Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ เม.ย. 19, 2024 5:19 pm

หน้าเว็บบอร์ด Wiser Summoner Novel @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 13 ห้วงสมุทรแห่งพระเมตตา @@

อ่านนิยาย Summoner Master Episodeต่าง ๆ ได้ที่นี่

Moderator: Jinger Ginger


@@ นิยายSMN Epi8 Chapter 13 ห้วงสมุทรแห่งพระเมตตา @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ จันทร์ ส.ค. 17, 2009 11:21 pm

Chapter 13 ห้วงสมุทรแห่งพระเมตตา


ณ เมืองท่าแอนดิซอง เวลานี้กำลังเกิดโรคระบาดอย่างหนัก ประชาชนเริ่มเสียชีวิตเพราะโรคระบาดมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะผู้ที่ยากจนเกินกว่าจะหาเงินไปซื้อยาได้

ที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของประธานสภาพ่อค้าวาณิช

“นายท่าน! นายท่านขอรับ”

ชายคนรับใช้นายหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องโถงใหญ่ที่ตกแต่งไปด้วยเครื่องเรือนราคาแพง ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะฉลุหุ้มทอง เก้าอี้ไม้ฝังมุกบุด้วยเบาะสีแดงเข้ม ผ้าม่านเนื้อดีสีชมพูสลับเขียว ฉากกั้นห้องแกะสลักเป็นรูปงูใหญ่พันหีบสมบัติ แจกันประดับเพชรสีเขียวอ่อนและน้ำเงินเข้ม โดยมีดอกไม้ที่ทำด้วยทองคำและเพชรขนาดใหญ่เสียบไว้ในแจกัน ซึ่งทำให้แจกันรับน้ำหนักไม่ไหวจนต้องเอาแท่งทองรูปเรือสินค้าและรูปม้ามาดามไว้ รวมไปถึงภาพประดับฝาผนังกรอบทองที่มีรูปรูฟัสอยู่ในชุดเต็มยศโดยมีเครื่องราชอิสริยาภรณ์ติดอยู่เต็มเสื้อจนแทบจะมองไม่เห็นสีของเสื้อผ้าที่สวมใส่ รอบ ๆ กายเต็มไปด้วยของพระราชทานและรูปปั้นสัตว์ประหลาดในตำนานนานาชนิดเป็นฉากหลัง แต่ที่แปลกที่สุดกลับเป็นใบหน้าที่กำลังยิ้มแฉ่งจนแก้มเบ่งเป็นสีแดงระเรื่อของตัวรูฟัสนั่นเอง แม้ทั้งห้องจะประดับและตกแต่งด้วยเครื่องเรือนราคาแสนแพง แต่ก็บ่งบอกถึงรสนิยมของเจ้าของบ้านที่ทำให้แม้แต่คนรับใช้ยังอดขำทุกครั้งที่เข้ามาในห้องนี้ไม่ได้

รูฟัสในชุดเสื้อตัวโคร่งลายจุดสีชมพูพื้นเหลืองกำลังนั่งอิ่มเอมกับไวน์ชั้นเลิศบนเก้าอี้นวมฝั่งมุกสีม่วงลายตารางสีส้ม เขาหันหน้ามามองช้า ๆ ด้วยสีหน้าบูดบึ้งเมื่อเห็นคนรับใช้มองมายังเขาและกำลังพยายามกลั้นหัวเราะ

“เจ้าหัวเราะอะไรของเจ้า?” พ่อค้าใหญ่ทำท่าจะสาดไวน์ใส่แต่เกิดนึกเสียดายขึ้นมาเสียก่อน จึงยั้งมือไว้

“ขออภัยขอรับนายท่าน”

“มีอะไร?....ถ้าหากไม่ใช่เรื่องสำคัญข้าจะไล่เจ้าออกซะ”

“เรื่องสำคัญแน่นอนขอรับ ขณะนี้โรคระบาดแพร่ขจายไปทั่วทั้งเกาะแล้วขอรับ”

