Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. มี.ค. 28, 2024 10:57 pm

หน้าเว็บบอร์ด Wiser Summoner Novel @@ นิยายSMN Epi9 Chapter 14 การประชุมที่ล้มเหลว @@

อ่านนิยาย Summoner Master Episodeต่าง ๆ ได้ที่นี่

Moderator: Jinger Ginger


@@ นิยายSMN Epi9 Chapter 14 การประชุมที่ล้มเหลว @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ธ.ค. 15, 2010 4:41 pm

Chapter 14 การประชุมที่ล้มเหลว



เป็นเวลาโพล้เพล้แล้วขณะที่ซิสเตอร์โรซาน่ากำลังอธิษฐานภาวนาส่วนตัวอยู่ภายในโบสถ์ประจำอาราม นี่เป็นกิจวัตรประจำวันของนักบวชสูงวัยรูปนี้ แต่ทว่าดูเหมือนวันนี้บรรยากาศดูจะไม่ค่อยเงียบสงบ เพราะมีเสียงของเอะอะโวยวายอยู่ที่ประตูด้านนอก

“คุณแม่ค่ะ !” ซิสเตอร์อายุน้อยคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา

“เอะอะโวยวายอะไรกัน?” ซิสเตอร์โรซาน่าเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือบทสวดที่วางอยู่บนมือ พลางพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิเบาๆ

“ขออภัยค่ะ คุณแม่ แม่มดน้ำแข็งวิโอเรียจะมาพบคุณแม่แต่ไม่ยอมรอที่ห้องรับรองด้านนอก ดึงดันจะเข้ามาหาคุณแม่ที่นี่ ไม่ยอมฟังเลยว่าเขตพรตชั้นในห้ามคนภายนอกเข้า นี่บรรดา ซิสเตอร์ฝึกหัดกำลังห้ามปรามอยู่ค่ะ”

ซิสเตอร์โรซาน่าได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่คล้ายกับเอือมระอาในพฤติกรรมของเจ้าหญิงองค์นี้ที่นับวันจะทวีความร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆ นักบวชหญิงปิดหนังสือภาวนาเล่มหนาเบาๆก่อนจะลุกเดินออกจากประตูไป



“ไม่ได้นะคะ ข้างหลังนี้เป็นเขตพรต คนทั่วไปเข้าไม่ได้ค่ะ กรุณารอด้านนอกนี้เถิดนะค่ะ”

“ฉันไม่ใช่คนทั่วไป อย่ามาใช้กฎงี่เง่านี่กับฉัน ทำไม ! ทีเจ้าหญิงอลาน่ายังเข้ามาในนี้ได้ ทำไมฉันจะเข้าไม่ได้ ฉันก็เป็นเจ้าหญิงเหมือนกัน ถอยไป!” วิโอเรียพูดจบก็ผลักซิสเตอร์ฝึกหัดเต็มแรงจนล้มหงาย ทำให้ซิสเตอร์ฝึกหัดคนอื่นๆ หวีดร้องด้วยความตกใจ บ้างก็ช่วยดึงเพื่อนให้ลุกขึ้น บ้างก็ช่วยกันขวางวิโอเรียต่อ แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมาก เพราะฐานะของวิโอเรียที่สูงศักดิ์กว่า อีกทั้งสถานภาพของซิสเตอร์ฝึกหัดก็ยังไม่ถือว่าเป็นนักบวชเต็มตัว จึงไม่มีสิทธิอำนาจในการจัดการใดๆ มากนัก

เสียงปรบมือดังขึ้นสองครั้ง ทำให้ทั้งกลุ่มเงียบเสียงลง หันไปมองทางต้นเสียงเป็นตาเดียว

“ในพระคัมภีร์เขียนเอาไว้ว่า ลูกเอ๋ย จงกระทำการทุกอย่างด้วยใจสุภาพอ่อนโยน แล้วเจ้าจะเป็นที่รักใคร่มากกว่าคนใจบุญ” ซิสเตอร์โรซาน่าพูดอบรมบรรดาซิสเตอร์ฝึกหัด ทว่าสายตากลับมองประสานกับวิโอเรีย

“ขออภัยด้วยค่ะคุณแม่” บรรดาซิสเตอร์ฝึกหัดรีบยืนด้วยอาการสำรวมอย่างที่ได้รับการฝึกมา

“ขออภัยด้วยนะค่ะ ที่ดิฉันหย่อนการอบรมซิสเตอร์ฝึกหัดเหล่านี้ไปหน่อย จึงไม่ค่อยรู้กาละเทศะ ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร” ซิสเตอร์โรซาน่ากล่าวเสียงเรียบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทว่าวิโอเรีย กลับรู้สึกว่าเหมือนตนจะถูกตำหนิทางอ้อม จึงเม้มปากแน่นด้วนความโกรธ แต่ไม่กล้าโวยวายเพราะเกรงว่าแผนการที่เตรียมไว้จะพังไม่เป็นท่า

“เห็นว่าอยากจะพบกับดิฉัน มีธุระอะไรหรือคะ ? หรือว่าอยากจะมาลองสัมผัสชีวิตนักบวชเหมือน ซิสเตอร์ฝึกหัดเหล่านี้?” ซิสเตอร์โรซาน่าแสร้งถาม แม้รู้เต็มอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้

บรรดาซิสเตอร์ฝึกหัดได้ยินดังนั้นก็พากันตาโตหันไปมองทางด้านวิโอเรีย แม่มดน้ำแข็งที่ใส่เสื้อผ้าเปิดเผยเนื้อตัวแบบไม่กลัวอากาศหนาวของแอนดิซองผู้นี้น่ะหรือจะอยากมาลองสัมผัสชีวิตนักบวชแค่คิดก็ยังไม่กล้าเลย

“เช๊อะ! ใครจะอยากเป็นสาวทึนทึกเหมือนแม่ผู้หญิงพวกนี้กัน” วิโอเรียพูดอย่างไม่สนใจว่าคนฟังจะรู้สึกอย่างไร “ข้ามีธุระจะคุยกับท่านต่างหาก ข้ามี......เรื่องเกี่ยวกับเจ้าพี่อลาน่าจะปรึกษาท่านหน่ะ”

ซิสเตอร์โรซาน่าเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง วันนี้เจ้าหญิงน้ำแข็งวางแผนร้ายอะไรมาอีกละเนี่ย เอาเถอะฉันลองเล่นตามบทของเขาดู ซิสเตอร์โรซาน่าคิดดังนั้นจึงผายมือเชื้อเชิญวิโอเรียไปยังห้องรับรอง ซึ่งหญิงสาวก็ก้าวขาฉับๆไปทันที เหมือนไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นั่นนานกว่านั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi9 Chapter 14 @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ธ.ค. 15, 2010 4:42 pm

เช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าหญิงอลาน่าในชุดนักบวชก็เสด็จมาถึงอารามของซิสเตอร์โรซาน่า เพื่อที่จะเดินทางไปช่วยเหลือคนยากจนพร้อมกับคณะซิสเตอร์ดังที่ทำอยู่เป็นประจำ ทว่าพอเสด็จมาถึงกลับได้รับแจ้งว่าให้เสด็จไปพบซิสเตอร์ที่ห้องทำงานก่อน

เมื่อเสด็จไปถึงที่ห้อง ก็ทรงเห็นซิสเตอร์โรซาน่าซึ่งนั่งอ่านหนังสือภาวนาอยู่ซึ่งเป็นภาพที่แสนชินตาของพระองค์ ซิสเตอร์เงยหน้าขึ้นก่อนจะยิ้มให้

“ซิสเตอร์มีเรื่องสำคัญจะคุยกับฉันรึค่ะ?” เจ้าหญิงตรัสถามน้ำเสียงแฝงความไม่แน่ใจเล็กน้อย

“นั่งก่อนสิเพคะ” ซิสเตอร์ทูลเชิญก่อนจะเริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ฟังอย่างไม่อ้อมค้อม “เมื่อวานวิโอเรียมาพบหม่อมฉัน”

“อะไรนะคะ?” เจ้าหญิงอลาน่าตรัสด้วยความประหลาดใจ การเฉียดใกล้โบสถ์หรืออารามเป็นเรื่องประหลาดสำหรับญาติผู้น้องคนนี้

“เธอว่าเธอเป็นห่วงพระองค์ที่ทรงงานหนักทั้งงานราษฎร์ งานหลวง”

เจ้าหญิงอลาน่าทรงกระพริบตาปริบๆ เหมือนได้ฟังภาษาต่างชาติที่ไม่เคยได้ยิน ทำให้ซิสเตอร์โรซาน่าอดขำไม่ได้

“เขาเริ่มต้นด้วยการพูดเช่นนั้นจริงๆ เพคะ พระองค์ทรงได้ยินถูกแล้วและหม่อมฉันก็มีปฏิกริยาแทบไม่ต่างจากพระองค์ตอนนี้เลย” ซิสเตอร์โรซาน่าพูดปนหัวเราะทำให้เจ้าหญิงทรงแย้มยิ้มไปด้วย

เจ้าหญิงอลาน่าทรงขมวดคิ้วน้อยๆ แม้พระโอษฐ์ยังคงคลียิ้มอยู่ “ เขาหมายความตามที่พูดหรือมีเจตนาเป็นอย่างอื่นค่ะ?”

“พระองค์ทรงคิดว่าอย่างไรเพคะ?” ซิสเตอร์แสร้งถามต่อ

เมื่อได้ยินดังนั้นรอยยิ้มก็คอยเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มอย่างเศร้าๆ “ฉันไม่กล้าคิดหรอกค่ะ แต่ฉันหวังเหลือเกินว่า....ว่าเธอหมายความตามที่พูด”

ถึงตอนนี้ซิสเตอร์โรซาน่าก็ยิ้มเศร้าด้วยอีกคน ด้วยเพราะความสงสารและเห็นใจเจ้าหญิง หมู่นี่พระองค์ดูซูบเซียวและหม่นหมองลง ซิสเตอร์ผู้สูงวัยรู้ดีว่าไม่ใช่เพราะจากการทรงงานหนักแต่เพราะความเครียดและความอึดอัดคับข้องใจที่บั่นทอนกำลังใจของพระองค์ลงทุกวันๆ เมื่อเจ้าหญิงทรงเห็นรอยยิ้มที่สลดลงของซิสเตอร์ดังนั้นก็พอจะเดาได้ทันที

“ไม่ใช่เช่นนั้นใช่ไหมค่ะ”

ซิสเตอร์โรซาน่าส่ายหน้าช้าๆ “เธอขอให้หม่อมฉันช่วยหาผู้สนับสนุนเธอในฝ่ายสภาศาสนาน่ะคะ พอหม่อนฉันไม่คล้อยตามเธอ เธอก็กลับมาเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที และเริ่มติดสินบนหม่อนฉัน บอกว่าถ้ายอมอยู่ข้างเธอ หม่อมฉันอยากอะไรเธอก็หามาให้ได้ แม้แต่แต่งตั้งหม่อมฉันให้เป็นสังฆราชหญิงองค์แรกของแอนดิซองก็ทำได้”

“โอ้!” เจ้าหญิงอลาน่าทรงอุทานอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เพิ่งทรงได้ยิน “แล้วซิสเตอร์ตอบเธอไปว่าอย่างไรค่ะ?” เจ้าหญิงอลาน่าตรัสถามไม่ใช่เพราะมีความสงสัยใดๆ ในตัวของซิสเตอร์ผู้สูงวัย ทว่าพระองค์อยากรู้ว่าซิสเตอร์หาทางเลี่ยงญาติผู้น้องผู้ตั้งตนเป็นปฎิปักษ์กับพระองค์อย่างไรต่างหาก

“หม่อมฉันก็ปฏิเสธเธอไปตรงๆนะสิเพคะ” ซิสเตอร์โรซาน่าทูลพลางหัวเราะชอบใจ

“นั่นเท่ากับประกาศตัวเป็นศัตรูกับเธออย่างชัดเจนนะคะ” เจ้าหญิงอลาน่าตรัสด้วยความเป็นห่วง

“ในพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า ‘ถ้าใช่ก็บอกว่าใช่ ไม่ใช่ก็บอกว่าไม่ใช่ นอกนั่นมาจากมาร’ หม่อมฉันไม่คิดจะพูดชักแม่น้ำทั้งห้าเพื่อปกป้องตนเองหรอกเพคะ และหม่อมฉันก็เชื่อว่าคนเช่นเธอต่อให้หม่อมฉันแสร้งตอบเห็นดีเห็นงามกับเธอ เธอก็คงไม่ไว้วางใจหม่อมฉันมากพอจะเปิดเผยแผนการสารพัดของเธอให้หม่อมฉันรู้แน่ หม่อมฉันจึงไม่เห็นประโยชน์ใดๆ ที่จะแสร้งเข้าพวกกับเธอ”

เจ้าหญิงอลาน่าทรงยิ้มอย่างชื่นชมในความเด็ดเดี่ยวของซิสเตอร์โรซาน่า “ขอโทษนะคะที่ฉันทำให้ซิสเตอร์ต้องพลอยลำบากไปด้วย แล้วอย่างนี้วิโอเรียเขาไม่ยิ่งโกรธใหญ่รึค่ะ?”

ซิสเตอร์โรซาน่ายิ้มพลางส่ายหน้าช้า ๆ “อย่าทรงวิตกกังวลไปเลยเพคะ เป็นห่วงพระองค์เองจะดีกว่า เพราะอีกฝ่ายกรี๊ดลั่นแถมยังพูดปรามาสไว้ด้วยว่าระวังพระองค์และหม่อมฉันจะหลุดจากตำแหน่งโดยไม่รู้ตัว พูดเสร็จก็เดินเชิดกลับไป หม่อมฉันจึงให้คนไปสืบว่าวิโอเรียนวางแผนจะทำอะไรอีก จึงได้ทราบว่า เธอไม่ได้มาพบหม่อมฉันเพียงผู้เดียว แต่เธอเดินทางไปพบพ่อค้าผู้เป็นสมาชิกสภาและขุนนางอีกหลายคน คงต้องการสร้างพรรคพวกไว้สนับสนุนเวลาโจมตีพระองค์ในการเปิดประชุมสภาในครั้งหน้า และประเด็นในการโจมตีก็คงไม่พ้นเรื่องการช่วยเหลือบรรดาคนยากจนและผู้อพยพของพระองค์”

“เรื่องนี้อีกแล้วรึคะ?” เจ้าหญิงอลาน่าตรัสด้วยความเจ็บปวด “เวลานี้ผู้คนอดอยากทั้งประเทศหน้าที่ของฉันคือดูแลทุกข์สุขประชาชน มันผิดตรงไหนคะ?”

“พวกเขาจะเล่นงานพระองค์ด้วยเรื่องที่ว่าพระองค์ช่วยแต่พวกผู้อพยพและละเลยประชาชนที่กำลังประสบปัญหาข้าวยากหมากแพงในอาณาจักรต่างหากละเพคะ และยังจะกล่าวหาว่า พระองค์ใช้งบประมาณสุรุยสุร่ายเกินไปในเรื่องเหล่านี้”

“นั่นมันไม่จริงเลยนะคะ ฉันช่วยทั้งชาวแอนดิซองและผู้อพยพ ซ้ำผู้อพยพที่ฉันช่วยก็ยังไม่ถึงหนึ่งในห้าของคนยากจนชาติเราเองที่อยู่ในการดูแลของพวกเราด้วยซ้ำ” เจ้าหญิงทรงกำพระหัตถ์แน่น พระพักตร์ฉายความเจ็บปวดกับการถูกใส่ความอย่างอยุติธรรม
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi9 Chapter 14 @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ธ.ค. 15, 2010 4:43 pm

“การบิดเบือนข้อเท็จจริงเล็กน้อย เพื่อเปลี่ยนกิจการดีของพระองค์ให้กลายเป็นการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ดง่งมดูจะได้ผลในหมู่พวกพ่อค้าที่เสียผลประโยชน์ในเวลานี้มากเพคะ หม่อมฉันว่า พระองค์ทรงเตรียมรับมือกับคนพวกนี้จะดีกว่านะเพคะ คงไม่เกินสัปดาห์นี้พวกเขาคงยื่นเรื่องขอการประชุมด่วนต่อ3สภาได้สำเร็จ” ซิสเตอร์โรซาน่าทูลเสียงเครียด


เช้าวันต้นสัปดาห์ในห้องประชุมที่แสนจะหรูหรา บรรดาสมาชิกสภาต่างเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน ที่ประชุมถูกจัดแบ่งเป็นสามฝ่ายคือ ฝ่ายสภาขุนนาง สภาศาสนาและสภาพ่อค้า เจ้าหญิงอลาน่าทรงประทับบนบัลลังก์โดยมีบรรดาราชนิกูลและขุนนางกว่าสี่สิบคนนั่งลดหลั่นกันไปตามลำดับชั้นและความสำคัญ แม่มดน้ำแข็งวิโอเรียก็นั่งอยู่ที่ฝั่งนี้ด้วยเช่นกันแต่นั่งอยู่ที่ปลายแถวด้านขวาซึ่งเป็นฝั่งบรรดาราชนิกูล ส่วนฝั่งซ้ายเป็นขุนนางระดับสูง ถัดลงมาจากบัลลังก์มีเก้าอี้อยู่แบ่งระหว่างบรรดาราชนิกูลและขุนนางชั้นสูงคือเก้าอี้ของราชองครักษ์อองเดร ซึ่งเขาก็ได้มีอภิสิทธิ์ในการเข้าร่วมประชุมด้วยทุกครั้งในฐานะผู้แทนของกองทัพ

ในฝ่ายสภาพ่อค้ามีรูฟัสนั่งเป็นประธาน แต่เก้าอี้อยู่ระดับต่ำกว่าเจ้าหญิงเพราะแม้จะมีตำแหน่งเป็นประธานสภาพ่อค้าแต่ก็เป็นเพียงสามัญชน ถัดลงมาจึงเป็นบรรดาพ่อค้าใหญ่กว่าห้าสิบคน ที่น่าแปลกใจคือ บรรดาพ่อค้าจากเมืองที่อยู่ห่างไกลและใช้เวลาเดินทางนาน ล้วนมากันพร้อมหน้าทันเวลาทั้งที่ครั้งนี้คือการยื่นขอประชุมด่วน

อีกฝ่ายคือ สภาศาสนาซึ่งก็มีพระชั้นผู้ใหญ่กว่าสี่สิบรูปนั่งลดหลั่นกันตามตำแหน่งลงมา

หัวข้อการประชุมนั้นเกี่ยวเนื่องกับงบประมาณที่ลดน้อยถอยลงอย่างมากของทุกหน่วยงาน รวมทั้งปัญหาข้าวยากหมากแพงที่กระจายไปทั่วประเทศ ทั้งนี้ก็เพราะสภาวะสงครามที่ยืดเยื้อทำให้การค้าขายสินค้าประเภทพืชพันธุ์ธัญญาหารกับต่างประเทศถีบตัวขึ้นราคาจนสูงลิ่ว ทำให้ผลกำไรประจำปีของอาณาจักรแอนดิซองลดน้อยถอยลงไป ระหว่างที่ กระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ เริ่มมีการโต้เถียงกันมากขึ้น จู่ๆ วิโอเรียก็ยืนขึ้น

“เจ้าพี่จะไม่ทรงออกความเห็นใด ๆ หรือเพคะ? ทั้งๆที่เจ้าพี่ทรงรู้อยู่เต็มออกว่างบประมาณเกือบครึ่งหายไปอยู่ที่ไหน?” วิโอเรียพูดพลางทำหน้าเหมือนเจ็บปวดเหลือเกิน “แต่เพราะหม่อมฉันรักแอนดิซองของเรา หม่อมชั้นจึงต้องติเพื่อก่อ แม้สิ่งนี้อาจจะขัดหูเจ้าพี่ไปบ้าง แต่หม่อมฉันจำเป็นต้องพูดเพื่อประชาชนชาวแอนดิซองทั้งประเทศ”

เสียงปรบมือและโห่ร้องสนับสนุนดังขึ้นแทบจะทันทีโดยเฉพาะทางแถบสภาพ่อค้า ราวกับมีการซักซ้อมกันเอาไว้

“เธอพูดอะไรของเธอกัน วิโอเรีย งบประมาณเกือบครึ่งอะไรกัน? ฉันใช้เพียงแค่งบประมาณที่ทางสภาเจียดมาให้ ซึ่งก็ไม่เพียงพอเลยสักนิด ฉันต้อง...”

“เห็นไหม? นี่เจ้าพี่พูดออกมาเองนะเพคะ งบที่สภาอุตส่าห์จัดสรรให้นั้นไม่พอ!” วิโอเรียพูดขัดขึ้นมากลางลำ ทำให้หลาย ๆ คนตีความคำพูดของเจ้าหญิงผิด จนทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังพึมพำขึ้นทั่วห้อง แล้วจู่ ๆ ประธานสภาพ่อค้ารูฟัสก็ยืนขึ้น

“ทูลฝ่าบาทและเพื่อนสมาชิกสภาทั้งสามที่รัก” รูฟัสพยายามโค้งอย่างสวยงามแต่กลับดูทุลักทุเลมากกว่า ทุกคนต่างหันไปจ้องมองเขาเป็นตาเดียว ในสภาวะข้าวยากหมากแพงเช่นนี้ พ่อค้าใหญ่กลับดูรูปร่างใหญ่โตขึ้นกว่าเก่าสวนทางกับประชาชนทั้งอาณาจักรที่เริ่มผ่ายผอมเพราะต้องกระเบียดกระเสียดอาหารการกิน

“ข้าเห็นด้วยกับท่านวิโอเรีย เวลานี้ใคร ๆ ก็รู้ว่าเราต้องเสียงบประมาณมากมายโดยใช่เหตุกับประชาชนของชาติอื่น ทั้ง ๆ ที่ประชาชนชาวแอนดิซองของพวกเราเองกำลังอดยาก”

เสียงปรบมือและโห่ร้องสนับสนุนดังขึ้นอีกครั้ง ยิ่งทำให้พ่อค้ารูฟัสยิ้มจนตาหยี รีบพูดขึ้นต่อโดยไม่เปิดโอกาสให้เจ้าหญิงอลาน่าได้ทรงโต้ตอบใด ๆ

“ในฐานะที่ข้าก็เป็นชาวแอนดิซองผู้รักชาติคนหนึ่ง ข้าเล็งเห็นความลำบากของเราทุกคนที่ต้องการนำเงินไปใช้จ่ายพัฒนาอาณาจักรและช่วยให้ชาวแอนดิซองมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่อย่างที่เราเห็น...งบประมาณที่พวกเราควรเอาไปใช้พัฒนาประเทศ ถูกจัดไปใช้อย่างไม่เหมาะสม แทนที่จะเอามาให้เหล่าพ่อค้าวานิชอย่างเรา ได้นำไปใช้ในการต่อยอดสร้างรายได้ให้ประชาชน กลับเอาไปแจกจ่ายแบบสูญเปล่าให้พวกขอทานต่างชาติ เห็นแล้วข้าก็รู้สึกสะท้อนใจเหลือเกิน”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi9 Chapter 14 @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ธ.ค. 15, 2010 4:44 pm

“ใช่แล้วท่านรูฟัส”

“ท่านพูดถูกใจเรามาก”

“ใช่ ๆ ข้าก็เห็นด้วย”

เสียงตะโกนสนับสนุนดังขึ้นอีก

“ดังนั้น...ในฐานะที่ข้าได้รับความไว้วางใจได้ดำรงตำแหน่งประธานสภาพ่อค้าอีกสมัย เนื่องจากทุกคนเล็งเห็นถึงความทุ่มเทอย่างยากลำบากของข้าต่ออาณาจักรแอนดิซอง ดังนั้นข้าคนนี้ขอเป็นตัวแทนของประชาชนชาวแอนดิซอง เพื่อเสียงของเหล่าพ่อค้าผู้ต่ำต้อยอย่างพวกเราจะได้รับการตอบสนองจากผู้ปกครองประเทศบ้าง” ประธานสภาพ่อค้าพูดถ่อมตนจนดูเหมือนประชดประชันเสียมากกว่า พลางวาดมือไม้ราวกับกำลังเล่นละครเวที เหมือนกับว่าเขาได้ซักซ้อมวิธีการพูดเช่นนี้มาหลายสิบครั้งจนแลดูน่าหมั่นไส้
เจ้าหญิงอลาน่าทรงลอบมองไปทางวิโอเรียที่กำลังนั่งโบกพัดขนนกไปมาอย่างสบายใจ มีรอยยิ้มกระหยิ่มอยู่ที่มุมปาก ครั้นเมื่อเห็นว่าพระองค์ทรงมองอยู่ หญิงสาวรีบจีบปากจีบคอพูดขึ้น

“เจ้าพี่ควรฟังท่านรูฟัสนะเพคะ ผู้ปกครองประเทศที่ไม่ฟังเสียงประชาชนน่ะ พาประเทศล่มจมมาแล้วมากมาย เจ้าพี่คงเคยได้ยินนะเพคะ ที่เขาบอกว่าเสียงประชาชนคือเสียงสวรรค์น่ะเพคะ”

วิโอเรียแสดงอาการยิ้มเยาะอย่างเปิดเผยจนพระองค์ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นถึงพระญาติจะแสดงกริยาท่าทางรังเกียจเดียดฉันท์ใส่กันได้ถึงเพียงนี้

“ท่านจะเสนอวิธีใดหรือ?” สมาชิกหลายคนเริ่มสงสัยแม้ทุกคนจะไม่ได้คล้อยตามการยกยอปอปั้นตนเองของพ่อค้าใหญ่ แต่ก็อดอยากรู้ไม่ได้

“ข้าเสนอให้ขึ้นภาษีสินค้าต่างชาติ 3 เท่า เพื่อให้ประชาชนหันมาใช้สินค้าในประเทศแทน และอย่างที่สอง รัฐบาลควรยกเลิกงบประมาณที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม อย่างสวัสดิการเพื่อสังคมที่รัฐบาลจัดหาสินค้า เพื่อขายในราคาถูก หรือเพื่อจ่ายแจกแก่คนยากจนและพวกผู้อพยพ ซึ่งนอกจากทำให้คนที่จะเข้ามาซื้อสินค้าจากตลาดหายไปแล้ว ยังทำให้ประเทศเราเสียงบประมาณแบบสูญเปล่าอย่างมหาศาลในแต่ละปี สู้ยกเลิกเสีย แล้วเอารายได้ส่วนนั้น มาสนับสนุนกลุ่มผู้ค้าเสรี และพ่อค้ารายย่อย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองจะ ส่วนพวกคนชั้นล่าง และ และพวกต่างชาติ ที่เป็นตัวปัญหานั้น...”

รูฟัสหยุดครู่หนึ่ง เหลือบมองไปทางฝั่งสภาขุนนาง ที่เหล่าราชนิกูลนั่งอยู่

“ข้าคิดว่าควรฝึกให้คนพวกนั้นรู้จักทำมาหากินบ้าง เราควรอณุญาตให้ใช้แรงงานพวกผู้อพยพ ตลอดจน การกดดันทางอ้อมให้คนพวกนี้อยากทำงานหาเงินแทนการแบมือขอรับของฟรี หรือได้ของถูก จากทางรัฐบาล โดยให้พวกเขา ซื้อสินค้าและใช้จ่ายจากสหกรณ์ที่พวกเรา และกลุ่มพ่อค้ารายย่อยจะจัดตั้งขึ้นแทน ซึ่งเป็นผลดี ทั้งต่อเศรษฐกิจ และยังลดกลุ่มคนที่ไร้ประโยชน์ในประเทศเราอีกด้วย”

เสียงฮือฮาดังสนั่นลั่นห้องประชุม ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ข้อเสนอของประธานสภาพ่อค้ากันยกใหญ่ มีทั้งเสียงปรบมือเป่าปากสนับสนุน แม้จะเป็นเสียงจากกลุ่มหนึ่งในสภาพ่อค้า แต่ก็ตะเบ็งเซ็งแซ่ จนดูเหมือนว่าทั้งที่ประชุมต่างก็เห็นดีเห็นงามไปกับรูฟัสกันหมด เจ้าหญิงอลาน่านั้นร้อนพระทัยเป็นอันมาก ข้อเสนอของรูฟัสฟังดูเหมือนทำเพื่อชาวแอนดิซองก็จริงอยู่ แต่หากพิจารณาดีๆ แล้วก็จะรู้ได้ว่าใครกันที่ได้รับผลประโยชน์

“ข้าไม่เห็นด้วย!” เสียงขุนนางคนหนึ่งจากฟากสภาขุนนางดังขึ้นกลางสภา ทำให้ทุกคนเงียบเสียงลงพลางหันไปทางต้นเสียงแทบจะพร้อมเพรียงกัน

“แกอีกแล้วรึ เจ้าโอดิลอน” พ่อค้ารูฟัสหน้าแดงขึ้นด้วยความโกรธที่ถูกฉีกหน้าโดยคู่ปรับเก่า

“ข้าฟังเสียงเจ้าและเหล่าหน้าม้าของเจ้ามาพอแล้ว”

ขุนนางจากตระกูลโอดิลอนพูดเสียงเข้ม

“สงสัยเจ้าจะไม่มีความรักและห่วงใยประเทศชาติกระมั้ง? ถึงได้ปฏิเสธข้อเสนอที่เอื้อประโยชน์อย่างมหาศาลให้แต่แอนดิซองเช่นนี้ หรือว่าเจ้าอยากประจบเอาใจใครบางคนที่เสียผลประโยชน์จากเรื่องนี้กันแน่”

รูฟัสรีบเหน็บกลับ หลายคนเหลือบมองไปที่เจ้าหญิงอลาน่า ซึ่งขณะนี้ กำลังสะกดกลั้นความรู้สึกที่ถาโถมจากคำพูดกล่าวหา มุ่งร้าย และหลอกลวง พระองค์รู้สึกว่าตนกำลังอยู่ในสงคราม ที่วาจา คืออาวุธที่ฝ่ายตรงข้ามใช้ประหัตประหารพระองค์ และสิ่งที่พระองค์ตั้งใจทำด้วยความปรารถนาดีอย่างเลือดเย็น

“ข้อเสนอของเจ้าเอื้อประโยชน์ให้ประชาชนชาวแอนดิซองหรือเอื้อประโยชน์ให้เจ้าและพวกพ้องกันแน่ ข้ายังสงสัยอยู่ แค่ข้อเสนอแรกก็แทบจะเห็นไส้เห็นพุงเจ้าหมดแล้ว ขึ้นภาษีสินค้าต่างชาติงั้นรึ?! ใครๆก็รู้ว่าแอนดิซองหนาวเย็นจนแทบเพราะปลูกอะไรไม่ได้จนต้องนำเข้าพืชผลทางการเกษตรจากอาณาจักรเพื่อนบ้าน ยิ่งขึ้นภาษีประชาชนก็ยิ่งต้องอดอยากมากขึ้นเพราะสินค้าราคาสูง คนที่เก็บกักสินค้าไว้มากๆอย่างพวกพ่อค้าใหญ่ที่กว้านซื้อของถูกไว้ก่อนหน้าก็ได้กำไรไปเต็มๆน่ะสิ แล้วตระกูลโอดิลอนที่รับใช้ราชสำนักมาช้านานก็ไม่จำเป็นต้องประจบใครเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนเหมือนเจ้าและพรรคพวกหรอกนะ”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi9 Chapter 14 @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ธ.ค. 15, 2010 4:46 pm

“หน่อยแน่ะ! เจ้า.... “รูฟัสใช้นิ้วอ้วนๆ ที่ประดับด้วยแหวนวงโตชี้หน้าฝ่ายตรงข้ามด้วยความโกรธจนนิ้วสั่นระริก เสียงพึมพำดังกระหึ่มขึ้นตามมาทันที เริ่มมีทั้งเสียงสนับสนุนและคัดค้านจากบรรดาสมาชิกสภา

“แค่นี้ยังไม่หมดหรอกนะ” โอดิลอนกล่าวท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว “ข้อเสนอที่สองของเจ้าที่จะให้ยกเลิกการช่วยเหลือคนจนของรัฐบาล ก็พวกผู้ค้ารายย่อย และกลุ่มผู้ค้าเสรีของพวกเจ้าไม่ใช่เหรอ ที่ชอบไปหลอกซื้อสินค้าสวัสดิการของรัฐบาลต่อจากพวกคนจน แล้วเอาไปย้อมแมวขายในตลาดด้วยราคาแพง แล้วที่น่าทุเรศถึงขนาดจ้างผู้อพยพไป เวียนซื้อ เวียนรับของแจกแล้วเอามาขายในตลาดมืดนั่นอีกล่ะ ทุกวันนี้ เศรษฐกิจของเราจะมีปัญหามาจากพวกชอบทำตัวนอกกฎกติกามากกว่านโยบายช่วยเหลือประชาชนของรัฐบาลมากนัก มิใช่ว่าเจ้าอยากจะคุมตลาดเสรี และตลาดนอกระบบแต่เพียงผู้เดียวหรอกหรือ? ถึงคิดจะตั้งสหกรณ์อะไรนั่น เพราะสุดท้าย เจ้าก็ได้รับเลือกเป็นประธานสหกรณ์จอมปลอมนั่นอยู่ดี”

“กะ... แก... แก...” รูฟัสปากคอสั่นด้วยความโกรธจนพูดอะไรไม่ออก

“พูดจาจาบจ้วงกล่าวหาคนอื่นแบบนี้ จะไม่มากไปหน่อยเหรอ”

วิโอเรียส่งเสียงแหลมปรี๊ดแทรกขึ้น ราวกับลืมไปว่า ฝ่ายของตน คือฝ่ายที่เริ่มใช้ถ้อยคำร้ายกาจและเริ่มกล่าวหาคนอื่นก่อน

“ชิ!... ขุนนางที่ดูแลเรื่องการศึกษาจะมารู้ดีเรื่องเศรษฐกิจได้อย่างไร” วิโอเรียหยามด้วยความโมโหที่ถูกโอดิลอนเข้ามาวุ่นวายกับแผนของเธอ

“ไม่ต้องดูแลเรื่องเศรษฐกิจแค่ฟังอย่างเดียวก็รู้ได้แล้ว ถ้ามีสติปัญญา” โอดิลอนใช้นิ้วเคาะศีรษะของตนเองก่อนจะจ้องตากับรูฟัสอย่างท้าทาย

“คนเราน่ะ เวลาจะลุกขึ้นเรียกร้องอะไร ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของตนก็ไม่ทุ่มเทเกณฑ์คนมาช่วยสนับสนุนมากขนาดนี้หรอก”

มาถึงตรงนี้รูฟัสก็โกรธจนลมออกหู ตัวสั่นเทิ่มจนตากระตุก แต่ดูเหมือนขุนนางจากตระกูลโอดิลอนจะไม่ยอมลดราวาศอก เพราะยังคงพูดต่อไป

“ข้อเสนอของท่านนึกว่าใครๆเขาดูไม่ออกหรือว่าท่านต้องการอะไร?” เสียงของโอดิลอนดังขึ้นเรื่อยแข่งกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสภา

“ถ้าเจ้ายังไม่หยุดสบประมาทข้า เราจะได้เห็นดีกัน เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงกล้ากล่าวหาข้าแบบนี้ หา! ที่ข้าอุตส่าห์ขอเปิดประชุมนี้ ก็เพื่อประชาชนและอาณาจักรแอนดิซองที่ข้ารักยิ่งชีวิต แต่เจ้ากลับ...” รูฟัสตะโกนเสียงดังลั่นอย่างโกรธเกรี้ยว

“โอ้ งั้นหรือท่านรูฟัส ท่านว่าที่ท่านเปิดประเด็นร้อนพวกนี้เพราะท่านรักประชาชน และรักอาณาจักรแอนดิซองงั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นข้าขอถามว่า ท่านลืมไปหรือเปล่าว่า อาณาจักรนี้เป็นของใคร แอนดิซองแห่งนี้เป็นของราชวงค์ชาร์ริเต้ ประชาชนทุกคนคือประชาชนของเจ้าหญิงอลาน่า ดังนั้นถ้าใครในโลกนี้จะพูดได้เต็มปากว่ารักประชาชนและรักอาณาจักรแอนดิซองมากที่สุด คนนั้นก็คือเจ้าหญิงอลาน่า ถ้าท่านคิดว่านโยบายที่ท่านนำเสนอ พวกเราควรรับไปทำเพราะมาจากความรักแอนดิซอง แล้วนโยบายที่พวกท่านโจมตีและพยายามทำลายทั้งที่มาจากเจ้าหญิงที่รักแอนดิซองมากกว่าพวกท่านไม่รู้กี่เท่า พวกเราก็ควรเชื่อมั่น และสนับสนุนมันมากกว่ามิใช่หรือ” ขุนนางจากตระกูลโอดิลอนหันไปประสานตากับแม่มดน้ำแข็งตรง ๆ อย่างไม่เกรงใจ ก่อนจะหันกลับไปชี้นิ้วใส่หน้ารูฟัส “ความรักต่อแอนดิซองของพวกท่านเทียบเจ้าหญิงไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยว”

รูฟัสเลือดขึ้นหน้า ตะโกนด้วยความโกรธอย่างขาดสติ

“หนอย!!! เจ้าหญิงที่มัวแต่บ้าศาสนา จนละเลยหน้าที่บริหารประเทศน่ะเหรอ เอาแต่สร้างภาพเรียกคะแนนนิยมจากประชาชนชั้นล่าง ก็แค่หวังสร้างนโยบายประชานิยมเพราะกลัวตกบัลลั.....”

ฝุบ! โครม!

รูฟัสพูดไม่ทันจบ ผ้าคลุมสีขาวจากที่นั่งฝั่งขุนนางก็พริ้วพุ่งมาอย่างรวดเร็ว ร่างอ้วนใหญ่ก็ถลาไปกระเทกกับสมาชิกสภาที่นั่งอยู่ข้างๆ จนล้มระเนระนาดไปเป็นแถบอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เสียงล้มกระแทกดังสนั่นหวั่นไหว เสียงร้องและเสียงโอดโอยดังระงมไปทั้งบริเวณ เบื้องหน้าร่างของรูฟัส เป็นร่างของชายสวมเกราะมีน้ำเงิน ราชองครักษ์และผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งแอนดิซอง อองเดร ออเนอเร่ ยืนตระหง่านพร้อมกับกระชับดาบในมือมั่น สายตาเย็นเยียบแข็งกร้าวทำเอาทุกคนรู้สึกเย็นวาบราวกับอุณหภูมิห้องลดต่ำลงทันทีทันใด รูฟัสที่ล้มกลิ้งไม่เป็นท่านอนทับร่างของพ่อค้าอีกคนหนึ่งที่อ้วนน้อยกว่าจนมองดูเหมือนก้อนกลม ๆ สองก้อนวางซ้อนทับกันอยู่บนพื้น ที่จริงหากเป็นคนธรรมดาโดนกระแทกแรงขนาดนี้คงสลบไปแล้ว แต่นี่ไม่รู้เพราะไขมันในตัวของพ่อค้ารูฟัสหรือเพราะได้เบาะมนุษย์ที่นุ่มนิ่มรองรับอยู่ด้านล่าง ทำให้พ่อค้าร่างยักษ์อย่างรูฟัสไม่ถึงกับสลบแต่ก็ตาลอยคล้ายกับคนเมาที่ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน

“หยุดนะ!” เสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความปวดร้าวของเจ้าหญิงอลาน่านั่นเองที่ทำให้ทุกคนได้สติ

“ตายจริง ช่างดีเหลือเกิน ที่มี’พลพรรคพิทักษ์เจ้าหญิง’ออกมาช่วยปกป้องกันเต็มไปหมด แต่ถึงกับสั่งให้ลงไม้ลงมือกับประธานสภาพ่อค้าขนาดนี้ ไม่รุนแรงเกินไปหรือเพคะ เจ้าพี่ ใครแสดงความเห็นแตกต่างหน่อยต้องโดนอะไรแบบนี้ แล้วต่อไป ใครจะกล้าทูลคัดค้านอะไรได้เล่าเพคะ” วิโอเรียพูดพลางทำหน้าตกอกตกใจ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi9 Chapter 14 @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ธ.ค. 15, 2010 4:46 pm

“วิโอเรีย! นี่เธอ...” เจ้าหญิงอลาน่าทรงอุทานด้วยความตกพระทัยด้วยแทบไม่เชื่อหูพระองค์เองว่าจะถูกพูดปรักปรำให้เข้าใจผิดว่าพระองค์เป็นผู้สั่งให้ราชองครักษ์ลงมือกับรูฟัสแบบซึ่ง ๆ หน้าเช่นนี้ แต่ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ วิโอเรียก็กรีดร้องขึ้นมาจนเสียงหลงเสียก่อน

“อ๊ายยยยย! อย่าเพคะเจ้าพี่ อย่ามองหม่อมฉันด้วยสายตาอย่างนั้น อย่าสั่งให้ท่านราชองครักษ์ทำร้ายหม่อมฉันเหมือนทำร้ายท่านรูฟัสเลย หม่อมฉันกลัวแล้ว” วิโอเรียร้องโวยวายอย่างลนลาน แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเพราะรู้สึกเย็นสันหลังวาบ หญิงสาวรีบหันไปยังทิศทางที่รังสีอำมหิตแผ่ออกมา แต่ก็แทบไม่จำเป็นต้องเดาเลยว่ารังสีอำมหิตนั้นแผ่ออกมาจากผู้ใด ริมฝีปากบางที่เตรียมจีบปากจีบคอพูดก็พลันปิดสนิทแทบจะทันทีเมื่อได้ประสานสายตาแข็งกร้าวและใกล้จะหมดความอดกลั้นที่จ้องเขม็งมาที่เธอ มือที่กำดาบน้ำแข็งเกร็งสั่น วิโอเรียไม่โง่พอที่จะเอาชีวิตของตนไปเสี่ยงกับอารมณ์อันเชี่ยวกราดของราชองครักษ์อองเดรในเวลานี้
อองเดรหรี่ตาแคบ กัดกรามแน่น ค่อย ๆ หันปลายเท้าไปทางหญิงสาว ซึ่งก็ทำให้วิโอเรียถึงกับผงะไปด้านหลัง

“พอได้แล้ว...พอสักที!!” เจ้าหญิงทรงพยายามอย่างเหลือเกินที่จะบังคับอารมณ์ของพระองค์ไว้มิให้น้ำพระเนตรไหลออกมา ตรัสแล้วก็ทรงหันหลังเสด็จออกจากที่ประชุมอย่างรวดเร็วราวกับกำลังวิ่งหนีสัตว์ร้ายที่กำลังไล่ล่าพระองค์ปล่อยให้ทุกคนต่างตกตะลึงหันไปมองเจ้าหญิงอลาน่าที่ทรงผลุดผลัดออกจากประตูไป

บรรดาสมาชิกสภางุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รูฟัสนั้นตัวสั่นงันงกไม่รู้ว่าเพราะกลัวหรือโกรธหรืออาจทั้งสองอย่าง ในขณะที่วิโอเรียมองประตูที่เปิดอ้าด้วยอาการกระหยิ่มยิ้มย่อง แต่แล้วรอยยิ้มก็เลือนหายไปเมื่อเหลือบสายตาไปเห็นราชองครักษ์อองเดรที่กำลังเหม่อมองไปทางประตูที่ว่างเปล่าเช่นกัน ด้วยสายตาที่ปวดร้าว และห่วงใย ที่ไม่เคยมีใครคาดคิดว่าจะได้เห็นจากชายผู้นี้ ความริษยาโหมกระพือขึ้นทันที แม่มดน้ำแข็งตวัดสายตากลับไปทางประตูที่ว่างเปล่าอีกครั้งแต่ครวนี้เต็มไปด้วยความชิงชังและมาดร้าย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)


ย้อนกลับไปยัง Summoner Novel

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน