Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ เม.ย. 19, 2024 9:57 pm

หน้าเว็บบอร์ด Wiser Summoner Novel @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 12 ที่รองพระบาทของพระเจ้า@@

อ่านนิยาย Summoner Master Episodeต่าง ๆ ได้ที่นี่

Moderator: Jinger Ginger


@@ นิยายSMN Epi8 Chapter 12 ที่รองพระบาทของพระเจ้า@@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ จันทร์ ส.ค. 17, 2009 11:16 pm

Chapter 12 ที่รองพระบาทของพระเจ้า


สูงขึ้นไปเหนือที่ราบลุ่มเขียวชอุ่ม สายลมแห่งความโศกเศร้าและการสูญเสียเพิ่งจะพัดผ่านอาณาจักรชาตินักรบที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงฟากตะวันตกของเมอร์ริเซียได้ไม่นานนัก สายลมแห่งความชื่นชมยินดีก็ถึงคราวหมุนเวียนเปลี่ยนพัดมาสู่อาณาจักรแห่งนี้ ฟีเลเซียอาณาจักรที่สายลมต่าง ๆ ล้วนพัดผ่านราวกับอาณาจักรแห่งนี้เป็นทางผ่านของเทพธิดาแห่งสายลม ในวันนี้เองอาณาจักรฟีเลเซียกำลังเฉลิมฉลองการขึ้นเถลิงราชสมบัติขององค์รัชทายาท ซิกมันด์ที่3แห่งราชวงค์อรีธา (Sigmund 3rd, Knight of Swords)

ฟีเลเซียอาณาจักรแห่งนักรบวันนี้ถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ ธงชาติฟีเลเซียถูกนำมาประดับทั่วทุกที่ในอาณาจักร ซึ่งล้วนแล้วแต่บ่งบอกถึงความเป็นฟีเลเซียได้เป็นอย่างดี ธงสีเขียวอ่อนอันเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะที่ฤดูใบไม้ผลิมีต่อฤดูหนาว ซึ่งก็คือชัยชนะของชาวฟีเลเซียที่มีต่ออริชาติศัตรูทั้งหลายนั่นเองและสีขาวอันเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์แห่งจิตวิญญาณและความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า

ที่ลานกว้างหน้าปราสาทมีน้ำพุขนาดใหญ่พ่นน้ำใสสะอาดขึ้นสูงลิ่วราวกับจะทะยานขึ้นสู่สรวงสวรรค์ ละอองน้ำจากน้ำพุที่ถูกสายลมพัดผ่านลอยละล่องประพรมลงสู่พื้นบ้างสู่ผู้คนที่ยืนอยู่บริเวณใกล้เคียงบ้าง สร้างความสดชื่นราวกับน้ำอมฤตจากสวรรค์เบื้องบนที่โปรยปรายลงมาอวยพรให้แก่ราชพิธีสำคัญในวันนี้ รูปปั้นสำริดของบรรดาวีรบุรุษนักรบผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตที่ตั้งตระหง่านอยู่ทั่วทั้งอาณาจักรถูกทำความสะอาดและขัดถูให้มันวาวราวกับเพิ่งออกจากโรงหล่อใหม่ ๆ จนดูราวกับว่ารูปปั้นนักรบเหล่านี้มีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ

ทั่วบริเวณลานกว้างหน้าปราสาทคลาคล่ำไปด้วยประชาชนนับหมื่นที่ต่างมายืนเฝ้ารอเพื่อร่วมพิธีสำคัญในวันนี้ ประชาชนทั้งหญิงชายต่างก็สวมเสื้อผ้าที่ดีที่สุดของตน บรรดาอัศวินแห่งฟีเลเซีย(Felasia’s Knight) ในชุดเกราะสีเขียวมรกตมันวาวบนหลังม้าสูงสง่าต่างกระจายกำลังอยู่ตามจุดต่าง ๆ เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย

ไม่นานนักขบวนเสด็จของว่าที่กษัตริย์องค์ใหม่แห่งฟีเลเซียก็ค่อย ๆ เคลื่อนผ่านฝูงชนที่มายืนรอเฝ้ารับเสด็จ โดยมีว่าที่กษัตริย์องค์ใหม่เป็นผู้นำขบวน

เจ้าชายซิกมันด์ที่สามอยู่ในชุดเกราะสีเขียวอมฟ้าขลิบทองมันวาวบนหลังม้าสีขาวราวหิมะที่มีขนาดใหญ่กว่าม้าธรรมดาถึงสี่ คืบ ทำให้ร่างของพระองค์ยิ่งดูสูงเพรียวงามสง่ายิ่งนัก ผ้าคลุมสีเหลืองสดสะบัดพลิ้วไหวตัดกับผมยาวสีน้ำตาลเข้มอย่างเหมาะเจาะ พระพักตร์ที่หล่อเหลานั้นแสดงถึงความมุ่งมั่นอย่างชัดแจ้ง ริมพระโอษฐ์บางเชิดขึ้นเล็กน้อยบ่งบอกถึงความหยิ่งทะนงได้เป็นอย่างดี พระองค์ทรงมุ่งหน้าสู่ปราสาทด้วยความภาคภูมิ ดวงเนตรสีเขียวมรกตมองดูบรรดาธงชาติเล็ก ๆ สีเขียวอ่อนที่ประชาชนนับพันนับหมื่นโบกไปมาสะบัดพลิ้วหยอกล้อกับสายลมราวกับเริงระบำ พระองค์ทรงเหยียดมุมพระโอษฐ์ขึ้นเหมือนทรงยิ้มน้อย ๆ ก่อนที่จะมีสีพระพักตร์สลดลง