รูฟัสรีบขยับลุกขึ้นนั่งทันที ทำให้แก้มและท้องของเขากระเพื่อมตามแรงเหวี่ยงจนแลดูเหมือนถุงน้ำขนาดใหญ่ สีหน้าของเขากลับไม่ได้ตระหนกตกใจแม้สักนิด ตรงกันข้ามกลับมีสีหน้ายินดีปรีเปรมยิ่งนัก

“โอ้.....ดี! ดีมาก! ฮา ฮา รีบสั่งกว้านซื้อสมุนไพรจากทั่วทั้งเกาะและที่แผ่นดินใหญ่มาให้หมด หึหึ ถ้ารวมกับสมุนไพรในโกดังทั้งสามสิบหลังของข้า ข้าก็จะเป็นผู้เดียวในแอนดิซองที่มีสมุนไพรรักษาโรคนี้ ฮา ฮา ฮา”

รูฟัสหัวเราะเสียงดังจนตัวเขย่าไปทั้งตัว

“สั่งร้านค้าสาขาทั่วทั้งเกาะว่าห้ามขายสมุนไพรเด็ดขาด จนกว่าอีกสองอาทิตย์ให้หลังจึงค่อยนำออกขายด้วยราคาสูงขึ้นอีกห้าเท่าตัว ไปได้ ฮา ฮา ฮา” เสียงหัวเราะอย่างสะใจของพ่อค้าใหญ่ดังก้องไปทั่วคฤหาสน์


*****************************



เพียงเวลาแค่สองอาทิตย์เศษ โรคระบาดก็ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ ยอดผู้เสียชีวิตจากโรคร้ายพุ่งขึ้นสูงจนหน้าใจหาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเด็กและคนแก่ที่มีฐานะยากจน แต่ในเวลาวิกฤตนี้ผู้ที่มีความสุขที่สุดคงไม่พ้นประธานสภาพ่อค้าวาณิชรูฟัส

“ฮา ฮา ฮา เงิน! เงินทั้งนั้น ขายแค่สองวันยังได้เงินถึงขนาดนี้”

รูฟัสนอนตะแคงอยู่บนโซฟาสีแดงสด มีเหรียญทองตั้งเป็นแถวสูงล้อมรอบตัวพ่อค้าใหญ่จนดูคล้ายกับกำแพงทองคำ เขาใช้มือขวาโยนเหรียญทองขึ้นฟ้าครั้งแล้วครั้งเล่า เหรียญทองตกลงกระทบพื้นหินอ่อนสีขาวขัดมันเสียงกรุ๊งกริ๊งดังกังวานใส

“อ้า..... ไพเราะอย่างกับเสียงพิณสวรรค์ ฮา ฮา พวกเจ้าคิดว่าอย่างนั้นไหม?” รูฟัสหันไปถามบรรดาพ่อค้าในสังกัดของตน ซึ่งกำลังดื่มกินกันอย่างสำเริงสำราญ

“ท่านรูฟัสช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกลเหลือเกิน ไม่มีใครในแอนดิซองจะมีฝีมือด้านค้าขายทัดเทียมท่านอีกแล้ว” พ่อค้าคนหนึ่งกล่าวยกยอรูฟัส

“ท่านกล่าวผิดแล้ว ไม่ใช่เฉพาะแอนดิซอง ต้องทั่วทั้งเมอริเซียต่างหากเล่า ท่านรูฟัสคือพ่อค้าอัจฉริยะแห่งเมอริเซีย” พ่อค้าอีกคนแย้งขึ้น ทำให้รูฟัสหัวเราะชอบใจเสียงดังลั่นจนตัวกระเพื่อมไปทั้งตัว

“ฮา ฮา ฮา ใช่! ข้าคือพ่อค้าอัจฉริยะ พ่อค้าอัจฉริยะแห่งเมอริเซีย ฮา ฮา ฮา”

“ไชโย! แด่ท่านรูฟัส พ่อค้าอัจฉริยะ แห่งเมอริเซีย”

พ่อค้าคนหนึ่งนำขึ้นเป็นต้นเสียง ตามด้วยพ่อค้าคนอื่น ๆ จนเสียงดังไปทั่วคฤหาสน์

“ไชโย! ไชโย! แด่พ่อค้าอัจฉริยะ ไชโย!”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 13 ห้วงสมุทรแห่งพระเมตตา @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ จันทร์ ส.ค. 17, 2009 11:22 pm

