Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ มี.ค. 29, 2024 6:08 pm

หน้าเว็บบอร์ด Wiser Summoner Novel @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 16 นักประดิษฐ์กับหุ่นกระป๋อง @@

อ่านนิยาย Summoner Master Episodeต่าง ๆ ได้ที่นี่

Moderator: Jinger Ginger


@@ นิยายSMN Epi8 Chapter 16 นักประดิษฐ์กับหุ่นกระป๋อง @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ส.ค. 19, 2009 11:24 pm

Chapter 16 นักประดิษฐ์กับหุ่นกระป๋อง



หลังจากเคลื่อนทัพสู่ฟีเลเซียได้เพียงสามสัปดาห์ ราชินีแห่งซาโลมก็บุกเข้าโจมตีเมืองหน้าด่านของฟีเลเซียทันที ในเวลาเพียงสองชั่วยามราชินีเนริมอร์พร้อมทัพมังกรไฟสามร้อยตัว ก็ทำลายเมืองหน้าด่านของฟีเลเซียจนย่อยยับไปถึงสามเมือง เมืองหน้าด่านที่มีทิวทัศน์ที่สวยงามแวดล้อมไปด้วยทิวเขาเขียวชอุ่ม และ ดอกไม้นานาพันธุ์ทั้งบ้านเรือนที่ปลูกกระจายตัวอยู่ทั่วไปล้วนแล้วแต่ถูกสร้างอย่างงดงามเพราะเป็นเมืองที่ขุนนางทั้งหลายชอบมาปลูกบ้านไว้พักผ่อนเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ทว่าเวลานี้เหลือเพียงซากปรักหักพังที่ดำเป็นตอตะโกและควันไฟกระจายไปทั่ว ความหายนะแผ่ปกคลุมไปทั่วทุกที่ ไม่มีชาวเมืองคนใดหนีรอดจากการโจมตีในครั้งนี้แม้เพียงสักคนเดียว ไม่มีแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตใด ๆ เหลืออยู่ในเมือง


“ฮา!ฮา!ฮา! ดีมาก เจ้าทำได้ดีมากเนริมอร์” กษัตริย์ซาดินทรงตบเข่าหัวเราะชอบใจหลังจากฟังรายงานผลการรบของมเหสี

“ข้าเห็นว่ามันเป็นเพียงแค่เมืองชนบทไม่มีอะไรมากมายนัก ข้าจึงตีเพิ่มให้ท่านอีกสองเมืองหวังว่าท่านคงจะพอใจ” ราชินีเนริมอร์ตรัสเสียงเรียบทว่าแววตานั้นฉายแววแห่งความภาคภูมิใจไว้เต็มเปี่ยม

“ข้าพอใจมากเนริมอร์” กษัตริย์ซาดินตรัสสำทับอีกครั้ง

“ถ้าเช่นนั้น...ข้าอยากจะขออะไรท่านสักอย่าง ท่านเคยเอ่ยปากให้ข้าแล้วแต่ข้ายังไม่ได้รับ” ราชินีเนริมอร์ตรัสด้วยพระพักตร์ยิ้มแย้ม

“ได้สิ เจ้าอยากได้อะไรก็ว่ามาเลย” กษัตริย์ซาดินตรัสตอบรับอย่างอารมณ์ดี

“ข้าอยากจะกลับซาโลมตามสัญญาที่เราเคยตกลงกันไว้ ท่านคงยังจำได้” ราชินีเนริมอร์ทรงเตือนความจำของสามี

กษัตริย์ซาดินทรงขมวดคิ้วลงแทบจะทันที พระองค์เกลียดความปากไวของพระองค์นัก อีกทั้งพระองค์ก็มิใคร่อยากจะให้พระนางทิ้งกองทัพไปสักเท่าไรเพราะแค่มีพระนางอยู่ก็เหมือนมีกองทัพอีกหนึ่งกองเลยทีเดียว แต่ผลงานของพระนางในครั้งนี้ก็สมควรที่จะได้รับบำเหน็จรางวัล

“ก็ได้ แต่อย่าลืมสัญญาของเจ้าล่ะ สามเดือนเท่านั้น” กษัตริย์ซาดินทรงกำชับเหมือนเกรงว่ามเหสีของพระองค์จะแสร้งลืมกำหนดเวลาและอาจกลับมาช่วยรบช้ากว่ากำหนด

“ข้าไม่ลืมแน่นอน” ราชินีเนริมอร์ตรัสด้วยความโลดเต้นยินดี “ถ้าเช่นนั้นข้าขอลาท่านเลย” ราชินีเนริมอร์ทรงโค้งคำนับแล้วหมุนองค์กลับเสด็จออกไปทันที พระนางแทบจะทนรอพบหน้าโอรสไม่ไหว

“เจ้าจะไปเดี๋ยวนี้เลยรึ?” กษัตริย์ซาดินทรงตกพระทัยกับความเร่งรีบของมเหสี

“ยิ่งไปเร็วเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งกลับมาเร็วขึ้นเท่านั้นมิใช่หรือ?” ราชินีเนริมอร์ตรัสด้วยสีพระพักตร์ยิ้มแย้ม และเสด็จไปอย่างรวดเร็ว

**********************************


ท่ามกลางหมู่แมกไม้และธรรมชาติอันร่มรื่น ต้นไม้หลากหลายพันธุ์ทั่วทั้งผืนป่าเพิ่งจะแทงยอดสีเขียวอ่อนจนทั้งบริเวณนั้นแลดูสดใสด้วยสีเขียวอ่อนของใบไม้เล็ก ๆ มากมาย มวลดอกไม้นับร้อยนับพันก็เริ่มแย้มกลีบดอกหลากสี เหล่าแมลงตัวน้อยไม่ว่าจะเป็น สกาลีโอ(Sgaleo), เกล แกรบ(Gale Grub) และ สกาไลท์ (Scalight) ต่างก็บินหยอกล้อสายลมและมวลไม้ดอกอย่างปรีดิ์เปรม แม้ว่าสภาพป่าโดยรอบยังคงปรากฏให้เห็นร่องรอยอันโหดร้ายของไฟป่าครั้งใหญ่อยู่ทั่วไป แต่สัญลักษณ์ของชีวิตใหม่เหล่านี้ก็ช่วยบรรเทาจิตใจชาวฟูดินันและชาวป่าเผ่าต่าง ๆ ได้มากทีเดียว

เผ่าฟูดินันนั้นแม้ไม่ได้ถูกโจมตีหนักเท่าเผ่าอื่น ๆ แต่ความรุนแรงที่เกิดขึ้นก็ยังความเสียหายให้แก่บ้านเรือนและทรัพย์สินของชาวบ้านไปถึงเจ็ดในสิบส่วน ทว่าอุปนิสัยที่มีมิตรจิตมิตรใจของชาวฟูดินันก็ทำให้การบูรณะเผ่าดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว

เมื่อตะวันเริ่มคล้อยลงต่ำ บ้านหลังสุดท้ายที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจกันของชาวฟูดินันก็ได้รับการบูรณะจนสำเร็จ เสียงไชโยโห่ร้องด้วยความดีใจดังสะท้อนก้องป่า

