Welcome Guest: เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ เม.ย. 27, 2024 6:21 pm

หน้าเว็บบอร์ด Wiser Summoner Novel @@ นิยายSMN Epi9 Chapter 24 หวานชื่นขื่นขม @@

อ่านนิยาย Summoner Master Episodeต่าง ๆ ได้ที่นี่

Moderator: Jinger Ginger


@@ นิยายSMN Epi9 Chapter 24 หวานชื่นขื่นขม @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ ศุกร์ ธ.ค. 01, 2023 12:32 pm

Chapter 24 หวานชื่นขื่นขม


ภายในห้องประชุมใหญ่อันหรูหราของเมืองท่าแอนดิซอง บรรดาขุนนางระดับสูงกำลังนั่งรอการประชุมด้วยท่าทีกระสับกระส่าย ต่างชะเง้อมองไปทางประตูเป็นระยะๆ บ้างก็เอียงคอกระซิบกระซาบกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดระคนไม่พอใจมองไปทางเก้าอี้ที่ว่างเปล่า ต่างก็ไม่อยากเชื่อว่าแม่ทัพน้ำแข็งบัดนี้มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน เขาเริ่มขาดประชุมบ่อยขึ้นโดยไม่แจ้งล่วงหน้า บางครั้งก็มาประชุมด้วยสภาพหนวดเคราขึ้นเขียวครึมและมีกลิ่นเหล้าเหม็นคลุ้ง หลายครั้งที่เข้าประชุมก็แค่นั่งเฉยๆอย่างเหม่อลอยเหมือนแค่มาร่วมตามหน้าที่ให้มันจบๆไปเท่านั้น ทุกคนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ทัพใหญ่ แต่เพราะความเย็นชาและแข็งกร้าวที่ผ่านมาของเขาทำให้ไม่มีใครกล้าพอที่จะตักเตือนพฤติกรรมของเขา

องค์รัชทายาทวิโอเรียที่นั่งเป็นประธานการประชุมเหลือบมองบรรยากาศโดยรอบก่อนจะชำเลืองมองเก้าอี้ที่ว่างเปล่า ใช้ปลายนิ้วลากวนช้าๆไปตามรอยแกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจงบนโต๊ะราวกับกำลังใช้ความคิด ใกล้ได้เวลาเก็บเกี่ยวผลที่หว่านแล้ว เธอหลุบตาลงแสร้งยกพัดลายลูกไม้ประดับเพชรขึ้นปิดบังรอยยิ้มของตนอย่างพึงพอใจ

“เราเริ่มประชุมกันเลยก็แล้วกัน” เจ้าหญิงปัดรวบพัดประดับเพชรลงพูดด้วยน้ำเสียงกระฉับกระเฉง

“แต่ฝ่าบาท...” ขุนนางคนหนึ่งพูดขึ้น “หัวข้อประชุมในวันนี้จำเป็นต้องมีท่านแม่ทัพเข้าร่วมด้วย”

“เรื่องนี้ข้าเป็นคนตัดสินใจเอง แล้วข้าจะแจ้งอองเดรในภายหลัง กิจการบ้านเมืองเราจะรอช้าไม่ได้” เจ้าหญิงวิโอเรียพูดด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน

บรรดาขุนนางต่างพยักหน้าเห็นด้วยและมองเจ้าหญิงด้วยสายตาชื่นชม เธอช่างมีความกระตือรือร้นในการดูแลปกครองเมืองท่า ก่อนนั้นที่เธอเป็นเพียงแค่แม่มดน้ำแข็งผู้สะกดมังกรจอร์มันกกาน์ด เธอพยายามมีตัวตนในสภาสูงมาตลอด แต่เวลานั้นไม่มีใครให้ความสนใจเธอมากนักเพราะสถานะของเธอนั้นเป็นแค่ราชนิกูลชั้นกลางเท่านั้น ทว่าเวลานี้เธออยู่ในจุดที่เป็นรองแค่กษัตริย์เอ็ททิเอ็นและราชินีคอรัลลี่เท่านั้น แม้เธอจะทำตัวแหวกขนบธรรมเนียมไปบ้างอีกทั้งยังปกครองด้วยความเฉียบขาดและรุนแรงในบางครั้งแต่ก็เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ โดยเฉพาะการไม่ประนีประนอมกับคนยากจนและผู้อพยพ เพราะเธอจะปกป้องผลประโยชน์ของแอนดิซองอย่างเต็มที่โดยเฉพาะเพื่อบรรดาชนชั้นสูง ทำให้บรรดาขุนนางและชนชั้นสูงเริ่มเข้าหาเธอกันมากขึ้น

เป็นเวลาพลบค่ำแล้วเมื่อเสียงของนางกำนัลแจ้งเจ้าหญิงวิโอเรียว่านายทหารต้นห้องของอองเดรมาพบ วิโอเรียยืนดูภาพสะท้อนของตนเองที่หน้ากระจกตรวจความเรียบร้อยของชุดก่อนจะเค้นเสียงหัวเราะเบาๆในลำคออย่างพอใจ เธอเดินตรงไปที่ขวดแก้วที่บรรจุไวน์แดงไว้เต็มขวดพลางหยิบขวดเล็กๆที่ภายในบรรจุผงเกล็ดสีแดงแวววาวคล้ายอัญมณีบดค่อยๆเทลงไปในไวน์นั้นแล้วแกว่งขวดไวน์ช้าๆให้ผงเกล็ดนั้นละลาย ทันใดนั้นสีของไวน์แดงก็ดูสว่างขึ้นคล้ายกับเรืองแสงขึ้นเล็กน้อย เธอหันไปเปิดเตาจุดกำยานก่อนจะโรยผงเกล็ดสีแดงลงไป พลันจากควันสีขาวเทาก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูจางๆพวยพุ่งขึ้น วิโอเรียร่ายคาถาโบกมือเหนือควันสีชมพูนั้นแล้วจึงวาดมือเหนือศีรษะของเธอ ควันนั้นก็ลอยตามมือหมุนวนที่รอบตัวของเธอก่อนจะจางหายไป เจ้าหญิงวิโอเรียยิ้มอย่างพอใจพลางสั่นกระดิ่งเป็นสัญญาณให้เข้าพบ

นางกำนัลต้นห้องเปิดประตูเข้ามาก่อนจะเบิ่งตาผงะถอย “จะ...จะ...เจ้าหญิงอลาน่า!”

“ใช่ที่ไหนเล่า เจ้าหญิงวิโอเรีย!” นางกำนัลอีกคนรีบถองข้อศอกใส่เพื่อน กระซิบบอก “ทรงสวมชุดของเจ้าหญิงอลาน่า”

“หึ เหมือนขนาดนั้นเชียวรึ” เจ้าหญิงวิโอเรียเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ เธอรู้ว่าเธอทั้งสองใบหน้าคล้ายกัน แต่เพียงแค่ลบเครื่องสำอาง เปลี่ยนทรงผม เปลี่ยนชุด ก็ไม่คิดว่าจะคล้ายกันขนาดนี้ ช่างเป็นตลกร้ายเสียจริง ทั้งที่เหมือนกันขนาดนี้แต่แค่เกิดผิดที่ผิดเวลา สถานะก็ต่างกันถึงเพียงนี้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากเย้ายวน วันนี้เธอจะคว้าทุกอย่างด้วยสองมือนี้เอง เจ้าหญิงวิโอเรียหยิบผ้าคลุมสีดำขึ้นสวมพร้อมกับดึงฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะก่อนจะพยักหน้าไปทางขวดไวน์และเตาจุดกำยาน ซึ่งนางกำนัลทั้งสองก็รีบยกตามไปอย่างรู้งาน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi9 Chapter 24 กับดักอันแสนหวาน @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ ศุกร์ ธ.ค. 01, 2023 12:33 pm

แก้วไวน์หลุดจากมือกระทบพื้นเสียงดังจนอองเดรสะดุ้งตื่น เขาก้มลงเก็บแก้วไวน์แต่กลายเป็นล้มลงไปกองกับพื้น เขาสบถอย่างหยาบคายพยายามพยุงตัวอย่างโงนเงนลุกขึ้นนั่ง เขาลูบหน้าลูบเคราอย่างงัวเงียพลางขมวดคิ้ว วันนี้มีประชุมกับสภาสูงใช่ไหม? หรือพรุ่งนี้? เขาสบถอีกครั้งก่อนจะหันไปมองนอกหน้าต่างก็เห็นว่าท้องฟ้ามืดแล้ว

อองเดรเอื้อมมือคว้าขวดไวน์มาเทแต่ก็พบว่ามันหมดเกลี้ยงไม่เหลือสักหยด เขาตะโกนเรียกนายทหารต้นห้องให้นำไวน์มาให้เขาอีก เขาต้องใช้ความเมาเพื่อให้ข่มตาหลับได้ เขาอยากจะหลับมากกว่าที่จะตื่นมาเพื่อพบกับความจริงที่ว่าเขาสูญเสียเจ้าหญิงไปแล้ว เขาใช้ทุกวิถีทางเท่าที่อำนาจของเขาจะทำได้เพื่อนำเจ้าหญิงกลับมา แต่ดูเหมือนมันไม่ได้ผลเลย เขาเฝ้าถามตัวเองซ้ำๆว่ายังมีอะไรอีกที่เขาทำได้แล้วยังไม่ได้ทำหรือเขาทำพลาดตรงไหนถึงนำเธอกลับมาไม่ได้ เวลานี้พระองค์ไปไกลเกินกว่าที่เขาจะเอื้อมถึง จากที่เขาใช้เวลาทุกนาทีปกป้องดูแลผลประโยชน์และปูทางทุกอย่างเพื่อเจ้าหญิง อุทิศแรงกายแรงใจทั้งหมดเพื่อเธอแม้ชีวิตก็พร้อมสละได้ แต่เวลานี้เขารู้สึกเหมือนไร้หลักในการมีชีวิตอยู่

กลิ่นหอมจากเตาจุดกำยานทำให้เขาต้องหันมอง เขาไม่รู้ว่านี่เป็นกลิ่นของอะไร ด้วยความเป็นทหารทำให้เขาไม่เคยสนใจกลิ่นเครื่องหอมเหล่านี้ แต่กลิ่นนี้ช่างทำให้เขารู้สึกดีและเคลิบเคลิ้มราวกับอยู่ในความฝัน หรือจริงๆเขาจะยังอยู่ในความฝัน อองเดรกวาดสายตามองไปรอบๆตัว ห้องที่ดูโคลงเคลงเพราะความเมารวมกับควันกำยานลอยอ้อยอิ่งอบอวลไปทั่วทำให้บรรยากาศในห้องแลดูต่างไปจากเดิม เสียงใครบางคนเติมเครื่องหอมลงไปในเตาจุดกำยานทำให้ควันสีชมพูพวยพุ่งหนาขึ้นกว่าเดิม อองเดรรวบรวมสติหรี่ตามองผ่านม่านควันด้วยความสงสัย พลางสูดกลิ่นหอมหวานที่ชวนเคลิบเคลิ้ม มันทำให้เขารู้สึกดีและลืมความคิดฟุ้งซ่านไปได้

ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้เขา เขาเพ็งสายตามองร่างที่ก้าวผ่านม่านควันนั้นออกมา และแล้วเขาก็ตัวแข็งทื่อตกตะลึงจนลืมหายใจหัวใจราวกับหยุดเต้น เจ้าหญิงอลาน่าผู้งดงามพระองค์สวมชุดสีน้ำเงินเข้มเปิดไหล่ดูผุดผ่องแสนสง่างามเหมือนวันที่พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นรัชทายาทแห่งแอนดิซอง เครื่องประดับทุกชิ้นที่พระองค์สวม ใบหน้าและรอยยิ้มอ่อนโยนของพระองค์ยังคงงดงามเหมือนกับที่เขาจำได้ อองเดรจ้องมองภาพเบื้องหน้าราวกับเวลาหยุดนิ่ง ปอดของเขาแทบจะฉีกออกจากอกเพราะขาดอากาศหายใจแต่เขาก็ไม่สนใจ สมองว่างเปล่าไปหมด

“อองเดรจ๊ะ” เจ้าหญิงอลาน่าเรียกและยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน

“พะ...พ่ะย่ะค่ะ” อองเดรได้ยินเสียงตัวเองตอบไปเช่นนั้น เขารีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะล้มลงไปนั่งบนเก้าอี้อีกครั้งด้วยความเมา เขาตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติก่อนจะยันตัวลุกขึ้นอีกครั้ง สายตายังคงจับจ้องที่เจ้าหญิงของเขาราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป

“ฉันกลับมาแล้วจ๊ะ เป็นอย่างไรบ้าง? เธอดูผ่ายผอมลงไปนะจ๊ะ ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?” เจ้าหญิงอลาน่าเอียงคอเล็กน้อยตั้งข้อสังเกตพลางถามด้วยความเป็นห่วง

“ฝะ ฝ่าบาท... พระองค์...กระหม่อม” อองเดรพยายามคิดหาคำพูด เหมือนความคิดของเขากำลังวิ่งวุ่นอยู่ในหัวจนสับสนไปหมด ที่ผ่านมาใครๆต่างก็บอกว่าเขาเย็นชากับทุกคนและมักพูดเท่าที่จำเป็น เขาไม่ให้ความสำคัญและไม่สนใจจะสร้างสายสัมพันธ์กับใคร มีเพียงเจ้าหญิงอลาน่าเท่านั้นที่เขาพยายามเตรียมบทสนทนายืดยาวหาเรื่องราวมาพูดคุยด้วยเสมอๆ เพราะเขาอยากจะอยู่กับเธอให้นานขึ้นอีกนิด อยากจะยืดช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ให้ยาวนานออกไปเรื่อยๆ

“นี่... นี่เป็นเรื่องจริงใช่ไหม? กระหม่อม...กระหม่อมไม่ได้ฝันไปใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?” อองเดรกล่าวละล่ำละลักยังคงมองใบหน้าของเจ้าหญิงอย่างไม่วางตา รอยยิ้มบางๆปรากฎบนใบหน้าของเขา

“ฉันกลับมาแล้วจริงๆเห็นไหมจ๊ะ” เจ้าหญิงอลาน่ายิ้มพูดพลางขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นระยะห่างแค่เพียงหนึ่งช่วงแขนเพื่อให้เขามองเธอได้ชัดเจนขึ้น “ฉันได้ยินว่าเธอดูแลปกป้องเมืองท่าอย่างดีตลอดเวลาที่ฉันไม่อยู่”

“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมดูแลอย่างดี เพื่อรอคอยวันที่พระองค์จะเสด็จกลับมา” อองเดรยิ้มสั่นๆตอบ ความรู้สึกทั้งปลาบปลื้มระคนตื้นตัน สิ่งที่เขาทำไม่ได้เสียเปล่า เจ้าหญิงล่วงรู้และใส่ใจสิ่งที่เขาทุ่มเทมาโดยตลอด น้ำตาแห่งความรักและเทิดทูนเต็มตื้นเออขึ้นคลอดวงตาของเขา เจ้าหญิงอลาน่าเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในโลกนี้ที่เขาห่วงหาอาทร “กระหม่อมรอคอยพระองค์มาตลอด กระหม่อมรู้ว่าพระองค์จะต้องกลับมา พระองค์จะไม่ไปไหนแล้วใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”

“ฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้วจ้ะ ฉันรู้แล้วว่าเธอหวังดีกับฉันมากที่สุดและแอนดิซองคือที่ที่ฉันควรอยู่ เรามาช่วยกันปกป้องดูแลเมืองท่าและแอนดิซองกันนะจ๊ะ” เจ้าหญิงอลาน่ายิ้มพลางยื่นมือข้างหนึ่งมาหาเขา

อองเดรทรุดตัวลงคุกเข่าด้วยขาข้างหนึ่ง มืออันสั่นเทาของเขาค่อยๆประคองมือของเจ้าหญิงด้วยความทะนุถนอม มือนั้นช่างอบอุ่นและบอบบางเหลือเกิน หัวใจของอองเดรพองโตจนคับอก ริมฝีปากของเขาสั่นเทาราวกับทำอะไรไม่ถูก กลิ่นหอมจากผิวกายของเจ้าหญิงทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงราวกับจะระเบิด เขาค่อยๆก้มลงจูบแหวนบนมือของเจ้าหญิงด้วยความรักและเทิดทูน

สามวันผ่านไปทั่วทั้งเมืองท่าก็เริ่มเกิดข่าวลือถึงการหายตัวไปของเจ้าหญิงรัชทายาทวิโอเรียและแม่ทัพใหญ่อองเดร เสียงซุบซิบนินทาที่เริ่มมาจากเหล่านางกำนัลและนายทหารต้นห้องค่อยๆแพร่สะพัดไปทั่วปราสาทก่อนจะค่อยๆเล็ดลอดออกมาภายนอก ต่างลือกันว่าเจ้าหญิงอยู่ในห้องของแท่ทัพใหญ่สองต่อสองมาสามวันสามคืนแล้วและจนบัดนี้ก็ยังไม่ออกมาจากห้อง ยิ่งข่าวไปไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งขยายความใส่รายละเอียดกันอย่างออกรสออกชาติ ตั้งแต่ชนชั้นสูงไปจนถึงคนยากจนและผู้อพยพต่างก็ซุบซิบนินทากันอย่างสนุกปาก เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมและนำความอัปยศมาสู่สังคมชนชั้นสูง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi9 Chapter 24 กับดักอันแสนหวาน @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ ศุกร์ ธ.ค. 01, 2023 12:34 pm

ในห้วงแห่งความฝันกึ่งหลับกึ่งตื่น อองเดรรู้สึกถึงสัมผัสอันแผ่วเบาลูบไล้แผงอกเปลือยเปล่าของเขาก่อนจะไล่ไปที่หัวไหล่เรื่อยลงไปตามท่อนแขนกำยำช้าๆ เขาไม่แน่ใจว่านี่คือความฝันหรือความจริงเพราะสติของเขายังคงล่องลอยและความคิดยังกระจัดกระจายคล้ายจับต้นชนปลายไม่ถูก แม่ทัพใหญ่สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะปรือตาขึ้นอย่างยากลำบาก เขาครางเบาๆพยายามกระพริบตาช้าๆสู้กับแสงแดดที่สาดส่องผ่านช่องหน้าต่างเข้ามา ลมหนาวพัดกระแทกหน้าต่างอย่างแรงจนกระจกสะเทือนเสียงดัง อองเดรยกมือขึ้นบังตาพยายามลุกขึ้นนั่งเผยแผงอกเปลือยเปล่ากำยำและเต็มไปด้วยบาดแผลอันแสดงถึงการผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน มีเพียงกางเกงนอนขายาวเกาะอยู่ที่เอวของเขา แม้ผิวกายจะขาวซีดและผ่ายผอมลง แต่ก็ยังคงเห็นมัดกล้ามเด่นชัดเพราะการฝึกร่างกายอย่างหนักมาทั้งชีวิต อองเดรครางเสียงหนักอีกครั้งพลางยกมือขวาขึ้นนวดคลึงขมับเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวจากการเมาค้าง เมื่อพอจะรวบรวมสติได้เขาจึงเริ่มกวาดตามองดูห้องที่ยุ่งเหยิง เสื้อผ้ากระจัดกระจายเต็มพื้น เขาขมวดคิ้วเมื่อสังเกตเห็นเสื้อผ้าของใช้ที่ดูไม่คุ้นตา

เสียงเสียดสีไปมาของผ้าห่มเบื้องหลังทำให้อองเดรรีบหมุนตัวยืนขึ้นแทบจะทันทีด้วยความตกใจ ดวงตาของเขาเบิกกว้างมองภาพตรงหน้าด้วยความสับสน นี่คือความฝันรึ?เจ้าหญิงอลาน่าผู้งดงามของเขาบัดนี้มีเพียงผ้าผืนบางคาดอกนอนตะแคงข้างใช้ศอกยันกายไว้ มืออีกข้างแนบลำตัวไล่ไปตามเอวคอดและสะโพกผาย เธอกัดริมฝีปากล่างพลางส่งสายตาอ้อยอิ่งอยู่ที่แผ่นอกเปลือยเปล่าของแม่ทัพใหญ่ก่อนจะเลื่อนขึ้นมาสบตากับเขา นี่เป็นเพียงฝันที่ละเมอเพ้อพกของเขาหรือเป็นความจริงที่น่ากระอักกระอ่วนก็ไม่อาจบอกได้ เขาได้แต่ตกตะลึงทำเสียงอึกอักในลำคอเพราะทำอะไรไม่ถูก

หญิงสาวมองท่าทางงกๆเงิ่นๆของเขาก็หัวเราะคิกคักออกมาก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวเราะร่าด้วยความอิ่มเอมในชัยชนะ เสียงหัวเราะที่น่ารังเกียจเช่นนี้จะเป็นเสียงของใครไปไม่ได้ ทันใดนั้นเหมือนถูกน้ำเย็นจัดสาดใส่หน้า แม่ทัพใหญ่สร่างเมาในทันที ใบหน้าที่ซีดขาวอยู่แล้วของอองเดรเวลานี้กลับยิ่งซีดขาวราวกับกระดาษ หัวใจกระตุกอย่างแรงเหมือนถูกกระชากออกจากอก ดวงตาเบิกกว้างจับจ้องภาพตรงหน้าราวกับจะสิ้นสติ

“เจ้ามาทำบ้าอะไรที่นี่!!” อองเดรแผดเสียงตะคอก ลมหายใจถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆราวกับเริ่มควบคุมไม่อยู่ ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดที่เขาเชื่อว่าเป็นความฝันวิ่งผ่านสมองของเขาอย่างรวดเร็ว ร่างทั้งร่างของเขาเกร็งจนสั่นเทิ้มด้วยความโกรธจัด
วิโอเรียหัวเราะคิกคักวาดมือเหนือเรือนร่างของตนที่เวลานี้มีเพียงผ้าผืนเดียวห่อตัวไว้ราวกับจะอวดโฉมให้มองเต็มตา “คิดว่าข้าทำอะไรล่ะ ให้ข้าช่วยทบทวนให้มั๊ย?”

“อ๊ากกกกกกกก นังบ้า! ข้าจะฆ่าเจ้า!!! ข้าจะฆ่าเจ้า!!!!!” อองเดรหูอื้อตาลายสติขาดผึ๋ง จิตสังหารแผ่ซ่าน เขาพุ่งตัวเข้าใส่วิโอเรียในแค่อึดใจ สองมือบีบรอบลำคอของนางทันที

แต่แม่มดน้ำแข็งเตรียมรับมือไว้อยู่แล้ว เธอคาดเดาแต่แรกแล้วว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้จึงร่ายคาถาป้องกันไว้ก่อน มือของอองเดรชะงักค้างอยู่รอบคอของวิโอเรียคล้ายกับว่ามีพลังบางอย่างห่อหุ้มรอบตัวของเธอทำให้เขาไม่สามารถสัมผัสถึงตัวเธอได้ นั่นยิ่งทำให้แม่ทัพใหญ่คลุ้มคลั่งยิ่งกว่าเดิม ดวงตาแดงก่ำจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเคียดแค้นจนคับอก

“อ๊ากกกกกกกกกกก อ๊ากกกกกกกกกก” อองเดรคำรามเสียงแตกพร่าด้วยความโกรธเกรี้ยว เพิ่มแรงบีบมากขึ้นฝืนแรงต้านของพลังเวทย์ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเหย๋เกราวกับคนเสียสติ

“อ๊ากกกกกกกกกกกกก” อองเดรแผดเสียงออกแรงบีบอย่างคลุ้มคลั่ง

เจ้าหญิงวิโอเรียเบิ่งตาขึ้นด้วยความตื่นตระหนกเมื่อสัมผัสได้ว่าลำคอเริ่มมีความรู้สึกถูกบีบรัด พลังเวทย์ที่ครอบคลุมกายเริ่มปั่นป่วน เธอถึงกับตัวสั่นกับความโกรธสุดขีดและพลังอันมหาศาลของเขา

“ขะ... ข้าเป็นรัชทายาทนะ เจ้าเป็นราชองครักษ์ เจ้าจะฆ่าข้าอย่างนั้นรึ!!” แม่มดน้ำแข็งตะโกนสุดเสียง

เสียงเอะอะโวยวายทำให้บรรดานายทหารองครักษ์และนางกำนัลรีบวิ่งเข้ามาในห้องเพราะเป็นห่วงเจ้านายของตน ทันทีที่เห็นภาพเบื้องหน้าต่างก็ตกตะลึงกันไปตามๆกัน แม้จะเดาได้ว่าภายในห้องเกิดอะไรขึ้นระหว่างคนทั้งคู่ตลอดสามวัน แต่ก็ไม่ได้คาดหวังจะได้เห็นภาพเช่นนี้

“ท่านแม่ทัพ!! ท่านแม่ทัพ!!” บรรดานายทหารองครักษ์และนางกำนัลต่างตะโกนเรียกสติ

“ข้าคือเจ้าหญิงรัชทายาทแห่งแอนดิซอง เจ้าคือราชองครักษ์มีหน้าที่ปกป้องข้า!” วิโอเรียตะโกนสุดเสียงใช้สองมือระดมทุบไปที่ข้อมือทั้งสองของแม่ทัพใหญ่สุดแรง

แม่ทัพใหญ่ผงะเล็กน้อยราวกับได้สติ เขารีบชักมือกลับกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้ม ลมหายใจหอบถี่ราวกับกำลังพยายามควบคุมตัวเองอย่างถึงที่สุด กรามกัดแน่นจนเส้นเลือดที่คอปูดขึ้นเป็นแนว เสียงลมลอดฟันไรฟันดังฝืดฝาดน่ากลัว ดวงตาแดงกำเหลือบมองมาทางเหล่านายทหารและนางกำนัล

“พานางออกไป!” อองเดรพูดเสียงรอดไรฟัน ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้มจวนเจียนจะควบคุมไม่อยู่อีกครั้ง แต่ทุกคนกลัวจนไม่กล้าขยับตัว
“เดี๋ยวนี้!!!!” อองเดรแผดเสียงคำรามลั่น

ทุกคนสะดุ้งสุดตัวรีบกรูกันเข้าไปประคองเจ้าหญิงวิโอเรียออกจากห้อง วิโอเรียเหลียวหลังไปมองแผ่นหลังกำยำที่กำลังสั่นเทิ้มของอองเดรพร้อมกับรอยยิ้มเมื่อคิดถึงแผนขั้นต่อไป

ทันทีที่ประตูปิดลง เสียงคำรามและเสียงทำลายข้าวของอย่างบ้าคลั่งก็ดังขึ้นราวกับระเบิดต่อเนื่องยาวนานจนไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไปใกล้อีกเลย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi9 Chapter 24 กับดักอันแสนหวาน @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ ศุกร์ ธ.ค. 01, 2023 12:35 pm

สามสัปดาห์ต่อมา ไม่มีใครได้เห็นราชองครักษ์อองเดรอีกเลย เขาไม่ร่วมประชุม ไม่ตรวจตราทัพ ไม่แม้แต่จะออกจากที่พัก ทุกคนต่างร่ำลือว่าเขาป่วยเป็นโรคร้าย บางคนว่าเขาเสียสติถึงขั้นวิกลจริตเพราะบางคืนจะมีคนได้ยินเสียงร้องโหยหวนก่นด่าสาปแช่งดังออกมาจากห้องของเขา บ้างก็ว่าเขาโดนเวทย์มนต์คุณไสย แต่เหนือสิ่งอื่นใดหลายคนคิดว่าที่เขาเป็นเช่นนี้เพราะถูกสวรรค์ลงทัณฑ์เพราะทำผิดประเวณีล่วงเกินเจ้าหญิงรัชทายาทแล้วไม่รับผิดชอบ เริ่มมีเสียงเรียกร้องจากบรรดาชาวบ้านกดดันให้สภาศาสนาทำอะไรสักอย่างเพราะไม่อยากให้พระพิโรธของพระเจ้าลุกลามมาสู่อาณาจักรแอนดิซอง


ภายในห้องทำงานของคาร์ดินัล มาร์สิลิโอ้ นักบวชผู้เคร่งครัดในกฎระเบียบมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ข่าวการอยู่ในห้องกันสองต่อสองถึงสามวันสามคืนระหว่างรัชทายาทและแม่ทัพใหญ่แพร่สะพัดไปทั่ว แม้แต่ในหมู่นักบวชก็ยังกระซิบกระซาบกันถึงเรื่องนี้ เขามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาและท่าทีตำหนิแม้จะไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เจ้าหญิงวิโอเรียในชุดเรียบๆผมเผ้าถูกรวบเอาไว้ลวกๆใบหน้าไร้เครื่องสำอาง หญิงสาวดูใบหน้าเศร้าหมองเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มา เธอยังคงยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นแตะที่หางตาเป็นระยะๆ

“ข้าเพียงแค่ไปหารือเรื่องที่เขาขาดประชุม แต่ไม่คิดว่าเขา... เขาจะ... ฮืออออออออออออ” เจ้าหญิงวิโอเรียตัวสั่นทำท่าสะอึกสะอื้น

“ในฐานะผู้นำศาสนจักรแอนดิซอง เรื่องผิดทำนองครองธรรมเช่นนี้เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้” คาร์ดินัล มาร์สิลิโอ้ กล่าวเสียงเครียด เรื่องนี้ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมากต่อความประพฤติที่ไม่ละอายต่อบาปเช่นนี้ ยิ่งทั้งคู่อยู่ในจุดสูงสุดของสถานะทางสังคม ยิ่งต้องประพฤติตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ราษฎร์ กลับกลายเป็นว่าชนชั้นปกครองกลายเป็นตัวตลกให้ผู้คนหัวเราะเยาะ เขาในฐานะผู้ปกครองฝ่ายศาสนจักรจึงมิอาจนิ่งเฉยได้ “เรื่องนี้ต้องเร่งแก้ไขให้ถูกต้องโดยเร็วที่สุด ท่านกลับที่พักไปคิดพิจารณาสำนึกตนต่อการกระทำของตนเองเสีย ข้าจะไปพบแม่ทัพใหญ่”

แม่มดน้ำแข็งพยักหน้ารับแสร้งทำทียกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตาทว่าริมฝีปากแอบกระหยิ่มยิ้มย่องหลังผ้าเช็ดหน้าลูกไม้นั้น


เป็นเวลาบ่ายแล้วเมื่อคาร์ดินัล มาร์สิลิโอ้ไปถึงที่พักของแม่ทัพใหญ่ แต่กลับได้รับแจ้งจากทหารรับใช้ว่าแม่ทัพใหญ่ยังคงไม่ออกมาจากห้อง มาร์สิลิโอ้ส่ายหน้าด้วยความเอือมระอาต่อความเหลวไหลของแม่ทัพใหญ่ ยิ่งเมื่อได้รับรายงานว่าเขาไม่ออกมาจากห้องเลย ใช้ชีวิตกินนอนอยู่ในห้องตลอดตั้งแต่สามสัปดาห์ก่อน ก็ยิ่งทำให้ขุ่นเคืองยิ่งขึ้น

“เหลวไหล! นี่มันเหลวไหลที่สุด” ประมุขศาสนจักรผู้ได้ชื่อว่าเคร่งครัดต่อกฎระเบียบถึงกับรับไม่ได้ต่อการพฤติกรรมเช่นนี้ “ไปแจ้งเขาว่าเรามาพบ”

ทหารรับใช้ต่างมองหน้ากันไปมาทำท่าอึกอัก ด้านหนึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาที่ตอนนี้คาดเดาอารมณ์ไม่ได้ อีกด้านก็เป็นถึงประมุขฝ่ายศาสนจักร ศักดิ์เทียบเท่าเจ้าชายของอาณาจักร ท่าทีเก้ๆกังๆของทหารรับใช้ทำให้คาร์ดินัลต้องขมวดคิ้วมองด้วยสายตาตำหนิ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)

Re: @@ นิยายSMN Epi9 Chapter 24 กับดักอันแสนหวาน @@

โพสต์โดย Jinger Ginger เมื่อ ศุกร์ ธ.ค. 01, 2023 12:35 pm

“พระคุณเจ้าโปรดอภัยด้วย” ทหารรับใช้ละล่ำละลัก “ทะ ทะ ท่านแม่ทัพ คือ ตอนนี้ท่านแม่ทัพ คือ ท่านเหมือนไม่มีสติ เดี๋ยวก็อาละวาดก่นด่าสาปแช่ง เดี๋ยวก็ร้องไห้ ส่งเสียงร้องโหยหวน ไม่มีใครกล้าเข้าไปในห้องของท่านแม่ทัพ ได้แต่เอาอาหารไปวางไว้หน้าประตู แต่อาหารก็แทบไม่ได้ถูกแตะต้องเลย พวกเราก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี”

“เหลวไหล เหลวไหลจริงๆ!” คาร์ดินัล มาร์สิลิโอ้ ส่ายหน้า พลางออกคำสั่ง “ไป นำเราไป”

ทหารรับใช้ก็รีบเดินนำคาร์ดินัลไปทางห้องที่พักของแม่ทัพใหญ่ทันที เมื่อไปถึงก็เคาะเรียกแม่ทัพอองเดรอยู่หลายครั้งแต่ก็ไร้เสียงตอบรับ ทหารรับใช้เหลือบไปเห็นสายตากดดันของคาร์ดินัลจึงจำต้องตัดสินใจผลักประตูเข้าไป กลิ่นเหม็นสาปและกลิ่นเหล้าคละคลุ้งพุ่งเตะจมูกจนทุกคนต่างยกมือขึ้นปิดจมูก มาร์สิลิโอ้ใบหน้าพะอืดพะอมกวาดตามองเข้าไปในห้องมืดสลัวและอับชื้นเผยให้เห็นสภาพห้องที่แสนสกปรก เครื่องเรือนทุกชิ้นเละเทะแทบไม่เหลือชิ้นดี นี่ถ้ามีใครบอกว่านี่คือแหล่งสลัมของเมืองท่าเขาก็เชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย

“ออกไป!” เสียงตะคอกดังขึ้นพร้อมกับสิ่งของบางอย่างพุ่งตรงมาทางนักบวชสูงวัย

คาร์ดินัล มาร์สิลิโอ้ ยกมือขึ้นกางวงเวทย์สีขาวขนาดใหญ่ผลักสิ่งของชิ้นนั้นกระเด็นกลับไปยังทิศทางเดิม เกิดเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของใครบางคนขึ้น ทหารรับใช้มองตามด้วยใบหน้าเลิ่กลั่ก มาร์สิลิโอ้วาดแขนร่ายเวทย์อีกครั้งไปทางหน้าต่าง หน้าต่างทุกบานก็ถูกผลักออกอย่างแรงไล่กลิ่นอับเหม็นคลุ้งออกไปจากห้อง แสงแดดที่สาดเข้ามาทำให้ห้องทั้งห้องสว่างขึ้น เผยให้เห็นร่างแม่ทัพใหญ่นอนหมดสภาพอยู่กับพื้น นักบวชสูงวัยถึงกับหน้าเสียเมื่อเห็นสภาพของแม่ทัพใหญ่เวลานี้ ทั้งเนื้อตัวสกปรก ผมเผ้ารุงรังกระเซอะกระเซิง หนวดเครารกยุ่ง ร่างกายซูบผอมจนผิดตา แม้แต่ทหารรับใช้ก็ยังตกตะลึงกับสภาพของอองเดรในเวลานี้

“เอาเขาไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวให้เรียบร้อยแล้วพามาพบเรา แล้วก็ให้ใครมาทำความสะอาดที่นี่เสียด้วย” คาร์ดินัล มาร์สิลิโอ้ เบ้ปากโบกมือพัดเหนือจมูกพลางเบือนหน้าหนีไม่อยากเห็นสภาพห้องและเจ้าของห้องอีก แต่เมื่อเห็นว่าทหารรับใช้ยังมีท่าทีกล้าๆกลัวๆก็จึงกล่าวเสียงเข้มขึ้น “สภาพอย่างนั้นทำอะไรพวกเจ้าไม่ไหวหรอก รีบไปจัดการซะ”

บรรดาทหารรับใช้รีบพยุงตัวแม่ทัพใหญ่ออกไปทันที ที่สุดหลังจากที่ทำความสะอาดร่างกายแล้ว แม่ทัพใหญ่ที่ดูมีสติมากขึ้นก็ถูกนำกลับมานั่งต่อหน้าคาร์ดินัล มาร์สิลิโอ้ นักบวชสูงวัยใบหน้าเรียบเฉยนั่งเอนหลังบนเก้าอี้ใช้นิ้วชี้เคาะที่เท้าแขนเป็นจังหวะช้าๆราวกับกำลังพิจารณาสภาพชายตรงหน้า อองเดรเวลานี้ดูซูบซีดเบ้าตาลึกขอบตาคล้ำตัดกับผิวที่ดูซีดเซียวจนแทบเป็นสีเทา ถ้าเป็นช่วงปกติแม่ทัพใหญ่จะน่าเกรงขามและบรรยากาศโดยรอบมักทำให้คนที่อยู่รอบข้างรู้สึกประหม่าและกดดันอยู่ไม่น้อย ทว่าเวลานี้บรรยากาศโดยรอบกลับทำให้รู้สึกอึมครึมและหดหู่ เขานั่งนิ่งดวงตาจับจ้องไปที่ความว่างเปล่าบนโต๊ะด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“เราคิดว่าท่านน่าจะรู้ว่าเรามาทำไม” คาร์ดินัล มาร์สิลิโอ้ เริ่มเอ่ยเสียงหนักอย่างไม่ถนอมน้ำใจ เพราะต่อให้อยู่ในสภาพไหน แต่ผู้กระทำผิดก็ยังคงเป็นผู้กระทำผิดอยู่ดี เขาจะให้ความสงสารมาอยู่เหนือความถูกต้องไม่ได้

สายตาอันว่างเปล่าของอองเดรค่อยๆเลื่อนขึ้นมาจ้องสบตานักบวชสูงวัย ทำให้คาร์ดินัลต้องถอนหายใจยาวอย่างใช้ความอดทน
“เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างท่านกับองค์รัชทายาทเวลานี้แพร่ไปทั่วทั้งอาณาจักรแล้ว ทั้งผิดต่อหลักศาสนาและขัดต่อจารีตประเพณี เรื่องนี้บั่นทอนเสถียรภาพและศรัทธาต่อสถาบันกษัตริย์และศาสนจักรอย่างมาก”

ใบหน้าของอองเดรกระตุ้นเบาๆก่อนจะมีสีเข้มขึ้น ดวงตาที่ว่างเปล่าค่อยๆแข็งกร้าวขึ้น ซึ่งนักบวชสูงวัยก็จ้องตอบด้วยสายตาแน่วแน่ไม่หวั่นไหว สำหรับเขาความถูกต้องต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด

“ในสภาวะสงครามรอบด้านเช่นนี้ การรักษาความเชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชนในอาณาจักรสำคัญที่สุด เราต้องทำให้เรื่องนี้ถูกต้องโดยเร็ว” คาร์ดินัล มาร์สิลิโอ้ กล่าวเสียงเข้ม “ท่านต้องจัดพิธีอภิเษกสมรสโดยเร็วที่สุด”

“ไม่!” อองเดรกัดฟันกรอดจนหน้าสั่น เสียงคำรามลอดไรฟันเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและขมขื่น ทะลึ่งตัวขึ้นยืนค้ำโต๊ะ “นังแพศยานั่นวางกับดักข้า!”

คาร์ดินัล มาร์สิลิโอ้ โบกมือร่ายเวทย์ผลักตัวแม่ทัพใหญ่กลับไปที่เก้าอี้และตรึงเขาไว้อย่างนั้น สายตามองชายตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย “เวลานี้มันไม่สำคัญหรอกว่ามันเป็นกับดักหรือไม่ ท่านก้าวเท้าลงไปแล้ว และผลของมันก็เกิดขึ้นแล้ว ทางออกเดียวสำหรับเรื่องนี้คือสำนึกถึงสิ่งที่ทำลงไป ยอมรับผลของการกระทำและทำให้มันถูกต้องเสีย”

แม่ทัพอองเดรจ้องคาร์ดินัลมาร์สิลิโอ้ด้วยดวงตาแข็งกร้าว โกรธที่ถูกบีบให้แต่งงานแต่เหนือกว่านั้นคือเกลียดชังแม่มดน้ำแข็งยิ่งกว่า

“ได้สติเสียที ท่านดูสภาพตัวเองตอนนี้สิ แรงที่จะสลัดให้หลุดจากพลังเวทย์ของเรายังแทบไม่มี แล้วจะปกป้องอาณาจักรแอนดิซองได้อย่างไร” คาร์ดินัล มาร์สิลิโอ้ ลุกขึ้นช้าๆมองจ้องตอบดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บแค้นและขมขื่นของแม่ทัพใหญ่ “ทำใจยอมรับเสียเถิด นี่เป็นทางออกเดียวสำหรับเรื่องนี้ หากคิดในอีกแง่หนึ่ง การแต่งงานนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอก ท่านจะได้เป็นถึงราชบุตรเขย มีสถานะเป็นถึงเจ้าชายแห่งแอนดิซองและกษัตริย์ของอาณาจักรในอนาคต ท่านจะทำอะไรได้อีกมากมายเพื่อแอนดิซอง ลองไปคิดไตร่ตรองคำพูดของเราดูให้ดี”

คาร์ดินัล มาร์สิลิโอ้มองดูแม่ทัพใหญ่ที่เวลานี้ดวงตาจับจ้องไปที่ไกลแสนไกล ดูเหมือนคำพูดบางคำจะสะกิดใจของเขาเพราะดูเหมือนเขากำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองอีกครั้ง มาร์สิลิโอ้พยักหน้าอย่างพอใจก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยทิ้งแม่ทัพใหญ่ไว้เบื้องหลัง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jinger Ginger
0
 
โพสต์: 572
Cash on hand: 0.00
Medals: 1
Elder-Gold (1)


ย้อนกลับไปยัง Summoner Novel

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 24 ท่าน