“แย่แล้ว! ท่านรูฟัส เกิดเรื่องใหญ่แล้ว” พ่อค้าคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาขัดจังหวะ พลางชี้มือออกไปข้างนอกพูดไปหอบไปจนฟังไม่รู้เรื่อง พ่อค้าที่อยู่ใกล้ที่สุดจึงยื่นแก้วเหล้าองุ่นให้ เขารับไปดื่มอย่างรวดเร็วแบบชนิดที่เรียกได้ว่าไม่กลัวสำลัก

“อะไรของเจ้า? มาสายแล้วยังมาขัดจังหวะการเลี้ยงฉลองของข้า ถ้าเรื่องของเจ้าไม่ใหญ่จริง เจ้าได้ออกไปยืนถือกะลาขอทานข้างถนนแน่” รูฟัสพูดอย่างหัวเสียที่ถูกขัดจังหวะ

“เจ้า....เจ้าหญิง...อลาน่า...สั่งซื้อ...สั่งซื้อสมุนไพรจากฟูดินันมาถึงสิบสองลำเรือ แล้วตั้งโต๊ะแจกจ่ายสมุนไพรให้แก่ประชาชนโดยไม่คิดเงิน นับรวม ๆ แล้วตอนนี้ทั่วทั้งเกาะก็เกือบแปดสิบแห่งแล้วขอรับ”

“ว่าไงนะ!!”

รูฟัสกลิ้งตกลงมาจากโซฟาหล่นกระแทกพื้นเสียงดังโครมใหญ่ เหรียญทองกระจายไปทั่วพื้น หน้ารูฟัสแทบจะไม่มีสีเลือด เนื้อตัวเย็นเชียบดวงตาเบิกกว้าง เขากระตุกยิ้มน้อย ๆ อย่างหวั่น ๆ

“เจ้าต้องล้อข้าเล่นแน่ ๆ งบประมาณของราชสำนักจัดสรรไว้หมดแล้วนี่ ไม่มีทางที่จะพอซื้อสมุนไพรมากมายขนาดนั้นแน่ ใช่แล้ว!เจ้าโกหก ข้าจะโบยเจ้าร้อยทีและให้ออกไปเป็นขอทาน ในฐานะที่บังอาจมาเล่นตลกกับข้า” รูฟัสค่อย ๆ ขยับลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล

“เป็นเรื่องจริงขอรับ เจ้าหญิงไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดิน แต่ทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการจัดซื้อทั้งหมด”

“นี่มันบ้าอะไรกัน? มีใครที่ไหนจะทุ่มเงินมากมายขนาดนั้นให้คนอื่นฟรี ๆ หล่อนต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆ ” รูฟัสทั้งงงงวย ทั้งโมโหจนหนวดกระดิก ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

“ตอนนี้ผู้คนทั่วทั้งเกาะต่างก็ไปรับบริจาคสมุนไพรกันเนื่องแน่นไปหมด เมื่อกี้ที่จุดบริจาคหน้าปราสาทมีประชาชนต่อแถวยาวเกือบมาถึงหน้าคฤหาสน์ของท่านแล้วขอรับ”

รูฟัสรีบวิ่งอย่างล้มลุกคลุกคลานไปเปิดผ้าม่านดู โดยมีบรรดาพ่อค้าวิ่งตามไปติด ๆ ที่ท้องถนนเบื้องล่างคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายต่อแถวรอรับบริจาคกันยาวเหยียด โดยที่ท้ายแถวนั้นเลยคฤหาสน์ของพ่อค้าใหญ่ไปแล้ว รูฟัสแทบเข่าอ่อน เขารีบคว้าผ้าม่านไว้แน่นเพื่อช่วยพยุงตัว

“อย่างนี้สมุนไพรในโกดังอีกห้าสิบสองหลังที่เหลือจะทำอย่างไรล่ะ?” พ่อค้าคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังรูฟัสกระซิบถามเพื่อนพ่อค้าด้วยกัน

