Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. มี.ค. 28, 2024 8:12 pm

หน้าเว็บบอร์ด Wiser Summoner Novel @@ นิยายSMN Epi9 Chapter 12 ความผิดพลาดของแอสเซนเซียโน่ @@

อ่านนิยาย Summoner Master Episodeต่าง ๆ ได้ที่นี่

Moderator: Jinger Ginger


@@ นิยายSMN Epi9 Chapter 12 ความผิดพลาดของแอสเซนเซียโน่ @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ธ.ค. 15, 2010 4:07 pm

Chapter 12 ความผิดพลาดของแอสเซนเซียโน่



ภายในห้องประชุมของเหล่าแม่ทัพของฟีเลเซีย มีเสียงวิพากวิจารณ์ดังไปทั่ว เสียงประนามหยามเหยียด ดังขึ้นเป็นระยะๆ และที่ดูทีท่าจะไม่สงบลงง่ายๆ ทั้งนี้ก็เพราะสายสืบของกองทัพรายงานมาว่า กองทัพซาโลมแอบสร้างป้อมปราการลับขึ้นมา ไกลออกไปทางทิศตะวันออกของเทือกเขาคีรีบันดา ป้อมปราการลับนี้สร้างบริเวณใต้ชะง่อนผาขนาดใหญ่ โดยอยู่สูงขึ้นไปเกือบถึงช่วงกลางของเทือกเขา ซึ่งเป็นบริเวณที่มีต้นไม้ใบหญ้าขึ้น เนื่องจากมีลำธารสายเล็กๆ หลายสายอันเกิดจากการละลายของน้ำแข็งบนยอดเขาคีรีบันดาไหลหล่อเลี้ยงพืชพันธุ์ต่างๆ ทั่วบริเวณ ทำให้มีสัตว์เล็กๆ หรืออาจมีกระทั้งสัตว์ใหญ่ให้ทหารซาโลมได้ล่าเป็นอาหาร แผนที่จะกดดันให้กองทัพซาโลมอดยากจนอ่อนแอหรือถอนกำลังเพราะขาดเสบียงจึงแทบจะล้มพังไม่เป็นท่า

“สายของเรารายงานว่า พวกมันสร้างป้อมฝั่งลึกเข้าไปในเทือกเขา และภายในคงจะพรุนเป็นรังมดเลยเชียวละ เพราะมีการลำเลียงเศษหินดินทรายออกมาทิ้ง ภายนอกป้อมตลอดเวลา” แม่ทัพชาร์ล กล่าวทูลเสียงเครียด

“การที่พวกมันสร้างป้อมลึกเข้าไปในเทือกเขาเช่นนี้ ทำให้บรรดาสายลับของกระหม่อมไม่สามารถสั่ง นก ซอร์ว วิง เข้าไปสืบความเคลื่อนไหวภายในได้เลยพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าหน่วยสอดแหนม ฟอล์คเนอร์ ทูลเสียงเครียด

“แล้วทางฟูดินันล่ะ?” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสถามเสียงเครียด “สายสืบของพวกเจ้าสืบความได้อย่างไรบ้าง?”

“ทางอากาศ เราส่งนักค้นหา มือดีที่สุดของเราออกไปสำรวจโดยรอบแล้ว แต่ว่าชะง่อนหินขนาดใหญ่นั่นเป็นอุปสรรคสำคัญ ทำให้การสอดแนมภายในป้อมหินนั้นยากลำบากมาก ดังนั้นเราจึงตัดสินใจส่งนักล่าแห่งฟูดินันลอบเข้าไปใกล้พื้นที่ที่สร้างป้อมช่องขนาดใหญ่ที่ถูกเจาะไว้เพื่อเป็นช่องระบายอากาศถูกก่อกำแพงล้อมสูง มีเวรยามเฝ้าแน่นหนา เราเชื่อว่าภายในเทือกเขาถูกเจาะลึกเข้าไปหลายชั้น และลึกมากพอดู พวกชั้นลึกๆ คงจัดไว้ให้พวกกองทัพผีอยู่และเป็นที่ผลิตทหารผี เพราะพวกมันไม่จำเป็นต้องใช้อากาศหายใจ ส่วนพวกรอบนอกและพวกอยู่ใกล้หน้าป้อมปราการของพวกทหารที่เป็นมนุษย์ ส่วนโครงสร้างของป้อมหินนี้ แม้หน้าป้อมปราการหินจะกว้างมากก็จริง แต่ที่ดูทีท่าว่าพวกซาโลมจะสร้างกำแพงหินปิดปากทางเข้าเพื่อบดบังการสอดแนมของฝ่ายเรา เพราะพวกมันเริ่มขุดร่องลึกรอบเขตหน้าป้อมปราการ หากพวกมันทำได้สำเร็จพวกเราก็แทบจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าพวกซาโลมทำอะไรกันหลังกำแพงนั่น” ฮารีซันซึ่งบัดนี้กลายเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรฟูดินันแล้วพูดขึ้น เขาใช้คำว่าเราเสมอเพราะการตัดสินใจกระทำการใดๆ มาจากความเห็นชอบของแม่ทัพฟูดินันทุกคน เขาไม่เคยมีความคิดที่จะโอ้อวดผลงานใดๆ ว่าเป็นความเก่งกล้าสามารถของตน ทว่าการกระทำเช่นนั้นแม้จะน่ายกย่องแต่ก็ทำให้ผู้อื่นตีเจตนาผิดเพี้ยนไปได้ว่า เป็นผู้นำที่ขี้ขลาดและอ่อนแอ เพราะหากเกิดความผิดพลาดขึ้นการใช้คำว่า “เรา” ก็เหมือนกับการปัดความรับผิดชอบว่ามิใช่ตนเพียงคนเดียวที่ตัดสินใจ โดยเฉพาะบรรดาแม่ทัพนายกองของฟีเลเซียที่ถูกฝึกสอนให้เกียรติยศและศักดิ์ศรีเป็นสำคัญ

“นั่นมันแทบไม่ต่างจากการส่งชาวบ้านธรรมดาไปสอดแนมเลยไม่ใช่หรือ? ข้าว่าหากส่งเด็กชายชาวฟิเลเซียไปสอดแนม คงรู้อะไรมาได้มากกว่าคนของท่านล่ะมั้ง?” เสียงนายกองจากท้ายแถวตะโกนขึ้น ทำให้บรรดาแม่ทัพหลายนายพากันขำ แต่ก็มีหลายคนไม่ชอบใจเช่นกัน ด้านทราเฮิร์น แม่ทัพเซนทอร์นั้น โกรธจนลมแทบจะออกหูเขารู้ดีว่า แม้จะรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับอาณาจักรฟิเลเซียมาหลายปี แต่สำหรับแม่ทัพหลายๆ นายในฟิเลเซีย ฟูดินันก็ยังคงดูด้อยค่าในสายตาของพวกเขา แม้ฮารีซันจะยกมือขึ้นห้าม แต่แม่ทัพทราเฮิร์นก็ยกกีบเท้าหน้าขึ้นฟาดพื้นสุดแรงหมายจะปรามขุนศึกชาวฟีเลเซียให้สงบปากสงบคำ แต่กีบเท้ายังไม่ทันถึงพื้นเสียงแสดงความไม่พอใจก็ดังสวนขึ้นก่อน

