Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ เม.ย. 19, 2024 8:07 am

หน้าเว็บบอร์ด Wiser Summoner Novel @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 18 เกลียวคลื่นใต้ผืนน้ำ @@

อ่านนิยาย Summoner Master Episodeต่าง ๆ ได้ที่นี่

Moderator: Jinger Ginger


@@ นิยายSMN Epi8 Chapter 18 เกลียวคลื่นใต้ผืนน้ำ @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ส.ค. 19, 2009 11:46 pm

Chapter 18 เกลียวคลื่นใต้ผืนน้ำ


ภายในพระราชวังแห่งเมืองท่าแอนดิซอง เวลานี้ถูกตกแต่งประดับประดาอย่างวิจิตรตระการตา ด้วยเพราะวันนี้มีงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่เรียกว่า‘วันแห่งชัยชนะ’ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นวันชาติของแอนดิซองเลยก็ว่าได้ เหตุที่ถูกเรียกว่าวันแห่งชัยชนะนั้นตามพงศาวดารเก่าแก่ของแอนดิซองได้กล่าวไว้ว่า ในยุคเริ่มแรกนั้นบรรพบุรุษจำนวนหนึ่งของชาวแอนดิซองซึ่งเดิมทีเป็นชาวฟีเลเซียได้เดินทางอพยพออกจากแผ่นดินใหญ่ข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อสำรวจและตั้งรกรากในอาณาจักรแห่งใหม่ พวกเขาได้เดินทางมาถึงแอนดิซองดินแดนที่ความอบอุ่นและความหนาวเย็นผสมผสานกันอย่างลงตัว ที่ซึ่งต้นไม้แล้วน้ำแข็งสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างประหลาดจนเกิดภูมิประเทศที่สวยงาม ทั้งยังง่ายต่อการป้องกันภัยจากศัตรูผู้รุกรานอีกด้วย บรรพบุรุษในยุคนั้นจึงตัดสินใจที่จะตั้งรกรากบนเกาะที่สวยงามแห่งนี้ ทว่าบนเกาะแห่งนี้กลับมีมังกรดำเทียแมต(Tiamat, the Black Dragon)อาศัยอยู่ และได้ออกอาละวาดบริเวณที่ตั้งบ้านเรือนของชาวแอนดิซองหลายครั้ง เหล่าบรรพบุรุษจึงได้รวมกำลังกันต่อสู้กับมังกรร้ายอย่างกล้าหาญ การต่อสู้กับมังกรดำนั้นกินเวลาหลายวันทีเดียว จนในที่สุดมังกรร้ายเทียแมตก็สิ้นฤทธิ์และถูกบรรพบุรุษของชาวแอนดิซองสังหารได้สำเร็จ ในครั้งนั้นชาวแอนดิซองจัดงานเฉลิมฉลองชัยชนะกันถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนและได้จัดงานฉลองในวันเดียวกันนี้ทุก ๆ ปีจนกลายเป็นประเพณีจนถึงทุกวันนี้

ในปีนี้งานเฉลิมฉลองก็ถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ไม่แพ้ปีใด ๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นริ้วธงหลากสีสัน ทั้งเพชรนิลจินดาที่ประดับตกแต่งตามที่สำคัญ ๆ ต่าง ๆ ในเมือง ชาวแอนดิซองไม่ว่าจะร่ำรวยหรือยากจนต่างก็แต่งตัวกันด้วยชุดเสื้อผ้าที่ดีที่สุดของตนออกมาเดินตามท้องถนนเพื่อชมการแสดงมากมายที่จัดเป็นซุ้ม ๆ ตลอดทางเดินสายหลักของแอนดิซอง

แม้แต่ภายในพระราชวังเองก็คึกคักไม่แพ้กัน เหล่าขุนนางและพ่อค้าวาณิชทั้งน้อยใหญ่ต่างก็ทยอยกันมาคำนับเจ้าหญิงอลาน่าและร่วมงานเลี้ยงที่จัดขึ้น ทุกคนนั้นล้วนแล้วแต่แต่งกายด้วยชุดสวยงามราคาแพงระยับที่สุดเท่าที่ตนจะหาได้ ผ้าคลุมกำมะหยี่ยาวกรุยกรายหลากสีประดับด้วยเพชร พลอย ทองและมุก

