Chapter15 น้ำจากพระทัย
รุ่งสางของวันใหม่ ขณะที่ทุกชีวิตกำลังหลับใหลอย่างเป็นสุข ฝูงมังกรไฟนับร้อยต่างโผทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ายามเช้าอย่างรวดเร็ว ราชินีแห่งซาโลมทรงนำฝูงมังกรบินวนสูงเหนือป่าทมิฬและพื้นที่บริเวณใกล้เคียงโดยรอบถึงสามครั้งเพื่อให้ทรงแน่พระทัยว่าลูกตาแก้วที่ติดอยู่บริเวณอกของซาลามันเดอร่าจะสามารถเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ของป่าบริเวณนี้ได้ครบถ้วน พระนางทรงก้มลงมองดูภาพเบื้องล่าง ทะเลเมฆสีเขียวทึบเมื่อคืนนี้เพียงแค่สัมผัสกับแสงแรกของดวงอาทิตย์ก็กลับดูสดใสเขียวชอุ่มและชุ่มชื่นยิ่งนัก ลำแสงจากดวงอาทิตย์สาดกระทบกับหยาดน้ำค้างอันเกิดจากความเย็นที่โรยตัวลงเกาะตามใบไม้ใบหญ้าทำให้เกิดแสงสะท้อนระยิบระยับไปทั่วทั้งป่าจนดูราวกับว่าต้นไม้ทั้งป่ากำลังส่องประกาย หลังคาบ้านเรือนน้อยใหญ่กระจุกตัวอยู่ด้วยกันเป็นหย่อม ๆ บางแห่งก็อยู่รวมกันมากถึงสองร้อยหลังคาเรือน อันแสดงถึงความหนาแน่นของหมู่บ้านเผ่าต่าง ๆ ทั้งขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ที่กระจายอยู่ทั่วบริเวณป่าฝั่งตะวันตกนับร้อยหมู่บ้าน
ทว่าความงดงามของผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์เบื้องล่างนั้นมิได้สร้างอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ ให้แก่ราชินีแห่งซาโลมเลย เว้นเสียแต่ความริษยาที่พุ่งพล่านอยู่ในจิตใจของพระนาง พระนางทรงกัดริมพระโอษฐ์แน่นพลางทอดพระเนตรไปทั่วผืนป่า ความคิดที่ว่า มันจะเป็นการดีสักเพียงไร หากความอุดมสมบูรณ์นี้จะเป็นของอิสฮานลูกชายสุดที่รัก ผนวกกับความถวิลหาลูกชายที่พระนางรู้อยู่เต็มอกว่าอีกเพียงไม่กี่อึดใจพระนางก็จะได้กลับไปซาโลมไปหาลูกชายของพระนาง ความริษยาที่มีความรักเป็นพื้นฐานนั้นได้เริ่มก่อตัวขึ้นในจิตใจของพระนางอย่างรุนแรงและรวดเร็ว เสียงของมันร่ำร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนพระนางเองแทบทนเก็บอารมณ์ไว้ไม่ได้
ราชินีเนอริมอร์นำฝูงมังกรไฟบินกลับมาเหนือป่าทมิฬอีกครั้งพร้อมกับให้สัญญาณผู้ควบคุมสัตว์แห่งซาโลม ผู้ควบคุมสัตว์เมื่อได้รับสัญญาณก็จัดแจงสั่งมังกรไฟให้กระจายกำลังไปตามจุดต่าง ๆ ทั่วบริเวณผืนป่าทิศตะวันตก เหล่ามังกรไฟนับร้อยต่างฮึกเหิมและคึกคะนองเต็มที่ ลมหายใจร้อนระอุคุกรุ่นถูกพ่นออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนเป็นสัญญาณแสดงความพร้อมของเปลวเพลิงที่อัดแน่นอยู่ในตัวของพวกมัน
ราชินีเนอริมอร์ทรงชูแขนทั้งสองข้างขึ้นสูงจนสุดแขนโดยในมือขวายังคงถือคทาไว้แน่น พระพักตร์ของพระนางเปลี่ยนเป็นพระพักตร์ที่ดุดันและน่ารักมเกรียมยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ดวงเนตรคมโตเบิกกว้างดูวาวโรจน์ เกิดไอร้อนระอุรอบตัวของพระนางและค่อย ๆ แผ่ซ่านไปทั่วทุกทิศทุกทาง ทับทิมสีแดงสดที่หัวคทาเปล่งประกายเจิดจ้า ลูกไฟขนาดย่อม ๆ เหนือฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองที่ชูขึ้น ขยายใหญ่อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ขนาดของลูกไฟยักษ์ใหญ่มากกว่ามังกรซาลามันเดอร่าถึงสองเท่า ซึ่งแม้พระนางจะออกศึกมาแล้วหลายครั้งหลายคราแต่การสร้างลูกไฟขนาดมหึมาเช่นนี้ก็แทบจะไม่เคยมีปรากฏมาก่อน ทำให้แม้แต่ผู้ควบคุมสัตว์และเหล่ามังกรยังต้องตื่นตะลึง แสงสว่างจากลูกไฟใหญ่นั้นโชติช่วงสว่างเจิดจ้าราวกับว่ามีดวงอาทิตย์อีกดวงที่กำลังลอยต่ำเหนือพื้นโลกเพียงไม่กี่เมตร
ราชินีเนอริมอร์ทรงหัวเราะอย่างน่ารักมเกรียมพร้อมประกาศเสียงกร้าว “ฮ่า ฮ่า ฮ่า จงลืมตาตื่นซะเจ้าพวกชาวป่าทั้งหลาย เปิดตาดูมหาเพลิงที่ไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์หน้าไหนของเจ้ามาก่อน ยุคใหม่กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว”
สิ้นเสียง ราชินีเนอริมอร์ก็ทรงขว้างมหาเพลิงใส่ใจกลางของป่าทมิฬทันที ฉับพลันก็เกิดแรงระเบิดมหาศาลหมู่บ้านขนาดใหญ่ห้าหมู่บ้านแปรเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิงในบัดดล ความรุนแรงของเพลิงเวทย์เผาผลาญป่าโดยรอบและขยายเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ฝูงมังกรไฟนับร้อยก็พุ่งตัวลงสู่ป่าเบื้องล่างและพ่นไฟร้อนจัดเผาหมู่บ้านและป่าไม้ตามจุดต่าง ๆ โดยรอบทันทีชนิดที่มิให้ใครตั้งตัวได้ทัน เสียงมังกรไฟร้องขู่คำรามประสานกับเสียงหวีดร้องของชาวป่าเบื้องล่างจนฟังไม่ได้ศัพท์ ผู้คนนับร้อยนับพันต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันจ้าละหวั่น บางคนที่มัวแต่ห่วงสมบัติก็แบกข้าวของหนีพะรุงพะรัง แต่ก็หนีไปได้ไม่ไกลเพราะหนักสมบัติจนตกอยู่ในวงล้อมของเปลวเพลิง บางคนที่ขวัญอ่อนมั่วแต่ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกก็ถูกไฟครอกทั้งเป็น บางคนมีลูกเล็ก ๆ ก็ต้องหอบลูกจูงหลานหนีอย่างทุลักทุเล
****************************
ณ ผืนป่าเบื้องล่าง ไฟป่าที่ลุกโหมอย่างรุนแรงสร้างหมอกควันสีเทาหนาทึบไปทั่วบริเวณทำให้การเคลื่อนย้ายผู้คนลำบากขึ้นเรื่อย ๆ เสียงแตกปะทุของต้นไม้ดังเป็นระยะ ๆ ดามิก้าผู้ควบคุมสัตว์สาวชาวป่าทมิฬร่วมกับผู้นำคนอื่น ๆ กำลังสาละวนอยู่กับการสั่งสัตว์ป่าทั้งหลายให้ช่วยผู้คนอพยพออกจากพื้นที่อันตราย ไฟป่าที่ลุกท่วมกำลังลุกไหม้โอบล้อมหมู่บ้านของเธอเข้าไปทุกที เส้นทางที่สามารถออกจากหมู่บ้านถูกไฟป่าถาโถมทำลายจนเหลือทางเข้าออกเพียงทางเดียว ทันใดนั้นเองต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่งก็ล้มครืนลงพาดขวางเส้นทางการอพยพ ทำให้ดามิก้าและชาวบ้านอีกนับร้อยตกอยู่ในวงล้อมเพลิงทันที
ดามิก้าจัดแจงควงดาบขนาดใหญ่ฟันที่กลางลำต้นของต้นไม้อย่างแรง บรรดาชาวบ้านที่เป็นผู้ชายก็รีบมาช่วยกันเป็นพัลวัน ทว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจัดการกับลำต้นของต้นไม้ขนาดเจ็ดคนโอบในเวลาที่เหลือน้อยเช่นนี้ ที่ปลายทั้งสองด้านของต้นไม้ค่อย ๆ ถูกเผาไหม้ทีละน้อย เสียงแตกปะทุของเนื้อไม้เริ่มดังเป็นระยะ ๆ ดามิก้าและชาวบ้านต่างเร่งมือแข่งกับเศษเสี้ยวของเวลาอย่างขะมักเขม้น ทันใดนั้นก็เกิดเสียงไม้แตกดังสนั่นจากลำต้นอีกด้าน ดามิก้ารีบสั่งให้ชาวบ้านถอยห่างจากต้นไม้ทันที เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่คมขวานลงอักขระขนาดมหึมาจะจามลงผ่ากลางตลอดลำต้นของต้นไม้นั้นเปิดเป็นช่องเล็ก ๆ ขนาดคนเดินได้ ที่ฝั่งตรงข้ามของต้นไม้นั้นปรากฏร่างของชายหนุ่มร่างใหญ่กำยำที่แขนขวาสักลวดลายสีแดงเข้มยืนถือขวานยักษ์คู่กายอยู่
“ท่านดามิก้า ท่านผู้นำให้ข้าย้อนกลับมาดูกลุ่มของท่าน เพราะเหลือกลุ่มของท่านกลุ่มเดียวที่ยังไม่ได้ออกจากหมู่บ้าน” ชายเจ้าของขวานยักษ์กล่าวอย่างร้อนรน
“ขอบใจมากโทนิม่า (Tonima, the Black Wood Tamer) ต้นไม้ต้นนี้มันล้มลงมาขวางเส้นทางพอดี ทำให้เสียเวลาไปมาก” ดามิก้ากล่าวอย่างเร่งรีบ
“เราไม่มีเวลาเปิดทางให้กว้างกว่านี้แล้ว รีบลำเลียงผู้คนเถิด” โทนิม่ากล่าวหลังจากประเมินสถานการณ์อย่างรวดเร็ว
“ทุกคนทิ้งสัมภาระให้หมดแล้วรีบออกไปทางช่องนี้ เร็วเข้า! เราไม่มีเวลาแล้ว” ดามิก้าออกคำสั่งทันที
ชาวบ้านทุกคนต่างทิ้งสัมภาระของตนแล้วรีบวิ่งออกจากพื้นที่นั้นอย่างรวดเร็ว เมื่อชาวบ้านคนสุดท้ายหลุดออกมาจากช่องไม้นั้นได้ ผืนป่าเบื้องหลังก็กลายเป็นทะเลเพลิงไปแล้ว ชาวป่าเผ่าต่าง ๆ ต่างก็อพยพหนีไฟป่าอย่างไม่คิดชีวิตโดยมุ่งหน้าสู่ฟูดินัน
****************************