมืองและสกัดพวกกองทัพทางอากาศ เป้าหมายคือบุกเข้ากำแพงเมืองชั้นในเพื่อสร้างความปั่นป่วนภายในกำแพงเมือง ส่วนอีกสองทัพเป็นทัพมนุษย์ ซึ่งเราจะรอจังหวะที่พวกมันกำลังสาละวนอยู่กับทัพผีของเรา บุกตีขนาบเมืองทั้งซ้ายและขวา ทีนี้พวกฟีเลเซียหน้าโง่ก็จะโดนศึกกระหน่ำถึงสามด้านในคราเดียว ข้าพระองค์มั่นใจเหลือเกินว่าเมืองฟอร์เรนเชียจะต้องแตกภายในเวลาไม่นานแน่”

“ดี! พวกเจ้าไปเตรียมทัพได้ พร้อมเมื่อไหร่เคลื่อนทัพทันที” กษัตริย์ซาดินทรงออกคำสั่ง


*********************************
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 19 หีบเพลงแห่งนางฟ้า @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 12:15 am

เพียงชั่วข้ามคืนกองทัพอันเกรียงไกรของซาโลมก็พร้อมยาตราทัพสู่เมืองฟอร์เรนเชียอีกครั้ง กองทัพผีดิบกว่าสามหมื่นนายพร้อมอาวุธหนักก็ยาตราเข้าประชิตเมืองฟอร์เรนเชียทันที เสียงกลองที่ตีให้จังหวะในการเดินทัพดังกระหึ่ม

ทหารฝ่ายฟีเลเซียเมื่อเห็นจำนวนทหารที่ยาตราเข้ามาต่างก็พากันโล่งใจ เพราะเมื่อเทียบจำนวนกับทหารฝ่ายตนแล้วกองทัพซาโลมดูจะเสียเปรียบอยู่มากทีเดียว แต่ครั้นเมื่อกองทัพซาโลมเคลื่อนเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนต่างก็ต้องตกตะลึงพรึงเพริดสุดขีด เมื่อกองทัพที่อยู่ตรงหน้าคือซากศพเดินได้ที่มีรูปร่างไม่แตกต่างกับอสูรกายจากนรก ร่างที่ใหญ่โตเกินกว่าคนทั่วไป หัวสามหัวที่มีใบหน้าบิดเบี้ยวและเน่าเฟะ ท่อนแขนกำยำที่ตรงส่วนมือมีลักษณะคล้ายอาวุธปลายแหลมนั่น พวกเขากำลังจะต้องต่อสู้กับกองทัพที่แปลกประหลาดและน่าสยดสยองที่สุดในชีวิต

ข้างฝ่ายแม่ทัพใหญ่แห่งฟีเลเซียเองก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปเช่นกันเมื่อเห็นกองทัพผีของซาโลม

“นี่มันกองทัพอะไรกัน?!” ชาร์ลเงียบไปพักใหญ่กว่าจะเอ่ยคำพูดออกมาได้ในที่สุด “พลธนูเตรียมพร้อม” แม่ทัพหนุ่มออกคำสั่งเสียงหนักแน่น ทว่าสายตายังคงจับจ้องไปยังกองทัพเบื้องล่างไม่วางตา

เมื่อกองทัพผีเริ่มบรรจุก้อนหิน ชาร์ลก็สั่งระดมยิงใส่กองทัพเบื้องล่างแทบจะพร้อมกัน เสียงดีดของสายเอ็นและเสียงแวกอากาศของลูกธนูนับพันดอกก็ดังกระหึ่มขึ้นทันที ลูกธนูนับพันพุ่งทะลวงเจาะร่างไร้วิญญาณของกองทัพซาโลมจนพรุนไม่ต่างกับตัวเม่น แต่กระนั้นก็หาได้ทำให้เหล่าปีศาจเบื้องล่างชะงักหรือหยุดมือจากการทำหน้าที่ของตนเลย พวกมันยังคงบรรจุก้อนหินใส่เครื่องยิงอย่างไม่สะทกสะท้าน

เหล่าทหารหาญแห่งฟีเลเซียถึงกับตกตะลึงอีกเป็นครั้งที่สอง ต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความพิศวง ลมบาง ๆ แห่งความกลัวค่อย ๆ โชยพัดไปยังพลทหารคนแล้วคนเล่า หากพวกเขาต้องต่อสู้กับกองทัพที่ไม่มีวันตาย ก็คงเป็นพวกเขาเองที่จะต้องตายในวันนี้

ฉับพลันก้อนหินขนาดใหญ่มากมายก็ถูกดีดจากเครื่องยิงหินพุ่งเข้าใส่เหล่าทหารและบ้านเรือนหลังกำแพงเมืองฟอร์เรนเชียทำให้เหล่าทหารต่างต้องวิ่งหลบก้อนหินยักษ์กันอลหม่าน

ชาร์ลจึงสั่งระดมยิงอีกครั้ง พร้อมกันนั้นก็ส่งทัพนกทั้งหลายเข้าจู่โจมสนับสนุนด้วย เหล่านกซอร์วิง ซอร์กริฟฟิน และนกร็อคแดงก็ตรงดิ่งเข้าจิกทึ้งกองทัพซาโลมเป็นพัลวัน ทว่าไม่ว่าจะทำเช่นไรกองทัพซากศพก็ไม่แสดงอาการเจ็บปวดให้เห็นแม้สักนิด ตรงกันข้ามพวกผีดิบกลับใช้จงอยแหลมที่มือเกี่ยวกระชากฝูงนกลงมาฉีกกินสด ๆ อย่างกระหายหิวจนเลือดและขนนกกระจัดกระจายไปทั่วทั้งบริเวณยิ่งสร้างความสยดสยองให้แก่ทหารฟีเลเซียขึ้นเป็นทวีคูณ

ระหว่างที่ชาร์ลกำลังพิจารณาดูสถานการณ์อย่างเคร่งเครียด ก็พอดีกับที่ฟอล์คเนอร์เข้ามารายงานตัวพอดี

“ท่านแม่ทัพ” ฟอล์คเนอร์ทำความเคารพอย่างรวดเร็วพลางเหลือบดูสถานการณ์เบื้องล่างด้วยเช่นกัน “นั่นมันตัวอะไรกัน?” เขาพูดเสียงเบาจนแทบจะกระซิบ ใบหน้าเหยเกด้วยความสยดสยอง

“กองทัพปีศาจของซาโลม” ชาร์ลกล่าวเสียงเครียด “ธนูทำอะไรมันไม่ได้เลย พวกทัพนกก็อย่างที่เห็น ว่าแต่เจ้าได้เรื่องมาว่าอย่างไรบ้าง?”