ฮารีซันเดินออกมายืนอยู่ต่อหน้าทุกคนในเผ่าโดยมีวานาอันยืนประคองวูจินอยู่ข้างหลัง

“ข้าขอขอบคุณในความมีน้ำใจและความสามัคคีของชาวฟูดินันทุก ๆ คนที่ทำให้การบูรณะเผ่าของพวกเราดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้”

หัวหน้าเผ่าหนุ่มกล่าวขึ้นท่ามกลางเสียงปรบมือแสดงความยินดีของบรรดาชาวเผ่า “ในที่สุดเหตุการณ์เลวร้ายต่าง ๆ ก็ผ่านพ้นไปแล้ว แม้ว่ามันได้สร้างบาดแผลในใจให้แก่พวกเราทุกคน แต่มันก็ทำให้เราแข็งแกร่งและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมากขึ้น และจากเหตุการณ์นี้ก็แสดงให้เราเห็นถึงความกล้าหาญของเด็กสาววัยเพียงสิบสามปีชาวฟูดินันคนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้วิกฤตการณ์ครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี ซึ่งควรที่พวกเราชาวฟูดินันจะดูไว้เป็นแบบอย่าง”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 16 นักประดิษฐ์กับหุ่นกระป๋อง @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ส.ค. 19, 2009 11:25 pm

ฮารีซันหันไปจูงมือน้องสาวของตนให้มายืนต่อหน้าชาวฟูดินันก่อนจะกล่าวว่า “ขอบใจน้องมาก วานาอัน น้องได้ช่วยชีวิตพวกเราทุกคน พี่ภูมิใจในตัวน้องมากจริง ๆ ”

ชาวฟูดินันทุกคนต่างก็ปรบมือและส่งเสียงไชโยโห่ร้องเสียงดังสนั่นให้แก่วานาอันจนใบหน้าของเธอแดงก่ำ สองพวงแก้มขาวนวลเวลานี้เปลี่ยนเป็นสีแดงไม่ต่างกับผลไม้สุกปลั่ง เด็กสาวได้แต่ยิ้มรับเสียงปรบมือของทุกคนอย่างเอียงอายและพยายามถอยหลังไปหลบข้างหลังพี่ชาย เมื่อชาวบ้านเห็นดังนั้นก็พากันยิ้มขันด้วยความเอ็นดู ต่างก็ยิ่งปรบมือและส่งเสียงโห่ร้องอย่างชอบใจทำเอาเด็กสาวอายจนรู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนวูบวาบไปหมด เธอชำเลืองมองท่านปู่อย่างอาย ๆ ริมฝีปากคู่บางเม้มแน่น แต่ก็แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเธอบังคับริมฝีปากน้อย ๆ ไม่ให้ยิ้มไม่ได้

ครั้นวูจินเห็นท่าทางหลานสาวเข้าก็หัวเราะเสียงดังด้วยความชอบใจแกมเอ็นดู ผู้เฒ่าโบกมือช้า ๆ เป็นเชิงให้เบาเสียงลงก่อนจะกล่าวกลั้วเสียงหัวเราะว่า

“เอ๊า! พอแล้ว พอแล้ว เดี๋ยวข้าก็แยกไม่ออกกันพอดีว่าไหนเป็นดวงอาทิตย์ ไหนเป็นหน้าของหลานข้า”

เมื่อชาวบ้านได้ยินเข้าต่างก็หัวเราะชอบใจกันยกใหญ่ ข้างฝ่ายเด็กสาวแม้จะยังอายอยู่แต่ก็อดขำคำปู่ไม่ได้ วูจินยิ้มกว้างกล่าวว่า

“วันนี้เรามาจัดงานรื่นเริงกันดีไหม พวกเราจะได้ลืมเรื่องร้าย ๆ ไปเสีย และก็ฉลองการบูรณะเผ่าของพวกเราที่สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี”

เสียงปรบมือไชโยโห่ร้องเห็นด้วยก็ดังสะท้อนก้องป่าอีกครั้ง ชาวป่าทุกคนต่างก็รีบแยกย้ายไปจัดเตรียมงานฉลองกันอย่างสนุกสนาน

****************************


ขณะเดียวกันไกลออกไปอีกฟากหนึ่งของเทือกเขาคีรีบันดา สู่นครฟีเลเซียอาณาจักรชาตินักรบอันยิ่งใหญ่ ณ ห้องรับรองส่วนพระองค์ภายในปราสาท บิชอปเกรเกอรี่ในชุดสงฆ์เต็มยศกำลังยืนสงบนิ่งรอคอยการเสร็จของซิกมันด์ที่3 กษัตริย์แห่งฟีเลเซีย สีหน้าของเกรเกอรี่ไม่สู้ดีนัก คิ้วเข้มนั้นขมวดเข้าหากัน ดวงตาจับจ้องไปที่ธงแห่งฟีเลเซียที่ติดไว้บนผนังเหนือบัลลังก์ที่ประทับ หากแต่ความคิดดูเหมือนจะโลดแล่นไปไกลเกินกว่าแค่การจับจ้องธงประจำชาติ

“ดูเหมือนท่านจะสนใจธงฟีเลเซียมาก”

เสียงทุ้มต่ำเจือด้วยเสียงหัวเราะดังมาจากทางด้านหลังของบิชอปหนุ่ม เกรเกอรี่หยุดความคิดไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะค่อย ๆ หันไปทางต้นเสียงช้า ๆ จึงได้เห็นว่าเจ้าของเสียงนั้นคือยอดขุนพลแห่งฟีเลเซียนั่นเอง

“แม่ทัพคลาแรนซ์ ท่านมาถึงนานแล้วรึ?” เกรเกอรี่เอ่ยถาม

ชาร์ลยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากกล่าวว่า “ข้ามานานพอที่จะเห็นท่านบิชอปใจลอยอยู่เป็นนานสองนานเชียวล่ะ ท่านมีเรื่องด่วนร้ายแรงรึ? ถึงให้คนไปตามข้ามาเข้าเฝ้าพร้อมกันในเวลาเช่นนี้” แม่ทัพหนุ่มกล่าวน้ำเสียงจริงจังยิ่งขึ้นเมื่อเอ่ยถึงสาเหตุที่ถูกเรียกตัวในเวลาเช้าตรู่

“เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น” เกรเกอรี่กล่าวด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ ตัวเขาเองก็หวั่นใจอยู่ไม่น้อยเพราะเรื่องที่จะนำขึ้นกราบทูลอาจจะดูไม่น่าเชื่อถือในสายตาของกษัตริย์ และแม่ทัพใหญ่ ก็ในเมื่อบ้านเมืองสงบสุขถึงเพียงนี้

บิชอปเกรเกอรี่ไม่ได้พูดอะไรกับชาร์ลอีกเลยหลังจากนั้น สีหน้าของท่านบิชอปสะท้อนความหดหู่ ความลังเล และความอึดอัดจนล้นปรี่ ทำให้เขาดูเหมือนกำลังแบกโลกไว้ทั้งใบก็ไม่ปาน แม่ทัพใหญ่รู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศที่แสนตึงเครียดนี้อยู่ไม่น้อย เขาไม่เคยเห็นท่านบิชอปมีท่าทีเคร่งเครียดและเงียบขรึมเช่นนี้มาก่อน แต่ ณ เวลานี้เขาทำได้แต่เพียงรอเท่านั้น ชาร์ลรอคอยการเสด็จมาของกษัตริย์แห่งฟีเลเซียอยู่เงียบ ๆ พลางพยายามคิดถึงเรื่องร้ายแรงที่ท่านบิชอปจะกราบทูล

สักพักเสียงแตรก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณการเสด็จมาของกษัตริย์ ประตูทางทิศตะวันออกถูกเปิดอย่างรวดเร็ว กษัตริย์แห่งฟีเลเซียในชุดอาภรณ์เนื้อหนาสีเขียวเข้มขลิบดำแลดูภูมิฐานและสง่างาม กษัตริย์ซิกมันด์ทรงสาวเท้ายาว ๆ ก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็วท่วงท่าดูปราดเปรียวแต่องอาจอยู่ในที

ทั้งบิชอปและแม่ทัพทำความเคารพองค์กษัตริย์และรอจนพระองค์เสด็จขึ้นบัลลังก์เรียบร้อยแล้วจึงได้ยืดตัวขึ้น เมื่อกษัตริย์ซิกมันด์ประทับบนบัลลังก์แล้วจึงทรงหันไปทางเกรเกอรี่ที ทางชาร์ลทีด้วยความสงสัยก่อนจะตรัสถามขึ้น

“พวกท่านมีเหตุด่วนอะไรหรือ?”

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมก็ถูกท่านบิชอปเชิญมาเข้าเฝ้าเดี๋ยวนี้เองพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพหนุ่มทูลตอบ

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นรึท่านบิชอป?”

เกรเกอรี่สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วค่อยระบายออกช้า ๆ เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่งราวกับไม่รู้ว่าจะเริ่มกราบทูลตั้งแต่ตรงไหนดี

“เมื่อไม่กี่คืนมานี้กระหม่อมนิมิตเห็นนางฟ้าแห่งดาบฟรานเชสก้าปรากฏกายเหนืออาณาจักรฟีเลเซีย นางฟ้าปรากฏมาท่ามกลางท้องฟ้าสีแดงฉานราวกับเลือด” เกรเกอรี่เล่าช้า ๆ อย่างชัดถ้อยชัดคำ “สายตาของนางฟ้ามองออกไปไกลจนดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด”

“นางฟ้าฟรานเชสก้าอย่างนั้นรึ? นิมิตนี้หมายความว่าอย่างไรกัน?” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย

“หมายความว่า ฟีเลเซียกำลังจะเผชิญหน้ากับมหาสงครามครั้งรุนแรงที่สุดก็ว่าได้ สงครามนี้อาจจะกินเวลายาวนานซ้ำยังไม่มีบทสรุปว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้กำชัยชนะอีกด้วย” บิชอปหนุ่มกล่าวทูลด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

“ท่านตีความถี่ถ้วนแล้วหรือ?” ชาร์ลถามย้ำ “ใช่ว่าข้าจะมีเจตนาเพื่อดูแคลนท่านแต่อย่างใด เพียงแต่ข้าเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากจึงอยากจะได้คำยืนยันที่แม่นยำที่สุด”

“เราเข้าใจท่านดีท่านแม่ทัพ เราได้อธิษฐานภาวนาตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมาเพื่อขอสติปัญญาในการตีความนิมิตนี้ แต่ไม่ว่าจะตีความกี่ครั้งความหมายก็ยังคงเหมือนเดิม” เกรเกอรี่กล่าว

****************************
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 16 นักประดิษฐ์กับหุ่นกระป๋อง @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ส.ค. 19, 2009 11:26 pm

ออกจากปราสาทลงมาทางทิศใต้ ผู้คนชาวฟีเลเซียกำลังเดินจับจ่ายซื้อของกันขวักไขว่อยู่ในตลาด เสียงต่อรองราคาค่างวดสินค้าดังมาจากร้านตรงหัวมุมบ้าง จากร้านฟากตรงข้ามของถนนบ้าง ทำให้ทั่วทั้งตลาดดูคึกคักและมีชีวิตชีวาอยู่ไม่น้อยทีเดียว
สักพักก็มีเสียงดังอึกทึกครึกโครมดังมาจากร้านขายสัตว์ที่ตั้งอยู่ท้ายตลาด เพียงครู่เดียวทั้งตลาดก็เกิดโกลาหลเมื่อลูกคาทาริโซ่(Katharizo)หลุดออกมาจากคอกแล้ววิ่งพล่านไปทั่วตลาด เจ้าของร้านที่วิ่งตะโกนขอความช่วยเหลือไล่หลังมานั้นดูจะไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากผู้คนที่เดินตลาดมากนัก เพราะต่างก็รู้กันดีว่าคาทาริโซ่นั้นทั้งว่องไวและไม่ค่อยจะยอมอยู่นิ่ง ๆ ให้จับสักเท่าไหร่ กว่าจะจับได้คงสะบักสะบอมไม่น้อยทีเดียว ทุกคนจึงพยายามหลบเลี่ยงและไล่มันไปทางอื่นเสียมากกว่า บางคนที่เข้าไปช่วยจับก็กระโดดไล่ตะครุบจนหกคะเมนตีลังกาไม่เป็นท่า

ที่อีกฟากของตลาดนั้นมีหญิงสาวนางหนึ่งสวมเสื้อแขนยาวหลวม ๆ สีมอซอ กระโปรงยาวสีน้ำตาลอ่อนมีชายรุ่ยอยู่ด้านหนึ่ง บนศีรษะมีผ้าคลุมผมสีน้ำตาลเข้มคลุมอยู่โดยคลุมต่ำลงมาจนเกือบมองไม่เห็นดวงตาทั้งสองข้าง ผมเผ้ายาวยุ่งปรกหน้า เธอวิ่งอย่างรวดเร็วตรงเข้าไปหาลูกค้าทาริโซ่ที่วิ่งไปทางเธอก่อนจะกระโดดตะครุบตัวมันไว้ได้อย่างง่ายดาย ทว่าก็เหมือนกับแกล้งเมื่อเธอเหมือนจงใจปล่อยให้ลูกคาทาริโซ่หลุดมือไปและเริ่มออกวิ่งไล่จับเจ้าสัตว์ตัวน้อยอีกครั้ง พ่อค้าที่วิ่งตามมาแทบหมดแรงวิ่งจึงได้แต่ยืนมองหญิงสาววิ่งไล่คาทาริโซ่อย่างเหนื่อยอ่อนแทน เธอวิ่งไปหัวเราะไปจนดูเหมือนเธอวิ่งเล่นกับลูกคาทาริโซ่เสียมากกว่า

“มาชูฟูบี้! เธอช่วยจับมัน หรือว่าเธอกำลังเล่นกับมันอยู่นี่?” เสียงร้องอย่างตื่นตระหนกดังมาจากหลังฝูงชนที่กำลังมุ่งดูเหตุการณ์วุ่นวายนี้อยู่

“ขอโทษที ดีนาพาซีบีล่า” หญิงสาวจับตัวคาทาริโซ่ไว้แทบจะทันที พร้อม ๆ กับเสียงหัวเราะตลกขบขันของฝูงคนที่ยืนอยู่โดยรอบ