“คงไม่พ้นต้องเอามาแจกเหมือนกันกระมัง? หรือไม่ก็คงขายแบบถูกสุด ๆ เพราะสมุนไพรนี้เก็บไว้ได้ไม่นาน ขืนเก็บไว้มีหวังได้เสียของไปเปล่า ๆ ” พ่อค้ากระซิบตอบ

รูฟัสนั้นได้ยินคำสนทนาเต็มสองรูหู ความโกรธโหมกระหน่ำอย่างรวดเร็วเหมือนพายุร้าย เนื้อตัวของเขาสั่นเทิ้ม ใบหน้าแดงจัดจนแทบจะกลายเป็นคล้ำ เขากระชากผ้าม่านอย่างแรงจนขาดเป็นสองท่อน กัดฟันกรอด ก่อนที่จะเค้นเสียงลอดไรฟันอย่างโกรธแค้น

“นังเจ้าหญิงตัวแสบ แก....แกจะต้องชดใช้ แกจะต้องชดใช้คืนเป็นร้อยเท่า”


******************************



ณ ท้องพระคลังส่วนกลาง เจ้าหญิงอลาน่า ซิสเตอร์โรซาน่า และ เหล่าซิสเตอร์ในคณะของซิสเตอร์โรซาน่ากำลังช่วยกันตรวจนับสิ่งของที่จะนำไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชนในวันรุ่งขึ้น ทันใดนั้นอองเดรก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว และก้มลงถวายบังคมเจ้าหญิงอลาน่า มือขวาถือหมวกเหล็กไว้ เมื่อเงยหน้าขึ้น จึงเห็นหน้าของเขาอย่างชัดเจน ดวงตาคมเรียวสีฟ้าอมเทาดูเย็นยะเยือกราวน้ำแข็ง คิ้วยาวตรง ชี้ขึ้นเล็กน้อย จมูกโด่งเป็นสัน ใบหน้าเคร่งขรึมหยาบกร้าน ผมสีทองซีดประบ่า ริมฝีปากบางเม้มแน่นไร้รอยยิ้ม มีร่องรอยของจอนและเคราที่เพิ่งโกน ทำให้ใบหน้าเขาดูดุดัน แม้จะเป็นใบหน้าที่ดูเข้มแข็งสมชายชาติทหาร แต่ทว่า กลับดูไร้อารมณ์ และเย็นชายิ่งนัก

“ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องสำคัญจะต้องกราบทูล........” อองเดร ทูลพลางใช้สายตามองเหล่าซิสเตอร์อย่างเย็นชาคล้ายจะเป็นการไล่ทางอ้อม

“ขอบใจมากจ้ะทุก ๆ คน ที่เหลือเดี๋ยวฉันจัดการเองจ้ะ” ซิสเตอร์โรซาน่าพูดกับบรรดาซิสเตอร์ทั้งหลาย ก่อนที่เหล่าซิสเตอร์จะโค้งคำนับเจ้าหญิงอลาน่าแล้วเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่ซิสเตอร์โรซาน่า หันไปตรวจนับสมุนไพรต่อไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 13 ห้วงสมุทรแห่งพระเมตตา @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ จันทร์ ส.ค. 17, 2009 11:22 pm

“ขอบคุณมากนะคะ ซิสเตอร์ทุกท่าน” เจ้าหญิงอลาน่าทรงยิ้มและก้มศีรษะเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนที่จะทรงหันไปถามอองเดร “มีอะไรหรือจ๊ะ อองเดร?”

“ทำไมฝ่าบาทถึงต้องเอาพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ออกมาใช้กับเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้?” อองเดรทูลด้วยใบหน้าที่ราบเรียบ แต่น้ำเสียงแฝงไปด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่จะมองซิสเตอร์โรซาน่าอย่างกล่าวหา เจ้าหญิงอลาน่าทรงรู้ทันความคิดของเขาจึงตรัสขึ้นว่า

“นี่เป็นความประสงค์ของฉันเองจ้ะ และมันก็ไม่ใช่เรื่องไม่เป็นเรื่องนะจ๊ะ ฉันกำลังทำสิ่งที่สมควรอย่างยิ่งและสำคัญที่สุดต่างหาก”