“ข้าขอบอกกับท่านตามตรงว่า ข้าอยากให้เสด็จพ่อได้มาเห็นวันอันน่าภาคภูมิใจนี้นัก” เจ้าชายซิกมันด์ตรัสแก่บุรุษผู้อยู่ทางเบื้องหลัง

“เจ้าชายอย่าได้เป็นทุกข์ใจไปเลยพ่ะย่ะค่ะ องค์เหนือหัวแม้จะสวรรคตไปแล้วแต่พระองค์ก็มิได้จากไปไหน กระหม่อมเชื่อเหลือเกินว่าในวันนี้องค์ซิกมันด์ที่สองจะต้องกำลังทอดพระเนตรพระองค์จากบนสวรรค์ด้วยความชื่นชมยินดี เจ้าชายทรงทอดพระเนตรเหล่าพสกนิกรเหล่านี้ดูเถิด พระองค์คือความภาคภูมิใจของฟีเลเซีย”

เจ้าชายซิกมันด์ทรงเหลือบไปมองเหล่าพสกนิกรที่กำลังโห่ร้องยินดี มุมพระโอษฐ์โค้งขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะตรัสขึ้น
“ขอบใจ และท่านเองก็เป็นความภาคภูมิใจของฟีเลเซียเช่นกัน”

“เจ้าชาย... ไม่สิพระองค์กำลังจะขึ้นครองราชย์แล้ว กระหม่อมต้องเรียกพระองค์ว่าองค์กษัตริย์สินะ”

“ท่านจะเรียกอย่างไรก็ได้ เพราะไม่ว่าข้าจะเป็นอะไร ท่านก็ยังคงเป็นสหายคนสนิทของข้าเสมอ”

บุรุษผู้นั้นโค้งตัวเล็กน้อยเป็นการขอบคุณด้วยความภาคภูมิใจ เจ้าชายซิกมันด์ที่สามพยักพระพักตร์รับแล้วจึงบ่ายหน้าสู่ถนนใหญ่พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ราวกับจะซึมซาบเอาความปลาบปลื้มของเหล่าพสกนิกรแห่งฟีเลเซียเข้าไว้เป็นพลังและกำลังใจของพระองค์ ก่อนที่จะทรงยืดองค์มุ่งไปยังปราสาทเบื้องหน้าอย่างสง่างาม

ฝ่ายบุรุษผู้อยู่ทางเบื้องหลังก็ควบม้าเหยาะ ๆ ตามหลังว่าที่กษัตริย์องค์ใหม่ไปไม่ห่างจากกันมากนัก เขาอยู่ในชุดเกราะเต็มยศสีเงินมันวาว ขี่ม้าสีเทาเงินซึ่งมีขนาดเล็กกว่าม้าขาวของเจ้าชายซิกมันด์เล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นก็มิอาจบดบังร่างกายที่ผึ่งผายของเขาได้ ไหล่ที่กว้างกำยำและหลังที่ยืดตรงของเขาเอื้อให้เห็นถึงอิริยาบถที่กระฉับกระเฉงและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมสำรวมบ่งบอกถึงความเป็นผู้ที่สงบและอดทน หากแต่ดวงตาดูเป็นมิตรและเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เขาคือแม่ทัพใหญ่ผู้มีอนาคตไกล ผู้ซึ่งได้ชื่อว่ามีฝีมือด้านการรบเป็นหนึ่งที่สุดในฟีเลเซีย และยังได้ชื่อว่ามีความจงรักภักดีต่อฟีเลเซียอย่างที่สุดเช่นกัน เขาคือแม่ทัพหนุ่มผู้มีประสบการณ์ด้านการศึกอย่างโชกโชนแม้จะมีวัยเพียงยี่สิบเอ็ดปีเท่านั้น ชาร์ล คลาแรนซ์(Charles Clarence, the General of Felasia) บุตรชายของลอร์ดคลาแรนซ์อดีตจอมทัพแห่งฟีเลเซีย ผู้ซึ่งเป็นราชครูที่สอนวิชาต่อสู้ให้แก่เจ้าชายซิกมันด์ ด้วยพรสวรรค์ด้านดาบที่เก่งกาจเกินวัยของชาร์ล เขาจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคู่ฝึกดาบของเจ้าชายซิกมันด์ตั้งแต่เด็กและได้กลายเป็นสหายสนิทที่เจ้าชายซิกมันด์ทรงวางใจที่สุดอีกด้วย

เมื่อขบวนเสด็จขึ้นมายังลานหน้าปราสาท ประชาชนนับหมื่นต่างก็โห่ร้องต้อนรับว่าที่กษัตริย์องค์ใหม่เสียงดังกึกก้อง เสียงบรรเลงเพลงชาติฟีเลเซียดังกระหึ่มจากวงดนตรีของกองทัพเป็นจังหวะไพเราะ สง่า และ หนักแน่น ชวนให้บรรยากาศโดยรอบดูสง่าและศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ทหารกองเกียรติยศในชุดเกราะสีเขียวมรกตมันวาวนับพันยืนแถวเรียงจากหน้าลานยาวขึ้นไปถึงบันไดขั้นบนสุดหน้าปราสาทโดยมีบรรดาประชาชนนับหมื่นคนยืนเป็นแถวเรียงรายอยู่เบื้องหลังทั้งสองฝั่งฟาก ที่รูปปั้นปฐมกษัตริย์องค์แรกแห่งฟีเลเซียด้านหน้าปราสาทนั้นเองมีคณะขุนนางและผู้ทรงเกียรติมากมายยืนรอรับเสด็จอยู่
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 12 ที่รองพระบาทของพระเจ้า@@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ จันทร์ ส.ค. 17, 2009 11:16 pm

เจ้าชายซิกมันด์ทรงก้าวลงจากหลังม้าอย่างสง่างาม ทหารกองเกียรติยศเรียบอาวุธเพื่อทำความเคารพอย่างรวดเร็วฉับไวและพร้อมเพรียงราวกับเป็นคนเดียวกัน การเรียบอาวุธไล่ระดับตามขั้นบันไดอย่างสวยงามราวกับพวกเขาทำกันมาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง เสียงเรียบอาวุธของเหล่าทหารนั่นหนักแน่นชวนให้ฮึกเหิม แลดูงามสง่ายิ่ง

เจ้าชายทรงก้าวขึ้นบันไดแต่ละขั้นด้วยความมั่นคงสมภาคภูมิ ตามด้วยชาร์ล คลาแรนซ์ บรรดาองครักษ์และแม่ทัพนายกองทั้งหลาย เมื่อพระบาทของเจ้าชายแตะบันไดขั้นบนสุดก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงดนตรีจบลง ทันใดเสียงแซ่ซ้องอวยชัยจากประชาชนที่อยู่เบื้องล่างก็ดังขึ้นอย่างกึกก้องพร้อมกัน

“ไชโย! แด่กษัตริย์องค์ใหม่แห่งฟีเลเซีย
ขอพระเกียรติจงเลื่องลือระบือไกลไปทั่วแคว้น
เพื่อศักดิ์ศรีแห่งสายลมศักดิ์สิทธิ์ ไชโย! ไชโย!”


บรรดาขุนนางที่ยืนต้อนรับอยู่ด้านหน้าปราสาทก็โค้งคำนับพลางเดินเข้าร่วมขบวนเสด็จตามหลังเจ้าชายซิกมันด์เข้าสู่ภายในปราสาท

เจ้าชายซิกมันด์ที่สามเสด็จนำแถวแม่ทัพและขุนนางเข้าสู่ท้องพระโรงที่ถูกตกแต่งอย่างงามสง่าและศักดิ์สิทธิ์ มีธงชาติฟีเลเซียผืนใหญ่ติดไว้ที่หัวเสาทุกต้น ดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์นับพันดอกแซมด้วยใบไม้สีเขียวอ่อนสดใสถูกนำมาประดับประดาทุกแห่งหนทั่วท้องพระโรงส่งกลิ่นหอมเย็นขจรขจายไปทั่วบริเวณ เหล่าครอบครัวของบรรดาแม่ทัพนายกองและขุนนางทั้งหลายต่างก็ยืนออกันเนืองแน่นท้องพระโรงแบ่งเป็นสองฝั่งโดยเว้นช่องตรงกลางที่ปูด้วยพรมสีแดงทอดยาวไปถึงบัลลังก์เบื้องหน้า บนระเบียงชั้นสองที่ทอดยาวยาวตลอดแนวสองข้างท้องพระโรงเนืองแน่นไปด้วยบรรดานักบวชชายหญิงนับพันคน ต่างอยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ บ้างสวมเสื้อคลุมสีต่างกันอันเป็นเครื่องหมายบ่งบอกถึงสังกัดและคณะนักบวชที่ต่างสำนักกัน เนื่องจากฟีเลเซียนี้นอกจากจะเป็นชาตินักรบแล้ว ยังมีนักบวชมากมายด้วยเช่นกัน ฟีเลเซียนี้ได้ขนานนามตนเองว่าเป็นชาติที่อยู่ใกล้ชิดพระเจ้ามากที่สุดทั้งนี้เพราะฟีเลเซียมีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่สูงที่สุดในทวีปเมอริเซีย อีกทั้งยังมีสำนักสงฆ์และนักบวชมากที่สุดในทวีปเมอร์ริเซียอีกด้วย ทุกคนต่างทราบกันดีว่าฟีเลเซียเป็นแหล่งวิทยาการความรู้และปรัชญา ซึ่งได้ผลิตนักวิชาการและนักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงมากมาย

ไม้เท้าและคทาประจำตำแหน่งของบรรดานักบวชชายหญิงเปล่งแสงสีขาวเจิดจ้าสว่างไสวไปทั้งท้องพระโรง เสียงร้องประสานเพลงบทสวดสรรเสริญพระเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ดังกังวานไพเราะจับใจ

บนบัลลังก์นั้นเองพระราชินีอลิเซีย(Alicia, the Queen of Felasia)ประทับนั่งอยู่อย่างสง่าราวกับพญาหงส์ พระพักตร์ของพระนางยิ้มละไมด้วยความรักและยินดี เยื้องไปทางเบื้องหลังเล็กน้อยมีที่ประทับอีกสองที่ ที่ประทับทางด้านซ้ายนั้นว่างเปล่า ส่วนทางด้านขวานั้น เป็นสาวงามสะพรั่งด้วยวัยสิบเจ็ดชันษา เต็มล้นไปด้วยเสน่ห์แห่งวัยสาว หญิงร่างสูงเพรียวสมส่วน เรือนผมสีทองยาวสลวยเป็นประกาย คิ้วสีน้ำตาลเข้มโค้งบางได้รูป ดวงตาคมโตสีเขียวมรกตแพรวพราวฉายแววร่าเริงสดใส หางตาดูเฉียงขึ้นน้อย ๆ ล้อมรอบด้วยแพขนตายาวงอนดกหนาทำให้ดวงตาของเธอดูคมสวยเด่นชัด จมูกเรียวยาว ริมฝีปากเล็ก ๆ แต่อิ่มเต็มสีกุหลาบโค้งสวยแสดงออกถึงความอบอุ่นน่ารักของเธอ วงหน้ารูปไข่งดงาม และผิวขาวเนียนใสราวกับไข่มุก ในฐานะของเจ้าหญิงแห่งฟีเลเซีย เรจิน่า อารีธา ผู้ซึ่งความเก่งกาจในเชิงดาบไม่แพ้กับความงดงามของพระองค์ ผู้เป็นอีกหนึ่งในความภูมิใจของชาวฟีเลเซียทั้งหลาย

เจ้าหญิงเรจิน่าประทับอยู่บนที่ประทับอย่างสงบและงดงามราวกับรูปสลักของเทพธิดาก็ไม่ปาน ความงามของพระองค์ดูสง่าและสูงศักดิ์สมกับที่เป็นเจ้าหญิงแห่งชาตินักรบที่แม้แต่บรรดาหญิงสาวสูงศักดิ์ทั้งหลายที่อยู่ในท้องพระโรงก็มิอาจเทียบได้ ใบหน้าของพระองค์แต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความชื่นชมยินดีมิต่างจากพระมารดา

ที่ข้างบัลลังก์นั้นเองบิชอปเกรเกอรี่(Gregory, the Bishop of Felasia)นักบวชหนุ่มแห่งฟีเลเซีย ยืนอยู่อย่างสำรวม ใบหน้าสงบเรียบแลดูสุขุมน่าเคารพ ในมือถือไม้เท้าสีเงินแวววาว เกรเกอรี่อยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์คาดทอง เสื้อตัวในและผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มอันเป็นสีของท้องฟ้ามีความหมายถึงความรักแห่งสรวงสวรรค์และเป็นสีแห่งสัจธรรมด้วย เขาสวมหมวกประจำตำแหน่งสีขาวบริสุทธิ์ประดับอัญมณีสีน้ำเงินเข้มมีลวดลายสีทองยิ่งทำให้ดูสง่าและศักดิ์สิทธิ์นัก

เมื่อเจ้าชายซิกมันด์เสด็จตรงเข้ามายืนอยู่ต่อหน้าบัลลังก์แล้ว ราชินีอลิเซียจึงทรงค่อย ๆ ลุกจากบัลลังก์และเสด็จไปยืนอยู่หน้าที่ประทับทางด้านซ้าย อันเป็นการบ่งบอกโดยนัยว่าการเป็นผู้สำเร็จราชการชั่วคราวของพระนางสิ้นสุดลงแล้วในวันนี้ พระนางทรงยิ้มให้บุตรชายอย่างชื่นชม ในขณะที่เจ้าหญิงเรจิน่าทรงลุกขึ้นยืนและยิ้มอย่างให้กำลังใจผู้เป็นน้องชาย เจ้าชายซิกมันด์ทรงค่อย ๆ ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์อย่างองอาจและมั่นคง พระองค์ทรงค่อย ๆ คุกเข่าลงหน้าบัลลังก์ช้า ๆ เหล่าขุนนางและแม่ทัพนายกองทั้งหลายที่ยืนอยู่เบื้องล่างก็คุกเข่าลงทันที บิชอปหนุ่มก้าวออกมายืนเบื้องหน้าพร้อมกับบรรดานักบวชชั้นผู้ใหญ่อีกสิบองค์ เพื่อทำพิธีแต่งตั้งด้วยความศักดิ์สิทธิ์ บิชอปและบรรดานักบวชชั้นผู้ใหญ่ต่างทำเครื่องหมายแห่งแสงสว่างที่เหนือมงกุฎ ศาสตราวุธและเครื่องทรงในการออกศึกของกษัตริย์ โดยมีเสียงสวดมนต์และอวยพรจากบรรดานักบวชนับพัน เกรเกอรี่ยกมงกุฎขึ้นสู่เบื้องบนจนสุดแขนราวกับจะยื่นไปให้ถึงสวรรค์ แสงสว่างส่องผ่านช่องหน้าต่างสูง ทอดเป็นลำลงมายังมงกุฎจนสะท้อนออกมาเป็นแสงเงินแสงทองระยิบระยับ เหล่านักขับร้อง ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ไพเราะจับใจดั่งเสียงแห่งทวยเทพเทวา

“ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสถิตในอาณาจักรสวรรค์อันสูงสุด ได้ทรงโปรดประทานพระพรมายังข้าบริพารของพระองค์ผู้นี้ ให้ความบริสุทธิ์แห่งสวรรค์เป็นคุณธรรมแห่งพระองค์ ให้ความศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์เป็นเกียรติแห่งพระองค์ ให้ความสูงส่งแห่งสวรรค์เป็นบารมีแห่งพระองค์ ให้เทวดาของพระเจ้าปกปักษ์รักษาข้างพระองค์ ให้พระองค์เป็นกษัตริย์ทรงคุณธรรม แห่งฟีเลเซีย อาณาจักรอันเป็นที่รองพระบาทพระเจ้า ข้าแต่พระเจ้าสิ่งที่คั้นระหว่างสวรรค์และแผ่นดินคือลม หากฟีเลเซียคือลม ฟีเลเซียก็เปรียบดังที่รองพระบาทแห่งพระเจ้า ขอพระเจ้าทรงประทานพระพรแด่อาณาจักรของพระองค์ในโลกนี้ ให้ยืนยงสถาพรชั่วนิจนิรันดร์ ให้ชัยชนะแห่งฟีเลเซีย เป็นพระเกียรติมงคลของพระองค์ด้วยเถิด พระเจ้าข้า”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 12 ที่รองพระบาทของพระเจ้า@@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ จันทร์ ส.ค. 17, 2009 11:18 pm

เกรเกอรี่ค่อย ๆ ลดมือลงจะกระทั่งมงกุฎมาอยู่ต่อหน้าเจ้าชายซิกมันด์ที่สาม

“มงกุฎนี้เป็นเครื่องหมายแห่งพระราชอำนาจของพระเจ้าที่ได้ประทานแก่ฝ่าบาท”

เมื่อบิชอปหนุ่มกล่าวจบ ก็ยกมงกุฎขึ้นสวมให้แก่กษัตริย์ซิกมันด์ที่สาม แล้วค่อย ๆ ก้าวหลบไปยืนด้านข้าง
กษัตริย์หนุ่มองค์ใหม่ลุกขึ้นเชื่องช้า เมื่อทรงยืนขึ้นในเครื่องทรงกษัตริย์ พร้อมมงกุฎราชาแห่งฟีเลเซีย พระองค์ก็สง่างาม ไม่เหมือนเด็กหนุ่มอีกต่อไป

“เรากษัตริย์ซิกมันด์ที่สามจะดำเนินรอยตามพระราชดำริของกษัตริย์ซิกมันด์ที่สอง พระบิดาของเราที่จะปราบปรามอริศัตรู และ สัตว์ร้ายทั้งหลายที่เที่ยวรังควานชาวฟีเลเซียให้สิ้นซาก และจะทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดเพื่อนำมาซึ่งเกียรติยศและศักดิ์ศรีแห่งสายลมศักดิ์สิทธิ์ สายลมพัดเหนือผืนดิน เหนือผืนน้ำ เหนือเปลวไฟ ลมยิ่งอยู่สูงยิ่งพัดกล้า ศักดิ์ศรีแห่งฟีเลเซียคือศักดิ์ศรีแห่งสายลม”

“ขอจงทรงพระเจริญ ขอจงทรงพระเจริญ”

เสียงแซ่ซ้องจากทุกสารทิศดังกึกก้องไปทั่วทั้งท้องพระโรง กษัตริย์ซิกมันด์ทรงเสด็จขึ้นบัลลังก์ สีขาวสลับทอง มีรูปม้าบินเปกาซัสสีทองประดับที่พนัก และที่เท้าแขน บัดนี้กษัตริย์องค์ใหม่แห่งอาณาจักรฟีเลเซียจากราชวงศ์อรีธาประทับอยู่บนบัลลังก์อย่างสง่าสมความภาคภูมิ บารมีและอำนาจแผ่ออกมาอย่างชัดเจนเมื่อเขาสวมเครื่องทรงกษัตริย์ครบครันบนบัลลังก์ใหญ่

บิชอปเกรเกอรี่ก้าวออกมายืนข้างบัลลังก์ของกษัตริย์ซิกมันด์พร้อมกับประกาศด้วยเสียงอันดังว่า

“เวลานี้แม่ทัพนายกองและขุนนางทั้งหลาย จงกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณแสดงความจงรักภักดีต่อกษัตริย์องค์ใหม่ต่อหน้าพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า”

ชาร์ล คลาแรนซ์ ก้าวออกมายืนต่อหน้าบัลลังก์ในมือซ้ายถือดาบปักหัวลงข้างลำตัว ส่วนมือขวานั้นยกขึ้นแตะที่เหนือหัวใจพลางประกาศด้วยเสียงอันดังว่า

“ข้าขอสาบาน ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าสูงสุด หากฟีเลเซียต้องการป้องกัน ข้าจะเป็นโล่ที่คอยปกปักษ์รักษา หากฟีเลเซียต้องการสู้ ข้าจะเป็นดาบที่ประหัตศัตรู”

เกรเกอรี่ยกมือขึ้นอวยพรแก่ชาร์ล จากนั้นบรรดาแม่ทัพนายกองและขุนนางจึงต่างทยอยกันขึ้นสาบานต่อหน้าพระที่นั่ง

*************************


ภายในห้องบรรทมของราชินีอลิเซีย เสียงพูดคุยหยอกล้ออย่างสนุกสนานของสตรีสองนางดังแว่วออกมาเป็นระยะ ๆ

“จริง ๆ เลยนะลูกคนนี้ ช่างพูดให้แม่หัวเราะได้ตลอดเวลาเลย”

“โธ่เสด็จแม่ ลูกพูดธรรมดานะเพคะ พระองค์หัวเราะเองต่างหาก”

“ก็เพราะว่าลูกพูดจนเป็นเรื่องธรรมดาแล้วนะสิ นี่ถ้าประชาชนเขารู้ว่าเจ้าหญิงที่แสนงามเพียบพร้อมของพวกเขาเป็นเจ้าหญิงที่บ้าบอแบบนี้พวกเขาคงจะต้องตกตะลึงกันน่าดูชมเชียวล่ะ”

ราชินีอลิเซียทรงใช้พระหัตถ์ลูบศีรษะของบุตรสาวที่พาดซบอยู่บนตักของพระองค์อย่างเอ็นดู เจ้าหญิงเรจิน่าทรงผงกศีรษะขึ้น พลางตรัสด้วยเสียงร่าเริง “ไม่มีทางเพคะ ลูกรู้ว่าประชาชนต้องการอะไรและอยากจะเห็นอะไรจากลูก และที่สำคัญลูกรู้ว่าเวลาไหนสมควรจะทำอะไรเพคะ”

ราชินีอลิเซียทรงยิ้มอย่างภูมิใจในตัวบุตรสาว “รู้จักคิดอย่างนี้ก็ดีแล้วละจ้ะ”

พระนางเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรภาพเหมือนของกษัตริย์ซิกมันด์ที่สอง ทรงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่ตรัสว่า “น่าเสียดายนะ ถ้าเสด็จพ่อของลูกยังมีชีวิตอยู่ วันนี้เขาคงจะยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขาใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต ใฝ่ฝันถึงวันนี้ วันที่จะได้สวมมงกุฎให้แก่ซิกมันด์ด้วยตัวของพระองค์เอง”

น้ำเนตรค่อย ๆ เอ่อล้นออกมาจากพระเนตรทั้งสองข้างขององค์ราชินี เจ้าหญิงเรจิน่าทรงรีบกอดเข่าของพระมารดากล่าวว่า “เสด็จแม่ อย่าร้องไห้สิเพคะ ถ้าเสด็จแม่ยังร้องไห้อยู่อย่างนี้ เสด็จพ่อก็จะยิ่งทรงเป็นห่วงนะเพคะ ไม่แน่นะ ตอนนี้เสด็จพ่ออาจจะอยู่ข้าง ๆ เสด็จแม่แล้วก็ได้ แล้วก็อาจจะกำลังพูดว่า...”

เจ้าหญิงทรงรีบลุกขึ้นยืนต่อหน้าพระมารดาแล้วแสร้งทำท่าลูบเคราเหมือนที่กษัตริย์ซิกมันด์ที่สองชอบทำ ดัดเสียงให้ฟังแปร่ง ๆ ห้าว ๆ

“เจ้าจะร้องไห้ทำไมกันอลิเซีย? รู้ไหมว่าเจ้าทำให้เราต้องรีบเหาะลงมาจากสวรรค์เพื่อมาดูเจ้า?”