“ข้าพานางมาแล้วครับ เวลานี้นางพักอยู่ภายในโบสถ์ใกล้ ๆ นี่ ถ้าท่านต้องการพบก็สามารถเรียกนางมาได้ทันที” ชาร์ลพยักหน้าช้า ๆ สายตายังคงจับจ้องอยู่กับสถานการณ์เบื้องล่าง

“ท่านแม่ทัพ มีข่าวด่วนอีกข่าวด้วยครับ” ฟอล์คเนอร์กล่าวเสียงร้อนรนขึ้น

“ว่ามา”

“สายจากกองสอดแนมส่งข่าวมาว่าเวลานี้มีกองทัพซาโลมอีกสองกองทัพพร้อมอาวุธครบมือกำลังเคลื่อนทัพเตรียมขนาบเมืองฟอร์เรนเชียทั้งทางทิศตะวันออกและตะวันตก อีกไม่เกินหนึ่งชั่วยามคงเข้าประชิดเมืองแน่”

“ว่าอย่างไรนะ? บ้าจริง! แค่ลำพังกองทัพปีศาจข้างล่างนี้ข้ายังคิดไม่ออกเลยว่าจะต้องใช้กำลังพลมากขนาดไหนจัดการ กำลังพลเราคงไม่พอที่จะรับศึกทั้งสามด้านแน่ ๆ แล้วอีกสองกองทัพเป็นกองทัพปีศาจแบบพวกข้างล่างนี้ด้วยรึเปล่า?”

“เป็นมนุษย์และพวกสัตว์ป่าครับแต่ว่ายกกันมาหลายหมื่นทีเดียว ที่สำคัญคือทัพตะวันตกซึ่งนำทัพโดยแม่ทัพทมิฬราโชยูครับ”
แม่ทัพใหญ่เหลือบไปดูสถานการณ์เบื้องล่าง เวลานี้ทัพซาโลมเริ่มบรรจุก้อนหินอีกครั้ง

“ท่านแม่ทัพ ตอนนี้ทัพนกถูกสังหารเกือบหมดแล้ว โปรดสั่งการด้วยครับ” รองแม่ทัพนายหนึ่งรีบเข้ามารายงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“สั่งการลงไป! ให้ทัพมังกร และ ทัพเปกาซัส เตรียมพร้อมรอรับคำสั่ง พลธนูเปลี่ยนเป็นธนูเพลิงทำลายเครื่องยิงหินให้ได้” ชาร์ลออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว สายตายังคงพิจารณาสถานการณ์ความเป็นไปเบื้องล่างทุกขณะ

“เหล่านักบวชทั้งเมืองนี้รวมถึงละแวกใกล้เคียงเวลานี้ก็ถูกส่งไปคอยรักษาโบสถ์ฟรานเชสก้าที่เมืองวอลเนียจนหมด กำลังพลที่มีอยู่ตอนนี้ไม่พอรับมือแน่” แม่ทัพใหญ่ประเมินสถานการณ์

“ท่านแม่ทัพ ทัพเปกาซัส และ ทัพมังกรพร้อมแล้วครับ” แม่ทัพคนเดิมเข้ามารายงาน

“สั่งโจมตีได้!” ชาร์ลประกาศก้อง

ทัพมังกร และ ทัพเปกาซัสก็ทะยานขึ้นพุ่งเข้าจู่โจมใส่กองทัพผีดิบอย่างห้าวหาญ เหล่าทัพมังกรต่างก็พุ่งตัวจู่โจมใส่เครื่องยิงหินจนพังพินาศไปมากมาย แต่ทว่าเหล่าผีดิบเองก็ตรงเข้าตะลุมบอนกับเจ้ามังกรยักษ์อย่างไม่กลัวตาย แม้มังกรจะสะบัดจนทหารผีตัวลอยละลิ่วกระแทกพื้นไปไกลแต่มันก็ยังลุกขึ้นมาได้ใหม่ บ้างก็ถูกมังกรใช้ทั้งหางและเท้าฟาดและเหยียบจนจมมิดดินแต่เพียงประเดี๋ยวเดียวพวกมันก็ลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง เหล่าทัพเปกาซัสที่โฉบพุ่งเข้าฟาดฟันให้กองทัพผีอย่างไม่ลดละ แต่ไม่ว่าจะฟันจนหัวขาดกระเด็นหรือถูกฟันจนตัวขาดเป็นสองท่อนพวกทหารผีก็ยังคงวิ่งเข้าใส่ทัพมังกรและทัพเปกาซัสอย่างไม่สะทกทะท้าน แม้เครื่องยิงหินจะถูกทำลายได้จนเกือบหมดแต่ฟีเลเซียก็ต้องสูญเสียทัพมังกรและทัพเปกาซัสไปไม่น้อยทีเดียว
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 19 หีบเพลงแห่งนางฟ้า @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 12:16 am

“นี่พวกมันเป็นอมตะหรือยังไงกัน?!” ชาร์ลสบถ “มันไม่ต่างกับการส่งกองทัพไปให้พวกมันฆ่าเพื่อถ่วงเวลาเลย”

ทันทีที่เครื่องยิงหินถูกทำลายจนเกือบหมด กองทัพผีของซาโลมก็เริ่มลำเลียงบันไดผาดและซุงใหญ่เพื่อทำลายประตูเมืองทันที
“ปล่อยน้ำมันเผาบันไดพาดและซุงทั้งหมด อย่าให้มันเข้าเมืองได้ สั่งพลธนูเตรียมประจำการที่กำแพงเมืองฝั่งตะวันออกและตะวันตกเตรียมปะทะกับทัพซาโลม”

ชาร์ลให้สัญญาณรองแม่ทัพนายหนึ่งเพื่อให้มาประจำการแทนตน “ฟอล์คเนอร์เจ้าไปเชิญนางให้มาพบข้าที่กำแพงเมืองฝั่งตะวันตก” แม่ทัพใหญ่กล่าวจบก็หมุนตัวกลับเตรียมมุ่งสู่ฝั่งตะวันตก

“ท่านแม่ทัพ!!อย่าเพิ่งให้พลธนูไปครับ” รองแม่ทัพกล่าวอย่างตื่นตระหนก ชาร์ลหันกลับมามองด้วยความฉงน “พวกกองทัพผีกำลังขึ้นไปนั่งบนแท่นยิงหินแล้ว”

ชาร์ลหันไปมองยังเครื่องยิงหินที่ยังหลงเหลืออยู่จึงได้เห็นว่าบรรดาทหารผีกำลังปีนป่ายขึ้นไปรวมกันอยู่บนแท่นบรรจุหิน “พลธนู!! เล็งไปที่ทหารผีที่กำลังดีดตัวขึ้นมา เดี๋ยวนี้!!” ชาร์ลตะโกนสั่งเสียงดังลั่น พลธนูที่กำลังทยอยกันไปประจำการที่กำแพงเมืองทั้งสองฝั่งต่างก็รีบโก่งคันธนูอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่เครื่องยิงหินดีดทหารผีขึ้นมาโดยหมายจะส่งเหล่าทหารผีข้ามกำแพงเมืองเข้าไปให้ได้ เหล่าพลธนูก็ระดมยิงใส่ทหารผีพร้อมกันจนเกิดแรงต้านพอที่จะหยุดพวกทหารปีศาจ ร่างผีร้ายที่ถูกแรงต้านจากลูกธนูนับพันนับหมื่นดอกก็ร่วงลงกระแทกพื้นเบื้องล่างอย่างแรงซึ่งห่างจากกำแพงเมืองไปเพียงไม่กี่เมตร สักพักพวกมันก็เริ่มปีนป่ายขึ้นไปรวมตัวบนเครื่องยิงหินอีกครั้ง
“ต้านไว้ให้นานที่สุด อย่าให้พวกมันเข้าเมืองได้” ชาร์ลสั่งเสียงเครียดก่อนจะรีบมุ่งหน้าสู่กำแพงเมืองฝั่งตะวันตก


ทันทีที่ชาร์ลเดินทางไปถึงกำแพงฝั่งตะวันตกก็เป็นเวลาเดียวกับที่ทัพซาโลมเคลื่อนทัพมาใกล้กับกำแพงเมืองแล้ว ชาร์ลจึงสั่งพลธนูขึ้นสายเอ็นทันที ทว่าพลธนูจำนวนมากยังคงทำศึกอยู่ที่ประตูหน้าทำให้กำลังพลจู่โจมระยะไกลมีไม่เพียงพอ ซึ่งทางฝั่งตะวันออกก็คงจะต้องประสบปัญหาเดี๋ยวกันนี้แน่ สิ่งนี้ยิ่งสร้างความวิตกให้กับจอมทัพหนุ่มมากยิ่งขึ้น

กองทัพซาโลมนั้นยกมาหลายหมื่นนายทั้งมือเพชฌฆาตแห่งซาโลม ผู้ฝึกสัตว์ กองกำลังนกโมฮา นักรบเพลิงมาร และเหล่าสัตว์ป่านานาชนิด เสียงโห่ร้องแห่งความกระหายสงครามจากทัพซาโลมดังก้องสะท้อนไปทั่ว และเพียงแค่อึดใจเสียงโห่ร้องราวกับเป็นเสียงขานรับก็ดังสนั่นก้องจากอีกฝั่งหนึ่งของเมือง อันบ่งบอกการมาถึงของทัพซาโลมฝ่ายตะวันออกนั่นเอง

“ท่านแม่ทัพ ข้าเชิญนางมาแล้ว” ฟอล์คเนอร์เข้ามารายงานอย่างรวดเร็ว ฉับพลันทั่วทั้งบริเวณนั้นก็เกิดลมหมุนเป็นวงกว้างและที่ใจกลางของลมหมุนนั้นก็ค่อย ๆ ปรากฏเป็นรูปร่างของสาวงามนางหนึ่ง เธออยู่ในชุดสีทองอร่อมพร้อมผ้าคลุมสีม่วงผืนบาง ผมสีน้ำเงินอมม่วงยาวสยายเหยียดตรงพลิ้วไหวตามสายลมที่พัดผ่าน ผิวขาวผ่องของเธอช่วยขับให้ริมฝีปากมีสีแดงสด รูปร่างที่สะโอดสะองของเธอทำให้บรรดานายทหารหนุ่ม ๆ อดแอบหันไปมองไม่ได้เลยทีเดียว เธอยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะโค้งคำนับแม่ทัพหนุ่ม

“ขอต้อนรับ นักเวทย์แห่งสายลมเหนือ(North Wind Enchantress) ขออภัยที่ต้องเชิญท่านมาในยามศึกสงครามเช่นนี้ ทว่าบ้านเมืองกำลังอยู่ในภาวะคับขันจึงต้องขออาศัยพลังเวทย์ของท่าน”

“ข้ายินดีช่วยเหลือ แต่ว่าสิ่งที่ท่านขอต้องใช้พลังเวทย์ทั้งหมดของข้า ดังนั้นข้าคงจะอยู่ช่วยพวกท่านรบต่อไม่ได้” จอมเวทย์หญิงกล่าวเสียงเบาราวกับสายลม

“ข้าเข้าใจดี ขอบคุณท่านที่ช่วยเหลือ เมื่อภารกิจเสร็จสิ้นข้าจะให้ฟอล์คเนอร์พาท่านกลับอย่างปลอดภัย” ชาร์ลรับคำ “ฟอล์คเนอร์ เมื่อเจ้าส่งท่านจอมเวทย์หญิงแล้วก็ให้รีบแจ้งข่าวไปยังเมืองหลวงทันที”

“ครับ” ฟอล์คเนอร์รับคำอย่างแข็งขัน

“เชิญท่านหลบในป้อมกำแพงก่อนเพื่อความปลอดภัย ข้าขอตัว”

ทันทีที่กล่าวจบแม่ทัพใหญ่ก็โค้งน้อย ๆ ก่อนหมุนตัวกลับพร้อมออกคำสั่งกองทัพอย่างรวดเร็ว

“เล็งไปที่พวกทหารที่มีอาวุธโจมตีไกล ทัพมังกรเตรียมจู่โจมพวกอาวุธหนัก ทัพอัศวินและทหารเตรียมประจัญบานเด็ดหัวไอ้พวกคนเถื่อนเพื่อเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งฟีเลเซีย” เสียงโห่ร้องรับคำแม่ทัพอย่างฮึกเหิมจากเหล่าทหารดังกึกก้อง

แม่ทัพหนุ่มกวาดสายตาสำรวจทัพของซาโลมอีกครั้ง พลันสายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับเจ้ามังกรดำขนาดใหญ่ที่บินวนอยู่เหนือของทัพแห่งซาโลม เขาจำได้ทันทีว่านั้นคือมังกรดำของแม่ทัพราโชยูแห่งซาโลมนั่นเอง มันกางปีกเหยียดจนสุดทั้งสองข้างบินหมุนวนเหนือกองทัพสองสามรอบก่อนจะบ่ายหน้ามุ่งตรงมาทางเมืองฟอร์เรนเชีย ชาร์ลรู้ดีว่าแม่ทัพทมิฬกำลังจะมาประลองกับเขาดั่งที่ได้เคยลั่นวาจาไว้ที่นอกเมืองฟอร์เรนเชีย ชาร์ลเหลือบตาดูกองทัพซาโลมอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอยู่ในพิสัยการยิงแล้วจึงสั่งพลธนูทันที

“ยิง!!”

ธนูเป็นพัน ๆ ดอกก็พุ่งทะลวงร่างทหารซาโลมล้มตายไปมากมาย ข้างฝ่ายซาโลมเองก็ใช้เครื่องยิงหินระดมยิงลูกไฟนับร้อยลูกหมายจะเผาเมืองฟอร์เรนเชียให้ราบเป็นหน้ากลอง ต่างฝ่ายต่างโจมตีใส่กันอย่างไม่ลดละ ทันทีที่ประตูเมืองฝั่งตะวันตกเปิดออกพร้อมกับเหล่าบรรดาทหารหาญแห่งฟีเลเซียบนหลังอาชาก็ห้อควบเข้าฟาดฟันใส่ทัพหน้าของซาโลมอย่างห้าวหาญก่อนจะบุกตะลุยเข้าต่อตีไปถึงทัพกลาง ข้างฝ่ายพลเดินเท้าก็เข้าประจัญบานกับทัพหน้าของซาโลมอย่างดุเดือด เสียงอาวุธกระทบกันดังสนั่นไปทั่วทั้งสนามรบ ทหารทั้งสองฝ่ายต่างพลัดกันรุกพลัดกันรับอย่างไม่มีการลดราวาศอก

ฉับพลันเสียงกรีดร้องดังลั่นของเจ้ามังกรดำก็ดังสนั่นเหนือสนามรบใกล้กับกำแพงเมืองฟอร์เรนเชียบ่งบอกการมาถึงของจอมทัพแห่งซาโลม เมื่อบินเข้ามาใกล้บริเวณกำแพงเมืองเจ้ามังกรใหญ่ก็แอ่นอกขึ้นกางปีกอันใหญ่โตกระพืออย่างแรงจนพัดเอาลูกธนูปลิวกระจายร่วงลงสู่พื้นไม่ต่างกับใบไม้ร่วง แรงลมจากปีกขนาดใหญ่ทำให้เหล่าทหารเบื้องล่างที่ไม่ทันตั้งตัวล้มกลิ้งไปคนละทิศละทาง ราโชยูกระโดดลงจากหลังมังกรดำลงสู่พื้นที่ว่างหน้ากำแพงเมืองอย่างองอาจ แม่ทัพทมิฬยิ้มอย่างยินดีเมื่อเห็นทหารฟีเลเซียต่างตื่นตระหนกในปรากฏตัวอย่างกะทันหันของตนและต่างพากันหันอาวุธเข้าล้อมราโชยูเป็นวงกว้าง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 19 หีบเพลงแห่งนางฟ้า @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 12:20 am

“เหตุการณ์นี้ดูคุ้นตาเสียจริง ๆ เจ้าว่าอย่างนั้นไหม? เพียงแต่เปลี่ยนตำแหน่งจากเจ้าเป็นข้า คงไม่ต้องให้ข้าบอกนะว่าเจ้าทหารพวกนี่ต้องทำอย่างไร?” ราโชยูพูดล้อเลียนพลางชูเคียวขึ้นชี้หน้าจอมทัพแม่ฟีเลเซียอย่างท้าทาย

“พวกเจ้าถอยไป!!” สีหน้าชาร์ลเคร่งขรึมสั่งเสียงเฉียบ ก่อนจะกระโดดลงมาจากกำแพงเมือง ผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มโบกสะบัดราวกับปีกที่กางกระพือ ชาร์ลเอื้อมมือขึ้นตวัดดาบคู่กายอย่างรวดเร็วทำให้เกิดแรงลมมหาศาลพุ่งสู่พื้นจนฝุ่นตลบเป็นวงกว้าง แรงลมนั้นส่งให้จอมทัพหนุ่มลงสู่พื้นได้อย่างนุ่มนวล ผ้าคลุมโบกพลิ้วก่อนจะค่อย ๆ ทิ้งตัวแนบร่างผู้เป็นเจ้าของ

ชาร์ลยืดตัวขึ้นช้า ๆ ด้วยใบหน้าแน่วแน่และกล้าหาญยิ่ง เขาตวัดดาบไปมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ราโชยูก็มีสีหน้าจริงจังขึ้นพลางควงเคียวคู่ใจด้วยท่าทางทะมัดทะแมง เสียงอาวุธทั้งสองดังแหวกอากาศราวกับจะอวดความแข็งแกร่งแก่กันและกัน ราโชยูกระชับเคียวมั่นก่อนจะย่อตัวเล็กน้อยอย่างช้า ๆ ฝ่ายชาร์ลเองก็ตวัดดาบขึ้นตั้งฉากกับพื้นในระดับอก เสียงต่อสู้ของทหารทั้งสองฝ่ายยังคงดังกระหึ่มแต่ทว่าบุคคลทั้งสองยังคงจับจ้องกันและกันอย่างแน่วแน่ไม่วอกแวกจนดูราวกับว่าทั้งสองอยู่ในอีกมิติเวลาหนึ่ง สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านบุคคลทั้งสองและค่อย ๆ กรรโชกแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทันทีที่ลมสงบทั้งสองก็กระโจมเข้าหากันอย่างรวดเร็ว

เสียงอาวุธทั้งสองปะทะกันดังสนั่น ต่างฟาดฟันใส่กันอย่างดุเดือด เสียงอาวุธที่ระรัวกระหน่ำทำเอาบรรดาทหารที่อยู่ใกล้ต่างก็ต้องอ้าปากค้างไปตาม ๆ กัน เคียวของราโชยูที่ฟันพลาดถูกกำแพงหินก็เจาะเนื้อหินลากเป็นทางจนเนื้อกำแพงหินหลุดร่วงเป็นทางยาว ในขณะที่ดาบของชาร์ลที่พลาดถูกหินปูบนพื้นถนนก็รุนแรงจนแตกยุบไปทั้งแถบ ต่างฝ่ายต่างก็โถมเข้าใส่กันสุดแรงจนเหล่าทหารที่สู้อยู่บริเวณนั้นต้องวิ่งถอยหลบกันเป็นพัลวัน เมื่อทั้งสองแยกออกจากกัน ราโชยูก็ถึงกับหัวเราะเสียงดังลั่น

“ฮ่า ฮ่า เจ้าทำให้ข้าสนุกจริง ๆ ยังไม่เคยมีใครประมือกับข้าได้ดุเดือดขนาดนี้มาก่อนเลย” ราโชยูกล่าวอย่างยินดียิ่งนักพลางมองดูแม่ทัพรุ่นเยาว์ที่บัดนี้เริ่มมีอาการหอบน้อย ๆ ให้เห็น “อย่าเพิ่งรีบหมดแรงเสียก่อนล่ะ ข้าเตรียมทีเด็ดไว้สำหรับเจ้าโดยเฉพาะ เจ้าเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ได้เห็นมัน หึ หึ”