“แต่ เรามีงบประมาณแผ่นดินที่จัดสรรไว้สำหรับด้านสาธารณะสุขอยู่แล้ว ใยพระองค์จึงยังจะต้องเอาพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ออกมาใช้ตั้งมากมายขนาดนี้พ่ะย่ะค่ะ?” แม้คำพูดจะแสดงถึงความเป็นห่วงแต่อองเดรก็กล่าวด้วยสีหน้าที่ราบเรียบ

“เธอก็เห็นอยู่แล้วว่ามันไม่เพียงพอเลยมิใช่หรือจ๊ะ? โรคระบาดแพร่ไปทั่ว แต่สมุนไพรกลับขาดแคลนและแพงขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล และที่สำคัญฉันไม่เคยลืมเลยว่าเงินทองของฉันก็มาจากภาษีของประชาชนเหล่านี้ ฉันเพียงแต่ใช้เงินของพวกเขาช่วยเหลือพวกเขาในยามวิกฤตจำเป็นที่สุด”

อองเดรยืนนิ่งฟังเหมือนไร้ความรู้สึก แต่ภายในรู้สึกหงุดหงิดวุ่นวายใจ พยายามคิดหาเหตุผลมาห้ามเจ้าหญิง แต่ก็จนในเหตุผลของเจ้าหญิงเช่นกัน

“พระอาญาไม่พ้นเกล้า พระองค์ทรงทราบไหมว่าการที่พระองค์ทำเช่นนี้ ทำให้สมุนไพรที่รูฟัส ประธานสภาพ่อค้าเก็บกักไว้ราคาตก และเสียหายเป็นจำนวนมาก? และกระหม่อมทราบมาว่ารูฟัสโกรธมาก การกระทำครั้งนี้เป็นการกระทบกระเทือนดุลอำนาจของสภาพ่อค้าวาณิชนะพ่ะย่ะค่ะ”

“อองเดร..... เธอคงได้ทราบว่ารูฟัสได้กักตุนสมุนไพรในการรักษาเพื่อให้ของขาดแคลน หวังจะโก่งราคาให้แพงขึ้น แต่ฉันอยากให้เธอได้ทราบในอีกแง่มุมนึงว่ามีเด็ก ๆ และประชาชนเสียชีวิตไปเท่าไหร่? โดยเฉพาะคนที่ยากจน ตายวันละเป็นร้อยคน เธอเห็นว่าสิ่งใดสำคัญกว่าระหว่างชีวิตประชาชนที่น่าสงสารของฉัน กับความพอใจของเขา?”

อองเดรยังยืนนิ่ง ตอบอะไรไม่ออก จึงทูลเสียงเบาว่า “กระหม่อมเพียงแต่ห่วงความปลอดภัยเจ้าหญิง”

“อองเดร... ในสายพระเนตรของพระเจ้า ฉันได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องและเป็นกิจการที่ดี พระเจ้าจะทรงอวยพร คุ้มครอง และ ปกป้องฉันจากภยันตรายทั้งหลาย ไม่มีใครทำอันตรายฉันได้หรอกจ้ะ”

“หากใครหน้าไหนหรืออะไรก็ตามมาทำร้ายพระองค์ กระหม่อมจะแทงทะลุอกของมันด้วยดาบน้ำแข็ง!”เสียงที่เรียบเฉยเปลี่ยนเป็นดุดัน เจ้าหญิงอลาน่าทรงยิ้มให้อองเดรแต่ในแววตาบ่งบอกความเศร้า ก่อนจะตรัส

“ฉันไม่อยากให้เธอ พูดว่าจะฆ่าใครเพื่อฉัน...........”

“พระอาญามิพ้นเกล้า กระหม่อมไม่มีเจตนาให้เสียพระทัย กระหม่อมเพียงอยากทูลว่ากระหม่อมพร้อมถวายอารักขาเจ้าหญิงด้วยชีวิตของกระหม่อม”

“และด้วยชีวิตของฉัน..... ก็เพื่อมอบความรักและความสุขให้ประชาชนของฉันเช่นกันจ้ะ”

อองเดรถึงกับนิ่งอึ้งกับคำตอบของเจ้าหญิงอลาน่า เจ้าหญิงทรงยิ้มอย่างอ่อนโยน “พรุ่งนี้ฉันจะออกไปเยี่ยมคนป่วยในเขตกักกันโรคติดต่อ กับบรรดาซิสเตอร์ในคณะของซิสเตอร์โรซาน่านะจ๊ะ”

อองเดรตกใจกับคำพูดนี้อย่างยิ่ง นัยน์ตาเบิกกว้าง “เจ้าหญิง พระองค์ไม่จำเป็นต้องทำถึงเยี่ยงนั้น..... พวกนั้นได้ยาที่จำเป็นในการรักษาแล้ว”

“เธอเข้าใจผิดแล้วอองเดร สิ่งที่พวกเขาขาดแคลนที่สุดไม่ใช่ยารักษาโรค แต่เป็นกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ต่างหาก ฉันอยากช่วยให้พวกเขามีกำลังใจต่อสู้โรคร้าย ความรักจะช่วยเยียวยาหัวใจที่ทุกข์โศกของพวกเขา”

เจ้าหญิงอลาน่าตรัสประโยคนี้ด้วยดวงเนตรเป็นประกาย และด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนราวกับเทวดา อองเดรรู้สึกพ่ายแพ้กับหัวใจที่ประเสริฐของเจ้าหญิงอลาน่า จึงก้มหน้ากล่าวเสียงเรียบ

“กระหม่อมอยากทูลขอให้พระองค์อย่าทรงแตะต้องผู้ป่วยเหล่านั้น กระหม่อมเกรงพระองค์จะทรงติดโรคร้าย”

“ฉันคงรับปากเธอในข้อนั้นไม่ได้........”

สีหน้าของอองเดรที่เรียบเฉยมาตลอด เวลานี้กับฉายแววกังวล และเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

“อองเดรจ๊ะ พวกเขาโดนรังเกียจราวกับตัวเชื้อโรค ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ไม่มีใครกล้าสัมผัสโดน แม้แต่ญาติพี่น้องก็ไล่ให้มาอยู่ในเขตกักกันโรค ทุกคนที่นั่นอยู่ในความทุกข์สาหัสทางจิตใจอยู่สองอย่าง คือ ไม่เป็นที่ต้องการ และไม่เป็นที่รัก ฉันไม่อาจแสดงความรังเกียจพวกเขาซ้ำลงไปอีกได้ ตรงข้ามฉันจะต้องเป็นคนที่ให้ความรัก ฉันอยากให้เขาได้รู้ว่ามีคนที่ยังเป็นห่วงพวกเขาทุกคนอยู่ .........”

อองเดรเงยหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ มองมายังเจ้าหญิงอลาน่าราวกับวิงวอนให้เลิกล้มความคิด

“อองเดรไม่ต้องห่วงฉันหรอกจ้ะ ฉันกับพวกซิสเตอร์มีพลังการรักษาจากพระเจ้า ซ้ำยังรู้วิธีทำความสะอาด และป้องกันตัวจากโรคติดต่อพวกนี้ ฉันรับรองกับเธอได้ว่าจะกลับมาโดยไม่ล้มป่วยไปแน่ ๆ จ้ะ”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 13 ห้วงสมุทรแห่งพระเมตตา @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ จันทร์ ส.ค. 17, 2009 11:23 pm

“กระหม่อมไม่เข้าใจพระองค์เลย...........”

“ฉันหวังว่าสักวันเธอจะเข้าใจจ้ะ ฉันจะอธิษฐานต่อพระเจ้าให้เธอสามารถรับรู้และเข้าใจถึงน้ำพระทัยอันเปี่ยมด้วยความรักเมตตาของพระองค์ เอาล่ะฉันคงจะต้องกลับห้องเสียที พรุ่งนี้ฉันจะต้องออกไปเยี่ยมประชาชนแต่เช้า” เจ้าหญิงอลาน่าตรัสด้วยน้ำเสียงยินดีเมื่อทรงคิดถึงภารกิจในวันพรุ่งนี้ เธอหันไปทางซิสเตอร์โรซาน่าซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก

“ซิสเตอร์คะ ฉันฝากดูแลทางนี้ด้วยนะคะ ฉันคิดว่าฉันคงจะต้องตระเตรียมของใช้ส่วนตัวสำหรับวันพรุ่งนี้สักหน่อย”