ทว่า แม้ทุกคนจะตกแต่งประดับประดากันมากสักแค่ไหนก็ไม่มีใครโดดเด่นและเป็นที่สนใจเท่ากับรูฟัส ประธานสภาพ่อค้าแห่งแอนดิซองไปได้ ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะความหล่อเหลาหรือเพราะเครื่องประดับล้ำค่ามากมายที่เขาประเคนใส่จนเดินแทบไม่ไหวเพราะความหนัก หากแต่เป็นเพราะความไร้รสนิยมโดยสิ้นเชิงของเขาที่นำเอาเครื่องประดับสารพัดชนิดมาประดับตัวโดยไม่คำนึงถึงชนิด ขนาด รูปทรง และสีสัน กระนั้นก็ดี รูฟัสกลับดูพออกพอใจอยู่ไม่น้อยเมื่อเห็นว่าใคร ๆ ต่างก็สนอกสนใจมองดูการแต่งตัวของตนเช่นนี้

ไม่นานนักเสียงแตรก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณการเสด็จมาของเจ้าหญิงแห่งแอนดิซอง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังประตูทองคำที่มีเพชรสีขาวเรียงประดับเป็นรูปกริฟฟอนเผือก(Albino Gryphon)อันเป็นประตูเชื่อมเขตพระราชฐานชั้นในซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของท้องพระโรง บานประตูค่อย ๆ เปิดออกช้า ๆ พร้อมกับการเสด็จมาของเจ้าหญิงผู้ทรงสิริโฉมงดงามยิ่ง จากวันที่เธอมาถึงเมืองท่าในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนด้วยวัยเพียงสิบสี่ปี มาในวันนี้แม้วันเวลาจะผ่านไปถึงเจ็ดปีแล้วก็ตามแต่ความงดงามดั่งหญิงสาวแรกรุ่นก็มิได้เลือนหายไปเลย ใบหน้าหวานยังคงเรียวงาม พวงแก้มอมชมพูด้วยเลือดฝาดของวัยสาว ปากอิ่มเต็มสีแดงระเรื่อ เธออยู่ในชุดยาวสีน้ำเงินเข้มคอปาดที่ช่วยขับผิวขาวให้เนียนผุดผ่อง เธอแทบจะไม่ใส่เครื่องประดับใด ๆ เลยเว้นเสียแต่มงกุฎประจำตำแหน่งและสร้อยทองคำเส้นเล็ก ๆ แต่ในท่ามกลางผู้คนที่แข่งกันตกแต่งประดับประดาด้วยเครื่องประดับนานาชนิดจนดูไม่ต่างกับตู้โชว์สินค้า เจ้าหญิงที่ทรงแต่งองค์อย่างเรียบง่ายกลับดูโดดเด่นและงดงามยิ่งกว่าใคร ๆ ทั้งหมด ทำเอาบรรดาพ่อค้าและเหล่าขุนนางต่างก็ต้องกระดากอายกันไปตาม ๆ กัน

ผู้ที่ตามเสด็จในลำดับต่อมาก็คือซิสเตอร์โรซาน่า และราชองครักษ์อองเดรนั่นเอง ซิสเตอร์โรซาน่าในชุดเครื่องแบบประจำคณะเดินอย่างสงบเสงี่ยมตามเสด็จเจ้าหญิงอยู่ไม่ห่าง ในขณะที่ราชองครักษ์อองเดรอยู่ในชุดเกราะเต็มยศสีน้ำเงินเข้มขริบทองเงาวาว ผ้าคลุมสีขาวผืนใหญ่พริ้วไหวไปตามแรงลมที่พัดโบกยามก้าวเดิน เขายังคงซ่อนใบหน้าไว้หลังหน้ากากสีน้ำเงินเข้มที่เผยให้เห็นเพียงดวงตาที่เย็นชาและไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ

เมื่อเจ้าหญิงอลาน่าขึ้นประทับบนบัลลังก์พระที่นั่งแล้ว บรรดาเชื้อพระวงศ์ ขุนนาง และพ่อค้าทั้งหลายต่างก็ทยอยกันเข้าคำนับเจ้าหญิง โดยเริ่มจากเชื้อพระวงศ์ ขุนนางชั้นสูง และพ่อค้าใหญ่เรื่อยไปจนถึงระดับชั้นผู้น้อย

ครั้นเมื่อพิธีคำนับผ่านไปแล้ว เจ้าหญิงอลาน่าจึงทรงให้สัญญาณเปิดงานเลี้ยงฉลอง เสียงดนตรีก็ดังกระหึ่มขับกล่อมทุกคนในงานเลี้ยงอย่างไพเราะ เหล่าบรรดาขุนนางและพ่อค้าต่างก็พาภริยาของตนออกเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ข้างฝ่ายเจ้าหญิงอลาน่านั้นก็เสด็จทักทายเหล่าเชื้อพระวงศ์และขุนนางทั้งหลายรอบ ๆ ห้อง พระองค์เองนั้นไม่ค่อยทรงโปรดงานเลี้ยงประเภทนี้นัก ด้วยเพราะรู้สึกว่ามันช่างเป็นการสิ้นเปลื้องเวลาไปกับการร้องเล่นเต้นรำและการดื่มกินอย่างราชาของพวกคนชั้นสูง ทั้ง ๆ ที่ยังมีผู้ยากไร้อีกมากมายข้างนอกปราสาทที่ไม่มีเสื้อผ้าหนาไว้กันหนาว ไม่มีขนมปังสักก้อนไว้เต็มท้องให้อิ่ม เจ้าหญิงทรงทอดพระเนตรออกไปนอกหน้าต่างเป็นครั้งคราว ความคิดที่นำมาซึ่งความเบิกบานให้กับพระองค์ท่ามกลางงานเลี้ยงที่ฟุ่มเฟือยและมีแต่ความอวดร่ำอวดรวยนี้ก็คือ อีกประเดี๋ยวพระองค์ก็จะมีอาหารที่เหลือมากมายพอจะแจกจ่ายให้แก่คนยากไร้ได้ทั้งเมือง

ระหว่างที่กำลังสนทนากับกลุ่มขุนนางอยู่นั้น พ่อค้าใหญ่รูฟัสก็เดินตรงรี่เข้ามาหาเจ้าหญิงอลาน่า แม้ท่าทางของเขาเหมือนกำลังวิ่งอยู่แต่ดูเหมือนว่าเขากำลังย่องเข้ามาช้า ๆ เสียมากกว่า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะเขากลัวเครื่องประดับจะร่วงหล่นหรือเพราะความหนักของทั้งเครื่องประดับและตัวเขากันแน่ อองเดรรีบก้าวเข้ามาขวางระหว่างเจ้าหญิงและรูฟัสทันที ทำเอารูฟัสนั้นผงะถอยไปด้วยความตกใจเมื่อเห็นองครักษ์ร่างกำยำก้าวเข้ามาขวางและมองเขาด้วยสายตาเย็นชาจนแทบจะหนาวไปถึงกระดูก
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 18 เกลียวคลื่นใต้ผืนน้ำ @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ส.ค. 19, 2009 11:48 pm

“เจ้าจะมาขวางข้าทำไมกัน? ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายกับเจ้าหญิงเสียหน่อย” รูฟัสกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจแต่ก็ไม่กล้าจะเสียงดังนัก เพราะอองเดรนั้นนอกจากจะไม่หลีกทางให้แล้ว เขายังคงยืนนิ่งและจ้องหน้ารูฟัสด้วยสายตากร้าวแข็งเย็นเยียบ

“สวัสดี รูฟัส” เจ้าหญิงอลาน่าเสด็จแยกองค์ออกมาจากกลุ่มขุนนางสามคนที่กำลังสนทนาด้วย จากทางเบื้องหลังของอองเดร “อย่าถือสาเขาเลยนะจ๊ะ เขาเพียงแต่ทำตามหน้าที่ของเขาเท่านั้นเอง ท่านมีธุระอะไรกับฉันหรือ” เจ้าหญิงอลาน่าตรัสถาม

“กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพระองค์พ่ะย่ะค่ะ คิดว่าพระองค์คงจะได้ยินแล้ว เกี่ยวกับการที่กระหม่อมลดราคาสินค้าหลายชนิด ขายในราคาเกือบเท่าทุนเพื่อชาวแอนดิซองผู้ยากไร้จะได้สามารถหาซื้อได้ง่ายขึ้น” รูฟัสทูลเสียงอ่อนเสียงหวาน “กระหม่อมเห็นสิ่งที่พระองค์ได้กระทำต่อประชาชนชาวแอนดิซองโดยเฉพาะผู้ยากไร้แล้ว กระหม่อมรู้สึกตื้นตันใจมากและทำให้กระหม่อมรู้สึกอยากจะทำเพื่อประชาชนบ้าง กระหม่อมก็หวังว่าจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของพระองค์” พอรูฟัสทูลจบก็ยิ้มจนแก้มใสเบ่ง ดวงตาทั้งสองเล็กหยี

เจ้าหญิงอลาน่าทรงยิ้มน้อย ๆ “ฉันก็หวังเช่นนั้นจ้ะ”

“โอ๊ะ...กระหม่อมต้องขอตัวก่อน พอดีกระหม่อมมีธุระต้องหารือกับพ่อค้าฝ่ายใต้เสียหน่อย” รูฟัสรีบทูลลาทันทีเมื่อเหลือบไปเห็นพ่อค้าร่างท้วมเดินอยู่อีกฟากของท้องพระโรง เขาโค้งอย่างยากลำบากให้เจ้าหญิง ขุนนางทั้งสาม และซิสเตอร์โรซาน่า ก่อนจะเหลือบตาไปมองอองเดรอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นักก่อนจะเดินจากไป ซึ่งอองเดรก็ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้านต่อปฏิกิริยาของพ่อค้าใหญ่แม้สักนิด

“เป็นไปได้รึ? พ่อค้าที่หน้าเลือดที่สุดในแอนดิซองยอมลดราคาสินค้าเพื่อประชาชน” ขุนนางคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

“เป็นไปได้หรือไม่ มันก็เป็นไปแล้ว เขาลดราคาตั้งแต่เมื่อวานซืนแล้ว” ขุนนางคนที่สองกล่าวสำทับ

“หรือว่าสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำจะสามารถเปลี่ยนจิตใจของเขาได้จริงพ่ะย่ะค่ะ?” ขุนนางคนที่สามผู้ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีกระทรวงพาณิชย์ทูลถามเจ้าหญิงอลาน่า

“ท่านเสนาบดี ฉันได้ตรวจสอบรายการสินค้าทั้งหลายที่รูฟัสลดราคาแล้ว ร้านค้าของรูฟัสเป็นร้านใหญ่มีขายของหลายอย่าง แต่เขาเลือกลดราคาแค่บางอย่าง และบางอย่างเหล่านั้น เป็นสินค้าที่มีพ่อค้ารายย่อยร้านเล็กร้านน้อย ตั้งขายอยู่ใกล้กับร้านสาขาต่าง ๆ ของเขา ดังนั้นฉันคิดว่ารูฟัสมีเจตนาอื่นมากกว่าจ้ะ จากการที่ฉันวิเคราะห์ดู รูฟัสจงใจตัดราคาสินค้าอย่างนี้ก็เพื่อเอาชนะคู่แข่งที่เป็นร้านค้าที่ขายสินค้าอย่างเดียวกับสินค้าที่เขาลดราคาพวกนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ร้านของเขาจะอยู่ได้ เพราะมีกำไรจากสินค้าอื่นมาช่วย แต่ร้านที่ขายสินค้าชนิดนั้นแค่เพียงอย่างเดียว จะมีทางเลือกเพียงแค่การสูญเสียลูกค้าทั้งหมด หรือไม่ก็ต้องลดราคาเข้าแข่ง นี่ไม่ต่างกับการที่คนที่มีอาวุธครบมือแถมเสื้อเกราะเต็มตัว เข้าสู้กับคนที่มีดาบเล็ก ๆ เล่มเดียว เป็นการต่อสู้ที่ไร้ความยุติธรรมที่สุด”

“แต่ก็เป็นการดีมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ? ประชาชนก็ได้ซื้อสินค้าราคาถูกลง” ขุนนางคนแรกเอ่ยทูล

“มันจะเป็นผลดีก็เฉพาะในระยะสั้นเท่านั้นจ้ะ แต่ในระยะยาวบรรดาร้านค้าที่อยู่ได้ด้วยการขายสินค้าชนิดนั้นเท่านั้น จะขาดทุนจนต้องปิดกิจการ ส่วนที่รอดอยู่ได้ก็จะต้องหาทางออกด้วยการกดดันให้บรรดาผู้ผลิตส่งสินค้าให้ตนด้วยราคาที่ต่ำกว่าเดิม สุดท้ายแล้วเคราะห์กรรมมันวนกลับไปตกที่ชาวบ้านยากจนที่เป็นผู้ผลิต เป็นการกดขี่ชาวบ้านที่ลำบากอยู่แล้วให้ยิ่งลำบากยิ่งขึ้น เขาทำงานหนักเหมือนเดิมแต่กับได้รายได้ที่น้อยกว่าเดิม บรรดาชาวบ้าน ชาวไร่ ชาวนาต่างหากที่จะยากจนลงกว่าเดิม ซ้ำร้ายหากพวกชาวบ้านไม่มีกำไรพอที่จะประกอบอาชีพล่ะ พวกเขาก็ต้องไปกู้ยืมเงินเพื่อมาลงทุนใช่มั๊ยล่ะจ๊ะ แล้วพวกท่านคิดว่าพวกชาวบ้านจะไปกู้เงินจากที่ไหนล่ะถ้าไม่ใช่จากบรรดาพ่อค้าผู้ร่ำรวย” เจ้าหญิงตรัสด้วยน้ำเสียงสลดลง “และยิ่งไปกว่านั้น ถ้าไม่มีคู่แข่งเหลือ ฉันเชื่อว่าคราวนี้ พ่อค้าที่มีเหลืออยู่เพียงผู้เดียวจะเลิกลดราคาสินค้า แล้วหันมาขึ้นราคาสินค้าแทนเพราะไม่ว่าจะขึ้นอย่างไร ชาวบ้านก็คงไม่มีทางเลือกแล้ว”

“ฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถยิ่งนัก ที่สามารถมองแผนการร้ายของประธานสภาพ่อค้าออกอย่างแจ่มแจ้ง” ขุนนางคนที่สองกล่าวทูลชื่นชม

“ถ้าเช่นนั้นพระองค์ประสงค์จะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?” เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์ทูลถาม

“ฉันคงต้องรบกวนท่านเสนาบดีให้กว้านซื้อสินค้าที่รูฟัสลดราคาทั้งหมด เขาลดราคาจนเกือบจะเท่าทุนคงใช้งบประมาณไม่มากนัก จากนั้นก็นำออกจำหน่ายโดยตั้งราคากลางเอาไว้เพื่อพยุงราคาของทั้งตลาด”

“ทรงพระปรีชายิ่ง กระหม่อมจะรีบไปดำเนินการทันที” เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์รับคำ

เจ้าหญิงอลาน่าทรงยิ้มพลางค้อมพระเศียรเล็กน้อยเป็นเชิงขอตัวก่อนจะออกดำเนินต่อ

“เจ้าหญิงเพคะ ทุกวันหม่อมฉันเห็นเจ้าหญิงคลุกคลีอยู่แต่กับบรรดาซิสเตอร์และการช่วยผู้ยากไร้ ทรงกระทำทุกอย่างกลมกลืนจนดูเหมือนว่าทรงเป็นซิสเตอร์คนหนึ่งในคณะของหม่อมฉัน แต่วันนี้หม่อมฉันกลับได้เห็นเจ้าหญิงผู้มากไปด้วยปรีชา วิสัยทัศน์ และความรู้ด้านการค้าขาย หากพระองค์เป็นนักค้าก็คงจะเป็นนักค้าที่ค้าขายได้เก่งกาจและร่ำรวยที่สุดในแอนดิซองแน่ ๆ ” ซิสเตอร์โรซาน่ายิ้มกล่าวด้วยความชื่นชม

เจ้าหญิงอลาน่าทรงยิ้ม ดวงเนตรเป็นประกาย “ฉันปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูกทีเดียวจ้ะที่ซิสเตอร์เห็นฉันเป็นซิสเตอร์คนหนึ่ง ดีใจมากกว่าการเป็นอย่างอื่นทั้งหมด”

“เจ้าหญิงเพคะ ทรงรู้องค์ไหมว่าตรัสอะไรออกมา แม้สิ่งนี้จะทำให้หม่อมฉันหัวใจพองโต แต่การที่พระเจ้าจะทรงเรียกใครให้เป็นนักบวชนั้น ถือเป็นกระแสเรียกที่ศักดิ์สิทธิ์ และพิเศษยิ่ง”

“ซิสเตอร์เห็นว่าฉันไม่มีคุณสมบัติหรือจ๊ะ?” สีพระพักตร์ของเจ้าหญิงเปลี่ยนไป ฉายแววกังวล

“มิได้เพคะ หม่อมฉันไม่เคยเห็นใครจะ ครบครัน ในความอ่อนโยน เมตตา และสุภาพ สมแก่การเป็นนักบวชเท่านี้มาก่อนในชีวิต แต่ทรงลืมหรือไม่เพคะว่าทรงเป็นเจ้าหญิงแห่ง แอนดิซอง ดังนั้น ถ้าพระเจ้าจะทรงเรียกเจ้าหญิงให้บวชเข้ามาถวายตนแด่พระองค์จริง ๆ แล้ว นั่นหมายความว่าอุปสรรคมันจะยากเย็นและสาหัสกว่าที่หญิงชาวบ้านธรรมดาจะมาบวชมากมายมหาศาลทีเดียว เจ้าหญิงเองน่าจะทราบดีกว่าหม่อมฉันนะเพคะ”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 18 เกลียวคลื่นใต้ผืนน้ำ @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ส.ค. 19, 2009 11:50 pm

เจ้าหญิงอลาน่าทรงนิ่งอึ้งไปเมื่อรู้สึกเหมือนถูกดึงกลับมายังโลกแห่งความจริงที่พระองค์มีสถานภาพที่ถูกบังคับให้เป็นอยู่แล้ว นั่นคือการเป็นรัชทายาทแห่งแอนดิซองและพระองค์ไม่มีสิทธิ์เลือกที่จะเป็นอย่างอื่นได้อีก เมื่อทรงคิดได้ดังนี้ ก็ทำให้พระองค์เจ็บปวดในจิตใจยิ่งนัก

อีกฟากหนึ่งของห้องมีหญิงสาวสามนางกำลังจับจ้องดูความเคลื่อนไหวของเจ้าหญิงแห่งแอนดิซองอยู่ ทั้งสามอยู่ในชุดหรูหราและมากมายด้วยเครื่องประดับราคาแพง ซึ่งเธอทั้งสามนั้นก็ได้รับความสนใจจากผู้คนที่อยู่รอบข้างมิใช่น้อยเลยทีเดียวเป็นต้นพวกบรรดาขุนนางและพ่อค้าหนุ่ม ๆ แม้แต่พวกที่มีภรรยาแล้วก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองดูพวกนาง ทว่าความโดดเด่นนี้มิใช่เพราะด้วยเครื่องประดับสูงค่าที่พวกเธอสวมใส่อยู่ แต่กลับเป็นชุดเสื้อผ้าที่บางและคว้านลึกกว่าที่ควรจะเป็นของพวกเธอต่างหาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวคนกลางผู้มีรูปร่างอวบอัด ใบหน้างามเย้ายวน ริมฝีปากเต็มอิ่มของเธอเผยอขึ้นเล็กน้อยราวกับเชิญชวนให้หนุ่ม ๆ ฝากรอยประทับจูบอยู่ตลอดเวลา เธออยู่ในชุดสีน้ำเงินสดที่คว้านลึกกว่าและกระโปรงที่ผ่าสูงกว่า เผยให้เห็นเนินอกอวบเนียนและปลีน่องขาวกลมกลึง เธอเดินนวยนาดนำหญิงสาวอีกสองคนตรงไปทางเจ้าหญิงอลาน่าด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ
ด้วยการมองเพียงแค่หางตาราชองครักษ์หนุ่มก็หมุนตัวเข้ามาขวางทางระหว่างกลุ่มคนทั้งสามและเจ้าหญิงอลาน่าทันที หญิงทั้งสามชะงักด้วยความตระหนก แต่หญิงสาวคนกลางดูจะตั้งสติได้เร็วกว่า เธอยิ้มหวานส่งสายตายั่วยวนให้องครักษ์หนุ่มก่อนจะเอื้อมมือเรียวเล็กแตะเบา ๆ ที่แขนของชายหนุ่ม

“ท่านคิดว่าข้าจะทำอะไรเจ้าพี่เหรอ ข้าเป็นเพียงแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่มีความจำเป็นเลยที่ท่านจะต้องระแวงข้า” ริมฝีปากอวบอิ่มกระซิบเสียงออดอ้อน เธอเบียดกายเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น

แม้หนุ่ม ๆ ที่อยู่บริเวณนั้นจะรู้สึกอิจฉาตาร้อนองครักษ์หนุ่มอยู่ไม่น้อย แต่อองเดรก็ยังคงมีสีหน้าเย็นชาเมื่อมองหญิงสาวผู้มีรูปร่างเย้ายวนตรงหน้า

“สวัสดีจ้ะ วิโอเรีย” เจ้าหญิงอลาน่าตรัสทักทาย พลันสายพระเนตรก็เหลือบเห็นการแต่งตัวของญาติผู้น้องจึงอดไม่ได้ที่จะตรัสเตือน “เสื้อผ้าของน้องไม่สั้นและคว้านลึกเกินไปหรือจ๊ะ”

วิโอเรียหันไปหัวเราะร่วนกับเพื่อนสาวทั้งสองก่อนจะชายตามองเสื้อผ้าของเจ้าหญิงอลาน่าบ้าง “เดี๋ยวนี้ใครเขาจะใส่ชุดเหมือนนางชีเชย ๆ กันเล่าเพคะ หม่อมฉันแต่งแบบนี้มีแต่คนชอบทั้งนั้น พวกผู้ชายต่างก็เข้ามาเอาอกเอาใจยกย่องเทิดทูนหม่อมฉัน”
ซิสเตอร์โรซาน่า มองดูหญิงสาวทั้งสองผู้เป็นญาติสนิท สนทนากันก็อดพิจารณาไม่ได้ว่า วิโอเรียนั้น มีใบหน้าคล้ายเจ้าหญิงอลาน่าอยู่ไม่น้อย หากแต่ว่าบุคลิกและกริยานั้นต่างกันราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ ในขณะที่เจ้าหญิงอลาน่าทรงฉายแววอ่อนโยนอยู่เสมอ แต่วิโอเรียกับมีท่าทียั่วยวนและเย่อหยิ่งอยู่ตลอดเวลา แม้สิ่งนี้จะเป็นที่ต้องตาของบรรดาชายที่รักสนุก แต่สำหรับซิสเตอร์โรซาน่าการเห็นคนที่หน้าตาคล้ายเจ้าหญิงอลาน่าที่เธอรักอย่างยิ่งอยู่ในชุดน้อยชิ้นและทำท่าทางยั่วยวนเช่นนี้ทำให้เธอรู้สึกแย่เอามาก ๆ ทีเดียว แต่เธอก็ได้แต่สงวนท่าทีนิ่งเงียบไว้

“พวกเขาก็เพียงแต่หลงรูปลักษณ์ภายนอกของน้องเท่านั้นเองนะจ๊ะ น้องเองก็เป็นหญิงสาวที่รูปร่างหน้าตาสะสวยอยู่แล้ว การแต่งตัวแบบนี้แทบจะไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ” เจ้าหญิงอลาน่าทรงสอนอย่างอ่อนโยน

วิโอเรียขยับเรือนร่างในชุดที่เน้นสัดส่วนเข้ามาใกล้ ยิ้มอย่างดูถูก

“หึ หึ เจ้าพี่พูดแบบนี้เพราะเจ้าพี่อิจฉาหม่อมฉันที่ชายหนุ่มทั้งหลายลุ่มหลงหม่อมฉันแทนที่จะเป็นเจ้าพี่ใช่มั๊ยเพคะ?” วิโอเรียยิ้มร่าพูดอย่างมีชัยโดยมีเพื่อนสาวหัวเราะคิกคักอยู่หลัง

อองเดรก้าวเข้ามาขวางพลางจ้องเขม็งด้วยสายตาเย็นชาแข็งกร้าวจนหญิงสาวทั้งสามต้องเงียบเสียงลง

“ไม่เป็นไรจ้ะ อองเดร”

ทันทีที่วิโอเรียได้ยินเจ้าหญิงอลาน่าตรัสเช่นนี้ก็รีบข่มความตื่นตระหนกพลางก้าวเข้าไปใกล้อองเดรจนตัวของเธอเบียดชิดกับเสื้อเกราะของเขา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย้ายวน “ท่านนี่ช่างเป็นห่วงเป็นใยปกป้องดูแลเจ้าพี่อย่างดีจนข้าอดอิจฉาเจ้าพี่ไม่ได้จริง ๆ หากวันใดข้าจะขอให้ท่านมาปกป้องดูแลข้าบ้าง หวังว่าท่านคงจะยินดีช่วยเหลือข้า”

“ข้าขอปฎิเสธ!” อองเดรพูดเสียงห้วนก่อนจะหันไปทางเจ้าหญิงอลาน่าทูลด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “เชิญเสด็จเถิดพ่ะย่ะค่ะเจ้าหญิง”

“ไปก่อนนะจ๊ะวิโอเรีย พี่ยังมีภารกิจต้องทำอีก” เจ้าหญิงอลาน่าทรงยิ้มให้ก่อนจะดำเนินจากไปพร้อมกับซิสเตอร์โรซาน่า ขณะที่อองเดรก็ก้าวตามไปทันทีโดยที่ไม่เหลียวกลับมามองหญิงสาวทั้งสามอีก

“หนอย ผู้ชายหน้าโง่!กล้าปฏิเสธข้า คอยดูเถิด...สักวันเจ้าจะต้องมาสยบแทบเท้าข้า” วิโอเรียกล่าวเสียงสั่นเทิ้ม

“แหม วิโอเรีย ผู้ชายตาต่ำตามก้นผู้หญิงจืด ๆ แบบเจ้าหญิงน่ะ ไม่เห็นจะน่าสนใจเลยนะจ๊ะ” หญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มพูดเพื่อหวังประจบ

“น่าสนใจสิ การชนะใจคนเย็นชาแบบนั้นได้น่ะ มันน่าสะใจดีออก คอยดูนะฉันจะต้องชนะ จะต้องได้ทุกอย่างของอลาน่ามาเป็นของฉัน” วิโอเรียกล่าว นัยน์ตาคู่งามแข็งกร้าว

“นี่ วิโอเรีย อย่าเพิ่งอารมณ์เสียเลย นู่นดูสิ!พวกผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างเสานั่นกำลังส่งสายตาให้เธออยู่แน่ะ” เพื่อนสาวชี้ชวนให้วิโอเรียดูกลุ่มขุนนางหนุ่ม ๆ

“ดูคนนั้นที่มองเธอจนตาเยิ้มสิล้อหล่อ แถมชุดไหมที่เขาใส่น่ะ ราคาต้องแพงมากแน่ ๆ เลย” หญิงอีกคนเสริม ดวงตาลุกวาว
เมื่อวิโอเรียได้เห็นดวงตาที่หลงใหลเธอของชายหนุ่มมากมายก็ลืมความขุ่นมัวเมื่อครู่ ส่งสายตาโปรยเสน่ห์ให้บรรดาชายผู้จ้องมองเธอ

“เราเข้าไปคุยกับพวกเขากันเถอะ” เพื่อนสาวคนแรกเอ่ยชวน ยิ้มร่าส่งสายตาให้หนุ่ม ๆ ก่อนที่ทั้งสามเดินนวยนาดเข้าไปหา
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)


ย้อนกลับไปยัง Summoner Novel

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน

cron