Chapter14 ขุนเขาคำราม
ที่ลานกว้างหลังบ้านของครอบครัวบันดารา วูจินกำลังตรวจดูกระจาดขนาดใหญ่ที่เรียงรายเป็นตับจนพื้นที่หลังบ้านดูคับแคบไปถนัดตา ในกระจาดเหล่านั้นเต็มไปด้วยพืชสมุนไพรนานาชนิด ข้างตัวของวูจินมีเสาต้นเล็ก ๆ ที่แขวนตะกร้าขนาดย่อม ๆ เรียงไล่ขนาดกันอยู่เจ็ดชั้น แต่ละชั้นนั้นก็เต็มไปด้วยรากใบไม้ดอกนานาพันธุ์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการปรุงยาสมุนไพรทั้งสิ้น ท่านผู้เฒ่าใช้มือซ้ายหยิบใบไม้ที่เริ่มแห้งใบหนึ่งขึ้นมาจากตะกร้าชั้นบนสุดมาพิจารณาดู พลางใช้นิ้วมือลูบไปตามผิวใบอย่างเบามือก่อนจะหงายดูคราบฝุ่นที่ติดอยู่บนนิ้ว คิ้วสีเทาขมวดเล็กน้อย
“ท่านปู่ครับ” ฮารีซันเอ่ยเรียกพลางเดินหลบกระจาดสมุนไพรขนาดใหญ่ที่วางขวางทางอยู่
วูจินหันไปถามหลานชายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “มีอะไรรึ? ฮารีซัน”
“ข้าจะมาบอกท่านปู่เรื่องการเตรียมตัวตั้งรับเหตุฉุกเฉินของบรรดาเผ่าต่าง ๆ ครับ” ฮารีซันกล่าวไม่เต็มเสียงนัก
“ว่าอย่างไรล่ะ? เตรียมพร้อมไปถึงไหนกันแล้วรึ?” วูจินถามอย่างใคร่รู้
“หลังจากวันที่ท่านแองโกริออนปรากฎตัวนี่ก็ผ่านมาเกือบสามเดือนแล้ว พอทุก ๆ คนเห็นว่าเหตุการณ์ยังสงบดีจึงได้ล้มเลิกการเตรียมพร้อมกันกว่าครึ่ง ส่วนที่เหลือก็เตรียมซ้อมสำหรับเหตุฉุกเฉินกันแบบพอเป็นพิธีเท่านั้น” ฮารีซันพูดพลางมองไปรอบ ๆ เหมือนจะมองให้ทะลุแมกไม้ไปถึงเผ่าต่าง ๆ
“เฮ้อ...พวกเราก็เป็นเสียอย่างนี้ ช่างลืมกันได้ง่ายดายนัก ตื่นเต้นตกใจกันได้ไม่กี่วันก็ลืมไม่ใส่ใจ นี่ละคือข้อเสียของชาวฟูดินันเรา หากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นแล้วจะเตรียมตัวกันทันรึ” วูจินพูดอย่างเหนื่อยหน่าย
ฮารีซันนิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่งด้วยสิ่งที่วูจินกล่าวนั้นเป็นเรื่องจริงที่น่าเหนื่อยใจนัก
“เอาเถอะ ตอนนี้ก็คงเหลือแต่ภาวนาว่าอย่าให้มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นก็แล้วกัน” วูจินเปรยขึ้น
ฮารีซันพยักหน้ารับพลางถามขึ้น “เมื่อสักครู่นี้ท่านปู่ทำอะไรอยู่เหรอครับ?”
“ปู่กำลังดูสมุนไพรพวกนี้ มันมีบางอย่างผิดปกติไป” วูจินกล่าวพลางหยิบใบไม้ใบหนึ่งส่งให้หลานชาย ฮารีซันรับมาพิจารณาดู เขาพลิกดูทั้งด้านหน้าและด้านหลังหากแต่ก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติใด ๆ
“อย่ามองเพียงแค่ลักษณะรูปร่างของมัน” วูจินหยิบใบไม้จากมือของหลานชายขึ้นมาพลางใช้มือลูบเบา ๆ ที่ผิวของใบไม้แล้วจึงหงายมือให้ดู
“ฝุ่นดินหรือครับท่านปู่” ฮารีซันเงยหน้าขึ้นถาม
“ใช่ แต่ว่ามันไม่ใช่ฝุ่นดินของที่นี่” วูจินใช้นิ้วมือถูกเข้าด้วยกันเพื่อพิจารณาฝุ่นดินให้ถี่ถ้วนยิ่งขึ้น “มันมาจากที่นั่น” วูจินชี้มือไปทางเหนือยอดเขาคีรีบันดา
“ท่านปู่ มันจะเกี่ยวกับการที่เทพแองโกริออนปรากฎตัวรึเปล่าครับ?” ฮารีซันถาม
“ปู่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเราในตอนนี้ก็คือเตรียมพร้อมและรอเท่านั้น”
***********************************
ขณะนี้อีกฟากของเทือกเขา มหากองทัพแห่งซาโลมกำลังเคลื่อนพลอย่างรวดเร็ว มุ่งสู่เทือกเขาคีรีบันดาที่ตั้งสูงตระหง่านเบื้องหน้าอันเป็นปราการธรรมชาติที่แข็งแกร่งยิ่งของฟูดินัน เสียงฝีเท้าเรือนแสนที่ย่ำผ่านผืนทรายดังสะเทือนเลื่อนลั่น ฝุ่นทรายตลบอบอวลจนดูเหมือนพายุทะเลทรายที่ได้หอบเอาเม็ดทรายนับล้าน ๆ พุ่งขึ้นสูงเสียดฟ้า หมู่ธงรูปวิหคเพลิงนับร้อยนับพันโบกสบัดรับกับไอแดดและผืนทรายที่ร้อนระอุ อีกทั้งเหล่าทหารในชุดสีแดงสดนับแสนที่กำลังเดินทัพมุ่งสู่ที่หมายอย่างฮึกเหิมทำให้ทั่วทั้งผืนทะเลทรายแห่งนี้ดูราวกับลุกเป็นไฟ
กษัตริย์ซาดินทรงยกพระหัตถ์ขึ้นป้องแดดเงยพระพักตร์ทอดพระเนตรเทือกเขาขนาดมหึมาเบื้องหน้า บนยอดเขามีเมฆลอยเรี่ยอยู่ สีเขียวเข้มอันบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ปกคลุมเหนือยอดเขาเป็นแนวยาว หากแต่ต่ำลงมากลับเริ่มมีสีเขียวของพืชอ่อนลง สีน้ำตาลของดินเริ่มมีมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่สุดจึงเหลือแต่ดินทรายตั้งแต่ช่วงกลางของเทือกเขาจนสุดตีนเขา กษัตริย์หนุ่มทรงไล่สายพระเนตรไปยังขอบเทือกเขาทั้งสองด้านที่ทอดตัวยาวจนสุดลูกหูลูกตา
“ปราการธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ” กษัตริย์ซาดินตรัสพลางทรงหรี่เนตรเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยพอพระทัยนัก ก่อนที่จะทรงยกพระหัตถ์ขึ้นเป็นสัญญาณตั้งค่าย
ทันใดนั้น เสียงแตรเขามาสติคอร์หางมรณะ(Dead Tail Masticore)ก็ดังกังวานเป็นสัญญาณให้ทหารหยุดพักและเตรียมตั้งค่าย เสียงแตรจากฝ่ายต่าง ๆ ก็ดังขานรับเป็นสัญญาณแทบจะทันที เบลซ เซจ และแบล็ค ไวเซอร์พร้อมนกปีศาจคู่ใจก้าวลงจากรถแล้วก็รีบไปสมทบกับกษัตริย์ซาดินและราชินีเนริมอร์อย่างรวดเร็ว
ที่นั่นเอง ราโชยูได้ไปถึงอยู่ก่อนแล้วและกำลังรับคำสั่งของกษัตริย์ซาดินอยู่ เมื่อเบลซ เซจและแบล็ค ไวเซอร์ไปถึง กษัตริย์ซาดินก็สั่งงานราโชยูเสร็จแล้ว แม่ทัพใหญ่ทำความเคารพอย่างรวดเร็วแล้วเดินจากไป ในขณะที่ซาดินเหลือบมาเห็นทั้งสองเดินเข้ามาพอดี