ทันทีที่พูดจบเคียวของเขาก็เริ่มเปล่งรังสีกระหายเลือดออกมาจนทุกคนรู้สึกได้ ราโชยูกระโจนเข้าไปหานายทหารฟีเลเซียนายหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนจะตวัดเคียวอย่างแรงจนคมเคียวเจาะทะลุเสื้อเกราะบริเวณช่องท้องของนายทหารเคราะห์ร้ายที่กำลังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แม่ทัพทมิฬหัวเราะอย่างสะใจก่อนจะงัดร่างที่กำลังดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดชูขึ้นสูง ในฉับพลันนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงสูดซดอย่างหื่นกระหายจากเคียวนั้น นายทหารเคราะห์ร้ายกรีดเสียงร้องอย่างเจ็บปวดและหวาดกลัวสุดขีดก่อนจะแห้งเหี่ยวไปราวกับถูกรีดน้ำออกจากตัวจนหมด ราโชยูสะบัดร่างไร้วิญญาณนั้นออกจากเคียวเผยให้เห็นเคียวปีศาจที่มีดวงตาสีแดงเลือดเบิกโพล่งกลอกกลิ้งไปมาอยู่ตรงบริเวณปลายด้ามของคมเคียว

“เคียวของข้าดื่มเลือดของผู้คนมานับหมื่น ความกลัว ความอาฆาตแค้นของผู้คนสร้างมันให้มีชีวิต น่าประหลาดดีใช่ไหมล่ะ?” ราโชยูพูดอย่างสบายอารมณ์พลางแกว่งเคียวไปมาเบา ๆ รังสีอำมหิตที่แผ่ออกจากเคียวนั้นทำให้เหล่าทหารต่างรู้สึกเย็นสันหลังวาบ “ดูท่าเจ้าคงจะหายเหนื่อยแล้ว”แม่ทัพทมิฬเหลือบดูแม่ทัพหนุ่มก่อนจะเริ่มตั้งท่า เตรียมจู่โจมอีกครั้ง

“เชิญ!” ชาร์ลกล่าวพร้อมตวัดดาบตั้งท่าเตรียมรับการจู่โจมของแม่ทัพทมิฬ

แทบจะทันทีที่แม่ทัพทมิฬพุ่งตัวเข้ามาพลางตวัดเคียวใส่ ชาร์ลก็รีบเหวี่ยงดาบขึ้นรับคมเคียว ทันใดนั้นก็เกิดพลังมหาศาลที่มองไม่เห็นพุ่งชนร่างแม่ทัพหนุ่มจนลอยไปกระแทกกับผนังกำแพงอย่างแรงจนถึงกับกระอักเลือด ราโชยูไม่รอช้าตรงเข้าไปฟาดฟันใส่อย่างรวดเร็ว ชาร์ลรีบพุ่งตัวหลบทันทีแม้ว่าเขาจะสามารถหลบคมเคียวไปได้ แต่ทว่ารังสีปีศาจที่ถูกปลดปล่อยออกมานั้นยากนักที่จะหลบพ้น ร่างของแม่ทัพหนุ่มถูกรังสีปีศาจฟาดเข้าใส่อย่างจังถึงสามครั้ง ส่งให้ร่างของเขาลอยละลิ่วกระแทกพื้นอย่างแรงเสื้อเกราะบริเวณหน้าอกมีลอยฉีกขาดถึงสามรอย นายทหารทุกคนต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชั่วเสี้ยววินาที ราโชยูตวัดเคียวใส่อีกครั้งในขณะที่ชาร์ลกลิ้งหลบไปอีกทางครั้งนี้พลังปีศาจเฉียดแขนข้างซ้ายของแม่ทัพหนุ่มไปอย่างฉิวเฉียดแต่นั้นก็ทำให้สนับแขนของเขามีรอยแตกร้าวเป็นทาง แม่ทัพร่างยักษ์พุ่งตัวเข้าไปประชิดชาร์ลอย่างรวดเร็วตวัดเคียวอีกครั้ง ชาร์ลเอี่ยวตัวหลบทำให้คมเคียวพลาดไปปักเข้าที่คอของทหารซาโลมนายหนึ่งเข้า และอีกเช่นกันที่เคียวปีศาจสูบเลือดเหยื่อของตนอย่างหิวกระหายเสียงสูบเลือดระคนกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเหยื่อทำเอาบรรดานายทหารขนลุกซู่ และนั่นยิ่งทำให้ดวงตาของเคียวปีศาจกลายเป็นสีแดงก่ำพร้อมแผ่รังสีอำมหิตรุนแรงยิ่งขึ้น

“เจ้าฆ่าลูกน้องตัวเองได้หน้าตาเฉย” ชาร์ลตั้งข้อสงสัย

“ไม่ว่าใครที่มาขวางทางข้า มันต้องตาย” แม่ทัพทมิฬพูดอย่างน่ารักมเกรียม ตวัดเคียวไปทางแม่ทัพหนุ่มทันที ไอปีศาจที่รุนแรงกว่าเดิมก็พุ่งเข้ากระแทกใส่ชาร์ลอย่างจังจนลอยไปกระแทกกำแพงอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ทำเอาผนังกำแพงแตกร่วงตามร่างของแม่ทัพฟีเลเซียออกมาด้วย

ชาร์ลสะบัดหัวไปมาเพื่อไล่ความงึนงง หมวกเกราะของเขาหลุดหายไปแล้ว เขายกมือแตะที่อกรู้สึกคลื่นเหียนและจุกจนแทบหายใจไม่ออก เขาไอสองสามครั้งก่อนที่จะอาเจียนเลือดออกมากองใหญ่ แม่ทัพหนุ่มตกใจไม่น้อยที่พลังปีศาจสร้างบาดแผลโดยตรงกับอวัยะภายในของเขา เขาค่อย ๆ ขยับลุกขึ้นช้า ๆ อย่างยากลำบากก่อนจะถ่มเลือดทิ้ง ใช้มืออีกข้างปาดคราบเลือดที่ปากออก เลือดสีแดงสดค่อย ๆ ไหลออกจากรอยแผลที่หน้าอกเป็นทางยาว ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้เจ้าดวงตาปีศาจนั้นกรอกกลิ้งไปมาอย่างลิงโลด

“ข้าต้องขอชมเชยจากใจจริง เจ้าเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาได้” ราโชยูกล่าวอย่างจริงใจ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 19 หีบเพลงแห่งนางฟ้า @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 12:21 am

“ข้าคงจะรู้สึกเป็นเกียรติกับคำชมของเจ้า ถ้าเราสู้กันอย่างยุติธรรม” ชาร์ลกล่าวอย่างยากลำบากเพราะยังรู้สึกแน่นหน้าอกอยู่
“ข้าก็ไม่ห้าม ถ้าเจ้าจะใช้เครื่องทุ่นแรงบ้าง” ราโชยูกล่าวยิ้มเยาะชอบใจ

ชาร์ลยิ้มน้อย ๆ พลางส่งสัญญาณ จอมเวทย์แห่งสายลมเหนือก็ปรากฏตัวขึ้นระหว่างบุคคลทั้งสองทันที ในมือของนางถือห่อผ้าสีม่วงอยู่

ราโชยูกระดกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งกวาดตามองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าหัวเราะเสียงดังลั่น “ฮ่า ฮ่า เจ้าจะให้สาวงามผู้นี้มาสู้แทนเจ้าอย่างนั้นรึ”

เธอยิ้มน้อย ๆ พลางเปิดห่อผ้าออกเผยให้เห็นหีบดนตรีสีขาวขลิบทองประดับด้วยพลอยสีแดงอย่างสวยงาม

“นี่คือ หีบดนตรีของนางฟ้า(Fairy music box) ท่านรู้ไหมว่ามันมีความพิเศษมากกว่าแค่มีเสียงดนตรีที่แสนจะไพเราะ” จอมเวทย์แห่งสายลมเหนือพูดเสียงเบา เธอยิ้มก่อนจะค่อยเปิดฝาหีบใบสวยขึ้น เสียงดนตรีไพเราะก็เริ่มบรรเลงพร้อมกับมีเหล่านางฟ้าตัวน้อย ๆ ออกมาเริงระบำ เสียงดนตรีและการร่ายรำของเหล่านางฟ้าน้อย ๆ ทำเอาบรรดานายทหารต่างเคลิบเคลิ้มกันเลยทีเดียว จอมเวทย์สาวชูมืออีกข้างขึ้นสูงก่อนจะร่ายรำอย่างอ่อนช้อย

"Malum et Omni Scelus, ego iubeo tuam in nomen de putus aquilode abolesco"

“มาลุม เอต โอมนิ ซเกลุส, เอโก อีอูเบโอ ตูอัม อิน โนเมน ดี ปูตุส เอกวีโลดี เอโบเลสโก”
(โอความชั่วร้ายและอธรรมกาลทั้งมวล ฉันขอใช้สิทธิ์อำนาจในการสั่งเจ้า ด้วยสายลมเหนืออันบริสุทธิ์ จงสลายมลายสิ้นเถิด)

แทบจะทันทีก็เกิดลมแรงพัดหมุนวนไปทั่วทั้งบริเวณ เสียงหวีดหวิวของลมดังประสานกับเสียงร้องโหยหวนที่ดังออกมาจากเคียวของราโชยู เคียวปีศาจนั่นสั่นอย่างแรงจนแขนของแม่ทัพร่างยักษ์สั่นไปด้วย สายลมค่อย ๆ บีบตัวเล็กลงเรื่อย ๆ จนดูเหมือนว่ามันหมุนวนเฉพาะที่เคียวปีศาจเท่านั้น

“นี่พวกเจ้าทำอะไรกัน” แม่ทัพทมิฬพูดอย่างตื่นตระหนก

“ผนึก!” จอมเวทย์หญิงตะโกนสุดเสียงก่อนที่เหล่านางฟ้าจะพุ่งตัวไปหาเคียวปีศาจ เหล่านางฟ้าบินรอบลมหมุนนั้น ลมหมุนนั้นก็บีบตัวเข้าเรื่อย ๆ จนกลายเป็นลูกกลมเล็ก ๆ สีเทาเข้มขนาดไม่ใหญ่ไปกว่ากำมือ ก่อนที่เหล่านางฟ้าจะช่วยกันนำลูกกลมนั้นมาวางไว้ในหีบดนตรีพร้อมกับที่จอมเวทย์สาวก็รีบปิดหีบดนตรีลงทันที

ราโชยูเงยหน้าขึ้นมองเคียวคู่ใจของตน เวลานี้ดวงตาปีศาจปิดสนิทไม่เหลือร่องรอยของรังสีอำมหิตกระหายเลือดหรืออำนาจพิเศษใด ๆ อีก เป็นแค่เพียงเคียวธรรมดา ๆ เท่านั้น เมื่อเห็นดังนั้นแม่ทัพทมิฬก็โกรธจนตัวสั่นเทิ้มคำรามอย่างเกรี้ยวกราด

“เจ้าทำลายเคียวของข้า จงชดใช้ด้วยชีวิตของเจ้าซะ” ว่าแล้วก็กระโจมเข้าใส่ เงื้อเคียวขึ้นหมายจะบั่นคอจอมเวทย์สาวให้ขาดกระเด็น ชั่วเสี้ยววินาทีนั้นชาร์ลก็รีบพุ่งเข้าไปคว้าตัวจอมเวทย์หญิงหลบไปได้อย่างฉิวเฉียดก่อนจะส่งตัวนางให้ฟอล์คเนอร์ที่รออยู่หน้าประตูเมือง เคียวของราโชยูที่พลาดเป้านั้นปักทะลุพื้นจนก้อนอิฐยุบตัวเป็นหลุมใหญ่ จอมทัพทมิฬกระชากเคียวขึ้นมาจากพื้นอย่างแรงพาเอาเศษอิฐหินหลุดตามแรงกระชากอีกกองใหญ่

“ข้าคิดว่าเราคงจะเริ่มสู้กันด้วยกำลังที่แท้จริงของตัวเองเสียที จริงไหม!ท่านจอมทัพแห่งซาโลม” ชาร์ลกล่าว “เชิญ!ไม่ต้องออมมือ ข้าก็จะใช้พลังทั้งหมดตัดสินกันในเพลงดาบนี้”

แม่ทัพหนุ่มกล่าวจบก็เริ่มตวัดดาบร่ายรำอย่างสง่างามและว่องไวเสียจนเกิดลมพัดจากดาบทุกครั้งที่แม่ทัพหนุ่มตวัดไปมา เสียงหวีดวิวของลมจากปลายดาบนั้นดังเป็นจังหวะหนักแน่น ท่วงท่าแต่ละย่างก้าวนั้นมั่นคงและงดงามยิ่งนัก ชาร์ลตวัดดาบครั้งสุดท้ายก่อนจะยกดาบขึ้นตั้งขนานกับพื้น คมดาบมันวาวนั้นปิดบังใบหน้าของแม่ทัพหนุ่มจนเห็นแค่เพียงดวงตาที่แน่วแน่และมุ่งมั่น

ข้างฝ่ายแม่ทัพทมิฬก็ควงเคียวด้วยท่วงท่าที่รุนแรงและดุดัน เสียงควงเคียวของราโชยูนั้นฮึกเหิม และเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว แรงโกรธแค้นของแม่ทัพทมิฬยิ่งพาให้เขามีเรี่ยวแรงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม่ทัพใหญ่ปักสันเคียวลงตั้งฉากกับพื้นอวดคมเคียวสีเงินวาวที่ยังคงมีคราบเลือดสีแดงสดฉาบอยู่บนปลายเคียว ดวงตาวาวโรจน์จับจ้องแม่ทัพฝ่ายตรงข้าม

เพียงชั่วพริบตาเดียวทั้งสองก็โถมเข้าใส่กันอย่างรวดเร็วกว่าและรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่าน ๆ มา เกิดประกายไฟวาบขึ้นทันทีที่อาวุธทั้งสองปะทะกัน เสียงอาวุธกระแทกใส่กันอย่างดุดันดังสนั่นก้อง ต่างผลัดกันลุกผลัดกันรับอย่างดุเดือด แม่ทัพแห่งฟีเลเซียแม้จะตัวเล็กกว่าแม่ทัพทมิฬแต่ก็อาศัยความว่องไวของตนหลบหลีกและโฉบเข้าจู่โจมได้อย่างคล่องแคล่ว ข้างฝ่ายแม่ทัพร่างยักษ์อย่างราโชยูก็อาศัยความบึกบึนและความใหญ่โตของร่างถาโถมเข้าฟาดฟันใส่ราวกับแรงระเบิดของภูเขาไฟที่ไม่มีวันสงบ ราโชยูตวัดเคียวฟันตัดกลางลำตัวของชาร์ลในขณะที่แม่ทัพหนุ่มก็กระโดดหลบได้อย่างรวดเร็วจนแทบไม่น่าเชื่อ ก่อนจะใช้ดาบคู่กายฟันกลางหลังแม่ทัพทมิฬอย่างแรงจนเสื้อเกราะเกิดรอยปริร้าวขนาดใหญ่พาดกลางหลังราโชยูเป็นทางยาว ราโชยูกลับตัวเงื้อเคียวฟาดใส่ชาร์ลสุดแรงซึ่งแม่ทัพหนุ่มก็รีบกระโดดเหยียบบนปลายเคียวก่อนจะยกเท้าเตะเข้าที่กกหูของแม่ทัพทมิฬอย่างจังจนหมวกเกราะกระเด็น แม่ทัพทมิฬหัวเราะอย่างน่ารักมเกรียมพลางสะบัดหัวไปมาแรง ๆ ราวกับการจู่โจมของชาร์ลช่วยให้หายเมื่อยขบ ราโชยูฟาดเคียวใส่อีกครั้งและก็เป็นอีกครั้งที่จอมทัพหนุ่มสามารถกระโดดหลบได้ราวกับติดปีกทำให้คมเคียวพลาดไปเจาะถูกกำแพงเมืองอย่างแรงจนเหล่าพลธนูยืนที่อยู่บนกำแพงเมืองรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากการโจมตีของแม่ทัพร่างยักษ์ผู้นี้ ชาร์ลโน้มตัวตวัดข้อมือเหวี่ยงดาบใส่ช่วงขาของแม่ทัพทมิฬอย่างเร็วปลายดาบตัดถูกสนับขาของแม่ทัพทมิฬขาดเป็นสองท่อน ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกับที่แม่ทัพทมิฬเอี้ยวตัวบิดคมเคียวลงหมายจะเกี่ยวกระชากคอของจอมทัพฟีเลเซียให้ขาดกระเด็น ทว่าแม่ทัพหนุ่มโยกตัวหลบได้ทันเวลา ทำให้ปลายเคียวแหลมจิกกระชากผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มของชาร์ลจนขาดวิ่น แต่ยังไม่ทันที่เศษผ้าคลุมจะตกถึงพื้น ชาร์ลบิดตัวขึ้นก่อนจะใช้แรงเหวี่ยงถีบเข้าที่ปลายคางของราโชยูอย่างจัง ส่งให้ร่างของแม่ทัพทมิฬหงายล้มลงไปกระแทกพื้นอย่างแรง เสียงล้มของบุรุษร่างยักษ์อย่างราโชยูดังสนั่นจนเหล่าทหารที่กำลังต่อสู้กันอยู่ต้องเหลียวมามอง มีเสียงดังขลุกขลักในลำคอของจอมทัพซาโลมก่อนจะแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อนใด ๆ อีก ชาร์ลไม่รอช้ากระโดดขึ้นสูงก่อนจะตวัดดาบขึ้นหมายจะปิดฉากการประลองครั้งนี้ด้วยชีวิตของจอมทัพแห่งซาโลม ทว่าในพริบตาแม่ทัพร่างยักษ์ก็ลืมตาโพร่งก่อนจะยกเท้าขึ้นเตะกระแทกเข้าใส่ช่วงอกของชาร์ลอย่างแรง ร่างแม่ทัพหนุ่มลอยละลิ่วกระแทกประตูเมืองอย่างจังจนกระอักเลือดบานประตูสะเทือนยุบตัวเป็นวงกว้าง ร่างของจอมทัพหนุ่มร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ราโชยูลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วพลางปัดเศษดินออกจากตัวและยิ้มเยาะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 19 หีบเพลงแห่งนางฟ้า @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 12:22 am

“เจ้าคิดว่าแค่นั้นจะทำให้ข้าหมดสติได้เชียวหรือ”

ชาร์ลยังคงนอนฟุบอยู่เช่นนั้น เรี่ยวแรงมหาศาลอย่างแม่ทัพทมิฬเพียงโดนโจมตีจัง ๆ แค่ครั้งเดียวก็แทบจะลุกไม่ขึ้นเลยทีเดียว เขาต้องรีบลุกขึ้นให้เร็วที่สุดมิฉะนั้นคงจะต้องเสียท่าแม่ทัพซาโลมเป็นแน่ หากจะปราบแม่ทัพร่างยักษ์ผู้นี้เขาต้องจู่โจมให้ยิ่งรวดเร็วกว่านี้ คิดได้ดังนั้นชาร์ลกัดฟันแน่นก่อนจะรวบรวมกำลังทั้งหมดหยัดกายขึ้นมาอย่างยากลำบาก

ราโชยูรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อเห็นชาร์ลลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง ชาร์ลตวัดดาบขึ้นก่อนจะพุ่งตัวอย่างรวดเร็วเข้าหาแม่ทัพทมิฬ เขาโยกตัวหลบเคียวที่ตวัดเข้าใส่พลางเหวี่ยงดาบเข้าที่เอวซ้ายของแม่ทัพซาโลมเต็มแรง เลือดไหลออกมาจากบาดแผลอย่างรวดเร็วสร้างความเจ็บปวดให้ราโชยูไม่น้อย ราโชยูรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อความไวของแม่ทัพฟีเลเซียเพิ่มขึ้น แม้บาดแผลต่าง ๆ ของเขาจะไม่รุนแรงเท่ากับที่เขาจู่โจมชาร์ลในแต่ละครั้ง แต่เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลต่าง ๆ หากยังไม่หยุดไหลโดยเร็วมันก็มากพอจะทำให้เขาหน้ามืดเพราะเสียเลือดมากเกินไปได้ ทั้งการโจมตีพลาดในแต่ละครั้งทำให้เขาเสียแรงมากโดยเปล่าประโยชน์ซึ่งทำให้เขาหมดแรงเร็วขึ้น

การต่อสู้อย่างดุเดือดของทั้งสองยังคงดำเนินต่อไป ต่างฝ่ายต่างก็ฟาดฟันใส่กันอยู่นาน เลือดของคนทั้งคู่ไหลโทรมกายจนบรรดาทหารต่างก็ประหลาดใจที่ทั้งสองยังมีเรี่ยวแรงที่จะถาโถมใส่กันอยู่เช่นนี้ จนในที่สุดเมื่อดาบฟันตัดเข้าที่ช่องท้องของแม่ทัพทมิฬ และคมเคียวกรีดแผ่นอกของจอมทัพฟีเลเซียเป็นทางยาว ก็ถึงเวลาที่ทั้งสองผละออกจากกัน ต่างคนต่างก็หอบฮักจนตัวโยน เสื้อเกราะของทั้งคู่ก็แทบจะไม่สามารถให้การปกป้องใด ๆ แก่ผู้ที่สวมใส่ได้อีกแล้ว เป็นเหมือนแค่เศษโลหะขาด ๆ แหว่ง ๆ ที่ถูกนำมาติดตามร่างกายเท่านั้น เลือดยังคงไหลออกมาจากตามบาดแผลไม่ขาดสาย ทั้งคู่มองหน้ากันและกัน ต่างก็รู้ดีว่าแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงพอที่จะหยัดกายเข้าห่ำหันใส่กันอีกต่อไปแล้ว ราโชยูยกมือขึ้นกุมท้องที่บัดนี้มีแผลเปิดกว้างเป็นทางยาว เขาผิวปากเสียงดังเป็นสัญญาณเรียกมังกรดำคู่ใจ

“หยุดนะ! เจ้าคิดจะหนีไปกลางคันอีกแล้วอย่างนั่นรึ... การประลอง...ของเรายัง...ไม่จบ” ชาร์ลหอบกล่าวอย่างยากลำบาก รู้สึกเสื่อมเสียเกียรติอย่างยิ่งที่แม่ทัพทมิฬ คิดจะทิ้งการประลองไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะเช่นนี้อีก เพราะสำหรับชาวฟีเลเซียแล้ว การหนีการประลองไปกลางคันนั้นน่าอดสูยิ่งกว่าการได้รับความพ่ายแพ้เสียอีก

แม่ทัพทมิฬหรี่ตาลงเล็กน้อยพลางกวาดตามองร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดของอีกฝ่ายก่อนจะเหยียดปากกล่าวอย่างหงุดหงิด “อย่าโง่ไปหน่อยเลย แค่นี้ก็รู้ผลการต่อสู้แล้วจะฝืนสู้กันต่อไปทำไม ทั้งเจ้าและข้าก็ยืนแทบไม่ไหวแล้ว ข้าไม่ได้มาสู้เพื่อตายอย่างไร้สาระเช่นนี้ ” สำหรับนักรบทะเลทรายที่ต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดในนรกทะเลทรายที่แห้งแล้งกันดารนั้น ไม่เข้าใจความคิดยึดติดเรื่องศักดิ์ศรีเกียรติยศของชาวฟีเลเซียแม้แต่น้อย

แม่ทัพทมิฬเหลือบมองมังกรดำของตนที่มายืนรอรับอยู่ใกล้กำแพงเมือง ก่อนจะกวาดสายตาไปยังนายทหารโดยรอบทั้งฟีเลเซีย และซาโลม ที่กำลังติดตามผลของการประลองครั้งนี้อย่างใจจดใจจ่อ “ถึงเวลาที่เจ้าทหารพวกนี้จะได้ออกแรงเสียที”

“เดี๋ยว!!”

ราโชยูเหวี่ยงตัวขึ้นมังกรบินจากไปโดยไม่สนใจเสียงร้องห้ามอย่างเดือลดาลของชาร์ล ท่ามกลางเสียงต่อสู้ฟาดฟันกันจากบรรดาทหารหาญที่ยังคงดังกระหึ่มอยู่ ชาร์ลปักดาบลงยันกายไว้ มือข้างที่จับด้ามดาบนั้นสั่นเทา สายตาของเขาจ้องมองมังกรดำที่ค่อย ๆ เล็กลงเรื่อย ๆ เลือดค่อย ๆ ไหลซึมออกมาจากมุมปาก ชั่วอึดใจนายทหารนายหนึ่งก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามารายงานอย่างละล่ำละลัก

“ท่านแม่ทัพ พวกทหารปีศาจพังประตูเมืองเข้ามาได้แล้วครับ”

“ว่าไงนะ” ชาร์ลกัดฟันแน่นรีบหมุนตัวกลับมุ่งหน้าไปยังประตูเมืองทันที ทว่าแค่เพียงก้าวเดินได้สองก้าวเท่านั้น ความเจ็บปวดก็ดูเหมือนจะวิ่งพล่านไปทั่วทั้งร่าง อาการจุกแน่นที่หน้าอกทำให้เขาหายใจลำบากขึ้นทุกที เขาทรุดเข่าลงข้างหนึ่งอาการคลื่นเหียนจู่โจมเขาอีกครั้ง ชาร์ลอาเจียนเลือดออกมาอีกกองใหญ่ ประตูเมืองฝั่งตะวันตกเปิดออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับที่บรรดารองแม่ทัพและนายทหารต่างก็รีบวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างตื่นตระหนก เสียงตะโกนโหวกเหวกของบรรดานายทหารดูเหมือนจะดังมาจากที่ไกล ๆ จนเขาไม่รู้ว่ากำลังตะโกนคุยเรื่องอะไรกันอยู่ เขาเหลือบสายตาไปดูทัพซาโลมอีกครั้ง น่าแปลกที่เขากลับมองเห็นแต่ความว่างเปล่า เขาหันหน้ากลับไปมองทางประตูเมืองอีกครั้ง แล้วทุกอย่างก็ดับวูบลง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)


ย้อนกลับไปยัง Summoner Novel

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน

cron