หญิงวัยกลางคนร่างท้วมที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ กับหญิงสาวที่ชื่อดีนาพาซีบีล่ากล่าวขึ้นอย่างขบขัน “พวกเจ้าชื่อนี้กันจริง ๆ น่ะหรือ? ข้าไม่เคยได้ยินชื่อใครประหลาดเท่าพวกเจ้ามาก่อนเลย”

หญิงสาวนางนั้นถึงกับหน้าแดงก่ำรีบวิ่งเข้าไปจูงมือหญิงสาวที่ชื่อมาชูฟูบี้แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งก้มหน้าก้มตาฝ่าฝูงชนออกมาอย่างรวดเร็ว จนเมื่อเธอมั่นใจว่าไกลพอแล้วจึงได้กระซิบด้วยเสียงไม่ใคร่จะพอใจนัก

“หม่อมฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพระองค์จะต้องตั้งชื่อพวกเราให้ทั้งยาวทั้งประหลาดถึงขนาดนี้เพคะ?” หญิงสาวยังรู้สึกอับอายขายหน้าอยู่ไม่น้อยพลางหันไปเหลือบมองฝูงชนที่อยู่ข้างหลังเป็นระยะ

“เจ้าไม่ชอบหรอกรึ? เราว่าดีออก พวกชาวบ้านยังชอบเลย” หญิงสาวหัวเราะชอบใจเสียงใส

“มันประหลาดเกินไปเพคะ มาชูฟูบี้ กับ ดีนาพาซีบีล่า” หญิงสาวทวนชื่ออย่างขำขำ “หม่อมฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเจ้าหญิงถึงต้องเสด็จออกมาซื้อของเองล่ะเพคะ? หากพระองค์มีพระประสงค์หม่อมฉันจะจัดเตรียมให้เหล่าพ่อค้าเข้าเฝ้าทันทีเลย”

“ไม่ เราชอบที่จะออกมาเลือกซื้อด้วยตัวเอง”

“พระองค์จะเสด็จออกมาให้เหนื่อยพระวรกายทำไมเพคะ ซ้ำยังต้องลำบากปลอมตัวเช่นนี้อีก”

หญิงสาวมองนายของตน ใครเล่าจะรู้ว่าหญิงสาวที่แต่งตัวซอมซ่อทำตัวแปลก ๆ แถมยังมีชื่อประหลาดที่ยืนอยู่ต่อหน้าของนางคือเจ้าหญิงเรจิน่า องค์หญิงผู้สูงศักดิ์แห่งราชวงค์อรีธา หากนางกำนัลมิได้เห็นพระองค์ทรงแต่งองค์เช่นนี้ก่อน นางคงไม่มีทางจำเจ้าหญิงได้เลย

“ไม่เห็นจะลำบากตรงไหนเลย เราสนุกมากต่างหาก” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงยิ้มอย่างร่าเริง “เอาล่ะ! ถ้าเจ้าไม่ชอบชื่อที่เราตั้งให้ เราเปลี่ยนเป็น... แอดชูว์ กับ บูลี่ แทนดีไหม?” ราชินีเรจิน่าทรงถามพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“หม่อมฉันว่ามันฟังดูพิลึกกว่าเดิมอีกเพคะ” นางกำนัลทำหน้าย่นกล่าวตอบอย่างไม่ลังเล

เจ้าหญิงเรจิน่าทรงตบพระหัตถ์ดังฉาด หัวเราะร่วน “ดี ถ้าเช่นนั้นเราชื่อ แอดชูว์ แล้วเจ้าก็ชื่อ บูลี่”

“เจ้าหญิง...”

“แอดชูว์จ้ะ บูลี่ และอย่าลืม...ภาษาชาวบ้านนะจ๊ะ” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสกำชับ ทอดพระเนตรไปยังทิศทางตรงข้าม “เราไปดูร้านขายของเก่าทางโน่นกันเถอะ” แอดชูว์ออกเดินนำหน้าทันที

ที่ร้านขายของเก่านั้นมีสินค้ามากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เก่าและส่วนใหญ่ก็ผุพังไปตามกาลเวลา แอดชูว์เดินเลือกชมสินค้าอย่างสนุกสนานก่อนที่จะไปสะดุดเข้ากับไหสีฟ้าใบใหญ่ที่มีรูรั่วอยู่ทางด้านข้างใกล้กับก้นไห เธอกอดอกและใช้มืออีกข้างเท้าคางไว้ นิ้วเรียวยาวเคาะที่ปลายคางเบาๆอย่างใช้ความคิด เธอยิ้มออกมาช้าๆ

“อย่าบอกนะว่าเธอจะซื้อไหใบนี้” บูลี่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของแอดชูว์

“ไหใบนี้ข้าได้มาจากเมืองทางเหนือโน่น ที่นั่นเขาใช้มันลำเลียงน้ำสะอาดไว้ใช้เพราะแหล่งน้ำอยู่ไกล พวกผู้หญิงจะเทินไหไว้บนหัว.......” พ่อค้าของเก่าพูดบรรยายประวัติของไหรั่วอย่างไม่ลืมหูลืมตาเมื่อเห็นสองสาวสนใจมัน

“ข้าเห็นว่ามันรั่ว” บูลี่กล่าวเตือนเพราะเกรงว่าทุกคนจะแกล้งทำเป็นลืมจุดสำคัญนี้ไป

“เจ้านำไปปะได้ ข้าจะแนะนำร้านดีๆให้” พ่อค้ากล่าวด้วยความกะตือรือล้น “ข้าจะขายให้เจ้าในราคาถูกสุดๆเลย เจ้าปะนิดหน่อยก็ใช้ได้แล้ว”

“เจ้าจะขายเท่าไหร่ล่ะ” แอดชูว์ถาม

“อืม...สิบห้าเดนาริอันเป็นไง”

“ตกลง” แอดชูว์วางถุงเหรียญเงินลงบนโต๊ะแล้วอุ้มไหรั่วออกจากร้านทันทีโดยมีบูลี่รีบสาวเท้าก้าวตามไปติดๆ

“ทรงซื้อไหรั่วมาทำไมเพคะ? หม่อมฉันไม่เห็นว่าจะเอาไปใช้อะไรได้เลย” บูลี่รับไหไปถือไว้พลางหมุนไหตรวจดูรอยรั่ว “หากพระองค์จะนำไปปะ หม่อมฉันว่าซื้อใหม่ไม่ดีกว่ารึเพคะ”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 16 นักประดิษฐ์กับหุ่นกระป๋อง @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ส.ค. 19, 2009 11:27 pm

“ไม่ปะหรอก... ถ้าหากเราใส่น้ำจนเต็มแล้วเทินไหไว้จากนั้นก็เดินไปรอบๆอุทยาน... เท่านี้เราก็จะได้วิธีรดน้ำต้นไม้แบบใหม่” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงนึกภาพสายน้ำที่โค้งตัวออกมาจากรอยรั่วแล้วก็นึกขำ

“แล้วใครจะเป็นคนรดด้วยวิธีนั้นเล่าเพคะ” นางกำนัลทูลถามอย่างหวั่นๆ

เจ้าหญิงเรจิน่าทรงหันพระพักตร์ไปมองนางกำนัลพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์อีกครั้ง “เรานึกว่าเจ้ารู้แล้วเสียอีก”

นางกำนัลหัวเราะแทบจะทันทีเพราะนึกภาพตัวเองเทินไหรั่วที่มีน้ำพุ่งออกมาเป็นสายเดินไปรอบๆอุทยาน “ไม่เอาหรอกเพคะพิลึกจะตายไป หม่อมฉันขอรดน้ำแบบเดิมดีกว่าเพคะ”

“อ๊ะ! นั่นบ้านของนักประดิษฐ์นิ ไปดูกันเถอะว่ามีสิ่งประดิษฐ์อะไรแปลกๆใหม่ๆบ้าง” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสจบก็มุ่งไปยังบ้านหลังที่อยู่ตรงหัวมุมถนนทันที

“องค์... แอดชูว์ เดี๋ยวก่อน! มันอันตราย”

“ตูม!!”

นางกำนัลพูดยังไม่ทันขาดคำก็เกิดเสียงระเบิดดังมาจากบ้านหลังนั้นพร้อมกับควันสีฟ้าที่พุ่งออกมาจากปล่องไฟรูปทรงประหลาด เจ้าหญิงเรจิน่าทรงรีบวิ่งไปเปิดประตูบ้านอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ประตูเปิดแทนที่จะมีควันสีฟ้าพุ่งออกมากลับมีควันสีแดงพวยพุ่งออกมาจากภายในบ้านแทน

“ระเบิด ระเบิด...แก๊ก วันนี้ก็ระเบิดอีกแล้ว...แก๊ก” เสียงพูดฟังกระท่อนกระแท่นซ้ำยังมีเสียงเหมือนเสียงกลไกอะไรสักอย่างติดขัดดังออกมาจากกลุ่มควัน

นางกำนัลรีบวิ่งมายืนข้างหน้าเจ้าหญิงเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นพลางกระซิบเสียงเขียว “หม่อมฉันอุตส่าห์เตือนให้ระวังก็ไม่เชื่อ บ้านนักประดิษฐ์คนนี้ขึ้นชื่อลือชานักว่า ‘วันไหนไม่มีอะไรระเบิด วันนั้นไม่อยู่บ้าน’ ดูสิ!หากเกิดอะไรขึ้นหม่อมฉันจะอารักขาพระองค์ทันรึเพคะ”

“ไม่เห็น....แก๊ก ไม่เห็น...มองไม่เห็นเลย... แก๊ก” เสียงพูดประหลาดดังออกมาจากกลุ่มควันอีกครั้งก่อนที่จะมีใครคนหนึ่งพุ่งออกมาจากกลุ่มควันสีแดงนั้นอย่างรวดเร็วจนชนนางกำนัลล้มกลิ้งไปด้วยกัน เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจผสานกับเสียงโลหะกระทบพื้นดังก๊องแก๊งจนชาวบ้านต่างหันมามองเป็นตาเดียว

เมื่อนางกำนัลลุกขึ้นได้ก็ต้องกรีดร้องด้วยความตกใจอีกครั้งหนึ่งเพราะผู้ที่ชนนางจนล้มคว่ำนั้นไม่ใช่มนุษย์แต่กลับเป็นหุ่นยนต์รูปร่างคล้ายมนุษย์ต่างหาก หุ่นตัวนั้นก็ร้องด้วยความตกใจด้วยเช่นกันสองมือพยายามดันพื้นเพื่อยันตัวให้ลุกขึ้นก่อนจะถอยหลังไปชนกำแพงบ้าน

“คุณผู้หญิง..แก๊ก คุณผู้หญิง..แก๊ก แก๊ก ทินทอน(Tinton, Timothy’s Aide)... ทินทอนขออภัย... แก๊ก” หุ่นยนต์กล่าว
นางกำนัลยกมือที่สั่นเทาชี้ไปยังเจ้าหุ่นยนต์ “มัน...มัน...มันพูดได้”

“พูด ‘มัน’.....แก๊ก พูดเรียกว่า ‘มัน’ไม่สุภาพ...แก๊กๆ ผมเป็นมนุษย์นะ....แก๊ก” เจ้าหุ่นพูดจบก็กอดอกสะบัดหน้าหนีอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

“เจ้าชื่อทินทอนใช่มั๊ยจ๊ะ” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสถามพลางใช้สายตามองสำรวจหุ่นยนต์แทบทุกซอกทุกมุม

เจ้าหุ่นบิดตัวไปมาอย่างเอียงอาย “ถูกต้องแล้วคุณผู้หญิง....แก๊ก มีอะไรให้ทินทอนรับใช้ใช่มั๊ยขอรับ...แก๊ก แก๊ก” เจ้าหุ่นโค้งตัวลงอย่างนอบน้อมเหมือนกับที่สุภาพบุรุษโค้งให้หญิงสาว และทว่ามันกลับไม่ยอมเงยหน้าขึ้นจนดูเหมือนมันหยุดการทำงานไปเสียอย่างนั้น

“เจ้าแน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร?” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสถามย้ำเมื่อเห็นว่าเจ้าหุ่นไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาเสียที นางกำนัลจึงค่อย ๆ ใช้นิ้วชี้จิ้มบริเวณไหล่ของทินทอนเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เพิ่มแรงขึ้น

“ฮ่า ฮ่า...แก๊ก” จู่ๆเจ้าหุ่นยนต์ก็กระเด้งตัวขึ้นหัวเราะเสียงดังจนนางกำนัลหวีดร้องด้วยความตกใจอีกครั้ง “เมื่อกี้...แก๊ก ทินทอนพูดถึงไหนนะ....แก๊ก บางที....แก๊ก ทินทอนก็รู้สึกเหมือนหัวหมุน ๆ ..แก๊ก หมุน ๆ ...แก๊ก” เจ้าหุ่นพูดไปตบหัวตัวเองไป เสียงโลหะกระทบกันดังก๊องแก๊ง

“ฉันอยากจะชมผลงานของนักประดิษฐ์จ้ะ พวกเราเข้าไปดูได้ไหม?” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสถามขึ้นในขณะที่นางกำนัลพยายามส่ายศีรษะห้าม

เจ้าหุ่นกระป๋องยืดอกด้วยความภาคภูมิใจ ใช้มือขวาแตะที่อกซ้ายกล่าวว่า “ทินทอน...แก๊ก ทินทอน....ยินดีรับใช้... คุณผู้หญิงทั้งสอง...แก๊ก ข้างใน....มีสิ่งประดิษฐ์มากมาย....แก๊ก ทินทอนจะพาชม... ทิโมธี(Timothy, the Inventor of Felasia)ก็อยู่ข้างใน....แก๊ก ทินทอนจะพาไปชมทิโมธี...แก๊ก”

“ทิโมธีเหรอ” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงทวนชื่ออย่างลังเล

“ทิโมธีเป็นเพื่อนของทินทอน...แก๊ก” เจ้าหุ่นรีบอวดทันทีด้วยความภาคภูมิใจ “ทิโมธี....แก๊ก....เก่ง ทำให้สิ่งประดิษฐ์ระเบิดได้ด้วย...แก๊ก เอ๊ะ....แก๊ก...ไม่ใช่ๆ ทิโมธีประดิษฐ์ของได้...แก๊ก แต่ชอบทำมันระเบิดต่างหาก ฮ่า ฮ่า...แก๊ก” ทินทอนพูดจบก็เดินนำเข้าไปในตัวบ้าน

เมื่อทินทอนหายเข้าไปในกลุ่มควันสีแดงที่เริ่มจาง เรจิน่าที่กำลังจะเดินตามเข้าไปก็ถูกนางกำนัลรั้งตัวไว้

“จะเสด็จเข้าไปจริงๆรึเพคะ หากเกิดระเบิดขึ้นอีกจะหนีออกมาไม่ทันนะเพคะ เจ้าหุ่นยนต์ประหลาดนั่นก็ไม่น่าไว้วางใจเลย อย่าเสด็จเข้าไปเลยเพคะ” นางกำนัลกระซิบเสียงเบา

“ไม่เป็นไรหรอก เราคิดว่าเราไวพอที่จะหาที่กำบังที่ปลอดภัยนะ ตามมาเถอะ เราอยากเห็นสิ่งประดิษฐ์แปลกๆใหม่ๆ เผื่อว่าเราจะนำมาใช้ในวังได้ยังไงล่ะจ๊ะ” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงกระซิบตอบอย่างอารมณ์ดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 16 นักประดิษฐ์กับหุ่นกระป๋อง @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ส.ค. 19, 2009 11:28 pm

ภายในบ้านยังคงมีกลุ่มควันหนาทึบอยู่ ทำให้หายใจลำบากและทัศนะวิสัยไม่ค่อยชัดเจนนัก ทั้งสองสาวรู้สึกว่าเหยียบสิ่งของหลายอย่างเป็นหนังสือบ้าง น๊อตบ้าง นางกำนัลพยายามคลำหาสลักหน้าต่างเพื่อที่จะเปิดให้อากาศถ่ายเท ทันใดนั้นก็มีลำแสงสีแดงปรากฏในกลุ่มควันค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้พวกเธอทำเอาทั้งสองต้องตกใจอีกครั้ง

“แก๊ก แก๊ก ทินทอนจะเปิดให้คุณผู้หญิง...แก๊ก” ที่แท้ก็เป็นเจ้าหุ่นยนต์นั่นเอง “ทินทอนเป็นสุภาพบุรุษ...แก๊ก ต้องช่วย...ต้องช่วยคุณผู้หญิง” สิ้นเสียงเจ้าหุ่นยนต์ก็ได้ยินเสียงโลหะชนกับสิ่งของบางอย่างเสียงดังโครมครามราวกับว่าข้าวของบริเวณนั้นคงกระจายไปทั่วพื้น รวมถึงเจ้าหุ่นด้วย

“เป็นอะไรรึเปล่า ทินทอน” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสถามขึ้น

เมื่อนางกำนัลเปิดหน้าต่างได้สำเร็จ แสงอาทิตย์และสายลมก็ลอดผ่านช่องหน้าต่างพัดเอาควันเกือบทั้งหมดออกไป เผยให้เห็นสภาพบ้านที่รกไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆมากมายและเจ้าหุ่นยนต์ที่ชนโต๊ะจนล้มระเนระนาดกวาดเอาข้าวของบนโต๊ะลงมาเกลื่อนพื้น

“ไม่...ไม่...ไม่...เป็น....เป็นไร..แก๊ก แก๊ก ทินทอน....ทอนให้..แก๊ก ทิโม..โม..ธี ซ่อมได้....ได้...แก๊ก” ทินทอนพูดด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่รวนกว่าเดิม

“เจ้าแน่ใจนะ” นางกำนัลขมวดคิ้วถามอย่างไม่เชื่อในคำเจ้าหุ่นยนต์

“ทิ..ทิ...โม...ธีธีธี แก๊ก ซ่อม...ซ่อม...ซ่อมทิน...ทอน..ทอนได้ได้” จู่ๆก็ดูเหมือนว่าเจ้าหุ่นจะควบคุมน้ำหนักเสียงไม่ได้จนกลายเป็นพูดตะเบ็งเสียงดังลั่นบ้าน

“เครื่องรวนอีกแล้วรึทินทอน ไปชนถูกอะไรเข้าล่ะ” เสียงชายคนหนึ่งดังมาจากห้องทางด้านซ้าย ประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับกลุ่มควันสีฟ้าจางๆลอยออกมา ชายเจ้าของเสียงก้าวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว ผมสีน้ำตาลแดงมีรอยไหม้จนหงิกฟูบางส่วน หน้าตามอมแมมไปด้วยคราบเขม่าควัน เขาสวมแว่นตาที่มีกระบอกตาใหญ่พร้อมเลนส์ขยายจนดูเหมือนดวงตาของเขาใหญ่ผิดปกติ ชุดที่สวมก็หนาและมีรอยไหม้เล็กน้อยแต่ก็คงจะใช้กันความร้อนจากไฟได้ดี

“เจ้าทั้งสอง...ง” ชายหนุ่มพูดลากเสียงเป็นเชิงถามเมื่อเห็นสตรีแปลกหน้าในบ้านของตน

“พวกเราอยากจะชมงานประดิษฐ์ของท่านน่ะจ้ะ ทินทอนก็เลยอาสาจะพาพวกเราเยี่ยมชม” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงอธิบาย

“พวกเจ้า....เออ....” ชายหนุ่มพยายามที่จะเริ่มบทสนทนาแบบเป็นการเป็นงาน

“ข้าชื่อ แอดชูว์ ส่วนนางชื่อบูลี่” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสแนะนำตัวให้อย่างรู้ทัน

“ข้าชื่อ ทิโมธี ส่วนทินทอนพวกเจ้าก็รู้จักแล้ว” ทิโมธี ผายมือไปทางหุ่นทินทอนที่กำลังโบกมือให้ “ว่าแต่...พวกเจ้าสนใจงานประดิษฐ์ประเภทไหนล่ะ เครื่องจักร เครื่องกล เครื่องใช้ เครื่องครัว ข้าประดิษฐ์ได้หมด หรือจะเป็นพวกเล่นแร่แปรธาตุ” ชายหนุ่มพูดคล่องปร๋อเมื่อพูดถึงงานประดิษฐ์ “อืม...อย่างพวกเจ้าน่าจะสนใจพวกเครื่องครัวนะ มาที่ห้องนี้เลย อ๋อ..ทินทอน นายรอที่นี่นะอย่าลุกไปไหน เดี๋ยวฉันจะกลับมาซ่อมให้” ทิโมธีกล่าวอย่างอารมณ์ดี พลางเดินนำหญิงสาวทั้งสองเดินตัดไปยังอีกห้องหนึ่ง

“ดูสิ เขาไม่เห็นทักว่าชื่อเราประหลาดเลย”เจ้าหญิงเรจิน่าทรงหันมากระซิบเบาๆ

“ก็คนประหลาดแบบนี้ สร้างหุ่นประหลาดๆ ประดิษฐ์ของประหลาดๆ ชื่อประหลาดๆที่ทรงตั้งคงไม่แปลกสำหรับเขาหรอกเพคะ” นางกำนัลกระซิบตอบพร้อมยิ้มเหนื่อยหน่าย

ในห้องนี้มีขนาดใหญ่ไม่มีอุปกรณ์ตกแต่งใดๆนอกจากสิ่งประดิษฐ์รูปร่างแปลกๆมากมาย บางชิ้นก็มีผ้าคลุมไว้ บางชิ้นก็ถูกห่ออย่างแน่นหนา ของประดิษฐ์มีตั้งแต่ชิ้นเล็กๆจนถึงขนาดใหญ่เกือบจรดเพดาน

“ชิ้นนี้” ทิโมธีแนะนำสิ่งประดิษฐ์ที่อยู่ใกล้ตัว “สามารถช่วยให้พวกเจ้าบดแป้งพร้อมกับนวดแป้งได้ในเวลาเดียวกัน เพียงเจ้าวิ่งบนลู่วิ่งนี้ สายพานจะไปหมุนเฟืองสองตัวนี้ให้ทำการบดแป้งและนวดแป้งทางฝั่งนี้ ข้าเรียกมันว่า ‘เครื่องทั้งบดทั้งนวดแสนสนุก’ ” ชายหนุ่มอธิบายวิธีการใช้อย่างกระฉับกระเฉง

“น่าสนใจทีเดียว! การนวดแป้งจะกลายเป็นเรื่องน่าสนุก ในวัง เอ๊ย! ในบ้านเราน่าจะมี........”

“โอ...ไม่นะ ขอร้องล่ะ ข้านึกหน้าแม่ครัวเวลาเธอหอบแฮกๆขณะนวดแป้งไม่ออกเลย ข้าเกรงว่านางจะหัวใจวายตายก่อนจะได้เค้กซักชิ้น” บูลี่ทำหน้าสยดสยอง

“งั้นเจ้าต้องชอบชิ้นนี้แน่ๆ มันไม่ใช่แค่หม้อสตูว์ คู่กาต้มน้ำ ที่พ่วงกับรถลากธรรมดา แต่ที่จริง ไอน้ำจากมันจะส่งแรงให้ไม้ถูพื้นขยับซ้ายขวาและทำให้ล้อแล่นอย่างช้าๆไปเรื่อยๆ เจ้าจะได้ดื่มกาแฟร้อนๆ พร้อมอาหารเช้า โดยไม่ต้องออกแรงถูพื้นด้วย ข้าเรียกมันว่า ‘เครื่องขัดๆถูๆสตูว์เดิ้ล’ ”ทิโมธี อธิบายอย่างคล่องแคล่ว

“แต่เราจะเอาของใหญ่ขนาดนี้ผ่านประตูเข้าไปในห้องแต่ละห้องได้ยังไงล่ะ.....”บูลี่พูดเสียงเบา กรอกตาขึ้นอย่างไม่เชื่อหูเมื่อได้ยินชื่อเครื่องจักรแสนประหลาด

“อือ...จริงสิ ขอบใจมากข้าต้องรีบจดบันทึกข้อบกพร่องของมันไว้เพื่อพัฒนารุ่นต่อไป”ทิโมธีคว้าดินสอ และสมุดบันทึกออกมาจดด้วยหน้าตาเบิกบาน

“หรือพวกเจ้าสนใจเครื่องแกะเปลือกลูกไม้เปลือกแข็ง ชิ้นนี้...” ทิโมธีหยิบแผ่นโลหะแผ่นหนึ่งที่มีปลายแหลมอยู่ตรงกลางขึ้นมา “เพียงเจ้าเอาปลายแหลมนี้กดเข้าไปตรงขั้วของลูกไม้แล้วออกแรงบิดนิดเดียว เปลือกแข็งก็จะแยกออกจากกันอย่างง่ายดาย ข้าให้มันชื่อ ‘เครื่องยิ่งบิดยิ่งมัน’ ”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 16 นักประดิษฐ์กับหุ่นกระป๋อง @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ส.ค. 19, 2009 11:28 pm

“ข้าอยากดูของอย่างอื่นที่น่าสนุกกว่าเครื่องครัว”เรจิน่าในคราบแอดชูว์กล่าวลอยๆ

“สนุกแค่ไหนล่ะ”นักประดิษฐ์หนุ่มกล่าวพลางควงดินสอ

“เอาชนิดที่ทุกคนต้องตะลึง ที่ผ่านมายังนับว่าธรรมดาในสายตาข้า”แอดชูว์ตอบทันควัน

นักประดิษฐ์หนุ่มหยุดกึก จ้องมาที่แอดชูว์ หรี่ตาลงจนเกิดความเงียบขึ้นในห้อง บูลี่เริ่มใจคอไม่ดี

“เจ้า!”อยู่ๆ ทิโมธีก็พูดเสียงดังทำลายความเงียบ “เจ้าต้องไม่ใช่หญิงธรรมดาแน่!” ทิโมธีโพล่งออกมา

หญิงทั้งสองคนชะงักกับคำกล่าวนั้น บูลี่ภาวนาในใจกลัวว่าฐานะของเจ้าหญิงเรจิน่าจะถูกเปิดเผย

“เอ่อ....เรา....เรา....”นางกำนัลพูดตะกุกตะกัก

“ใช่!”เจ้าหญิงเรจิน่าทรงตะเบ็งเสียงตอบ แต่ในใจเริ่มคิดหาคำตอบเหมาะๆ

“นึกแล้วไม่ผิด.....!”ทิโมธีร้องเสียงดังในขณะที่บูลี่ทำหน้างงสุดขีด

“เจ้าคือสมาชิก ‘ชมรมผู้คลั่งไคล้สิ่งประดิษฐ์และการทดลองที่มนุษย์มองข้าม’...เหมือนกับข้าใช่ไม๊ล่ะ”ทิโมธีตะโกนด้วยสีหน้าเบิกบาน

“ฮา ฮา ฮา ถูกต้อง เราเป็นสมาชิกชมรมที่ว่า...”เรจิน่าหัวเราะเสียงดังก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใช้คำว่า‘ที่ว่า’ เพราะจำชื่อชมรมยาวเหยียดไม่ได้

‘ไม่อยากเชื่อเลยมีชมรมบ้าๆบอๆแบบนี้ในฟีเลเซียของเราด้วยเหรอเนี่ย’ บูลี่คิดในใจ แต่แสดงออกทางสีหน้าว่าอนาถใจอย่างยิ่ง

“มิน่าล่ะ เจ้าทั้งสองถึงมีสายตาแหลมคมในการดูสิ่งประดิษฐ์ต่างๆแบบเหนือมนุษย์”

‘โอ้.....ไม่....ไม่จริง....นี่ข้ามีคุณสมบัติเหมือนสมาชิกชมรมบ้าบอที่ว่าขนาดนั้นเชียวเหรอ’บูลี่กู่ร้องก้องในจิตใจ ทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้

“ถ้างั้น ข้าต้องเสนอสิ่งนี้ เพื่อให้สมกับที่ได้ต้อนรับเพื่อนสมาชิกชมรม” ทิโมธีนัยน์ตาเป็นประกาย “เครื่องเล่นแผ่นเสียงตลกโดยอาศัยพลังงานจากการเกร็งกล้ามเนื้อท้อง!!”

เรจิน่าแสดงท่าทางสนใจขึ้นมาอย่างออกนอกหน้า ขณะที่นางกำนัลแทบไม่เชื่อหูตัวเองในสิ่งที่ได้ยิน

“เจ้าเคยได้ยินคำว่าหัวเราะจนท้องแข็งไหมล่ะ”ทิโมธีเกริ่น เรจิน่ารีบพยักหน้า ดวงตาเป็นประกาย

“นั่นแหละ มันคืออาการเกร็งกล้ามเนื้อท้องและในทางวิทยาศาสตร์ มันปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมา ซึ่งข้าคิดว่ามนุษย์เราปล่อยให้พลังงานนี้สูญเปล่าไปอย่างน่าเสียดาย”

ในขณะที่เจ้าหญิงเรจิน่าทรงพยักพระพักตร์ตามอย่างสนใจ ฝ่ายนางกำนัลก็ยืนส่ายหัวอย่างปลงชีวิต

“ทีนี้ถ้าเราเอาสายคาดเอวนี้ที่มีสายไฟส่งพลังงานไปยังเครื่องเล่นแผ่นเสียง โดยเริ่มต้นเกร็งกล้ามเนื้อท้องด้วยตัวเอง แผ่นเสียงจะเริ่มทำงาน แล้วเราก็จะเริ่มได้ยินเรื่องตลกจากแผ่นเสียงนี้ ทีนี้เราจะเริ่มขำจนท้องเกร็ง คราวนี้แหละ เรื่องขำก็จะยิ่งดำเนินไปจนทำให้ต้องหัวเราะจนท้องแข็ง จากนั้นก็จะยิ่งมีพลังงานส่งไปให้เราได้ฟังเรื่องตลกมากขึ้น แล้วก็ยิ่งหัวเราะจนท้องแข็งมากขึ้นอีก เราก็ยิ่งได้ฟังเรื่องตลกนานออกไปอีก นั่นหมายความว่า เราจะไม่ต้องคอยไขลานเครื่องเล่นแผ่นเสียงนี้เลย เพราะยิ่งขำ ยิ่งได้ฟัง ยิ่งได้ฟังยิ่งขำ แต่เรื่องตลกจะหยุดตอนหัวเราะจนหมดแรงพอดี”

“วิเศษมาก!” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงร้องเสียงดัง

“ข้ายังมีที่เด็ดกว่านี้อีกนะ...”ทิโมธีอวด

ระหว่างที่ทิโมธีกำลังอธิบายสิ่งประดิษฐ์ต่างๆอย่างออกรส ภายนอกหน้าต่างนั้นมีเสียงม้าจำนวนมากควบผ่านไปพร้อมเสียงแตรปากยาวดังก้องไปทั่วทั้งถนน ทั้งสองสาวมองหน้ากันแทบจะทันที

“ท่านนักประดิษฐ์ พวกเราต้องรีบไปแล้วล่ะ พอดีพวกข้าเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระด่วน ขออภัยที่มารบกวนท่าน” หญิงสาวกล่าว

“โอ้....ไม่เป็นไร ข้ายินดีมาก น่าเสียดายจัง ถ้าพวกเจ้าสนใจงานประดิษฐ์ก็มาได้ทุกเมื่อนะ” ทิโมธีกล่าว

สองสาวร่ำลาทิโมธีและทินทอนก่อนจะรีบเดินมุ่งหน้าไปทางหลังตลาดที่ลับตาคน เมื่อตรวจดูแล้วว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนั้นเจ้าหญิงเรจิน่าก็ทรงรีบถอดชุดตัวนอกออกเผยให้เห็นอาภรณ์เนื้อดีสีเขียวอ่อนอันเป็นชุดทรงตัวโปรดของเจ้าหญิง นางกำนัลเมื่อจัดการชุดของตนเองแล้วก็รีบเข้ามาจัดแต่งผมให้เจ้าหญิงใหม่

“ไม่ทราบว่าที่ปราสาทมีเรื่องอะไรนะเพคะถึงให้คนออกตามพระองค์เช่นนี้” นางกำนัลกล่าว ทั้งสองมือรวมผมของเจ้าหญิงอย่างชำนาญ

“นั่นสิ ท่าทางจะมีเรื่องด่วนจริงๆนั่นแหละ” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงหยิบนกหวีดสีทองอันเล็กๆขึ้นมาเป่าเบาๆ ไม่กี่อึดใจม้าสีขาวสองตัวรูปร่างสมส่วนสง่างามทั้งตัวก็วิ่งตรงมาหาบุคคลทั้งสองอย่างรวดเร็ว เจ้าหญิงเรจิน่าทรงขึ้นหลังม้าอย่างชำนิชำนาญแผ่นหลังเหยียดตรง ท่วงท่าสง่างามยิ่งนัก

เมื่อทั้งสองขี่ม้าออกมาถึงย่านใจกลางเมือง ประชาชนต่างก็ปลาบปลื้มที่ได้ชมสิริโฉมของเจ้าหญิง ท่วงท่าบนหลังม้านั้นก็แสนสง่างามจนหญิงสาวทุกคนต่างก็ใฝ่ฝันที่จะขี่ม้าได้สง่างามเท่า ทั้งพระพักตร์งามคมที่ฉายแววฉลาดหลักแหลมก็ทำให้พระองค์เป็นขวัญใจของประชาชนได้ไม่ยากเลย

เพียงไม่กี่นาทีเหล่ามหาดเล็กอันประกอบไปด้วยนายทหารแปดนายก็ควบม้ามาสมทบกับเจ้าหญิง นายทหารที่นำขบวนมารีบลงจากหลังม้าแล้วคุกเข่าลงเบื้องหน้าเจ้าหญิง

“ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้พระองค์เข้าเฝ้าเป็นการด่วนพ่ะย่ะค่ะ เวลานี้ทั้งท่านบิชอป และ ท่านแม่ทัพก็อยู่ที่ปราสาทแล้วพ่ะย่ะค่ะ” นายทหารกล่าวเสียงฉะฉาน

เจ้าหญิงเรจิน่าทอดพระเนตรไปยังปราสาท ตรัสขึ้น “เรื่องอะไรกันนะ”

ทันใดนั้นเสียงม้าร้องก็ดังแหวกอากาศผ่านตลาดข้ามศีรษะของเจ้าหญิงเรจิน่าไป ทั่วทั้งตลาดแทบจะหยุดการเคลื่อนไหวทุกสายตาล้วนจับจ้องไปยังบนท้องฟ้า เมื่อเห็นอัศวินเปกาซัส(Pegasus Knight)ที่ใส่ชุดศึกเต็มยศขี่เปกาซัสปีกฟ้า(Blue Wings Pegasus)มุ่งไปยังปราสาทอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วทั้งตลาด เนื่องจากอัศวินเปกาซัสเป็นอัศวินกองกำลังพิเศษที่ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก ซ้ำเวลานี้มิใช่กาลศึกสงครามแต่กลับได้เห็นอัศวินเปกาซัส เจ้าหญิงเรจิน่าทรงรู้สึกใจคอไม่สู้ดีทันที พระทัยนั้นเต้นไม่เป็นส่ำ พระองค์จึงทรงรีบควบม้ากลับปราสาททันที
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)


ย้อนกลับไปยัง Summoner Novel

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 9 ท่าน

cron