เจ้าหญิงอลาน่าตรัสพลางเสด็จออกจากห้องด้วยพระทัยที่เต็มไปด้วยความสุขเมื่อนึกถึงภารกิจในวันพรุ่งนี้ จนพระองค์แทบจะทนนับนาทีคอยแสงอาทิตย์ของวันใหม่ไม่ไหว

เมื่อเจ้าหญิงอลาน่าทรงจากไปแล้ว อองเดรมองซิสเตอร์โรซาน่าด้วยสายตาเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว

“เป็นเพราะท่าน! ท่านเสี้ยมสอนให้เจ้าหญิงงมงายกับเรื่องพระเจ้า เสี้ยมสอนให้พระองค์งมงายเรื่องความรัก ความเมตตาจนทำอะไรเกิน ไม่ห่วงสวัสดิภาพของพระองค์เอง”

โรซาน่านิ่งอึ้งไปชั่วขณะกับวาจาขององครักษ์หนุ่ม ก่อนจะตอบด้วยท่าทีสงบนิ่ง

“ท่านเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้สอนอะไรเจ้าหญิงเลย ฉันไม่สามารถสอนความรักความเมตตาให้แก่คนที่แสนประเสริฐกว่าฉันได้หรอกค่ะ............”

อองเดรชะงักกับคำตอบของซิสเตอร์ เธอจึงกล่าวต่อไปว่า

“ท่านราชองครักษ์ จนป่านนี้ท่านยังไม่รู้อีกหรือว่าเจ้าหญิงมิได้บังเกิดมาเพื่อรับความรักจากใคร แต่บังเกิดมาเพื่อมอบความรักให้แก่คนทุกคน” โรซาน่ายิ้มราวกับจะอ่านใจขององครักษ์หนุ่มได้ “ท่านอยากให้เจ้าหญิงเก็บความใจดีไว้ให้ท่านผู้เดียวใช่หรือไม่?”

อองเดรถึงกับสะดุ้งเย็นวาบไปทั้งหน้า เขารีบเบือนหน้าไปทางกระสอบสมุนไพรและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเป็นการกลบเกลื่อน

“ข้า....ข้าเป็นห่วงความปลอดภัยของพระองค์ต่างหาก การที่พระองค์เที่ยวเสด็จไปทั่วทุกซอกทุกมุมในแหล่งสลัมอาจทำให้พระองค์ไม่ปลอดภัย และยิ่งเหตุการณ์ในวันนี้เท่ากับพระองค์สร้างศัตรูที่ร้ายกาจเพิ่มขึ้นอีก พระองค์อาจถูกลอบทำร้ายเมื่อไหร่ก็ได้ ทางที่ดีควรให้พระองค์เก็บตัวอยู่ในปราสาทและออกมาภายนอกสำหรับภารกิจที่สำคัญๆเท่านั้น”

“การให้พระองค์ทรงอยู่แต่ในปราสาท งดเว้นการออกช่วยเหลือประชาชนก็เหมือนกับจองจำพระองค์ในคุกนั่นแหละค่ะ พระองค์บังเกิดมาพร้อมกับพระเมตตาของพระเจ้า การช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากคือชีวิตของพระองค์ ท่านราชองครักษ์ ฉันมีเรื่องนึงอยากเล่าให้ท่านฟัง”

“ครั้งหนึ่งเมื่อพระองค์มีพระชนมายุเพียง เก้าชันษา เจ้าหญิงได้ทรงเข้าร่วมพิธีขอบพระคุณพระเจ้าในมหาวิหารแห่ง แอนดิซอง ที่บรรดาขุนนางคนรวย และเชื้อพระวงศ์จะนั่งอยู่ด้านหน้า ถัดมาเป็นพ่อค้าวานิช และที่อยู่ท้ายสุดคือคนยากจนซึ่งจะยืนอยู่ด้านหลังจนล้นออกไปนอกวิหาร เจ้าหญิงทรงรู้สึกขัดแย้งในพระทัยอย่างมาก พระองค์ทรงคิดว่าพระเจ้าเห็นมนุษย์ทุกคนเท่าเทียม ทรงให้แสงแดดส่องไปยังคนจนและคนรวยเท่ากัน แล้วเหตุใดมนุษย์จึงมาแบ่งแยก เจ้าหญิงทรงลุกขึ้นวิ่งออกไปยืนอยู่แถวหลังสุดในวิหาร บรรดาข้าราชบริพารต่างตกใจวิ่งออกมาตามเจ้าหญิง เจ้าหญิงตรัสด้วยเสียงที่แจ่มใสว่า ‘ที่ตรงนี้ฉันมองเห็นพระเจ้าได้ชัดที่สุด และโดยเฉพาะท่ามกลางคนเหล่านี้ ฉันรู้สึกถึงความรักของพระเจ้ามากกว่าข้างใน คงเป็นจุดที่ต่ำต้อยที่สุดตรงนี้แหละที่พระเจ้าจะทรงทอดพระเนตรฉันได้ชัดที่สุดเช่นกัน’ คำพูดของเจ้าหญิงองค์น้อยสร้างความปลาบปลื้มแก่บรรดาคนยากจนจนหลายคนถึงกับหลั่งน้ำตา ท่านคิดว่าเด็กที่มีอายุ เก้าขวบจะสามารถพูดเช่นนี้ได้หรือ? หากมิใช่การดลใจจากพระเจ้า”

ซิสเตอร์โรซาน่ายังคงเล่าย้อนถึงเหตุการณ์ในอดีตของเจ้าหญิงอลาน่าให้องครักษ์หนุ่มฟังอย่างชื่นชม

“เมื่อทรงประทับรถม้าไปตามถนนหนทาง บรรดาลูกสาวขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์คนอื่นล้วนนั่งเชิดชูคอราวพญาหงส์ แต่เจ้าหญิงกลับทรงชอบชะโงกมองนอกหน้าต่าง และยิ้มให้ทุกคนที่ทรงพบเห็น ทรงโบกมือให้ขอทาน บางครั้งก็ตรัสทักทายผู้คน แม้คนส่วนใหญ่จะตกประหม่า แต่ก็ล้วนปลาบปลื้มในความน่ารักของพระองค์ และทุกครั้งเมื่อในปราสาทจัดงานเลี้ยง เจ้าหญิงจะสั่งให้เก็บอาหารที่เหลือไว้แจกคนจนตามท้องถนน โดยทุกครั้งจะเสด็จแจกจ่ายโดยพระองค์เอง เพราะไม่มีความสุขใดเทียบเท่ากับการเห็นคนยากจนรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุข”

ซิสเตอร์โรซานายิ้มน้อย ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “ฉันยืนยันกับท่านได้ว่า จิตใจที่เปี่ยมรักเมตตาของเจ้าหญิงนั้นประเสริฐงดงามเกินกว่าที่ฉันจะสอนได้ หากแต่เป็นพระพรจากพระผู้เป็นเจ้าโดยแท้ค่ะ”

อองเดรยังคงทำหน้าเฉยชาและนิ่งเงียบไม่ตอบใด ๆ ซิสเตอร์โรซาน่ายิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นท่าทางขององครักษ์หนุ่มจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นเสียก่อน

“เอาล่ะค่ะนี่ก็จวนจะถึงเวลาภาวนาช่วงเย็นแล้ว ฉันคงจะต้องขอตัวไปที่วิหารก่อนนะคะ” เมื่อพูดจบซิสเตอร์โรซาน่าก็เดินจากไป โดยทิ้งอองเดรให้ยืนอยู่เพียงผู้เดียว

เมื่อทุกอย่างรอบตัวนิ่งสงบและเสียงฝีเท้าของซิสเตอร์โรซาน่าเงียบลงแล้ว อองเดรจึงกวาดสายตาไปยังบรรดากระสอบสมุนไพรที่วางเรียงรายเบื้องหน้าก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่กระด้างเย็นว่า

“ต่อให้เป็นบัญชาของพระเจ้า ข้าก็จะฝืนให้ดู”

แล้วจึงหมุนตัวเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)


ย้อนกลับไปยัง Summoner Novel

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน

cron