ราชินีอลิเซียทรงยิ้มทั้งน้ำตาแล้วจึงทรงลุกขึ้นหยิกแก้มทั้งสองข้างของบุตรสาว

“อ้า...อาเอ็ด...แอ้.....อูก.....เอ็บ.....อ๊ะ...เอ..อ่ะ....(อ้า เสด็จแม่ลูกเจ็บนะเพคะ)” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงพยายามตรัสทั้ง ๆ ที่ยังถูกหยิกแก้มจนพระโอษฐ์ยืด

ราชินีอลิเซียทรงหัวเราะออกมาได้ในที่สุดด้วยความขบขันใบหน้าของบุตรี ก่อนจะปล่อยมือออกจากสองพวงแก้มนั้น

“คิก ๆ เด็กบ๊อง”

เจ้าหญิงเรจิน่าทรงรีบยกหัตถ์ขึ้นนวดแก้มของพระองค์ “ลูกว่าเชื้อความบ๊องของลูกต้องมาจากเสด็จแม่แน่ ๆ เพคะ” เจ้าหญิงหันไปยืดแก้มของพระมารดาบ้าง

“อ๋อย....แอ่ะ...เอ้า....อิ๋ง.......อัว......แอบ......(หนอยแน่ะ เจ้าหญิงตัวแสบ)” ราชินีอลิเซีย ทรงดึงแก้มบุตรีของพระองค์คืน

ทันใดนั้นทั้งสองพระองค์ทรงสังเกตเห็นร่างหนึ่งยืนตะลึงกับภาพที่เห็น ทั้งสองพระองค์จึงทรงปล่อยมือและหัวเราะออกมา แต่ผู้ที่ยืนมองนั้นกลับทำหน้าไม่ขำด้วย

เสด็จแม่กับเสด็จพี่ ทรงทำอะไรกันอยู่? ใครมาเห็นจะว่าเอาได้”

เจ้าหญิงยังทรงขำไม่เลิก “ฮะ ฮะ ซิกมันด์สวมมงกุฎวันเดียวน้องมีรอยย่นที่หว่างคิ้วแล้วนะ”

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงรีบเอาพระหัตถ์จับระหว่างคิ้วพระองค์อย่างไม่รู้ตัว ราชินีอลิเซีย กับ เจ้าหญิงเรจิน่าก็ทรงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง

“โธ่........เสด็จพี่.......เสด็จแม่ ถ้าใครมาเห็นข้าถูกหัวเราะเยาะแบบนี้ ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”

เจ้าหญิงทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปประคองแก้มน้องชาย “ก็ไว้ที่เดิมนี่แหละ ซิกมันด์ การห่วงสายตาคนอื่นเกินไปจะทำให้น้องมีรอยย่นที่หน้าผากเพิ่มอีกที่นะ” ราชินีอลิเซียทรงหัวเราะออกมาอีก

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงจับมือพี่สาวออก “เสด็จพี่ชอบแกล้งข้าเหมือนข้าเป็นเด็ก ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ”

“ใช่จ้ะ วันนี้ลูกแม่เป็นผู้ใหญ่แล้ว”ราชินีอลิเซียทรงเอื้อมพระหัตถ์ ไปจับไหล่บุตรชาย

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงกุมพระหัตถ์อีกข้างของพระนางตรัสขึ้น “และวันนี้ลูกก็ดีใจที่เห็นเสด็จแม่หัวเราะออกมา หลังจากไม่เห็นมาตั้งแต่......”

“ผลงานของพี่ไง พี่มีหน้าที่ทำให้เสด็จแม่หัวเราะ มีแต่น้องนี่แหละ ที่พี่ต้องใช้ความพยายามเป็นสามเท่าเพียงเพื่อให้น้องยิ้มบ้าง นี่.....มีรอยเหี่ยวข้างแก้มแล้ว” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงลากนิ้ว ข้างมุมปากน้องชาย กษัตริย์ซิกมันด์พระพักตร์มุ่ย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi8 Chapter 12 ที่รองพระบาทของพระเจ้า@@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ จันทร์ ส.ค. 17, 2009 11:19 pm

“เรจิน่า..........ลูกนี่..............”

ราชินีอลิเซียทรงพยายามกลั้นหัวเราะ แต่เมื่อทรงเห็นว่าบุตรชายยังคงมีสีหน้าบึงตึงอยู่จึงได้เงียบเสียงลง พระนางทรงถอนหายใจเบา ๆ ยิ้มให้กับบุตรชาย “ซิกมันด์ อย่าทำหน้าเหมือนแบกโลกทั้งโลกไว้ตลอดเวลาสิจ๊ะ เป็นกษัตริย์ก็มีเรื่องให้ต้องคิดมากพออยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็ผ่อนคลายบ้างเถิด”

“มันไม่สมควรเสด็จแม่ ลูกเป็นกษัตริย์แล้ว ลูกจะต้องเข้มแข็งเป็นเยี่ยงอย่างแก่อาณาประชาราษฎร์ ลูกจะทำแบบนั้นได้อย่างไร?” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสเสียงดังเกินกว่าที่จำเป็น พระหัตถ์กำแน่น พระองค์ทรงชะงักเล็กน้อยกับกริยาของพระองค์เอง ก่อนที่จะตรัสเสียงเบาลง

“ลูกขออภัยเสด็จแม่ ลูกคงจะเคร่งเครียดกับพิธีในวันนี้ไปหน่อย”

ราชินีอลิเซียไม่ได้ทรงตกพระทัยแม้แต่น้อยกับกริยาของลูกชาย พระนางทรงยิ้มอย่างเข้าพระทัยตรัสว่า “ลูกกลัวใช่ไหม? กลัวที่จะยอมรับว่ามีความกลัวแอบแฝงอยู่ในจิตใจของลูก ลูกกลัวว่าจะเป็นกษัตริย์ที่เก่งกาจสมกับที่ใคร ๆ คาดหวังไม่ได้ใช่ไหม?”

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงมีสีพระพักตร์ตกพระทัยอย่างเห็นได้ชัด พระองค์ทรงยกพระหัตถ์ขวาขึ้นจับพระหัตถ์ของพระมารดาโดยไม่รู้องค์ เจ้าหญิงเรจิน่าทรงยิ้มให้กำลังใจน้องชาย พระองค์ใช้พระหัตถ์ทั้งสองข้างจับไหล่ซ้ายของกษัตริย์ซิกมันด์ไว้

“ซิกมันด์ น้องคือความภาคภูมิใจของฟีเลเซีย ของราชวงค์อรีธา พี่เองก็ยังภูมิใจในตัวน้อง น้องถูกฝึกฝนมาอย่างหนักเพื่อเป็นกษัตริย์มิใช่หรือ? น้องเกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์นะซิกมันด์ จะมีใครในแผ่นดินนี้เหมาะสมยิ่งไปกว่าน้องอีก?”

“ลูกทำได้แน่นอนจ้ะ ลูกต้องเป็นกษัตริย์ที่ดีและเก่งกาจได้แน่ ๆ ”

“ขอบพระทัยเสด็จแม่ เสด็จพี่”

กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสก่อนจะทรงยิ้มออกมา รอยยิ้มที่นานเหลือเกินแล้วที่ราชินีอลิเซียและเจ้าหญิงเรจิน่าเคยเห็น

หลังจากที่กษัตริย์ซิกมันด์จากไป ทำให้สองแม่ลูกอยู่ในห้องกันตามลำพังอีกครั้ง เจ้าหญิงทอดพระเนตรมองประตูที่กษัตริย์น้องชายเพิ่งจะเดินออกไปเมื่อไม่นานมากนี้ ก่อนจะตรัสขึ้น

“น่าแปลกนะเพคะ เมื่อสมัยที่ลูกยังเด็ก ลูกเคยน้อยใจที่เสด็จพ่อไม่เคยใส่ใจดูแลกวดขันลูกเหมือนกับที่ทำกับน้อง จนหลาย ๆ ครั้งที่ลูกต้องวิ่งมาหาเสด็จแม่เพื่อร้องไห้และระบายความอัดอั้นตันใจกับพระองค์ แต่ทุกวันนี้ลูกกลับรู้สึกว่าเป็นโชคดีของลูก เพราะการเป็นรัชทายาทของซิกมันด์ ลูกถึงได้มีอิสระถึงเพียงนี้ ได้ทำอะไรอย่างที่ใจอยากทำ ในขณะที่ซิกมันด์กลับต้องเรียนการปกครอง ต้องถูกฝึกฝนเพลงดาบและการรบอย่างหนัก ไม่ได้เที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่น ๆ บ่อยครั้งที่ลูกรู้สึกติดหนี้บุญคุณน้องเพคะเสด็จแม่”

“ลูกรัก พระเจ้าสร้างมนุษย์แต่ละคนมาให้มีภารกิจหน้าที่แตกต่างกัน สำหรับซิกมันด์นั้นเป็นภารกิจหน้าที่ของเขา พ่อของลูกมีหน้าที่กรุยทางและเตรียมเขาให้พร้อมสำหรับหนทางข้างหน้า ลูกเลิกคิดน้อยใจได้อย่างนี้ก็ดีแล้วจ้ะ แม่ดีใจที่ลูกสาวของแม่เป็นเด็กที่เข้มแข็งและรู้จักคิด พ่อของลูกก็ภาคภูมิใจในตัวลูกเช่นกันจ้ะ”

เจ้าหญิงทรงยิ้มให้พระมารดาของพระองค์ ก่อนจะทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองภาพของพระบิดา ฉับพลันความรู้สึกคิดถึงพระบิดาก็ก่อตัวขึ้นในใจของพระองค์ทันที น้ำเนตรเริ่มเอ่อขึ้นคลอเบ้า เจ้าหญิงเรจิน่าทรงกระพริบตาถี่ ๆ ก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วจึงค่อยทรงฝืนยิ้มออกมา
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)


ย้อนกลับไปยัง Summoner Novel

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน

cron