“โอหังและหยาบคายที่สุด ผู้ที่เจ้าพูดจาดูแคลนคือกษัตริย์แห่งฟูดินันน่ะ เป็นผู้ที่ร่วมรบเคียงข้างฟีเลเซียมาหลายปีซ้ำยังเคยช่วยชีวิตข้าด้วย แทนที่จะให้เกียรติเจ้ากลับพูดจาหยาบคาย เจ้ายิ่งใหญ่มาจากไหนกัน” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสด้วยเสียงอันดัง พระพักตร์แดงขึ้นด้วยอารมณ์โกรธ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi9 Chapter 12 @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ธ.ค. 15, 2010 4:08 pm

“เจ้านั่นมันใครกัน?” กษัตริย์ ซิกมันด์ ตรัสเสียงเบาถามแม่ทัพชาร์ล

“ทูลฝ่าบาท นั่นคือ อลอนโซ แอสเซนเซียโน่ เพิ่งได้เลื่อนขั้นเป็นนายกองพ่ะย่ะค่ะ”

“คนจากตะกูลแอสเซนเซียโน่งั้นรึ?” กษัตริย์ ซิกมันด์ทรงทวนคำ “นั่นมันตระกูลเก่าแก่ตั้งแต่ยุคแรกๆ ของฟีเลเซียนิ”

“แอสเซนเซียโน่รึ?” เจ้าหญิงเรจิน่า ทรงทวนคำ เบ้พระโอษฐ์ทันที เหมือนไม่ใคร่จะทรงเชื่อว่า นายทหารผู้หยาบคายจะเป็นผู้มาจากเชื้อสายตระกูลเก่าแก่ของฟีเลเซีย

ตระกูลแอสเซนเซียโน่นั้น นอกจากจะเป็นตระกูลเก่าแก่แล้ว ตระกูลแอสเซนเซียโน่ยังมีสมาชิกในวงศ์ตระกูลมากมายเข้ารับราชการทั้งเป็นขุนนาง และทหารหลายยุคหลายสมัย สร้างชื่อเสียงและขยายขอบเขตอำนาจในหน่วยงานราชการฟิเลเซียจนสร้างชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลอยู่ไม่น้อย แต่ก็เหมือนตระกูลเก่าแก่ทั่วไปที่ไม่ใช่ว่าสมาชิกทุกคนจะประพฤตตัวดี หรือเก่งกล้าสามารถอย่างแท้จริง ด้วยชื่อเสียงและอิทธิพล อำนาจ การใช้เส้นสายช่วยสนับสนุนลูกหลานหรือสมาชิกของวงศ์ตระกูลก็มีให้เห็นอยู่เนืองๆ แต่ด้วยความที่มีชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลนี้เอง ก็สามารถซื้อใจผู้คนได้ในระดับนึงเลยทีเดียว

“ขอประทานอภัย ฝ่าบาท” นายพลนายหนึ่งก้าวออกมาจากช่วงกลางของแถวทหาร พร้อมทำความเคารพด้วยความหนักแน่น นายพลผู้นี้ดูสูงวัยกว่านายกองอลอนโซไม่มากนัก “กระหม่อมนายพลแอสเซนเซียโน่ จากเมืองวอลเนีย ขอพระราชทานอนุญาตทูลชี้แจงพ่ะย่ะค่ะ”

“อีกหนึ่ง แอสเซนเซียโน่รึนี่?” กษัตริย์ซิกมันด์ ทรงเอนหลังพิงบัลลังก์ ในขณะที่คนอื่นๆ ขมวดคิ้วมองหน้ากันไปมา เพราะเริ่มงุนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“นายพล แอสเซนเซียโน่จากเมืองวอลเนีย เจ้าอยากจะชี้แจงอะไรก็ รีบพูดมา” กษัตริย์ซิกมันด์โบกพระหัตถ์ขึ้นเป็นสัญญาณ

“ทูลฝ่าบาท สิ่งที่นายกองอลอนโซ พูดนั้น ไม่ได้หมายความว่า เป็นคำพูดของตระกูลแอสเซนเซียโน่ทั้งหมด และขอให้ฝ่าบาททรงเข้าพระทัยว่าตระกูลแอสเซนเซียโน่ไม่ได้มีเจตนาดูแคลนกษัตริย์ฮารีซันหรือล่วงเกินเจ้าหญิงเรจิน่าแต่อย่างใด”

“เราเข้าใจ ท่านอย่าวิตกไปเลย” กษัตริย์ฮารีซันพูดอย่างใจเย็น

“ทูลฝ่าบาท” นายกองอลอนโซรีบฉวยโอกาสพูดขึ้นบ้าง “กระหม่อมก็ขอพระราชทานอนุญาตชี้แจง”

กษัตริย์ซิกมันด์ ทรงเหลือบพระเนตรไปทางเจ้าหญิงเรจิน่าก็ทรงเห็นว่า เจ้าหญิงมีพระพักตร์บึ้งตึงและเหลือบพระเนตรจ้องมาทางพระองค์อยู่ก่อนแล้ว ครั้งนี้ดูพี่สาวของพระองค์จะโกรธมากจริงๆ

“อลอนโซ แอสเซนเซียโน่ ข้าชื่นชมคนกล้า แต่ไม่ใช่ปากกล้า ถ้าเจ้าจะแค่วิพากษ์วิจารณ์อย่างเมื่อครู่ก็ถอยกลับไปซะ”

“มิใช่เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ” นายกอง แอสเซนเซียโน่รีบละล่ำละลักกราบทูล

“ถ้าเช่นนั้นก็จงรีบพูดมา”

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเป็นแอสเซนเซียโน่ก็จริง แต่ก็เป็นแอสเซนเซียโน่สายรอง ไม่ใช่แอสเซนเซียโน่สายหลักเช่นนายพลแอสเซนเซียโน่จากเมืองวอลเนีย” อลอนโซแสร้งพูดเหน็บ

“เจ้าอยากพูดอะไรกันแน่ ข้าไม่ได้มีเวลาทั้งวันมาฟังเจ้าลำดับตระกูลน่ะ” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสเสียงแข็งขึ้น

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมมั่นใจว่ากระหม่อมสามารถสอดแนมป้อมของไอ้พวกป่าเถื่อนนั่นได้ดีกว่าฟูดินันและถ้าพระองค์ประทานกองทัพให้กระหม่อมสักสามแสน ไม่สิ... แค่ห้าหมื่นนายก็พอ กระหม่อมจะทำลายป้อมนั่นให้พังพินาศ ขอเพียงฝ่าบาทประทานโอกาสให้กระหม่อม กระหม่อมจะพิสูจน์ว่ากระหม่อมมิใช่เก่งกล้าแค่วาจาเท่านั้น” อลอนโซ แอสเซนเซียโน่ ประกาศเสียงดังเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เรียกเสียงฮือฮาจากบรรดาแม่ทัพนายกองจนอื้ออึงไปทั้งห้องประชุม เพราะแม้จะเป็นวาจาที่กล่าวเหมือนโอ้อวด แต่ด้วยความที่เป็นแอสเซนเซียโน่ และวาจาที่มั่นอกมั่นใจเต็มเปี่ยมของเขา ก็ทำให้คำพูดของเขามีความน่าเป็นไปได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เนื่องเพราะในประวัติศาสตร์ของฟิเลเซียก็มีเหตุการณ์สำคัญหลายครั้งที่เหล่าวีรบรรพชนแห่งฟิเลเซียสามารถเอาชนะข้าศึกจำนวนมากด้วยกำลังพลที่น้อยกว่า

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงได้ยินดังนั้นก็เหลือบมองเจ้าหญิงเรจิน่าและชาร์ล คราแลนซ์ เพื่อพิจารณาท่าทีของทั้งคู่ซึ่งทั้งสองก็มีอาการคล้ายกับพระองค์ คือไม่คิดว่านายกองผู้นี้จะกล้าขอกองทัพจากพระองค์ กษัตริย์ซิกมันด์ทรงเบ้พระโอษฐ์ขึ้นคล้ายกำลังครุ่นคิดและพิจารณานายกองหนุ่มจากตระกูลเก่าแก่

“บอกข้าสิ อลอนโซ แอสเซนเซียโน่ เจ้ามีความสามารถอะไรโดดเด่นมากกว่าความทะเยอทะยานของเจ้าที่จะทำให้ข้าอนุมัติตามคำพูดของเจ้า”

“ซิกมันด์อย่าบอกนะ ว่าเจ้าเห็นดีเห็นงามกับนายกองนี่” เจ้าหญิงเรจิน่า เบิกพระเนตรตรัสเสียงสูงอย่างไม่เก็บกิริยา เพราะพระองค์ยังกริ้วกับวาจาสามหาวของเขา
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi9 Chapter 12 @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ธ.ค. 15, 2010 4:09 pm

“ข้ายังไม่ได้ตัดสินใจอะไรทั้งนั้น” กษัตริย์ซิกมันด์นิ่งพระพักตร์ตรัสเสียงห้วน เพราะรู้สึกเหมือนโดนพี่สาวหักหน้าให้เสียเกียรติ พระองค์ทรงเหลือบมองไปยังกษัตริย์จากฟูดินัน เพื่อสังเกตท่าทีกษัตริย์ของพวกชาวป่า แต่จากการได้ร่วมประชุมบ่อยครั้งและจากการเรียนรู้อุปนิสัยของชาวฟิเลเซียที่ถือเรื่องเกียรติยศและศักดิ์ศรีเป็นสำคัญ และยิ่งต่อหน้าคนจากชนชาติอื่น ซึ่งถูกมองว่าต้อยต่ำกว่าฟิเลเซีย ศักดิ์ศรีก็ยิ่งถูกทำให้เสียหายมากขึ้น ก็ทำให้กษัตริย์ฮารีซันวางตัวนิ่งเฉยคล้ายกับกำลังสนใจเรื่องอื่นอยู่จนไม่ทันได้ฟังอะไรถนัดนัก ดังเช่นขณะนี้ที่เขากำลังมีทีท่าสนใจแบบจำลองป้อมของพวกซาโลมอยู่

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงสูดลมหายใจเข้าแรงคล้ายเพื่อข่มอารมณ์ ก่อนจะปรับพระพักตร์มาเป็นพระพักตร์ที่อ่านไม่ออกอีกครั้ง

“ว่าอย่างไร?” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงจี้ถามนายกองหนุ่มอีกครั้ง

“ทูลฝ่าบาท” นายกอง อลอนโซ ยืดอกขึ้นให้ดูร่างกายใหญ่กว่าเดิม “หากกระหม่อมไร้ความสามารถก็คงไม่ก้าวขึ้นมาเป็นนายกองได้รวดเร็วเช่นนี้ แม้กระหม่อมจะไม่ใช่แอสเซนเซียโน่ สายหลักแต่กระหม่อมก็ได้ร่ำเรียนวิชาต่างๆ เหมือนบรรดาลูกหลานแอสเซนเซียโน่สายหลัก ขอเพียงมีโอกาสกระหม่อมจะพิสูจน์ให้พระองค์ประจักษ์” นายกองทูลอย่างฉะฉาน

บรรดาแม่ทัพนายกองต่างแตกกันเป็นสองเสียงทั้งเสียงสนับสนุนดังกันเซ็งแซ่ กษัตริย์ซิกมันด์ทรงให้สัญญาณกับแม่ทัพชาร์ล แม่ทัพใหญ่เดินเข้าไปใกล้ที่ประทับก่อนที่แลกเปลี่ยนคำพูดกันสามสี่ประโยค

ทันทีที่กษัตริย์ซิกมันด์ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นเป็นสัญญาณทั้งห้องประชุมก็เงียบเสียงลง ต่างจ้องมองกษัตริย์ของตนเป็นตาเดียวคล้ายกับกำลังลุ้นผลการตัดสินใจ

“ข้าอนุมัติตามคำขอของเจ้า”

นายกองอลอนโซ สูดหายใจเข้าใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ ทว่าเสียงฮือฮาจากบรรดาแม่ทัพนายกอง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วย ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือเจ้าหญิงเรจิน่า

“อะไรนะ! ซิก...” เจ้าหญิงเรจิน่ายังไม่ทันจะตรัสจบ กษัตริย์ซิกมันด์ก็ยกพระหัตถ์ขึ้นปรามก่อนโดยไม่ได้ทรงหันพระพักตร์มาหา

“ข้ายังพูดไม่จบ!!” เสียงต่างๆ ภายในห้องประชุมเงียบลงทันทีพร้อมๆ กับรอยยิ้มที่เจื่อนลงด้วยความไม่แน่ใจของนายกองที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นนายพลอย่างไม่เป็นทางการ

“ข้าอนุมัติกองทัพให้เจ้าแสนห้าหมื่นนาย แต่หนึ่งในสามนั้นเป็นกองทัพของฟูดินัน ให้แม่ทัพของฟูดินันคนหนึ่งติดตามไปด้วย”

“ฝ่าบาท!!” อลอนโซ ซึ่งตอนนี้รู้สึกเหมือนฝันสลาย ใบหน้าแดงด้วยความอับอายและขุ่นเคือง แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ กษัตริย์ซิกมันด์ก็ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นปรามเหมือนที่ทรงทำกับพี่สาวของพระองค์

เจ้าคิดว่าข้าจะให้คนไร้ประสบการณ์การควบคุมกองทัพใหญ่มาคุมกองทัพเรือนแสนทันทีหรือ? เจ้ามีความทะเยอทะยานและความมั่นใจเต็มเปี่ยมก็จริง แต่นั่นยังไม่มากพอที่ข้าจะวางใจได้ ถ้าเจ้าอยากได้โอกาสพิสูจน์ตัวเอง การนำทัพร่วมกับฟูดินันนี่แหละจะพิสูจน์ตัวเจ้า ว่าเจ้าสามารถบัญชาการกองทัพได้หรือไม่ ถ้าเจ้าสามารถพิสูจน์ตัวเองว่าเจ้ามีความสามารถที่จะคุมกองทัพที่มีความสามารถที่จะคุมกองทันทีมีความหลากหลายได้ดี โอกาสที่เจ้าร้องหามาถึงเจ้าแน่”

“พ่ะย่ะค่ะ” อลอนโซ ทูลรับเสียงอ่อยลงด้วยความเจ็บใจ ท่ามกลางเสียงสนับสนุนบ้างก็ลอบหัวเราะเยาะดังแว่วมาจากทหารบางคน เจ้าหญิงเรจิน่าทรงลอบสบพระเนตรกับฮารีซันก่อนจะทรงถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ท่านมีแผนการณ์อย่างไร?” กษัตริย์ฮารีซันพูดขึ้นทำให้ทั้งห้องประชุมเงียบเสียงลงทันที เพราะทุกคนต่างก็อยากรู้ว่าทางฝ่ายฟูดินันจะมีท่าทีอย่างไร

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงเหลือบมอง ฮารีซันด้วยพระพักตร์ที่ไม่แสดงสีพระพักตร์ใดๆ ก่อนจะตรัสตอบ

“ข้าต้องการให้อลอนโซยกทัพทำทีว่าจะตีป้อมเพื่อหันเหความสนใจ แล้วให้กองทัพฟูดินันเข้าก่อกวนจากด้านข้าง เพื่อพยายามสอดแนมเพิ่มเติม ข้าต้องการรู้รายละเอียดป้อมนี้ให้มากกว่านี้ก่อน”

“กระหม่อมเห็นด้วยกับพระองค์” แม่ทัพชาร์ลพูดขึ้น “กระหม่อมคิดว่าการโจมตีป้อมไม่น่าจะสำเร็จในทีเดียวซาโลมน่าจะมีการเตรียมตัวรับมือพอสมควร เราจะประมาณไม่ได้”

“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะให้ดามิก้านำทัพไป เพราะนางเชี่ยวชาญด้านการสอดแนม อาลูปัสสัตว์คู่กายของเธอก็ว่องไวและชำนาญการปีนไต่เขา” กษัตริย์ฮารีซันออกความเห็น

“ข้าเห็นด้วย” เจ้าหญิงเรจิน่า ตรัสสนับสนุน “ข้าเคยเห็นนางขี่อาลูปัสวิ่งไต่ขึ้นกำแพงเมืองมาแล้ว มันว่องไวมากจริงๆ” ซึ่งทั้งกษัตริย์ซิกมันด์ และแม่ทัพชาร์ลก็พยักหน้ายอมรับเพราะพวกเขาก็เคยเห็นกับตาตนเองมาแล้วเช่นกัน

“ฝ่าบาทจะให้ข้าออกรบกับหญิงที่สักเนื้อตัวจนลายพร้อยนั่นหรือ?!” อลอนโซร้องแทรกเสียงหลง เพราะท่าจะเปรียบไปผู้หญิงที่สักเนื้อตัวก็เหมือนกับผู้หญิงที่มีมลทินสำหรับชาวฟีเลเซีย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi9 Chapter 12 @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ธ.ค. 15, 2010 4:10 pm

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงขมวดคิ้วจ้องเขม็งไปยังนายกองอลอนโซ “นางมีประโยชน์ต่อแผนของเรา เจ้ามีปัญหาอะไร?” หรือเจ้าพิจารณาคนอื่นได้ดีกว่านี้?” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสเสียงห้วน เมื่อทรงเห็นว่าชายหนุ่มยังคงเงียบด้วยท่าทีอึดอัดไม่พอใจ จึงตรัสต่อ “เจ้าจะทำภาระกิจนี้หรือไม่ทำ ถ้าไม่...ก็จงถอยกลับเข้าไปในแถวของเจ้าซะ”

นายกองหนุ่มได้ยินดังนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก ยืดตัวขึ้นทันโอกาสที่เขาจะได้ไต่เต้าในตำแหน่งสูงเช่นนี้คงมีไม่มาก หากเขาทำสำเร็จชื่อเสียง เกียรติยศ เงินทองคงแทบจะมากองอยู่แทบเท้าเขา และคงได้รับจารึกว่าเป็นสมาชิกแถวหน้าของตระกูลแอสเซนเซียโน่

“ทำพ่ะย่ะค่ะ!!” อลอนโซ ประกาศเสียงดังจนแทบจะเป็นการตะเบ็ง

“เราแต่งทัพได้เร็วแค่ไหน?” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงถามแม่ทัพชาร์ล

“พรุ่งนี้พ่ะย่ะค่ะ”

กษัตริย์ซิกมันด์ ทรงเหลือบพระเนตรไปทางกษัตริย์ฮารีซันคล้ายจะถามความพร้อมของฝ่ายฟูดินัน ซึ่งกษัตริย์ก็พยักหน้ารับว่าฝ่ายของตนก็พร้อมเช่นกัน กษัตริย์ซิกมันด์ ทรงพยักพระพักตร์เป็นเชิงรับรู้ก่อนจะตรัสกับนายกองหนุ่ม

“พรุ่งนี้เจ้าจงนำกำลังยกไปประชิดป้อมค่ายของพวกมันเพื่อพวกฟูดินันจะได้พยายามสอดแนมและเก็บข้อมูลมาให้ได้มากที่สุด จงบุกเมื่อสบโอกาสเท่านั้น และหากเก็บข้อมูลได้เพียงพอแล้วหรือเกิดพลาดท่าเสียที ให้รีบถอนกำลังทันที เข้าใจไหม?”

“พ่ะย่ะค่ะ” อลอนโซรับคำ ทว่าความคิดของเขาโลดแล่นไปไกลแล้ว

รุ่งเช้ากองทัพก็ยาตราออกจากประตูทิศตะวันออก มุ่งสูป้อมหินของซาโลมทันที กองทัพหนึ่งแสนห้าหมื่นนายอันประกอบด้วยฟิเลเซียแสนนายและฝ่ายฟูดินันห้าหมื่นนาย อลอนโซในชุดเสื้อเกราะเต็มยศ ควบม้าด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ ระหว่างที่เขากำลังเพลิดเพลินกับความคิดต่างๆ ภายในหัว จู่ๆ ความคิดของเขาก็ต้องสะดุดลง เมื่อมีเสียงเรียกสั้นห้วนมาหยุดความคิดของเขา

“นี่! …เฮ้!” ดามิก้าขี่อาลูปัสควบตีคู่กับม้าของแม่ทัพคนใหม่ หญิงสาวพยายามเรียกเสียงให้ดังขึ้น เพื่อเรียกความสนใจจากเขา เพราะดูเหมือนเขาจะใจลอยไปไกลเลยทีเดียว

สีหน้าของแม่ทัพหนุ่มดูหงุดหงิดและยิ่งเปลี่ยนเป็นดูแคลน เมื่อเห็นว่าใครเป็นผู้ทำให้เขาหลุดออกมาจากสร้างมโนภาพถึงชัยชนะและความก้าวหน้าที่เขากำลังจะได้รับหลังจากชนะศึกครั้งนี้

“วู๊....!” ได้ยินรึเปล่า ?!” ดามิก้า แกล้งมองไม่เห็นสายตาดูแคลน หมายจะขอเอาคืนสักเล็กน้อย

“ข้าได้ยินแล้ว นางคนป่า มีปัญหาอะไร?” แม่ทัพแอสเซนเซียโน่ เหยียดปากถามด้วยความระอา หญิงไร้มารยาทผู้นี้ เขายังคงอัดอั้นตันใจกับคำสั่งสุดท้ายของกษัตริย์ซิกมันด์ ที่รับสั่งก่อนเขาจะเคลื่อนทัพ ทำไมกษัตริย์ซิกมันด์ต้องให้เขาออกรบกับพวกคนไพร ซ้ำยังต้องให้เขาหารือเรื่องการรบกับหล่อน จริงอยู่ว่าหล่อนเป็นหนึ่งในแม่ทัพของพวกฟูดินัน แต่คนป่าคนไพรเช่นนี้ จะมารู้เรื่องการรบทัพจับศึกได้ดีกว่าชาตินักรบอย่างฟีเลเซียได้อย่างไร

“นี่เราเดินทางมาสามวันแล้ว ซ้ำก็จวนจะถึงป้อมหินของพวกซาโลมอยู่แล้ว เรายังไม่ได้ตกลงกันเลยนะว่าจะวางแผนการรบยังไง” ดามิก้าพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย เธอพยายามพูดคุยกับแม่ทัพหนุ่มนายนี้มาตลอดสามวัน แต่ก็ได้รับแต่การบอกปัดและเพิกเฉย เธอทราบจากฮารีซันว่า แม่ทัพหนุ่มคนนี้ไม่ค่อยถูกกับชาวฟูดินันสักเท่าไหร่ แต่ที่เห็นนี่มันรังเกียจกันสุดๆ เลย ดีว่าเจ้าหญิงเรจิน่าและฮารีซัน บอกเป้าหมายและแผนของภารกิจนี้ไว้ก่อน ไม่เช่นนั้นเธอคงถอนทัพตั้งแต่วันแรก เพราะการรบโดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนก็เท่ากับแพ้ตั้งแต่ยังไม่ออกรบ

“นี่... ความอดทนของข้าก็มีขีดจำกัดนะ ต่อให้เจ้าจะชอบขี้หน้าของข้าหรือไม่ นั่นมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้า แต่หน้าที่ตอนนี้คือต้องร่วมมือกันทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาให้สำเร็จ ถ้าเจ้าไม่วางแผนการรบกับข้าเดี๋ยวนี้ ข้าก็จะถอนกำลังกลับหล่ะ” ดามิก้ากัดฟันกรอดเมื่อแม่ทัพหนุ่มยังคงเชิดหน้ายะโสอยู่บนหลังม้า

“เจ้ากล้าดียังไง มาพูดจาต่อรองกับข้า เจ้ารู้ไหมว่า ข้าเป็นใคร ข้าคือแอสเซนเซียโน่ อลอนโซ่มีเชื้อสายตระกูลเก่าแก่ ของฟีเลเซีย แม้แต่กษัตริย์หรือ เจ้าหญิงก็ยังมีปฎิกริยากับนามสกุลของข้า “แม่ทัพหนุ่มไม่รอช้าที่จะโอ้อวดความมีชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล

ดามิก้าได้ยินดังนั้นก็ถึงกับยกมือเกาศรีษะตนเอง พูดโพล่งออกมาทันทีตามนิสัย “ข้าไม่รู้หรอกว่านามสกุลเจ้าดีเลิศขนาดไหน? แต่ถ้าภารกิจครั้งนี้ไม่สำเร็จเรามีปัญหาแน่”

อลอนโซ ได้ยินดังนั้นก็หน้าบึ้งตึงขึ้นทันทีอารมณ์โกรธคุกรุ่นขึ้นมาทันทีจนรู้สึกได้ เพราะรู้ดีว่าหญิงชาวป่าพูดถูก หากเขาทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จ อนาคตและความก้าวหน้าในหน้าที่การงานไม่สำเร็จ อนาคตและความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของเขาคงดับวูบลงทันที และหากนางคนป่านี่ไปทูลฟ้องกษัตริย์ซิกมันด์ว่า เขาไม่ปรึกษาหารือกับนางตามที่ทรงมีรับสั่ง เขาคงต้องถูกเพ่งเล็งว่าขัดพระบัญชา อาจต้องโทษทั้งทางวินัยและพระอาญา คิดดังนี้แล้วก็ขบกรามแน่น สูดหายใจอย่างแรง “ข้าจะนำทัพโจมตีด้านหน้าป้อม เมื่อเห็นสัญญาณเจ้าก็บุกเข้าทางด้านข้าง เมื่อใดสัญญาณถอยก็ถอย” พูดจบ อลอนโซก็เร่งควบม้าจากไปพร้อมกับแถวทหารที่เร่งฝีเท้าตามแม่ทัพของตน ทิ้งให้ดามิก้านั่งอ้าปากค้างอยู่บนหลังอาลูปัส โดยมีทหารฟีเลเซียทั้งทัพม้าและอัศวินเคลื่อนผ่านเธอไป ทันทีที่ได้สติดามิก้าก็ตะโกนด้วยความโกรธจนสุดเสียง

“ไอ้บ้าเอ้ย! นี่ต้องเป็นการรบที่ห่วยแตกที่สุดในชีวิตของข้าเลย”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi9 Chapter 12 @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ธ.ค. 15, 2010 4:11 pm

เป็นเวลาฟ้าสางของวันที่สี่กองทัพฟีเลเซีย ซึ่งพรั่งพร้อมด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ครบครันก็เคลื่อนประชิดเชิงเขาคีรีบันดา เสียงระรัวกลองระดมพลของฝ่ายซาโลมก็สนั่นดังออกมาจากภายในป้อมหิน พร้อมกับเสียงตะโกนเป็นจังหวะเพื่อข่มขวัญ บ่งบอกว่ากองทัพซาโลมเองก็เตรียมพร้อมตั้งรับการมาของกองทัพฟีเลเซียอยู่แล้ว

กองทัพฟูดินันซึ่งบัดนี้กระจายกำลังไปทั่วเทือกเขารอบปากป้อมหิน โดยเว้นระยะห่างพอสมควรเพื่อไม่ให้ฝ่ายตนเป็นที่สังเกตเห็นได้ ดามิก้าให้สัญญาณกองทัพของตนก่อนจะส่งหน่วยสอดแนมค่อยๆ คืบคลานเข้าไปใกล้ปากป้อม แต่ใจก็เต็มไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด เพราะเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับต่างฝ่ายต่างรบ ดามิก้ามองกองทัพฟีเลเซียที่จัดขบวนทัพอยู่ด้านล่างเชิงเขาด้วยความกังวล เพราะยุทธภูมิเช่นนี้กองทัพฟีเลเซียเสียเปรียบอยู่ไม่น้อยทีเดียว

ดามิก้าได้แต่รอสัญญาณบุกจากแม่ทัพ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีสัญญาณใดๆ จากกองทัพฝ่ายซาโลมก็ดังกระหึ่มเป็นระยะๆ หมายจะยั่วให้กองทัพด้านล่างบุกโจมตีโดยเร็ว เพียงไม่กี่อึดใจกองทัพซาโลมก็ใช้เครื่องดีดหิน ดีดห่อซากอะไรซักอย่างหลายสิบห่อลงไปยังเชิงเขาด้านล่าง ดามิก้ารีบหยิบกล้องส่องระยะไกลแบบตาเดียวขึ้นมองตาม แต่ก็ได้เห็นว่านั่นคือซากศพของเหล่าอัศวินฟีเลเซีย ซึ่งอาจโดนฝ่ายซาโลมจับไว้เป็นเชลย หรืออาจแค่ซากที่จะใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อทำทหารผี

แต่แล้วสิ่งที่แม่ทัพชาวป่าทมิฬกังวลที่สุดก็เกิดขึ้นเมื่อกองทัพฟีเลเซียถูกยั่วยุสำเร็จ เหล่าทหารฟีเลเซียเฮโลกันวิ่งขึ้นมาตามเชิงเขา

“โอ้ บ้าชะมัด นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ!!” ดามิก้าสบถเสียงขรม บรรดาทหารฟูดินันต่างมองหน้ากันเลิกลั่กเมื่อเห็นทหารฟีเลเซียตกเป็นเป้าธนูของทหารซาโลมคนแล้วคนเล่า ทั้งยังมีหลุมกับดักที่มีไม้ปลายแหลมอยู่ก้นหลุมคอยดักบรรดาอัศวินฟีเลเซียที่ไม่ทันระวังมากมายกระจายไปทั่วบรเวณ ซ้ำยังมีระเบิดเพลิงที่ถูกระดมยิงออกมาจากป้อมหินไม่หยุด ภาพเบื้องล่างจึงไม่ต่างจากลานสังหารหมู่ที่น่าสยดสยอง

“เอาอย่างไรดีขอรับ ท่านดามิก้า?” รองแม่ทัพนายหนึ่งอดรนทนไม่ไหวจึงพูดขึ้น เมื่อดูเหมือนเวลาจะล่วงเลยมานาน แต่ไม่มีทีท่าว่าจะมีสัญญาณใดๆ จากแม่ทัพอลอนโซ

ดามิก้ากวาดตามองสภาพโดยรอบอีกครั้ง ความเคร่งเครียดแผ่ออกมาจน อาลูปัสพาหนะคู่กายสัมผัสได้จึงครางเบาๆ ทำหูลู่ไปทางด้านหลังศีรษะ

“สภาพภูมิประเทศแบบนี้ นอกจากทหารฟีเลเซียต้องออกแรงมากกว่าปกติเพื่อวิ่งขึ้นเนิน กำแพงของป้อมหินที่ตั้งฉากขึ้นบวกกับชะง่อนผาที่ยื่นออกมาจนทอดเงาปกคลุมบริเวณปากทางเข้าจนแทบมิด ยังทำให้ทัศนวิสัยในการมองหรือเล็งเป้าทหารในป้อมกำแพงยากขึ้นหลายเท่าตัว พวกเจ้าดูสิ ยิ่งทหารซาโลมมีผิวสีเข้มเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งทำให้กลืนไปกับความมืดภายในปากทางเข้าเข้าไปใหญ่” ดามิก้าพูดด้วยความหงุดหงิด “ความแรงของทั้งธนูและเครื่องยิงทั้งหลายก็ต่างกัน การยิงจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำนอกจากจะประหยัดแรงผู้ยิงแล้วความแรงก็มากกว่า ผิดกับพวกที่ยิงจากที่ต่ำไปหาที่สูง ซึ่งนอกจากจะต้องใช้แรงมากกว่าปกติแล้ว ยังทำให้ทหารอ่อนล้าเร็วด้วย

สถานการณ์เบื้องล่างยิ่งทีก็ยิ่งเลวร้ายลงทุกขณะทั้งลูกไฟและหลุมกับดักยิ่งทำให้กองทัพฟีเลเซียเกิดความสับสนอลหม่าน เสียงตะโกนสั่งการโหวกเหวกจนฟังไม่ได้ศัพท์ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีสัญญาณให้กองทัพฟูดินันบุกเสียที

ดามิก้ากวาดตามองภาพเบื้องล่างด้วยใบหน้าเคร่งเครียด หากปล่อยไว้นานกว่านี้เห็นทีจะต้องเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของกองทัพแน่ๆ “ไอ้เจ้าบ้านั่น มันตั้งใจจะรบคนเดียวตั้งแต่แรกแล้วสินะ” ดามิก้าฟาดกล้องส่องทางไกลลงกับพื้น “เปลี่ยนแผน!! ไม่ต้องรอสัญญาณแล้ว บุกโจมตีทันที ได้ยินสัญญาณจากข้าเมื่อไหร่ ให้ถอนกำลังทันที” พูดจบ ดามิก้าก้กระโจนขึ้นหลังอาลูปัส ควบตะบึงสู่สนามรบเบื้องล่างทันที



หลังจากที่กองทัพฟูดินันเฮโลกันบุกโจมตีป้อมหินของซาโลม เพื่อเบนความสนใจอยู่เป็นพักใหญ่เสียงแตรสัญญาณถอนทัพก็ดังขึ้น พร้อมๆ กับเสียงโห้ร้องด้วยความดีใจในชัยชนะของกองทัพเพลิง

กองทัพฟีเลเซียที่ถอยร่นไม่เป็นท่าต่างวิ่งกระจัดกระจายลึกเข้าไปในเขตทะเลทรายอันร้อนระอุ กว่าจะรวบรวมกำลังกันได้ใหม่ก็ใช้เวลาเกือบทั้งคืน กองทัพเรือนแสนกลับเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง ข้างฝ่ายฟูดินันก็เสียหายมิใช่น้อยเพราะต้องสูญเสียกำลังพลไปถึงหนึ่งในห้า นายพลอลอนโซซึ่งบัดนี้แขนซ้ายหักและมีบาดแผลถูกไฟลวกที่หน้าขาทั้งสองข้างนั่งคอตกอยู่บนหลังม้า ไม่เหลือเค้าของนายพลหนุ่มผู้ทะเยอทะยานอีกแล้ว

ทุกคนต่างเดินเท้ากลับสู่เขตเทือกเขาคีรีบันดาเพื่อลัดเลาะชายป่ากลับบ้านเมืองของตนอย่างเงียบๆ แม้แต่ดามิก้าก็ยังจนถ้อยคำจะพูด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi9 Chapter 12 @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ธ.ค. 15, 2010 4:13 pm

ดามิก้าซึ่งบัดนี้ขี่อาลูปัสขึ้นนำหน้า กลายเป็นผู้บัญชาการกองทัพไปโดยปริยาย เพราะดูเหมือนอลอนโซจะไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรทั้งสิ้น ความพ่ายแพ้อย่างยับเยินของกองทัพ ซ้ำเขายังถูกดามิก้าช่วยไว้เพราะเกือบจะตกลงไปในหลุมกับดัก ทำลายศักดิ์ศรีของเขาเสียยับเยิน นายพลหนุ่มมองไปข้างหน้าด้วยสายตาเหม่อลอย เขาไม่สนใจน้ำหรืออาหารที่ใครๆ ทำมาให้ บนหลังม้าที่มีอัศวินจูงเดิน เขาดูไม่ต่างจากหุ่นไร้ชีวิตเลย

แต่แล้วโดยที่ไม่มีใครทันคาดคิด ทันทีที่กองทัพเคลื่อนเข้ามาใกล้จนมองเห็นกำแพงเมือง แม่ทัพอลอนโซก็ร้องเสียงดังก่อนจะชักดาบขึ้นเชือดคอตนเอง ต่อหน้าต่อตาดามิก้าและบรรดานายทหาร แม่ทัพหนุ่มซบตัวลงกับคอม้าสิ้นใจตายที่หน้าประตูเมืองนั่นเอง

ภายในห้องประชุมที่บรรดาแม่ทัพนายกองทั้งหลายกำลังรอการกลับมาของกองทัพด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทว่าการพ่ายแพ้ อย่างยับเยินของกองทัพทำให้บรรยากาศภายในห้องตึงเครียดจนแทบจะไม่มีใครกล้ากระดิกตัวหรือเอื้อนเอ่ยคำใดๆ ออกมา

แม้แต่กษัตริย์ซิกมันด์ ซึ่งประทับบนบัลลังก์ด้วยสีพระพักตร์เคร่งขรึม แต่ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์พลุ่งพล่านที่แผ่ออกมาได้อย่างชัดเจน

ทันใดนั้น ประตูห้องก็เปิดออก มีอัศวินนายหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน ดูเหมือนเขาจะวิ่งมาไกลและแทบจะไม่ได้หยุดพักเลย

“ทูลฝ่าบาท...” อัศวินพยายามปรับลมหายใจก่อนจะพูดต่อ “แม่ทัพ... แม่ทัพอลอนโซฆ่าตัวตายที่หน้าประตูเมืองแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ปัง!!!

เกิดเสียงดังขึ้นจนคนทั้งห้องประชุมสะดุ้งโหย่งพลางหันไปมองทางต้นเสียงเป็นตาเดียว

กษัตริย์ซิกมันด์ซึ่งบัดนี้ยืนตระหง่านขึ้นเหนือบัลลังก์ ที่เท้าแขนหักครึ่งโดยมีชิ้นส่วนบางชิ้นร่วงอยู่ที่พื้น ดวงเนตรของพระองค์แข็งกร้าวจนน่ากลัว พระโอษฐ์เม้มแน่นจนซีดขาวเหมือนพยายามสะกดอารมณ์ไว้อย่างเต็มที่ พระหัตถ์ทั้งสองข้างกำแน่นจนสั่นเทิ่ม

“ซ...ซิกมันด์” เจ้าหญิงเรจิน่าพยายามเรียกสติของน้องชายกลับมา ทว่ากษัตริย์ซิกมันด์ก็ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นห้ามทันทีเช่นกัน และโดยไม่ทรงพูดพร่ำทำเพลง พระองค์ก็สาวพระบาทออกจากห้องประชุมไปทันที ท่ามกลางความตกตะลึงของบรรดาแม่ทัพนายกอง

เจ้าหญิงเรจิน่าหน้าตาตื่นหันไปทางแม่ทัพชาร์ลซึ่งก็มีสีหน้าวิตกกังวลไม่แพ้กัน แม่ทัพชาร์ลจึงทำหน้าพยับพเยิบเป็นนัยว่าให้พระองค์เสด็จตามไป พระองค์จึงลุกขึ้นก่อนจะทรงชำเรืองมองไปทางฮารีซัน ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้าน้อยๆ พลางยิ้มให้กำลังใจกับพระองค์ เจ้าหญิงเรจิน่ากระตุกยิ้มน้อยๆ เป็นการขอบคุณก่อนจะรีบสาวพระบาทตามออกไปทันที โดยมีสายตาวิตกกังวลของบรรดานายทัพมองตามหลังไปด้วย

โครม!!

เจ้าหญิงเรจิน่าทรงรีบเปิดประตูทันทีที่ได้ยินเสียงดังโครมใหญ่ ซึ่งภาพที่ทรงเห็นเบื้องหน้าก็คือรูปจำลองป้อมหินของพวกซาโลมแตกพังเป็นเสี่ยงๆ บนรูปจำลองภูมิประเทศแถบเทือกเขาคีรีบันดา พร้อมกับกษัตริย์ซิกมันด์ที่หายใจแรงด้วยความกริ้วโกรธไว้

“ซิกมันด์” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสเสียงเบา

“ข้ามันโง่ ที่หลงยอมให้มันยกกองทัพไป!!” กษัตริย์ซิกมันด์ทรงตะคอกจนสุดเสียง “ข้าอยากจะฆ่ามันด้วยมือของข้านัก มันไม่จำเป็นต้องรีบฆ่าตัวตายเลย เพราะข้าก็จะฆ่ามันอยู่แล้ว “กษัตริย์ซิกมันด์ทรงกระแทกเสียง

“ซิกมันด์....” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสได้เพียงเท่านั้น กษัตริย์ซิกมันด์ก็ตรัสต่อ

“ข้ามันโง่ ที่หลงไปกับชื่อเสียงตระกูลของมัน จนทำให้ทหารหาญมากมายต้องตายอย่างเปล่าประโยชน์เยี่ยงนี้”

แม่ทัพชาร์ล ซึ่งรีบตามเข้ามาสมทบหลังจากยกเลิกการประชุมใหญ่ ก้าวเข้ามายืนอยู่เคียงข้างเจ้าหญิงเรจิน่า

“ซิกมันด์ นี่ไม่ใช่ว่าน้องผิดหรือโง่เง่าหรอก พี่เองเมื่อได้ยินว่าเขาเป็นแอสเซนเซียโน่ พี่ก็แอบหวังอยู่ลึกๆ ว่า เขาจะสามารถนำชัยชนะมาสู่ฟีเลเซียได้”

“ทูลฝ่าบาท หากพระองค์จะตำหนิก็ควรจะเป็นกระหม่อม เพราะกระหม่อมก็หลงไปกับภาพลักษณ์ที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและดูมั่นอกมั่นใจของเขา ทำให้กระหม่อมคิดหวังไปเองว่าเขาอาจจะเก่งกล้า สามารถเหมือนบรรพชนในอดีตของเขา ที่เคยนำทัพเคียงบ่าเคียงไหล่กับบรรพกษัตริย์ จนได้รับชัยชนะแม้จะมีกำลังน้อยกว่า จนกลายเป็นตำนานเล่าขาน จึงไม่ได้ทูลทัดทานพระองค์เลย”

กษัตริย์ซิกมันด์ทรงยกพระหัตถ์ทั้งสองขึ้นปิดพระพักตร์ก่อนจะเสยขึ้นผ่านพระเศียรไปหยุดอยู่ที่ต้นพระศอ พระองค์เงยพระพักตร์ขึ้นหลับพระเนตรลงคล้ายพยายามสะกดอารมณ์อย่างเต็มที่

“พี่เชื่อว่านายทัพหลายๆ คนก็คงคิดเช่นเดียวกับพวกเราด้วยเช่นกัน เพราะชื่อเสียงที่สั่งสมมาของตระกูลแอสเซนเซียโน่ทำให้พวกเราเผลอมองข้ามความสามารถที่แท้จริงของเขาไป” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสเสียงเศร้า
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi9 Chapter 12 @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ พุธ ธ.ค. 15, 2010 4:16 pm

“ก่อนที่ข้าจะจากห้องประชุมมา เห็นว่าทางแอสเซนเซียโน่เองก็จะมีการคาดโทษกับอลอนโซ แม้เขาจะชิ้งปลิดชีพตนเองไปแล้วก็ตาม” แม่ทัพชาร์ล ทูล

“ใช่ ถึงมันจะชิ้งฆ่าตัวตาย แต่มันยังต้องได้รับโทษ เพราะมันบังอาจเพิกเฉยคำบัญชา กระทำการเกินกว่าหน้าที่ที่ข้ามอบหมาย จนทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงเพียงนี้” กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสเสียงเศร้า “สั่งปลดยศตำแหน่งและยึดทรัพย์สินทั้งหมดของมัน ลบชื่อของมันออกจากพลเมืองฟีเลเซีย เนรเทศครอบครัวและข้าทาสบริวารทั้งหมดทันที เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่นายทหารคนไหนอีก!!”




ดามิก้านั่งกอดเข่าหลวมๆ อยู่ที่ริมหนองน้ำใกล้กับเขตค่ายพักโดยมีอาลูปัสสัตว์คู่ใจนอนหมอบอยู่ข้างๆ อย่างสบายอารมณ์ หญิงสาวมองตรงไปข้างหน้าเหมือนกำลังชื่นชมทัศนียภาพยามเย็นที่แสงอาทิตย์อัสดงกำลังสะท้อนระยิบระยับอยู่บนผิวน้ำ ทว่าจิตใจของเธอไม่ได้จดจ่ออยู่กับภาพสวยงามเบื้องหน้า แต่กลับจมดิ่งอยู่ในความคิดในจิตใจของเธอ

หญิงสาวนั่งอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานเท่าไหร่ไม่รู้ จนเมื่อสิงห์สมิงหย่อนตัวลงมานั่งลงข้างๆ เธอ อาลูปัสที่นอนขวางอยู่ระหว่างคนทั้งสองผงกหัวขึ้นมามองครู่หนึ่งก่อนจะซบหน้าลงไปบนพื้นหญ้าใหม่

“งัย” คาร์นเอ่ยทักเบาๆ

ดามิก้าหันไปมองแว่บหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองภาพเบื้องหน้าอีกครั้ง

“ครั้งสุดท้ายที่ข้าเห็นเจ้าเป็นแบบนี้ก็ตั้งแต่โทนิม่าตาย” สิงห์สมิงพูดนำเพื่อกระตุ้นให้หญิงสาวเปิดปากระบายความอึดอัดในใจ

“ข้า...” ดามิก้าเริ่มแล้วก็หยุดลง แต่เมื่อคาร์นยังคงเงียบ คล้ายกับกำลังรอฟังอยู่เช่นนั้น ดามิก้าจึงถอนใจก่อนจะพูดขึ้น

“ข้าเสียใจที่นำคนไปตายมากมายเหลือเกิน” ดามิก้าพูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ทั้งอึดอัด ละอายใจ เสียใจ แค้นใจ น้ำตาเอ่อขึ้นจนหญิงสาวต้องเงยหน้าเพื่อให้มันไหลกลับลงไป

“เจ้าช่วยไม่ให้พวกเขาตายมากขึ้นต่างหาก” คาร์นกล่าว

“พวกเขาไม่สมควรต้องมาตายมากมายขนาดนั้น ถ้าเพียงแต่ข้าตัดสินใจให้เร็วกว่านี้”

“เจ้าทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว เป็นเพราะเจ้านั่นไม่ทำตามแผนที่ตกลงกันไว้ต่างหาก” คาร์นพูดปลอบ

“เจ้าแม่ทัพนั่นด้วย เขาก็ไม่สมควรต้องตายแบบนั้น” ดามิก้านึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ยังคงแจ่มชัดเหมือนเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อสักครู่ “ทั้งๆ ที่ข้าอยู่ตรงนั้น...ทั้งๆ ที่ข้าอาจจะห้ามเขาได้ทัน...”

คาร์นฟังแล้วก็ยักไหล่ พูดเสียงต่ำ “ถ้าทำแบบนั้น เขาอาจจะยิ่งอับอาย แล้วก็พยายามอีกซ้ำๆ จนกว่าจะทำสำเร็จ”

ดามิก้าหันขวับมาทันที เธอเหมือนอยากจะพูดโพล่งอะไรบางอย่างออกมา แต่ก็เปลี่ยนใจคล้ายกับจะยอมรับคำพูดของคาร์ในที่สุด

“ข้าไม่เข้าใจเลยว่าชาวฟีเลเซียรักเกียรติยศ ศักดิ์ศรีมากเสียจนยอมฆ่าตัวตายเชียวหรือ? ที่ข้าได้ยินบ่อยๆ ว่า ตายอย่างราชสีห์ดีกว่าอยู่อย่างหมา เป็นแบบนี้เองสินะ”

สิงห์สมิงเหลือบตามองหญิงสาวแว่บหนึ่งก็จะพูดเสียงครางต่ำๆ อย่างสบายอารมณ์ “แต่ข้าว่า บางทีเป็นหมาก็น่ารักดี” พูดจบก็เอามือขยี้หัวอาลูปัสเล่น จนเจ้าอาลูปัสครางออกมาอย่างชอบใจ

“โฮ้!” ดามิก้าร้องเสียงดังตามนิสัย “ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้ออกมาจากปากราชสีห์อย่างเจ้า”

คาร์นยิ้มเมื่อเห็นเพื่อนต่างเผ่าเริ่มร่าเริงขึ้น “ความเป็นราชสีห์มันอยู่ที่ใจ ไม่ใช่เอาหัวราชสีห์มาสวมทับหัวตัวเองแล้วมาบอกว่าเป็นตัวราชสีห์ บางครั้งเราก้ต้องยอมเป็นหมาบ้าง แมวบ้าง เพื่อรอวันที่จะกลับมาเป็นราชสีห์อีกครั้ง เป็นราชสีห์ที่มีชีวิตอยู่ ดีกว่าเป็นราชสีห์ที่ตายแล้ว ใช่ไหมล่ะ?”

“จริงของเจ้า” ดามิก้าเห็นด้วยกับทฤษฎีของสมิงคาร์น “ราชสีห์ที่มีชีวิตอยู่ ย่อมดีกว่าราชสีห์ที่ตายแล้ว... ถ้าแม่ทัพนั่นได้ฟังเจ้าพูดแบบนี้ก่อนก็คงดี”

คาร์นคำรามเสียงต่ำ “เขาไม่ฟังหรอก” พูดแล้วก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าก่อนจะหยิบท่อนไม้ออกมาสามท่อนยื่นออกมาให้เธอ ท่อนไม้แลดูไม่ใหญ่นักในอุ้งมือของคาร์น แต่ถ้าเทียบกับขนาดมือของเธอแล้วก็ถือว่าใหญ่พอสมควร ความหนาของท่อนไม้ก็ประมาณมือของเธอกำรอบได้ ยาวคืบกว่า หญิงสาวหยิบขึ้นมาท่อนหนึ่งด้วยความสงสัย

“อะไรหรือ?”

“รากไม้หอม เอาไว้เคี้ยวขัดฟัน” พูดจบคาร์นก็หยิบท่อนหนึ่งขึ้นใส่ปาก เคี้ยวกรวมๆ จนมองเห็นเขี้ยวขนาดใหญ่สีขาวมันวาวอย่างชัดเจน แสดงให้เห็นว่ากรามของราสีห์แข็งแรงขนาดไหน ดามิก้าถึงกับอ้าปากค้าง กระพริบตาปริบๆ เป็นครู่ใหญ่ เมื่อได้สติจึงพูดโพล่งออกมาทันที

“นี่ถ้าข้าไม่รู้จักเจ้ามาก่อน ข้าต้องคิดว่าเจ้ากำลังกวนประสาทข้าอยู่แน่ๆ”

“หึ!” คาร์นแค่หัวเราะเสียงขึ้นจมูกแต่ก็มากพอจะทำให้ดามิก้า เหวี่ยงหมัดทุบแขนเข้าให้

“เจ้าจงใจกวนประสาทข้าจริงๆ ด้วย”

“คิดมาก” คาร์นแกล้งผลักดามิก้ากลับ แต่แค่เบาๆ ก็แรงพอจะทำให้สาวชาวป่าทมิฬที่กำลังกอดเข่าอยู่ เสียหลักล้มกลิ้งลงไปกับพื้นได้

“หนอยแนะ! นี่เจ้าเล่นแรงเกินไปแล้วนะ” ดามิก้ากระโดดขึ้นก่อนจะเอาท่อนไม้หอมในมือเขวี้ยงออกไป หมายจะให้โดนหัวเพื่อนสมิงคู่กัด แต่ยังไม่ทันจะไปถึงหัวของคาร์น อาลูปัสก็กระโดดยิ่งขึ้นคาบท่อนไม้ไว้ทันที ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาแทะท่อนไม้เล่นอย่างสนุกสนาน ทำให้ทั้งคู่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน จนดังลั่นหนองน้ำ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)


ย้อนกลับไปยัง Summoner Novel

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน